หมอดูยอดอัจฉริยะ 808-811

ตอนที่ 808 พังทลาย

 

เสียง “ตูม!” ดังกระหึ่ม ประตูชุบเหล็กหนาของเหมืองทองแห่งโจฮันเนสเบิร์กถูกทำลายเป็นรูใหญ่ บานประตูใหญ่นั้นส่ายโงนเงนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วสุดท้ายก็พังครืนลงไป


“ฆ่ามัน ฆ่าคนในนั้นให้หมด!”


ทหารเด็กรูปร่างเตี้ยเล็กแต่ละคนพากันร้องตะโกนขึ้นมา พลางถือปืนบุกเข้าไปข้างในอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ พวกเขากำลังจมจ่อมอยู่กับความตื่นเต้นเร้าใจที่ได้เข่นฆ่าและฉกชิง กระทั่งยังไม่ได้สังเกตเลยว่า ผู้บัญชาการของพวกตนนั้นได้สิ้นใจไปยมโลกแล้ว


แม้แต่นายทหารผู้ช่วยของอึนบันเกอดาก็ยังมองไปที่ประตูเหมืองทองด้วยสีหน้าละโมบ ในความคิดของพวกเขา ข้างในเหมืองทองจะต้องมีทองคำอยู่อย่างมากมายก่ายกองแน่นอน และเป็นความร่ำรวยมหาศาลชนิดที่ใช้อย่างไรก็ไม่มีวันหมดสิ้น


“แบบนี้…ก็เรียกว่ากองทัพได้ด้วยรึ?”


หลังจากที่เยี่ยเทียนบีบลูกกระเดือกของอึนบันเกอดาจนแหลกไปแล้ว เขาก็ปล่อยมีดบินออกมาทันที ตามที่เขาคิดไว้ พวกทหารที่ล้อมรอบเขาอยู่นี้จะต้องเข้ามาสู้ตายกับเขาแน่นอน แต่ใครเลยจะรู้ว่า เมื่อประตูเหมืองทองถูกพังลงไปแล้ว กลับไม่มีใครสนใจแม้แต่จะเหลือบมองมาทางเขาเลยสักคน


“ลุยเลย! บุกเข้าไป!”


ใครเป็นคนตะโกนขึ้นมาเช่นนั้นก็สุดจะรู้ได้ พวกทหารเด็กที่ทนรอไม่ไหวมานานแล้วเปล่งเสียงร้องแปลกๆ ออกมาพลางบุกเข้าไปในเหมืองทอง กระทั่งแม้แต่พวกครูฝึกทหารซึ่งมีหน้าที่ควบคุมทหารเด็กเหล่านี้ ก็ยังพากันวิ่งแข่งยื้อแย่งตำแหน่งหน้าสุด เพราะกลัวว่าหากช้าไปเพียงก้าวเดียว ทองคำในนั้นอาจจะถูกคนอื่นชิงไปจนหมด


เพียงชั่วพริบตา บริเวณที่เยี่ยเทียนยืนอยู่ก็กลับเหลือแต่เขาเพียงคนเดียวโดดเดี่ยวเดียวดาย แทบเท้าของเยี่ยเทียนนั้น ยังมีร่างของอึนบันเกอดาที่สิ้นลมไปนานแล้ว ทว่าดวงตากลับเบิกโพลงอย่างคนตายตาไม่หลับกองอยู่


“กะอีแค่นกกาฝูงนึงก็คิดจะมาฆ่าฉันงั้นเรอะ?”


ยามนั้นเยี่ยเทียนทำหน้าเหมือนไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี ซ่งเสี่ยวหลงนี่จะดูถูกเขาเกินไปแล้ว คนพวกนี้ถ้าใช้ให้ไปฆ่าคนวางเพลิงก็คงจะเหมาะอยู่ แต่ถ้าจะให้มาจัดการกับเขาละก็ ถือว่ายังอ่อนหัดนัก


“ปังๆ!”


ขณะที่เยี่ยเทียนกำลังนิ่งอึ้งอยู่ ภายในเหมืองก็มีเสียงปืนดังขึ้นมาอย่างฉับพลัน อาศัยเพียงปืนเจ็ดแปดกระบอกของยามคุมเหมือง ย่อมไม่อาจต้านทานทหารเด็กที่ฆ่าคนเหมือนบี้มดเหล่านี้ได้อยู่แล้ว เพียงชั่วครู่เดียว ทหารเด็กหลายร้อยคนก็กรูกันเข้าประตูเหมืองทองไป


“อย่างนี้มันโจรฝูงหนึ่งชัดๆ!”


เมื่อเห็นทหารเด็กเหล่านี้เข่นฆ่าทุกคนที่ขวางหน้า เยี่ยเทียนก็อดส่ายหน้าไม่ได้ แล้วตั้งจิต มีดบินที่โคจรอยู่รอบกายเขาพุ่งออกไปปานสายฟ้าแลบ ตามไปล้อมกลุ่มทหารเด็กที่รั้งอยู่ท้ายสุดเอาไว้


“อ๊าก…”


เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมาจากท้ายหมู่ แต่เสียงเหล่านี้ดังสั้นกระชั้นอย่างยิ่ง เพราะภายใต้คมมีดบินของเยี่ยเทียนนั้น ไม่ว่าจะเป็นร่างกายของพวกทหารหรืออาวุธที่ถืออยู่ในมือ ก็ล้วนถูกฟันขาดเป็นสองท่อน ในชั่วพริบตาศพหลายสิบร่างก็กองอยู่เต็มหน้าประตูเหมือง


พวกทหารเด็กที่กำลังคลั่งอยากได้ทองคำจนตาแดงก่ำเหล่านั้น ถึงกับไม่มีใครสังเกตเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างหลังเลยสักคน ในสายตาของพวกเขามีเพียงบรรดานักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ในเหมืองทองซึ่งกำลังหนีเตลิดไปคนละทิศทางเท่านั้น และเสียงปืนยังกลบเสียงกรีดร้องของเพื่อนทหารไปจนหมดอีกด้วย


“ไอ้พวกนี้นี่มันบ้าบิ่นจริงๆ!”


เมื่อเห็นพวกทหารเด็กซึ่งปราศจากคนควบคุมเหล่านั้นรื้อค้นของมีค่าบนร่างของนักท่องเที่ยวที่ตายไปแล้ว เยี่ยเทียนก็ไม่รู้จะว่าจะทำยังไงดีแล้วจริงๆ จึงตั้งจิตสั่งให้มีดบินแปลงสภาพเป็นประกายสีแดง บุกสังหารเข้าไปท่ามกลางฝูงทหารที่กำลังกราดยิงสุ่มๆ ไปทั่ว


มีดบินซึ่งตีขึ้นจากทองคำแท้ และยังเพิ่มทองสีน้ำเงินเข้าไปอีกนั้น แทบจะเรียกได้ว่าสามารถทำลายได้ทุกสิ่ง ไม่ว่ามีดบินผ่านไปที่ใด ก็จะเกิดลมคละคลุ้งและฝนเลือด แขนขาขาดกระเด็นไปทุกทิศทาง ภาพนี้ยังยิ่งกว่าตอนที่พวกทหารเด็กก่อการสังหารหมู่ไปเมื่อครู่เสียอีก เลือดปริมาณมหาศาลเมื่ออยู่ภายใต้แสงแดดอันแผดเผาจึงระเหยไปอย่างรวดเร็ว ในเหมืองทั้งเหมืองคล้ายจะมีกลิ่นคาวเลือดเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว


“อ้าว ท…ทำไมตายกันหมดเลยล่ะ?”


ในที่สุดก็มีคนสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลได้เสียที แต่ทว่าพวกเขายังไม่ทันมีปฏิกิริยาโต้ตอบ มีดบินของเยี่ยเทียนก็คร่าชีวิตของพวกเขาไปแล้ว ยังมีทหารอีกจำนวนมากที่บุกเข้าไปถึงส่วนลึกในเหมืองทองแล้ว เยี่ยเทียนตามหลังไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว ร่างที่มีชีวิตแต่ละร่างกลายเป็นศพไปในชั่วพริบตา


เยี่ยเทียนไม่ได้มีความคิดที่จะเป็นผู้ไถ่บาปช่วยเหลือมวลมนุษย์ เขาเพียงแต่พยายามลดการเข่นฆ่าของทหารเด็กเหล่านั้นให้น้อยลงเท่าที่จะทำได้เท่านั้น แม้กระนั้นก็ยังคงมีนักท่องเที่ยวที่เข้าไปในเขตทำเหมืองแล้วถูกสังหารไปเป็นจำนวนมากอยู่ดี ระหว่างทางจึงเห็นศพของพวกนักท่องเที่ยวกระจัดกระจายไปทั่ว


“ให้ตายเถอะ ยังเด็กอยู่เลยทำไมมันรู้จักทำเรื่องแบบนี้แล้ววะ?”


เมื่อเยี่ยเทียนตามไปจนถึงหน้าทางเข้าหลุมเหมืองแล้ว เขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่า ทหารเด็กสี่ห้าคนกำลังฉีกกระชากเสื้อผ้าของหญิงคนหนึ่ง เพราะอากาศร้อนจึงมักจะนุ่งเสื้อผ้าน้อยชิ้นกันอยู่แล้ว หญิงคนนั้นจึงถูกเปลื้องผ้าจนเปลือยล่อนจ้อนอย่างรวดเร็ว ได้แต่ใช้สองมือปิดป้องหน้าอกไว้อย่างไร้กำลังต้านทาน


“ไปตายกันให้หมด!”


เยี่ยเทียนส่ายหน้า แสงสีแดงสว่างวาบ มีดบินวนรอบทหารเด็กกลุ่มนั้นรอบหนึ่งอย่างเงียบเชียบ แล้วเลือดก็พุ่งกระฉูดจากต้นคอของทั้งสี่ห้าคนนั้น ดันศีรษะลอยกระเด็นขึ้นไปสูงลิ่วทันที เลือดที่สาดกระเซ็นแทบจะย้อมร่างของหญิงคนนั้นจนแดงฉานไปทั้งร่าง


“ฮือ…โฮ!” การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ ทำให้หญิงคนนั้นเริ่มร้องห่มร้องไห้ขึ้นมาอย่างฟูมฟาย กลิ่นเลือดอันเหม็นคาวทำให้สภาพจิตของเธอแทบจะพังทลายไป


“อ้าว? ทำไมเป็นคุณล่ะ?” หลังจากเยี่ยเทียนเห็นหน้าตาของหญิงคนนั้นอย่างชัดเจนแล้วก็อึ้งไปครู่หนึ่ง เพราะผู้หญิงที่เกือบจะถูกพวกทหารเด็กขืนใจไปคนนี้ กลับกลายเป็นมัคคุเทศก์ที่ชื่ออวี๋ลี่ลี่คนนั้นนั่นเอง


“ห้องสังเกตการณ์อยู่ตรงไหน?” เยี่ยเทียนยื่นมือไปดีดใส่ศีรษะด้านหลังของอวี๋ลี่ลี่หนึ่งที จึงเรียกสติของเธอกลับมาได้บ้าง


แม้ว่าการขจัดความชั่วจะเป็นการทำความดี แต่เยี่ยเทียนไม่อยากถูกฝ่ายทางการแอฟริกาใต้เพ่งเล็งอีกแล้ว  เบื้องหลังของรัฐบาลแอฟริกาใต้นั้นมีความสัมพันธ์อันซับซ้อนยุ่งเหยิงกับหลายประเทศอย่างอังกฤษและอเมริกาอยู่ ไม่แน่ว่าเขาอาจต้องตกเป็นเป้าหมายของผู้อื่นอีกก็เป็นได้


“คุณเป็นใคร สวรรค์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”


บนใบหน้าและในดวงตาของอวี๋ลี่ลี่เต็มไปด้วยเลือด เธอจึงเห็นไม่ชัดว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเป็นใคร แต่ในน้ำเสียงนั้นฟังดูราวกับมีอำนาจบางอย่างที่ไม่อาจขัดขืนได้อยู่ อวี๋ลี่ลี่จึงตอบไปว่า “ห้องสังเกตการณ์อยู่ทางขวา ตรงที่เป็นที่อยู่ของยามเฝ้าเหมืองน่ะ!”


“โอเค คุณจะหลับสักตื่นก็ได้นะ พอตื่นมาแล้วก็จะพบว่านี่เป็นแค่ฝันร้ายเท่านั้น!”


เยี่ยเทียนยื่นมือขวาออกไปปัดผ่านจุดไท่หยาง (ขมับ) ของอวี๋ลี่ลี่ มือซ้ายกางออกไปกลางอากาศ ดึงธงผืนหนึ่งที่อยู่ตรงทางเข้าหลุมเหมืองมาห่อหุ้มร่างที่เปลือยเปล่าของอวี๋ลี่ลี่ไว้ จากนั้นจึงทุบกระจกป้อมยามเฝ้าประตูเหมืองแตก แล้ววางร่างของเธอไว้ใต้โต๊ะทำงานที่อยู่ในป้อมนั้น


หลังจากการล่าสังหารของเยี่ยเทียน ในที่สุดทหารเด็กเหล่านั้นก็ตระหนักว่า ทหารหลายร้อยคนที่เข้าเหมืองมานั้น กลับเหลืออยู่เพียงไม่กี่สิบคน และศพของเพื่อนทหารซึ่งบิดเบี้ยวเละเทะกระจายเต็มพื้น ก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงเข้าไปใหญ่


ภาษิตว่า แม่ทัพคือขวัญของกองทัพ สถานที่ซึ่งมีสภาพราวกับนรก รวมกับการสาบสูญของอึนบันเกอดา ทำให้พวกทหารเด็กที่ฆ่าคนได้เหมือนบี้มดนั้นต่างขวัญหนีดีฝ่อ พวกเขาไม่สนใจจะไล่ฆ่านักท่องเที่ยวอีกแล้ว แต่กลับพากันวิ่งหนีออกไปนอกเหมืองทองอย่างไม่คิดชีวิต


ภายในเหมืองนั้น มีนักท่องเที่ยวที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ทั่วทุกแห่ง เสียงกรีดร้องโหยหวนดังระงมไปทั่ว ที่ที่เคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ในยามนี้กลับดูคล้ายสมรภูมิรบมากกว่า เงาทะมึนของความตายปกคลุมไปทั่วทุกซอกมุมในเหมืองแห่งนั้น


“จะก่อกรรมทำเข็ญไปถึงไหนวะ ไอ้ซ่งเสี่ยวหลงนี่มันชั่วช้าสิ้นดี ไม่กลัวสวรรค์จะลงโทษเลยรึไง?”


เยี่ยเทียนไม่ได้ไปตามล่าสังหารพวกทหารเด็กที่ขวัญกระเจิงไปแล้วเหล่านั้นอีก แต่มาที่ห้องสังเกตการณ์ของเหมืองแทน พอเปิดประตูเข้าไป ก็ปะทะกับศพร่างหนึ่งที่กองอยู่บนพื้น เห็นได้ชัดว่า ที่นี่ก็ถูกคนพวกนั้นล้างบางไปแล้วเช่นกัน


หลังจากนำเทปวิดีโอออกมาจากเครื่องบันทึกที่ยังทำงานอยู่แล้ว เยี่ยเทียนก็กำมือขวา แสงเพลิงสว่างลอดออกมาระหว่างนิ้วมือ เผาเทปวิดีโอม้วนนั้นจนกลายเป็นเถ้าถ่านกองหนึ่งในพริบตา โศกนาฏกรรมที่เหมืองทองแห่งโจฮันเนสเบิร์กและการเสียชีวิตของทหารเด็กเหล่านั้นจึงต้องกลายเป็นปริศนาไป


เยี่ยเทียนออกจากห้องสังเกตการณ์ แล้วกลับไปยังตำแหน่งที่ทหารรับจ้างเหล่านั้นซุ่มโจมตีเขา แม้เวลาจะผ่านไปเพียงสิบกว่านาที แต่อากาศอันร้อนระอุก็ทำให้อวัยวะภายในที่โผล่ออกมาภายนอกเริ่มส่งกลิ่นเหม็นเน่าชวนอาเจียนแล้ว


“ยายเด็กคนนี้ออกจะแปลกพิลึกอยู่ พาไปด้วยก่อนก็แล้วกัน”


สายตาของเยี่ยเทียนเหลือบมองไปที่ร่างของเจียงซานซึ่งอยู่ในมุมหนึ่ง เขารู้ว่า เด็กหญิงคนนี้ยังไม่เสียชีวิต เพียงแต่ถูกปราณแท้ของเขากระแทกจนหมดสติไป เมื่อยื่นมือไปหิ้วร่างของเธอขึ้นมาแล้ว เยี่ยเทียนก็อดขมวดคิ้วไม่ได้


“กล้องวงจรปิด เครื่องดักฟัง ล้ำสมัยเสียเหลือเกินนะ!”


เยี่ยเทียนหยิบวัตถุสองอย่างมาจากกระดุมบนเสื้อผ้าของเจียงซาน แล้วมองไปที่กล้องตัวจิ๋วนั้นด้วยสีหน้าครุ่นคิด“ซ่งเสี่ยวหลง ล้างคอเตรียมไว้ได้เลย เดี๋ยวฉันจะไปเยี่ยมแกเร็วๆ นี้แหละ!”



“เจอร์รี มัน…มันยังไม่ตายเลยนะ!”


ในหุบเขาแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตร เคลวินกำลังมองจอคอมพิวเตอร์ด้วยสีหน้าซีดเผือด ใบหน้าเจือรอยยิ้มจางๆ ของเยี่ยเทียนนั้น ยามนี้กลับดูน่าสะพรึงกลัวราวกับปีศาจ


“ผู้พันอึนบันเกอดา ผู้พัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่น่ะ?”


เหมียวจื่อหลงก็กำลังใช้วิทยุสื่อสารเรียกอึนบันเกอดาอยู่เช่นกัน แต่น่าเสียดาย อึนบันเกอดากลายเป็นศพไปตั้งนานแล้ว บริเวณหน้าทางเข้าเหมืองทองอันกว้างขวางนั้น มีเพียงเสียงของเหมียวจื่อหลงดังสะท้อนไปมา แต่กลับไม่มีการตอบรับใดๆ เลย


“คุณเหมียว ไม่ต้องเรียกแล้ว พวกนั้น…คงจะตายกันหมดแล้วละ!”


สีหน้าของเจอร์รีดูคร่ำเคร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในใจเริ่มรู้สึกไม่เข้าท่า ฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดไว้มากนัก แม้แต่มนุษย์หมาป่าแปลงร่างได้ที่เคยเจอไปเมื่อสองปีก่อน ก็ไม่น่าจะมีพลังทำลายล้างสูงถึงขนาดนี้


“ผู้การเจอร์รี จะทำยังไงดี? ม…มันต้องมาฆ่าพวกเราแน่ๆ เลย!”


เหมียวจื่อหลงแม้จะเป็นผู้ฝึกวิชายุทธ แต่การใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมานานได้ทำให้เขี้ยวเล็บของเขาหมดคมไปแล้ว เหมียวจื่อหลงไม่มีความกล้าและความมั่นใจที่จะไปเผชิญหน้ากับศัตรูตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้เขานึกอยากจะไปจากที่นี่เสียเดี๋ยวนั้น ไปจากบ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างแอฟริกานี่ให้ไกลๆ เลย


“ถึงจะร้ายกาจแค่ไหน แต่มันก็ตัวคนเดียว ขอแค่เป็นคน…ยังไงมันก็ต้องตายอยู่ดี!”


เจอร์รีเหลือบมองเหมียวจื่อหลงอย่างเย็นชา ชักมือขวาออกมาจากกระเป๋าอย่างเชื่องช้า พอแบมือออก ก็ปรากฏรีโมทขนาดเท่ากุญแจรถยนต์วางอยู่บนฝ่ามือ


“เจอร์รี จำเป็นต้องทำแบบนี้จริงๆ หรือ? อย่างมากเราก็ถอนตัวออกจากแอฟริกา ถือว่าภารกิจครั้งนี้ล้มเหลวเสียก็ได้นี่!”


ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นของบรูกแมนฉายความไม่เห็นด้วยออกมาเล็กน้อย เวลาอยู่ในสนามรบเขาก็นับว่าเป็นนักรบผู้แกร่งกร้าวคนหนึ่ง แต่กลับไม่เคยเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์มาก่อน เขารู้ว่า หากนิ้วของเจอร์รีกดปุ่มลงไป ผู้คนในเหมืองที่ยังไม่เสียชีวิตก็จะแหลกเป็นจุลไปกันหมด


ถ้าก้าวนี้ก้าวพลาดไปละก็ พวกเขากองกำลังแม่ม่ายดำก็จะไม่มีทางให้ย้อนกลับได้อีก และในวันหน้าก็คงจะต้องหนีตายไปจนถึงสุดขอบโลก


“ถ้ามันไม่ตาย พวกเราก็ตาย!”


เจอร์รีพูดต่ออย่างเย็นชา “คนประเภทนี้น่ะเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น ถ้าวันนี้กำจัดมันไม่ได้ พวกเราก็จะต้องตายด้วยน้ำมือมันนี่แหละ”


“เจอร์รี คุณตัดสินใจเถอะ!” บรูกแมนลูบแผลเป็นบนหน้า แล้วเงียบขรึมไป


 

 

 


ตอนที่ 809 เหนือความคาดหมาย

 

“เจอร์รี ตัดสินใจอะไรหรือ?”


หลังจากได้ฟังบทสนทนาระหว่างเจอร์รีกับบรูกแมน เหมียวจื่อหลงก็ชักรู้สึกสงสัย เมื่อเขาเห็นภาพบนจอคอมพิวเตอร์เลือนหายไป ก็อดกังวลขึ้นมาไม่ได้ “เจอร์รี ที่นี่ยกให้คุณจัดการก็แล้วกันนะ ผมจะไปรายงานเรื่องนี้กับคุณซ่ง”


แม้ว่าเหมียวจื่อหลงจะไม่ได้มีความสามารถในการล่วงรู้อนาคตเหมือนอย่างเยี่ยเทียน แต่ในใจเขาก็เริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากลขึ้นมานิดๆ แล้ว ภาษิตว่า วิญญูชนไม่วางตนอยู่ในที่อันตราย เหมียวจื่อหลงก็เป็นบุคคลที่มีทรัพย์สินอยู่เป็นล้านๆ ย่อมไม่ยินยอมจะอยู่รอให้เยี่ยเทียนบุกมาหาถึงที่แน่นอน


“คุณเหมียว ไม่ต้องกังวลไปหรอก ในเมื่อผมรับภารกิจนี้มาแล้ว ก็จะต้องทำให้สำเร็จลุล่วงแน่นอน”


เจอร์รีคว้าแขนเหมียวจื่อหลงซึ่งกำลังจะจากไปไว้ แล้วพูดต่อ “ผมอยากจะเชิญคุณมาดูพลุที่สว่างแพรวพราวที่สุด คุณเหมียว เชื่อผมสิ นี่จะเป็นภาพที่งดงามตระการตาที่สุดที่คุณจะได้เห็นในชาตินี้เลยนะ”


“พลุ? ภาพที่งดงามตระการตาที่สุด?” เหมียวจื่อหลงสะบัดมือของเจอร์รีออก แล้วกล่าวด้วยสีหน้าระแวง “เจอร์รี นี่คุณละเมออยู่รึเปล่าเนี่ย?”


ในความคิดของเหมียวจื่อหลง กลุ่มทหารรับจ้างที่เจอร์รีส่งไปสามกลุ่มนั้น และกองกำลังต่อต้านรัฐบาลคองโกกลุ่มนั้นต่างก็พ่ายแพ้ไปหมดแล้ว เห็นทีใต้หล้านี้คงจะไม่มีผู้ใดสามารถทำอะไรเยี่ยเทียนได้อีกแล้ว เขาไม่รู้ว่า เจอร์รีไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน ดังนั้นในน้ำเสียงจึงเปี่ยมด้วยความเย้ยหยัน


“เปล่าเลย คุณเห็นของสิ่งนี้รึยัง?”


เจอร์รีชูมือขวาที่ถือเครื่องจุดชนวนระเบิดขึ้นมา “ใต้เหมืองทองแห่งโจฮันเนสเบิร์ก มีดินระเบิดทีเอ็นทีฝังอยู่หลายร้อยกิโลกรัม แค่ผมกดปุ่มนี้ลงไป เจ้านั่นก็จะถูกระเบิดจนไม่เหลือซากเลย ฮ่าๆๆ!”


เจอร์รีหัวเราะขึ้นมาอย่างคนเสียสติ พวกเคลวินและบรูกแมนต่างมองดูเขาด้วยสายตาซับซ้อนสับสน หากเดินก้าวนี้ไปแล้ว พวกเขาก็จะไม่เหลือทางให้ถอยกลับอีกเลย


“ดินระเบิด?!”


เหมียวจื่อหลงฟังแล้วอึ้งไป จากนั้นก็กลายเป็นลิงโลดยินดี “เร็ว รีบกดเลย ระเบิดมันให้ตาย ต้องระเบิดมันให้ตายนะ เจอร์รี ถ้ามันตายเมื่อไร ผมจะเพิ่มให้คุณอีกสิบล้านดอลลาร์เลย!”


ตั้งแต่ตอนที่ว่าจ้างกลุ่มมังกรเขียวที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อหลายปีก่อน เยี่ยเทียนก็เปรียบดั่งเมฆดำกลุ่มหนึ่งที่ปกคลุมอยู่ในใจของซ่งเสี่ยวหลงและเหมียวจื่อหลงมาโดยตลอด ซึ่งได้สร้างความกดดันให้พวกเขาไว้มากเหลือเกิน ดังนั้นหลังจากได้ยินคำพูดของเจอร์รี เหมียวจื่อหลงจึงร้องโหวกเหวกขึ้นมาอย่างลืมตัวทันที


“เพิ่มอีกสิบล้านดอลลาร์?”


เจอร์รีตาลุกวาว กลุ่มทหารรับจ้างทั้งหกกลุ่มที่เหมียวจื่อหลงจ้างมานั้น เขาก็เป็นคนติดต่อให้ทั้งหมด ตามข้อตกลงการแบ่งส่วนค่าตอบแทนในตอนนั้น กองกำลังแม่มายดำจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินยี่สิบล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนกลุ่มทหารรับจ้างอื่นๆ ก็จะได้จำนวนแตกต่างกันไปตั้งแต่ห้าล้านไปจนถึงสิบล้าน


ตอนนี้กลุ่มทหารรับจ้างถูกสังหารไปสามกลุ่มแล้ว เงินที่พวกนั้นทิ้งไว้ข้างหลังก็จะต้องนำมาแบ่งส่วนกันใหม่ ถ้ารวมเงินสิบล้านที่เหมียวจื่อหลงพูดมานี่เข้าไปอีก อย่างนั้นสุดท้ายกองกำลังแม่มายดำก็อาจจะได้เงินตอบแทนถึงห้าสิบล้านเหรียญสหรัฐ เพียงจำนวนตัวเลขนี้ ก็พอที่จะทำให้เจอร์รีตัดสินใจได้แล้ว


“จัดให้ตามที่คุณต้องการเลยคุณเหมียว!”


ใบหน้าของเจอร์รีฉายความคลุ้มคลั่งออกมาเล็กน้อย นิ้วโป้งมือขวากดลงไปหนักๆ ขณะเดียวกันก็เงยหน้ามองไปยังทิศของเหมืองทอง และไม่ใช่เขาคนเดียวเท่านั้น ยามนี้คนอื่นๆ เกือบทุกคนต่างก็เคลื่อนไหวลักษณะเดียวกัน


อุปกรณ์จุดชนวนระเบิดที่อยู่ในเหมืองทองแห่งโจฮันเนสเบิร์กนั้น เคลวินได้พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษ จึงสามารถถ่ายทอดคำสั่งผ่านระบบไร้สายไปได้ไกลถึงหนึ่งร้อยกิโลเมตร ซึ่งก็หมายความว่า ขณะเดียวกันกับที่กดชนวนลงไป เหมืองทองแห่งโจฮันเนสเบิร์กซึ่งอยู่ไกลออกไปหลายสิบกิโลเมตรก็จะกลายเป็นซากปรักหักพัง


“ตูม! ตูมๆ!!!”


หลังจากนิ้วโป้งของเจอร์รีกดลงไป เสียงระเบิดก็ดังขึ้นมาจริงๆ แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนต่างตื่นตระหนกและประหลาดใจคือ เสียงระเบิดที่ดังสนั่นหวั่นไหวราวหูจะดับนั้น ไม่ได้มาจากภายในเหมืองทองแห่งโจฮันเนสเบิร์กซึ่งอยู่ไกลออกไปมาก แต่กลับดังขึ้นห่างจากกองกำลังแม่มายดำไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น


ทหารรับจ้างสองกลุ่มที่เจอร์รีวางกำลังไว้นอกหุบเขาในตอนแรกนั้น ยามนี้กลับอยู่ในสภาพอเนจอนาถเหลือทน ท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวน กระสุนนับไม่ถ้วนกราดยิงออกไป ร่างคนหลายกลุ่มวิ่งตะบึงไปรอบทิศราวกับแมลงวันหัวขาด แต่หลังจากวิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าว สุดท้ายก็สิ้นลมหายใจล้มลงไปกองกับพื้น


“ก…เกิดอะไรขึ้น? นี่…นี่มันเรื่องอะไรกัน?”


เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ดวงตาของเหมียวจื่อหลงก็เบิกโพลงขึ้นมาทันที คว้าคอของเจอร์รีไว้ แล้วคำรามเสียงดังลั่น “นี่น่ะเรอะดอกไม้ไฟที่แกบอก เจอร์รี อย่านึกว่าฉันจะไม่กล้าฆ่าแกนะ!”


เหมียวจื่อหลงถึงอย่างไรก็เคยฝึกวิชายุทธมายี่สิบกว่าปี คราวนี้จึงบีบคอเจอร์รีแน่นจนหน้าแดงก่ำทันที เพียงแต่ตอนนี้เจอร์รีกลับไม่ได้สนใจเลย ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ


“หยุดนะ ปล่อยเจอร์รีซะ!”


ผู้ที่มีปฏิกิริยาโต้ตอบรวดเร็วที่สุดในที่นั้น ก็คือบรูกแมนแห่งกองกำลังแม่มายดำนั่นเอง แทบจะเวลาเดียวกับตอนที่เหมียวจื่อหลงเคลื่อนไหว บรูกแมนก็พลิกข้อมือ จ่อปืนพกเหยี่ยวทะเลทรายอันเปล่งประกายเย็นเยียบไปที่ขมับของเหมียวจื่อหลงแล้ว


“แกกล้าฆ่าฉัน?”


บนขมับของเหมียวจื่อหลงมีเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมา การล้มเหลวติดต่อกันทำให้ความอดทนของเหมียวจื่อหลงเริ่มจะพังทลายแล้ว เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่า ทหารรับจ้างที่มียุทโธปกรณ์ชั้นสูงและและกองทหารที่ฆ่าคนได้เหมือนบี้มดเหล่านั้น ทำไมกลับทำอะไรเยี่ยเทียนไม่ได้เลยสักอย่าง?


“ปล่อยเจอร์รีซะ ไม่งั้นแกตาย!”


บรูกแมนไม่ใช่คนชอบพูดจามากความ แต่วาจาที่เปล่งออกมาจากปากของเขานั้น ที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครกล้าทักท้วงเลยสักครั้ง กระทั่งเหมียวจื่อหลงยังรู้สึกได้ว่า นิ้วชี้ของบรูกแมนที่แตะอยู่บนไกปืนนั้น กำลังเริ่มออกแรงงอเข้ามาแล้ว


“ให้ตายเถอะ เจอร์รี คุณต้องให้คำอธิบายมานะ!”


การข่มขู่หมายเอาชีวิตนั้นทำให้เหมียวจื่อหลงเลือกที่จะยอมแพ้ หลังจากมือขวาคลายออกแล้ว เหมียวจื่อหลงก็พูดขึ้นอย่างขึ้งเคียด “ผมอยากจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจอร์รี คุณต้องอธิบายมานะ!”


“อธิบายรึ? ภารกิจล้มเหลวแล้วน่ะสิ นี่แหละคำอธิบาย!”


บนใบหน้าของเจอร์รีปรากฏรอยยิ้มขมขื่น เขาส่ายหน้าช้าๆ แล้วพูดว่า “คุณเหมียว เจ้าคนนั้นมันน่ากลัวเกินไปแล้ว ผมไม่ควรจะรับงานนี้จากคุณเลย”


“แล้วเพิ่งจะมาพูดตอนนี้เนี่ยนะ?” เหมียวจื่อหลงโมโหเดือดดาลขึ้นมาอีก “อย่างนั้นฉันควักเงินออกมาหกสิบล้านดอลลาร์ ไปซื้อหมูหกสิบล้านตัวมาทับมันให้แบนตายเสียก็ได้ แกต้องมีจรรยาบรรณในอาชีพตัวเองบ้างสิ!”


“คุณเหมียว เลิกโวยวายเถอะ ผมรู้น่ะว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่” เจอร์รีมองเหมียวจื่อหลงแวบหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “บรูกแมน คราวนี้ฉันเป็นคนทำร้ายทุกคนเอง!”


ด้วยสติปัญญาของเจอร์รี จึงคาดเดาต้นสายปลายเหตุได้ไม่ยาก เรื่องที่พวกเขาไปติดตั้งระเบิดไว้นั้นจะต้องถูกเยี่ยเทียนรู้ก่อนล่วงหน้าแน่นอน จากนั้นเยี่ยเทียนก็ใช้วิธีไหนไม่ทราบ ถึงกับนำระเบิดเหล่านั้นมาซุกซ่อนไว้ท่ามกลางกองทหารรับจ้างสองกลุ่มนั้นได้


หลังจากที่เจอร์รีกดชนวนลงไป ดินระเบิดก็ระเบิดขึ้นมาจริงๆ แต่กลับไประเบิดขึ้นที่กลางกองทหารรับจ้างทั้งสองกลุ่ม อานุภาพของระเบิดทีเอ็นที เมื่อรวมกับวัตถุระเบิดที่พวกทหารรับจ้างนำมาด้วยแล้ว ในชั่วขณะเดียวจึงทำให้ทหารรับจ้างทั้งสองกลุ่มตายหมู่ไปทั้งหมด


ตอนนี้เจอร์รีรู้สึกหนาวเยือกขึ้นมาวาบหนึ่ง นั่นเป็นความหนาวที่แผ่ซ่านมาจากในกระดูก ซึ่งแทบจะทำให้เลือดของเขาแข็งตัวไปทั้งร่าง ต่อให้เป็นความฝันเขาก็ยังไม่เคยฝันมาก่อนเลยว่า ในโลกนี้จะมีคนที่น่ากลัวถึงขนาดนี้อยู่ด้วย


ดินระเบิดทั้งหมดหลายร้อยกิโลกรัมนั้น ถูกซุกซ่อนไว้ลึกลงไปในหลุมเหมืองโดยผู้ที่เป็นมืออาชีพ คนธรรมดานั้นอย่าว่าแต่จะหาไม่พบเลย ต่อให้หาพบเข้าจริงๆ แล้วต้องการจะนำวัตถุระเบิดทั้งหมดในหลุมเหมืองที่ลึกถึงหนึ่งร้อยเมตรออกมา อย่างนั้นก็นับว่าเป็นเรื่องที่แทบจะไม่มีทางทำสำเร็จได้เลย


แต่ฝ่ายตรงข้ามไม่เพียงทำสิ่งนี้ได้เท่านั้น ยังนำชนวนและดินระเบิดเหล่านั้นมาติดตั้งไว้กลางกองทหารรับจ้างทั้งสองกลุ่มอย่างเงียบเชียบอีกด้วย ฝีมือระดับนี้ เจอร์รีไม่มีทางจินตนาการออกมาได้แน่นอน บางทีอาจมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่จะสามารถทำได้


ภาษิตว่า ผู้ที่สังหารผู้อื่น สักวันย่อมถูกผู้อื่นสังหาร เจอร์รีเริ่มจะตระหนักขึ้นมาแล้วว่า กองกำลังแม่มายดำของพวกเขานั้น มีความเป็นไปได้สูงอย่างยิ่งที่จะถูกลบล้างไปจากโลกนี้ภายในวันนี้เลย


“ฉันรู้สึกได้ มันมาแล้ว!”


หลังจากได้ยินเจอร์รีพูดขึ้น บรูกแมนก็มีสีหน้าเคร่งเครียด การทำอาชีพทหารรับจ้างซึ่งต้องผ่านความเป็นความตายมานานหลายปี ทำให้เขามีความสามารถเหนือมนุษย์อยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือสามารถรู้สึกถึงอันตรายที่กำลังจะมาถึงล่วงหน้าได้ และความสามารถชนิดนี้ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้


เมื่อบรูกแมนพูดมาเช่นนั้น กองกำลังแม่มายดำทุกคนจึงเคร่งเครียดขึ้นมาทันที เคลวินที่ตอนแรกกำลังง่วนกับเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ ก็มีปืนพกหน้าตาประณีตสองกระบอกปรากฏขึ้นในมือทั้งสองข้างราวกับใช้เวทมนตร์ ส่วนไคลด์ก็แหวกอกเสื้อออก เผยให้เห็นลูกระเบิดสารพัดแบบที่คาดเรียงรายอยู่บนอกของเขาอย่างแน่นขนัด


“แกก็เก่งเหมือนกันนี่ รู้สึกได้ด้วยรึว่าฉันมาแล้ว?” ขณะที่กองกำลังแม่มายดำกำลังเตรียมรับมือศัตรูตัวฉกาจ เสียงหนึ่งก็ดังมาจากทางเข้าหุบเขา เงาร่างของเยี่ยเทียนปรากฏขึ้นที่นั่น


เยี่ยเทียนฆ่าคนที่เหมืองทองแห่งโจฮันเนสเบิร์กไปเป็นร้อยคนติดต่อกัน แต่บนร่างกลับไม่มีคราบโลหิตแปดเปื้อนเลยสักนิด สีหน้าท่าทางดูสงบนิ่งเหมือนยามปกติ ราวกับว่าเพิ่งจะกลับมาจากการไปดื่มชากับสหายเก่าแก่ ไม่มีไอควันเถ้าระเบิดติดตัวมาเลยแม้แต่น้อย


มือขวาของเยี่ยเทียนยังหิ้วเด็กหญิงร่างผอมแห้งมาอีกคนหนึ่งด้วย ดวงตาทั้งคู่ของเด็กหญิงหลับสนิท ดูเหมือนจะหมดสติไปแล้ว


“เยี่ยเทียน? แก…เมื่อกี้ยังอยู่ที่เหมืองทองนั่นอยู่เลยไม่ใช่เรอะ?”


เมื่อเห็นเยี่ยเทียนมาปรากฏกายกะทันหัน เหมียวจื่อหลงก็โดดพรวดขึ้นมาราวกับเห็นผี เขาย่อมไม่รู้ว่า เยี่ยเทียนได้ทิ้งไอปราณของตัวเองไว้บนร่างของพวกเจอร์รี และหลังจากที่ไล่ต้อนทหารเด็กเหล่านั้นไปจนหมดแล้ว ก็พาเจียงซานเสาะหามาถึงที่นี่ทันที


“แกคือเหมียวจื่อหลงรึ?”


เยี่ยเทียนเงยหน้ามองไปที่เหมียวจื่อหลง แล้วพูดขึ้นอย่างเฉยชา “ไอ้เสือเหลยเป็นคนเปิดเผยจริงใจมาทั้งชีวิต นับว่าเป็นชายชาตรีคนหนึ่ง เพียงแต่เขาอาภัพในด้านบริวาร มีลูกชายคนหนึ่งก็กลายเป็นคนเย่อหยิ่งจองหอง ส่วนลูกศิษย์ก็ยังเป็นพวกเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอก เหมียวจื่อหลง เรื่องที่ฉันเจอที่ไต้หวันเมื่อครั้งนั้น แกเป็นคนวางแผนละสินะ?”


แม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เยี่ยเทียนจะกระทำการต่างๆ เพียงลำพัง แต่เขาก็มีแหล่งข่าวอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นถังเหวินหย่วนหรือตู้เฟยผู้เป็นประธานสมาคมหงเหมินคนใหม่ ต่างก็มักจะคอยแจ้งข่าวคราวต่างๆ ให้เยี่ยเทียนทราบเป็นครั้งคราว อย่างคดีกองกำลังมังกรเขียวในอดีตนั้น ที่จริงต้นตอก็ถูกเปิดเผยออกมานานแล้ว


“ม…ไม่เกี่ยวกับฉันนะ ซ่งเสี่ยวหลงเป็นคนจัดการเองหมดเลย เยี่ยเทียน ฉันไม่เกี่ยวจริงๆ นะ!”


ไม่ทราบเพราะเหตุใด ยิ่งสีหน้าของเยี่ยเทียนสงบนิ่งเท่าไร เหมียวจื่อหลงก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจมากเท่านั้น ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้ราวกับเป็นภูเขาไฟที่กำลังคุกรุ่นลูกหนึ่ง หากปะทุขึ้นมาเมื่อไร เขาก็จะถูกหลอมละลายเป็นเถ้าถ่านไปทันที


เมื่อหันไปเห็นพวกเจอร์รีที่อยู่ข้างๆ เหมียวจื่อหลงก็ราวกับพยายามคว้าฟางเส้นสุดท้าย ตะโกนขึ้นมาดังลั่น“เจอร์รี เก็บมันซะ ผมให้คุณหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์ ไม่สิ สองร้อยล้านดอลลาร์เลย!”



 

 

 


ตอนที่ 810 ตัดหัว

 

“เหมียวจื่อหลง ชีวิตของฉันมีค่าแค่สองร้อยล้านดอลลาร์นี่น่ะหรือ?” เยี่ยเทียนยิ้มหยัน “พอฆ่าฉันไปแล้ว ซ่งเสี่ยวหลงก็จะได้ครองครองทรัพย์สมบัติหลายหมื่นล้านดอลลาร์ แต่จ่ายแค่สองร้อยล้านเพื่อที่จะซื้อชีวิตฉัน แบบนี้ไม่กดราคาเกินไปหน่อยรึ?”


“ย…เยี่ยเทียน ในเมื่อแกรู้อยู่แล้วว่าซ่งเสี่ยวหลงเป็นคนวางแผน ก็อย่ามาหาเรื่องกับฉันสิ”


แม้จะหลบอยู่หลังร่างของเจอร์รีแล้ว แต่ในใจเหมียวจื่อหลงกลับไม่ได้รู้สึกปลอดภัยเลยสักนิด เงาร่างตรงหน้าซึ่งไม่ได้สูงใหญ่อะไรมากมายนี้ กลับเป็นดั่งภูเขาลูกใหญ่ที่กดทับหัวใจของเขาอยู่ ทำให้เหมียวจื่อหลงรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเลย


“ดูเหมือนพวกแกจะเป็นฝ่ายมาหาเรื่องฉันมากกว่านะ?”


บนใบหน้าของเยี่ยเทียนยังคงระบายยิ้มอ่อนๆ แต่ดวงตากลับฉายรังสีอำมหิตออกมาวาบหนึ่ง หลายปีที่ผ่านมานี้ซ่งเสี่ยวหลงไม่ได้ว่างเว้นเลย คราวนี้ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเข้าสู่ระดับเซียนเทียนแล้ว ความสามารถในการรับรู้ถึงอันตรายจึงพัฒนาขึ้นมามากละก็ เขาอาจจะต้องมาจบชีวิตที่ต่างแดนนี่จริงๆ ก็เป็นได้


“คุณเหมียว คุณจะมัวพูดกับมันทำไมให้มากความล่ะ?”


เจอร์รีซึ่งคอยระวังระไวมาตลอดตั้งแต่เยี่ยเทียนปรากฏกายขึ้นพลันพูดโพล่งขึ้นมา และที่พูดมายังเป็นภาษาจีนกลางสำเนียงชัดเป๊ะอีกด้วย ทำให้เยี่ยเทียนตะลึง ดูแล้วภาษาจีนก็ไม่น่าจะเผยแพร่ไปในระดับสากลอย่างกว้างขวางถึงขนาดนี้นี่นา?


“แกไม่ต้องแปลกใจหรอก ฉันเคยอยู่ที่จีนมาหกปีแล้ว”


ประโยคนี้เจอร์รีพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ หลังจากพวกเคลวินได้ยินก็มีสีหน้าประหลาดใจขึ้นมาเช่นกัน แม้ว่าพวกเขาจะรู้จักกับเจอร์รีมาสิบกว่าปีแล้ว แต่กลับไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับอดีตของเจอร์รีมากนัก จึงไม่รู้ว่าเขาเคยมีประสบการณ์แบบนั้นด้วย


“จีนนี่เป็นประเทศที่ลึกลับจริงๆ สมัยฉันอยู่ที่นั่นก็ได้เรียนรู้อะไรๆ มาเยอะแยะเลย!”


เจอร์รีมองดูเยี่ยเทียนพลางพูดขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้ว่า แกเป็นผู้ที่รู้วิชาลี้ลับของทางตะวันออก ถ้ารู้มาก่อนละก็ ฉันไม่มีทางรับภารกิจครั้งนี้แน่ เยี่ยเทียน จะให้ฉันใช้เงินออมทั้งหมดของกองกำลังมาขอไถ่โทษแกสำหรับเรื่องในครั้งนี้ก็ได้ ไม่ทราบว่าแกจะยอมรับไหม?”


“ไม่นะ! เจอร์รี คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ!”


เจอร์รีพูดยังไม่ทันขาดคำ เหมียวจื่อหลงก็โวยวายขึ้นมา “พวกคุณรับการว่าจ้างจากผมไปแล้ว จะมาทิ้งนายจ้างแบบนี้ไม่ได้นะ เจอร์รี ขอแค่คุณทำให้ผมไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย ผม…ผมจะจ่ายให้คุณอีกหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์เลยก็ได้!”


เหมียวจื่อหลงก็นับว่าเป็นคนฉลาด เขาเข้าใจดีว่า ต่อให้มีเงินทองมากมายเพียงใด ถ้าไม่มีชีวิตอยู่ก็ไม่มีทางได้ใช้อยู่ดี ไม่อย่างนั้นแล้ว เงินที่เขาอุตส่าห์หาอย่างยากลำบากมาครึ่งชีวิตนี้ สุดท้ายแม้แต่ภรรยากับลูกก็อาจจะไม่ได้ไปด้วยซ้ำ


“ว่าจ้าง?”


เมื่อได้ยินเหมียวจื่อหลงพูดดังนั้น เจอร์รีก็มีสีหน้าแปลกๆ “เหมียว ข้อมูลที่คุณให้พวกผมมาน่ะผิดพลาดทั้งหมดเลย ผมว่าผมมีสิทธิ์ที่จะยกเลิกสัญญาว่าจ้างระหว่างเรานะ ส่วนเงินมัดจำพวกนั้นผมคืนให้คุณก็ได้!”


ด้วยนิสัยใจคอของเจอร์รีแล้ว ถ้าเขามีความมั่นใจสักสิบเปอร์เซ็นต์ว่าจะกำจัดเยี่ยเทียนได้ เขาก็คงไม่มีทางตัดสินใจแบบนี้แน่ แต่หลังจากที่เยี่ยเทียนปรากฏกายขึ้น ในใจของเจอร์รีก็มีเสียงหนึ่งบอกเขาว่า หากเป็นศัตรูกับเยี่ยเทียน เขาก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว


ขนาดมดปลวกยังรักชีวิตของตัวเอง นับประสาอะไรกับมนุษย์เล่า เมื่อรู้ว่าตัวเองจะต้องตาย ไม่ว่าใครๆ ก็คงจะทำแบบเดียวกับเจอร์รีกันทั้งนั้น สิ่งที่เรียกว่าเกียรติของทหารรับจ้างนั้น เมื่อมาอยู่ต่อหน้าความตายแล้วก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญอะไรอีก


“ไม่ ไม่ได้ แกทำแบบนี้ไม่ได้นะ!” เหมียวจื่อหลงชักสีหน้า ดวงตาพลันฉายแวววอำมหิต มือขวาตะปบไปที่ลำคอของเจอร์รีปานสายฟ้าแลบ คราวนี้อาจจะบิดคอของเจอร์รีหักไปเลยก็เป็นได้


“ปัง…ปังๆ!”


เคลวินที่ตอนแรกกำลังเล่นปืนพกในมืออย่างเฉยเมยนั้น สองมือพลันยกขึ้นมา ประกายไฟแลบออกมาจากลำกล้องปืนหลายครั้ง จากนั้นเสียงกรีดร้องของเหมียวจื่อหลงก็ดังขึ้นมา กระสุนที่เคลวินยิงออกไปนี้ทำให้แขนขาทั้งสี่ของเหมียวจื่อหลงหักไปหมดแล้ว


“ด้านวิทยายุทธผมอาจจะสู้คุณไม่ได้ แต่คุณอย่าลืมสิว่า พวกเรากองกำลังแม่มายดำถูกจัดอยู่อันดับที่เท่าไรในโลกนี้!”


เจอร์รีมองดูเหมียวจื่อหลงที่กำลังนอนกลิ้งเกลือกร้องโหยหวนอยู่ตรงหน้า บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยัน เขากับพวกเคลวินร่วมงานกันมาสิบกว่าปีแล้ว ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันยังมีมากกว่าเวลาที่อยู่กับครอบครัวเสียอีก จึงรู้ใจกันขนาดที่คนธรรมดาไม่มีทางจินตนาการได้เลย


“ดี แกโหดมาก เจอร์รี ฉันไม่นึกเลยนะว่าแกจะเป็นคนแบบนี้”


เหมียวจื่อหลงดูเหมือนจะยอมรับชะตาแล้ว รอยยิ้มขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันซีดเผือด เขาเข้าใจมาตลอดว่า สมองของตัวเองนั้นยังเหนือกว่าพรสวรรค์ในด้านวิชาการต่อสู้เสียอีก ดังนั้นแม้จะมีวิทยายุทธไม่เลวเลย แต่กลับมีโอกาสได้ลงมือน้อยอย่างยิ่ง และเร้นกายอยู่หลังฉากวางอุบายใส่คนอื่นมาตลอด


แต่ไม่ว่าอย่างไรเหมียวจื่อหลงก็นึกไม่ถึงเลยว่า แผนการในครั้งนี้จะกลับถูกคนอื่นล่มจนพังไม่เป็นท่า กองกำลังทหารรับจ้างที่เขาทุ่มเงินก้อนโตจ้างมานี้ ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดกลับหันมาแทงมีดใส่เขาอย่างโหดเหี้ยม


“คุณเหมียว เรื่องนี้จะโทษผมไม่ได้นะ!”


เจอร์รีมองไปที่เหมียวจื่อหลงด้วยสายตาแปลกๆ แล้วเตะใส่ช่วงเอวของเหมียวจื่อหลงอย่างแรง เหมียวจื่อหลงปลิวกระเด็นออกไปไกลสี่ห้าเมตร แล้วร่วงลงแทบเท้าเยี่ยเทียน


เจอร์รีไม่ได้เหลือบมองเหมียวจื่อหลงซึ่งกำลังมีแววตาเคียดแค้นเลย แต่หันหน้าไปพูดกับเยี่ยเทียนว่า “คุณเยี่ย พวกฉันจะช่วยกำจัดมันให้ก็ได้นะ รวมถึงจัดการกับซ่งเสี่ยวหลงให้ด้วย แล้วหวังว่าคุณจะไม่สืบสาวเอาความกับเรื่องที่พวกเราทำพลาดไปในครั้งนี้!”


หลังจากฟังเจอร์รีพูดจบ เยี่ยเทียนมีสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม และเอ่ยตอบว่า “ได้สิ คุณกำจัดมันก่อน แล้วก็ไปเอาหัวของซ่งเสี่ยวหลงกลับมา แล้วผมจะให้อภัยต่อการกระทำที่ผ่านมาของพวกคุณก็ได้!”


“ตกลง บรูกแมน ไปตัดหัวคุณเหมียวมาซิ!”


เจอร์รีเปรียบดั่งจิตวิญญาณของกองกำลังนี้ จึงไม่มีใครกังขาในคำพูดของเขาเลย หลังจากเจอร์รีสั่งออกไป       บรูกแมนที่ตอนแรกกำลังจับตาดูเยี่ยเทียนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก็เสียบปืนพกที่ผ่านการดัดแปลงมาแล้วกระบอกนั้นกลับลงไปในซองปืนที่เอว แล้วชักดาบใบกว้างสันหนาเล่มหนึ่งออกมาจากบนหลัง


เยี่ยเทียนถอยไปทางขวาของเหมียวจื่อหลงสองก้าว มองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยท่าทางสบายๆ สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย


“คุณเหมียว ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษตัวคุณเองนั่นแหละนะ!”


ใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผลเป็นจากคมมีดของบรูกแมนนั้น ยามนี้ดูเหี้ยมเกรียมกว่าปกติ สองมือกุมด้ามดาบใบกว้างชูขึ้นสูง เหมียวจื่อหลงที่อยู่ใต้คมดาบมีสีหน้าสิ้นหวัง รู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่รุนแรงจนแทบจะจับต้องได้บนร่างของอีกฝ่าย


“ตายซะเถอะ!”


บรูกแมนเปล่งเสียงคำรามออกมาจากในลำคอ สองมือที่ถือดาบชูขึ้นสูงนั้นฟันลงมาอย่างรวดเร็วรุนแรง แต่แล้วความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ดาบใบกว้างของบรูกแมนวาดเป็นเส้นโค้งกลางอากาศอย่างพิสดาร แล้วกลับฟันเฉียงไปที่ลำคอของเยี่ยเทียนอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ


“คุณเหมียว เก็บมันซะ!”


เจอร์รีที่ยืนอยู่ห่างออกไปเจ็ดแปดเมตรก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน ขณะเดียวกับที่ตะโกนออกไป ปืนพกสองกระบอกก็ปรากฏขึ้นในมือทั้งสองข้างของเขาราวกับเล่นมายากล ภายในไม่กี่เสี้ยววินาที กระสุนสี่ห้านัดก็ยิงออกไปจากลำกล้องปืนเสียงดังเฟี้ยวฟ้าว โดยที่ไม่ได้หยุดเล็งเลยสักนิด


หลังจากเหมียวจื่อหลงที่นอนกองอยู่บนพื้นได้ยินเจอร์รีตะโกนบอก รูม่านตาก็ขยายกว้างขึ้นมาทันที เขาเองก็เป็นผู้ฝึกวิชายุทธ ประสาทจึงตอบสนองได้อย่างรวดเร็วยิ่ง ร่างโถมไปข้างหน้าโดยแทบไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย สองมือกอดขาทั้งสองข้างของเยี่ยเทียนไว้แน่นสุดชีวิต


ตอนนี้เหมียวจื่อหลงเพิ่งจะสังเกตว่า แผลที่เขาได้รับมานั้นไม่ได้สาหัสอย่างที่คิด กระสุนที่เคลวินยิงออกมาเพียงแต่ทะลุผ่านผิวหนังและเนื้อไปเท่านั้น จึงเพียงมีแต่เลือดไหลออกมาจำนวนหนึ่ง ไม่ได้บาดเจ็บไปถึงเอ็นหรือกระดูกเลย จึงไม่ได้ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของเขามากนัก


หลังจากกอดรัดเยี่ยเทียนไว้แล้ว เหมียวจื่อหลงก็ออกแรงสุดตัวไปที่แขนทั้งสองข้างทันที ยึดร่างของเยี่ยเทียนไว้กับพื้นอย่างแนบแน่นราวกับเป็นบ่วงเหล็กก็ไม่ปาน


ถ้าจะพูดถึงคนที่มีปฏิกิริยารวดเร็วยิ่งกว่าเหมียวจื่อหลง ผู้นั้นก็คือเคลวินซึ่งเพิ่งจะยิงปืนออกไปนั่นเอง ปืนพกของเขาซึ่งผ่านการดัดแปลงมาแล้วนั้นยิงออกไปติดๆ กันหลายนัด ระหว่างที่ข้อมือขยับส่ายไปมา กระสุนสิบกว่านัดก็ยิงไปที่ตำแหน่งสำคัญต่างๆ ของเยี่ยเทียนอย่างหว่างคิ้ว ดวงตาและหัวใจแล้ว


ไคลด์และคนของกองกำลังแม่มายดำอีกหนึ่งคนก็ยิงกระสุนออกไปแทบจะเวลาเดียวกับตอนที่บรูกแมนลงมือ หลังจากร่วมงานกันมาสิบกว่าปี พวกเขาจึงรู้ใจกันถึงขั้นที่ไม่จำเป็นต้องสื่อสารกันทางวาจาเลยทีเดียว


ด้านหน้ามีดาบอันทรงพลังของบรูกแมน ที่ขามีเหมียวจื่อหลงซึ่งกำลังทุ่มสุดตัว ส่วนกระสุนที่ยิงมาจากด้านข้างซ้ายขวาก็พุ่งตรงมาอย่างแม่นยำยิ่ง แม้ว่าเยี่ยเทียนจะไปถึงระดับเซียนเทียนแล้ว แต่ดวงตาก็ยังไม่อาจอาจทนทานต่ออานุภาพของกระสุนปืนได้อยู่ดี


ชื่อเสียงที่บรูกแมนได้สร้างไว้ในวงการทหารรับจ้างนี้ ไม่ได้เป็นเพียงชื่อเสียงลอยๆ เท่านั้น ดาบที่เขาฟันลงไปโดยทุ่มแรงสุดตัวนั้น ถึงกับเร็วยิ่งกว่ากระสุนปืนที่เจอร์รีและเคลวินยิงออกไปเสียอีก ขณะที่เสียงดาบกรีดผ่านอากาศดังขึ้น ดาบนั้นก็เกือบจะสัมผัสถูกผิวหนังที่ลำคอของเยี่ยเทียนแล้ว


บรูกแมนมีสีหน้าตื่นเต้นยินดี ตามความคิดของเขา ต่อให้ดาบนี้ของตนฆ่าอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ก็ต้องทำให้เจ็บหนักได้แน่นอน ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้พวกเจอร์รีและเคลวินได้จู่โจมซ้ำ


“อ้าว? ทำไมฟันไม่โดนอะไรเลยล่ะ?”


ขณะที่บรูกแมนกำลังจมจ่อมอยู่กับความตื่นเต้นที่จะได้เห็นเลือดสาด คาดไม่ถึงเลยว่า เมื่อฟันดาบนี้ลงไปแล้ว กลับฟันไม่โดนอะไรเลย ความรู้สึกตอนที่ทุ่มแรงออกไปเต็มที่แต่พบเพียงอากาศว่างเปล่านั้น ทำให้บรูกแมนรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมาวูบหนึ่ง โลหิตเอ่อล้นขึ้นมาถึงลำคอ


เมื่อดาบนี้ฟันออกไปแล้ว บรูกแมนก็ไม่สามารถชักกลับมาได้อีก ได้แต่ฟันลงตามแรงที่ส่งออกไป ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาต้องตกตะลึงจังงังก็คือ ขณะที่ดาบใบกว้างของเขาฟันต่อลงไปนั้นเอง ศีรษะหนึ่งก็มาปรากฏอยู่ใต้คมดาบอย่างแปลกพิสดาร


เสียง “พรูด” ดังขึ้นเบาๆ ศีรษะหนักแปดชั่งหนึ่งศีรษะถูกฟันร่วงลงมาอย่างเบาหวิว โลหิตที่ทะลักออกมานั้นสาดกระเซ็นเต็มหน้าบรูกแมน เมื่อมองผ่านเปลือกตาซึ่งช่วยปกป้องดวงตาไว้ไม่ให้โลหิตกระเด็นเข้าได้ บรูกแมนก็ได้เห็นภาพที่ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่ออย่างที่สุด


เยี่ยเทียนมีส่วนสูงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร รูปร่างสมส่วนอย่างยิ่ง แต่เยี่ยเทียนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าบรูกแมนในขณะนี้ ทั้งร่างดูราวกับไร้กระดูก กองลงไปกับพื้นอย่างอ่อนยวบราวกับก้อนเนื้อเละๆ ด้วยท่าทางที่ผิดจากธรรมชาติของร่างกายมนุษย์


แต่เหมียวจื่อหลงซึ่งกำลังกอดต้นขาของเยี่ยเทียนแน่น กลับส่งศีรษะโตๆ นั้นมาอยู่ใต้คมดาบของบรูกแมน ดาบกวัดแกว่ง ศีรษะร่วงหล่น แม้แต่เสียงกรีดร้องสักนิดก็ยังไม่ทันได้เปล่งออกมาเลย


ขณะเดียวกันกับที่บรูกแมนเห็นภาพนี้ เสียงปืนก็ดังกระหึ่มขึ้นรอบตัวเขา สมาชิกของกองกำลังแม่มายดำเหล่านี้ ต่างก็เรียกได้ว่าเป็นยอดขุนพลแกร่ง กระสุนที่ระดมยิงออกมามากมายเต็มไปหมดนี้ ถึงกับไม่มีนัดไหนพลาดไปโดนร่าง  ของบรูกแมนเลยสักนัดเดียว



 

 

 


ตอนที่ 811 ล้างบาง

 

ในฐานะที่เป็นราชาแห่งนักสู้ลุยเดี่ยวในวงการทหารรับจ้าง บรูกแมนย่อมมีปฏิกิริยาโต้ตอบที่รวดเร็วยิ่ง


แม้จะถูกเลือดที่สาดกระเซ็นออกมาทำให้ดวงตาทั้งคู่พร่ามัวไป แต่อาศัยเพียงความทรงจำในสมอง หลังจากที่เขาก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้ว ก็ไม่ได้ยกดาบกลับขึ้นมาอีก แต่ฟันตรงไปที่ช่วงเอวของเยี่ยเทียนซึ่งกองอยู่บนพื้นทันที


ทั้งสองอยู่ประชิดกันถึงเพียงนั้น ขณะที่บรูกแมนนึกว่าเยี่ยเทียนไม่มีทางต้านทานได้แน่ๆ แล้ว เสียง “เคร้ง” เบาๆ ก็กลับดังมาเข้าโสตประสาท เมื่อเพ่งมองไปก็กลับพบว่า ดาบที่เขาทุ่มแรงสุดตัวฟันลงไปนั้น กลับถูกนิ้วมือคู่หนึ่งที่โผล่มาจากไหนไม่ทราบคีบไว้ได้


ถัดลงไปจากนิ้วมือทั้งคู่นั้น เป็นมือขาวผ่องเรียวยาวคล้ายกับมือของสตรีข้างหนึ่ง แต่เพียงแค่มือข้างเดียวนี้ ก็ถึงกับสามารถคีบดาบใบกว้างที่หนักถึงสามสิบกว่าชั่งนั้นไว้จนไม่อาจเคลื่อนไหวได้เลย ไม่ว่าบรูกแมนจะออกแรงอย่างไร ก็ไม่อาจทำให้นิ้วมือนั้นขยับเขยื้อนได้เลยแม้แต่น้อย


“หัก!”


เสียงที่ไม่ได้ก้องกังวานอะไรนักเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูบรูกแมน บรูกแมนรู้สึกในมือเบาโหวง ดาบใบกว้างสันหนาซึ่งตีขึ้นจากเหล็กกล้านั้น บนตัวดาบปรากฏรอยเป็นลวดลายละเอียดยิบแผ่ขยายออกไป ดูราวกับใยแมงมุม เพียงชั่วพริบตา ในมือของบรูกแมนก็เหลือเพียงแต่ด้ามของดาบใบกว้างสันหนาเล่มนั้น


“ไป!”


มือขวาของเยี่ยเทียนที่ยื่นออกไปนั้นพลันงอนิ้วดีดอย่างต่อเนื่อง ใบดาบที่หักไปนั้นร่วงหล่นลงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลก แล้วพุ่งไปทางบรูกแมนราวกับมีมือใหญ่สองข้างฉุดดึงไปในฉับพลัน ด้วยความเร็วที่สูงกว่ากระสุนที่ยิงออกมาจากลำกล้องถึงสามส่วน


“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”


ร่างของบรูกแมนพลันชะงักนิ่งไป เขามองดูคมดาบที่อยู่ในมืออย่างงงงัน และรู้สึกว่าพลังทั่วร่างกายกำลังเหือดหายไปเรื่อยๆ แต่กลับไม่ได้มีความรู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด


“พวกนายมองอะไรกัน?”


บรูกแมนพบว่า พวกเจอร์รีกำลังมองมาที่หน้าอกของตนด้วยสายตาแปลกๆ จึงรีบก้มหน้าลงไปดู จึงเห็นในทันทีว่า บนช่วงอกและช่วงท้องของเขานั้นมีบาดแผลอยู่หลายสิบแห่ง โลหิตสาดกระเซ็นออกมาจากร่างอย่างไม่ขาดสาย ราวกับถุงที่มีน้ำรั่วออกมา


เนื่องจากบาดแผลเหล่านั้นเล็กถี่มาก ทำให้เลือดที่พุ่งออกมานั้นดูราวกับไอหมอกก็ไม่ปาน อาบย้อมพื้นดินโดยรอบจนเป็นสีแดงเข้ม แต่เยี่ยเทียนที่ตอนแรกน่าจะอยู่ใต้ร่างของเขากลับหายสาบสูญไปแล้ว


“ท…ทำไมไม่เห็นรู้สึกเจ็บปวดเลยล่ะ?” ขณะที่บรูกแมนกำลังตระหนักได้ถึงคำถามข้อนี้ เขาก็พลันรู้สึกคันยุบยิบที่ตำแหน่งหัวใจ จากนั้นความรู้สึกคันยุบยิบนี้ก็ทวีขึ้นจนกลายเป็นความรู้สึกเจ็บแปลบ ร่างของบรูกแมนค่อยๆ พองขยายออกมา


ภายในเวลาเพียงสี่ห้าวินาที ร่างของบรูกแมนที่ตอนแรกมีส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบกว่าเซนติเมตรนั้น ก็ขยายใหญ่ขึ้นจนถึงสองเมตรกว่าแล้ว จากนั้นก็เกิดเสียง “ปัง” ดังสนั่น ร่างกายอันใหญ่มหึมานั้นถึงกับระเบิดเป็นโลหิตกลุ่มหนึ่ง


“ฝึกกายแต่ไม่ฝึกจิต สุดท้ายทุกอย่างก็ว่างเปล่า!”


ขณะเดียวกับที่ร่างของบรูกแมนระเบิดออกมา ทางขวาห่างไปสิบกว่าเมตร อากาศเกิดระลอกคลื่นขึ้นมาระลอกหนึ่ง ร่างของเยี่ยเทียนปรากฏขึ้นตรงนั้นอย่างพิสดาร บนร่างกลับไม่ได้แปดเปื้อนโลหิตเลยแม้แต่น้อย


ภายใต้การควบคุมจากปราณแท้ของเยี่ยเทียน เศษดาบใบกว้างสันหนาที่แตกหักเป็นร้อยชิ้นนั้นจึงพุ่งเข้าสู่ร่าง ของบรูกแมน ที่จริงแล้วแม้ว่าบาดแผลเหล่านี้จะสาหัสมาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะคร่าชีวิตของบรูกแมนได้ ทว่าในเศษชิ้นส่วนดาบเหล่านั้นมีปราณแท้เซียนเทียนที่เยี่ยเทียนฝึกออกมาได้อย่างยากลำบากแฝงอยู่


เช่นเดียวกับยามที่คนป่วยรับประทานอาหาร ร่างกายที่อ่อนแอย่อมไม่อาจรับการบำรุงที่มีฤทธิ์แรงเกินไปได้ แม้ว่าพลังกายของบรูกแมนจะไปถึงระดับสูงสุดเท่าที่มนุษย์ธรรมดาจะไปถึงได้แล้ว แต่ก็ยังไม่อาจรับปราณแท้เซียนเทียนนี้ได้อยู่ดี ผลสุดท้ายปราณแท้เซียนเทียนอันทรงพลังมหาศาลจึงทำให้เลือดเนื้อของเขาระเบิดเป็นหมอกโลหิตไปจนหมด แม้แต่โครงกระดูกก็ยังแหลกเป็นผุยผง


“แก…แกรู้ได้ยังไงว่าฉันจะฆ่าแก?”


หลังจากที่ได้เห็นจุดจบของบรูกแมน เจอร์รีก็มีสีหน้าเทาซีด เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ การแสดงของเขาเมื่อครู่นั้นแม้แต่ตัวเขาเองยังแทบจะพลอยหลงเชื่อไปด้วยเลย แต่เยี่ยเทียนกลับดูเหมือนทำนายได้ล่วงหน้าแต่แรกแล้ว


คนแบบเจอร์รี มักจะเคยชินกับการกุมชะตาของตนไว้ด้วยมือของตัวเอง เขาไม่มีทางยกความเป็นความตายให้ไปอยู่ในมือของเยี่ยเทียนอยู่แล้ว ดังนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ เขาจึงไม่ได้มีความคิดที่จะล้มเลิกการสังหารเยี่ยเทียนเลย เพียงแต่เปลี่ยนกลยุทธ์และยุทธศาสตร์เท่านั้นเอง


แต่เจอร์รีคาดไม่ถึงเลยว่า เยี่ยเทียนจะร้ายกาจกว่าที่เขาคิดไว้เป็นร้อยเท่า การร่วมมือที่แทบจะสมบูรณ์ไร้ที่ตินี้ กลับไม่สามารถทำร้ายเยี่ยเทียนได้เลยแม้แต่ขนเส้นเดียว ตรงกันข้ามยังสูญเสียกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของกองกำลังแม่มายดำไปอีก ทำให้แม้แต่เจอร์รีผู้ปราดเปรื่องมาตลอดยังรู้สึกอับจนหนทาง


“แกก็อยากฆ่าฉันมาตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่รึ?” ร่างของเยี่ยเทียนดูเลือนรางริบหรี่ “ที่จริงเรื่องนั้นน่ะไม่สำคัญหรอก แต่ประเด็นสำคัญคือ แกน่ะอ่อนแอเกินไป!”


เยี่ยเทียนไม่ได้พูดโกหกเลย เพราะตอนที่เจอร์รีกล่าวคำพูดเหล่านั้นออกมาเมื่อครู่ การเต้นของหัวใจและการไหลเวียนของโลหิตไม่ได้เร็วขึ้นเลย และยังเก็บงำรังสีอำมหิตบนร่างไว้จนหมด ทำให้เยี่ยเทียนไม่รู้สึกถึงจิตประสงค์ร้ายของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย


แต่ด้วยพลังฝีมือของเยี่ยเทียนในตอนนี้ กระทั่งวิถีของกระสุนที่พุ่งแหวกอากาศไปเขายังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน การเคลื่อนไหวที่พวกเจอร์รีรู้สึกว่ารวดเร็วปานสายฟ้าแลบนั้น ในสายตาของเยี่ยเทียนกลับดูเชื่องช้าเหมือนหอยทาก แล้วเขาจะถูกผู้อื่นทำร้ายได้อย่างไรกันเล่า?


“ไปตายซะเถอะ!”


วาจาของเยี่ยเทียนนี้ ทำให้พวกเคลวินที่กำลังโกรธเกรี้ยวเพราะการตายของบรูกแมนต่างลั่นไกปืนที่ถืออยู่ในมือทันที ระดมสาดกระสุนไปทางเยี่ยเทียน ไคลด์ถึงขั้นกระโจนเข้าไปหาเยี่ยเทียน พร้อมกับปลดสลักของลูกระเบิดบนหน้าอกด้วยสีหน้าแน่วแน่


วัตถุระเบิดที่ซุกซ่อนอยู่ในเหมืองทองแห่งโจฮันเนสเบิร์กนั้น ไคลด์เป็นคนติดตั้งเองกับมือ แต่ปัญหาก็ดันไปเกิดขึ้นจากที่นั่น ทำให้ไคลด์รู้สึกละอายใจนัก และคิดว่าความผิดพลาดของตนเป็นสิ่งที่นำไปสู่การตายของบรูกแมน ดังนั้นยามนี้จึงตัดสินใจที่จะขอตายไปพร้อมกับเยี่ยเทียน


แต่ขณะที่ร่างของไคลด์เพิ่งจะเริ่มเคลื่อนไหว ประกายสีแดงพุ่งออกมาจากปากของเยี่ยเทียน ไคลด์รู้สึกเย็นวาบที่ขาทั้งสองข้าง แล้วร่างทั้งร่างก็ล้มลงไปกับพื้นทันที เพราะขาของเขาขาดไปตั้งแต่ช่วงโคนขาแล้ว


ระหว่างที่ไคลด์ยังไม่ทันจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการเสียขาทั้งสองข้าง เปลวเพลิงกลุ่มหนึ่งก็สว่างวาบขึ้นมาพร้อมกับเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ร่างของไคลด์ถูกระเบิดจนไฟลุกท่วมร่าง


ภาษิตว่า หมองูตายเพราะงู ไคลด์เล่นกับวัตถุระเบิดมาทั้งชีวิต ตอนนี้ก็ถือว่าได้รับผลกรรมแล้ว จุดจบของเขายังอเนจอนาถยิ่งกว่าผู้คนที่เขาใช้ระเบิดสังหารไปเสียอีก


เนื่องจากขาทั้งสองข้างของไคลด์ถูกเยี่ยเทียนตัดไป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้กระโจนออกไปจากหุบเขา นอกจากตัวเองจะถูกระเบิดจนร่างแหลกเป็นจุณแล้ว ระเบิดลูกอื่นๆ ก็พลอยถูกจุดชนวนขึ้นมาด้วย สร้างความเสียหายไปทั่วทั้งหุบเขา สะเก็ดระเบิดปลิวว่อนไปทุกหนแห่ง ไม่มีมุมไหนรอดพ้นจากการระเบิดไปได้เลย


ไม่มีใครรู้เลยว่า บนตัวไคลด์นั้นได้ซุกระเบิดและดินระเบิดไว้มากขนาดไหนกันแน่ หลังจากผ่านไปหนึ่งนาทีกว่าๆ การระเบิดจึงจะสงบลง ควันจากการระเบิดฟุ้งตลบอยู่ในหุบเขา ทุกหนแห่งล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นฉุนของดินระเบิด


“อื้อฮือ ไม่ต้องให้เราลงมือเลย…”


ขณะเดียวกับตอนที่เกิดการระเบิดขึ้น เยี่ยเทียนหิ้วร่างเจียงซานขึ้นมา แล้วถอยออกไปไกลสี่ห้าเมตรอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ เมื่อหยุดยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว ก็อดจุ๊ปากกับตัวเองไม่ได้ การระเบิดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ถึงกับทำให้ทางเข้าหุบเขาถูกปิดกั้นไปจนหมด


“หือ ยังมีคนรอดอยู่อีกรึ?” เยี่ยเทียนส่งจิตสัมผัสออกไปแล้วพบว่า ในหุบเขายังมีพลังชีวิตที่กำลังอ่อนแออยู่ดวงหนึ่ง จึงขยับร่างวูบ ขึ้นไปยืนอยู่บนกองเศษหินที่อุดกั้นหุบเขาอยู่


เขาโบกมือออกไป กระแสลมแรงสายหนึ่งพัดขึ้นมาในหุบเขา ครู่ถัดมา ควันหนาสีเทาขาวเหล่านั้นก็ถูกเยี่ยเทียนขจัดปัดเป่าไปจนหมด สภาพภายในหุบเขาจึงเผยออกมาให้เห็น


หุบเขาที่ตอนแรกมีพืชพรรณเจริญงอกงาม เต็มไปด้วยชีวิตชีวานั้น ยามนี้ดูราวกับเพิ่งถูกพายุทอร์นาโดระดับสิบถล่มไปก็ไม่ปาน ต้นไม้หักโค่นไปเกือบหมด พื้นหญ้าหลุดร่อนกระจุยขึ้นมา ไม่ว่ามองไปทางไหนก็ไม่เหลือความมีชีวิตชีวาอีกเลย


ไคลด์ถูกระเบิดจนร่างสลายไปหมดแล้ว แต่ในหุบเขายังมีศพอยู่อีกสามร่าง เคลวินผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์และยังเป็นมือปืนชั้นดีนั้น บนหว่างคิ้วมีสะเก็ดระเบิดปักอยู่ชิ้นหนึ่ง และสิ้นลมหายใจไปแล้ว


เยี่ยเทียนมองดูเจอร์รีที่กำลังนอนซบหน้ากับพื้นในหุบเขาอย่างเย็นชา แล้วเอ่ยขึ้นว่า “แกก็ดวงแข็งไม่เบาเลยนี่? วิชาแสร้งตายของนิกายวัชรยาน แกเคยเรียนวิทยายุทธสายพุทธของจีนมาด้วยงั้นรึ? แต่ก็ยังทำได้ไม่ค่อยสมบูรณ์แบบเท่าไหร่ละนะ”


แม้ว่าเจอร์รีจะพยายามควบคุมลมหายใจสุดชีวิต เพื่อให้ตัวเองดูเหมือนคนที่ตายแล้ว แต่เขาจะปิดบังจิตสัมผัสของเยี่ยเทียนได้อย่างไรกัน? เพียงสังเกตจากลมหายใจเข้าออกของเจอร์รีที่ครั้งหนึ่งยาวถึงหลายนาทีนั้น เยี่ยเทียนก็ดูพิรุธออกแล้ว


การแสร้งตายนั้นในทางเต๋าเรียกว่าลมหายใจเต่า แต่เพราะเขายังทำไม่ได้มาตรฐาน จึงไม่อาจรอดพ้นจากการสำรวจโดยจิตสัมผัสของเยี่ยเทียนได้


“ฉันเคยมีอาจารย์ชาวจีนอยู่ท่านหนึ่ง ท่านเคยสอนวิชาพวกนี้ให้ฉัน”


ในหุบเขาเงียบสงัดไปพักใหญ่ๆ เจอร์รีใช้สองมือยันพื้น ลุกขึ้นมานั่งอย่างเชื่องช้า เขาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลย ที่หน้าอกมีสะเก็ดระเบิดปักอยู่อย่างน้อยๆ เจ็ดแปดชิ้น บนใบหน้าก็ถูกบาดเป็นแผลลึกหนึ่งแผล


“คนของฉันตายหมดแล้ว แกยังจะต้องการอะไรอีก?”


อาศัยวิชาแสร้งตายและความสามารถในการล่วงรู้ถึงอันตรายได้อย่างอัศจรรย์นี้ ทำให้เจอร์รีเคยรอดพ้นจากความตายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่คราวนี้ในใจของเจอร์รีกลับเกิดความรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมา ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้ช่างน่าสะพรึงกลัวราวกับปีศาจก็ไม่ปาน


เยี่ยเทียนส่ายหน้า ตอบว่า “ฉันก็อยากให้แกลงไปอยู่เป็นเพื่อนพวกนั้นน่ะสิ!”


กับศัตรูแล้ว เยี่ยเทียนไม่เคยมีความเวทนาสงสารใดๆ ให้ทั้งนั้น และที่ผ่านมาเขาก็ยึดหลักว่าต้องซ้ำเติมศัตรูให้สาสมมาตลอด โดยเฉพาะคนประเภทที่สติปัญญาเป็นเลิศ และลงมือโหดเหี้ยมอย่างเจอร์รีนี้ เยี่ยเทียนเพิ่งจะเคยพบเป็นครั้งแรก ต่อให้ตัวเยี่ยเทียนเองไม่กลัว แต่หากปล่อยทิ้งไว้ สุดท้ายก็ต้องกลายเป็นภัยต่อคนในครอบครัวอย่างใหญ่หลวงแน่


“หือ? รถมากมายขนาดนี้เลย? คงจะเป็นกองทัพของรัฐบาลแอฟริกาใต้ละสินะ?”


ตอนแรกเขายังอยากจะซักถามเกี่ยวกับประวัติที่มาของวิชายุทธที่เจอร์รีเรียนมาเสียก่อน แต่ในขณะนั้นเอง เยี่ยเทียนกลับได้ยินเสียงคำรามของรถยนต์ ฟังจากการเคลื่อนไหวนั้นแล้ว คงจะมีรถไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยคันกำลังมุ่งหน้าไปยังเหมืองทองแห่งโจฮันเนสเบิร์ก


เรื่องนี้ทำให้จิตสังหารของเยี่ยเทียนเพิ่มทวีขึ้นมา หลังจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่รัสเซียและนิวยอร์ก เขาจึงไม่อยากถูกทางการแอฟริกาใต้หมายหัวไปด้วยอีก


มดปลวกยังรักชีวิตตัวเอง นับประสาอะไรกับมนุษย์เล่า? เจอร์รีเป็นคนหูตาไว เมื่อเขาเห็นสีหน้าของเยี่ยเทียนเปลี่ยนไป จึงรีบตะโกนขึ้นมาว่า “เยี่ยเทียน แกจะฆ่าฉันไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นละก็แกต้องตายแน่!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)