อยากกินไหมล่ะ 805-806
บทที่ 805 เติมได้ไม่อั้น
ทันใดนั้นร้านก็ตกอยู่ในความเงียบและเจ้าระบบก็ไม่แสดงผลอะไรออกมาอีกเลย หลังจากนั้นไม่นานนักเจ้าระบบก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อตัดสินจากคำพูดแล้ว เนื้อหาก็ค่อนข้างไม่ซับซ้อนและไม่ต่างอะไรจากปกติเลย
แต่หยวนโจวรู้สึกว่าเจ้าระบบดูเหมือนจะเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโหระหว่างกล่าวเช่นนั้นออกมา เอาล่ะมันก็เป็นแค่ความรู้สึกเท่านั้นแหละ แถมยังเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากเขาได้มีการแลกเปลี่ยนกับเจ้าระบบอย่างเป็นมิตรมากขึ้นเรื่อยๆอีกต่างหาก
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ระบบนี้ยังคงใช้ข้าวบาร์เลย์แล้วก็คัดเลือกข้าวบาร์เลย์ที่ดีที่สุดด้วย หลังจากคัดเลือกมาแล้ว จะต้องมีสิ่งปลอมปนร้อยละ 0.0 เมล็ดข้าวบาร์เลย์ทุกเมล็ดจะต้องมีขนาดเท่าๆกันกล่าวคือมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 2.2มม. โดยมีอัตราการคัดเลือกอยู่ที่ร้อยละ 100”
“ฟังดูแล้ววิเศษไปเลย นั่นเป็นข้าวบาร์เลย์จริงๆงั้นเหรอ?” หยวนโจวพยักหน้าเพื่อแสดงว่าเขาเห็นด้วยแล้วแล้วเช่นนั้นออกมา
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “เบียร์ที่ระบบจัดหามาให้ถูกต้มด้วยข้าวบาร์เลย์ชั้นยอดที่ได้รับการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน ฮอบส์และน้ำที่มีคุณภาพสูง”
“อืม ฉันเชื่อว่านั่นเป็นเรื่องจริง” หยวนโจวพยักหน้าด้วยสีหน้าที่ดูค่อนข้างจริงจัง
ไม่รู้ทำไมจู่ๆหยวนโจวถึงได้นึกถึงสโลแกนโฆษณาขึ้นมาได้ ไม่ใช่นมทุกชนิดที่จะสามารถเรียกว่า “นมเมิ่งหนิวพิเศษ” ได้ และเขาได้คิดสโลแกนโฆษณาอีกอย่างในลักษณะเดียวกันขึ้นมา อีกทั้งใช่ว่าทุกระบบจะช่างจ้อขนาดนี้เสียเมื่อไหร่กัน
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ทุกวันนี้เบียร์ชั้นยอดต่างมีสิ่งปลอมปนไม่น้อยกว่าร้อยละ 0.15 เมล็ดข้าวบาร์เลย์ โดยเมล็ดข้าวบาร์เลย์จะต้องมีขนาดเท่ากันถึงร้อยละ 93 และมีอัตราการคัดเลือกไม่ควรจะต่ำกว่าร้อยละ 90”
“เอาล่ะ หลังจากคำอธิบายของแกแล้ว ตอนนี้ฉันก็ทราบถึงความแตกต่างระหว่างเบียร์ของแกกับของด้อยคุณภาพที่อยู่ข้างนอกแล้วล่ะ จะว่าไปแล้วอัตราการคัดเลือกของแกจะต้องอยู่ที่ร้อยละ 100 ไม่ใช่เหรอไง?” หยวนโจวอ่านศัพท์เฉพาะพวกนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วกล่าวขึ้นมา
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ลำพังด้วยเทคนิคหรือฝีมือในตอนนี้ย่อมไม่มีทางที่จะทำให้สมบูรณ์แบบได้เต็ม 100 ดังนั้นการคัดเลือกด้วยความละเอียดถี่ถ้วนถึงร้อยละ 90 จึงเป็นมาตรฐานสูงสุดในตอนนี้ และเบียร์สดที่คัดเลือกด้วยวิธีการนี้มีคุณภาพที่ยอดเยี่ยม”
“เข้าใจแล้วล่ะ แกก็แค่อยากจะบอกฉันว่าถึงจะมีเงินก็ใช่ว่าจะทำเบียร์ที่ดีออกมาได้ใช่ไหม?” หยวนโจวพยักหน้าราวกับเข้าใจเรื่องนั้นแล้ว
จากที่พูดมาตั้งมากมาย เห็นได้ชัดว่าเจ้าระบบเจตนาที่จะบอกหยวนโจวว่าถึงแม้ว่าเขาจะมีเงินก็ใช่ว่าจะทำขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์แบบอย่างระบบ เจ้าระบบช่างแสนจะอ่อนไหวและโอหังเสียจริง!
“แต่นอกเหนือไปจากเบียร์แล้ว ฮอบส์กับน้ำก็มีความสำคัญต่อการต้มเบียร์เช่นเดียวกัน” หยวนโจวเปลี่ยนเรื่องคุย
เจ้าระบบแสดงผลออกมา “เดิมทีฮอบส์ได้รับการคัดเลือกมาจากเทือกเขาอัลไตที่อุณหภูมิเฉลี่ย 0°C ในเดือนกรกฎาคม อุณหภูมิเฉลี่ยของบริเวณต่ำกว่าแนวหิมะจะอยู่ที่ 15-17°C ในช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิจะต่ำสุดถึง -62°C อัตราส่วนน้ำฝนในรอบปีจะอยู่ที่ประมาณ 500-700มม. สภาพทางภูมิศาสตร์ดังกล่าวเหมาะสมที่สุดต่อการเติบโตของฮอบส์”
ระหว่างนี้ หยวนโจวกลับได้ยินเรื่องที่น่าสนใจ ฮอบส์… นับเป็นพืชจริงๆหรือเปล่านะ?
หยวนโจวรู้ว่าฮอบส์ค่อนข้างมีความสำคัญต่อการการต้มเบียร์ แต่เขาก็เชื่อเสมอมาว่ามันคือฟองเบียร์ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าไปเกิดความประทับใจเข้าตรงไหนกัน
หยวนโจวเงียบไปแล้วอ่านคำพูดของเจ้าระบบที่แสดงในหัวของเขาต่อไป เขาไม่อาจปล่อยให้เจ้าระบบรู้ว่าเขาได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกได้
“ในขณะเดียวกัน เนื่องจากฮอบส์เป็นไม้ยืนต้นจึงมักจะดูดซึมน้ำจากหิมะในช่วงพักตัวและช่วงเติบโต เบียร์ที่ต้มด้วยฮอบส์จากบริเวณนี้จะมีรสหวานโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์”
“นอกเหนือไปจากฮอบส์ของบริเวณนี้จะเหมาะสำหรับการชำระล้างน้ำข้าวบาร์เลย์แล้ว การเติมฮอบส์เข้าไปในกระบวนการต้มน้ำข้าวบาร์เลย์ยังสามารถแยกโปรตีนเชิงซ้อนที่มีอยู่ในนั้นออกมาได้ด้วย ผลก็คือมันมีบทบาทสำคัญในการชำระล้างน้ำข้าวบาร์เลย์และการต้มเบียร์ให้สะอาดและบริสุทธิ์นั่นเอง รสชาติอันเข้มข้นของฮอบส์จากเทือกเขาอัลไตจะช่วยรักษาสมดุลระหว่างความหวานตามธรรมชาติของเบียร์ที่ต้มแล้วและการกระตุ้นความอยากอาหาร”
“ฮอบส์ได้รับการปกป้องดูแลจากคนงานอยู่ตลอดนับตั้งแต่เริ่มปลูกจนกระทั่งโตเต็มที่ เนื่องจากการต้มเบียร์ต้องใช้ส่วนช่อดอกเพศเมียเท่านั้น คนงานจึงต้องเด็ดมาด้วย”
“ยอดเยี่ยมจริงๆ” ในขณะที่กำลังอ่านคำแนะนำของวัตถุดิบอยู่นั้น หยวนโจวก็ไม่ได้พูดอะไรนอกเสียจาก “สุดยอดเลย สุดยอดไปเลยจริงๆ”
ถ้าไม่นับรวมอย่างอื่นแล้วก็มีแค่วัตถุดิบอย่างฮอบส์เท่านั้นที่รู้สึกว่าจะดีกว่าเบียร์หิมะหรือเบียร์ฉงชิ่ง
ทุกอย่างในร้านหยวนโจวดีกว่าบางอย่างที่เสิร์ฟอยู่ข้างนอกอีกขั้นหนึ่งเลยทีเดียว เบียร์เองก็เช่นเดียวกัน เมื่อตัดสินจากเรื่องนี้แล้วก็คงไม่ต้องสงสัยเรื่องความสมบูรณ์ของเจ้าระบบเลย
“เอาล่ะ ฉันเดาว่าน้ำที่นำมาใช้จะต้องพิถีพิถันมากเชียวล่ะ แต่ปัญหาตอนนี้ก็คือเบียร์อยู่ที่ไหนกันล่ะ?” หยวนโจวไม่อยากได้ยินเรื่องความโด่งดังของเจ้าระบบอีกจึงถามออกมาโต้งๆ
หลังจากแนะนำอย่างละเอียดแล้ว หยวนโจวก็ไม่เห็นว่าเบียร์สดจะต้มด้วยเทคนิคอันสลับซับซ้อนเช่นนั้นเลย
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “มันถูกจัดเตรียมเอาไว้ในถังเบียร์ตรงชั้นล่างของผับแล้ว คุณสามารถตรวจสอบเองได้เลย”
“อีกตั้งนานแน่ะ ฉันจะไปตรวจสอบตอนพักเที่ยงก็แล้วกัน” หยวนโจวตรวจสอบเวลาและตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
“ได้เวลาอาหารเช้าแล้วค่ะ เชิญเข้ามากันได้เลย” ทันใดนั้นเสียงของโจวเจียก็ดังขึ้นมาจากนอกประตู
เนื่องจากเวลาอาหารเช้าเริ่มขึ้นแล้ว หยวนโจวจึงไม่นึกถึงเรื่องเบียร์อีกแต่กลับตั้งหน้าตั้งตารอให้บรรดาลูกค้ามาถึงแทน
อาหารเช้าจะเปิดรับเฉพาะลูกค้า 100 คนแรกตามเคย ดังนั้นไม่นานก็สิ้นสุด
หลังจากนั้นลูกค้าก็ทยอยกันออกไปกันทีละคนๆและหยวนโจวก็ยืนมองพวกเขาออกไปอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งโจวเจียกลับไปแล้วเขาก็เลื่อนเปิดผนังทิวทัศน์อันงดงามตระการตาแล้วไปที่ผับข้างเคียง
“ขอฉันดูเบียร์สดหน่อยสิ” หยวนโจวกล่าว
เดิมทีชั้นล่างของผับว่างมากๆแถมก่อนหน้านี้ยังมีถังเบียร์อยู่แค่ไม่กี่ใบเท่านั้นเอง หยวนโจวเคยตรวจสอบมาครั้งหนึ่งแล้วและพบว่าพวกมันต่างมีไว้เพื่อตกแต่ง โดยไม่มีอะไรอยู่ในถังเลย
แต่ตอนนี้ถังเบียร์สำหรับตกแต่งเปลี่ยนไปแล้ว ผิวนอกของไม้สีเข้มกลับมีสีสันสดใส เรียบรื่นและเป็นมันเงาราวกับมีคนมาคอยทำความสะอาดพวกมันอยู่เป็นประจำ
และถังเบียร์แต่ละใบก็มีก๊อกที่ใช้ดูดเอาเบียร์จากก้นถังขึ้นมา สิ่งสำคัญที่สุดที่ช่วยให้หยวนโจวยืนยันว่าเบียร์ที่อยู่ข้างในเป็น “เบียร์” ที่มีลักษณะพิเศษสองอย่างนั้นได้ระบุเอาไว้บนถังอย่างชัดเจนแล้ว
“ตุ้บ ตุ้บ” หยวนโจวเอื้อมมือออกไปเคาะลงบนนั้นเพื่อดูว่าถังไหนที่มีเบียร์อยู่ข้างใน
เขาเคาะถังไปสามครั้งติดๆกันและทุกถังล้วนแล้วแต่ส่งเสียงทึบออกมาซึ่งหมายความว่ามีเบียร์อยู่ข้างใน
“ถ้าหากเป็นเบียร์ที่เพิ่งจะเตรียมขึ้นมาใหม่จะสามารถคงความสดเอาไว้ได้นานขนาดไหนกัน?” จู่ๆหยวนโจวก็ถามขึ้นมา
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “คงต้องเตรียมให้เสร็จในวันเดียวกันแหละ ยังไงก็มีระยะเวลาแค่วันเดียวเองนี่นา”
“สั้นขนาดนั้นเชียวเลยงั้นหรือ?” หยวนโจวรู้สึกประหลาดใจอยู่นิดหน่อย
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ก็มันเป็นทั้งธรรมชาติ ไม่มีการปนเปื้อน แถมยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและไม่มีสารปรุงแต่งเลยนี่นา”
“นั่นไม่ใช่สโลแกนโฆษณาของนมหรือไง?” หยวนโจวถึงกับพูดไม่ออก หมายความว่าอย่างไรกันที่เบียร์ “เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม”?
แม้ว่าหยวนโจวจะรู้สึกเย้ยหยันใส่คำแนะนำของเจ้าระบบที่กล่าวออกมาราวกับสโลแกนโฆษณา ทว่าเขาก็ยังเข้าใจสิ่งที่มันสื่อออกมาอยู่ดี เจ้าระบบอยากจะบอกว่าต้องผลิตเบียร์สดแล้วก็ดื่มในวันเดียวกันเลย ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีการใส่สารเติมแต่งลงไปอีกด้วย
ถึงอย่างไรแม้แต่เบียร์สดก็มีไนโตรเจนอยู่ข้างในเมื่อตอนที่บรรจุใส่ถังในกรณีที่อากาศเข้าสู่ถังและส่งผลต่อการหมักข้างใน
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ระบบจัดเตรียมเบียร์สดให้ทุกวันแล้วแปรรูปเบียร์สดที่เหลืออยู่ในช่วงเช้าตรู่ของวันถัดไป”
“ยอดเลย ฉันไม่ต้องถามก็รู้ได้เลยว่าเบียร์ที่เหลือน่าจะถูกนำไปแปรรูปด้วยการนำไปรดน้ำผักหรือเอาไปเลี้ยงไก่ใช่ไหมล่ะ?” เมื่อได้ยินคำว่า “แปรรูป” แล้ว หยวนโจวก็แดกดันขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ถึงอย่างไรเขาก็ยังคงได้รับผลกระทบจากการเลี้ยงหมูด้วยแตงโม
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “น่าจะแปรรูปให้เป็นน้ำดื่มของวัวนะ”
“โฮ่โฮ่” หยวนโจวบ่งบอกว่าเขาเองก็รู้ทันแผนของเจ้าระบบเช่นเคย
“แต่แกไม่คิดว่าขายแค่สามถังมันจะน้อยไปเหรอ?” หยวนโจวกล่าว
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “เบียร์สดเติมได้ไม่อั้นเลยเชียวล่ะ”
บทที่ 806 ผลงานแกะสลักน้ำแข็ง
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ระหว่างเปิดร้านสามารถเติมเบียร์สดได้ไม่อั้นเลยเชียวล่ะ”
“ไม่อั้นงั้นเลยงั้นรึ? เป็นงี้นี่เอง” หยวนโจวเข้าใจแล้ว
“ราคาเท่าไหร่กันล่ะ?” หยวนโจวถามต่อ
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “เบียร์สดราคาแก้วละ 302 หยวน”
“บ้าไปแล้ว! เจ้าระบบ ปกติราคาจะลงท้ายด้วย 6 หรือ 8 ไม่ใช่เหรอไง? ทำไมคราวนี้ถึงได้เปลี่ยนเป็น 2 เสียได้กันเล่า?” เมื่อเห็นราคา หยวนโจวก็พบปัญหานี้เข้าแล้ว
แต่เนื่องจากเป็นคำถามของหยวนโจว เจ้าระบบจึงไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด
หลังจากเขาตรวจสอบเบียร์ดูแล้ว หยวนโจวก็ยกถังเบียร์ขึ้นชั้นสองโดยง่าย ถึงอย่างไรเขาก็ทะนงตนมากเกินไปที่ให้เซินหมินยกถังหนักๆขนาดนี้ ถังเบียร์มีน้ำหนักอย่างน้อย 30กก.และเมื่อรวมเข้ากับตัวถังแล้วก็จะมีน้ำหนักเกือบ 35กก.
ทันทีที่เขาขึ้นชั้นบนมา หยวนโจวก็เห็นถ้วยแก้วแถวหนึ่งที่เพิ่งจะวางไว้บนเคาน์เตอร์ พวกมันต่างมีส่วนล่างแคบและมีส่วนปากกว้าง มันเป็นแก้วรูปทรงสูงและเรียวยาวที่สามารถจุได้ถึง 600มล.
“แก้วเบียร์ค่อนข้างประณีตทีเดียว” หยวนโจววางถังเบียร์ลงแล้วยกแก้วขึ้นอย่างระมัดระวัง
ถ้วยในมือของหยวนโจวมีขนาดไม่เล็ก ทว่าเป็นเพียงแก้วแบบนี้กลับสามารถแสดงรสชาติและฟองเบียร์ตลอดจนกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ได้ดีที่สุด
แต่แก้วแบบนี้มีขนาดใหญ่มากจริงๆ ความจุ 600มล.มีขนาดใหญ่กว่าขวดใบใหญ่ๆเสียอีก
“ราคาแก้วละ 302 หยวนพร้อมเติมได้ไม่อั้น ดูเหมือนว่าฉันต้องขอคิดดูสักครู่ก่อนนะ” หยวนโจววางถ้วยแก้วลงเบาๆแล้วกลับเข้าครัวไป
เนื่องจากเขามัวแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ เช้านี้หยวนโจวก็เลยไม่ได้แกะสลักเลย แต่เขากลับเก็บกวาดพื้นของผับจนเอี่ยมอ่อง แม้ว่าเจ้าระบบจะทำความสะอาดฝุ่นไปแล้วเมื่อตอนที่ได้เสนอรางวัลให้ แต่หยวนโจวก็ยังทำความสะอาดห้องอีกครั้งเพราะเกรงว่าจะมีสิ่งสกปรกหรือสิ่งปลอมปน
ขณะที่หยวนโจวกำลังทำความสะอาดอยู่นั้นยามเช้าก็ผ่านพ้นไป ยามเที่ยงก็มาถึงและสิ้นสุดลง เมื่อถึงยามบ่าย หยวนโจวก็นำเอาก้อนน้ำแข็งที่เตรียมไว้เมื่อคืนก่อนออกมาแล้วเตรียมที่จะแกะสลัก
ใช่แล้วล่ะ หยวนโจวเตรียมที่จะแกะสลักก้อนน้ำแข็งต่อเนื่องจากสามารถพัฒนาฝีมือการแกะสลักของเขาได้
เพื่อที่จะแกะสลักก้อนน้ำแข็งให้ออกมาได้สวยงาม พักนี้หยวนโจวดูวิดีโอของผู้มีพรสวรรค์และผลงานแกะสลักน้ำแข็งของพวกเขาไปมากมายโดยหวังว่าจะได้รับแรงบันดาลใจ
เขาไม่ได้รับแรงบันดาลใจเลย แต่กลับพบอย่างอื่นแทน
ก่อนอื่นเลย วิดีโอส่วนใหญ่ที่หยวนโจวสามารถหาได้ตามอินเตอร์เน็ตล้วนแล้วแต่มาจากต่างประเทศ นอกเหนือไปจากนั้น ตัวเอกของวิดีโอการแกะสลักน้ำแข็งพวกนี้ต่างก็ไม่ใช่เชฟ แถมพวกเขายังปิดบังอาชีพต่างๆอันได้แก่ จิตรกร ช่างแกะสลัก บาร์เทนเดอร์และอาชีพอื่นๆเอาไว้อีกต่างหาก
บางคนมีฝีมือแกะสลักยอดเยี่ยมในขณะที่บางคนมีฝีมือยอดแย่ แต่ไม่มีสักคนที่สามารถแกะสลักด้วยมีดทำครัวอย่างที่หยวนโจวทำได้
ใช่แล้วล่ะ หยวนโจวเปลี่ยนจากการใช้มีดแกะสลักแบบมืออาชีพกลับไปสู่การใช้มีดทำครัว แน่นอนว่าเขาย่อมเป็นบุปผาประหลาดในวงการแกะสลักน้ำแข็งอยู่แล้ว
กลับเข้าเรื่องกันต่อเถอะ นั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีผู้มีพรสวรรค์จากประเทศจีนในวงการนี้เสียเมื่อไหร่กันเล่า พูดให้ถูกก็คือเดิมทีการแกะสลักน้ำแข็งก็มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน และสาเหตุที่ทำให้เขาไม่สามารถหาวิดีโอของช่างแกะสลักชาวจีนได้เลยก็อาจจะเป็นเพราะผู้มีพรสวรรค์ส่วนใหญ่จะชอบปิดบังอำพรางความสามารถเอาไว้และไม่แสดงออกมาให้ผู้อ่านได้เห็น
หยวนโจวสามารถจดจำได้อย่างชัดเจนว่าชายชราที่ขับรถลากเคยเล่าเรื่องผู้ที่สามารถแกะสลักมังกรได้ด้วย
ผู้เฒ่ามังกรน้ำแข็งได้รับการกล่าวขวัญว่าครองแชมป์ในการแข่งขันแกะสลักน้ำแข็งถึงสองครั้ง แต่เขากลับลังเลที่จะแสดงความสามารถออกมาให้เห็นแม้ว่าเขาจะกำลังอดอยากก็ตามที
คงไม่มีใครล่วงรู้ถึงปัญหาได้หรอกหากไม่ได้ลองทำดูด้วยตัวเอง หลังจากการฝึกหนักเมื่อเร็วๆนี้ หยวนโจวก็เข้าใจถึงความยากในการแกะสลักมังกรน้ำแข็งให้สมบูรณ์
“ในฐานที่เป็นแชมป์ย่อมต้องเก็บไพ่ตายเอาไว้งั้นสินะ? ราวกับกำลังรั้งหมัดเอาไว้อย่างไรอย่างนั้นเลย” หยวนโจวบ่นพึมพำกับตัวเอง แต่เขาก็เลิกคิดเรื่องนี้ไปทันที
ไม่ต้องนึกถึงเรื่องรั้งหมัดเอาไว้เลย สิ่งดีๆมากมายไม่สามารถสืบทอดจากคนรุ่นก่อนได้ก็เพราะความคิดพสรรนั้นนั่นแหละ
ความคิดของหยวนโจวอาจจะสุดโต่งไปบ้าง เขาเชื่อว่าสำหรับเรื่องฝีมือแล้ว การทำให้พวกมันเป็นที่รู้จักของทุกคนย่อมดีกว่าการฝังพวกมันลงดินไปเสียเปล่าๆปลี้ๆ มันอาจจะเป็นเรื่องที่ออกจะเว่อร์ไปหน่อย เนื่องจากปัญหาทางด้านฝีมืออาจจะทำให้ไม่ได้รับความนิยม แต่อย่างน้อยการให้ผู้คนได้รับรู้ก็ยังดีกว่ามิใช่หรือไงกัน?
“ที่สุดแล้วผลงานแกะสลักน้ำแข็งก็สามารถนำมาแสดงให้ผู้อื่นได้เห็นอยู่ดีนั่นแหละน่า”
ในขณะที่หยวนโจวกำลังบ่นพึมพำกับตัวเองอยู่นั้น เขาก็เริ่มทำงานแล้ว ก้อนน้ำแข็งขนาดเท่ากะละมังค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างขึ้นทีละเล็กทีละน้อยภานใต้มีดทำครัวของหยวนโจว
เทคนิคสำหรับการแกะสลักน้ำแข็งค่อนข้างแตกต่างไปจากการแกะสลักผัก โดยที่การแกะสลักผักนั้นจะต้องมี “ความละเอียดรอบคอบ ตวามประณีตและความช่างประดิษฐ์” เป็นพิเศษทั้งยังต้องใช้ความชำนาญมากอีกด้วย
“แต่การแกะสลักน้ำแข็งกลับต้องมี “ความแน่วแน่ ความแม่นยำและความอดทน” หยวนโจวยกมีดทำครัวในมือขึ้นมาเล็กน้อยแล้วยั้งแรงตรงตำแหน่งที่จะลงมีดเอาไว้ร้อยละ 70 จากนั้นดวงตาอันคมกล้าของเสือก็พลันบังเกิดขึ้น
การแกะสลักผักต้องอาศัยความชำนาญในขณะที่การแกะสลักน้ำแข็งกลับต้องใช้ความอดทน น้ำแข็งที่แกะสลักไม่สำเร็จอยู่หลายต่อหลายครั้งเป็นผลมาจากแรงที่มากเกินไปจากช่างแกะสลักมากกว่าแรงไม่พอ
ถ้ามีการจัดอันดับช่างแกะสลักน้ำแข็งแล้วล่ะก็ผู้ที่สามารถแกะสลักกวางจะอยู่ในขั้นต้นขณะที่ผู้ที่สามารถแกะสลักหัวมังกรจะอยู่ในขั้นที่สูงกว่า อย่างที่กล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ถ้าหากผู้ใดสามารถแกะสลักมังกรได้สมบูรณ์ก็จะถูกเรียกว่า “ยอดฝีมือ”
หยวนโจวเองก็มีความสามารถในขั้นสูงหลังจากฝึกแกะสลักหัวผักกาดหรือผักมาอย่างหนัก แม้ว่าจะต้องมีฝีมือการแกะสลักที่แตกต่างกันออกไป แต่เขาก็มีความรู้พื้นฐานที่แน่นมากทีเดียว ดังนั้นหลังจากฝึกหนักมาสักพัก ฝีมือการแกะสลักของเขายอดเยี่ยมมากเชียวล่ะ
การแกะสลักน้ำแข็งในครั้งแรกหาใช่มีเพียงแค่จี้อี้เท่านั้นที่เห็นแต่ลูกค้าคนอื่นๆก็เห็นด้วย ในตอนนั้นพวกเขาต่างเห็นผลงานแกะสลักที่ล้มเหลวกันทั้งนั้น ดังนั้นหยวนโจวจึงคิดวางแผนอยู่นานเพื่อฟื้นฟูชื่อเสียงของตนเอง
เขาจำได้ชัดว่าพวกเขาเป็นใคร นอกเหนือไปจากจี้อี้กับหลิวจางแล้ว ยังมีลูกค้าอีกห้าคนที่เห็นผลงานแกะสลักน้ำแข็งที่ล้มเหลวในครั้งแรกของเขาด้วย อย่างไรเสียเขาก็จะรอจนกว่าลูกค้าทั้งห้าคนจะปรากฏตัวในร้าน
เขาต้องลบคำสบประมาทให้ได้
ดังนั้นหยวนโจวก็เลยซื้อน้ำแข็งก้อนใหญ่มา เขากำลังจะแกะสลักให้เป็นรูป “มังกรคู่ไล่กวดไข่มุก” ซึ่งมีความยากมากที่สุด
ความยากของสิ่งนี้หาใช่เพียงฝีมือการแกะสลักเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงแนวคิดทางด้านศิลปะของ “การไล่กวด” เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ มังกรที่เขากำลังจะแกะสลักต้องมีความเสมือนจริงมาก
หยวนโจวยกก้อนน้ำแข็งขึ้นมาบนโต๊ะแล้วหยิบมีดทำครัวออกมาโดยสังเกตให้ละเอียดถี่ถ้วนแล้วมองหาตำแหน่งที่จะเริ่มแกะสลัก
ในขณะเดียวกัน ผู้ชมทางด้านข้างก็อดที่จะสนทนากันไม่ได้
“ถ้างั้นเถ้าแก่หยวนอยากจะทำผลงานแกะสลักน้ำแข็งงั้นหรือ?”
“อืม ฉันเดาว่างั้นนะ”
“คงแกะสลักได้ไม่ง่ายนักหรอกในเมื่อก้อนใหญ่เสียขนาดนี้”
“แหงล่ะ ก็คราวที่แล้วเป็นก้อนเล็กนี่นา แต่คราวนี้จู่ๆเขาก็เปลี่ยนเป็นก้อนใหญ่งั้นรึ?”
“ไม่นะ ฉันจำได้ว่าใหญ่เท่ากะละมังน่ะ เถ้าแก่หยวนแกะสลักสระน้ำแถมยังมีปลาอยู่ข้างในราวกับปลาจริงๆเลยล่ะ”
“คราวนี้เถ้าแก่หยวนจะแกะสลักก้อนน้ำแข็งเป็นอะไรกันนะ?”
“เมื่อลองพิจารณาขนาดดูแล้วก็น่าจะงานแกะสลักชิ้นใหญ่เชียวล่ะ” ชายสวมแว่นตากล่าวด้วยความจริงจัง
“เหลวไหล”
มันคือคำตอบจากผู้ที่ได้ยินคำตอบอันน่าประหลาดของบุคคลผู้นั้น
เสียงเอ็ดตะโรของบรรดาลูกค้าหาได้ส่งผลต่อการทำงานของหยวนโจวแต่อย่างใด แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เริ่มทำงานกับก้อนน้ำแข็ง หยวนโจวกันหน้ากลับไปมองเป็นพิเศษ
“เยี่ยมไปเลย ทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว” หยวนโจวแอบพยักหน้าอยู่ในใจก่อนที่เขาจะเริ่มแกะสลักก้อนน้ำแข็ง
ใบมีดของมีดทำครัวช่างคมกริบเป็นอย่างยิ่ง เมื่อใดก็ตามที่เขาโบกสะบัดมีดไปมาก็ราวกับมีด้ายสีเงินสะบัดไปทั่วก้อนน้ำแข็งแล้วก็มีเศษน้ำแข็งร่วงหล่นลงมาตรงเสียงของรอยแกะสลัก โดยที่รอยแกะสลักจะเป็นระเบียบและสม่ำเสมอทั้งยังไม่เกิดรอยมีดขูดขีดแต่อย่างใดอีกต่างหาก
“ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ” ด้วยการสะบัดมีดทำครัวของเขา ก้อนน้ำแข็งภายใต้มือของเขาก็ค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาทำให้สามารถเข้าใจภาพคร่าวๆได้อย่างชัดเจน
ความยากอีกประการหนึ่งของการแกะสลักก้อนน้ำแข็งก็คือวิธีการแกะสลักก้อนน้ำแข็งและในขณะเดียวกันก็รักษาความสมบูรณ์เอาไว้ได้ และความยากอีกประการก็คือความเร็วของการแกะสลัก มิฉะนั้นก็คงจะเป็นเรื่องค่อนข้างน่าอับอายมากทีเดียวหากหมดเวลาแล้วเขาก็ยังทำไม่เสร็จ
เอาง่ายๆเลยนะ ฝีมือของหยวนโจวในตอนนี้ก็ตรงตามข้อกำหนดทั้งการกระทำได้อย่างรวดเร็วและความแข็งแรงแล้วล่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น