อยากกินไหมล่ะ 803-804
บทที่ 803 ลูกค้าที่มาดื่มเหล้าลำดับที่ 998
มีบะหมี่เย็นนึ่งเส้นเล็กๆเหลืออยู่เพียงเท่านั้น มันเหลืออยู่น้อยมากเสียจนแม้แต่หยวนโจวก็ไม่ทันสังเกตเห็น
เจียงฉางซี่ เฉินเว่ย บรรดาลูกค้าคนอื่นๆและผู้ชมทั้งหลายต่างก็ไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
ไม่น่าแปลกใจหรอกที่ฟางเหิงจะมีความมั่นใจเสียขนาดนั้น ก็เขารอมาโดยตลอดเลยนี่นา แต่สิ่งนี้กลับทำให้เฉินเว่ยเกิดความสงสัยขึ้นมา มีบะหมี่เย็นนึ่งหลงเหลืออยู่จริงๆแต่แล้วเครื่องปรุงอื่นๆล่ะ?
ฟางเหิงยัดเส้นบะหมี่เข้าปากทันที เขาไม่สนใจเครื่องปรุงเลยสักนิดเขาแค่อยากรู้ว่าบะหมี่เย็นนึ่งของเถ้าแก่หยวนเป็นสูตรต้นตำหรับหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง
แม้แต่หยวนโจวก็ถึงกับตะลึงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยกะทันหันเช่นนี้ ก่อนที่เขาจะหายตกตะลึงก็ได้ยินเสียงที่พูดขึ้นด้วยความไม่อยากเชื่อของฟางเหิง
“เป็นรสชาติของกวางหยวนจริงๆด้วย แม้แต่ความรู้สึกเหนียวหนึบก็ยังเหมือนกันเลย เถ้าแก่หยวนทำได้ยังไงกันนะ?”
ถึงแม้ว่าเขาจะกินแค่บะหมี่เส้นเล็กๆเท่านั้น แต่ทว่าบะหมี่เย็นนึ่งของกวางหยวนสูตรต้นตำหรับก็พิเศษมากจริงๆ ทันทีที่เขายัดเข้าปากไปแล้วก็สามารถตัดสินได้เลยว่ามีรสชาติสูตรต้นตำหรับ
“ผมก็แค่ทำตามสูตรเท่านั้นเอง” หยวนโจวตอบอย่างเรื่อยเฉื่อย
ฟางเหิงมีคำที่อยากจะพูดอีกมากมาย แต่กลับจุกอยู่ในลำคอ สุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างกลับกลายเป็นประโยคสั้นๆเพียงประโยคเดียวคือ “นี่มัน… ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี”
หลังจากหยวนโจวล้างเขียงแล้วแขวนเอาไว้ที่เดิม ครัวก็กลับมาสะอาดเหมือนใหม่อีกครั้งหนึ่ง
“ฟางเหิง ระดับความหน้าไม่อายของนายเทียบเท่ากับอู๋ไห่ได้เลยเชียวล่ะ” เฉินเว่ยรู้สึกยุ่งยากใจกับเรื่องนี้ทีเดียว ทางหนึ่งเขารู้สึกดูหมิ่นดูแคลนฟางเหิงที่กินบะหมี่ที่เหลืออยู่บนเขียง ส่วนอีกทางหนึ่งเขากลับรู้สึกอิจฉาฟางเหิงที่ได้ลิ้มรสของเหลือ น่าเสียดายที่เขาหน้าไม่หนามากพอที่จะทำอย่างฟางเหิงได้
เจียงฉางซี่เดาะลิ้นด้วยความประหลาดใจ ผู้คนมักจะได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมรอบตัวของพวกเขาอยู่เสมอและผู้ที่อยู่ใกล้ๆอู๋ไห่ก็ย่อมหน้าไม่อายเหมือนอู๋ไห่นั่นแหละ
“ฉันนึกว่าอู๋ไห่จะเป็นคนหน้าไม่อายเพียงคนเดียวแถวนี้เสียอีก ยังมีนายอีกคนด้วย” เฉินเว่ยด่าเข้าให้
“เอาน่ายังไงก็มีคนเห็นไม่เยอะเสียหน่อย” ดูเหมือนฟางเหิงจะไม่สนใจ “ยังไงเสียฉันก็ดูได้รับการอบรมสั่งสอนมา ถึงเรื่องนี้จะแพร่ออกไปก็คงไม่มีใครเชื่อหรอกน่า”
ฟางเหิงกล่าวจนจบด้วยความมั่นใจว่า “ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าฟางเหิงผู้ใส่ใจเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกมากเสียขนาดนั้นจะลักอาหารที่หลงเหลืออยู่บนเขียงของเถ้าแก่หยวน”
สิ่งนี้ทำเอาเฉินเว่ยถึงกับพูดไม่ออก “แบบนั้นก็ได้เหรอ?”
เนื่องจากความตกตะลึงของเฉินเว่ยกับบรรดาลูกค้าคนอื่นๆ เรื่องที่เกิดขึ้นจึงจบลงแบบนั้น
อันที่จริงแล้วยามค่ำคืนผ่านไปอย่างเงียบสงบมากเลยทีเดียว
ส่วนอารมณ์ของทีมงานถ่ายทำนั้น หยวนโจวสังเกตได้อย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นเขากลับไม่ได้รับผลกระทบใดจากสิ่งที่ฟางเหิงทำเช่นกัน รุ่งเช้าวันถัดมา เขาก็ยึดกำหนดการตามปกติในการตื่นนอน ออกกำลังกาย เตรียมวัตถุดิบ ก่อนที่จะเปิดร้าน แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ลืมที่จะบอกโจวเจียให้นำกล่องจับรางวัลออกมาด้วย
“ไปเอากล่องออกมาข้างนอกแล้วเริ่มจับรางวัลเถอะ” หยวนโจวกล่าว
“ได้ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะเถ้าแก่” โจวเจียพยักหน้าแล้วเดินออกไปพร้อมกล่อง
ในคราวนี้มีคนมาเข้าคิวยาวเหยียดอยู่นอกร้านแล้ว ท่ามกลางผู้คนมากมาย คนบางกลุ่มช่างโดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ พวกเขาต่างสวมเสื้อผ้าเหมือนกัน แน่นอนว่าคนพวกนี้ย่อมเป็นผู้ที่เฉินเว่ยเคี่ยวกรำ
การเข้าแถวตรงนี้เพื่อจับรางวัลก็นับเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อมทุกวันแล้ว พวกเขาต่างพากันท่องคำขวัญขณะที่กำลังกระทำเช่นนี้อยู่
“เป้าหมายของเราคืออะไรงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าถามขึ้นมา เขาเป็นผู้ที่จับรางวัลในเฉินเว่ยป็นคนแรกในตอนนั้น บัดนี้เขาเป็นหัวหน้ากลุ่มแล้วจึงทราบวิธีการที่จะใช้คำขวัญเพื่อกระตุ้นอารมณ์ของสมาชิกในกลุ่มตนเอง
“จับรางวัล! จับรางวัล! จับรางวัล!” บรรดาชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังตะโกนขึ้นพร้อมกัน
“ใช่แล้ว! จับรางวัล! แล้วเป้าหมายของการจับรางวัลคืออะไรกันล่ะ?” หัวหน้าตะโกนออกมา
“เพื่อโค้ชเฉิน! เพื่อโค้ชเฉิน! เพื่อให้โค้ชเฉินได้ดื่มเหล้า!” บรรดาชายหนุ่มตะโกนออกมาอย่างกระตือรือร้น
“ทุกครั้งที่ฉันเห็นพวกเขา ฉันก็รู้สึกปลื้มในตัวหัวหน้าหาใช่คนขี้เหล้า” ญินยารำพึง
“จริงด้วย ทุกครั้งที่ฉันเห็นพวกเขา ฉันก็ชักจะสงสัยว่าเฉินเว่ยเป็นหัวหน้าของระบบลูกโซ่หรือเปล่านะ” ม่านม่านกล่าวด้วยความทึ่ง
“โชคดีที่หัวหน้าของเราไม่ใช่คนขี้เหล้า” บรรดาลูกค้าคนอื่นๆอีกมากมายหลายคนต่างรำพึงออกมาเช่นกัน
“โชคดีที่ผู้อำนวยการเจียงไม่ใช่คนธรรมดาๆ” แม้แต่อวี้ฉู่ที่มารับประทานอาหารเช้าที่นี่ก็ยังนึกถึงเจียงฉางซี่ขึ้นมาเลย
ใช่แล้วล่ะ เมื่อเทียบกันแล้ว เจียงฉางซี่ก็ดูธรรมดาไปเลย อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้นแหละน่า เธอน่าจะมาจับรางวัลเอง
แต่เฉินเว่ยหาได้สนใจไม่ว่าผู้อื่นจะคิดเช่นไร สำหรับเขาแล้ว การได้ดื่มเหล้าต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น คราวนี้เขาจึงเป็นคนแรกที่มาต่อแถวเพื่อจับรางวัล แต่พวกลิ่วล้อของเขากลับได้คิวท้ายๆเสียนี่
แบบนั้นเฉินเว่ยก็ยังพอทำเนา ถึงอย่างไรสิ่งที่เขาทำก็เหมือนจะเป็นการโกงอยู่ดีนั่นแหละ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าทำอะไรมากเกินไปซ้ำยังมีลิ่วล้อของเขาอยู่ท้ายแถวอีกต่างหาก สำหรับตัวเขาเองนั้นก็ยังต่อแถวตามปกติ ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่เคยจับรางวัลได้เลย
คราวนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น เขายังคงจับรางวัลไม่ได้อยู่ดี
คนที่สองที่อยู่ในแถวคือนักเขียนนิยาย เขาสวมเสื้อแจ็คเก็ตลายแถบสีดำพร้อมหมวกแบบกลม ในขณะที่เขาเอื้อมมือไปที่กล่องก็พูดขึ้นมาว่า “เฉินเว่ย นายไม่เคยจับรางวัลหรือไง ทำไมมาเสียเร็วขนาดนี้ล่ะ?”
“ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรสักหน่อยที่จะลองเสี่ยงโชคดี” เฉินเว่ยตอบตามตรง
“ดูไม่เหมือนกับว่าโชคชะตาของนายจะเปลี่ยนไปเลยนะ ส่วนฉันจะต้องได้มาอย่างแน่นอน” นักเขียนนิยายกล่าวพลางชักมือออกจากกล่อง
สิ่งที่วางอยู่บนฝ่ามือซีดขาวของนักเขียนนิยายก็คือลูกปิงปองสีแดงสด
“นายก็แค่โชคดีเท่านั้นแหละน่า” เฉินเว่ยบ่นพึมพำ
“ขอบใจที่ชมนะ” นักเขียนนิยายกล่าวพลางยิ้มก่อนที่จะคืนให้แล้วจากไป
“นายจะไม่กินอาหารมื้อเช้าอีกแล้วงั้นเหรอ” เฉินเว่ยถามขึ้นมา
“ไม่ล่ะ ฉันจะกลับไปนอนต่อ เมื่อคืนฉันไม่ได้นอนเลยน่ะสิ” นักเขียนนิยายกล่าวพลางหันหลังใส่เฉินเว่ย หลังจากนั้นเขาก็โบกมือแล้วเดินจากไป
“เจ้าหมอนี่ดำรงชีพตามเขตเวลาอเมริกานี่นา” เฉินเว่ยกล่าวพลางขมวดคิ้ว
ใช่แล้วล่ะ นักเขียนนิยายจะกลับไปทันทีที่จับรางวัลแล้วทุกครั้ง ถ้าหากเขาได้รางวัลก็จะไปดื่มเหล่า แต่หากไม่ได้รางวัลก็จะกลับไปเลย นอกเหนือไปจากดื่มเหล้าแล้ว เขาก็ไม่เคยมากินอะไรที่ร้านหยวนโจวเลย
ในขณะเดียวกัน หยวนโจวที่กำลังรอเปิดร้านอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงเตือนจากเจ้าระบบดังขึ้นมา
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ขอแสดงความยินดีกับเจ้านายด้วยที่ได้ลูกค้าที่มาดื่มเหล้าลำดับที่ 998 ได้รับเหล้าชนิดใหม่เป็นรางวัล”
“เหล้าชนิดใหม่งั้นเหรอ?” หยวนโจวรู้สึกตกตะลึง
“ช้าก่อนนะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ 998 ด้วยล่ะ?” หยวนโจวถามขึ้นเมื่อนึกถึงลำดับที่สุ่มขึ้นมาได้
คำพูดของเจ้าระบบฟังดูคุ้นๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเหมือนจะไร้แบบแผนไปโดยสิ้นเชิง
ลำดับที่ 998 ย้ำเตือนให้หยวนโจวนึกถึงโฆษณาทางโทรทัศน์ที่มีวลีติดปากอย่างเช่น “ไม่ใช่ 1998 ไม่ใช่ 2998 ตอนนี้คุณแค่ต้องการ 998…” และอื่นๆ
และด้วยเหตุนั้น หยวนโจวเกือบจะปฏิเสธเจ้าระบบไปโดยอัตโนมัติแล้ว
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ผับของเจ้านายให้บริการลูกค้ามา 998 คนแล้ว ก็เลยได้รับเหล้าชนิดใหม่เป็นรางวัลยังไงล่ะ”
“มีลูกค้าถึง 998 คนแล้วงั้นเหรอ? เวลาผ่านไปเร็วเสียจริง” หยวนโจวรำพึงหลังจากตะลึงงันไปเล็กน้อย
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ใช่แล้ว”
“งั้นฉันสามารถแลกรางวัลได้เลยหรือว่ามีเงื่อนไขอะไรอีกหรือเปล่า?” หยวนโจวถามขึ้นมา
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “เจ้านายสามารถแลกได้เลย”
“ยอดไปเลย” หยวนโจวพยักหน้าแล้วเตรียมที่จะแลกรางวัล
“ดีล่ะ ในเมื่อยังมีเวลาก่อนที่จะเปิดร้าน ขอฉันดูหน่อยซิว่าฉันได้เหล้าอะไรมา” หยวนโจวเหลือบมองโจวเจียที่กำลังดูแลการชิงรางวัลและตรวจสอบเวลาก่อนที่จะแลกรางวัล
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “รางวัลออกมาแล้ว เจ้านายน่าจะลองตรวจดูนะ”
หยวนโจวกวาดตามองไปทั่วทั้งตู้เพื่อดูว่ามีเหล้าชนิดใหม่อยู่ในตู้หรือไม่
เขาพบว่าในครัวหาได้มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด จากนั้นเขาก็ตัดสินใจที่จะตรวจสอบคำอธิบายของรางวัล
“เป็นเบียร์งั้นเหรอ?” หยวนโจวรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นคำอธิบาย
บทที่ 804 เบียร์
หยวนโจวมัวแต่มองดูรางวัลใหม่ที่เป็นผลมาจากคืนก่อน ในขณะเดียวกัน สมาชิกในทีมงานถ่ายทำก็ยังคงนึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นอยู่
ย้อนไปคืนก่อน
หลังจากสมาชิกในทีมต่างขนอุปกรณ์ทั้งหมดเข้ารถตู้ไปแล้ว สมาชิกทุกคนต่างก็เข้าไปในรถตู้ ทุกขั้นตอนใชเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
“อืม? ทำไมวันนี้พวกคุณกลับเร็วกันจังเลยล่ะครับ?” คนขับถามด้วยความสงสัย เขากำลังดูมังกรหยกฉบับปี 1983 และยังเหลืออีกสองตอนที่ยังดูไม่จบก่อนที่ทีมงานจะกลับมา จากการถ่ายทำสองครั้งก่อน ทีมงานจะกลับมาหลังจากเขาดูตอนที่สามจบแล้ว
“อย่าไปเอ่ยถึงเรื่องที่ผ่านมาเลย ชีวิตมักจะเต็มไปด้วยอุปสรรคอยู่เสมอแหละน่า” ต้าไห่กล่าว
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว คนขับก็ไม่ได้ถามอะไรอีก เขาเก็บโทรศัพท์มือถือแล้วเริ่มออกรถ จะว่าไปแล้วคนขับคนนี้ก็ค่อนข้างหน้าตาดีทีเดียว ตัวเขามีอายุ 40 ปีและแซ่ของเขาคือโจว เขาชอบดูละครโทรทัศน์เก่าๆอย่างตำนานนางพญางูขาวและจอมยุทธ์อุ้ยเสี่ยวป้อฉบับปี 1998 เอามากๆเลย
เมื่อตอนที่เขาอยู่บ้านคนเดียว เขาจะถือโทรศัพท์มือถือเอาไว้เพื่อดูละครโทรทัศน์เก่าๆพลางจิบเหล้าเอ้อร์กัวโถวและกินถั่วลิสงที่ภรรยาของเขาเป็นคนทำขึ้นเอง เรื่องนั้นนับเป็นประสบการณ์ที่น่าเพลิดเพลินอย่างไม่น่าเชื่อ น่าเสียดายที่เมื่อไม่นานมานี้ ภรรยาของเขาได้จากไปด้วยอุบัติเหตุทางถนนอันมีสาเหตุมาจากเมาแล้วขับ ด้วยเหตุนี้คุณโจวจึงเลิกดื่มไปเลย
ทุกวันนี้จะดื่มแค่น้ำแร่ขณะที่เขากินถั่วลิสงและดูละครโทรทัศน์ เมื่อก่อนยิ่งกินถั่วลิสงก็ยิ่งอร่อยขึ้น แต่มาตอนนี้ยิ่งกินถั่วลิสงก็ยิ่งขมมากขึ้นขณะที่ยิ่งเขาดื่มไปเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกหนาวเหน็บมากขึ้นเท่านั้น
“หิวจังเลย”
เซียวหลงเหรินบ่นพึมพำหลังจากผ่านไปสักพัก นี่คือชนวนที่จุดระเบิดกระเพาะอาหารของทุกคนให้เริ่มร้องไม่หยุดในทันที
ผ่านมาตั้ง 10 คืนแล้วจึงพอเข้าใจความหิวของพวกเขาได้
“ผมรู้จักแผงขายอาหารอร่อยๆนะครับ พวกคุณอยากให้ผมพาไปส่งที่นั่นไหมล่ะ?” คุณโจวถามขึ้นมา
นี่เป็นข้อเสนอแนะที่ดี ทีมงานทุกคนยกเว้นคนเพียงคนเดียวต่างเห็นด้วยกับสิ่งนี้
คนผู้นั้นก็คือไป๋ลี่ที่เอาแต่เงียบมาโดยตลอดราวกับเป็นคนผ่านไปผ่านมา แน่นอนว่าเธอย่อมหิวเช่นกัน แต่เธอกลับค่อยๆหยิบขนมปังหน้าหมูออกมาจากกระเป๋าของตัวเอง ที่จริงแล้วขนมปังหน้าหมูจัดว่าเป็นอาหารโปรดของเธอเชียวล่ะ
จากนั้นเธอก็เริ่มกินโดยมีสายตาของทุกคนเฝ้ามองมา
“ไป๋ลี่ เธอซื้อขนมปังมาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?” อาเขิ่นถาม ส่วนคนอื่นๆกำลังรอคอยให้ไป๋ลี่ตอบเช่นเดียวกัน
ไป๋ลี่พูดแบบไม่ยี่หระว่า “ฉันซื้อเอาไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว เพื่อนคนหนึ่งของฉันเป็นลูกค้าขาประจำที่ร้านหยวนโจว เธอบอกฉันว่าเถ้าแก่หยวนมีสมญานามว่าเจ้าเข็มทิศ ไม่ว่าคุณจะเป็นหญิงสาวที่สวยมากสักเพียงใด คุณก็ไม่มีทางที่จะได้อาหารจากเขาไปฟรีๆหรอก เธอบอกฉันว่าเถ้าแก่หยวนไม่เคยพลัดหลงจากหนทางแห่งความตระหนี่ของเขาเลยล่ะ”
ไป๋ลี่พูดต่อว่า “ตอนที่ฉันเห็นเธอพูดออกมาด้วยความมั่นใจเสียขนาดนั้น ฉันก็ตัดสินใจแล้วว่าจะนำเอาขนมปังหน้าหมูที่เป็นอาหารโปรดกับโยเกิร์ตแพ็คหนึ่งมาด้วย” จากนั้นไป๋ลี่ก็หยิบโยเกิร์ตแพ็คหนึ่งออกมา
โยเกิร์ตกับขนมปังหน้าหมูช่างเป็นการผสมผสานที่แสนลงตัว
“ผู้หญิงคนนั้นชื่อว่าอะไรงั้นเหรอ?” เซียวหลงเหรินถามด้วยความอยากรู้
“เธอมีชื่อว่าอะไรไม่สำคัญหรอก นายควรจะให้ความสนใจกับสิ่งที่นายอยากจะกินมากกว่านะ” ไป๋ลี่ตัดสินใจที่จะไม่เปิดเผยชื่อเสียงเรียงนามของเพื่อนเธอ
“เฮ้อ ดูเหมือนฉันยังไม่รู้จักเถ้าแก่หยวนดีพอสินะ” ชิวชิวทอดถอนใจ
เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ว่าเหตุใดเขาจึงรู้สึกอารมณ์เสีย เขาเคยไปที่ร้านมาครั้งหนึ่งน่าจะรู้เรื่องของเถ้าแก่หยวนมากกว่านี้สิ น่าเสียดายที่ไม่ได้หาข้อมูลเอาไว้ล่วงหน้า
“เลิกคุยกันสักทีเถอะน่า ฉันหิวแล้วนะ คุณโจวไปกินอาหารกันเถอะครับ” อาเขิ่นร้องโหยหวนพลางลูบท้อง
ความหิวของเขายิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อนึกถึงบะหมี่เย็นนึ่งที่กลิ่นหอมอย่างน่าเหลือเชื่อ
“ได้เลย พวกเราจะไปถึงในไม่ช้านี้แหละ” คุณโจวตอบ
รถตู้แล่นด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้โดยไม่เกินขีดจำกัดความเร็ว
ถึงอย่างไรคุณโจวก็เกลียดชังเจ้าพวกคนที่ขับรถเกินขีดจำกัดความเร็ว
สมาชิกในทีมไม่มีความเห็นต่อการกระทำของหยวนโจว ทีแรกพวกเขาต่างรู้สึกประหลาดใจราวกับสิ่งที่หยวนโจวทำอยู่นอกเหนือความคาดหมายของพวกเขา แต่หลังจากได้ฟังคำอธิบายของไป๋ลี่แล้ว การกระทำของหยวนโจวก็ไม่น่าประหลาดใจอีกต่อไป พวกเขาก็รู้สึกรำคาญน้อยลงมาก แต่แน่นอนว่าพวกเขาก็ยังคงค่อนข่างอารมณ์เสียอยู่ดี
ย้อนกลับไปตอนนี้ หยวนโจวกำลังมัวแต่อ่านคำอธิบายรางวัลของเขาอยู่
“เป็นเบียร์งั้นหรือ? ก็ดีน่ะสิ เบียร์สามารถดื่มได้ทั้งร้อนหรือเย็นแถมยังสามารถดื่มได้เยอะอีกต่างหาก” หยวนโจวบ่นพึมพำ ในประเทศเกาหลี ผู้คนที่นั่นคุ้นเคยกับการกินไก่ทอดและเบียร์ ส่วนในประเทศจีนนี้ ผู้คนมักจะกินกุ้งแม่น้ำไม่ก็เนื้อย่างเสียบไม้พลางดื่มเบียร์ไปด้วย
เมื่อเทียบกับไวน์ขาวแล้ว เบียร์เป็นที่นิยมของคนทั่วไปมากกว่า ถึงอย่างไรคนที่ไม่ได้ดื่มมากมายอะไรนักก็ยังสามารถเพลิดเพลินกับเบียร์ปริมาณเล็กน้อยได้เป็นบางครั้งบางคราว
อย่างไรเสียความเข้มข้นเนื่องจากแอลกอฮอล์ของเบียร์ก็ต่ำกว่าและผู้คนก็น่าจะมึนเมาจากการดื่มเบียร์ได้น้อยกว่า
“แล้วนี่มันเป็นเบียร์สดหรือว่าเบียร์หมักยีสต์นอนก้นกันล่ะ?” หยวนโจวถามด้วยความสงสัย
ควรรู้ว่าเบียร์สดมักจะดีกว่าเบียร์หมักยีสต์นอนก้นอยู่แล้ว แต่เบียร์หมักยีสต์นอนก้อนที่มีจำหน่ายตามท้องตลาดต่างก็เป็นเบียร์สดที่เก็บรักษาได้ยาก
แน่นอนว่าเนื่องจากสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนที่ดีขึ้น ผู้คนจึงเริ่มดื่มเบียร์สดมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้จะเป็นเช่นนั้น ผู้คนที่ดื่มเบียร์สดก็ยังคงมีอยู่เพียงหยิบมือ
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างที่ระบบจัดหามาให้ย่อมต้องเป็นของดีที่สุดอยู่แล้ว แถมเบียร์ก็ยังเป็นเบียร์สดอีกต่างหาก”
“อืม แหงล่ะ ขอฉันดูหน่อยซิว่าต้มมาได้ดีขนาดไหนกัน” หยวนโจวกล่าวหลังจากตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่ายังเหลือเวลาอีกสามนาทีซึ่งเพียงพอให้เขาทำอาหารต่อได้
เจ้าระบบแสดงผลออกมาว่า “มีธัญพืชอยู่หลากหลายสายพันธุ์ที่สามารถนำมาใช้ต้มเบียร์ได้ แต่โดยทั่วไปแล้วข้าวบาร์เลย์หลายสายพันธุ์หรือข้าวบาร์เลย์ที่เติบโตด้วยกรรมวิธีพิเศษจะถูกนำมาใช้ในการต้มเบียร์ แน่นอนว่ายังมีคนที่ต้มเบียร์โดยใช้ข้าวสาลีอีกด้วย”
“ผู้คนยังต้มเบียร์ด้วยข้าวสาลีตราบเท่าที่พวกเขายังคงใช้ข้าวบาร์เลย์อยู่ ยังไงเสียทั้งข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์จะทำปฏิกิริยาที่แตกต่างกันไประหว่างการต้ม”
“ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกระบวนการต้มและธัญพืชที่นำมาใช้ โดยสามารถนำเอาธัญพืชที่ผ่านการงอกร้อยละ 5-70 มาใช้ได้ ส่วนข้าวสาลีที่กะเทาะเปลือกออกแล้วก็จะมีแทนนินต่ำกว่าเมื่อเทียบกับข้าวบาร์เลย์ แถมยังมีขนาดเล็กกว่าทว่าอุดมไปด้วยโปรตีนยิ่งกว่าด้วย”
“ธัญพืชพวกนี้จะส่งผลต่อระยะเวลาในการเกิดฟองเบียร์ได้นานๆและเนื่องจากอุดมไปด้วยโปรตีนในข้าวสาลี เบียร์ที่ต้มด้วยข้าวสาลีจะต้องมีความหนากว่าเบียร์ที่ต้มด้วยข้าวบาร์เลย์ ด้วยเหตุนั้นระหว่างกระบวนการต้ม เบียร์จึงต้องผ่านกรรมวิธีของโปรตีนเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีปัญหาในการกรอง แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ย่อมไม่เป็นปัญหาสำหรับระบบนี้เลย”
“สรุปแล้วเบียร์ของแกใช้ข้าวสาลีต้มขึ้นมาสินะ?” หยวนโจวถาม
ก่อนที่เจ้าระบบจะทันได้ตอบ หยวนโจวก็พูดต่อไปว่า “ตามที่ฉันพอรู้ เบียร์ส่วนใหญ่ในประเทศของเราจะใช้ข้าวบาร์เลย์นำเข้ามาต้ม แต่หลังจากกำลังในการผลิตเพิ่มขึ้น ข้าวบาร์เลย์ในท้องถิ่นก็ถูกนำมาใช้มากขึ้นเรื่อยๆไปด้วย”
หยวนโจวหยุดไปสักครู่แล้วพูดต่อ “แล้วตอนนี้ราคานำเข้าของข้าวบาร์เลย์อยู่ที่ราวๆ 2,700 หยวนต่อตัน ส่วนข้าวบาร์เลย์ในท้องถิ่นจะมีราคาอยู่ราวๆ 2,300 หยวนต่อตัน ยิ่งไปกว่านั้นราคายังดูเหมือนจะไต่ระดับขึ้นด้วย สรุปแล้วแกกำลังประหยัดเงินอยู่นะเจ้าระบบ”
“แล้วทุกวันนี้ฉันก็ค่อนข้างร่ำรวยทีเดียว ฉันสามารถจ่ายเงินไปกับการต้มเบียร์ได้ ถึงอย่างไรฉันก็มุ่งหวังที่จะใช้วัตถุดิบอันยอดเยี่ยมสำหรับทุกอย่างเลยล่ะ”
หยวนโจวพูดอย่างเปิดเผยออกมาหน้าตาเฉย ฟังดูแล้วไม่เหมือนว่าเขาพยายามที่จะแดกดันเจ้าระบบแต่อย่างใดเลย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น