ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 802-810

 บทที่ 802 งานเลี้ยงเฉลิมฉลอง

Ink Stone_Fantasy

ในการลงคะแนนเสียงจะต้องนำบัตรประชาชนและบัตรประจำตัวที่ออกโดยรัฐบาลติดตัวมาด้วย โดยในบัตรจะมีชื่อและที่อยู่ ซึ่งมีขนาดประมาณสี่เท่าของนามบัตรเหมือนกับใบอนุญาตเข้าห้องสอบ แต่ตัวหนังสือที่พิมพ์ลงไปในนั้นไม่ใช่เลขที่สอบ แต่เป็นสถานที่ลงคะแนนเลือกตั้ง


ประตูทางเข้าห้องโถงใหญ่ของสำนักงานจะมีคนเฝ้าดูแลตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนและบัตรประจำตัวอย่างใกล้ชิด


ฉินสือโอวเอาเอกสารรับรองส่งให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล จากนั้นเขาจึงสแกนโดยใช้เครื่องสแกนและเหลือไว้แค่บัตรประจำตัวประชาชน ขณะเดียวกันก็เอาบัตรเลือกตั้งที่ไม่ต้องลงชื่อใส่ให้เขา


ความกว้างของบัตรเลือกตั้งจะกว้างพอๆ กับความกว้างของกระดาษพิมพ์เอสี่ ความยาวจะเท่ากับหนึ่งเท่าของกระดาษเอสี่ ซึ่งมีเนื้อหาการเลือกตั้งเรียงกันในนั้นหลายรายการ อันดับแรกคือการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี ฉินสือโอวเห็นจึงรู้สึกประหลาดใจ เขาคิดเสมอมาว่ามีแค่อ็อกเฟอร์และแฮมเล็ตที่ลงแข่งขันเลือกตั้ง ที่แท้ก็มีคนลงแข่งขันถึงหกคน!


วินนี่จึงอธิบายให้ฉินสือโอวฟังว่า “ก่อนสองสัปดาห์แรกของการเลือกตั้งจะมีการตัดสินคู่ที่แข็งแกร่งคู่สุดท้าย นอกจากจะมีม้ามืดที่เก่งเป็นพิเศษ คู่ที่แข็งแกร่งจะเริ่มตัดสินเป็นคู่สุดท้าย ซึ่งในรอบนี้เป็นอ็อกเฟอร์และแฮมเล็ต”


ฉินสือโอวได้ฟังเช่นนั้นก็เริ่มเข้าใจเรื่องนี้ แฮมเล็ตเป็นคนที่ทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือและนี่คือสิ่งที่แฮมเล็ตทำหลังจากที่ชนะฝ่ายตรงข้ามรอบแรก แฮมเล็ตมาหาเขาเพราะต้องการเงินทุนในการเลือกตั้ง


นอกจากต้องการจะเป็นนายกแล้ว เขายังต้องการเป็นสมาชิกสภาเมืองของเขตเลือกตั้งเขตนี้ด้วย ครั้งก่อนสมาชิกสภาเมืองของเขตนี้เป็นแฮมเล็ต และครั้งนี้ก็มีผู้ลงสมัครไม่ต่ำกว่าสิบคน เมืองแฟร์เวลมีคนลงแข่งด้วยเช่นเดียวกัน คิดไม่ถึงว่าจะเป็นชาร์คและฮิวจ์


ฉินสือโอวตบไปที่ขาของตัวเอง แล้วพูดกับวินนี่ว่า “ชาร์คจะมีโอกาสได้เป็นสมาชิกสภาเมืองไหม? ให้ตายเถอะ เขาจะทำอะไรก็ไม่รีบบอกกันบ้างเลย? ถ้ารีบบอกพวกเราจะได้ช่วยเขาป่าวประกาศไง”


วินนี่มองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ แล้วพูดว่า “นายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเมืองจะต้องไม่มาจากเขตชุมชนเดียวกัน เมืองแฟร์เวลก็เทียบเท่ากับหนึ่งเขตชุมชน แม้ว่าชาร์คและฮิวจ์จะมีโควตา แต่ก็ไม่สามารถได้รับการคัดเลือก ต่อให้ป่าวประกาศไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ยิ่งกว่านั้น คุณแน่ใจเหรอว่าชาร์คจะสามารถเป็นสมาชิกสภาเมืองได้?”


ฉินสือโอวลองคิดตามดู ในขณะเดียวกันชาร์คก็หัวเราะพร้อมกับพาภรรยาออกเดินออกมาพอดี


พอเห็นกล้ามเนื้อแข็งแรงที่เหมือนกับก้อนหินและอารมณ์ที่ดุเดือดราวกับฟ้าคะนองของชาร์คแล้ว ฉินสือโอวถึงกับส่ายหัวอย่างไม่ลังเล ด้วยนิสัยของชาร์ค เดาว่าถ้าถูกกดขี่ในการประชุมสมาชิกสภาเมือง ที่ตรงนั้นคงจะมีระเบิดลงใส่สมาชิกสภาเมืองคนอื่นๆ แน่นอน


นอกจากสมาชิกสภาเมืองแล้ว ยังเลือกหัวหน้าเจ้าหน้าที่คณะกรรมการชุดต่างๆ เช่นการศึกษา การเงินและการเกษตรด้วย แม้ว่าฉินสือโอวจะไม่ค่อยรู้จักเท่าไร แต่ก็เคยได้ยินคนเขาพูดกัน จึงเลือกแค่ไม่กี่คนตามความเข้าใจของตัวเอง


หลังจากเลือกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตรงกลางของห้องโถงมีเครื่องจักรที่มีรูปแบบคล้ายกับเครื่องเอทีเอ็มเครื่องหนึ่งพร้อมหน้าจอและช่องสอดบัตร ฉินสือโอวจึงเดินไปเอาบัตรลงคะแนนไปสอดที่ช่องอ่านบัตร ซึ่งเหมือนกับการรับบัตรธนาคาร จากนั้นบัตรลงคะแนนก็จะถูกดูดเข้าไปทันที


บัตรลงคะแนนเสียงทุกใบจะมีรหัสอิเล็กทรอนิกส์ หลังจากเข้าสู่ระบบแล้ว ข้อมูลที่เกี่ยวข้องจะถูกสแกนและส่งไปยังหน่วยประมวลผลกลางของคอมพิวเตอร์ทันที เพื่อให้กระบวนการทั้งหมดไม่สามารถทำการทุจริตได้


การเลือกตั้งของแคนาดามีข้อดีอย่างหนึ่ง คือการสร้างความตื่นเต้น ผลคะแนนจะออกในวันเดียวกัน หลังสิบโมงตรงจะหยุดรับบัตรลงคะแนนเสียง คณะกรรมการการเลือกตั้งจะเริ่มตรวจสอบผล ผู้สมัครเลือกตั้งทั้งหกคนก็จะอยู่ที่นั่นเพื่อรอฟังผลคะแนนรอบสุดท้ายด้วย


ครึ่งชั่วโมงต่อมา ผลคะแนนจะออกอากาศพร้อมกันทางอินเทอร์เน็ต สถานีโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์


และแฮมเล็ตได้รับผลคะแนนสูงสุด!


บัตรลงคะแนนเสียงของเซนต์จอห์นในครั้งนี้มีทั้งหมด 150,000 คะแนน และเขาได้รับไป 120,000 คะแนน อ็อกเฟอร์ที่ถูกมองว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดของเขามีเพียงแค่ 20,000 คะแนนเท่านั้น อ็อกเฟอร์จึงแพ้เขาอย่างราบคาบแน่นอน!


พรรคเลือกตั้งของแฮมเล็ตได้เตรียมจอแอลอีดีขนาดหนึ่งร้อยนิ้วไว้ในเมือง หลังจากประกาศผลคะแนนจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ประชาชนในเมืองที่กำลังรอชมกันอยู่ก็จะส่งเสียงร้องโห่ด้วยความดีใจทันที!


ฉินสือโอวกอดแขนวินนี่พร้อมกับหันไปดูหน้าจอทีวีอย่างตื่นเต้น แฮมเล็ตได้รับผลคะแนนแล้ว เขาจัดชุดสูทให้เป็นระเบียบ แล้วยิ้มให้กับคู่แข่งพร้อมจับมือ จากนั้นก็พูดความรู้สึกที่ได้รับตำแหน่งทันที


การพูดความรู้สึกของแฮมเล็ตเป็นไปอย่างธรรมดาและเรียบง่าย เขาพูดอย่างคล่องแคล่วว่า “ตามสถิติแล้ว ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในปีนี้มีการเข้าร่วมเป็นจำนวนมากที่สุด มีคนเคยบอกว่านี่คือชัยชนะในการเลือกตั้ง เพราะจำนวนผู้คนที่มากขึ้น จะทำให้เราได้เริ่มใช้สิทธิ์ของตัวเองได้อย่างเต็มที่มากขึ้นเช่นกัน แต่ผมไม่คิดเช่นนั้น!”


“ผมเชื่อมั่นในคำพูดของเกออร์ค วิลเฮ็ล์ม ฟรีดริช เฮเกิล เขากล่าวว่าผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเมินเฉยต่อสิทธิ์ในการออกเสียงเลือกตั้งของตัวเองเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาพอใจกับชีวิตและกลุ่มผู้มีอำนาจในการบริหารประเทศ! ผมคิดว่า ไม่ว่าใครจะได้เป็นนายกเทศมนตรี เมื่อประชาชนพอใจกับชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง นั่นถึงจะเป็นชัยชนะของการเลือกตั้ง!”


“การพูดความรู้สึกของผมของจบลงเพียงเท่านี้ ผมจะไม่เน้นย้ำอะไร แต่ขอให้รอดูพวกเราในอนาคต! รอดูผมและพรรคของผมว่าจะทำอะไร! ขอบคุณทุกคน ขอบคุณพี่น้องร่วมชาติทุกคนในเซนต์จอห์นแห่งนี้”


ฉินสือโอวที่กำลังมองดูแฮมเล็ตกำลังเสแสร้งแกล้งทำอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาหาเขาและเชิญเขาไปเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงเฉลิมฉลองในคืนนี้


“อะไร? คืนนี้มีงานเลี้ยงเฉลิมฉลองเหรอ? ทำไมถึงไม่แจ้งฉันล่วงหน้าก่อนล่ะ?” ฉินสือโอวพูดด้วยความตกใจ


คนที่เป็นคนแจ้งข่าวกับเขาคือสมาชิกคนสำคัญของพรรคแฮมเล็ต แต่ฉินสือโอวไม่ได้รู้จักคุ้นเคยกับเขา เขาจึงหัวเราะแล้วพูดว่า “เพราะก่อนหน้านี้ พวกเรายังไม่รู้ว่าใครจะเป็นนายก ดังนั้นจึงไม่แน่ใจว่าจะมีงานเลี้ยงเฉลิมฉลองไหม!”


ฉินสือโอวหัวเราะขึ้นมา หมอนี้นี่เสแสร้งจริงๆ แฮมเล็ตบอกความลับกับเขาตั้งแต่เชิญแมคคาลลียนมาแล้ว เขาถูกตัดสินให้เป็นนายกของเซนต์จอห์นไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว


“แล้วทำไมต้องมาหาฉัน? ฉันไม่เหมาะสมหรอก?” เขายังรู้สึกว่าการมาเป็นผู้นำแบบนี้มันไม่เหมาะสม


แต่เขาคนนั้นก็ยังคงหัวเราะแล้วพูดว่า “นอกจากคุณแล้ว คุณฉินสือโอว ใครจะมีคุณสมบัติเป็นเจ้าภาพของงานเลี้ยงอีก? คุณคือผู้สนับสนุนคนสำคัญของท่านนายกแฮมเล็ต คุณคือผู้นำทางจิตวิญญาณของเมืองนี้และคุณยังเป็นเจ้าภาพที่ดีที่สุดของงานเลี้ยงในคืนนี้อีกด้วย!”


ผู้คนรอบข้างจึงถูกดึงดูดความสนใจ หลังจากได้ยินคำพูดของเขาคนนั้น พวกเขาโบกมือแล้วร้องตะโกนเสียงดังว่า “ฉิน! ฉิน! ฉิน! เหล้า! เหล้า! เหล้า!”


แท่นกล่าวปราศรัยที่อยู่ในหน้าจอแอลอีดีได้ทำการติดตั้งและปรับตู้ลำโพงเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวเดินไปหยิบไมโครโฟนขึ้นมา เขาแสร้งทำเป็นลองพูดก่อน เสียงร้องตะโกนที่อยู่ด้านล่างเวทีจึงเริ่มแผ่วลงเล็กน้อย


จากนั้นเขาจึงพูดว่า “โอเค ฟังที่ฉันกำลังจะพูดนะทุกคน ขอให้มองดูซ้ายขวาก่อน ว่ามีเด็กๆ ไหม? ถ้าใครพบว่ามีเด็กๆ ก็ให้รีบพาพวกเขากลับทันที เพราะสถานการณ์ต่อไปไม่เหมาะที่จะให้พวกเขาเข้าร่วม!”


“มองดูอีกด้วยว่ามีผู้หญิงท้องหรือเปล่า? วินนี่ สุดที่รักของผม คุณก็เป็นหนึ่งในนั้น ใครจะช่วยไปส่งเธอกลับบ้านแทนผมได้บ้าง?”


“คุณผู้หญิงที่เหลือก็ดูแลตัวเองให้ดี เพราะเวลาที่เหลือในคืนนี้ ได้เริ่มขึ้นแล้ว! สนุก! สุด! เหวี่ยง! กัน! ไป! เลย!”


“โอ้ว โอ้ว!” ผู้คนต่างพากันส่งเสียงร้องอย่างมีความสุข


พรรคของแฮมเล็ตได้เตรียมเบียร์และแชมเปญไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนเที่ยงคืนทุกคนจะต้องดื่มและส่งเสียงอยู่ที่นี่เท่านั้น


เนื่องจากคืนนี้เป็นเพียงแค่การประกาศผลคะแนนเท่านั้น แฮมเล็ตยังไม่ได้เป็นนายกอย่างเป็นทางการ ในหนึ่งเดือนข้างหน้าเขาจะได้รับช่วงต่อจากอ็อกเฟอร์ ดังนั้นหลังจากรับสัมภาษณ์กับนักข่าวแล้ว แฮมเล็ตจะรีบกลับมา


การรับช่วงต่อของนายกทั้งสองถือว่ายังเป็นสงครามอันดุเดือดอีกครั้ง อ็อกเฟอร์จะโยนความเละเทะของตัวเองให้กับเขา และเขาพยายามที่จะไม่รับช่วงต่อปัญหาที่ยังหลงเหลือมาจนถึงช่วงของอ็อกเฟอร์อย่างแน่นอน


หลังจากแฮมเล็ตกลับมาจากออกงานสังคม ฉินสือโอวและฮิวจ์เขย่าแชมเปญและเตรียมเล็งปากขวดไปที่เขา ฉีดได้!


ซึ่งตอนนี้แฮมเล็ตวางมาดแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง เขามีนักข่าวตามติดมาด้วยและนักข่าวเหล่านี้จะทำการบันทึกเรื่องราวของงานรื่นเริงในคืนนี้เพื่อแสดงต่อประชาชน แฮมเล็ตจึงต้องออกมาเพื่อแสดงความใกล้ชิดกับประชาชน


บทที่ 803 แขกที่ไม่ทันตั้งตัว

Ink Stone_Fantasy

การเฉลิมฉลองในค่ำคืนนี้เพื่อแสดงความยินดีให้กับแฮมเล็ตที่ได้รับตำแหน่งนายกเทศมนตรี นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเมืองแฟร์เวลที่มีนายกเทศมนตรี


ฉินสือโอวเป็นเจ้าภาพงาน ดังนั้นจึงถูกบังคับให้ต้องดื่มเหล้าเยอะที่สุด ซึ่งเวลานี้ทำให้เขามองเห็นประโยชน์ของลูกน้อง


ฉินสือโอวโบกมือครั้งแรก ชาร์คก็พาพวกชาวประมงมาช่วยดื่มแต่ก็แพ้คนกลุ่มนั้น


พอโบกอีกครั้ง นีลเซ็นและเบิร์ดก็พาพวกทหารมาด้วยแต่ก็ยังแพ้อยู่ดี


โบกมือรอบที่สาม ไม่มีคนแล้ว? เป็นไปได้อย่างไร! ฉินสือโอวจึงกวักมือเรียกหุ้นส่วนอย่างฮิวจ์และซาโกร พวกนายก็มาด้วยกันเถอะ


น่าเสียดายที่หวงเฮ่าเจียที่มาแค่ชมความสนุกสนานเท่านั้น แต่ก็ยังถูกลากไปดื่มเหล้าแทนอีกด้วย ใบหน้าขาวๆ ของเขาก็เริ่มซีดมากกว่าเดิม เขาค่อยๆ ส่ายหัวแล้วพูดว่า “อายุมันสั้นนะ ให้ตายเถอะ ฉันไม่ดื่ม! อย่าเอามาใส่ปากฉัน!”


บิลลี่พรวดพราดออกมาระหว่างทาง เพลย์บอยแห่งไมอามีที่เมื่อก่อนดูไม่มีความสุขเลย ในตอนนี้เขาเจอใครก็ดื่มกับคนนั้น เทเหล้าเข้าปากอย่างไม่คิดชีวิต จนทำให้ประชาชนในเมืองตกใจกลัว เพียงเพราะทำอะไรไม่นึกถึงผลที่จะตามมา


แต่เดิมฉินสือโอวจะยกนิ้วโป้งให้บิลลี่และพูดชมเชยวิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้องของเขา แต่หลังจากเห็นภาพเพลย์บอยคนนี้ดื่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งดูไม่เหมือนเป็นการแสดง ฉินสือโอวดึงหวงเฮ่าเจียไว้แล้วถามว่า “พี่สาวหรือน้องสาวนายคือคนไหน ปัญหาความรักของเธอเป็นอย่างไร?”


“นั่นแหละๆ ผมให้เธอพูดเองแล้วกัน!” หวงเฮ่าเจียยกขวดเบียร์ในมือขึ้นอย่างร้อนใจและร้องตะโกนว่า “เอาล่ะ ผมจะให้พี่สาวของผมหมั้นกับคุณ!”


ฉินสือโอวถอนหายใจ แล้วพูดกับอีวิลสันว่า “อันนี้ก็หาที่โยนทิ้งซะ งั้นก็ทิ้งไว้ในรถของซาโกร ดูแล้วซาโกรไม่น่าจะมีปัญหา”


หลังจากเอาซาโกรไปโยนทิ้งแล้ว เขาจึงชี้ไปที่บิลลี่อีก “นี่ก็โยนทิ้ง โยนไว้…ช่างมันเถอะ ทิ้งไว้ในบ้านเรานั่นแหละ ทำความสะอาดห้องให้เขาแล้วพาเขาไปนอน ให้ตายเถอะ ถึงอย่างไรเขาก็ดื่มและเมาแทนฉัน”


ฉินสือโอวคนนี้เป็นถึงเจ้าภาพงานจะไม่ส่งทุกคนกลับบ้านได้อย่างไร งานก็ยุ่งกันจนถึงเช้ามืด ยังดีที่ไม่มีคนเมาจนไม่ได้สติบนถนนแล้ว ดังนั้นเขาจึงจะกลับบ้านได้


จากนั้นเขายืนอยู่บนทางเท้าแล้วมองดูขวดเหล้าที่เกลื่อนถนน มีทั้งเบียร์ ไวน์แดงและแชมเปญกระจายเต็มไปหมด คาดว่าสัปดาห์หน้าคงจะมีกลิ่นเหล้าคลุ้งไปทั่วถนนสายนี้


พอกลับเข้ามาในบ้าน ฉินสือโอวเข้าห้องน้ำไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงถึงออกมา เขาออกมาเห็นเจ้าหลัวปอกำลังหลับสบาย จึงอุ้มมันขึ้นมาอยู่ที่สบายๆ ดวงตาเล็กๆ ของหลัวปอค่อยๆ ลืมขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ แล้วมองฉินสือโอวอย่างไร้เดียงสา


รู้สึกว่าหลัวปอก็ไม่ได้น่ารังเกียจอะไร ฉินสือโอวจึงขึ้นไปนอนอย่างสบายใจและทิ้งหลัวปอจอมดื้อรั้นไว้


เจ้าหลัวปอมีจมูกที่ไวต่อกลิ่นมาก วินนี่มักจะใช้ให้มันไปดมกลิ่นเหล้าตามตัวของฉินสือโอว ถ้ามันไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรออกมาเป็นพิเศษ นั่นก็หมายความว่าเขาไม่ได้ดื่มเหล้ามา


ฉินสือโอวจึงต้องไม่ให้วินนี่และเด็กๆ ได้กลิ่นเหล้า


จริงๆ แล้วตอนนี้มันเป็นเวลาที่ดึกมากแล้ว การเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงฉลองแบบนี้กินแรงเยอะมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือปัญหาเรื่องแอลกอฮอล์ ที่ทำให้ฉินสือโอวตื่นนอนไม่เป็นเวลา ซึ่งความจริงแล้วตอนที่เขากำลังจะเอนตัวลงนอนก็เกือบจะตีสี่แล้ว


พอเขาตื่นขึ้นมาดูเวลาก็สิบโมงตรงแล้ว เขาลุกขึ้นยืนอย่างสะลึมสะลือ วินนี่ผลักประตูเข้ามาช่วยเขาจัดเสื้อผ้า เตรียมน้ำอาบ ยาสีฟันและแปรงสีฟันไว้ให้ เพื่อให้เขาอาบน้ำล้างหน้า จากนั้นจึงบอกเขาว่า “มีสามีภรรยาคู่หนึ่งมาที่บ้าน บอกว่ามาหาคุณ”


ฉินสือโอวที่กำลังล้างหน้าอยู่ จึงถามอย่างคลุมเครือว่า “ใครเหรอ? ทำไมไม่ปลุกผมให้เร็วกว่านี้ล่ะ?”


“พวกเขาเพิ่งจะมาได้ไม่นาน ฉันเลยว่าจะเข้ามาดูคุณสักหน่อยแล้วคุณก็ตื่นขึ้นมาพอดี” วินนี่พูดออกมาด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน


ฉินสือโอวรู้ว่าพวกเขาไม่ได้เพิ่งมาแน่ๆ และวินนี่ก็ไม่ได้เข้ามาดูเขาแค่รอบเดียวเช่นกัน เมื่อคืนนี้ภรรยามองดูเขานอนหลับอย่างยากลำบาก จึงทนไม่ได้ที่จะปลุกเขาขึ้นมา


อันที่จริงแล้วร่างกายของฉินสือโอวในตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องนอนให้ครบแปดชั่วโมงเลย แค่สี่หรือห้าชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว แต่หลังจากเขาล้างหน้าล้างตาแล้ว เขาก็มีแรงขึ้นมาทันที จึงเดินลงบันไดเพื่อไปดูที่ห้องโถง


และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ สามีภรรยาคู่หนึ่งอายุประมาณห้าสิบปีขึ้นไปกำลังนั่งคุยกระซิบกระซาบกันอยู่ที่โซฟา พอได้ยินเสียงฝีเท้าก็เงยหน้ามองไปที่บันได


พอได้เห็นลักษณะของสามีภรรยาชัดๆ แล้ว ฉินสือโอวก็รีบเร่งฝีเท้าเดินทันที “อาเหมา น้าตู้ ทั้งสองคนมาได้อย่างไร? พระเจ้า ผมนึกไม่ออกเลยว่าทั้งสองคนมากันตั้งแต่เมื่อไร?!”


สองคนนี้เป็นพ่อและแม่ของเหมาเหว่ยหลง ผู้ชายเป็นผู้มีอำนาจอันดับที่สองของกององครักษ์เสื้อแพรแห่งเมืองหลวง ส่วนผู้หญิงจะเป็นแม่บ้านของครอบครัว


เขาเคยเห็นพ่อและแม่ของเหมาเหว่ยหลงหลายครั้ง ตอนเรียนอยู่ก็เคยเจอไม่กี่ครั้ง แต่ไม่เคยรู้เลยว่าพวกเขาจะมีตำแหน่งและอำนาจมากในเมืองหลวง เพราะพ่อเหมาไม่เคยใช้อำนาจและอิทธิพลกดขี่พวกเขาเลย และยังปฏิบัติต่อเหมาเหว่ยหลงด้วยความสุภาพมาก


“มาถึงเซนต์จอห์นเมื่อวานนี้และเพิ่งจะมาที่นี่ สบายดีนะเสี่ยวฉิน?” พ่อเหมายิ้มถามเขา คิ้วที่เรียงกันเป็นเส้น รอยยิ้มที่เคร่งขรึมและมีสไตล์มาก


ฉินสือโอวจึงเชิญให้ทั้งสองนั่งลงก่อน แล้วจึงพูดว่า “ใช่ครับ ผมสบายดี เมื่อคืนนี้เรามีประชุมกัน จึงทำให้ผมนอนดึกมาก ภรรยาผมคงเป็นห่วง เธอเลยไม่ได้ปลุกผม ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ”


แม่เหมายิ้มอย่างสุภาพ พ่อเหมาจึงยื่นมือออกไปถามว่า “ขอโทษอะไรกัน? วินนี่เป็นภรรยานายเหรอ? ตอนอยู่บ้านเสี่ยวหลงเคยบอกว่า นายจะหาภรรยาดีๆ คงจะจริงสินะ เมื่อสักครู่วินนี่ก็ดูแลเราได้ดีมาก ดูสิ เอาชามาเสิร์ฟตลอดเลย”


ฉินสือโอวหันไปทำหน้าตลกใส่วินนี่ วินนี่ที่ยืนอยู่ตรงหัวบันไดก็ยิ้มออกมาอย่างสง่างามและแอบกะพริบตาใส่อย่างเงียบๆ


หลังจากเสิร์ฟชาให้ทั้งสองอีกครั้ง ฉินสือโอวจึงถามว่า “ที่คุณทั้งสองมาครั้งนี้มีอะไรหรือเปล่าครับ?”


สีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของพ่อก็ค่อยๆ จางหายไปและแสดงสีหน้ากังวลใจออกมาแทน เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “ทำไมพวกเราถึงมาน่ะเหรอ? ไม่ได้มาเพื่อลูกของเสี่ยวหลงหรอก? แต่ลูกไม่รักดีนั่นน่ะ ทำให้ฉันและแม่ของเขาโกรธมากจริงๆ…”


“อย่าเอาฉันไปเกี่ยวด้วยเลย ฉันก็เห็นว่าเด็กตั๋วตั่วคนนั้นเธอก็เป็นเด็กดี” แม่เหมาพูดอย่างไม่เต็มใจ


พ่อเหมาจึงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ตั๋วตั่วเป็นเด็กดี แต่คนที่ลูกชายของคุณต้องแต่งงานด้วยเป็นตั๋วตั่วเหรอไง? วุ่นวายจริง! นี่คุณว่าเขา…”


“อะแฮ่มๆ!” แม่เหมาทำเสียงกระแอม


พ่อเหมาถอนหายใจอย่างแรงและหยิบบุหรี่ออกมา พอหันไปเห็นวินนี่จึงเก็บมันเข้าไว้ที่เดิม


ฉินสือโอวบอกว่าสูบได้ตามสบายไม่เป็นไร ที่นี่พวกเราไม่มีคำสั่งห้ามสูบบุหรี่ พ่อเหมายิ้มแล้วพูดว่า “ช่างมันเถอะ ผู้หญิงมักจะไม่ชอบกลิ่นบุหรี่อยู่แล้ว ฮ่าๆ เดี๋ยวออกไปแล้วมีแค่เราสองคนค่อยสูบก็ได้”


ฉินสือโอวถูมือไปมา ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร จริงๆ แล้วพ่อเหมาและแม่เหมายังไม่ได้บอกเขาก็รู้ว่าพ่อและแม่มาทำไม ต้องเป็นเรื่องของเหมาเหว่ยหลงและหลิวซูเหยียนแน่ๆ


แต่พูดตามตรงแล้ว เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะปลอบใจพ่อและแม่อย่างไร ถ้าเอาใจเขามาใส่ใจเรา หากพบว่าแม่เล้าที่ไนต์คลับเป็นภรรยาของตัวเอง พ่อและแม่ที่บ้านจะมีปฏิกิริยาอย่างไร? ต้องตีขาตัวเองให้หักถึงจะถือว่าเป็นการรักตัวเอง


ยิ่งกว่านั้น ตระกูลเหมาเป็นตระกูลขุนนางทางการเมือง พ่อเหมาจึงเป็นคนที่มีหน้ามีตาอยู่ทั่วประเทศจีนอยู่บ้างเล็กน้อย


พอพูดถึงเหมาเหว่ยหลง พ่อเหมาและแม่เหมาต่างก็กังวลใจ พวกเขาทั้งคู่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเช่นกัน ในที่สุดพ่อเหมาก็กลั้นใจพูดออกมา “ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูก แต่ลูกไม่รักดีคนนี้มันทำเกินไปแล้ว! เฮ้อ เดิมทีก็ไม่ได้อยากจะยุ่งเลย แต่ถ้าไม่ยุ่งก็คงไม่ได้ เจ้าลูกคนนี้จะแต่งงาน แล้วพวกเราจะทำอย่างไร?”


ฉินสือโอวได้ยินเช่นนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืน ‘ฮะ’ แล้วพูดด้วยความตกใจ “เขาจะแต่งงานแล้วเหรอ?! ใครบอกกัน?!”


บทที่ 804 เรื่องง่ายๆ

Ink Stone_Fantasy

พ่อเหมาและแม่เหมาพูดด้วยความประหลาดใจว่า “นายไม่รู้เหรอ?”


ฉินสือโอวส่ายหัวอย่างสุดแรง “ไม่รู้เลยสักนิดเลย วินนี่ เหมาเหว่ยหลงเคยโทรมาคุยกับผมเรื่องนี้บ้างไหม? หรือตอนที่พวกเราคุยกัน เขาเคยพูดเรื่องนี้แต่ผมไม่ได้สนใจ?”


วินนี่ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่นะ เขาไม่เคยพูด”


“ผมขอตัวไปโทรศัพท์สักครู่ เชิญอาเหมาและน้าตู้เติมน้ำชาก่อนนะครับ” ฉินสือโอวหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างกังวลใจแล้วเดินออกไปข้างนอกเพื่อโทรหาเหมาเหว่ยหลง


เหมาเหว่ยหลงรับโทรศัพท์แล้วชิงพูดขึ้นก่อนว่า “ดีใจกับแกด้วย นักธุรกิจใหญ่ ตอนนี้แกยอดเยี่ยมมากเลยนะที่ได้เป็นถึงผู้วิเคราะห์ทางการเมือง…”


“ไม่ต้องพูดอะไรไร้สาระ แกจะแต่งงานเหรอ? ทำไมฉันถึงไม่รู้?” สีหน้าของฉินสือโอวเต็มไปด้วยความสงสัย พอได้ยินเช่นนั้น ทางฝั่งเหมาเหว่ยหลงก็เงียบไปสักพัก จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “พ่อกับแม่ของฉันอยู่กับแกใช่ไหม?”


“แกกับท่านทั้งสองคุยกันแล้วใช่ไหม?” ถึงอย่างไรก็ต้องรู้เบื้องหลังของเรื่องนี้ให้ได้ คนหนึ่งพูดอะไรอีกคนก็คิดตามทันที


“อืม ฉันคุยกับท่านทั้งสองแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างทางฝั่งซูซูกับที่บ้านก็คงต้องหยุดชะงัก เพราะไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าโดยตรง” เหมาเหว่ยหลงบ่นพึมพำ


“เอาล่ะๆ รู้แล้ว”


ฉินสือโอววางโทรศัพท์พร้อมกับกลับเข้าไป แล้วพูดว่า “ใช่ครับ เขาวางแผนจะแต่งงาน แต่วางแผนแค่เรื่องนี้เท่านั้นเอง คุณอาคุณน้าอย่ากังวลไปเลย ดูสิ เสี่ยวหลงก็ยังคงใกล้ชิดกับพวกคุณ เขาบอกผมในโทรศัพท์ว่า ไม่ได้บอกใครก่อนล่วงหน้าเลย แต่เขาบอกพ่อและแม่ไปก่อนแล้ว!”


“เขาอยากให้ฉันโมโหอย่างไงล่ะ!” พ่อเหมากัดฟันพูด


แม่เหมาดึงเขาไว้ แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “คุณก็พูดให้มันน้อยๆ ลงหน่อย เวลาคุณก็พูดไม่ดีเอาซะเลย แล้วเสี่ยวหลงเป็นลูกชายใครกันล่ะ?”


ใบหน้าฉินสือโอวจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “คุณอา อย่าโกรธไปเลย เสี่ยวหลงก็อารมณ์แบบนี้แหละไม่รู้เหรอ? เขาเป็นคนที่รักคุณที่สุดนะ ตอนเรียนอยู่เขาก็โทรศัพท์หาแต่พวกคุณ และเมื่อไหร่ที่กลับบ้านก็จะรอให้โรงเรียนเปิดถึงจะ กลับไป…”


“ไอ้ลูกไม่รักดีนั่นโทรหาฉันแค่เรื่องค่าใช้จ่ายเท่านั้นแหละ ที่อยู่แต่บ้านไม่กลับโรงเรียนก็เพราะแอบเล่นแต่เกม ตอนที่ฉันไม่รู้น่ะสิ” พ่อเหมาถอนหายใจ แม่เหมาจึงดึงไว้แล้วขยิบตาใส่เขา


พอเหมาถอนหายใจอีกครั้งและแสดงสีหน้าเคารพให้กับฉินสือโอว จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วเดินออกไปสูบบุหรี่นอกบ้าน


ฉินสือโอวจึงลองถามแม่เหมาดูว่า “คุณน้า ตอนนี้ที่บ้านของคุณเป็นอย่างไร?”


แม่เหมาถอนหายใจอย่างหดหู่ แล้วพูดว่า “จริงๆ แล้วฉันน่ะ ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย แต่พ่อของเขานี่สิ อย่าให้พูดเลยดีกว่า นายก็รู้ว่าลุงเหมาของนาย เป็นคนปากร้ายใจดี เขารักเสี่ยวหลงมาก แต่ตอนนี้เสี่ยวหลงเป็นแบบนี้ไปแล้ว อาเหมาของนายเลยทำอะไรไม่ได้เลย”


ฉินสือโอวรู้สึกว่ามันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เหมาเหว่ยหลงจะหาภรรยาที่เคยแต่งงานถึงสองครั้งแล้วมันก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ภรรยาคนนี้ยังเป็นแม่เล้าที่ไนต์คลับอีก ตอนนั้นสมองเขามีปัญหาหรือเปล่า? พ่อของเขาจะทำอะไร? คนเซียนเที่ยวไนต์คลับก็เซียนในการจับแม่เล้าอยู่แล้ว แล้วจะไปหาให้ยุ่งยากทำไม?


ตอนนี้ฉินสือโอวกังวลใจจริงๆ แต่ถ้ามองในมุมของพี่น้อง รักแท้โดยไม่มีเหตุผล หลิวซูเหยียนสถานะอาจจะไม่ค่อยดี แต่นิสัยของเธอก็ไม่ได้ขาดตกบกพร่องเลย ตามความรู้สึกของเขา เธอไม่ได้แย่เลยจริงๆ


แต่ถ้ามองในมุมของพ่อเหมาและแม่เหมา นี่มันไม่ใช่ปัญหาจริงๆ พ่อเหมาจะเชิญเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้นำมาร่วมงานแต่งได้อย่างไร? คู่อริทางการเมืองของเขาจะมองเรื่องนี้อย่างไร? และยังมีคุณปู่ตระกูลเหมา อาและลุงของเหมาเหว่ยหลงอีก พวกเขาจะมองเรื่องนี้อย่างไร?


ฉินสือโอวคิดอยู่สักพัก แล้วพูดว่า “ไม่อย่างนั้น พวกคุณคิดดูสิ ตอนนี้เสี่ยวหลงก็กำลังจะลงหลักปักฐานอยู่แคนาดาอยู่แล้ว ชีวิตความเป็นอยู่ก็ดำเนินไปได้อย่างดี เอาอย่างนี้ไหม ก็ไม่ต้องจัดงานแต่งงานที่ประเทศจีน เมื่อถึงเวลาก็จัดที่นี่ไปเลย พอคนในประเทศจีนถาม ก็บอกว่าพวกเขาทั้งคู่ไปเที่ยวและได้แต่งงานกันแล้ว เพราะเรื่องนี้กำลังเป็นที่นิยมของคนหนุ่มสาวสมัยนี้”


แม่เหมาถอนหายใจแล้วพูดว่า “เกรงว่ามันจะไม่ได้น่ะสิ เสี่ยวโอว ระบบภายในและภายนอกมันไม่เหมือนกันนะ”


ฉินสือโอวพูดว่า “โลกกว้างใหญ่ไพศาล คนหนุ่มสาวก็แค่อยากลองดู เพราะมันก็ไม่มีทางออกเช่นกัน ไม่อย่างนั้น คุณก็ลองคิดว่ายังมีวิธีอื่นอีกไหม?”


“ไม่มีวิธีอื่นแล้ว” แม่เหมายังคงถอนหายใจอย่างต่อเนื่อง


พ่อเหมาสูบบุหรี่เสร็จแล้วจึงกลับมาเข้า และโบกมือขึ้นแล้วพูดว่า “ที่เรามาครั้งนี้ ก็ไม่ใช่เพราะมาหาวิธีแก้หรอก เพราะมันไม่มีทางแก้อยู่แล้ว! ที่เรามาหานายที่นี่ก็แค่อยากจะมาถามให้แน่ใจว่าหลังจากที่เสี่ยวหลงมาแฮมิลตัน เขาเป็นอย่างไรบ้าง?”


ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดว่า “พูดตามตรง ผมรู้สึกว่าตอนนี้เสี่ยวหลงมีความสุขมากกว่าตอนอยู่ที่ประเทศจีนอีก แม้ว่าตอนนี้เขาต้องทำงานหนักมาก เขาต้องเรียนรู้ความรู้ด้านการเกษตรตลอดทั้งวันเพื่อทำงานในฟาร์ม เขามีความคิดและการแสวงหา และตอนนี้ความกระตือรือร้นของเขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว”


พ่อเหมาจึงพูดอย่างไม่สบายใจ “เจ้าลูกคนนี้ ถ้ารู้เรื่องเร็วกว่านี้จะให้เขาไปอยู่ที่ชนบท ทำฟาร์มที่บ้านเกิดและหาผู้หญิงในหมู่บ้านมาแต่งงานด้วยก็ยังได้ ขอแค่บริสุทธิ์ก็พอ!”


“แล้วเสี่ยวหลิวไม่บริสุทธิ์เหรอ? คุณไม่เคยสังเกตเหรอว่าเสี่ยวหลิวเด็กคนนั้นน่ะเธอยอดเยี่ยมมากเลยนะ” แม่เหมาหันหน้ามาพูดเกลี้ยกล่อมพ่อเหมา


พ่อเหมาพูดอย่างจนปัญญาว่า “ก็ไม่ได้แย่หรอก แต่ๆๆ เฮ้อ แล้วฝั่งคุณปู่พูดอย่างไรบ้าง? ตอนนี้ก็ยังปิดบังเขาอยู่ เขากำลังหาคนรักให้เสี่ยวเหมามาโดยตลอด ถ้าให้เขารู้สถานะของเสี่ยวหลิว งั้นพวกเราจะส่งเขาไปปาเป่าซาน”


“อย่าพูดอะไรเลอะเทอะ” แม่เหมามองตาขวางใส่เขา


ฉินสือโอวแอบหัวเราะในใจ รักแท้ที่พ่อเหมามีต่อลูกชายลูกสาวเป็นรักที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนจริงๆ เมื่อก่อนพ่อเหมาทำให้เขาประทับใจมากซึ่งแตกต่างจากตอนนี้ เมื่อก่อนเขาเป็นผู้อาวุโสที่มีความสามารถและมีอำนาจมาก แต่ตอนนี้กลับเป็นคุณพ่อตัวน้อยที่ใส่ใจแต่ตัวเอง


คิดอยู่สักพัก ฉินสือโอวจึงตัดสินใจโทรไปหาที่บ้านและถามพ่อแม่ว่ามีประสบการณ์ในการจัดการกับเรื่องแบบนี้ไหม การที่ในครอบครัวมีผู้สูงอายุจะมีค่าเหมือนกับมีลูกใช่ไหม?


หลังจากโทรศัพท์ติดแล้วจึงพูดว่า “พ่อ ผมมีอะไรบางอย่างจะคุยด้วย ไม่ใช่สิ มันเป็นเรื่องสมมตินะ สมมติว่าผมน่ะ ลูกชายพ่อ ไปเจอคนรักอยู่ข้างนอก เธอเป็นผู้หญิงที่ดีมาก แต่เธอเป็นแม่เล้าในไนต์คลับ สถานะจึงไม่ค่อยดี พ่อคิดว่าแบบนี้มัน…”


“บ้าไปแล้ว ฉินสือโอว! ไอ้ลูกไม่รักดี แม่ของแกจะทำอย่างไร? วินนี่ก็กำลังตั้งท้องอยู่ไม่ใช่เหรอ? แกไปทำเรื่องไม่ดีนอกบ้านใช่ไหม? จองตั๋วให้พ่อเดี๋ยวนี้ พ่อจะไปตัดขาแก!” เสียงก้องกังวานของพ่อฉินตะโกนดังลั่นทะลุผ่านมหาสมุทร


ฉินสือโอวยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “ผมบอกว่าสมมติไม่ใช่เหรอไง?”


“พ่อถามแกว่าไปทำเรื่องอะไรไม่ดีมาใช่ไหม?!”


“ไม่ใช่ ไม่มีทางทำเด็ดขาด! ก็บอกว่ามันคือเรื่องสมมติ ผมจะให้วินนี่มาพูดเลย!” ฉินสือโอวรู้ดีว่าตัวเองพูดอะไรต่อไม่ได้แล้ว เขาสมมติอะไรไป พ่อก็จะคิดว่าเขาคือคนในเรื่องสมมตินั้น


วินนี่จึงรับสายต่อ เสียงของพ่อเปลี่ยนไปทันที “วินนี่ลูก หนูอย่ากังวลไปเลย พ่อกับแม่จะไปหา! ให้หนูเป็นคนตัดสินใจ! เจ้าลูกคนนี้พอมันมีทรัพย์สินเงินทองมันก็เปลี่ยนไปทำตัวแย่ๆ เลยเหรอ! พ่อจะตัดขาเขาแน่นอน ดูสิต่อไปเขาจะไปทำเรื่องไม่ดีอะไรได้อีกไหม!”


วินนี่ทำได้เพียงเกลี้ยกล่อม พ่อฉินหัวแข็งมากและไม่ยอมเชื่ออะไรง่ายๆ แน่นอน เขายังถอนหายใจแล้วพูดอีกว่า “หนูเป็นผู้หญิงที่ดีนะลูก มาถึงตอนนี้แล้วหนูยังคงแก้ตัวให้เขาอีก! วางใจเถอะ พ่อกับแม่จะรับหนูเป็นลูกสะใภ้เท่านั้น! หนูไม่ต้องห่วงเลยนะ พวกเราจะไม่ทำเรื่องให้มันวุ่นวาย เขาเป็นลูกชายของเรา!”


วินนี่ไม่มีอะไรจะพูดจึงแบมือออกเพื่อแสดงออกว่าตัวเองไม่มีวิธีอื่นแล้ว


สีหน้าของฉินสือโอวเริ่มซีดและดึงวินนี่อย่างสุดแรงแล้วเรียกว่าพี่สาว ถ้าไม่รีบจัดการเรื่องนี้ พ่อจะต้องมาแน่ๆ


วินนี่ทั้งน่ารักทั้งออดอ้อนเหมือนเด็ก สุดท้ายจึงลากฉินสือโอวมาต่อว่าและสาบาน แบบนี้พ่อฉินคงจะพอเชื่อได้บ้าง มันเป็นแค่เรื่องสมมติ เขาไม่ได้ไปทำเรื่องไม่ดีนอกบ้านจริงๆ


ฉินสือโอวเล่าทุกอย่างให้ฟัง พ่อฉินจึงพูดว่า “เรื่องง่ายๆ แค่นี้เอง แต่ว่าคุณปู่ไม่ได้ดูถูกภรรยาของหลานใช่ไหม? ให้หลานน่ะทำให้ภรรยาของเขาตั้งครรภ์ มีหลานกลับไปให้ปู่ของเขา แล้วแกดูนะว่าเขาจะดูถูกภรรยาของหลายชายได้ลงคอไหม…”


บทที่ 805 พวกเราจะไป

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวเอาวิธีแก้ไขที่พ่อของเขาแนะนำมาบอกกับพ่อเหมาและแม่เหมา ทั้งคู่ปรึกษากันเบาๆ อยู่ครู่หนึ่ง สายตาของพวกเขาก็เริ่มมีความหวังขึ้นมาทันที แล้วพูดว่า “น่าสนใจจริงๆ ถ้าเสี่ยวหลงมีเหลนให้ปู่ได้คงจะดีนะ”


หลังจากหายตื่นเต้นแล้ว พ่อเหมาก็กลุ้มใจอีกครั้งแล้วพูดอย่างจนปัญญาว่า “แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรฉันสักนิดเลย”


แม่เหมาพูดด้วยสีหน้าไม่สบายใจ “งั้นคุณก็หาวิธีเองเถอะ จะเลือกลูกหรือเลือกหน้าตาล่ะ”


พ่อเหมาหยิบบุหรี่ออกมาพร้อมกับถอนหายใจแล้วออกไปสูบบุหรี่


ฉินสือโอวจึงไปทำความสะอาดห้องให้ทั้งสองคนพัก ให้พวกเขาอยู่ที่วิลล่าไปก่อน จากนั้นจึงหาเบ็ดตกปลาให้พ่อเหมา แล้วให้นีลเซ็นพาเขาออกไปตกปลาที่ทะเลโดยเฉพาะ


ในที่สุดโหวจื่อเซวียนก็กลับมาจากเที่ยวพักผ่อนอย่างเบิกบานใจ เขาตั้งใจมารายงานตัวกับฉินสือโอวและยังเอาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาให้เขาด้วย “นี่คือเห็ดที่พวกเราเก็บมาจากภูเขาครับ ตุ๋นกับไก่จะมีรสชาติอร่อยมากและมันก็ยากมากกว่าจะผ่านด่านศุลกากรมาได้…”


“โอเค ขอบใจนายมาก โหวจื่อ ดูเหมือนว่ากลับบ้านมาครั้งนี้นายจะได้เรียนรู้อะไรมากมายเลยนะ งั้นฉันก็มีเรื่องที่จะขอร้องนายเล็กน้อย สองสามวันนี้นายไม่ต้องเข้างานนะ แต่ให้พาผู้ใหญ่ของฉันไปเที่ยวก็พอ ตกปลา ล่าสัตว์อะไรพวกนี้” ฉินสือโอวกล่าว


โหจื่อเซวียนถามด้วยความรอบคอบว่า “แล้วเงินเดือนล่ะครับ?”


“ให้ตามปกติ”


“โอ้โห จัดให้เลยครับ!” โหวจื่อเซวียนถึงกับดีใจขึ้นมา “แค่ให้พาเขาไปเที่ยวใช่ไหมครับ?”


“อืม แต่นายต้องระวังเรื่องฐานะด้วย นายจะไปกันสามคน พาไปเที่ยวไปกินไปดื่ม ปลาที่เขาตกได้ สัตว์ที่ล่าได้ นายก็เอาไปทำอาหาร” ฉินสือโอวว่า


“ทำไมผมรู้สึกว่าคำพูดนี้มันทำให้รู้สึกไม่ดีเอาซะเลย?” โหวจื่อเซวียนพูดพลางขมวดคิ้วไปด้วย


“แล้วนายจะทำหรือไม่ทำ?”


“ทำสิ ทำแน่นอน! พี่ฉิน พี่คือพี่ชายคนสนิทของผม พี่บอกแล้วทำไมผมจะไม่ทำล่ะ?”


“ไป คุณอาคนนั้นน่ะ ไม่ต้องสงสัยที่พี่ชายคนสนิทของนายไม่ได้บอกนายก่อน แล้วอย่าไปแหย่เขาล่ะ แค่ประโยคเดียวของเขาก็ทำให้นายไม่สามารถทำงานที่แคนาดาได้อย่างสบายใจแล้ว”


“พระเจ้า เขาเป็นคนของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเหรอครับ?”


“เขาเป็นมากกว่านั้น”


“ว้าว งั้นก็เป็นคนของสำนักงานตำรวจน่ะสิ?”


“นายนี่ฉลาดหลักแหลมมาก!”


หลังจากส่งโหวจื่อเซวียนไปแล้ว หวังเหล่ยและเหยาลี่ลี่ก็จับมือกันวิ่งเข้ามา ทั้งสองเห็นฉินสือโอวจึงโค้งคำนับให้ก่อน ฉินสือโอวตกใจและรีบพยุงทั้งสองคนขึ้นมาแล้วพูดว่า “นี่ผิดขั้นตอนอะไรกันหรือเปล่า? ต้องกราบไหว้ฟ้าดินก่อนแล้วหลังจากนั้นถึงจะมาทำความเคารพพ่อแม่ผู้ปกครองไม่ใช่เหรอ?”


สีหน้าของเหยาลี่ลี่แดงก่ำ เธอจึงกระทืบเท้าแล้วพูดว่า “พี่ฉิน พี่ล้อพวกเราเล่นเหรอไง”


ฉินสือโอวหัวเราะเสียงดังลั่นแล้วถามว่า “ตกลงมาทำอะไรกันแน่?”


หวังเหล่ยพูดว่า “พี่ฉิน ใกล้จะเข้าเดือนกันยายนแล้ว โรงเรียนของพวกเราใกล้จะเปิดเรียนแล้ว ดังนั้นจึงตั้งใจจะมาบอกลาคุณ ผมกับเหยาลี่ลี่ตั้งใจจะมาขอบคุณที่คุณดูแลพวกเรามาตลอดสองเดือนที่ผ่านมานี้ คุณเป็นคนที่ดีที่สุดที่พวกเราเคยเจอในต่างประเทศ ต้องขอบคุณมากจริงๆครับ!”


ฉินสือโอวจึงนึกขึ้นได้ คิดไม่ถึงว่าจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว เขาตบไหล่หวังเหล่ยเบาๆ แล้วพูดให้กำลังใจว่า “ไม่เป็นไร พวกนายทั้งสองคนทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ฉันมักจะไปดูไร่องุ่นบ่อยๆ และพวกนายก็จัดการได้เป็นอย่างดี คิดไม่ถึงว่าปีนี้องุ่นจะออกผลแล้ว พวกนายทำได้ดีมาก! ต่อจากนี้ถ้ามีวันหยุดอีก พี่ฉินยินดีต้อนรับพวกนายมาที่นี่เสมอ!”


งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา จริงๆ แล้วฉินสือโอวไม่ได้รู้สึกผูกพันอะไรกับหวังเหล่ยและเหยาลี่ลี่อยู่แล้ว แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องจากกัน ก็ทำให้รู้สึกเศร้าใจอยู่บ้างเล็กน้อย


ฉินสือโอวจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับพ่อเหมาและแม่เหมาพอดี และตอนเย็นจะจัดงานเลี้ยงอย่างต่อเนื่อง จึงถือว่าจัดให้กับหวังเหล่ยและเหยาลี่ลี่ไปด้วย


การ์เซียและเซรีญาก็รู้สึกเศร้าใจเช่นกัน เกาะล่องแก่งใกล้จะสร้างเสร็จแล้ว เมื่อถึงวันที่เกาะสร้างเสร็จพวกเขาก็คงกลับแล้ว ครั้งนี้ที่เกาะแฟร์เวลถือเป็นช่วงเวลาหยุดพักผ่อนที่ค่อนข้างยาวนานสำหรับพวกเขา


แน่นอนว่าพวกเขาต้องหมดเงินไปจำนวนมาก


เมื่อถึงช่วงมื้อเย็น พ่อเหมาและแม่เหมารับประทานอาหารทะเลแล้วชมไม่ขาดปาก บอกว่านี่เป็นอาหารทะเลที่สดและอร่อยที่สุดตั้งแต่พวกเขาเคยกินมา


ในที่สุดฉินสือโอวก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้างเล็กน้อยที่มีคนมีความรู้เกี่ยวกับสินค้าของเขา


ตอนเย็นเหมาเหว่ยหลงก็โทรศัพท์มาอีกครั้ง และถามว่าพ่อกับแม่ของเขาเป็นอย่างไรบ้าง ฉินสือโอวจึงรีบบอกวิธีแก้ปัญหาให้กับเขา “พ่อกับแม่ของแกไม่ค่อยมีปัญหาอะไรหรอก แต่ปัญหาใหญ่ที่พูดกันก็คือปู่ของแก ฉันมีไอเดียจะมาเสนอให้แกนะน้องชาย รีบทำให้ซูซูท้อง ทางที่ดีต้องมีลูกชายให้ปู่แกมีความสุข…”


“อะไร ล้อเล่นหรือเปล่า?”


“แกจะสนใจเขาทำไม อย่างไรซะ แค่ทำให้ปู่แกมีความสุข ถึงตอนนั้นมันก็จะเป็นเรื่องง่ายในการแก้ปัญหาอื่นๆ ฟังฉันนะ รีบทำให้ซูซูท้อง เพราะฉันยังทำให้วินนี่ท้องได้เลย”


เหมาเหว่ยหลงวางสายโทรศัพท์ด้วยความทะเยอทะยาน ฉินสือโอวหาแส้หางแรดออกมา เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “อย่าหาว่าพี่น้องไม่ช่วยเหลือกัน นี่เป็นทางที่ดีที่สุดที่ฉันเองก็ไม่ได้เต็มใจที่จะใช้มัน คราวนี้ฉันยกให้แก!”


จากนั้นพอถึงเวลาเตรียมตัวเข้านอน พ่อของฉินสือโอวก็โทรศัพท์เข้ามาอีกครั้งแล้วถามว่า “ลูกชาย เรื่องสมมติที่แกเล่าให้พ่อฟัง ผู้หญิงคนนั้นเขาทำอะไรนะ?”


“เธอเป็นแม่เล้าที่ไนต์คลับน่ะ”


“ฉันจำได้ว่าหลังจากที่ฉันไปสืบถามมา คนชนบทที่ออกมาทำงานข้างนอกพูดกันว่า แม่เล้าที่ไนต์คลับคนนี้เป็นผู้หญิงโสเภณีเหรอ?!” พ่อฉินถามอย่างร้อนอกร้อนใจ


ฉินสือโอวถึงกับปวดหัว แล้วพูดว่า “อะไรกับอะไรนะ มีแม่เล้าที่ไนต์คลับบางคนก็เป็นโสเภณี บางคนก็ไม่เป็น! ผมแค่ยกตัวอย่างว่านี่ไม่ใช่ เธอเป็นแค่คนธรรมดาที่จัดหาผู้หญิงมาเท่านั้น…”


“ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นหรือไม่เป็น แค่จัดหาผู้หญิงมาก็ถือว่าทำเรื่องไม่ดีแน่นอน ลูกชาย พ่อกับแม่ของแกปรึกษากันแล้ว รู้สึกว่าช่วงนี้แกจะคิดอะไรแปลกๆ นะ เอาอย่างนี้ แกเตรียมตัวไว้ พ่อกับแม่จะไปหาแก จะต้องให้แม่แกสอนวิชาการคิดให้แกใหม่แล้วล่ะ” พ่อฉินพูดเกลี้ยกล่อมไม่ยอมหยุด


ฉินสือโอวถึงกับยิ้มไม่ออก “เสี่ยวฮุยใกล้จะเปิดเทอมแล้ว พ่อกับแม่ยังวางแผนจะมาอีกเหรอ? ต่อไปเสี่ยวฮุยต้องบ่นแน่ๆ”


เดือนกันยายนจะมาเที่ยวเล่นน่ะได้ แต่อากาศที่บ้านในเดือนนี้จะร้อนมาก ถ้าจะมาที่นี่ก็ถือว่ามาพักร้อนแล้วกัน


พ่อฉินถอนหายใจแล้วพูดว่า “เพิ่งเปิดเทอมแค่เดือนเดียวยังไม่ได้เรียนอะไรมากหรอก เสี่ยวฮุยจะตามมาเที่ยวด้วย ช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนเขาเรียนเกือบจะครบหลักสูตรแล้ว กลับไปค่อยเรียนเสริมเพิ่มเติมก็พอ!”


ฉินสือโอวดีใจ จึงพูดอย่างไม่อ้อมค้อมว่า “โอเค งั้นก็มากันได้เลย ครั้งนี้จะให้ฉินเผิงไปส่งที่เมืองหลวง พอถึงเวลาผมจะกำชับพี่สาวว่าให้เปลี่ยนเครื่องที่ปักกิ่งก็พอ”


หลังจากวางสายโทรศัพท์ พ่อฉินจึงมองไปที่แม่ฉินที่กำลังดูท่าทางเคร่งเครียดและสงสัย แม่ฉินดึงแขนเขาแล้วพูดว่า “เป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้นกับลูกชาย?”


พ่อฉินถูคางไปมาแล้วพูดว่า “สถานการณ์ของศัตรูยังไม่แน่ชัดนัก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสถานการณ์ก็ค่อนข้างจะชัดเจนขึ้นบ้างแล้ว…”


“พูดอะไรให้เข้าใจยาก ดูละครสายลับแค่ไม่กี่เรื่อง คุณถึงกับลากฉันเข้าไปด้วยเลยเหรอ?”


“ก็คือมันยังไม่ชัดเจนเท่าไร ดูท่ายังคงมีหวังอยู่ มันคงจะเป็นแค่เรื่องสมมติขึ้นมาเองแหละ เสี่ยวโอวคงไม่มีอะไรล่อตาล่อใจข้างนอกจริงๆ หรอก พูดอีกอย่าง ผมรู้สึกว่าถ้าเขาจะหาผู้หญิงคนอื่นๆ จริงก็คงจะไม่หาผู้หญิงโสเภณีหรอก?”


แม่ฉินถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วพูดว่า “ถ้าไปหาผู้หญิงโสเภณีจริงก็เท่ากับว่าเอาเมียเล็กเมียน้อยทั้งหลายมาช่วยเติมเต็มให้ แบบนั้นมันจะไม่ยิ่งดีเหรอ?”


พี่สาวฉินแทะเมล็ดแตงโมและดูละครอยู่ข้างๆ เธอไม่เชื่อว่าฉินสือโอวจะมีคนอื่น เพราะความเป็นผู้หญิงเหมือนกัน เธอย่อมเข้าใจวิธีการของวินนี่ดีที่สุด ด้วยความซื่อบื้อน้องชายตัวเอง เขาจะไม่เสี่ยงกับเล่ห์เหลี่ยมของวินนี่แน่นอน


ด้วยความรักลูกชายมาก พ่อฉินและแม่ฉินจึงมีความกังวลใจว่าลูกชายจะเดินทางผิด วันต่อมาจึงให้ฉินสือโอวช่วยจองตั๋วให้ และนั่งรถตู้ที่ฉินเผิงเช่ามาต่อเข้าไปในเมือง จากนั้นก็ตรงไปโทรอนโต


ฉินสือโอวเงยหน้ามองดูท้องฟ้าอยู่ที่เกาะแฟร์เวล อืม เมฆครึ้มกำลังเคลื่อนที่และอากาศก็กำลังจะเปลี่ยน


บทที่ 806 เกือบพลาดแล้ว

Ink Stone_Fantasy

พอจัดการเรื่องเที่ยวบินของพ่อและแม่เรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวจึงกำชับกับพี่สาวและพี่เขยอีกรอบ หลังจากที่มาถึงเซนต์จอห์นแล้วเขาจะไปรับที่สนามบิน


หลังจากแฮมเล็ตได้รับตำแหน่งนายกแล้ว วันต่อมาเขาก็ได้รับมอบงานกับนายกเทศมนตรีเมืองรักษาการแทน ในเมืองเล็กๆ จะไม่มีตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมือง ดังนั้นตามกฎหมายของประเทศแคนาดาแล้ว นายกเทศมนตรีเมืองผู้ช่วยจะเป็นนายกเทศมนตรีเมืองรักษาการแทน


แฮมเล็ตจะให้ความสำคัญกับฉินสือโอวผู้สนับสนุนที่ซื่อสัตย์คนนี้มาก เพราะคำสั่งลงนามครั้งสุดท้ายคือให้เก็บตัวอ่อนจักจั่น และยังเป็นการยื่นคำร้องเกี่ยวกับตัวอ่อนของเขา


ฉินสือโอวเสนอราคารับซื้อห้าดอลลาร์แคนาดาต่อหนึ่งปอนด์ ดูแล้วเหมือนจะไม่แพง เพราะราคานี้ก็สามารถซื้อไข่ไก่ได้ แต่ในเมืองกลับไม่พอใจกัน แต่ถึงอย่างไรก็ถือเป็นโอกาสในการสร้างรายได้


เด็กๆ และผู้สูงอายุในเมืองต่างพากันกระตือรือร้นที่จะทำสิ่งนี้ พอตกเย็นถ้าขยันเก็บหน่อยก็จะทำให้เก็บได้ถึงสิบกว่าปอนด์ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงระบาดของจักจั่นระยะสิบเจ็ดปีพอดี บางครั้งบนต้นไม้ต้นหนึ่งสามารถจับได้มากเจ็ดถึงแปดตัว


เย็นวันนั้น ก็เริ่มมีคนถือขวดตัวอ่อนมาหาฉินสือโอว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเด็กๆ และผู้สูงอายุ เพราะพวกเขามีเวลาและความอดทนมาก มันจะดีแค่ไหนถ้าสามารถหารายได้พิเศษได้?


ฉินสือโอวไปหาเบิร์ดที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ เขาตั้งใจซื้อกล่องรักษาอุณหภูมิมาหลายๆ กล่องเพื่อวางตัวอ่อนชั้นหนึ่งและแยกน้ำแข็งออกอีกชั้นหนึ่ง แล้วส่งไปห้องแช่เย็นเก็บรักษาไว้อีกครั้ง จะทำให้สามารถเก็บได้นานถึงสองสามปีก็ไม่มีปัญหา


อาหารที่มีโปรตีนสูงและไขมันสูง ขอแค่ใช้อุณหภูมิต่ำในการเก็บรักษา อายุการเก็บรักษาก็จะนานมากขึ้น เช่นปลาทูน่าครีบน้ำเงิน จะนำมาเก็บรักษาแบบนี้ ซึ่งปัจจุบันในตลาดญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็จะขายแบบนี้


ถ้านับเวลาแล้วก็พอๆ กัน ฉินสือโอวขับเรือลาดตระเวนไปที่ท่าเรือ ผลคือตอนที่กำลังจอดเทียบท่าก็บังเอิญไปเจอกับตำรวจทางทะเลกำลังตรวจใบขับขี่ พอเป็นเช่นนี้ฉินสือโอวถึงกับปวดประสาท


การขับเรือจำเป็นต้องมีใบรับรองหรือที่เรียกว่าใบขับขี่เรือยนต์ ซึ่งมีหลายประเภท เช่นเรือกลไฟ เรือประมง เรือโดยสารและเรือเล็กทุกชนิด ซึ่งฉินสือโอวยังไม่ได้สอบใบขับขี่เรือยนต์ เพราะไม่มีใครมาตรวจสอบและเขาก็ขับเรือออกไปข้างนอกเองไม่บ่อย


และครั้งนี้ก็ไม่ง่ายที่จะหันหัวเรือกลับ สุดท้ายก็ถูกตำรวจทางทะเลตรวจใบขับขี่ โชคดีที่เขาพานีลเซ็นมาช่วยถือกระเป๋าด้วย พอเห็นตำรวจทางทะเลเข้ามาใกล้ๆ ก็รีบออกจากที่นั่งคนขับทันที


แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตบตาตำรวจทางทะเล หลังจากพวกเขากระโดดขึ้นมาบนเรือลาดตระเวน จึงพูดกับฉินสือโอวโดยตรงว่า “คุณครับ ช่วยแสดงใบขับขี่เรือยนต์ของคุณด้วย พวกเราจำเป็นต้องทำการตรวจสอบ”


ฉินสือโอวกระแอมออกมา นีลเซ็นจึงหยิบเอาใบขับขี่ออกมาให้พวกเขา แต่ตำรวจทางทะเลยังคงจ้องไปที่ฉินสือโอวอยู่ แล้วพูดซ้ำอีกครั้งว่า “คุณครับ ช่วยแสดงใบขับขี่เรือยนต์ของคุณด้วย พวกเราจำเป็นต้องทำการตรวจสอบ”


นีลเซ็นจึงพูดอย่างไม่พอใจว่า “คุณถามหาผิดคนแล้ว คุณตำรวจ ดูสิ ผมเป็นคนขับเรือลำนี้มาตลอดทาง คุณก็ควรจะถามผมสิ”


ตำรวจหนุ่มทางทะเลคนหนึ่งดึงดันพูดว่า “ไม่ใช่คุณ ผมเห็นชัดๆ เลยว่าคุณผู้ชายข้างหน้านี้เป็นคนขับเรือ”


ตำรวจแคนาดาทำงานอย่างละเอียดรอบคอบมากและไม่ง่ายที่จะตบตาพวกเขา รัฐบาลจัดสรรเงินทุนให้กับหน่วยงานต่างๆ ทุกปี ซึ่งเป็นระบบตำรวจจะได้รับเงินมากที่สุด ประชากรทั้งหมดในแคนาดามีมากกว่าสามสิบสามล้านคนและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่าหกหมื่นนาย ซึ่งเป็นกองทัพที่ใหญ่มาก


นีลเซ็นทำได้เพียงพูดเรื่อยเปื่อย “ใช่ คุณไม่ได้ดูผิดหรอก เพราะสุดท้ายคนจอดเรือคือเพื่อนของผม แต่ก่อนหน้านั้นผมเป็นคนขับมาตลอด ที่เขาเป็นคนจอดเรือเมื่อสักครู่นี้ เป็นเพราะว่าผมคิดได้พอดีว่าเขาจะสอบใบขับขี่ ผมเลยถือโอกาสสอนเขาขับเรือ”


“เป็นอย่างนั้นเหรอครับ คุณผู้ชาย?” ตำรวจหนุ่มทางทะเลถามอย่างไม่ยอมรับฟัง


ฉินสือโอวพยักหน้าสุดแรงแล้วพูดว่า “เป็นอย่างนี้แหละ ผมกำลังจะไปสอบใบขับขี่เรือขนาดเล็ก ช่วงนี้ก็เลยกำลังเรียนอยู่”


ตำรวจหนุ่มทางทะเลก็ยังไม่วางใจเขา จึงถามอีกว่า “คุณจะพิสูจน์เรื่องนี้อย่างไร คุณผู้ชาย?”


ฉินสือโอวถูกเขาเรียกคำก็ ‘คุณผู้ชาย’ สองคำก็คุณผู้ชาย ซึ่งมันทำให้เขาไม่พอใจเล็กน้อย และระหว่างนั้นก็อลหม่านวุ่นวายกันอยู่สักพัก ระบบกฎหมายของแคนาดานั้นเข้มงวดมาก อย่าว่าแต่ว่าเป็นเจ้าของแหล่งประมงเล็กๆ แล้วทำผิดกฎหมายเลย แม้แต่การทำผิดกฎหมายต่างๆ ของนายกเทศมนตรีก็ต้องสืบสวนหาความรับผิดชอบ


ยกตัวอย่างเช่นอ็อกเฟอร์จอมซวย เนื่องจากเขาเคยใช้รถยนต์ที่มีท่อไอเสียขนาดใหญ่ จนทำให้ถูกประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งวิพากษ์วิจารณ์ สุดท้ายจึงถูกแผนกตรวจสอบวินัยสอบสวน


และตอนนี้ก็มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกระโปรงทรงเอสีดำวิ่งกระโดดโลดเต้นเข้ามาพร้อมกับถือไมโครโฟนไว้ในมือ แล้วถามว่า “เจ้าหน้าที่ชาร์ลี ขอถามหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอ?”


หลังจากนักข่าวตัวเล็กวิ่งเข้ามา เธอก็ได้พบกับฉินสือโอวแล้วยิ้มขึ้นมาทันที ทั้งคู่รู้จักกัน เพราะนักข่าวตัวเล็กคนนั้นคือแพรีสน้องสาวของแฮมเล็ต


ฉินสือโอวกะพริบตาใส่เธอ แพรีสจึงถามตำรวจหนุ่มทางทะเลดูว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้วเธอจึงพูดว่า “อ้อ คุณผู้ชายคนนี้ จริงๆ แล้วฉันเป็นพยานให้ได้ว่าเขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองแฟร์เวล หลายๆ คนรู้เรื่องที่เขากำลังเรียนขับเรือเพื่อไปสอบใบขับขี่”


ตำรวจหนุ่มทางทะเลสังเกตฉินสือโอวอย่างละเอียดอยู่สักพัก แล้วถามว่า “คุณผู้ชาย คุณคือฉินสือโอวเหรอ?”


ฉินสือโอวพยักหน้าพร้อมลูบคางไปด้วย สีหน้าของเขาจึงผ่อนคลายขึ้นทันที “คุณฉิน ต่อไปไม่ควรเรียนฝึกขับเรือในท่าเรืออีก ผมแนะนำว่าควรไปขับที่ฟาร์มปลาของคุณ จะทำให้หลีกเลี่ยงปัญหายุ่งยากมากมายที่จะตามมาได้”


มีแพรีสช่วยไกล่เกลี่ยให้ เรื่องนี้จึงจบลงเสียที พอขึ้นฝั่งฉินสือโอวถึงรู้ว่า วันนี้เป็นวันบังคับใช้กฎหมายของตำรวจทางทะเล ซึ่งสื่อหลายแห่งกำลังศึกษาและสัมภาษณ์งานของตำรวจทางทะเล


ฉินสือโอวแอบคิดในใจว่าตัวเองดวงซวยมาก จากนั้นเขาจึงเรียกแท็กซี่ไปที่สนามบิน โชคดีที่เขาเดินทางเร็ว จึงทำให้ไม่เสียเวลาในการรับพ่อแม่และคนอื่นๆ ในบ้าน


เนื่องจากมีบัตรวีไอพีของสายการบิน พนักงานต้อนรับที่สนามบินได้รับประกาศว่า เมื่อพ่อของฉินและครอบครัวลงเครื่องแล้วให้เดินไปรับ


พ่อฉินและแม่ฉินรู้สึกร้อนใจเล็กน้อย เมื่อลงเครื่องก็ถูกพนักงานมารับไป พวกเขาคิดว่าคงจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น


เมื่อเห็นฉินสือโอว เสี่ยวฮุยจึงวิ่งกระโดดโผเข้าไปกอดขาอย่างกับหมีโคอาลากำลังห้อยโหนบนตัวเขา


ฉินสือโอวหัวเราะและหมุนตัวสองรอบเปลี่ยนเป็นเสียงร้องไห้เหมือนกับตุ๊กตาหุ่นผ้า จากนั้นจึงปล่อยลง


หลังจากลงมาแล้ว เสี่ยวฮุยก็วิ่งไปซ่อนข้างหลังพี่สาวฉิน แล้วทำปากจู๋พร้อมพูดว่า “คนนิสัยไม่ดี เมื่อกี้ฉันตกใจแทบตาย!”


แม่ฉินจ้องไปที่ฉินสือโอวแล้วพูดว่า “แกนี่นะ ใกล้จะเป็นพ่อคนอยู่แล้ว ยังจะเล่นอะไรไม่รู้เรื่องแบบนี้อยู่อีก แกกลัวว่าเสี่ยวฮุยจะชอบแกมากเกินไปเหรอไง?”


ฉินสือโอวรับกระเป๋าเดินทางมาและให้พนักงานต้อนรับเข็นรถไปส่งที่รถบัสเช่ารับส่งในสนามบิน หลังจากนั้นก็พูดคุยกันอย่างเฮฮาพร้อมกับขึ้นเรือลาดตระเวน


สไตล์การตกแต่งของเรือลาดตระเวนนั้นดูหรูหราและสวยงามมาก หลังจากเสี่ยวฮุยขึ้นเรือ ก็เริ่มจับนั่นจับนี่ในเรืออย่างสนใจ จนลืมเรื่องที่เพิ่งโดนฉินสือโอวแกล้งให้ตกใจไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงดึงมือเขามาถามนั่นถามนี่ด้วยความอยากรู้ไปหมด


นีลเซ็นเริ่มขับเรือ ดวงตาของเสี่ยวฮุยลุกวาวไปมาและถามว่า “คุณลุง คุณขับเรือเป็นไหม?”


ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “แน่นอน นายอยากเรียนไหมล่ะ?”


เสี่ยวฮุยพยักหน้าอย่างสุดแรง แล้วพูดว่า “อยากๆๆ ผมอยากเรียนครับ คุณลุง อนาคตผมอยากขับเรือลำใหญ่ๆ ไม่เหมือนพ่อ ขับแต่รถคันเล็กๆ!”


พี่เขยตบก้นเขาเบาๆ จากข้างหลัง แล้วพูดว่า “แกอยากขับเรือ งั้นก็ต้องตั้งใจเรียน ถ้าขับเรือใหญ่ก็ต้องเก่งภาษา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ และภาษาอังกฤษ ต้องได้หมดทุกอย่าง!”


เสี่ยวฮุยมองดูโลโก้ภาษาอังกฤษบนเรือ หัวเล็กๆ ของเขาก็พยักหน้าไปมา แล้วพูดว่า “ได้!”


จากนั้นเสี่ยวฮุยก็ดึงมือฉินสือโอวมาจะให้เขาขับเรือให้ดู พอฉินสือโอวกำลังจะขับเรือ ก็คิดได้ว่าช่วงนี้มักจะมีเรือลาดตระเวนของตำรวจทางทะเลแล่นในทะเลอยู่บ่อยๆ เขาจึงไม่อยากถูกจับได้อีก


เมื่อขับเรือลาดตระเวนออกมาได้ครึ่งทาง และไม่มีเรือลาดตระเวนของตำรวจทางทะเลแล้ว ฉินสือโอวจึงเปลี่ยนไปขับแทนนีลเซ็น เขาเร่งความเร็วการคุมหางเสือแล้วขับออกไป


บทที่ 807 เรือผีออกโจมตี

Ink Stone_Fantasy

เรือลาดตระเวนกำลังจอดเทียบท่าเรือ เสี่ยวฮุยมองเห็นแผ่นพลาสติกหนาๆ จึงร้องถามด้วยความแปลกใจ “คุณลุง ทำไมถึงมีขวดเยอะขนาดนี้?”


ฉินสือโอวกำลังจะตอบ แต่หู่จือและเป้าจือก็กระโดดโลดเต้นวิ่งเข้ามาที่ท่าเรือเพื่อต้อนรับเขา เสี่ยวฮุยกะพริบตามองทั้งสองตัวนี้ ร้องถามด้วยความแปลกใจต่ออีกว่า “นี่คือหู่จือและเป้าจือใช่ไหมครับ? ทำไมถึงน่าเกลียดขนาดนี้ล่ะ?”


หู่จือและเป้าจือเคยเจอเสี่ยวฮุยสองครั้ง จึงจำได้ขึ้นใจ ด้วยเหตุนี้ตอนที่ฮุยยื่นมือออกมาลูบพวกมัน พวกมันทั้งสองจึงไม่หลบและร้องตะโกนจนทำให้เขาตกใจ แต่จ้องมองวินนี่ที่ยืนอยู่ข้างหลังด้วยความไม่พอใจแทน


ทุกครึ่งเดือนวินนี่จะตัดขนให้พวกมันหนึ่งครั้ง แต่ตอนนี้พวกมันโดนตัดจนเหลือเพียงขนอ่อนเท่านั้น พอเห็นแล้วทำให้พวกมันดูน่าเกลียดมาก


วินนี่ไปเอาความคิดจากไหนมาจัดการเจ้าสองตัวนี้? เธอต้อนรับพ่อฉินและแม่ฉินด้วยการยื่นมือจับแขนของพวกเขาทั้งสองพร้อมกับรอยยิ้มแล้วพูดว่า “คุณอา คุณน้า เดินทางมาเหนื่อยไหมคะ? หนูให้คนงานช่วยกันทำความสะอาดห้องไว้ให้แล้ว จะเข้าไปพักผ่อนสักหน่อยเลยไหมคะ?”


พ่อฉินและแม่ฉินจึงยิ้มกว้างออกมาแล้วยังพูดอีกว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไม่เหนื่อยสักนิดเลย บนเครื่องมีเตียงให้นอนหลับสบายมาก”


มาริโอ้ มิแรนดาและคนอื่นๆ ก็มาต้อนรับครอบครัวฉินสือโอวที่ท่าเรือด้วยเช่นกัน เนื่องจากเคยเห็นผู้สูงวัยทั้งสองในวิดีโอมาบ้าง ดังนั้นพอได้เจอกันก็เลยจำได้ทันที พ่อฉินจับมือกับมาริโอ้อย่างอบอุ่น จากนั้นจึงพูดภาษาอังกฤษว่า “ฮัลโหลๆ เสี่ยวฉิน มายซัน (ลูกชายของผม)…”


มาริโอ้ก็ตอบ ‘ฮัลโหล’ กลับทันที จากนั้นก็พูดว่า “จริงๆ แล้ว ผมคือพ่อของวินนี่ เราสามารถพูดภาษาจีนแบบพื้นฐานได้”


พ่อฉินรู้สึกอายเล็กน้อย จึงแอบคุยกับฉินสือโอวว่า “เป็นอย่างที่ลงในข่าวจริงๆ เหรอ ที่ว่าทั่วโลกกำลังเรียนพูดภาษาจีนน่ะ? เฮ้อ งั้นพ่อของแกก็สนุกแล้วล่ะสิ เขากับเสี่ยวฮุยจะได้เรียนภาษาอังกฤษหลายวันเลย”


เหล่าผู้สูงอายุจึงแนะนำตัวเองให้รู้จัก ฉินสือโอวถือโอกาสแนะนำพ่อและแม่ของเหมาเหว่ยหลงด้วย พ่อฉินรู้จักเหมาเหว่ยหลง เพราะช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนฉินสือโอวเคยพาเขาไปที่บ้านเกิด จากนั้นพอเรียนจบถึงรู้ว่าพ่อของเขาเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในเมืองหลวง


ดังนั้นจึงจับมือกับพ่อเหมา แต่พ่อฉินรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเล็กน้อย เพราะตัวเองเป็นแค่ชาวนาเก่าแก่ธรรมดาๆ เท่านั้น แต่เขาเป็นถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในสถานีตำรวจ เมื่อได้จับมือกับเขาแล้วจึงรู้สึกแตกต่างมาก ฝ่ามือของตัวเองหยาบอย่างกับหนังวัวแก่ แต่ฝ่ามือของเขาทั้งอ่อนนุ่มและมีพลัง


หลังจากนั้นเขาก็ภูมิใจขึ้นมาทันที ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะเป็นอย่างไรล่ะถ้าเขาไม่มีลูกชายที่เปิดฟาร์มปลาขนาดใหญ่ในแคนาดาได้


พวกเขาต่างพากันแยกย้ายเข้าห้องอย่างสนุกสนานครึกครื้น เสี่ยวฮุยมองดูฉงต้าที่กำลังนอนตากอากาศอยู่ใต้แอร์ จากนั้นก็กระโดดขึ้นส่งเสียงร้องด้วยความดีใจและโผเข้าใส่อ้อมแขนของฉงต้าทันที


ฉงต้าที่ไม่พอใจจึงใช้อุ้งเท้าผลักเขาออก แกผลักฉันทำไม พวกเราสนิทกันมากไม่ใช่เหรอ? ไปไหนด้วยกัน อยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิดเคยมีบ้างไหม?


สิ่งที่เสี่ยวฮุยคิดถึงที่สุดคือเพื่อนตัวน้อย มือข้างหนึ่งกอดท้องหู่จือไว้ ส่วนอีกข้างก็ดึงอุ้งเท้าสั้นๆ เล็กๆ ของฉงต้าอย่างสุดชีวิต ซึ่งทำให้ฉงต้าไม่พอใจมาก จะหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น จึงทำได้เพียงปล่อยให้เสี่ยวฮุยทำอย่างนั้นไปอย่างไม่มีความสุข


พี่สาวฉินกลัวว่าเสี่ยวฮุยจะกวนโมโหฉงต้า จึงเข้าไปลากเขาออกมา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เสี่ยวฮุยจะได้เจอเจ้าเพื่อนตัวน้อยเหล่านี้ ทำไมเขาถึงต้องยอมปล่อยมือง่ายๆ ล่ะ?


วินนี่ช่วยคลุกเคล้าสลัดผลไม้ชามเล็กให้กับเขา หลังจากใช้น้ำเชื่อมเมเปิลปรุงรสแล้วจึงส่งให้เสี่ยวฮุย เพื่อให้เขาป้อนให้ฉงต้ากิน


ทันใดนั้นสีหน้าหน้าบูดของฉงต้าก็เปลี่ยนไปทันที มันนั่งลงข้างๆ เสี่ยวฮุยอย่างมีความสุข หางเล็กๆ ของมันก็กวัดแกว่งไปมาอย่างรวดเร็ว


พอถึงช่วงบ่ายพาวลิสและพวกเด็กๆ เลิกเรียนพอดี พอกลับมาเห็นพ่อฉินแม่ฉินและคนอื่นๆ จึงร้องเสียงหวานขึ้น พ่อฉินและแม่ฉินตาลุกวาวทันที เพราะพวกเขาชอบที่ที่มีคนและเด็กเยอะๆ


เชอร์ลี่ย์พากอร์ดอนไปคั้นน้ำเลี้ยงเนื้อเยื่อต้นไม้ และตอนนี้พวกเขาก็เชี่ยวชาญในด้านนี้แล้ว ใครมาก็จะคั้นน้ำเลี้ยงต้อนรับ ซึ่งปกติจะคั้นกันอยู่แล้ว และฉินสือโอวจะรีบดื่มจนแทบจะอาเจียน


เสน่ห์ที่แท้จริงของโลลิต้าคือความไร้เทียมทาน เสี่ยวฮุยพอเห็นเธอก็เก็บอาการสงบเสงี่ยมทันที และทักทายอย่างเขินอาย “พี่เชอร์ลี่ย์ ไม่เจอกันนานเลยนะ สบายดีไหม?”


กอร์ดอนเดินวางท่าไปตบหัวเสี่ยวฮุย แล้วพูดว่า “ไม่เลวนี่ เจ้าเด็กน้อย นายโตมากแล้วนี่นา…โอ๊ย เชอร์ลี่ย์ไว้หน้าฉันบ้าง อย่าดึงหูฉัน!”


พ่อฉินแม่ฉินถูกเด็กๆ หยอกล้ออย่างมีความสุข โลลิต้าเดินเข้ามาดึงแขนเสี่ยวฮุยไว้แล้วพูดว่า “อย่าใส่ใจเด็กอันธพาลพวกนี้เลย เย็นนี้พี่จะพาเธอไปจับตัวอ่อน มันสนุกมากเลยล่ะ”


เชอร์ลี่ย์พูดประโยคเหล่านี้เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งความเร็วในการพูดของเธอเร็วเหมือนกับถั่วปากอ้าดีด เสี่ยวฮุยเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เต็มไปด้วยความงุนงง


พี่สาวฉินเห็นบรรยากาศนั้นก็หัวเราะขึ้นมา จึงบอกกับเชอร์ลี่ย์และเด็กคนอื่นๆ ว่า “พวกเธอและเสี่ยวฮุยอยู่ด้วยกัน ต้องแค่พูดภาษาอังกฤษเท่านั้น อย่าพูดภาษาจีนกลางกับเขานะ ให้เขาได้เรียนภาษาอังกฤษจากพวกเธอ”


“ทำไมเขาถึงอยากเรียนภาษาอังกฤษล่ะ?” เชอร์ลี่ย์เอียงคอถามอย่างสงสัย


เสี่ยวฮุยฟังประโยคนี้รู้เรื่อง จึงคอตกแล้วพูดอย่างท้อใจว่า “เพราะตอนที่เราอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ห้าจะต้องเรียนภาษาอังกฤษและพอถึงเวลาก็ต้องสอบ”


เชอร์ลี่ย์ยังคงไม่เข้าใจ ฉินสือโอวจึงให้พวกเขาพาหู่เป้าฉงหลัวออกไปเล่นกัน เชอร์ลี่ย์จึงเก็บความสงสัยไว้ในใจ แล้วลากเสี่ยวฮุยให้ตามมาและถามอย่างตื่นเต้นว่า “มา ฉันจะแนะนำเพื่อนใหม่ให้เธอรู้จัก นี่คือมาสเตอร์เต่าอัลลิเกเตอร์ ส่วนนี่ปอหลัวกวางอูฐน้อย พวกมันเป็นเด็กดีมากเลยล่ะ”


ช่วงเย็นพ่อฉินและแม่ฉินต้องการเข้าครัวทำอาหาร ฉินสือโอวจึงโบกมือและพูดว่า “เย็นนี้พวกเราจะทานอาหารตะวันตก เพราะตอนนี้เรามีเชฟอาหารตะวันตกที่ยอดเยี่ยมมากอยู่หนึ่งคนที่นี่!”


การ์เซีย พ่อฉินและคนอื่นๆ ทักทายกัน และแซ็กชาวประมงที่ถนัดอาหารตะวันตกจึงเข้าไปเร่งทำอาหารในห้องครัว


เมื่ออยู่ในช่วงกำลังกินอาหารเย็น แอร์แบ็คที่อยู่เวรก็มาหาฉินสือโอว แล้วพูดกระซิบว่า “บอส มีเรือลำหนึ่งทางตะวันตกเฉียงใต้กำลังมาเข้าใกล้ฟาร์มปลาและคาดว่าจะเข้าสู่บริเวณฟาร์มปลาในอีกสองชั่วโมง”


ฉินสือโอวถึงกับขมวดคิ้ว ดี มีเรือประมงขโมยปลาเข้ามาอีกแล้วสินะ? หลังจากที่เรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์สร้างเสร็จก็ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์เลย นับตั้งแต่คืนนี้ไป มาทำให้ชื่อเสียงของเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์แพร่หลายไปถึงแอตแลนติกเหนือกันเถอะ!


จากนั้นเขาให้วินนี่ทานอาหารเป็นเพื่อนบรรดาพ่อแม่ผู้สูงอายุไปก่อน เขาเรียกชาวประมงส่วนหนึ่งไปที่ห้องเรดาห์เพื่อดูสถานการณ์ แล้วพูดว่า “บีบีซวง นายพาแซ็กและทริกเกอร์ไปให้บทเรียนกับเรือลำนี้สักหน่อยสิ”


เรือดำน้ำสองลำมีความยาวประมาณสิบกว่าเมตร ดูเหมือนว่าจะลำใหญ่มาก แต่ความเป็นจริงแล้วพื้นที่ว่างภายในมีไม่มากเท่าไรนัก คนที่ร่างกายกำยำไม่สามารถเบียดกันเข้าไปได้ ดังนั้นมีเพียงบีบีซวงเท่านั้นที่สามารถเป็นผู้ช่วยชาวประมงตัวเล็กๆ ได้


สีหน้าของบีบีซวงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่จะทำให้ชาวประมงเหล่านั้นอับอาย เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “ครับบอส พวกเราตามฉันมา เรือผีจะออกโจมตีแล้ว!”


หลังจากตรวจสอบทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ที่จอดเทียบท่าอยู่ที่ท่าเรือก็ค่อยๆ ดำดิ่งลงไปในน้ำและหายไปในทะเลอันกว้างใหญ่


เพื่อที่จะเก็บเป็นความลับ ปกติแล้วฉินสือโอวจะเอาผ้าใบมาคลุมเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ไว้หนึ่งชั้น การ์เซียและคนอื่นๆ จะรู้ว่ามีเรืออยู่ที่นี่ แต่ไม่รู้ว่าคือเรืออะไร


เมื่อมองเห็นทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล ฉินสือโอวจึงใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนแผ่ลงไปในน้ำเพื่อตามเรือดำน้ำและเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ลงทะเลลึกไป


หลังจากอยู่ท่าเรือได้ไม่นาน ฉินสือโอวจึงได้ยินว่ามีใครบางคนตะโกนเรียก เขาจึงเดินกลับไป ที่แท้ก็มีคนมาขายตัวอ่อน


เมื่อเห็นสีของท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว เชอร์ลี่ย์และเด็กๆ รีบวางตะเกียบลง แล้วถือไฟและขวดไว้ในมือและพาเสี่ยวฮุยวิ่งออกไปจับตัวอ่อน


พ่อฉินและแม่ฉินรู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อย ฉินสือโอวจึงพูดปลอบใจว่า “ให้พวกเขาไปเถอะ ไม่เป็นไรหรอก มีหู่จือและเป้าจือตามไปด้วยอยู่แล้ว”


บทที่ 808 เห็นผีเข้าแล้ว

Ink Stone_Fantasy

เรือไก่ฟ้ามิกาโดเป็นเรือประมงขนาดห้าร้อยตันของแฮลิแฟกซ์ ซึ่งมีอายุประมาณสิบกว่าปีมาแล้วและสามารถตกปลาในมหาสมุทรได้ โดยเฉพาะกุ้งล็อบสเตอร์และปลาค็อด


เรือลำนี้ไม่เคยพบกับช่วงเวลาดีๆ หลังจากที่มันสร้างเสร็จ ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ก็ปิดไปจนแทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว จึงไปได้แค่ทะเลลึกในแถบมหาสมุทรแอตแลนติกหรือวนตามทางไปยังมหาสมุทรแปซิฟิกลึกเพื่อจับปลาและกุ้งเท่านั้น ซึ่งทำให้สิ้นเปลืองและไม่ได้ผลเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์


เมื่อปีที่แล้วกัปตันโรนัลด์ได้รับบทเรียนอันแสนเจ็บปวด จึงตัดสินใจที่จะไม่ไปเสี่ยงอันตรายใต้ทะเลลึกอีก และตัดสินใจอยู่แถบชายฝั่งทะเลเพื่อตั้งใจกับการจับปลาและกุ้งก็พอ และสุดท้ายโชคก็ไม่เข้าข้าง ปีนี้พวกเขาพบเข้ากับการระบาดครั้งใหญ่ของเชื้อโรคในกุ้งล็อบสเตอร์อีก จึงทำให้อุตสาหกรรมกุ้งล็อบสเตอร์บริเวณแถบชายฝั่งทะเลทั้งหมดพังทลายลง!


เดิมทีโรนัลด์ก็หมดหวังแล้ว แต่พอได้ยินคนพูดกันว่าที่เกาะแฟร์เวลมีฟาร์มปลาส่วนตัว นั่นก็แสดงว่าเจ้าของฟาร์มปลาจะต้องเป็นชาวตะวันออกที่ร่ำรวยและหลอกง่ายมากแน่ๆ หลังจากซื้อฟาร์มปลาแล้วก็จะทุ่มเงินเลี้ยงปลาเลี้ยงกุ้ง พอเพาะเลี้ยงได้สองปี ผลเก็บเกี่ยวในฟาร์มปลาแห่งนี้ก็คงจะอุดมสมบูรณ์มากแล้ว


หลังจากได้ยินข่าวนี้ โรนัลด์ก็มีความคิดอื่นขึ้นมาอีก นั่นก็คือการขโมยปลา


ในความเป็นจริง คนที่ทานอาหารในทะเลจะไม่เคยขโมยปลาจากฟาร์มปลาส่วนตัวเลยเหรอ? ดังนั้นหลังจากที่โรนัลด์รู้ว่ามีฟาร์มปลาแบบนี้อยู่ เขาก็รู้สึกดีใจขึ้นมา


เขาไม่กังวลว่าตัวเองจะขโมยปลาได้หรือไม่ได้ แต่เขากังวลแค่ว่าข่าวนี้จะเป็นข่าวปลอมหรือไม่ ถ้าไปเสียเที่ยวผลก็คือจับปลาได้แค่เพียงพอที่จะชดเชยค่าน้ำมันและเงินเดือนของลูกเรือเท่านั้น เขารู้สึกสมเพชเพราะเขาไม่อยากชดเชยค่าเสียหายอีกแล้ว


ต่อมาเขาไหว้วานให้คนไปสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข่าวนี้ค่อนข้างมีความน่าเชื่อถือมาก เพราะเป็นข่าวที่ได้ยินมาจากตระกูลมอร์รี่ ซึ่งพวกเขามีความสำคัญมากในตลาดอาหารทะเลอเมริกาเหนือทั้งหมด


เมื่อเป็นเช่นนี้โรนัลด์จึงเริ่มเตรียมแผนการขโมยปลา เขาติดตามข่าวของเกาะแฟร์เวลมาตลอด และยังได้ยินมาอีกว่ามีคนจำนวนมากไปขโมยปลาที่ฟาร์มปลาแห่งนี้ แต่ดูเหมือนว่าความสามารถในการตรวจจับจะเข้มงวดมาก จึงไม่มีใครสามารถเอาเปรียบได้


โรนัลด์ไม่สนใจ เขาคิดว่าคนพวกนี้ไม่ใช่ว่าจะขโมยผลเก็บเกี่ยวไม่ได้ แต่เป็นเพราะโชคไม่ดีและไม่มีความสามารถพอ จากประสบการณ์การเดินทะเลมากกว่าสามสิบปีของเขา เที่ยงคืนจะขโมยปลาและพอเช้ามืดก็จะหนีไป เขามั่นใจว่าแผนนี้จะต้องได้ผลอย่างแน่นอน


ด้วยความคิดนี้ เขาจึงเรียกลูกน้องชาวประมงมารวมตัวกันเพื่อออกเดินทางจากแฮลิแฟกซ์อย่างเงียบๆ พอถึงช่วงเย็นก็จะเข้ามาใกล้ฟาร์มปลาพอดี


โรนัลด์จะไม่ลงมือตรงๆ คือเขาจะคว้าโอกาสมาให้คนของเขา เขาตัดสินใจว่าจะจอดเรือบริเวณริมฟาร์มปลาเป็นเวลาหนึ่งวันนี้ ซึ่งแบบนี้จะเรียกว่าเป็นการโยนหินถามทาง เพื่อคอยดูปฏิกิริยาของเจ้าของฟาร์มปลา


ถ้าวันถัดไปเจ้าของฟาร์มปลามาไล่ เขาก็แค่อยู่ที่บริเวณริมฟาร์มปลาเพื่อหาจุดจับปลาก็พอ แต่ถ้าไม่มีใครสนใจ เย็นวันถัดไปจะเริ่มเป็นเวลาทำงานที่แท้จริง


เมื่อกินอาหารเย็นแล้ว โรนัลด์จึงให้ไบรอันผู้ช่วยกัปตันเรือพาชาวประมงคนหนึ่งไปเข้าเวรดึก ส่วนคนอื่นๆ ก็ให้ไปนอนได้


โรนัลด์ลุกขึ้นไปปัสสาวะในตอนกลางคืน เขาหยุดอยู่บนดาดฟ้าและกำลังจะควักเอาอะไรบางอย่างออกมา แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเพลงท่อนหนึ่ง…


ใช่แล้ว เพลงท่อนนี้ถูกลมพัดปลิวเข้ามาอยู่ในหูของเขาอย่างไม่ชัดเจน เสียงอันแสนโศกเศร้าเป็นเสียงร้องเพลงเบาๆ ของเด็กสาวคนหนึ่ง และบางครั้งยังมีเสียงถอนหายใจของคนแทรกเข้ามาในเสียงเพลงนั้นด้วย


ตอนแรกโรนัลด์คิดว่าตัวเองหูฟาด เพราะเขาเป็นแบบนี้บ่อยมาก ชีวิตในทะเลค่อนข้างน่าเบื่อจำเจ สมองของมนุษย์จึงหาความสนุกเองโดยอัตโนมัติ จนบางครั้งเมื่อจะได้ยินเสียงลมทะเลก็จะทำให้จินตนาการว่ามันเป็นเสียงเพลง แน่นอนว่าถ้าตั้งใจฟังให้ดีจะพบว่ามันก็แค่หูฟาด ลมทะเลเป็นแค่เพียงลมทะเลไม่ใช่เพลงคันทรีหรือซิมโฟนี


แต่ครั้งนี้โรนัลด์ลองตั้งใจฟังดีๆ เสียงร้องเพลงกลับชัดเจนขึ้น ยิ่งเขาตั้งใจฟังมากเท่าไร เสียงเพลงนี้ก็ยิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆ…


บังเอิญที่มีลมทะเลเย็นๆ พัดผ่านพอดี เสียงแปลกประหลาดที่โรนัลด์ได้ยินก็ถูกพัดไปตามลมทะเลอีกครั้ง และเขาก็ตัวสั่นทันที เขาอั้นปัสสาวะที่ปวดหนักไว้แล้วกลับเข้าไป


เขาคิดว่าผู้ช่วยกัปตันเรือหรือชาวประมงก็คงได้ยินเสียงเพลง แต่เสียงเพลงที่ได้ยินในคืนนี้จะทำให้ผู้คนแตกตื่นไหม? ดังนั้นเขายิ่งโมโหแล้วเดินหุนหันไปที่ห้องควบคุมเรือ เพื่อเตรียมบทเรียนอันโหดร้ายที่ขู่ให้คนของพวกเขาตกใจกลัว


แต่ตอนที่เขากำลังเดินอยู่ระหว่างทางเดินด้านข้างของเรือที่เป็นทางไปห้องควบคุมเรือ ดวงตาของเขาก็สะดุดเข้ากับสิ่งที่อยู่ท้ายเรือ ทันใดนั้นร่างของเขาก็แข็งทื่อและมีเหงื่อท่วมจนเลือดแข็งตัว…


เขาเห็นเพียงเรือโดยสารลำหนึ่งที่เต็มไปด้วยสาหร่าย วัชพืชในน้ำกำลังลอยขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างเงียบๆ ที่ปีกด้านข้างของท้ายเรือซึ่งห่างจากเรือไก่ฟ้ามิกาโดไม่เกินสิบเมตร มันแทบจะลอยเข้ามาใกล้กันอยู่แล้ว


เรือโดยสารลำนี้จริงๆ แล้วชำรุดทรุดโทรมมาก ผ้าใบเสากระโดงเรือก็เปื่อยยุ่ยและมีรอยแหว่งอยู่ข้างบน รอยแหว่งนั้นยังมีเปลือกหอยติดอยู่ ตัวเรือเต็มไปด้วยคราบสนิมและยังมีรอยร้าวแยกออกจากกันหลายจุด บนหัวเรือยังมีรูขนาดใหญ่ โรนัลด์สาบานว่าเขาเห็นคลื่นน้ำทะเลซัดเข้าไปในรูขนาดใหญ่ของหัวเรือ


แต่ที่แปลกประหลาดคือ หัวเรือของเรือลำนี้แตกจนเป็นรูขนาดใหญ่ สิ่งที่น่าสงสัยคือมันไม่จม เรือกลับล่องได้อย่างมั่นคงในน้ำทะเลและสิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งกว่านั้นคือคลื่นทะเลกลับซัดใส่ไม่หยุด ซึ่งเรือไก่ฟ้ามิกาโดก็ลอยท่ามกลางคลื่นน้ำทะเลเช่นเดียวกัน แต่เรือลำนี้กลับดูเหมือนว่าถูกฝังรากลงไปในน้ำ เพราะลอยอยู่ในน้ำก็จริงแต่แทบจะไม่ขยับตัวเลย


ไม่นาน สายตาของโรนัลด์ก็มองเหยียดตรงไปและความรู้สึกกลัวอย่างแรงก็แผ่ไปทั่วร่างกายของเขา เหมือนว่าน้ำเย็นที่ล้นทะลักมาตามพื้นไหลผ่านเท้าของเขา เขาจึงใช้ตัวกั้นน้ำเย็นๆ นั้นเอาไว้


เช่นเดียวกับปลาค็อดแช่แข็งในห้องเก็บความเย็น!


โชคดีที่โรนัลด์เคยผ่านประสบการณ์เป็นผู้กล้าคลื่นลมคลื่นทะเล ในช่วงเวลาวิกฤติเขาจะเอาความกล้าหาญของตัวเองออกมา เขาใช้ฟันกัดปลายลิ้นเพื่อทำให้เกิดความเจ็บปวด เขาจะได้รับอำนาจควบคุมร่างกายอีกครั้งและไล่ความรู้สึกกลัวนี้ออกไป จากนั้นจึงเดินโซซัดโซเซเข้าไปในห้องโดยสารเรือที่อยู่ไม่ไกล


“พระเจ้า! ซาตานมาแล้ว…”


ชายสองคนที่กำลังนอนกรนอยู่ในห้องบังคับเรือ คนหนึ่งนอนฟุบบนสะพานเดินเรือ ส่วนอีกคนนอนหงายบนเก้าอี้เอนนอน ขาทั้งสองข้างมัดไว้กับม้านั่ง


โรนัลด์รีบเข้าไปในห้องขับเรือ ไม่นานก็ชนเข้ากับม้านั่งจนสะดุดล้มลงบนพื้น ทันทีหลังจากนั้นเขาก็ตกใจจนร้องเสียงดังขึ้นมา


ม้านั่งถูกกระแทกจนแยกออกจากกัน ชายที่อยู่บนเก้าอี้เอนนอนลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ แล้วพูดด้วยความร้อนรนว่า “ใครร้อง? ร้องอะไร? เห็นผีใช่ไหม?!”


เมื่อมองดูรอบๆ ตัวเองก็ตกใจกลัวจนปัสสาวะแทบราด คิดไม่ถึงว่าผู้ช่วยกัปตันเรือไบรอันและลูกเรือยังหลับฝันหวานได้อยู่อีก ในใจเขารู้สึกโกรธ จากนั้นเขาจึงกระโดดเตะไบรอัน แล้วตะโกนเสียงดังขึ้นว่า “หลบไปสิ! โธ่เอ๊ย! ฉันให้พวกนายมาเข้าเวร ไม่ได้ให้พวกนายมานอนหลับแบบนี้! พวกนี้มันโง่จริงๆ! ตายๆ ไปเถอะพวกนี้! ไสหัวไป!”


เรือประมงลำเล็กธรรมดาๆ จะไม่มีระดับชั้นที่เข้มงวดเท่าไรนัก ไบรอันจึงถูกเตะอย่างเจ็บปวด เขาลุกขึ้นยืนแล้วจ้องไปที่โรนัลด์และตะโกนว่า “ผมว่าผมเป็นผู้ช่วยคุณนะ คุณเป็นบ้าอะไร? หรือว่าคุณถูกผีสิง….”


ไม่รู้ว่าไปเอาแรงมาจากไหน โรนัลด์ดึงเสื้อแบลร์แล้วลากเขาไปที่หน้าประตูและผลักเขาออกไป จากนั้นก็เข้าไปลากชาวประมงวอลเตอร์อีกครั้งและเตะตูดของเขาออกไป


วอลเตอร์ยืนไม่นิ่งจึงถูกเตะไปชนกับแคมเรือ ทันใดนั้นเขาก็หยิบกระเป๋าของพี่ใหญ่ขึ้นมา แล้วเขาตะโกนด้วยความโกรธว่า “พระเจ้า พระเจ้า โรนัลด์เป็นบ้าไปแล้ว! เขาต้องถูกผีสิงแน่ๆ! ไม่ทำแล้ว ไม่ทำแล้ว ไบรอัน พวกเรากลับไปแล้วลาออกกันเถอะ?”


วอลเตอร์บ่นอย่างไม่พอใจกับไบรอัน สุดท้ายจึงพบว่าผู้ช่วยกัปตันเรือที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขากลับไม่สนใจเขาเลยสักนิด อีกทั้งยังอ้าปากค้างและตาเบิกกว้างจ้องมองไปที่ท้ายเรืออย่างคนไร้สติ แล้วยังพูดอย่างไม่พอใจว่า “นี่นายหมายความว่าอะไร? เห็นผีเหรอ?”


วอลเตอร์พูดพลางหันหลังกลับไป จากนั้นเขาก็เห็นผีเข้าแล้ว!


บทที่ 809 เดินเรือกลับ

Ink Stone_Fantasy

ต่อมาก็มีเสียงกรีดร้องน่ากลัวดังขึ้น โรนัลด์ที่อยู่ในห้องขับเรือเงยหน้าขึ้นอย่างสิ้นหวัง ไม่ใช่เพราะเขารู้สึกหลอน ไม่ใช่เพราะภาพลวงตา แต่มันมีเรือลำหนึ่งที่น่าจะจมลงที่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติกได้ปรากฏขึ้นที่ท้ายเรือของเขาจริงๆ!


ด้วยสัญชาตญาณ เขาจึงปิดประตูเรือ ใช้หลังดันประตูเรือไว้แล้วใช้มือจับผมที่ยุ่งเหยิง ผมเขายุ่งจนแม้แต่ปรมาจารย์อิมเพรสชันนิสยังดูไม่ออกว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร


วอลเตอร์และไบรอันกระแทกประตูอยู่ข้างนอกอย่างแรงและโรนัลด์ก็ดันไว้จนสุดแรง จากนั้นภาวนาให้พระเจ้าคุ้มครองอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วพึมพำพูดว่า “โมเสสบอกกับประชาชนว่า ‘ไม่ต้องกลัว ขอแค่หยุดอยู่ตรงนั้น! แล้วดูความช่วยเหลือที่พระยะโฮวาจะมอบให้กับพวกคุณในวันนี้ เพราะชาวอียิปต์ที่พวกคุณเห็นในวันนี้จะไม่มีวันได้เห็นอีกต่อไป’…”


“โมเสสบอกกับประชาชนว่า ‘ไม่ต้องกลัว เพราะว่าพระเจ้ากำลังมาเพื่อทดสอบพวกคุณ ให้พวกคุณเคารพเขาเสมอและไม่ทำบาป’… โอ้ ไม่เลยพระเจ้า ฉันกลัวมาก สิ่งนั้นมันคืออะไรกันแน่!”


โรนัลด์ที่กำลังสวดอ้อนวอนด้วยความกลัวอยู่นั้น จู่ๆ เสียงวิทยุก็ดังขึ้น ‘ซือซือซือ’ เขารีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว แล้วเสียงเย็นชาก็ดังขึ้น “…ต้องการความช่วยเหลือ ซือซือ ซือซือ…พวกเราตายแล้ว…”


ประโยคสุดท้ายทำให้คุณกัปตันตกใจจนเข่าแทบทรุดลงกับพื้น เขาจึงรีบเปิดประตูเรือเพื่อต้องการจะไปอยู่กับผู้ช่วยกัปตัน


แต่วอลเตอร์และไบรอันที่อยู่ข้างนอกเห็นว่าก่อนหน้านี้กระแทกประตูยังไงก็ไม่เปิด จึงวิ่งหนีแล้วรีบเข้าไปในห้องโดยสารเรือ


ด้วยเสียงกรีดร้องอันน่ากลัวของพวกเขา เรือไก่ฟ้ามิกาโดก็สว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวประมงสิบกว่าคนตื่นขึ้นมาจากฝันพร้อมกับบ่นพึมพำแล้วเดินออกมา


“พวกนายจะให้พวกเรานอนพักหน่อยได้ไหม? พระเจ้า พระเจ้า!” ขณะเดียวกันดาร์เรนแพทย์ประจำเรือซึ่งเป็นชาวประมงที่เก่าแก่ที่สุดของเรือไก่ฟ้ามิกาโดก็เดินออกมาอย่างไม่พอใจเช่นกัน สุดท้ายเขาจึงถูกวอลเตอร์ดึงเอาไว้


วอลเตอร์ดึงแขนของดาร์เรนด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เวลานี้เขาแทบจะไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลย เขาเพียงแต่ร้องฮือฮือ แล้วใช้มืออีกข้างชี้ไปที่ท้ายเรือ


ดาร์เรนจึงออกไปดู เสียงกรีดร้องก็ดังกังวานขึ้น


จากนั้นไม่ช้า ชาวประมงทั้งหมดก็เห็นเรือชำรุดที่อยู่ท้ายเรือและมีคนพบว่าเรือลำนั้นไม่มีกัปตันเรือ ต่าพากันกรีดร้องขึ้น “โรนัลด์ล่ะ? โอ้ พระเจ้า โอ้ พระเยซูคริสต์! โอะ โรนัลด์ โรนัลด์ผู้โชคร้าย! เขาตายแล้วเหรอ? เขาถูกเรือผีพาไปแล้วใช่ไหม?”


“บ้าเอ๊ย หุบปากไปเลย! เบวิส นายให้ฉันหุบปากเหรอ! นั่นมันไม่ใช่เรือผี! ไม่มีหรอกเรือผีอะไรนั่น! มันก็แค่เรือลำหนึ่ง…”


“งั้นนายบอกพวกเราได้ไหม ฮิล ว่าที่อยู่ท้ายเรือนั่นมันคือเรืออะไร? พวกนายไม่ได้ยินเสียงอะไรเหรอ? เสียงเพลง! เสียงเพลงของผู้หญิง!”


“ใช่ๆ ฮิล ถ้านั่นไม่ใช่เรือผี ถ้าอย่างนั้นโรนัลด์ไปอยู่ที่ไหนล่ะ?”


ชาวประมงต่างคนต่างแย่งกันพูดด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว ในขณะเดียวกันผู้ช่วยกัปตันเรือไบรอันก็มีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมา เขาร้องตะโกนว่า “โรนัลด์ ไอ้คนขี้ขลาดนั่นก็หลบอยู่ในห้องขับเรือไงล่ะ! ไอ้คนหัวดื้อนั่นน่ะ ขอให้พระเจ้าลงโทษเขาทีเถอะ! เขาปิดประตูใส่เราเหมือนกับเต่าที่เอาแต่มุดหัวอยู่ในกระดอง!”


หลายคนมีความกล้าหาญมากและมีคนกล้าไปเปิดประตู พวกเขาจึงเห็นสีหน้าของโรนัลด์ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว


เดิมทีโรนัลด์กลัวมาก แต่ตอนนี้เขาได้ยินเสียงอึกทึกวุ่นวายของลูกน้องและเห็นคนมากมาย จึงทำให้มีความกล้าขึ้นมา หรือจะพูดได้ว่าเขาไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าลูกน้อง เขาบังคับตัวเองให้ยืนขึ้น แล้วตะโกนว่า “ทุกคนอย่าไปกลัว…”


“กัปตัน คุณควรยืนให้มั่นคงก่อนค่อยพูด ขาทั้งสองข้างของคุณสั่นอะไรขนาดนั้น? แล้วทำไมคุณต้องกัดฟันด้วย?” ไบรอันพูดด้วยอารมณ์ที่แค้นเคือง วอลเตอร์ก็เห็นด้วยกับเขา ทั้งสองไม่สามารถลืมสภาพที่น่าเวทนาตอนที่ถูกทอดทิ้งไว้อยู่ข้างนอกได้


โรนัลด์จ้องมองไปที่ไบรอันด้วยสายตาโหดร้าย แล้วด่าว่า “พระเจ้า ไบรอัน นายนี่มันเลวจริง! ฉันถามนายหน่อย คืนนี้นายและวอลเตอร์เป็นคนเข้าเวรไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้? เรือลำนี้ออกมาตั้งแต่เมื่อไร?”


ไบรอันและวอลเตอร์พูดอะไรไม่ออกทันที ใครมันจะไปรู้ว่าเรือลำนี้โผล่มาตั้งแต่เมื่อไร? พวกเขาทั้งสองนอนหลับไม่รู้เรื่อง จะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งนี้คืออะไร?


ในที่สุดดาร์เรนผู้อาวุโสที่มีนิสัยมั่นคงและใจเย็น ก็ขมวดคิ้วพร้อมตะโกนว่า “หยุดทะเลาะกันได้แล้ว ตามฉันมาดู ใครว่าเป็นก็เป็น ใครว่าไม่เป็นก็มาดูกันเองว่ามันเป็นเรืออะไรกันแน่? เราต้องไปดูให้เห็นกับตาก่อนแล้วค่อยพูด!”


พูดจบ ดาร์เรนเดินออกไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว จากนั้นก็เห็นไม่มีใครตามเขามาเลยสักคน พวกเขารวมอยู่ด้วยกันและมองเขาด้วยความกลัวจนหัวหด


ดาร์เรนโมโหมาก จึงตำหนิพวกชาวประมง แล้วให้ทุกคนไปที่ท้ายเรือด้วยกัน


ซึ่งตอนนี้ เรือลำนั้นที่จอดอยู่ท้ายเรือเริ่มห่างไกลออกไป อีกทั้งยังมีหมอกจางๆ ปรากฏขึ้นรอบๆ ตัวเรือ จึงทำให้มันดูเลือนรางเป็นอย่างมาก แต่ทุกคนก็สามารถยืนยันได้ว่านี่ไม่ใช่ภาพลวงตา มันมีเรือลำนี้จริงๆ!


มีคนยกไฟฉายในมือขึ้นมาส่องดู ลำแสงสีขาวอ่อนๆ ที่เหมือนกับดาบอันแหลมคมได้ทะลุผ่านความมืดและส่องเข้าไปบนเรือ จากนั้นโรนัลด์ตะโกนว่า “ทุกคนยกไฟฉายขึ้น ตัวเรือมีชื่อเรืออยู่ ให้เราตั้งใจดูให้ดี ว่ามันชื่อว่าอะไร…”


“มันคือเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์” เสียงของวอลเตอร์ดังขึ้น


“สายตานายดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” โรนัลด์หันกลับไปดูอย่างแปลกใจและเห็นวอลเตอร์กำลังยกกล้องส่องทางไกลขนาดเล็กในมือส่องดู


ฮิลตบไหล่วอลเตอร์เบาๆ แล้วพูดชื่นชมเขาว่า “วอลเตอร์ นายนี่แน่มาก คิดไม่ถึงว่าจะกล้าใช้กล้องส่องทางไกลส่องดูเรือลำนั้น แต่พูดถึงเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? เอ๊ะ ดาร์เรน ทำไมสีหน้าคุณดูไม่ดีเลยล่ะ?”


ดาร์เรนมองที่วอลเตอร์อย่างตกตะลึง และถามด้วยน้ำเสียงสิ้นหวังว่า “ตายแล้ว นายเห็นจริงๆ ใช่ไหม เห็นชื่อที่เขียนลงไปจริงๆ ใช่ไหม มันเขียนว่าฟะ ฟะ ฟะ ฟลาว…”


“เรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ มันคือเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ ไม่ผิดแน่นอน” วอลเตอร์ยืนยันอีกรอบ “ทำไมเหรอ?”


คนอื่นๆ จึงพากันหันไปมองที่ดาร์เรน และคนที่นั่งอยู่บนดาดฟ้าของเรือจึงพูดพึมพำว่า “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์เหรอ จะเป็นเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ได้อย่างไร? มันเป็นเรือที่จมอยู่ในน้ำมาร้อยกว่าปีแล้วนะ!”


“อะไรนะ?!” ทุกคนต่างตัวสั่นด้วยความกลัว แม้ว่าพวกเขาจะเตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเรือผีมาอย่างดีแล้วก็ตาม แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงๆ พวกเขาก็ยังรู้สึกว่ามันยากที่จะยอมรับ


ไบรอันแทบจะกลืนน้ำลายไม่ลง สีหน้าของเขาที่ยิ้มออกมาเหมือนจะร้องไห้แถมยังดูไม่ได้อีกด้วย “อย่าขู่ให้พวกเรากลัวนะดาร์เรน…”


“ใครจะไปทำอย่างนั้นกับพวกนายกันล่ะ?!” ดาร์เรนกระโดดขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตาทั้งข้างของเขาจ้องมองด้วยความโมโหพร้อมกับตะโกนว่า “หนึ่งปีก่อนที่เรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์และเรือไททานิคจะจมลง ได้รับผู้โดยสารที่เพิ่งแต่งงานกันสองคู่และจมลงที่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก อีกทั้งตอนนั้นที่เรือออกไปช่วย วิทยุได้รับข้อความข้อความหนึ่ง…”


“พวกเรา พวกเราตายแล้ว?!” โรนัลด์ยังพูดต่ออย่างหวาดกลัว


ดาร์เรนมองไปที่โรนัลด์แล้วพูดว่า “นายรู้ข่าวลือนี้ด้วยเหรอ?”


โรนัลด์ส่ายหัวด้วยสายตาที่ว่างเปล่า แล้วชี้ไปที่ห้องขับเรือและพูดว่า “วิทยุของเราก็ดะ ดะ ดะ ดะ ได้ ฮือฮือ ได้รับข้อความบ้าๆ นั่น!”


พูดๆ อยู่ ชายสูงอายุก็ร้องไห้โฮออกมา


และตอนนี้ฮิลชี้ไปที่เรือแล้วตะโกนว่า “ดูนั่นเร็ว มันเข้ามาใกล้อีกแล้ว…”


เรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์กำลังลอยไปมาอยู่ในน้ำ หมอกรอบๆ ตัวเรือก็เริ่มหนามากขึ้น มันค่อยๆ เข้ามาใกล้จริงๆ ด้วย ในขณะเดียวกันเสียงร้องเพลงรางๆ ของผู้หญิงบนเรือก็ลอยเข้ามาในหูของพวกเขา


โรนัลด์กรีดร้องอย่างหวาดกลัวและตะโกนต่อว่า “ดูที่เจแปด! แล้วรีบขับเรือ เดินเรือกลับ!”


บทที่ 810 อาหารเช้าจากบ้านเกิด

Ink Stone_Fantasy

แซ็กหัวเราะดังลั่นอยู่ในเรือดำน้ำ แล้วพูดว่า “นี่ พวกนายว่าที่เราทำแบบนี้มันจะแรงไปหรือเปล่า? ปล่อยเสียงเพลงออกไปให้คนตกใจกลัวและยังเอาน้ำแข็งแห้งไปวางไว้ข้างนอกอีก ถ้าเกิดพวกนั้นตกใจกลัวจนตายขึ้นมาจะทำอย่างไร?”


“ก่อนจะทำผิดกฎหมาย พวกเขาต้องเตรียมพร้อมรับผลกรรมไว้อยู่แล้ว” ทริกเกอร์เล่นกรรไกรตัดเล็บในมือพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าพวกเขาไม่ออกมาขโมย แล้วทำไมต้องกลัวด้วย?”


บีบีซวงได้ติดตั้งกล้องผ่านเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์เพื่อดูความเคลื่อนไหวของเรือไก่ฟ้ามิกาโด แล้วพูดว่า “โอเค เพื่อนๆ งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเรากลับได้แล้ว คิดว่าพรุ่งนี้คงจะเริ่มมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเรา แล้วต้องเล่าลือไปถึงแอตแลนติกเหนือแน่นอน”


กลางดึกฉินสือโอวพาชาวประมงสองสามคนไปรอเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์กลับมาที่ท่าเรือ เรือที่น่าหวาดกลัวลำนี้ค่อยๆ โผล่ออกมาจากทะเลทำให้กลุ่มชาวประมงสั่นไปทั้งตัว ชาร์คถอนหายใจแล้วพูดว่า “ที่น่าสงสารก็คือเรือไก่ฟ้ามิกาโด ขอให้พระเจ้าคุ้มครองมันด้วยเถอะ!”


หลังจากเอาผ้าใบมาคลุมเรือแล้ว ฉินสือโอวจึงขอให้ทุกคนเก็บเป็นความลับแล้วกลับไปนอน วินนี่ถามอย่างสงสัยว่าเขาไปทำอะไรมา เขาหัวเราะคิกคักแล้วจูบลงบนหน้าผากที่ขาวสะอาดของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ไปจับตัวอ่อนมาน่ะ คุณนอนเถอะ”


“อืม คุณนี่ชอบกินสิ่งนี้จริงๆ เลยนะ” วินนี่ไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วหมุนตัวกลับไปนอน


ฉินสือโอวชอบตัวอ่อนทอดจริงๆ เขารู้สึกว่าถ้าเอามันมาทอดเนื้อน่าจะอร่อยกว่าไส้กรอกทอดอีก เพียงแค่ใช้น้ำเกลือและผงเครื่องเทศห้าอย่างใส่ลงไป หรือจะเพิ่มพริกไทยดองเพื่อให้รสชาติดีขึ้นก็ได้ เมื่อใช้น้ำมันทอดก็จะทั้งอร่อยและยังมีคุณค่าทางโภชนาการ


เช้าวันรุ่งขึ้นเขาตื่นมาวิ่งตามปกติ อุปกรณ์ออกกำลังกายที่แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ สั่งซื้อยังมาไม่ถึง ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงแบกระสอบทรายวิ่งไปบนชายหาด โชคดีที่นีลเซ็นและเบิร์ดสร้างโรงยิมแบบง่ายๆ ไว้บนชายหาด มีทั้งบาร์คู่ บาร์เดี่ยวและที่กระโดดกบ ที่สามารถใช้ฝึกได้


นีลเซ็นแขวนกระสอบทรายไว้ใต้ต้นไม้ แบล็คไนฟ์สวมเสื้อกล้ามเพื่อไปซ้อมชกมวยในตอนเช้า เขามีฝีเท้าว่องไวยืดหยุ่นและเป็นระเบียบ องศาหมัดก็มีเล่ห์เหลี่ยมและทรงพลังมาก และช่วงนี้ฉินสือโอวกำลังเรียนต่อยมวยกับเขา


ครั้งก่อนที่เขาเข้าร่วมกิจกรรมท่องเที่ยวของเจ้าของฟาร์มปลา เขาถูกรีดไถในเซนต์จอห์น เป็นผลให้เขาต้องเผชิญหน้ากับวัยรุ่นเจ็ดถึงแปดคน เขาล้มพวกมันไปสองสามหมัด เป็นการลิ้มรสการต่อสู้


ถ้าพูดถึงแค่เรื่องการชกมวยและการต่อสู้ แบล็คไนฟ์มีทักษะที่ยอดเยี่ยมกว่าเบิร์ดและนีลเซ็นมาก เพราะเขาเป็นมืออาชีพในด้านนี้ ฉินสือโอวจึงตั้งใจขอคำแนะนำจากเขามากเป็นพิเศษ


แบล็คไนฟ์จะซ้อมมวยสักพัก เขาใส่นวมชกมวยเพื่อฝึกสอนท่าพื้นฐานให้กับฉินสือโอว


“มา บอส เข้ามาเลย ผมจะดูระดับการชกมวยของคุณ” แบล็คไนฟ์พูด


ฉินสือโอวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดว่า “แบบนี้จะดีเหรอ? ฉันค่อนข้างมีฝีมืออยู่นะ”


แบล็คไนฟ์หัวเราะแล้วพูดว่า “คุณอาจจะมีฝีมือได้ แต่ผมเป็นมืออาชีพนะบอส มืออาชีพกับมือสมัครเล่นมันมีความต่างกันมากอยู่นะ”


ฉินสือโอวมองเขาด้วยท่าทางมั่นใจ แล้วถามว่า “นายแน่ใจนะ? ให้ฉันโจมตีนายจริงๆ เหรอ?”


แบล็คไนฟ์กวักมือเรียกเขาเข้ามา แล้วพูดว่า “แน่ใจ คุณอยากฝึกต่อยมวย ดังนั้นผมต้องเข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนของคุณ แบบนี้ถึงจะสามารถชี้แนะท่าทางของคุณได้”


ฉินสือโอวพยักหน้า แล้วสวมนวมหนาพร้อมสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นหมัดคู่ก็อัดเข้าหน้าอย่างแรง เขาก้าวเท้าเข้าไปใกล้ๆ แบล็คไนฟ์ พวกเขาห่างกันประมาณสามถึงสี่เมตร เขาก็บิดเอวและก้าวสลับไปมาอย่างรวดเร็ว พลังอันบ้าคลั่งของเขาก็ระเบิดออกมา!


เทคนิคในการชกพื้นฐาน ฉินสือโอวใช้หมัดซ้ายป้องกันที่หน้าของเขา ส่วนหมัดขวาเป็นเหมือนกับกระสุนปืนใหญ่ที่กำลังยิงส่องแสงออกไป และหมัดของเขาก็ชกลงไปที่หน้าของแบล็คไนฟ์ทันที ทีมสีแดงจึงล่วงลงอย่างรวดเร็วเหมือนกับดาวตก


แบล็คไนฟ์ตกตะลึงมาก เขาอยากต่อสู้อย่างใกล้ชิด จากนั้นจึงใช้แรงตอบโต้และฝีเท้าเพื่อหลบ แต่การต่อยหมัดสลับกันแบบนี้ ทำให้เขาหลบไม่ทันอย่างไม่คาดคิดมาก่อน จึงทำได้เพียงตั้งแขนไว้ที่หน้าอกเพื่อป้องกันหมัด


เสียงอึกทึกครึกโครมดัง ‘ปัง’ แบล็คไนฟ์ถูกชกจนตัวพลิกกลับ ร่างกายสูงใหญ่แข็งแรงก็ถูกทิ้งลงบนชายหาด เหมือนกับหินก้อนใหญ่ที่หล่นลงพื้น


คนอื่นๆ ที่ออกกำลังกายกันอยู่ก็หัวเราะขึ้นมา แอร์แบ็คจึงเป่านกหวีด แล้วพูดอย่างโอ้อวดว่า “แบล็คไนฟ์ เพื่อนยาก ฝีมือการแสดงของแกพัฒนาไปอีกขั้นแล้วนะ!”


พวกเขารู้ศักยภาพของแบล็คไนฟ์ดี ดังนั้นจึงคิดว่านี่คือการแสดงของเขา เพื่อทำให้ฉินสือโอวมีความมั่นใจมากขึ้น


แบล็คไนฟ์ลุกขึ้นมาอย่างหน้าเสียและไม่พูดถึงเรื่องการสอนทักษะการต่อสู้กับฉินสือโอวอีกต่อไป เขาสะบัดแขนทั้งสองข้างแล้ววิ่งกลับอพาร์ทเม้นท์ไปด้วยความเศร้าหมอง จากนั้นเมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ก็มีกลิ่นแอมโมเนียอย่างรุนแรงบนตัวเขาและยังมีผ้าพันแผลพันอยู่ที่มือของเขาด้วย


“พระเจ้า นายไปทำอะไรมา?” ทริกเกอร์เอ่ยปากถามอย่างที่ไม่เคยถามมาก่อน


สีหน้าของแบล็คไนฟ์เต็มไปด้วยความผิดหวัง แล้วด่าว่า “ฉันจบเห่แล้ว! ให้ตายเถอะ ฉันเจ็บจะตายอยู่แล้ว! พวกนายไปลองต่อยกับบอสแบบนี้ดูสิ เดี๋ยวก็รู้ว่าฉันไม่ได้แสดง แต่เขาคือปีศาจ!”


จุดสำคัญของการต่อสู้คือการผสมผสานระหว่างพละกำลัง ความเร็ว ความสามารถในการตอบโต้และความสามารถในการต่อต้าน ขอเพียงแค่ทำสี่จุดนี้ได้ดีจนถึงจุดสูงสุด แม้เป็นมือใหม่ที่ไม่เคยได้รับการฝึกฝนมาก่อน ก็สามารถโจมตีปรมาจารย์การต่อสู้ระดับโลกได้


แต่ในแง่ของพละกำลัง ความเร็ว ระบบประสาทในการตอบโต้และความสามารถในการต่อต้าน ใครจะสู้ฉินสือโอวได้?


หลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉินสือโอวก็ลงไปที่ห้องครัวแล้วเห็นพ่อกำลังทอดตัวอ่อนให้เขาอยู่ มีจานใบเล็กๆ อยู่ข้างๆ และใช้ผงพริกและผงยี่หร่ามาเป็นเครื่องปรุงรส


ฉินสือโอวหัวเราะพร้อมกับหยิบตัวอ่อนจิ้มกินกับเครื่องปรุงรส แล้วโอบไหล่พ่อฉินพร้อมพูดอวดว่า “หอมจริงๆ เลยนะพ่อ รสชาติเหมือนกับที่เคยตอนเด็กๆ เลย!”


แม่ฉินให้เขาไปเตรียมถ้วยชามกับตะเกียบ ส่วนเธอจะทำโจ๊กผัก โดยจะใช้ไข่ไก่สดผสมกับแครอท ผักโขมและใบผักกาดขาว ต้องต้มให้เดือดสักพัก จากนั้นเอาข้าวลงไปต้มด้วยกัน สุดท้ายเมื่อยกหม้อออกมาก็จะหยดน้ำมันงาผสมกับผงเครื่องเทศห้าชนิดให้เข้ากัน จากนั้นจะทำให้มีกลิ่นหอมและรสชาติกลมกล่อม


ในขณะที่ต้มโจ๊กอยู่ แม่ฉินก็เริ่มนวดเส้นลิงกวีเน เธอพูดว่า “วินนี่ชอบกินเส้น งั้นแม่จะทำก๋วยเตี๋ยวซี่โครงหมูสาหร่ายทะเลให้หนู แม่ไปถามคนที่บ้านมา นี่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับคนท้องเลยนะ ซี่โครงหมูมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีแคลเซียมเยอะ  ส่วนสาหร่ายทะเลประกอบไปด้วยไอโอดีน ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียม ซึ่งเป็นผลดีต่อกระดูก อวัยวะภายในและพัฒนาสมองของเด็กในท้องด้วย”


พ่อฉินยิ้มพลางพยักหน้าไปด้วย ซุปกระดูกหมูเริ่มจะเดือดแล้ว และต่อไปจะใช้สเต๊กเนื้อวัวชิ้นเล็ก ซึ่งข้างในจะเต็มไปด้วยต้นหอมสับและขิงหั่นฝอยเพื่อกำจัดกลิ่นคาวและเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ


พอซุปกระดูกหมูเดือดพอประมาณ พ่อฉินก็หั่นสาหร่ายทะเลเป็นเส้นๆ แล้วเอาลงไปต้มกับซุปกระดูกหมู เมื่อต้มจนซี่โครงหมูและสาหร่ายทะเลเปื่อย เขาก็จะใส่เส้นลงไปต้มต่อ หลังจากนั้นสี่นาทีก็ยกหม้อออกก็ถือว่าเป็นอันเสร็จ


ฉินสือโอวถามว่า “ไม่ต้องใส่เกลือเพิ่มเหรอ?”


พ่อฉินตักก๋วยเตี๋ยวพลางพูดไปด้วยว่า “ไม่ต้องรีบ ฉันเคยเห็นในทีวีเขาบอกว่า เวลาคนอเมริกันกินข้าวจะใส่เกลือเอง พอถึงตอนนั้นก็ให้วินนี่ใส่เองเถอะ เธอจะกินแค่ไหนก็ใส่แค่นั้น นี่สินะถึงทำให้เธอมีสุขภาพแข็งแรง ต่างกับบ้านเรานะ กินรสจัด ไม่ดีต่อสุขภาพเลย!”


ฉินสือโอวยักไหล่แล้วหันกลับไปหาวินนี่ที่กำลังพิงประตูและมองเขาอยู่ เขาจึงยักไหล่ใส่ วินนี่ก็ยักไหล่ใส่กลับพร้อมกับกะพริบตาและยิ้มให้เขา


พอเอาถ้วยชามกับตะเกียบออกมาแล้ว ฉินสือโอวถึงกับตะโกนว่า “ดูสิ พ่อกับแม่ผมดูแลคุณดีกว่าผมหลายเท่าเลย”


วินนี่กอดเขาจากข้างหลังและยิ้มหวานพร้อมพูดว่า “เพราะแบบนี้ไงฉันถึงยอมแต่งงานกับคุณ”


ฟอกส์เดินออกมาแล้วพูดว่า “โอเค โอเค เช้าตรู่แบบนี้ รบกวนพวกเธอไม่ต้องแสดงความรักออกหน้าออกตาขนาดนี้ได้ไหม? สามีฉันก็ไม่ได้อยู่ด้วย”


วินนี่กอดฉินสือโอวอย่างเต็มแรงแล้วพูดว่า “งั้นเธอก็ให้สามีกลับมาสิ สามีของฉันเลี้ยงดูตั้งหลายชีวิตคนเดียวยังไม่มีปัญหาเลย ใช่ไหม?”


“ใช่แล้ว” จากนั้นฉินสือโอวก็จูบลงบนริมฝีปากของวินนี่ ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของเธอกับครอบครัวแทบจะผ่อนคลายลงบ้างแล้ว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)