เจาะเวลาสู่ต้าถัง ส่วนที่ 8 ตอนที่ 8-9

[ส่วนที่ 8 เขาของคนป่าเถื...

 

ตอนที่ 8 หากสวรรค์ต้องการสั่งตาย

 

วินาทีที่เห็นทองคำเม็ดแรกในถาด อวิ๋นเยี่ยก็รู้ว่าโต้วเยี่ยนซานเสร็จเขาแน่ แม้ว่าองค์หญิงทั่นเกออาจจะไม่เชื่ออวิ๋นเยี่ย แต่อวิ๋นเยี่ยก็รู้ดีว่ามนุษย์จะมีสติได้มากเพียงใดเมื่ออยู่ต่อหน้าทองคำ


 


 


ในแคว้นหนานจ้าวไม่ได้มีแค่ชนเผ่าทั่นเกอชนเผ่าเดียว อันที่จริงแล้วเป็นคำเรียกทั่วไปของชนเผ่าหลายร้อยชนเผ่าต่างหาก ชนเผ่าอวิ๋นกุ้ยก็เคยเป็นของพวกเขามาก่อน หากพวกเขารู้ว่ามีชนเผ่าตกอยู่ในมือของต้าถัง พวกเขาคงจะไม่มีทางยอม หากบอกว่าต้องการขับไล่ศัตรูออกไป พวกเขาจะคำนึงถึงความสามารถในการรับมือของตัวเอง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าทองคำ พวกหัวหน้าชนเผ่าที่รู้ถึงคุณค่าของทองคำคงจะสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่งอย่างแน่นอน


 


 


“ชนเผ่าทั่นเกอค้นพบทะเลทองคำแล้ว” อวิ๋นเยี่ยกระซิบบอกองค์หญิงทั่นเกอเบาๆ สำหรับผลลัพธ์ของวันนี้ทั้งวัน ทองคำที่อยู่ในถุง ถูกโยนลงพื้นอย่างง่ายดาย


 


 


ทั่นเกอเปิดถุงผ้าออกด้วยความสงสัย แล้วเททองคำลงในถ้วยข้าว ทองสีเหลืองเพิ่งพ้นก้นถ้วยขึ้นมา นางมองดูอย่างละเอียด จากนั้นไม่นานนางก็เงยหน้าขึ้นและพูดกับอวิ๋นเยี่ยว่า “ใช่ มันคือทองคำจริงๆ เจ้าไปหามาได้เช่นไร”


 


 


“แขกของเจ้ามีเครื่องมือชนิดหนึ่ง ใช้เครื่องมือชนิดนี้ สองคนก็สามารถขุดทองได้จำนวนเท่านี้ทุกวัน เมื่อวานข้าบอกเจ้าแล้วแต่เจ้าไม่เชื่อ ข้าเอาทองคำมาให้เจ้าดู แล้วยังต้องเอาไปให้แขกของเจ้าดูอีก ช่วงนี้เขาจะต้องทำเครื่องมือนี้ออกมาอีกแน่นอน ทองคำในแคว้นหนานจ้าวของเจ้าไม่นานก็จะถูกเขาขุดไปจนหมด”


 


 


อวิ๋นเยี่ยพูดเสร็จ เขาก็ถือเนื้องูหลามและทองคำออกไปหาโต้วเยี่ยนซาน ได้ยินเสียงคำรามราวกับสัตว์ร้ายดังมาจากบ้านไม้ไผ่ด้านหลัง บ้านไม้ไผ่สั่นไหว เขาแสยะยิ้มมุมปาก


 


 


ในที่สุดโต้วเยี่ยนซานก็หยุดเลือดได้แล้ว เขานอนหลับไปทั้งวันถึงได้มีแรงขึ้นมาหน่อย เอนกายบนเตียงและฟังคนรับใช้รายงานผลลัพธ์ของวันนี้ เมื่อได้ยินว่าวันนี้ขุดทองได้ครึ่งจิน เขาก็ลุกขึ้นมานั่งทันที อยากจะหัวเราะออกมาดังๆ แต่ก็กลัวว่าจะทำร้ายร่างกาย รู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ กำลังจะชมเชยคนรับใช้ แต่ก็ได้ยินเสียงของอวิ๋นเยี่ยกับพ่อบ้านเฒ่าคุยกันอยู่ข้างนอก เขารีบนอนลงไปเหมือนเดิม แกล้งทำเป็นหมดแรง


 


 


อวิ๋นเยี่ยวางถ้วยทองคำลงบนโต๊ะข้างหน้าต่าง สุภาพบุรุษไม่พูดเรื่องเงิน หยิบงูหลามที่ลอกผิวแล้วขึ้นมา เดินมาที่เตียงของโต้วเยี่ยนซาน แกว่งงูหลามตรงหน้าของเขา และเอาวางไว้ตรงโต๊ะหนังสือบนเตียง ยื่นมือออกมาจับตรงหน้าผากของเขา บอกให้โต้วเยี่ยนซานแลบลิ้นออกมาให้ดู จากนั้นถึงได้นั่งลงแล้วพูดกับโต้วเยี่ยนซานว่า “เรื่องทองคำ หากเป็นอย่างที่ข้าคิดไว้คือขุดมาได้ครึ่งจิน ไม่พูดถึงเรื่องนี้ดีกว่า ให้พ่อบ้านไปจัดการเถอะ ข้ามีข่าวดีมาบอกเจ้า ไข้เจ้าลดแล้ว ไม่เป็นอะไรมาก วันนี้ข้าบังเอิญจับงูหลามได้ จะบอกอะไรให้ นี่เป็นสิ่งเสริมเลือดชั้นดี ข้าไม่กล้ากินเลยเอามาให้เจ้า เจ้าต้องการมัน รีบดูแลสุขภาพให้หายดี ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะตั้งหลักปักฐานที่นี่ได้เช่นไร”


 


 


โต้วเยี่ยนซานท่าทางเป็นสุภาพบุรุษพอสมควร ไม่มองทองคำเลยด้วยซ้ำ ใช้มือจับไปที่งูหลาม รู้สึกว่ามันช่างงดงาม น่าจะอร่อยไม่เบา นึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ได้กินอะไรอร่อยๆ มานานแล้ว อดไม่ได้ที่จะน้ำลายไหล


 


 


“น้ำใจของอวิ๋นโหว โต้วเยี่ยนซานรู้สึกละอายใจ ให้พ่อครัวเอาไปหั่นเป็นอาหารอันโอชะ ข้ายังพอมีเหล้าคุณภาพอยู่บ้าง เราดื่มเหล้าด้วยกันดีไหม”


 


 


“เจ้ากินเนื้องูได้ไม่เป็นไร แต่อย่าดื่มเหล้าเลยจะดีกว่า หัวของเจ้าบวมเช่นนี้ เจ้าคิดว่าไม่เป็นไรแต่ข้าก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ เหล้าไม่มีประโยชน์ เจ้าอย่าดื่มเลยดีกว่า ข้าขอเสบียงเพิ่มอีกสักหน่อย วั่งไฉของข้ากินไม่อิ่ม ขี้เหนียวซะจริง อยู่ที่ฉางอัน ปกติวั่งไฉเดินไปซื้อของกินที่ตลาดเองด้วยซ้ำ”


 


 


โต้วเยี่ยนซานหัวเราะแล้วตอบตกลง ไม่มีใครไม่รู้ตำแหน่งที่รักของวั่งไฉในตระกูลอวิ๋น แต่ตอนนี้มีชีวิตที่น่าสังเวชไปหน่อย สั่งให้พ่อบ้านเอาข้าวสารให้อวิ๋นเยี่ยถังหนึ่ง ผ่าเนื้อสัตว์ไปให้เขาสักหน่อย ให้อวิ๋นเยี่ยเอาไปทำกิน


 


 


เห็นอวิ๋นเยี่ยเดินออกไปทางประตู โต้วเยี่ยนซานก็ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างอย่างกระฉับกระเฉง หยิบทองคำในถ้วยขึ้นมาดูใกล้ๆ ทองคำเปล่งประกายท่ามกล่างแสงแดด


 


 


“ท่านชาย แค่วันเดียวอวิ๋นเยี่ยหาทองคำมาได้ถึงเพียงนี้ ข้าดูถูกเขาเกินไป”


 


 


“ความฉลาดของเขา เราเทียบไม่ได้ อวิ๋นเยี่ยเป็นคนฉลาด ไม่แปลกที่จะหามาได้มากถึงเพียงนี้ แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายไม่ว่ายังไงเราก็จะต้องฆ่าคนฉลาดเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายเสียจริง”


 


 


“วันก่อนท่านชายบอกว่าจะโน้มน้าวเขามิใช่หรือ เหตุใดวันนี้ถึงอยากจะฆ่าเขา หากอยากจะฆ่าเหตุใดถึงไม่ฆ่าตั้งแต่ตอนที่อยู่ฉางอัน แล้วเอาแค่หัวเขามาด้วยก็พอ เราจะได้ไม่ต้องลำบาก”


 


 


โต้วเยี่ยนซานชี้ไปที่หน้าของตัวเองและพูดว่า “คนเช่นนี้มองทะลุความคิดของคนอื่น ข้ายืนอยู่ใต้ต้นไม้คอยดูว่าเขาจะป้องกันตัวเองจากข้าหรือไม่ ผลที่ได้คือเขาอาบน้ำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่อายข้าเลยสักนิด เหตุผลที่เขาทำเช่นนี้ก็เพราะว่าอยากจะเห็นปลิงดูดเลือดข้า หากเขาไม่คิดว่าวันตายของข้าก็คือจุดจบของเขาเอง เขาก็คงจะไม่มีทางบอกว่ามีปลิงอยู่ นึกเช่นนี้ข้าก็เหงื่อตก ก่อนหน้านี้คิดว่าเขาจะมีประโยชน์ต่อข้า ช่างน่าตลก ข้าประมาทเกินไป เกือบจะถูกเขาฆ่าตายเสียแล้ว เขายังมีความสามารถอีกอย่างหนึ่ง ก็คือสามารถทำให้คนรู้สึกดีกับเขาโดยไม่รู้ตัว เขาฆ่าคนของตระกูลข้า ข้าเผชิญหน้ากับเขา แต่กลับไม่มีความเกลียดชังเขาเลยสักนิด นอกจากความเสียใจก็ไม่มีสิ่งใดอีกเลย ข้าคิดว่าหลังจากที่ข้าฆ่าเขาไปแล้ว ข้าคงจะเสียใจไปพักหนึ่ง”


 


 


“คนที่มีจิตใจชั่วร้ายเช่นนี้ ท่านชาย เราควรจะลงมือโดยเร็วที่สุด อย่าถูกเขาหลอกอีก งูตัวนี้ต้องมีพิษแน่ๆ ข้าจะเอามันไปทิ้ง”


 


 


“ไม่มี อวิ๋นเยี่ยยังไม่อยากให้ข้าตายตอนนี้ ข้าถามมาแล้ว งูตัวนี้โผล่ออกมาโดยบังเอิญ ไม่มีปัญหาอะไร เจ้าไปบอกให้พ่อครัวเอามันไปทำอาหาร ข้าอยากกิน”


 


 


“ท่านชาย ไม่ควรตามใจปากนะขอรับ มันอาจจะมีปัญหาตามมาได้”


 


 


“ลุงซาน ข้าไม่ใช่คนโง่ นี่คือการทดสอบสภาพจิตใจของข้า แผนการที่อวิ๋นเยี่ยเสนอมา ข้าก็ต้องรับมันเอาไว้ ในช่วงสามก๊กแม่ทัพแห่งแคว้นเว่ยหยางกู่กล้าที่จะกินยาที่แม่ทัพแห่งแคว้นอู๋ลู่คั่งส่งมาให้ แล้วเหตุใดข้าถึงไม่กล้ากินงูที่อวิ๋นเยี่ยเอามาให้ จะทำการใหญ่ก็ต้องมีความกล้าหาญ ไม่เป็นไรหรอก เจ้าไม่ต้องกังวลไป”


 


 


ลุงชานพ่อบ้านเฒ่าขอตัวออกไปอย่างไม่มีทางเลือก เอางูไปที่ห้องครัวให้พ่อครัวทำอาหาร บอกพ่อครัวว่าทำเสร็จให้เอาไปให้เด็กลองกินดูก่อน ดูว่ามันมีพิษหรือไม่ หากเนื้องูมีพิษ เขาตัดสินใจที่จะไปฆ่าอวิ๋นเยี่ยก่อนแล้วค่อยไปรับโทษกับท่านชาย


 


 


อวิ๋นเยี่ยไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปในป่า ป่าเขาที่มืดมิด ไม่รู้ว่ามีอันตรายซ่อนอยู่มากมายเพียงใด ยืนอยู่ในบ้านไม้ไผ่ มองไปที่ต้นไม้สูงใหญ่นอกประตู


 


 


ต้นไม้ที่สูงใหญ่เติบโตในป่า กิ่งด้านบนสุดพยายามที่จะแสวงหาแสงแดดและสายฝน กิ่งก้านที่หนาใหญ่ของมันครอบครองพื้นที่มากที่สุด สูดอากาศบริสุทธิ์ รากอุดมสมบูรณ์ ดูดซับแร่ธาตุแก่นแท้ และไม่ต้องดูก็รู้ว่าข้างต้นไม้ใหญ่มีต้นไม้เล็กๆ อยู่สองสามต้น กำลังดิ้นรนเพื่อที่จะอยู่รอด กิ่งก้านของพวกมันบอบบาง ใบของพวกมันกำลังจะเ**่ยวเฉา การเอาชีวิตรอดของต้นไม้ใหญ่แทบจะทำให้มันหมดหนทางอยู่รอด


 


 


คนยุคหลังเรียกกฎของธรรมชาตินี้ว่ากฎแห่งป่าเขา ผู้แข็งแกร่งครอบครองทรัพยากรทั้งหมด ผู้อ่อนแอไม่มีอะไรเลย


 


 


กฎแห่งป่าเขาคือแนวคิดสังคมนิยมทางการเมือง หมายถึงชีวิตเผด็จการในสังคมที่หลักนิติธรรมไม่ถูกต้อง ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความสัมพันธ์ระหว่างองค์กร เป็นไปตามกฎที่ว่าปลาใหญ่กินปลาเล็ก อำนาจกลายเป็นพลังชี้ขาด กำหนดชะตาชีวิตและความตาย


 


 


ความรู้ที่ท่องจำมาตอนเรียนหนังสือ ตอนนี้ได้มีความเข้าใจใหม่ อวิ๋นเยี่ยไม่รู้ว่าเขาควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาติดอยู่ในกรง อยากที่จะหนีออกไป แต่เป็นได้เพียงแมลงที่บินไปติดใยแมงมุมเท่านั้น ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่ดิ้นรนต่อสู้


 


 


ตัวเองกำลังวิ่งตามอะไรกันแน่ หากสมัครใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงของหลี่ซือหมิน จั่งซุน และหลี่จิ้ง ตัวเองน่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น อาจจะไม่ได้ดีไปจนถึงรุ่นสุดท้าย แต่รุ่นที่สามรุ่นที่ห้า อวิ๋นเยี่ยยังสามารถรับประกันได้


 


 


มองย้อนกลับไป ความทุกข์ทั้งหมดเกิดจากตัวเอง ปัญหาทั้งหมดก็เกิดจากตัวเองด้วยเช่นกัน คนยุดหลังมาถึงยุคต้าถัง หรือว่าจะต้องได้รับการสั่งสอนของระบบศักดินาอีกครั้ง ถึงจะสามารถตั้งหลักปักฐานที่นี่ได้?


 


 


ทั่นเกอทุบตีผู้ชายพวกนั้นอยู่ตลอด แต่ก็ไม่เกิดประโยชน์ ฝั่งตะวันออกโผล่ขึ้นมา ฝั่งตะวันตกก็นอนลงไปอีก ไม่ได้มีเสียงในลำคอแหบแห้งเหมือนตอนอยู่ในคอกหมูแล้ว ตอนนี้มีเสียงที่ค่อนข้างแหบ และไม่ว่านางจะพูดอะไรก็ตาม แต่คนพวกนั้นก็ทำเป็นไม่ได้ยิน


 


 


ใบหน้าของโต้วเยี่ยนซานหายบวมแล้ว เขากลับมาเป็นท่านชายที่สูงส่งอีกครั้ง พิงราวบันไดมองดูทั่นเกอที่กำลังยุ่ง พ่อบ้านเฒ่าส่งยามาให้เขาหนึ่งเม็ด โต้วเยี่ยนซานโยนมันเข้าไปกลางวง


 


 


พวกชาวบ้านข้างล่างที่ถูกทั่นเกอกระตุ้นความเป็นนักรบเมื่อกี้ก็เกิดโกลาหลขึ้นมาทันที ยาเม็ดเล็กๆ ถูกถืออยู่ในมือที่สกปรกพวกนั้น ไปๆ มาๆ ก็ไม่รู้แล้วว่าใครต่อยใครก่อน คนพวกนั้นถึงได้พึ่งคิดออกว่าตัวเองมีมือมีเท้า ต่อยคนได้เหมือนกัน คนอ่อนแอที่ยืนแทบไม่ได้เมื่อกี้ ตอนนี้กลายเป็นฝูงหมาป่าที่ชั่วร้าย แววตาสีแดง ต่อสู้กันอย่างดุเดือด


 


 


องค์หญิงทั่นเกอวิ่งเข้าไปในฝูงชนอย่างเมามัน โยนชายร่างผอมออกมาทีละคน แย่งเม็ดยาออกมาด้วยตัวเอง ท่ามกลางสายตาที่ราวกับหมาป่า นางโยนยาเม็ดนั้นลงไปในลำห้วย


 


 


ทุบที่หน้าอกของตัวเองและตะโกนใส่โต้วเยี่ยนซานที่ใส่เสื้อคลุมสีขาวว่า “ปีศาจ ปีศาจ!”


 


 


โต้วเยี่ยนซานยิ้มอย่างเขินอาย หยิบยาอีกสองเม็ดออกจากมือพ่อบ้าน และโยนลงไปที่ที่มีคนอยู่มากที่สุด มองดูด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น


 


 


องค์หญิงทั่นเกอยังอยากที่จะแย่งยาสองเม็ดนั้นมา แต่กลับถูกฝูงชนมากมายราวกับสัตว์ป่าเบียดกระแทกไปมา คนที่แข็งแกร่งที่สุดสองคนแย่งยาสองเม็ดนั้นมาได้ ตอนนี้มองไม่เห็นสีของยาสองเม็ดนั้นแล้ว มันดูเหมือนก้อนโคลนสองก้อน แย่งมาได้ก็รีบกลืนยาเม็ดนั้นเข้าปากในทันที


 


 


ในไม่ช้าพวกเขาก็ล้มลงกับพื้นท่ามกลางสายตาอิจฉาของคนพวกนั้น ชักกระตุกอย่างรุนแรง หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็นอนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ


 


 


โต้วเยี่ยนซานดูอยู่ อวิ๋นเยี่ยดูอยู่ องค์หญิงทั่นเกอที่นอนอยู่บนพื้นก็ดูอยู่ โต้วเยี่ยนซานปิดจมูกของตัวเองเดินถอยหลังออกไป กลิ่นเหม็นของพวกนั้นทั้งสองคนทำให้เขาทรมาน


 


 


แต่อวิ๋นเยี่ยกำลังคิดว่าภายใต้การยั่วยุที่รุนแรงเช่นนี้ องค์หญิงทั่นเกอจะบ้าคลั่งหรือไม่ สำหรับสองคนนั้นที่ตายไปแล้ว เขาไม่มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจเลยจริงๆ ไม่ว่าจะถูกชักชวนให้ไปเสพยาหรือเสนอตัวไปเสพยาเอง ล้วนแต่จะต้องมีจุดจบที่ไม่สวยงาม เคยเห็นในยุคหลังมาแล้วมากมาย ตอนนี้อาจจะถึงเวลาที่ตัวเองจะต้องไปแล้ว ทั่นเกอสัญญาว่าจะทำแพไม้ไผ่ให้เขา ถึงเวลาใช้งานมันแล้วล่ะ…

 

 

 


[ส่วนที่ 8 เขาของคนป่าเถื...

 

ตอนที่ 9 การตายขององค์หญิง

 

องค์หญิงทั่นเกอมีความสามารถอย่างหนึ่ง คือไม่ว่าจะเพิ่งทำความสะอาดให้นางสะอาดเพียงใด นางก็สามารถทำตัวสกปรกเหมือนหมูได้ในเวลาอันรวดเร็ว ตอนนี้ทั้งตัวนางเต็มไปด้วยโคลนอีกครั้ง


 


 


โต้วเยี่ยนซานไม่สนใจทั่นเกอ เขาคิดว่านางเป็นแค่แมลงวันที่บินไปมา หากเพียงเขาต้องการให้ตายก็สามารถตบให้ตายได้ทุกเมื่อ เขากำลังรอกองทัพของเขาอยู่ ต้าถังย่อมมีผู้ชายบางคนที่ใฝ่ฝันอยากจะร่ำรวยและเต็มใจมาที่แคว้นหนานจ้าว เงินทองเป็นเหยื่อล่อที่ดีที่สุด


 


 


เมื่อคิดว่าตัวเองจะมีนักรบหลายพันคนในไม่ช้า โต้วเยี่ยนซานก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เขาอยากให้อวิ๋นเยี่ยเห็นความแข็งแกร่งของเขาเป็นอย่างมาก ฆ่าอวิ๋นเยี่ยตอนที่เจ้านั่นตกใจที่สุดก็ถือเป็นการแสดงเคารพอย่างหนึ่ง โต้วเยี่ยนซานถึงกับคิดบทความไว้อาลัยให้อวิ๋นเยี่ยเรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำ


 


 


หาสถานที่ที่มีทิวทัศน์สวยงามที่สุด ฝังศพคนที่ฉลาดที่สุดในโลก มันจะต้องน่าสนใจมากเป็นแน่ หากตัวเองมีเวลาว่างก็จะมาเล่าความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ทุกอย่างของตัวเองให้อวิ๋นเยี่ยฟังที่สุสาน


 


 


คนที่เหลือของตระกูลโต้วมาถึงแคว้นหนานจ้าวกันหมดแล้ว กองทัพกว่าสามร้อยคนอยู่เต็มพื้นที่ ภูมิประเทศของแคว้นหนานจ้าวถูเขาวาดเป็นแผนที่ แขวนไว้บนกำแพง วางแผนกลยุทธ์เดินทัพทั้งวันทั้งคืน


 


 


ไม่มีอารมณ์สนใจพวกลูกน้องของตัวเอง หลังจากที่ตระกูลโต้วพังพินาศพวกเขาก็ยังคอยติดตามตัวเองมาที่ป่าเขาแห่งนี้ พวกเขาจงรักภักดีอยู่แล้ว สำหรับการฆ่าใครสักคน การข่มเหงใจผู้หญิงชาวบ้านพวกนั้นมันเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับพวกเขา


 


 


อวิ๋นเยี่ยไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าตัวเองจะได้เจอกับชวีจั๋ว เด็กกะล่อนคนนั้นตอนนี้กลายมาเป็นผู้ดูแล เมื่อเขาเห็นอวิ๋นเยี่ย ตาของเขาแทบจะถลนออกมาจากเบ้าตา แต่ก็ปรับอารมณ์ให้กลับมาเป็นผู้ดูแลที่สูงส่งในไม่ช้า ตะโกนสั่งพวกทหารจากต้าถังขนอุปกรณ์และเสบียง ราวกับว่าเขาไม่เคยเจออวิ๋นเยี่ยมาก่อน


 


 


ไม่มีโอกาสได้พูดคุยกัน ถึงแม้ว่าอวิ๋นเยี่ยอยากเข้าไปถามไถ่เกี่ยวกับสถานการณ์ทางบ้านของตัวเอง แต่กลับไม่มีโอกาสเลยแม้แต่น้อย ชวีจั๋วสั่งให้สร้างบ้านสักพัก จากนั้นก็ตะโกนให้คนกระจายเสบียงออกไปตากให้แห้ง เพื่อไม่ให้มันชื้น


 


 


ทั่นเกอเห็นกลุ่มชาวต้าถังมากองรวมตัวกันอยู่ที่นี่ นางก็แสดงสีหน้ารังเกียจออกมา จากมุมมองของอวิ๋นเยี่ย นางมีความเห็นอกเห็นใจพวกชาวบ้านพวกนั้น และยังแอบตั้งความหวังต่อชาวต้าถัง ก่อนจะได้ข้อสรุปว่าพวกเขาไม่แยแสต่อชีวิตและความตายของคนพวกนั้นแม้แต่น้อย


 


 


ตอนนี้พ่อบ้านเฒ่าคนนั้นก็เข้มงวดกับอวิ๋นเยี่ยเป็นอย่างมาก แทบไม่ยอมออกห่างจากเขาเลยแม้แต่ก้าวเดียว แค่อวิ๋นเยี่ยออกไปเดินเล่นข้างนอก เขาก็จะยืนรอต้อนรับอวิ๋นเยี่ยอยู่ระหว่างทาง เพียงแต่ว่าสิ่งที่เขาทำไม่สามารถกลบเกลื่อนรอยยิ้มดูถูกที่มุมปากของเขาได้


 


 


ตอนที่เดินผ่านชวีจั๋วจึงพูดออกไปว่า “พรุ่งนี้เช้าดึงพ่อบ้านไว้สักครึ่งชั่วโมง” จากนั้นก็เดินเข้าไปในบ้านไม้ไผ่ของโต้วเยี่ยนซาน ตอนนี้บ้านหลังเล็กๆ หลังนี้ได้กลายเป็นเต็นท์ที่พักของเหล่าทหารไปหมดแล้ว เต็มไปด้วยหนังสือฎีกาทั้งหลาย ข้างๆ ยังมีอีกสองคนที่คอยช่วยโต้วเยี่ยนซานจัดการพวกหนังสือฎีกา


 


 


“อวิ๋นโหว เจ้ามาพอดี เจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องของกองทัพ เจ้าช่วยข้าดูหน่อยว่าแผนการพวกนี้มีข้อบกพร่องอันใดหรือไม่”


 


 


“การทำสงครามในป่าเขา พวกข้าชาวต้าถังไม่ครอบครองท้องฟ้าและพื้นดิน พวกข้ายึดแค่หลักความสามัคคี สถานที่แห่งนี้ภูเขาสูงป่าทึบ ภูมิประเทศอันตราย ในเมื่อเจ้าต้องการทำเช่นนี้ เจ้าก็ต้องเตรียมการให้พร้อม มิเช่นนั้นพวกชาวบ้านก็จะหนีเข้าไปในป่าเขากันหมด หากต้องการที่จะกำจัดทีละคน ก็คงเป็นได้แค่ความฝัน การลอบโจมตีที่ไม่มีทางสิ้นสุดของพวกเขาจะทำให้เจ้าหมดแรง ทำให้เจ้าเหนื่อยล้าจนตาย ดังนั้นเจ้าต้องเตรียมพร้อมที่จะโจมตีพวกเขา หากพวกทหารจะต้องต่อสู้หนึ่งต่อสิบ พวกเขาจะต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก โต้วเยี่ยนซาน ข้ารู้ว่าเจ้ารีบร้อน แต่เจ้าต้องเตรียมการให้พร้อม ต้องเตรียมการให้ดี ทำให้สุดฝีมือเสียก่อน”


 


 


“คำแนะนำของอวิ๋นโหวช่างมีค่าเสียจริง เจ้ากับข้าก็ล้วนแต่เป็นพลเมืองของฝ่าบาท ก่อตั้งประเทศบนแผ่นดินแห่งนี้เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ถึงตอนนั้นแผ่นดินแห่งนี้ก็จะพัฒนาโดยประชากรในที่ราบตอนกลางของข้า มันจะต้องทำให้ผู้คนอิจฉามากกว่าแผ่นดินแห่งนั้นแน่นอน อวิ๋นเยี่ย เจ้าร่วมมือกับข้าหรือไม่ ถึงแม้ว่าในอนาคตเราจะสู้รบปรบมือกันมันก็เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้เราร่วมมือกันกำจัดลิงพวกนั้นในป่าเขาแห่งนี้ดีหรือไม่”


 


 


อวิ๋นเยี่ยไม่สงสัยความจริงจังของโต้วเยี่ยนซานในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย บุคคลที่ยิ่งใหญ่ล้วนมีจุดเด่นที่เหมือนกัน นั่นก็คือพรรณนาถึงอนาคตไว้สวยงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ ทำดีต่อคนที่มีประโยชน์ทุกคนอย่างจริงใจในทุกที่ทุกเวลา เพียงแต่ความจริงใจเช่นนี้มีขีดจำกัด ราวกับน้ำค้างบนใบหญ้าในตอนเช้าที่มองไม่เห็นแสงอาทิตย์


 


 


“เหล่าโต้ว แคว้นหนานจ้าวเป็นของเจ้า เจ้าผ่านความยากลำบากมามากถึงได้มีวันนี้ อย่าให้คนที่ไม่เกี่ยวข้างอย่างข้ามาแบ่งรัศมีของเจ้าไป เจ้ามีความฝัน เหตุใดข้าถึงจะไม่มี หากเป็นไปได้ข้าจะต่อสู้เพื่อความฝันของตัวเอง ข้าไม่อยากซ่อนตัวอยู่ภายใต้รัศมีของเจ้า เพื่อความฝันของข้า ให้ตายข้าก็ยอม”


 


 


หลังจากอวิ๋นเยี่ยพูดเสร็จ เขาก็โค้งคำนับและเดินออกไป ทันทีที่เขาออกมาข้างนอกเขาก็เห็นว่าหลังของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ แววตาที่แสดงความเสียดายของโต้วเยี่ยนซาน เขารู้ว่าโต้วเยี่ยนซานไม่มีทางปล่อยให้เขามีชีวิตรอดออกจากที่นี่แน่นอน


 


 


ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องพูดคำเหล่านั้น หรือว่าอยู่กับองค์หญิงทั่นเกอมากเกินไป ไอคิวเลยต่ำลง? เสแสร้งแกล้งทำไม่เป็นแล้ว?


 


 


กลับมาที่บ้านไม้ไผ่ของตัวเอง นอนไม่หลับทั้งคืน เสียงลมพัดหญ้าดังขึ้นมา ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ทำให้วั่งไฉนอนไม่หลับไปด้วย บางทีมันอาจจะรู้สึกถึงความไม่สบายใจของอวิ๋นเยี่ย มันวางหัวลงบนขอบเตียง ยืนพิงอวิ๋นเยี่ยทั้งคืน แม้แต่เสียงที่ออกมาจากจมูกก็ไม่มี


 


 


กำลังจะรุ่งเช้า ไม่รู้ว่าองค์หญิงทั่นเกอโผล่มาจากไหน พูดกับอวิ๋นเยี่ยที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วว่า “หากเจ้าอยากจะหนี ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุด พ่อบ้านคนนั้นกับพวกคนส่วนใหญ่ถูกเรียกออกไปหมดแล้ว เขาทิ้งคนไว้สองคน ถูกข้าฆ่าหมดแล้ว หากเจ้าต้องการร่วมมือกับพวกเขารังแกพวกข้า ก็คิดซะว่าข้าไม่ได้ทำอะไรลงไป”


 


 


ได้ยินเช่นนี้ อวิ๋นเยี่ยก็ดีใจเป็นอย่างมาก ตบๆ วั่งไฉให้รีบออกไป ทั่นเกอดึงอวิ๋นเยี่ยเอาไว้ หยิบมีดออกมาจากข้างหลังของตัวเองและพูดกับอวิ๋นเยี่ยว่า “โชคดีที่เจ้าเลือกที่จะหนีไป มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าให้ตายเสียตอนนี้ ครั้งนี้พวกข้าได้รวบรวมกำลังพลชาวบ้านเพื่อที่จะไปฆ่าชาวต้าถังให้เกลี้ยง การเลือกของเจ้าทำให้ข้าสบายใจมากขึ้น”


 


 


“หยุดพูดเรื่องไร้สาระ เร็วเข้า มีคนโง่ตั้งกี่คนที่สูญเสียเวลาหลบหนีที่ดีที่สุดไปเพราะว่าพูดมากเกินไป” อวิ๋นเยี่ยรีบเปิดประตูและรีบเดินออกไป


 


 


องค์หญิงทั่นเกอเดินไปตามถนนสายเล็กๆ ราวกับกำลังโบยบิน อวิ๋นเยี่ยขี่วั่งไฉตามนางไป พึ่งจะถึงริมแม่น้ำ อวิ๋นเยี่ยก็ได้ยินเสียงม้าวิ่งตามหลังเขามา เสียงที่ยิ่งใหญ่


 


 


จะเสียเวลาสนใจอะไรอีกไม่ได้ รีบกระโดดขึ้นไปบนแพไม้ไผ่ที่องค์หญิงทั่นเกอดึงออกมา วั่งไฉเคยนั่งบนแพไม้ไผ่ที่แม่น้ำตงหยาง เมื่อเห็นแพไม้ไผ่ มันก็ร้องด้วยความชอบใจและกระโดดขึ้นไปทันที พอขึ้นมาก็นอนลงราวกับรอให้พวกเสี่ยวยาเกาท้องให้ตัวเอง


 


 


องค์หญิงทั่นเกอผลักแพไม้ไผ่ลงไปในแม่น้ำอย่างแรง แล้วตัวเองก็กระโดดขึ้นไปบนฝั่ง ถือกระบอกไม้ไผ่ขนาดใหญ่วิ่งขึ้นไปบนถนน…


 


 


อวิ๋นเยี่ยได้ยินเสียงคนร้อง แต่เขากลับไม่กล้าหยุด กลับไปที่ฝั่งตอนนี้นอกจากไปตายกับทั่นเกอ ก็ไม่มีประโยชน์อะไร กัดฟันพายแพไม้ไผ่ไปข้างหน้าอย่างสุดชีวิต


 


 


โต้วเยี่ยนซานสวมชุดเกราะหนังปรากฏตัวขึ้นที่ริมแม่น้ำ ตะโกนบอกอวิ๋นเยี่ยว่า “อวิ๋นโหว หากเจ้ายังเป็นห่วงชีวิตของทั่นเกอ เจ้าก็พายแพกลับมา มิเช่นนั้นข้าจะตัดหัวของนางทันที”


 


 


ได้ยินเช่นนี้ อวิ๋นเยี่ยก็หันหลับไปมอง หน้าอกของเขารู้สึกอึดอัดขึ้นมา ทั่นเกอถูกผู้ชายร่างใหญ่สองคนจับอยู่บนฝั่ง ทั่วร่างกายเต็มไปด้วยลูกธนู ก้มหัวลงราวกับคนตายทั้งเป็น


 


 


ขณะที่อวิ๋นเยี่ยกำลังจะตัดสินใจ อยู่ๆ องค์หญิงทั่นเกอก็เงยหน้าขึ้นมา หัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะราวกับเสียงกระดิ่งดังก้องไปทั่วหุบเขา “ข้าเป็นลูกสาวของป่าเขาแห่งนี้ ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากสุนัขต้าถังอย่างพวกเจ้า!”


 


 


อวิ๋นเยี่ยนั่งลงบนแพไม้ไผ่ มองดูทั่นเกออ้าปากกัดที่คอของชายร่างใหญ่คนนั้น ปลายมีดที่เปื้อนเลือดก็โผล่ออกมาจากหน้าอกของนาง


 


 


ทั่นเกอกอดชายร่างใหญ่ กดล้มลงกับพื้นราวกับคู่รักที่แสนหวาน โต้วเยี่ยนซานที่โมโหถือมีดขึ้นมาตัดหัวของทั่นเกอ หัวของนางกลิ้งลงไปในแม่น้ำราวกับลูกบอล


 


 


อวิ๋นเยี่ยกอดวั่งไฉร้องไห้ ราวกับเด็กน้อยที่ทำอะไรไม่ได้…


 


 


ลูกธนูตกลงมาที่แม่น้ำราวกับเม็ดฝน อวิ๋นเยี่ยลืมที่จะหลบ แล้วก็ไม่ได้หยิบโล่ไม้ไผ่ที่ทั่นเกอเตรียมไว้ให้ออกมาบัง ปล่อยให้แพไม้ไผ่พาเขาไหลไปตามแม่น้ำ


 


 


มีควันสีดำลอยขึ้นมาจากทางด้านหลังโต้วเยี่ยนซาน อวิ๋นเยี่ยรู้ว่านั่นเป็นฝีมือของพวกชาวบ้าน


 


 


โต้วเยี่ยนซานยิงลูกธนูลูกสุดท้ายขอเขาออกมา ธนูลูกนั้นพึ่งจะออกไปถึงกลางแม่น้ำก็หมดเรี่ยวแรง ตกลงมาตามสายลม ตกลงบนแพไม้ไผ่พร้อมกับส่งเสียงดัง มันไม่ได้ตอกลงไปกับไม้ไผ่ แต่มันเด้งขึ้นมาตกลงบนมือของอวิ๋นเยี่ย


 


 


เขาหยิบลูกธนูขึ้นมา หักตรงกลางแลเวเอาหางธนูทิ้งไป เก็บหัวธนูไว้ในแขนเสื้อของตัวเอง สักวันหนึ่งในอนาคตลูกธนูอันนี้อาจจะได้แทงเข้าไปที่หน้าอกของโต้วเยี่ยนซาน


 


 


โต้วเยี่ยนซานไม่ตามมาต่ออีกแล้ว อันที่จริงหากไล่ตามริมฝั่งแม่น้ำมาเรื่อยๆ เขาอาจจะไล่ตามอวิ๋นเยี่ยกลับมาได้ แต่เสียงการต่อสู้ที่อยู่ข้างหลังของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะแม่ทัพเขาจะหนีออกจากตำแหน่งบัญชาการไม่ได้ เขาไม่เสียเวลาอีก ควบม้าวิ่งกลับเข้าไปยังที่ที่ควันพวยพุ่งออกมา


 


 


ในหุบเขาราวกับยังคงมีเสียงของทั่นเกอ อวิ๋นเยี่ยฟังอย่างตั้งใจ เขาอยากจะจดจำเสียงอันไพเราะนี้ไว้ ตัวเองติดหนี้ชีวิตคนแคว้นหนานจ้าวแล้ว


 


 


ที่จริงแล้วเขาเป็นคนทำลายอาณาจักรทั่นเกอด้วยมือของเขาเอง ถ้าเขาไม่ปล่อยทองคำที่เป็นปีศาจกลืนกินชีวิตคนออกมา พวกทั่นเกอก็อาจจะไม่ต้องตาย ถึงแม้ว่าชีวิตจะยากลำบาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องตาย โต้วเยี่ยนซานต้องการตั้งหลักปักฐานอยู่ที่แคว้นหนานจ้าว เขาก็คงจะไม่ฆ่าทาสทั้งหมดของตัวเอง


 


 


โต้วเยี่ยนซานต้องมีจุดจบที่ไม่ดีเป็นแน่ คนอย่างชวีจั๋วเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนของเขา แล้วยังเป็นถึงผู้ดูแล จะต้องมีสายลับของหน่วยข่าวกรองอยู่รอบกายโต้วเยี่ยนซานจำนวนไม่น้อย


 


 


ถ้าหลี่ซื่อหมินสามารถเข้าใจความหมายที่อวิ๋นเยี่ยทิ้งไว้ บางทีทหารที่มาทีหลังพวกนั้นอาจจะเป็นทหารของต้าถังทั้งหมด นี่คือการคาดเดาของอวิ๋นเยี่ย การคาดเดาที่ดีที่สุดของอวิ๋นเยี่ย แต่ว่าโต้วเยี่ยนซาน เจ้าอย่าได้มาตายด้วยน้ำมือของหลี่ซื่อหมิน เจ้าต้องหลบหนีให้พ้นจากน้ำมือของหลี่ซื่อหมิน มิเช่นนั้น อีกร้อยปีในอนาคตเขาจะเผชิญกับวิญญาณที่ตายไปของทั่นเกอได้เช่นไร

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)