เจาะเวลาสู่ต้าถัง ส่วนที่ 8 ตอนที่ 4-5

[ส่วนที่ 8 เขาของคนป่าเถื...

 

ตอนที่ 4 องค์หญิงแห่งความทุกข์ทรมาน

 

 


 


 


นับตั้งแต่มาสู่โลกใบนี้ ทุกๆ คน ทุกๆ เรื่องราวที่เกิดขึ้นล้วนแต่ท้าทายขีดจำกัดของเขาอยู่ตลอด หลังจากที่เขาอดทนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าอดทนไม่พอ คนพวกนี้ไม่เคยมีขีดจำกัด ขอแค่มีประโยชน์ต่อตัวเอง ก็ไม่เคยสนใจว่าจะมีคนต้องตายกี่คน และก็ไม่สนใจผลที่จะตามมาด้วย 


 


 


ยิ่งเป็นผู้ที่สูงส่งก็ยิ่งไม่สนใจเรื่องศีลธรรมความดี ยิ่งเป็นผู้ที่ต้อยต่ำก็ยิ่งสูงส่ง นี่มันคือเหตุผลอันใด 


 


 


เหตุใดคนดีถึงถูกกำหนดมาให้ถูกคนชั่วปกครอง เหตุใดความเมตตาถึงไม่สามารถต่อต้านความเลวทรามได้ 


 


 


“สวรรค์และพื้นโลกล้วนแต่มีความชอบธรรม ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนเป็นรูปร่างต่างๆ” อ่านบทประพันธ์ ‘ลำนำปณิธาน’ เสร็จ อวิ๋นเยี่ยก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร แต่กลับรู้สึกโดดเดี่ยวผิดปกติ ตัวหนังสือที่ไร้ความรู้สึกไม่สามารถทำให้คนตื้นตันได้ แม้กระทั่งตัวเองก็ยังไม่รู้สึกตื้นตัน 


 


 


สุดท้ายชีวิตก็ทำให้เขาเข้าใจนักบุญในสมัยก่อนที่ล่วงลับไปแล้ว พวกเขาต้องโดดเดี่ยวเพียงใด แทบจะไม่มีที่ยืนสำหรับคนที่มีความดีเพียงเท่านี้ พวกนักบุญในสมัยก่อนจะโศกเศร้ามากเพียงใด 


 


 


โต้วเยี่ยนซานตบไหล่อวิ๋นเยี่ยและพูดว่า “อยู่กับข้า ต่อสู้ในแคว้นหนานจ้าวไปด้วยกัน ดูสิว่าเราจะมีพลังมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้หรือไม่ ที่แห่งนี้ทุรกันดาร ถึงแม้ว่าจะไม่อุดมสมบูรณ์ แต่สำหรับเจ้าและข้า มันคือพื้นที่เดียวที่อุดมสมบูรณ์ 


 


 


ในเมื่อบรรพบุรุษยังสามารถก่อตั้งประเทศขึ้นมาได้ด้วยมือเปล่า แล้วเหตุใดเจ้ากับข้าจะก่อตั้งประเทศของตัวเองขึ้นมาในแคว้นหนานจ้าวไม่ได้ ตระกูลหลี่เป็นชนเผ่าหู เป็นพวกชอบขโมยอำนาจ เจ้ากับข้าเป็นชนเผ่าฮั่นแท้ๆ นามสกุลโต้วของข้ามีมาแต่โบราณ ตระกูลอวิ๋นของเจ้าก็เช่นกัน การรื้อฟื้นอำนาจของตระกูลฮั่นคือหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของเจ้ากับข้า” 


 


 


“ข้าคิดมาตลอดว่าความสูงส่งมาจากจิตวิญญาณ ไม่ได้มาจากอำนาจ โต้วเยี่ยนซาน เจ้ากับข้ามีความคิดที่แตกต่างกัน ราวกับรถม้าสองคันที่วิ่งสวนทางกัน วิ่งไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีทางที่จะได้เจอกัน ยิ่งไปกว่านั้นวิธีการของเจ้าเข้าใกล้เส้นทางผิดมาตั้งแต่แรก เจ้าเป็นคนมีความรู้ เคยได้ยินเรื่องอาศัยดอกไม้ลืมทุกข์ในการก่อตั้งประเทศหรือไม่ อย่าบอกว่าเจ้าพึ่งจะเคยได้ยิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าของสิ่งนี้ถูกนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรรักษาโรคในอาณาจักรโรมันอันห่างไกล และก็ไม่มีประโยชน์อื่น ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาไม่ค้นพบประโยชน์ของมัน แต่เป็นเพราะว่าไม่มีจักรพรรดิคนใดกล้าที่จะใช้มัน ของสิ่งอื่นน่ากลัวที่สุดก็แค่เอาชีวิตคน แต่ของสิ่งนี้เอาจิตวิญญาณคน ระหว่างสองสิ่งนี้ เจ้าจะเลือกเช่นไร” 


 


 


โต้วเยี่ยนซานหัวเราะขึ้นมา ชี้ไปที่อวิ๋นเยี่ยและพูดว่า “เขาว่ากันว่าเป็นลูกผู้ชายต้องเลวทราม แต่เจ้ากลับมีจิตใจราวกับผู้หญิง เพียงแค่เป้าหมายสำเร็จก็เป็นเรื่องที่ดี ข้าให้เวลาแก่เจ้า แล้วเจ้าจะเข้าใจเอง ตอนนี้จะยังไม่เอ่ยอะไร ข้าเชิญเจ้ามาเยี่ยมชมประเทศของข้า ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังจะไม่ใหญ่โตพอ แต่มันก็จะแข็งแกร่งขึ้นในไม่ช้า” 


 


 


ดูเหมือนโต้วเยี่ยนซานจะเต็มไปด้วยความมั่นใจ เขาไม่เคยท้อถอย ความยากลำบากทำให้เขามีพลังที่แข็งแกร่ง 


 


 


ความยากจนอาจจะทำให้คนผิดหวัง แต่สิ่งที่ทำให้คนหมดหวังจริงๆ คือการที่มองไม่เห็นความหวัง 


 


 


ผู้ชายในหมู่บ้านต่างพากันนอนหาเหา อ้าปากหาวจนน้ำตาไหลอยู่ที่มุมกำแพง คนที่มีจิตสำนึกหน่อยก็จะกอดแขนผู้หญิงที่ผอมแห้งแรงน้อยเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็กน้อย ล้วนแต่มีสายตาเย็นชา มีแค่ตอนที่ได้เจอกับคนรับใช้ของตระกูลโต้วเท่านั้น สายตาถึงจะเป็นประกายขึ้นมา ยืดแขนที่ซีดเซียวออกมา ท่าทางเหมือนจะขออะไรบางอย่าง 


 


 


โยนครีมยาขนาดใหญ่ออกไป ผู้ชายทุกคนรีบวิ่งเข้ามาราวกับหมาป่าที่หิวโหย มีเพียงเด็กที่ล้มลงบนพื้นเท่านั้นที่ส่งเสียงร้องไห้อย่างรุนแรง 


 


 


“เหล่าโต้ว เจ้าคิดจะอาศัยเพียงสิ่งของไร้ประโยชน์พวกนี้พิชิตความฝันของเจ้าน่ะหรือ” 


 


 


โต้วเยี่ยนซานสะบัดมือ ยิ้มแล้วพูดว่า “ปีที่แล้วข้าส่งคนกลุ่มหนึ่งไปแย่งเสบียงในพื้นที่อื่น ใครจะรู้ว่าพวกมันถูกพวกสัตว์ป่ากินไปแล้วเกือบครึ่ง หากรู้ก่อนข้าจะส่งคนไปสักสามร้อยพร้อมด้วยอาวุธ ตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมา ข้าก็ไม่เคยหวังอะไรจากพวกเขาอีกเลย พวกเขาก็แค่กลุ่มคนที่รู้จักแค่กินข้าว นอนหลับ ช่างไร้ประโยชน์ หากไม่ใช่เพราะว่าฆ่าพวกผู้ชายไปหมดแล้วประเทศของข้าจะพังจะพินาศ ข้าคงจะกวาดล้างพวกไร้ประโยชน์พวกนี้ไปนานแล้ว 


 


 


อวิ๋นโหว ท่านก็รู้ว่าผู้ชายสามร้อยคนพร้อมด้วยอาวุธ ควรจะเป็นราชาแห่งสัตว์ร้ายในป่าเขา มีแค่พวกเขาเท่านั้นที่ควรได้ทานเนื้อ มีที่ไหนกลับถูกพวกสัตว์ป่ากินหมด” 


 


 


โต้วเยี่ยนซานพูดจาง่ายดาย แต่เขายังคงไม่เข้าใจเรื่องของป่าเขาจริงๆ ในป่าเขาที่รกร้าง มีเพียงสัตว์ป่าเท่านั้นที่เป็นเจ้าป่า เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว ความกล้าหาญก็ไม่มีประโยชน์เลยสักนิด 


 


 


ตัวอย่างเช่นปลิงและมด แล้วยังมีแมลงชนิดหนึ่งที่สามารถวางไข่ใต้ผิวหนังของมนุษย์ มันกินเลือดของมนุษย์เป็นอาหาร เมื่อมันเติบโตเต็มที่ มันก็จะกัดผิวหนังของมนุษย์ มุดออกไปหาคู่ของมัน และหาเป้าหมายใหม่ต่อไป 


 


 


สำหรับคนที่ถูกยืมใช้ร่างกาย ไม่ต้องคิดเรื่องของผลที่จะตามมา เพราะแมลงชนิดนี้สามารถวางไข่ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าครั้งละเป็นพันฟอง 


 


 


นี่ก็คือแมลงตัวแรกที่ผู้คนพูดถึงมานานหลายพันปี และแน่นอนว่า เป้าหมายของพวกมันไม่จำเป็นต้องเป็นมนุษย์ ยังมีพวกสัตว์ป่าอีกมากมาย เป็นกฎเกณฑ์ระหว่างสวรรค์และโลก สัตว์ที่ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ จำนวนก็จะยิ่งลดน้อยลงเท่านั้น อย่างเช่นเสือ อย่างเช่นสิงโต หรืออย่างเช่น หลี่ซื่อหมิน? 


 


 


โต้วเยี่ยนซานอดไม่ได้ที่จะพาอวิ๋นเยี่ยไปดูทรัพย์สินของตัวเอง หลังจากประสบความหิวโหยที่น่ากลัวครั้งนั้นมา หมูที่อ้วนท้วนทุกตัวก็กลายเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของเขา 


 


 


ถ้าในคอกหมูมีแต่หมูที่อ้วนท้วน เห็นสิ่งมีชีวิตที่กลิ้งไปมา อวิ๋นเยี่ยก็คงจะรู้สึกพอใจ แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ มีคนที่ถูกมัดด้วยโซ่เหล็กอยู่ในคอกหมูหนึ่งคน แล้วยังเป็นผู้หญิงที่แทบจะเปลือยเปล่า 


 


 


ผู้หญิงคนนี้ต้องเคยอ้วนมาก่อนแน่ๆ เพราะนางมีหน้าอกใหญ่สองข้างที่เ**่ยวห้อยอยู่ตรงหน้า โซ่เหล็กที่ผูกคอของนางเป็นสนิม ผู้หญิงคนนี้มีโครงกระดูกที่สูงใหญ่กำยำ แต่ตอนนี้กลับมีสภาพราวกับปลาที่ถูกโยนทิ้งบนชายหาด อ้าปากที่มีฟันอยู่แค่ไม่กี่ซี่ ไม่รู้ว่านางกำลังพูดอะไรอยู่ เห็นเพียงดวงตาสีดำและความเกลียดแค้นที่อยู่ในดวงตาคู่นั้น 


 


 


อวิ๋นเยี่ยถึงกับรู้สึกเวียนหัว ภาพพวกนี้คือสิ่งที่เขาไม่อยากเห็นที่สุด เขายอมเห็นศพตัวเป็นๆ ดีกว่าที่จะต้องมาเห็นคนถูกทรมานเช่นนี้ 


 


 


“เหล่าโต้ว เอาผู้หญิงคนนี้ให้ข้าเถอะ เจ้าเสนอราคามา ข้ายอมรับ” 


 


 


โต้วเยี่ยนซานที่กำลังล้างมืออยู่ที่อ่างข้างๆ รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากที่ได้ยินอวิ๋นเยี่ยพูดเช่นนี้ สะบัดน้ำในมือออกแล้วหันหน้ามาถามว่า “เจ้าไม่ได้รักสะอาดเช่นเดียวกันกับข้าหรือ เหตุใดถึงได้ต้องการผู้หญิงคนนี้ ข้ารู้ว่าจิตใจที่อ่อนแอของเจ้ากลับมาอีกครั้ง เจ้ารู้หรือไม่ว่า ตอนนั้นผู้หญิงคนที่อ้วนราวกับหมูคนนี้กล้ามาจับแขนข้าแล้วบอกว่าชอบข้า นึกถึงแล้วข้าก็อยากจะตัดมือนางทิ้ง ข้าจงใจให้นางมีชีวิตอยู่ ก็เพื่อที่จะบอกนางว่า นางมีค่าแค่อยู่กินกับหมูเท่านั้น แต่เจ้ากลับทนมองนางได้เนี่ยนะ” 


 


 


อวิ๋นเยี่ยเริ่มหงุดหงิด เขาตะโกนขึ้นมาว่า “ข้าอยากจะฆ่านางให้ตายมิได้หรือ เจ้าจะให้ข้าหรือไม่” 


 


 


โต้วเยี่ยนซานแตะที่คางและพูดว่า “ข้าให้เจ้าได้ แต่ว่าผู้หญิงคนนี้มีความลับอันยิ่งใหญ่อยู่ มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาซ่อนกลองสำริดและเครื่องบวงสรวงไว้ที่ใด เครื่องบวงสรวงพวกนั้นล้วนแต่ทำมาจากทองคำ ข้าอยากรู้เป็นที่สุด แต่ข้าทำหมดแล้วทุกวิถีทาง นางก็ไม่ยอมบอก หากเจ้า…” 


 


 


“โต้วเยี่ยนซาน เจ้าช่างไร้ซึ่งอารยะธรรม ทองคำเก่าแก่เป็นร้อยเป็นพันเช่นนี้เจ้าก็สนใจ? ตอนแรกที่เจ้าเหมาหอเอี้ยนไหลโหลวจัดงานสังสรรค์ก็ใช้เงินทองไปไม่น้อย ตอนนี้เห็นเงินกลับหน้ามืดตามัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ” 


 


 


พูดจนโต้วเยี่ยนซานหน้าแดงหูแดง ความมั่งคั่งที่เขาปลูกฝังมาตลอดหลายปี ทำให้เขารู้สึกอับอายที่จะพูดถึงเรื่องเงิน ถ้าตระกูลโต้วไม่ล้มละลาย เขาก็คงจะไม่สนใจเงินเล็กๆ น้อยๆ ในมือของคนป่าเถื่อนพวกนั้นจริงๆ แต่ปัญหาคือตอนนี้ล้มละลายแล้ว ขาของยุงก็ยังมีค่า 


 


 


“อวิ๋นเยี่ย เจ้าคิดว่าข้าอยากได้เงินพวกนี้หรือ ซื้อเสบียง ซื้อม้า ซื้ออาวุธ ล้วนแต่ต้องใช้เงิน ข้าไม่สนใจเงินพวกนี้ก็จริง แต่ข้าต้องการเงินพวกนี้มาช่วยเหลือ ตอนนี้ข้าอยู่ในที่ทุรกันดารเช่นนี้ จะให้ข้าไปหาเงินมาจากที่ใด นอกจากว่าจะบอกข้ามาว่าทองคำอยู่ที่ใด มิเช่นนั้นคนไร้ประโยชน์คนนี้ก็แย่งอาหารหมูกินต่อไป ไร้ประโยชน์ แค่แย่งอาหารหมูยังแย่งไม่ได้ ยังจะมีหน้าเรียกตัวเองว่านักรบ” 


 


 


อวิ๋นเยี่ยหันหน้าไปพูดกับผู้หญิงคนนั้นว่า “บอกข้าว่าทองคำอยู่ที่ใด กลับไปข้าจะทำเครื่องร่อนทองที่ดีกว่าเดิมให้” 


 


 


ผู้หญิงคนนั้นพยายามดิ้นรนอยู่ตั้งนาน นางสำรอกเสมหะออกมา แต่นางไม่มีแรง ถ่มไปไม่ถึงเขาแต่กลับตกลงที่หน้าอกของนางเอง 


 


 


โต้วเยี่ยนซานปิดปาก หันหน้าไปทางอวิ๋นเยี่ย บอกว่าเขาเองก็ไม่รู้จะทำเช่นไร 


 


 


“เหล่าโต้ว เจ้าเสนอจำนวนมา ข้าจะหาทองคำมาให้เจ้า เจ้ารู้ว่ามันอยู่ที่ใดใช่หรือไม่” 


 


 


“ข้าเคยเห็น มันใช้ตะกร้ากับกระเป๋าหนังในการหาทอง แต่กว่าจะได้ วันหนึ่งได้เพียงเศษๆ ข้าออกไปหาเงินข้างนอกยังจะดีกว่า” 


 


 


โต้วเยี่ยนซานรีบเดินเข้ามา เข้ามาอยู่ใกล้อวิ๋นเยี่ย ถ้าหาทองคำจำนวนมากบนเขาได้ มันจะช่วยเขาได้มากทีเดียว 


 


 


“รีบบอกมาว่าจะเอาเท่าไหร่ ทองคำไม่เหมือนกับโลหะทั่วไป เจ้าจะโลภมากไม่ได้ มิเช่นนั้นเจ้าจะพบเจอกับความโชคร้าย” 


 


 


ตอนนี้โต้วเยี่ยนซานไม่สนใจเรื่องโชคดีโชคร้ายอะไรทั้งนั้น เอาทองคำมาอยู่ในมือก่อนคือเรื่องสำคัญ 


 


 


อ้าปากบอกว่าหนึ่งแสน แต่เห็นสีหน้าดูถูกของอวิ๋นเยี่ย เขาถึงได้เปลี่ยนคำพูดว่า “ห้าหมื่น น้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว” 


 


 


“เช่นนั้นเจ้าเอาผู้หญิงคนนี้ไปให้หมูกินซะเถอะ ข้าจะบอกเจ้าให้ หมูเป็นสัตว์กินพืช แต่อย่าคิดว่ามันกินแค่หญ้า หากเจ้าเอาเนื้อไปให้มันกิน มันก็ไม่ปฏิเสธ” 


 


 


“เช่นนั้นเอาหมื่นเดียว น้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว” 


 


 


“เหล่าโต้ว ห้าพัน ข้าช่วยเจ้าหาได้แค่ห้าพัน ที่เหลือเจ้าคิดวิธีไปหาเอาเอง” 


 


 


โต้วเยี่ยนซานตบมือให้อวิ๋นเยี่ยสามครั้ง ถือว่าตกลงตามนี้ โยนกุญแจให้เขา หลังจากนั้นเขาก็หายไปไม่เห็นแม้แต่เงา คำสัญญาระหว่างตระกูลมักจะมีผลมากกว่า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นศัตรูกัน แต่โต้วเยี่ยนซานคิดว่าตัวเองเป็นตระกูลใหญ่โตในดินแดนที่ทุรกันดารแห่งนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักโทษแหกคุก แต่เพื่อศักดิ์ศรีของบรรพบุรุษ เขาก็ให้ความสำคัญกับหน้าตาของตัวเองมากกว่าคนอื่นๆ 


 


 


อวิ๋นเยี่ยกระโดดเข้าไปในคอกหมู บีบจมูกไปด้วยขณะผลักหมูพวกนั้นออกไป คอกหมูของตระกูลอวิ๋นยังไม่เต็มไปด้วยขี้หมูขนาดนี้ คอกหมูของพวกชาวบ้านก็ไม่ขนาดนี้ จะมีคนคอยโกยออกและเอาดินถมทันที แล้วยังสามารถใช้เป็นปุ๋ยได้อีกด้วย 


 


 


ลูบคลำอยู่นาน เขาถึงได้หากุญแจบนผิวหนังที่เละเทะของผู้หญิงคนนั้นเจอ กุญแจเป็นสนิมรุนแรงมาก อวิ๋นเยี่ยใช้เวลาธูปหนึ่งก้านเต็มๆ ถึงได้ไขกุญแจให้ผู้หญิงคนนั้นได้ 


 


 


เมื่อประคองนางขึ้นมา ได้กลิ่นเหม็นที่ทำให้คนแทบจะหยุดหายใจ ก่อนที่โซ่เหล็กเย็นๆ จะรัดเข้าที่รอบคอของอวิ๋นเยี่ย 

 

 

 


[ส่วนที่ 8 เขาของคนป่าเถื...

 

ตอนที่ 5 คนรักสะอาดทั้งสองคน

 

อวิ๋นเยี่ยตกใจ กำลังจะดิ้น แต่โซ่เหล็กกลับหลุดตกลงมาเอง ผู้หญิงที่ราวกับสัตว์ป่าคนนั้นล้มลงกับพื้น หายใจหอบ สีหน้าดูผิดหวัง


 


 


ทันใดนั้นอวิ๋นเยี่ยก็เข้าใจความหมายพฤติกรรมของนาง นางอยากตาย นางอยากใช้โอกาสนี้แสวงหาความตาย


 


 


เมื่อกี้อวิ๋นเยี่ยบอกว่าหมูก็กินคน ทำให้นางตกใจ ชะตากรรมที่ทรมานเช่นนี้เป็นเรื่องที่นางยอมรับไม่ได้ โดนแทงตาย ยังโชคดีกว่าต้องมาถูกหมูกินตาย


 


 


หลังจากรู้สาเหตุ ความโมโหในใจก็บรรเทาลง เขายองๆ และพูดกับผู้หญิงคนนั้นว่า “ข้าก็ไม่ได้ดีไปกว่าเจ้ามากนัก เจ้าเป็นนักโทษ ข้าก็เป็นนักโทษ ถูกเขาจับมาเหมือนกัน ผ่านวันนี้ไป ยังไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้ยังจะได้เห็นแสงอาทิตย์หรือไม่ เพราะฉะนั้นเจ้าอย่าได้เป็นศัตรูกับข้า คิดดูแล้ว เราควรจะเป็นเพื่อนกันมากกว่า”


 


 


“ในต้าถังไม่มีคนดี พวกเขาทั้งหมดเป็นปลิงที่คอยดูดเลือดของพวกเรา เจ้าก็เช่นกัน” ใครจะคิดว่าลำคอที่ใหญ่ราวกับผู้ชายก็สามารถส่งเสียงกังวานใสราวกับกระดิ่งเช่นนี้ หรือว่าอาหารหมูสามารถเปลี่ยนเสียงคนได้ด้วย?


 


 


ตอนนี้ยังอธิบายอะไรให้นางฟังไม่ได้ แบกนางออกมาจากคอกหมู ทั้งสองคนเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็น วั่งไฉเดินเข้ามา อวิ๋นเยี่ยไม่อยากให้มันติดกลิ่นเหม็นไปด้วย ก็เลยผูกเปลบนตัวมัน ให้มันลากออกไปจากคอกหมู


 


 


มีบ้านไม้ไผ่ให้อยู่ ไม่เลวเลยทีเดียว มีลมตะวันออกเฉียงใต้และตะวันตกเฉียงเหนือพัดผ่านได้ วางผู้หญิงคนนั้นลงบนเตียงไม้ไผ่แล้วพูดกับนางว่า “ข้าจะอาบน้ำให้เจ้า อย่าคิดว่าข้าจะแต๊ะอั๋งเจ้า เพราะเจ้าก็ไม่ได้มีอะไรให้ข้าแต๊ะอั๋ง”


 


 


พูดเสร็จก็กำลังจะเอาเสื้อหนังที่เน่าเปื่อยตรงเอวของนางถอดออก มีหลายส่วนที่ติดไปกับผิวหนังของนางแล้ว อวิ๋นเยี่ยใช้มีดตัดออกด้วยความระมัดระวัง กว่าเสื้อผ้าที่เน่าเปื่อยจะแยกออกจากผิวหนังของนาง เอวของนางก็เต็มไปด้วยเลือด ไม่กล้าแตะต้องมันอีก รอให้แผลไม่มีเลือดออกแล้วค่อยทำความสะอาดให้นางภายหลัง


 


 


หากโต้วเยี่ยนซานไม่ให้ยาจินช่วง[1] พวกชาวพื้นเมืองที่โง่เขลาพวกนั้นก็ปรุงยาไม่เป็น บอกว่าพวกเขาเป็นลูกของป่าเขาไม่ใช่หรือ ทำไมแค่เรื่องพวกนี้ถึงไม่รู้


 


 


แขวนหม้อไว้บนกองไฟ นี่คือข้อเสนอที่ดีที่สุดที่โต้วเยี่ยนซานให้กับอวิ๋นเยี่ย คนที่หิวโหยมาเป็นปีจะกินข้าวสุกไม่ได้ เติมน้ำและเทข้าวลงไปในหม้อ ทำเป็นข้าวต้ม


 


 


โยนก้อนหินสองสามก้อนใส่เตาไฟ เผาหินจนร้อนแล้วก็ใส่มันเข้าไปในหม้อดิน ใส่หินเข้าไปสักห้าหกก้อน น้ำในหม้อก็จะกลายเป็นน้ำอุ่น จากนั้นเขาก็หยิบผ้ามาทำความสะอาดร่างกายให้กับผู้หญิงคนนั้น


 


 


“เราควรจะเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นใคร ทำเช่นนี้มันไม่ค่อยมีมารยาท”


 


 


ร่างกายของนางสกปรกเป็นอย่างมาก บางครั้งก็ต้องถูแรงๆ ถึงจะเช็ดสะอาด เห็นกล้ามเนื้อของผู้หญิงคนนี้เจ็บปวดจนเต่งตึง อวิ๋นเยี่ยถึงได้พูดออกมาเช่นนั้น หวังว่าจะสามารถทำให้นางไปสนใจเรื่องอื่น


 


 


“ข้าเป็นองค์หญิงของดินแดนนี้แห่งนี้ ทั่นเกออ๋อง ข้าได้สืบทอดอำนาจมากจากท่านแม่ของข้า ข้าเป็นอ๋องของที่นี่ ชาวถังคนนั้นเป็นคนนอก เป็นแขกที่น่ารังเกียจที่สุด”


 


 


“เจ้าเป็นองค์หญิงที่พ่ายแพ้ ทั่นเกอ เจ้าปกป้องประชาชนของเจ้าไม่ได้ ปล่อยให้พวกเขาจมลงไปในส่วนที่ลึกที่สุดของนรก เจ้าคิดว่าอย่างไร เจ้ายังต้องการดอกไม้ลืมทุกข์หรือไม่”


 


 


ไม่จำเป็นต้องบอก องค์หญิงเคราะห์ร้ายคนนี้คงจะสูบฝิ่น ถึงได้ถูกโต้วเยี่ยนซานควบคุม และผู้ใต้บังคับบัญชาที่ซื่อสัตย์ที่สุดของนางก็คงจะสูบสิ่งนี้ด้วยเช่นกัน โต้วเยี่ยนซานถึงได้สามารถตั้งหลักปักฐานที่ดินแดนแห่งนี้ได้


 


 


พูดถึงดอกไม้ลืมทุกข์ ทั่นเกอก็หดตัวด้วยความกลัว ดูเหมือนว่าเส้นทางชีวิตของนางคงจะเป็นเรื่องราวที่น่าสังเวช ความผิดพลาดเพียงอย่างเดียวของโต้วเยี่ยนซานก็คือเขาไม่ควรขังทั่วเกอไว้ในคอกหมูเพราะความโมโห เพราะสิ่งนี้มันทำให้นางยังมีชีวิตรอด มิเช่นนั้น ผ่านช่วงนี้ไป ดอกไม้ลืมทุกข์จะฉีกแนวป้องกันสุดท้ายของนางออกเป็นชิ้นๆ อย่างแน่นอน เช่นนี้ โต้วเยี่ยนซานก็จะได้เครื่องบวงสรวงมาอย่างง่ายดาย ไม่จำเป็นต้องเสียแรง


 


 


พระเจ้า อวิ๋นเยี่ยไม่เคยเห็นร่างกายที่สกปรกมากถึงเพียงนี้ น้ำสกปรกสีดำไหลลงมาตามช่องว่างระหว่างไม้ไผ่ แน่นอนได้ว่า ปีนี้ต้นหญ้าใต้บ้านจะต้องเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์แน่นอน


 


 


คนเราจะต้องมีพวกพ้อง แต่เป็นพวกพ้องของโต้วเยี่ยนซานไม่ช้าก็เร็วคงจะต้องตาย อวิ๋นเยี่ยต้องการเพื่อนพ้องคนใหม่ อย่างเช่นทั่นเกออ๋องคนนี้ ก็เป็นเพื่อนพ้องที่ไม่เลวเลย


 


 


ตราบใดที่องค์หญิงคนนี้มีสติปัญญามากพอ นางก็จะกลายเป็นมือขวาของเขา อวิ๋นเยี่ยไม่เชื่อว่าอดีตอ๋องจะไม่มีความสามารถอะไรเลย


 


 


แต่การหาเพื่อนพ้องโดยการเริ่มต้นจากการอาบน้ำให้นาง มันเป็นการบังคับให้เขาทำในสิ่งที่ยากเย็น โต้วเยี่ยนซานพูดถูก อวิ๋นเยี่ยไม่สามารถยอมรับองค์หญิงทั่นเกอคนนี้ได้ ตอนนี้ท้องของเขาพะอืดพะอมไปหมด


 


 


เทน้ำสุดท้ายล้างลงไป ในที่สุดก็ไม่มีสิ่งสกปรกสีดำที่น่ารังเกียจหลงเหลืออยู่ เช็ดตัวของนางให้แห้ง อวิ๋นเยี่ยก็หยิบผ้าผืนใหญ่ออกมาฉีกรูตรงกลาง แล้ววางไว้บนหัวขององค์หญิงทั่นเกอ เย็บถุงผ้าตรงใต้ซี่โครงทั้งสองข้าง สุดท้ายมัดเชือกไว้ที่เอว ดีมาก ทำถุงผ้าที่ได้มาตรฐานขึ้นมาได้แล้ว


 


 


ในความเป็นจริงสำหรับทั่นเกอแล้ว เสื้อผ้าเป็นส่วนเกิน พวกผู้หญิงคนอื่นห้อยถุงหนังสัตว์ไว้ที่เอวทุกคน วิ่งเปลือยกายไปทั่วโลก อวิ๋นเยี่ยทำเช่นนี้ก็เพื่อตัวเอง กลัวว่าต่อไปถ้าเขาเห็นร่างกายของผู้หญิงคนอื่น เขาจะนึกถึงร่างกายที่น่าหวาดกลัวของทั่นเกอขึ้นมา


 


 


วั่งไฉได้กลิ่นหอมของข้าวต้ม ยืนอยู่ข้างนอกและยื่นหัวเข้ามามองที่ประตู มันไม่ได้กินข้าวต้มมาหลายวันแล้ว วั่งไฉที่น่าสงสาร เมื่อก่อนมันไม่ชอบกินข้าวต้ม ข้าวต้มที่ใส่เห็ดก็ไม่กิน มันเคยชิมข้าวต้มที่ใส่เห็ดและเม็ดบัวที่เตรียมไว้ให้อวิ๋นเยี่ย รู้สึกไม่อร่อย มันชอบกินเหล้าข้าวเหนียวมากที่สุด แต่น่าเสียดายที่ที่แห่งนี้ไม่มี แม้แต่ข้าวต้มยังเป็นความคิดที่หรูหรามากเกินไป


 


 


ข้าวต้มร้อนๆ กำลังเดือดปุดๆ ในหม้อ จมูกของทั่นเกอพองโตไม่หยุด วั่งไฉแลบลิ้นออกมาเลียไม้ไผ่ น้ำลายสีขาวไหลออกมาจากมุมปากของมัน


 


 


ทั่นเกอไม่พอใจอย่างมากที่อวิ๋นเยี่ยแบ่งข้าวต้มครึ่งหม้อให้กับวั่งไฉ และอวิ๋นเยี่ยให้ข้าวต้มนางแค่ถ้วยเดียว ข้าวต้มถ้วยนั้นไม่เพียงพอให้นางยาไส้ แต่ม้าตัวนั้นกลับกินข้าวต้มอย่างเอร็ดอร่อย


 


 


อวิ๋นเยี่ยเทข้าวต้มของตัวเองให้ทั่นเกอ เขาทำเช่นนี้ ทำให้ทั่นเกอรู้สึกถึงความอบอุ่น กินข้าวต้มเสร็จ ทั่นเกอก็ห่มผ้านอนหลับไป ราวกับนางได้เจอท่านแม่ของตัวเองในความฝัน ผู้หญิงที่เข้มแข็งเช่นเดียวกับนาง…


 


 


อวิ๋นเยี่ยถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกมา เอาแช่น้ำแล้วเอาออกมาดม กลิ่นขี้หมูยังคงติดอยู่ราวกับล้างไม่ออกตลอดไป เขาโยนเสื้อทิ้งบนพื้นอย่างหงุดหงิด เตรียมที่จะซักอีกครั้ง


 


 


“ปัดโธ่ อวิ๋นโหวซักเสื้อผ้า? นี่มันช่างเกินความคาดหมายของข้าน้อย เดิมทีคิดว่าเจ้าเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนรักสะอาด แต่ดูแล้วน่าจะเป็นความจริง เจ้าซักเสื้อไปแล้วแปดครั้ง หากยังซักมันต่อมันคงจะเละกันพอดี หรือสหายอวิ๋นอยากจะใส่หนังสัตว์เหมือนคนป่าเถื่อนพวกนั้นล่ะ?”


 


 


“โต้วเยี่ยนซาน อย่ามาพูดเยาะเย้ยข้า มีสบู่จ้าวเจี่ยว[2]ก็เอามาให้ข้า มิเช่นนั้นข้าจะใส่แค่เสื้อข้างในเดินไปให้ทั่ว”


 


 


โยนสบู่จ้าวเจี่ยวถุงใหญ่ไปตรงหน้าอวิ๋นเยี่ย โต้วเยี่ยนซานนั่งยองๆ มองดูอวิ๋นเยี่ยซักเสื้ออยู่ด้านข้าง ยิ้มจนปากแทบจะฉีกไปถึงหู แค่อวิ๋นเยี่ยลำบาก เขาก็รู้สึกพอใจ แล้วตัวเองค่อยแกล้งทำเป็นเทพเจ้ามาช่วยเหลือ คนรับใช้ของตระกูลโต้วต่างพากันชอบวิธีนี้


 


 


ในที่สุดก็ซักเสื้อเสร็จ อวิ๋นเยี่ยล้างทำความสะอาดร่างกายของตัวเองอีกครั้ง สบู่จ้าวเจี่ยวขีดข่วนลงบนผิวหนังอย่างเจ็บแสบ สบู่นี้ลื่น ไม่สะดวกที่จะจับ เป็นหนามไม้บางๆ เลยทำให้การอาบน้ำครั้งนี้ไม่ค่อยจะสบายตัวสักเท่าไหร่


 


 


โต้วเยี่ยนซานยืนมองอยู่ใต้ต้นไทรริมแม่น้ำ เดิมทีอวิ๋นเยี่ยอยากจะไล่เจ้านี่ออกไป แต่เขาเห็นรากของต้นไทรที่เต็มไปด้วยปลิงที่ได้กลิ่นตัวของเขา เขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะไล่เขาไป เป็นผู้ชายเหมือนกัน มองหน่อยจะเป็นอะไรไป ว่าแต่โต้วเยี่ยนซานคงจะเสียเลือดไปไม่น้อยล่ะงานนี้


 


 


เสื้อผ้าที่พาดอยู่ด้านบนหินที่ถูกแสงแดดแผดเผา เอามาสวมใส่ทำให้รู้สึกสบายตัว โต้วเยี่ยนซานที่มีปลิงสองสามตัวเกาะอยู่ที่หลังหูกำลังจะเดินเข้ามาพูดกับอวิ๋นเยี่ย ปลิงทุกตัวต่างดูดเลือดอย่างเต็มอิ่ม ราวกับว่าโต้วเยี่ยนซานมีเนื้องอกขึ้นมา


 


 


ปลิงเป็นแวมไพร์ดูดเลือดที่เรารู้จักกันดี ถ้าดูดเลือดได้ไม่มากพอมันก็จะไม่ยอมปล่อย มันดูดเลือดทีหนึ่งก็จะคายน้ำลายทีหนึ่ง น้ำลายชนิดนี้จะไปทำลายเส้นประสาท และป้องกันไม่ให้เลือดแข็งตัว คนที่ถูกดูดเลือดจะไม่รู้ตัว อย่างเช่นโต้วเยี่ยนซานในเวลานี้


 


 


“สหายโต้ว ที่หูของเจ้ามีเนื้องอกออกมาสองสามก้อน ทำให้เจ้าดูสง่างามขึ้นมาไม่น้อย”


 


 


โต้วเยี่ยนซานแปลกใจที่อวิ๋นเยี่ยพูดเช่นนี้ ลูบไปที่หูของตัวเอง จับโดนปลิง เขาก็เลยใช้แรงดึงมันออกมา มือของเขาเต็มไปด้วยเลือด ดึงปลิงออกมาได้แค่ครึ่งเดียว อีกครึ่งหนึ่งยังคงจ้องมองอยู่ที่หลังคอของเขา


 


 


โต้วเยี่ยนซานร้องตะโกนและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว หายไปในบ้านไม้ไผ่ของตัวเองในพริบตา


 


 


เมื่อพาวั่งไฉมาอยู่ที่ที่โต้วเยี่ยนซานยืนอยู่เมื่อครู่ ก็ชี้ไปที่พวกปลิงพวกนั้นที่กำลังบิดตัวเหมือนหนอนให้วั่งไฉดู สัญชาตญาณตามธรรมชาติของสัตว์ทำให้วั่งไฉเดินถอยห่างออกไปไม่หยุด จนถึงที่ที่ปกคลุมไปด้วยลำต้นของต้นไทร มันถึงได้หยุดถอย


 


 


ดีมาก ตอนนี้วั่งไฉแยกแยะปลิงออกแล้ว ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้อีก ถ้ากลับไปได้ เอาปลิงพวกนี้ไปให้ซุนซือเหมี่ยวด้วยดีหรือไม่ เหล่าเต้าจะสมองแตกกับการคิดวิธีแก้ปัญหาการแข็งตัวของเลือดอยู่แล้ว บางทีเขาอาจจะรู้อะไรจากปลิงพวกนี้บ้าง


 


 


กลับมาที่บ้านไม้ไผ่ของตัวเอง อวิ๋นเยี่ยวางแพไม้ไผ่ตรงทางเข้า วั่งไฉจะได้เข้าบ้านได้ง่ายๆ กลางคืนของที่นี่อันตราย ยุคหลังมีค้างคาวแวมไพร์มากมาย และถึงแม้ว่าจะไม่มีพวกนี้ แค่ยุงก็ทำให้วั่งไฉต้องทนทุกข์ทรมานได้ กระเป๋าใบเล็กที่ซ่านอิงเอาให้ยังคงอยู่ สมุนไพรที่อยู่ข้างในก็ยังมีประสิทธิภาพ แค่พกติดตัวไว้ ในบ้านก็จะไม่มียุง


 


 


สภาพอากาศของแคว้นหนานจ้าวแปลกประหลาด หนึ่งพันปีภายหลังอบอุ่น แต่นี่พึ่งจะเดือนมีนาคม ที่หุบเขาเทียนเหอก็ร้อนมากแล้ว แต่บนยอดเขาไกลๆ ก็ยังคงมีหิมะสีขาว ยิ่งขึ้นไปข้างบนก็จะยิ่งหนาว


 


 


มัดเส้นไหมรอบประตูแล้วยึดเข้ากับเสาอย่างแน่น เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องนี้ อวิ๋นเยี่ยกับวั่งไฉจะไม่ไปไหนขณะที่เธอนอนหลับอยู่ แต่ในทางกลับกันไม่ว่าองค์หญิงทั่นเกอจะไปที่ไหนก็เป็นเรื่องของนาง


 


 


นึกถึงโซ่เหล็กที่รัดคอของเขาในตอนกลางวันแล้ว อวิ๋นเยี่ยก็ดึงไหมที่ข้างเตียงของตัวเองสองสามครั้ง


 


 


 


 


 


 


——


 


 


[1] ยาจินช่วง ยาจีนชนิดหนึ่ง ใช้สำหรับรักษารอยฟกช้ำและแผลต่างๆ


 


 


[2] สบู่จ้าวเจี่ยว ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Gleditsia sinensis เป็นสมุนไพรจีนชนิดหนึ่งรูปร่างคล้ายฝักถั่วฝักสามารถนำมาใช้ทำยาและสบู่ได้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)