เจาะเวลาสู่ต้าถัง ส่วนที่ 8 ตอนที่ 31-33

[ส่วนที่ 8 เขาของคนป่าเถื...

 

ตอนที่ 31 ผู้ชายที่ดีที่สุด

 

“ท่านโหว คนหยาบอย่างพวกข้า ไม่รู้เรื่องของราชสำนัก ท่านอย่าหลอกพวกข้า ข้าเหล่ามั่ว ปีนี้อายุห้าสิบสาม คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ถือโอกาสตอนที่ยังมีแรง เตรียมสะสมทรัพย์สมบัติให้ลูกหลาน หากเรื่องที่ท่านพูดเป็นเรื่องจริง ข้าจะไปสมัครเดี๋ยวนี้ บรรพบุรุษของข้ามีแต่คนที่เป็นทหาร ตระกูลของข้าไม่เคยมีใครได้เป็นขุนนาง หากข้าได้เป็นนายพันอวี้อู่ ตระกูลของข้าจะจดจำความเมตตาของท่านไปตลอดชีวิต”


 


 


“เจ้าพูดอะไร ท่านโหวจะโกหกนักฆ่าอย่างเจ้าน่ะรึ” หงเฉิงเดินไปเตะเขาสองที ชายคนนั้นราวกับค้อนเหล็กไม่ขยับไปไหน ยืนนิ่งมองอวิ๋นเยี่ยอย่างรอฟังคำตอบ


 


 


“เหล่ามั่ว เจ้าฟังให้ดี ข้าจะพูดอีกหนึ่งรอบ ข้าได้เขียนฎีกาถึงฝ่าบาทแล้ว หากจะกอบกู้ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้กลับมา การจะทำเช่นนี้ได้ต้องมีขุนนางมาบริหารจัดการ ราชสำนักไม่ได้มีขุนนางมากมายขนาดนั้น เช่นนั้นจะทำอย่างไร ก็ต้องมาคัดสรรจากพวกเจ้า หนึ่งคือจะต้องจงรักภักดีต่อต้าถัง จะมาเป็นขุนนางวันนี้ พรุ่งนี้ก่อกบฏไม่ได้ สองคือชาวถังในหลิ่งหนานน้อยเกินไป ส่วนใหญ่เป็นคนพื้นเมืองชนเผ่าอื่น หากขุนนางทั่วไปบริหารจัดการไม่ได้ก็ต้องให้พวกเจ้าจัดการ สามคืออายุของพวกเจ้าแต่ละคนก็ห้าสิบกันแล้ว รับใช้ต้าถังมาแล้วหลายปี ก็ถือว่าเป็นผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ แก่พวกเจ้า ถือว่าตอบแทนพวกเจ้า”


 


 


เหล่ามั่วกระโดดลงบนพื้นทันที ก้มหัวกระแทกกับพื้นและพูดเสียงดังว่า “ข้าเป็นคนของต้าถัง ตายไปก็เป็นผีของต้าถัง เมื่อข้าได้เป็นขุนนาง หากข้าก่อกบฏก็ให้ฆ่าตระกูลข้าให้หมด”


 


 


ในกองทัพทหารนี่ถือว่าเป็นคำสาบานที่เลวร้ายที่สุดแล้ว อวิ๋นเยี่ยพยุงเขาขึ้นมา ปัดดินที่หัวเข่าของเขาออกและพูดกับเขาว่า “ดีมาก มีเจ้าแล้วหนึ่งคน รอคำอนุญาตจากฝ่าบาท หากฝ่าบาทอนุญาต พวกเจ้าก็เข้าเมืองหลวงไปกับข้า ไปให้ฝ่าบาทตรวจสอบ จากนั้นก็มาประจำการ”


 


 


เหล่ามั่วยิ้ม ตำแหน่งขุนนางของต้าถังไม่ใช่ได้มาง่ายๆ พวกเขารู้อยู่แก่ใจ เห็นเหล่ามั่วไปลงชื่อสมัคร พวกเขาก็รีบพากันตามไปทันที พากันไปลงสมัคร กลัวว่าจะไม่ทันคนอื่น


 


 


“พวกเจ้า ไปลงทะเบียนกับหงเฉิงก่อน เดี๋ยวข้าจะส่งคนไปตรวจสอบสถานะของพวกเจ้าทีละคน ทหารกองทัพต้องมาก่อน” อวิ๋นเยี่ยยิ้ม พูดเสร็จก็ยกขาขึ้นเตรียมขี่ม้า ทว่าสมบัติบนตัวมากเกินไป หนักเกินไป ทำให้เขาขึ้นม้าไม่ได้ เหล่ามั่วหัวเราะและช่วยจับเอวให้อวิ๋นเยี่ย ส่งเขาขึ้นม้าอย่างสบายใจ


 


 


กองทัพชินกับการเห็นขุนนางชั้นสูงอย่างอวิ๋นเยี่ยมาหยิบเอาสมบัติล้ำค่าพวกนี้ไปอยู่แล้ว หากไม่หยิบเอา พวกทหารที่อยู่ใต้บังคับบัญชาก็คงจะเป็นกังวล ไม่มีใครคิดว่าไม่ควรหยิบไป ขอแค่รับประกันผลประโยชน์ของพวกเขา ใครรายงาน คนนั้นก็จะกลายเป็นศัตรูของทุกคน ไม่ว่าจะไปอยู่กับแม่ทัพคนไหนก็ไปตายสถานเดียว


 


 


ในต้าถังก็มีแค่โหวจวินจี๋กับหลี่จิ้งที่เคยซวยมากก่อน แต่นั่นเป็นเพราะผลประโยชน์ของกองทัพพวกเขา หลี่ซื่อหมินรู้ ก็แค่ตำหนิเรื่องนี้ ไม่มีใครคิดจริงจัง


 


 


ช่วงนี้หลี่อันหลานค่อนข้างจริงจัง ลูกชายของนางถือไข่มุกสีดำขนาดเท่าไข่ไก่โยนไปโยนมา ทำให้นางรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก พึ่งจะคว้ามันจากมือของลูกชาย นางก็ได้ยินเสียงลูกชายร้องไห้ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเอาคืนให้เขา นางไม่รู้ว่าเด็กในช่วงนี้กำลังสนใจในเรื่องของสีสัน


 


 


อุ้มลูกขึ้นมาด้วยความโมโห เอาหน้าเข้าไปใกล้ๆ ตัวลูก จมูกของนางดีมาก นอกจากกลิ่นของเด็ก แล้วยังมีกลิ่นที่คุ้นเคย บางครั้งกลิ่นนี้ก็จะปรากฏขึ้นในความฝัน ไม่ยอมหายไปไหน


 


 


นางเอาจมูกเข้าไปใกล้อีกครั้ง คราวนี้นางมั่นใจว่านั่นเป็นกลิ่นที่สดชื่นและพิเศษ เหมือนกลิ่นผ้าปูที่นอนใหม่ที่ตากแดดมาแล้ว กลิ่นเช่นนี้มีแค่คนเดียว


 


 


หลี่อันหลานร้องไห้ออกมาทันที ท่านพี่มาแล้วแต่ไม่มาหาตัวเอง แอบมาดูลูกแต่ก็ไม่มาดูตัวเอง รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแต่บอกใครไม่ได้ กลิ่นนั้นเป็นกลิ่นที่เรียกว่าสบู่ ทั้งต้าถังมีแค่อวิ๋นเยี่ยคนเดียวที่ชอบใช้สิ่งนี้ คนอื่นคิดว่าสิ่งที่ทำมาจากน้ำมันของหมูนั้นน่าขยะแขยง มีเพียงเขาเท่านั้นที่ชอบใช้ คนของตระกูลอวิ๋นใช้มันซักผ้าเท่านั้น มีแค่อวิ๋นเยี่ยที่ใช้มันอาบน้ำ


 


 


บางทีเขาอาจจะซ่อนตัวแอบมองตัวเองอยู่อีกด้านหนึ่ง หลี่อันหลานก็เลยร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม


 


 


เสี่ยวหลิงตังไม่รู้ว่าทำไมองค์หญิงถึงได้ร้องไห้ นางก็เลยร้องไห้เป็นเพื่อน สาวใช้ทั้งห้องต่างก็ถูกความเศร้าของนางแพร่กระจายใส่ นึกถึงเรื่องราวความเศร้าเสียใจของตัวเอง ต่างก็พากันร้องไห้ออกมา


 


 


มีเพียงนายน้อยหลี่หรงที่กำลังนอนเล่นไข่มุกสีดำอยู่บนเตียง อ้าปากหัวเราะอย่างมีความสุข


 


 


หลี่อันหลานเห็นว่าการร้องไห้ของตัวเองไม่เกิดผล ผู้ชายใจร้ายคนนั้นไม่ยอมออกมา เมื่อนางเห็นลูกชายที่กำลังหัวเราะอย่างมีความสุข ความโมโหของนางก็พุ่งขึ้นมาทันที ไม่มีหัวใจเหมือนกับพ่อของเขา ข้าร้องไห้แต่เจ้ากลับไม่สนใจ ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะไม่สนใจลูกชายของตัวเองร้องไห้ เก่งนักก็ซ่อนตัวต่อไป


 


 


นายน้อยหลี่หรงกำลังเล่นอย่างสนุกสนาน ในบ้านยังมีคนร้องเสียงดังตั้งหลายคน เรื่องเช่นนี้จะขาดเขาไปได้เช่นไร กำลังจะร้องสร้างบรรยากาศ แต่กลับรู้สึกเจ็บที่ก้นอย่างแรง เสียงร้องก็กลายเป็นเสียงร้องไห้โหยหวนทันที ร้องไห้เหมือนจะขาดใจ


 


 


พึ่งจะหยิกก้นลูกชายไป หลี่อันหลานก็รู้สึกเสียใจ รีบอุ้มขึ้นมาปลอบ ใครจะคิดว่าเขาร้องไห้ดังขึ้นเรื่อยๆ เสียใจจนน้ำตาไหลออกมา เสียใจกว่านางเมื่อครู่ด้วยซ้ำ


 


 


หลี่อันหลานกำลังจะถอดเสื้อป้อมนมลูก ปลอบลูก แต่กลับมีแขนข้างหนึ่งยื่นเข้ามา อุ้มลูกออกไปจากอ้อมแขนของนาง


 


 


ท่านหญิงใหญ่ตระกูลเหอได้ยินนายน้อยร้องไห้จนหัวใจแทบจะสลาย กำลังจะเดินเข้าไปแต่กลับเห็นว่าท่านโหวอุ้มนายน้อยอยู่ในห้อง เจ้าตัวน้อยร้องไห้น้ำมูกน้ำตาเปรอะไปหมด เอาหน้าเข้าไปหาพ่อด้วยความน้อยใจ เอาหน้าถูพ่อสักหน่อย


 


 


หลี่อันหลานไล่สาวใช้คนอื่นๆ ออกไป ตัวเองสะบัดผ้าเช็ดหน้านั่งลงบนเก้าอี้ มองดูอวิ๋นเยี่ยที่กำลังยุ่ง ส่วนเสี่ยวหลิงตังก็โง่ไปตั้งนานแล้ว


 


 


“อั๊ยยายา ข้าคิดว่าอวิ๋นโหวจะใจแข็ง ข้ากับเสี่ยวหลิงตังร้องไห้แทบตายแต่เจ้ากลับทำเป็นเหมือนพวกข้ากำลังร้องเพลง ลูกตัวเองร้องนิดเดียวก็อดไม่ได้ซะแล้ว ช่างเป็นพ่อที่ดีจริงๆ”


 


 


อวิ๋นเยี่ยไม่มีอารมณ์สนใจผู้หญิงบ้าคลั่งคนนั้น เอาลูกชายวางไว้บนตักดูว่าเขาไม่สบายตรงไหน สุดท้ายเห็นรอยแดงที่ก้น ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่า ผู้หญิงบ้าคนนั้นเป็นคนหยิก


 


 


ทำหน้าดำหน้าแดงตำหนินางว่า “เจ้าเป็นบ้าอะไร หยิกลูกจนแดงไปหมด”


 


 


“เราร้องไห้ไม่ได้ผล เพียงแค่ลูกชายของเจ้าร้องไห้เจ้าถึงยอมร้องไห้ออกมา ข้าไม่มีวิธีอื่น หากเจ้าแอบทำภารกิจเสร็จแล้วก็หนีกลับไปอย่างเงียบๆ มันคงจะผิดต่อเสี่ยวหลิงตังที่แม้แต่ฝันก็ยังเรียกพี่อวิ๋น เศร้าเสียใจเช่นนั้น เจ้าได้ยินหรือไม่ จิตใจโหดร้ายอย่างเจ้าข้าก็พึ่งจะเคยเห็น”


 


 


ทันใดนั้นใบหน้าของเสี่ยวหลิงตังก็แดงขึ้นมา หยิบผ้าขึ้นมาปิดที่หน้าแล้ววิ่งหนีไป หลี่อันหลานใช้มือชี้ไปที่ท่านหญิงใหญ่ตระกูลเหอแล้วพูดว่า “ออกไป”


 


 


ท่านหญิงใหญ่ตระกูลเหอมองดูนายน้อยที่กำลังสะอื้น แต่สุดท้ายนางก็ออกไป แล้วยังปิดประตู…


 


 


นายน้อยร้องไห้จนเหนื่อยล้า หลี่อันหลานอุ้มลูกมา ปลดกระดุมเสื้อป้อมนมลูกต่อหน้าอวิ๋นเยี่ย ตบๆ กล่อมเขานอนหลับ


 


 


อวิ๋นเยี่ยหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำมูกน้ำตาบนหน้าของตัวเอง นั่งดูหลี่อันหลานป้อนนมลูกชายอยู่ตรงนั้น เต้านมของนางอวบอิ่มมากกว่าแต่ก่อน น้ำนมก็เยอะ เจ้าตัวน้อยดูดแรงเกินไป น้ำนมล้นออกมาจากมุมปากหมด หลี่อันหลานหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดออก จากนั้นก็เช็ดใบหน้าเล็กๆ ที่เหมือนลูกแมวอีกครั้ง นางรู้ว่าอวิ๋นเยี่ยกำลังดูอยู่ ไม่มีอะไรต้องปิดบัง แล้วยังยืดอกที่อวบอิ่มของตัวเอง รู้สึกภาคภูมิใจที่ตัวเองเลี้ยงลูกให้มีร่างกายแข็งแรง


 


 


ในที่สุดเจ้าตัวน้อยก็ไม่ดูดนมอีก เอียงหัวแล้วหลับไป หลี่อันหลานลุกขึ้นเอาลูกไปนอนไว้ในเปล ไกวเปลเบาๆ เช็ดน้ำตาและถามอวิ๋นเยี่ยเบาๆ ว่า “มานานแค่ไหนแล้ว”


 


 


“ไม่นานมาก แค่สิบกว่าวัน เอ่อใช่ ทองคำที่อยู่บนโต๊ะข้าเป็นคนเอามาเอง”


 


 


“สิบสองวัน สิบกว่าวันนี้เจ้าอยู่ที่จวนหรือ ยืนดูพวกเราใช้ชีวิต ข้าก็ว่าคนรับใช้พวกนั้นเหตุใดถึงได้พูดดีกับข้า ข้าต้องการอะไรก็ได้หมดทุกอย่าง ที่แท้ก็เป็นรางวัลที่ข้าให้เจ้ามาดูลูก เป็นเช่นไร เลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้า ข้าเลี้ยงดูดีไหม”


 


 


“ดีมาก เจ้าสบายดี ลูกสบายดี หลิงตังสบายดี ข้าก็วางใจ ไม่เสียแรงที่ข้าฝ่าฟันความยากลำบากในป่าเขามาหาพวกเจ้า ไม่ทำให้ข้าผิดหวัง นี่คือสิ่งตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เมื่อครู่เห็นเจ้าป้อนนมลูก ข้านึกถึงเรื่องราวมากมาย เรื่องราวในอดีต อดไม่ได้ที่จะมั่นใจในวันข้างหน้า อะไรที่เจ้าอยากได้ข้าจะหามาให้ ดินแดนแห่งนี้ช้าเร็วก็จะตกอยู่ในมือของเจ้า เจ้าพยายามก็ควรได้รับมัน หากไม่มีอะไรผิดพลาด คนที่รบกวนเจ้าในดินแดนแห่งนี้คงตายไปหมดแล้ว เฝิงอั้งก็ควรจะมาได้แล้ว เขาต้องมีคำอธิบายให้ข้า”


 


 


“เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเจ้าเป็นคนวางแผนหรือ ข้าก็รู้สึกว่ามันผิดปกติ แต่หาสาเหตุไม่เจอ ในเมื่อเจ้าลงมือทำเช่นนี้ ข้ากับลูกก็คงจะมีชีวิตที่ปลอดภัยและสงบสุข ลูกโชคดีกว่าข้า เขามีพ่อที่รักและเอ็นดูเขา แค่เขาได้รับความไม่เป็นธรรมเล็กน้อย พ่อของเขาก็จะปรากฏตัว ช่วยไล่คนเลวพวกนั้นออกไป ท่านพี่ ข้ามีลูกเพียงคนเดียว เจ้าอย่าเอาเขาไปจากข้าได้หรือไม่”


 


 


คำว่าท่านพี่ของหลี่อันหลานเคาะเปลือกแข็งของอวิ๋นเยี่ยแตกเป็นชิ้นๆ ในที่สุดผู้หญิงคนนี้ก็รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร มันเป็นพัฒนาการที่ดี


 


 


“เจ้าเป็นคนคลอดลูก แน่นอนว่าลูกจะต้องอยู่กับเจ้า ขอแค่เขารู้ว่าเขามีพ่อ ถึงแม้ว่าพ่อจะอยู่ไกลแต่ความรักที่มีให้เขาไม่เคยลดน้อยลงแม้แต่น้อย โตขึ้น เขาจะต้องเรียนรู้สิ่งที่คนของตระกูลอวิ๋นควรจะเรียนรู้กับข้า รอให้เขาอายุสิบห้าก็ส่งเข้ามาอยู่กับข้า หรือให้ข้ามารับ ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรเขาก็เป็นลูกของข้า สิ่งที่เขาควรได้รับต้องไม่มีบกพร่อง”


 


 


หลี่อันหลานเงยหน้าขึ้น น้ำตาไม่อาจหยุดไหล แต่รอยยิ้มบนใบหน้ากลับสดใสขึ้นเรื่อยๆ กอดอวิ๋นเยี่ยและพูดว่า “ผู้ชายที่ข้าเลือกไม่มีทางผิด ผู้ชายที่ข้าเลือกถูกต้องเสมอ นี่ถึงจะเป็นผู้ชาย ที่แท้ผู้ชายก็เป็นเช่นนี้ พระเจ้า ข้าพลาดอะไรไป”


 


 


“เก็บอาการหน่อย อย่าแสดงออกมากเกินไป ที่หลิ่งหนานกำแพงมีหูประตูมีช่อง ดินแดนแห่งนี้ร่ำรวยเกินไป เพื่อที่จะจัดการชีวิตของเจ้าและลูก ข้าได้ปล่อยปีศาจออกไปตัวหนึ่ง ตอนนี้คงตายไปแล้วจำนวนมาก…”


 


 


หลี่อันหลานไม่ปล่อยให้เขาพูดจบ ใช้ปากของตัวเองจูบไปที่ปากอวิ๋นเยี่ย…

 

 

 


[ส่วนที่ 8 เขาของคนป่าเถื...

 

ตอนที่ 32 เทพภูเขาตีกลอง

 

 


 


ทั้งสองกอดกันทั้งคืน ส่วนใหญ่ก็เป็นอวิ๋นเยี่ยที่นอนฟังอยู่ตรงนั้น หลี่อันหลานนอนพูดอยู่ตรงนั้น จุดเทียนตลอดจนถึงรุ่งเช้า…..


 


 


นายน้อยสงสัยงงงวยเป็นอย่างมากในตอนที่เขากินนม อาหารเช้าแทบจะไม่มีเลย ที่มีก็น้อยมากทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก คายหัวนมแล้วร้องไห้จ้าเพื่อประท้วง


 


 


อวิ๋นเยี่ยไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ หลี่อันหลานหัวเราะจนตัวสั่นไปหมด ท่านโหวที่กำลังโมโหจับๆ ไปที่แก้มของลูกแล้วก็เปิดประตูออกไป มีผู้คนมากมายอยู่ที่หน้าประตู สายตาที่หลิวจิ้นเป่ามองท่านโหวเต็มไปความเคารพ ท่านหญิงใหญ่ตระกูลเหอยังคงรู้สึกไม่พอใจ ส่วนหลิงตังไม่กล้ามองหน้าอวิ๋นเยี่ย ก้มหน้าจนจะติดหน้าอกอยู่แล้ว เผยให้เห็นลำคอที่เรียวยาวของนาง


 


 


ปฏิกิริยาของทุกคนอยู่ในสายตาของอวิ๋นเยี่ย ไม่มีเวลาอธิบาย แล้วก็ไม่จำเป็นต้องอธิบาย หงเฉิงยังรอตัวเองอยู่ที่ห้องรับแขก


 


 


ทหารที่อยากอยู่ที่นี่ต่อมีตั้งมากมาย มีเป็นพันคน ในเวลานี้หากจะมานั่งพูดถึงเรื่องพวกเขามาจากตระกูลไหนนั้นไม่มีความหมายเลยแม้แต่น้อย แค่พวกเขาอยู่ที่หลิ่งหนาน อิทธิพลของตระกูลเหล่านั้นก็จะลดน้อยลง คำที่ว่าไกลเกินกว่าจะสามารถทำอะไรได้ มันเป็นเรื่องจริงในต้าถัง


 


 


หลิวฝูลู่เรียกขุนนางบางคนที่จะถูกส่งตัวไปมารวมตัวกัน พวกเขาทำท่าทางน่าสงสาร เจออวิ๋นเยี่ยก็พากันคุกเข่าร้องไห้อย่างขมขื่น การถูกส่งตัวได้ทำลายศักดิ์ศรีสุดท้ายของพวกเขาไปจนหมด อวิ๋นเยี่ยถอนหายใจ รู้สึกโศกเศร้ากับความโชคร้ายของพวกเขาเลยพูดปลอบใจ เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่ขาดลุ่ยของพวกเขาแต่ละคนจึงสั่งให้คนรับใช้พาพวกเขาไปกินอาหาร แล้วยังให้เงินกับเสบียงอาหารแก่พวกเขาอีก ถือว่าชดใช้เงินเดือนให้กับพวกเขา เชื่อไม่ลงจริงๆ ว่านอกจากเป็นขุนนางพวกเขาก็ทำอย่างอื่นไม่เป็นจริงๆ น่ะเหรอ ความจริงที่หลิ่งหนานมีผลไม้ป่าอยู่ทั่วไป หากกินของพวกนั้นก็คงไม่ถึงขั้นต้องอดตาย


 


 


หงเฉิงยิ้ม เฝ้าดูเรื่องสนุก เขาเป็นทหารต้นแบบ ถึงได้มีความสุขที่ได้เห็นความทุกข์ยากของพวกขุนนาง


 


 


“เหล่าหง เจ้าต้องทำสถิติรายได้ทั้งหมดของช่วงสองสามวันนี้ คาดว่าฝ่าบาทคงจะต้องใช้เงินก้อนนี้ ทำสถิติจำนวนครัวเรือนให้ชัดเจน อย่าให้มีข้อผิดพลาด เงินและเสบียงอาหารที่ให้พวกทหารก็เอาจากในคลังไปก่อน จะขายชีวิตทั้งปีไม่ได้ ถึงตอนนั้นมือเปล่ากลับบ้าน เอาผลประโยชน์ทั้งหมดของตระกูลอวิ๋นให้จวนองค์หญิง เหลือเพียงผลประโยชน์ของกิจการตัวเองก็พอ”


 


 


“อวิ๋นโหว หมายความว่าฝ่าบาทจะรวบรวมเงินและเสบียงอาหารพวกนี้เข้าคลังประเทศหรือขอรับ เช่นนั้นอาจจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ได้ ตระกูลใหญ่โตพวกนั้นบริจาคคนบริจาคเสบียงอาหาร พวกเขาไม่ยอมให้ฝ่าบาทเอาไปเป็นแน่ พวกเราทำเช่นนี้จะไม่มีปัญหาจริงๆ น่ะหรือ”


 


 


“มีปัญหาก็ไม่กลัว ยังไงมันก็ไม่น่ากลัวไปกว่าบรรดาเศรษฐีพวกนั้นร่ำรวยมั่นคั่ง ด้วยสติปัญญาของฝ่าบาท เขาจะต้องจัดการเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสมแน่นอน เราไม่จำเป็นต้องกังวล หากเจ้าอยากจะกลับมารับตำแหน่ง นี่คือโอกาสสุดท้ายของเจ้า ตอนนี้ราชสำนักส่งกองทัพทหารออกไปทุกทาง เสบียงอาหารถูกใช้ไปราวกับน้ำไหล เสบียงอาหารในคลังประเทศไม่เพียงพอมาตั้งนานแล้ว สิ่งของพวกนี้พอที่จะสามารถปูฐานให้คลังประเทศได้ และให้ความมั่นใจแก่ฝ่าบาท พื้นที่รอบๆ ที่ไม่จงรักภักดีต้องถูกจัดการให้หมด นี่เป็นเรื่องใหญ่ เราต้องร่วมแรงร่วมใจกัน”


 


 


ความปรารถนาของหงเฉิงคือหวังว่าสักวันจะได้เป็นท่านโหว ครั้งก่อนเนื่องจากสาเหตุเรื่องของโต้วเยี่ยนซานทำให้เขาถูกปลดออกจากตำแหน่ง หัวใจแทบจะสลายถึงได้ตกลงมายังหลิ่งหนาน ตอนนี้ฟ้ากลับมาสว่างอีกครั้ง เขาจะปล่อยมันไปได้เช่นไร ถึงแม้ว่าจะมีเพียงความหวังอันริบหรี่ เขาก็ไม่ยอมปล่อยมันไป


 


 


มอบหมายหน้าที่ให้คนที่เกี่ยวข้องเสร็จเรียบร้อย อวิ๋นเยี่ยก็มาที่ห้องครัวด้านใน ผัดข้าวก่อน จากนั้นก็สั่งให้พ่อครัวบดเส้นหมี่ เพื่อที่จะเพิ่มเป็นอาหารหลักให้กับลูกชาย เด็กที่กำลังจะอายุหนึ่งขวบจะเอาแต่กินนมไม่ได้ ทำขาหมูตุ๋นด้วยตัวเอง โดยมีหลิงตังขอร้องอ้อนวอนอยู่ข้างหลังตั้งหลายครั้ง นี่ก็ดีเหมือนกัน ให้หลี่อันหลานกินด้วย จะได้เพิ่มน้ำนมให้นาง แทบไม่พอให้ลูกกินอยู่แล้ว


 


 


นับตั้งแต่อวิ๋นเยี่ยปรากฏตัว หลี่อันหลานก็อุ้มลูกไม่ยอมปล่อย อุ้มลูกไปอยู่ต่อหน้าอวิ๋นเยี่ยอยู่ตลอด เจ้าตัวน้อยก็ยิ้มหัวเราะไม่หยุด นี่คือเกมที่เขาชอบที่สุด


 


 


ขาหมูสีแดงที่มันเยิ้มพร้อมแล้ว ไม่มีอาหารอื่นๆ มีแค่ขาหมูตุ๋นหม้อใหญ่ เมื่อไหร่ที่อวิ๋นเยี่ยกินข้าว วั่งไฉก็จะมาหาเขาตลอด เอาขนมยัดเข้าปากมันไปชิ้นหนึ่งแล้วก็ไล่มันออกไป กินขาหมูต่ออย่างเอร็ดอร่อย


 


 


หลี่อันหลานกินข้าวอย่างละเอียดละไม นางใช้ตะเกียบคีบขาหมู แตกต่างจากหลิงตังที่ใช้มือกินเหมือนอวิ๋นเยี่ย เอ็นอ่อนของขาหมู เคี้ยวอย่างเพลิดเพลิน กินไปสองคำก็ยกเหล้าดื่มอึกหนึ่ง เหล้าที่หอมหวาน ไม่เหมือนกับเหล้าที่รุนแรงของตระกูลอวิ๋น สองสามวันนี้ต้องมีสมองปลอดโปร่งไว้รับมือกับเหตุฉุกเฉินต่างๆ


 


 


เสี่ยวหลิงตังกินเก่งมาก คายกระดูกมากองไว้ข้างหน้ากองใหญ่ แล้วยังยื่นมือลงไปหยิบอีกชิ้นในหม้อ ส่วนหลี่อันหลานกินไม่หมดสักชิ้น ตบที่มือของหลิงตังแล้วพูดว่า “หยุดกินได้แล้ว ถ้ากินอีกเดี๋ยวจะป่วยเอาได้ ส่วนที่เหลือเอาไว้กินตอนเย็น” เสี่ยวหลิงตังถึงได้ดึงมือออกมาอย่างไม่พอใจเท่าไหร่


 


 


“ท่านพี่ เจ้ามีความรู้ความสามารถ ข้ามีอะไรอยากจะถามท่าน ท่านรู้เรื่องเทพภูเขาตีกลองหรือไม่”


 


 


ใครต่างก็ชอบให้ตัวเองเป็นคนมีความรู้ความสามารถ แต่เรื่องเทพภูเขาตีกลอง อวิ๋นเยี่ยไม่รู้จริงๆ ข้อเสียของการกินหมูตุ๋นก็คือกินเสร็จแล้วมือจะเหนียว ล้างมือด้วยน้ำสะอาไปพลางถามว่า “เทพภูเขาตีกลอง? คืออะไร”


 


 


“เมื่อวานตอนบ่ายและตอนเย็น บนภูเขามีเสียงดังก้องดังขึ้นมาเป็นระยะๆ ดังตลอดทั้งคืน สัตว์ร้ายบนภูเขาก็หายไปหมด วันนี้ตอนเช้า มีผู้เฒ่าคนหนึ่งบอกว่าเทพภูเขากำลังตีกลองอยู่ ไล่สัตว์ร้ายบนภูเขาออกไปหมด เตรียมจะกินตัวที่อ้วนท้วนสมบูรณ์ที่สุด ท่านรู้เรื่องนี้หรือไม่”


 


 


พูดเช่นนี้อวิ๋นเยี่ยก็เข้าใจแล้ว คืนเมื่อวานพวกหลิวจิ้นเป่าจุดประทัดยักษ์ทั้งคืน พวกชาวบ้านได้ยินก็เลยคิดว่าเป็นตำนานเทพภูเขาตีกลอง อวิ๋นเยี่ยชื่นชมจินตนาการของพวกเขาจริงๆ มักจะหาสิ่งที่ดูสมเหตุสมผลมาอธิบายสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจ


 


 


“เทพภูเขารู้สึกเบื่อก็เลยตีกลอง เป็นเรื่องธรรมดา หากมีคนมาถามเจ้า เจ้าก็บอกว่าต้องไหว้เทพภูเขา เอาหัวหมูหัวแกะมาถวาย จากนั้นก็ให้พวกเขากินแทนเทพภูเขา ทุกคนหาโอกาสสนุกสนานกันสักหน่อย ไม่ดีหรือ”


 


 


หลี่อันหลานได้ยินคำพูดขอไปทีของอวิ๋นเยี่ย นางก็รู้ว่าเขาจะต้องรู้แน่นอนว่ามันเกิดอะไรขึ้น เห็นว่าเขาไม่เล่านางก็ไม่ถาม จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ก็ดีเหมือนกัน เทพภูเขาตีกลอง ไม่มีอะไรน่าแปลก เทพสายฟ้ายังทำให้ฟ้าร้องเลย พรุ่งนี้ข้าจะพาผู้เฒ่าพวกนั้นไปไหว้เทพภูเขา กินของเซ่นไหว้เสร็จ เขาก็คงจะปกป้องคนที่น่าสงสารอย่างพวกเราใช่หรือไม่”


 


 


เอาหัวหมูไปบูชาเทพภูเขา ไม่สู้ให้พวกหลิวจิ้นเป่ากินเองดีกว่า เจ้านั่นตีกลองทั้งคืน ตอนนี้คงนอนอยู่ในบ้าน เสียงกรนดังยิ่งกว่าฟ้าร้องอีก


 


 


เมื่อเช้ารายงานความคืบหน้ากับอวิ๋นเยี่ยว่าสถานการณ์น่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง เสือและหมีวิ่งหนีไปด้วยกัน แล้วยังมีหมาป่า แพะและกวางป่าวิ่งตามหลัง พวกมันไม่กลัวพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย วิ่งเบียดกันอย่างเร่งรีบ ช่างน่าสงสาร แล้วยังถูกช้างเหยียบตายไปด้วยตัวสองตัว งูหลามตัวเท่าถังน้ำ บิดตัวเลื้อยไปรอบๆ ดูเหมือนว่าอีกปีสองปีก็คงจะกลายร่างเป็นมังกร หมีป่าบังเอิญเหยียบไปโดนมันเข้า ก็ถูกมันรัดคอจนตาย แต่ก็ไม่กิน โยนทิ้งไว้ข้างทางแบบไม่ไยดี ถูกสัตว์ร้ายตัวอื่นๆ เหยียบย่ำจนกลายเป็นดิน


 


 


เมื่อฝูงควายแอฟริกาตกใจ แม้แต่สิงโตก็ยังต้องวิ่งหนี ตัวไหนไม่วิ่งหนี จุดจบคือถูกเหยียบจนแบนเป็นภาพถ่าย ภูมิประเทศที่อันตรายเช่นนั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนพวกนั้นจะวิ่งหนีจากสัตว์ร้ายไปได้หรือไม่


 


 


อวิ๋นเยี่ยรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองเป็นเหมือนปริซึม เขาได้เรียนรู้ความปลิ้นปล้อนมาจากเฉิงเหย่าจิน เรียนรู้ความดื้อรั้นมาจากหนิวจิ้นต๋า เรียนรู้ความยืนหยัดมาจากหลี่กัง และเรียนรู้กลยุทธ์มาจากหลี่ซื่อหมิน สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อมาอยู่บนตัวของอวิ๋นเยี่ยมันกลับเปลี่ยนรูปร่าง เปลี่ยนไป จะแดงก็ไม่แดงจะดำก็ไม่ดำ ทำให้ทุกคนประหลาดใจและทำให้ตัวเองรู้สึกหดหู่


 


 


ในความเป็นจริงคนที่ทำให้เขาจดจำได้มากที่สุดก็คือโต้วเยี่ยนซาน เจ้านั่นดุร้ายเหมือนงูพิษ กล้าหาญเหมือนสิงโต เจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอก และแน่นอนว่ายังระมัดระวังตัวเหมือนหนู หากสวมปีกให้เขา เขาอาจจะกลายเป็นมังกรพิษที่บินได้ โชคดีที่เขาได้ตายไปพร้อมกับจระเข้ตัวนั้น สำหรับการตายของเขา มันทำให้อวิ๋นเยี่ยรู้สึกเสียดาย เขามักจะรู้สึกว่ามองเห็นเงาของตัวเองบนตัวผู้ชายคนนี้เสมอ


 


 


โต้วเยี่ยนซานเป็นมังกรพิษ แล้วตัวเองเป็นอะไรล่ะ หมาป่า? คนที่หน้าตาน่าสมเพช มีลายบนหลัง ชอบซ่อนตัวแอบมองสิงโตอยู่ในความมืด แล้วพาเพื่อนๆ ไปแย่งอาหารมาจากปากของสิงโต?


 


 


ชีวิตของคนสองสามร้อยคนได้กลายเป็นของเซ่นไหว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ของเซ่นไหว้ไม่ควรเป็นหัวหมูหรือว่าหัวแกะหรอกเหรอ หัวคนกลายเป็นของเซ่นไหว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน


 


 


ลูกชายยิ้มปากกว้างจนน้ำลายไหลออกมาต่อหน้าต่อตา เขายื่นมือเข้าไปอุ้มลูกชาย ให้มายืนกระโดดเล่นอยู่บนตักของตัวเอง ความเงียบของอวิ๋นเยี่ยทำให้หลิงตังตกใจ เมื่ออวิ๋นเยี่ยทำท่าทางสุขุมคิดเรื่องราว ใบหน้าของเขาก็จะบิดเบี้ยวทันที ท่าทางน่าสมเพชมาก นี่คือคำติชมที่ซินเย่วบอก ทุกครั้งที่อวิ๋นเยี่ยหัวเราะโง่ๆ ทำตัวดุร้าย นางจะขับไล่ทุกคนออกไปทันที กลัวว่าจะอับอาย


 


 


“ท่านพี่ไม่ได้ชอบฆ่าคน ที่ทำไปก็เพราะเราสองคน เจ้าเป็นคนสะอาดบริสุทธิ์ เจ้าควรที่จะยืนสอนลูกศิษย์พวกนั้นอยู่บนแท่น สอนความรู้ที่สะอาดบริสุทธ์ ความรู้ที่สมเหตุสมผลให้กับพวกเขา มีชีวิตที่มีความสุข ล้วนแต่เป็นความผิดของข้า ทำให้คนสะอาดบริสุทธ์อย่างเจ้าต้องกลายเป็นเช่นนี้ ข้าขอโทษ”


 


 


“ต่อไปอย่าพูดคำว่าขอโทษต่อหน้าข้าอีก ข้าบริสุทธิ์ไม่บริสุทธิ์ข้ารู้อยู่แก่ใจ ทำเรื่องอะไรไปข้าก็มีเหตุผลของข้า คำว่าขอโทษเป็นคำที่ข้าเกลียดที่สุด หากพูดว่าขอโทษ นั่นก็หมายความว่าเจ้าจะทำให้ข้าเสียใจต่อไป ต่อไปอย่าพูดอีก”


 


 


หลี่อันหลานพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง อวิ๋นเยี่ยครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วพูดกับนางว่า “หลิวฝูลู่เป็นคนที่มีความสามารถ เจ้าจะไม่มีคนสนิทไม่ได้ สำหรับเขาแล้ว เจ้าไปเยี่ยมเขาบ้าง ให้ความช่วยเหลือเขาบ้าง เรื่องของการบริหารจัดการบ้านเมืองเจ้าก็ฟังความคิดเห็นของเขาให้มากๆ ข้าจะบอกให้ว่าเจ้าสามารถใช้งานพวกขุนนางที่โลภมากพวกนั้นได้ กฎระเบียบเข้มงวดในต้าถัง ถึงจะถูกพบว่ามีการยักยอกแต่ก็ไม่ถูกตัดหัว นี่ถือเป็นความสามารถอย่างหนึ่ง ใช้งานคนที่มีความสามารถไม่สู้ใช้งานคนที่เคยทำพลาดจะดีกว่า เจ้าต้องหาคนที่เจ้าสามารถใช้งานได้ด้วยตัวเอง คำโบราณก็บอกแล้วว่าม้าพันลี้มีทั่วไปแต่ปั๋วเล่อฝึกม้าไม่ได้หาได้ง่ายๆ หากเจ้าต้องการบุกเบิกดินแดนแห่งเหลียว เจ้าจำเป็นต้องมองหาคนที่มีความสามารถ ฝึกฝนคนที่มีความสามารถด้วยตัวเอง ราชสำนักไม่มีทางส่งคนที่มีพรสวรรค์โดนเด่นมาให้เจ้าเป็นแน่ แต่กลุ่มขุนนางที่เคยทำความผิดเป็นสิ่งที่พวกเขามองข้ามไป


 


 


ตอนนี้คนพวกนี้ไม่มีอะไรเลย ขอแค่ทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น ภรรยาและลูกไร้ความกังวลทั้งเรื่องต้องหนาวตายและความอดอยาก ชีวิตของพวกเขาก็จะเป็นของเจ้า


 


 


ดินแดนแห่งเหลียว มีภูเขา มีแม่น้ำ มีที่ราบ และมีท่าเรือ ไม่มีเหตุผลที่มันจะไม่เจริญรุ่งเรือง อันหลาน พระเจ้าดีกับเจ้าไม่น้อย ท่านพ่อของเจ้าก็ดีกับเจ้าไม่น้อย ละทิ้งนิสัยเย็นชาของเจ้า เรียนรู้ที่จะเป็นผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนสี่ฮูหยิน ให้ลูกชายของเราได้เพลิดเพลินไปกับเกียรติยศที่เจ้าสร้างมาให้เขา”

 

 

 


[ส่วนที่ 8 เขาของคนป่าเถื...

 

ตอนที่ 33 สู้กับเสือ

 

 


 


เฝิงจื้อฮุ่ยหดตัวอยู่ในหลุมเล็กๆ บนหุบเขา อยากจะทไให้ตัวเองกลายเป็นแมลงตัวเล็กๆ เมื่อครู่เสือดาวตัวหนึ่งพึ่งจะวิ่งผ่านเขาไป กรงเล็บอันแหลมคมได้ทิ้งรอยเลือดไว้บนไหล่ของเขาสี่รอย เสี่ยวโหวในฐานะคนรับใช้ที่จงรักภักดี กวัดแกว่งมีดในมืออยู่ตลอดเวลา ฝีมือการใช้มีดของคนรับใช้ช่วยชีวิตตัวเองมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และยังคงเชื่ออย่างหนักแน่นว่าครั้งนี้ก็เช่นกัน


 


 


เขาเพลิดเพลินกับการฆ่าฟันเช่นนี้เป็นอย่างมาก ซ้ายใช้มีดแทงแพะตายตัวหนึ่ง ขวาใช้มีดตัดหัวหมาป่าออกมา รอยเลือดเต็มไปหมด ราวกับเทพสังหารลงมายังโลกมนุษย์ เลียเลือดที่ส่งกลิ่นเหม็นตรงมุมปาก ฉีกเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งออก เรือนร่างที่งดงาม เมื่อครู่หน้าอกของเขาเพิ่งถูกหมีป่าตัวหนึ่งข่วนเข้าให้ รอยเลือดยาวตั้งแต่หน้าอกลงไปถึงหน้าท้อง หากไม่ใช่เพราะเขาฉลาด คงจะถูกหมีป่าควักลำไส้ออกมาแล้ว


 


 


ถือโอกาสตอนที่สัตว์ร้ายกำลังอ่อนแรงลง เขาผลักนายท่านเข้าไปในหลุมเล็กๆ ส่วนนายท่านอีกสองคนถูกสัตว์ร้ายฉีกเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว ตัวเองจะรอดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะช่วยนายท่านออกมาได้หรือไม่ แขนรู้สึกชาจึงรีบเอาผ้ามัดมีดไว้ที่มืออย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมที่จะฆ่าฟันต่อไป


 


 


กำลังของสัตว์ร้ายลดลงอย่างมาก งูหลามท้องใหญ่เลื้อยผ่านไปข้างๆ ดูรูปร่างที่ท้องมัน เห็นได้ชัดว่ามีคนอยู่ข้างใน แถมยังดิ้นอยู่อีกต่างหาก


 


 


มีดาบตกอยู่ที่พื้น เสี่ยวโหวใช้เท้าเตะมันขึ้นมา ขว้างมันออกไปอย่างแรง เห็นแสงสะท้อนของดาบบนถุงผ้า ดาบที่มีน้ำหนักแทงลงไปที่ลำตัวของงูหลามตัวนั้น ปักมันลงกับพื้นยึดไว้แน่นหนา


 


 


งูหลามที่กำลังเจ็บปวดบิดตัวพันรอบดาบเล่มนั้น เบิกตากว้างสีเหลืองมองมาที่เสี่ยวโหว ลิ้นในปากก็ค่อยๆ หดลง


 


 


ลูกช้างตัวหนึ่งพลัดหลงจากฝูงช้างวิ่งเข้ามา กำลังจะวิ่งผ่านงูหนึ่งตัวและคนหนึ่งคน เสี่ยวโหวกระโดดเตะลูกช้างที่ตัวอ้วนเท่าหมูตัวนั้น ลูกช้างล้มลงบนตัวของงูหลาม บังเอิญไปโดนดาบเล่มนั้นเข้า งูหลามที่บ้าคลั่งด้วยความเจ็บปวดมานาน รัดตัวลูกช้างไว้อย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันได้รัดแน่น มีดของเสี่ยวโหวก็ฟันเข้ามาที่หัวของมัน เลือดกระเด็นพุ่งขึ้นบนท้องฟ้า กระจัดกระจายเต็มหน้าเสี่ยวโหว


 


 


เสี่ยวโหวลืมตาขึ้นมา เลือดของงูหลามเปื้อนตาเต็มไปหมด โลกใบนี้กลายเป็นสีแดงฉาน…


 


 


ลูกช้างน้อยกำลังร้องโหยหวนอย่างอ่อนแรง เสี่ยวโหวใช้แรงอย่างมากในการลากศพของงูหลามออกไป ลูบที่หัวลูกช้าง ยิ้มแล้วพูดว่า “สหาย ขอโทษด้วย ยืมตัวของเจ้าช่วยข้าสักหน่อย”


 


 


ลูกช้างสะบัดงวงที่อ่อนแรงและยังคงส่งเสียงร้องโหยหวน ที่เสี่ยวโหวเตะเข้ามาเมื่อครู่ก่อนไม่ใช่เบาๆ เลย


 


 


หันหลังไปมองนายท่านที่กำลังหวาดกลัวจนตัวสั่น เสี่ยวโหวมีความรู้สึกว่าตัวเองได้เกิดใหม่อีกครั้ง กำลังจะนั่งลง แต่กลับรู้สึกเย็นขึ้นมาที่หน้าอก งาช้างที่งดงามโผล่ออกมาจากหน้าอกของเขา เขาหันหน้ากลับไป ช้างพลายที่ตัวใหญ่เท่าหุบเขา กำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาสีแดงเดือด


 


 


“ข้าแค่ยืมลูกของเจ้า…”


 


 


ยังไม่ทันได้พูดจบก็ถูกช้างตัวผู้เหวี่ยงขึ้นไปบนต้นไม้ราวกับตุ๊กตาผ้า เสี่ยวโหวที่ห้อยต่องแต่งอยู่บนต้นไม้ได้แต่มองดูช้างพลายตัวนั้นเหยียบไปที่นายท่านเต็มๆ


 


 


ห้อยอยู่สูงก็มองได้ไกล เมื่อก่อนยังเคยไปต่อสู้ยืดครองอำนาจหัวหน้าโจรพวกนั้นกับนายท่านอยู่เลย ตอนนี้กลับต้องมานอนอยู่บนหุบเขาด้วยท่าทางเช่นนี้ แถมเนื้อบนร่างกายยังขาดหายไปไม่มากก็น้อย


 


 


นึกถึงเสียงดังที่ได้ยินในตอนกลางคืน เสี่ยวโหวใช้แรงสุดท้ายที่มีอยู่ตะโกนอย่างสุดชีวิต “ท่านเทพภูเขา ปล่อยข้าไปเถอะ!”


 


 


เมื่อเฝิงจื้อหย่งมาถึงที่หุบเขา ที่นี่ก็ได้กลายเป็นท้องทะเลของแมลงวันไปแล้ว ฝูงแมลงวันหัวเขียวนับไม้ถ้วนบินอยู่ทั่วหุบเขา เสียงดังจนหูแทบจะหนวก คนรับใช้ที่กล้าหาญใช้กิ่งไม้ปัดแมลงวันออกไป หุบเขาราวกับมีเมฆสีดำลอยขึ้นมา


 


 


เดินเข้ามาถึงจุดสิ้นสุดของหุบเขา เขาถึงได้เห็นเสี่ยวโหวที่ห้อยอยู่บนต้นไม้ ปอดสีชมพูห้อยอยู่ตรงหน้าอกของเขา ปกคลุมไปด้วยไข่แมลงวันสีเหลือง ในหลุมดินด้านล่างมีศพเปื้อนเลือดอยู่หนึ่งศพ ดูจากเสื้อผ้าเขาก็สามารถบอกได้ว่านี่คือน้องชายของเขา เฝิงจื้อฮุ่ย


 


 


ตระกูลเฝิงขนศพออกมาจากหุบเขาสี่ศพ สามศพในนั้นเป็นคนของตระกูลเฝิง อีกหนึ่งศพคือแม่ทัพของตระกูลเฝิง ช่างน่าสังเวชเป็นอย่างยิ่ง เฝิงจื้อหย่งเอาศพมาวางไว้ที่หน้าประตูจวนองค์หญิงและตะโกนด้วยความเศร้าโศก “องค์หญิง นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการใช่หรือไม่”


 


 


หลี่อันหลานได้ยินความเคลื่อนไหวจึงออกมาดู เห็นศพสี่ศพนอนอยู่ตรงนั้น นางก็วิ่งหันหลังกลับไปทันที รอยเลือดเช่นนั้น ไม่มีทางที่หญิงสง่างามผู้ไม่เคยเห็นคนตายสักคนอย่างนางจะรับได้


 


 


หลิวจิ้นเป่าเดินออกมา มองดูศพพวกนั้น สูดหายใจด้วยความเพลิดเพลินและพูดกับเฝิงจื้อหย่งว่า “เจ้าเอาคนตายมาทำอะไรที่บ้านของข้า แมลงวันไข่เป็นหนอนหมดแล้ว ยังไม่รีบเอาไปฝัง รอเลี้ยงหนอนแมลงวันอยู่หรือ”


 


 


“พวกเขาตายหมดแล้ว ทำไมเจ้าถึงยังไม่ตาย” เฝิงจื้อหย่งตะโกนชี้ไปที่หลิวจิ้นเป่า


 


 


“ข้าไม่ได้ไป องค์หญิงไม่ให้ข้าไป หากข้าจะไปก็บอกให้ข้าเอานายน้อยไปเปิดโลกด้วย เจ้ารีบเอาศพคนตายออกไปที่อื่นได้แล้ว ไม่เห็นหรือว่าแมลงวันมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ พวกไร้ประโยชน์ ไปหาทองคำก็ยังไปตาย นายน้อยของข้ายังรอเก็บภาษีอยู่ ตอนนี้ยังจะได้เก็บภาษีอะไรอีก ตายไปหมดแล้ว ซวยจริงๆ”


 


 


ท่าทางที่ไม่ดีของเขาทำให้องครักษ์ของตระกูลเฝิงโมโหเป็นอย่างมาก ชักดาบออกมาแล้วทำท่าจะพุ่งไปข้างหน้า หลิวจิ้นเป่าเหล่ตาไปมองแล้วพูดว่า “ไม่ธรรมดา ในเมื่อชักดาบออกมาแล้วก็อย่าเก็บมันเข้าไป วันนี้ท่านโหวของข้ามาแล้ว แน่จริงก็เก่งต่อไป”


 


 


“อวิ๋นเยี่ยมาถึงแล้ว?” เบ้าตาของเฝิงจื้อหย่งหดจนเกือบจะเท่ารูจมูกอยู่แล้ว


 


 


อวิ๋นเยี่ยเดินออกมาจากข้างในจวนพร้อมกับถือหนังสืออยู่ในมือ มองไปที่เฝิงจื้อหย่ง คุกเข่าลงใช้หนังสือปิดปากและจมูก มองดูอย่างละเอียด จากนั้นถึงได้ลุกขึ้นแล้วพูดว่า “พวกเขาไม่ได้ถูกคนฆ่าตาย พวกเขาถูกสัตว์ป่าฆ่าตาย ตรงนี้มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ลำคอ ดูเหมือนจะถูกหมาป่ากัด มันจะต้องนอนบนหลังของคนคนนี้ก่อน และเมื่อเขาหันกลับมา มันก็กัดเข้าให้” อวิ๋นเยี่ยพูดอธิบายพร้อมกับทำท่าทาง


 


 


“เห็นได้ชัดว่าศพนี้ถูกเหยียบตาย ตายอย่างน่าสังเวช กระดูกหักทั้งตัว ดูจากรอยเหยียบ สัตว์ที่เหยียบเขาน่าจะเป็นช้างตัวใหญ่


 


 


ศพนี้ค่อนข้างแปลก รอยขีดข่วนที่หน้าอกไม่ทำให้เขาถึงตาย ที่ทำให้เขาตายคืออะไรบางอย่างที่ทะลุหน้าอกออกมา สิ่งนั้นมีพื้นผิวเรียบไม่หยาบ ดูจากบาดแผลก็รู้ว่าเขาคงจะดิ้นรนก่อนตาย ใครกันที่มีพลังมหาศาลเช่นนี้ ศพอันนี้ดำไปหมด เห็นได้ชัดว่าตายเพราะสัตว์มีพิษ ข้าไม่ได้ศึกษาเรื่องสัตว์มีพิษ ข้าจึงไม่รู้ หากอาจารย์ซุนอยู่ที่นี่ คงรู้ว่าเขาถูกอะไรกัดตาย”


 


 


“อวิ๋นเยี่ย ข้าไม่อยากให้เจ้าตัดสินว่าพวกเขาตายเช่นไร ข้าต้องการคำอธิบายจากเจ้า” สายตาของเฝิงจื้อหย่งแดงเดือด พี่น้องสี่คนมาที่ดินแดนแห่งเหลียว สามคนตายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ เขารับผิดชอบไม่ไหว


 


 


“เขาคือใคร” อวิ๋นเยี่ยถามหลิวจิ้นเป่า


 


 


“ท่านโหว เขาคือท่านชายที่หกของตระกูลเฝิง สามในสี่คนที่ตายอยู่บนพื้นคือพี่น้องของเขา”


 


 


“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ สหายเฝิง เหตุใดเจ้าถึงแบกศพพวกนี้มาที่จวนองค์หญิง”


 


 


“อวิ๋นเยี่ย พี่น้องของข้าตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ ในฐานะหัวหน้าของดินแดนแห่งเหลียว องค์หญิงไม่ควรมีคำอธิบายให้ข้าหน่อยหรือ”


 


 


“บังอาจ ลูกภรรยารองอย่างเจ้า ใครให้ความกล้าเจ้าถึงได้มาบังอาจที่จวนองค์หญิงล่ะเฝิงจื้อหย่ง” อวิ๋นเยี่ยหันไปชี้หน้าถามเฝิงจื้อหย่ง


 


 


ลูกของภรรยารองคือรอยแผลเป็นในใจของเฝิงจื้อหย่งมาโดยตลอด พ่อของเขาได้ลูกชายเก่งเหลือเกิน ภรรยาก็มีตั้งมากมาย จนจำชื่อลูกชายแทบไม่ได้ นี่คือความเสียใจของเขา หากเฝิงจื้อไต้อยู่ที่นี่ อวิ๋นเยี่ยคงจะไม่ดูถูกเขาเช่นนี้ แต่เป็นเขาที่อยู่ และเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะต่อกรกับอวิ๋นเยี่ย เขารู้อยู่แก่ใจ อวิ๋นเยี่ยก็รู้อยู่แก่ใจ


 


 


“อวิ๋นโหว อีกไม่กี่วันท่านพ่อก็จะมาถึงดินแดนแห่งเหลียว เจ้าไปบอกเขาด้วย” เฝิงจื้อหย่งพูดเสร็จก็แบกศพทั้งสี่ศพออกไป เขาไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ที่นี่ต่อ หัวหน้าที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลเฝิงต่างไปกันหมดแล้ว คนโง่ยังรู้ว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติ แต่คนพวกนี้ถูกสัตว์ป่าฆ่าตาย ไม่มีใครถูกดาบแทงตายสักคน ไม่มีหลักฐานก็ฟ้องคดีไม่ได้ หุนหันพลันแล่นขึ้นมา มันอาจจะกลายเป็นข้ออ้างให้อวิ๋นเยี่ย เห็นท่าทางอาฆาตของหลิวจิ้นเป่าเขาก็เลือกที่จะเดินออกมา


 


 


“เทพภูเขาตีกลอง! เทพภูเขาตีกลอง! เทพภูเขาตีกลอง! ฝีมือของอวิ๋นเยี่ย ใช้อำนาจของสรวงสวรรค์ฆ่าคน ตัวเองรู้อยู่แก่ใจ ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว เฝิงจื้อหย่งเรียนรู้แล้ว”


 


 


เสียงคร่ำครวญของเฝิงจื้อหย่งดังมาจากถนนแต่ไกล


 


 


อวิ๋นเยี่ยแสยะยิ้ม ปัดฝุ่นที่อยู่บนม้วนหนังสือ เอามือไพล่หลังเดินเข้าไปในจวนองค์หญิง


 


 


กลับมาที่ลานด้านหลัง มองดูลูกชายที่กำลังหลับสนิทอยู่ในเปล ปิดม่านคลุมให้มิดชิด ไม่ให้ยุงมาทำลายผิวอันบอบบางของเด็ก ตัวเองล้มตัวนอนบนเก้าอี้เอน อ่านหนังสือที่อยู่ในมือต่อไป หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องเกี่ยวกับผีสางนางไม้ สนุกดี


 


 


“ท่านพี่ หากเฝิงอั้งมาจะทำเช่นไร” หลี่อันหลานโผล่ขึ้นมาข้างหลังอวิ๋นเยี่ยราวกับผี ยกถ้วยชามาให้เขาและถามอวิ๋นเยี่ยอย่างกังวล


 


 


“เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล พยายามเอาชนะใจคนของเจ้าต่อไปเถอะ หากหากเฝิงอั้งมา เขาก็จะมาหาข้า ไม่มีทางหาเรื่องเจ้า พรุ่งนี้พระราชโองการของฝ่าบาทก็คงจะมาถึง ถึงตอนนั้นยังไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก ตอนที่เจ้ามาที่ดินแดนแห่งเหลียว ข้าทำอาหารให้เฝิงอั้งกิน บอกให้เขาคอยดูแลเจ้าให้มากๆ เขาทำไม่ได้ แล้วยังยื่นมือเข้ามา ไม่ตัดแขนเขาทิ้ง เจ้าก็คงจะไม่ได้มีชีวิตที่สงบสุข ต่อไปลูกของข้าก็จะกลายเป็นหุ่นเชิด คนของตระกูลอวิ๋นจะเป็นหุ่นเชิดงั้นหรือ เฝิงอั้งประเมินความสามารถตัวเองมากไปแล้ว”


 


 


อวิ๋นเยี่ยจิบชาทีหนึ่งและพูดต่อไปว่า “ฝ่าบาทอยู่นอกแคว้นอู่หลิ่ง เตรียมทหารไว้กว่าเจ็ดพันนาย สงครามในฉ่าวหยวนจะรุนแรงแค่ไหนก็ไม่ยอมเคลื่อนตัว เส้นทางเก่าเหมยหลิ่งตกอยู่ในมือของหงเฉิง ทหารแค่สองหมื่นนายของเขา รับมือกับพวกชาวพื้นเมืองยังพอไหว แต่อยากจะไปตั้งหลักปักฐานที่หลิ่งหนาน เขาคงไม่อยากมีอายุยืนยาวแล้ว”


 


 


หลี่อันหลานฟังเงียบๆ จนจบ นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เห็นอวิ๋นเยี่ยแกว่งเปลเบาๆ ดูไปแล้วก็รู้ว่าเขามือเบามาก ความถี่ที่มั่นคง มองไม่เห็นความวุ่นวายเลยแม้แต่น้อย เมื่อคืนคิดมากจนนอนดึก ตอนนี้เรื่องราวเกิดขึ้นแล้วแต่กลับรู้สึกเหนื่อยล้าง่วงนอน หลังจากนั้นไม่นานนางก็หลับไป


 


 


อวิ๋นเยี่ยห่มผ้าให้นาง เดินมาใต้ต้นลิ้นจี่ เด็ดลิ้นจี่มาลูกหนึ่ง หลังจากปอกเปลือกแล้วถึงนึกขึ้นได้ว่าลิ้นจี่บนต้นยังไม่สุก


 


 


โยนลิ้นจี่ทิ้ง มองออกไปทางกว่างโจวโดยไม่พูดไม่จา แต่เขากำมือแน่นขึ้นเรื่อยๆ


 


 


เฝิงอั้ง เจ้ามาเถอะ มาดูกันว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของดินแดนแห่งนี้ เจ้าไม่ใช่พระแม่ของความซื่อสัตย์ภักดี การฆ่าฟันของเจ้าทำให้คนในดินแดนแห่งนี้ไม่ลงรอยกับเจ้า นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชำระล้างสาเหตุสุดท้ายที่ทำให้ดินแดนหลิ่งหนานไม่สงบสุข

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)