เจาะเวลาสู่ต้าถัง ส่วนที่ 8 ตอนที่ 25-26
[ส่วนที่ 8 เขาของคนป่าเถื...
ตอนที่ 25 การเสียสละเล็กๆ เพื่อเป้าหม...
ชายคนหนึ่งที่ถูกพันด้วยผ้ากอซทั้งตัว เขาถูกลากลงมาจากเกวียน ยกไปวางบนเตียงไม้ในร้านอาหาร เมื่อใช้กรรไกรตัดผ้ากอซที่พันบนใบหน้าออกทำให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด มีบาดแผลจากคมมีดเต็มไปหมด หากสังเกตอย่างละเอียดจะพบว่าบนมือข้างหนึ่งของเขานิ้วขาดไปสองนิ้ว เท้าก็ขาดไปครึ่งหนึ่ง แทบจะเป็นคนพิการแล้ว
แม้จะไม่น่าดู แต่ผู้คนในร้านอาหารทำอย่างกับเห็นสาวงาม แต่ละคนอยากจะขยับเข้าไปใกล้เขา จะได้ฟังให้ชัดว่าเหมืองแร่นั้นอยู่ที่ไหนกันแน่
“ข้ายังอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ ข้าไม่ขอข้องเกี่ยวกับทองคำแล้ว สภาพไม่ต่างจากผีเช่นนี้ ขอเพียงแค่ให้ข้าวข้ากินสักจานเถิด อย่าให้ข้าถึงขั้นต้องหิวตายเลย”
เฝิงจื้อหย่งหยิบจี้เงินออกมาห้าคู่ โยนลงไปบนเตียงไม้ คนพิการผู้นั้นพยายามลุกขึ้นมาขอบคุณ ไม่นานเตียงไม้นั้นก็เต็มไปด้วยเงินที่ถูกคนในร้านอาหารโยนมา คนพิการผู้นั้นรีบยกมือขึ้นห้ามแล้วพูดว่า “พอแล้ว พอแล้ว ข้าเป็นเพียงคนพิการ มีห้องให้พักพิง มีเงินพอให้ซื้อข้าวกินก็เพียงพอแล้ว ทุกคนให้ข้ามากเกินไป สำหรับข้านั้นไม่ใช่เรื่องดี มีแต่จะทำให้ข้าตายเร็วขึ้น”
เฝิงจื้อหย่งผงกหัวแล้วพูดว่า:“ดีมากที่เจ้ายังรู้จักพอ เมื่อเจ้าแสดงออกเช่นนี้ ข้าก็จะไม่ถามเจ้าว่าเหตุใดจึงมีเพียงเจ้าที่รอดกลับมา ไม่แปลกที่คนฉลาดเช่นเจ้าจะหนีรอดมาได้ ในเมื่อได้เงินพอแล้ว เช่นนั้นก็รีบบอกมา พวกเรารออยู่ หากเจ้าโกหก ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างอนาถ”
คนพิการผงกหัวแล้วพูดว่า:“แน่นอน ท่านชาย ข้าอาศัยอยู่ในเมืองนี้มาสักระยะหนึ่ง เตรียมซื้อห้องเล็กๆ อาศัยอยู่ หากท่านจับได้ว่าข้าหลอกพวกท่าน ก็มาฆ่าข้าได้ตลอดเวลา สภาพข้าเช่นนี้หนีไปไหนไม่ได้ไกลหรอก”
เฝิงจื้อหย่งผงกหัวแล้วพูดอีกว่า “หากเรื่องที่เล่าเป็นความจริง พวกเราจะกลับมาให้รางวัลแก่เจ้า ถือเสียว่าเป็นการตอบแทน เจ้ารีบเล่ามาเถอะ ช่วยเล่าให้ละเอียดด้วย”
คนพิการกำลังจะเริ่มเล่า แต่กลับได้ยินเสียงบันไดดังขึ้น หลิวจิ้นเป่าสวมชุดเกราะเต็มยศเดินเข้ามา โยนจี้เงินหนึ่งอันไปที่เตียงไม้ ยืนกอดอกไม่พูดอะไร รอฟังว่าคนพิการจะพูดอะไร
“ตระกูลอวิ๋นของเจ้าได้ประโยชน์จากหลิ่งหนานไปไม่น้อย ตอนนี้แม้แต่เหมืองทองก็จะเอาไปด้วยหรือ” ชายชราเคราขาวที่นั่งอยู่ตรงประตูเงยหน้าขึ้นแล้วพูดกับหลิวจิ้นเป่าด้วยสีหน้าเศร้า
“เดิมทีแผนการพัฒนาหลิ่งหนานเป็นความคิดของท่านโหวของข้า สมเหตุสมผลแล้วที่ตระกูลอวิ๋นจะได้รับผลประโยชน์ หรือตระกูลจางของเจ้าไม่พอใจ หากเก่งจริงพวกเจ้าก็คิดวิธีทำมาหากินเองสิ อย่ามาหาเก็บผลประโยชน์จากท่านโหวของข้า”
หลิวจิ้นเป่าไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย เริ่มเรียกออกนาม
“หลิวจิ้นเป่า เจ้าก็เป็นเพียงองครักษ์ของตระกูลอวิ๋น รอให้ข้าขอองค์หญิงแต่งงานได้สำเร็จก่อน คอยดูว่าข้าจะจัดการทาสอย่างเจ้าเช่นไร”
หลิวจิ้นเป่ามองชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังเฝิงจื้อหย่ง หัวเราะแล้วพูดว่า “เจ้าจำผิดแล้ว ข้าเป็นคนรับใช้นายน้อย ไม่ใช่คนรับใช้องค์หญิง ต่อให้เจ้าโชคดีได้แต่งงานกับองค์หญิง ก็ทำอะไรข้าไม่ได้ เรื่องที่เจ้าเอาอกเอาใจองค์หญิงข้าไม่จำเป็นต้องพูด อีกไม่นานท่านโหวของข้าก็จะมาถึงหลิ่งหนาน หากเจ้ากล้าก็ไปบอกเรื่องที่จะแต่งงานกับองค์หญิงให้ท่านโหวของข้ารู้ ถึงเวลาเจ้าไม่ต้องมาหาข้า ท่านโหวของข้าก็จะไปหาเจ้าเอง เตรียมตัวตายได้เลย”
เฝิงจื้อหย่งหน้าซีดพร้อมถามว่า “อวิ๋นเยี่ยจะมาหลิ่งหนานหรือ”
หลิวจิ้นเป่าเพียงแค่หัวเราะ ไม่ได้สนใจเขา แต่กลับเร่งเร้าคนพิการต่อ “ที่ควรได้ก็ได้ไปแล้ว รีบบอกมาว่าเหมืองแร่ทองคำอยู่ที่ไหน ข้าเตรียมรถม้าไว้พร้อมแล้ว”
คนพิการหัวเราะอย่างน่าสังเวช ชี้ไปที่ทุกคนแล้วพูดว่า “ข้าขอเตือน ใครไม่มีสมอง ใครขี้ขลาด ก็รีบถอนตัวไป ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้พวกเจ้ารู้ การบอกให้พวกเจ้ารู้ก็มีแต่จะทำให้พวกเจ้าเสียชีวิตโดยเปล่าประโยชน์ ยังไม่ทันได้เห็นทองคำ ก็ตายเสียแล้ว”
ไม่มีใครถอนตัว ไม่มีแม้แต่คนเดียว บนโลกนี้มีคนฉลาดอยู่มากมาย มักจะคิดว่าคนอื่นนั้นโง่ ที่คนอื่นต้องมีสภาพน่าสังเวชนั้นเป็นเพราะความโง่เขลา หากเป็นตัวเอง ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นแน่นอน
“พวกเราเดินทางไปทั้งหมดสิบสี่คน เตรียมเข้าไปในหุบเขาลึกเพื่อไปหายาสมุนไพรชนิดหนึ่งมาให้แก่ขุนนางในเมืองฉางอัน พวกเจ้าเคยเห็นแมงมุมที่มีขนาดตัวใหญ่เท่าหน้าคนหรือไม่ เมื่อถูกกัดเข้า สหายของข้าทั้งร่างกายก็เปลี่ยนเป็นสีดำในทันที บวมพิษจนตาย พวกเจ้าเคยเห็นตะขาบสีแดงที่ยาวหนึ่งศอกหรือไม่ มันกัดเท้าข้า ทั้งๆ ที่ข้าสวมรองเท้าบูทหนัง หากไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่ใช้มีดตัดเท้าครึ่งหนึ่งของข้าที่ถูกกัด ข้าคงตายไปนานแล้ว เดินขึ้นไปข้างบนตามทางแม่น้ำ บนกิ่งก้านของต้นไม้เต็มไปด้วยตั๊กแตน เมื่อพวกมันได้กลิ่นเนื้อมนุษย์ แต่ละตัวก็เตรียมพร้อมกระโดดมาดูดเลือด
ยังไม่ทันได้ถึงเหมืองแร่ พวกเจ้าลองนับดูว่าคนทั้งหมดสิบสี่คน ตอนนี้เหลืออยู่เท่าไหร่ แน่นอนว่าเหลือเพียงแปดคน คนอื่นๆ อีกหกคนตายหมดแล้ว และสุดท้ายพวกเราก็ได้เห็นฟ้าถล่มที่นั่น…”
สามารถได้ยินเสียงหายใจของคนทั้งห้องอย่างชัดเจน คิดไม่ถึงว่าที่ที่มีเหมือนแร่ทองคำจะอันตรายถึงเพียงนี้ ในป่าลึกอะไรก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้นพวกที่ขี้ขลาดจึงเริ่มถอนตัวออกไป
“ฮ่าๆ ๆ” หลิวจิ้นเป่าหัวเราะดังลั่น “ใครขี้ขลาดก็รีบไสหัวออกไป สิ่งของล้ำค่ามักจะมีอันตรายซ่อนอยู่เสมอ บรรพบุรุษมักจะเตือนไว้เช่นนี้ หากพวกเจ้าถอนตัวทั้งหมด ตระกูลอวิ๋นของข้าก็จะไปตามหาทองคำเอง ถึงคราวนั้นพวกเจ้าอย่ามาอิจฉาก็แล้วกัน”
รู้สถานที่แล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ หลิวจิ้นเป่าหันหลังเดินออกจากร้านอาหารทันที คนพิการนอนถอนหายใจอยู่บนเตียงไม้ พูดมาตั้งเยอะ ดูท่าทางจะเหนื่อยล้ามาก
เฝิงจื้อหย่งสีหน้าดูไม่แน่ใจ เด็กหนุ่มข้างหลังเขาเดินออกมาพูดว่า “พี่หก พวกเรายังจะรออะไรอยู่ ตระกูลเฝิงของเราเป็นถึงตระกูลขุนนางระดับสูง เหตุใดต้องมากลัวป่าเล็กๆ เช่นนี้ พวกเราก็แค่ส่งทหารม้าจำนวนมากไปก่อน ไม่มีอะไรมาขัดขวางได้แน่นอน ก็แค่แมลงมีพิษกับสัตว์ดุร้าย มีอะไรน่ากลัวกัน ท่านพ่อฆ่ามังกรมาตั้งกี่ตัวแล้วก็ไม่รู้ ข้าเองก็อยากจะลองดาบของข้าเช่นกัน”
คนที่ออกมาพูดเป็นน้องชายคนที่สิบแปดของเขามีนามว่าเฝิงจื้อฮุ้ย เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน ดังนั้นจึงสนิทมากเป็นพิเศษ นับตั้งแต่ได้พบหลี่อันหลานก็ประทับใจเป็นอย่างมาก อยากจะได้หัวใจขององค์หญิงมาครอบครอง จนลืมคำสอนของพ่อและคำตักเตือนของพี่สาม หากไม่ใช่เพราะฐานันดรอย่างองค์หญิงมีองครักษ์อยู่ภายใต้การปกครองมากมาย เฝิงจื้อฮุ่ยคงไปฉุดมาเสียตั้งนานแล้ว จากสถานะของตระกูลเฝิง ฉุดผู้หญิงมาสักคนสองคนก็ไม่มีปัญหาอะไร
“จื้อฮุ่ย เจ้ายังก่อเรื่องไม่พออีกหรืออย่างไร ไม่นานอวิ๋นเยี่ยก็จะมาถึงหลิ่งหนาน หากไม่พอใจลุกขึ้นมาเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลเฝิง เจ้าก็คือคนที่สร้างศัตรูตัวฉกาจให้กับตระกูลเฝิง ท่านพ่อระมัดระวังอวิ๋นเยี่ยมาตลอด พวกเราก็ยิ่งต้องระวังเข้าไปอีก คนคนนี้ เพื่อองค์หญิงแล้ว เขาใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะวางแผนเพื่อให้ตระกูลขุนนางทั้งหมดมีฐานะร่ำรวยในหลิ่งหนาน ทำให้หลิ่งหนานจากที่ดีๆ ก็กลายเป็นสภาพที่ซับซ้อนวุ่นวายเช่นนี้ ประมาทได้เสียที่ไหน เจ้าต้องระวังไว้ ท่านพ่อบอกไว้ว่าจะทำอะไรก็ได้ แต่ต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง ข้ากังวลว่าอวิ๋นเยี่ยจะไม่ยอมปล่อยเจ้าไป” เฝิงจื้อหย่งกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของจื้อฮุ่ย
สิ่งที่วัยหนุ่มสาวมีมากที่สุดคือความกล้า เขาไม่เคยพบอวิ๋นเยี่ย เคยได้ยินแค่ว่าเป็นเด็กหนุ่มที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับตัวเอง จะไปยอมได้อย่างไร เขาไม่พอใจต่อท่าทีของพี่ชายเป็นอย่างมาก ไม่ช่วยเขาสู่ขอองค์หญิงก็ช่าง แต่ยังจะไปสนับสนุนพี่น้องคนอื่นๆ ให้ไปสู่ขอองค์หญิงด้วยกันอีก แม้กระทั่งทำให้เขามีชื่อเสียงไม่ต่างจากถู่อ๋อง ทำให้เขากลายเป็นตัวตลกในบรรดาพี่น้อง ตอนนี้ยังห้ามเรื่องตามหาเหมืองแร่ทองคำอีก ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ หรือว่าพี่ใหญ่ก็คิดอะไรกับองค์หญิงเช่นกัน
เมื่อคิดได้ก็ตะโกนออกมา “จ้าวเสี่ยวโหว ออกมา” เพียงชั่วครู่จ้าวเสี่ยวโหวก็โผล่ออกมาจากฝูงชน ไม่พูดอะไร ยืนอยู่ข้างเฝิงจื้อฮุ่ยรอคำสั่ง
“เรียกสหายของพวกเรามารวมตัวกัน พี่หกไม่ไปตามหาทองคำ พวกเราก็ต้องไปกันเอง หากรวยขึ้นมา ข้ามีส่วนแบ่งให้ก็ทุกคน!”
เสี่ยวโหวหัวเราะร่าแล้วหายกลับเข้าไปในฝูงชน เฝิงจื้อหย่งห้ามไว้ไม่ทัน เฝิงจื้อฮุ่ยพูดกับพี่ชายว่า “พี่หก ท่านนั่งรอที่เมืองยงโจว ข้าจะพาทหารม้าไปตามหาทองคำ เมื่อหาเหมืองแร่ทองคำเจอแล้ว ต่อให้อวิ๋นเยี่ยมาก็ไม่มีอะไรต้องกลัว เมื่อถึงตอนนั้น ชื่อเสียงตระกูลเฝิงของพวกเราก็จะกดท่านโหวนั้นให้จมน้ำตายในหลิ่งหนาน ที่นี่ไม่ใช่เมืองฉางอันที่เขาจะมาทำตัวกร่างได้” พูดจบเขาก็เดินจากไป ทำเป็นไม่ได้ยินคำสั่งห้ามของเฝิงจื้อหย่ง
ตระกูลอื่นพากันเฝ้ามอง ใครๆ ก็ชอบทองคำ แต่ว่าหากต้องแลกด้วยชีวิต เมื่อไม่มีชีวิตแล้วทุกอย่างก็ว่างเปล่า
อวิ๋นเยี่ยและหลิวฝูลู่นั่งอยู่ห้องข้างๆ ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน สองวันมานี้หลิวฝูลู่ได้ฟื้นความสง่างามในอดีตของเขาในตอนที่ยังเป็นคนของทางการ โบกพัดในมือแล้วพูดกับอวิ๋นเยี่ยเบาๆ ว่า “ท่านโหว ดูเหมือนว่าแผนของท่านจะไม่ได้ทำให้คนพวกนั้นบ้าคลั่งขึ้นมา หากข้าเป็นผู้ดูแล ข้าก็คงไม่อนุญาตให้พวกหัวกะทิในตระกูลข้าต้องเข้าไปเสี่ยงอันตรายในป่าหรอก แล้วอีกอย่าง หลิวจิ้นเป่าก็จะไป ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังวางแผนอะไร หรือว่าเขามีความคิดที่จะไปเอง”
“แผนการทั้งหมดของวันนี้มีถึงเพียงเท่านี้ รู้ว่ามีทองคำก็พอ ความปรารถนาของคนนั้นไม่มีที่สิ้นสุด ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป พวกเขาจะไปที่ป่าแห่งนั้น อย่างน้อยพวกนั้นก็รู้แล้วว่าในป่ามีของมีค่าอยู่ ตอนนี้พวกเขาต้องมองไปที่ภูเขาในป่าอันห่างไกลอยู่แน่ๆ วัดความมุ่งมั่นและความเด็ดเดี่ยวของตัวเอง เมื่อความปรารถนาครอบงำสติ อย่างไรก็ต้องไป เมื่อก่อนพวกเขาก็กลัวมหาสมุทรไม่ใช่หรือ ตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่ากล้านั่งเรือสำปั้นออกทะเลไปปล้นแคว้นเล็กๆ แล้วหรอกหรือ ต้าถังต้องการให้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้นี้ดำเนินต่อไป ไม่เกรงกลัวมหาสมุทร ไม่เกรงกลัวทุ่งหญ้า ไม่เกรงกลัวป่าทึบและทะเลทราย เมื่อรอยเท้าของชาวต้าถังได้ปรากฏขึ้นในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายที่สุดในโลก จึงจะถือว่าต้าถังนั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริง การกระทำของหลิวจิ้นเป่านั้นได้รับคำสั่งมาจากข้า ข้าเพียงอยากดูว่าองค์หญิงจะห้ามเขาหรือไม่ หรือว่าถูกทองคำทำให้หน้ามืดตามัวไปเสียแล้ว นอกจากความร่ำรวยก็ไม่คำนึงถึงอย่างอื่นอีกแล้วใช่หรือไม่”
อวิ๋นเยี่ยจิบน้ำชา ช่วงนี้เขาหนีไม่พ้นของพวกนี้ ใครจะไปคิดว่าหลังจากที่ท่านโหวผู้หนึ่งกินปลาในถ้ำ สิ่งที่นึกถึงมากที่สุดดันเป็นชาร้อนๆ สักเหยือก
“ท่านโหว ข้าขอบังอาจพูด ข้ารู้สึกว่าจุดประสงค์ของท่านไม่ใช่เพื่อปลูกฝังจิตวิญญาณการต่อสู้ของชาวเมืองต้าถัง ยังมีจุดประสงค์อื่นอีกใช่หรือไม่ อย่างเช่นฆ่าคนสักสามสี่คน?”
ตอนหลิวฝูลู่รู้จักกับอวิ๋นเยี่ยครั้งแรก ท่านโหวผู้นี้ไม่นับว่าเป็นคนดีเท่าไหร่ หรือว่าการถูกปลูกฝังในหลายปีมานี้จะเปลี่ยนความใจแคบของคนคนหนึ่งได้? แต่หลิวฝูลู่ไม่คิดเช่นนั้น
“เหล่าหลิว จุดเริ่มต้นของจุดมุ่งหมายใดๆ ในโลกจะต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเป็นขุนนาง โดยธรรมชาติแล้วก็ต้องยึดถือหลักการนี้ เบื้องหลังเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ย่อมต้องมีการเสียสละเล็กๆ น้อยๆ อยู่แล้ว มิฉะนั้นเราจะเตือนคนรุ่นหลังเรื่องความอันตรายของป่าแห่งนี้ได้อย่างไร เพียงแต่ว่าข้าสามารถควบคุมได้ว่าจะให้ใครเป็นผู้เสียสละ ในกลุ่มพวกคนที่น่ารังเกียจนี้ ก็เลือกคนที่ขัดหูขัดตามาสักสี่ห้าคน มันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ดวงวิญญาณคงไม่ถือโทษหรอก”
“ท่านโหวพูดได้ฉลาดมาก ข้าขอคำนับ หากตอนแรกมีคนบอกวิธีนี้ให้แก่ข้า ป่านนี้ข้าคงได้เลื่อนตำแหน่งไปนานแล้ว คงไม่ถูกลงโทษให้เกือบต้องอดตายทั้งครอบครัวเพียงเพราะยักยอกเงินสองร้อยเหรียญหรอก”
[ส่วนที่ 8 เขาของคนป่าเถื...
ตอนที่ 26 ไร้ยศถาบรรดาศักดิ์
จวนขององค์หญิงวุ่นวายไปหมด หลี่อันหลานกำลังจะบ้าตาย ความจริงแล้วแม้นี่จะเป็นตระกูลของนางเอง ทว่าก็เป็นเพียงแต่ในนามเท่านั้น เพราะคำพูดของนางไม่มีประโยชน์อะไรเลย อย่างเช่นในตอนนี้ หลิวจิ้นเป่าไม่สนใจคำสั่งของนางแม้แต่น้อย พาหมอประจำบ้านไปด้วยสิบกว่าคน เอาเสบียงอาหาร อาวุธและยาไปด้วย จะไปขุดหาทองคำที่ป่าเขาอันไกลโพ้น แม่บ้านเหอยังคอยสนับสนุน หวังว่าพวกเขาจะขุดทองก้อนโตกลับมาให้นายน้อย คำพูดติดปากก็คือ “คนของตระกูลอวิ๋นไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้”
ในหลิ่งหนาน หลิวจิ้นเป่าเป็นหลักประกันความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุดของหลี่อันหลาน ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเชื่อฟังคำสั่ง แต่กลับเป็นคนที่นางเชื่อถือที่สุด หากเกิดอะไรขึ้น คนที่สามารถปกป้องพวกนางได้ก็คือคนของตระกูลอวิ๋น ถึงแม้ว่าจะไม่จงรักภักดีต่อนาง แต่ขอแค่จงรักภักดีต่อลูกชายของนาง ก็ไม่มีอะไรที่นางทนไม่ได้ สมัยนี้องครักษ์ที่จงรักภักดีนั้นหายาก นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนของตระกูลอวิ๋นถึงได้เหมือนกันหมด
“หลิวจิ้นเป่า ใครให้เจ้าไปขุดหาทองคำ ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ ไม่แน่อาจจะเป็นกับดัก เจ้าเอาองครักษ์ไปด้วยตั้งครึ่งหนึ่ง แล้วข้าจะทำเช่นไร ลูกชายข้าจะทำเช่นไร”
หลี่อันหลานพูดเสียงดังฟังชัด เสี่ยวหลิงตังตกใจจนตัวสั่น จางจูหวนยืนสนับสนุนการตัดสินใจขององค์หญิงอยู่ข้างหลัง ตอนนี้หงเฉิงไม่อยู่ หลิวจิ้นเป่าเป็นคนที่ผู้หญิงในจวนองค์หญิงต้องการพึ่งพา จะไปไหนไม่ได้
หลิวจิ้นเป่าทุบหน้าอกของตัวเองอย่างแรงแล้วพูดกับองค์หญิงว่า “ไม่มีอะไรที่ตระกูลอวิ๋นทำไม่ได้ หลายปีที่ผ่านมาพี่น้องทุกคนก็ล้วนผ่านความตายกันมาแล้วทั้งนั้น นอกจากคนที่กลับไปที่หมู่บ้าน ทุกคนล้วนแต่นอนกอดดาบทุกคืน เจ้าดูอาวุธบนตัวของพวกเขา ใช่ว่าองครักษ์ธรรมดาจะเทียบได้ ชุดเกราะที่ทำจากเหล็กอย่างดี ดาบฟันไม่เข้า กฎของราชสำนักบอกว่าห้ามมีชุดเกราะที่หนักมากกว่าสิบห้ากิโล ชุดเกราะของตระกูลอวิ๋นหนักมากสุดก็แค่สิบสี่กิโล แต่กลับแข็งแรงกว่าชุดเกราะที่หนักสิบห้ากิโล สามารถสู้กับอันตรายได้สบายมาก เหล่าหลิวยังถูกแทงได้ตั้งเจ็ดแปดครั้งเลย”
หลี่อันหลานอยากจะได้ชุดเกราะของตระกูลอวิ๋นเพิ่มมาตลอด แต่ซินเย่วไม่ยอมให้ ต่อมาอวิ๋นเยี่ยทำชุดเกราะผู้หญิงให้นางกับหลิงตังคนละตัว งดงามแถมยังน้ำหนักเบา แรงป้องกันก็ไม่ธรรมดา แต่น่าเสียดายที่เอาไปให้หลิงตัง พอนางใส่ หลี่อันหลานแค่อยากจะทดสอบแรงป้องกันบนชุดเกราะของนาง พึ่งจะหยิบดาบขึ้นมา หลิงตังก็หมอบลงกับพื้นร้องเอะอะโวยวาย เสียชื่อเสียงชุดเกราะอันงดงามหมด บอกให้เอาไปให้คนอื่นนางก็ไม่ยอม จะเก็บเอาไว้เอง ไม่มีอะไรทำก็เอาออกมาเช็ดน้ำมัน ถึงขั้นเช็ดน้ำมันหอม แล้วยังมักจะนั่งยิ้มให้ชุดเกราะ อาการน่าเป็นห่วงจริงๆ
ทันใดนั้นหลี่อันหลานก็เห็นลูกชายตัวอ้วนของตัวเองหดตัวอยู่ในอ้อมแขนของแม่บ้านเหอ นางดึงเขาออกมา เอาให้หลิวจิ้นเป่าที่กำลังถือค้อนอยู่ หลิวจิ้นเป่ารีบหันค้อนออกไปทางอื่น กอดนายน้อยอย่างระมัดระวัง ไม่กล้าทำตัวเหลวไหลอีกต่อไป
หลี่อันหลานยิ้มและพูดว่า “นายน้อยของเจ้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ควรจะออกไปเจอโลกภายนอกได้แล้ว เจ้าออกไปครั้งนี้ก็พานายน้อยไปด้วย ไปขุดหาทองคำดีจะตาย ให้นายน้อยของเจ้าหาทองคำก้อนใหญ่มาสักสองก้อน จะเล็กกว่าก้อนที่อยู่ในบ้านไม่ได้”
หลิวจิ้นเป่ากอดนายน้อยอย่างหดหู่แต่ก็ไม่พูดอะไร โบกมือให้องครักษ์คนอื่นๆ อย่างรำคาญใจ องครักษ์ต่างพากันหุบปากแล้วส่ายหน้าเดินออกไป คงจะเข้าป่าไม่ได้แล้ว
หากพาเด็กน้อยคนหนึ่งไปเผชิญอันตรายด้วย อย่าว่าแต่แม่บ้านเหอ ยังมีเหล่าหลิวอีกคน พวกนั้นคงจะถลกหนังพวกเขาให้ตาย พ่อของเขาที่แอบมองอยู่ด้านหลังยิ่งไม่ต้องพูดถึง
หลี่อันหลานได้รับชัยชนะ เรียกแม่บ้านเหอกลับมา พาหลิงตังกับจางจูหวนไปเลือกสมบัติล้ำค่าที่ห้องเก็บของของลูกชาย ใกล้จะถึงวันคล้ายวันพระราชสมภพของฮ่องเต้แล้ว ในฐานะบุตรีก็ควรที่จะมีของขวัญเล็กๆ น้อยๆ นางถามลูกชายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาไม่คัดค้านอะไร
เปิดประตูห้องเก็บสมบัติล้ำค่าออก หลี่อันหลานก็รู้สึกตาลาย ชั้นวางของไม้สนสีแดงเต็มไปด้วยสมบัติหายากนานาชนิด เมื่อนางเห็นเครื่องแก้วกระต่ายอันประณีตที่วางอยู่ตรงกลาง ตาของนางก็กลมโตขึ้นมาทันที นี่คือของหายาก ลูกตาเป็นทับทิมแท้ ไม่มีสิ่งแปลกปลอมแม้แต่น้อย กระต่ายตัวนี้ต้องมีมูลค่าสูงมากเป็นแน่ ไม่ว่านางจะเดินไปทางไหน กระต่ายตัวนั้นก็ดูเหมือนจะยิ้มมองนางอยู่ตลอด
หลิงตังเป็นบ้าไปแล้ว อุ้มกระต่ายไว้ไม่ยอมปล่อย จางจูหวนจ้องมองไปที่กระต่ายตัวนั้นอย่างไม่ละสายตา หยิกตัวเองไม่หยุด คิดว่าตัวเองกำลังฝันไป
“องค์หญิง กระต่ายตัวนี้ไม่ได้ มันเป็นของขวัญประจำราศีที่ฮูหยินของข้าเอาให้นายน้อย เลือกอยู่ตั้งนาน นายน้อยชอบเป็นอย่างมาก ท่านจะเอาไปไม่ได้”
แม่บ้านเหอดูถูกท่าทางบ้านนอกขององค์หญิงเป็นอย่างมาก เครื่องแก้วพวกนี้ไม่มีค่าในตระกูลอวิ๋น บ้านของนางมีถ้วยแก้วตั้งสองใบ เพียงแต่หมู่บ้านตระกูลอวิ๋นไม่เคยพูดเรื่องนี้กับคนนอก ไม่ว่าคนอื่นพูดถึงความล้ำค่าของเครื่องแก้วเช่นไร เหล่าฮั่นที่ทำไร่ทำนาอยู่ในหมู่บ้านของตระกูลอวิ๋นก็เอาแต่ยิ้มอ่อน จากนั้นก็เดินจากไป เชื่อแล้วว่าคนที่คุยกับนางเมื่อครู่เป็นคนบ้านนอก ไม่สมควรที่จะยืนคุยกับนาง
“ป้าเหอ ข้าจะยืนดูอยู่ตรงนี้ ไม่เอาไปไหนได้หรือไม่ ให้ข้าได้เล่นอีกสักหน่อย” หลิงตังขอร้องอ้อนวอนแม่บ้านเหอ
หลิงตังเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนอยู่แล้ว โดยเฉพาะแม่บ้านเหอ ตัวเองไม่มีลูกสาว ชอบหลิงตังเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
หลี่อันหลานพยายามที่จะดึงสายตาออกมาจากกระต่ายตัวนั้น รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก หากตอนนั้นตัวเองไม่มีความคิดเช่นนั้น สมบัติล้ำค่าพวกนี้ก็จะเป็นของตัวเองใช่หรือไม่ ตอนนี้กลับทำให้ตัวเองดูเหมือนนางมารร้ายไร้ยางอาย ถูกแม่บ้านเหอสงสัยซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกเสียใจ
แคว้นต้องได้รับการพัฒนา ผู้คนต้องทำมาหากิน พวกขุนนางไม่สนใจในหน้าที่การงาน ตัวเองไปหาประชาชนด้วยตัวเอง สิ่งที่ต้อนรับนาง หากไม่ใช่ความสงสัยก็เป็นความเกลียดชัง
หงเฉิงฆ่าพวกชาวบ้านที่วุ่นวายในแคว้นไปไม่น้อย รวมทั้งตระกูลของถู่อ๋องก็หายตัวไปกันหมด ตัวเองมาถึงที่นี่ ก็แค่มาอาศัยอยู่ในจวนอันสะอาดสะอ้านแห่งนี้ของเจ้านาย สาวใช้และคนรับใช้ต่างก็เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ไม่ทำให้นางต้องกังวล หากใช้ชีวิตที่สงบสุขเช่นเดียวกันกับหมู แต่น่าเสียดาย หลี่อันหลานมักจะอยากหาอะไรทำ มักจะอยากเห็นภาพที่ประชาชนเคารพบูชาตัวเอง
อวิ๋นเยี่ยเคยบอกแล้วว่านี่เป็นโรคที่ต้องได้รับการรักษา คนส่วนใหญ่ในตระกูลหลี่ล้วนแต่เป็นโรคนี้กันทั้งนั้น แล้วยังอาการหนักอีกต่างหาก โรคนี้อาจจะทำให้คนตายได้ง่ายๆ แล้วยังเป็นโรคติดต่อ ตายทีก็ตายด้วยกันทั้งหมด
ตอนแรกคิดว่าอวิ๋นเยี่ยพูดเล่น แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเขาไม่ได้พูดเล่นเลยแม้แต่น้อย ล้วนแต่เป็นคำสั่งสอนที่มีค่า
สาวใช้คนหนึ่งยืนอยู่นอกห้องเก็บของ เรียกหาหลี่อันหลานไม่หยุด องครักษ์ของตระกูลอวิ๋นไม่ยอมให้นางเข้าไป หลี่อันหลานที่กำลังเลือกสมบัติล้ำค่าอยู่วางหยกสีเขียวก้อนใหญ่ในมือลงอย่างหงุดหงิด นางชอบของสิ่งนี้มาก กะว่าจะเอาไปทำเป็นเครื่องประดับให้ตัวเอง แต่ถูกสาวใช้ขัดจังหวะจึงเดินออกไปด้วยความโมโห
“องค์หญิง ท่านชายที่หกของตระกูลเฝิงมาเพคะ ต้องการพบองค์หญิงเพคะ”
เขามาทำอะไร หลี่อันหลานคิดไม่ตก เมื่อก่อนเป็นพวกน้องชายของเขามาตลอดมิใช่หรือ เหตุใดถึงเปลี่ยนคนมา แต่ว่าเฝิงจื้อหย่งคนนี้ไม่ใช่คนที่น้องชายไก่กาของเขาจะเทียบได้ นึกถึงพฤติกรรมที่ไร้เดียงสาของน้องชายพวกนั้น หลี่อันหลานก็อยากจะหัวเราะ แม้แต่ล้อเล่นยังไม่สนใจ หากอวิ๋นเยี่ยรู้เข้า พวกเขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาตายเช่นไร
เมื่อพบห้องโถงด้านหน้า เฝิงจื้อหย่งก็เดินเข้ามาอย่างกระวนกระวาย เขากังวลเกี่ยวกับการมาที่หลิ่งหนานของอวิ๋นเยี่ย ตั้งแต่ที่พ่อของเขาบอกว่าขุนนางในเมืองฉางอันคนไหนบ้างที่ไม่สามารถทำให้โกรธเคือง มีอวิ๋นเยี่ยรวมอยู่ด้วย แล้วยังอยู่อันดับต้นๆ พ่อเขาไม่ค่อยอบรบสั่งสอนพวกลูกๆ ด้วยตัวเองสักเท่าไหร่ ล้วนแต่ให้พวกเขาได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง เรื่องที่บอกพวกเขาก็ล้วนแต่เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องรู้และต้องปฏิบัติตาม น้องชายของตัวเองหมกมุ่นจนเกินเยียวยาแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะจงใจยัดน้องชายสองคนเข้าไปเอง หวังว่าหากเกิดอะไรขึ้น ยังพอมีโอกาสได้รับผลประโยชน์ บางทีมันอาจจะช่วยน้องชายแท้ๆ ของตัวเองได้
“ข้าน้อยเข้าเฝ้าองค์หญิง หากรบกวนองค์หญิงก็ขอประทานอภัยขอรับ”
“ท่านชายไม่ต้องเกรงใจ ตอนนี้ข้าอยู่ที่หลิ่งหนาน ต้องการความดูแลของเหล่ากั๋วกงอยู่ตลอด เราไม่ใช่คนนอกอะไร”
ทันทีที่เจอกับหลี่อันหลาน เฝิงจื้อหย่งก็ถ่อมตัวทันที เอาตัวเองลงไปอยู่ในสถานะของขุนนาง เขาไม่รู้ว่าทำไมอวิ๋นเยี่ยถึงจะมาที่นี่ เอาภารกิจอะไรมาด้วย แล้วมาทำอะไร เขาอยากจะหาเบาะแสจากหลี่อันหลานก่อน ดังนั้นจะต้องมีความอดทนและสติปัญญาที่มากพอ
“สองสามวันนี้ได้ยินมาว่าองค์หญิงกังวลเกี่ยวกับความไม่มีประสิทธิภาพของพวกขุนนาง ตระกูลของข้าน้อยยังพอมีคนอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีพรสวรรค์มากมายถึงเพียงนั้น แต่ก็พอจัดการเรื่องกิจวัตรประจำวัน เรื่องเงินทองได้อยู่บ้าง อย่างน้อยก็สามารถช่วยแบ่งเบาภาระองค์หญิงได้ หนึ่งในนั้นมีคนที่ชื่อว่าเซี่ยวชังเซิง เขาเป็นคนตลก ฟังเขาเล่าเรื่องตลกช่วยให้ผ่อนคลายความกังวลได้ หากองค์หญิงต้องการ ข้าน้อยจะสั่งให้พวกเขามาเล่าให้องค์หญิงฟังเดี๋ยวนี้”
หลี่อันหลานไม่ยอมให้คนของตระกูลเฝิงเข้ามาอยู่ในจวนของตัวเองเด็ดขาด นางกังวลว่าจะถูกล้างอำนาจ เดิมทีอำนาจของตัวเองก็มีน้อยอยู่แล้ว หากถูกล้างออกไปอีก นางก็จะกลายเป็นคนธรรมดาอย่างสมบูรณ์แบบ หากเป็นเช่นนั้น เป็นโหวฮูหยินอยู่ในจวนดีๆ ไม่ชอบ วิ่งไปทรมานตัวเองที่พื้นที่รกร้างเพื่ออะไรกัน
“ขอบคุณสำหรับความความปรารถนาดีขององค์ชาย แต่มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย ไม่ได้ลำบากจวนองค์หญิงถึงเพียงนั้น ในจวนยังพอมีคนรับใช้อยู่ อยู่ด้วยกันมานานแล้ว ตอนนี้ยังไม่อยากเปลี่ยนคน”
“ใช่ขอรับ องค์หญิงมีอวิ๋นโหวคอยสนับสนุนอย่างเต็มที่ ไม่มีทางขาดแคลนคนรับใช้อยู่แล้ว อวิ๋นโหวเป็นผู้ดูแลสำนักศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในต้าถัง แค่เอียงตัวมาทางแคว้นหนานจ้าวเพียงเล็กน้อย ก็มีคนที่ฉลาดและกล้าหาญให้องค์หญิงได้ใช้งานเต็มคันรถ ได้ยินมาว่าอวิ๋นโหวจะมาถึงหลิ่งหนานเร็วๆ นี้ คาดว่าหลิ่งหนานของข้าคงจะมีข่าวดีแน่นอน ไม่ทราบว่าองค์หญิงพอจะมีคำแนะนำให้ข้าบ้างหรือไม่ จะได้ให้ท่านพ่อได้เตรียมการต้อนรับเป็นอย่างดี ท่านพ่อบอกข้าอยู่บ่อยครั้งว่าตอนที่ท่านอยู่ที่ฉางอันท่านได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากอวิ๋นโหว ท่านโหวลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง อาหารอันโอชะที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้ ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ได้ลิ้มรสไป อาหารอื่นๆ ก็รสชาติไม่ได้เรื่องเลย อดไม่ได้ที่จะไปเมืองฉางอันเพื่อลิ้มรสความอร่อยอีกครั้ง การเจอกันครั้งนี้ จะต้องทำให้ท่านพ่อสมหวังในสิ่งที่ปรารถนาเป็นแน่”
หลี่อันหลานไม่ได้ฟังอย่างอื่น ได้ยินแค่ว่าอวิ๋นเยี่ยจะมาที่หลิ่งหนาน ก็มีความสุขจนวิญญาณจะออกจากร่าง สีหน้าเต็มไปด้วยความสุขทันที ทั้งกังวลและเสียใจ องค์หญิงที่ฉลาดและแข็งแกร่งหายไปแล้ว เหลือไว้เพียงผู้หญิงที่สมเพชตัวเองอยู่คนเดียว
เฝิงจื้อหย่งถอนหายใจอย่างแรง น้องชายตัวเองไม่มีโอกาสอีกแล้ว จิตใจทั้งหมดขององค์หญิงอยู่ที่อวิ๋นเยี่ย และเมื่อเทียบกับอวิ๋นเยี่ย เฝิงจื้อฮุ่ยไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย คาดหวังจากผู้เป็นพ่อก็ไม่ได้ ลูกชายเยอะเกินไป เขาไม่สนใจลูกชายของตัวเองสักคน นอกจากลูกชายจะฆ่ากันเอง เขาถึงจะให้ความสำคัญกับคนที่เก่งที่สุด คิดเช่นนี้ เฝิงจื้อหย่งก็รู้สึกถึงความขมขื่นในปาก บางทีการที่จื้อฮุ่ยเข้าไปขุดหาทองคำในป่าอาจจะเป็นการหลีกเลี่ยงภัยอันตรายที่ดี
แต่การที่พ่อใช้วิธีการเลี้ยงแมลงมาเลี้ยงลูกชายของตัวเอง เขาไม่กลัวว่าสักวันหนึ่งแมลงจะแว้งมากัดตัวเขาเองบ้างหรือ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น