ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 798-821

 ตอนที่ 798 ยาพิษออกฤทธิ์


พวกเหยียนหมิงซุ่นทั้งสามคนเพิ่งกระโดดลงจากกำแพงรั้ว เซียวเซ่อก็เป่าปาก รถคันสีดำหนึ่งก็ขับเข้ามาช้าๆ คนขับรถเห็นพวกเขาท่าทางกระเซอะกระเซิงเช่นนั้นก็ตกใจยกใหญ่ แล้วรีบเปิดประตูให้พวกเธอขึ้นรถ รถขับไปใจกลางเมืองย่านคึกคัก พวกเหมยเหมยถึงผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก


เซียวเซ่อหยิบไอศกรีมออกจากตู้เย็นแบ่งให้เหยียนหมิงซุ่นหนึ่งถ้วย ตัวเองก็กรอกลงปากไปรวดเดียวหนึ่งถ้วยถึงจะสงบสติอารมณ์ลงมาได้ กัดฟันพร้อมสบถด่าออกมาว่า “เฮงซวย เรื่องวันนี้ฉันจะต้องเอาคืนให้ได้เลย!”


เหมยเหมยหันไปส่ายหัวให้เธอ “เซ่อเซ่อเธอสงบอารมณ์หน่อย ผู้ชายคนนี้ภูมิหลังจะต้องไม่ธรรมดา  กระทั่งคุณปู่และคุณน้าเฝิงยังไม่เห็นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ ตอนนี้พวกเราจนปัญญาที่จะจัดการเขาได้ คงทำได้แค่อดกลั้นแล้วกล้ำกลืนความโกรธนั่นไป  อีกอย่างวันหลังเธออย่ามาสโมสรอีกเลย”


เซียวเซ่อเข้าใจว่าที่เหมยเหมยพูดนั้นถูกทั้งหมด แต่เธอไม่สามารถกลืนความโกรธนี่ได้ วางแผนไว้ว่าอีกสองสามวันจะไปหาสืบถามภูมิหลังเรื่องของผู้ชายคนนี้กับแม่ของเธอเสียหน่อย ตอนนี้เธอไม่มีวิธีจัดการไอ้เฮงซวยนั่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตลอดชีวิตนี้จะจัดการไม่ได้เสียหน่อย!


ไม่ช้าก็เร็วจะต้องมีสักวันที่เธอจะได้แก้แค้นเรื่องของคืนนี้!


เหยียนหมิงซุ่นถาม “เหมยเหมย ทำไมเธอถึงไปที่นั่นได้ล่ะ?”


เหมยเหมยหน้าแดง ตอบตามความจริงไปว่า “ตอนเย็นฉันกับเซ่อเซ่อไปเล่นกันที่นั่น สโมสรนั่นเป็นสโมสรที่แม่ของเซ่อเซ่อเป็นคนเปิด เดิมทีก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ใครจะรู้ว่าต้องเจอคนวิปริตแบบนั้น!”


เหยียนหมิงซุ่นหันไปมองทางเซียวเซ่อที่แยกไม่ออกว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงอยู่ครู่หนึ่ง ผู้หญิงคนนี้หน้าตาท่าทางเหมือนผู้ชาย ที่แท้ก็เป็นลูกสาวของคุณหนูใหญ่เฝิงนี่เอง เมื่อก่อนเขาได้ยินเหมยเหมยพูดถึงอยู่บ่อย ๆจึงพอรู้ว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทของเหมยเหมย


แต่ตอนนี้เขากลับไม่ค่อยพอใจเซียวเซ่อ สโมสรเป็นสถานที่แบบไหน? ทำไมถึงได้พาเหมยเหมยไปเล่นสถานที่แบบนั้นได้?


กระทั้งพบเจอกับอันตราย ถ้าหากไม่บังเอิญว่าเขาอยู่แถวนั้นล่ะก็ เขาไม่กล้าคิดเลยว่าผลลัพธ์ที่ตามมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง!


“เหมยเหมยวันหลังไม่ต้องไปที่นั่นอีก  ที่แบบนั่นไม่ใช่สถานที่ที่ดีเลยนะ!” เหยียนหมิงซุ่นพูดสั่งสอน


เหมยเหมยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ต่อให้เหยียนหมิงซุ่นไม่บอกเธอก็จะไม่ไปอีกอยู่แล้ว ผู้ชายคนนั้นแค่ดูก็รู้ว่าเป็นแขกประจำของสโมสร ถ้าหากว่าได้เจอกันอีก ใครจะรู้ว่าจะยังโชคดีเหมือนวันนี้อีกไหม!


เธอถามอย่างแปลกใจ “พี่หมิงซุ่น ทำไมพี่ก็อยู่ที่นั่นล่ะ?”


เหยียนหมิงซุ่นพูดอธิบายต่อว่า “ลุงหมิงไหว้วานให้พี่ไปหาเพื่อนเก่าของเขา  เพิ่งจะออกมาได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงของพวกเธอ”


เหยียนหมืงซุ่นถามอีกครั้ง “หลังจากที่พวกเธอพูดชื่อพวกผู้ใหญ่กับผู้ชายคนนั้นแล้ว เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยพวกเธอไปงั้นเหรอ?”


เหมยเหมยพยักหน้ารัว ๆ แล้วพูดอย่างใจหายว่า “ฉันพูดชื่อของคุณปู่ไปตั้งหลายรอบ เซ่อเซ่อก็พูดชื่อคุณน้าเฝิง แต่ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ยอมปล่อยพวกเราไป ไม่ใส่ใจคุณปู่และคุณน้าเฝิงเลยสักนิด”


นึกถึงสายตาอำมหิตน่ากลัวและนิ้วมือที่ชื้นเย็นของผู้ชายคนนั้น เหมยเหมยก็อดตัวสั่นไม่ได้ เอนกายลงบนตัวเหยียนหมิงซุ่นอย่างไม่รู้ตัว


เหยียนหมิงซุ่นโอบเธอเอาไว้อย่างปวดใจ ตบเบา ๆที่หลังของเธอ “ไม่เป็นไรแล้ว ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว เหมยเหมยไม่ต้องไปนึกถึงมันอีก”


เหมยเหมยพยักหน้า มีเหยียนหมิงซุ่นอยู่ข้างกาย เธอรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่ได้มั่นใจเหมือนที่แสดงออกมา ผู้ชายคนเมื่อครู่ไม่เห็นคุณหนูใหญ่เฝิงและคุณปู่จ้าวในสายตา ถ้าอย่างนั้นตัวตนของเขาเป็นใครกันแน่?


เขาใช้นิ้วหัวแม่โป้งเท้าคิดก็ยังคิดออกได้  อีกทั้งสายตาที่ผู้ชายคนเมื่อครู่ใช้มองเหมยเหมย เขาเห็นอย่างชัดเจน และเข้าใจว่าจุดประสงค์ของผู้ชายคนนี้คืออะไร?


ดังนั้นเขาถึงได้กังวล และยิ่งเกลียดตัวเองที่ไร้ความสามารถ กังวลว่าถึงเวลานั้นเขาจะไม่สามารถปกป้องผู้หญิงของเขาได้ เหยียนหมิงซุ่นบีบมือแรงขึ้น กระชับกอดเหมยเหมยแน่นขึ้น ความปรารถนาที่อยากจะแข็งแกร่งมีอำนาจก็ยิ่งทวีรุนแรงขึ้นไปอีก


………………………………………..


ตอนที่ 799 ไม่ใช่แฟน


แค่แวบเดียวเซียวเซ่อก็มองออกว่าเพื่อนรักมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ชายคนนี้ จึงถามไปว่า “คุณเป็นแฟนของเหมยเหมย?”


เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกรับไม่ได้กับความตรงไปตรงมาของเซียวเซ่อ แต่เขาก็ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว “ไม่ใช่แฟน แต่ในอนาคตฉันจะแต่งกับเหมยเหมย”


เหมยเหมยยิ้มหวาน เซียวเซ่อกลอกตามองบน ผู้หญิงที่ตกอยู่ในความรักมักจะโง่สมองกลวง เธอจึงพูดออกไปอย่างไม่เกรงใจว่า “คุณพูดจะแต่งก็แต่งได้งั้นเหรอ? บ้านคุณทำอะไร? เทียบกับตระกูลจ้าวแล้วเป็นอย่างไร?”


“เซ่อเซ่อ!”


เหมยเหมยตำหนิเพื่อนอย่างไม่พอใจ เธอไม่ยอมเห็นเหยียนหมิงซุ่นโดนเพื่อนดูถูก เหยียนหมิงซุ่นกลับแน่นิ่งไม่ได้คิดมาก ตบมือของเหมยเหมยเบา ๆ เป็นสัญญาณว่าเธอไม่ต้องพูดอะไรออกมา


เหยียนหมิงซุ่นยิ้มบางอย่างไม่ใส่ใจแล้วพูดว่า “ตระกูลฉันก็เป็นตระกูลธรรมดา เทียบกับตระกูลจ้าวไม่ได้ แต่ฉันก็ยังจะแต่งกับเหมยเหมย ฉันจะพยายามเปลี่ยนตัวเองให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่และมีอำนาจ กลายเป็นที่พึ่งพิงที่ใหญ่ที่สุดให้กับเธอ”


เหมยเหมยมองเขาอย่างซาบซึ้งใจ หางตามีหยดน้ำตาคลอ แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยได้ยินเหยียนหมิงซุ่นพูดคำพูดพวกนี้มาก่อน ถึงแม้จะไม่ใช่คำพูดที่หวานหยดเยิ้มแต่กลับทำให้คนซาบซึ้งมากกว่าพูดคำว่ารักเสียอีก


เซียวเซ่อถลึงตาใส่อย่าไม่สบอารมณ์ ช่างโง่เสียจริง  ผู้ชายก็ดีแต่พูดจาหวานเอาใจแบบนี้มาตั้งแต่เกิด แค่พูดมันทำง่าย พูดมากขนาดไหนแต่ไม่ทำก็ไร้ประโยชน์!


ผู้หญิงถูกหลอกได้ง่ายดายขนาดนี้ รวมถึงแม่ของเธอด้วย!


“พูดอย่างเดียวแต่ไม่ทำก็แค่เรื่องโกหก ฉันยังพูดได้เลยว่าฉันเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้น่ะ รอคุณปีนถึงจุดสูงสุดแล้วค่อยมาพูดคำเหล่านี้จะดีกว่า จ้าวเหมยสมองของเธอหัดมีสติเสียบ้าง  ไม่ใช่ว่าคำพูดดี ๆไม่กี่ประโยคก็เอาตัวเองขายไปให้เขาแล้ว!”


เซียวเซ่อไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย ทุกคำพูดราวกับมีดอันแหลมคมไม่ให้เกียรติศักดิ์ศรีของเหยียนหมิงซุ่นเลย แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่ได้สนใจ ตรงกันข้ามเขายังรู้สึกดีใจเสียด้วยซ้ำที่สามารถพูดคำพวกนี้ออกมาได้  แสดงว่าคนที่ชื่อเซียวเซ่อเด็กผู้หญิงคนนี้เอาใจใส่เพื่อนจริง ๆ  ดีกว่าพวกเพื่อนที่เอาแต่พูดหวานประจบเป็นพันเท่า!


เขายิ้มบางแล้วพูดขึ้นว่า “ขอบใจที่เป็นห่วงเหมยเหมย เธอวางใจได้ ข้อดีข้อเดียวของฉันก็คือพูดคำไหนก็คำนั้น ในเมื่อพูดแล้ว แน่นอนว่าก็ต้องทำให้ได้!”


เซียวเซ่อส่งเสียงฮึออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่เธอวางแผนว่าหลังจากนี้จะค่อย ๆ ล้างสมองเพื่อน รักกันเป็นแฟนกันก็ไม่เป็นไร  ชีวิตคนเราไม่ใช่ว่าเกิดมาเพื่อเสพสุขและตักตวงผลประโยชน์เข้าตัวเองหรอกเหรอ?


และอย่ายอมปล่อยตัวให้เขาง่าย ๆ   ไม่อย่างนั้นวันหลังเกิดเรื่องขึ้นมาต่อให้ร้องไห้ก็ไม่ทันแล้ว!


แต่ว่าเมื่อครู่การแสดงออกของผู้ชายคนนี้ก็ไม่เลวเลยทีเดียว ตอนที่กำลังตกอยู่ในอันตรายก็ให้เหมยเหมยหนีไปก่อน ไม่ได้เหมือนผู้ชายขี้ขลาดคนอื่น ๆที่สนใจแค่เพียงจะเอาชีวิตตัวเองให้รอด


แต่ก็แค่เพียงไม่เลวเท่านั้น วันหลังยังต้องรอสังเกตดูต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดก็คือผู้ชายคนนี้จะสามารถปีนไปถึงยอดสูงได้หรือไม่  สามารถปกป้องเหมยเหมยได้ไหม  ไม่อย่างนั้นเหมือนกับเหตุการณ์ในเย็นวันนี้  วันหน้าจะต้องเกิดเรื่องซ้ำรอยขึ้นอีก ถึงตอนนั้นก็คงจะไม่ได้โชคดีเช่นนี้อีกแล้ว!


พวกเขาสามคนกลับถึงบ้านตระกูลเซียว สองสามีภรรยาสตีฟเว่นเห็นท่าทางกระเซอะกระเซิงของพวกเธอต่างพากันตกใจยกใหญ่ ถามพวกเธออย่างร้อนใจว่าเกิดอะไรขึ้น เซียวเซ่อกลับไม่ได้พูดความจริงออกไป เธอไม่อยากให้พวกเขาตกใจ จึงทำได้แค่พูดหลีกเลี่ยงปัญหาว่าตอนที่พวกเขาเดินซื้อของอยู่เจอขโมย เธอเป็นคนที่ชอบทำในสิ่งที่ถูกต้องก็เลยมีการใช้กำลังกับขโมย


แน่นอนว่าผู้ใหญ่ที่ดูแลบ้านไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนัก แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาเตรียมว่าอีกครู่ค่อยไปถามคนขับรถ ดูสิว่าตกลงแล้วคุณหนูเล็กไปทำตัวเหลวไหลที่ไหนมา!


เหยียนหมิงซุ่นก็อยู่ที่บ้านตระกูลเซียวด้วย ไม่ได้กลับไปที่เกสต์เฮาส์ เขาไม่ค่อยวางใจให้เหมยเหมยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ เหมยเหมยต้มน้ำร้อนเพื่ออาบน้ำ รู้สึกดีขึ้นมาก ไม่ได้หวาดกลัวเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว


อีกทั้งเมื่อกี้ตอนที่ต้มน้ำอาบเธอขบคิดเรื่องมากมาย ถึงอย่างไรเสียเธอก็เป็นหลานสาวตระกูลจ้าว  ถึงแม้ว่าคุณปู่ของเธอจะไม่ได้มีอำนาจขนาดเอามือเดียวปิดฟ้าได้ แต่ก็ใช่ว่าจะหาเรื่องได้ง่ายดายขนาดนั้น เมื่อครู่ผู้ชายคนนั้นคงแค่ทำให้เธอตกใจกลัวเท่านั้นเอง


………………………………………


ตอนที่ 800 รู้สึกกลัวในภายหลัง


และเพราะสถานที่ที่เธอเจอกับผู้ชายคนนั้นคือที่สโมสร สถานที่ที่เป็นโลกใบเล็กอีกใบ  ต่อให้มีคนตายก็ไม่มีตำรวจคนไหนไปจัดการแน่  ผู้ชายคนนั้นคงไม่สนใจว่าเธอเป็นหลานสาวของใครอยู่แล้ว ถึงอย่างไรจะทำอะไรก็ไม่มีใครเห็น ถึงตอนนั้นมีคนตายแล้วไม่ยอมรับ หรือฆ่าเธอตายที่สโมสรก็ไม่มีใครรู้หรอก!


พอคิดถึงความเป็นไปได้เช่นนี้ขึ้นมา หลังของเหมยเหมยก็มีเหงื่อเย็นผุดไหลซึมออกมา ยิ่งดีใจที่บังเอิญเหยียนหมิงซุ่นปรากฎตัวขึ้นที่นั่น ที่แท้พี่หมิงซุ่นก็เป็นจอมยุทธ์ที่สวรรค์ส่งลงมาช่วยเธอจริง ๆ !


เหมยเหมยยังคิดได้ถึงความเป็นไปได้อีกอย่าง  ผู้ชายคนนั้นต้องมีความแค้นกับตระกูลจ้าวแน่นอน เธอไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนที่ได้ยินชื่อของคุณปู่แล้วจะเผยแววตาที่เหยียดหยามและโกรธแค้นมาก่อน


เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้ต่อให้ไม่มีความแค้นกับตระกูลจ้าวก็คงเป็นศัตรู เหมยเหมยคิดอย่างปลอบใจตัวเอง ขอเพียงแค่เธอไม่ไปที่สโมสรก็คงจะไม่เจอกับผู้ชายคนนั้นอีก อีกทั้งเธอก็ใกล้จะกลับเมืองจินแล้ว  คงไม่มีทางเจอหน้าผู้ชายคนนี้เข้าไปใหญ่ ไม่มีปัญหาแน่นอน เบาใจได้


คุณป้าซูซือทำขนมพุดดิ้งแสนอร่อยเพื่อปลอบขวัญพวกเธอ แถมยังอบพวกขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกด้วย ของที่อร่อยมักจะสามารถปลอบใจได้เสมอ  หลังจากกินพุดดิ้งและขนมที่แสนอร่อยไป เหมยเหมยและเซียวเซ่อก็สงบลงมาเยอะมาก


เหยียยหมิงซุ่นนึกถึงเหตุการณ์ที่ก่อนหน้านั้นที่ได้พบกับโอหยางปินในห้อง จึงลองถามเหมยเหมยดู เพียงแต่เหมยเหมยก็ยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ที่เมืองหลวงมากนัก  เซียวเซ่อยังรู้เรื่องชัดเจนมากกว่าหน่อย


“แซ่โอหยางในเมืองหลวงและยังมีคุณสมบัติไปสโมสรได้ ก็มีเพียงแค่ตระกูลนั้นแหละ โอหยางปินน่าจะเป็นหลานชายคนโตของตระกูลโอหยาง  เจ้าหมอนี่ไม่ใช่คนดีอะไร”  ในตาของเซียวเซ่อมีแต่ความรังเกียจ เมื่อก่อนเธอเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับโอหยางปินมาก่อน เป็นสวะที่น่าสะอิดสะเอียนมากคนหนึ่ง


เหมยเหมยถามอย่างไม่แน่ใจ “โอหยางปินและหวงอวี้เหลียนมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างไรเหรอ?”


เซียวเซ่อส่ายหัว “ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ลูกชายของหวงอวี้เหลียน”


เหมยเหมยถลึงตาใส่อย่างหงุดหงิด หวงอวี้เหลียนมีลูกสาวเพียงแค่คนเดียวก็คือโอหยางซานซาน จะมีลูกชายโตขนาดนี้ได้ไงกัน?


เธอนึกได้ถึงความเป็นไปได้อีกอย่าง “หรือว่าจะเป็นลูกเลี้ยงของหวงอวี้เหลียน? เมื่อก่อนฉันเคยได้ยินคุณย่าเล่า ดูเหมือนสามีตอนนี้ของหวงอวี้เหลียนเดิมทีมีลูกชายสองคน อายุก็เยอะพอสมควร”


เซียวเซ่อพยักหน้าพูดว่า “ก็มีความเป็นไปได้ โอหยางเซี่ยงหมิงอายุเยอะกว่าหวงอวี้เหลียนเป็นสิบกว่าปี ลูกของเขาน่าจะห่างกับหวงอวี้เหลียนไม่มากเท่าไร”


เหยียนหมิงซุ่นใจเต้น มีความเป็นไปได้มากที่โอหยางปินและหวงอวี้เหลียนจะมีความสัมพันธ์เป็นแม่เลี้ยงและลูกเลี้ยงกันได้ ถึงอย่างไรก็คงไม่มีลูกชายคนไหนจะทำกับแม่แท้ ๆของตัวเองแบบนั้นหรอกจริงไหม?


นึกถึงสีหน้าท่าทางที่สวยสง่าหยิ่งผยองของหวงอวี้เหลียน เหยียนหมิงซุ่นก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจ ผู้หญิงพวกนี้มักจะเป็นแบบนี้เสมอ ด้านนอกดูสวยเพียบพร้อมใจกว้าง แต่ความจริงกลับเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจ น่ารังเกียจยิ่งกว่าโสเภณีเสียอีก ตัวอย่างก็เช่น หวงอวี้เหลียน และถานซูฟางแม่เลี้ยงตัวดีของเขา


เหมยเหมยสังเกตเห็นถึงความผิดปกติในใจของเหยียนหมิงซุ่น  จึงรีบถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น เหยียนหมิงซุ่นพูดเลี่ยงไปว่า “ไม่มีอะไร เพียงแค่ก่อนหน้านั้นเจอกับคน ๆนี้ที่สโมสร  รู้สึกได้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร เลยลองถามดู”


เรื่องผิดศีลธรรมน่ารังเกียจแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องเล่าให้เหมยเหมยฟัง  เพื่อเลี่ยงไม่ให้เรื่องแปดเปื้อนพวกนี้เข้าหูของเธอ


ผู้ชายในสโมสรคนนั้นถูกลูกน้องพากลับไปห้องพิเศษของเขา  เรื่องนี้ทำเอาพี่เฉิงตกใจอยู่พอสมควร เพราะบอดี้การ์ดของสโมสรมารายงานกับเขา ทิเบตันแมสติฟฟ์สี่ตัวที่คอยดูแลคฤหาสน์โดนคนฆ่าตายแล้ว ทิเบตันแมสติฟฟ์สี่ตัวนี้เป็นของรักของหวงของคุณหนูใหญ่เฝิง ตั้งใจหาคนมาทำหน้าที่ดูแลเป็นพิเศษ ตอนนี้ดันตายอย่างไม่มีสาเหตุ พวกบอดี้การ์ดต้องตื่นตระหนกเป็นธรรมดาอยู่แล้ว


พี่เฉิงทำแค่เพียงมองบาดแผลของทิเบตันก็รู้เลยว่าใครทำ ในสโมสรไม่มีใครกล้าลงมือ นอกจากเฮ่อเหลียนเช่อ ผู้ชายที่แม้แต่คุณหนูใหญ่เฝิงก็ยังไม่กล้าเข้าไปวุ่นวายด้วย


…………………………………….


 ตอนที่ 801 เฮ่อเหลียนเช่อ


ดาบยาวคล้ายใบต้นหลิวกับแส้หนังเป็นของคู่กายเฉพาะตัวของเฮ่อเหลียนเช่อ แต่ตอนนี้ดาบนั้นกลับอยู่บนตัวสุนัขพร้อมกับแส้หนังที่ขาดเป็นหลายท่อนกระจัดกระจายอยู่บนพื้น  และมีร่องรอยของการต่อสู้อยู่


พี่เฉิงรู้ทันทีว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว และเมื่อเขาเห็นชายหนุ่มที่ตัวแข็งทื่อราวกับท่อนไม้ก็รู้สึกชาวาบไปจนถึงหนังศีรษะ แม้เขาจะอยากหัวเราะมากเพียงใดแต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะหัวเราะออกมาได้ หากเฮ่อเหลียนเช่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นที่คลับจริงๆ คุณหนูใหญ่เฝิงก็คงหนีไม่พ้น


ในเมื่อเขาไม่มีอำนาจตัดสินเรื่องของเฮ่อเหลียนเช่อโดยพลการจึงรีบแจ้งไปยังคุณหนูใหญ่เฝิง คุณหนูใหญ่เฝิงจึงรีบมาหาโดยทันที เธอในตอนนี้ยังไม่รู้ว่าลูกสาวของตนมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องในคืนนี้


ภูมิคุ้มกันในร่างกายของเฮ่อเหลียนเช่อเริ่มออกฤทธิ์ สามชั่วโมงหลังจากนั้นยาพิษในร่างกายของเขาก็ค่อยๆ จางหายไป แม้จะผ่านมาครึ่งค่อนคืนแล้วแต่ภายในคลับยังคงเปิดไฟหลากสีชวนให้ตาพร่า


คุณหนูใหญ่เฝิงเชิญคุณหมอมาตรวจร่างกายให้เฮ่อเหลียนเช่อ พบว่าไม่เป็นอะไรมากมีเพียงแค่แผลถลอกไม่กี่ที่เท่านั้น คุณหมอต้องการที่จะทำแผลให้เขาแต่กลับถูกเฮ่อเหลียนเช่อไล่ไปอย่างไม่สบอารมณ์


เฝิงไห่ถังพูดหยอก “คุณชายเช่ออยากกินเนื้อหมาก็บอกฉันสิ ฉันจะได้สั่งให้คนไปซื้อเนื้อหมาดำไร้ขนแถบชนบทแล้วทำเป็นอาหารเสิร์ฟให้ถึงหน้าคุณชายเช่อเลย หมาพันธุ์ทิเบตันของฉันทั้งหนังหนาหยาบและเนื้อเหนียว รสชาติไม่ดีเลยสักนิด คุณชายเช่อไม่เห็นต้องเปลืองแรงตัวเองเลย!”


เฝิงไห่ถังเองก็ไม่พอใจนัก เพราะสุนัขพันธุ์ทิเบตันสี่ตัวนั่นเป็นสุนัขที่ถูกลูกสาวเธอฝึกมาเป็นอย่างดีแล้วมอบเป็นของขวัญให้เธอ หากเซ่อเซ่อรู้เข้าว่าพวกมันถูกฆ่าตาย ไม่รู้ว่าจะต้องทะเลาะอะไรกับเธออีก!


เฮ่อเหลียนเช่อมองเฝิงไห่ถังอย่างเกรี้ยวกราดแล้วแค่นเสียงหัวเราะ “งั้นเธอคงต้องถามลูกสาวตัวดีของเธอดูแล้วละ!”


เฝิงไห่ถังยิ้มค้างไปราวสามวินาทีก่อนจะกลับมายิ้มเบิกบานอีกครั้ง “คุณชายเช่อหมายความว่ายังไง? ลูกสาวฉันไปทำอะไรให้คุณชายเช่อไม่พอใจอย่างนั้นเหรอ? เธอก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น อีกอย่างเธอก็เป็นเด็กดีนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่บ้าน ยังไงก็ไม่มีทางไปหาเรื่องคุณชายเช่อได้หรอก!”


เฮ่อเหลียนเช่อยิ้มฉาบหน้า “คุณหนูใหญ่เฝิงไม่รู้จักลูกสาวตัวเองเลยจริงๆ สินะ เป็นเด็กดีอ่านหนังสืออยู่บ้านงั้นเหรอ? แล้วเมื่อกี้คนที่ปล่อยหมามากัดฉันคือผีหรือไง?”


เฝิงไห่ถังใจหล่นไปถึงตาตุ่ม แต่รอยยิ้มยังคงเคลือบอยู่บนใบหน้าเหมือนเดิม ทำเพียงแค่หันหน้าส่งสายตาสงสัยไปทางพี่เฉินว่าเกิดอะไรขึ้น?


พี่เฉิงเองก็ไม่รู้รายละเอียดเลยเรียกลูกน้องมาถามว่าพวกเขาเห็นคุณหนูมาที่คลับหรือไม่ ลูกน้องต่างส่ายศีรษะเป็นเชิงว่าไม่เคยเห็นคุณหนูมาที่คลับมาก่อน


เฝิงไห่ถังเบาใจลงเล็กน้อยพลางยิ้มกล่าว “คุณชายเช่อเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ลูกสาวฉันจะมาที่แบบนี้ได้ยังไง?”


เฮ่อเหลียนเช่อเองก็เริ่มสับสน หรือว่ายัยเด็กสองคนเมื่อกี้หลอกเขา?


เนื่องจากสารพิษในตัวเขายังขจัดออกไปไม่หมด จึงทำให้ปฏิกิริยาตอบสนองของเขาช้ากว่าปกติ มิหนำซ้ำยังงงหนักกว่าเดิมเพราะเฝิงไห่ถัง และด้วยสภาพร่างกายที่เหนื่อยล้าเลยเลิกคิดที่จะตามเรื่องนี้อีก


ส่วนสุนัขพันธุ์ทิเบตันสี่ตัวนั่นเฮ่อเหลียนเช่อแสดงความรับผิดชอบโดยจะคัดสรรสุนัขพันธุ์ทิเบตันสี่ตัวด้วยตัวเองมาส่งให้ แน่นอนว่าเฝิงไห่ถังไม่มีทางกล้าที่จะไล่บี้เอาเรื่องกับเขาอีก ได้แต่แสร้งเป็นใบ้ยอมรับไปตามนั้น


อีกอย่างความจริงเธอก็นึกสงสัยในตัวลูกสาวของเธอ เพราะไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเธอว่าสุนัขพันธุ์ทิเบตันทั้งสี่จะฟังคำสั่งของลูกสาวเธอเพียงคนเดียว คนอื่นไม่มีทางออกคำสั่งได้ เฮ่อเหลียนเช่อบอกว่าผู้หญิงคนนั้นสั่งให้สุนัขจู่โจมเขา มีความเป็นไปได้ว่าคนนั้นก็คือเซ่อเซ่อ


เฝิงไห่ถังเองก็หมดอารมณ์จะต่อปากต่อคำกับเฮ่อเหลียนเช่อ เธอแค่อยากรีบกลับบ้านเซียวเพื่อถามเซียวเซ่อเองกับปากว่าเกิดอะไรขึ้น!


เฮ่อเหลียนเช่อเป็นคนแบบไหน ไม่มีใครในเมืองหลวงที่รู้ดีไปกว่าเธอ เฝิงไห่ถังเป็นกังวลมากเพราะลูกสาวเธอมีรูปลักษณ์เป็นที่ถูกใจของเฮ่อเหลียนเช่อพอดี เธอถึงห้ามลูกสาวมาคลับแห่งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับคนสารเลวพรรค์นี้ แต่ตอนนี้…


…………………………


ตอนที่ 802 ยอมรับมาแต่โดยดี   


ตกดึกเหมยเหมยหลับไม่สนิทเพราะฝันร้ายทั้งคืน ในฝันมีแต่ใบหน้าที่น่าสะอิดสะเอียนของผู้ชายคนนั้น  รวมถึงมือที่เปรียบดังงูคู่นั้นของเขาที่เลื้อยไปมาบนตัวเธอ…


พระอาทิตย์ยังไม่ทันโผล่พ้นขอบฟ้าเธอก็ตื่นขึ้นแล้วก็หลับต่อไม่ลงอีก จึงไปยังสวนหลังบ้านทั้งที่ยังใส่ชุดนอนอยู่ อยากที่จะสูดอากาศสดชื่นเข้าปอดเสียหน่อยเพื่อให้ตัวเองมีสติมากกว่านี้ แต่เธอกลับพบว่าในสวนหลังบ้านมีคนอยู่ก่อนแล้ว


เฝิงไห่ถังในชุดแดงทั้งตัวกำลังนั่งสูบบุหรี่บนชิงช้า ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ เสื้อผ้าหน้าผมเต็มไปด้วยหยาดน้ำค้าง ดูท่าเธอจะนั่งอยู่ในสวนดอกไม้ทั้งคืน


เหมยเหมยรีบเข้าไปทักทาย เฝิงไห่ถังขยับตัวเว้นที่ให้เธอมานั่งบนชิงช้าก่อนจะดับบุหรี่แล้วยิ้มให้เธอ “ทำไมเหมยเหมยตื่นเช้าขนาดนี้?”


“นอนไม่หลับเลยมาเดินเล่นค่ะ น้าเฝิงทำไมไม่นอนละคะ?” เหมยเหมยถาม


“ฉันก็นอนไม่หลับ”


เฝิงไห่ถังยักไหล่พลางหยิบขวดไวน์แดงกับแก้วไวน์ข้างกายขึ้นเทครึ่งแก้วแล้วจิบช้าๆ เหมยเหมยมุ่นคิ้ว ความเคยชินการใช้ชีวิตของคุณหนูใหญ่เฝิงแย่จริงๆ  ทั้งโต้รุ่ง สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า…


ถึงแม้ว่าจะทำร้ายตัวเองขนาดนี้แต่กลับยังดูสาวและสวยได้ พระเจ้าช่างใจดีกับเธอเสียจริง!


“น้าเฝิง ดื่มเหล้าตอนท้องว่างไม่ดีต่อกระเพาะนะคะ เดี๋ยวหนูไปเอาของกินมาให้นะ!” เหมยเหมยลุกขึ้นเตรียมไปห้องครัวแต่ถูกเฝิงไห่ถังรั้งตัวไว้


“ไม่เป็นไร ฉันชินแล้ว เหมยเหมยนั่งลงก่อน ฉันมีเรื่องจะถามเธอ”


เหมยเหมยหดคอลงอย่างใจแป่ว เธอรู้อยู่แล้วว่าเรื่องเมื่อคืนต้องปิดเฝิงไห่ถังไม่ได้แน่นอน ตอนนี้ถึงได้มาถามหาความจริงอยู่นี่ไง เฝิงไห่ถังเห็นท่าทางของเหมยเหมยใจก็ยิ่งหนักอึ้ง แต่เธอถามต่ออย่างไม่ลังเลว่า “เมื่อคืนเธอกับเซ่อเซ่อไปที่สโมสรมาใช่ไหม ?”


เหมยเหมยพยักหน้าอย่างซื่อสัตย์และพูดเสียงเบา “น้าเฝิง หนูให้เซ่อเซ่อพาหนูไปเองไม่เกี่ยวกับเซ่อเซ่อเลย อย่าโทษเธอเลยนะคะ!”


เฝิงไห่ถังถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอในตอนนี้กลับไม่ดูลนลานเท่าก่อนหน้านี้แล้ว  ในเมื่อเรื่องก็เกิดขึ้นแล้วต่อให้กระวนกระวายแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์ อีกอย่างเธอไม่ใช่คนใจดี หากเฮ่อเหลียนเช่อจะทำอะไรเซ่อเซ่อจริงๆ ก็อย่าโทษเธอแล้วกัน อย่างมากก็แค่สู้กันให้ตายกันไปข้าง!


“พวกเธอเข้าไปได้อย่างไร?”


เฝิงไห่ถังรู้สึกแปลกใจ ยามหน้าประตูสโมสรยังไม่เห็นเซ่อเซ่อกับเหมยเหมยเข้าไปเลย แล้วยัยหนูสองคนนี้แฝงตัวเข้าไปได้อย่างไร?


เธอยังเชื่อในความสามารถของพี่เฉิง อาจจะไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แต่ก็เข้มงวดไม่น้อย คิดจะหาทางแฝงตัวเข้าไปไม่ได้ง่ายขนาดนั้น


ภายใต้สายตาแหลมคมของคุณหนูใหญ่เฝิง เหมยเหมยไม่กล้าจะปิดบังแม้แต่น้อยเลยสารภาพเรื่องทางเข้าลับๆ ของเซียวเซ่อไปจนหมดเปลือก เฝิงไห่ถังทั้งโกรธทั้งขำ ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าต้องไปอุดช่องขนาดเท่าลูกหมานั่นทันทีที่กลับไป


มิน่าพวกยามถึงไม่สังเกตเห็น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเซ่อเซ่อเคยเข้าไปกี่ครั้งแล้ว!


“เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? เหมยเหมยบอกความจริงกับน้ามา” เฝิงไห่ถังถามอีก


เหมยเหมยไม่กล้าปิดบังเลยเล่าเรื่องที่พวกเธอเจอเฮ่อเหลียนเช่อไปทั้งหมด แต่ก็มีบางจุดที่ยากจะเอ่ยปากออกมาได้เลยไม่ได้เล่าละเอียดมากนัก แต่เฝิงไห่ถังเป็นใครกัน แค่ฟังหน่อยเดียวก็รู้ทุกอย่างแล้ว ซึ่งไม่ต่างจากที่เธอคาดไว้เท่าไรจึงอดกลั้นอารมณ์โกรธไว้ไม่ได้


สารเลวเฮ่อเหลียนเช่อชักจะเหิมเกริมไปแล้ว กล้าหยามกันในที่ของเธอ  แถมอีกฝ่ายเป็นถึงลูกสาวและคนที่เสมือนหลานสาวของเธอ จะเกินไปแล้วจริงๆ!


คิดว่าในเมืองหลวงแห่งนี้เขาใหญ่ที่สุด? หลงตัวเองเกินไปแล้ว!


เฝิงไห่ถังถามที่มาที่ไปของเหตุการณ์ทั้งหมด แม้ยังกังวลอยู่บ้างแต่ก็เบาใจลงไม่น้อย แต่เธอเองก็ยังแปลกใจเช่นกันว่าใครกันแน่ที่ทำเอาเฮ่อเหลียนเช่อปางตายขนาดนั้น?


เมื่อคืนเกือบจะทำให้เธอหลุดขำอยู่แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเฮ่อเหลียนเช่อในสภาพโทรมขนาดนั้น!


…………………….


ตอนที่ 803 ปากแข็ง


เฝิงไห่ถังถามเหมยเหมยว่าเกิดอะไรขึ้น เหมยเหมยครุ่นคิดสักพักจึงตัดสินใจว่าจะไม่บอกความจริงทั้งหมด เธอยื่นฉาฉาตรงข้อมือออกไป “ฉาฉาของหนูเป็นคนกัด น้าเฝิง ผู้ชายคนนั้นไม่เป็นไรใช่มั้ย?”


“ไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก เหมยเหมย เรื่องเมื่อคืนเธอต้องเล่าให้คุณปู่เธอฟังอย่างละเอียดเลยนะ ห้ามคิดปิดบังแม้แต่น้อย จำที่น้าพูดไว้นะ?” เฝิงไห่ถังย้ำเตือน


เหมยเหมยพยักหน้ารับ ถึงเฝิงไห่ถังไม่กำชับกับเธอ เดิมทีเธอก็คิดจะบอกเรื่องนี้ให้คุณปู่รู้อยู่แล้ว ในเมื่อเฮ่อเหลียนเช่อนั่นน่ากลัวมากจริงๆ หากเป็นคู่อริทางการเมืองของคุณปู่ก็ควรให้คุณปู่ได้ระวังตัวไว้ก่อน


เฝิงไห่ถังพึงพอใจกับเหมยเหมยที่เชื่อฟังเธอเป็นอย่างมาก และก็รู้สึกเสียใจขึ้นมานิดหน่อย หากเซียวเซ่อเป็นเด็กดีเหมือนเหมยเหมยเธอคงสบายใจมากกว่านี้


แต่พอเธอหวนคิดกลับไป สมัยวัยรุ่นเธอเองก็ไม่ใช่เด็กดีเท่าไร มีสิทธิ์อะไรร้องขอให้ลูกสาวเป็นเด็กดียอมเชื่อฟัง?


เป็นอย่างตอนนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยขอแค่เซ่อเซ่อมีความสุขก็พอ เฝิงไห่ถังไม่รอจนลูกสาวตื่นเธอยกแก้วไวน์ในมือดื่มรวดเดียว อีกทั้งยังให้เหมยเหมยช่วยเกลี้ยกล่อมเซียวเซ่อว่านับจากนี้ไปอย่าไปเที่ยวที่คลับอีก


เธอไม่ได้พูดอะไรอีกเดินจากไปด้วยรองเท้าส้นสูง แผ่นหลังนั้นดูคล้ายเซียวเซ่อเล็กน้อย และไม่ได้ดูร่าเริงเหมือนปกติ


ไม่นานเซียวเซ่อก็ตื่นเพื่อเตรียมมาออกกำลังกายตอนเจ็ดโมงตรง ทำแบบนี้เป็นประจำทุกวันเหมือนเหยียนหมิงซุ่น เรื่องอื่นๆ ยัยคนนี้ค่อนข้างจะปล่อยตัว มีเพียงการออกกำลังกายยามเช้าสิ่งเดียวเท่านั้นที่เธอทำมาตลอดแทบจะสิบปีแล้ว


แต่วิธีออกกำลังกายของเซียวเซ่อแตกต่างไปจากเหยียนหมิงซุ่น วิธีของเธอนั้นค่อนข้างดูดีกว่าเพราะเธอมีห้องออกกำลังกายโดยเฉพาะ ด้านในมีเครื่องออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบดูครบครันกว่ายิมออกกำลังกายด้วยซ้ำ เป็นห้องที่คุณหนูใหญ่เฝิงทำไว้ให้เซียวเซ่อเป็นพิเศษ


เหมยเหมยหาเซียวเซ่อที่ตัวชุ่มเหงื่อเจอในห้องออกกำลังกาย เธอบอกเรื่องที่คุณหนูใหญ่เฝิงมาหา เซียวเซ่อกลับตอบรับเสียงเรียบเป็นเชิงว่าเธอรู้แล้ว


“เซ่อเซ่อ น้าเฝิงให้ฉันบอกกับเธอว่า หลังจากนี้อย่าไปที่คลับอีก” เหมยเหมยพูดกล่อมน้ำเสียงใจเย็น


เซียวเซ่อแค่นเสียงใส่ “มีสิทธิ์อะไรไม่ให้ฉันไป? เธอกับฉันต่างก็มีขา ฉันอยากไปเมื่อไหร่ก็ไปเมื่อนั้นแหละ!”


เหมยเหมยคาดไว้ล่วงหน้าแล้วว่ายัยคนนี้จะต้องพูดแบบนี้เลยจงใจพูดกระตุ้นให้เธอโกรธ “ถึงเธอไปก็เข้าไม่ได้ น้าเฝิงบอกว่าเดี๋ยวจะปิดช่องนั่นแล้ว”


เซียวเซ่อโกรธจนตาเบิกกว้าง นึกเสียใจที่เพื่อนอ่อนแอแบบนี้ “เธอบอกเส้นทางลับของฉันให้เขาทำไม? สมองเธอเป็นอะไรไปแล้ว?”


“น้าเฝิงถามฉันเอง จะให้ฉันโกหกก็ไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ?” เหมยเหมยเถียงคอเป็นเอ็นและทำท่าทางเหมือนว่าตัวเองไม่ได้เป็นฝ่ายผิด


เซียวเซ่อไม่อยากสนใจเธอด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีรูนั่นเธอก็ไม่มีทางเข้าไปได้จริงๆ เมื่อเหมยเหมยเห็นสีหน้าย่ำแย่ของเซียวเซ่อก็พูดกล่อม “น้าเฝิงเขาหวังดีกับเธอ ผู้ชายคนเมื่อวานไม่ใช่คนธรรมดา น้าเฝิงบอกว่าเขาเป็นแขกประจำของคลับชื่อเฮ่อเหลียนเช่อ มีอิทธิพล น้าเฝิงไม่ให้เธอไปคลับเพราะกลัวจะเจอเฮ่อเหลียนเช่อเข้าอีก”


เซียวเซ่อรู้ถึงความหวังดีของเฝิงไห่ถังดี เธอก็แค่แสดงปฏิกิริยาตอบโต้ไปเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเฝิงไห่ถังหรือเซียวจิ่งหมิง เธอก็จะคัดค้านต่อต้านพวกเขา จะให้เธอไปทิศตะวันออกเธอจะไปทิศตะวันตก ไม่ให้เธอทำสิ่งนี้ เธอก็จะทำมัน!


เด็กวัยต่อต้านล้วนมีพฤติกรรมเช่นนี้ ดีที่เซียวเซ่อไม่ใช่เด็กดื้อรั้นขนาดนั้น ถึงปากจะพูดค้านเฝิงไห่ถัง แต่ใจกลับมีขอบเขตรู้ว่าอะไรควรไม่ควร


“เรื่องนี้ไม่เห็นต้องพูด คิดว่าฉันโง่หรือไง?” เซียวเซ่อกลอกตาใส่เหมยเหมยแวบหนึ่งและหันหลังอย่างไม่สบอารมณ์ให้เธอ


เหมยเหมยเบะปากใส่เธออย่างโมโหไปที ปากแข็ง นิสัยเหมือนสยงมู่มู่ไม่มีผิด!


…………………..


ตอนที่ 804 ความเข้าใจผิดของเฮ่อเหลียนเช่อ


เฮ่อเหลียนเช่อกลับไปที่พักของตัวเองและเริ่มได้สติกลับคืนมาช้าๆ หวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ความจำของเขาเป็นเลิศ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานเขาจำมันได้ทุกรายละเอียด


เซียวเซ่อเป่านกหวีดครู่เดียวสุนัขทั้งสี่ตัวก็กระโจนเข้าใส่เขา เห็นได้ชัดว่าสุนัขเชื่อฟังคำสั่งของเซียวเซ่อ นั่นเท่ากับว่าเด็กสาวที่ทำให้เขาหวั่นไหวมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นลูกสาวของเฝิงไห่ถัง เฝิงไห่ถังอย่าคิดจะหลอกเขาเสียให้ยากเลย


แม้เฮ่อเหลียนเช่อจะสนใจในตัวของเซียวเซ่อไม่น้อยแต่เขาก็ต้องอดทนไว้ สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ควรจะสร้างศัตรูให้มาก ตอนนี้ตั้งใจรับมือกับตระกูลพวกนั้นก่อน รอจัดการตระกูลพวกนั้นได้อยู่หมัดแล้ว จะให้เฝิงไห่ถังถวายตัวลูกสาวมาให้เขาแต่โดยดี


เขาลูบแผลตรงแขนเบาๆ สายตาเย็นยะเยือกขึ้นกว่าเดิม เงาสีขาวและแสงสีเขียวเมื่อคืนเขาเองก็จำมันได้ดี เพียงแต่กลางคืนเห็นได้ไม่ค่อยชัดเท่าไรนัก เงาสีขาวดูเหมือนจะเป็นหนูส่วนแสงสีเขียวกลับไม่รู้ว่าคืออะไร


เฮ่อเหลียนเช่อคิดว่าอาจจะเป็นอาวุธลับของจ้าวเหมย และสิ่งที่ดึงความสนใจเฮ่อเหลียนเช่อได้นั้นคือพิษในอาวุธลับนั่น


ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาคิดเสมอว่าไม่มีพิษไหนที่จะทำอะไรเขาได้ และยิ่งไม่คิดว่าบนโลกใบนี้จะยังมีพิษที่สามารถล้มตัวเขาลงได้ สิ่งนี้ทำให้เฮ่อเหลียนเช่อเริ่มรู้สึกถึงความอันตราย เขาต้องตามหามันให้ได้ว่ามันคือพิษอะไร เขาไม่ยอมให้มีสิ่งใดในโลกนี้เอาชนะเขาได้–และรวมไปถึงคนด้วย


นอกจากนั้นเจ้าหนูตัวขาวนั่นก็น่าสนใจ   คิดไม่ถึงว่าจะกัดแส้หนังของเขาจนขาดได้ แส้หนังของเขาทำมาจากหนังจระเข้แถมยังผ่านกระบวนการมากมาย แม้แต่ใบมีดยังกรีดไม่เข้า แต่เมื่อคืนเจ้าหนูสีขาวนั่นกลับกัดแส้หนังของเขาขาดได้อย่างง่ายดาย ฟันคมใช้ได้ทีเดียว


เฮ่อเหลียนเช่อเกิดสนใจในตัวฉิวฉิวขึ้นมา ดีที่ตอนนี้เขายังคิดไม่ถึงว่าความจริงของตัวการสำคัญที่ทำให้เขาชาไปทั้งตัวนั่นคือพิษอันดับหนึ่งในโลกของคุณชายฉิว  พิษของฉาฉา ยังอ่อนไปจึงไม่ค่อยมีผลกับเฮ่อเหลียนเช่อมากนัก


หากให้เฮ่อเหลียนเช่อรู้ความจริงเข้า ด้วยนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นของเขา ฉิวฉิวต้องประสบกับอันตรายแน่ๆ รวมไปถึงเหมยเหมยเองก็ด้วย


หลังทานมื้อเช้าที่บ้านเซียวเซ่อเหมยเหมยก็กลับบ้านตระกูลจ้าว เหยียนหมิงซุ่นพาเธอมาส่งถึงประตูหน้าบ้านก่อนจะกลับที่พักแถมยังย้ำเตือนให้เหมยเหมยว่าช่วงนี้อย่าออกจากบ้านเพียงลำพัง


เหมยเหมยที่กลับมาถึงบ้านตัวเองก็พรูลมหายใจยาว สบายใจได้สักที แม้จะต้องเจอกับคุณย่าก็ยังรู้สึกอุ่นใจกว่ามาก สยงมู่มู่กับเจ้าอ้วนน้อยต่างอยู่บ้านกันทั้งคู่ ทันทีที่เห็นเหมยเหมยก็กรูเข้ามาเพื่อถามถึงบทความนั่นว่าเป็นอย่างไรบ้าง


“บรรณาธิการบอกว่าเขียนได้ดีไม่น้อย เธอปรับแก้ให้นิดหน่อย แล้วให้เสี่ยวเชาลองเกลาดูอีกที สัปดาห์หน้าน่าจะตีพิมพ์ลงนิตยสารได้ ส่วนค่าจ้างให้ร้อยตัวอักษรต่อหนึ่งหยวนไปก่อน อนาคตถ้าเขียนได้มากค่อยเพิ่มให้”


เหมยเหมยยื่นบทความหลังผ่านการปรับแก้ของบรรณาธิการให้เจ้าอ้วนน้อยที่ตาเป็นประกายลุกวาว


เจ้าอ้วนใช้เวลาพักใหญ่ถึงเข้าใจคำพูดของจ้าวเหมยได้ทั้งหมด ยกนิ้วป้อมๆ ขึ้นมานับอยู่ครู่หนึ่งแถมปากยังพึมพำไม่หยุด “หนึ่งร้อยตัวต่อหนึ่งหยวน ฉันเขียนไปหนึ่งพันห้าร้อยตัว ทั้งหมดเท่าไหร่นะ? หนึ่งหยวนห้าสิบสตางค์? ไม่สิ สิบหยวนห้าสิบสตางค์? ไม่ถูกเหมือนกัน…”


สยงมู่มู่ได้ยินแล้วก็โมโห ตวัดฝ่ามือตบลงไปพลางตะคอกเสียงดัง “เจ้าหมูโง่ หนึ่งร้อยตัวต่อหนึ่งหยวน เอาไปคูณสิบห้าก็พอไม่ใช่หรือไง ค่าจ้างนายทั้งหมดก็คือสิบห้าหยวน!”


เจ้าอ้วนน้อยจ้องตาค้าง หันไปทางสยงมู่มู่อย่างซาบซึ้งใจ ก่อนจะกระโดดโลดเต้นอย่างตื่นเต้นหลังผ่านไปพักหนึ่งจึงตะโกนเสียงดัง “สิบห้าหยวน ฮ่าฮ่า ฉันหาเงินเองได้แล้ว!”


เหมยเหมยเข้าใจอารมณ์ในขณะนี้ของเจ้าอ้วนน้อยเป็นอย่างดี ครั้งแรกที่เธอหาเงินได้ด้วยตัวเองก็เหมือนเจ้าอ้วนน้อยในตอนนี้นั่นแหละ ความรู้สึกดีใจปนตื่นเต้นยากจะหาคำพูดอธิบายได้


“เสี่ยวเชาพยายามเขียนเข้านะ ไม่แน่อนาคตนายอาจจะได้ตีพิมพ์หนังสือของตัวเองก็ได้!” เหมยเหมยพูดให้กำลังใจ


……………………….


 ตอนที่ 805 กินจนอ้วก


เจ้าอ้วนน้อยลูบศีรษะกลมๆของตัวเองอย่างเคอะเขิน “ฉันยังไม่เคยคิดที่จะเขียนหนังสือเลย ขอแค่หาเงินได้ก็พอ คราวหลังจะได้ไม่ต้องขอเงินค่าขนมจากแม่อีก แล้วยังช่วยแบ่งเบาภาระของแม่ฉันได้ด้วย”


“นายยังไม่เคยลองจะรู้ได้ไงว่าตัวเองทำไม่ได้ บรรณาธิการเองก็บอกแล้วว่านายเขียนบทความได้ดี แค่ขยันเขียนลงบ่อยๆ อนาคตนายต้องได้ตีพิมพ์หนังสือของตัวเองได้แน่ๆ ถึงตอนนั้นนายก็คือนักเขียนแล้วนะ” เหมยเหมยพูดชมไม่หยุด


เจ้าอ้วนน้อยตาเป็นประกายลุกวาวพยักหน้าไม่หยุด คำพูดให้กำลังใจจากเพื่อนช่วยสร้างความมั่นใจแก่เขาเป็นอย่างดี เขาเชื่อว่าตัวเองจะต้องทำได้แน่!


สยงมู่มู่รู้สึกอิจฉามากแต่เขาไม่ได้ริษยาเลยสักนิด ความสำเร็จของเพื่อนช่วยกระตุ้นเขา เขาเองก็ต้องตั้งใจแต่งเพลง ไม่อย่างนั้นอนาคตเขาจะด่าเจ้าอ้วนน้อยว่าเจ้าโง่ได้อย่างไรอีก ขายหน้าจะตายชัก!


“ใช่แล้ว ฉันตั้งชื่อนามปากกาให้นายด้วยนะ เรียกว่าคุณชายน่าหลาน” เหมยเหมยเอ่ยปากพูดอย่างไม่ใส่ใจ


สยงมู่มู่ชี้ไปที่เจ้าอ้วนน้อยแล้วหัวเราะเสียงดัง “คุณชายน่าหลาน? โอ๊ย ตลกมาก ฝาโลงของน่าหลานชิ่งเต๋อจะปิดไม่ลงอยู่แล้ว!”


เดิมทีเจ้าอ้วนน้อยก็ออกจะเขินๆ หน่อยแต่เห็นเพื่อนหัวเราะเยาะขนาดนี้ก็นึกโกรธขึ้นมาเหมือนกัน พูดกระแทกเสียงใส่อย่างไม่สบอารมณ์ “ทำไมจะเรียกคุณชายน่าหลานไม่ได้? นายไม่เคยเห็นสักหน่อยว่าน่าหลานชิ่งเต๋อหน้าตาเป็นยังไง? ไม่แน่อาจดูดีไม่เท่าฉันด้วยซ้ำ!”


สยงมู่มู่กลั้นหัวเราะพลางพยักหน้าหงึกหงัก “นายพูดมีเหตุผล น่าหลานชิ่งเต๋อไม่ดูดีเท่านายหรอก”


เจ้าอ้วนน้อยแค่นเสียงใส่อีกทีคร้านที่จะสนใจเขา หยิบต้นฉบับไปปรับแก้บทความอย่างมีความสุข หลังปรับแก้จนเสร็จก็เขียนอีกบทความหนึ่งแล้วส่งไปยังสำนักพิมพ์อีกแห่ง ไม่แน่ปิดเทอมฤดูร้อนนี้อาจหาเงินได้เท่าเงินเดือนทั้งเดือนของแม่ก็ได้!


เจ้าอ้วนน้อยแก้บทความเสร็จส่งให้เหมยเหมยแล้วพูดอย่างตื้นตันใจว่า “รอให้ได้ค่าจ้าง แล้วฉันจะเลี้ยงเคเอฟซีพวกเธอนะ!”


สยงมู่มู่กำลังจะพยักหน้าแต่ถูกเหมยเหมยเตะห้ามเข้าไว้ “เรื่องกินเคเอฟซีเอาไว้ก่อนเถอะ รอพี่สามฉันเปิดร้านแล้วค่อยไปกินกัน เสี่ยวเชานายพาพวกฉันไปถนนขายของกินเล่นก็พอ ของที่นั่นอร่อยด้วย”


เคเอฟซีหนึ่งมื้อไม่ใช่ถูกๆ อยากกินให้อิ่มท้องอย่างน้อยต้องใช้เงินถึงยี่สิบกว่าหยวน แค่ค่าจ้างอันน้อยนิดของเจ้าอ้วนน้อยยังกินได้ไม่ถึงหนึ่งมื้อเลยด้วยซ้ำ!


สยงมู่มู่เองก็ไหวตัวทัน รู้ว่าสถานการณ์ที่บ้านของเจ้าอ้วนน้อยกำลังลำบากจะให้เพื่อนฟุ่มเฟือยไม่ได้ รีบพยักหน้าเห็นด้วยหลายที “ถนนขายของกินเล่นก็ดี ไปกินที่นั่นกัน เจ้าอ้วนฉันจะรอนะ!”


เจ้าอ้วนน้อยรู้สึกอบอุ่นไปทั้งใจน้ำตาซึมจนรู้สึกแสบขึ้นจมูก เขารู้ว่าเพื่อนแค่ไม่อยากให้เขาเสียเงินมากถึงได้พูดเช่นนั้น


เขาสูดจมูกก่อนจะให้คำสัญญา “รอฉันเขียนหนังสือได้จริงๆ ฉันจะเลี้ยงเคเอฟซีพวกเธอแน่ อยากกินเท่าไหร่ก็กินได้ตามใจชอบเลย กินจนพวกเธออ้วกไปเลย!”


คำสัญญาของเจ้าอ้วนทั้งสยงมู่มู่และเหมยเหมยไม่ได้เก็บมาใส่ใจ แต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงว่าเจ้าอ้วนน้อยจะพูดจริงทำจริง   ตามคาดเมื่อหนังสือเล่มแรกถูกตีพิมพ์ออกไปก็กระชากตัวพวกเขาไปกินเคเอฟซี สั่งมาเต็มโต๊ะชุดใหญ่จนทั้งสามแทบอ้วก หลังจากวันนั้นพวกเขาก็ไม่เคยพูดถึงเคเอฟซีอีกเลย เพราะแค่พูดถึงสามพยางค์นั่นก็แทบอ้วกแล้ว


สยงมู่มู่กับเจ้าอ้วนน้อยไม่ทันสังเกตเห็นเหมยเหมยที่กำลังเหม่อลอยเพราะตื่นเต้นจนเกินไป ย่อมไม่มีทางรู้ว่าเมื่อคืนเธอผ่านเรื่องน่าระทึกใจมาขนาดไหน แน่นอนว่าต่อให้พวกเขารู้ก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้ ใกล้จะถึงเวลาอาหารเที่ยงในที่สุดคุณปู่จ้าวก็กลับมา เหมยเหมยรีบดึงตัวเขาไปที่ห้องหนังสือ


“คุณปู่ คุณปู่รู้จักเฮ่อเหลียนเช่อมั้ยคะ?” เหมยเหมยถามไปตรงๆ


คุณปู่จ้าวสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ย้อนถามกลับ “หลานถามถึงเขาทำไม? หลานรู้จักคนนี้ได้อย่างไร?”


ไม่นานคุณปู่จ้าวก็รู้ทัน  สีหน้าเปลี่ยนอย่างฉับพลันอีกครั้ง “เหมยเหมยเจอเขามาใช่มั้ย? เขาทำอะไรหลาน?”


………………………


ตอนที่ 806 ไม่เชิงศัตรูและไม่ใช่มิตร


เหมยเหมยไม่ได้ตอบคำถามเขาไปตรงๆ แต่กลับถามไปว่า “เฮ่อเหลียนเช่อไม่เชิงว่าเป็นศัตรูแต่ก็ไม่ใช่มิตรของบ้านเราใช่มั้ยคะ ?”


คุณปู่จ้าวขมวดคิ้วแน่นไม่คิดจะปิดบังหลานสาว “ใช่ ไม่ค่อยญาติดีกันเท่าไหร่ เจ้าเฮ่อเหลียนเช่อไม่ใช่คนดีอะไร วันหลังถ้าเหมยเหมยเจอเขาอีกก็หลีกไปให้ไกลเลยนะ ”


เขาไม่ได้เป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหลานสาว แม้เจ้าเฮ่อเหลียนเช่อชอบต่อกรกับเขาทุกทีแต่คงไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือกับหลานสาวของเขากลางวันแสกๆ หรอก เขาคงไม่มีความกล้าขนาดนั้น


แต่คุณปู่จ้าวกลับคิดไม่ถึงว่าหลานสาวของเขาไปเจอไอ้โรคจิตนี่มาแล้วเมื่อคืน แถมยังเป็นสโมสรอันดับหนึ่งของเมืองอีกต่างหาก


เหมยเหมยลังเลอยู่ครู่หนึ่งถึงยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ฟังทั้งหมด คุณปู่จ้าวเหงื่อซึมเต็มหน้าผาก ถามไม่หยุดว่า “ไอ้สารเลวนั่นไม่ได้ทำอะไรหลานใช่มั้ย ?”


เหมยเหมยเองก็ไม่ได้ปิดบัง เธอต้องให้คุณปู่ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ ส่ายศีรษะพูดตอบไปว่า “ยังไม่ทันทำอะไร พี่หมิงซุ่นเข้ามาช่วยหนูกับเซ่อเซ่อไว้ก่อน”


คุณปู่ถอนหายใจอย่างโล่งอกและพูดซ้ำ ๆ ว่า “ไม่เป็นไรก็พอ ไม่เป็นไรก็พอ!”


เจ้าเฮ่อเหลียนเช่อขึ้นชื่อว่าเป็นโรคจิตที่โด่งดังไปทั้งวงการนี้ ไม่ว่าจะผู้ชาย ผู้หญิง คนแก่หรือเด็กน้อยมันก็สามารถฆ่าได้ไม่เลือกแถมยังฆ่าได้โดยไม่กะพริบตา แม้แต่นายใหญ่ยังทำอะไรเขาไม่ได้ ใครใช้ให้หมอนั่นเป็นหลานของคนคนนั้นกันล่ะ!


ความจริงแล้วตำแหน่งของนายใหญ่ก็ไม่ได้มั่นคงขนาดนั้น มีคนมากมายที่คอยจับจ้องเขาอยู่และหนึ่งในนั้นที่ทำให้นายใหญ่หวาดระแวงมากที่สุดก็คือลุงของเฮ่อเหลียนเช่อ หนิงเฉินเซวียน ที่มีฉายาสุนัขจิ้งจอกหนิง


บุคคลนี้ทั้งเจ้าเล่ห์และเจ้าแผนการ เหตุด้วยเมื่อก่อนเคยรับผิดชอบงานฝ่ายเก็บข้อมูลเลยมีจุดอ่อนของคนนับไม่ถ้วนไว้ในกำมือ คุณปู่จ้าวสงสัยว่าแม้แต่นายใหญ่ก็ยังมีจุดอ่อนที่ตกอยู่ในกำมือของหนิงเฉินเซวียน ไม่อย่างนั้นนายใหญ่จะระแวงเจ้าสุนัขจิ้งจอกหนิงนี่ได้อย่างไร?


แม้แต่เฮ่อเหลียนเช่อจะกระทำการผิดกฎตามอำเภอใจขนาดไหน นายใหญ่ยังทำเป็นหลับตาข้างหนึ่งเลย!


เฮ่อเหลียนเช่ออาศัยว่ามีคุณลุงเลยกล้าที่จะทำตามอำเภอใจไปกับทุกเรื่องในเมืองหลวง อีกทั้งเฮ่อเหลียนเช่อมีวิชาต่อสู้ขั้นสูง จนเป็นถึงหนึ่งในนักสู้ที่แข็งแกร่งของสุนัขจิ้งจอกหนิง สุนัขจิ้งจอกหนิงทั้งรักและตามใจหลานชายคนนี้เป็นอย่างมากเปรียบเสมือนลูกชายแท้ๆ


เพราะหนิงเฉินเซวียนไม่ได้แต่งงานเลยไม่มีลูกชายหรือลูกสาว ไม่มีแม้แต่ญาติพี่น้องจึงเหลือเพียงเฮ่อเหลียนเช่อที่เป็นคนในครอบครัวเพียงคนเดียว เขาอยู่เคียงข้างหนิงเฉินเซวียนมาตั้งแต่เด็กเลยมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น เอาเข้าจริงแล้วเฮ่อเหลียนเช่ออาจจะเป็นลูกชายนอกสมรสของหนิงเฉินเซวียน เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่าจริงหรือไม่!


คุณปู่จ้าวโกรธมากที่เฮ่อเหลียนเช่อกล้าคิดที่จะทำอะไรหลานสาวของเขา อีกทั้งยังอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าหลานสาวได้บอกชื่อจริงเขาไปแล้วด้วย ไอ้สารเลวนี่ชักจะเหิมเกริมไปแล้ว!


คนอื่นอาจจะกลัวเจ้าสุนัขจิ้งจอกหนิงแต่เขาไม่กลัว ตลอดชีวิตของเขาจ้าวหวายซานไม่เคยทำความผิดอันใด เจ้าสุนัขจิ้งจอกหนิงอย่าคิดจะหาจุดอ่อนจากคนอย่างเขาเลย!


“เหมยเหมยไม่ต้องกลัว มีปู่อยู่ไม่มีใครกล้าทำอะไรหลาน!” คุณปู่จ้าวบอกให้หลานสาววางใจ


เขาเองก็คิดถึงประเด็นสำคัญที่ว่าสาเหตุหลักที่ทำให้เฮ่อเหลียนเช่อกล้าขนาดนั้น ก็เพราะเมื่อคืนหลานสาวกับยัยหนูตระกูลเซียวไปอยู่ในสถานที่ที่ไม่ถูกต้อง ท่านผู้เฒ่ามุ่นคิ้วแน่น แล้วเหมยเหมยไปอยู่ในที่สกปรกแบบนั้นได้อย่างไร?


สโมสรอันดับหนึ่งที่ว่าในสายตาของคุณปู่ก็คือรังหนู เป็นสถานที่สกปรกที่สุดของเมืองหลวง ผู้หญิงที่ดีไม่มีทางไปที่แบบนั้นได้!


“หลานไปที่สโมสรนั่นทำไม?”


ภายใต้สายตาอันดุดันของคุณปู่จ้าว เหมยเหมยยอมรับตามสัตย์จริง “หนูแค่อยากดูว่าที่นั่นเป็นสถานที่แบบไหนเลยให้เซ่อเซ่อพาหนูไปเที่ยว คุณปู่คะ หนูจะไม่ไปอีกแล้ว”


“เมื่อคืนหลานไม่กลับมานอนที่บ้านก็เพื่อไปเที่ยวที่นั่น?”


คุณปู่จ้าวตีหน้าขรึม เหมยเหมยเลยยิ่งกลัวจนหัวหดเข้าไปใหญ่พลางพยักหน้าเล็กน้อย ไม่กล้าปฏิเสธ ทำเอาคุณปู่จ้าวโกรธแทบตาย


…………………….


ตอนที่ 807 การตัดสินใจของเหยียนหมิงซุ่น


คุณปู่จ้าวตะคอกด้วยความโกรธ “เด็กผู้หญิงอย่างหลานไปที่แบบนั้นได้อย่าไรกัน ไปเอาความกล้านี้มาจากไหน? คราวหน้าห้ามไปค้างคืนข้างนอกอีก!”


เหมยเหมยรู้ดีว่าเป็นฝ่ายผิดเลยไม่กล้าปริปากเลยสักนิด ปล่อยให้โดนคุณปู่จ้าวตำหนิจนหน้ามุ่ยน้ำตาคลอเบ้า


คุณปู่จ้าวด่าไปไม่กี่ประโยคพอเห็นสภาพน่าสงสารของหลานสาวก็ใจอ่อนยวบ ไม่ด่าเธอต่อ อีกอย่างเขารู้ว่าเมื่อคืนหลานสาวคงขวัญเสียไปไม่น้อยเลยทำใจด่าไม่ลง


“แล้วพี่หมิงไปอยู่ที่แบบนั้นได้ยังไง?”


คุณปู่จ้าวไล่คิดบัญชีทีละคน เด็กหนุ่มอายุน้อยคนหนึ่งไปสถานที่แบบนั้นจะทำเรื่องดีๆ อะไรได้อีก? คุณปู่จ้าวรู้สึกผิดหวังต่อเหยียนหมิงซุ่นมาก ต่อให้เหยียนหมิงซุ่นช่วยหลานสาวของเขาได้แต่นั่นมันคนละเรื่อง ผู้ชายที่ชอบไปเที่ยวสถานบันเทิง จะฝากฝังชีวิตไว้กับคนแบบนั้นไม่ได้


“พี่หมิงซุ่นไปตามหาคน เขาไม่ใช่คนแบบนั้น คุณปู่สบายใจได้!”


เหมยเหมยรู้ถึงความกังวลของคุณปู่จ้าวเลยอธิบายแทนเหยียนหมิงซุ่น คุณปู่จ้าวแค่นเสียงดูท่าทางไม่ค่อยเชื่อในคำพูดของเหมยเหมยเท่าไร ผู้ชายคิดจะหลอกผู้หญิงก็ปากหวานพูดจาหลอกล่อได้เสมอ เขาไม่ได้หลอกง่ายเหมือนหลานสาว ยังดีที่ตอนนี้เหมยเหมยยังเด็ก เหยียนหมิงซุ่นจะดีหรือเลวไว้ค่อยๆ สังเกตเอาในอนาคตก็แล้วกัน!


หลังมื้ออาหารกลางวันคุณปู่จ้าวก็ออกไปข้างนอก ดูท่าทางไม่ใช่ไปเที่ยวเตร็ดเตร่เพราะเขาแต่งกายเรียบร้อย สวมเสื้อเชิ้ตกางเกงขายาวรองเท้าผ้าใบ กระดุมจดครบทุกเม็ดไม่ได้ใส่แค่เสื้อกล้ามกับกางเกงสามส่วนตัวใหญ่ที่คล่องตัวเหมือนเมื่อเช้า


เหมยเหมยเดาว่าเขาน่าจะไปหานายใหญ่ ทุกครั้งที่ไปพบนายใหญ่คุณปู่จ้าวจะแต่งตัวเรียบร้อยเพื่อแสดงถึงความเคารพที่มีต่อนายใหญ่


ความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก ขณะนี้ในเขตชุมชนต่างก็เล่าลือเรื่องเหมยเหมยแพร่กระจายไปทั่ว ประเด็นสำคัญพูดว่าเหมยเหมยเติบโตมาในเมืองเล็กๆ เพราะพ่อแม่ที่เลี้ยงดูต่างเป็นชาวบ้านธรรมดาและหยาบโลน ดังนั้นเหมยเหมยเลยไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดีตั้งแต่เด็ก


อีกอย่างชีวิตส่วนตัวก็ยุ่งเหยิง แถมยังมีแฟนหนุ่มตั้งแต่อายุยังน้อยและไม่ได้มีแค่คนเดียว ทั้งยังมีคำพูดที่เกินจริงใส่ร้ายป้ายสีอีกมากมาย น้ำโคลนเต็มถัง ที่ถูกสาดเข้ามา ไม่นานก็กระจายไปทั่วอาณาบริเวณ


ทุกคนกระจายข่าวลือนี้อย่างไปไม่ใส่ใจ มีบางส่วนที่มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง แต่บางส่วนแค่ต้องการรอดูเรื่องสนุกๆ เพราะอยากเห็นคนอื่นซวย!


อีกทั้งข่าวลือพวกนี้ยังถูกแพร่ออกไปนอกเขตชุมชนจนถึงแวดวงสังคมอย่างรวดเร็ว ยิ่งแพร่ไปไกลก็ยิ่งบิดเบือนบอกว่าเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าวแม้อายุไม่มากแต่ประสบการณ์ความรักนั้นโชกโชน เคยมีแฟนหนุ่มอย่างน้อยหนึ่งโหล ตอนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายังเป็นสาวพรหมจรรย์อยู่หรือเปล่า!


เหมยเหมยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน ไม่รับรู้เรื่องข่าวลือพวกนี้แม้แต่น้อยรวมไปถึงคนในตระกูลจ้าวเช่นกัน เพราะไม่มีใครกล้าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าพวกเขา และไม่มีใครคิดจะหาเรื่องเอาข่าวลือพวกนี้กรอกหูพวกเขา


เหยียนหมิงซุ่นกลับจากบ้านตระกูลเซียวไปยังที่พักและไม่ได้ไปไหนอีก ขังตัวเองไว้ในห้องเพื่อขบคิด การปรากฏตัวของเฮ่อเหลียนเช่อทำให้เขาแทบรอไม่ไหว เขาจะต้องไต่เต้าให้สูงภายในเวลาอันสั้น เขาทนรอไม่ไหวแล้ว!


เวลาบ่ายสามเหยียนหมิงซุ่นไปที่ร้านน้ำชาหวังปาตามเวลา ร้านน้ำชาขนาดไม่ใหญ่เป็นแค่ตึกสองชั้นขนาดเล็ก ตั้งอยู่ในซอยเล็กๆ แห่งหนึ่ง คนในร้านน้ำชาพาเขาไปยังชั้นสองโดยมีพี่เฉิงรอเขาอยู่ตรงนั้น


“นั่งสิ!”


พี่เฉิงพูดเสียงเรียบและเทน้ำชาให้เขาหนึ่งแก้วด้วยท่วงท่าลื่นไหลและงามสง่า แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นนักรินน้ำชา


“ลุงเฉิงอยากถามเกี่ยวกับเรื่องของลุงหมิงไม่ใช่เหรอ? เขาสบายดี”


เหยียนหมิงซุ่นดื่มน้ำชาไปแล้วสามแก้วแต่พี่เฉิงกลับไม่เอ่ยปากถามเขาสักเรื่อง เขาจำเป็นต้องเป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อน


“ฉันรู้ว่าเขาสบายดี และรู้ว่านายอยากไปเป็นทหาร แต่ฉันไม่รู้ว่าเป้าหมายของนายคืออะไร?” พี่เฉิงหุบยิ้มแล้วสบตาจ้องเหยียนหมิงซุ่นตรงๆ


……………………….


ตอนที่ 808 เธอเตรียมสู้เพื่อชีวิตสินะ?


เหยียนหมิงซุ่นชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะไหวตัวได้ทัน พี่เฉิงถามแบบนี้หมายความว่าอย่างไร


เหยียนหมิงซุ่นคาดเดาใจพี่เฉิงไม่ถูกครุ่นคิดสักพักเพื่อเรียบเรียงคำพูดอย่างรอบคอบก่อนแล้วกล่าวขึ้นว่า “ผมจะพยายามอยู่ในค่ายทหารให้ได้”


ในความหมายของเขาคือเขามีเป้าหมายเพื่อที่จะติดยศทหาร มีเพียงแค่ได้ติดยศทหารเท่านั้นถึงจะอยู่ในค่ายทหารได้ ไม่อย่างนั้นก็ต้องเปลี่ยนสายอาชีพหรือออกจากค่ายทหาร แน่นอนว่าเขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้น


ใจจริงเขาหวังมากกว่านี้แต่เขาไม่กล้าพูดไปอย่างเต็มปากเต็มคำ ในเมื่อขณะนี้เขายังไม่รู้ความสัมพันธ์ของพี่เฉิงกับลุงหมิงอย่างแน่ชัดว่าเป็นอะไรกันแน่


พี่เฉิงยิ้มพร้อมพูดอย่างเย็นชา “แค่อยากอยู่ในค่ายทหารเหรอ? นายต้องการแค่นี้จริงๆเหรอ? แล้วทำไมเฉินหมิงต้องให้ฉันมาหานาย?”


เหยียนหมิงซุ่นนิ่งไปอีกครั้งตอนนี้เขาเข้าใจความหมายของพี่เฉิงอย่างรวดเร็วแต่ยังไม่มั่นใจเท่าไรเลยถาม “ลุงเฉิงกับลุงหมิงเป็นเพื่อนกันหรอครับ?”


เขาต้องมั่นใจในความสัมพันธ์นี้ก่อน เพราะมันมีบางอย่างที่เขาไม่กล้าพูดออกไปจริงๆ พี่เฉิงย่อมเข้าใจความหมายที่เหยียนหมิงซุ่นถามแบบนี้ดี แอบยิ้มขำในใจว่าอายุยังน้อยแต่ระวังตัวดีไม่น้อย


เขาถามกลับหนึ่งประโยค “นายว่าเราเป็นอะไรกัน?”


เหยียนหมิงซุ่นยิ้มและตอบอย่างมั่นใจ พี่เฉิงกับลุงหมิงคงไม่เชิงศัตรูแต่ก็ไม่ใช่มิตร เขาไม่คิดปิดบังเลยตอบกลับอย่างเถรตรงไปว่า “ผมอยากไปให้สูงกว่านี้ สูงกว่าคนทั้งหมดในห้องของลุงเมื่อวานนี้!”


เหยียนหมิงซุ่นไม่คิดปิดบังความโลภของเขา สายตาพี่เฉิงฉายแววชื่นชมชั่ววูบแต่สีหน้ากลับนิ่งสงบและออกจะดูเย็นชาไปเสียหน่อย พูดด้วยเสียงเรียบเย็น “ใครๆ ก็อยากอยู่เหนือกว่าคนอื่น พูดง่ายแต่ทำไม่ง่ายนะ คนที่จะปีนป่ายได้สูงขนาดนั้นมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น”


เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้า “ผมรู้ แต่ผมมั่นใจว่าผมไปถึงได้ และผมต้องไปให้ถึง!”


“นายเอาความมั่นใจมาจากไหน? อะไรที่ทำให้นายมีความมั่นใจขนาดนี้?”


เหยียนหมิงซุ่นสะอึกทันที ไม่รู้จะตอบคำถามอย่างไรดี มารยาทอ่อนน้อมถ่อมตนที่สืบสานมานานนับพันปีของชาวจีนทำให้เขาไม่กล้าออกปากชมตัวเองต่อหน้าพี่เฉิง


พี่เฉิงเห็นความลำบากใจจากสีหน้าของเหยียนหมิงซุ่นเลยถาม “อย่างนี้แล้วกัน นายลองเล่าแผนของนายให้ฉันฟัง ว่าต่อจากนี้นายเตรียมจะทำอะไร?”


“เป็นทหาร ผมสมัครไปแล้ว หลังกลับจากเมืองหลวงก็จะเข้าร่วมตรวจร่างกาย เรื่องนี้ผมไม่มีปัญหาแน่” เหยียนหมิงซุ่นตอบ


พี่เฉิงส่ายศีรษะ มุมปากเหยียดยิ้มหยัน ยังเด็กเกินไปสินะ!


เขาเทน้ำชาให้เหยียนหมิงซุ่นอีกแล้วพลางพูดช้า ๆ ว่า “นายไม่ได้เข้าใจความหมายของฉัน ฉันรู้อยู่แล้วว่านายอยากเป็นทหาร ที่ฉันอยากรู้คือหลังจากไปอยู่ในค่ายทหารแล้วนายเตรียมจะทำอะไร? หรือจะพูดว่าทำไมนายถึงคิดว่าตัวเองจะไต่เต้าขึ้นไปได้?”


เหยียนหมิงซุ่นครุ่นคิดก่อนตอบเสียงจริงจัง “อดทนพยายาม ไต่เต้าขึ้นไปทีละก้าวๆ ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้นและต้องทำได้ทุกอย่าง!”


“หมายความว่านายเตรียมจะสู้เพื่อชีวิตในค่ายทหาร ฉันพูดไม่ผิดสินะ?” พี่เฉิงมองเขาพลางพูดไปด้วย เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้ารับ ใช่ เขาตัดสินใจแบบนั้นอยู่แล้ว


คนธรรมดาที่ไม่มีเส้นมีสายคิดจะประสบความสำเร็จในค่ายทหารมีเพียงทางเดียวคือสู้ ไม่มีทางลัดอื่น


พี่เฉิงมองเด็กหนุ่มอายุน้อยตรงหน้า เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาร่างกายแข็งแรง มีความทะเยอทะยานมีความสามารถและความเด็ดเดี่ยว วัยรุ่นแบบนี้ไปอยู่ค่ายทหารจะต้องประสบความสำเร็จแน่ แต่เงื่อนไขคือเขาต้องมีความโชคดีพอตัวถึงจะอดทนถึงวันที่ประสบความสำเร็จได้


จากนี้ต้องรอดูว่าเบื้องบนลิขิตไว้เช่นไร  แต่นั่นมันสำหรับคนส่วนมาก นอกเหนือจากนั้นยังมีอีกวิธีหนึ่ง–


ถ้าอยากจะเอาชนะชะตาชีวิตนี้ ก็ต้องยืนหยัดสู้กับพระเจ้าให้ได้!


………………………


 ตอนที่ 809 เรื่องราวแสนเศร้าในอดีต


ใบหน้าพี่เฉิงดูกังวลเล็กน้อย เขานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน


มีคนอีกมากที่ไม่รู้ความจริงว่าเขากับเฉินหมิงไม่เพียงแค่เป็นเพื่อนร่วมบ้านเกิดเดียวกันแต่ยังมาจากหมู่บ้านเดียวกัน นับได้ว่าเขาเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมตระกูลของเฉินหมิง เขาเองก็สกุลเฉิน เป็นลูกคนที่หกเลยชื่อเฉินลิ่ว


เนื่องจากพ่อแม่ของเขาไม่ใช่คนมีการศึกษาจึงตั้งชื่อที่ดูดีมีตระกูลไม่ค่อยเป็น พ่อแม่ของเฉินหมิงก็เช่นกัน เดิมทีเฉินหมิงชื่อเฉินซานเพราะเป็นลูกคนที่สาม


หมู่บ้านพวกเขามีคนที่ถูกตั้งชื่อนี้ขึ้นมามากมาย ดังนั้นในหมู่บ้านเดียวกันจึงมีคนชื่อเฉินลิ่วนับไม่ถ้วนรวมถึงคนชื่อเฉินซาน เขากับเฉินหมิงไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านประมงเล็กๆ นั่นไปตลอดชีวิต และไม่อยากใช้ชีวิตอยู่กับความอดอยากไม่อิ่มท้องเช่นนั้นไปตลอดชีวิต


เมื่อตอนเป็นวัยรุ่นพวกเขาอยากเป็นเจ้าคนนายคน อยากไต่เต้าสู่จุดสูงสุดของชีวิต ความคิดเช่นเดียวกับเหยียนหมิงซุ่นในตอนนี้


ย้อนไปเมื่อสามสิบปีก่อนเขากับเฉินหมิงก้าวออกมาจากหมู่บ้านพร้อมกัน โบกรถบรรทุกเข้ามาเมืองหลวง พวกเขาหางานทำไม่ได้เพราะไม่รู้หนังสือเลยต้องไปเป็นขอทาน แต่พวกเขาไม่กลัวความลำบากและไม่กลัวตาย ดังนั้นพวกเขาถึงได้ประสบความสำเร็จ ค่อยๆ หาที่ลงหลักปักฐานอยู่ในเมืองหลวงได้


อีกอย่างพวกเขายังได้ร่ำเรียนวิชามาบ้าง  จึงไม่ใช่คนโง่ที่ไม่รู้หนังสืออีกต่อไป แล้วเปลี่ยนชื่อที่พ่อแม่เคยตั้งไว้ให้ คนหนึ่งชื่อเฉิงซิ่น อีกคนชื่อกวงหมิง สำหรับพวกเขาถือว่าเป็นชื่อที่ไพเราะจนหาความหมายที่ดีกว่านี้ไปไม่ได้แล้ว


ความจริงพวกเขาในเวลานั้นค่อนข้างพึงพอใจกับชีวิตของตัวเอง อาจจะไม่ถึงขั้นรวยอู้ฟู่ แต่เวลาเดินอยู่บนถนนก็ยังมีมากมายขานเรียกชื่อเขาว่าพี่เฉิงด้วยความเกรงใจ รวมถึงเฉินหมิงเองก็เช่นกัน พวกเขารู้สึกว่าการมีชีวิตแบบนี้ตลอดไปก็ดีเหมือนกัน


แต่ชีวิตคนเรามันไม่ราบรื่นอย่างที่หวัง เมื่อหกปีก่อนเฉินหมิงพลาดไปมีเรื่องกับโอหยางปินโดยไม่ทันระวัง ซึ่งในตอนนั้นตระกูลโอหยางนับว่ามีอิทธิพลกว่าตอนนี้อยู่หน่อย โอหยางปินเองเป็นคุณชายที่นิสัยก้าวร้าว ซึ่งเฉินหมิงในตอนนั้นยังเป็นวัยรุ่นหนุ่มเลือดร้อน จึงไม่ยอมอ่อนข้อให้ง่าย ๆ


แม้เขาจะเกลี้ยกล่อมอยู่หลายทีหลายทีแต่อีกฝ่ายกลับเมินเฉย ความจริงจึงได้พิสูจน์ว่าเขากับเฉินหมิงต่างผิดกันทั้งคู่ สุดท้ายก็เป็นคุณชายนิสัยก้าวร้าวที่พวกเขาคิดว่าจะสามารถบดบี้เยี่ยงมดตัวหนึ่งให้หายไปจากโลกนี้ได้อย่างง่ายดาย


เพราะในสายตาของคุณชายพวกนี้เขากับเฉินหมิงไม่ได้ต่างจากคนทั่วไป อยากจะเรียกก็เรียกอยากจะไล่ก็ไล่ ตอนอารมณ์ดีอาจไว้หน้าสักหน่อย พออารมณ์เสียขึ้นมาก็เอาถึงตายได้


เพราะพวกเขาเกิดมาจากครอบครัวที่ยากจนไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองอย่างคนในแวดวงสังคมนั้น พื้นฐานทางบ้านก็ไม่ดี แค่คนใดคนหนึ่งจากแวดวงสังคมนั้นก็สามารถเล่นงานพวกเขาจนถึงตายได้


เมื่อก่อนพวกเขาไม่คิดถึงสัจธรรมข้อนี้ หลงคิดว่าการเป็นวีรบุรุษไม่เกี่ยงที่มา สมัยโบราณชาวบ้านธรรมดายังเป็นฮ่องเต้ได้เลย แต่สุดท้ายพวกเขาก็ได้ชดใช้กับความโง่เขลาของตัวเองอย่างมหาศาล!


เพราะเฉินหมิงไม่ยอมล่าถอยจึงถูกโอหยางปินบีบคั้นจนถึงทางตัน กิจการล้มละลาย ภรรยาที่ตั้งครรภ์อยู่ได้รับความสะเทือนใจจนเสียชีวิตทั้งแม่ทั้งลูก แถมนั่นยังเป็นลูกชายตัวอวบอ้วนที่ต้องมาหมดลมหายใจไป นั่นมันลูกชายของเขาเฉินเฉิงเหมือนกันนะ ลูกชายที่จะต้องเลี้ยงดูและคอยส่งเขาในช่วงบั้นปลายชีวิต


เพราะตลอดชีวิตนี้เขาไม่คิดจะแต่งงานมีลูก  ในตอนที่ภรรยาเฉินหมิงตั้งครรภ์เลยตกลงกันกับเฉินหมิงไว้แล้วว่าจะช่วยดูแลเด็กคนนั้นด้วยกัน เขาเป็นพ่อบุญธรรม เฉินหมิงคือพ่อแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับหมดสิ้นทุกอย่าง


เฉินหมิงเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด เขาทั้งฉุดทั้งกระชากกว่าจะเอาตัวเฉินหมิงที่แค้นจนตาแดงก่ำกลับมาได้ ไม่อย่างนั้นเฉินหมิงอาจจะแบกระเบิดไปสู้กับโอหยางปินไปแล้ว!


นับว่าพระเจ้ายังคุ้มครองที่เห็นว่าเขากับเฉินหมิงไม่ควรจบชีวิตเพียงเท่านี้ ในขณะนั้นเองคุณหนูใหญ่เฝิงก็ตามหาเขาเจอ ให้เขาดูแลสโมสรนี้ให้ดี มิหนำซ้ำคุณหนูใหญ่เฝิงยังช่วยหาคนที่อยู่ในแวดวงนี้มาช่วยคุ้มกันอีกด้วย  และแน่นอนว่าคนนั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดา เป็นคนที่โอหยางปินไม่กล้าเป็นปรปักษ์ด้วยเลยยอมปล่อยเฉินหมิงไป


แต่เขาก็ได้ยื่นข้อเสนอว่าภายในสิบปีเฉินหมิงห้ามเหยียบเข้าเมืองหลวงแม้แต่ก้าวเดียว


………………………..


ตอนที่ 810 ชี้ทางให้เธอ


หลังจากเฉินหมิงได้ฟังคำตักเตือนของเขาจึงหลบหลีกไปยังเมืองจินที่อยู่ไม่ห่างจากบ้านเกิดเมืองนอนเท่าไร ความจริงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าต้นตอของสาเหตุที่เฉินหมิงกับโอหยางปินไม่ถูกกันจะเป็นเพราะขวดยานัตถุ์เล็กๆ ขวดเดียว


เฉินหมิงเป็นคนได้มาก่อนแต่โอหยางปินก็รู้สึกถูกใจเลยฝากให้คนไปบอกเฉินหมิงว่าให้ส่งขวดยานัตถุ์นั่นไปให้เขาด้วยตัวเอง แต่คนอารมณ์ฉุนเฉียวอย่างเฉินหมิงมีหรือจะยอมตกลง เลยเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมกับครอบครัวเฉินหมิง


แน่นอนว่าหลายปีนี้เฉินหมิงไม่ได้ปล่อยวางเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริง ความโกรธแค้นในส่วนภรรยาและลูกชายของเขา เฉินหมิงจะลืมได้อย่างไร?


ส่วนตัวเขาเองก็ไม่มีวันลืมเพราะนั่นก็คือลูกชายเขาเช่นกัน ลูกชายที่จะต้องดูแลและอยู่กับเขาในช่วงบั้นปลายชีวิต เขาจะอยู่ร่วมโลกกับฆาตกรที่ฆ่าลูกชายเขาได้อย่างไร!


เขากับเฉินหมิงเข้าใจทุกอย่างแล้ว เหตุผลที่พวกเขาเอาชนะโอหยางปินไม่ได้เพราะพวกเขาไม่ใช่คนในแวดวงสังคมนั้น และด้วยสถานะคุณชายในตระกูลร่ำรวยของโอหยางปินที่จะบดขยี้พวกเขาให้เหลวแหลกยังไงก็ได้โดยที่ไม่มีใครช่วยพวกเขาได้เลยสักคน เพราะสำหรับคนในแวดวงสังคมแบบนั้นพวกเขาเป็นแค่คนตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ไม่มีค่าอะไร!


ตายไปก็หาคนใหม่มาแทนได้ ประเทศจีนต่อให้ขาดอะไรก็ไม่มีทางขาดคน!


ดังนั้นหากพวกเขาอยากแก้แค้นจริงๆ จะต้องหาที่พึ่งพาที่แท้จริงให้ได้!


นอกจากนี้ที่พึ่งพาแล้วจะต้องไม่มาจากแวดวงสังคมนั้น อดีตพวกเขาเคยคิดจะพึ่งพิงคุณหนูใหญ่เฝิงแต่ผลลัพธ์กลับทำให้เขาผิดหวังอย่างมาก เพราะคุณหนูใหญ่เฝิงก็มาจากแวดวงสังคมเดียวกัน


บางอย่างบนตัวเธอมีส่วนคล้ายคลึงกับคนในแวดวงสังคมแบบนั้น บางสิ่งที่น่ารังเกียจแผ่ออกมาจากภายใน นั่นก็คือความรู้สึกที่ว่าตัวเองเหนือกว่าชาวรากหญ้าอย่างพวกเขา!


ความรู้สึกแบบนี้มันแทรกซึมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย ดังนั้นคนเหล่านี้ไม่มีวันมอบความจริงใจให้กับคนรากหญ้าอย่างพวกเขาได้ ต่อให้คุณหนูใหญ่เฝิงมีความสัมพันธ์อันดีกับเขา แต่ถึงยามคับขันก็ไม่มีทางออกโรงปกป้องเขาแน่นอน


ฉะนั้นพวกเขาต้องดูแลปลูกฝังที่พึ่งของพวกเขาเอง ที่พึ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเองกับมือถึงจะพึ่งได้จริงๆ!


เหยียนหมิงซุ่นจึงเป็นที่ถูกตาต้องใจของเฉินหมิงเป็นอย่างมาก ถึงคอยสังเกตการณ์เกือบสี่ปีจึงแนะนำให้กับเขา เขาเองก็พึงพอใจต่อเหยียนหมิงซุ่นอยู่พอควรเพราะเข้าเกณฑ์ของเขาทุกอย่าง  อาจจล้ำกว่าเกณฑ์ที่เขาตั้งไว้ด้วยซ้ำ


บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัดจนได้ยินเพียงแค่เสียงลมหายใจของทั้งคู่ เหยียนหมิงซุ่นไม่กล้าเอ่ยเสียงก่อนเลยนั่งหลังตรงรอให้พี่เฉิงเริ่มพูด ส่วนเขาก็รอคอยด้วยใจที่ประหม่า


เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ พี่เฉิงถึงเงียบไป เขาจึงกังวลว่าเขาอาจจะพูดอะไรผิดไป อย่ามองเพียงแค่ว่าพี่เฉิงนั่นดูตัวซูบผอมจนเหลือแต่ก้างเพราะเขานั้นดูน่าเกรงขามกว่าลุงหมิงที่อ้วนเหมือนลูกบอลเยอะ ต่อให้เขาคิดไตร่ตรองทุกประโยคที่พูดแต่ก็ยังอดกังวลใจไม่ได้อยู่ดี


พี่เฉิงที่คล้ายกำลังหวนนึกถึงความทรงจำในอดีต แต่เขากลับลอบสังเกตเหยียนหมิงซุ่นอยู่และพอใจกับนิสัยใจนิ่งของเขา พี่เฉิงยกแก้วน้ำชาดื่มอย่างรวดเดียวก่อนจะนั่งประสานมือ นิ้วโป้งซ้ายที่สวมแหวนหยกสีเขียวมรกต ขับให้ดูภูมิฐานยิ่งขึ้น


ในที่สุดพี่เฉิงก็เอ่ยปากพูดช้าๆ “ฉันเป็นคนบ้านเดียวกันกับเฉินหมิง เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ตัวเท่าฝาหอยจนถึงตอนนี้”


เหยียนหมิงซุ่นยังคงทำหน้าเรียบนิ่งแต่ภายในใจกลับอึ้งมาก ดูท่าพี่เฉิงกับลุงหมิงจะมีความสัมพันธ์ที่ล้ำลึกกว่าที่เขาคิด เจ้าหมอนี่เสแสร้งเก่งจริงๆ


พี่เฉิงพูดต่อ “เฉินหมิงชื่นชมนายเป็นอย่างมาก เขาเลยอยากช่วยนาย เลยหวังให้ฉันช่วยชี้แนะนาย”


เหยียนหมิงซุ่นกล่าวด้วยความนอบน้อม “ขอบคุณลุงเฉินที่ช่วยชี้แนะครับ”


พี่เฉิงยิ้ม “อย่าเพิ่งรีบขอบคุณ เส้นทางที่ฉันให้นายเดินก็ไม่ใช่ทางสว่างอะไรมาก แต่ก็ดีกว่าทางเส้นเล็กๆ ที่นายเลือกเดิน”


เหยียนหมิงซุ่นนั่งเหยียดหลังตรงและคอยรับฟัง พี่เฉิงกลับไม่ได้พูดต่อพลางเปลี่ยนเรื่องถาม “นายเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าวเหรอ?”


………………………….


 ตอนที่ 811 ตระกูลจ้าวที่ได้ดิบได้ดี


เรื่องที่เกิดขึ้นในสโมสรเมื่อวานเฝิงไห่ถังเล่าให้เขาฟังหมดแล้ว  และไม่ได้ปิดบังเรื่องที่เซียวเซ่อกับจ้าวเหมยเจอเฮ่อเหลียนเช่อ พี่เฉิงถึงรู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นรู้จักกับเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าว แถมดูมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่าที่คิด


เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้าโดยไม่คิดจะปิดบัง “ผมกับเหมยเหมยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”


พี่เฉิงยิ้มอีกครั้ง เป็นรอยยิ้มที่ดูมีเลศนัย เขาจงใจถาม “ตระกูลจ้าวมีอิทธิพลในแวดวงการทหารไม่น้อย ทำไมนายไม่ให้เจ้าหญิงน้อยของตระกูลจ้าวช่วยนาย? เมื่อไปอยู่ในค่ายทหาร มีคนคอยคุ้มกันกับไม่มีคนคอยคุ้มกันมันต่างกันโดยสิ้นเชิงนะ”


เหยียนหมิงซุ่นส่ายศีรษะอย่างเด็ดขาด “ไม่จำเป็น ผมต้องไต่เต้าขึ้นไปด้วยความสามารถของตัวผมเอง!”


เขาสามารถหาผลประโยชน์จากทุกความสัมพันธ์ได้แต่ไม่ใช่ความสัมพันธ์กับคนรัก เขาไม่ยอมให้ตัวเองเสียศักดิ์ศรีแบบนั้นแน่!


พี่เฉิงแค่นเสียงที “นายคิดว่านายจะเก่งสักแค่ไหนเชียว? นายจะพึ่งอะไร? สู้ด้วยชีวิตเหรอ? นายมีกี่ชีวิตให้สู้ คิดว่าตัวเองเป็นแมวเหรอ?”


เหยียนหมิงซุ่นสายตาแน่วแน่และหนักแน่น “ต่อให้ผมมีแค่ชีวิตเดียวให้สู้ผมก็จะไม่พึ่งตระกูลจ้าว ผมจะปีนขึ้นไปด้วยตัวผมเอง”


พี่เฉิงแค่ฟังก็รู้แล้วว่าเหยียนหมิงซุ่นกับเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าวไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดาเลยอดหัวเราะไม่ได้ เจ้าหมอนี่ดูมีโชคด้านนี้นะถึงได้ตัวเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าวมา หากเป็นอดีตคงเป็นเรื่องดี แต่ตอนนี้…


แม้ตอนนี้ตระกูลจ้าวจะได้ดิบได้ดี ภายนอกดูยิ่งใหญ่มีหน้ามีตาแต่เขารู้ว่าตระกูลจ้าวในเวลานี้กำลังตกอยู่ในอันตราย เกรงว่าจะเอาชีวิตตัวเองยังแทบไม่รอด!


ตึกใหญ่ที่ดูอลังการ เวลาพังก็จะเร็วกว่าปกติ!


ความจริงเมื่อครู่เขาแค่ลองหยั่งเชิงเหยียนหมิงซุ่น หากเหยียนหมิงซุ่นเลือกตระกูลจ้าวเขาจะทิ้งเด็กหนุ่มคนนี้ก่อนจะไปเลือกหาคนใหม่อย่างไม่ลังเล


แต่คำตอบของเหยียนหมิงซุ่นสร้างความพึงพอใจแก่เขาอย่างมาก พี่เฉิงเปลี่ยนเรื่องและถามขึ้นกะทันหัน “นายจะยอมมั้ยถ้าจะมีพ่อบุญธรรมสักคน?”


เหยียนหมิงซุ่นชะงัก เขาคิดว่าพี่เฉิงอยากให้ตนนับอีกฝ่ายเป็นพ่อบุญธรรมเลยอดลังเลไม่ได้ เขาไม่คัดค้านเรื่องนี้เพราะมันเป็นทางลัดที่ดีจริงๆ แต่ในใจก็ไม่ค่อยยินยอมเท่าไร หากไม่ถึงเวลาจำเป็นจริงๆ เขาไม่มีทางเลือกใช้วิธีนี้


แต่ปัญหาหลักที่เขาไม่ยอมนับพี่เฉิงเป็นพ่อบุญธรรมเพราะหนึ่งยังไม่สนิท และสองเพราะเบื้องหลังแวดวงสังคมของพี่เฉิง


ถ้าในอนาคตเขาจะมีหน้ามีตาในกองทัพ หากถูกใครสืบได้ว่าเขามีพ่อบุญธรรมที่มีประวัติสกปรก ย่อมส่งผลกระทบต่ออนาคตทางทหารของเขา พี่เฉิงพอจะเดาได้ว่าเหยียนหมิงซุ่นขบคิดสิ่งใดอยู่เลยพูดไปตรงๆ “สบายใจได้ ฉันไม่อยากมีลูกบุญธรรมหรอก พ่อบุญธรรมที่ฉันว่าคือคนอื่น เป็นคนที่มีประวัติขาวสะอาด”


เหยียนหมิงซุ่นที่ถูกรู้ทันออกจะเคอะเขินเล็กน้อยเลยยิ้มตอบไปอย่างอึดอัด พลางถาม “ทำไมลุงเฉินถึงให้เขารับผมเป็นลูกบุญธรรมล่ะ?”


“เพราะนายต้องหาทางลัด ถ้าหวังพึ่งให้นายสู้ชีวิตเองไม่รู้ต้องใช้เวลากี่ปีถึงจะไต่เต้าขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้ ฉันกับเฉินหมิงรอไม่ไหว นายเองก็คงรอไม่ไหวเช่นกัน”


พี่เฉิงเป็นคนพูดตรงไปตรงมาและไม่คิดปิดบังจุดประสงค์ของตน เหยียนหมิงซุ่นเองก็ย่อมรู้ดีว่าพี่เฉิงกับเขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่มีทางยื่นมือให้ความช่วยเหลือเขาโดยไร้เหตุผลอยู่แล้ว มันจะต้องมีจุดประสงค์รวมถึงลุงหมิงด้วย


ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินถ้อยคำเหล่านี้จึงไม่ได้แปลกใจกลับรู้สึกสบายใจมากกว่า แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจความหมายที่พี่เฉิงบอกว่าเขาคงรอไม่ไหว?


แม้เขาอยากปีนขึ้นไปให้เร็วกว่านี้แต่ก็ไม่ถึงขนาดรอไม่ไหวนี่นา!


พี่เฉิงยิ้มเย็นชา “นายกำลังคบหากับเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าวไม่ใช่เหรอ? สถานการณ์ตระกูลจ้าวในตอนนี้นายอาจไม่รู้ว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย”


เขาพูดต่อ “ผู้ชายคนเมื่อคืนชื่อเฮ่อเหลียนเช่อ เขามาจากตระกูลที่มีอำนาจ แม้แต่คนเบื้องบนยังไม่กล้ามีเรื่องกับเขา เฮ่อเหลียนเช่อไม่ถูกกับตระกูลจ้าว เพราะฉะนั้นนายคงเข้าใจความหมายของฉันใช่ไหม?”


เหยียนหมิงซุ่นใจหล่นวูบ เขาเข้าใจความหมายของพี่เฉิงอยู่แล้วแต่เขายังไม่อยากที่จะเชื่อเท่าไร คิดว่าพี่เฉิงพูดเกินจริงไปเสียหน่อย ต่อให้เจ้าเฮ่อเหลียนเช่อนั่นจะผายมือข้างเดียวก็สามารถปิดฟ้าได้ แต่ตระกูลจ้าวก็ไม่ใช่ตระกูลธรรมดา เป็นไปได้อย่างไรที่บอกว่าจะล่มก็ล่มได้เลย?


พี่เฉิงเห็นท่าทีของเขาที่ไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไรเลยแค่นหัวเราะกล่าวว่า “งั้นนายก็รอดูเจ้าหญิงน้อยของนายถูกคนในครอบครัวของเขาจับถวายให้ถึงเตียงเฮ่อเหลียนเช่อเถอะ!”


………………………


ตอนที่ 812 หลานสาวมีไว้เป็นตัวหมาก


เหยียนหมิงซุ่นหน้าเปลี่ยนสีฉับพลัน รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก “ลุงเฉินอย่าพูดเหลวไหล ครอบครัวเหมยเหมยดีกับเธอมาก จะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง?”


พี่เฉิงมองเขาอย่างเย้ยหยัน “เวลาไม่มีความขัดแย้งด้านผลประโยชน์ก็ดีสิ ใครก็เป็นดังพระโพธิสัตว์กันทั้งนั้น แต่ถ้าเกิดความขัดแย้งด้านผลประโยชน์หรือถึงเวลาคอขาดบาดตาย ความรักหรือครอบครัวมันก็แค่เรื่องหลอกลวง จะลองพนันกับฉันมั้ยล่ะ?”


ทุกคำทุกประโยคของพี่เฉิงแทงใจดำเหยียนหมิงซุ่น “คนตระกูลจ้าวจะต้องทรยศเจ้าหญิงน้อยของนายเพื่อคุ้มกันตัวเอง!”


“เป็นไปไม่ได้ คนตระกูลจ้าวไม่มีทางทำอย่างนั้น จ้าวหวายซานไม่ใช่คนแบบนั้น พ่อแม่เหมยเหมยก็ไม่ใช่คนเช่นนั้น!”


เหยียนหมิงซุ่นยังไม่ยอมเชื่อ ต่อให้หัวใจของเขาจะเริ่มสั่นคลอน


“นายมันใสซื่อเกินไป จ้าวหวายซานแก่แล้ว จ้าวอิงหัวไม่มีอิทธิพลในเมืองหลวงสักนิดเดียวจะปกป้องจ้าวเหมยได้ยังไง? นายไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่าง หวังแค่ว่าในอนาคตนายจะไม่เสียใจทีหลัง!”


พี่เฉิงไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงแค่จิบน้ำชาด้วยท่วงท่าสง่าอย่างสบายใจเฉิบ


เขากำลังพนัน พนันกับความรักที่เหยียนหมิงซุ่นมีต่อเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าว และพนันเกี่ยวกับใจที่อยากไต่เต้าไปจนถึงจุดสูงสุดของเหยียนหมิงซุ่น!


แน่นอนว่าคำพูดเมื่อกี้ของเขาแม้จะฟังดูเกินจริงไปหน่อยแต่ก็ไม่ใช่เพียงแค่ลมปาก เจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าวมีความเป็นไปได้ที่จะถูกครอบครัวของเธอหักหลัง ต่อให้คู่กรณีไม่ใช่เฮ่อเหลียนเช่อก็ต้องมีคนอื่น


เขาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงมาหลายสิบปี เคยเห็นความสกปรกเลือดเย็นลับหลังความดูดีสูงส่งของคนในแวดวงสังคมนั้นมานักต่อนัก บางทีวินาทีก่อนนี้เธออาจเป็นเจ้าหญิงที่ทุกคนอิจฉา แต่ไม่กี่วินาทีให้หลังอาจกลายเป็นเพียงของเล่นที่แม้แต่สู้นางบำเรอตามคลับของพวกผู้ชายยังไม่ได้ ตระกูลผู้ดีอย่างที่ว่าเดิมทีเด็กผู้หญิงก็คือเครื่องมือไว้สำหรับเชื่อมไมตรีที่เหมาะสมที่สุด โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงหน้าตาสวยงาม อย่างเช่นเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าว


คุณปู่จ้าวไม่มีทางทำแบบนั้นอยู่แล้ว สองสามีภรรยาจ้าวอิงหัวยิ่งไม่มีทาง แต่ตระกูลจ้าวยังมีคนอื่นๆ คนพวกนั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับจ้าวเหมยมากหรอก


ยามสงบสุขดูเป็นครอบครัวที่รักใคร่ปรองดองกัน แต่พอเกิดเรื่อง คนอย่างหลานสาวโดยเฉพาะหลานสาวหน้าตาสวยสดงดงามก็มีไว้เพื่อทรยศหักหลัง


ภายในใจของเหยียนหมิงซุ่นกำลังก่อสงครามจนปวดหนึบไปหมด เรื่องแบบนี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ตก


เขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่พี่เฉิงพูด แต่สติของเขาบอกตัวเขาเองว่าที่พี่พูดใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ มันยากเกินที่เขาจะพนันได้ เพราะหากมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งส่วนเขาก็ต้องเตรียมตัวไว้เผื่อสิบส่วน


ตอนนี้เขาแค่อยากรู้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อมีความสัมพันธ์เป็นคู่อริกับตระกูลจ้าวจริงๆ ใช่ไหม ขอแค่ยืนยันจุดนี้ได้เขาก็จะสามารถตัดสินได้แล้วว่าคำพูดของพี่เฉิงมีความน่าเชื่อถือหรือไม่


“ลุงเฉิน ให้เวลาผมคิดหน่อย แล้วผมจะมาให้คำตอบในอีกสามวันข้างหน้า ได้มั้ย?” เหยียนหมิงซุ่นกัดฟันพูด


“ได้ ฉันจะรอนายสามวัน นายไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองนะ คนที่อยากได้คนนั้นเป็นพ่อบุญธรรมมีถมเถไป ไม่ได้มีแค่นายคนเดียวหรอกนะ” พี่เฉิงพูดช้าๆ อย่างไม่ร้อนรน


เขาเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าเหยียนหมิงซุ่นจะตอบตกลงในทันที หากเหยียนหมิงซุ่นตอบตกลงเร็วเกินไปเขากลับจะสงสัยในความเด็ดขาดของเหยียนหมิงซุ่นแทนน่ะสิ!


เวลาสามวันพอดิบพอดีกับที่เขานัดคนคนนั้นไว้ พี่เฉิงเอามือไขว้หลังเดินช้าๆจากไป พอได้เห็นแผ่นหลังของเขา ดูอย่างไรก็ควรเป็นศาสตราจารย์ผู้มีความรอบรู้ในมหาวิทยาลัย


แต่ใครจะนึกถึงว่าเมื่อสามสิบปีก่อนเขาเป็นเพียงแค่ชาวบ้านไร้การศึกษาที่มาจากหมู่บ้านประมงเล็กๆ แห่งหนึ่ง!


เหยียนหมิงซุ่นนั่งอยู่ในห้องเพียงลำพัง น้ำชาในหม้อหมดไปแล้ว แต่เขายังคงนั่งครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ถึงออกไปจากร้านน้ำชาแห่งนี้


วันนี้ตระกูลจ้าวบรรยากาศคึกคักมากเป็นพิเศษเพราะจ้าวอิงสยงกับจ้าวอิงหย่งต่างมาที่บ้านกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ยกเว้นสองพี่น้องจ้าวเสวียเฉิงที่อยู่ในค่ายทหาร กับสองสามีภรรยาจ้าวอิงหัว รวมไปถึงสองสามีภรรยาจ้าวอิงหนานที่อยู่เมืองจิน นอกนั้นก็อยู่กันครบ


…………………………….


ตอนที่ 813 เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน


สองสามีภรรยาจ้าวอิงสยงกลับมาฉลองวันเกิดให้เหมยเหมยโดยเฉพาะ คุณปู่จ้าวออกคำสั่งแล้วพวกเขาจะกล้าฝืนคำสั่งได้ที่ไหนกันล่ะ!


พรุ่งนี้คือวันเกิดของเหมยเหมย คุณปู่จ้าวกับคุณย่าตัดสินใจพาคนทั้งครอบครัวไปทานอาหารนอกบ้านเพื่อความสนุกสนาน เหมยเหมยกับคุณย่าเองก็คืนดีกันกลับมาเป็นเหมือนก่อนแล้ว


แต่เธอก็ยังคงมีความรู้สึกไม่สนิทใจอยู่บ้าง จึงระวังคำพูดมากขึ้น ไม่ได้เปิดอกคุยทุกอย่างเหมือนแต่ก่อน ส่วนหานซู่ฉินยังคงกระตือรือร้นเหมือนเดิม โอบเหมยเหมยถามสารทุกข์สุกดิบราวกับเป็นลูกสาวแท้ๆ


ด้านอันหย่าฟางยังคงมีท่าทีที่เย็นชาเหมือนเดิมเพราะไม่ค่อยชอบพูดเท่าไร สองปีมานี้เธอคุยกับเหมยเหมยไม่เกินสิบประโยคเสียด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกันแล้วเหมยเหมยย่อมสนิทกับหานซู่ฉินที่เข้าหาคนง่ายกว่าอยู่แล้ว


“เหมยเหมยของเรายิ่งโตยิ่งสวยนะ ไม่รู้ว่าวันหน้าจะต้องยกให้ไอ้เด็กคนไหนไป!” หานซู่ฉินพูดหยอกล้อและทำตาเป็นประกาย


หลานชายฝั่งสกุลของเธอที่เธอภูมิใจที่สุดอายุมากกว่าเหมยเหมยเพียงไม่กี่ปี หน้าตาบุคลิกหาที่ติไม่ได้ แค่พื้นเพครอบครัวอาจจะแย่กว่าตระกูลจ้าวไปหน่อย แต่ตระกูลหานของพวกเธอก็ไม่ใช่ครอบครัวเล็กๆ ที่ไร้ชื่อเสียงแต่อย่างใด ถ้าเรื่องศักดิ์ศรีของเธอล่ะก็ต้องมีสิทธิ์จับคู่กับเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าวได้อยู่แล้ว


รอผ่านไปอีกสักช่วงหนึ่ง  เธอจะให้ลูกชายคนเล็กเสวียไห่ช่วยแนะนำหลานชายให้เหมยเหมยรู้จักก่อนให้หลานชายสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เมืองจิน ดั่งสำนวนที่ว่าหอคอยที่ใกล้น้ำจะเอื้อมถึงดวงจันทร์ก่อน จากหน้าตาและการพูดคุยของหลานชาย และเมื่อได้พบเจอหน้ากันทุกวัน เหมยเหมยจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร?


ถึงเวลานั้นขอแค่พวกเขาสองคนตกลงปลงใจกันพ่อแม่ฝ่ายหญิงต้องไม่มีทางคัดค้านแน่นอน อีกอย่างต่อให้คัดค้านก็เปล่าประโยชน์ เหมยเหมยยินยอมพร้อมใจเองแล้วนี่นา!


คนอื่นๆที่ได้ฟังคำของหานซู่ฉินก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน จ้าวเสวียกงกับจ้าวเสวียไห่หัวเราะเสียงดังสุด จ้าวเสวียกงพูดตาขยิบๆ “คุณป้าสะใภ้สองไม่รู้ล่ะสิว่าเหมยเหมยของเรามีเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกัน!”


เหมยเหมยหน้าร้อนผ่าว แดงซ่านไปทั้งหน้า ทุบกำปั้นใส่จ้าวเสวียกงอย่างโมโหไปหลายที อาการเคอะเขินของเด็กสาวเรียกให้หานซู่ฉินใจหล่นวูบ จึงรีบเอ่ยถามให้รู้เรื่องในทันที


เหมยเหมยอ้อนอย่างขวยเขิน “คุณป้าสะใภ้สองอย่าไปฟังพี่ห้าพูดเหลวไหล ไม่มีอะไรหรอก พี่หมิงซุ่นก็เป็นแค่เพื่อนที่ดีคนหนึ่ง”


แม้จ้าวเสวียกงไม่ได้พูดผิด อีกอย่างเธอกับเหยียนหมิงซุ่นก็สัญญากันไว้แล้วด้วย แต่เรื่องแบบนี้จะยอมรับต่อหน้าผู้ใหญ่ได้อย่างไร ตอนนี้เธอจำเป็นต้องปฏิเสธความสัมพันธ์โดยบอกเพียงว่าเป็นแค่เพื่อนกันไปก่อน


จ้าวอิงสยงในเวลานี้กลับได้ยินเสียงโทรทัศน์ที่กำลังฉายรายการอยู่กำลังเปลี่ยนฉาก  จึงพูดกลั้วหัวเราะแซวไปว่า “ในที่สุดแม่ก็คิดได้สักทีว่าควรเปลี่ยนได้แล้ว ทีวีจอสีดูสบายตากว่าใช่มั้ยล่ะ?”


หานซู่ฉินเองก็สังเกตเห็นเช่นกันเลยยิ้มหยอกไปหลายประโยคแต่ในหัวก็มีเรื่องให้ขบคิดเต็มไปหมด จึงไม่ได้กระตือรือร้นอย่างแต่ก่อน


คุณย่าเองก็พูดยิ้มตาหยี “นี่เสี่ยวเหยียนก็เป็นคนซื้อให้ฉัน เขาเป็นคนส่งมาด้วยตัวเองเลยนะ”


หานซู่ฉินใช้ชีวิตร่วมกับคุณย่ามาหลายสิบปีย่อมรู้นิสัยใจคอของคุณแม่สามีตัวเองเป็นอย่างดี แค่เห็นท่าทางของคุณย่าก็รู้เลยว่าอีกฝ่ายพึงพอใจต่อเหยียนหมิงซุ่นขนาดไหน ใจก็หล่นวูบพร้อมกับได้ยินเสียงระฆังดังเตือน


เหยียนหมิงซุ่นเป็นใครกัน เหมยเหมยชอบ คุณย่าเองก็ชอบ แม้คุณปู่จะไม่ได้แสดงออกว่าชอบแต่ก็ดูไม่รังเกียจอะไร ซึ่งทำให้หานซู่ฉินไม่พอใจเป็นอย่างมาก


“เด็กคนนี้ดีไม่ใช่เล่น ส่งทีวีจอสีมาให้ตั้งไกล แถมยังดูสนิทกับเหมยเหมยของเรามากเลยนะ!”


หานซู่ฉินพูดหยอกเย้าและคอยสังเกตสีหน้าท่าทีของคุณย่ากับเหมยเหมยในเวลาเดียวกัน


คุณย่าแสดงออกว่าพอใจและชื่นชอบ ส่วนเหมยเหมยกลับเขินอายและชอบใจ หานซู่ฉินที่ทำงานฝ่ายประสานงานในองค์กรมาหลายสิบปีก็พอจะได้คำตอบแล้ว


หานซู่ฉินที่แต่เดิมยังไม่ร้อนใจเท่าไรก็ตัดสินใจด้วยความรวดเร็ว ต้องรีบให้หลานชายฝั่งสกุลของเธอมาทำความรู้จักกับเหมยเหมยเสียแล้ว ถ้าเรือล่มในหนองแล้วทองจะไปไหนได้อีก


………………………


ตอนที่ 814 ก้างขวางคอเป็นกลุ่ม


คุณปู่จ้าวไม่ค่อยอยากคุยเรื่องเหยียนหมิงซุ่นนักจึงเสนอให้ทุกคนเลือกร้านอาหารเพื่อเบี่ยงประเด็น พวกผู้ใหญ่อย่างจ้าวอิงสยงไม่มีใครออกความคิดเห็น มีเพียงพวกจ้าวเสวียไห่ที่ดูฮึกเหิม เสนอความคิดเห็นกันทีละประโยคสองประโยคสลับกันไปมาขับให้บรรยากาศดูครึกครื้นขึ้นกว่าเดิม


เหมยเหมยเองก็ซึ้งใจ พวกจ้าวอิงสยงเจียดเวลาจากงานตัวเองเพื่อมาฉลองวันเกิดให้เธอ น้ำใจแบบนี้หาได้ยากจริงๆ เธอในตอนนี้นึกโชคดีที่ได้กลับมาบ้านตระกูลจ้าว ทำให้เธอได้สัมผัสกับความอบอุ่นของครอบครัว


ช่วงบ่ายเหยียนหมิงซุ่นโทรมานัดเหมยเหมยไปทานข้าว เดิมทีคุณปู่จ้าวไม่ยินยอมให้ไปเพราะเขายังติดใจเรื่องที่เหยียนหมิงซุ่นไปสโมสรอยู่!


แต่คุณย่าช่วยหว่านล้อมอยู่นาน ไหนจะทนความอ้อนของเหมยเหมยไม่ได้คุณปู่จ้าวจึงจำใจต้องตอบตกลงไป แต่เขาก็ไม่ไว้วางใจให้เหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นอยู่ด้วยกันสองต่อสองเลยสั่งให้กลุ่มผู้พิทักษ์คอยตามไปด้วย


เหยียนหมิงซุ่นยืนรอสาวผู้เป็นที่รักที่หน้าประตูใหญ่ของเขตชุมชน แต่ด้านหลังที่เดินตามกันมาเป็นพรวนนั่นหมายความว่าอย่างไร?


“คุณปู่ไม่ไว้วางใจให้ฉันมาคนเดียว” เหมยเหมยยู่ปาก ปรายตามองพวกคนด้านหลังด้วยสายตารังเกียจ


เธอเองก็ไม่ชอบที่มีก้างขวางคอมาด้วยนี่นา มันน่ารำคาญจะตาย ทั้งจ้าวเสวียหลิน จ้าวเสวียไห่ จ้าวเสวียกง จ้าวเสวียเอ๋อร์ สยงมู่มู่และเจ้าอ้วนน้อยอยู่กันครบ ทุกคนกำลังโบกมือทักทายเหยียนหมิงซุ่นกันอย่างพร้อมเพรียง


เหยียนหมิงซุ่นเองก็ปวดหัวที่มีก้างขวางคอมามากมายขนาดนี้ จะไม่ให้เขาได้ใช้เวลาส่วนตัวกับเหมยเหมยเลยหรืออย่างไร?


วันนี้เขาอยากจะฉลองวันเกิดให้กับเจ้าหญิงตัวน้อย อยากจะฉลองวันเกิดที่จะทำให้เหมยเหมยลืมไม่ลงจนกว่าเขาจะตายจากไป!


นั่นยิ่งทำให้เหยียนหมิงซุ่นอยากจะสลัดคนกลุ่มด้านหลังหลุดออกไปให้พ้น แต่พวกจ้าวเสวียหลินเองก็ใช่ย่อยคอยจับตาดูไม่ห่าง ติดแน่นอย่างกับปลาหมึกที่สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด


“เหยียนหมิงซุ่นนายมัวเดินอ้อมทำไม? จะกินข้าวอยู่มั้ยเนี่ย!” จ้าวเสวียหลินตะคอกเสียงดังอย่างไม่พอใจ


เหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยสบตากันอย่างระอาแวบหนึ่งแล้วจำใจต้องยอมรับชะตากรรม พาก้างขวางคอทั้งกลุ่มไปยังร้านอาหารที่เขาจองไว้ล่วงหน้า เดิมทีเขาอยากเหมาสวนสนุก แต่ตอนนี้เป็นฤดูท่องเที่ยวของสวนสนุก แม้เขาจะจ่ายมากแค่ไหนก็ไม่ยอมให้เหมา


อีกอย่างเกิดเรื่องวันนั้นที่สโมสรคิดว่าคุณปู่จ้าวคงไม่อนุญาตให้เหมยเหมยออกไปเที่ยวทั้งวันแน่ ดังนั้นเขาเลยตัดสินใจเหมาทั้งร้านอาหารเพื่อให้ได้ใช้เวลาส่วนตัวกับเหมยเหมยอย่างแท้จริง โดยไม่มีใครมารบกวนเขากับเหมยเหมย แต่แล้วก็–


เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองเจ้าพวกน่ารำคาญที่ตามติดอยู่ด้านหลังก็ขนลุกไปทั้งศีรษะ มีสายตาหลายคู่จับจ้องอยู่แบบนี้เขาจะตั้งตารอให้เจ้าหญิงตัวน้อยป้อนเขาได้อย่างไรเล่า?


แล้วจะพูดคำหวานใส่ได้อย่างไร?


จะแอบตอดเล็กตอดน้อยได้อย่างไร?


จ้าวเสวียหลินเห็นความหน่ายใจของเหยียนหมิงซุ่นชัดเต็มสองตาก็แอบยิ้มในใจ ไอ้เด็กน้อย ทีนี้ดูสิว่าแกจะสลัดพวกเราให้หลุดได้อย่างไรอีก?


“เหยียนหมิงซุ่น รสชาติอาหารร้านนี้อร่อยไหม? ทำไมไม่มีลูกค้าสักคน รสชาติไม่ดีหรือเปล่า!” จ้าวเสวียหลินถามเชิงหาเรื่องด้วยท่าทางอย่างคุณชายใหญ่


จ้าวเสวียกงเองก็พูดคล้อยตาม “ใช่ ไม่เห็นมีแม้แต่ผีสักตัว มันบ่งบอกว่าร้านอาหารร้านนี้ฝีมือไม่ค่อยเท่าไหร่ หรือว่าเราจะไปกินที่เฉวียนจวี้เต๋อกันเถอะ!”


จ้าวเสวียไห่ปรบมือเห็นด้วย เป็ดย่างเป็นของโปรดของเขา ถ้าเป็นอย่างนั้นน่าจะดีกว่า แต่จ้าวเสวียเอ๋อร์นั้นจับผิดสังเกตได้เลยถามเหยียนหมิงซุ่น “นายเหมาร้านสินะ?”


เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้า “ใช่ คนเยอะวุ่นวาย ฉันเลยเหมาทั้งร้าน”


เมื่อเห็นท่าทางเบิกตากว้างอ้าปากค้างด้วยความตกใจของพวกจ้าวเสวียหลิน เหยียนหมิงซุ่นถึงรู้สึกสะใจขึ้นมาบ้างปรบมือเรียกพนักงานมาให้เสิร์ฟอาหารที่เขาสั่งไว้ก่อนหน้านี้ รวมทั้งสั่งเมนูแนะนำของร้านนี้เพิ่ม มีเท่าไรเอามาให้หมด


………………………


 ตอนที่ 815 หัวหน้าแก๊ง


อาหารถูกเสิร์ฟมาอย่างรวดเร็ว  ฝีมือการทำอาหารของเชฟก็ไม่ธรรมดา อาหารที่เสิร์ฟนั้นทั้งหน้าตาน่าทานและรสชาติดีเยี่ยม พวกจ้าวเสวียหลินแต่ละคนทานจนปากเลอะไปด้วยคราบน้ำมัน ต่อให้พวกเขาจะปากไม่ตรงกับใจขนาดไหนแต่พวกเขาก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ว่าอาหารไม่อร่อย


แต่จะให้พวกเขาพูดว่าอร่อยก็เป็นไปไม่ได้ แต่ละคนเลยตัดสินใจที่จะปิดปากเงียบก้มหน้าก้มตาทานไปโดยไม่ส่งเสียงใดๆ


เหยียนหมิงซุ่นสั่งอาหารจานโปรดของเหมยเหมยมา เหมยเหมยเองก็ทานอย่างเอร็ดอร่อยแต่เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่ค่อยพอใจนัก ยิ่งเห็นเจ้าพวกมูมมามเหมือนหมาป่าที่หิวมาหลายวันก็ยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตา


“เหมยเหมย อีกวันสองวันฉันจะพาเธอไปนั่งชิงช้าสวรรค์แล้วก็เครื่องเล่นอย่างอื่นที่สวนสนุกนะ แค่เราสองคน” เหยียนหมิงซุ่นกระซิบข้างหูเหมยเหมย


“ได้สิ ถึงตอนนั้นฉันจะแอบย่องออกมาไม่ให้พวกเขาจับได้” เหมยเหมยก็ตอบกลับเสียงเบา ทั้งคู่มองหน้าแล้วหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน


จ้าวเสวียหลินทำหูผึ่งแต่ก็ไม่ได้ยินว่าน้องสาวตนคุยอะไรกับเหยียนหมิงซุ่นเลยพ่นลมออกมาทางจมูก ผู้หญิงมักลำเอียงเข้าข้างคนนอก เหมือนคนโบราณพูดไว้ไม่มีผิดเลยจริงๆ


ระหว่างที่ทานอาหารอยู่พนักงานก็เข็นรถเข้ามา บนรถเข็นมีเค้กวันเกิดที่ปักเทียนไว้สิบห้าแท่ง เค้กไม่ได้ขนาดใหญ่มากแต่กลับสวยงามและประณีต


บนหน้าเค้กเขียนไว้ว่า ‘สุขสันต์วันเกิดเหมยเหมย!’


เหยียนหมิงซุ่นโน้มหน้าพูดด้วยเสียงหัวเราะข้างหูของเหมยเหมย “สุขสันต์วันเกิดนะเหมยเหมย ฉันขอฉลองให้เธอล่วงหน้าหนึ่งวันนะ”


เหมยเหมยเอามือปิดปากอย่างตกใจแล้วพูดด้วยเสียงค่อนขอด “ฉันคิดว่าพี่จำไม่ได้แล้วซะอีก?”


“จะเป็นไปได้ยังไง ต่อให้ลืมวันเกิดของตัวเองฉันก็ไม่ลืมวันเกิดเหมยเหมยหรอก”


ระดับความปากหวานของเหยียนหมิงซุ่นพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เหมยเหมยถูกพูดเอาใจจนรู้สึกปลื้มปริ่มและเขินอายอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าแดงระเรื่อ  ยิ่งดูเย้ายวนใจมากขึ้นเมื่ออยู่ภายใต้แสงไฟ


เหยียนหมิงซุ่นมองจนตาค้าง จนมองข้ามก้างขวางคอที่อยู่รอบข้างไปโดยปริยาย สายตาสองคู่สอดประสานกัน ณ เวลานี้สายตาทั้งคู่มีเพียงกันและกัน


จ้าวเสวียหลินเห็นแล้วไฟในตาก็ลุกโชน ปรับลมปราณในร่างกายให้ดีก่อนจะกระแอมไออย่างแรงไปทีหนึ่ง แล้วตวัดตาดุดันใส่เหยียนหมิงซุ่นแวบหนึ่ง


ไอ้โรคจิตกล้าเจ้าชู้ใส่เหมยเหมยต่อหน้าเขา ไม่เห็นว่ามีเขาอยู่ตรงนี้หรือไง!


ได้ยินเสียงเตือนของพี่ชาย เหมยเหมยอายจนรีบก้มหน้ายัดอาหารใส่ปากไปเรื่อยๆ เหยียนหมิงซุ่นไม่กลัวจ้าวเสวียหลิน จึงถลึงตากลับไปแวบหนึ่งนั่นทำเอาจ้าวเสวียหลินโกรธแทบแย่ แต่เขาก็ทำอะไรเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายก็แค่คุยกันก็เท่านั้น


แม้จะใกล้กันไปหน่อย บรรยากาศจะดูคลุมเครือไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้ล่วงเกินอะไรนี่นา!


เหยียนหมิงซุ่นให้พนักงานวางเค้กไว้กลางโต๊ะแล้วให้ทุกคนช่วยร้องเพลงวันเกิดด้วยกัน พร้อมทั้งช่วยเป่าเทียนวันเกิดให้เหมยเหมย ใบหน้าทุกคนแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มอย่างไร้ความกังวลใจ


“เหมยเหมยอธิษฐานอะไรเหรอ?” สยงมู่มู่ถามด้วยความสงสัย


“ไม่บอกหรอก ถ้าพูดออกมาก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์สิ” เหมยเหมยเชิดเสียงใส่อย่างเย่อหยิ่ง


จริงๆ คำอธิษฐานของเธอไม่มีอะไรมาก แค่หวังให้เธอกับเหยียนหมิงซุ่นอยู่ด้วยกันตลอดไป และหวังว่าตระกูลจ้าวจะสงบสุขอยู่รอดปลอดภัยตลอดไป


“รีบตัดเค้กเถอะ เค้กของเอลี่คลับอร่อยมากเลยนะ คราวก่อนเค้กวันเกิดของเพื่อนฉันก็ของร้านนี้แหละ อร่อยจนฉันแทบจะกลืนลิ้นตัวเองเข้าไปด้วย”


จ้าวเสวียกงจ้องเค้กจนน้ำลายไหล เขาตาแหลมพอที่จะสังเกตเห็นป้ายยี่ห้อบนริบบิ้นมานานแล้ว ซึ่งเป็นเค้กร้านเอลี่คลับที่ชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในเมืองหลวง ได้ข่าวว่าเจ้าของร้านคือชาวตะวันตก รสชาติยอดเยี่ยมสมชื่อจริงๆแต่ราคาก็แพงตามไปด้วย มีครั้งหนึ่งเขาอยากกินจนทนไม่ไหวเลยไปดูราคา แต่พอเห็นราคาก็ต้องตกใจและไม่กล้าไปเหยียบเข้าร้านอีกเลย


“เจ้าหก คนสกุลเหยียนนี้ที่บ้านทำอะไร ดูท่าทางของเขาสิ ชิ! วางมาดเหลือเกิน” จ้าวเสวียกงถามจ้าวเสวียหลินเสียงเบา


………………………..


ตอนที่ 816 ยังมีเซอร์ไพรส์


แม้จ้าวเสวียหลินไม่ชอบให้เหยียนหมิงซุ่นตามตื๊อน้องสาวแต่เขาก็แอบชื่นชมหมอนี่อยู่ไม่น้อย หาเงินได้มากมายตั้งแต่อายุยังน้อย คนทั่วไปไม่ได้มีความสามารถขนาดนี้หรอกและรวมถึงเขาเองด้วยเช่นกัน


“เขาทำธุรกิจหาเงินได้ไม่น้อย เหมยเหมยหาเงินได้ก็เพราะเขา” จ้าวเสวียหลินพูดตามตรง


พวกจ้าวเสวียกงนึกอิจฉาขึ้นมาจับใจ แต่จ้าวเสวียเอ๋อร์กลับมองตาเป็นประกายและยิ่งชื่นชมเหยียนหมิงซุ่นมากกว่าเดิม พื้นเพครอบครัวหมอนี่ดีกว่าเขาเยอะ เจ็บใจจัง!


เหมยเหมยเริ่มตัดเค้ก เสียดายที่เค้กไม่ใหญ่มากเลยแบ่งได้แค่คนละชิ้นเล็กๆ ชิ้นเล็กถึงขนาดไม่พอให้จ้าวเสวียกงทานได้เต็มคำ


“อร่อย แต่น้อยไปหน่อย” จ้าวเสวียกงกล่าวด้วยความรู้สึกขัดใจ


สยงมู่มู่ก็โวยวายใส่เหยียนหมิงซุ่นอย่างไม่พอใจ “ดูความขี้เหนียวของนายสิ ทำไมไม่สั่งชิ้นใหญ่กว่านี้ แค่นี้จะไปพอยาไส้อะไร”


คนอื่นก็พยักหน้าตาม นั่นสิ พอเค้กนั่นกระตุ้นความอยากพวกเขาให้อยากกินต่อแต่เค้กก็กลับหมดไปเสียแล้ว จะให้พวกเขาผ่านคืนนี้ไปได้อย่างไร?


เหยียนหมิงซุ่นปรายตามองกลุ่มคนที่ไม่พอใจด้วยสายตาราบเรียบแวบหนึ่งพลางพูดประชดว่า “พวกนายไม่ได้อยู่ในแผนของฉันก่อนอยู่แล้ว เค้กนี้ฉันก็สั่งมาให้เหมยเหมยกินคนเดียว”


เรียกร้องตามมาเอง มีข้าวให้กินก็ดีแค่ไหนแล้ว ยังจะโวยวายอะไรอีก!


เหมยเหมยปิดปากกลั้นขำ สมน้ำหน้าที่โดนพี่หมิงซุ่นตอกกลับ ใครสั่งให้พวกเขามาเป็นก้างขวางคอกันล่ะ!


แต่ละคนโดนเหยียนหมิงซุ่นตอกกลับจนตัวลีบไม่กล้าพูดอะไรอีก เพราะพวกเขาก็ไม่ได้หน้าด้านขนาดนั้น ทุกคนเงียบเสียงแล้วทานข้าวกันต่อไม่ปริปากพูดอะไรอีก


เหยียนหมิงซุ่นเห็นเหมยเหมยทานใกล้เสร็จแล้วก็ล้วงซองเอกสารจากกระเป๋าด้านหลังยื่นให้เหมยเหมย “ของขวัญวันเกิดของเธอ ลองเปิดดูสิว่าชอบหรือเปล่า?”


เหมยเหมยไม่คิดว่าจะมีเซอร์ไพรส์อีกเลยรีบเปิดซองเก็บเอกสารที่ทำจากหนังวัวอย่างดีใจ ข้างในเป็นหนังสือสัญญาหนึ่งปึกที่น่าจะมีราวๆ สิบกว่าหน้า แค่อ่านหัวข้อเธอก็รู้ได้ทันทีว่าคืออะไร เป็นหนังสือสัญญาเปิดร้านแฟรนไชส์ของเคเอฟซี เธอมองไปทางเหยียนหมิงซุ่นอย่างตกตะลึง นี่มันเรื่องอะไรกัน?


เหยียนหมิงซุ่นใช้นิ้วแตะจมูกของเธอ นั่นเรียกสายตาแปดคู่ให้หันมาอย่างพร้อมเพรียงเลยต้องชักมือกลับอย่างรวดเร็ว


“ตอนแรกอยากเปิดที่เมืองหลวงแต่โดนคนอื่นแย่งสิทธิ์ในเมืองหลวงไปแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นพูดด้วยความเสียดาย สำหรับเขาแค่เมืองจินมันไม่พอ เดิมทีเขาเตรียมเปิดร้านอาหารตะวันตกที่เมืองหลวงก่อนแล้วค่อยๆ ขยายธุรกิจไปที่อื่น


แต่เขาก็ช้าไปหนึ่งก้าวทำให้โดนคนอื่นแย่งสิทธิ์ไป เขาเลยต้องยอมถอยไปเปิดที่เมืองจิน แล้วตัดสินใจว่ารออีกสองปีค่อยมาเปิดที่เมืองหลวง


เหมยเหมยปิดปากกลั้นขำ “พี่รู้มั้ยว่าใครเป็นคนแย่งสิทธิ์แฟรนไชส์ที่เมืองหลวงไป?”


ความจริงเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้อยากรู้แต่เขาเป็นคนที่คิดรอบคอบ พอเหมยเหมยถามแบบนี้ อีกทั้งเห็นสีหน้าได้ใจของพวกจ้าวเสวียไห่เขาเลยพอเดาออกว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร


“คงไม่ใช่พี่สามของเธอหรอกนะ?” เหยียนหมิงซุ่นตอบอย่างมั่นใจ


เหมยเหมยกะพริบตาด้วยความตะลึง แล้วพูดด้วยความดีใจ “พี่หมิงซุ่นเก่งจัง!”


เหยียนหมิงซุ่นยิ้มอย่างได้ใจ ชอบนักเวลาที่เจ้าหญิงน้อยมองตนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความนับถือและชื่นชม ต่อให้หาเงินได้มากขนาดไหนก็ไม่ดีใจเท่านี้


จ้าวเสวียเอ๋อร์เองก็รู้สึกได้ใจมากเช่นกันเพราะเขาสามารถแย่งมาได้ เขายิ้มถามตาหยี “หมิงซุ่นเตรียมเปิดที่เมืองจิน? ฉันได้ยินว่าฤดูใบไม้ผลิปีหน้าที่เมืองจินจะมีกิจการร้านหนึ่งเปิดบริการ คงไม่ใช่นายหรอกนะ?”


เหยียนหมิงซุ่นส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ ร้านนั้นได้สิทธิ์ก่อนหน้าฉัน กว่าฉันจะเปิดได้ก็ต้องรอปีถัดไป”


สยงมู่มู่ออกจะผิดหวังเล็กน้อย “ทำไมต้องรอปีถัดไปด้วย แล้วเมื่อไหร่ถึงจะได้กินเนี่ย?”


เดิมทีเขากะว่าจะรอร้านอาหารของเหยียนหมิงซุ่นเปิดให้บริการก็จะไปทานบ่อยๆ สักหน่อย!


เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้สนใจเขาแต่เริ่มพูดคุยกับจ้าวเสวียเอ๋อร์แทน พวกเขาสองคนมีเรื่องที่พูดคุยกันถูกคออยู่มากทีเดียว


……………………….


 ตอนที่ 817 รู้คนรู้หน้าไม่รู้ใจ


หลังทานเสร็จจ้าวเสวียเอ๋อร์กับเหยียนหมิงซุ่นก็ดูจะสนิทกันมากขึ้น หรือจะเรียกว่าถนอมความสัมพันธ์กันมากกว่า


“ร้านของฉันเปิดตอนต้นเดือนสิงหาคม ถึงตอนนั้นหมิงซุ่นนายต้องมานะ” จ้าวเสวียเอ๋อร์ออกปากชวนอย่างอบอุ่น


“แน่นอน  ฉันจะส่งกระเช้าดอกไม้อันใหญ่ไปด้วย” เหยียนหมิงซุ่นยิ้มตอบ


เขาชื่นชมจ้าวเสวียเอ๋อร์อยู่พอสมควรแม้เขาจะมีความรู้สึกดีที่ได้อยู่เหนือกว่าคนในแวดวงสังคมนั้นอยู่บ้างซึ่งก็ช่วยไม่ได้  สิ่งที่ถูกแทรกซึมลงกระดูกมาตั้งแต่เล็กไม่ว่าอย่างไรก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่จ้าวเสวียเอ๋อร์นั่นติดดินมากกว่าพวกจ้าวเสวียหลิน แม้ว่าจ้าวเสวีนหลินจะพยายามเปลี่ยนตัวเองแต่นั่นก็ยากเหลือเกิน


เหยียนหมิงซุ่นมั่นใจว่าหากตระกูลจ้าวล่มจริงๆ  จ้าวเสวียเอ๋อร์น่าจะเป็นคนที่มีชีวิตสุขสบายที่สุดในบรรดาคนของตระกูลจ้าว


พวกจ้าวเสวียหลินกับจ้าวเสวียกงทำไม่ได้เพราะมีนิสัยเถรตรงไม่รู้จักอ้อมค้อม คนแบบนี้กลัวก็แต่ไม่ตายไปด้วยกันก็เจ็บหนักอยู่ฝ่ายเดียว ไม่มีผลลัพธ์ที่ดีได้หรอก!


เหยียนหมิงซุ่นฉุดมือเหมยเหมยไปโต๊ะอื่นเพื่อให้ไกลจากพวกจ้าวเสวียหลินขึ้นมาหน่อย เขามีเรื่องต้องคุยกับเหมยเหมยเป็นการส่วนตัวและไม่อยากให้พวกจ้าวเสวียหลินได้ยิน จ้าวเสวียหลินอยากลุกไปห้ามแต่ถูกจ้าวเสวียเอ๋อร์คว้าตัวไว้


“อย่าทำตัวตื่นตูมไป อยู่ตรงหน้านี้แท้ๆ มีอะไรต้องเป็นห่วง?”


จ้าวเสวียหลินคิดๆ แล้วก็เลยนั่งลง แต่ตากลับจ้องเขม็ง


เหยียนหมิงซุ่นถามเหมยเหมยเสียงเบา “เฮ่อเหลียนเช่อไม่ถูกกับตระกูลจ้าวใช่มั้ย?”


เหมยเหมยหน้าถอดสีพลางมองเขาด้วยความตกใจ เหยียนหมิงซุ่นใจหล่นวูบ เขาไม่ต้องฟังคำตอบแล้ว พี่เฉิงไม่ได้โกหกเขา สถานการณ์ที่เขาว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น


หัวใจของเขาบีบคั้นแน่น เขาไม่อยากให้เหมยเหมยเป็นอะไรไป เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง!


“เหมยเหมย เธอให้คุณปู่เธอระวังตัวหน่อย ฉันได้ยินว่าเฮ่อเหลียนเช่อร้ายกาจมาก” เหยียนหมิงซุ่นย้ำเตือน


“ฉันบอกคุณปู่ไปแล้ว คุณปู่บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง”


เหมยเหมยค่อนข้างมั่นใจในตัวคุณปู อีกอย่างเธอไม่คิดว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะทำอะไรตระกูลจ้าวได้!


ในเมื่อตอนนี้ตระกูลจ้าวมีหน้ามีตาและได้หน้าจากนายใหญ่พอสมควร ตีสุนัขยังต้องดูเจ้าของด้วยแหนะ!


อย่างไรเสียเฮ่อเหลียนเช่อก็ต้องไว้หน้านายใหญ่สินะ!


แต่เหมยเหมยกลับไม่รู้ว่าคนบ้าบิ่นอย่างเฮ่อเหลียนเช่อ แม้แต่นายใหญ่ยังไม่อยู่ในสายตา แล้วจะเกรงกลัวตระกูลจ้าวได้อย่างไร?


เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้บอกความจริงให้เด็กสาวฟังเพราะเขาไม่อยากทำให้เธอตกใจ เรื่องภายนอกไม่ควรให้เหมยเหมยคิดมาก เขาจะหาวิธีแก้ไขเอง


เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนย้ำเตือนอีกครั้ง “เหมยเหมยกลับบ้านไปก็เล่าเรื่องเฮ่อเหลียนเช่อให้พ่อเธอรู้ด้วยนะ ให้เขาได้เผื่อใจไว้ด้วย”


หากพูดถึงคนตระกูลจ้าวที่จะไม่ทำร้ายเหมยเหมยมากที่สุดมีเพียงแค่สองสามีภรรยาจ้าวอิงหัว ต้องให้จ้าวอิงหัวทราบถึงความรุนแรงของเรื่องนี้ จะได้เตรียมตั้งรับกับอนาคตได้ทัน


เหมยเหมยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เหยียนหมิงซุ่นอดบีบจมูกเด็กสาวอีกครั้งไม่ได้ เหมยเหมยที่แสนดีขนาดนี้ไม่ควรถูกทำร้าย เขาจะต้องปกป้องเธอ!


“มีอีกเรื่องที่เหมยเหมยต้องจำไว้ รู้คนรู้หน้าไม่รู้ใจ นอกจากพ่อแม่ของเธอ อย่าเชื่อใจคนอื่นมากรู้ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นพูดอีก


เหมยเหมยยิ่งฟังยิ่งรู้สึกแปลก เลยถามอย่างร้อนใจ “พี่หมิงซุ่นเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”


“เปล่า เธออย่าคิดมาก แค่อยากจะเตือนเธอนิดหน่อย กลัวเธอจะโง่โดนคนอื่นหลอกจับตัวไปขายแล้วยังต้องช่วยเขานั่งนับเงินอีก” เหยียนหมิงซุ่นพูดหยอก


เหมยเหมยเบะปากอย่างไม่พอใจ “พี่ต่างหากที่โง่ ตอนนี้ฉันฉลาดมากนะ”


เธอเข้าใจความหมายเหยียนหมิงซุ่นดี คงอยากให้เธออย่าเชื่อใครในครอบครัวนอกจากพ่อแม่ แต่เธอรู้สึกว่าเหยียนหมิงซุ่นดูกังวลเกินเหตุ


………………………….


ตอนที่ 818 ป้องกัน


แม้เหมยเหมยจะคิดว่าเหยียนหมิงซุ่นขี้ระแวงจนเกินไป แต่เธอก็รับปากเหยียนหมิงซุ่นเป็นเชิงว่าเธอจะจดจำให้ขึ้นใจ วันนี้เหยียนหมิงซุ่นมาฉลองวันเกิดให้เธอโดยเฉพาะ ช่วงเวลาที่ดีงามเช่นนี้เธอไม่อยากให้เหยียนหมิงซุ่นไม่พอใจ ก็ทำตามใจเขาก็แล้วกัน!


กลับถึงบ้านเหมยเหมยก็โดนหานซู่ฉินดึงตัวไปพูดคุยด้วยความกระตือรือร้น บรรยากาศภายในบ้านอบอุ่นจนเหมยเหมยเองยังรู้สึกว่าโรคขี้สงสัยของเหยียนหมิงซุ่นกำลังจะกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว


ไว้วันหลังเธอต้องอธิบายให้เหยียนหมิงซุ่นเข้าใจดีๆ ว่าคนในครอบครัวดีกับเธอมากจริงๆ เธอไม่อยากคิดถึงพวกเขาในแง่ร้ายจนเกินไป!


วันรุ่งขึ้นเหยียนหมิงซุ่นก็ไปพบกับพี่เฉิงทันทีก่อนล่วงหน้าวันนัดกับพี่เฉิงอีกตั้งหนึ่งวัน


พอได้คำตอบยืนยันจากเหมยเหมยมันก็สร้างความกดดันให้เหยียนหมิงซุ่น เขาจะต้องรีบแข็งแกร่ง เขากำลังวิ่งแข่งกับเวลา!


ในเมื่อพระเจ้าสร้างทางลัดให้เขา แล้วทำไมเขาถึงต้องทอดทิ้งมัน?


ส่วนจุดประสงค์ของพี่เฉิงกับลุงหมิง เหยียนหมิงซุ่นไม่สนใจ เขาไร้อำนาจไร้บารมี เงินทองก็ไม่ได้เยอะไปกว่าพวกเขา อย่างมากที่สุดก็คงให้เขาช่วยทำบางอย่างให้พวกเขาล่ะมั้ง!


เรื่องพวกนี้ไว้ค่อยคุยทีหลัง บางทีในอนาคตอาจจะพอมีแสงสว่าง!


เดิมทีชีวิตเราก็คือการพนันอย่างหนึ่ง อยู่ที่ว่าเธอจะกล้าพนันหรือเปล่า ถ้าชนะก็มีอนาคตที่สดใสราวกับท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง ถ้าเกิดแพ้ขึ้นมาอย่างมากก็แค่ตาย!


แต่เขาเชื่อมั่นว่าเขาต้องไม่แพ้!


พี่เฉิงไม่ได้แปลกใจกับคำขอพบก่อนเวลานัดล่วงหน้าจากเขา เหมือนจะมั่นใจว่าเขาคงต้องตอบตกลงเลยนัดไว้ที่ห้องส่วนตัวที่ร้านน้ำชาหวังปาดังเดิม


“คิดดีแล้วเหรอ?” พี่เฉิงรินน้ำชาช้าๆ ดูไม่รีบร้อนแต่อย่างใด


“คิดดีแล้วครับ ผมอยากแข็งแกร่งกว่านี้ หวังว่าลุงเฉินจะช่วยผมได้” เหยียนหมิงซุ่นแววตาแน่วแน่ไร้ความลังเลแต่อย่างใด


พี่เฉิงยิ้มอย่างพึงพอใจ “คิดดีแล้วก็ดี ตอนนี้เราขึ้นเรือลำเดียวกันแล้ว เธอดีฉันก็ดี เธอแย่ฉันก็แย่เช่นกัน”


เหยียนหมิงซุ่นรีบแสดงความจงรักภักดีทันที “ลุงเฉินวางใจได้ ผมไม่ใช่คนที่จะลืมบุญคุณ”


“คำพวกนี้ไม่ต้องพูดมากหรอก ไม่มีความหมาย ดื่มชาสิ ฉันจะพาเธอไปพบคนคนหนึ่ง คนที่อนาคตเธอต้องเรียกว่าพ่อบุญธรรม”


พี่เฉิงยื่นน้ำชาที่รินเสร็จให้เหยียนหมิงซุ่นก่อนจะอมยิ้มมองหน้าเขา


เหยียนหมิงซุ่นยกแก้วน้ำชาดื่มทีเดียวแล้วโชว์ก้นแก้วให้พี่เฉิงดู พี่เฉิงยิ้มอย่างมีเลศนัย“วางใจได้ ตอนนี้เราเป็นพวกเดียวกันแล้ว ไม่วางยาพิษหรอก”


เหยียนหมิงซุ่นเองก็หัวเราะ “ลุงเฉินล้อผมเล่นแล้ว”


เห็นเหยียนหมิงซุ่นเปิดปากพูดออกมา  รอยยิ้มของพี่เฉิงก็กว้างกว่าเดิม ลุกขึ้นเดินไปที่ประตู “ไปเถอะ เวลานี้กำลังดี คนคนนั้นน่าจะเพิ่งตื่นจากนอนกลางวัน”


เหยียนหมิงซุ่นรีบเดินตามหลัง แล้วสำรอกน้ำที่แอบอมไว้ในลำคอลงบนผ้าเช็ดหน้าก่อนรีบเก็บผ้าเช็ดหน้าไว้ในกระเป๋า


แม้แต่ลุงหมิงเขายังไม่กล้าเชื่ออย่างเต็มอก ยิ่งกับพี่เฉิงที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกแล้วด้วย นับว่าโชคดีที่เขาเรียนศิลปะป้องกันตัวมาแต่เด็ก จึงสามารถเก็บน้ำไว้ในลำคอได้นานหนึ่งนาที ไม่ว่าในน้ำจะมีพิษหรือไม่ ระวังตัวไว้ก่อนคงไม่ผิดอะไร


เหยียนหมิงซุ่นรีบตามไปเดินข้างๆ พี่เฉิงเพื่อจะได้เดินขนาบคู่กันไป ตอนนั้นพี่เฉิงแอบสังเกตกระเป๋าของเหยียนหมิงซุ่นแวบหนึ่งก่อนเผยรอยยิ้มมีเลศนัยที่ยากจะคาดเดาความคิดได้ออกมา


“ลุงเฉิน คนคนนั้นชื่ออะไรเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นอดถามไม่ได้


“เฮ่อเหลียนชิง” พี่เฉิงตอบเสียงเรียบ


เหยียนหมิงซุ่นตะลึง “ลุงเฉิน เขาเกี่ยวข้องกับเฮ่อเหลียนเช่อใช่ไหม?”


“เกี่ยวอยู่แล้ว เฮ่อเหลียนชิงคือพ่อของเฮ่อเหลียนเช่อ” คำพูดของพี่เฉิงทำเอาคนฟังตกตะลึงจนแทบจะหยุดหายใจในทันที เหยียนหมิงซุ่นยากจะปกปิดความตกใจไว้ได้  แล้วมองเขาด้วยความสงสัย


“ลุงเฉิน เฮ่อเหลียนชิงมีลูกชายแล้วแท้ๆ ทำไมถึงหาลูกบุญธรรมอีกล่ะ? อีกอย่างผมไม่มีวันร่วมงานกับเฮ่อเหลียนเช่อเด็ดขาด” เหยียนหมิงซุ่นไม่เข้าใจเลยจริง ๆ


……………………..


ตอนที่ 819 ลูกเวร


“นายจะร้อนใจอะไร? ฟังฉันพูดให้จบก่อน อย่าเป็นกระต่ายตื่นตูม” พี่เฉิงสีหน้าราบเรียบและไม่ค่อยพอใจนักกับท่าทีตกใจของเหยียนหมิงซุ่น ยังต้องฝึกควบคุมอารมณ์อีกมาก!


เหยียนหมิงซุ่นรีบปิดปากเงียบรอฟัง อยู่ๆ พี่เฉิงก็แค่นเสียง พร้อมกับสีหน้าเย้ยหยันที่ไม่รู้เจาะจงที่ใคร ระหว่างเฮ่อเหลียนเช่อหรือเฮ่อเหลียนชิง?


“เฮ่อเหลียนเช่อไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ ของเฮ่อเหลียนชิง อีกอย่างสองพ่อลูกคู่นี้ไม่ถูกกันเหมือนน้ำกับไฟ” พี่เฉิงกล่าว


เหยียนหมิงซุ่นแอบตกใจ สังคมนี้ซับซ้อนน่าดู ลูกชายหาทางเล่นงานพ่อของตัวเอง แถมคนรักก็ไปมีชู้จนมีลูกชายมาเป็นตัวเป็นตน ช่างวุ่นวายเสียเหลือเกิน


เหยียนหมิงซุ่นนึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่าความจริงเฮ่อเหลียนเช่อเป็นลูกชายแท้ๆ ของลุงตัวเองก็อดตกใจไม่ได้


ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ เฮ่อเหลียนเช่อก็คือเด็กเวรที่ฟ้าดินก็ยังเอาไม่อยู่ มิน่าถึงได้โรคจิตขนาดนั้น ไม่สามารถใช้กฎเกณฑ์คนปกติไปตัดสินได้


“นายกำลังนึกถึงความสัมพันธ์ของเฮ่อเหลียนเช่อกับเจ้าสุนัขจิ้งจอกหนิงใช่มั้ย?” คล้ายว่าพี่เฉิงจะรู้ทันเหยียนหมิงซุ่น น้ำเสียงเย้ยหยันมากกว่าเดิม


“แค่เคยได้ยินข่าวลือมา ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ”


เหยียนหมิงซุ่นกลับมาทำหน้าเคร่งขรึมจริงจังเหมือนเดิม พยายามสงบนิ่งไม่ให้แสดงความรู้สึกออกมาบนใบหน้า เมื่อก่อนเขายังนึกภูมิใจในตัวเองที่เป็นคนสงบนิ่ง ไม่เหมือนยัยโง่เหมยเหมยที่คิดอะไรก็เขียนไว้บนหน้าผากไปเสียหมด แต่เขากลับรู้สึกว่าต่อหน้าพี่เฉิง เขากับเหมยเหมยไม่ได้ต่างกันเลย


สมแล้วที่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหยียนหมิงซุ่นจำต้องลดความทระนงตัวลงบ้าง นับจากนี้ไปจะไม่ดูถูกใครแม้แต่คนเดียว


พี่เฉิงหัวเราะเสียงเย็นชา จะจริงหรือเท็จคงมีภรรยาที่ตายไปแล้วของเฮ่อเหลียนชิงเท่านั้นที่รู้ แต่มีเรื่องหนึ่งที่มั่นใจได้คือเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆของเฮ่อเหลียนชิงแน่นอน ก็ทำหมันแล้วจะมีลูกชายได้อย่างไร?


“เดี๋ยวไปถึงที่นั่น พูดให้น้อยดูให้มาก หวังว่านายจะเข้าตาเขาบ้างก็แล้วกัน!” พี่เฉิงพูดเตือน


เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วถาม “ความหมายของลุงเฉินคือเรื่องที่ผมจะนับเฮ่อเหลียนชิงเป็นพ่อบุญธรรม อาจไม่สำเร็จสินะครับ?”


พี่เฉิงแค่นเสียงมองเขาด้วยสายตาเย้ยหยัน “แน่นอนอยู่แล้ว ฉันไม่ใช่ตาแก่เฮ่อเหลียนชิงสักหน่อย เขาจะฟังคำของฉันได้อย่างไร? อีกอย่างนายคิดว่าตัวเองเป็นของล้ำค่าที่ใครเห็นใครก็รักงั้นเหรอ? มีสิทธิ์อะไรที่เฮ่อเหลียนชิงจะถูกตาต้องใจนายตั้งแต่แวบแรก? ฉันเป็นแค่คนกลางที่แนะนำนายให้เฮ่อเหลียนชิงเท่านั้น ส่วนเรื่องที่จะเข้าตาเฮ่อเหลียนชิงได้หรือเปล่าก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของนายแล้ว”


เหยียนหมิงซุ่นใจดิ่งลงเหว เขามีความรู้สึกคล้ายจะถูกหลอก สองวันก่อนพี่เฉิงรับปากไว้อย่างดิบดี  แต่ตอนนี้เจ้าหมอนี่กลับบอกว่าตนเป็นเพียงคนกลางที่แนะนำให้รู้จักกันเท่านั้น


แม้เขาจะไม่พอใจอยู่เต็มอกแต่กลับไม่แสดงออกทางสีหน้า แค่ยิ้มน้อยๆ ไม่ดีใจและไม่พร่ำบ่น แม้แต่พี่เฉิงยังเดาความคิดเขาไม่ได้


ข่าวลือเกี่ยวกับเหมยเหมยในแวดวงสังคมนี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และถ้อยคำก็ร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ เหมยเหมยที่อายุเพียงสิบห้าปีถูกลือว่าเป็นเด็กสาวใจแตกและสำส่อน คนตระกูลจ้าวยังไม่รู้แต่หานซู่ฉินนั้นเคยได้ยินมาบ้าง แต่นิสัยเธอคล้ายคลึงกับเว่ยชิวเยวี่ย


หากเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองก็อยู่ให้ห่าง ยอมเป็นแค่คนที่คอยขจัดปัญหาแค่บ้านตัวเอง เงื่อนไขเดียวที่จะทำให้เธอยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องคนอื่นคือผลประโยชน์  เอาเข้าจริงแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่ใจแข็งดั่งหินผา แตกต่างจากรูปลักษณ์ที่ดูใจดีมีเมตตาของเธออย่างสิ้นเชิง


“แม่คะ ยังจำหลานชายฝั่งสกุลของฉันที่ชื่อจื่อฟู่ได้มั้ยค่ะ? เมื่อก่อนสมัยเด็กๆ แม่ชมเขาว่าหน้าตาหล่ออยู่บ่อยๆ!”


ช่วงบ่ายหานซู่ฉินชวนคุณย่าพูดคุยและจงใจพูดถึงหลานชายที่เธอคิดจะจับคู่ให้กับเหมยเหมยขึ้นมา อย่างไรเสียก็โยนหินถามทางไปก่อนละกัน!


…………………………


ตอนที่ 820 ทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี


คุณย่าจะไปจำได้แม่นยำขนาดนั้นได้อย่างไร นึกอยู่นานก็นึกไม่ออก ต้องให้หานซู่ฉินเอ่ยหลายครั้งถึงจะพอจำได้ลางๆ


“ฉันจำได้ละ ที่มาทานข้าวบ้านเราบ่อยๆ เรื่องก็ตั้งหลายปีก่อนแล้ว หน้าตาหล่อเหลาสะอาดสะอ้าน ตอนนี้น่าจะโตเป็นหนุ่มแล้วสินะ?” คุณย่ายิ้มกล่าว


“อายุสิบเก้าปีแล้วค่ะ เพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัย คะแนนสอบออกมาได้ตั้งสามร้อยกว่าคะแนนแหนะ!”


หานซู่ฉินพูดด้วยสีหน้าชอบใจ ครอบครัวฝั่งแม่เธอมีหลานชายหลานสาวตั้งมากมีเพียงคนนี้คนเดียวที่โดดเด่นกว่าคนอื่น หน้าตาก็หล่อเหลา  การเรียนก็ดี แถมยังเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าสาว ๆ อีกด้วย


คนแก่ล้วนชอบเด็กที่เรียนดี คุณย่าเองก็ไม่ต่าง เนื่องจากตัวเธอเองไม่ได้รับการศึกษามามากเลยชื่นชอบเด็กที่การเรียนดีเป็นพิเศษ พอได้ยินว่าหลานชายของหานซู่ฉินคะแนนสอบดีก็นึกชอบใจขึ้นมา


“เป็นเด็กดีจริงๆ จะไปเรียนมหาวิทยาลัยไหนล่ะ?” คุณย่าถาม


หานซู่ฉินตอบโดยไม่ต้องคิด “บังเอิญจริงๆ เตรียมจะไปเรียนที่เมืองจิน ถึงตอนนั้นคงต้องรบกวนสองสามีภรรยาอิงหัวช่วยดูแลหน่อยแล้ว!”


คุณย่านึกฉงน “ทำไมถึงไปเรียนทางใต้ล่ะ? เรียนที่เมืองหลวงก็ดีอยู่แล้ว ให้ไปไกลขนาดนี้พ่อแม่เธอวางใจเหรอ?”


หานซู่ฉินยิ้มตอบ “มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงคะไม่ใช่เด็กอายุสามขวบแล้วสักหน่อย แม่ฉันกับพี่สะใภ้ยังอาลัยอาวรณ์อยู่บ้าง แต่หลานชายฉันมีความคิดเป็นของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก เขายืนกรานจะไปเรียนที่ทางใต้ แม่กับพี่สะใภ้ฉันจะรั้นสู้เขาได้ที่ไหนล่ะ!”


คุณย่าเห็นด้วยจากใจ “รั้นไม่ไหวจริงๆ ตอนนั้นอิงหัวกับอิงหนานใจเหี้ยมยืนยันจะไปทำงานทางใต้เสียให้ได้ ฉันรั้งอย่างไรก็รั้งไม่อยู่ เฮ้อ!”


เหมยเหมยหดตัวอยู่ตรงซอกมุมโซฟาไม่ปริเสียง ถือโอกาสที่คุณย่ากำลังคุยกับหานซู่ฉินอย่างออกรสแอบเปลี่ยนช่องละครน้ำเน่าของฉยงเหยาไปเป็นการ์ตูนและนั่งดูอย่างเกียจคร้าน


จ้าวอิงหัวไปทำงานที่ทางใต้เพราะเห็นแก่ปัญหาด้านสุขภาพของแม่เธอ เลยพอมีเหตุผลที่ฟังขึ้น แต่จ้าวอิงหนานไม่ยอมอยู่เมืองหลวงซึ่งเป็นเรื่องที่คิดไม่ตกเป็นอย่างมาก


อาจจะเพื่อคุณพ่อสยงสินะ?


ในเมื่อแต่งงานกับใครก็ต้องไปอยู่กับคนนั้นสิ!


“เหมยเหมย อนาคตถ้าพี่ฟู่หย่วนไปเรียนกับเธอ เธอต้องช่วยดูแลด้วยนะ!”


เสียงหานซู่ฉินดังขึ้นข้างหู เหมยเหมยที่กำลังดูการ์ตูนเรื่องเทพธิดาดอกไม้เลยไม่ได้ตั้งใจฟัง มองหานซู่ฉินอย่างงงงวย


หานซู่ฉินพูดย้ำอีกทีเหมยเหมยก็ยิ้มให้อย่างเกรงใจ “ป้าสะใภ้สบายใจได้ค่ะ หนูจะทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีเลย!”


“ขอบใจเหมยเหมยมากนะ พี่ฟู่หย่วนเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดี รอเธอสนิทกับเขาก็จะรู้เอง” หานซู่ฉินยิ้มอย่างมีเลศนัย


เหมยเหมยยิ้มอีกครั้งโดยไม่ตอบอะไรอีก จะเข้ากันได้หรือไม่นั้นต้องรอให้เธอได้ใช้ชีวิตร่วมกันถึงจะรู้ คนอื่นพูดไม่นับหรอก หากหานฟู่หย่วนคนนี้เข้าหาง่ายจริงๆ อาจเป็นเพื่อนกันได้ ถ้าหากไม่ใช่ก็จะดูแลไปในฐานะญาติคนหนึ่ง


ทานข้าวเย็นเสร็จหานซู่ฉินเดินทางกลับบ้านแม่ บ้านแม่ของเธอไม่ได้อยู่ในเขตชุมชนเดียวกับตระกูลจ้าวแต่อยู่ในเขตชุมชนสำหรับครอบครัวทหารที่ค่อนข้างวุ่นวาย และนี่เป็นเหตุผลหลักที่หานซู่ฉินอยากจะจับคู่หลานชายกับเหมยเหมย


สามีและพี่ชายของเธอมีหน้ามีตาแล้วแต่รุ่นหลานๆ กลับไม่มีใครที่โดดเด่นยกเว้นหานฟู่หย่วน อยากให้ตระกูลหานไต่เต้าไปสูงกว่านี้ การแต่งงานคือวิธีที่ดีที่สุด


เดิมทีเธออยากแนะนำลูกสาวตระกูลอื่นให้หานฟู่หย่วน ใครจะคิดว่าจะมีเจ้าหญิงตัวน้อยหล่นมาจากฟ้าหละ นี่มันโอกาสอันดีที่พระเจ้ายื่นมาให้ตรงหน้าเธอเองไม่ใช่หรือ?


ตระกูลหานเองก็เพิ่งทานมื้อเย็นเสร็จต่างต้อนรับการมาของหานซู่ฉินอย่างอบอุ่น ในเมื่อหานซู่ฉินเป็นถึงสะใภ้ของตระกูลจ้าว เป็นหญิงสาวที่แต่งงานมีหน้าที่สุดของตระกูล


หานซู่ฉินได้บอกเล่าแผนการตัดสินใจของเธอไป เดิมทีคิดว่าครอบครัวฝั่งแม่จะรู้สึกโปรดปรานเพราะได้สิ่งที่ไม่คาดฝันนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันเกินความคาดหมายของเธอคือ พี่สะใภ้ที่ปกติเป็นคนเห็นแก่ผลประโยชน์มากที่สุดกลับเป็นคนคัดค้านคนแรก ส่วนหลานชายหานฟู่หย่วนเองก็ดูไม่ค่อยยินยอมเสียเท่าไรนัก


………………………


ตอนที่ 821 ไม่คิดเลยว่าจะกล้ารังเกียจได้ถึงเพียงนี้


 พี่สะใภ้ของหานซู่ฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแปลกๆ  “ความหวังดีของน้องสาว พี่ขอรับน้ำใจเอาไว้ แต่เรื่องนี้เห็นทีคงจะไม่ได้  ไม่อย่างนั้นน้องสาวแนะนำลูกชายคนรองของตระกูลจ้าว มาเป็นหลานสาวของเธอแล้วกัน!”


จ้าวเสวียเฉิงเป็นลูกชายของจ้าวอิงหย่งกับอันหย่าฟาง เขาอายุเท่ากันกับหลานสาวคนโตของหานซู่ฉิน เลยทำให้พี่สะใภ้ของหานซู่ฉินอยากให้ลูกสาวคนโตแต่งเข้าบ้านตระกูลจ้าวมาโดยตลอด แต่หานซู่ฉินกลับไม่ยอมช่วย ไม่ใช่ว่าเพราะเธอไม่อยากช่วย แต่เธอรู้แก่ใจดี


เพราะรูปร่างหลานสาวคนโตของเธอนั้นเหมือนกับเธอ ทั้งอ้วน ทั้งเตี้ย ภูมิหลังของครอบครัวไม่ค่อยดี ในตอนนั้นที่เธอได้แต่งงานกับจ้าวอิงสยง สาเหตุแรกเพราะว่าตอนนั้นตระกูลจ้าวยังไม่มีชื่อเสียงเหมือนในตอนนี้ เลยไม่ต่างกับตระกูลหานเท่าไร


สาเหตุที่สองก็คือในเวลานั้นความอ้วนคือความงาม ดูเป็นคนมีบุญดูอุดมสมบูรณ์และน่าจะมีลูกดก ถือเป็นโอกาสที่ประจวบเหมาะพอดีเธอจึงได้แต่งงานกับจ้าวอิงสยง


อีกอย่างหานซู่ฉินก็ไม่ชอบหลานสาวคนนี้ ไม่เพียงแค่รูปร่างหน้าตาที่ธรรมดาแต่นิสัยก็ยังไม่ดีอีกด้วย เหมือนกับแม่ของเธอไม่มีผิด คิดตื้น ๆ  จิตใจคับแคบ โลภมาก ประจบสอพลอ ดูถูกคนที่ด้อยกว่า ผู้หญิงแบบนี้ถ้าให้มาเป็นลูกสะใภ้ของเธอ เธอก็ยังไม่อยากได้ ไม่แปลกที่อันหย่าฟางจะไม่พึงพอใจ!


เธอจะไม่ทำเรื่องโง่ ๆ ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้ผิดใจกับอันหย่าฟางแน่ ๆ และดีไม่ดีอาจจะทำให้คุณย่าไม่พอใจเธอไปด้วย เรื่องยุ่งยากลำบากแบบนี้ ทำไปก็ไม่คุ้ม เธอไม่ทำเด็ดขาด


หานซู่ฉินเหลือบมองพี่สะใภ้ของเธออย่างดูแคลน แล้วกล่าวอย่างไม่เกรงใจ ” ในเมื่อพี่สะใภ้ดูถูกตระกูลจ้าว แล้วทำไมถึงอยากให้หลานสาวต้องไปลำบากใจด้วย? ฉันว่าต่อไป ฉันคงจะไม่กลับมาบ่อย ๆแล้ว จะได้ไม่ขัดหูขัดตาพี่สะใภ้”


“หานซูฉินอย่าโกรธไปเลย พี่จะกล้าดูถูกตระกูลจ้าวได้อย่างไร? ก็พี่ไม่ชอบจ้าวเหมย  แล้วจะให้ป๋อหย่วนแต่งงานกับผู้หญิงประเภทนี้ไม่ได้  มันไม่เป็นธรรมกับป๋อหย่วนของพี่เกินไป!”


หม่ากุ้ยฟาง พี่สะใภ้ของหานซู่ฉินทำสีหน้ารังเกียจ  โหนกแก้มสูง ๆนั่น ยิ่งทำให้ใบหน้าของเธอดูซูบผอม


พอหานซู่ฉินได้ฟังก็พอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอโกรธมากแต่ก็ยังยิ้มออกมา มองอะไรตื้น ๆ คงคิดว่าตัวเองถูกต้อง นี่คิดว่าตัวเองเป็นใคร?


ยังจะกล้ารังเกียจหลานสาวของตระกูลจ้าว?


ถึงแม้จ้าวเหมยความประพฤติจะแย่จริง ๆ  แต่ถึงอย่างนั้นก็มีคนมากมายอยากได้ตัวเขา  หากไม่ใช่เพราะเธอไปมาหาสู่อยู่บ้าง ถึงแม้หานป๋อหย่วนจะมีหน้าตาหล่อเหลา นั่นก็ยังไม่ดีพอที่จะแต่งงานกับจ้าวเหมยได้ ช่างไม่รู้เจียมตัวบ้างเลย!


อีกอย่าง จากที่เธอเห็น ข่าวลือเหล่านั้นต้องมีคนเจตนาร้ายใส่ร้ายป้ายสีแน่นอน สองปีที่ไปมาหาสู่กัน เธอจะไม่รู้เหรอว่าเหมยเหมยเป็นคนอย่างไร?


และเหตุผลที่เธอไม่หยุดข่าวลือเหล่านั้น ก็เพราะว่าเธอมีความคิดที่เห็นแก่ตัวเอง เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้พี่สะใภ้ของเธอยังจะกล้ารังเกียจ?


“น้ำเสียงของพี่สะใภ้ดูจริงจังมากเลยนะ พี่อยากขอ แล้วพี่มีปัญญาขอได้ไหมละ? ตัวเองเป็นอย่างไร ยังไม่รู้อีกเหรอ? ฉันละไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าพี่ไปเอาความกล้ามาจากไหน คำพูดเหล่านี้ ให้พูดกันแค่ตอนอยู่ในบ้านก็แล้วกัน อย่าให้ฉันรู้ว่าพี่ไปพูดจาไร้สาระแบบนี้ข้างนอกนะ แล้วอย่ามาว่าฉันไม่เกรงใจละ!”


น้ำเสียงและสีหน้าในประโยคสุดท้ายของหานซู่ฉินนั้นจริงจังมาก มันแตกต่างกับเวลาปกติที่มีนิสัยอ่อนน้อม ในแววตาก็มีแต่ความเยือกเย็น หม่ากุ้ยฟางสะดุ้งตกใจจนตัวสั่น แม้ว่าในใจของเธอจะไม่ยอมรับ แต่เพื่ออนาคตของลูกชาย ลูกสาว เธอจะต้องทำใจดีสู้เสือพูดจาไพเราะไปก่อน


พ่อแม่และพี่ของหานซู่ฉินก็พูดจาไพเราะตามไปด้วย หานซู่ฉินถึงได้หายโกรธ พูดเย้ยหยัน “ฉันก็จะไม่ฝืนใจพวกพี่อีก แต่ก็อาจจะทำให้หย่วนเหลียงลำบากใจไปเสียบ้าง แต่ยังไงหย่วนเหลียงเด็กคนนี้ก็ค่อนข้างเชื่อฟังเลยทีเดียว”


หย่วนเหลียงเป็นลูกชายของหานซู่อินซึ่งน้องสาวของหานซู่ฉิน และเป็นหนุ่มหน้าตาดีมากคนหนึ่ง แต่ตอนแรกหานซู่ฉินไม่เคยพิจารณาหลานชายคนนี้เลย


เพราะถ้าเธอจะสนับสนุน ก็ต้องสนับสนุนหลานชายของเธอก่อน หลานที่เกิดจากน้องสาวที่เป็นคนสกุลอื่นไปแล้ว อย่างไรเสียก็ไม่เป็นประโยชน์กับตัวเธอ แล้วเธอจะทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นได้อย่างไร ?


หม่ากุ้ยฟางรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที แม้ว่าปากเธอจะบอกว่ารังเกียจจ้าวเหมยที่ชื่อเสียงไม่ดี แต่ในใจก็เสียดายผลประโยชน์ของตระกูลจ้าวที่ครอบครัวของเธอจะได้รับ ท่าทีก่อนหน้านั้นก็แค่อยากยกสถานะของตนเองให้สูงขึ้นก็เท่านั้น


แต่พอได้ยินว่าผลประโยชน์จะถูกคนอื่นแย่งไป  ยังจะกล้าเอะอะโวยวายได้อย่างไร เธอจึงยิ้มเข้าสู้พลางกล่าว “หานซู่ฉินอย่าโกรธพี่เลยนะ แต่หย่วนเหลียง นามสกุลหลิวนะ จะไปเทียบกับป๋อหย่วนได้อย่างไร หานซู่ฉิน เธอว่าไหมละ?


………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)