หมอดูยอดอัจฉริยะ 798-801
ตอนที่ 798 กลุ่มมืออาชีพ
“เจอร์รี เขาคนนั้นไปพักผ่อนแล้วล่ะ ฉันว่า บ่ายวันพรุ่งนี้พวกเราคงออกจากที่นี่ได้แล้ว!”
ที่เขตชานเมืองโจฮันเนสเบิร์ก มีเขตอาคารหรูที่คนรวยกระจุกตัวกันอยู่อาศัย เวลานี้ในอาคารสูงสามชั้น กำลังปรากฏภาพชุลมุนวุ่นวาย ชายหนุ่มผู้หนึ่งสวมใส่หูฟัง กำลังเคาะโน้ตบุคบนตักของตัวเอง เงยหน้าฉับพลันตะโกนไปยังชั้นสอง
“จับตาดูต่อไป ฉันต้องการความมั่นใจว่าเขาจะอยู่ในห้องทั้งคืน”
ศีรษะหนึ่งยื่นออกมาจากชั้นสอง เป็นผมสีทองของชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง มีแว่นตากรอบสีทองอยู่บนจมูกโด่งเป็นสัน ใบหน้าเฉลียวฉลาดอ่อนโยน ราวกับเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยสักแห่ง
นอกจากจำนวนคนอันน้อยนิด มีไม่กี่คนที่รู้ว่า ชายวัยกลางคนชื่อเจอร์รีคนนี้ คือหัวหน้ากลุ่มกองทหารรับจ้างแม่ม่ายดำนั่นเอง เขาถูกบันทึกว่าเป็นที่ต้องการตัวจากอย่างน้อยสามสิบประเทศ แต่แน่นอนว่า การกระทำเหล่านั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการลักลอบข้ามเขตแดน ไปจัดการภารกิจที่คนทั่วไปมองว่าเป็นไปไม่ได้จนสำเร็จเสร็จสิ้น
แรกสุดชื่อแม่ม่ายดำนี้ ถูกใช้กับเจอร์รีเป็นหลัก นั่นเพราะภรรยาศัตรูของเขาล้วนต้องกลายเป็นหญิงม่าย ภายหลังชื่อนี้จึงได้ถูกนำมาใช้เรียกกองทหารรับจ้าง และกลายเป็นตำนานหนึ่งในวงการ
หลังจากเจอร์รี่ออกจากวงกาารทหารรับจ้างด้วยเหตุผลส่วนตัว กองทหารรับจ้างอันดับหนึ่งในโลกนี้จึงจำเป็นต้องแยกย้าย เพราะว่าหลังจากเหล่าทหารรับจ้างที่มีการจัดการอันแข็งแกร่งขาดเจอร์รี่ไปแล้ว ก็เหมือนกับคนทั่วไปที่สูญสิ้นวิญญาณ ไม่มีใครสามารถแทนที่บทบาทของเขาในกองกำลังได้เลย
“เจอร์รี่ สบายใจได้ ตอนนี้เขาคงนอนหลับเป็นหมูไปแล้วล่ะ”
ชายหนุ่มตะโกนไปยังชั้นสองอย่างไม่ใส่ใจนัก สองมือเคลื่อนไหวควบคุมบนคีย์บอร์ดเป็นระวิง ถ้าหากเยี่ยเทียนได้เห็นจะพบว่า ภาพที่ปรากฎอยู่บนจอคอมพิวเตอร์ ก็คือโครงสร้างภายในเหมืองทองโจฮันเนสเบิร์กนั่นเอง
“เคลวิน อย่าประมาท คนคนนี้รับมือยากมาก”
เจอร์รี่ถือปึกกระดาษแฟกซ์หนาเป็นตั้งลงมาจากชั้นสอง พูดว่า “คนแซ่เยี่ยคนนี้ เคยปรากฎตัวในเหตุการณ์ 911 อีกทั้งเวลานั้นเขายังกระโดดลงมาจากชั้นยี่สิบกว่า นี่จึงสามารถอธิบายคำถามว่า…”
ในฐานะหัวหน้ากองกำลัง เจอร์รีจะต้องคิดคำนวณสถานการณ์ให้รอบคอบ ข้อมูลที่เขาถืออยู่ในมือมีความละเอียดถี่ถ้วน จนเรียกได้ว่าแทบจะบันทึกเหตุการณ์ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่หลังจากที่เยี่ยเทียนไปปักกิ่ง
แตกต่างจากข้อมูลที่ถูกปิดกั้นของเหลยหู่ เจอร์รีกลับรู้เรื่องคดีโหดที่เกิดขึ้นในมอสโควไม่นานนั่น ที่บังเอิญก็คือ ตัวละครที่กระทำการสังหารหมู่อันน่าสะพรึงขวัญคนนั้นกลับชื่อเยี่ยเทียน เช่นเดียวกับชื่อของคนที่พวกเขาต้องรับมือไม่มีผิด
ข้อมูลนี้ทำให้เจอร์รีเกิดหวาดระแวงสุดขีด เขาไม่คิดว่ากองกำลังเล็กๆ ของตนเองจะแข็งแกร่งไปกว่ากองทัพรัสเซีย สิ่งที่เจอร์รีสามารถหวังพึ่งได้ นอกจากการวางแผนลอบสังหารอย่างรัดกุม ก็มีแต่การคาดเดาทิศทางศัตรูในที่ลับเช่นนี้เท่านั้น
“เจอร์รี ต่อให้เขาเก่งแค่ไหน พรุ่งนี้เขาก็ไม่เหลือหรอก”
ชายหนุ่มเชื่อมั่นในตัวเจอร์รีอย่างสุดใจเห็นได้ชัด ยักไหล่พูดว่า “หมอนี่แต่งงานแล้ว เจอร์รี นายจะทำให้โลกนี้มีแม่ม่ายเพิ่มขึ้นอีกคนแล้วล่ะ”
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ของกองกำลัง ถึงแม้เคลวินยังอายุไม่มาก แต่กลับเป็นแฮคเกอร์ชื่อดังที่สุดในโลก ตอนเขาอายุสิบสองปีก็สามารถทะลวงเข้าไปยังเครือข่ายของเพนตากอนได้แล้ว และเกือบปลดการควบคุมจรวดขีปนาวุธนิวเคลียร์ด้วยมือตัวเอง
เหตุการณ์ครั้งนั้นก่อให้เกิดความวุ่นวายใหญ่หลวงในสังคมชั้นสูงของอเมริกา และเพราะเรื่องนี้ เครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ของอเมริกาจึงตัดสัญญาณอินเทอร์เนตลงในที่สุด เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้เป็นแฮคเกอร์ที่เก่งกาจถึงขั้นไหนก็อย่าหวังจะได้ช่วงชิงข้อมูลใดๆ จากในนั้นได้
แต่ถึงแม้เรื่องนี้จะถูกแก้ไขแล้ว เคลวินกลับยังถูกจองจำในคุก อายุเพียงสิบสองปีต้องใช้ชีวิตในคุกถึงห้าปี ลงนามในสัญญาว่าจะไม่แตะคอมพิวเตอร์อีกภายในเวลาสิบปีแล้ว ก็ถูกปล่อยตัวออกมา
เคลวินที่ดื้อด้านเพราะยังเด็ก จึงไม่ยอมใช้ชีวิตเรียบเฉยไปวันๆ พอถูกปล่อยตัวในเดือนที่สาม เคลวินจึงหายตัวไปจากบ้านอย่างลึกลับ การหายตัวไปของเขาทำให้ผู้คนมากมายไม่อาจข่มตาหลับในยามค่ำคืน
ไม่มีใครรู้ว่า เคลวินที่อายุยังไม่ถึงสิบแปดในเวลานั้น ถูกเจอร์รีดึงตัวเข้ามาในกลุ่มแล้ว หลายปีมานี้หากไม่มีความหลักแหลมของเคลวิน สถิติการปฏิบัติภารกิจสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบในทุกครั้ง คงไม่อาจเป็นไปได้
เคลวินที่ถูกรับเข้ามาในกองกำลังแม่ม่ายดำ ยังแสดงให้เห็นพรสวรรค์อันไร้เทียมทานด้านคอมพิวเตอร์ของเขา ในภารกิจหลายต่อหลายครั้ง ล้วนเป็นเขาที่บุกทะลวงเข้าไปใจกลางคอมพิวเตอร์ใดๆ ก็ตาม ผ่านการควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ทำให้กองกำลังสามารถปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นได้อย่างว่องไวสุดๆ
อย่างไรก็ตามการมองสถานการณ์โดยรวมของเคลวินไม่เทียบเท่าเจอร์รี ดังนั้นถึงแม้เขาจะเป็นสมาชิกที่ไม่อาจขาดหายไปของกองกำลังแม่ม่ายดำ แต่ไม่ว่าจะเป็นสิทธิ์ขาดการออกคำสั่งหรือตำแหน่ง ก็ยังห่างชั้นจากเจอร์รีอยู่มาก นับว่าเป็นบุคคลหมายเลขสองในองค์กร
“เคลวิน ไม่รู้ว่าทำไม ฉันถึงมีลางสังหรณ์ไม่ดีอยู่ตลอดเวลา เหมือนมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น…”
เจอร์รีคลึงหัวคิ้วอย่างอ่อนล้า พูดต่อว่า”จริงสิ ตำแหน่งที่นายติดตั้งระเบิดพวกนั้น มั่นใจว่าจะกลบฝังเหมืองแห่งนั้นแน่นอนใช่ไหม?”
สาเหตุที่เจอร์รีกลายเป็นจิตวิญญาณและบุคคลสำคัญของกองกำลัง นั่นเป็นเพราะเขามีสัญชาตญาณที่แม่นยำราวกับสัตว์ป่า บวกกับมันสมองอันล้ำเลิศกว่าคนปกติทั่วไป ช่วยสร้างชื่อเสียงโด่งดังให้เขาในกองกำลังแม่ม่ายดำ
“เจอร์รี ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันตรวจเช็คซ้ำแล้ว ขอเพียงคลีโอสามารถวางระเบิดได้สำเร็จ ต่อให้เป้าหมายมีเก้าชีวิต ฉันก็สามารถทำให้เขาตายได้แน่นอน!”
เคลวินไม่ค่อยรู้สึกคล้อยตามเจอร์รีเท่าไหร่นัก เขาใช้คอมพิวเตอร์วิเคราะห์โครงสร้างแต่ละจุดของเหมืองทองแห่งนั้น แต่ละจุดสีแดงที่แสดงบนหน้าจอ เป็นตำแหน่งซึ่งค้ำยันถ้ำเหมืองได้อ่อนแอที่สุด หากเกิดระเบิดขึ้นพร้อมกัน จะมีความเป็นไปได้สูงมากที่เหมืองเก่าแก่ที่สุดในแอฟริกาใต้แห่งนี้จะถล่มราบเป็นหน้ากลอง
“ถึงอย่างนั้นก็ประมาทไม่ได้ เคลวิน แจ้งไปทางแมกโนเลีย ว่าหลังจากผ่านไปสักชั่วโมงให้หาเหตุผลไปเคาะประตูหรือโทรศัพท์เข้าไป ดูสิว่าคนคนนั้นอยู่ที่ห้องจริงหรือเปล่า?”
ขณะที่เจอร์รีกำลังพูดอยู่นั้น ด้านนอกอาคารหรูพลันมีเสียงรถยนต์ดังขึ้น เขาจึงเลิกพูดคุยไร้สาระกับเคลวิน รีบผุดลุกขึ้นยืนออกไปต้อนรับ
“เป็นยังไงบ้าง คลีโอ?”
เมื่อเห็นชายหนุ่มที่หน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราลงมาจากรถคนนั้น สีหน้าของเจอร์รีก็ออกจะวิตกกังวลเล็กน้อย จริงอยู่ที่ว่าเขาเป็นจิตวิญญาณของกองกำลัง แต่เขาก็ต้องการผู้ปฏิบัติงานได้อย่างเยี่ยมยอดเช่นกัน ไม่เช่นนั้นหากระเบิดยังติดตั้งไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องรับมือกับเยี่ยเทียน
“เจอร์รีเรอะ ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้เหมืองแห่งนั้นจะต้องถล่มลงมาเพราะความทรุดโทรม ระเบิดที่ฉันติดตั้งนั้น ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบเหมืองมากประสบการณ์ก็ตรวจไม่พบอะไรหรอก”
คลีโอมีรอยยิ้มมั่นใจบนใบหน้า และเขาเองก็มีคุณสมบัติที่จะพูดเช่นนี้ นั่นเพราะคลีโอเป็นมืออาชีพด้านการทำระเบิดที่เก่งที่สุดในโลก ขอเพียงให้ของใช้ในชีวิตประจำวันประเภทสบู่จำพวกนั้นแก่เขา เขาก็จะสามารถผลิตระเบิดออกมาได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่นาที
“งั้นก็ดีแล้ว…”
สำหรับคู่หูเก่า เจอร์รีให้ความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม จึงเอ่ยปากบอกว่า “พวกนายไปนอนได้แล้วล่ะ ที่แอฟริกาเฮงซวยนี่ยุงเยอะบรรลัยเลย ฉันไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีกแม้แต่วันเดียว พรุ่งนี้เราทำภารกิจสำเร็จเมื่อไหร่จะกลับกันทันที”
ความจริงสาเหตุที่เจอร์รีรีบร้อนอยากจากไป เกี่ยวข้องกับความอึดอัดงุ่นง่านไม่สบายใจอย่างมาก เขาทำงานด้วยความปลอดภัยมาตลอด อาจยอมให้ภารกิจล้มเหลว แต่จะไม่ยอมให้เกิดเรื่องกับคนในทีมให้บาดเจ็บล้มตายเด็ดขาด
……-
ความจริงหลังจากที่คลีโอออกจากถ้ำของเหมืองไปห้านาที ร่างของเยี่ยเทียนก็ปรากฎอยู่ด้านนอกเหมืองโจฮันเนสเบิร์กแล้ว เขาไม่รีบร้อนเข้าไป แต่กลับเดินรอบกำแพงที่ล้อมรอบ พิจารณาเหมืองทองที่อยู่มาเป็นระยะเวลายาวนานถึงร้อยปีแห่งนี้
ความคลั่งไคล้ทองคำในแอฟริกาใต้เริ่มต้นตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 18 เหล่าผู้คนที่คาดหวังจะร่ำรวยเพียงค่ำคืนจากทั่วโลกต่างกรูกันมายังสถานที่แห่งนี้ แต่ด้วยข้อจำกัดทางเครื่องมือและอุปกรณ์อันเรียบง่าย คนที่สามารถค้นพบเหมืองทองจึงมีไม่มาก
วันหนึ่งเมื่อปลายศตวรรษที่ 18 นักขุดทองชาวออสเตรเลียผู้สิ้นหวังคนหนึ่งเดินวนกลับไปมาอย่างท้อแท้บนสันเขาเมืองโจฮันเนสเบิร์ก จู่ๆ หินก้อนหนึ่งก็เกือบทำเขาสะดุดล้ม
นักขุดทองผู้นี้ใช้ก้อนหินเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ โดยการเตะมันอย่างหนักหน่วงไปข้างหน้า และด้วยการเตะครั้งนั้น ก่อให้เกิดตำนานแห่งเมืองโจฮันเนสเบิร์กทั้งหมด นั่นเพราะ…มันคือแร่หินทองคำที่มีปริมาณทองคำสูงอย่างยิ่ง
โจฮันเนสเบิร์กเมืองบนเขาแห่งนี้ ค่อยๆ เริ่มก่อกำเนิดขึ้นจากสาเหตุทั้งหมดนี้ จนกลายเปป็นเมืองยิ่งใหญ่ที่สุดในแอฟริกาใต้ในปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางการค้าในแอฟริกาใต้ และทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ล้วนกำเนิดขึ้นจากการเตะโดยไม่ตั้งใจครั้งนั้น
แล้วเหมืองทองแห่งนี้จึงถูกขนานนามว่าเหมืองทองโจฮันเนสเบิร์ก ดังนั้นหากต้องการประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของเมืองโจฮันเนสเบิร์ก จึงไม่มีหนทางใดดีไปกว่าการเข้าไปยังเหมืองทองที่ถูกทิ้งร้างแห่งนี้
เดินรอบกำแพงสูงสิบกว่าเมตร ร่างของเยี่ยเทียนก็หายเข้าไปสู่มุมอับของกำแพงที่ล้อมรอบ และเมื่อปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง เขาก็เข้าไปภายในเหมืองแล้ว
“เหมืองแห่งนี้ใหญ่กว่าเหมืองของอู๋เต๋อหลินมากทีเดียว”
โครงสร้างที่พื้นดินของเหมืองทองแห่งนี้ครอบคลุมเป็นบริเวณกว้าง ในอดีตยุคที่การขุดทองรุ่งเรืองถึงขีดสุด สถานที่แห่งนี้เคยมีคนงานเหมืองอยู่อาศัยถึงแปดร้อยกว่าคน บนพื้นดินมีกระท่อมไม้ง่ายๆ ในยุคปี20-30 ปลูกสร้างไว้ไม่น้อย ในฐานะหลักฐานทางประวัติศาสตร์ กระท่อมไม้เก่าแก่ล้าหลังเหล่านี้จึงถูกเก็บรักษาเอาไว้
และในฐานะเหมืองทองแห่งแรกของเมืองโจฮันเนสเบิร์ก มันจึงกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ในปัจจุบัน ซึ่งติดตั้งกล้องไว้ทั่วทุกทิศทาง แต่ก็ย่อมไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเยี่ยเทียน พอกำหนดจิตครั้งหนึ่ง หมอกควันสีเทาที่ห่อหุ้มร่างกายของเขาก็ค่อยๆ สลายหายไปในความมืด
“หืม? พวกนั้นเคลื่อนไหวได้เร็วทีเดียว?”
หลังจากเยี่ยเทียนคลายญาณสัมผัส ทั้งเนื้อทั้งตัวก็หยุดนิ่ง จากจุดที่ตัวเองยืนอยู่ห่างจากถ้ำเหมืองนั่นไกลถึงเจ็ดแปดร้อยเมตร เขายังสัมผัสได้ถึงจิตสังหารรุนแรง ต่อให้ใช้หัวแม่เท้าคิดเยี่ยเทียนยังรู้ว่า นี่ต้องเป็นการกระทำของพวกซ่งเสี่ยวหลงอย่างแน่นอน
“หนทางสู่สวรรค์มีไม่เดิน ไร้ประตูสู่นรกเพียรจะเข้า รอจัดการเขี้ยวเล็บพวกนี้ของแกเสร็จก่อนเถอะ แล้วจะส่งแกไปหาพระเจ้า”
ร่างกายวูบไหวของเยี่ยเทียนเคลื่อนตัวเข้าไปภายในเหมืองราวกับวิญญาณ เพียงพริบตาก็มาถึงยังปากถ้ำเหมือง ที่ดวงไฟตรงประตูใหญ่นั้นยังคงส่องสว่าง
…………………………………………….
ตอนที่ 799 ระเบิด TNT
“บรีม นี่มันเรื่องอะไรกัน? กองกำลังเฮฟเว่นของพวกเราไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งแม่ม่ายดำนี่?”
ภายในห้องตรงปากทางเข้าเหมือง มีคนสามสี่คนอยู่ข้างใน ชายร่างใหญ่สูงเกือบสองเมตรหนึ่งในนั้นกำลังวิดพื้น แต่ที่แตกต่างจากคนอื่นๆ ก็คือสิ่งที่พยุงร่างอันมหึมาของเขา คือนิ้วมือขวาและซ้ายอย่างละข้างเท่านั้น พื้นหินอิฐสีเทาถูกนิ้วชี้รูปทรงคล้ายแครอทของเขาเจาะทะลวงเป็นสองรูเล็ก
“เลิกโวยวายเสียที โอเดล ถ้าหากแกสามารถกำจัดเจอร์รีกับบรูกแมนได้ พวกเราก็ไม่ต้องฟังคำสั่งพวกเขาแล้ว”
จู่ๆ ที่มุมหนึ่งของห้อง ก็มีเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น ร่างของเขาหลบซ่อนอยู่ใจกลางมุมมืดที่แสงสว่างส่องไม่ถึง หากไม่เอ่ยปาก คนทั่วไปก็คงไม่มีทางล่วงรู้ถึงตัวตนของเขา
ชายผู้นี้อายุราวสามสิบปี ใบหน้าเด็ดเดี่ยวมั่นคงอย่างชาวเยอรมัน กำลังขัดปืนพกเหยี่ยวทะเลทรายอยู่ ปืนพกที่ราวกับปืนใหญ่นั้น ถูกเขาขัดเสียจนขึ้นเงา ส่องสะท้อนสีดำของเหล็กออกมา
แต่ทว่าเยี่ยเทียนสามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากปืนพกเหยี่ยวทะเลทรายกระบอกนี้ นั่นเป็นเพราะกระสุนที่อยู่ภายในรังเพลิง ล้วนถูกเขาปรับแต่ง ให้ถึงขั้นสามารถทะลวงเจาะเกราะชั้นหนาปกติ จนไม่อาจต้านทานได้ ทำให้เยี่ยเทียนสัมผัสถึงอันตรายขึ้นมา
“บ้าเอ๊ย ให้กำจัดบรูกแมน ชอล์ค แกประเมินฉันสูงไปแล้ว เพื่อนเก่าของแกคนนั้นมันวิปริตแท้ๆ!”
หลังจากชายร่างใหญ่ที่วิดพื้นอยู่ได้ยินคำพูดของเขา ไม่ทันอึดใจ สองนิ้วของเขาก็ไม่อาจพยุงร่างใหญ่ยักษ์ได้อีกต่อไป กระแทกลงพื้นอย่างหนักหน่วง พ่นลมหายใจออกมาจากปาก แล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“แต่ไหนแต่ไรเจอร์รีไม่เคยปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน หากจะกำจัดเขา เกรงว่าจัดการประธานาธิบดีอเมริกายังจะง่ายกว่า?”
เจอร์รีที่ชอล์คพูดถึง ย่อมหมายถึงผู้นำของกองกำลังแม่ม่ายดำ การมีตัวตนของเขาเป็นความทุกข์ทนของเหล่ากองทหารรับจ้างทั้งหลาย นั่นเพราะหลังจากเขาเปิดตัวครั้งแรก เจอร์รีก็ไม่เคยทำผิดพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว ความสามารถในการคำนวณของเขาเป็นที่น่าหวาดหวั่น และปฏิบัติการของเขาเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบในทุกครั้ง
เมื่อมีผู้นำที่โดดเด่น แน่นอนว่าต้องมีทีมงานเปี่ยมประสิทธิภาพ และคนผู้นั้นก็คือบรูกแมนที่ชอล์คกล่าวถึง
บรูกแมนผู้ถือกำเนิดในทิศตะวันตกของเยอรมันนีอายุสี่สิบสองในปีนี้ เขาได้รับขนานนามว่าเป็นราชาผู้เก่งกาจรอบด้านแห่งวงการทหารรับจ้าง ไม่ว่าจะเป็นการลอบยิงในป่าหรือการโจมตีอย่างดุดันและต่อให้เป็นภารกิจบุกเดี่ยวเพื่อเด็ดหัว บรูกแมนก็สามารถแสดงให้ชาวโลกเห็นถึงความหมายของนักรบผู้สมบูรณ์แบบรอบด้าน เคียงบ่าเคียงไหล่เจอร์รีได้โดยไร้ข้อบกพร่อง
โอเดลร่างบึกบึนผู้มีชื่อเล่นในวงการทหารรับจ้างว่า “แทงค์” แม้จะเชื่อมั่นในตนเอง แต่เมื่อได้ยินชอล์คพูดถึงสองชื่อนี้ ยังเหลือกตามองบนไม่กล้าพูดต่อ ช่วงเริ่มแรกที่เขาเข้ามาในวงการทหารรับจ้าง ก็เติบโตมากับการได้ยินตำนานของบรูกแมนแล้ว
“เอาเถอะ ได้เวลาแล้ว สกอร์เปี้ยนคงจะมาแล้วล่ะ!”
ชายวัยสี่สิบต้นที่นั่งอยู่ตรงกลางห้องลุกขึ้นยืน เขาก็คือบรีม หัวหน้ากองทหารรับจ้างเฮฟเว่นนั่นเอง ขณะที่เสียงของเขาเงียบลง มีเสียงฝีเท้าดังมาจากภายในถ้ำ ชายสามสี่คนเดินออกมาจากในความมืด
“ปฏิบัติการเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอ สกอร์เปี้ยน?”
บรีมเดินไปยังคนที่อยู่ด้านหน้าสุด แต่ก็หยุดฝีเท้าลงในระยะห่างสามถึงสี่เมตร สกอร์เปี้ยนมีชื่อเสียงไม่ค่อยดีนักในวงการทหารรับจ้าง กระทำเรื่องหักหลังกันเองมาไม่น้อย
เคยมีกองทหารรับจ้างกลุ่มหนึ่งร่วมงานกับสกอร์เปี้ยนในสงครามอิรัก หลังจากที่สงครามสิ้นสุดลง กองกำลังกลุ่มนั้นก็ถูกกำจัดทั้งกองทัพ แต่สกอร์เปี้ยนกลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลย จึงทำให้เขาไร้มิตรสหายในวงการทหารรับจ้าง
อย่างไรก็ตามที่สกอร์เปี้ยนยังสามารถตระหง่านอยู่ในวงการทหารรับจ้างได้ ย่อมเป็นเพราะมีจุดเด่นของตนเอง เขาสามารถอยู่ในสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายที่สุดในโลกใบนี้ได้ ราวกับแมงป่องทะเลทราย อีกทั้งยังสามารถโจมตีฝ่ายศัตรูจนถึงแก่ชีวิต
“บรีม ในเมื่อรับภารกิจแล้ว ก็ต้องทำสำเร็จแน่นอน!”
ชายผู้ที่มีฉายาว่าสกอร์เปี้ยนมีรอยยิ้มมืดหม่นออกมาบนใบหน้า แล้วหยิบสิ่งของชิ้นขนาดพอๆ กับรีโมทคอนโทรลรถยนต์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง หัวเราะหึๆ ตอบ “บรีม ขอเพียงเรากดเจ้าตัวนี้ ก็จะเกิดควันรูปทรงดอกเห็ดใต้ฝ่าเท้าเรา พระเจ้า ช่างเป็นการตายที่ยิ่งใหญ่เสียนี่กระไร”
“สกอร์เปี้ยน อย่ามาขู่ฉันให้ยาก แน่จริงก็กดลงไปสิ”
บรีมเองก็เป็นคนที่อยู่ในสนามรบมานาน ไหนเลยจะหลงกลของอีกฝ่าย จึงหันหลังร้องเรียก “หลังจากจบภารกิจนี้ ให้ทุกหน่วยแยกย้ายกันออกไป ส่วนที่เหลือพวกเราไม่ต้องไปยุ่งแล้ว”
กองทหารรับจ้างที่รับภารกิจนี้มีทั้งหมดหกกอง แต่ว่าหลังจากแม่ม่ายดำเข้าร่วมด้วยแล้ว อีกห้ากองที่เหลือก็ถูกรวมเข้าด้วยกัน และต่างทำงานของตัวเองตามคำสั่งของเจอร์รี
แน่นอนว่า ค่าจ้างที่ได้รับของพวกเขาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ และนั่นเองก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พวกเขายินยอมฟังคำสั่งของเจอร์รี ไม่เช่นนั้นด้วยนิสัยของคนเหล่านี้ คงจะเกิดการต่อสู้กันภายในเสียก่อนแล้ว
คนพวกนี้เคลื่อนไหวกันได้รวดเร็วอย่างยิ่ง หลังจากปิดไฟทางเข้าถ้ำแล้ว พวกเขาก็กำจัดร่องรอยการมาของตนเองจนสิ้นซาก แล้วหายตัวไปในความมืดอย่างรวดเร็ว แต่ว่าเยี่ยเทียนที่อยู่ห่างจากพวกเขาไปเจ็ดถึงแปดเมตรกลับพบว่า กองกำลังเล็กๆ สองกองนี้ ล้วนปีนเข้ามาจากทางกำแพงเช่นเดียวกัน
“ในเมื่อมาเพื่อเผชิญหน้ากับฉัน ก็ไม่ต้องเมตตากันหรอก เฮ้ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
พอเห็นเงาร่างของคนเจ็ดแปดคนนี้กำลังปีนออกจากกำแพง ดวงตาของเยี่ยเทียนก็ส่งประกายจิตสังหาร ขณะที่กำลังจะไล่ตามไปอยู่นั้นเอง หัวใจก็เกิดสั่นไหวขึ้นเล็กน้อย หนังศีรษะตึงชา รู้สึกหนาวยะเยือกคืบคลานขึ้นมาจากช่วงเอวด้านหลัง แผ่นหลังพลันเต็มไปด้วยเหงื่อ
“นี่มันอะไรกันน่ะ? พวกมันทำอะไรไว้ในถ้ำกันแน่?”
นับตั้งแต่เข้าสู่ระดับเซียนเทียนแล้ว ต่อให้เผชิญหน้ากับกองทัพรัสเซียเป็นพันหมื่น เยี่ยเทียนก็ยังไม่เคยเกิดความรู้สึกเช่นนี้ หัวใจราวกับถูกสองมือใหญ่บีบเค้น จนถึงกับทำให้เยี่ยเทียนแอบหายใจติดขัด
เยี่ยเทียนเลิกสนใจจะติดตามพวกคนเหล่านั้น แต่สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วหมุนร่างกลับไปยังถ้ำเหมือง
ตอนที่ผ่านห้องตรงทางเข้าเหมืองนั้นเอง นิ้วชี้ขวาของเยี่ยเทียนก็ชี้ออกทันใด สายลมแรงพัดเข้ามาภายในห้องวูบหนึ่ง พุ่งกระทบลงจุดถานจงของคนที่นอนอยู่บนเตียงอย่างแม่นยำ ทันใดเสียงกรนดังสนั่นก็ดังออกมาจากปากของคนผู้นั้น
ความจริงเยี่ยเทียนรู้นานแล้วว่า ภายในสถานที่ท่องเที่ยวอันเป็นเหมืองทองคำร้างแห่งนี้ มีคนจำนวนแปดคนอยู่อาศัย แต่ว่าเวลานี้พวกเขาล้วนหลับสนิทเรียบร้อยแล้ว โดยไม่รู้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งแอบเข้าเยี่ยมชมเหมืองทองคำโดยไม่ซื้อบัตรเข้าชม
หลังจากทำให้คนคนนั้นเข้าสู่ภวังค์หลับลึกแล้ว เยี่ยเทียนก็เข้าไปภายในเหมือง ซึ่งคล้ายกับเหมืองในเคปทาวน์ หลังจากเดินตรงเข้าไปสิบกว่าเมตร ลิฟท์ตัวหนึ่งซึ่งมีพื้นที่ขนาดยี่สิบตารางเมตร เหมือนกับห้องเล็กห้องหนึ่งก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าเยี่ยเทียน
“เมื่อครู่ไม่เห็นได้ยินเสียงลิฟท์เลย…”
เยี่ยเทียนพึมพำอยู่สักครู่ หลังจากกวาดสายตาไปยังลิฟท์แล้ว ก็หยุดลงตรงมุมด้านตะวันออกของลิฟท์ แผ่นเหล็กที่ตรงนั้น ยังมีลมหายใจของกลุ่มคนเมื่อครู่หลงเหลืออยู่
เดินไปตรงที่มุมนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วเยี่ยเทียนก็ใช้มือขวากดและดึงขึ้น แผ่นเล็กสี่เหลี่ยมจตุรัสกว้างสี่สิบเซนติเมตรถูกเขาหยิบออกมา ภายใต้แผ่นเล็กนั้นคือเหล็กเส้นเรียงไขว้กันเป็นรูปตาราง ซึ่งถูกคนตัดเปิดออก เผยให้เห็นถ้ำเหมืองลึกไร้ก้น
เยี่ยเทียนวางแผ่นเหล็กนั้นลงด้านข้างอย่างแผ่วเบา แล้วสอดร่างปราดเปรียวราวเสือดาวลงไปในรูนั้น ลงไปยังด้านล่างอย่างรวดเร็วตามแนวลวดสลิง
“เฮ้ย ใหญ่ขนาดนี้เลยเรอะ?”
ตอนที่ร่างของเยี่ยเทียนลงไปถึงระยะหกสิบกว่าเมตร มือขวาพลันออกแรงในทันใด ร่างทั้งร่างหยุดนิ่ง ตอนที่เขามองไปยังกำแพงส่วนนั้น หนังหัวพลันสะท้านสะเทือน ขนลุกชูชัน
ที่กำแพงหินตรงระดับสายตาของเยี่ยเทียน มีวัตถุสีเหลืองทรงกลมความกว้างราวสามสิบเซ็นติเมตร ล้อมรอบช่องนี้ทั้งหมด ในใจกลางวัตถุคล้ายดินเหนียวสีเหลืองนั้น ยังมีอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์สำหรับส่งสัญญาณเสียบอยู่ห้าหกชิ้น
“บัดซบเอ๊ย พวกระยำ ไอ้พวกนี้สมควรตายให้หมดจริงๆ!” เยี่ยเทียนสูดลมหายใจลึก ทันใดสภาพจิตก็สงบนิ่ง ทว่าจิตสังหารที่มีต่อคนที่เพิ่งออกไปเหล่านั้น นอกจากจะไม่ลดลงแล้วยังกลับเพิ่มขึ้น
นับตั้งแต่เยี่ยเทียนออกท่องยุทธภพ มีน้อยครั้งที่จะใช้อาวุธปืนกับศัตรู แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่รู้จักระเบิด ตอนที่เยี่ยเทียนระเบิดปลาในอ่างเก็บน้ำเมื่ออายุสิบขวบ ยังเคยแอบขโมยระเบิดจำนวนหนึ่งมาจากคนงานเหมืองขุดภูเขา หลังจากเข้าเรียนหนังสือแล้วจึงเห็นว่าระเบิดสะดวกดีก็เท่านั้น
เยี่ยเทียนสามารถดูออกว่า ของแข็งที่ติดอยู่โดยรอบกำแพงหินนั้น ก็คือระเบิดซึ่งมีพลังทำลายล้างรุนแรงที่สุดอย่างหนึ่งในโลก…ระเบิดTNT!
ระเบิดชนิดนี้สามารถก่อให้เกิดพลังงานสี่ล้านสองแสนพลังงานจูลส์ต่อหนึ่งกิโลกรัม เป็นระเบิดพลังรุนแรงที่สุดที่รู้จักกันโดยทั่วไป อีกทั้งหลังจากระเบิดจะทำให้เกิดสมดุลออกซิเจนเป็นลบ ผลิตคาร์บอนมอนอกไซด์ จึงไม่เหมาะที่จะใช้ระเบิดในงานวิศวกรรมใต้ดิน
น้ำหนักของระเบิดที่อยู่รอบถ้ำเหล่านี้ เกรงว่าอย่างน้อยคงถึงห้าร้อยกิโลขึ้นไป ระเบิดTNTสองกิโลกรัมก็สามารถทำลายบ้านได้หลังหนึ่ง และถ้าหากระเบิดTNTระเบิดภายในสภาะวะปิดเช่นนี้ จะไม่ต่างจากระเบิดนิวเคลียร์ลูกเล็กลูกหนึ่งเลยทีเดียว
เยี่ยเทียนโกรธจัดก็เพราะสาเหตุนี้ ระเบิดTNTที่คนเหล่านั้นใช้ที่นี่ เมื่อถูกจุดแล้ว ไม่เพียงแค่ถ้ำนี้จะถล่มลงมาทั้งหมด แต่พื้นที่รัศมีโดยรอบจะได้รับผลกระทบจากแก๊สพิษเป็นระยะสิบกิโลเมตร ซึ่งเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวง
เมื่อมองไปยังระเบิดเหล่านี้แล้ว กระดูกสันหลังของเยี่ยเทียนยังเย็นยะเยือกขั้นมาเช่นกัน พรุ่งนี้เขาจะต้องมาเยี่ยมชมที่นี่ ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามจุดชนวนระเบิดตอนเยี่ยเทียนเข้าไปในถ้ำ น่ากลัวว่าต่อให้เยี่ยเทียนมีวรยุทธ์ขั้นจินตัน ก็คงหนีจากความตายไปไม่พ้น
“คิดจะระเบิดฉันให้ตายเหรอ? ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก ฉันจะให้แกลิ้มรสชาติระเบิดพวกนี้ของตัวเอง!”
แววตาของเยี่ยเทียนปรากฎแววยิ้มเยาะ ทันใดก็ยกมือขวาขึ้น ตะปบนิ้วทิ้งห้าบนกำแพงหิน พลันระเบิดTNTขนาดเท่ากำปั้นเด็กก็ถูกเขากำไว้ในมือ
เยี่ยเทียนใช้มือขวาหยิบเอาระเบิดที่ติดชนวนและระบบอิเล็กทรอนิกส์ยัดใส่กระเป๋า ทุกที่ที่มีชนวนระเบิดอิเล็กทรอนิกส์ ล้วนเผยให้เห็นรูขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกัน
……………………………………………..
ตอนที่ 800 ปราณวิเศษ
“โหดเหี้ยมจริงๆ ถ้าหากชนวนทั้งแปดชิ้นจุดระเบิดพวกนี้พร้อมกันล่ะก็ ต่อให้ติงหงอยู่ที่นี่ ก็คงจะไม่เหลือกระดูกเลยมั้ง?”
ควบคุมแรงบนมืออย่างระมัดระวัง เยี่ยเทียนค่อยๆ หยิบชนวนที่เชื่อมต่อกับเชื้อปะทุออกจากสารระเบิดทีละชิ้น หลังจากทำงานเสร็จแล้ว เยี่ยเทียนก็ปาดเหงื่อเต็มหน้าผากออก การกระทำเมื่อครู่สูญเสียพลังจิตมหาศาลอย่างเห็นได้ชัด
ระเบิดอย่างTNTหรือC-4ที่มีแรงทำลายล้างสูงสุดในปัจจุบัน ถึงแม้จะมีอันตรายใหญ่หลวง แต่ก็ปลอดภัยอย่างยิ่งยวดเช่นเดียวกัน เรื่องจากพวกมันไม่เหมือนกับพวกระเบิดดินปืน ที่จะถูกจุดขึ้นเมื่อกระแทกเพียงเล็กน้อยหรือการเสียดสี
ด้วยความแพร่หลายของเทคโนโลยีไร้สาย ปัจจุบันอย่าว่าแต่ทหารรับจ้างเหล่านี้เลย ต่อให้เป็นการระเบิดภูเขาธรรมดาก็ยังใช้รีโมทคอนโทรลจุดชนวนระเบิด อีกทั้งหลักการของอุปกรณ์ประเภทนี้ยังง่ายดายอย่างมาก เพียงประกอบไปด้วยสองส่วนคือตัวส่งรหัสหมายเลขกับตัวรับหมายเลขเท่านั้น
ตอนนี้อุปกรณ์ขนาดใหญ่ประมาณนิ้วโป้งที่เชื่อมต่อกับเชื้อปะทุในกระเป๋าเป้ของเยี่ยเทียนเหล่านั้น ก็คือตัวรับเลขรหัส ทันทีที่พวกมันได้รับสัญญาณตัวเลขซึ่งส่งมาจากรีโมทคอนโทรลที่เจอร์รีถืออยู่ ก็จะสามารถจุดชนวนเชื้อปะทุไฟฟ้าและระเบิดอันรุนแรงจำนวนหลายร้อยกิโลกรัมนี้
ว่ากันตามหลักการชนวนไร้สายหนึ่งตัว ก็สามารถจุดระเบิดเหล่านี้ เมื่อฝ่ายตรงข้ามติดตั้งทั้งหมดแปดชิ้นภายในคราวเดียว จึงเห็นได้ชัดว่าต้องการจะจุดระเบิดเหล่านี้ในเวลาเดียวกัน เพื่อเพิ่มกำลังของมันสู่ระดับสูงสุด จึงนับว่าจิตใจโหดเหี้ยมอย่างมหันต์
ตอนนี้รีโมทคอนโทรลไร้สายถูกเยี่ยเทียนดึงออกมาจากระเบิดหมดแล้ว ระเบิดที่อยู่บนผนังหินภายในถ้ำจึงไม่มีทางถูกจุดติดได้อีกต่อไป เยี่ยเทียนอยากจะเห็นสีหน้าของคนเหล่านั้นเวลากดชนวนแล้วถ้ำไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ เสียจริง
แน่นอนว่า ระเบิดเหล่านั้นที่อยู่ภายในกระเป๋าเป้ของเยี่ยเทียนรวมกันก็หนักถึงสิบกิโล พลังทำลายล้างจึงไม่น้อยเช่นกัน เพียงพอจะถล่มคฤหาสน์หลังหนึ่งจนราบเรียบ ซึ่งหากเยี่ยเทียนไม่ระมัดระวัง ก็อาจได้รับบาดเจ็บได้เช่นกัน
“อุตส่าห์มาทั้งที ลงไปตรวจสอบสักหน่อยดีกว่า”
หลังจากถอดอุปกรณ์จุดชนวนออกแล้ว เยี่ยเทียนก็มองไปยังถ้ำไร้ก้น ในใจเกิดความคิดแวบหนึ่ง โบราณว่าบุรุษไม่ยืนใต้ผาอันตราย พรุ่งนี้เยี่ยเทียนไม่อยากลงมาเสี่ยงภัยในถ้ำที่ติดตั้งระเบิดหลายร้อยกิโลอีกแล้ว หากฝ่ายตรงข้ามมีกลยุทธ์อื่นอีก เขาคงจะหนีเอาตัวรอดได้ยาก
กำหนดจิตแล้วปราณแท้ก็ปรากฎออกมาภายใต้ฝ่าเท้าของเยี่ยเทียน ประคองร่างของเขาลงไปยังด้านล่างอย่างแผ่วเบา ถ้ำแห่งนี้ลึกถึงสามร้อยกว่าเมตร หนึ่งนาทีกว่าผ่านไป สองเท้าของเยี่ยเทียนก็เหยียบลงบนพื้นดิน
“ให้ตายสิ ใหญ่ขนาดนี้เชียว?”
พอลงมาถึงก้นถ้ำแล้ว เยี่ยเทียนก็ปล่อยญาณสัมผัสออกมา เมื่อลองสำรวจดู ใบหน้าก็มีสีหน้าตกตะลึง เเพราะว่าจากจุดที่เขายืนอยู่นั้น สี่ทิศรอบด้านล้วนมีถ้ำเหมืองอยู่ทุกทิศ ราวกับเขาวงกตขนาดมหึมาใต้ดินก็ไม่ปาน
ที่ใต้ดินไม่มีแสงสว่างเลยแม้แต่น้อย เพื่อสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว เจ้าของเหมืองจึงติดตั้งระบบแสงสว่างควบคุมด้วยเสียง หลังจากเยี่ยเทียนลงมายังภายในถ้ำเหมืองแล้วมีเสียงดังขึ้น ทำให้ดวงไฟรอบตัวเขาส่องสว่างขึ้นมา
“พัฒนาเพื่อการท่องเที่ยวเลยหรือ?”
เยี่ยเทียนพิจารณาตามแสงไฟโดยรอบ ตรงฝาผนังฝั่งขวาทางด้านหน้าลิฟท์ เต็มไปด้วยโปสเตอร์รณรงค์รักษาความปลอดภัย นี่คงจะเป็นโปสเตอร์ที่มีประวัติยาวนานถึงห้าสิบหกสิบปี ด้านบนมีเพียงคำเตือนเป็นภาษาดัตช์ ซึ่งหมายความว่าเจ้าของเหมืองทองแห่งนี้คนแรกก็คือชาวตัตช์นั่นเอง
บนกำแพงทางฝั่งซ้ายของทางเดินก็คือ “ระบบการสื่อสาร” ใต้ดิน การติดต่อสื่อสารรูปแบบนี้ออกจะคล้ายคลึงกับ “รหัสมอส” เมื่อเป็นการจัดการทำงานใต้ดิน แล้วพบว่าการส่งข้อมูลไม่ราบรื่น จึงจำเป็นต้องใช้เสียงหรือแสงไฟส่งข่าวสาร
เยี่ยเทียนใช้ญาณสัมผัสดูเล็กน้อย จึงเดินไปยังทางเดินที่โอ่โถงเป็นพิเศษ ที่เรียกว่าโอ่โถงก็มีความใกล้เคียงพอสมควร ทางเดินเส้นนี้สูงประมาณสามเมตร แต่กว้างเพียงสี่เมตรเท่านั้น ตรงกลางยังมีรางกว้างประมาณหนึ่งเมตร ใช้สำหรับขนส่งแร่ทองคำที่ขุดออกมาได้
“นกกระจอกแม้ตัวเล็ก แต่ก็มีอวัยวะครบห้าส่วน!”
เดินอยู่ภายในถ้ำเหมืองอันลึกล้ำเงียบสงบ เยี่ยเทียนกลับพบว่า ห้องว่างใต้ดินแห่งนี้แม้อยู่ลึกถึงร้อยเมตร แต่ก็มีภัตตาคาร หน่วยกู้ชีพ ใจกลางหน่วยกู้ชีพยังมีภาพโปสเตอร์ภาษาอังกฤษ แอฟริกัน ซูลูหลากหลายภาษาติดอยู่ ใหม่กว่าประวัติศาสตร์ตรงปากถ้ำอย่างเห็นได้ชัด
ที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือ ส่วนกลางของทางเดิน ยังมีบาร์เหล้าแห่งหนึ่ง จึงเห็นได้ว่าเจ้าของเหมืองทองแห่งนี้ใส่ใจในชีวิต ขณะที่ตนเองกอบโกยเงิน ก็ยังสามารถดูแลความรู้สึกของเหล่าคนงานเหมืองไปด้วย
เยี่ยเทียนยอมรับว่า หากต้องการเข้าใจประวัติศาสตร์การขุดทองของแอฟริกาอย่างเรียบง่าย ที่นี่นับว่าเหมาะสมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เนื่องจากเหมืองทองแห่งนี้หยุดการขุดทองเมื่อกลางศตวรรษที่ 90 จึงดูเหมือนรวบรวมประวัติขั้นตอนทั้งหมดของแอฟริกานับตั้งแต่การใช้แรงงานคนขุดเหมืองทองจนถึงการขุดเจาะในยุคปัจจุบัน
“หึม? ทางตันแล้ว?”
หลังจากเดินมาสี่ห้าร้อยเมตร ทางเดินเส้นนี้ก็มาถึงปลายทาง เยี่ยเทียนหยุดฝีเท้า สำนึกตัวขึ้นมาได้ ว่าเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อเที่ยวชม ใต้เหมืองทองแห่งนี้จะมีปราณวิเศษอยู่หรือไม่ต่างหาก คือสิ่งที่เยี่ยเทียนใส่ใจ
นั่งขัดสมาธิลงบนพื้น แล้วดวงตาสองข้างก็หรี่ลงมาเล็กน้อย ลำแสงสว่างเส้นหนึ่งส่องขึ้นจากหน้าผากของเยี่ยเทียน แต่เป็นจิตดั้งเดิมของเขาที่ออกจากร่าง ญาณสัมผัสผ่านทะลุพื้นที่กีดขวางได้อย่างมีขีดจำกัด แม้ญาณสัมผัสของเยี่ยเทียนจะสามารถตรวจสอบพื้นที่โดยรอบหลายกิโลเมตร แต่ว่านั่นก็ทำได้เพียงในพื้นที่ป่าเขาเท่านั้น
หากใช้ตรวจสอบพื้นที่ใต้ดิน ระยะทางนั้นจะถูกย่นเหลือเพียงไม่กี่สิบเมตร ยิ่งเมื่อเผชิญกับปราณวิเศษของแร่เหล็กจำนวนหนึ่งที่คงเหลืออยู่ภายในเหมืองทอง ก็จะส่งผลกระทบต่อญาณสัมผัสของเยี่ยเทียน ด้วยเหตุนั้นการใช้จิตดั้งเดิมออกไปจึงเป็นการเหมาะสมกว่า
แตกต่างจากเมื่อหลายเดือนก่อน หลังจากผ่านการหลอมรวมเข้ากับปราณวิเศษแล้ว วรยุทธ์ของเยี่ยเทียนก็มั่นคงสมบูรณ์กว่าช่วงเริ่มต้นเซียนเทียน จิตดั้งเดิมเองก็กลับกลายเข้มข้นขึ้น เช่นเดียวกับคิ้วและดวงตากับร่างกาย กลายเป็นเหมือนเยี่ยเทียนในขนาดเล็กจิ๋ว
จิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนในเวลานี้ ยังไร้รูปไร้สี มีเพียงจิตดั้งเดิมที่ผ่านขั้นหยวนอิงอัสนีสวรรค์ จึงจะสามารถทะยานสู่สวรรค์ชั้นเก้า เวลานี้เยี่ยเทียนสามารถออกไปได้ไกลสุดเพียงสามถึงห้าร้อยเมตร หากไกลกว่านี้ก็จะเกินกำลัง
แต่ว่าเมื่อใช้สำรวจเหตุการณ์ใต้ดิน เพียงจิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนในปัจจุบันก็นับว่าเพียงพอแล้ว หลังออกจากร่าง จิตดั้งเดิมก็กลายเป็นเหมือนฟองอากาศ ซึมซาบลงบนพื้นดินโดยไร้รูปไร้สี เจาะลงไปใต้พื้นดินราวกับตัวตุ่น
“พื้นดินหนาหนัก ใช้จิตดั้งเดิมกับจุดนี้ คงลำบากกว่าในอากาศหลายเท่า!”
ขณะที่จิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียสอดแทรกลงไปใต้ดินสิบกว่าเมตร ทันใดก็รู้สึกถึงแรงกดดันแผ่มาจากทุกทิศทุกทาง หนึ่งในนั้นนอกจากเป็นปราณวิเศษที่ส่งออกมาจากกลุ่มแร่ทองคำที่ยังไม่ได้ถูกขุดเจาะ ยังแอบมีปราณวิเศษบางประเภทที่เยี่ยเทียนไม่เคยพบเห็นมาก่อน
ในอดีตเยี่ยเทียนเคยส่งจิตดั้งเดิมตรวจสอบสภาพพื้นใต้ดินมาแล้ว แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกเหมือนเป็นครั้งแรก คงเป็นเพราะว่าเขาลงใต้ดินมาลึกหลายร้อยเมตรแล้ว
ความกดดันที่แผ่ออกมาจากใต้ดินคล้ายคลึงกับระดับใต้น้ำ ล้วนทำให้รู้สึกหายใจลำบากและหัวใจเต้นรัว ยังดีที่เป็นจิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียน นอกจากสิ้นเปลืองพลังจิตเร็วขึ้นแล้ว ก็ยังพอต้านทานได้ไหว
“เอ๋ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?” ขณะที่จิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนเคลื่อนตัวลึกลงมาสามสิบกว่าเมตร ภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้เขาตะลึงงัน
มันคือถ้ำใต้ดินความยาวประมาณสิบกว่าเมตร ภายในโพรงนั้น เต็มไปด้วยปราณวิเศษโลหะอันเข้มข้น เพียงน้อยกว่าสายแร่วิเศษที่ไซบีเรียนิดหน่อยเท่านั้น หินแร่โลหะวิเศษขนาดแตกต่างกันหกเจ็ดชิ้นฝังอยู่ในโพรงแห่งนี้เอง
แต่สิ่งที่ทำให้เยี่ยเทียนตกตะลึงก็คือ สีสันของแร่หินเหล่านั้นกลับกลายเป็นมืดทึบ ปราณวิเศษที่กักเก็บภายในดูเหมือนจะแผ่อยู่ภายในโพรงถ้ำแห่งนี้ เยี่ยเทียนลองใช้จิตดั้งเดิมจับแร่หินขึ้นมาชิ้นหนึ่ง แล้วกลับพบว่า ปราณวิเศษภายในแร่หินนั้นหลงเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ?”
มองไปยังแร่หินวิเศษเจ็ดแปดชิ้นนั้นแล้ว เยี่ยเทียนรู้สึกปวดใจเหลือเกิน เขาไปดูเหมืองทองในแอฟริกาใต้มาหกเจ็ดแห่ง กลับพบสายแร่พลอยวิเศษเพียงที่นี่เท่านั้น ทว่าสายแร่นี้กลับสูญสิ้นคุณค่าที่ควรมี ต่อให้เยี่ยเทียนขุดนำเอาแร่วิเศษเหล่านี้ออกมา ก็มีประโยชน์ต่อเขาเพียงแค่เล็กน้อย
“หรือว่าเป็นเพราะทองคำถูกขุดออกจนหมด?”
ในใจของเยี่ยเทียนผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา ปริมาตรในเหมืองทองแห่งนี้ยังใหญ่กว่าในไซบีเรีย แต่ความแตกต่างของทั้งสองแห่งก็คือ เหมืองทองแห่งนั้นยังไม่ถูกถลุงจนหมด แต่ที่แห่งนี้กลับถูกขุดมากว่าร้อยปี เหมือนกับได้ขุดเอาทองคำที่มีมูลค่าออกไปจนหมดแล้ว
ตอนที่เยี่ยเทียนอยู่ในไซบีเรียก็พบว่า ยิ่งมีสายแร่วิเศษอยู่ใกล้ทองคำเท่าไหร่ ความบริสุทธิ์ก็ยิ่งสูงเท่านั้น นั่นจึงหมายความว่า สายแร่วิเศษมีส่วนช่วยต่อการกำเนิดทองคำ ในทางกลับกัน หากมีทองคำปริมาณมาก ก็อาจมีนัยยะพิเศษต่อการปรากฎของสายแร่วิเศษเช่นกัน?
ความจริงเยี่ยเทียนคาดการณ์ได้ไม่ผิด เงื่อนไขการประกอบร่างสายแร่วิเศษนั้นยากลำบาก มันจะต้องมาพร้อมกับการมีอยู่ภายในเหมืองทอง อีกทั้งปริมาณกักเก็บทองคำในเหมืองยังต้องมากมหาศาล สายแร่จึงจะสามารถแผ่ปราณวิเศษเพื่อให้ก่อเกิดทองคำที่มีความบริสุทธิ์สูง
แต่ในขณะเดียวกัน ปราณโลหะเข้มข้นที่แผ่ออกมาจากทองคำ ก็มีประโยชน์ตอบแทนต่อสายแร่วิเศษ แร่วิเศษก็จะถือกำเนิดขึ้นในสภาวะเช่นนี้นั่นเอง ขั้นตอนอย่างนี้ล้วนจำเป็นต้องกินเวลายาวนานถึงหลายหมื่นปี
อย่างไรก็ตามเมื่อทองคำถูกขุดใช้จนหมดแล้ว สายแร่วิเศษก็จะสูญเสียสารอาหารบำรุงตัวมันเองเช่นกัน แร่หินวิเศษที่ยังไม่ถูกขุดเมื่ออยู่ในสภาวะเช่นนี้ จะปลดปล่อยปราณวิเศษภายในออกมา เพื่อจะให้กำเนิดสายแร่ใหม่อีกครั้ง
เช่นเดียวกับโพรงแห่งนี้ที่เยี่ยเทียนพบ หลังจากรอให้ปราณวิเศษในแร่หินเจ็ดแปดชิ้นนี้ใช้จนหมดแล้ว ผนังหินภายในถ้ำก็จะแปรเปลี่ยนเป็นสภาวะที่มีส่วนประกอบของทองคำอีกครั้ง บางทีหลังจากผ่านไปหลายพันหลายหมื่นปี ที่แห่งนี้อาจจะกำเนิดสายแร่ทองคำใหม่ขึ้นอีกครั้ง
“พบสายแร่วิเศษง่ายดายอย่างนี้ คงจะกลับไปมือเปล่าไม่ได้ละมั้ง?”
เยี่ยเทียนไม่รู้สาเหตุความเป็นไป แต่เมื่อสัมผัสถึงปราณวิเศษเข้มเข้นภายในโพรงถ้ำ ปากของจิตดั้งเดิมเยี่ยเทียนก็อ้าออกแรงดูดออกมาจากภายในนั้น สูดหายใจราวกับปลาวาฬสูบน้ำ ดึงเอาปราณวิเศษเหล่านั้นเข้าไปไม่มีหยุด
ในขณะเดียวกัน จิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนราวกับมีสายสัมพันธ์อันน่าทึ่งต่อกายเนื้อ จึงส่งปราณวิเศษเข้าสู่ร่างกายของเยี่ยเทียนอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
…………………………………….
ตอนที่ 801 ผู้มีพลังพิเศษ
“จะย่อยสลายปราณวิเศษเหล่านี้ เกรงว่าคงต้องเก็บตัวอีกสักระยะ”
ถึงแม้ปราณวิเศษภายในถ้ำส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้บำรุงหินแร่โดยรอบแล้ว และยังมีส่วนหนึ่งถูกร่างกายดูดซับเข้าไป แต่ปริมาณของมันก็ยังมีไม่น้อย หลังจากดูดซับปราณวิเศษเหล่านั้นจนเต็มที่แล้ว จิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนก็รู้สึกเหมือนอวบอูมขึ้นมา
เพียงแต่ว่าหลายครั้งก่อนที่ผ่านมา เยี่ยเทียนเรียนรู้ว่า การกักตัวไม่ใช่เรื่องน่าสนุกขนาดนั้น นั่นเพราะทันทีหลังจากที่เริ่มกักตัว อย่างสั้นใช้เวลาไม่กี่วัน อย่างยาวอาจใช้เวลาหลายเดือน ซึ่งเขาไม่สามารถควบคุมได้ และเห็นได้ชัดว่า ตอนนี้ไม่ใช่โอกาสดีสำหรับการกักตัว
“สิ้นเปลืองจริงๆ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย!”
มองไปยังแร่หินวิเศษหลายชิ้นที่ดูคล้ายกับแร่หินรอบตัวแวบหนึ่ง เยี่ยเทียนก็ส่ายหน้าอย่างเสียดาย ถึงแม้เขาจะได้ประโยชน์มาบ้าง แต่ว่าปราณวิเศษเหล่านี้เมื่อรวบรวมปริมาณแล้ว กลับไม่บริสุทธิ์เท่าที่กักเก็บอยู่ภายในแร่หินวิเศษหนึ่งก้อน ถ้าหากหินวิเศษแร่โลหะเจ็ดแปดชิ้นนี้ไร้รอยบุบสลาย เยี่ยเทียนคงจะสามารถใช้มันฝึกวิชาได้ถึงเซียนเทียนขั้นกลางหรือสูงไปกว่านั้นอีกขั้นหนึ่งแล้ว
เยี่ยเทียนไม่รู้ว่า การกระทำนี้ของเขา จะตัดความเป็นไปได้ในการก่อเกิดสายแร่วิเศษอีกครั้งหรือเปล่า แต่แน่นอนว่า แม้เขาจะรู้เขาก็ไม่ใส่ใจ อีกร้อยพันปีให้หลังเขาคงตายนานแล้ว ต่อให้สถานที่นี้มีสายแร่วิเศษปรากฎอยู่ จะมีประโยชน์อะไรต่อเขา
พอได้รับปราณวิเศษเหล่านี้แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรจะรั้งอยู่ที่นี่ต่อ เยี่ยเทียนจึงออกมาจากเหมืองแล้วกลับไปตามทิศทางเดิม
“ชอบเล่นระเบิดนักสินะ? ฉันจะให้พวกแกเล่นจนพอใจ!”
ตอนมาถึงยังตำแหน่งที่ติดตั้งระเบิด ใบหน้าของเยี่ยเทียนก็มีรอยยิ้มเยือกเย็น กำหนดจิตแล้วปราณแท้ก็ห่อหุ้มร่างของเขาล่องลอยขึ้นไป พอถึงด้านล่างของลิฟท์ ก็ปิดรูที่ถูกตัดเปิดออกอย่างเชี่ยวชาญ เพียงพลิกฝ่ามือขวา แผ่นเล็กก็ประกบปิดรูนั้นอย่างไร้สุ้มเสียง
ช่วงเวลาที่เยี่ยเทียนเข้าไปในถ้ำไม่ยาวนานนัก เพียงแค่สิบกว่านาทีเท่านั้น หลังจากเขาออกมาแล้ว ยามเฝ้าประตูที่อยู่ในห้องยังคงกรนเสียงดังราวฟ้าผ่า พนักงานในเหมืองเหล่านี้ไม่รู้เลยว่าตัวเองเคยหลับอยู่หน้าปากปล่องภูเขาไฟ
“อยู่ทิศทางเดียวกับเรางั้นเหรอ?”
เยี่ยเทียนปลดปล่อยดวงจิตสายหนึ่ง พลันสัมผัสทิศทางที่คนเหล่านั้นจากไป ตอนที่กองทหารรับจ้างกลุ่มเล็กสองกลุ่มนี้จากไป เยี่ยเทียนได้ทำเครื่องหมายทิ้งไว้บนตัวพวกเขา ขอเพียงไปไม่ไกลมากนัก เยี่ยเทียนก็จะสามารถตามตัวพวกเขาได้
สืบเสาะตามปราณของตนเองไป เยี่ยเทียนมาถึงยังด้านนอกเขตบ้านเดี่ยวของเอกชนที่มีการคุ้มกันแน่นหนาแห่งหนึ่ง ด้านนอกเขตเล็กๆ นี้ล้อมรอบด้วยกำแพงตาข่ายไฟฟ้าสูงลิบ มองจากด้านนอกดูแล้วเหมือนที่คุมขัง แต่ว่าภายในกลับมีพื้นที่มหึมา มีสถานบันเทิงหลากหลายรูปแบบครบครัน สามารถตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยได้ทุกประเภท
จริงอยู่ว่ากำแพงตาข่ายไฟฟ้ากับกล้องวงจรปิดสามารถป้องกันโจรขโมยและพวกมาเฟียได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่กลับไม่สามารถป้องกันจากทางท้องฟ้าได้มากนัก เยี่ยเทียนค่อยๆ ลดตัวลงด้านหลังอาคารบ้านเดี่ยวหลังหนึ่ง ใช้มือขวาแตะลงบนหน้าต่าง แล้วกลอนภายในก็หมุนเปิดออกด้วยตัวเอง
“เฮ้ รอบคอบขนาดนี้เชียว พวกเขาระมัดระวังตัวยิ่งกว่าเหล่าหม่าอีกเหรอ?”
ขณะที่เยี่ยเทียนกำลังจะผลักหน้าต่างเปิด เขาพบว่าที่ร่องหน้าต่างมีใยเส้นหนึ่งบางราวกับเส้นผมติดอยู่ ตรงปลายเส้นแขวนกระดิ่งลูกเล็กไว้หนึ่งชิ้น เพียงเยี่ยเทียนเปิดหน้าต่างออก กระดิ่งนั้นก็จะตกลงบนกรอบหน้าต่าง ส่งเสียงเตือนภัยออกมาในทันที
ความจริงเยี่ยเทียนไม่รู้ว่า การทำงานในวงการทหารรับจ้างก็คือการหาเงินโดยนำเอาศีรษะไปแขวนไว้กับเข็มขัด ไม่ต้องพูดถึงเรื่องมีศัตรูรอบด้าน แต่ผู้คนหรือองค์กร ที่ พวกเขา ต้อง รับมือ ต่างมีอิทธิพล หนุนหลัง ยิ่งใหญ่ ไม่แพ้กัน แถมยังมีทหารรับจ้างมากมายที่หลังจากปฏิบัติภารกิจ เสร็จ สิ้น แล้ว บ่อยครั้งพอก้าวเข้าสู่ เขตแดน ของคนอื่น ก็มักถูกกำจัดทิ้ง
ดังนั้นทหารรับจ้างที่มีประสบการณ์ จึงมักให้ความสำคัญ กับความปลอดภัย ของตัวเองเป็นหลัก นั่นเพราะมีเพียงการรับประกันความปลอดภัย ของตัวเอง ถึงจะมั่นใจว่าจะทำภารกิจได้สำเร็จ ถ้าหากไม่ได้กำลังเร่งรีบ ทหารรับจ้างพวกนี้คงถึงขั้นติดตั้งระบบอินฟราเรดเตือนภัยรอบด้านแล้ว
ลูกไม้เล็กน้อยพวกนี้ย่อมไม่เป็นอุปสรรคต่อเยี่ยเทียน ในอดีตที่เขาติดตามหลี่ซั่นหยวนท่องยุทธ จักร ได้เห็นมากมายหลายสิ่ง เพียงแค่ไม่คิดว่าพวกฝรั่งก็ใช้มุกนี้เช่นกัน ทันใดนั้น ปราณแท้ลอดทะลุผ่านหน้าต่าง แล้วห่อหุ้มกระดิ่งเล็กนั่นเอาไว้
พอยื่นมือผลักออกไป หน้าต่างก็เปิดออกจากด้านใน ร่างของเยี่ยเทียนสอดแทรกเข้าไปราวกับเสือดาว โดยไร้ซึ่งสุ้มเสียงใดๆ
ว่ากันโดยทั่วไป คนที่เดินท่องบนเส้นกั้นแบ่งความตายบ่อยครั้ง มักจะมีสัมผัสที่หกเช่นกัน แต่ว่าเวลานี้รูขุมขนทั่วเนื้อตัวของเยี่ยเทียนถูกปิดหมด ต่อให้เป็นคนที่มีสัญชาตญาณระวังภัยแรงกล้า ก็ไม่อาจล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของเยี่ยเทียน
“ทั้งหมดสิบแปดคน อยู่กันสามชั้น ทุกชั้นต่างมีการป้องกันของตัวเอง ดูท่าไม่ใช่กลุ่มเดียวกันสินะ?”
เยี่ยเทียนปลดปล่อยญาณสัมผัสออกไป เพื่อดูภาพโดยรวมทั้งหมดของอาคารทั้งหลัง เขาพบว่า เมื่อรวมตัวเองที่อยู่ชั้นหนึ่ง ชั้นสามของตึกอัดแน่นไปด้วยผู้คน ต่างสวมเสื้อผ้านอนหลับ อาวุธครบมือ ระแวดระวังอย่างที่สุด
” ซ่งเสี่ยวหลง ลงทุนขนาดนี้ นับว่าให้เกียรติฉันจริงๆ!”
เยี่ยเทียนยิ้มเหี้ยม เขาทำงานร่วมกับมาลาไกย์มาหลายต่อหลายครั้ง ย่อมรู้ตัวเลขราคากองทหารรับจ้างนานาชาติ ดูท่าเพื่อกำจัดเขาในครั้งนี้ ซ่งเสี่ยวหลงถึงกับกระอักเลือดหนักทีเดียว
“กรรมใดใครก่อ ดาบนั้นคืนสนอง อยากฆ่าฉัน ก็ต้องเตรียมตัวตายเสียก่อน… ” ดวงตาของเยี่ยเทียนฉายแววดุดัน เคลื่อนตัวเข้าไปภายในห้องราวกับวิญญาณ ชายร่างยักษ์ ที่เฝ้ายามชั้นหนึ่งอยู่พลันรู้สึกง่วงงุน คอพับหลับลึกในทันใด
เยี่ยเทียนสอดส่องสายตาไปทั่วห้อง ขณะที่เขาเห็นถาดทรงกลมสำหรับใส่กระสุนปืนกล ดวงตาก็ฉายแวววาบ หยิบระเบิดTNTที่เชื่อมต่อกับชนวนและตัวจุดเชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์ ออกมาจากกระเป๋า ยัดใส่ลงไปในนั้น
นอกจากในถาดกระสุน เยี่ยเทียนยังยัดระเบิดอีกหนึ่งชิ้นลงไปในกระเป๋าทหารสำหรับใส่กระสุนอีกหนึ่งชิ้น ระเบิดสองชิ้นนี้ถึงแม้รวมกันแล้วหนักเพียงสองกิโลกรัม แต่ก็เพียงพอจะส่งคนเหล่านี้ไปพบพระเจ้าหรือซาตานที่พวกเขาบูชา
ดังนั้น หลังจากร่างของเยี่ยเทียนเคลื่อนตัวไปรอบอาคารหลังนี้ ระเบิดที่อยู่ในกระเป๋าเป้ของเขาจึงใช้ออกไปจนหมด แต่ไหนแต่ไรเยี่ยเทียนไม่ใช่คนใจดีมีเมตตา ในความคิดของเขา ศัตรูก็เท่ากับคนตาย
ถอยออกมาจากหน้าต่างที่เข้าไปบานนั้นอีกครั้ง แล้วนำกระดิ่งแขวนกลับยังที่เดิม เยี่ยเทียนไม่เหลือร่องรอยทิ้งไว้แม้แต่น้อย ต่อให้ชายร่างยักษ์ เฝ้ายามกะกลางคืนคนนั้นตื่นยังรู้สึกว่าตนเองแค่เผลองีบหลับไป แต่จะไม่สงสัยว่ามีใครแทรกตัวเข้ามาในบ้านของพวกเขา
“เจอร์รี นายออกจะจุกจิกเกินไปหรือเปล่า?”
ขณะที่เยี่ยเทียนกำลังคิดจะกลับโรงแรม ก็มีเสียงสนทนาดังมาจากอาคารบ้านเดี่ยวด้านข้างที่ยังเปิดไฟอยู่ เยี่ยเทียนจึงหยุดฝีเท้า หลบซ่อนร่างของตนเองท่ามกลางความมืด
นั่นเพราะเยี่ยเทียนพบว่า บนร่างของคนที่กำลังพูดอยู่มีปราณที่เขาปล่อยออกมา น่าจะเป็นคนที่ออกมาจากเหมืองทองคำแห่งนั้น
“ทำไมถึงเปลี่ยนแผนล่ะ? ตอนแรกก็แค่ให้เหมืองใต้ดินนั่นถล่มลงมาก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง?” เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้กำลังสอบสวนเจอร์รี ซึ่งเห็นได้น้อยครั้งในกองกำลังแม่ม่ายดำ พวกเขาล้วนเคยชินกับการเชื่อฟังคำสั่งและบัญชาการของเจอร์รี
ได้ยินคำถามของเพื่อนร่วมงานแล้ว เจอร์รีก็ส่ายหน้า ตอบว่า “ไคลด์ คู่ต่อสู้ของเราแข็งแกร่งมาก การถล่มเหมือง อาจไม่ทำให้เขาเสียชีวิต ฉันต้องทำให้มั่นใจว่าจะไม่ผิดพลาด”
“เหมืองลึกหลายร้อยเมตรถล่มยังไม่ตายเนี่ยนะ? เจอร์รี นายต้องเข้าใจนะว่าผลลัพธ์นี้ พวกเราคงไม่อาจแบกรับไหว…”
ไคลด์ที่กำลังพูดอยู่ก็คือมือระเบิดของกองทหารรับจ้างแม่ม่ายดำนั่นเอง เดิมทีเขาไปติดตั้งระเบิด TNTจำนวนสามสิบกิโลกรัมในถ้ำเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนั่นพอจะถล่มถ้ำแห่งนั้นได้อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่นึกไม่ถึงว่าเจอร์รีกลับเปลี่ยนแผน โดยให้กลุ่มทหารรับจ้างสกอร์เปี้ยนนำระเบิดอีกหลายร้อยกิโลกรรมไปยังถ้ำเหมือง เมื่อทำเช่นนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ นั่นเพราะทันทีที่ระเบิดหนักหลายร้อยกิโลกรัมระเบิดขึ้นจะก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนและก๊าซพิษ จนเกิดภัยพิบัติต่อโจฮันเนสเบิร์ก
ทหารรับจ้างทำทุกวิถีทางเพื่อให้ภารกิจเสร็จสิ้นก็จริง แต่มโนธรรมของแต่ละคนต่างมีขอบเขตของตนเอง ถึงแม้ไคลด์จะรับคำสั่งของเจอร์รี แต่เขากลับไม่สบายใจ หลังกลับมาจากเหมืองทองก็เริ่มไม่เห็นด้วยกับเจอร์รี
ไม่เพียงแต่ไคลด์เท่านั้น กระทั่งสมาชิกคนอื่นอีกหลายคนก็มองไปยังเจอร์รีเช่นกัน ต้องเข้าใจว่า ถ้าหากจุดระเบิดพวกนั้นขึ้นมาจริงๆ เหตุการณ์นี้จะเป็นเรื่องใหญ่ยิ่งกว่าเหตุการณ์ “911” ของอเมริกา ถ้าหากถูกคนตรวจสอบว่าเป็นการกระทำของกองทหารรับจ้างแม่ม่ายดำ บนโลกใบนี้ก็คงจะไม่มีพื้นที่ยืนให้พวกเขาเป็นแน่
“ไคลด์ ฉันเข้าใจความคิดของพวกนาย”
เจอร์รียักไหล่อย่างเหนื่อยหน่าย ตอบว่า “แต่ว่าจากมุมมองของฉัน ฉันจำเป็นต้องทำให้ปฏิบัติการไร้ซึ่งการสูญเสีย นั่นเพราะเจ้าคนจีนนั่น มีความเป็นไปได้สูงว่าจะมีพลังพิเศษ ต่อให้เหมืองถล่มทลาย ก็อาจยังไม่สามารถต้านทานเขาได้!”
“พลังพิเศษ จะ…จะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไง?”
พอเจอร์รีพูดออกมาอย่างนี้ คนทั้งหลายภายในห้องล้วนมีสีหน้าประหลาด ไคลด์ยิ่งถามขึ้นอย่างหวาดๆ “เจอร์รี นายรู้ว่าเขามีพลังพิเศษแล้วทำไมถึงยังรับภารกิจนี้อีก นี่อาจทำให้พวกเราตายกันหมดได้นะ!”
“เจอร์รี ฉันก็ต้องการคำอธิบายเหมือนกัน!”
ชายคนหนึ่งที่นั่งเงียบไม่ส่งเสียงอยู่ตรงมุมห้องมาตลอด ก็เงยหน้าขึ้น มองมายังเจอร์รีเช่นกัน คนคนนี้คือบรูกแมน หน่วยโจมตีของกองกำลังแม่ม่ายดำ และยังรับหน้าที่ปฏิบัติการอีกด้วย แต่ถ้าหากคนที่คุ้ยเคยกับเขาพบเขาเข้า ย่อมจดจำใบหน้าเขาไม่ได้แน่นอน
เดิมทีบรูกแมนแม้ไม่อาจพูดได้ว่าหล่อเหลา แต่ก็มีใบหน้าเด็ดเดี่ยวมั่นคง อย่างไรก็ตามตอนนี้ใบหน้านั้นของบรูกแมนกลับน่าสยดสยองอย่างยิ่ง ตั้งแต่ไรผมตรงหน้าผากจรดคางของเขา ผิวเนื้อปริแตกออก ราวกับถูกกรงเล็บแหลมคมของสัตว์ร้ายตะปบลงบนใบหน้า
“บรูกแมน ไคลด์ ฉันเองก็เพิ่งค้นพบเรื่องที่ฝ่ายตรงข้ามกระทำในอดีต หลังจากที่รับภารกิจแล้วเหมือนกัน…”
ใบหน้าของเจอร์รีมีรอยยิ้มเจื่อน ตอนที่เขาตกลงรับภารกิจนี้ ก็รีบเริ่มรวบรวมข้อมูลทุกอย่างของเยี่ยเทียน แต่ยิ่งรวบรวมข้อมูลได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกหนาวเหน็บในใจยิ่งขึ้นเท่านั้น
ยิ่งเมื่อหลังจากได้รู้ว่าเยี่ยเทียนมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนั้นกับทางรัสเซีย เขาก็แทบจะมั่นใจได้ว่าเยี่ยเทียนคือหนึ่งในคนที่มีพลังพิเศษอันหาได้ยากยิ่ง
ที่เจอร์รีตัดสินใจเช่นนี้ เป็นเพราะกองกำลังของพวกเขา เคยพานพบกับคนประเภทนี้มาก่อน และครั้งนั้นพวกเขาก็แทบจะพบความวิบัติทั้งกองทัพ
……………………………………….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น