อยากกินไหมล่ะ 797-798

 บทที่ 797 คุยกันด้วยฝีมือ

ทีมงานถ่ายทำในคราวนี้ประกอบไปด้วยคนที่จี้อี้ได้คัดสรรเอาไว้หลังจากผ่านการพิจารณาหลายต่อหลายครั้งแล้ว พวกเขาทุกคนต่างเป็นผู้มีฝีมืออย่างแท้จริง


โดยมีผู้กำกับมากความสามารถต้าไห่ ผู้ช่วยผู้กำกับชิวชิว ช่างควบคุมไฟเซียวหลงเหริน วิศวกรเสียงอาเขิ่น ผู้กำกับบทเซียวเต้าและช่างแต่งหน้าไป๋ลี่ ยังมีสมาชิกคนอื่นๆในทีมอีกแต่พวกเขาหาได้มีความสลักสำคัญอะไรนัก


พวกเขาทั้งเจ็ดคนมีอุปกรณ์เยอะ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเดินทางด้วยรถตู้ ขณะที่อยู่ในรถตู้ทุกคนก็เริ่มสนทนากันไม่นานนัก


“ฉันเคยเกลียดการถ่ายวิดีโอโปรโมตด้วยล่ะ แต่ถึงยังไงฉันก็เป็นคนทำหนังที่ดีแหละนะ” อาเขิ่นกล่าว “ทว่านับตั้งแต่ฉันได้ถ่ายทำอาจารย์วั่นเอ้า ฉันก็ตกหลุมรักกับการทำสิ่งนี้เข้าเต็มเปาเลยล่ะ”


“พวกเราต้องขอขอบคุณผู้กำกับต้าไห่ผู้เป็นที่รู้จักมากที่สุดของเรา ขอบคุณที่ให้โอกาสนี้กับผมนะครับ” อาเขิ่นกล่าว


“นายถนัดเรื่องเลียแข้งเลียขาอยู่แล้วไม่ใช่หรือไงหา? ทำเอาฉันขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย” เซียวหลงเหรินกล่าว


อาเขิ่นโต้ตอบว่า “นายอย่ามาเสแสร้งว่าไม่ใช่คนที่อยากได้ใคร่มีอะไรไปหน่อยเลยทั้งๆที่เพิ่งจะฟาดเกี๊ยวหมดเกลี้ยงไปสามชามแท้ๆ”


เซียวหลงเหรินกับอาเขิ่นเป็นสมาชิกเดิมในทีมของต้าไห่ พวกเขาผ่านงานด้วยกันมามากมายแถมยังรู้จักกันเป็นอย่างดีอีกด้วย คำพูดกระเซ้าเย้าแหย่เช่นนั้นระหว่างพวกเขาเป็นเรื่องปกติมาก


“ในส่วนการกินของการถ่ายวิดีโอโปรโมตมักจะสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว” ผู้กำกับต้าไห่กล่าวพลางพยักหน้า


“เถ้าแก่หยวนยังเด็กอยู่เลยงั้นเหรอ? ฉันรู้สึกราวกับว่ากำลังเผชิญกับความสูญเสียอย่างไรอย่างนั้นเลย” จู่ๆเซียวเต้าก็กล่าวขึ้นมา


“นายกำลังเผชิญกับความสูญเสียอะไรงั้นเหรอ? นายกำลังสงสัยในอาหารของเถ้าแก่หยวนงั้นเหรอ? ฉันขอบอกนายเลยนะว่าอาหารที่เถ้าแก่หยวนทำน่ะสามารถอธิบายได้ด้วยคำเพียงคำเดียวว่า ‘โคตรอร่อย’ เท่านั้นแหละ” ชิวชิวผู้ช่วยผู้กำกับตอบโต้ เขาเคยกินอาหารที่ร้านหยวนโจวมาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง ในตอนนั้นร้านหยวนโจวยังมีแค่เมนูอาหารจินหลิงอยู่เลย


ถึงแม้ว่าเขาจะเคยกินอาหารที่นี่เพียงแค่ครั้งเดียว ทว่าครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะเอาชนะใจเขาและเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นแฟนตัวยงของร้านหยวนโจวได้แล้ว


ส่วนไป๋ลี่ผู้เป็นช่างแต่งหน้าไม่ได้เข้าร่วมวงสนทนาแต่อย่างใด แต่กลับมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าราวกับว่าเธอกำลังนึกถึงเรื่องน่าสนุกอยู่


ตอนที่กำลังถ่ายวิดีโอโปรโมตอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลี ทีมงานก็จะได้รับความอนุเคราะห์เป็นอาหารมื้อหนึ่งหลังจากการถ่ายทำด้วย


ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์เอ้าที่พวกเขาเอ่ยถึงก่อนหน้านี้หรืออาจารย์หลงซูเหมี่ยน คนเหล่านี้ก็คือผู้ที่เลิกทำอาหารมานานแล้ว


ดังนั้นทุกคนในทีมรวมทั้งชิวชิวจึงต้องหักห้ามใจมิให้เผลอกินอาหารมื้อก่อนหน้านี้เข้าไป พวกเขาเตรียมที่กินอาหารที่เถ้าแก่หยวนกำลังจัดเตรียมให้พวกเขาคืนนี้อยู่เลย


“ระหว่างเถ้าแก่หยวนกับอาจารย์เอ้า พวกนายคิดว่าใครเก่งกว่ากัน?”


“ฉันคิดว่าพวกเขาอาจจะอยู่ในระดับไล่เลี่ยกันแหละมั้ง?”


“ฉันก็คิดว่างั้นแหละ ถึงแม้ว่าเถ้าแก่หยวนยังจะเด็กอยู่มากแถมยังเสียเปรียบในแง่ของประสบการณ์ แต่ฉันเคยได้ยินมาว่าเถ้าแก่หยวนเป็นถึงเชฟยอดอัจฉริยะเชียวนะ ดังนั้นฉันจึงไม่คิดว่าเขาจะห่างชั้นจากเหล่าเชฟสักเท่าไหร่หรอกนะ”


พวกเขาคุยกันไประหว่างเดินทางและในที่สุดพวกเขาก็มาถึงถนนเถ่าซือ


ยามค่ำคืน ถนนเถ่าซือช่างแสนเงียบสงบทว่ากลับเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา


“เดี๋ยวก่อนนะครับคุณคนขับ ช่วยจอดแค่ตรงสี่แยกก็พอครับ” ผู้กำกับกล่าวขึ้นเนื่องจากจู่ๆเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้


อาเขิ่นกับคนอื่นๆต่างมองผู้กำกับด้วยความสับสน พวกเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงขับรถตู้ตรงไปที่ร้านเลยไม่ได้ ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีอุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายทำตั้งเยอะแยะที่ต้องหอบหิ้วไปด้วย


“อาจารย์จี้บอกผมว่าไม่มีรถคันไหนเข้าไปในถนนเถ่าซือได้หรอก อีกอย่างก็ใช่ว่าจะไกลอะไรนักหนา พวกเราสามารถหอบหิ้วอุปกรณ์ไปเองได้อยู่แล้วล่ะ” ต้าไห่กล่าวขึ้นมา


ต่อมาพวกเขาก็เริ่มหอบหิ้วอุปกรณ์ของตัวเองแล้วมุ่งหน้าไปที่ร้านของเถ้าแก่หยวน


“จะว่าไปแล้วสาธารณูปโภคของถนนสายนี้ก็นับว่าค่อนข้างดีเชียวล่ะ ถังขยะก็เป็นระเบียบเรียบร้อยแถมยังมีม้านั่งอีกด้วย” เซียวหลงเหรินใส่ใจในรายละเอียดมากขึ้น


ลักษณะท่าทางของทีมงานทั้งเจ็ดคนดึงดูดความสนใจของบรรดาลูกค้าที่กำลังดื่มเหล้า


“ดูสิ พวกเขาแบกกล้องมาด้วยล่ะ พวกเขาจะมาถ่ายวิดีโอโปรโมตกันที่นี่งั้นเหรอ?”


“ฉันก็คิดว่างั้นแหละนะ”


“มาเร็ว ไปดูกันเถอะ เถ้าแก่หยวนกำลังจะแสดงความเจ๋งออกมาในไม่ช้าแล้ว”


บรรดาลูกค้าทั้งหลายที่มาดื่มเหล้าต่างรีบพุ่งตัวลงไปเพื่อมองดูให้ชัดๆ


ภายในร้าน


หยวนโจวแต่งกายในชุดเครื่องแบบชาวฮั่นอันแสนสง่างามที่มีลวดลายอันสลับซับซ้อนอยู่บนนั้น เขานั่งรออยู่ตรงล็อบบี้ เนื่องจากประสาทสัมผัสอันเฉียบคมของเขาจึทำให้เขาทราบว่าทีมงานมาถึงแล้วก่อนที่พวกเขาจะมาถึงประตูเสียอีก


หลังจากเข้ามาแล้ว พวกเขาทั้งเจ็ดคนและอุปกรณ์เหล่านั้นก็ทำให้ร้านขนาด 20 ตารางเมตรถึงกับแน่นขนัดไปทันตา แม้แต่ลูกค้าห้าคนที่เพิ่งจะลงมาจากชั้นบนก็ยังถูกบังคับให้ยืนชิดกำแพงข้างประตู


“สวัสดีครับ เถ้าแก่หยวน” ผู้กำกับต้าไห่กล่าวทักทาย


“สวัสดีครับทุกคน” หยวนโจวลุกขึ้นทักทายอย่างสุภาพ


“นี่คือทีมงานหลักของวันนี้ครับเถ้าแก่หยวน นี่คือเพื่อนร่วมงานของผมเองครับ ผู้ช่วยผู้กำกับชิวชิว ช่างควบคุมไฟเซียวหลงเหริน… แล้วก็ช่างแต่งหน้าไป๋ลี่ ” ต้าไห่มีทักษะการสื่อสารที่ดี ทันทีที่พวกเขาพบกัน เขาก็แนะนำทุกคนให้รู้จัก


ผู้กำกับแนะนำทีมงานทีละคนๆและหยวนโจวก็ทักทายพวกเขาทีละคนๆเช่นกัน


“เอาล่ะ พวกเราจะเข้าเรื่องเลยก็แล้วกันนะครับ ผมจะให้ไป๋ลี่แต่งหน้าให้คุณก่อน แบบนี้ดีไหมครับ?” ผู้กำกับต้าไห่ถามขึ้นมา


“ได้ครับ แต่ผมไม่อยากให้มีกลิ่นนะครับ ช่วยตรวจสอบให้แน่ใจด้วยนะครับว่าเครื่องสำอางจะไม่ทำให้ผมเสียแฟนๆไปด้วย แล้วตอนที่กำลังถ่ายทำอยู่นั้น ผมจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยเอาไว้ด้วยนะครับ” หยวนโจวกล่าว เขามักจะให้ความสำคัญกับบางสิ่งบางอย่างที่อาจจะส่งผลต่อการทำอาหารของเขาได้


หลังจากหยวนโจวบอกข้อเรียกร้องของเขาไปแล้ว ต้าไห่ก็ลังเลใจขึ้นมา ถึงอย่างไรวิดีโอโปรโมตนี้ก็ต้องโพสต์ลงอินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว ย่อมต้องมีผู้คนมากมายรอชมอยู่แน่ แม้ว่าต้าไห่จะไม่เคยใช้เครื่องสำอาง แต่เขาก็รู้ว่าเครื่องสำอางทุกชนิดจะมีกลิ่นบางอย่างติดมาด้วย ส่วนข้อเรียกร้องที่ต้องไม่ทำให้เขาเสียแฟนๆไป เรื่องนี้ทำให้ต้าไห่เกิดความลังเลมากขึ้นเรื่อยๆ เขามองไปที่ไป๋ลี่โดยหวังว่าเธอจะมีทางออก


ด้วยผมยาวเป็นลอนคลื่นทำให้ไป๋ลี่ดูสุภาพอ่อนโยน เธอประทินโฉมตนเองอย่างประณีตและไม่แปลกใจเลยเมื่อได้ยินข้อเรียกร้องของหยวนโจว


เมื่อสังเกตเห็นว่าผู้กำกับกำลังมองมา เธอก็พูดขึ้นว่า “ไม่ต้องห่วงนะคะ พวกเราไม่ได้จะแต่งหน้าหรอกค่ะ ฉันแค่ปรับแต่งคิ้วของคุณให้ดูดีขึ้นเท่านั้นเองไม่ได้ทำอย่างอื่นเลยค่ะ”


“ขอบคุณมากครับ” หยวนโจวพยักหน้าก่อนที่จะนั่งลงตรงเก้าอี้แต่งหน้าที่จัดเตรียมเอาไว้ให้


“ด้วยความยินดีค่ะ” ไป๋ลี่ยิ้มพลางพยักหน้า จากนั้นเธอก็เริ่มจัดการกับหยวนโจว


“ไป๋ลี่เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลาจริงๆ” ต้าไห่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจก่อนที่เขาจะไปตรวจตราสมาชิกในทีมคนอื่นๆ


บรรดาลูกค้าต่างเริ่มสนทนากันในเรื่องนี้


“เถ้าแก่หยวนเข้มงวดเหมือนเคย เขาไม่ยอมแต่งหน้าแม้แต่ตอนที่กำลังจะถ่ายวิดีโอโปรโมตเลย เพียงเพราะเขากลัวว่าจะเสียแฟนๆไปน่ะสิ” ฟางเหิงรำพึงออกมา


“อืม อาหารสำหรับวิดีโอโปรโมตไม่มีวางจำหน่ายแต่เขาก็ยังเข้มงวดอยู่ดี สมกับเป็นเถ้าแก่หยวนจริงๆ” อีกคนกล่าว


“เรื่องนั้นก็พอเข้าใจได้อยู่หรอกนะ เถ้าแก่หยวนก็เป็นแบบนั้นมาตลอดอยู่แล้วนี่นา” เฉินเว่ยดูเหมือนจะไม่สนใจนัก หยวนโจวก็เป็นแบบนี้มาตลอดอยู่แล้ว


เนื่องจากไม่ต้องแต่งหน้าให้ยุ่งยาก หลังจากตัดเล็มคิ้วและล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดเสร็จเรียบร้อยหยวนโจวก็พร้อมแล้ว


“ขอบคุณครับ” หยวนโจวลุกขึ้นกล่าวขอบคุณแล้วกลับเข้าครัว


ไป๋ลี่รีบเก็บข้าวของแล้วถอยกลับไปหลังกล้องอย่างรวดเร็ว


“ผมจะเริ่มแล้วนะครับ” หยวนโจวบอกผู้กำกับ


“เถ้าแก่หยวน คุณจะไม่พูดอะไรกับกล้องสักหน่อยเหรอครับ?” ต้าไห่รู้สึกประหลาดใจ


ปกติแล้วเชฟคนอื่นๆจะแนะนำตัวก่อนการถ่ายทำ ยิ่งไปกว่านั้นหยวนโจวก็ดูหล่อเหลามากทีเดียวจึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเวลาต้องโชว์ใบหน้าของตัวเอง แต่เขากลับสวมหน้ากากเอาไว้เสียอย่างนั้น


“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอกครับ ผมเชื่อในฝีมือการตัดต่อของคุณนะครับ” หยวนโจวกล่าวหน้าตาเฉย


หยวนโจวเคยมีประสบการณ์ยืนอยู่หน้ากล้องมาก่อนแล้ว เขาจึงไม่มีปัญหายามที่ต้องทำอาหารต่อหน้ากล้องเนื่องจากตอนที่กำลังทำอาหารเขามักจะหลงลืมสิ่งรอบตัวไปจนสิ้น แต่ถ้าหากเขาต้องพูดอะไรหน้ากล้อง เขาอาจจะทำผิดพลาดได้มากมายเชียวล่ะ


ดังนั้นหยวนโจวจึงตัดสินใจเลือกทางเลือกอันแสนชาญฉลาดด้วยการคุยด้วยฝีมือของตัวเอง นั่นเป็นสิ่งที่เขาถนัดนักล่ะ


บทที่ 798 เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้หรอกน่า

ก่อนที่จะเริ่มนั้น หยวนโจวหลับตาทำสมาธิเพื่อเริ่มการแสดงที่ดี แต่จู่ๆเขาก็นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงขึ้นมาได้


เมื่อก่อนหน้านี้ตอนที่ช่างแต่งหน้ากำลังจัดการกับเขาอยู่นั้น เขาหลับตาอยู่แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงสัมผัสจากมือเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งของเธอ ในตอนนั้นเขารู้สึกประหม่าและประสาทตึงเครียดมาก


หยวนโจวให้กำลังใจตัวเองพลางบอกตัวเองให้ใจเย็นเข้าไว้ เขาเป็นคนที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนและเห็นโลกมามากแล้ว เขาต้องสงบสติอารมณ์เข้าไว้


แต่ถ้าหากเป็นคนที่ “ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน” และ “เห็นโลกมามาก” พวกเขาก็ควรจะชี้แจงว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหยวนโจวสักนิด


หยวนโจวฟังเสียงภายในร้านเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองจากความประหม่าขณะที่ช่างแต่งหน้ากำลังจัดการกับเขาอยู่ เขาได้แต่รอให้ทีมงานให้เสร็จเท่านั้นแล้ว


เนื่องจากเป็นการถ่ายทำในสถานที่ที่แน่นอนจึงไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายอุปกรณ์มากเท่าไหร่นักพวกเขาเพียงแค่ติดตั้งอุปกรณ์ในตำแหน่งที่เหมาะสมก็พอแล้ว


ดังนั้นจึงได้ยินแค่เสียงโครมครามเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากนั้นผู้ช่วยผู้กำกับชิวชิวก็ใช้เวลาอีกไม่กี่นาทีในการปรับอุปกรณ์จนเสร็จ ตัวกล้องลดระดับลงเนื่องจากพวกเขาได้เรียนรู้จากการถ่ายวิดีโอทั้งสองครั้งก่อนว่ามือของเชฟด้านอาหารที่ปรุงขึ้นมาจากข้าวสาลีเทียบได้กับมือของผู้วิเศษ


ส่วนอุปกรณ์จัดแสงค่อนข้างติดตั้งได้ยาก พวกเขาจึงพยายามที่จะติดตั้งเอาไว้หลายๆตำแหน่งแต่ก็ยังหาตำแหน่งที่เหมาะสมไม่ได้เลย


การจัดแสงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากระหว่างการถ่ายทำแม้ว่านี่จะเป็นแค่วิดีโอโปรโมตก็ตามที เซียวหลงเหรินเพิ่งจะเริ่มมองหาตำแหน่งของอุปกรณ์จัดแสงเอาไว้หลายๆแห่งหลังจากคนอื่นๆจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกผู้กำกับต้าไห่ตำหนิเอา


ทำไมช่างควบคุมไฟคนนี้ถึงมีสมญานามว่าเซียวหลงเหรินน่ะเหรอ? ก็เพราะเขามีเขาอยู่บนหัวน่ะสิ หรือจะพูดให้ถูกก็คือเขามีก้อนเนื้อขนาดเล็กบนหัว อย่างไรเสียต้าไห่ ชิวชิว อาเขิ่น เซียวหลงเหริน ไป๋ลี่และเซียวเต้าก็จัดเตรียมจนแล้วเสร็จได้ในที่สุด


การถ่ายทำกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว


หยวนโจวลืมตาแล้วกำจัดความคิดเลื่อนเปื้อนในหัวทิ้งไป ดวงตาของเขาสงบนิ่งและมีสีหน้าเยือกเย็น เขาเหลือบมองไปทางเลนส์กล้องด้วยความสงบนิ่ง


ก่อนหน้านี้ผู้กำกับต้าไห่อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรออกไปก็เห็นหยวนโจวหลับตาลง สิ่งนี้ทำให้เขาถึงถึงกับพูดไม่ออกเนื่องจากลืมสิ่งที่จะพูดไปเสียแล้ว


และเมื่อหยวนโจวลืมตาขึ้นมาด้วยความสงบนิ่งอีกครั้ง ผู้กำกับก็รู้สึกว่าถ้าหากเขายังไม่เริ่มการถ่ายทำในทันทีก็จะเสียบรรยากาศแล้ว ดังนั้นเขาจึงเลิกพูดแล้วตะโกนใส่ผู้กำกับบทแทน


“เริ่มได้” ต้าไห่ตะโกนออกมา


“บันทึกเชฟ ฉากแรก ช็อตแรก แอคชั่น” ผู้กำกับบทตีแคลปบอร์ดแล้วเริ่มการถ่ายทำในทันที


เนื่องจากจะมีการเพิ่มเทคนิคพิเศษทางภาพและเสียงในขั้นตอนการตัดต่อ นอกเหนือไปจากเสียงกล้องที่ขยับไปมาแล้ว ตัวร้านจะตกอยู่ในความเงียบโดยสมบูรณ์


หยวนโจวเหลือบมองกล้องเพียงแวบเดียวก่อนที่จะก้มหัวลงแล้วเริ่มทำงาน


การถ่ายทำดำเนินไปในสภาพแวดล้อมอันเข้มงวดจนถึงจุดที่มีผลต่อผู้อื่นและทำให้บรรดาลูกค้าที่มาดื่มเหล้าต่างกลั้นหายใจเอาไว้ระหว่างที่กำลังมองดู ส่วนต้าไห่เขากำลังมองดูผ่านหน้ากล้องอยู่


สีหน้าของหยวนโจวยามที่อยู่หน้าจอหาได้เข้มงวดอีกต่อไป แต่กลับดูผ่อนคลาย คิ้วของเขาคลายออกจากกันทว่ามือไม้ของเขากลับไม่หยุดขยับเลยสักนิด


“ลดมุมกล้องลงแล้วเล็งไปที่มือของเขา” ต้าไห่บอกชิวชิวที่ทำหน้าที่ควบคุมกล้อง


แน่นอนว่ายังมีคนอื่นคอยช่วยงานชิวชิวเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าชิวชิวจะเป็นที่รู้จักกันในฐานที่เป็นผู้ช่วยผู้กำกับ แต่นี่คือทีมงานถ่ายวิดีโอโปรโมต ทีมงานเพียงน้อยนิดกลับมีงานที่คาบเกี่ยวกันอยู่มากมาย ดังนั้นชิวขิวจึงต้องทำหน้าที่เป็นตากล้องด้วย ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งที่เขามาทำงานนี้ก็เพราะเข้าขากับต้าไห่ได้ดีนั่นเอง


ทันทีที่เขาได้ยินคำสั่งของต้าไห่ ชิวชิวก็ปรับมุมกล้องให้โฟกัสไปที่มือของหยวนโจว


ทั้งเจ็ดคนต่างสาละวนอยู่กับการทำงานของตัวเอง


เนื่องจากดำเนินการถ่ายทำช่วงกลางคืน หยวนโจวจึงเตรียมวัตถุดิบเอาไว้ล่วงหน้านานแล้ว ถึงอย่างไรเมล็ดข้าวที่นำมาใช้ก็ต้องแช่เอาไว้ทั้งวันอยู่ดีก่อนที่จะสามารถนำมาใช้ได้


ดังนั้นหยวนโจวจึงหยิบชามกระเบื้องที่ใส่น้ำสะอาดและเมล็ดข้าวเอาไว้ถึงร้อยละ 80 ของชาม


เมล็ดข้าวแต่ละเมล็ดเป็นสีขาวสะอาดและมันวาว เมล็ดข้าวที่ขยายตัวจากการที่ถูกแช่เอาไว้มีลักษณะขาวอวบ


ตุ้บ หยวนโจวหยิบหินลับมีดออกมาจากใต้เคาน์เตอร์ หินลับมีดมีสีเขียวแต่ในขณะเดียวกันก็ดูประณีตมากทีเดียว ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีอุปกรณ์ขนาดเล็กอยู่ข้างใต้ หินลับมีดก็คงจะดูเหมือนหยกเนื้อดีมากกว่านี้ไปแล้ว


“จึ๊ เถ้าแก่หยวนเอาหินลับมีดก้อนใหม่ออกมาอีกแล้ว เขาจะเปลี่ยนหินลับมีดอีกสักกี่ครั้งถึงจะพอใจกัน?” เฉินเว่ยบ่นพึมพำ


“นายนี่ก็ความจำดีเสียจริง นี่คือหินลับมีดก้อนที่ห้าของเขาแล้ว หินลับมีดแต่ละก้อนจะมีขนาดและสีสันที่แตกต่างกันไปบ้าง หินลับมีดก่อนหน้านี้เป็นสีเหลืองน่ะ” เจียงฉางซี่ตอบอย่างแจ่มแจ้ง


“ว้าว เธอกลับมีความจำดีกว่าฉันเสียอีก” เฉินเว่ยเหลือบมองเจียงฉางซี่


เจ้าคนผู้นี้ถือโอกาสล้อเลียนเธอ แต่เห็นได้ชัดว่าพักนี้เฉินเว่ยชักจะใจกล้ามากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ทุกวันนี้เขาถึงกับกล้าที่จะคุยเสียงดังกับเจียงฉางซี่แล้ว


ขณะที่บรรดาลูกค้าต่างสนทนากันอยู่นั้น พวกเขาต่างผ่อนระดับเสียงของตัวเองเอาไว้ ดังนั้นงานของวิศวกรเสียงจึงไม่ถูกพวกเขาขัดจังหวะเอาไว้ ยิ่งไปกว่านั้นบรรดาลูกค้าจะพูดคุยกันก็ต่อเมื่อมีการหยุดพักเล็กน้อยระหว่างถ่ายทำ ดังนั้นผู้กำกับจึงไม่ได้สนใจผู้ชมที่อยู่ข้างๆพวกนี้เลย


“มือของเถ้าแก่หยวนสวยจัง” เจียงฉางซี่กล่าวด้วยความประหลาดใจ เธอกำลังให้ความสนใจกับมือของหยวนโจวขณะที่กล้องกำลังเล็งไปที่มือของเขาอยู่ตลอด


“อืม ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายที่มีมือสวยขนาดนี้มาก่อนเลยนะ” เฉินเว่ยพยักหน้าเห็นด้วย


แม้แต่ต้าไห่ก็ยังพยักหน้าเห็นด้วย ถึงแม้ว่าเชฟคนอื่นๆที่เขาพบเห็นต่างมีมือสวยเหมือนกัน ทว่ากลับไม่มีใครมือสวยได้เท่าหยวนโจวเลยสักคน


ถึงอย่างไรเชฟพวกนั้นก็มีอายุราวๆ 50 หรือ 60 ปีแล้วนี่นา แม้แต่ผู้ที่มีอายุน้อยที่สุดของพวกเขาก็มีอายุถึง 46 ปีแล้ว ส่วนหยวนโจวเขามีอายุเพียงยี่สิบกว่าปีเท่านั้นเอง ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่มือของเขาจะสวยกว่า


นิ้วมือของหยวนโจวมีความยาวพอเหมาะพอดีเมื่อเทียบกับขนาดฝ่ามือของเขา และความหนาของเนื้อบนมือของเขาก็มีขนาดพอเหมาะพอดีเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นเล็บมือของเขาก็ทั้งสั้นและเป็นระเบียบด้วย เมื่อตอนที่เขาถือหินลับมีดอยู่นั้นก็สามารถมองเห็นกล้ามเนื้อบนแขนของเขาได้อย่างชัดเจน อันที่จริงแล้วตอนนี้เขาดาวกับเจ้าชายรูปงามจริงๆเชียวล่ะ


การเปิดเผยให้เห็นเฉพาะมืออย่างเดียวอาจจะมีความเหมาะสมในฐานที่เป็นการแฟนเซอร์วิสให้แฟนๆของเขา


ตอนนี้หยวนโจวกำลังจัดการกับหินลับมีดอยู่ เขามุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่การบดน้ำนมข้าวออกจากเมล็ดข้าว เขาจะเติมน้ำลงไปบ้างเป็นบางครั้ง ทุกคนต่างพากันจดจ่ออยู่กับการมองดูหยวนโจวทำงาน


“ฉันไม่คิดว่าการมองดูคนเตรียมอาหารจะเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนานเช่นนั้นได้” สิ่งเหล่านี้คือความคิดที่อยู่ภายในใจของทุกคนในทีมงานถ่ายทำ ก่อนหน้านี้ตอนที่ถ่ายทำเชฟคนอื่นๆความรู้สึกของพวกเขายังไม่รุนแรงเท่านี้เลย


ส่วนบรรดาลูกค้าทั้งหลายนั้น พวกเขาคุ้นเคยกับเรื่องนี้มานานแล้วเนื่องจากเป็นลูกค้าขาประจำของที่นี่ เนื่องจากทีมงานถ่ายทำเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก พวกเขาจึงพากันมองดูด้วยความสนใจอย่างเต็มเปี่ยม


“ทำไมนายเงียบไปล่ะ? ปกตินายออกจะช่างจ้อจะตายไป” เฉินเว่ยถามฟางเหิงที่เอาแต่เงียบอยู่เป็นนาน


ใช่แล้วล่ะ ฟางเหิงจ้องมองหยวนโจวอยู่เงียบๆตั้งแต่เริ่มถ่ายทำ


“ฉันไม่มีทางช่างจ้อได้ขนาดนายหรอกน่า” ฟางเหิงโต้ตอบโดยอัตโนมัติ


“ถ้าหากฉันเดาไม่ผิดล่ะก็วันนี้เถ้าแก่หยวนจะต้องทำบะหมี่เย็นนึ่งแน่ๆ” ฟางเหิงกล่าวขึ้นมา


ทุกคนต่างจ้องมองไปทางฟางเหิง ในสถานการณ์เช่นนี้มักจะมีข่าวแปลกๆออกมาอยู่เสมอ คราวนี้ฟางเหิงดูเหมือนพอจะคาดเดาเรื่องนั้นได้


“บะหมี่เย็นนึ่งงั้นเหรอ? ฉันเคยได้ยินชื่อบะหมี่เย็นมาก่อนนะ พวกมันมีจำหน่ายอยู่ทั่วไปตามท้องถนนของเฉิงตูเลยล่ะ แต่ว่าอะไรคือบะหมี่เย็นนึ่งกันล่ะเนี่ย?”


“บะหมี่เย็นนึ่งได้ด้วยเหรอ?”


บะหมี่เย็นเป็นของว่างที่พบได้ทั่วไป ทุกคนที่นี่ย่อมเคยได้ยินชื่อของว่างชนิดนี้มาก่อนอยู่แล้ว ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ตระหนักดีว่าบะหมี่เย็นที่เก็บรักษา ณ อุณหภูมิห้องเพื่อยืดเวลาให้มากขึ้นจะเริ่มละลาย ถ้าเป็นเช่นนั้นจะนึ่งบะหมี่เย็นได้อย่างไรกันเล่า?


แน่นอนว่าหลังจากผ่านการนึ่งแล้วรสชาติย่อมต้องแย่มากเป็นแน่


“นายจะไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก บะหมี่เย็นนึ่งเป็นขนมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองกวางหยวนบ้านเกิดของฉันเอง นอกจากนี้ยังมีอีกชื่อหนึ่งว่าบะหมี่เย็นจักรพรรดินี ฉันเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับจักรพรรดินีอู่เจ๋อเทียนมาด้วยล่ะ แต่ฉันไม่ค่อยแน่ใจเกี่ยวกับรายละเอียดที่แท้จริงสักเท่าไหร่นักหรอกนะ” ฟางเหิงมาจากเมืองกวางหยวน ถึงแม้ว่าทุกวันนี้เขาจะไม่ค่อยได้กลับไปสักเท่าไหร่นัก แต่เขาก็ยังรู้เรื่องของว่างที่เขาเคยกินมาจนโต


ฟางเหิงไม่ได้พูดอะไรที่สำคัญมากเกินไปนอกเสียจากคำแนะนำของเขา สิ่งที่เขาจะกล่าวต่อไปก็คือประเด็นสำคัญ


“ฉันไม่คิดว่าเถ้าแก่หยวนจะสามารถทำบะหมี่เย็นนึ่งได้หรอกนะ” ในภาษาจีนเซียวหลงเหรินมีความหมายว่ามังกรน้อยนั่นเอง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)