หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา 790-795
บทที่ 790 ขอปฏิเสธ!
“ชื่อเห่ยเป็นบ้า!” หลังจากที่ประทับนามลงไปเพื่อสร้างกองทหารเรียบร้อย หวังเป่าเล่อก็จากกองทหารวิหคน้ำแข็งมาในที่สุด แต่หวังเป่าเล่อที่กำลังอยู่ระหว่างการเดินทางไปยังฐานที่มั่นซึ่งสำนักมอบให้เขา ก็อดไม่ได้ที่จะนั่งถอนใจยาวอยู่ในเรือบินรบของตน
เจ้าลาและเจ้าอู๋น้อยนั่งอยู่ไม่ห่างจากเขามากนัก เจ้าลานอนแอ้งแม้งอยู่ตรงนั้น คอยส่งเสียงแสดงความสบายกาย ในขณะที่เจ้าอู๋น้อยคอยนวดเฟ้นให้มันด้วยมือหนึ่ง ดวงตาก็มองหวังเป่าเล่อเป็นครั้งคราว เขาแอบกลัวและรู้สึกเสียใจที่ตนเองสอดเข้าไปตั้งชื่อกองทหารให้หวังเป่าเล่อ เขากลัวเหลือเกินว่าคนบ้าผู้นี้จะซ้อมเขาปางตายอีก
ขณะที่เจ้าอู๋น้อยกำลังนั่งจินตนาการอยู่นั้น หวังเป่าเล่อก็มองออกไปยังห้วงอวกาศภายนอกเรือบินรบหลังจากถอนใจเสร็จเรียบร้อย ตำแหน่งที่สำนักจัดหาให้เขานั้นอยู่ไกลออกจากดาวเคราะห์มหาทัณฑ์ไปมากโข
นั่นเพราะมีแต่กองทหารสิบอันดับแรกเท่านั้นที่จะได้รับดวงจันทร์ซึ่งโคจรรอบดาวเคราะห์มหาทัณฑ์ไปครอบครอง ระยะทางจากฐานทัพกองทหารวิหคน้ำแข็งมายังที่มั่นของเขานั้น ใช้เวลาในการเดินทางถึงห้าวันเลยทีเดียว
ดาวเคราะห์ที่เขาได้รับนั้นเล็กกว่าดวงจันทร์… แต่เมื่อหยิบบันทึกแผ่นหยกออกมาดูพิกัดให้แน่ใจแล้ว หวังเป่าเล่อก็ไม่ถึงกับไม่พอใจเสียทีเดียว ในใจของเขาคิดว่าที่แห่งนี้ไม่เลวเลย ชายหนุ่มเริ่มคิดว่าจะสร้างกองทหารของตนอย่างไรดี
หากจะเกณฑ์ทหารก็คงไม่เข้าทีนัก แถมข้ายังไม่มีพลังงานมากพอจะทำเช่นนั้นด้วย… ทางเลือกที่ดีที่สุดคือวิธีที่ข้าเคยเอาชนะกองทหารมังกรหยดหมึกมาได้ นั่นคือการตั้งตนเป็นกองทหารหนึ่งบุรุษ!
หลังจากคิดอยู่สักพักหวังเป่าเล่อก็ตัดสินใจได้ เขาหลับตาลงและเริ่มทำสมาธิท่ามกลางความเงียบ หลายวันผ่านไปในพริบตา หวังเป่าเล่อเข้าใกล้ฐานที่มั่นของตนเองขึ้นทุกที ดาวเคราะห์ดวงเล็กที่เขาได้รับปรากฏขึ้นในจิตสัมผัส ชายหนุ่มลืมตาขึ้นและเห็นดาวสีม่วงในห้วงอวกาศนอกเรือบินรบของเขา!
ดาวเคราะห์ดวงนี้เปรียบเสมือนอัญมณีที่แต่งแต้มอวกาศให้มีสีสัน ประกายอ่อนโยนและกระแส
ปราณที่ไหลออกมาจากมัน ทำให้บรรดาดาวน้อยที่อยู่รายรอบดูพร่าเลือนไป
ดวงตาของหวังเป่าเล่อเป็นประกาย เขาควบคุมเรือบินรบให้เข้าไปใกล้ดาวของตนในทันที เมื่อจับกระแสปราณของดาวสีม่วงดวงเล็กนี้ได้ ชายหนุ่มก็เริ่มมุ่นคิ้ว เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดตนเองจึงได้รับดาวดวงนี้ไว้เป็นฐานที่มั่น
แม้พลังปราณบนผิวดาวจะดูพรั่งพร้อม แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับไม่มั่นคงแม้แต่น้อย นอกจากนี้เขายังจับสังเกตได้อย่างชัดเจนว่าต้นกำเนิดดาราถูกขุดออกไปแล้ว ทำให้แก่นในของดาวดูกลวงว่าง
เพราะเหตุนี้ชีวิตบนพื้นผิวดาวจึงดูปกติเพียงเปลือกนอกเท่านั้น แม้ทุกสิ่งทุกอย่างจะดูเขียวขจี แต่สภาพแวดล้อมเช่นนี้ก็คงอยู่ได้ไม่นานนัก หวังเป่าเล่อคาดการณ์ว่าหากไม่มีใครเข้ามาแทรกแซง ดาวเคราะห์ดวงนี้คงจะกลายเป็นดาวเคราะห์ร้างไร้ซึ่งชีวิตภายในเวลาสองร้อยปีอย่างแน่นอน
ข้าไม่ต้องการเวลานานขนาดนั้นหรอก! หวังเป่าเล่อไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก เขาขยับตัวเพียงเล็กน้อยแล้วพาเจ้าลาและเจ้าอู๋น้อยออกจากเรือบินรบมา ทั้งสามลงมายืนอยู่บนดาวเคราะห์สีม่วงที่เป็นฐานที่มั่นของหวังเป่าเล่อ ดาวดวงนี้ก็ได้รับนามว่าผ่าวิญญาณตามชื่อกองทหารของหวังเป่าเล่อ… มันจึงมีชื่อว่าดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณ!
พอมาถึงหวังเป่าเล่อก็รีบตรวจสอบดาวดวงเล็กนี้ในทันที เขาทำแม้กระทั่งเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดเพื่อสำรวจพื้นที่ เมื่อยืนยันกับตนเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าทุกอย่างปกติดี ชายหนุ่มก็ตั้งฐานที่มั่นของตนเองในส่วนที่ลึกที่สุดของดาว เขาหยิบหุ่นเชิดก่อสร้างที่เหลืออยู่ออกมาจากกระเป๋าคลังเก็บ
หลังจากที่ออกคำสั่งให้ก่อสร้างสิ่งต่างๆ บนดาวรวมถึงสร้างเรือบินรบทำลายตนเองเรียบร้อย หวังเป่าเล่อก็ไม่สนใจเจ้าลาและเจ้าอู๋น้อยที่กำลังวิ่งเล่นสนุกสนานอยู่บนดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณ เขาขึ้นไปนั่งบนยอดเขา ดวงตามองไปที่ท้องฟ้าในห้วงอวกาศ ชายหนุ่มกำลังคิดถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับกองทหารของเขา ซึ่งก็คือ… อันดับของมันนั่นเอง!
ตลอดระยะเวลาที่เขาใช้ชีวิตอยู่กับกองทหารวิหคน้ำแข็ง หวังเป่าเล่อก็ได้ทำความเข้าใจธรรมชาติของอันดับกองทหารภายในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์อย่างทะลุปรุโปร่ง เขารู้ว่าในอารยธรรมนี้กองทหารทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็น 19 ชั้นด้วยกัน!
มีเพียงกองทหารจากสามสำนักใหญ่เท่านั้นที่จะก้าวขึ้นมาอยู่ใน 12 ชั้นแรกได้ ส่วนกองทหารจากสำนักยิบย่อยที่เหลือจะได้อยู่ในเจ็ดชั้นสุดท้าย
ยกตัวอย่างเช่นหลังจากที่กองทหารวิหคน้ำแข็งก้าวขึ้นมาอยู่อันดับที่ห้า ก็ถือว่าได้ขึ้นมาเป็นกองทหารชั้นสอง ส่วนกองทหารชั้นแรกมีเพียงสามกองเท่านั้นทั้งอารยธรรม ซึ่งก็คือกองทหารที่แข็งแกร่งที่สุดจากสามสำนักใหญ่นั่นเอง
สำหรับกองทหารผ่าวิญญาณของหวังเป่าเล่อ ด้วยความที่เพิ่งตั้งใหม่จึงอยู่ในชั้น 12 กระนั้นกองทหารของเขาก็ยังถือว่าสูงส่งกว่ากองทหารของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ที่เขาเคยอยู่ก่อนหน้านี้เสียอีก กองทหารของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์อยู่เพียงชั้น 17 เท่านั้น
ชั้น 12 รึ… เท่านี้พอให้ข้ารับวิชาสืบทอดจากดวงเนตรหมื่นปีศาจหรือเปล่านะ หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้เขาอยากมีกองทหารเป็นของตนเอง เป็นเพราะต้องการวิชาสืบทอดจากดวงเนตรหมื่นปีศาจนั่นเอง
ตอนนี้เขาก็ได้ตั้งกองทหารของตนเองสำเร็จแล้ว ทั้งยังไม่ต้องยุ่งกับการก่อสร้างฐานที่มั่นด้วย หวังเป่าเล่อจึงมีเวลานั่งคิดว่าตนเองจะไปที่ดวงเนตรหมื่นปีศาจอีกครั้งเพื่อรับการถ่ายทอดวิชา
ด้วยโล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลการะดับ 28 และพลังปราณขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นปลาย ชายหนุ่มก็ไม่กลัวผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกอีกต่อไป
ต่อให้มีใครหวังตามล่าเขาเพื่อรับเงินรางวัล หวังเป่าเล่อก็มั่นใจเป็นอย่างมากว่าคู่ต่อสู้จะไม่สามารถกักขังตัวเขาไว้ได้ นอกเสียจากว่าจะเป็นการโจมตีจากผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะ
แต่หลังจากตรึกตรองดูสักพักหวังเป่าเล่อก็ตัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไป หากเขาไปที่ดวงเนตรหมื่นปีศาจอีกครั้งก็อาจพอนำวิชากลับมาได้บ้าง แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะนำกลับมาได้ทั้งหมด และหากไปบ่อยครั้งเกิน ก็จะเป็นการสร้างนิสัยที่คาดเดาได้จนอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาในอนาคต
เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับข้าตอนนี้ คือการพากองทหารของข้าไต่อันดับขึ้นไปให้ได้!
และการจะทำเช่นนั้นได้ก็ต้องท้ากองทหารอื่นๆ ประลอง… หากชนะข้าก็สามารถแย่งอันดับของพวกนั้นได้! ดวงตาของหวังเป่าเล่อเป็นประกายวาบ การท้าประลองความสามารถเป็นกฎของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ และสามารถกระทำได้โดยชอบ ตราบใดที่จำนวนผู้เสียชีวิตไม่เกินที่กำหนดไว้
แต่การจะท้าคู่ต่อสู้ประลองความสามารถในแต่ละครั้งต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก นอกจากนี้หากเขาแพ้ ก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายคืนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากตนเป็นผู้ขอท้าประลองเอง
ยกตัวอย่างเช่นการประลองระหว่างกองทหารวิหคน้ำแข็งและกองทหารมังกรแดงก่อนหน้านี้ หลังการประลองจบลง กองทหารวิหคน้ำแข็งก็ได้รับทรัพยากรจำนวนมากจนน่าตกใจ โดยส่วนมากมาจากกองทหารอันดับที่ 11 การชดใช้นี้แทบทำให้กองทหารลำดับที่ 11 หมดสิ้นทรัพยากรที่ตนเองมี และทำให้พวกเขาแทบจะไปต่อไม่ได้
ข้าอยากให้สำนักเล็กมาท้าข้าประลองเสียจริง หวังเป่าเล่อรู้สึกอิจฉากองทหารวิหคน้ำแข็งเป็นอย่างมากที่ส้มหล่น แต่หลังจากที่คิดอยู่สักพักเขาก็นึกได้ว่า กองทหารของเขาเป็นกองทหารชั้นล่างของสำนักใหญ่ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้มากที่สำนักเล็กจะมาท้าเขาประลองเพื่อชิงตำแหน่ง
ปัญหาใหญ่ก็คือสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์นั้นเรียกค่าธรรมเนียมจำนวนมากจากการท้าประลองเหล่านี้ กองทหารในสำนักใหญ่ถ้าประลองกันเองก็ว่าถูกเรียกเยอะแล้ว แต่กองทหารจากสำนักเล็กนั้นกลับต้องจ่ายราคาแพงยิ่งกว่าหากต้องการท้ากองทหารในอาณัติของสำนักใหญ่สู้
ภายในสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ กองทหารจากสำนักเล็กสามารถท้ากองทหารสำนักใหญ่ประลองได้ หากชนะก็จะได้รับการเลื่อนขั้นขึ้นมาแทน และกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ในทันที แน่นอนว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีสิทธิ์พิเศษหลายอย่างตามมาเช่นกัน
แต่การสมัครท้าแข่งขันย่อมนำมาซึ่งการสูญเสียทรัพยากรชนิดมโหฬารจนน่าตกใจ กองทหารของสำนักเล็กต้องให้หนึ่งในกองทหารห้าอันดับแรกจากสำนักใหญ่ยืนยันสิทธิ์ให้ ทั้งยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแพงกว่าถึงร้อยเท่าเพียงเพื่อให้ได้สิทธิ์ในการขอท้าประลอง
ราคาแสนแพงเช่นนั้นทำให้แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่กองทหารสำนักเล็กจะเข้าร่วมการประลอง ต่อให้มีปัญญาจ่าย…แต่หากแพ้ก็ต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามจำนวนมากจนทำให้ล้มละลายได้ ทั้งยังต้องกลายมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของกองทหารที่ได้รับชัยชนะอีกด้วย!
เงื่อนไขที่ยากเย็นแสนเข็ญเช่นนี้ทำให้การประลองระหว่างสำนักเล็กและสำนักใหญ่เป็นหมากการเมืองเสียมากกว่า แม้จะเกิดขึ้นบ้างเป็นครั้งคราว แต่ส่วนมากก็จะคุยกันก่อนว่าตนเองจะเข้าท้าชิงกับสำนักนั้นๆ และท้ายที่สุดแล้วการประลองรวมถึงผลแพ้ชนะก็เป็นเพียงการแสดงเท่านั้น
ความจริงที่เขาได้รับรู้มานี้ ทำให้หวังเป่าเล่อได้แต่เพียงถอนหายใจ ขณะคิดว่าตนเองจะไปท้าประลองกองทหารใดดีเพื่อไต่อันดับขึ้นไป
ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังคิดว่าตนเองจะไปท้าตีท้าต่อยกับกองทหารไหนดีนั้น แขกที่ไม่ได้รับเชิญก็ปรากฏตัวขึ้นบนดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณ!
ผู้ที่มาในครั้งนี้คือชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเขียว บรรยากาศที่เขาพามาด้วยเต็มไปด้วยความห่างเหินเยือกเย็นของผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่า เขาก้าวออกจากเรือบินรบรูปปลาสีทองแดงใหญ่ยักษ์ ทำราวกับว่าอวกาศเป็นมหาสมุทร ชายวัยกลางคนดิ่งลงมายังดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณที่หวังเป่าเล่ออยู่ด้วยท่วงท่าราวกับว่าดาวเคราะห์ดวงนี้เป็นเพียงก้อนหินที่อยู่ใต้มหาสมุทร เขาไม่ได้ลงมาเหยียบที่พื้นดินจริงๆ แต่กลับมองลงมาจากบนท้องฟ้าแทน!
ร่างของเขาบดบังห้วงอวกาศเอาไว้มิด ท้องฟ้าทั้งหมดท่วมไปด้วยกระแสพลังที่ปลาสีทองแดงยักษ์พัดโหมจากครีบของมัน พลังปราณของชายผู้นี้อยู่ที่ขั้นจิตวิญญาณอมตะชั้นต้น
เขามองลงมาเบื้องล่างเหมือนเทพเจ้าที่กำลังมองดูปุถุชน ดวงตาเย็นเยียบจับจ้องอยู่ที่หวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มที่อยู่บนยอดเขาเบื้องล่างเงยหน้าขึ้นมาสบตาพอดิบพอดี
“ข้ามีนามว่าอี้เหนียนจื่อจากกองทหารปลาคุนสีเขียว!”
“ข้าได้รับบัญชาจากผู้บัญชาการกูโม่ ให้เชิญหลงหนานจื่อจากกองทหารผ่าวิญญาณเข้าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของกองทหารปลาคุนสีเขียวของเรา นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป เจ้าจะทำงานภายใต้กองทหารปลาคุนสีเขียวเท่านั้น!”
ชายในชุดคลุมสีเขียวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขณะที่ร่างลอยอยู่กลางอากาศ เขาโบกมือลงเบื้องล่าง พลันแสงสว่างก็อุบัติขึ้นในมือก่อนสาดกระจายออก กลายเป็นดาวหางที่ตกลงใส่ตัวหวังเป่าเล่อ ดาวหางนั้นหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มพอดิบพอดี แปรเปลี่ยนสภาพกลายเป็นคัมภีร์ไผ่เขียว!
คัมภีร์ไผ่เขียวนี้มีพลังปราณเข้มข้นยิ่งใหญ่ ราวกับเป็นคำบัญชาการจากฟากฟ้าก็ไม่ปาน!
“หลงหนานจื่อ จงทิ้งตราผนึกของเจ้าเสียและยอมศิโรราบให้กองทหารปลาคุนสีเขียวผ่านคัมภีร์นี้!”
หวังเป่าเล่อที่กำลังมองคัมภีร์สีเขียวเปลี่ยนสีหน้าเป็นบูดเบี้ยวเหยเก ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่อี้เหนียนจื่อสองสามวินาที ก่อนจะตอบเสียงเย็น
“ข้าขอปฏิเสธ!”
บทที่ 791 คำท้าจากสำนักเล็ก!
เมื่อได้ยินคำตอบของหวังเป่าเล่อ อี้เหนียนจื่อก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาปล่อยพลังปราณขั้นจิตวิญญาณอมตะของตนเองออกมารวมเข้ากับพลังของเรือบินรบเวทรูปปลายักษ์ จนกลายเป็นพลังกดดันที่ไหลบ่าเข้าท่วมทั้งดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณ
“ข้าได้ยินไม่ค่อยชัดนัก เจ้าอยากตอบอีกครั้งหรือไม่!”
พลังกดดันที่อี้เหนียนจื่อปล่อยออกมาทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกได้ถึงอันตรายที่แท้จริงที่เข้ามาใกล้ตัว แต่ในขณะเดียวกันเขาก็มั่นใจว่าตนรู้เรื่องสถานะของกองทหารปลาคุนสีเขียวภายในสำนักเป็นอย่างดี หลังจากที่เงียบอยู่สักพัก หวังเป่าเล่อก็ตอบอีกครั้งด้วยเสียงต่ำ
“จะให้ข้ายอมศิโรราบในฐานะได้รึ”
“ต่อจากนี้เป็นต้นไปเจ้าจะรับคำสั่งจากกองทหารปลาคุนสีเขียวเท่านั้น และจะละทิ้งอำนาจของตนในกองทหารผ่าวิญญาณด้วยความเต็มใจ” อี้เหนียนจื่อทวนคำพูดให้ฟังอีกครั้งอย่างช้าๆ โดยไม่ได้สนใจหวังเป่าเล่อ แต่กลับย้ายไปยืนอยู่บนเรือบินรบรูปปลายักษ์สีทองแดงแทน
“หลังจากที่เข้าร่วมกองทหารปลาคุนสีเขียวเรียบร้อย กิจการทุกอย่างของกองทหารผ่าวิญญาณจะกลายเป็นหน้าที่ที่กองทหารปลาคุนสีเขียวจะเข้าดูแล เราจะนำผู้ฝึกตนจำนวนมากมาประจำการที่นี่ แต่เจ้าจะไม่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการอีกต่อไป จากนี้เจ้าจะกลายเป็นหัวหน้ากองทหารย่อยชื่อกองทหารย่อยผ่าวิญญาณ ซึ่งอยู่ในอาณัติของกองทหารปลาคุนสีเขียวแทน หน้าที่หลักของเจ้าและกองทหารย่อยที่เจ้าดูแลคือการหลอมอาวุธเวท!”
“ที่นี้จงบอกข้ามาเสียว่าเจ้าจะเลือกทางใด!”
“ข้าขอปฏิเสธ!” เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ แม้หวังเป่าเล่อจะไม่อยากเป็นศัตรูกับกองทหารปลาคุนสีเขียว แต่ท่าทีตั้งตนเหนือกว่าและสิ่งที่พวกเขาพูดออกมานั้นทำให้ชายหนุ่มไม่มีตัวเลือกอื่น เขาจึงย้ำจุดยืนของตนเองอีกครั้ง
แต่ในครั้งนี้ เมื่อได้รับคำตอบอี้เหนียนจื่อก็ไม่พูดสิ่งใดอีก เขาก้มหน้าลงมองชายหนุ่มเบื้องล่าง ผู้ที่กำลังเงยหน้าขึ้นมองเขาเช่นกัน ทั้งสองสบตากันกลางอากาศ
แม้กองทหารปลาคุนสีเขียวจะแข็งแกร่งมากจนทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกเครียดและกังวลอย่างถึงขีดสุด แต่ชายหนุ่มก็ไม่ใช่คนเดิมที่เพิ่งมาเหยียบอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เป็นครั้งแรกอีกต่อไปแล้ว หากก่อนหน้านี้เขายังไม่ได้มีกองทหารเป็นของตนเองก็คงจะไม่เป็นไร แต่ในเมื่อเขาได้รับสิทธิ์ในการสร้างกองทหารเรียบร้อยแล้ว และมีแม้กระทั่งฐานที่มั่นของตนเอง กองทหารปลาคุนสีเขียวก็ไม่สามารถโจมตีเพื่อยึดทุกอย่างไปจากเขาได้ตามกฎที่สำนักตั้งไว้ นั่นเพราะ…หลงหนานจื่อในวันนี้ทั้งมีชื่อเสียงระบือไกล และยังได้รับการยอมรับในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธเวทประจำตัวปรมาจารย์อีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นโล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกายังทำให้ชายหนุ่มสามารถต่อกรกับผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะได้ โดยเฉพาะกับผู้ที่ยังอยู่ในชั้นต้นของขั้นพลังปราณนี้… หวังเป่าเล่อมั่นใจว่าตนเองจะจัดการคนพวกนี้ได้!
แน่นอนว่าจะเป็นการดีที่สุดหากเขาไม่ต้องเปิดฉากโจมตีก่อน หวังเป่าเล่อกังวลว่าโล่ฉบับที่ได้รับการปรับปรุงแล้วของเขาจะยังเป็นที่ถูกตาต้องใจของปรมาจารย์อยู่ แต่ชายหนุ่มก็คิดว่าการทนพฤติกรรมของอี้เหนียนจื่อเพียงเพราะไม่อยากเปิดเผยความสามารถของโล่ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเช่นกัน!
เขามองจ้องอี้เหนียนจื่อ หรี่ตาเฝ้าระวังเตรียมรับการโจมตี ชายหนุ่มเข้าใจดีว่าแม้การยอมอดทนจะทำให้หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าได้ แต่หากเขายังไม่กล้าเผชิญหน้าทั้งที่ตนเองโดนดูถูกเหยียดหยามถึงที่ สิ่งนั้น… คงไม่เรียกว่าความอดทนอดกลั้น หากแต่เป็นความขี้ขลาดต่างหาก!
การโจมตีกลับอย่างสมน้ำสมเนื้อเป็นอีกหนึ่งวิธีที่เขาจะพิสูจน์ตนเองให้คนอื่นได้รับรู้ และมันยังเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งกับแผนการที่จะทำให้ชื่อเสียงของตนโด่งดังในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ วีรกรรมนี้จะต้องเตะตาผู้คนและนำมาซึ่งคำสรรเสริญเยินยอ ซึ่งเหมาะกับค่านิยมหลักของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เป็นอย่างดี
เวลาเดินหน้าผ่านไปอย่างช้าๆ แม้บรรยากาศตึงเครียดจะเข้ากดดันดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณ โดยเฉพาะรอบตัวอี้เหนียนจื่อและหวังเป่าเล่อ สุดท้ายแล้วอี้เหนียนจื่อก็ไม่ได้เลือกโจมตีแต่อย่างใด
อี้เหนียนจื่อรู้ดีว่าแม้ระดับพลังปราณของหลงหนานจื่อไม่ใช่ขั้นจิตวิญญาณอมตะ แต่ตัวตนเขากลับมีคุณค่าราวกับเป็นผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะอย่างไรอย่างนั้น นอกจากนี้เขายังมีกองทหารวิหคน้ำแข็งผู้ซึ่งเพิ่งก้าวขึ้นมามีอำนาจได้ไม่นานอยู่เบื้องหลัง นอกจากนี้ยังมีข่าวลือที่ว่าผู้ดูแลกิจการสวีชอบพอในตัวหลงหนานจื่อมากอีกด้วย
ปัจจัยทั้งหมดนี้ทำให้อี้เหนียนจื่อชั่งน้ำหนักอยู่ในใจ ความสามารถในการรบของหวังเป่าเล่อไม่ใช่เรื่องที่เขาเป็นกังวลแม้แต่น้อย เนื่องจากเขามองว่าชายหนุ่มเป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณคนหนึ่งเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้…แม้อี้เหนียนจื่อจะละล้าละลัง แต่ก็เป็นเพราะผู้ที่หนุนหลังหวังเป่าเล่ออยู่ หาใช่ตัวชายหนุ่มเองไม่ เขารู้สึกว่าหวังเป่าเล่อไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธข้อเสนอของกองทหารปลาคุนสีเขียว และมั่นใจว่าชายหนุ่มไม่มีความสามารถพอจะรับมือผลที่ตามมาจากการยอมหักกับพวกเขา
อี้เหนียนจื่อคิดว่าเขาจะต้องสั่งสอนหวังเป่าเล่อให้รู้สำนึกเสียบ้างว่าทางใดคือทางที่ถูกต้อง แต่ชายหนุ่มก็กลับมีปรมาจารย์คุ้มกะลาหัวอยู่เสียได้
หลังจากที่จ้องหน้ากันอยู่สักพัก อี้เหนียนจื่อก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“ระวังตัวเจ้าไว้ก็แล้วกัน” หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังกลับ และจากดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณไปโดยการโบกมือสร้างหมอก
คำพูดและท่าทีในการจากไปของชายในชุดเขียวเป็นคำเตือนที่ดีที่สุดว่าสิ่งใดกำลังจะเกิดขึ้นกับชายหนุ่มเบื้องล่าง เขาต้องการจะสอนให้รู้สำนึกนั่นเอง หวังเป่าเล่อตระหนักถึงความจริงข้อนี้ดี
ไอ้กองทหารปลาคุนสีเขียวนี่น่ารำคาญเสียจริง มันมาบังคับให้ข้าเป็นลูกน้องมัน แล้วยังอยากให้ข้ามอบสิทธิ์กองทัพของข้าให้พวกมันอีก… ถ้าทำเช่นนั้น ข้าจะไต่เต้าให้ตนเองได้วิชาสืบทอดจากดวงเนตรหมื่นปีศาจมาได้อย่างไรกันเล่า ชายหนุ่มคิดขณะมองแผ่นหลังอี้เหนียนจื่อที่กำลังจากไป หลังจากที่เงียบอยู่สักพัก เขาก็ส่งคำสั่งเพิ่มเติมไปให้บรรดาหุ่นเชิด
ในตอนนั้นเอง ลมจากทิศเหนือก็พัดผ่านผืนดินขึ้นมายังยอดเขา ผมยาวและชุดคลุมของชายหนุ่มปลิวไสว เขาจับจ้องไปที่หุ่นเชิดของตนที่ระดมกำลังสร้างเรือบินรบอย่างบ้าคลั่ง กายรู้สึกได้ถึงสายลมที่พัดพาจากดาวเคราะห์ดวงนี้ ชายหนุ่มรู้ดีว่าอีกไม่นานพายุร้ายจะอุบัติขึ้นบนดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณอย่างแน่นอน
ไอ้กองทหารปลาคุนสีเขียวมันจะทำอย่างไรเพื่อสั่งสอนข้ากันนะ… หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้นมองอวกาศ หลังจากคิดสักพักเขาก็พอเดาได้สองสามทาง
กองทหารของข้าเพิ่งตั้ง เลยมีอันดับต่ำสุดในบรรดากองทหารของสำนักใหญ่ทั้งหมด หากไอ้ปลาคุนนี่ต้องการเตือนข้า มันจะบีบข้าจากข้างบนโดยการส่งข้าออกไปสำรวจอวกาศก็ได้ แต่ถ้าไม่ใช่แล้วละก็…มันก็จะมาท้าข้าประลอง เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็รู้สึกถึงความต้องการที่ก่อตัวขึ้นในจิตใจ เขารู้ว่าต่อให้คำเตือนของกองทหารปลาคุนสีเขียวเป็นคำเตือนจากสำนักที่ต่ำกว่า แต่ก็จะประมาทพวกเขาไม่ได้อย่างเด็ดขาด
ช่วงเวลาที่ลมร้ายมาเยือนนั้น…รวดเร็วกว่าที่เขาคาดไว้ สามวันหลังจากที่อี้เหยียนจื่อจากไป ก็มีประกาศจากสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ส่งมาถึงหวังเป่าเล่อผ่านแผ่นหยกประจำสำนัก!
“กองทหารเมฆาปฐพีแห่งสำนักย่อยเมฆาปฐพี ได้รับการยืนยันสิทธิ์จากกองทหารปลาคุนสีเขียว เพื่อท้าประลองกองทหารผ่าวิญญาณจากสำนักหลัก การประลองในครั้งนี้ได้รับการยอมรับจากสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะเริ่มขึ้นในหกชั่วโมงต่อจากนี้ และจะกินระยะเวลาสองชั่วโมง!”
เป็นการท้าประลองจากกองทหารสำนักย่อยจริงๆ เสียด้วย! ดวงตาของหวังเป่าเล่อเป็นประกาย เขารู้ดีว่าตนเองแพ้ไม่ได้เป็นอันขาด หากเขาแพ้…เขาจะเสียสถานะการเป็นกองกำลังจากสำนักหลักในทันที และความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า
แต่เรื่องดีก็คือ แม้สามวันจะไม่ใช่ระยะเวลานาน แต่ด้วยทรัพยากรที่มากพอ หวังเป่าเล่อจึงสามารถสร้างเรือบินรบทำลายตนเองได้หลายร้อยลำ ทั้งหมดสร้างขึ้นด้วยวิธีการซ้อนอักขระแบบเดียวกับที่ใช้ในโล่รุ่นแรก เรือบินรบทั้งหมดมีพลังสะท้อนการโจมตีด้วย จึงทำให้ชายหนุ่มมั่นใจพอสมควร แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ…หวังเป่าเล่อไม่คิดว่าพวกนั้นจะส่งผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะมาต่อกรกับเขา!
อย่างดีก็น่าจะส่งมาแค่พวกแสร้งอมตะเท่านั้น… แล้วก็ย่อมรู้ด้วยว่าข้ามีโล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกา ชายหนุ่มหรี่ตาและส่งคำสั่งให้หุ่นเชิดของตนเองทันที เขาเตรียมการเอาไว้หมดแล้ว แม้จะมีเวลาเตรียมการเพียงหกชั่วโมง แต่คำสั่งทั้งหมดของเขาก็เสร็จสิ้นเรียบร้อยดี เรือบินรบทำลายตนเองทั้งหมดพร้อมออกศึกแล้ว
มีเรือบินรบเพียงสิบลำเท่านั้นที่ลอยอยู่โดยรอบ ส่วนที่เหลือชายหนุ่มซ่อนเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น น่าเสียดายที่สามวันนั้นสั้นเกินกว่าจะสร้างกลยุทธ์อย่างวงแหวนปราณประจำฐานทัพได้ ทั้งเขายังไม่มีทรัพยากรพออีกด้วย
ต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดนี้คือข้ายังจนเกินไป… หวังเป่าเล่อถอนใจ หลังจากตรึกตรองอยู่สักพักเขาก็ส่งข้อความไปหาหลิงโยว ชายหนุ่มไม่ได้ขอให้นางช่วยโดยตรง หากแต่ขอการรับประกันจากนาง ว่าถ้าเขาเพลี่ยงพล้ำจริงๆ ก็หวังว่านางจะพอช่วยเหลือเขาได้
เทพธิดาหลิงโยวไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อยเมื่อได้ยินคำขอของชายหนุ่ม นางสัญญาว่าจะช่วยเหลือเขาอย่างแน่นอน และยังรีบเตรียมการอีกด้วย แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้หวังสูงมากนัก เนื่องจาก…ก่อนที่กองทหารปลาคุนสีเขียวจะเดินหมากเช่นนี้ พวกเขาย่อมต้องเตรียมการเอาไว้แล้ว แม้กองทหารปลาคุนสีเขียวจะไม่ได้เข้ามาสู้ด้วยโดยตรง แต่ก็ทำให้กองทหารวิหคน้ำแข็งเข้ามาแทรกแซงไม่ได้
แต่…หากคิดว่าจะมาสั่งสอนข้าได้ง่ายๆ ก็คิดใหม่เสียเถิด ข้าแทบรอไม่ไหวแล้ว…ที่จะเอาสิ่งของที่พวกมันมีมาไว้ในครอบครอง ไอ้กองทหารอะไรนะ จำชื่อไม่ได้เสียแล้ว! เขาหรี่ตาลง สูดหายใจเข้าลึก ก่อนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเพื่อเฝ้ารอท่ามกลางความเงียบ
หกชั่วโมงผ่านไปในพริบตา เสียงดังสนั่นตีบอกเวลาเริ่มการประลอง รอยแยกขนาดยักษ์พลันอุบัติขึ้นในห้วงอวกาศเหนือดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณ แสงสว่างเจิดจ้าสาดออกจากรอยแยกนั้น ตามมาด้วยแรงระเบิดที่สร้างใยแมงมุมแสงซึ่งกระจายตัวเข้าคลุมดาวเคราะห์ทั้งดวงในทันที เสียงออกคำสั่งทุ้มดังลั่นไปทั่วบริเวณ
“ผนึกพลังทลายวิญญาณของที่แห่งนี้เสีย!”
ตอนนั้นเอง รอบนอกแนวเรือบินรบของหวังเป่าเล่อซึ่งมีพลังสะท้อนกลับของโล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกาก็พลันสิ้นฤทธิ์ในทันที!
ขณะเดีวกัน เรือบินรบสีเขียวก็เหาะออกมาจากรอยแยกลำแล้วลำเล่า!
การประลองเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
บทที่ 792 กองทหารผ่าวิญญาณชนะ!
“ผนึกพลังทลายวิญญาณของข้ารึ” หวังเป่าเล่อขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้จะพอเดาได้แต่แรก แต่ก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่บ้างเมื่อเกิดขึ้นจริง
แต่เรื่องนี้ก็พอเข้าใจได้ เพราะว่าโล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลการุ่นแรกนั้นไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป และด้วยอำนาจของกองทหารปลาคุนสีเขียว ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรที่จะได้โล่มาครอบครองและหาทางหยุดพลังของมันได้ในระยะเวลาอันสั้น
ทว่า…พวกเขาทำได้เพียงผนึกพลังทลายวิญญาณที่สร้างจากวิธีซ้อนอักขระเท่านั้น หวังเป่าเล่อยิ้มเยาะอยู่ในใจ โล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลการุ่นใหม่ของเขาใช้วิธีการรื้อสร้างที่เจ้าอู๋น้อยมอบให้ ซึ่งแปลว่าตัวเขาไม่ได้รับผลกระทบจากผนึกนี้ และมันจะเป็นไพ่ตายของเขา!
แม้ในตอนนี้สีหน้าของหวังเป่าเล่อจะดูอารมณ์เสีย แต่ในใจกลับปลอดโปร่งถึงขีดสุด เขาเงยหน้าขึ้นมองเรือบินรบสีเขียวที่เหาะตามกันออกมาจากรอยแยกในห้วงอวกาศด้วยสายตาเย็นชา
เรือบินรบเหล่านี้มีหน้าตาเหมือนค้างคาวยักษ์ ขณะที่บินออกมาอย่างรวดเร็ว ผู้ฝึกตนจำนวนมากก็พุ่งทะยานออกจากตัวเรือบินมาด้วย พลังปราณของพวกเขาไม่สูงนัก ส่วนมากอยู่ที่ขั้นกำเนิดแก่นใน มีขั้นจุติวิญญาณบ้างประปราย พวกเขาดูแข็งแกร่งเพราะมีจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีผนึกรวมพลังบางอย่างที่เสริมพลังของพวกเขาให้สูงขึ้นและรวมกันเป็นหนึ่งอีกด้วย ผู้ฝึกตนเหล่านี้มีอยู่ประมาณพันคน แต่สำหรับหวังเป่าเล่อแล้ว ความรู้สึกที่พวกเขาปล่อยออกมา…ก็ราวกับว่าชายหนุ่มกำลังเผชิญหน้าอยู่กับผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณที่แข็งแกร่งสิบคนอย่างไรอย่างนั้น!
ใช้วงแหวนปราณเพื่อรวมพลังเข้าด้วยกันโดยการซ้อนขั้นพลังรึ รูม่านตาของหวังเป่าเล่อหดลงเล็กน้อย เขาสังเกตเห็นว่าภายในเรือบินรบเหล่านั้นมีพลังปราณที่แข็งแกร่งกว่าอยู่ เป็นชายสามคนที่หน้าตาเหมือนกันและมีปราณอยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ และกำลังจะได้ปราณขั้นแสร้งอมตะมาไว้ครอบครอง!
เห็นได้ชัดว่าทั้งสามคนนี้…คือผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักเมฆาปฐพี ทั้งสามทะยานเข้าหาหวังเปาเล่อเหมือนดาวหางสามดวง นัยน์ตาลุกโชนด้วยความตื่นเต้นและความกระหาย
ดวงตาของหวังเป่าเล่อตวัดผ่านทั้งสามและกลุ่มผู้ฝึกตนที่ซ้อนพลังกันไปทางอื่น เขาจดจ่ออยู่ที่อีกสองร่างซึ่งเพิ่งออกมาจากรอยแยกในตอนนั้นเอง!
ร่างหนึ่งผอมแห้ง ส่วนอีกร่างอ้วนพี ชายที่ผอมแห้งไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ บนใบหน้า ส่วนอีกคนมีรอยยิ้มที่ทำให้ดูเหมือนไม่มีพิษมีภัย ทั้งสองยืนอยู่ที่ขอบรอยแยก จ้องมองลงมาที่ดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณเบื้องล่าง ดวงตาตวัดผ่านความเวิ้งว้างกว้างไกลมาหยุดอยู่ที่หวังเป่าเล่อ
“มีพวกแสร้งอมตะแค่สองคนเองรึ” ชายหนุ่มเบื้องล่างเลิกคิ้ว รู้สึกเคลือบแคลงใจแปลกๆ เขาลองตรวจตราบริเวณโดยรอบดูอีกครั้ง หลังจากที่ยืนยันกับตนเองแล้วว่ามีผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะเพียงสองคนและขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์อีกสามคนเท่านั้น เขาก็หัวเราะออกมา
“พวกเจ้ามั่นใจในผนึกของตนเองมากหรือประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไปกันแน่นะ” หวังเป่าเล่อกะพริบตาปริบ และพูดเพื่อยืนยันความคิดของตนเองอีกครั้ง ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณทั้งสามใกล้มาถึงตัวเขาแล้ว ตอนนั้นเองคนหนึ่งก็พลันระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง
“หลงหนานจื่อ อย่าคิดว่ากองทหารวิหคน้ำแข็งจะมาช่วยเจ้าได้เชียว ศิษย์พี่อี้เหนียนจื่อเดินทางไปขัดขวางพวกนั้นเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณของเจ้าเห็นทีจะเสียตำแหน่งในสำนักหลักไปเสียแล้วในวันนี้!”
ทั้งสามระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังขณะเพิ่มความเร็วขึ้นอีก จนเข้ามาใกล้หวังเป่าเล่อในพริบตา ทั้งสามดูราวกับเป็นมังกรชั่วร้ายสามตัวที่กำลังพุ่งตรงมาหา พลังปราณขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ที่แข็งแกร่งดูราวกับว่าจะบีบอัดความว่างเปล่าโดยรอบได้ ทำให้พลังกดดันมากมายพุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่อจากทุกทิศทาง และเหมือนต้องการบีบอัดเขาให้แหลกสลาย!
“น่ารำคาญ!” เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ ชายหนุ่มก็ไม่ได้รีบโต้กลับแต่อย่างใด หลังจากที่ยืนยันกับตนเองเรียบร้อยว่ามีผู้ฝึกตนขั้นขั้นแสร้งอมตะเพียงสองคนเท่านั้น ประกายเย็นก็วาบเข้ามาในแววตา เขาทำท่าฮัดฮัดขณะตัดสินใจว่าจะไม่ระเบิดเรือบินรบตน แต่กลับไหวตัวกระโจนเข้าไปในห้วงอวกาศด้วยความเร็วราวกับเป็นดาวหางแทน!
เขาไม่ได้พยายามหลบหรือหนี แต่กลับ…พุ่งตรงเข้าหาทั้งสามซึ่งๆ หน้า การกระทำของชายหนุ่มทำให้ทั้งสามตกใจเป็นอันมาก เริ่มรู้สึกได้ถึงลางร้ายที่คืบเข้ามาใกล้ แต่ก็สายเกินกว่าจะหลบได้ทันเสียแล้ว!
“นี่น่ะหรือคือบทเรียนที่กองทหารปลาคุนสีเขียวอยากมอบให้ข้า…อ่อนหัดสิ้นดี!” ทันทีที่เสียงของหวังเป่าเล่อกระจายออกไป ร่างของเขาก็ชนเข้ากับทั้งสามพอดิบพอดี!
ภาพนี้เกิดขึ้นเร็วมากจนไม่มีใครตอบโต้ทัน เสียงกรีดร้องแหลมสูงด้วยความเจ็บปวดกังวานไปทั่วสนามรบ จากจุดที่หวังเป่าเล่อพุ่งเข้าปะทะผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักเมฆาปฐพี ทั้งสามมีสภาพราวกับพุ่งเข้าชนภูผาแข็งแกร่ง เลือดสดๆ สาดกระจายไปทั่วทุกสารทิศ ร่างปลิวกระเด็นไปข้างหลังด้วยความเร็วที่มากเสียยิ่งกว่าขามา แขนระเบิดออกดังโพละกลายเป็นเศษเลือดเนื้อ ที่ทำให้ทุกคนในที่แห่งนั้นตกใจถึงขีดสุดราวกับถูกลมพายุร้ายพัดสติให้จากร่างไปอย่างไรอย่างนั้น
“พลังสะท้อนรึ โล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกาของมันถูกผนึกไว้แล้วมิใช่หรือ!”
“เป็นไปไม่ได้!”
หวังเป่าเล่อทะยานผ่านเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดที่บาดเจ็บเจียนตายโดยไม่ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย เขาไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองเสียด้วยซ้ำ ความจริงแล้วชายหนุ่มออมมือให้ เนื่องจากมองว่าทั้งสามเป็นสมบัติส่วนตัวของเขา จึงไม่ได้ปล่อยพลังทั้งหมดของโล่ออกมา มิเช่นนั้นแล้วทั้งสามคงไม่เพียงบาดเจ็บหนัก แต่คงตายคาที่อย่างแน่นอน!
ทันทีที่สำนักเล็กพ่ายแพ้ในการประลองให้สำนักใหญ่ คนของสำนักเล็กก็จะกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของสำนักใหญ่ไปโดยปริยาย นี่เป็นกฎที่ยึดถือปฏิบัติกันภายในสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ และไม่มีใครมีอำนาจเหนือกฎนี้ไปได้ แม้แต่กองทหารปลาคุนสีเขียวก็…ไม่มีทางหยุดเรื่องนี้ได้!
ชายหนุ่มไม่สนใจซากที่นอนร้องโอดโอยของผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณทั้งสามและบรรดาศิษย์ที่รวมพลังกันแม้แต่น้อย แต่กลับพุ่งตรงไปหา…ผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะทั้งสองนอกรอยแยกทันที! ทุกคนในที่แห่งนั้นจ้องมองเขาด้วยความไม่อยากเชื่อสายตา รวมถึงชายอ้วนผอมสองคนนั้นด้วย!
“เจ้ากล้าโจมตีดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณของข้าด้วยพวกแสร้งอมตะเพียงสองคนรึ เจ้า…คิดว่าตนเองน้ำยาพอหรืออย่างไร!” ชายหนุ่มพุ่งตรงมาด้วยความเร็วสูง เสียงของเขาสะท้อนไปทั่วบริเวณ ร่างเข้ามาประชิดตัวคนทั้งสองเป็นทีเรียบร้อย พลันปล่อยหมัดใส่คนทั้งคู่ทันที
สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ประกายความโหดเหี้ยมวาบเข้ามาในแววตาของชายร่างผอม เขาเองก็ปล่อยพลังเต็มที่ในการต่อสู้เช่นกัน ดูก็รู้ว่าไม่เชื่อว่าโล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกาของหวังเป่าเล่อจะใช้การได้หลังจากที่ถูกผนึกไปแล้ว เขาคิดว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ต้องเกิดขึ้นเพราะเหตุผลอื่น และไม่ว่าจะเป็นสิ่งใด ตราบใดที่ไม่ใช่อำนาจของโล่ ก็ไม่ยากที่เขาจะสยบผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นปลายด้วยพลังปราณของตัวเองได้!
ดวงตาของผู้ฝึกตนอ้วนที่อยู่ข้างกายเป็นประกายวาบ เขาขยับตัวหนีในทันที หมายจะออกจากที่แห่งนี้ผ่านรอยแยกเบื้องหลัง หวังเป่าเล่อมองภาพตรงหน้า หลังจากที่ควบคุมโล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกาเรียบร้อยแล้ว เขาตัดสินใจไม่สนใจผู้ฝึกตนอ้วนและพุ่งเข้าชนผู้ฝึกตนร่างผอม
เสียงที่เกิดจากการปะทะนี้ดังสนั่นไปทั่วสนามรบ แต่เสียงกรีดร้องแหลมสูงน่าสยองขวัญของผู้ฝึกตนร่างผอมกลับดังเสียยิ่งกว่า แขนขาของเขาระเบิดเละเทะ ร่างถูกซัดไปด้านหลังพร้อมเลือดที่สาดกระจายไปทุกหนแห่ง หวังเป่าเล่อพุ่งตามไปทัน ชายหนุ่มจับศีรษะอีกฝ่ายเอาไว้ ก่อนจับโยนไปที่ดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณเบื้องล่าง
มาอยู่กับบิดาเจ้าเสียดีๆ !
ภาพนี้ทำให้ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์แบบทั้งสามตกใจเป็นอันมาก ผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ที่อยู่รายรอบก็เช่นกัน ทุกคนมองมาที่หวังเป่าเล่อด้วยสายตาราวกับเห็นผี
มีเพียงผู้ฝึกตนอ้วนเท่านั้นที่หลบหายนะไปได้ชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด หน้าของเขาซีดเผือด ดวงตามืดมนด้วยความกลัว ชายหนุ่มมุ่งหน้าไปยังรอยแยกและกำลังจะหนีออกไปได้แล้ว แต่หวังเป่าเล่อไม่ยอมปล่อยให้เขาจากไปง่ายๆ ชายหนุ่มกำลังจะขยับตัวไล่ตามไป แต่พลังขั้นจิตวิญญาณอมตะก็ระเบิดออกมาจากรอยแยกเสียก่อน แขนยักษ์ก่อตัวขึ้น ยืนออกมาสู่โลกภายนอก มันพุ่งผ่านผู้ฝึกตนอ้วนไป มุ่งหน้าเข้าหาหวังเป่าเล่อ!
เมื่อสัมผัสได้ถึงกระแสพลังของผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะจากมือยักษ์ ดวงตาของชายหนุ่มก็เป็นประกาย เขากดความต้องการสู้ลง ขยับตัวหนี พร้อมเงยหน้าขึ้นมองเบื้องบนและตะโกนก้อง
“กองทหารปลาคุนสีเขียว เจ้ากลัวพ่ายแพ้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ เจ้าส่งพวกจิตวิญญาณอมตะมาต่อกรกับข้าเพราะอยากจะยึดกองทหารเล็กๆ ของข้ารึ ถ้าเช่นนั้นจะมอบสิทธิ์ในการตั้งกองทหารมาให้ข้าทำไมกัน ในอนาคตเจ้าจะหาใครอยากมาร่วมมือกับเจ้าได้อีก แล้วการโกงซึ่งๆ หน้าเช่นนี้จะทำให้คนอื่นอยากต่อสู้เพื่อเลื่อนอันดับตนเองได้อย่างไร ท่านปรมาจารย์ ข้ายอมรับว่าแอบซ่อนกลเม็ดการหลอมโล่เอาไว้เพื่อป้องกันตัวเอง แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธเวทชั้นดีทุกคนก็ทำเช่นนี้มิใช่หรือ ข้า หลงหนานจื่อคนนี้ ไม่มีวันยอมรับการกระทำของกองทหารปลาคุนสีเขียวเด็ดขาด!”
คำพูดของหวังเป่าเล่อทำให้มือยักษ์ชะงักงัน ในตอนนั้นเองเสียงชราก็ดังกังวานไปทั่วห้วงอวกาศ
“กองทหารผ่าวิญญาณชนะ!”
ทันทีที่ผลแพ้ชนะถูกประกาศ แขนนั้นก็สั่นเล็กน้อย ก่อนจะหยุดควานหาตัวหวังเป่าเล่อ แขนยักษ์คว้าร่างของผู้ฝึกตนอ้วนที่รอดตายหวุดหวิดไปแทน และหายไปจากรอยแยกในห้วงอวกาศ
การต่อสู้ได้ปิดฉากลงเป็นที่เรียบร้อย ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณทั้งสามจากสำนักเมฆาปฐพีตัวสั่นสะท้าน ดวงตาหมดสิ้นซึ่งความหวัง พวกเขารู้ดีว่าชะตากรรมใดกำลังรอผู้แพ้อยู่ ผู้ฝึกตนคนอื่นๆ และผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะที่ถูกหวังเป่าเล่อเหวี่ยงลงบนดาวเคราะห์จนแทบเอาชีวิตไม่รอด ต่างพากันกระอักเลือดออกมาด้วยความอาดูร
ส่วนชายหนุ่มที่เป็นผู้กำชัย บัดนี้กำลังมองไปที่เรือบินรบสีเขียวและผู้ฝึกตนจำนวนมากด้วยดวงตาเป็นประกาย “ข้ารวยเละแล้ว!” เสียงพึมพำของชายหนุ่มเบาราวเสียงกระซิบ
บทที่ 793 เหตุผล!
เรือบินรบ 3,700 ลำ!
ผู้ฝึกตนใต้บังคับบัญชาอีก 5,600 คน และวงแหวนปราณขั้นเชื่อมวิญญาณอีก 13 ชุด!
แถมยังมีผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์อีกสาม และขั้นแสร้งอมตะอีกหนึ่ง!
นี่ยังไม่รวมทรัพยากรจำนวนมากในห้องเก็บของของสำนัก นอกจากนี้ยังมีทรัพย์สินต่างๆ อีกมากมายบนดาวเคราะห์ประจำสำนักเมฆาปฐพี ซึ่งเป็นสำนักขนาดเล็กที่ถือได้ว่าค่อนข้างอยู่ในระดับสูง…
เมื่อการต่อสู้ปิดฉากลง หวังเป่าเล่อก็เริ่มตรวจดูจำนวนทรัพย์สินที่เขาได้มาจากการชนะประลอง กระทั่งตัวเขาเองยังตกใจกับปริมาณสิ่งของทั้งหมดที่ตนเองหามาได้ ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ตนเองเปิดฉากโจมตีโดยไม่ออมแรง เขาคิดว่าหากตนเองแสร้งทำเป็นอ่อนแอ จนทำให้ชนะมาได้ในสภาพตายไม่ตายแหล่กว่านี้ กองทหารปลาคุนสีเขียวอาจส่งสำนักเล็กมาเข้าปากเขาอีกก็เป็นได้
แต่ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น… หวังเป่าเล่อก็มั่นใจว่ากองทหารปลาคุนสีเขียวจะหยุดโจมตีเขาก่อนเป็นการชั่วคราว คำพูดของปรมาจารย์ก็บอกชัดเจนว่าเขาคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกจากนี้หากกองทหารปลาคุนสีเขียวยังคงพยายามยึดสิทธิ์ในการสร้างกองทหารของหวังเป่าเล่อต่อไป ก็คงไม่เป็นการดีต่อตัวพวกเขาเองแน่นอน
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เสียด้วย การพ่ายแพ้ครั้งนี้อาจดูเหมือนเป็นการประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไป แต่เมื่อลองคิดดูดีๆ แล้วกลับหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ พวกเขาลงทุนมอบสมบัติเวทที่มีอำนาจในการผนึกทลายวิญญาณให้ ทั้งยังส่งผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์แบบมาถึงสามคน รวมถึงวงแหวนปราณขั้นเชื่อมวิญญาณอีกเกินสิบ เพื่อทำให้สำนักเมฆาปฐพีที่ถือว่าแข็งแกร่งอยู่แล้วทรงพลังมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้กองทหารปลาคุนสีเขียวยังส่งผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะมาเผื่ออีกสองคน แผนการแรกเริ่มของพวกเขาคือการให้คนทั้งสองหยุดยั้งเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทั้งยังพยายามกีดกันไม่ให้กองทหารวิหคน้ำแข็งส่งกำลังเสริมมาช่วยอีกด้วย
เรียกได้ว่าการเตรียมการทั้งหมดนี้ อาจทำให้แม้แต่กองทหารชั้น 12 ขึ้นไปในสำนักหลักยังต่อกรกับพวกเขาได้ยาก อย่าว่าแต่กองทหารที่เพิ่งตั้งใหม่เลย แม้ความแข็งแกร่งโดยรวมจะสำคัญ แต่พลังในการต่อสู้เองก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
แต่ท้ายที่สุดแล้ว…กองทหารปลาคุนสีเขียวกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ข่าวการประลองนี้แพร่สะพัดไปทั่วสำนัก ชื่อของหลงหนานจื่อกลับมาเป็นจุดสนใจของผู้คนภายในสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์อีกครั้ง
เรื่องราวนี้ยังทำให้ทุกคนเข้าใจว่า หากต้องการต่อกรกับกองทหารผ่าวิญญาณ จะต้องหาทางสยบอำนาจของโล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกาให้ได้เท่านั้น มิเช่นนั้นก็ต้องดึงผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะเข้ามาเกี่ยวด้วย!
ความยากลำบากนี้ทำให้กองทหารปลาคุนสีเขียวต้องหยุดโจมตีชั่วคราว
แม้ความพ่ายแพ้นี้จะไม่ได้สร้างความเสียหายให้พวกเขามากนัก แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาใส่ใจ… คือผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะที่ถูกหวังเป่าเล่อจับเป็นเอาไว้
ตามกฎของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ ผู้ที่ถูกสำนักส่งไปช่วยการประลองไม่ถือว่าเป็นเชลยสงคราม หากต้องการ สำนักก็สามารถนำตัวเขากลับมาได้
ดังนั้นกองทหารปลาคุนสีเขียวจึงมอบข้อเสนอที่คิดว่าหวังเป่าเล่อจะสนใจ ชายหนุ่มพิจารณาดูและตกลงส่งตัวผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะกลับคืนไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย นอกจากนี้เขายังติดต่อสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ และให้คนพวกนั้นประกาศข่าวแทนว่าเขาต้องการขายสำนักเมฆาปฐพีทิ้ง
สำหรับสำนักเล็กอื่นๆ นี่ถือเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจมาก แม้แต่สำนักใหญ่หลายสำนักเองยังอดไตร่ตรองดูไม่ได้ เทพธิดาหลิวโยวเองก็ช่วยประกาศเรื่องนี้ออกไปด้วยเช่นกัน สุดท้ายแล้วหวังเป่าเล่อก็ขายสำนักเมฆาปฐพีทิ้งไปในราคาที่เทียบได้กับทรัพยากรที่แทบจะไม่มีวันหมด!
ทรัพยากรทั้งหมดที่ชายหนุ่มได้มานี้มากพอที่จะทำให้สำนักเล็กอื่นๆ รู้สึกอิจฉาตาร้อน ต่อให้เป็นกองทหารในสำนักใหญ่เองก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองเหลียวหลัง เว้นไว้เสียก็แต่พวกที่อยู่อันดับบนๆ เท่านั้น
หวังเป่าเล่อใช้ทรัพยากรที่หามาได้ทั้งหมดสร้างกองทหารที่แข็งแกร่งของตนเองขึ้นอย่างรวดเร็ว แผนการแปลงโฉมดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณจากหน้ามือเป็นหลังมือของเขาสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
ชายหนุ่มซื้อวงแหวนปราณสองสามชิ้นมาไว้ใช้งาน หลังจากที่ติดตั้งลงบนดาวเรียบร้อย ก็ทำให้การบุกรุกเข้ามาเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก
นอกจากนี้เขายังซื้ออาวุธเวทจำนวนมากและนำมาเรียงไว้บนผิวดาวด้วย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหลังจากที่ได้ทรัพยากรมาครบครันแล้ว หวังเป่าเล่อก็สามารถสร้างหุ่นเชิดก่อสร้างและเพิ่มจำนวนเรือบินรบที่ตนเองมีให้มากขึ้นได้สำเร็จ
นอกจากนี้… กระเป๋าที่หนักอึ้งยังทำให้หวังเป่าเล่อสามารถใช้กระบวนการรื้อสร้างที่ได้รับมาจากเจ้าอู๋น้อย ในการสร้างเรือบินรบให้แข็งแกร่งขึ้นอีกระดับหนึ่ง นี่จะเป็นไพ่ตายใหม่ในการใช้เรือบินรบของเขาในอนาคต
เวลาเดินหน้าผ่านไปเรื่อยๆ ในลักษณะนี้ หวังเป่าเล่อใช้ทรัพยากรที่ตนได้มาจากการชนะการประลองหมดไปเรียบร้อย สองเดือนต่อมาไม่ได้มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์มากนัก สามสำนักใหญ่ยังคงต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงอำนาจ ส่วนราชวงศ์ก็ออกมาขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้คนไม่ลืมว่ายังมีตนอยู่
ส่วนการต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งระหว่างสำนักเล็กก็ยังเดินหน้าต่อไปตามปกติ การออกสำรวจพื้นที่เพื่อยึดทรัพยากรยังเป็นเรื่องที่ทำกันโดยทั่วไป ความแตกต่างเดียวก็คือ… คณะสืบสวนบนดาวเอกที่รับหน้าที่ตามหาตัวการที่ขโมยทรัพยากรของสำนักหลักไป ต้องเลิกปิดตายพื้นที่หลังจากจับมือใครดมไม่ได้ อีกทั้งราชวงศ์เองยังออกมาประท้วงให้เปิดพื้นที่หลายต่อหลายครั้ง
เมื่อหวังเป่าเล่อทราบข่าวนี้จากสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก จิตใจของชายหนุ่มยังคงจดจ่ออยู่กับการใช้กระบวนการรื้อสร้างในการเพิ่มพลังให้เรือบินรบลำต่อลำ เมื่อเรือบินรบของเขาทุกลำได้รับการปรับปรุงเรียบร้อยโดยการรื้อสร้างแก่นในออกใหม่ทั้งหมด ทรัพยากรจำนวนมหาศาลที่เขาหามาได้ก็หมดลงพอดี
แพงเป็นบ้า…
ชายหนุ่มถอนหายใจขณะมองลงมาที่ดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณซึ่งบัดนี้เปลี่ยนรูปโฉมไปจนแทบจำไม่ได้ เขารู้สึกเสียใจที่ก่อนหน้านี้ตนเองดื้อแพ่งเกินไป เขาไม่ควรโจมตีซึ่งๆ หน้าเช่นนั้น แต่ควรค่อยๆ ล่อให้อีกฝ่ายติดกับ
จะให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้… ข้าจะสร้างกองทหารของตนเองได้อย่างไรหากสำนักเล็กไม่มาท้าประลอง ชายหนุ่มมุ่นคิ้วหลังจากคิดอยู่พักใหญ่ สุดท้ายแล้วเขาก็หาวิธีการยั่วยุให้กองทหารจากสำนักเล็กมาท้าประลองไม่ได้ จึงต้องกัดฟันเลือกทางที่ยากกว่าในที่สุด
ถ้าเช่นนั้นก็ได้ ในเมื่อไม่มีสำนักเล็กอยากประลองกับข้า ข้าจะไปท้าสำนักใหญ่ประลองเอง ถึงข้าจะได้ทรัพยากรมาน้อยกว่า แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย! เมื่อคิดมาถึงตรงนี้หวังเป่าเล่อก็ตรวจดูสภาพกองทหารของตนเองอีกครั้ง และเริ่มดูรายชื่อกองทหารที่อยู่เหนือเขาขึ้นไป
การท้าประลองนั้นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมจำนวนมาก หวังเป่าเล่อจึงต้องประมาณการว่าตนเองจะได้รับทรัพยากรกลับมาเท่าไรหากชนะ นอกจากนี้เขายังปรึกษาเทพธิดาหลิวโยวอีกด้วย และในที่สุดได้เป้าหมายถัดไป!
กองทหารอันดับ 19! ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายสว่างวาบ กองทหารอันดับ 19 มีนามว่ากองทหารสระน้ำทองคำ แม้ผู้บัญชาการจะมีพลังปราณอยู่ที่ขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ แต่ทั้งกองก็มีผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณอยู่อีกถึง 17 คนด้วยกัน!
ความแข็งแกร่งของกองทหารสระน้ำทองคำนั้นอยู่ที่เรือบินรบของพวกเขา เรือบินรบนั้นทั้งยอดเยี่ยมในด้านการรุกและการรับ แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ… กองทหารอันดับ 19 นี้ถือเป็นกองทหารย่อยของกองทหารปลาคุนสีเขียว และมีความสัมพันธ์ต่อกันในฐานะพันธมิตรในหลายแง่
ทันทีที่หวังเป่าเล่อท้าพวกเขาประลอง ชายหนุ่มมั่นใจว่าอี้เหนียนจื่อจะต้องลงมายุ่งกับการแข่งขันอย่างแน่นอน เนื่องด้วยไม่มีใครเอาชนะโล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกาของเขาได้
แม้ตัวหวังเป่าเล่อเองจะอยากทดสอบโล่ ว่าสามารถสะท้อนพลังการโจมตีขั้นจิตวิญญาณอมตะได้ครึ่งหนึ่งอย่างที่เคยคำนวณไว้จริงหรือไม่ แต่ก็คงจะเป็นการดีกว่าหากเขายังไม่เปิดเผยความสามารถนี้ในตอนนี้
นอกเสียจากว่า… ข้าจะไม่ใช้โล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกาเลย หรือถ้าจะให้ดีไปกว่านั้นข้าก็ไม่ต้องไปที่สนามรบมันเสียเลย ส่งไปแค่เรือบินรบก็พอ เพียงเท่านี้กองทหารปลาคุนสีเขียวก็ไม่มีเหตุผลให้เข้ามายุ่มย่ามแล้ว! หวังเป่าเล่อหรี่ตาและตัดสินใจได้หลังจากคิดอยู่นาน เขารู้ดีว่าจุดประสงค์หลักของการท้าประลองนี้ควรอยู่ที่การใช้ประโยชน์จากกระบวนการรื้อสร้างเท่านั้น
กระบวนการนี้ต้องทำให้ข้าเป็นจุดสนใจอย่างแน่นอน แต่เรื่องนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อย่างมากข้าก็แค่ปล่อยเคล็ดเล็กน้อยออกไปเท่านั้น ตราบใดที่ข้ายังเป็นผู้เดียวที่รู้หัวใจหลักของกระบวนการนี้ ก็คงไม่มีผลกระทบอันใด แถมข้ายังสามารถแลกวิชานี้กับทรัพยากรได้ด้วย…
มาลองดูกันดีกว่าว่าเรือบินรบของข้าจะต่อกรกับผู้ฝึกตนจากอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ได้หรือไม่! ชายหนุ่มเลิกลังเลและตัดสินใจสมัครท้าประลองในทันที!
ด้วยความที่ทั้งสองฝ่ายเป็นกองทหารประจำสำนักใหญ่ การสมัครท้าประลองจะได้รับการอนุมัติทันทีตราบใดที่ทั้งสองผ่านเกณฑ์คุณสมบัติเบื้องต้น แน่นอนว่าคุณสมบัติของหวังเป่าเล่อไม่มีสิ่งใดติดขัด เขาจึงได้รับการอนุมัติทันทีหลังจากที่ผ่านไปหนึ่งวัน!
“กองทหารผ่าวิญญาณขอท้ากองทหารสระน้ำทองคำประลอง การประลองจะเริ่มต้นขึ้นในหกชั่วโมงต่อจากนี้!”
หลังจากที่ได้รับประกาศ หวังเป่าเล่อก็ผุดขึ้นยืนและรีบพุ่งออกไปข้างนอก พลางโบกมือไปด้วย เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังนำขึ้นจากพื้นดิน ตามมาด้วยเรือบินรบสีดำหลายลำที่ลอยจากใต้ดิน เรือบินรบเหล่านั้นมีจำนวนราวหมื่นลำได้ จนทำให้เกิดภาพกองทัพขนาดใหญ่ที่กำลังเดินทัพไปในห้วงอวกาศ
หวังเป่าเล่อกำลังวิเคราะห์กลยุทธ์การรบอยู่ในใจ และเฝ้ารอให้การประลองเปิดฉากขึ้นเงียบๆ ชายหนุ่มได้สอบถามเทพธิดาหลิงโยวเรียบร้อย ว่าหากเขาเป็นผู้ขอท้าชิง รอยแยกจะปรากฏขึ้น…เพื่อให้กองทัพของเขาเดินทางไปยังดาวของผู้ถูกท้าชิงทันทีที่การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น!
สิ่งเดียวที่เขาต้องทำในตอนนี้ คือการรอ!
ในขณะเดียวกันกองทหารอันดับ 19 ก็ได้รับประกาศท้าชิงเช่นกัน พวกเขาไม่ได้ประมาทกองทหารผ่าวิญญาณแม้แต่น้อย และรีบส่งข่าวหากองทหารปลาคุนสีเขียวทันทีเพื่อขอคำแนะนำ กองทหารปลาคุนสีเขียวได้มอบหน้าที่ให้อี้เหนียนจื่อเป็นผู้ดูแลการประลองในครั้งนี้!
“ข้าต้องการเหตุในการเข้าแทรกแซง หน้าที่ของพวกเจ้าในตอนนี้คือ…หาเหตุผลให้ข้ายื่นมือเข้าไปช่วยให้ได้!” อี้เหนียนจื่อที่มาเยือนฐานที่มั่นของกองทหารสระน้ำทองคำพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์
บทที่ 794 ขู่!
หวังเป่าเล่อนึกภาพออกว่ากองทหารสระทองคำย่อมไปขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น แม้จะไม่รู้รายละเอียดอะไรมาก แต่ในใจก็รู้ชัดเจนว่าการต่อสู้นี้…ถ้ามีผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะมาร่วมด้วยก็ไม่มีทางเลยที่เขาจะชนะศึกครั้งนี้ได้
แสดงว่ากุญแจสำคัญคือ…ทำให้อีกฝ่ายไม่มีเหตุผลที่จะมาเข้าร่วม! หวังเป่าเล่อวิเคราะห์คำนวณสถานการณ์ในหัว ขณะยืนรอให้การต่อสู้เปิดฉากขึ้นอยู่บนดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณ ทันทีที่ดวงตาของเขาฉายแววเย็นเยียบ จักรวาลเบื้องหน้าก็พลันบิดหมุด คลื่นรบกวนพัดกระจายไปทั่ว รอยแยกขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็นในทันที!
ตอนแรกรอยแยกดูคล้ายรอยแผล แต่ครู่ถัดมาก็ขยายใหญ่เป็นวงกลม ดูแล้วเหมือนปากขนาดมหึมาที่พร้อมกลืนกินทุกสิ่ง อีกทั้งยังดูละม้ายคล้ายหลุมดำ วังวนก่อตัวขึ้นด้านใน มันหมุนวนไม่หยุด ทำให้จักรวาลโดยรอบหดตัวลงเล็กน้อยและบิดหมุนห้วงเวลาในพื้นที่นั้น
ภาพเบื้องหน้าทำให้หวังเป่าเล่อหรี่ตาลงและเข้าใจความแข็งแกร่งของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ลึกซึ้งขึ้น อย่างน้อยที่สุด สหพันธรัฐในปัจจุบันก็ยังไม่สามารถสร้างประตูที่เคลื่อนย้ายคนไปยังอีกที่หนึ่งและเปิดใช้งานตอนไหนก็ได้เหมือนประตูเคลื่อนย้ายที่เห็นอยู่ตรงหน้าในตอนนี้
เทียบกับอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์แล้ว สหพันธรัฐยังถือว่าห่างไกลอยู่มากในเรื่องของความแข็งแกร่ง… หวังเป่าเล่อหรี่ตา ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงสิ่งที่ศิษย์พี่เฉินชิงเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้เกี่ยวกับทางลัดที่จะช่วยพัฒนาอารยธรรมการฝึกตน!
เสริมพลังดารานิรันดร์ของอารยธรรมให้แข็งแกร่งขึ้นด้วยการกลืนกินดารานิรันดร์ของอารยธรรมอื่น…ซึ่งจะทำให้สภาพแวดล้อมของอารยธรรมเกิดการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มพูนคุณภาพพื้นฐานของอารยธรรมนั้น
หวังเป่าเล่อเงียบไปพักหนึ่งเมื่อนึกถึงบทสนทนาก่อนหน้านี้ เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมเปลวเพลิงที่ลุกโชนในดวงตา หลังจากค่อยๆ เก็บซ่อนไฟในตาเสร็จ ชายหนุ่มก็ยกมือขวาโบกไปด้านหน้า ทันใดนั้น ดวงตาของหุ่นเชิดมากมายในเรือบินรบนับพันลำก็ส่องแสง พวกมันบังคับเรือบินรบตามดวงจิตของหวังเป่าเล่อ ส่งผลให้เรือบินทุกลำเริ่มสั่นไหว และต่างมุ่งตรงไปยังวังวนเหมือนลูกธนูที่พุ่งออกจากคันศรอย่างไรอย่างนั้น!
ขณะที่เรือบินรบทะยานเข้าไปในวังวนทีละลำ หวังเป่าเล่อก็พลิกตัวและก้าวเข้าไปในวังวนเช่นกัน วิสัยทัศน์ของเขาพลันพร่ามัวก่อนจะแจ่มชัดขึ้นใหม่อีกครั้ง ชายหนุ่มออกจากดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณมาปรากฏที่…ดาวเคราะห์ของกองทหารสระน้ำทองคำ!
ฐานทัพของกองทหารสระน้ำทองคำเป็นดาวเคราะห์ขนาดเล็กเหมือนของกองทหารผ่าวิญญาณ แต่แตกต่างตรงขนาดและความหนาแน่นของปราณวิญญาณ ปราญวิญญาณของที่นี่นั้นหนาแน่นกว่าที่ดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณ!
จะเห็นได้ว่าดาวเคราะห์ดวงนี้มีขนาดใหญ่กว่าดาวเคราะห์ผ่าวิญญาณสิบเท่าและปกคลุมไปด้วยต้นไม้สีเขียว พลังชีวิตที่พวยพุ่งออกมานั้นเข้มข้นมาก ชัดเจนว่าแหล่งกำเนิดดวงดาราของดาวเคราะห์ดวงนี้เหนือชั้นกว่าของดั้งเดิมที่มี
เห็นได้ชัดว่า…กองทหารสระน้ำทองคำทุ่มกำลังทรัพย์และกำลังกายไปกับการดัดแปลงดาวเคราะห์ ทำให้แม้จะไม่ได้เป็นดาวเคราะห์ใหญ่ระดับต้นๆ ของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ก็ยังถือเป็นดาวเคราะห์หายาก!
โดยเฉพาะพลังขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ของเหล่าผู้บัญชาการกองทหารสระน้ำทองคำที่ปะทุออกมาจากดาวเคราะห์สระน้ำทองคำตอนที่หวังเป่าเล่อปรากฏตัว นอกจากนี้ยังมีวงแหวนปราณขนาดกลางที่เปิดใช้งานขึ้นทันทีเพื่อรวมพลังเข้าด้วยกันระดับหนึ่ง ขณะเดียวกัน เรือบินรบอย่างน้อยหนึ่งหมื่นลำจากกองทหารสระน้ำทองคำก็กำลังทะยานขึ้นฟ้า มีวัตถุเวทขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนลอยหมุนไปมาและเล็งเป้ามายังหวังเป่าเล่อที่ปรากฏตัวขึ้นในห้วงอวกาศ!
พวกเขางัดทุกอย่างออกมาใช้ด้วยจิตสังหารอันกล้าแกร่ง!
นอกจากนี้ยังมีชั้นป้องกันสีเขียวที่ปรากฏขึ้นทั่วทุกทิศทางในทันที นอกจากชั้นป้องกันจะเข้าครอบดาวเคราะห์ไว้แล้ว มันยังทำให้จักรวาลรอบๆ ดูบิดเบี้ยวไปด้วย
กองทหารสระน้ำทองคำ! หวังเป่าเล่อเพ่งมองดาวเคราะห์สระน้ำทองคำเมื่อก้าวออกมาจากรอยแยก ดวงตาของเขาฉายแสงวาบขึ้น ถึงหวังเป่าเล่อจะจับสัมผัสพลังขั้นจิตวิญญาณอมตะหรือขั้นแสร้งอมตะจากพลังรัศมีของดาวเคราะห์สระน้ำวิญญาณได้ แต่เขาก็ไม่มีทางโดนหลอกด้วยการอำพรางตัวเช่นนี้ ชายหนุ่มยกมือขวาชี้ตรงไปตามแผนที่วางไว้
ข้าจะขู่พวกเขาก่อน!
ทันใดนั้น เรือบินรบที่รายล้อมรอบตัวชายหนุ่มจำนวนหนึ่งก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและพุ่งทะยานออกไปราวกับว่ากำลังลุกไหม้ เหล่าเรือบินรบมุ่งหน้าตรงไปทางชั้นป้องกันของดาวเคราะห์สระน้ำทองคำ
ขณะที่กำลังทะยานตรงไป เรือบินรบก็แผ่พลังน่าตื่นตะลึงออกมา หากมองดูให้ละเอียด จะพบว่าในหมู่เรือบินรบ มีอยู่หลายลำที่เหมือนจะไม่สามารถระเบิดทำลายตัวเองได้ รอยปริแตกเริ่มผุดขึ้นบนลำเรือบิน เหมือนว่าจะพังทลายไป
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ครู่ถัดมา…เรือบินรบเหล่านั้นก็พุ่งไปชนชั้นป้องกันของกองทหารสระน้ำทองคำ ส่งแรงปะทะพัดกระจายไปทั่วบริเวณ เสียงสะเทือนสนั่นฟ้าดินระเบิดก้องตามมาเมื่อชั้นป้องกันพังทลาย บนยอดมีแสงสีจากคาถาพุ่งกระจาย เมื่อมองจากที่ไกลๆ จะดูเหมือนว่าชั้นป้องกันนอกสุดถูกดึงออกจากแนวป้องกันไปแล้ว!
ด้านกองเรือบินรบที่พุ่งไปชนนั้น ส่วนใหญ่ทลายลงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย บางส่วนกลายเป็นเถ้าธุลีในทันที มีบ้างที่ยังคงรูปไว้ได้ แต่ก็ได้รับเสียหายหนักจนกลายเป็นขยะที่กระจายตัวออกไปรอบๆ
มาตรฐานการป้องกันดูธรรมดา แต่ข้าก็ต้องทำให้เรือบินรบของกองทหารสระน้ำทองคำบินออกมาก่อนถึงจะสมบูรณ์แบบตามแผน… หวังเป่าเล่อหรี่ตา ยกมือขวาขึ้นโบก ทันใดนั้นเรือบินรบหลายพันลำที่รายล้อมรอบตัวก็พุ่งไปจัดขบวนเป็นรูปหอกขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า ก่อนจะปลดปล่อยความเร็วเต็มพิกัด พาชายหนุ่มที่อยู่ด้านในมุ่งตรงไปยังดาวเคราะห์สระน้ำทองคำ
ดูจากพลังรัศมีของหอกยักษ์แล้ว มันคงตั้งใจเจาะทะลวงชั้นป้องกันลงไปแน่ๆ!
การกระทำสุดบ้าระห่ำนี้ทำให้ผู้ฝึกตนกองทหารสระน้ำทองคำสั่นกลัว ถึงศึกกับกองทหารมังกรหยดหมึกจะทำให้เรือบินรบทำลายตัวเองของหวังเป่าเล่อเป็นที่โจษจันไปทั่ว แต่หลายคนก็คิดว่าสิ่งที่ต้องระวังจริงๆ ในกองทหารผ่าวิญญาณก็คือหลงหนานจื่อต่างหาก ส่วนเรือบินรบนั้น..ถ้าไม่ได้ระเบิดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก พลังทำลายล้างก็ไม่ได้สูงขนาดนั้น
แต่ดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่าเรือบินรบของกองทหารผ่าวิญญาณได้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น
หากมีเพียงเท่านี้ก็คงไม่เป็นไร แต่หวังเป่าเล่อเป็นคนบ้าระห่ำ การพุ่งมาปะทะตรงๆ ทำให้ทุกคนขนหัวลุกและรู้สึกราวกับว่าชายหนุ่มต้องการจบชีวิตไปพร้อมกองทหารสระน้ำทองคำ
เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้บัญชาการหลายคนในกองทหารสระน้ำทองคำตัวสั่นเทาและล้มเลิกความคิดที่จะตั้งรับ พวกเขาสั่งการให้ตอบโต้กลับ วัตถุเวทขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนที่ลอยวนอยู่ยิงลำแสงพลังทำลายล้างอย่างต่อเนื่อง ลำแสงนับพันถูกยิงออกไปพร้อมกัน มันทะลุผ่านชั้นป้องกันของดาวเคราะห์สระน้ำทองคำ พุ่งตรงไปทางกองเรือบินรบของหวังเป่าเล่อ
กระสุนลำแสงเจิดจ้าเปลี่ยนจักรวาลมืดดำให้สว่างไสวในทันใด เสียงสั่นสะท้านฟ้าดินดังก้องไปทั่วจักรวาลเมื่อลำแสงปะทะเข้ากับเรือบินรบของหวังเป่าเล่อ เรือบินรบจำนวนมากพังทลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจายไปรอบๆ แต่ชายหนุ่มยังมีเรือบินรบอีกมาก เพียงแค่โบกมือเรือบินรบก็เพิ่มจำนวนขึ้น พลังที่ปล่อยออกมายังน่าตื่นตะลึงไม่แปรเปลี่ยน!
“บ้าชะมัด เจ้าหลงหนานจื่อมันบ้าอย่างที่ว่า ถึงเรือบินรบจะธรรมดาสามัญ แต่นั่นก็เงินทั้งนั้น!”
“เขาไม่ได้ใช้เรือบินรบปะทะกับเรา เขากำลังใช้เงินข่มเราต่างหาก!”
ขณะที่ผู้บัญชาการหลายคนกำลังขุ่นเคือง การตอบโต้ก็เริ่มเข้มข้นขึ้น นอกจากพวกเขาจะยิงลำแสงมากมายออกไปเพิ่มแล้ว เรือบินรบกองทหารสระน้ำทองคำที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ทำงานด้วยเช่นกัน เหล่าเรือบินรบบินออกไปด้านนอกชั้นป้องกันและเริ่มตอบโต้อย่างหนักหน่วง!
เรือบินรบของกองทหารสระน้ำทองคำดำเนินการตอบโต้ได้อย่างเฉียบคม แม้เรือบินรบของหวังเป่าเล่อจะมีพลังสะท้อนกลับระดับหนึ่งและมีจำนวนมากกว่า แต่ก็เริ่มทานทนการโจมตีไม่ได้ นอกจากจำนวนเรือบินรบจะพังทลายลงไปมาก การเติมทัพก็กลับไม่ได้มาตรฐานดังเดิม อีกทั้งยังเผยให้เห็นบางส่วนของชายหนุ่มที่ซ่อนอยู่ภายในกองเรือบินรบด้วย หัวใจของเขาเต้นระส่ำ ดวงตาฉายแสงวาบขึ้นจางๆ ตัดสินใจที่จะรอคอยต่อไป!
อี้เหนียนจื่อที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาหันไปมองหวังเป่าเล่อและรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ไม่ว่าจะสังเกตอย่างไรก็ดูไม่ออกว่าสิ่งนั้นคืออะไร เขาหรี่ตาและโบกมือขวาเบาๆ
ทันใดนั้น ท่ามกลางลำแสงมากมายที่กำลังพุ่งแหวกจักรวาล กระบี่บินก็ก่อตัวขึ้นและพุ่งผ่านลำแสงตรงไปยังหวังเป่าเล่อ!
กระบี่บินมายารวดเร็วเกินบรรยาย ตอนแรกยังอยู่กลางอากาศ แต่พริบตาต่อมาก็พุ่งมาอยู่หน้ากองเรือบินรบที่หวังเป่าเล่อซ่อนตัวอยู่ กระบี่บินพุ่งผ่านเรือบินรบมากมาย หมายจะทะลวงเข้าไปตรงระหว่างคิ้วของชายหนุ่มขณะที่เรือบินรบกำลังพังทลายลง!
หวังเป่าเล่อหรี่ตา สัมผัสได้ถึงพลังขั้นจิตวิญญาณอมตะจากกระบี่บิน เขาปิดโล่สวรรค์พิพากษาและยกมือทั้งสองข้างขึ้นสร้างผนึกฝ่ามืออย่างรีบร้อน ทันใดนั้น เรือบินรบที่อยู่รอบๆ ก็ระเบิดทำลายตัวเองทีละลำและหยุดยั้งกระบี่บินเอาไว้!
แรงสั่นสะเทือนกระจายไปทั่วบริเวณ หลังจากระเบิดเรือบินรบไปเกือบร้อยลำ ภาพมายาของกระบี่บินก็สลายหายไป ขบวนเรือบินรบของหวังเป่าเล่อเสียหายรุนแรง เขาต้องเผชิญหน้ากับการสูญเสียครั้งใหญ่
ถึงกระนั้น ด้วยการควบคุมของชายหนุ่ม พลังปะทะของเรือบินรบก็ยังรุนแรงไม่แปรเปลี่ยน กองทหารสระน้ำทองคำเริ่มเป็นกังวลเมื่อเห็นหวังเป่าเล่อพุ่งเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ราวกับตั้งใจสละชีพตนให้ตายไปพร้อมกองทหารสระน้ำทองคำ
“เปิดใช้งานเรือบินรบเวทครึ่งสมบูรณ์!”
บทที่ 795 พลิกผัน!
ผืนดินสั่นไหวเมื่อผู้บัญชาการกองทหารสระน้ำทองคำร้องตะโกน แสงมากมายพุ่งออกมาจากใต้พิภพ แมลงปอขนาดยักษ์ที่อยู่ใต้ดินปรากฏตัวพลางกรีดร้องคำรามลั่น!
แมลงปอยักษ์ขนาดตัวกว้างประมาณหมื่นเมตรแผ่พลังเกินบรรยายที่แข็งแกร่งกว่าเรือบินรบธรรมดา แต่ก็ด้อยกว่าเรือบินรบเวทออกมา พลังของมันเหมือนจะเทียบเท่าผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะที่กำลังจะบรรลุไปขั้นจุติวิญญาณ การปรากฏตัวของมันเรียกความสนใจจากทุกคนในสนามรบได้ในทันที
นี่คือไพ่ตายของกองทหารสระน้ำทองคำ เป็นอาวุธสุดยอดที่ทางกองทหารหลอมมาตลอดหลายปีด้วยความช่วยเหลือจากกองทหารปลาคุนสีเขียว มันมีพลังประมาณครึ่งหนึ่งของเรือบินรบเวท ความจริงแล้ว กองทหารสระน้ำทองคำนั้นขาดค่วัตถุดิบจำเป็นบางส่วนก็จะพัฒนาแมลงปอตัวนี้ไปเป็นเรือบินรบเวทเต็มขั้นได้ ถึงกระนั้น อสูรตนนี้และผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะจากกองทหารปลาคุนสีเขียวก็เพียงพอที่จะผสานพลังซึ่งเหนือชั้นกว่าผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะคนไหนๆ แล้ว!
อย่างไรเสีย เรือบินรบเวทก็เป็นของล้ำค่า ทั่วทั้งอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์มีอยู่ไม่ถึงร้อยลำ แม้กระทั่งกองทหารมังกรหยดหมึกก็ยังไม่มีในครอบครอง แมลงปอของกองทหารสระน้ำทองคำจึงเป็นสิ่งแสดงให้เห็นถึงอำนาจและความมั่งคั่งของกองทหาร
การปรากฏตัวของแมลงปอทำให้ทั่วทั้งสนามรบต้องสั่นคลอนไป ปีกของมันกระพือสร้างลมหมุนที่มองไม่เห็นพัดข้ามสนามรบไปถึงตัวหวังเป่าเล่อ ส่งผลให้เรือบินรบรอบๆ สั่นไหว ส่งสัญญาณเหมือนจะระเบิดทำลายตัวเองก่อนเวลา
นั่นแหละ! หวังเป่าเล่อใจเต้นแรง ความปรารถนาอันแรงกล้าพวยพุ่งขึ้นตามจังหวะหัวใจที่เต้นถี่ เขาพยายามข่มความรู้สึกเอาไว้
ชายหนุ่มตระหนักว่ากองทหารปลาคุนสีเขียวได้เข้ามามีส่วนร่วมในศึกครั้งนี้จากกระบี่บินเมื่อครู่ หวังเป่าเล่อจำพลังที่แผ่ออกมาจากกระบี่มายาได้และมั่นใจว่าต้องเป็นอี้เหนียนจื่อแน่!
เป็นเหตุให้…เขาต้องวางแผนขั้นต่อไปอย่างระมัดระวัง ความพยายามทั้งหมดอาจสูญเปล่าหากมีอะไรผิดพลาด!
เขาปล่อยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ทั้งยังไม่ได้พยายามหยุดการต่อสู้อย่างสมบูรณ์ หมายความว่าข้าเดาถูก เพราะคำเตือนของปรมาจารย์และมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของข้า กองทหารปลาคุนสีเขียวจึงไม่สามารถโจมตีข้าได้อย่างเต็มกำลังโดยไม่ไตร่ตรองถึงผลลัพธ์จากการกระทำก่อน!
เขามาที่นี่เพื่อส่งสัญญาณและ…รอช่องว่างในการโจมตี!
อย่างไรเสีย นี่ก็เป็นศึกระหว่างกองทหารสระน้ำทองคำกับข้า และเขาก็อยู่ในขั้นจิตวิญญาณอมตะ คงจะดูไม่ดีถ้าเขาเข้าร่วมศึกด้วย น่าจะอธิบายการกระทำของตนเองให้ผู้อื่นฟังได้ยาก… ความคิดเหล่านี้ผุดขึ้นในหัวหวังเป่าเล่อ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดกองทหารสระน้ำทองคำจึงเลือกป้องกันในตอนแรก
พวกเขาตั้งใจจะทำเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำและให้ข้าสำแดงพลังโล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกา ซึ่งจะเปิดช่องให้อี้เหนียนจื่อมีเหตุผลในการเข้าร่วมศึก! โชคไม่ดีที่พวกเขาประเมินพลังที่แท้จริงของเรือบินรบข้าต่ำไป… หวังเป่าเล่อหรี่ตาวิเคราะห์สถานการณ์อย่างรวดเร็ว เขามองแมลงปอที่ปล่อยเกราะป้องกันออกมาและคอยรักษาระยะห่างไว้ ชายหนุ่มคำนวณระยะห่างระหว่างตนและอีกฝ่าย จากนั้นก็กัดฟันแน่น ความขุ่นเคืองฉายขึ้นในแววตาขณะที่เขายกมือขวาสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ
เรือบินรบรอบตัวหยุดมุ่งหน้าไปทางดาวเคราะห์สระน้ำทองคำและเริ่มถอยกลับไปทางรอยแยก
ใครๆ ก็คงคิดว่าเป็นการยอมจำนนเมื่อได้เห็นการปรากฏตัวของแมลงปอ โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นสภาพน่าเวทนาของชายหนุ่มหลังจากกองเรือบินรบได้รับความเสียหายและทำลายตัวเองลงไปบางส่วน การตัดสินใจถอยหนีของหวังเป่าเล่อจึงเป็นการกระทำที่สมเหตุสมผล!
เขาไม่ได้เปิดใช้งานโล่สวรรค์พิพากษาสะท้านโลกาแม้แต่น้อย และเหล่าผู้บัญชาการกองทหารสระน้ำทองคำก็มองออกว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น พวกเขารู้ว่ามันเป็นการเคลื่อนไหวที่คิดมาอย่างดีแล้วของหลงหนานจื่อ ชายหนุ่มคิดหาทางไม่ให้กองทหารปลาคุนสีเขียวมีข้ออ้างในการเข้าร่วมศึก!
“เจ้าเล่ห์นัก!”
“คิดจะหนีหรือ”
“เจ้านั่นคิดว่าดาวเคราะห์สระน้ำทองคำเป็นที่ที่คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไปอย่างนั้นหรือ” เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อถอยหนี เหล่าผู้บัญชาการกองทหารสระน้ำทองคำก็กระหน่ำส่งข้อความเสียงหากันและรีบตัดสินใจทันที กองเรือบินรบของกองทหารสระน้ำทองคำและแมลงปอเปิดฉากพุ่งไล่ตามไป!
อี้เหนียนจื่อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ใจหนึ่งก็อยากจะหยุดกองทหารสระน้ำทองคำ แต่ความไม่สบายใจที่ผุดขึ้นมาก็คลายหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะครุ่นคิดอย่างไรก็ไม่ทราบต้นตอที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ อีกทั้งหวังเป่าเล่อยังถอยหนีไปด้วยความเร็วเต็มพิกัด ถ้าหลุดรอดเงื้อมมือไปได้ละก็…เขาจะไม่ยอมให้อีกฝ่ายหนีเด็ดขาด
กฎยอมให้มีคนตายในการท้าประลองได้ แต่ถ้าปล่อยให้หวังเป่าเล่อหนีไปได้ พวกเขาก็ต้องหาโอกาสอื่นในการจัดการชายหนุ่ม ราคาที่ต้องจ่ายเพื่อโอกาสครั้งที่สองนั้นคงแพงไม่น้อยทีเดียว
นี่เป็นเหตุผลที่เขาไม่เอ่ยปากห้ามกองทหารสระน้ำทองคำ แม้จะลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง
การไล่ตามอย่างไม่ลดราวาศอกเปิดฉากขึ้นในห้วงอวกาศรอบดาวเคราะห์สระน้ำทองคำ เสียงระเบิดกัมปนาทดังกึกก้องไปทั่วเมื่อเรือบินรบรอบตัวหวังเป่าเล่อแตกพ่ายไปทีละลำ ใบหน้าของชายหนุมซีดลงกว่าเดิม ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและโกรธเคือง เขาโยนเรือบินรบออกไปด้านหลังเรื่อยๆ และปลดกลไกระเบิดตัวเองเพื่อชะลอพวกที่ไล่ตามมา
ดูเหมือนจะเป็นความพยายามที่ไม่เกิดผล ยุทธวิธีของเขาเริ่มอ่อนกำลังลงเมื่อโดนกองทหารสระน้ำทองคำไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ แมลงปอที่มีพลังกึ่งหนึ่งของเรือบินรบเวทออกตามล่า ลมกรรโชกรุนแรงพัดไปทั่ว เรือบินรบของหวังเป่าเล่อทนได้ประมาณห้าวินาทีก็แหลกเป็นเสี่ยงๆ
“กองทหารสระน้ำทองคำ พวกเจ้าทำเกินกว่าเหตุ ข้าถอยหนีแล้ว พวกเจ้ายังต้องทำถึงเพียงนี้เลยหรือ” ใบหน้าของหวังเป่าเล่อเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก สายตาเลื่อนกวาดมองทั่วสนามรบไปพบซากเรือบินรบนับไม่ถ้วน ในใจแอบยินดีเมื่อได้เห็นเช่นนั้น ชายหนุ่มมองตำแหน่งของแมลงปออยู่ตลอด ที่ผ่านมาเขาใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้อสูรตนนั้นไล่ตามมา พร้อมๆ กับแอบควบคุมซากเรือบินรบที่อยู่รอบๆ อีกฝ่าย เศษซากเรือบินรบเคลื่อนที่ไปทางแมลงปอโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
หวังเป่าเล่อควบคุมทุกอย่างจนได้ที่ แมลงปอค่อยๆ เคลื่อนไปยังตำแหน่งที่วางไว้ ใบหน้าของชายหนุ่มเปี่ยมไปด้วยความสุขใจเมื่อเห็นอสูรร้ายเคลื่อนตัวไปถึงตำแหน่งเป้าหมาย เขายกมือขึ้นโบก ส่งเรือบินรบร้อยลำสุดท้ายจากกำไลคลังเวทออกมาพร้อมร้องคำราม
“อย่ากดดันข้า!”
เสียงร้องคำรามเป็นเหมือนน้ำหยดลงมหาสมุทร ไม่สามารถพัดกระจายไปทั่วสนามรบได้ เรือบินรบร้อยลำสุดท้ายที่ปล่อยออกมายุบตัวลงขณะที่แมลงปอกระพือปีก
ทันใดนั้น…อี้เหนียนจื่อก็เบิกตากว้าง เขาคอยจับตาดูสถานการณ์อยู่ตลอด ใบหน้าเปลี่ยนไปในทันที!
มีอะไรแปลกๆ เศษ…เศษซากเรือบินรบกำลังเคลื่อนไหว! หลงหนานจื่อเหมือนจะหลบหนี แต่แท้จริงแล้วกำลังล่อแมลงปอไปทางเรือบินรบที่เหลืออยู่ต่างหาก!
“กองทหารสระน้ำทองคำ หยุดไล่ตามเดี๋ยวนี้ นำแมลงปอออกห่างเศษซากเรือบินรบ!” อี้เหนียนจื่อหายใจถี่รัวขณะส่งเสียงตื่นตระหนกดังก้องไปทั่วสนามรบ เพียงก้าวเดียว เขาก็มาปรากฏตัวท่ามกลางหมู่ดวงดาราและมุ่งหน้าตรงไปยังสนามรบ!
แต่เขาก็รู้สึกตนช้าไป!
ขณะที่กองทหารสระน้ำทองคำหยุดชะงักเมื่อได้ยินคำสั่ง หวังเป่าเล่อที่คอยหนีมาตลอดก็หันกลับมาทันใด ดวงตาส่องแสงเจิดจ้า เส้นผมปลิวไปมา เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นสร้างผนึกฝ่ามือ จากนั้นก็เปล่งเสียงร้องคำรามดังลั่น
“ปรสิต โจมตี!”
แสงสีม่วงปะทุขึ้นจากเศษชิ้นส่วนเรือบินรบที่หลงเหลืออยู่ มันคือเศษซากของเรือบินรบร้อยลำสุดท้ายที่แมลงปอทำลายไป ก่อนหน้านี้พวกมันเป็นเพียงซากไร้ชีวิต แต่หลังจากหวังเป่าเล่อร้องคำราม เหล่าเศษซากก็พลันมีชีวิตขึ้นมา ก่อนพุ่งตรงไปทางแมลงปออย่างรวดเร็วราวกับว่ามีสตินึกคิดเป็นของตัวเอง!
เหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับเศษซากเรือบินรบนับไม่ถ้วนของหวังเป่าเล่อที่กระจายไปทั่ว เศษชิ้นส่วนกึ่งหนึ่งเปล่งแสงสีม่วงออกมา ราวกับเป็นอสูรกระหายเลือดมนุษย์ เศษซากทั้งหมดพุ่งไปทาง…แมลงปอ!
ช่างเป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง เศษชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนจากเรือบินรบที่พังลงเปล่งแสงสีม่วงและออกเคลื่อนไหวในทันใด ไม่มีใครตอบโต้ได้ทัน แสงสีม่วงเหมือนจะมีพลังบางอย่างแฝงอยู่ เศษชิ้นส่วนเปล่งแสงทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ บนตัวแมลงปอ ก่อนจะหลอมรวมกับอสูรร้ายราวกับเป็นส่วนหนึ่งของมันมาตั้งแต่แรก เหล่าเศษซากรุกล้ำแมลงปอราวกับเป็นปรสิต!
เรือบินรบเวทเป็นสิ่งมีชีวิต เป็นที่มาของแหล่งพลังเกินบรรยาย แมลงปอกรีดร้องน่าเวทนา เหมือนว่ากำลังตื่นกลัวและเจ็บปวด เศษซากที่พุ่งเข้าใส่อสูรร้ายมีมากเกินไป เสียงกรีดร้องเงียบหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเศษชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน…ฝังเข้าไปในตัวแมลงปอและแปรเปลี่ยนมันไปโดยสมบูรณ์!
มันไม่ใช่แมลงปออีกต่อไป แต่ดูเหมือนตั๊กแตนขนาดยักษ์แทน!
ดวงตาสีชาดเปี่ยมไปด้วยความคลั่งหันมองกองทหารสระน้ำทองคำที่นิ่งงันด้วยความตื่นตกใจ อี้เหนียนจื่อที่เพิ่งมาถึงสนามรบก็มีอาการไม่ต่างกัน อสูรร้องคำรามลั่น!
เสียงร้องดังก้องไปทั่วห้วงอวกาศ ส่งคลื่นรุนแรงถาโถมใส่สนามรบ พลังที่เอ่อล้นออกมาดูแข็งแกร่งกว่าก่อน หากมันระเบิดทำลายตัวเองลงตรงนี้ แรงระเบิดคงจะมีพลังสูสีกับผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะเลยทีเดียว!
กองทหารสระน้ำทองคำสั่นกลัวเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังดังกล่าว อี้เหนียนจื่อมีสีหน้าเคร่งเครียด หวังเป่าเล่อก้าวไปหยุดยืนบนหัวตั๊กแตน จากนั้นก็มองอี้เหนียนจื่อด้วยรอยยิ้ม
“ศิษย์พี่อี้เหนียนจื่อ เจอกันอีกแล้วนะ” หวังเป่าเล่อยกมือขวาสร้างผนึกฝ่ามืออย่างรวดเร็วขณะพูด ครึ่งหนึ่งของเรือบินรบกองทหารสระน้ำทองคำที่อยู่รอบตัวหันลำไปตั้งการโจมตีใส่อี้เหนียนจื่อและกองทหารสระน้ำทองคำที่เหลืออยู่แทน!
มีเศษชิ้นส่วนเรืองแสงสีม่วงปักอยู่บนเรือบินรบเหล่านี้ด้วยเช่นกัน!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น