หมอดูยอดอัจฉริยะ 788-793
ตอนที่ 788 การเคลื่อนไหวถูกจับได้
“บนโลกนี้ยังจะมีคนที่ทำนายดวงชะตาได้แม่นยำกว่าฉันอีกหรือ?”
เยี่ยเทียนนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงครุ่นคิดอย่างหนัก ในใจเกิดความรู้สึกว่าเมื่อครู่ได้มีใครบางคนลอบเข้ามาแอบดูดวงจิตของเขา ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเอามากๆ เดินลมปราณไปรอบหนึ่งขับเอาความรู้สึกแย่ๆนั้นออกไป แต่เขาก็ฟื้นฟูสติกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง
“หรือเป็นเพราะซ่งเสี่ยวหลงรู้ว่าเรามาที่เคปทาวน์แล้ว? จะปล่อยข่าวให้เขารู้หน่อยดีไหม?”
เยี่ยเทียนยิ้มเย็น ตอนแรกเขาไม่รู้ว่าซ่งเสี่ยวหลงก็อยู่ที่นี่ด้วย แต่แม่ของเขาบอกมา ถ้าซ่งเสี่ยวหลงลงมือกับเขาก่อน เยี่ยเทียนก็ไม่ลังเลที่จะบีบแมลงวันที่มารบกวนเขาให้ตายคามือ เจ้านั่นใช้วิธีลอบกัดเขามาหลายครั้งแล้ว
เขายื่นมือออกไปหยิบเหรียญต้าฉีทงเป่ากับเหรียญทองแดงอีกสองเหรียญ เยี่ยเทียนโยนมันขึ้นบนอากาศ รอจนเหรียญทั้งสามตกลงเรียบร้อยแล้วดูคำทำนายแล้วเขาก็ต้องตะลึง
ถึงจะบอกว่าทำนายชะตาตัวเองไม่ได้ แต่ด้วยวิชาของเยี่ยเทียนพอจะเดาได้ถึงลิขิตสวรรค์ ส่วนชะตาของตัวเองยังพอจะดูได้สักครึ่งหนึ่ง
คำทำนายที่แบอยู่ตรงหน้าเขานี้ช่างผิดแผกแปลกประหลาดมาก ตอนแรกจะพบกับภัยอันตราย แล้วเปลี่ยนเป็นปลอดภัย หลังจากนั้นเกิดความพลิกผันครั้งใหญ่ซึ่งเป็นภัยมหันต์แก่เยี่ยเทียน ส่วนผลลัพธ์ตอนสุดท้ายกลับไม่ปรากฎ
“กองทัพทั้งกองทัพยังทำอะไรเราไม่ได้ ยังจะมาเจอเหตุร้ายแรงอะไรในเมืองเคปทาวน์เล็กๆนี้อีก?”
คำโบราณว่าไว้คนเก่งมักใจกล้า คำทำนายเกี่ยวกับอันตรายของเขานั้นเยี่ยเทียนเห็นแล้วยิ้มออกมาไม่หวาดหวั่น ด้วยการฝึกวิชาของเขาตอนนี้ ต่อให้มีคนคิดร้ายต่อเขาในรัศมีหลายร้อยเมตร เขาจะรู้สึกได้ทันที
อีกอย่างเคปทาวน์ไม่เหมือนกับไซบีเรียที่มีพื้นที่กว้างขวางแต่คนน้อย ที่นี่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่คึกครื้นมีชีวิตชีวา ตรอกซอกซอยเล็กๆมีอยู่ทั่วไป แค่เลี้ยวหลบมุมเข้าไปในตรอกใดตรอกหนึ่งก็หนีจากการติดตามได้แล้ว เยี่ยเทียนไม่กลัวเหตุการณ์ถูกล้อมดังเช่นตอนอยู่ที่ไซบีเรีย
“ที่นี่พลังธรรมชาติน้อยเกินไปหน่อย…”
เมื่อครู่ตอนเยี่ยเทียนนั่งสมาธิไม่ได้บังเกิดผลมากมายแต่อย่างใด เขาพลิกข้อมือขึ้นในมือมีหินวิเศษธาตุไฟขนาดเท่าหัวแม่มือ เขาคิดเล็กน้อย ยิ้มเศร้าแล้วเก็บมันไว้
แม้จะด้วยความบังเอิญ เยี่ยเทียนได้หินวิเศษธาตุน้ำ ไฟ ดิน และไม้มาแล้ว แต่หินธาตุไม้นั้นมีเพียงก้อนเดียว อิทธิฤทธิ์ของมันยังถูกเยี่ยเทียนดูดกลืนไปใช้ฝึกวิชาเพื่อเข้าถึงระดับเซียนเทียนไปเสียมาก
ส่วนหินธาตุอื่นๆที่เหลืออีกสามธาตุ เยี่ยเทียนก็มีเหลือไม่มาก เมื่อรวมกันแล้วแค่สิบก้อนเท่านั้น ตอนนี้พวกศิษย์พี่ใหญ่ยังไม่มีใครบรรลุถึงระดับเซียนเทียนเลยสักคน ถ้าเยี่ยเทียนใช้หินพวกนี้ฝึกวิชาจนหมด จะไม่เป็นการเสียของหรือ
“ใช่แล้ว ได้ยินว่าทางแอฟริกาใต้เป็นแหล่งผลิตทองคำ จะเป็นไปได้ไหมที่จะไปหาหินวิเศษธาตุทองมา?”
มองหินที่มีประกายทองวับแววแล้วเกิดความคิดบางอย่างขึ้น ผ่านเหตุกาณ์ในไซบีเรียมาแล้วเขาเกือบจะแน่ใจได้ว่าสถานที่ๆเป็นบ่อทองไม่แน่ว่าจะมีหินวิเศษอยู่ แต่ถ้าเป็นรอบๆบริเวณที่มีสายแร่ทองคำจะต้องมีทองคำอยู่แน่นอน
เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าโอกาสมีมากน้อยแค่ไหน แต่แอฟริกาใต้ขึ้นชื่อเรื่องเหมืองทองอยู่แล้ว ถ้าโชคดีก็อาจจะหาพบก็เป็นได้
คิดได้ดังนี้แล้ว เยี่ยเทียนกระตือรือร้นขึ้นมา สำหรับตัวเขาในตอนนี้ความมั่งคั่งไม่มีค่าในสายตา ต่อให้นำเงินร้อยล้านดอลลาร์มากองอยู่ตรงหน้าเขา เขายังไม่เห็นว่าเงินจะสำคัญกว่าหินวิเศษตรงไหน
มองดูเวลา ตอนนี้ห้าทุ่มกว่าแล้ว เยี่ยเทียนหลับตาลงพักผ่อน เขายังต้องอยู่ในเคปทาวน์อีกอย่างน้อยสามวันถึงประมาณหนึ่งสัปดาห์ ไม่ต้องรีบร้อนจากไป
………………
“คุณเฉียว มีเรื่องที่จะรบกวนคุณหน่อย”
เช้าวันรุ่งขึ้น เยี่ยเทียนหานามบัตรของเฉียวเฟิงหลินแล้วโทรติดต่อเขา เขาเป็นผู้จัดการของบริษัทอะไรสักอย่างไม่ใช่หรือ การจะจัดการให้เยี่ยเทียนเข้าชมเหมืองแร่ทองคำสักแห่งคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร?
“คุณจ้าว? มีธุระอะไรหรือครับ?”
เฉียวเฟิงหลินได้ยินเสียงที่ดังมาตามสายแล้วเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ คุณจ้าวคนนี้ดูอายุยังไม่มาก น่าจะเป็นลูกหลานของคนสำคัญระดับประเทศสักคน เฉียวเฟิงหลินมักจะรักษาระยะห่างไม่ดูแลต้อนรับจนมากเกินไปแต่ก็ไม่ทำสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามไม่พอใจเหมือนกัน
เยี่ยเทียนบอกความต้องการของตัวเองตามตรง “คุณเฉียวครับ คืออย่างนี้ ผมสนใจเหมืองทองคำในแอฟริกาใต้มาก อยากจะมาลงทุนที่นี่อยู่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าคุณพอจะแนะนำให้ผมได้ไหม? หรือว่าช่วยจัดการให้ผมไปเยี่ยมชมในเหมืองทองได้ไหม?”
เยี่ยเทียนหาเส้นทางพลังธรรมชาติไม่เป็น แต่จากประสบการณ์การขุดเส้นทางพลังธรรมชาติตอนอยู่ไซบีเรีย ทำให้รู้ว่าเส้นทางพลังมีพลังชั้นหนึ่งที่บดบังไม่ให้เขาใช้พลังจิตเข้าไปตรวจสอบได้ เพียงแค่ให้เขาเข้าใกล้เหมืองทอง ถ้าใช้พลังจิตเข้าไปด้านในไม่ได้ แสดงว่าข้างในมีพลังธรรมชาติอยู่
“ลงทุนเหมืองทอง?”
เฉียวเฟิงหลินนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ถึงจะตอบว่า “คุณจ้าวครับ เหมืองแร่เหมืองทองในแอฟริกาใต้นั้นมีอยู่มากก็จริง แต่ที่นั่นถูกขุดมาเป็นร้อยปีแล้ว แร่ทองที่มีค่าส่วนใหญ่ถูกขุดไปขายเกือบหมดแล้ว พูดตามจริงคืออนาคตในการลงทุนด้านนี้ไม่ค่อยดีนัก”
แอฟริกาใต้ไม่ใช่สมรภูมิการรบที่สำคัญ เฉียวเฟิงหลินเป็นเพียงสายสืบของคนหนึ่งเท่านั้น แต่งานอาชีพที่แท้จริงคือบริษัทที่เขาก่อตั้งขึ้น ซึ่งปกติก็ยุ่งมากอยู่แล้ว
คนอย่างเยี่ยเทียนทุกปีเฉียวเฟิงหลินได้ให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นตระกูลระดับสูงที่มีอำนาจในประเทศ การที่คิดว่าอยากจะไปเยี่ยมชมธุรกิจเหมืองทองในแอฟริกาใต้เป็นเพียงการเอาเงินก้อนใหญ่ไปละลายทิ้ง สุดท้ายก็กลับประเทศไปอยู่ดี
เฉียวเฟิงหลงรู้นิสัยของลูกคนรวยพวกนี้ดี แต่เท่าที่รู้ไม่มีแซ่จ้าวเลย ดังนั้นเขาไม่อยากจะเสียเวลาเสียพลังงานไปกับเยี่ยเทียน จึงพูดบอกปัดไปอย่างชัดเจน
“อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นก็ไม่รบกวนคุณเฉียวแล้ว”
เยี่ยเทียนติดตามหลี่ซั่นหยวนออกท่องยุทธภพตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ ทำการทำนายดวงชะตาให้ผู้คน ถ้าพูดถึงการดูคนแล้วไม่มีใครมองคนได้ถ่องแท้เท่าเยี่ยเทียนอีก คำพูดของเฉียวเฟิงหลินที่เอ่ยมา เยี่ยเทียนเข้าใจความหมายดี
“ไม่ ไม่ ไม่ครับ ไม่ลำบาก คุณจ้าว เอาอย่างนี้ไหมครับ มีทัวร์ท่องเที่ยวแอฟริกาใต้ที่รับดูแลนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติโดยเฉพาะพวกเขาสามารถพาคุณไปเยี่ยมชมเหมืองทองที่เปิดเป็นแห่งแรกในแอฟริกาใต้ ทั้งยังแนะนำถึงประวัติความเป็นมาของเหมืองทอง พวกเขาเชี่ยวชาญมากกว่าผม”
เฉียวเฟิงหลินรีบเสนอความคิดเห็นออกไป แต่เห็นเยี่ยเทียนไม่ตอบรับเขาจึงรีบพูดต่อว่า “ไม่อย่างนั้นคุณติดตามไปท่องเที่ยวเที่ยวชมกับคณะทัวร์ดีไหมครับ แอฟริกาใต้เหตุการณ์ไม่ค่อยสงบนัก แต่ถ้าไปกับคณะทัวร์นั้นปลอดภัยได้หายห่วง”
การทำงานต้อนรับแขกแบบนี้ทำให้เฉียวเฟิงหลินเปลี่ยนบุคลิกสีหน้าได้อย่างรวดเร็ว เขารู้ว่าเมื่อครู่เขาพูดตรงเกินไป จึงคิดอยากจะชดเชยให้ เขารู้ว่าลูกคนรวยในประเทศจีนที่ชอบเที่ยวเล่นมักจะประกอบกิจการงานไม่ค่อยสำเร็จ ส่วนใหญ่จะล้มเหลวมากกว่า
“คณะทัวร์ท่องเที่ยว? ก็ได้ รบกวนคุณหน่อยก็แล้วกัน”
เยี่ยเทียนลูบจมูกพลางยิ้มแหย ดูท่าคุณเฉียวจะเห็นเขาเป็นคนไม่เอาถ่านที่มาเที่ยวกินเที่ยวเล่นไปวันๆ ถึงจัดการให้เขาไปกับคณะทัวร์ท่องเที่ยว
แต่เยี่ยเทียนไม่ปฏิเสธ เพราะตัวเขาหวังแค่จะไปแสวงโชคเท่านั้น รู้อยู่ว่าความหวังในการหาเส้นทางพลังธรรมชาติพบนั้นช่างริบหรี่ เขาจึงไม่ตำหนิการจัดการของเฉียวเฟิงหลินแต่อย่างใด
“พูดอะไรอย่างนั้น คุณจ้าวเกรงใจเกินไปแล้ว เดี๋ยวคุณเอาพาสพอร์ตยื่นให้หน้าเคาน์เตอร์ที่โรงแรมได้เลย ที่เหลือผมจะดำเนินการให้”
เฉียวเฟิงหลงยิ้มออกมา คนหนุ่มคนนี้ช่างรู้กาลเทศะดีเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นเฉียวเฟิงหลินจะต้องขับรถพาเขาไปด้วยตัวเอง แต่พอได้ยินว่าจะไปเหมืองทองคำ ธุรกิจด้านนี้ไม่ได้ดีนัก ตัวเฉียวเฟิงหลินเองก็ไม่อยากไปที่แบบนั้น
เหตุกาณ์ในรัสเซียทำให้โลกทั้งใบสั่นสะเทือน ซ่งเฮ่าเทียนจัดการช่วยเหลือเยี่ยเทียนอย่างระมัดระวังที่สุด คนที่รู้ความจริงและชื่อจริงของเยี่ยเทียน ถ้านับฝูเจิ้งหมิงด้วยทั้งหมดมีแค่สามคน
ด้วยสถานะคนนอกอย่างเฉียวเฟิงหลินไม่มีสิทธิ์จะได้ล่วงรู้ใจความสำคัญของเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงกระตือรือร้นจะบริการเยี่ยเทียนมากกว่านี้ เขาเพียงแค่ส่งเยี่ยเทียนไว้ที่โรงแรมเฉยๆ
เฉียวเฟิงหลินเป็นคนทำงานให้บรรลุเป้าหมาย อีกยี่สิบนาทีต่อมา มีพนักงานโรงแรมคนหนึ่งมาเคาะประตูห้องพักของเยี่ยเทียนเพื่อขอจดข้อมูลส่วนตัวในพาสปอร์ต แล้วออกไป เขาบอกว่าจะไปทำเรื่องการติดต่อทัวร์ท่องเที่ยวให้เยี่ยเทียน
เมื่อพนักงานคนนั้นเดินลงมาถึงล็อบบี้โรงแรมก็ถูกธนบัตรดอลลาร์ปึกหนึ่งฟาดหัวเพื่อให้บอกร่องรอยของเยี่ยเทียน และแผนการที่จะเดินทางไปแอฟริกาใต้ของเขาก็ถูกแพร่งพรายออกไปเรียบร้อย
“ศิษย์พี่เหลย สวรรค์ต้องการให้เราทำลายตระกูลเยี่ย!”
ตอนที่เมเดียน่าหรือเจียงซานอยู่ที่ห้องของเหลยหู่ในโรงแรม เหมียวจื่อหลงสีหน้าตื่นเต้น ถ้าเยี่ยเทียนหลบอยู่แต่ในโรงแรมไม่ออกไปไหนละก็ เขาก็ไม่มีทางทำอะไรได้ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเยี่ยเทียนกำลังจะเดินทางท่องเที่ยวไปกับคณะทัวร์ ไม่เป็นการรนหาที่ตายหรอกหรือ?
“ศิษย์น้องเหมียว เยี่ยเทียนเป็นคนฉลาดล้ำลึก แกจะต้องดูให้แน่ใจก่อนถึงจะลงมือ!”
เมื่อครั้งเยี่ยเทียนประลองกับหัวหน้าใหญ่ในสมาคมหงเหมิน เยี่ยเทียนได้ปล่อยพลังจิตสังหารรุนแรงออกมา เหลยหู่เห็นแล้วยังใจสั่น พลังระดับนี้ไม่ได้ได้จากการฝึกหมัดมวยธรรมดา จำนวนคนที่ตายด้วยมือของเยี่ยเทียนมีไม่น้อย ดังนั้นคนแบบนี้เป็นคนที่รับมือด้วยยากที่สุด
“ศิษย์พี่เหลย วางใจเถอะ นอกจากกลุ่มทหารหกกองแอฟริกาใต้ ฉันยังได้เชิญทหารมาจากคองโกอีกกลุ่มหนึ่ง คราวนี้เยี่ยเทียนไม่มีทางรอดแน่!”
ฟังเหลยหู่พูดจบ เหมียวจื่อหลงยิ้มอย่างบ้าดีเดือด ครั้งนี้ซ่งเสี่ยวหลงต้องจ่ายให้เขามากถึงหกสิบล้านดอลลาร์เพื่อเป็นเงินสนับสนุน
เมื่อมีแหล่งเงินทุนที่มากพอ เหลยหู่นอกจากจะติดต่อกับกลุ่มทหารในแต่ละประเทศทางแอฟริกาใต้ให้มารวมตัวแล้วยังจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเรียกให้แม่ทัพแห่งคองโกคนหนึ่งซึ่งกำลังทำสงครามอยู่กลับมาพร้อมกับกองกำลังติดอาวุธกลุ่มหนึ่ง แน่นอนว่าต้องใช้ตำแหน่งทางการทหารเพื่อเข้าสู่แอฟริกาใต้
จู่ๆนึกถึงเด็กสาวเมื่อวาน เหมียวจื่อหลงมองเหลยหู่แล้วเอ่ยว่า “ใช่แล้ว ศิษย์พี่เหลย ถ้าคุณเจียงซานยอมร่วมมือด้วยละก็ แผนการจะสำเร็จได้มากขึ้น”
ตอนที่ 789 ปากไม่ตรงกับใจ
“ทางเจียงซานเธอไม่มีปัญหาหรอก ฉันให้คนไปเชิญเธอมาแล้ว”
เหลยหู่พยักหน้า ถ้าไม่มีไพ่เด็ดในมืออย่างเจียงซาน เขาอาจจะไม่ถึงกับเรียกทหารรับจ้างให้มาในครั้งนี้ แม้ว่าเหลยหู่จะเกลียดเยี่ยเทียนเข้ากระดูก แต่เขายังเห็นชีวิตของตัวเองมาก่อนอื่นใด
“ลุงเหลย เช้าขนาดนี้มาเคาะเรียกหนูมาทำไมคะ?”
ประตูห้องของเด็กสาวถูกเคาะเรียก เธอเดินสะลึมสะลือมาเปิดให้ ทั้งการอ่านใจคนหรือการมองเห็นอนาคตในฝันทำให้เธอสูญเสียพลังไปมาก ต้องการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
เพราะเหลยหู่ได้ดูแลเธอและแม่เลี้ยงอย่างดีตอนที่อยู่ออสเตรเลีย เจียงซานคงจะชักสีหน้าใส่อย่างไม่พอใจไม่ได้ แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่าทางของเด็กสาวยังดูขัดใจอยู่ไม่น้อย
เหลยหู่รู้ว่าเด็กสาวตรงหน้าอ่านใจคนอื่นได้ ต่อหน้าเธอไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำ เขาจึงพูดตามตรงว่า “เจียงซาน คนเลวที่บีบบังคับให้ลุงอยู่อย่างไร้หนทางคนนั้นตอนนี้เขาอยู่ในเคปทาวน์ ลุงอยากจะยืมแรงหนูจัดการเขาเสีย!”
เหลยหู่ตอนพักอยู่ที่ออสเตรเลีย เขามักจะอารมณ์เศร้าหมองไม่เบิกบาน หลังจากรู้จักหนูเจียงซานคนนี้ เขาได้พูดว่าร้ายเยี่ยเทียนว่าเขาเป็นคนเลวให้เธอฟังอยู่เป็นประจำ
“ลุงเหลยคะ เมื่อคืนหนูฝัน ฝันร้ายมาก!”
เจียงซานขยี้ตาอย่างง่วงงุน พูดต่อว่า “มีแต่เลือดเต็มไปหมด คนตายเยอะแยะเลย ลุงเหลย คนๆนั้นน่ากลัวมาก ลุงอย่าไปหาเรื่องเขาดีกว่านะคะ….”
เมื่อก่อนที่เจียงซานฝันร้าย วันรุ่งขึ้นในตำบลหมู่บ้านของเธอจะมีคนตาย ตอนเด็กๆเธอยังไม่เข้าใจ จึงเล่าเรื่องความฝันออกไป คนในตำบลต่างมองว่าเธอเป็นตัวซวย เมื่อโตขึ้นหน่อยแล้ว เจียงซานก็ไม่พูดให้ใครฟังอีก
ตามอายุที่เติบโตขึ้น ความฝันของเจียงซานเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ความฝันเมื่อคืนน่าสยดสยองมาก เป็นครั้งแรกที่เธอฝันแบบนี้ ในฝันนั้นมีเลือดไหลนองไปทั่วทั้งท้องฟ้าและผืนดิน คนตายไม่ได้มีแค่คนเดียว
“ฝันร้าย?”
เหลยหู่อึ้งไป “เจียงซาน เมื่อวานหนูเหนื่อยเกินไปต่างหาก ความฝันมันจะกลายเป็นความจริงไปได้อย่างไร?”
ในต่างประเทศก็ยังมีลัทธิที่งมงายหลงเหลืออยู่ เพียงแค่มองว่าเหตุการณ์ผิดธรรมชาติเป็นการกระทำของผีสางเทวดา ตอนเด็กๆเจียงซานคิดแบบนี้ จนเกือบทำให้เธอและแม่เลี้ยงถูกไล่ออกจากตำบล
เจียงซานจึงไม่ค่อยเล่าเรื่องความฝันของเธอให้ใครฟังว่าเป็นอนาคตที่กำลังจะเกิด เหลยหู่ก็ไม่รู้เช่นเดียวกันว่าเธอยังมีความสามารถแบบนี้อีกอย่าง และเห็นว่าความฝันของเธอไม่สำคัญ
เจียงซานส่ายหัว “ลุงเหลย ความฝันของหนูแม่นยำมาก ลุงอย่าไปหาเรื่องคนๆนั้นเด็ดขาด เขาจะฆ่าพวกของลุงตายหมด!”
เจียงซานสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็ก ถูกหญิงชาวยิปซีรับเลี้ยง ตลอดชีวิตที่เธอโตมามักถูกคนดูถูกดูแคลน ดังนั้นในความคิดของเธอความดีความชั่วนั้นแยกกันอย่างชัดเจน เหลยหู่เคยทำดีกับเธอมาก่อน เด็กสาวจึงเตือนด้วยความหวังดี
“หนูเจียงซาน คนๆนั้นเป็นคนเลว ทำเรื่องไม่ดีมามากมาย ครั้งนี้เขามาถึงเคปทาวน์ เป็นโอกาสที่ดีของเรา ฉันกับลุงเหลยก็เลยอยากให้เธอช่วย!”
เมื่อวานได้รู้ฤทธิ์วิชาอ่านใจของเด็กสาวแล้ว เหมียวจื่อหลงจึงเอ่ยปากด้วยความระมัดระวัง แต่เขาเหมือนกับเหลยหู่ที่ไม่เชื่อเรื่องความฝันของเธอ ตามทฤษฎีการทำนายฝัน เห็นการนองเลือดและคนตายกลับเป็นเรื่องดี เพราะความฝันมักจะตรงข้ามกับความเป็นจริงเสมอ
“ไม่ได้ค่ะ หนู….หนูกลัวเขาคนนั้น!”
สีหน้าของเจียงซานปรากฏแววหวาดหวั่น ในฝันเมื่อคืน แม้เธอจะไม่เห็นหน้าคนๆนั้นชัดๆ แต่รู้สึกว่าพลังจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวของเขากับร่างคนตายเกลื่อนเต็มพื้น ทำให้เธอตกใจจนนอนหลับไม่เป็นสุข และทำให้เธอจามไม่หยุดอยู่ตอนนี้
“เมเดียน่า เพียงแต่เธอช่วยควบคุมร่างกายเขาไว้ไม่กี่วินาทีเท่านั้นก็พอ”
เหลยหู่พยายามปั้นหน้ายิ้มเรียกชื่อเล่นของเธออย่างพะเน้าพะนอ “เรื่องแค่นี้สำหรับเธอไม่ได้หนักหนาอะไรเลยใช่ไหม? เพียงแค่ให้เขาขยับตัวไม่ได้ไปครู่เดียวเอง บ้านสวนของลุงเหลยที่ตำบลนั้นลุงยกให้เธอเลย!”
ระหว่างที่พูดเหลยหู่รู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ เขาอายุสี่สิบกว่าแล้ว ไม่คิดว่าจะต้องมาตะล่อมหลอกเด็กสาวแบบนี้ ถ้าใครรู้เข้า ถึงจะฆ่าเยี่ยเทียนได้สำเร็จ แต่เขาคงขายหน้าจนไม่กล้าอยู่ในยุทธภพต่อ
“ลุงเหลยคะ ได้โปรดเรียกหนูว่าเจียงซาน หนูมีชื่อภาษาจีน”
เด็กสาวไม่พอใจที่เหลยหู่เรียกชื่อเล่นของเธอ แต่แล้วก็หลงกลคำพูดประโยคหลังของเหลยหู่ เธอเบิ่งตาโตถามว่า “ลุงว่าจะยกบ้านหลังนั้นให้หนูใช่ไหมคะ?”
บ้านเก่าของพ่อแม่เธอเป็นบ้านเช่าอยู่ พอพ่อแม่ตายไปบ้านก็ถูกริบคืน สิบกว่าปีมานี้เธอกับแม่เลี้ยงอาศัยอยู่ในห้องเช่าขนาดสิบกว่าตารางเมตรเท่านั้น บ้านสวนของเหลยหู่มีพื้นที่ใหญ่เท่ากับสนามฟุตบอลหลายสนามรวมกัน ช่างเป็นข้อเสนอที่เย้ายวนใจ
“ใช่แล้ว เพียงแค่หนูรับปากลุงช่วยบังคับเขาให้ขยับตัวไม่ได้ไปครู่หนึ่ง ไม่เพียงแค่บ้านนะ ยังมีเงินสดที่ลุงจะมอบให้เธออีกสิบล้านดอลลาร์ด้วย!”
เหลยหู่พยักหน้าอย่างแข็งขัน พ่อลูกตระกูลเหลยอยู่ในสมาคมหงเหมินมาหลายปี สะสมทรัพย์สินเอาไว้ทั้งชีวิต เพื่อต้องการสะสางการถูกลบหลู่ อย่าว่าแต่สิบล้านหยวนเลย ต่อให้เขายกสมบัติครึ่งหนึ่งให้เขาก็ยินยอม
“หนูขอคิดดูก่อน!”
เด็กสาวอยากจะเน้นย้ำเรื่องความฝันที่จะเป็นจริงของเธออีกครั้ง แต่พอได้ยินข้อเสนอของเหลยหู่แล้ว เธอนิ่งเงียบลง ลำพังแค่เงินสิบล้านดอลลาร์นั้นก็เพียงพอให้เธอกับแม่เลี้ยงออกไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆได้อย่างสบายแล้ว
แต่พอคิดถึงความฝันเมื่อคืน เด็กสาวลังเลอยู่ไม่น้อย หลังจากเธออายุเต็มสิบขวบ เรื่องราวในความฝันมักจะเกิดขึ้นจริงอยู่เสมอ ถึงเธอจะมีความสามารถด้านการทำนาย กลับไม่มีทางแก้ไขเรื่องที่จะเกิดขึ้นได้
ศาสตร์การทำนายเป็นศาสตร์ที่ลึกลับซับซ้อน เด็กสาวมีความสามารถพิเศษมาแต่กำเนิด แต่การทำนายของเผ่ายิปซีถ้าเทียบกับการทำนายของจีนแล้วตื้นกว่ามาก เด็กสาวไม่อาจทำนายอนาคตของตัวเองได้ เธอจึงยังตัดสินใจไม่ได้เสียที
เห็นดวงหน้าสับสนของเด็กสาวแล้วเหลยหู่โน้มน้าวต่อ “ยี่สิบล้านดอลลลาร์ เมเดียน่า ขอแค่หนูช่วยลุง ลุงเพิ่มบ้านอีกหลังที่ฮาวายให้ หลังจากนี้หนูจะได้มองเห็นทะเลทุกวัน!”
“ยี่สิบล้านดอลลาร์ จริงหรือคะ?”
เด็กสาวตกใจจนอ้าปากค้าง บนโลกนี้ไม่ใช่ว่าใครจะมีเงินยี่สิบล้านดอลลาร์ได้โดยไม่ต้องทำอะไรเลย เผ่ายิปซีไม่มีงานการเป็นหลักแหล่ง ลำพังแค่ทำนายชะตาเพียงพอแค่หาเลี้ยงชีพไปวันๆเท่านั้น
ต่างประเทศไม่เหมือนกับประเทศจีน ที่ผู้คนต่างนับถือพระเยซู เวลามีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจอะไรก็มักไปเข้าโบสถ์หาบาทหลวง อาชีพทำนายดวงชะตายิ่งอยู่ยากขึ้นทุกที ดังนั้นเธอกับแม่เลี้ยงจึงอยู่อย่างอัตคัตมาตลอด
“จริงอยู่แล้ว ถ้าหนูไม่เชื่อละก็ ลุงจะเขียนเช็คเงินสดให้หนูก่อน รอจนงานสำเร็จแล้วค่อยทำเรื่องโอนบ้านสวนให้หนู!” เหลยหู่พยักหน้าอย่างหนักแน่น เงินไม่กี่สิบล้านกับบ้านหลังหนึ่ง ในสายตาเขาไม่ได้สำคัญเลย มันคุ้มค่ากับข้อแลกเปลี่ยนให้เด็กสาวยอมลงมือ
“ได้ค่ะ หนูรับปาก!”
ถ้าให้เลือกระหว่างความกลัวกับเรื่องเงินทอง เด็กสาวเลือกอย่างหลัง ในมุมมองของชาวยิปซี สิ่งที่จะได้มาต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอ แน่นอนว่าชนเผ่ายิปซีไม่ได้มีพรสวรรค์ด้านการค้าเหมือนคนเชื้อชาติยิว ถึงจะเป็นชนชาติที่สิ้นชาติเหมือนกันแต่คนยิวยังถือว่ามีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าชนเผ่ายิปซีมาก
“แต่จะให้หนูควบคุมเขา จะต้องเข้าไปในรัศมีห้าเมตรนะคะ พวกคุณต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย”
เด็กสาวหยุดคิดเล็กน้อยแล้วขอเพิ่มข้อเสนอ ตอนที่เธออายุเจ็ดขวบเธอถึงรู้ว่าเธอสามารถควบคุมร่างกายคนอื่นได้ ตอนนั้นมีเด็กในตำบลรังแกเธอ เจียงซานตัวน้อยถูกกลุ่มเด็กผลักจนล้มลงกับพื้น ด้วยความไม่ตั้งใจเธอใช้จิตบังคับให้เด็กคนพวกนั้นขยับตัวไม่ได้
ครั้งนั้นครั้งเดียว เด็กผู้ชายที่แกล้งเธออยู่บ่อยครั้งถูกเด็กหญิงต่อยจนจมูกหัก หลังจากนั้นเป็นต้นมา เด็กในตำบลก็ไม่มีใครกล้ารังแกเธอีกเลย
เมื่อเจียงซานโตขึ้น เธอพบว่าความสามารถที่ควบคุมร่างกายของคนอื่นได้หลายวินาที แต่กับคนที่ร่างกายกำยำล่ำสันระยะเวลายิ่งสั้นลง แต่ต่อให้เป็นคนที่แข็งแรงมากแค่ไหน ภายใต้การควบคุมของเจียงซานร่างกายของเขาขยับเขยื่อนไปไหนไม่ได้
“ศิษย์น้องเหมียว แกต้องให้การรับรองว่าคนของแกจะไม่ทำร้ายเจียงซาน!”
ฟังคำร้องขอของเจียงซานจบเหลยหู่หันมาทางเหมียวจื่อหลง เขารู้ว่าอาวุธหนักนั้นใช้กับเยี่ยเทียนไม่ค่อยได้ผล ถึงตอนนั้นจะต้องเกิดเหตุการณ์ระดมยิงขึ้นแน่ เด็กสาวตัวน้อยคนนี้ต้องตกอยู่ในอันตราย
“แน่นอนอยู่แล้ว ศิษย์พี่เหลย วางใจได้เลย ผมจะรับรองความปลอดภัยของเจียงซานเอง!”
เหมียวจื่อหลงรับปาก ในใจแอบยิ้มเย็น หลอกใช้ง่ายแบบนี้สิถึงจะคุ้ม เยี่ยเทียนตายแล้ว เด็กสาวจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับเขาแล้ว
แอบคิดอยู่ในใจแล้วเหมียวจื่อหลงตกใจรีบหยุดความคิดนั้นแล้วหันไปมองทางเด็กสาวทันทีด้วยความกลัวว่าจะถูกเธออ่านใจเข้าแล้วรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ไม่รู้ว่าเธอรู้สึกหรือไม่?
ดูท่าทางเด็กหญิงเป็นปกติดี เหมียวจื่อหลงถึงโล่งใจ ดูแล้วเธอไม่ถึงกับอ่านใจคนอื่นตลอดเวลา คิดได้ดังนี้ เขารีบเอ่ยขึ้น “ศิษย์พี่เหลย อยู่เป็นเพื่อนคุณหนูเจียงซานก่อน ผมจะไปเตรียมการ!”
เพราะคำพูดกับความคิดไม่ตรงกัน เขาไม่กล้าคิดอะไรต่อ หากถูกเด็กหญิงจับความคิดได้จะเสียงานเปล่า เขาหาข้ออ้างเพื่อรีบหลบออกมาจากห้องนั้น
รอจนเหมียวจื่อหลงออกไปแล้วเจียงซานเบ้ปาก “ ลุงเหลยคะ คนแซ่เหมียวนั่นไม่ใช่คนดี!”
เหมียวจื่อหลงเดาไม่ผิด การอ่านใจคนทำให้เธอเสียพลังมาก เธออ่านใจคนอื่นตลอดเวลาไม่ได้ แต่ในวิชาการทำนายของชนเผ่ายิปซีนั้น ศึกษาด้านจิตวิทยามนุษย์อย่างลึกซึ้ง จากสายตาของเหมียวจื่อหลงเมื่อครู่ เธอรู้ได้ทันทีว่าเขาปากไม่ตรงกับใจ
ตอนที่ 790 เตรียมทางหนีทีไล่
“เจียงซาน หนูไม่ต้องกังวล ศิษย์น้องเหมียวถึงจะเป็นคนเจ้าเล่ห์ แต่ก็มีลุงอยู่ เขาไม่กล้าทำอะไรหนูหรอก”
เหลยหู่ดูออกว่าเด็กสาวกังวลใจ เขายิ้มปลอบ “ถึงตอนนั้นหนูระวังตัวเองมากหน่อย ควบคุมร่างกายเขาได้แล้วก็รีบถอยออกมาให้ห่าง ลุงกลัวว่าเขาจะทำร้ายหนู”
หลังจากงานประชุมสมาคมหงเหมิน จนวันนี้เหลยหู่ยังหลงเหลือปมด้อยในใจไว้อย่างหนึ่งคือความแข็งแกร่งของเยี่ยเทียนทำให้เขารู้สึกถึงความเป็นปฏิปักษ์รุนแรง เขาเกลียดเยี่ยเทียนเข้าไส้แต่ยังหาวิธีเอาคืนไม่ได้
แม้ว่าเจียงซานจะมีความสามารถเหนือมนุษย์ แต่เธออายุยังน้อย ถ้าเกิดถูกเยี่ยเทียนตอบโต้กลับมา จะเอาชีวิตเธอนั้นง่ายอย่างกับพลิกฝ่ามือ เหลยหู่ไม่ได้เป็นคนดี แต่กับเด็กสาวคนนี้เขาไม่เคยประสงค์ร้ายต่อเธอเลย
“รู้แล้วค่ะ”
เจียงซานพยักหน้า เหลือบมองเหลยหู่ครั้งหนึ่งแล้วถอนใจออกมา “ลุงเหลย พวกคุณสู้เขาไม่ได้หรอกค่ะ ความหวังเลือนลางมาก โอกาสสำเร็จยังมีไม่ถึงหนึ่งส่วนเลย หนูหวังว่าลุงจะไม่เอาชีวิตไปเสี่ยง”
เงาในความฝันของเธอทิ้งร่องรอยเอาไว้อย่างลึกซึ้งในจิตใจของเจียงซาน คนๆนั้นเป็นเหมือนภูเขาสูงเสียดฟ้าที่พวกเขาไม่มีทางเอื้อมมือไปถึง ถ้าไม่ใช่เพราะเหลยหู่มอบข้อเสนอที่เธอปฏิเสธไม่ได้แล้วละก็ เจียงซานจะไม่มีทางรับปากร่วมงานนี้ด้วยเด็ดขาด
“หนูวางใจเถอะ ลุงจะไม่ไปที่นั่นหรอก หนูน่ะสิต้องระวังตัวให้มาก!”
เหลยหู่เคยถูกเยี่ยเทียนข่มขวัญจนกลัวหัวหด ต่อให้รู้ว่าเยี่ยเทียตายแล้ว เขาก็จะไม่ไปปรากฏตัวที่นั่นเป็นอันขาด ยิ่งเป็นผู้มีฝีมือสูงเท่าไหร่ เวลาจะตายยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น เขาไม่อยากตายไปพร้อมกับเยี่ยเทียน
…………-
“เข้ามา!” เยี่ยเทียนที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ได้ยินเสียงออดหน้าห้องก็ลุกขึ้นมาจากเตียง จากดวงจิตของเขา เขา “มองเห็น” ว่าด้านนอกเป็นพนักงานโรงแรมวัยกลางคนคนหนึ่ง
“คุณผู้ชายครับ คุณได้ติดต่อทัวร์ไว้จะไปเที่ยวในแอฟริกาใต้สามวันใช่ไหมครับ?” พนักงานฝรั่งผิวขาววัยสามสิบกว่าเดินเข้ามาในมือมีเอกสารปึกหนาปึกหนึ่งติดมือมาด้วย
“ใช่แล้ว ผมอยากจะออกเดินทางพรุ่งนี้เลย คุณคือ?” เยี่ยเทียนค้อมหัวลงเล็กน้อย ในประเทศของคนดำน้อยนักจะพบกับคนผิวขาว ต้องเป็นระดับผู้จัดการแน่นอน
“ผมชื่อฮอร์ตันครับ เป็นผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมนี้”
ผู้มาถึงเอ่ยแนะนำตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วเดินมาตรงหน้าเยี่ยเทียน วางเอกสารลงบนโต๊ะ บอกว่า “ในนี้มีแผนการท่องเที่ยวหลายเส้นทาง เชิญคุณเลือกได้เลยครับ แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายนั้นไม่ต้องห่วง มีคนดูแลให้แล้วครับ”
“ผมขอดูก่อน” เยี่ยเทียนพยักหน้า หยิบกระดาษปึกนั้นขึ้นมาพลิกดู ครู่ต่อมาคิ้วของเขาก็ขมวดเป็นสามเส้น
เห็นท่าทางเยี่ยเทียนไม่ค่อยพอใจ ฮอร์ตันรีบถามว่า “คุณผู้ชาย คุณมีคำถามอะไรหรือไม่ครับ?”
เยี่ยเทียนวางปึกกระดาษลงบนโต๊ะ ใช้นิ้วกลางเคาะเบาๆ แล้วตอบว่า “ผมไม่ได้อยากไปดูวิวของเคปทาวน์กับแอฟริกาใต้ แต่อยากไปดูประวัติศาสตร์ของการสร้างเหมืองทองอันยาวนาน ซึ่งจะทำให้ผมเข้าใจในแอฟริกาใต้ได้ดียิ่งขึ้น คุณว่าจริงไหม?”
เอกสารที่ผู้จัดการโรงแรมนำมาให้นั้นมีเพียงการทัวร์ชมเหมืองทองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนมากจะเป็นการท่องเที่ยวรอบๆสถานที่ท่องเที่ยวของเคปทาวน์ เยี่ยเทียนไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ เขาเพียงแต่อยากดูเหมืองทองที่มีการขุดแร่ทองว่าจะมีสายพลังธรรมชาติอยู่ไหม?
“ความต้องการของคุณทางเราจะจัดการให้ได้ครับ”
ฮอร์ตันยิ้มเล็กน้อย เอ่ยต่อว่า “ด้านล่างสุดเป็นการท่องเที่ยวเกี่ยวกับเหมืองทอง เพียงแต่ว่าระยะทางค่อนข้างไกล ไปกลับต้องใช้เวลาถึงสี่วัน แน่นอนว่าเส้นทางนี้คุณจะได้เข้าเยี่ยมชมเหมืองทองที่เปิดทำการอยู่ นี่เป็นเส้นทางที่เกี่ยวกับทองคำทั้งหมด”
“ทำไมถึงวางไว้ล่างสุด?” เยี่ยเทียนพลิกหาเอกสารฉบับนั้นที่ซ่อนอยู่ใต้สุดออกมา
ฮอร์ตันยิ้มแห้งตอบว่า “คุณผู้ชายครับ เหมืองทองพวกนั้นดูช่วงแรกๆก็น่าสนใจดี แต่ดูมากเข้าจะเบื่อเอานะครับ เส้นทางนี้เตรียมไว้ให้กับนักสำรวจทางธรณีวิทยาโดยเฉพาะครับ คนทั่วไปส่วนใหญ่ไม่ค่อยเลือกเส้นทางนี้หรอกครับ”
แอฟริกาใต้เป็นแหล่งผลิตทองคำและเพชรแหล่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงในโลก แต่วิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามเหมือนสวรรค์บนดินได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมชม อย่างที่เมืองเคปทาวน์นี่ก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่คนนิยมมาพักร้อน
“พันกว่ากิโลเมตร ระยะทางไม่ใกล้เลยนี่!”
มองดูตัวเลขระยะทางแล้วเยี่ยเทียนขมวดคิ้ว ดินแดนแอฟริกาใต้กว้างใหญ่ไพศาล ระยะทางพันกว่ากิโลเมตรแบบนี้ต้องขับรถถึงยี่สิบกว่าชั่วโมงทีเดียว มันจะไม่ไกลเกินไปหน่อยหรือ”
เห็นเยี่ยเทียนขมวดคิ้วแบบนี้ฮอร์ตันถึงกับใจสั่น รีบอธิบายต่อว่า “คุณผู้ชายครับ ระหว่างทางจะได้ชมเหมืองทองหลายแห่ง และปลายทางอยู่ที่เมืองโยฮันน์เนสเบิร์กที่เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในแอฟริกาใต้เชียวนะครับ มีเหมืองทองทั้งหมดหกสิบกว่าแห่ง มีเหมืองที่มีทองมากที่สุด เหมืองที่เปิดเป็นอันดับต้นๆต่างอยู่ที่นั่นเสียส่วนใหญ่”
“เหมืองที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกาใต้อยู่ที่นั่น? ถ้างั้นคงต้องไปดูเสียแล้ว”
เยี่ยเทียนเงยหน้ามองฮอร์ตันแล้วถามว่า “คุณฮอร์ตัน คุณหัวใจเต้นเร็วขึ้นมากเลยนะครับ?”
เยี่ยเทียนกำลังคิดคำนวณเวลาและระยะทางการเดินทางอยู่นั้นจู่ๆเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้น ถ้ามองฮอร์ตันที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างตั้งใจจะรู้สึกว่าหัวใจของฮอร์ตันเต้นเร็วขึ้นมาก
ฮอร์ตันผู้ถูกทักก็ทำตัวไม่ถูก “เหรอครับ? ผมไม่มีโรคหัวใจผิดปกติเลยนะครับ คุณผู้ชายคิดมากไปแล้ว ถ้าเส้นทางท่องเที่ยวไม่เหมาะสม สามารถเปลี่ยนเป็นอีกทางได้ครับ ทัวร์ชมทิวทัศน์เมืองเคปทาวน์มีหลายอันที่เกี่ยวกับเหมืองทองด้วย”
“เยี่ยเทียนโบกมือ “ไม่ต้องแล้ว เอาเส้นทางนี้แหละ พรุ่งนี้ออกเดินทางเลยได้ไหม?”
แน่นอนครับ แต่เส้นทางนี้ทุรกันดารมาก นอกจากหัวหน้าทัวร์แล้ว ก็มีแค่คนขับรถอีกคนเท่านั้น ส่วนนักท่องเที่ยวมีแค่คุณคนเดียวครับ!”
ฟังเยี่ยเทียนพูดจบฮอร์ตันมีแววดีใจปรากฏขึ้น ก่อนที่เขาจะมาพบกับเยี่ยเทียนได้มีคนมาหาเขาก่อนแล้วบอกว่าขอแค่เขาสามารถโน้มน้าวให้เยี่ยเทียนเลือกทางท่องเที่ยวนี้ได้ เขาจะมอบเงินสิบล้านดอลลาร์ให้เป็นค่าเหนื่อย
การเป็นผู้จัดการโรงแรมระดับห้าดาว เงินเดือนของฮอร์ตันในหนึ่งปีนั้นแค่หนึ่งแสนดอลลาร์เท่านั้น เงินก้อนใหญ่ทำให้เขาทำตาม หลังจากนั้นเขารีบดึงเอาแผนการเที่ยวอื่นกลับจนหมดเหลือเพียงแผนท่องเที่ยวที่เยี่ยเทียนเลือก
“เรื่องนั้นช่วยไม่ได้นี่ ออกเดินทางได้พรุ่งนี้เลยถึงจะดี” เยี่ยเทียนยิ้มให้ฮอร์ตัน “หวังว่าว่าคุณฮอร์ตันจะไม่ทำให้ผมผิดหวังนะครับ!”
“แน่นอนครับ คุณวางใจได้เลย ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
ไม่รู้ว่าทำไม ฮอร์ตันรู้สึกว่าคนหนุ่มคนนี้มีสายตาที่มองแทงทะลุจิตใจคนได้ ทำให้เขาไม่อาจอยู่ในห้องนี้ได้นาน
หลังจากรีบออกจากห้องไปแล้ว ฮอร์ตันถึงจะรู้ว่าเสื้อชุดพนักงานของเขาเปียกเหงื่อจนชุ่ม เขาเชื่อว่าตอนนี้สีหน้าของตัวเองต้องดูแย่มากๆ
“น่าสนใจดี คิดไม่ถึงว่าแกยังไม่เลิกรา อุตส่าห์สอดมือเข้ามาจนได้? เป็นการรนหาที่ตาย หาเรื่องใส่ตัวจริงๆเลย!”
รอจนฮอร์ตันออกไปแล้ว เยี่ยเทียนยิ้มเย็น หันหลังไปมองกระจกหน้าต่าง บ่นเบาๆว่า “แม่ครับ ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ไว้หน้าแม่นะครับ มีคนรนหาที่ตาย ผมควรช่วยให้เขาสมหวังสิ?”
ตั้งแต่ฮอร์ตันเข้ามาในห้อง เยี่ยเทียนสัมผัสได้ถึงอันตรายแผ่ออกมาเป็นระยะ พอได้ผูกดวงทำนายในใจแล้ว เขารู้ว่ากำลังจะประสบเคราะห์ภัยมากมาย ในแอฟริกาใต้นี้ นอกจากซ่งเสี่ยวหลงแล้ว เขาก็ไม่มีศัตรูอื่นอีก เยี่ยเทียนจะเดาไม่ออกได้อย่างไร?
ตอนอยู่ที่ไซบีเรีย เขาได้ซึมซับพลังธรรมชาติธาตุทองไว้เต็มเปี่ยม การฝึกวิชาของเยี่ยเทียนตอนนี้นับว่าได้สัมผัสประตูระดับเซียนเทียนแล้ว ถึงจะไม่เท่าติงหง แต่ถ้าเทียบกับเก๋อข่ายตอนพบกันที่บึงน้ำมังกรดำแล้วฝีมือเขาตอนนี้ไม่ได้ด้อยกว่าเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้หลอมมีดบินกับอู๋เหินเข้าด้วยกันแล้ว ในโลกนี้ก็แทบไม่มีใครทำอันตรายเยี่ยเทียนได้ เพียงแค่ไม่ใช้อาวุธหนักล้างผลาญ อาศัยเพียงศิลปะการต่อสู้ตัวต่อตัวแล้ว เยี่ยเทียนยิ่งเอาชนะได้ไม่ยากเย็น
“ให้ตายเถอะ ไปที่ไหนก็มีแต่พวกปลิงติดหนึบแกะไม่ออก?”
เยี่ยเทียนถอนใจยาว หลายปีที่ผ่านมา ความยุ่งยากและเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเขามีไม่น้อยเลย ถ้าไม่ต้องกังวลถึงพ่อแม่และภรรยาแล้ว เยี่ยเทียนคงจะหลบหนีไปอยู่ที่ดินแดนแห่งทวยเทพเพียงลำพังให้รู้แล้วรู้รอดไป เพราะเขาคิดมาตลอดว่าที่นั่นจะเป็นที่พักพิงแห่งสุดท้ายของเขา
“เหล่าถัง ผมเยี่ยเทียนนะ!” หยุดคิดเล็กน้อยแล้วเยี่ยเทียนหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมาติดต่อโทรออก
“เยี่ยเทียน? เธอ….เธออยู่ที่ไหน?”
เสียงจากปลายสายสั่นเล็กน้อย ถังเหวินหย่วนรู้ความเคลื่อนไหวของเยี่ยเทียน เรื่องที่เกิดขึ้นในรัสเซียเขาก็ได้ยินมา ถ้าไม่ใช่เพราะโก่วซินเจียยืนยันกับเขาว่าเยี่ยเทียนยังปลอดภัยดี ถังเหวินหย่วนคงเชื่อสนิทใจว่าเยี่ยเทียนจากโลกนี้ไปแล้ว
“ผมอยู่ที่แอฟริกาใต้แล้ว เหล่าถัง เรื่องครั้งก่อนไม่ได้โยงไปถึงคุณใช่ไหม?”
เยี่ยเทียนถามอย่างรู้สึกผิด ขาไปรัสเซียเขานั่งเครื่องบินส่วนตัวของถังเหวินหย่วนไป ซึ่งถูกตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว เชื่อว่าหลายเดือนที่ผ่านมานี้ถังเหวินหย่วนคงถูกรบกวนอยู่บ่อยครั้ง
“ไม่เป็นไร พวกเขาทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
ถังเหวินหยวนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ อย่างที่เยี่ยเทียนคิดไว้ บริษัทของเขาที่มอสโควถูกตรวจสอบบ้าง แต่สำหรับ ถังเหวินหย่วนแล้ว ก็แค่ปิดกิจการไปก็จบเรื่องแล้ว
“งั้นก็ดี เหล่าถัง ผมอยากจะขอใช้เครื่องบินส่วนตัวของคุณอีกครั้ง ไม่ทราบว่าคุณสะดวกไหม?”
นอกจากมารดาแล้ว ในหมู่คนที่เยี่ยเทียนรู้จัก มีเพียงถังเหวินหย่วนเท่านั้นที่ขอใช้เครื่องบินส่วนตัวได้อย่างง่ายดาย เยี่ยเทียนมีลางสังหรณ์บางอย่างว่าในช่วงที่เขาอยู่ในแอฟริกาใต้นั้น จะต้องได้พบกับเหตุการณ์นองเลือดอีกครั้ง ควรจะต้องเตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้ด้วย
ฟังคำขอจากเยี่ยเทียนจบ ถังเหวินหย่วนเงียบไปพักใหญ่แล้วตอบว่า “เยี่ยเทียน ตอนนี้เครื่องบินของฉันไม่ค่อยสะดวกให้ใช้ แต่เธอวางใจเถอะ ฉันจะจัดหามาให้เธอลำหนึ่ง รับรองว่าจะไม่ให้เธอเสียเรื่อง”
แม้ว่าในสายตาของทั้งรัสเซียกับทั่วทั้งโลกจะถูกยีนตัวอย่างที่เก็บจากร่างชายชาวจีนโดยกองทัพรัสเซียดึงดูดความสนใจไปจนหมด แต่ถังเหวินหย่วนยังรู้สึกว่าความเคลื่อนไหวของเขาก็ถูกสอดส่องตลอดเวลา
เมื่อรับปากว่าจะจัดหาเครื่องบินส่วนตัวให้เยี่ยเทียนแล้ว เขาก็หนีไม่พ้นจากสายตาพวกที่สอดแนมไปได้ เขาจะถูกมองว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในรัสเซีย
ตอนที่ 791 ข้อควรระวัง
“เหล่าถัง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณ คุณมาก ตอนนี้ผมอยู่ที่เคปทาวน์”
ค่ายกลวิเศษที่เยี่ยเทียนได้วางไว้ในฮ่องกงแทบจะถูกพวกศิษย์พี่ทั้งหลายของเขายึดไปแล้ว แม้แต่ถังเหวินหย่วนเองก็ได้ประโยชน์ไปไม่น้อย ดังนั้นสำหรับถังเหวินหย่วน เยี่ยเทียนจึงไม่ได้รู้สึกเกรงอกเกรงใจเขาแม้แต่น้อย
“เยี่ยเทียน วางใจเถอะ หลังจากนี้สองวันเครื่องบินส่วนตัวจะไปจอดรอที่สนามบินนานาชาติเคปทาวน์ เธออยากจะออกมาจากที่นั่นเมื่อไหร่ก็ได้”
ถังเหวินหย่วน ตบอกตัวเองรับประกัน เขาพักที่คฤหาสถ์ของเยี่ยเทียนกว่าครึ่งปี ตัวเขาเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน กระบนใบหน้าจางหายไปหมด ร่างกายก็คล่องแคล่วกระปรี้กระเปร่ากว่าเดิมมาก ดูภายนอกเหมือนคนอายุเพิ่งห้าสิบกว่าๆ
ถังเหวินหย่วนอายุเกือบแปดรอบแล้ว อยู่มาจนถึงปูนนี้ จึงมองเงินทองเป็นของนอกกาย มีแต่ความเป็นความตายเท่านั้นที่เขาให้ความสำคัญ อย่าว่าแต่ให้เยี่ยเทียนยืมเครื่องบินเลย หากเยี่ยเทียนต้องการทรัพย์สินทั้งหมดของเขา เขาก็คงทำบัญชีแล้วยกให้แต่โดยดี
เยี่ยเทียนรู้เรื่องนี้ดี เขายิ้มแล้วตอบว่า “เหล่าถัง เรื่องนี้อย่าบอกพวกศิษย์พี่ของผมนะ รอจนผมกลับไปแล้วมีเรื่องจะทำให้ประหลาดใจ!”
หลายวันก่อนเยี่ยเทียนผูกดวงทำนาย ถึงคำนายจะไม่ชัดเจน เขากลัวว่าโก่วซินเจียจะรู้ถึงที่ลี้ภัยของตนแล้วจะตามเขามาถึงเคปทาวน์นี่ ถ้าเป็นอย่างนั้นหากเกิดอะไรขึ้น เยี่ยเทียนจะไม่สามารถดูแลพวกเขาได้อย่างทั่วถึง
ถังเหวินหย่วนได้ยินแล้วก็หัวเราะ “ฉันรู้น่า ความจริงอาจารย์โก่วน่ะทำนายออกมาได้แล้วว่าเธอปลอดภัยดี เป็นฉันเองที่ร้อนใจอยู่หลายวัน”
หลังจากเหตุการณ์ในรัสเซียเกิดขึ้นหนึ่งสัปดาห์ ถังเหวินหย่วนเดือดเนื้อร้อนใจจนนั่งไม่ติด โก่วซินเจียผูกดวงทำนายแล้วเห็นว่าเยี่ยเทียนเป็นคนมีวาสนาดี ยังอยู่รอดปลอดภัย ถังเหวินหย่วนถึงได้วางใจ
“อ้อ ฝีมือการผูกดวงทำนายของศิษย์พี่ใหญ่พัฒนาขึ้นอีกแล้ว?” ได้ยินดังนั้นแล้วเยี่ยเทียนรู้สึกละอายใจ
สำนักเสื้อป่านของเขาสืบทอดวิชาผูกกว้าทำนายดวงชะตา แต่เจ้าสำนักอย่างเยี่ยเทียนกลับไม่ตั้งใจทำงานหลัก แม้ว่าการฝึกวิชาของเขาจะก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด ในโลกของระดับเซียนเทียนที่ขาดพลังธรรมชาติจากฟ้าดิน หลายปีมานี้เขาไม่ค่อยทำงานด้านการทำนายมากนัก
แต่ผิดกับโก่วซินเจีย หลังจากได้รับถ่ายทอดวิชาทำนายของอาจารย์จากเยี่ยเทียน ไม่ว่าจะเรื่องค่ายกลหรือเรื่องการผูกกว้าทำนายล้วนใช้เวลาศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจัง เขาไม่มีลางสังหรณ์เตือนภัยอันตรายที่แม่นเท่าเยี่ยเทียน แต่เรื่องการทำนายลิขิตฟ้านั้นพัฒนานำเยี่ยเทียนไปหลายขุม
“ศิษย์พี่โก่วของเธอตอนนี้ดังจะตาย ในหมู่คนมีเงินในเกาะฮ่องกงต่างอยากจะมาหาศิษย์พี่ของเธอเพื่อทำนายดวงชะตาสักครั้ง หลายวันก่อนหลี่เซิงยังมาหาฉัน ให้ฉันเชิญศิษย์พี่โก่วของเธอทำนายชะตาให้เขาอยู่เลย”
ถังเหวินหย่วนให้ความเคารพโก่วซินเจียอย่างจริงใจ ด้วยฐานะของเขาในเกาะฮ่องกงถึงจะด้อยกว่าพวกหลี่เชา เหริน แต่ทุกคนรู้ว่าเขามีสัมพันธ์อันดีกับจั่วเจียจวิ้นและอาจารย์โก่ว ทำให้เขาดูมีภาษีขึ้นมา ไม่ว่าพบใครก็ต้องให้ความเกรงอกเกรงใจ
“ดีสิ กลับไปผมจะต้องไปขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่”
ได้ยินดังนั้นเยี่ยเทียนยิ้มแหย สำนักของเขาดูจะไม่ผ่านเกณฑ์ เขาตามหาพวกศิษย์พี่เจอมาหลายปีแล้ว แต่ยังไม่ได้วางแผนอนาคตของสำนักไว้เลย จนวันนี้เขาได้รับโจวเซี่ยวเทียนเป็นลูกศิษย์ การเผยแพร่ชื่อเสียงของสำนักยังต้องให้ศิษย์พี่ใหญ่เป็นคนออกโรงเอง
หลังจากปรึกษารายละเอียดกับถังเหวินหย่วนแล้วเยี่ยเทียนก็วางสาย รอยยิ้มเย็นเยียบปรากฏขึ้นบนในหน้า
อีกสามวันพาสปอร์ตของเยี่ยเทียนจะได้กลับคืนมา เขาคิดว่าก่อนจะจากที่นี่ไปต้องจัดการเสี้ยนหนามที่คอยทิ่มแทงเขามาหลายปี คนที่ชอบแทงข้างหลังถ้าถูกเอาคืนบ้างคงจะทรมานน่าดู
………………
“คุณคือคุณจ้าวใช่ไหมครับ? ผมชื่อหวาจวิน เป็นไกด์นำทางพาคุณไปท่องเที่ยวแอฟริกาใต้ในครั้งนี้!”
เช้าวันรุ่งขึ้น เยี่ยเทียนได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง เปิดประตูออก ตรงหน้าเป็นชายเชื้อสายจีนอายุประมาณยี่สิบต้นๆ ดูท่าทางไม่ต่างจากเขามาก
“คุณจ้าว? อ๋อ คุณมาหาผม”
เยี่ยเทียนรู้สึกไม่ชินกับชื่อปลอมของตัวเอง เขาหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วพูดต่อว่า “ไม่ใช่ว่าแปดโมงเช้าไปเจอกันที่ล็อบบี้หรือ? ตอนนี้แต่เจ็ดโมงสี่สิบนาทีเอง ยังไม่ถึงเวลานัดเลย?”
หวาจวินยิ้มตอบ “คุณจ้าว ลูกทัวร์ที่จะไปเส้นทางนี้มีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น ผมคิดว่ามีบางเรื่องที่ต้องบอกคุณล่วงหน้าก่อน”
“มีผมคนเดียว? ทริปท่องเที่ยวแอฟริกาใต้ไม่น่าเงียบเหงาขนาดนี้หรอกใช่ไหม?”
เยี่ยเทียนอึ้งไป เขากับอวี๋ชิงหย่าเคยไปร่วมเดินทางกับคณะทัวร์ รู้ว่าในแต่ละการเดินทางจะต้องมีลูกทัวร์อย่างน้อยสิบกว่าคน การที่มีเขาเพียงคนเดียว หัวหน้าทัวร์ไม่ต้องติดตามเขาไปทุกที่เลยเหรอ?
“คุณจ้าวครับ คนที่จะไปเที่ยวแอฟริกาใต้นั้นมีไม่น้อย”
หวาจวินยิ้มแหย “ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของแอฟริกาใต้ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะไปทะเลเพื่อพักร้อนกัน ไม่มีใครอยากไปเที่ยวเหมืองทองกันหรอกครับ…..”
พูดกันตามจริง หวาจวินเองก็สงสัยในตัวเยี่ยเทียนมาก เดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมของแอฟริกาใต้นั้นอากาศร้อนระอุอย่างกับอยู่ในตู้อบ ยิ่งลึกลงไปในเหมืองทองใต้ดินหลายร้อยเมตร อากาศยิ่งอบอ้าว อย่าว่าแต่ลงไปเลย แค่ไปถึงที่นั่นก็ร้อนจนแทบหายใจไม่ออกแล้ว
บางครั้งมีพวกนักธรณีวิทยามาสำรวจ ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐคอยดูแลอำนวยความสะดวกและไปในเหมืองทองแค่ไม่กี่แห่ง เยี่ยเทียนเลือกเส้นทางที่เรียงรายด้วยเหมืองทอง มีเขาคนเดียวที่เลือกแบบนี้ จะหาใครร่วมเดินทางไปกับเขานั้นไม่มี
ตอนแรกหวาจวินไม่อยากรับงานนี้ แต่ตอนที่เขากำลังจะปฏิเสธนั้น มีคนมาหาเขาถึงบ้าน ให้ราคาที่สูงเกินกว่าที่เขาจะปฏิเสธได้ เงินจำนวนนั้นสูงกว่าการที่เขารับทัวร์จำนวนร้อยคนหลายเท่าตัว
“เชิญเข้ามาก่อน มีเรื่องอะไรที่คุณจะบอกให้ผมเตรียมตัว?”
เยี่ยเทียนกวาดตามองหวาจวินแล้วสัมผัสได้ว่าเจ้าหนุ่มคนนี้อายุน้อยกว่าเขาและไม่มีความประสงค์ร้ายใดๆ แต่ผิวคล้ำแดดแสดงว่าเขามักทำงานนำทัวร์ท่องเที่ยวอยู่กลางแจ้งเป็นประจำ
“คืออย่างนี้ครับ คุณจ้าว การเดินทางของพวกเราไปเหมืองทองครั้งนี้ นอกจากเหมืองร้างที่เป็นจุดท่องเที่ยวหลายแห่งในโยฮันน์เนสเบิร์กแล้ว เหมืองทองอื่นๆยังเปิดทำการอยู่ พวกเขามีกฎที่เข้มงวดอยู่มาก ผมหวังว่าคุณจ้าวจะเคารพตามกฎของพวกเขานะครับ อย่าหาเรื่องให้เกิดปัญหาตามมา…”
หวาจวินเป็นเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวคนหนึ่งของจีน แต่เขาเกิดที่แอฟริกาใต้ จึงรู้จักคุ้นเคยกับสังคมและวัฒนธรรมของที่นี่เป็นอย่างดี เขาจึงแนะนำให้เยี่ยเทียนได้เข้าใจ
แอฟริกาใต้เหมือนกับอเมริกาที่การครอบครองปืนนั้นถูกกฎหมาย ทั้งยังไม่ค่อยเข้มงวด ตลาดมืดขายปืนมีอยู่เต็มเมือง ใช้เงินเล็กน้อยเท่าราคากระโปรงตัวหนึ่งก็สามารถซื้อปืนมาครอบครองได้แล้ว ในเขตที่อยู่ของคนดำ จะมีคดียิงกันตายเกิดขึ้นเกือบทุกวัน
ในเหมืองทอง เหมืองเพชรเป็นแหล่งผลิตทองคำและอัญมณีที่มีค่า การดูแลความสงบเรียบร้อยเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เกือบทุกเหมืองจะมีเจ้าหน้าที่ที่ติดอาวุธเดินตรวจตราความเรียบร้อย พวกเขามีสิทธิ์จะยิงใครก็ได้ที่ลุกล้ำเข้าไปในเหมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้นหากคิดอยากจะทำธุรกิจเหมืองทองที่นี่ ถ้าไม่มีเส้นสายก็อย่าหวังเลย
หวาจวินพาเยี่ยเทียนเข้าไปดูในเหมืองเพียงไม่กี่แห่ง แม้จะเป็นเหมืองที่คนเชื้อสายจีนมาลงทุน จึงสามารถเจรจาได้ง่ายหน่อย แต่มีบางเขตที่ยังมีการขุดเพชรอยู่นั้น ยังไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าเด็ดขาด หวาจวินบอกให้เยี่ยเทียนรับทราบถึงข้อนี้
ฟังจบแล้วเยี่ยเทียนก็เงียบไปพักใหญ่ “ถ้าอย่างนั้นผมสามารถลงไปดูในเหมืองที่ขุดอยู่ได้ไหม?”
จากประสบการณ์ในไซบีเรีย เยี่ยเทียนพบว่าไม่ว่าในสายแร่ทองคำจะมีพลังธรรมชาติหรือไม่ ในเขตเหมืองนั้นมีการเปล่งอนุภาคบางอย่างออกมา อนุภาคบางชนิดทำร้ายร่างกายคน บางชนิดก็ไม่มีผลเสีย แต่มันล้วนสกัดกั้นไม่ให้เขาใช้ดวงจิตเข้าไปสอดส่องได้
ต่อให้การฝึกวิชาของเยี่ยเทียนเข้าสู่ขั้นกลางของระดับเซียนเทียนแล้ว แต่ในเหมืองแร่ ดวงจิตของเขาอย่างมากก็ส่งออกไปได้ไกลสุดไม่เกินสามสิบเมตร
กับสายแร่ทองคำในไซบีเรียที่ปรากฏออกมาเหนือพื้นดินนั้นเขาใช้พลังจิตได้เต็มที่ แต่ในแอฟริกาใต้นี้ เหมืองทองแห่งหนึ่งลึกตั้งหลายร้อยเมตร เยี่ยเทียนคิดอยากจะใช้ดวงจิตลงไปสอดส่องดูนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้
“เอ่อ….คือ….”
หวาจวินทำหน้าลำบากใจ แต่คิดถึงคำสั่งของเจ้านายแล้วเอ่ยปากตอบไปว่า “เรื่องนี้ผมต้องคุยกับทางเหมืองอีกที ถ้าพวกเขายินยอม เราก็ลงไปได้”
ความต้องการของเยี่ยเทียนความจริงแล้วที่ผ่านมาพวกนักท่องเที่ยวต่างร้องขอกันอยู่บ่อยๆ พวกเขาไม่รู้ว่าเหมืองทองหน้าตาเป็นอย่างไร จึงอยากรู้อยากเห็น แต่น้อยมากที่ทางเหมืองจะยินยอมให้นักท่องเที่ยวลงไปดูถึงใต้เหมืองที่ขุดทอง
เหมืองที่ร่ำรวยบางแห่ง มักจะขุดพบสายแร่ทองบริสุทธิ์ได้บ่อยครั้ง ยิ่งทำให้ความปลอดภัยในการทำงานมีสูงมากขึ้น คนงานที่ขึ้นมาจากบ่อทองนั้นจะต้องถูกตรวจค้นร่างกายอย่างละเอียดทุกครั้ง
ตามวิทยาการที่ก้าวหน้า ปัญหานี้ถูกทำให้หมดไป ถ้าพวกเขาพกทองคำติดตัวออกไปสักเศษเสี้ยว เครื่องตรวจจับโลหะก็จะตรวจจับได้ทันที
ดังนั้นเหมืองบางแห่งหรือแม้กระทั่งการขุดถ้ำเหมืองเพื่อให้นักท่องเที่ยวลงไปเที่ยวชมนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นถ้ำเหมืองที่ถูกขุดทองไปหมดแล้ว และอีกอย่างพวกเขาไม่ยอมให้พวกนักท่องเที่ยวไปขัดขวางเวลาทำงานของคนงานขุดทอง
สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ในฤดูนี้ ภายในถ้ำเหมืองเป็นดั่งนรกดีๆ กลางวันร้อนจัด กลางคืนหนาวจัด อากาศขมุกขมัว คนธรรมดาถ้าได้ลงไปแล้ว จะไม่อยากไปเป็นครั้งที่สองอีก หวาจวินคิดว่าเยี่ยเทียนคงไม่ได้อยากลงข้างใต้เหมืองทุกเหมืองหรอก
“ได้ ผมเข้าใจแล้ว ถึงตอนนั้นผมหวังว่าคุณจะติดต่อดำเนินการให้ผมด้วย”
เยี่ยเทียนพยักหน้า สายแร่ทองคำปกติจะแผ่ขยายออกไปอย่างสมดุล ถ้ามีสายพลังธรรมชาติอยู่ละก็ แน่นอนว่าจะต้องอยู่ใต้สายแร่ เพียงแค่ได้เข้าไปด้านใน เยี่ยเทียนจะสามารถรู้ได้ว่ามีสายพลังธรรมชาติหรือไม่
มองดูเวลาแปดโมงกว่าแล้ว เยี่ยเทียนเก็บเสื้อผ้าไว้เปลี่ยนติดตัวไปไม่กี่ชุด แล้วตามหวาจวินออกจากโรงแรมไป หน้าประตูโรงแรมมีรถตะลุยป่ากลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่งจอดรออยู่
ตอนที่ 792 กองกำลังแม่ม่ายดำ
“คุณจ้าว นี่คือพี่หลิว การเดินทางของเราครั้งนี้มีพี่หลิวเป็นคนรับผิดชอบ!” ขึ้นบนรถตะลุยป่าแล้วหวาจวินแนะนำคนขับรถให้เยี่ยเทียนรู้จัก
โดยทั่วไปแล้วคณะท่องเที่ยวน้อยมากที่จะมีลูกทัวร์เพียงคนเดียว ต้องรอคณะอื่นรวมตัวให้ได้คนเยอะๆจึงจะออกเดินทาง ถ้าไม่ใช่เพราะค่าตอบแทนที่ดี เยี่ยเทียนคงไม่ได้ไปเที่ยวเป็นลูกทัวร์คนเดียวพร้อมกับไกด์และคนขับรถส่วนตัวแบบนี้
“พี่หลิว ลำบากคุณด้วย”
เยี่ยเทียนทักทายกับคนขับรถอายุประมาณสามสิบปี แล้วถามว่า “จุดหมายแรกของเราไปที่ไหนหรือครับ?”
“ไปบ่อทองทรายแมงกานีสครับ!” พี่หลิวไม่พูดมาก พอบอกชื่อสถานที่จบก็ไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรอีก ขับรถออกจากโรงแรมไป
“คุณจ้าวครับ ความจริงแล้วเดิมทีเคปทาวน์เป็นเมืองที่ทำเหมืองทองเป็นแห่งแรก แต่เป็นเพราะว่าอยู่ติดทะเล จึงค่อยๆเปลี่ยนมาเป็นเมืองท่องเที่ยว”
หวาจวินเริ่มทำหน้าที่ไกด์อย่างไม่รีรอ เขาเล่าอธิบายให้เยี่ยเทียนฟัง “รอบๆเคปทาวน์มีเหมืองทองเล็กใหญ่รวมกันหลายสิบแห่ง เหมืองทองทรายแมงกานีสนั้นเป็นเหมืองที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีคนเชื้อสายจีนทำงานอยู่เยอะ”
“ครับ ผมจะทำตามแผนของคุณ”
เยี่ยเทียนพยักหน้า เขานั่งอยู่แถวหลังแล้วหลับตาลง หวาจวินเห็นว่าเยี่ยเทียนต้องการพักผ่อนจึงไม่ได้อธิบายต่อ
แต่หวาจวินไม่รู้อะไรเลย เยี่ยเทียนไม่ได้พักผ่อน แต่กำลังทำนายการเดินทางครั้งนี้
การทำนายกับการผูกกว้านั้นไม่เหมือนกัน การผูกกว้านั้นจะรับรู้ได้ในเรื่องที่มีความจำเพาะในเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง แต่การทำนายนั้น ด้วยขั้นวิชาของเยี่ยเทียนเขาสามารถรู้ได้ว่าวันนี้จะเกิดเรื่องดีหรือร้าย หรือไม่ก็ช่วงไหนที่จะเกิดเหตุไม่คาดฝัน
แน่นอนว่าวิธีการทำนายนั้นจะต้องใช้พลังมากกว่า ต่อให้เยี่ยเทียนใช้จิตดั้งเดิมก็สามารถทำนายอนาคตได้มากสุดสองสามวันเท่านั้นเอง หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป สีหน้าของเยี่ยเทียนก็ดูอ่อนล้ามาก
“หรือว่าการผูกกว้าของเราจะมีปัญหา?”
เยี่ยเทียนนึกสงสัย เมื่อครู่เขาสูญเสียพลังไปแปดส่วนไปกับการทำนายอนาคตที่จะเกิดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า สถานการณที่เขาจะถูกล้อมและถูกลอบทำร้ายยังไม่เกิดขึ้น
อีกทั้งในสองวันนี้ เขาจะไม่ได้พบอะไรเป็นพิเศษ ทำให้เยี่ยเทียนผิดหวังมาก ถ้าไม่ใช่เพราะทุกอย่างได้ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว เขาแทบอยากจะเปลี่ยนไปท่องเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวอื่นแทน จะว่าไปเถ้าแก่เยี่ยอย่างเขาที่วันๆหนึ่งมีเงินถูกโอนเข้าบัญชีหลายแสน จะมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ทำไม
“หวังว่าพวกคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวังนะครับ!”
เพิ่งผ่านเหตุการณ์ลอบสังหารที่ไซบีเรียมา เยี่ยเทียนจู่ๆก็รู้สึกว่าชีวิตที่สุขสงบนั้นไม่ค่อยคุ้นชิน ในใจอยากจะให้ซ่งเสี่ยวหลงมาหาเรื่องเขาเร็วๆ ซึ่งจะทำให้ชีวิตที่น่าเบื่อของเขามีความบันเทิงขึ้น และจะได้กำจัดเสี้ยนหนามที่ทิ่มแทงเขามานานด้วย
…………-
“พี่เหมียวครับ จัดการไปถึงไหนแล้ว?”
ในคฤหาสถ์หรูกลางเมืองเคปทาวน์ ซ่งเสี่ยวหลงถือแก้วไวน์แดงคุยกับเหมียวจื่อหลงด้วยท่าทางไม่ใส่ใจ แต่แววตาดูตึงเครียด
จากทหารรับจ้างที่มาจากไต้หวันที่เป็นลูกศิษย์ของราชครูแห่งประเทศไทย แม้กระทั่งนักฆ่าอันดับสามของโลก ยังมีผู้อาวุโสในสมาคมหงเหมินที่เขายุให้กำจัดเยี่ยเทียน แต่สุดท้ายผลลัพธ์คือเยี่ยเทียนยังมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย เป็นซ่งเสี่ยวหลงเองที่ถูกจับโยนออกมา ให้มาอยู่ในที่สุดแสนกันดารอย่างแอฟริกาใต้นี่
ผ่านเรื่องราวมามากมาย เขาก็เหมือนกับเหลยหู่ ที่ถูกเยี่ยเทียนฝังความเจ็บช้ำลึกอยู่ในใจ เขากลัวว่าถ้าครั้งนี้เยี่ยเทียนไม่ตาย อาหญิงที่รักเอ็นดูเขาจะทอดทิ้งเขาไป
“เสี่ยวหลง วางใจเถอะ ครั้งนี้การเดินทางของเขาอยู่ในกำมือของเราหมดแล้ว คนแซ่เยี่ยต่อให้มีสามหัวหกแขนก็ต้องตาย”
เหมียวจื่อหลงยิ้มเย็น เอ่ยต่อว่า “กองทหารรับจ้างแบ่งออกเป็นหกสาย ทั้งหมดสี่สิบสองคน กำลังเตรียมตัวอยู่แล้ว สถานที่ๆใช้เลือกโจมตีก็เลือกเอาไว้หมดแล้ว!”
“เอ๋? มีแค่สี่สิบสองคนเองหรือ?”
ซ่งเสี่ยวหลงขมวดคิ้ว ถามต่อว่า “พี่เหมียว ผมจ่ายเงินไปตั้งหลายสิบล้านดอลลาร์นะ ทำไมถึงมีคนแค่สี่สิบกว่าคนแค่นั้น พวกเขาจะจัดการกับเยี่ยเทียนไหวหรือ?”
ตอนที่เทียนหลงนำทัพทหารรับจ้างมืออาชีพจากสายเอเชียทั้งหมดยี่สิบกว่าคนในใต้หวัน แต่สุดท้ายเหล่าทหารก็เสียชีวิตทั้งหมด ตอนนี้ทหารรับจ้างของเหมียวจื่อหลงมีแค่สี่สิบสองคน ซ่งเสี่ยวหลงจึงไม่พึงพอใจ
เห็นว่าซ่งเสี่ยวหลงเริ่มชักสีหน้า เหมียวจื่อหลงจึงรีบยิ้มอธิบายต่อ อย่างมั่นอกมั่นใจว่า “เสี่ยวหลง คนเยอะไม่สำคัญ สำคัญที่คนเก่ง ทหารรับจ้างของฉันแบ่งเป็นหกสาย แม้จำนวนคนไม่มาก แต่ต่างก็เป็นทหารระดับมืออาชีพของโลก เมื่อก่อนพวกเขาเคยร่วมมือกับกองกำลังแม่ม่ายดำด้วย
“อ๋อ คุณเชิญพวกเขามาด้วย? นึกว่าพวกเขาสลายกลุ่มไปแล้ว?” ซ่งเสี่ยวหลงมีสีหน้าตกตะลึง แล้วก็รวบรวมสติกลับมา ถ้าตอนนี้พวกมาลาไกย์ได้ยินสิ่งที่เหมียวจื่อหลงพูด คงจะมีสีหน้าแบบเดียวกัน
คนนอกแวดวงทหารรับจ้างเมื่อได้ยินชื่อกองกำลังแม่ม่ายดำ คงจะเข้าใจว่าเป็นกลุ่มหญิงหม้ายที่มาเป็นทหาร แต่ความจริงแล้วเป็นเพียงกลุ่มทหารรับจ้างแค่หกคนเท่านั้น และทั้งหมดเป็นผู้ชาย
แต่ที่ตั้งชื่อว่ากองกำลังแม่ม่ายดำนั้น เพราะพวกเขาได้สังหารชายหนุ่มไปไม่รู้เท่าไหร่ แล้วทำให้ภรรยาของชายเหล่านั้นกลายเป็นแม่หม้าย ไม่ว่าจะเป็นการลอบฆ่าหรือฆ่าในสนามรบ หรือได้รับมอบภารกิจโจมตี พวกเขาไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง
ในกลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มนี้ มีทั้งคนที่เป็นทหารที่เชี่ยวชาญด้านยุทธศาตร์และการกลยุทธที่มีฝีมือที่สุดในโลก ยังมีแฮกเกอร์ที่ฝีมือยอดเยี่ยมที่สุดกับนักเคลื่อนไหวด้วย ความสามารถและมันสมองของพวกเขาเป็นจุดแข็ง ทำให้กองกำลังแม่ม่ายดำครองแชมป์อันดับหนึ่งในการจัดอันดับทหารรับจ้างมาอย่างยาวนาน
แม้แต่รัฐบาลของแต่ละประเทศ ก็มีเบื้องหลังเคยร่วมมือกับกองกำลังแม่ม่ายดำทั้งนั้น พวกเขาช่วยสะสางในเรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้ และก็ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง กฎของพวกเขามีอยู่ว่า : ขอแค่ราคาสมน้ำสมเนื้อ พวกเขาก็จะช่วยให้ท่านบรรลุจุดประสงค์
ตอนที่ซ่งเสี่ยวหลงเริ่มทำงานเต็มตัว เขาเคยคิดวางแผนควบรวมกิจการต่างๆเพื่อให้ซ่งเวยหลันเห็นว่าตนมีพรสวรรค์ด้านธุรกิจ ซ่งเสี่ยวหลงได้เคยจ่ายเงินค่าจ้างอย่างหนักให้แก่นักฆ่ากลุ่มนี้
ในขณะที่แผนควบรวมกิจการกำลังจะบรรลุผล มีบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นชายสูงวัยอายุราวหกสิบกว่ากินปลาอยู่ในบ้านจู่ๆก็ก้างปลาติดคอ ยังไม่ทันส่งไปโรงพยาบาลก็ตายเสียก่อน
หลังจากการสอบสวนอย่างละเอียด เรื่องนี้เป็นเพียงอุบัติเหตุ แต่นอกจากซ่งเสี่ยวหลงและเหมียวจื่อหลงแล้ว ไม่มีใครรู้เลยว่าพวกเขาเป็นคนวางแผน จนถึงตอนนี้ซ่งเสี่ยวหลงก็ยังไม่รู้ว่าตอนนั้นกลุ่มทหารรับจ้างใช้วิธีไหน
หลายปีก่อนซ่งเสี่ยวหลงเคยเรียกใช้กองกำลังแม่ม่ายดำ ต้องการให้พวกเขาทำให้เยี่ยเทียนตายด้วยอุบัติเหตุ น่าเสียดายที่จู่ๆทหารกลุ่มนี้ก็แยกย้ายกันไปอย่างไม่มีเหตุผล ถึงทำให้คนๆนั้นที่ปลอมตัวเป็นพนักงานโรงแรมไม่รับงานลอบสังหารเยี่ยเทียน
“เสี่ยวหลง กลุ่มทหารรับจ้างนั้นมีปัญหาภายใน พวกเขาเลิกรับงานมาหลายปี แต่ตอนนี้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นภารกิจแรกที่พวกเขารับ”
สำหรับทหารรับจ้างกลุ่มนี้ เหมียวจื่อหลงให้ความไว้วางใจอย่างเต็มเปี่ยม ถ้าเทียบกับกลุ่มทหารนักรบที่รู้แต่เรื่องการต่อสู้ในสนามรบนั้น ทหารรับจ้างกลุ่มนี้มีสติปัญญาเหนือกว่ามาก ด้วยเหตุนี้พวกเขายังคงยืนหนึ่งอยู่บนตำแหน่งนักฆ่าอันดับหนึ่งของโลก
แม้ว่าจะเพิ่งมารวมตัวกันใหม่ แต่พวกเขาได้เรียกราคาไว้สูงมาก เพียงในวันเดียว พวกเขาได้มอบแผนการให้สามแผน แสดงถึงความเชี่ยวชาญ ความเป็นมืออาชีพของพวกเขา เหมียวจื่อหลงมองว่า ไม่ว่าจะใช้แผนไหน เยี่ยเทียนจะต้องตายแบบไร้ที่ฝังอย่างแน่นอน
ซ่งเสี่ยวหลงถาม “เพิ่งรวมตัวกันใหม่ คนในนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปใช่ไหม? ทำไมตอนนั้นพวกเขาถึงสลายกลุ่มไปหละ?”
เหมียวจื่อหลงส่ายหน้า “คนในนั้นไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงเป็นหกคนเดิม เสี่ยวหลง วางใจเถอะ ฉันไม่ได้เรียกใช้พวกเขาครั้งนี้เป็นครั้งแรก อีกอย่างถ้าเรื่องนี้ไม่สำเร็จ พวกเขาจะไม่รับเงินค่าจ้าง”
เหมียวจื่อหลงนิ่งไปพักหนึ่งแล้วบอกต่อว่า “นอกจากนี้ยังมีทหารมืออาชีพจากคองโกอีกหกร้อยกว่าคน พวกเขามีอาวุธหนักพร้อมมือ คอยวางกับดักอยู่รอบนอกกลุ่มทหารรับจ้างอีกที ถ้าเยี่ยเทียนหนีรอดจากการตามฆ่าของทหารรับจ้างมาได้ แต่จะหนีจากกองทหารคองโกพวกนั้นไม่ได้ พวกเขาเหมือนเป็นเครื่องจักรฆ่าคน!”
ทหารมืออาชีพที่เหมียวจื่อหลงจ้างมากลุ่มนี้กำลังทำสงครามอยู่ในสมรภูมิ จึงเรียกตัวมาได้แค่ทหารชั้นยอดหกร้อยกว่านายเท่านั้นเพื่อภารกิจนี้ และทั้งหกร้อยคนนี้ต่างพิสูจน์ฝีมือในสนามรบมาแล้วว่าพวกเขาเป็นนักฆ่ามือฉมัง
แค่เยี่ยเทียนเพียงคนเดียว เหมียวจื่อหลงจ่ายข้อแลกเปลี่ยนและเงินทองไปมหาศาลเพียงเพื่อสนองความโกรธแค้นและความปรารถนาให้เยี่ยเทียนตาย คนที่เขาใช้เหล่านี้สามารถล้มล้างอำนาจประเทศเล็กประเทศหนึ่งได้เลยทีเดียว
นอกจากทหารสองกลุ่ม เหมียวจื่อหลงยังซ่อนนักฆ่าเอาไว้อีกคนหนึ่ง นั่นก็คือเหลยหู่และเจียงซาน ต่อให้เยี่ยเทียนโชคดีหนีจากพวกทหารไปได้ แต่หนีไม่พ้นความสามารถในการควบคุมจิตของเจียงซาน ภายในไม่กี่วินาที เยี่ยเทียนจะถูกซ้อมจนไม่เหลือชิ้นดี
เหมียวจื่อหลงอธิบายแผนให้เขาฟังคร่าว ๆ ซ่งเสี่ยวหลงโบกมือ “พี่เหมียว เรื่องพวกนี้ผมไม่สนหรอก ผมแค่รอดูผล แผนการต่างๆน่ะพี่ไปจัดการเถอะ ผมแค่ต้องการให้เยี่ยเทียน….ตาย!”
ดวงหน้าซ่งเสี่ยวหลงซ่อนความอำมหิตเอาไว้ เขากระดกแก้วส่งไวน์แดงเข้าปาก กัดฟันแล้วเขวี้ยงแก้วไวน์ลงบนพื้นจนแตกละเอียดเพื่อความสะใจ เขาเหมือนมองเห็นเค้าลางๆของจุดจบชีวิตเยี่ยเทียนแล้ว
“เสี่ยวหลง วางใจเถอะ เหลยหู่กับเด็กสาวคนนั้นกำลังไปที่เมืองโยฮันน์เนสเบิร์ก ฉันเองก็จะรีบตามไป หลังจากนี้สามวัน นายรอฟังข่าวดีได้เลย!”
เหมียวจื่อหลงรับปากอย่างมั่นใจ กองทัพและกลุ่มทหารที่แข็งแกร่งที่สุดที่โหดเหี้ยมที่สุดได้มารวมตัวอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าเขายังจัดการกวาดล้างเยี่ยเทียนไม่ได้ เขายอมใช้เชือกแขวนคอตายเสียดีกว่า
ตอนที่ 793 กำแพงฮวงจุ้ย
“หวาจวิน อีกไกลแค่ไหน?”
แม้ว่ารถยนต์อเนกประสงค์ใหม่เอี่ยมคันนี้มีสภาพไม่เลว เครื่องปรับอากาศก็เย็นฉ่ำ แต่เวลานี้เป็นช่วงที่แอฟริกาใต้ร้อนจัดที่สุด พอรถยนต์วิ่งบนถนนลาดยาง อากาศด้านหน้าหน้าต่างรถดูราวกับม้วนเป็นเกลียวคลื่น คนที่นั่งภายในรถก็รู้สึกเหมือนอยู่ในหม้อนึ่ง
สภาพอากาศหนาวจัดหรือร้อนจัดไม่ส่งผลต่อเยี่ยเทียนมากนัก แต่การอยู่ในสภาวะอบอ้าวเช่นนี้ กลับทำให้เขาไม่สบายตัวสักเท่าไหร่ ตั้งแต่ออกจากโรงแรมขึ้นมาบนรถ จนต้องปิดกั้นรูขุมขนทั่วทั้งเนื้อตัวจากความอบอ้าว แล้วใช้อากาศภายในร่างกายหมุนเวียน
“คุณจ้าว เดี๋ยวก็ถึงแล้วครับ ตรงกลุ่มอาคารด้านหน้านั่นเอง”
ต่างจากเยี่ยเทียน หวาจวินที่เติบโตในแอฟริกามาแต่เล็กคุ้นเคยกับสภาพอากาศแบบนี้เป็นอย่างดี สำหรับเขาแล้ว นั่งรถยนต์อเนกประสงค์ยังดีกว่ารถบัสมากมาย กลิ่นตัวที่ออกมาจากร่างกายที่ชุ่มเหงื่อนั้น ยากจะทานทนยิ่งกว่าสภาพอากาศร้อนแล้งหลายเท่าตัว
“การคุ้มกันแน่นหนาจริงๆ!”
ความสามารถในการมองเห็นของเยี่ยเทียนดีเยี่ยม อีกประมาณหนึ่งกิโลเมตรจะถึงเหมืองทอง กลับมองเห็นพื้นที่ประตูทางเข้าเหมืองทอง มีเวรยามอาวุธครบมือทั้งสี่คน นอกจากนั้นยังมีกำแพงสูงกั้นล้อมรอบ ขึงลวดไฟฟ้าหมดทุกด้าน แต่ละมุมยังมีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ จนแทบจะไม่มีมุมอับใดๆ เหลืออยู่เลย
“แน่นอนอยู่แล้ว ถึงเหมืองทองมุนซาคจะเพิ่งทำการขุดไม่นาน แต่ก็นับว่าเป็นเหมืองทองขนาดใหญ่ในเคปทาวน์”
ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว หวาจวินก็ยิ้มตอบ “เหมืองทองแห่งนี้มีเงินทุนของพวกเราชาวจีนอยู่ ไม่งั้นอย่าหวังจะเข้าไปข้างในได้เลย คุณจ้าวครับ จำคำพูดผมไว้นะ พอเข้าไปแล้วอย่าถ่ายรูปเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคุณจะถูกริบกล้อง”
“เข้าใจแล้ว ฉันไม่ได้เอากล้องมาอยู่แล้วล่ะ”
เยี่ยเทียนพยักหน้า ยกข้อมือดูนาฬิกา เข็มชี้ไปที่เวลาเที่ยงตรง ห่างจากตอนออกจากโรงแรมยังไม่ถึงสองชั่วโมง ความจริงเหมืองมุนซาคก็ไม่ไกลจากเมืองเคปทาวน์เท่าไหร่นัก หลังจากหวาจวินติดต่อกับคนข้างในแล้ว ก็ผ่านการตรวจตราโดยละเอียดอีกครั้ง จึงจะสามารถขับรถอเนกปประสงค์เข้าไปข้างในตึกได้
รถเพิ่งจะจอดสนิท ชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบกว่าปีก็เดินออกมาจากภายในอาคารสองชั้นหลังนั้น ยิ้มพูดจาล้อเล่นมาแต่ไกล “ไอ้เด็กบ้า เห็นฉันคุยง่ายล่ะสิท่า? ถึงสร้างเรื่องให้ฉันทุกที!”
“คนนี้หน้าตาไม่เลวเลย”
เยี่ยเทียนเงยหน้ามองใบหน้าชายคนนั้นแวบหนึ่ง ชายวัยกลางคนใบหน้าค่อนข้างกลม ใบหูกว้างใหญ่ รอยยิ้มราวกับพระศรีเมตรัย แต่ยามพูดคุยดวงตาเล็กทั้งสองข้างส่องประกาย เห็นได้ชัดเจนว่าไม่ใช่คนรับมือได้ง่ายดาย
“จะเป็นงั้นได้ยังไงล่ะครับ ประธานอู๋ พวกเราชาวจีนในแอฟริกาใต้ จะมีสักกี่คนที่คบหาสบายใจเท่าคุณ เพียงมีคุณอยู่ ก็เห็นรูปแบบชีวิตชาวจีนในต่างแดนได้อย่างชัดเจน!”
ทำอาชีพไกด์ต้องพึ่งคารม ถึงหวาจวินจะยังอายุไม่มาก แต่ก็พูดคำชื่นชมเยินยอได้น้ำไหลไฟดับ คำพูดเหล่านี้ใช้ได้ผลกับคนที่เข้ามาหา เขายิ้มตาหยีตอบ “เจ้าหนูนี่ฝีมือไม่พัฒนา แต่ปากหวานขึ้นทุกวัน เที่ยงแล้วอย่าเพิ่งไปล่ะ เมื่อวานนี้ฉันซื้อจระเข้มาตัวหนึ่ง แล้วยังมีไข่นกยูงด้วย มาดื่มกันสักสองสามแก้ว!”
“เอ่อ ประธานอู๋ครับ วันนี้ผมพาแขกมาด้วย”
น้ำเสียงของหวาจวินออกจะลำบากใจเล็กน้อย เหลือบสายตามาทางเยี่ยเทียน จระเข้มักพบเห็นได้บ่อยในแอฟริกาใต้ เพียงหนึ่งร้อยกว่าหยวนก็สามารถซื้อจระเข้ได้หนึ่งตัว แต่ว่าไข่นกยูงไม่ค่อยมีให้เห็นนัก รสชาติหอมหวาน กระทั่งหวาจวินยังรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
“ไม่เป็นไร คนบ้านเดียวกันทั้งนั้น เกรงใจอะไรกันล่ะ?”
“ประธานอู๋หัวเราะอย่างเบิกบานใจ มองมาทางเยี่ยเทียนแล้วถามว่า “น้องชายมาจากที่ไหน? ตอนเที่ยงมาดื่มเหล้าด้วยกันสักสองสามแก้ว อากาศร้อนอย่างนี้ ไม่ดื่มเบียร์เย็นๆ เดี๋ยวจะตายเอา”
เยี่ยเทียนมองออกว่า คนเบื้องหน้าผู้นี้ชักชวนด้วยความจริงใจ จึงพยักหน้าตอบทันที “ผมเป็นชาวเจียงซูครับ ประธานอู๋ ขอบคุณที่เลี้ยงอาหารนะครับ”
“ได้ สบายมาก หวาจวินบอกฉันแล้วล่ะ เธอจะลงไปดูเหมืองสินะ? เรื่องนี้ให้ฉันจัดการเอง จะไปทำเรื่องให้เดี๋ยวนี้แหละ!”
“นั่งรอข้างในสักพัก อีกกว่าครึ่งชั่วโมงคนงานกลุ่มต่อไปจะลงเหมืองได้ ถึงตอนนั้นเธอก็ลงไปกับพวกเขาก็แล้วกัน”
ประธานอู๋ยิ้มพลางตบบ่าเยี่ยเทียน หมุนตัวเข้าไปในห้อง อยู่ข้างนอกเพียงแค่ไม่นาน เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวนั้นของเขาก็ชุ่มโชกด้วยเหงื่อไปทั้งตัว
พอเขาเดินไปด้านหลัง เยี่ยเทียนก็ถามหวาจวินขึ้นเบาๆ “หวาจวิน ประธานอู๋ท่านนี้มีประวัติยังไงบ้าง?”
“คุณจ้าว ประธานอู๋ไม่ธรรมดานะ ในแอฟริกาใต้นี่เขาเรียกฟ้าเรียกฝนได้เลยทีเดียว”
ได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว หวาจวินก็ชูนิ้วโป้งขึ้นมา กระซิบแผ่วเบาว่า “ในอดีตตอนประธานอู๋มาแอฟริกาใต้จนกรอบมาก ช่วงแรกเขาทำงานที่เหมืองทองอีกแห่งหนึ่ง…”
ที่แท้ประธานอู๋ผู้นี้มีชื่อว่าอู๋เต๋อหลิน เป็นชาวฝูเจี้ยน
เนื่องจากแนวชายฝั่งมณฑลฝูเจี้ยน มีการล่องเรือข้ามน้ำข้ามทะเลทำมาหากิน นับตั้งแต่หลายร้อยปีก่อน บางเมืองแทบจะทุกครอบครัวมีญาติสนิทอยู่ดินแดนโพ้นทะเล และคนหนุ่มสาวมากมายก็มีความคิดจะออกไปขุดทองยังต่างประเทศตั้งแต่อายุเพียงแค่สิบกว่าปี
ช่วงต้นปี 80 อู๋เต๋อหลิน แอบลักลอบข้ามประเทศทางเรือตามคนกลุ่มหนึ่งไปอเมริกา แต่เกิดเหตุเล็กน้อยระหว่างทาง สุดท้ายจึงถูกคนกลุ่มนั้นลากยาวไปถึงแอฟริกาใต้ ในเวลานั้นเศรษฐกิจแอฟริกาตกต่ำลงอย่างมาก เหมืองทองขนาดใหญ่จึงตกไปอยู่ในมือคนขาว
ตอนนั้นอู๋เต๋อหลินกับเพื่อนอีกยี่สิบคนเข้าไปทำงานกับเหมืองทองคำในเคปทาวน์ แต่ไม่ได้หาเงินส่งกลับบ้านเหมือนคนอื่น อู๋เต๋อหลินกลับนำเงินเหล่านั้น มาใช้เลี้ยงอาหารมิตรสหาย ด้วยนิสัยใจกว้างเปิดเผยของเขา ไม่นานจึงคบหาคนชนชั้นแรงงานผิวดำได้เป็นจำนวนมาก จนแทรกซึมกับการใช้ชีวิตในท้องถิ่นแอฟริกาใต้
อู๋เต๋อหลินทำงานที่เหมืองทองแห่งนั้นเป็นเวลาแปดปีเต็ม สั่งสมความเชื่อมั่นจากคนงานภายในอย่างเปี่ยมล้น และด้วยเหตุนี้จึงสามารถเลื่อนขั้นจากคนงานเป็นผู้จัดการเหมืองทองระดับกลาง ซึ่งเป็นเพียงคนเดียวในเวลานั้น ในขณะที่ธุรกิจเหมืองทองคำของแอฟริกาใต้ยังอยู่ในการควบคุมจากคนขาว
พอถึงช่วงปลายปี 80 แอฟริกาใต้เกิดความไม่พอใจในการผูกขาดการค้าจากคนขาวภายในประเทศ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเป็นระลอก หลังจากถูกบีบบังคับกดดัน กลุ่มธุรกิจของประเทศอังกฤษจึงจำเป็นต้องยอมปล่อยเหมืองแร่เหล่านี้ไป
อู๋เต๋อหลินที่ทำงานในเหมืองทองมาแปดปีจึงกระตือรือร้นขึ้นมา ถึงแม้เขาไม่มีเงินทุนอะไร แต่ด้วยสถานะสูงส่งในแวดวงชาวจีนที่อยู่ในแอฟริกาใต้ ภายใต้การระดมทุนครั้งหนึ่ง กลับระดมเงินทุนได้ถึงหลายแสนดอลลาร์อเมริกา จนซื้อเหมืองทองที่ไม่สะดุดตานักได้สองแห่ง
แต่ชาวอังกฤษเหล่านี้ก็เก็บความคับแค้นไว้ในใจ สายแร่ทองคำเหล่านั้นที่พวกเขาทิ้งไว้ ล้วนมีการฉ้อฉลอยู่มากมาย รายงานจำนวนคงเหลือไว้ไม่ตรงตามความเป็นจริง สายแร่ทองคำส่วนใหญ่ล้วนใช้ประโยชน์ไม่ได้หรือไม่ก็เป็นแร่คุณภาพย่ำแย่ จำนวนแร่ที่เหลือกับที่ขุดได้ไม่ตรงกันเป็นต้น
ในสมัยอดีต เทคโนโลยีการคาดคะเนยังคงมีขีดจำกัด ต่อให้เป็นชาวอังกฤษเอง ก็ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าเหมืองทองเหล่านี้จะเป็นแร่ขยะ เรื่องนี้ก็เหมือนกับการพนันหิน ก่อนที่จะมีการขุดเจาะ ใครๆ ก็ไม่อาจคาดเดาว่าจะได้ผลลัพธ์เป็นแร่ราคาสูงหรือแร่ขยะกันแน่
ต้องบอกว่าดวงของอู๋เต๋อหลินยังดีเหลือเชื่อ เพราะแร่ที่เขาขุดขึ้นมาได้จากเหมืองทองคำแห่งแรก เป็นทองคำแท้คุณภาพสูงซึ่งสามารถผลิตเป็นสินค้าชั้นดี จนนับเป็นบ่อทองคำแห่งแรกในชีวิตของเขา
พอถึงปี 1994 แมนเดลาก็กลายเป็นประธานาธิบดีผิวดำคนแรกในแอฟริกาใต้ นับจากนั้นคนผิวดำจึงกลายเป็นผู้นำดินแดนแอฟริกาใต้แถบนี้ทั้งหมดโดย วัตถุดิบแร่ธาตุแต่ละชนิดจึงค่อยๆ ขยับขยายออกสู่โลกกว้าง
เวลานั้นอู๋เต๋อหลินก็ครอบครองเหมืองทองมุนซาคแล้ว เมื่อก่อนเหมืองทองแห่งนี้ไม่ค่อยเตะตาสาธารณชนมากนัก แต่ใครเลยจะรู้ว่าเหมืองทองมุนซาคกลับอุดมไปด้วยแร่ธาตุวัตถุดิบ จนถึงขนาดติดอันดับหนึ่งในสิบเหมืองทองในแอฟริกาใต้ ที่ขุดมาจนปัจจุบันเป็นเวลาสิบกว่าปี ยังเป็นผลผลิตเพียงส่วนเล็กน้อยเท่านั้น
อู๋เต๋อหลินอาศัยเหมืองทองแห่งนี้ เก็บหอมรอมริบจนร่ำรวยได้อย่างน่าทึ่ง แต่ว่าเขาก็ยังคงทำตัวเหมือนเคย ชอบคบหาสมาคมกับเหล่าคนงาน และนั่นก็เป็นสาเหตุที่เขายังคงชอบอยู่ในเขตเหมืองยามอากาศร้อนจัดถึงสี่สิบองศาเช่นนี้
“คนที่ประสบความสำเร็จถึงขั้นนี้ จะต้องมีคุณสมบัติที่คนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างแน่นอน!”
หลังจากได้ยินคำพูดของหวาจวินแล้ว เยี่ยเทียนก็ปรับเปลี่ยนมุมมองต่ออู๋เต๋อหลินใหม่ ภายในช่วงเวลาสั้นๆ แค่ยี่สิบปี กลับสามารถครอบครอบธุรกิจยิ่งใหญ่ขนาดนี้ด้วยมือเปล่า ความพากเพียรและทุกข์ยากที่ต้องจ่ายนั้น ช่างมากมายเกินกว่าคนทั่วไปจะจินตนาการ
อู๋เต๋อหลินเข้ามายังห้องทำงานแล้วจัดการธุระปะปังจำนวนหนึ่ง หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้วก็เงยหน้ายิ้มพูดว่า “เสี่ยวจ้าว อย่าไปฟังเจ้าหนูหวาจวินพูดจาเลอะเทอะ เจ้าพ่อธุรกิจเหมืองอะไรกัน ก็แค่ลูกเต่าตัวหนึ่งเท่านั้น ทุกวันนี้ยังพูดภาษาอังกฤษงูๆ ปลาๆ อยู่เลย”
เยี่ยเทียนส่ายหน้า มองไปยังอู๋เต๋อหลิน ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวว่า “ช่วงนี้ประธานอู๋สุขภาพไม่ค่อยดีหรือเปล่าครับ?”
เยี่ยเทียนพบว่า ใจกลางคิ้วอู๋เต๋อหลิน และช่วงโหนกแก้มมีรอยเส้นเลือดสีน้ำเงินจาง อันเป็นสัญญาณธาตุไฟสูงเกินไป
“เสี่ยวจ้าวเป็นหมอหรือ?” อู๋เต๋อหลินผงะไปนิดหนึ่ง มองมายังเยี่ยเทียนแล้วตอบว่า “ช่วงนี้ร่างกายฉันไม่ค่อยสบาย รู้สึกอยากระบายอารมณ์ตลอดเวลา แต่ก็หาสาเหตุใดๆ ไม่พบ กำลังคิดว่าอีกสองสามวันจะไปตรวจดูอยู่พอดี”
“ประธานอู๋ครับ ออฟฟิศหลังนี้เพิ่งต่อเติมใหม่ใช่ไหม?” เยี่ยเทียนไม่ตอบคำถามอู๋เต๋อหลิน แต่พิจารณาไปรอบห้อง
อู๋เต๋อหลินพยักหน้าตอบ “ใช่แล้ว ที่นี่อากาศค่อนข้างร้อน ฉันก็เลยเพิ่มอีกชั้นหนึ่ง ติดแอร์ทุกชั้น พนักงานจะได้เย็นสบายหน่อย”
“ประธานอู๋ คุณก่อกำแพงตรงทางเข้าเหมืองนั่นหน่อยเถอะครับ อากาศที่ไหลออกมาจากใต้ดินตรงนั้นไม่ค่อยดีนัก จะทำให้คนเจ็บป่วยได้!”
เยี่ยเทียนเงยหน้ามองไปยังหน้าต่างแวบหนึ่ง แล้วก็กระจ่างในใจ ใต้เหมืองทองคำนั้นอาจไม่มีสายแร่วิเศษอยู่ แต่ทองคำเองก็ผสมผสานไปด้วยธาตุโลหะจำนวนหนึ่ง เมื่อมีทองคำมารวมตัวกันมาก ก็ย่อมก่อให้เกิดกระแสโลหะเข้มข้นเป็นธรรมดา
ห้องทำงานของอู๋เต๋อหลินอยู่ชั้นล่าง ประจันหน้ากับทางเข้าเหมืองพอดิบพอดี จึงได้รับแรงกัดกร่อนหนักสุด และหากกินเวลานาน อวัยวะภายในอาจได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถรักษาหาย มีอายุขัยเหลืออย่างมากเพียงสิบกว่าปี
กำแพงที่เยี่ยเทียนพูดถึงนั้น ความจริงก็คือกำแพงฮวงจุ้ยอย่างหนึ่ง สามารถป้องกันไอโลหะเข้มข้นที่ล้นออกมาจากภายในเหมือง เปลี่ยนแปลงฮวงจุ้ยภายในห้องทำงาน
“เอ๋? มีวิธีนี้ด้วยเหรอ? งั้นพรุ่งนี้ฉันจะให้คนไปทำกำแพงตรงตำแหน่งทางเข้านั่นก็แล้วกัน”
อู๋เต๋อหลินเคยทำงานขุดแร่ทองคำภายในเหมืองมาก่อน เขารู้ว่าคนที่อยู่ในเหมืองตลอดทั้งปีอายุไม่ยืนยาวนัก หากอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์คือผลซึ่งเกิดจากรังสีบางอย่างในแร่หิน ด้วยเหตุนั้นจึงเชื่อคำพูดของเยี่ยเทียนอย่างสนิทใจโดยไม่นึกสงสัย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น