ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 787-801
บทที่ 787 ฉงต้าเรียนว่ายน้ำ
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากหลัวปอถูกผลักลงน้ำ มันก็ตกใจจนขาทั้งสี่ข้างแข็งทื่อ ซึ่งเป็นปฏิกิริยาตอบโต้ตามสัญชาตญาณสัตว์บก ฉินสือโอวอยู่ไม่ไกลมันมากจึงรีบว่ายน้ำไปจับมันขึ้นมาจากในน้ำ
หู่จือและเป้าจือ ตอนเริ่มต้นเรียนว่ายน้ำแรกๆ คือตอนที่เขาปล่อยลงน้ำแล้วมันก็ใช้ขาทั้งสี่ข้างของมันว่ายน้ำลอยไปลอยมาตามคลื่นอย่างเป็นธรรมชาติ
ฉินสือโอวเตรียมสอนหลัวปอว่ายน้ำ แต่เจ้าพวกนี้กลัวน้ำทะเลมาก พวกสัตว์ที่มีเขี้ยวต้องว่ายน้ำเก่งสิถึงจะถูก
เขารู้ว่าหมาป่าประเภทนี้สามารถว่ายน้ำได้ เมื่อเดือนก่อนเขาได้เห็นรายงานฉบับหนึ่งกล่าวว่านักชีววิทยาได้ทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อค้นหาสายเลือดของสปีชีส์หมาป่าในทุ่งหญ้าแคนาดาและอเมริกากลาง จนในที่สุดก็ค้นพบว่าหมาป่าเหล่านี้มาจากกลุ่มหมาป่าที่อาศัยตามทุ่งหญ้าแถวชานเมืองเขตเวสต์เชสเตอร์ในนครนิวยอร์ก
หลังจากทำการวิจัยกลุ่มหมาป่าที่อาศัยอยู่ตามทุ่งหญ้านี้แล้ว ก็ทำให้ค้นพบอีกว่าพวกมันว่ายน้ำเป็น ดังนั้นพวกมันจึงย้ายถิ่นฐานมาอยู่บนเกาะได้ คล้ายกับเกาะเอลิซาเบทในรัฐแมสซาชูเซตส์ และเกาะโบคาลันดีที่อยู่ห่างจากสะพานฟลอริดา
เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงคิดว่าการสอนหมาป่าว่ายน้ำเป็นเรื่องที่ง่ายมาก แต่ผลคือพอหลัวปอลงไปในน้ำทะเลแล้วก็เหมือนกับก้อนอิฐ คือกล้ามเนื้อเกร็ง ตาทั้งสองข้างเบิกกว้าง แม้แต่ขาทั้งสี่ข้างของมันก็ยังแข็งทื่อ แค่ฉินสือโอวปล่อยลงมันก็จะจมน้ำทันที
หลังจากทดสอบไม่กี่ครั้งก็ทำให้พบว่าที่แท้แล้วหลัวปอขยับขาทั้งสี่ข้างว่ายน้ำไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้แค่เอามันไปอยู่บนแผ่นพีวีซีที่ฉงต้ากำลังนอนฟุบอยู่
ฉงต้าลอยไปตามคลื่นอยู่สักพัก มันจึงยื่นอุ้งเท้าออกไปลองแตะน้ำทะเลดู อุณหภูมิน้ำกำลังดี น้ำก็ใสสะอาดและอยู่ไม่ไกลจากอ่างอาบน้ำที่วินนี่ให้พวกมันอาบเป็นประจำ
หลังจากลองไม่กี่ครั้ง ฉงต้าก็เห็นฉินสือโอวพาหู่จือและเป้าจือมาว่ายน้ำผ่อนคลาย พอพวกมันลงน้ำก็ว่ายขยับตัวไปมาจนค่อยๆ เข้ามาใกล้กับขอบแผ่นพีวีซี มันจึงคิดอยากจะลองลงน้ำดู
ขาทั้งสี่ข้างของหลัวปอพยายามเกาะแผ่นพีวีซีออกอย่างสุดแรง เล็บแหลมคมของมันเปรียบเหมือนกับมีดเล็กๆ ที่กำลังแทงลงไปแผ่นพีวีซี เมื่อเห็นเช่นนั้นฉงต้าก็ถึงกับส่งเสียงร้องด้วยความเศร้าโศกขึ้นมา
ฉินสือโอวหันหลังกลับมาเห็นฉงต้าที่กำลังปีนขึ้นขอบแผ่นพีวีซี มันกดแผ่นกระดานให้ไม่สมดุลกันได้อย่างง่ายดาย มิน่าล่ะหลัวปอถึงกับร้องเสียงแหลมออกมา
เขาจึงว่ายน้ำไปยันแผ่นกระดานไว้ อุ้งเท้าหน้าของฉงต้าจึงพาดที่ริมแผ่นกระดาน ครึ่งตัวของมันอยู่ในน้ำ ขาหลังสองข้างของมันก็กวัดแกว่งไปมาอย่างรวดเร็ว คิดไม่ถึงว่ามันจะสามารถลอยตัวในน้ำทะเลได้ แต่ก็ยังต้องใช้แผ่นพีวีซีเป็นตัวช่วย
ฉินสือโอวจึงหัวเราะออกมา ฉงต้าได้เรียนรู้การว่ายน้ำในทะเล ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาให้กับหมีสีน้ำตาลจริงๆ ดีล่ะ จากนี้ก็มีวิธีลดน้ำหนักให้ฉงต้าแล้ว
ฉงต้าไม่เข้าใจความคิดที่ว่าการเริ่มก่อนก็คือการเป็นคนแรกที่ต้องทุกข์ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่มีวันอวดทักษะว่ายน้ำเงอะงะที่นี่ ถ้ามันไม่อวดก็คงจะดี แต่น่าเสียดายที่มันไม่เข้าใจ!
เมื่อเห็นใบหน้าที่มีความสุขของฉินสือโอว ฉงต้าก็ผลักแผ่นพีวีซีออกแล้วใช้ขาสั้นๆ ของมันว่ายน้ำต่อไป เดาว่านี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวมันลอยน้ำได้ เพราะหลังจากร่างกายอ้วนท้วมแผ่ออก คิดไม่ถึงว่าจะสามารถลอยบนผิวน้ำได้แต่ก็ยังลอยได้ไม่มาก
หลัวปอนอนแข็งทื่ออยู่บนแผ่นพีวีซีมองเจ้าพวกเพื่อนตัวน้อยกำลังว่ายน้ำกันโดยไม่มีความอิจฉาเลยสักนิด มันคิดแค่ว่าอยากจะกลับขึ้นฝั่งเร็วๆ
ฉงต้าเห็นท่าทางหลัวปอที่ส่งเสียงร้องออกมาอย่างเงียบๆ มันจึงค่อยๆ ว่ายน้ำเข้าไปใกล้ๆ และว่ายไปว่ายมาอยู่รอบๆ แผ่นพีวีซี มันมีความสุขสนุกสนานจนตาของมันกลายเป็นรูปสระอิ
หลังจากเล่นน้ำกับเจ้าเพื่อนตัวน้อยได้สักพัก ฉินสือโอวก็อุ้มหลัวปอขึ้นฝั่ง หู่จือและเป้าจือก็ตามหลังมาติดๆ แต่ฉงต้ากลับไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว
ฉินสือโอวตกใจรีบใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนแผ่ลงน้ำไป จึงทำให้เห็นฉงต้ากำลังดำน้ำลงไปและกำลังกัดปลาแซลมอนแอตแลนติกเข้าไปในปากพอดี จากนั้นก็ลอยน้ำขึ้นมาอย่างอิ่มอกอิ่มใจ
ในปากของมันคาบปลาแซลมอนแปซิฟิกพร้อมกับปีนขึ้นฝั่ง จากนั้นก็โยนปลาลงบนชายหาดแล้วใช้อุ้งเท้าหน้าอ้วนๆ ของมันยื่นออกมาบีบปลาแซลมอนแปซิฟิกไว้แล้วกินเข้าไปอย่างเอร็ดอร่อย
ฉงต้าเป็นหมีสีน้ำตาลโคดิแอค ซึ่งเป็นสัตว์ที่กินไม่เลือก อาหารของพวกมันจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล โดยปกติแล้วจะเป็นอาหารจำพวกพืชประมาณ 60-90% ซึ่งจะประกอบไปด้วยรากของพืชแต่ละชนิด หัวของลำต้น หญ้า ธัญพืชและผลไม้ต่างๆ
ส่วนอาหารที่เป็นจำพวกเนื้อจะมีสัดส่วนเพียงเล็กน้อยในอาหารของพวกมัน และอาหารจำพวกปลายิ่งน้อย เพราะมีแค่หมีสีน้ำตาลที่อาศัยอยู่ตามแนวชายฝั่งเท่านั้นที่จะกระโดดลงไปในน้ำเพื่อจับปลาเทราต์มาเป็นอาหารในช่วงฤดูวางไข่ของทุกปี
ดังนั้นอาหารโดยทั่วไปของฉงต้าจึงกินผักและผลไม้เป็นหลัก และแน่นอนว่าวินนี่ต้องให้เนื้อและกระดูกเพิ่ม เพราะฉงต้าโตเร็วมาก วินนี่จึงกลัวว่ามันจะขาดสารอาหาร
อย่าคิดว่าฉงต้าจะสูงเกือบเท่าๆ ฉินสือโอว เพราะในความเป็นจริงมันยังคงเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ พวกมันต้องใช้เวลาห้าปีในการเจริญเติบโตทางด้านจิตใจและใช้เวลาสิบปีในการเติบโตทางร่างกาย มีเพียงการเปลี่ยนแปลงของพลังโพไซดอนเท่านั้น ถึงจะทำให้มันเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนใหญ่แล้วฉงต้าจะไม่ค่อยได้กินปลา แม้ว่าปกติเวลากินปลาจะมีความสุขแต่ยังไม่เท่าตอนนี้ เดาว่าคงจะเป็นอาหารที่หามาเองเลยรู้สึกอร่อยเป็นพิเศษ มันจึงเขมือบปลาแซลมอนโคโฮหายเข้าไปภายในพริบตา
ฉินสือโอวพาเจ้าเพื่อนตัวน้อยสองสามตัวไปอาบน้ำใหม่อีกรอบที่บ่อน้ำพุร้อน เขาลากพวกมันลงสนามหญ้าและนอนอาบแดดเรียงกัน
วินนี่ออกมา หลัวปอจึงรีบโผเข้าใส่ ขาคู่ของมันก็กอดขาเล็กๆ ของวินนี่ไม่ยอมปล่อย พร้อมส่งเสียงบรู้วๆ ออกมาด้วยความน้อยใจ
วินนี่นั่งยองๆ ลงสางขนที่ติดกันเป็นก้อนให้หลัวปอ พร้อมมองไปที่ฉินสือโอวแล้วพูดว่า “ทำไมคุณถึงรังแกหล่อนอีกแล้ว?”
ฉินสือโอวทำท่าว่าไม่ได้ทำ จึงชี้ไปที่หู่จือและเป้าจือแล้วพูดว่า “ไม่เกี่ยวกับผมนะ หู่จือและเป้าจือต่างหากที่ผลักหล่อนลงน้ำ ไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นและผมก็คิดถึงไม่ถึงว่าลูกสาวคุณจะว่ายน้ำไม่เป็น? มันแปลกจริงๆ เลย”
“มีอะไรให้แปลกใจ ไม่ใช่สัตว์ที่มีเขี้ยวทุกตัวจะว่ายน้ำเป็นสักหน่อย หมาป่าสีเทาในที่ราบแพร์รีแคนาดาก็ว่ายน้ำไม่ได้ หมาป่าขาวก็ว่ายน้ำไม่ได้เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นตอนนั้นจะถูกพวกนายพรานชาวอังกฤษฆ่าเหรอ พวกมันใช้เวลานานกว่าจะว่ายข้ามช่องแคบมาถึงฝั่ง ไม่อย่างนั้นพวกมันจะสูญพันธุ์ได้อย่างไร?” วินนี่พูด
ฉินสือโอวได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันที เขาลูบหัวฉงต้าเบาๆ แล้วพูดว่า “เจ้าพี่ใหญ่ฉงต้าของเราก็ไม่เลวนะ คิดไม่ถึงว่ามันจะเรียนว่ายน้ำได้ วันนี้ต้องให้รางวัลสักหน่อยแล้ว”
ฉงต้าอ้าปากแลบลิ้นและเอาหัวเปียกๆ ของมันมุดเข้าไปในอ้อมกอดของฉินสือโอว ราวกับมันรู้ว่าเขากำลังชื่นชมมันจึงรีบทำตัวน่ารักใส่
วินนี่ถึงกับเผลอยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “คุณไม่ได้ศึกษาข้อมูลของเจ้าเด็กพวกนี้เลยเหรอ? หมีสีน้ำตาลมันว่ายน้ำเป็น หรือแม้แต่หมีสีน้ำตาลอะแลสกายังสามารถดำน้ำจับปลาแซลมอนแดงกินในขณะที่ว่ายน้ำได้เลย…”
“ฉงต้าก็เพิ่งดำน้ำจับปลาแซลมอนแอตแลนติกได้หนึ่งตัว” ฉินสือโอวพูดโอ้อวดพลางลูบหัวฉงต้าไปด้วย
วินนี่ก็ไปลูบที่หน้าอ้วนๆ ของมัน แล้วพูดว่า “จริงเหรอ? ฉงต้าของเรานี่รู้เรื่องจริงๆ เลยนะ ฉันว่าจะรอให้เขาอายุสักสามสี่ขวบก่อนแล้วค่อยสอนว่ายน้ำนะเนี่ย”
ฉงต้าอกตั้งขึ้นอย่างน่าเกรงขาม แต่ฉินสือโอวไม่เข้าใจว่าการเรียนว่ายน้ำกับการที่มันแสนรู้เกี่ยวอะไรกัน?
เมื่อมองไปที่ฉงต้าที่กำลังอิ่มอกอิ่มใจ วินนี่จึงยื่นมือออกไปบีบหน้าอกมัน ซึ่งยิ่งทำให้ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่น่าหลงใหล จากนั้นเธอจึงพูดขึ้นว่า “แต่เดี๋ยวก่อนนะ พอมองดูเจ้าเด็กนี่แล้ว มันจะอ้วนไปไหนเนี่ย? ไม่ได้แล้ว มันไม่ดีต่อสุขภาพ ฉงต้าต้องว่ายน้ำเดี๋ยวนี้ ต่อไปนี้ต้องพามันว่ายน้ำลดความอ้วนทุกวัน!”
ฉงต้ากะพริบตาดวงน้อยๆ อย่างไร้เดียงสา นัยน์ตาสีดำมืดของมันเต็มไปด้วยความสงสัย มันรู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างผิดปกติ
บทที่ 788 ค่ำคืนที่นี่ไม่มีความเงียบสงบ
โดย
Ink Stone_Fantasy
เด็กๆ กลับจากเลิกเรียนแล้วก็เห็นบ้านหลายหลังที่กำลังสร้าง จึงกรีดร้องขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็วางกระเป๋านักเรียนแล้วรีบวิ่งเข้าไปปีนเล่นทันที
พวกเขาเล่นกันจนถึงเวลาทานข้าว ฉินสือโอวตะโกนเรียกหลายครั้งก็ไม่มีใครสนใจ ดังนั้นเขาจึงแบมือออกแล้วตะโกนว่า “พวกเธอโตๆ กันแล้วนะ อย่าพูดไม่รู้เรื่องได้ไหม?”
เชอร์ลี่ย์จึงพูดอย่างไม่พอใจ “เดิมทีนี่เป็นสิ่งที่เตรียมไว้ให้พวกเราไม่ใช่เหรอคะ หรือคุณคิดว่าเด็กหกเจ็ดขวบจะใช้เครื่องปั่นน้ำและเครื่องทำน้ำแข็งเป็น?”
ฉินสือโอวยักไหล่ใส่พร้อมพูดอย่างไม่แยแส “ดี ถ้าพวกเธอชอบที่นั่นมากก็นอนอยู่นั่นไปเลยแล้วกัน ต่อไปก็ไม่ต้องมาที่นี่ ไม่ต้องกลับมากินข้าวแล้ว”
“จะให้พวกหนูนอนที่นี่จริงๆ ใช่ไหมคะ?” เชอร์ลี่ย์มองฉินสือโอวพร้อมกับถาม ที่บาร์เครื่องดื่มก็มีเตียง แถมยังมีห้องให้อยู่ แม้แต่ห้องน้ำก็ยังมี
ฉินสือโอวยักไหล่ใส่อีกแล้วพูดว่าพวกเธออยากทำอะไรก็ทำ คืนนี้ยุงหามพวกเธอแน่ๆ
เด็กๆ ดีใจที่ได้นอนบ้านทุ่ง คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะวิ่งไปเอาผ้าปูที่นอนของตัวเองเข้ามานอนจริงๆ แต่ไม่นานก็วิ่งกลับออกไป
ฉินสือโอวที่กำลังคุยกับมาริโอ้เรื่องฟาร์มอยู่ จึงหัวเราะออกมาเมื่อเห็นเด็กๆ วิ่งกลับมาด้วยสีหน้าผิดหวัง “เป็นอย่างไร ยุงเยอะใช่ไหมล่ะ?”
วินนี่ลุกขี้นยืนพร้อมพูดว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปหายากันยุงไฟฟ้ามาให้”
เชอร์ลี่ย์พูดพร้อมทำหน้ายู่ยี่ “ไม่ ไม่ใช่ยุง แต่มันคือแมลง มันส่งเสียงจิ๊ดๆ ไม่หยุด เสียงของมันหนวกหูมากจนนอนไม่ได้เลยค่ะ”
“แมลงเหรอ?” ฉินสือโอวตกตะลึงและรีบตอบโต้กลับทันที “แมลงที่พวกเธอว่าคือจักจั่นใช่ไหม?”
ถ้าเป็นจักจั่นก็ต้องรู้จักสิ แต่ปกติแล้วในอเมริกาเหนือไม่มีชื่อเรียกแบบนี้
เชอร์ลี่ย์และคนอื่นๆ พยักหน้า กอร์ดอนจึงพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “ใช่ๆ มันเป็นแมลงชนิดนั้น ผมล่ะไม่ชอบจริงๆ พูดแล้วยาว พวกมันยังเรียกแมลงตัวอื่นๆ เข้ามาบริเวณรอบๆ ด้วย หลังคาบ้านเรามีแต่อุจจาระแมลงทั้งนั้น!”
ฉินสือโอวไม่ได้ใส่ใจ เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าฤดูร้อนนี้มันจะมีเยอะ
เชอร์ลี่ย์และเด็กคนอื่นๆ เรียกจักจั่นว่าแมลง ไม่ใช่ว่าพวกเขาเอ็นดู แต่เป็นเพราะเด็กชาวแคนาดาจะเรียกแมลงชนิดนี้แบบนี้ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนัก และตลอดช่วงวัยเด็กของพวกเขาจะพบบ่อยที่สุดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
จักจั่นของแคนาดาและจักจั่นของจีนไม่ใช่สายพันธุ์เดียวกัน จักจั่นเป็นแมลงที่เติบโตเป็นวัฏจักร ตัวอ่อนของพวกมันอาศัยอยู่ใต้ดิน และเมื่อถึงระยะโตเต็มวัยมันก็จะอยู่บนพื้นดินได้แค่ระยะหนึ่งเท่านั้น โดยปกติจะอยู่ในช่วงเดือนที่สองของฤดูร้อนและต้นฤดูใบไม้ร่วง จากนั้นมันก็จะตายไป
จักจั่นของจีนส่วนใหญ่เป็นจักจั่นระยะสามปีหรือห้าปี แต่จักจั่นของแคนาดาเป็นชนิดเดียวกับจักจั่นของอเมริกาเหนือ และชื่อของมันก็คือจักจั่นระยะสิบเจ็ดปี!
ถ้าดูจากชื่อก็สามารถเข้าใจได้ว่าจักจั่นชนิดนี้สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงสิบเจ็ดปี แต่พวกมันจะซ่อนตัวอยู่ใต้ดินนานกว่าสิบหกปี จากนั้นไม่กี่เดือนมันก็จะบินขึ้นสู่พื้นดินเพื่อหาคู่วางไข่แล้วมันก็จะตายไป
ซึ่งปัจจุบันชาวอินเดียแดงในบางพื้นที่ ยังคงใช้จักจั่นในการคำนวณชีวิตของตัวเอง เมื่อจักจั่นปรากฏตัวขึ้นครั้งแรก อาจจะแสดงถึงช่วงเวลาที่เขายังเป็นเด็ก เมื่อจักจั่นปรากฏตัวเป็นกลุ่มใหญ่ จะแสดงถึงช่วงเวลาที่ลูกๆ ของพวกเขาแต่งงาน พอถึงช่วงบั่นปลายชีวิตของเขาและช่วงเวลาที่ใกล้จะปลดเกษียณ จักจั่นถึงจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
หากโชคดี ชาวอินเดียแดงเหล่านี้อาจจะได้สัมผัสกับช่วงระบาดของฝูงจักจั่นอีกครั้ง จากนั้นก็จะตาย
จักจั่นเป็นสัตว์ที่มีอยู่ทั่วโลกและมีอยู่ทุกปี เมื่อปีที่แล้วฉินสือโอวอยู่เกาะแฟร์เวลก็เคยได้ยินเสียงร้องของมันแต่มีน้อยมากจึงไม่ได้สนใจ
แต่ปีนี้ ดูเหมือนว่าจักจั่นจะร้องเสียงดังจนวุ่นวายไปหมด และยังเสียงดังกว่าปีที่แล้วมาก
ฉินสือโอวพูดแค่สั้นๆ มาริโอ้จึงหัวเราะพร้อมพูดว่า “คุณจะไม่เตรียมการป้องกันหน่อยเหรอ? ปีนี้เป็นระยะระบาดของจักจั่นระยะสิบเจ็ดปีด้วย ที่ราบแพร์รีแคนาดาเองก็ได้เตรียมการป้องกันเอาไว้แล้ว”
ตอนนั้นฉินสือโอวไม่ได้เตรียมการป้องกันอะไร เพราะจักจั่นมันแค่ดูดสารอาหารและของเหลวในต้นไม้เท่านั้น มันไม่ได้ทำร้ายคนหรือกัดคนเลย และยังไม่กินธัญพืชอีกด้วย แล้วทำไมจะต้องไปทำร้ายมันด้วย? เขาคิดว่ามาริโอ้ล้อเล่น แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันเขาถึงพบว่า นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น!
ฝูงจักจั่นระบาดรวดเร็วมาก วันก่อนฉินสือโอวยังไม่รู้สึกอะไรเลย พอวันต่อมาเขาไปวิ่งตอนเช้า ทันใดนั้นเขาก็เห็นฝูงจักจั่นบินออกมาจากป่าอย่างหนาแน่น หลังจากเขาวนมาดูอีกรอบพวกมันก็บินกลับไปแล้ว หลังจากนั้นก็มีเสียง ‘จิ๊ดจิ๊ด’ ดังขึ้นมาจากต้นไม้
“ตายล่ะ มันคงจะไม่ใช่จักจั่นนะ?” ฉินสือโอวถามด้วยความประหลาดใจ
เหล่าทหารที่วิ่งตามหลังฉินสือโอวมาก็ได้ยินเสียงพึมพำของฉินสือโอว แบล็คไนฟ์หัวเราะแล้วพูดว่า “แน่นอนว่า มันคือจักจั่น เป็นจักจั่นระยะสิบเจ็ดปี ผมเคยมีความทรงจำกับพวกมันเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนตอนที่ยังเป็นยามอยู่วอชิงตัน ผมเคยต้องทนทุกข์ทรมานเพราะพวกมันมาก่อน!”
แบล็คไนฟ์ที่กำลังพูดอยู่ก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมาทันที “พระเจ้า ช่วยทำให้เวลาเดินช้าลงบ้างได้ไหม? กะพริบตาแป๊บเดียวก็ผ่านมาสิบเจ็ดปีแล้ว ตอนนั้นผมยังเป็นหนุ่มอยู่เลย เฮ้อ”
ฉินสือโอวจึงพูดด้วยความแปลกใจ “จักจั่นนี่นะ จะทำให้พวกนายต้องทนทุกข์ทรมานได้อย่างไร? พวกมันไม่กัดคน ไม่กินธัญพืชและยังเป็นอาหารรสชาติดีอีก”
กลุ่มทหารจึงจ้องมาทางเขาด้วยสายตาประหลาดใจ บีบีซวงจึงคุยโวอวดว่า “อาหารเหรอ? ไม่นะ ผมไม่สามารถกินของสกปรกแบบนี้ได้หรอก พวกมันก็เหมือน เอ่อ เหมือนกับสิ่งแปลกประหลาด ใช่ มันแปลกประหลาด น่ากลัวมาก!”
แอร์แบ็คยังพูดเสริมอีกว่า “พวกมันไม่กัดคนก็จริง แต่มันเป็นสิ่งที่น่ารำคาญมาก ขอแค่มีที่บนต้นไม้ก็จะมีพวกมันอาศัยอยู่ คุณต้องไล่มันออกไปอยู่เรื่อยๆ ไม่อย่างนั้นพวกมันจะส่งเสียงหึ่งๆ เสียงกัดใบไม้เอี๊ยดๆ บนหัวคุณทั้งวันทั้งคืน… พระเจ้า! มันคือหายนะชัดๆ!”
“จักจั่นไม่กินใบไม้ โอเค?” ฉืนสือโอวพูด
ทริกเกอร์แก้ต่างช่วยแอร์แบ็ค “ไม่ พวกมันกิน สนามที่บ้านผมมีต้นหยางเล็กๆ อยู่ต้นหนึ่ง ซึ่งประมาณสิบเจ็ดปีก่อน กลุ่มของจักจั่นบุกรุกเข้ามา ผ่านไปได้ไม่นานใบไม้บนต้นก็หายไปหมดและต้นไม้เล็กๆ ที่น่าสงสารก็ตายลงไปตามธรรมชาติ”
ฉินสือโอวหัวเราะเสียงดังขึ้น เขารู้สึกว่าชาวอเมริกันกลุ่มนี้น่าสนใจจริงๆ ในบางที่พวกเขาถือได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ และในบางที่พวกเขาก็ยังเป็นพวกน่ารักสมองทึ่ม
และเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรให้ถกเถียงกันอีก เพราะฉินสือโอวก็เห็นด้วยกับคำพูดของพวกเขา พอวิ่งมาถึงข้างๆ ต้นไม้จึงยืนฟังเสียงอยู่สักพัก
เสียงร้องของจักจั่นที่น่ารำคาญก็ดังกังวานขึ้น มันไม่มีความไพเราะเลยสักนิดและยังค่อนข้างแสบหูอีกด้วย พอจะเดาได้ว่าบนต้นไม้ต้องมีจักจั่นเยอะมากแน่ๆ
หลังจากกลับมาถึงวิลล่า เขาเช็กในอินเทอร์เน็ตดูว่ามาริโอไม่ได้ล้อเล่นจริงๆ ที่ราบแพร์รีแคนาดามีประกาศเตือนเรื่องการระบาดของจักจั่นระยะสิบเจ็ดปีออกมาจริงๆ
เนื่องจากเดือนที่หนอนจะโตเต็มที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นจักจั่นระยะสิบเจ็ดปีจึงมีทั้งหมดสองสายพันธุ์ โดยแบ่งเป็นอยู่ที่อเมริกาและแคนาดา นอกจากนี้ ทวีปอเมริกาเหนือและที่อื่นๆ ในโลกก็ยังไม่พบการดำรงอยู่ของพวกมัน
ในความเป็นจริงแล้ว ในช่วงที่มีคนเริ่มสร้างรากฐานในทวีปอเมริกาเหนือ ผู้คนเคยมีบันทึกเกี่ยวกับจักจั่นมาก่อน แม้จนทุกวันนี้ นักกีฏวิทยายังคงไม่สามารถเข้าใจสิ่งนี้ที่ถูกเรียกเป็นแมลงที่มีจำนวนมากที่สุดในโลก
จักจั่นระยะสิบเจ็ดปีในประเทศอเมริกา มันครอบครองพื้นที่มากกว่าสิบห้ารัฐและยึดบริเวณกลางมหาสมุทรแอตแลนติกทั้งหมด เช่นบริเวณส่วนใหญ่ของรัฐเวอร์จิเนีย นิวยอร์ก รัฐโอไฮโอ รัฐอินดีแอนา รัฐเทนเนสซี ทางตอนเหนือของจอร์เจียและอื่นๆ
จักจั่นระยะสิบเจ็ดปีในประเทศแคนาดา ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ที่ราบแพร์รีแคนาดา รัฐออนแทรีโอ รัฐคิวเบกและบริเวณทางตอนเหนือของรัฐนิวฟันด์แลนด์ เช่นเกาะแฟร์เวล
สาเหตุที่แมลงชนิดนี้ถูกมองว่าเป็นภัยพิบัติ นั้นเป็นเพราะการระบาดที่เกิดขึ้นฉับพลัน ในเขตพื้นที่ป่ามีการปรับตัวตามสภาพภูมิอากาศ จำนวนจักจั่นต่อเอเคอร์จะเฉลี่ยถึง 1.5 ล้านตัว!
บทที่ 789 ลงสนามรบทั้งหมด
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวค้นพบสาเหตุที่ทำให้จักจั่นเป็นศัตรูพืชได้อย่างรวดเร็ว
ประการแรก จักจั่นที่เติบโตเต็มที่แล้วจะกินใบไม้เป็นอาหาร ซึ่งทำให้ต้นไม้ได้รับความเสียหาย ประการที่สอง โดยปกติแล้ว จักจั่นตัวเมียจะวางไข่ตามเปลือกไม้ก่อนที่จะตกลงสู่พื้นดิน และดักแด้ก็มักจะกินของเหลวในต้นไม้ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ต้นไม้ก็จะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
และอีกอย่าง หลังจากที่พวกมันสัมผัสพื้นดินแล้ว ดักแด้จะทำหลุมในดินและหารากของต้นไม้ หลังจากหาเจอแล้วมันจะค่อยๆ เริ่มกัดกินไปทีละนิด ต่อจากนั้นสิบเจ็ดปี พวกมันก็จะเอารากนี้กินเป็นอาหารตลอด
สุดท้ายมันก็จะส่งเสียงรบกวนผู้คน ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาหรือแคนาดาล้วนพยายามจัดการกับสิ่งนี้อย่างเข้มงวด ครั้งที่แล้วในงานปาร์ตี้ที่ฟาร์มของเหมาเหว่ยหลง เพื่อนบ้านทนายความบ้าบิ่นคนนั้นก็เอาเรื่องนี้มาฟ้องร้องเหมาเหว่ยหลง
นอกจากนี้ฉินสือโอวยังอ่านเจอจากข่าวว่า กลุ่มหญิงจีนสูงอายุที่เต้นระบำอยู่ที่ลานสวนสาธารณะในนิวยอร์กถูกคนในพื้นที่ร้องเรียนว่าสร้างความรำคาญให้กับผู้อื่น แม้แต่ตำรวจก็ยังเข้ามาแทรกแซง เพราะคิดว่าเพลงที่พวกเธอเปิดส่งเสียงดังรบกวนจึงถูกจับไปสถานีตำรวจ
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นทั้งโทษและประโยชน์จากจักจั่นอย่างนั้นเหรอ? เสียใจ นั่นมันไม่ใช่ ถ้าเป็นเช่นนี้ พอฝูงจักจั่นระบาดขึ้นมา ชาวอเมริกันและชาวแคนาดาจึงคิดว่ามันเป็นหายนะ ก็คงจะจริงตามนั้น
พออ่านรายงานเหล่านี้ทำให้ฉินสือโอวถึงกับถอนหายใจ โธ่เอ๊ย ใครบอกว่าจักจั่นมันไม่มีประโยชน์กัน? นี่เป็นอาหารคุณภาพดีเยี่ยม ปริมาณของโปรตีนก็สูงมาก คราบที่มันลอกออกมายังสามารถนำมาทำเป็นยาได้อีก เจ้าสิ่งนี้ในประเทศเราถือว่าเป็นขุมทรัพย์ในร้านอาหารแท้ๆ แล้วในแคนาดายังจะให้มันเป็นแมลงที่เป็นภัยอยู่อีกเหรอ?
ที่แท้ถ้าไม่มีการค้าก็จะไม่มีการฆ่าเกิดขึ้นนี่เอง ชาวแคนาดาไม่กินจักจั่น แต่จะกินเพื่อเพิ่มแรงให้กับคนทำงาน แล้วทำไมฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ถึงทำให้แหล่งทรัพยากรของปลาค็อดหายหมด? หรือถูกคนกินจนไม่เหลือ?
ดูจากประเทศนี้ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาจักจั่นในแต่ละพื้นที่เริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ บางพื้นที่ยังบอกว่าแทบจะไม่ได้ยินเสียงร้องของพวกมันแล้ว ทำไมกันนะ? เพราะตัวอ่อนของจักจั่นรู้ว่าถ้ามุดออกมาจากหลุมจะถูกคนจับไปกิน จึงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ถึงช่วงผสมพันธุ์ได้
เมื่อเห็นแต่ละพื้นที่ยกตัวอย่างภัยของจักจั่นที่ต้องพบในข่าวแล้ว ก็ทำให้นึกถึงจักจั่นในป่าที่ฟาร์มปลา ฉินสือโอวจึงตัดสินใจว่า ในไม่อีกกี่วันข้างหน้านี้เหล่าชาวประมงไม่ต้องไปออกทะเลแล้ว แต่ให้ทุกฝ่ายทำงานกะดึกแทน ตกเย็นเมื่อไรก็ให้ออกไปจับจักจั่น
เมื่อฉินสือโอวประกาศเรื่องนี้ออกไป กลุ่มชาวประมงก็ถึงกับตกตะลึง วินนี่รู้ทันความคิดของฉินสือโอว ด้วยครอบครัวและสภาพแวดล้อมในการทำงานของเธอทำให้เธอคุ้นเคยกับนิสัยการกินอาหารของคนจีนมากขึ้น
ชาร์คคิดว่าฉินสือโอวคงกังวลกับภัยของจักจั่น จึงพูดว่า “ไม่เห็นต้องทำให้ยุ่งยากเลยบอส ในป่าของเรามีนกจมูกหลอดหางสั้นฝูงใหญ่อยู่ พวกมันไม่กินแค่ปลาเท่านั้น แมลงพวกมันก็กินและจักจั่นก็เป็นอาหารของพวกมันเหมือนกัน”
“ถ้าเราต้องการควบคุมภัยพิบัติ เราสามารถใช้คลอรีนเจือจาง 100 เท่าเพื่อฆ่าไข่และตัวอ่อนของพวกมันได้ เพียงแค่พ่นใส่ลำต้นและใบก็ใช้ได้แล้ว หรือใช้ยาฆ่าแมลงจัดการหน้าดิน เพื่อให้ตัวอ่อนของพวกมันไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในใต้ดินได้” นีลเซ็นพูดโน้มน้าวช่วยอีกแรง
ฉินสือโอวโบกมือใส่ แล้วพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย “ที่ฉันให้พวกแกไปจับคือตัวอ่อนไม่ใช่จับตัวโตมันมา จุดประสงค์ของฉันคืออะไรน่ะเหรอ? ก็ต้องเอามากินสิ!”
“กินเหรอ?” กลุ่มชาวประมงถึงกับตกตะลึง
ฉินสือโอวนึกถึงตอนเด็กที่แม่ของเขาทอดดักแด้ให้กิน เขาหัวเราะดังขึ้นพร้อมพูดว่า “ใช่ เอามากินไง มันเป็นอาหารที่รสชาติดีและมีคุณค่าทางโภชนาการด้วย พวกแกเข้าใจไหม?”
เหล่าชาวประมงจ้องมองเขาที่ต้องการพูดอะไรบางอย่าง แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ จึงยืนตรงขึ้นแสดงความเคารพวันทยหัตถ์แบบสไตล์อเมริกัน “เยส เซอร์!”
เป็นหน้าที่ของพวกเขาที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง
เมื่อเป็นเช่นนี้ เหล่าชาวประมงจึงไม่สามารถพูดอะไรได้ ในที่สุดบูลก็มองฉินสือโอวด้วยสายตาเคารพแล้วพูดว่า “กัปตัน ผมขอพูดจากใจจริง คุณเป็นผู้ชายที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารจริงๆ ครับ!”
แอร์แบ็คมองไปที่หู่จือและเป้าจือด้วยความกังวล แล้วกระซิบถามเบิร์ดว่า “ฉันได้ยินมาว่าคนจีนกินเนื้อสุนัขด้วย บอสเลี้ยงพวกมันทั้งสองจนโตขนาดนี้ไม่ใช่เพื่อที่จะกินมันใช่ไหม?”
เบิร์ดจ้องมองไปที่เขาแล้วพูดว่า “อย่าพูดเหลวไหลน่า บ้าไปแล้ว หู่จือและเป้าจือเป็นลูกๆ ของบอสนะ!”
เขาลังเลไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นอย่างฝืนใจ “แต่บอสก็กินเนื้อสุนัขนะ”
ช่วงตรุษจีนเมื่อปีที่แล้วเขากลับบ้านกับฉินสือโอว แล้วเห็นเจ้านายกินเนื้อสุนัขอยู่ในบ้านอย่างไม่เกรงกลัวเลยสักนิด ซึ่งตอนนั้นมันทำให้เขากลัวจนฉี่แทบราด
ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่กินเนื้อสุนัขและการกินเนื้อสุนัขยังเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะไม่กิน
เมื่อก่อนตอนอยู่ประเทศจีน ฉินสือโอวเคยได้ยินคนที่บ้านพูดกันว่าชาวอเมริกันปฏิบัติต่อสุนัขราวกับว่าเป็นคนในครอบครัว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่นิยมกินเนื้อสุนัขกัน
แต่หลังจากมาแคนาดาเขาถึงรู้ว่า มันเป็นแค่เรื่องไร้สาระเท่านั้น ชาวแคนาดาส่วนใหญ่ก็ไม่กินเนื้อสุนัขเช่นกัน แต่เหตุผลที่ไม่กินส่วนใหญ่คือได้รับอิทธิพลทางศาสนา แน่นอนว่าพวกเขาก็ปฏิบัติต่อสุนัขราวกับเป็นคนในครอบครัวและผู้ช่วยด้วยเช่นเดียวกัน และเมื่อเอาหลายๆ สาเหตุมารวมกัน จึงทำให้พวกเขาไม่ค่อยกินเนื้อสุนัข
คนที่ไม่กินเนื้อสุนัขอย่างเคร่งครัดจะเป็นพวกคริสเตียน ซึ่งในข้อตกลงเดิม ‘เลวีนิติ’ หน้าที่สิบเอ็ด มาตราที่สองถึงสามกล่าวว่า “พวกคุณต้องบอกชาวอิสราเอลว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายบนพื้นดินที่พวกคุณสามารถกินได้คือ สัตว์เคี้ยวเอื้องและสัตว์ที่มีกีบเท่านั้น ถึงจะสามารถกินเป็นอาหารได้”
นอกจากนี้ บทที่สิบเอ็ดวรรคที่ยี่สิบเจ็ดยังกล่าวว่า “ในบรรดาสัตว์ที่ใช้สี่เท้าเดินหรือใช้ฝ่าเท้าเดิน คุณควรคิดว่ามันไม่สะอาดและผู้ที่สัมผัสซากศพของพวกมันก็จะไม่สะอาดไปทั้งคืน”
เป็นที่ทราบกันดีว่าในข้อปฏิบัติทางศาสนาคริสต์ ผู้คนสามารถกินได้แค่สัตว์เคี้ยวเอื้อง จำพวกวัวและแกะ หมูเป็นสัตว์จำพวกมีกีบเท้า แต่ไม่ใช่สัตว์เคี้ยวเอื้อง ดังนั้นเมื่อก่อนจึงไม่ค่อยกินกันเท่าไร สำหรับสุนัข แมวและหนู พวกมันไม่ใช่ทั้งสัตว์ที่มีกีบเท้าและสัตว์เคี้ยวเอื้อง โดยปกติแล้วจึงไม่สามารถกินได้
ในอดีตผู้ที่นับถือศาสนาเป็นหลักและชนชั้นสูงในสังคมคนผิวขาวล้วนเป็นศาสนิกชนเกือบทั้งหมด ดังนั้นการไม่กินเนื้อสุนัขจึงกลายเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป ต่อมาสิ่งนี้จึงกลายเป็นกฎที่ได้รับการอนุมัติโดยส่วนตัว แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ปฏิบัติตาม เพราะผู้ที่อาศัยอยู่ในสลัมอเมริกันถ้ารู้สึกหิว อย่าว่าแต่เนื้อหมาเลย แม้แต่หนูพวกเขาก็ยังสามารถย่างกินได้
ในเวลากลางคืน ชาวประมงและทหารทั้งสองทีมจูงสุนัขและพาหมีถือไฟฉายเริ่มออกไปหาจักจั่น
เชอร์ลี่ย์และเด็กๆ รวมตัวไปด้วยกันอย่างสนุกสนาน พวกเขาหิ้วไฟฉายและขวดพลาสติกมองหาจักจั่นอย่างมีความสุข เพราะฉินสือโอวบอกว่ามันอร่อยมาก พวกเขาจึงตัดสินใจจับมันกลับมาลองชิมดู
สองข้างทางในเกาะแฟร์เวลจะเป็นต้นเมเปิล ต้นหยางและต้นเซลโคว่ายืนเรียงกัน ดังนั้นฉินสือโอวจึงให้ทุกคนเดินหาไปตามทาง เพราะมันอันตรายเกินไปที่จะเข้าป่าในตอนกลางคืน หากไม่ระวังบังเอิญเจองูหรือสัตว์ป่าเข้าก็จะยิ่งลำบาก
ฉินสือโอวเดินนำหน้าสุด ตามที่คาดไว้จักจั่นกำลังระบาดหนัก บนต้นไม้ต้นหนึ่งบางครั้งก็มีเจ็ดถึงแปดตัวที่ร่วงกระจายลงมาและกำลังปีนกลับขึ้นไป มีเปลือกหอยจำนวนมากร่วงลงรอบๆ พงหญ้าและกิ่งไม้ ถ้าลองนับดูคร่าวๆ เดาว่าคงจะมีจักจั่นที่เกิดมากกว่าห้าสิบตัวบนต้นไม้
เชอร์ลี่ย์ที่เดินตามหลังเขามาติดๆ ไฟฉายขนาดเล็กในมืออยู่ๆ ก็มีแสงสีชมพูออกมา ฉินสือโอวที่กำลังเมาอยู่ด้วย จึงถามว่า “เธอเอาไฟฉายมาจากไหน?”
เชอร์ลี่ย์จึงอวดว่า “เป็นรางวัลที่หนูได้จากที่โรงเรียนค่ะ เป็นอย่างไรบ้างคะ สวยไหม? ดูสิ ข้างบนมีเซเลอร์มูนด้วยนะคะ”
ฉินสือโอวแบะปากแล้วพูดว่า “เอาไว้ดูอย่างเดียว แต่ใช้งานไม่ได้ สีก็ใช้ไม่ได้…”
เชอร์ลี่ย์จึงมองดูแสงสีชมพูและมองไปที่ฉินสือโอวอีกครั้งด้วยความอายเล็กน้อยพร้อมพูดว่า “หนูไม่ได้ตั้งใจเลือกแสงสีชมพูสักหน่อย สีชมพูไม่ได้หมายถึงแค่การดึงดูดและความกำกวมเท่านั้นนะ…”
ฉินสือโอวตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก ที่เธอพูดหมายถึงอะไร? ฉันหมายความว่าแสงสีชมพูมันไม่เหมาะสมเพราะทำให้ไม่สามารถมองเห็นตัวอ่อนชัดๆ ได้ต่างหาก!
และขณะนี้อยู่ๆ ก็มีแสงสว่างจากไฟฉายส่องขึ้น
ฉินสือโอวรู้ตัวว่าเป็นคนเดินนำหน้าสุดและไฟฉายที่ส่องใส่หน้าเขาก็ไม่ใช่คนของเขาจึงถามขึ้นว่า “ใครอยู่ตรงนั้น?”
เชอร์ลี่ย์ดึงเสื้อผ้าของเขาด้วยความกังวลและถามอย่างไม่สบายใจ “เขาจะมาจับเราไปทำอะไรมิดีมิร้ายหรือเปล่าคะ?”
ฉินสือโอว “…”
บทที่ 790 ของขวัญจากลมพายุที่หลงเหลืออยู่
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากที่ฉินสือโอวร้องตะโกนถาม ก็มีเสียงเบาๆ ดังขึ้น “พี่ฉินใจเย็นๆ อย่าเพิ่งยิง คนกันเอง อย่าเพิ่งยิง ฉันเอง หวงเฮ่าเจีย น้องชายของโหวจื่อไง!”
ฉินสือโอวจึงเข้าไปดูใกล้ๆ และก็เป็นหวงเฮ่าเจียผู้อ่อนโยนและเรียบร้อยจริงๆ ด้วย จึงถามเขาด้วยความสงสัย “ดึกขนาดนี้แล้ว นายออกมาทำอะไร?”
เมื่อมองลงไปเห็นไฟฉายและขวดขนาดใหญ่ในมือของเขา ฉินสือโอวก็เข้าใจในทันที “นายมาหาตัวอ่อนใช่ไหม?”
“ใช่ มาเหมือนกันแหละ” หวงเฮ่าเจียมองที่อุปกรณ์ของเขาแล้วหัวเราะขึ้นมา
เชอร์ลี่ย์ดึงแขนเสื้อของฉินสือโอวด้วยความท้อแท้แล้วกระซิบกับเขาอย่างไม่มีทางเลือก “ทำไมถึงไม่ได้มาทำอะไรมิดีมิร้ายล่ะ?”
ฉินสือโอวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วมองไปที่โลลิต้า เด็กคนนี้คิดอะไรอยู่ทั้งวันกันนะ?
หวงเฮ่าเจียไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด พอเห็นว่ามีโลลิต้าหน้าตาสวยน่ารักอยู่ก็เริ่มเกร็งขึ้นมาทันที จึงยิ้มแห้งพร้อมพูดว่า “เฮอๆ เชอร์ลี่ย์ก็อยู่ด้วยเหรอ? เธอชอบกินดักแด้ไหม? มา ที่พี่หวงมีเยอะเลย พี่ให้เธอหมดเลย”
เชอร์ลี่ย์ยิ้มหวานแล้วพูดว่า “ขอบคุณค่ะพี่หวง แต่พวกเราอยากหาเองมากกว่า ไม่อยากเอาของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง”
หวงเฮ่าเจียจึงรีบพูดขึ้นมาว่า “ไม่ๆๆๆ เอาของคนอื่นไปเป็นของตัวเองที่ไหนกัน เฮอๆๆ เชอร์ลี่ย์ชอบอะไรก็บอกฉันได้นะ สิ่งที่เธอชอบฉันไม่ชอบหรอก…”
“ฮะ?” เชอร์ลี่ย์ถึงกับตกใจ
หวงเฮ่าเจียรู้สึกแปลกๆ จึงรีบพูดขึ้นอีกครั้ง “ฉันหมายความว่า เธอไม่ชอบอะไรฉันก็ชอบอันนั้น เฮอๆ ไหนๆ เธอก็ต้องการตัวอ่อนพวกนี้อยู่แล้ว พี่หวงยกให้เธอหมดเลย”
เชอร์ลี่ย์มองเขาด้วยความแปลกใจแล้วส่ายหัวเพื่อปฏิเสธอีกครั้ง
ฉินสือโอวรู้นิสัยของเขาดี หวงเฮ่าเจียสมกับเป็นคู่เกย์กับเจ้าโอตาคุโหวจื่อเซวียนนั่นจริงๆ เห็นโลลิต้าน่ารักๆ หน่อยไม่ได้ ก็ชอบทำพฤติกรรมน่ารังเกียจแบบนี้ใส่ไปหมด
เมื่อเห็นโลลิต้าครั้งแรก โหวจื่อเซวียนแทบไม่อยากจะมอบใจให้ใคร แต่ตอนนี้มีหวงเจียเจียแล้วจึงเปลี่ยนนิสัยตัวเอง ด้วยเหตุนี้หวงเฮ่าเจียจึงรับอาวุธมาไว้ในมืออีกครั้ง
เมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์ไม่ยอมรับ หวงเฮ่าเจียจึงพยายามหาทางตามไปหาตัวอ่อนด้วย ฉินสือโอวไม่มีทางเลือก นอกจากต้องปล่อยให้เขาตามมาด้วย
โลลิต้าไม่พอใจจึงย่ำเท้าเดินไปมาอยู่สักพัก หู่จือก็ตามมาด้วย เธอจึงลากหู่จือกลับไปเล่นที่ฟาร์มปลา ไฟฉายสีชมพูกะพริบไปตลอดทาง หวงเฮ่าเจียปรากฏขึ้นมาแวบหนึ่งก็หายไป
ฉินสือโอวเห็นหวงเฮ่าเจีย เจ้าโอตาคุที่กำลังมองตามเงาที่กำลังเดินจากไปของเชอร์ลี่ย์ ด้วยสีหน้าที่ทั้งสุขทั้งเศร้า
“อะแฮ่ม เธอไปแล้ว รอจนจะแข็งเป็นหินแล้ว” ฉินสือโอวเรียกสติ
เจ้าโอตาคุหัวเราะกลบเกลื่อนความเขินอายของตัวเอง จากนั้นจึงถามด้วยความสงสัยว่า “เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ? รอจนจะแข็งเป็นหิน? มันหมายความว่าอะไร?”
“ไม่มีความหมายหรอก ฉันแค่อยากจะบอกว่า แม้ว่าเชอร์ลี่ย์จะไม่ชอบกินดักแด้ แต่ฉันชอบกินนะ ถ้านายไม่ต้องการก็เอามาให้ฉันเถอะ” ฉินสือโอวกล่าว
เจ้าโอตาคุเอาขวดไปวางซ่อนไว้ข้างหลัง แล้วมองฉินสือโอวอย่างระมัดระวังแล้วพูดว่า “ใครบอกว่าไม่อยากได้? ฉันจะเอากลับไปหมักน้ำเกลือ พอถึงตอนเย็นก็จะทอดกินอย่างเอร็ดอร่อย”
ฉินสือโอวตบไหล่เขาเบาๆ นายนี่ร้ายมากนะ ร้ายกว่าฉันอีก นายเป็นแบบนี้ยังจะจีบสาว นอกจากท้องฟ้าจะไม่มีฝนแล้วผู้หญิงก็ยังไม่สนใจอีก
ฉินสือโอวเดินเตร็ดเตร่มาตลอดทางจนห้าทุ่ม เขาเพิ่งถึงวิลล่า วินนี่หลับไปแล้ว เขากระซิบบอกให้เหล่าชาวประมงกลับไปเอาหม้ออัดความดันมาใส่ตัวอ่อน
ใช่สิ มีตัวอ่อนมากมายขนาดนี้ ขวดใหญ่ในมือของทุกคนก็ใส่ตัวอ่อนเต็มกันหมดแล้ว ฉินสือโอวคาดว่าเย็นนี้ต้องจับได้ประมาณสองพันกว่าตัวแน่นอน!
นี่เป็นสิ่งที่เกินคาดในประเทศจีน ซึ่งในแคนาดากลับเป็นเรื่องที่ปกติมาก ไม่มีใครสนใจสิ่งนี้ ปีนี้เป็นช่วงระบาดของจักจั่นระยะสิบเจ็ดปีอีก แล้วทำไมจำนวนของจักจั่นถึงน้อยลง? แต่เย็นวันนี้เขาเก็บได้มากกว่าสองพันตัว ซึ่งก็ทำให้เขาแปลกใจอยู่เล็กน้อย
หม้ออัดความดันมีขนาดเล็กเกินไป ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงแบ่งใส่ต่างหากและใส่น้ำเกลือลงถ้วย แล้วเอาตัวอ่อนหมักลงไป เมื่อทำเช่นนี้จะทำให้รักษาความสดและนุ่มของเนื้อดักแด้ได้และยังสามารถหมักจนเข้ารสเค็มได้อีกด้วย หลังจากนั้นจึงนำมาทอดกินก็ใช้ได้แล้ว
เมื่อเก็บตัวอ่อนเหล่านี้จนพอใจแล้ว ฉินสือโอวก็เอาหม้ออัดความดันและถ้วยมาใส่ วินนี่จึงพูดว่า “ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป เราจะมีอาหารเสริมโปรตีนสูงและรสชาติสุดแสนอร่อยกันแล้ว!”
แบล็คไนฟ์ยิ้มแหยะพร้อมพูดว่า “บอส ถ้าอย่างนั้นเราจะกินแค่ไข่เพื่อเสริมโปรตีนสูงได้ไหม? จักจั่นนี่ไม่เอาได้ไหม?”
ฉินสือโอวยักไหล่แล้วพูดว่า “ตามใจพวกนายแล้วกัน หวังว่าจากนี้พวกนายจะไม่ติดใจกับกลิ่นหอมนี้นะ”
กลุ่มชาวประมงและทหารค่อยๆ พากันส่ายหัว ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็จะไม่กินจักจั่นเป็นอันขาด
นิสัยการกินของชาวแคนาดานั้นแตกต่างจากชาวต่างชาติ ตั้งแต่สมัยก่อนมีประชากรชาวต่างชาติหนาแน่นมาก จึงทำให้อาหารค่อนข้างขาดแคลน ดังนั้นจึงต้องมีการบุกเบิกผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ๆ อยู่เสมอ หากมองหาอาหารใหม่ๆ ได้ อาจจะทำให้คนเริ่มมาลองชิม แต่ต้องเป็นอาหารที่มีรสชาติอร่อยเท่านั้น จากนั้นคนที่มากินก็จะขวักไขว่มากันอย่างไม่ขาดสาย
แคนาดาเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างกว้างขวาง อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะทรัพยากรทางทะเล ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์เมื่อก่อนไม่มีอะไรสักอย่างจนทุกวันนี้ได้เป็นหนึ่งในทั่วโลก ดังนั้นสิ่งที่ต้องปลูกฝังพวกเขาคือนิสัยการกินที่คุ้นเคยเท่านั้น
เช่นเนื้อหมูป่า เนื้อหมูป่าไม่อร่อยเหรอ? ฉินสือโอวรู้สึกว่าหลังจากเอามาย่างให้สุกแล้วมันก็อร่อยพอๆ กับเนื้อวัว ซึ่งตอนนี้ชาวประมงก็ได้รับอิทธิพลการชอบกินเนื้อหมูป่าย่างมาจากเขา
แต่ในสังคมทั่วโลก เนื้อหมูป่าเป็นสิ่งที่ขายไม่ได้ ผู้คนปฏิเสธที่จะกินเนื้อสัตว์ชนิดนี้เป็นอาหารด้วยเหตุผลที่ว่าอาจจะมีแบคทีเรียและจุลินทรีย์แฝงอยู่ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็จะไม่กินมัน
เมื่อเก็บจักจั่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ฉินสือโอวยังไม่รู้สึกง่วงมากนัก จึงปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไว้ในฟาร์มปลาเพื่อไปดูสถานการณ์ปัจจุบันของฟาร์มปลา
การมาถึงของลมพายุทำให้ฟาร์มปลามีสัตว์สายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น ซึ่งก็คือดอกไม้ทะเล
แนวปะการังของฟาร์มปลาไม่เคยมีดอกไม้ทะเลเจริญเติบโตและแพร่พันธุ์มาก่อน แม้ว่าสิ่งมีชีวิตนี้จะรู้จักกันดีว่าเป็นคู่ผสมพันธุ์แนวปะการัง แต่ความอดทนต่อสภาพแวดล้อมของพวกมันแย่กว่าแนวปะการัง ซึ่งดอกไม้ทะเลส่วนใหญ่จะต้องอยู่ในอุณหภูมิยี่สิบองศาเซลเซียสขึ้นไปตลอดทั้งปี
อุณหภูมิในแถบบริเวณน่านน้ำของนิวฟันด์แลนด์ไม่สามารถสูงถึงอุณหภูมินี้ได้ อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีสูงถึงสิบองศาเซลเซียสก็ดีมากแล้ว ไม่เช่นนั้นแมลงปะการังเหล่านี้จะถูกพัฒนาโดยพลังโพไซดอน ซึ่งจะให้พวกมันแข็งตายเร็วขึ้น
ในมหาสมุทรแอตแลนติกทั้งหมด มีเพียงน่านน้ำทางใต้ อย่างแนวชายฝั่งของไมอามีเท่านั้นที่จะมีอุณหภูมิสูงถึงขนาดนี้ได้ ซึ่งแนวปะการังและดอกไม้ทะเลที่เหมาะกับการดำรงชีวิตแบบนี้มีอยู่น้อยมากและมักจะอยู่ทางเหนือ
ลมพายุครั้งนั้นพัดเข้ามาจากทางเหนือของไมอามี และพัดเอาดอกไม้ทะเลอเมริกันและดอกไม้ทะเลซากุระเข้ามาด้วย ดอกไม้ทะเลสายพันธุ์เหล่านี้ค่อนข้างทนต่อความหนาวเย็น ต่อให้อุณหภูมิต่ำกว่าสิบห้าองศาเซลเซียสพวกมันก็สามารถอยู่รอดได้
ดอกไม้ทะเลเหล่านี้ที่พัดมาจากลมเหนือนั้นเป็นพืชที่มีเกสรเพศผู้และเพศเมียอยู่ในต้นเดียวกัน ซึ่งเพศผู้จะเจริญเติบโตก่อน จากนั้นไข่ อสุจิและสเปิร์มจะทำกระบวนการปฏิสนธิในน้ำทะเลและเจริญเติบโตเป็นตัวอ่อนลอยตัว
การพัดเข้ามาของดอกไม้ทะเลซากุระเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมาก เพราะพวกมันเป็นพืชที่สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ ซึ่งจะแยกร่างออกเป็นสองส่วน ฉินสือโอวจึงนำพลังโพไซดอนบางส่วนแผ่เข้าไป พวกมันเริ่มแพร่พันธุ์ออกมาจำนวนมากราวกับภาพสะท้อนที่กำลังแยกออกจากกัน ความเร็วที่แยกจากกันเกือบจะทำให้มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
ฉินสือโอวแผ่พลังโพไซดอนให้กับดอกไม้ทะเลซากุระก่อน ดอกไม้ทะเลสายพันธุ์นี้มีรูปร่างเป็นทรงกระบอก ระดับความสูงปกติจะไม่เกินห้าเซนติเมตร รูปร่างดูเหมือนว่าจะอ้วนๆ เตี้ยๆ แต่มันน่ารักมาก
นี่คือดอกไม้ทะเลประดับที่มีชื่อเสียงมาก สีสันโดยรวมจะเป็นสีเขียวและสีแดงตัดกัน ซึ่งเป็นสีที่สวยสะดุดตาที่สุดในใต้ท้องทะเล หนวดสั้นและหนาแน่น มีไคลเทลลัมสีชมพูและลายสีขาวตัดกัน ซึ่งเมื่อพัดไปตามกระแสน้ำแล้วจะมีความสวยงามมากจนไม่มีอะไรเทียบได้
บทที่ 791 แมงกะพรุนแอตแลนติกเหนือ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ดอกไม้ทะเลเป็นสิ่งที่ติดมากับแนวปะการัง ซึ่งมีจำนวนน้อยและส่วนใหญ่เพิ่งจะเจริญเติบโต
ชีวิตของพวกมันเปราะบางมาก เพราะร่างของตัวแม่ส่วนใหญ่ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของน้ำที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ พวกมันจึงตายหลังจากถูกพัดมาอยู่ที่ฟาร์มปลาต้าฉิน แต่ดอกไม้ทะเลที่กำลังเกิดใหม่จะมีแรงปรับตัวที่แข็งแรงกว่า แต่ถ้าไม่มีแนวปะการังเมื่อผ่านไประยะหนึ่งพวกมันก็เฉาตายได้เช่นเดียวกัน
โชคดีที่ฟาร์มปลาต้าฉินมีแนวปะการังขนาดใหญ่
ดอกไม้ทะเลทั้งเล็กและใหญ่จะฝังอยู่ตามแนวปะการัง มีสีสันสดใสสวยงามคล้ายกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน คลื่นใต้ท้องทะเลที่กำลังซัดไปมาทำให้หนวดของดอกไม้ทะเลเหล่านี้ถูกพัดตามกระแสน้ำไปด้วย จึงทำให้เกิดเป็นรูปร่างมากมาย ช่างสวยสดงดงาม เมื่อพวกมันเติบโตขึ้นด้วยกันก็จะรวมตัวกันเป็นพุ่มดอกไม้
ลูกปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะและปลาแซลมอนโคโฮบางตัวเมื่อเห็นดอกไม้ทะเลอันสวยงามเหล่านี้ก็คิดว่าสามารถเป็นที่อยู่อาศัยได้ หลังจากที่พวกมันว่ายเข้าไป ดอกไม้ที่นุ่มนวลส่องแสงแวววาวก็โผล่ออกมาช้าๆ ค่อยๆ ล้อมรอบปลาตัวเล็กเอาไว้ จากนั้นก็ดึงเข้าใส่ปาก
ฉินสือโอวส่ายหัว ใต้ท้องทะเลเป็นกับดักแทบทุกที่จริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่ปลาจำนวนมากออกไข่ครั้งหนึ่งจะได้ไข่หลายสิบล้านตัว ไม่อย่างนั้นพวกมันคงโตไม่พอจริงๆ
กลีบดอกไม้ของดอกไม้ทะเลที่แผ่ออกนั้น จริงๆ แล้วคือหนวดของพวกมัน ซึ่งกระเปาะเล็กๆ บนหนวดแต่ละเส้นจะเต็มไปด้วยพิษนิโดไซต์ยาวลงมาถึงส่วนหน้าของหนวด นั่นก็คือถุงพิษ สาเหตุที่ปลาเล็กถูกมันจับคือพวกมันไร้เดียงสาทำให้โดนพิษยาสลบจนไม่มีแรงขัดขืน
โดยทั่วไป นอกจากสัตว์บางจำพวกเช่นปลาการ์ตูนและกุ้งแอนนิโมนแล้ว สัตว์ทะเลส่วนใหญ่จะอยู่ห่างจากดอกไม้ทะเล แน่นอนว่ายกเว้นเจ้าฉลามแมวเจ็ดพี่น้องจอมงี่เง่า
หลังจากฉลามเจ็ดพี่น้องกลับมาจากไปคลื่นทะเลลึก มันก็พบว่าการฝึกเดินทางอย่างลำบากทั้งหมดด้วยตัวเองนั้นไร้ประโยชน์ พวกมันอยู่ต่ำกว่าตำแหน่งฟาร์มปลาและเมื่อพวกมันไม่อยู่ ก็จะมีหมึกยักษ์ที่น่ากลัวตัวหนึ่งเข้ามา
ฉลามเจ็ดพี่น้องที่ดูไม่มีความสุขจึงไม่ค่อยกล้าลงไปที่ทะเลลึก เดิมทีเฮยป้าหวังพาฉลามขาวฝูงหนึ่งมาด้วยก็น่ากลัวมากพอแล้ว ตอนนี้ยังมีหมึกยักษ์ที่น่ากลัวยิ่งกว่าเข้ามาอีก ฉลามเจ็ดพี่น้องจึงมองว่าทะเลลึกเป็นสถานที่ต้องห้าม
ทะเลน้ำตื้นก็ไม่มีอะไรให้เล่น พวกมันจึงไปที่กลุ่มสาหร่ายคอมบุเพื่อต่อสู้กับกลุ่มปลาอีโต้มอญ และผลก็คือพวกมันแพ้ เพราะกลุ่มปลาอีโต้มอญใช้วิธีการรบทางทะเลของปลาในการต่อสู้ จากนั้นพวกมันจึงทำได้เพียงออกมาปลดปล่อยที่น่านน้ำแนวปะการัง
การปรากฏของดอกไม้ทะเลเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ เหล่าฉลามแมวเห็นแล้วก็รู้สึกว่าสวยงามมาก จึงเข้าไปดูใกล้ๆ อย่างระมัดระวัง
หกพี่น้องยุให้พี่ใหญ่ลองเข้าไปดู วันจันทร์จึงลองด้วยการใช้ปากแตะๆ ที่ดอกไม้ทะเล
ดอกไม้ทะเลมีสองแปรงในการรับมือกับปลาและกุ้งตัวเล็ก แต่เมื่อต้องเผชิญกับฉลามแมวที่มีความยาวกว่าหนึ่งเมตร จึงทำให้ถุงพิษของพวกมันมีกำลังไม่มากพอ
แต่พวกมันก็มีวิธีอื่นในการปกป้องตัวเอง ด้วยการพ่นน้ำในปากออกมา จากนั้นก็เก็บหนวดเข้าและหดตัวไว้
ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ฉลามเจ็ดพี่น้องมีความสุขขึ้นมาก ท่าทางที่แสดงออกมาของดอกไม้ทะเลเหมือนกับเป็นหญิงสาวไร้เดียงสาที่ขี้อายและบอบบาง ฉลามแมวเจ็ดพี่น้องเป็นพวกอันธพาลที่มีชื่อเสียงในฟาร์มปลา ในที่สุดพวกมันก็เจอเหยื่อแล้ว เมื่อไรที่พวกมันเจอดอกไม้ทะเลก็จะขู่ให้กลัวจนต้องหดตัวกลับไป
ฉลามเจ็ดพี่น้องกำลังเล่นกันอย่างมีความสุข อยู่ๆ ก็มีเงาที่แข็งแกร่งสามเงาค่อยๆ ออกมาทีละตัว ไอซ์สเกต เบลูกาและบีนปรากฏขึ้นเรียงกันแล้วพุ่งเข้าใส่ฝูงฉลามแมว พวกมันจัดการกับฝูงฉลามแมวให้กลัวจนฉี่ราดแล้วว่ายหนีหายไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากฝูงฉลามแมวว่ายหนีไปแล้ว เบลูกาและอีกสองตัวก็สำรวจโดยรอบแนวปะการัง จึงเห็นดอกไม้ทะเลคลายหนวดออกมาอีกครั้ง จากนั้นพวกมันจึงว่ายกลับไปอย่างพึงพอใจ
ฉินสือโอวย้ายไปยังน่านน้ำทางเหนือและกลุ่มเต่ามะเฟืองก็ตามมาจากด้านหลัง ฤดูกาลนี้พวกมันไม่ได้ขึ้นฝั่งเลย คาดว่าพวกมันคงรอให้ผ่านช่วงฟักไข่ในฤดูใบไม้ร่วงไปก่อน พวกมันถึงจะไปข้ามฤดูหนาวไปที่เขตร้อน
สาเหตุที่กลุ่มองค์กรและประเทศต่างๆ ทั่วโลกต้องการอนุรักษ์เต่ามะเฟือง เป็นเพราะในตัวของเต่าสายพันธุ์นี้ยังมีปัญหามากมายที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข เช่นสาเหตุที่พวกมันมักจะเดินทางไปในมหาสมุทรโดยตรง หรือสาเหตุที่ลาดตระเวนไปทั่วโลก และลักษณะพิเศษของที่อยู่อาศัยของพวกมัน
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุ คือความสามารถในการมองเห็นของพวกมันแย่มาก แต่ทำไมถึงหาแมงกะพรุนที่ซ่อนอยู่ในน้ำได้อย่างรวดเร็ว
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ฉินสือโอวไม่ได้ระวัง กลุ่มเต่ามะเฟืองได้บุกรุกเข้าไปในฝูงแมงกะพรุน ซึ่งแมงกะพรุนเหล่านี้เป็นสีเขียวอมฟ้า พวกมันมักจะซ่อนตัวอยู่ในน้ำอย่างลับๆ ส่วนร่มที่นูนขึ้นมาเป็นลักษณะเหมือนซาลาเปาหมั่นโถว กระดองร่มใหญ่มีขนาด 1.5 เมตรและส่วนเล็กๆ จะประมาณครึ่งเมตร
ฉินสือโอวจึงสังเกตอย่างละเอียด แมงกะพรุนชนิดนี้สามารถกินได้และชื่อของมันคือแมงกะพรุนแอตแลนติกเหนือ แต่มันก็เหมือนกับแมงกะพรุนทั่วไป มันมีพิษเหมือนกัน เพียงแต่พิษมันจะอ่อน ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต เว้นแต่ว่าจะถูกหุ้มด้วยฝูงแมงกะพรุน
ฝูงแมงกะพรุนปรากฏขึ้นมาอย่างล้นหลาม พวกมันแพร่ขยายสายพันธุ์เมื่อ 650 ล้านปีก่อน ซึ่งเร็วกว่าไดโนเสาร์และตอนนี้ไดโนเสาร์ก็สูญพันธุ์ไปจนไม่รู้ว่ากี่พันปีมาแล้ว แต่พวกมันกลับยังมีชีวิตดีๆ อยู่บนโลก
หัวแมงกะพรุนสามารถใช้ทำเป็นอาหารทานเล่นได้ ในสมัยโบราณจะรู้จักกันในชื่ออาหารทะเลสดแปดอย่าง โดยเฉพาะคุณภาพของแมงกะพรุนแอตแลนติกเหนือจะดีมากเป็นพิเศษ เพราะสัตว์ประเภทนี้กลัวมลพิษและน่านน้ำทะเลแอตแลนติกเหนืออาจเป็นหนึ่งในแหล่งอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทรัพยากรน่านน้ำที่ดีที่สุดในโลก
ฉินสือโอวไปแผ่พลังโพไซดอนให้กับคราเคน จึงทำให้พบซากเรืออับปางลำหนึ่งปรากฏขึ้นในปะการังทะเลลึก!
เรืออับปางลำนี้มีขนาดค่อนข้างเล็ก มีความยาวประมาณสิบสี่ถึงสิบห้าเมตร เป็นเรือใบธรรมดาๆ ที่ผุพังไปแล้ว ไม่รู้ว่ามันจมอยู่ใต้น้ำมากี่ปีแล้ว ชิ้นส่วนของเรือก็พังลงมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งคราเคนก็ยังคงวนเวียนอยู่แถวๆ เรือใบลำนี้
เดิมทีฉินสือโอวก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อเห็นเรืออับปาง แต่พอเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบว่าข้างในเรือนั้นไม่มีอะไรเลย อะไหล่อุปกรณ์ก็พังหมดจนใช้ไม่ได้และก็ไม่รู้ว่าคราเคนไปหาเรือลำนี้เจอจากที่ไหน
คราเคนวนเวียนอยู่รอบๆ เรืออับปางอย่างสนุกสนาน ทำให้ฉินสือโอวนึกถึงตอนที่เจอมันครั้งแรกที่ร่องน้ำลึกในทะเล ที่นั่นก็มีเรืออับปางอยู่ลำหนึ่งเช่นเดียวกัน ฉินสือโอวจึงคิดว่าเรือลำนี้น่าจะถูกคราเคนลากมาจากที่ไหนสักที เพราะมันชอบอยู่รอบๆ เรือ
หลังจากแผ่พลังโพไซดอนให้แล้ว คราเคนก็ใช้หนวดขนาดใหญ่พันเรือใบไว้แล้วเขย่ามันไปมาในน้ำสักพัก จากนั้นก็วางมันลง
ฉินสือโอวหัวเราะพร้อมจากไป จากนั้นอยู่ๆ ก็คิดอะไรบางอย่างได้ แรงของคราเคนดูเหมือนจะมีเยอะ ถ้าเป็นเช่นนั้นในทะเลก็…
ความคิดนี้ยังไม่หนักแน่นพอ ฉินสือโอวจึงส่ายหัวแล้วเก็บไว้ในใจก่อน จากนั้นจึงรวบรวมจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกลับคืนแล้วนอนหลับสนิททันที
หลังจากตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ฉินสือโอวออกไปดูตัวอ่อนก่อน เพราะว่าสิ่งนี้จะลอกคราบอย่างรวดเร็วและถ้าเป็นเช่นนั้นคุณค่าทางโภชนาการก็จะลดลงและรสชาติจะอร่อยไม่เท่าตอนเป็นดักแด้
ตัวอ่อนแช่น้ำเกลือได้พอดีแล้ว ฉินสือโอวจึงตักขึ้นใส่หม้อประมาณยี่สิบกว่าตัวแล้วนำมาทอดโดยใช้น้ำมัน
บางคนชอบกินตัวอ่อนทอด ฉินสือโอวรู้สึกว่าถ้าใช้น้ำมันทอดจะดีกว่า เพราะไม่ทำให้เลี่ยนจนเกินไป เมื่อทอดให้ใช้ก้นขวดไวน์กดลงไปแล้วจะทำให้ทอดสุกเร็วและรสชาติยังดีมากด้วย
ผงยี่หร่าและผงพริกป่นเป็นของสำเร็จรูปมาแล้ว ฉินสือโอวจึงใช้เกลือผสมลงไปอีกนิดหน่อย เมื่อคลุกเคล้าตัวอ่อนให้เข้าเครื่องกับเครื่องปรุงรสแล้วก็สามารถกินได้เลย ซึ่งจะมีแค่สูตรเดียวและรสชาติเดียว ตัวอ่อนที่ทอดจนสุกจะกรอบนอกนุ่มในและมีรสชาติหอมอร่อย
เมื่อถึงช่วงทานอาหารเช้า ฉินสือโอวถือจานมาหนึ่งใบ เมื่อเออร์บักเห็นจึงหัวเราะขึ้นมาแล้วหยิบเครื่องปรุงขึ้นมาจิ้มกิน พร้อมพยักหน้าพูดว่า “อืม รสชาติไม่เลวเลยนะ ครั้งสุดท้ายที่ฉันกินเจ้านี่เหมือนจะเป็นตอนสมัยหนุ่มๆ”
“ตอนนี้คุณปู่ก็ยังเป็นหนุ่มอยู่นะ” เชอร์ลี่ย์ปากหวานเอ่ย
เออร์บักหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ใจฉันหนุ่มมาก แต่อายุฉันน่ะ พวกนายเรียกว่าปู่กันหมดแล้วนะ จะยังเป็นหนุ่มได้อย่างไรกัน?”
บทที่ 792 นี่คือน้ำหล่อเลี้ยงในเนื้อเยื่อต้นไม้
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ฉินสือโอวจึงคุยกับชาร์คว่า “นายพาคนไปค้นหาตามแนวชายฝั่ง ฤดูกาลนี้แมงกะพรุนจะมีการสืบพันธุ์มากเป็นพิเศษ ตายละ ฉันไม่คิดว่าสาเหตุนี้จะทำให้น้ำมีปัญหา”
พวกชาวประมงล้วนเป็นคนที่คุ้นเคยกับท้องทะเลเป็นอย่างดี พวกเขารู้เรื่องแมงกะพรุนมากกว่าฉินสือโอว ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่าอันไหนสามารถกินได้และอันไหนควรจะทิ้งอย่างชัดเจน
วันนี้เด็กๆ ไม่ต้องไปโรงเรียน เพราะวันนี้เป็นวันเฉลิมฉลองการลงประชามติที่นิวฟันด์แลนด์รวมเข้ากับแคนาดา จึงเป็นวันหยุดอีกหนึ่งวัน
วันนี้ในประวัติศาสตร์ปี 1948 นิวฟันด์แลนด์ได้ทำการประชุมการออกเสียงประชามติ ซึ่งมีมติผ่านให้รวมเข้ากับแคนาดา เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ปี 1949 นิวฟันด์แลนด์จึงได้เข้าร่วมกับแคนาดาอย่างเป็นทางการ โดยเข้าร่วมเป็นรัฐที่สิบของแคนาดา
สำหรับนิวฟันด์แลนด์แล้ว นี่ไม่ใช่ความทรงจำที่ดีนักเพราะชนพื้นเมืองมีความรู้สึกที่อิสระเป็นอย่างมาก ในช่วงต้นศตวรรษเป็นอาณาจักรปกครองตนเองอาณาจักรแรกหลังจากจักรวรรดิอังกฤษสูญเสียอาณานิคมของอเมริกา ดังนั้นจึงเคยเป็นประเทศเอกราชมาก่อน
แต่เพราะในเวลานั้นยังเป็นประเทศเอกราชของจักรวรรดิอังกฤษ ดังนั้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง นิวฟันด์แลนด์จึงได้กู้เงินจำนวนมากมาเพื่อเป็นเงินทุนในการทำสงคราม และด้วยเหตุนี้ในช่วงทศวรรษที่ 1920 จึงทำให้ขาดดุลทางการเงินมาโดยตลอด และในช่วงทศวรรษที่ 1930 จึงมีหนี้สินสะสมมากกว่าสามเท่าของรายได้ประชาชาติ
ในปี 1933 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสินเชื่อและความน่าเชื่อถือของนิวฟันด์แลนด์ ธนาคารรายใหญ่แต่ละที่ของแคนาดาจึงใช้อำนาจข่มขู่ว่าจะระงับการให้กู้ยืมเงินชั่วคราว นิวฟันด์แลนด์จึงหันไปขอความช่วยเหลือจากลอนดอน ดังนั้นรัฐบาลอังกฤษจึงส่งคณะกรรมการสอบสวนแห่งราชวงศ์ไปเพื่อตรวจสอบปัญหานี้
ชาวอังกฤษทำสิ่งชั่วร้ายและเล่นสกปรกกับการเมืองจริงๆ ซึ่งหลังจากที่พวกเขาตรวจสอบแล้ว แผนการแก้ไขปัญหาที่ฝ่ายเดียวเสนอคือต้องการให้ยุบสภานิวฟันด์แลนด์และถ่ายโอนอำนาจทั้งหมดของรัฐบาลให้กับสมาชิกคณะกรรมการหกคน แต่สมาชิกของคณะกรรมการต้องมาจากนิวฟันด์แลนด์สามคน ซึ่งสามคนนี้ต้องมาจากสหราชอาณาจักร
ไม่แปลกใจเลยที่จริงๆ แล้วแผนการนี้ต้องการให้นิวฟันด์แลนด์ละทิ้งอำนาจอธิปไตยของประเทศชาติและให้กลับสู่สถานะอาณานิคมดังเดิม
แน่นอนว่าถึงแม้ก่อนหน้านี้พวกเขาจะถูกรู้จักกันในชื่อประเทศเอกราช แต่ก็ยังเป็นอาณาจักรปกครองตนเองของแคนาดา ดังนั้นรัฐสภานิวฟันด์แลนด์จึงต้องยอมรับเงื่อนไขนี้ในที่สุด และยุบรัฐบาลประชาธิปไตย
ซึ่งสถานการณ์นี้ยังคงอยู่จนถึงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง อังกฤษได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่มีเงินงบประมาณให้กับนิวฟันด์แลนด์ จึงเสนอให้ยุติการส่งรัฐบาล
แต่ในตอนนั้นนิวฟันด์แลนด์ยังยืนยันจะเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งทำให้มีสูญเสียอย่างหนักเช่นเดียวกันและการก่อสร้างในประเทศก็กำลังประสบกับปัญหาคอขวด ในเมื่อหมดหนทางแล้วจึงทำได้เพียงหันไปขอความช่วยเหลือจากแคนาดา หลังจากแคนาดารับสัญญารับผิดชอบหนี้สินแล้ว จึงทำให้ผ่านการลงประชามติให้เป็นรัฐที่สิบของแคนาดา
เด็กๆ ไม่สนใจเรื่องนี้ ซึ่งในความเป็นจริงชาวแคนาดาก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะมาจากไหนหรือจะอพยพมาอยู่นานแค่ไหนแล้ว เพราะรู้ไปก็วุ่นวายเปล่าๆ เช่นชาวเม็กซิกันและญี่ปุ่นทั้งสองประเทศค่อนข้างหัวโบราณ ครอบครัวผู้อพยพจะไม่อนุญาตให้เด็กๆ เรียนภาษาอังกฤษ และยังพยายามให้พูดแต่การพูดภาษาเม็กซิกันและภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น ดังนั้นเด็กที่มาจากครอบครัวเหล่านี้จะไม่รู้สึกผูกพันกับแคนาดาบ้างเหรอ?
เชอร์ลี่ย์พวกเขายิ่งไม่สนว่าตัวเองจะเป็นคนนิวฟันด์แลนด์หรือแคนาดา พวกเขาขอแค่มีเวลาเล่นในหนึ่งวันเยอะๆ เท่านั้นก็พอ
พอช่วงกลางวันเล่นกันได้สักพัก ก็มีเด็กสองสามคนวิ่งกลับมาด้วยความฉุนเฉียว พวกเขาหาไม้แท่งเล็กๆ ยาวๆ จนเจอแล้วจึงนำไปผูกกับไม้กวาดเพื่อทำอะไรบางอย่าง
หู่จือและเป้าจือก็เข้ามาใกล้ๆ เพื่อดูเด็กๆ กำลังพูดคุยกัน พวกมันทั้งสองมักจะร้องขึ้นเสมอราวกับว่าอยากมีส่วนร่วมในการพูดคุย
ฉินสือโอวจึงถามด้วยความแปลกใจ “พวกเธอกำลังทำอะไรกัน?”
กอร์ดอนก้มหน้าพูดว่า “ไปไล่จักจั่นนั้นกัน”
พาวลิสจึงอธิบายว่า “พวกเราอยากเล่นกันในบ้าน แต่ข้างนอกเสียงดังวุ่นวายมาก แมลงพวกนั้นอยู่บนต้นไม้ส่งเสียงร้องไม่หยุด มันทำให้พวกเราหงุดหงิดก็เลยตัดสินใจไล่พวกมันออกไป”
จริงๆ แล้ว ตามการระบาดของจักจั่นระยะสิบเจ็ดปี จึงทำให้ตอนนี้เมืองเล็กๆ ถูกล้อมไปด้วยเสียงร้องของจักจั่น ซึ่งที่เกาะแฟร์เวลก็ได้ยินเสียงร้องไม่หยุดหย่อนของตัวอ่อนเช่นกัน
ฉินสือโอวคิดอยู่สักพักแล้วพูดว่า “เอาอย่างนี้ดีไหม ฉันจะสอนพวกเธอจับตัวอ่อน มันเป็นเกมที่ฉันเล่นตอนเด็กๆ เลยนะ ตัวอ่อนที่จับได้ในตอนนั้นยังเอามากินได้อีกด้วย ตอนนี้ช่างมันเถอะ แต่ถ้าเอาให้ไก่ก็กินไม่เลวนะ”
เขากลับไปที่บ้านเพื่อหาแป้ง แล้วผสมกันจนเป็นแป้งโดว์ จากนั้นนำไปแช่ในน้ำเพื่อล้างแป้ง เมื่อล้างแป้งออกหมดแล้วก็จะเหลือแค่กลูเตนที่มีความเหนียว
ฉินสือโอวลองดูความเหนียวของมัน ซึ่งพอใช้ได้แล้ว จึงเอากลูเตนก้อนนี้ไปติดกับไม้ยาวแล้วส่งมันให้กับพาวลิส พร้อมพูดว่า “นาย ชาร์คและซีมอนสเตอร์น้อยสลับกันใช้อันนี้ เห็นหัวนี่ไหม? ค่อยๆ ใช้มันติดกับตัวอ่อน เข้าใจไหม?”
พูดๆ อยู่ เขาจึงใช้ตาข่ายมาทำเป็นแหจับปลาแบบง่ายๆ แล้วใช้เหล็กเส้นขดเป็นวงกลมประกอบกับไม้ยาวอีกแท่ง จากนั้นจึงบอกเชอร์ลี่ย์และกอร์ดอนว่า “นี่ทำมาจากตาข่าย แค่จับพวกมันมาลงตาข่ายก็พอแล้ว”
เมื่อเตรียมเครื่องมือเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวจึงพาเด็กๆ ออกเดินทางกันอย่างยิ่งใหญ่ มีหู่จือ เป้าจือและหลัวปอกระโดดโลดเต้นตามหลังมา มาสเตอร์ที่กำลังตากแดดอยู่อย่างน่าเบื่อยื่นหัวออกมาดู วินนี่จึงเอาอ่างอาบน้ำมาให้มันแล้วเทน้ำลงไป มันจึงรีบคลานเข้าไปหลบอากาศร้อนอย่างรวดเร็ว
ไม่รู้ว่ามีตัวอ่อนกี่ตัวบนต้นชูการ์เมเปิลสองต้นใหญ่นี้ หลังจากเข้าไปใกล้ๆ เสียงกวนประสาท ‘จิ๊ดจิ๊ดจิ๊ด’ ก็ดังเหมือนได้ฟังบทสวด ไม่แปลกใจที่เด็กๆ จะทนไม่ได้
อีกอย่างไม่ได้มีแค่ตัวอ่อนบนต้นไม้เท่านั้น แต่ยังมีแมลงอื่นๆ อีกมากมาย ไม่แปลกใจที่แอร์แบ็คบอกว่ายังมีเสียงกัดกินใบไม้ตามกันมา จริงๆ แล้ว ในเสียง ‘จิ๊ดจิ๊ดจิ๊ด’ ของตัวอ่อน ยังมีเสียงเคี้ยวใบไม้ดัง ‘กรอบแกรบ’ อีกด้วย ส่วนใต้ต้นไม้ก็จะมีอุจจาระของแมลงมากมายเต็มไปหมด ซึ่งมันน่าขยะแขยงมาก
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เกิดมาจากตัวอ่อน ดังนั้นแอร์แบ็คจึงโยนความรับผิดชอบให้กับตัวอ่อน ซึ่งก็ไม่ถือว่าเกินไป เพราะเนื่องจากตอนที่มันดูดน้ำหล่อเลี้ยงในเนื้อเยื่อต้นไม้ มันจะปล่อยปัสสาวะออกมาอย่างต่อเนื่องและพวกมันจะไม่ดูดน้ำหล่อเลี้ยงที่ไม่สมบูรณ์ เพราะจะทำให้ในปัสสาวะมีส่วนประกอบสารอาหารของน้ำหล่อเลี้ยงนั้น
ซึ่งส่วนประกอบของสารอาหารเหล่านี้จะดึงดูดมด ผีเสื้อ แมลงเต่าทองและแมลงอื่นๆ แต่ละชนิดที่ขาดน้ำมา พวกมันไม่เพียงแต่ดูดซับปัสสาวะของตัวอ่อนเท่านั้น แต่ยังกินใบไม้อีกด้วย ดังนั้นบนต้นไม้ยิ่งมีตัวอ่อนมากเท่าไร พอนานๆ ไปกิ่งไม้และใบไม้ก็จะยิ่งเสียหายมากเท่านั้น
เจ้าของต้นชูการ์เมเปิลคือเจ้ากระรอกเสี่ยวหมิง ดูเหมือนว่าเจ้ากระรอกจะต้องอดทนกับเสียงรบกวนของตัวอ่อนเป็นอย่างมาก มันจึงไปนั่งยองๆ อยู่บนง่ามไม้สูงๆ ด้วยความโกรธ แก้มของมันก็บวมขึ้นๆ เหมือนกับกำลังด่าคนอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ฉินสือโอวจึงผิวปากใส่เสี่ยวหมิง จากนั้นมันก็ยกไม้ท่อนเล็กๆ ขึ้นมาเพื่อหาจักจั่นที่กำลังส่งเสียงร้องอย่างมีความสุข มันค่อยๆ เอาไม้เข้าไปใกล้ๆ ในขณะเดียวกันก็มีเสียงเล็กๆ แนะนำขึ้นว่า “ดูนะ เราต้องระวัง เข้าใกล้อีกนิดแล้วจะทำให้มันมองไม่เห็น…”
เด็กๆ ดูด้วยความตื่นเต้น แล้วพยักหน้าเห็นด้วยอย่างสุดแรง ท่าทางที่ตั้งอกตั้งใจนั้นทำให้ฉินสือโอวรู้สึกทอดถอนใจไม่หยุด เจ้าเด็กพวกนี้ถ้าตั้งใจเรียนแบบนี้บ้าง ในอนาคตคงเป็นสมบัติของมหาวิทยาลัยอนุสรณ์นิวฟันด์แลนด์แน่นอน
“ขั้นตอนสุดท้ายคือต้องมีความมั่นคง หลังจากเราค่อยๆ เข้าไปใกล้ๆ แล้ว ดูฉันออกแรงนะ!” ฉินสือโอวสะบัดข้อมือ จึงทำให้ความเหนียวของกลูเตนไปติดกับปีกของตัวอ่อนได้พอดี ตัวอ่อนตกใจร้องเสียงแหลมแล้วกระดกก้นขึ้นพร้อมพ่นน้ำปัสสาวะออกมา
ฉินสือโอวไม่ได้จับตัวอ่อนแบบนี้มานานแล้ว จนลืมไปแล้วว่ามันจะพ่นปัสสาวะใส่ แต่เขาหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมีเด็กๆ อยู่รอบตัวเขา จึงทำได้เพียงอดทนกับความทรมานนี้
เด็กๆ ก็โดนน้ำปัสสาวะด้วยเช่นกัน กอร์ดอนจอมงี่เง่าจึงถามว่า “นี่คืออะไร? ทำไมอยู่ๆ ฝนถึงตกล่ะ?”
ใบหน้าของเชอร์ลี่ย์และคนอื่นๆ ก็เริ่มมีสีหน้าไม่ดี เพื่อที่จะรักษาภาพพจน์ของตัวเอง ฉินสือโอวก็คิดหาทางออกได้ทันที จึงพูดว่า “นี่คือน้ำหล่อเลี้ยงในเนื้อเยื่อต้นไม้! มันคือน้ำเลี้ยงในต้นไม้ที่ตัวอ่อนกินไงล่ะ!”
บทที่ 793 น้ำผลไม้จากน้ำเลี้ยงต้นไม้
โดย
Ink Stone_Fantasy
เชอร์ลี่ย์และคนอื่นๆ ถึงจะไร้เดียงสาแต่ก็ไม่ได้โง่ โลลิต้าจึงจ้องเขม็งแล้วถามว่า “จะเป็นน้ำหล่อเลี้ยงในเนื้อเยื่อต้นไม้ได้อย่างไร? ทำไมพวกเราจับตัวอ่อนแล้วถึงมีน้ำหล่อเลี้ยงในเนื้อเยื่อต้นไม้ไหลออกมาด้วยล่ะ? นี่ต้องเป็น…ของมันแน่ๆ”
ฉินสือโอวขัดจังหวะเธอพอดีแล้วทำท่าทางอย่างมั่นใจแล้วพูดว่า “เป็นน้ำหล่อเลี้ยงในเนื้อเยื่อต้นไม้แน่นอน คุณครูของพวกเธอไม่ได้สอนเกี่ยวกับจักจั่นเหรอไง?”
เด็กๆ ส่ายหัวอย่างไร้เดียงสา โชคดีที่ฉินสือโอวเก็บไว้ไม่พูดและโชคดีที่ปกติในฤดูร้อนจะไม่มีจักจั่นมุดดินขึ้นมา ไม่อย่างนั้นวันนี้เขาต้องขายหน้าแน่ๆ
เขาอยู่ข้างหน้าเด็กๆ จึงถูกปัสสาวะของจักจั่นเข้าเต็มๆ ฉินสือโอวรู้สึกว่ามันเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของเขาเป็นอย่างมาก
“โอเค ฉันจะให้ความรู้ทั่วไปกับพวกเธอ เกี่ยวกับวัวและแกะ คุณครูของพวกเธอเคยสอนหรือยัง? พวกมันเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้อง” ฉินสือโอวว่า
มิเชลล์ชิงพูดก่อนว่า “ผมรู้แล้ว พวกเราเคยเรียนแล้ว วัวและแกะเมื่อกินอะไรเข้าไปแล้วจะไม่สามารถทำการย่อยอาหารได้โดยตรง พวกมันมีสี่กระเพาะ อันดับแรกจะเก็บไว้ในกระเพาะส่วนที่หนึ่งก่อน จากนั้นไม่นานก็จะทำการเคี้ยวเอื้อง”
ฉินสือโอวยกนิ้วโป้งให้กำลังใจ เด็กๆ พวกนี้ดีมาก เก่งมากๆ ฉินสือโอวพูดประจบเอาใจ
“จักจั่นก็เหมือนกัน พวกมันไม่เหมือนกับแมลงอื่นๆ ทั่วไป หลังจากที่มันดูดน้ำหล่อเลี้ยงในเนื้อเยื่อต้นไม้เข้าไปแล้วก็จะถูกเก็บไว้ที่ไหนสักที่ ซึ่งมันจะเก็บไว้ในนั้นก่อน จากนั้นพอมันขาดอาหารก็จะเอาส่วนนี้มาทำการย่อยอีกครั้ง เข้าใจไหม?” ฉินสือโอวกล่าว
หลังจากอธิบายแบบลวกๆ ไปหนึ่งรอบ ฉินสือโอวอยากจะชื่นชมตัวเองที่ตัวเองมีความสามารถในการเล่าเรื่องโกหกได้เก่งขึ้นเรื่อยๆ ขนาดนี้
“เหมือนกับอูฐที่เอาน้ำและสารอาหารไปเก็บไว้ในโหนกที่หลังของมันแบบนั้นใช่ไหมครับ?” ชาร์คน้อยถาม
ฉินสือโอวชมเขาอีกว่า “ใช่แล้ว นายนี่เรียนรู้ได้ดีจริงๆ แม้แต่อูฐยังรู้เรื่องเลย”
ชาร์คน้อยเงยหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่งแล้วพูดว่า “มันแน่นอนอยู่แล้ว…”
“จิ๊ดจิ๊ด!” ‘น้ำหล่อเลี้ยงในเนื้อเยื่อต้นไม้’ พ่นลงมาอีกแล้ว ฉินสือโอวจึงรีบหลบ จากนั้นก็กระเด็นไปโดนหน้าชาร์คน้อยแทน
ฉินสือโอวเงยหน้าขึ้นมอง เสี่ยวหมิงถือตัวอ่อนตัวหนึ่งที่อยู่ในอุ้งเท้ามาทักทายเขา จากนั้นก็กระโดดไปอยู่บนไหล่ของเขา แล้วเอาตัวอ่อนนี้ให้เขาราวกับเป็นสมบัติ
“เด็กดีๆ แกนี่เป็นเด็กดีจริงๆ เลยนะ” ฉินสือโอวพูดพลางลูบขนที่หัวของเสี่ยวหมิงด้วยความเอ็นดู
หลังจากเอาตัวอ่อนให้เขา เสี่ยวหมิงรีบปีนขึ้นไปบนต้นไม้ ‘ตึกตึกตึก’ และรีบวิ่งเข้าใส่ด้านหลังของตัวอ่อน แล้วใช้อุ้งเท้าทุบจนเป็นลม ทันใดนั้นตัวอ่อนก็เริ่ม ‘เปาะแปะ’ แล้วตกลงไป
“พระเจ้า นี่มันเซเบิลสายฟ้า” ฉินสือโอวมองดูความเร็วของเสี่ยวหมิงอย่างประหลาดใจ
เชอร์ลี่ย์มองดูตัวอ่อนที่กำลังตกลงมา แล้วมองดูจักจั่นที่จับได้อยู่ในมือ “ฉิน ถ้ารู้เร็วกว่านี้พวกเราคงไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายขนาดนี้ มีเสี่ยวหมิงอยู่ทำทั้งหมดนี้ก็ยิ่งง่ายขึ้น”
ฉินสือโอวกระแอมแล้วพูดว่า “พูดอะไรไร้สาระ พวกเราไม่ได้ทำเพื่อจับจักจั่น แต่ทำเพื่อความสนุกสนานตอนจับจักจั่นต่างหาก เพื่อความสนุกเข้าใจไหม? เอาล่ะ พวกเธอเล่นอยู่ที่นี่แล้วกัน ฉันต้องกลับแล้ว พระเจ้า ชาร์คน้อยนายเลียริมฝีปากทำไม?”
ชาร์คน้อยทำหน้าตามั่นใจ “ฉันกำลังชิมรสชาติของน้ำหล่อเลี้ยงในเนื้อเยื่อต้นไม้อยู่”
ฉินสือโอวพยักหน้าเล็กน้อยและรู้สึกว่าพูดความจริงออกไปไม่ได้แล้ว พอเขากำลังจะเดินกลับ เชอร์ลี่ย์ก็ดึงเขาไว้ทันทีแล้วพูดว่า “คุณต้องยืนยันกับพวกเราก่อนว่าน้ำที่กระเด็นมาเมื่อกี้ไม่ใช่ปัสสาวะของตัวอ่อน!”
พอเห็นชาร์คน้อยที่กำลังเลียริมปากรับรสชาติของน้ำหล่อเลี้ยงในเนื้อเยื่อต้นไม้แล้ว ฉินสือโอวจึงกระแอมแล้วพูดอีกว่า “ฉันยืนยันได้สาวน้อย มันไม่ใช่ปัสสาวะของตัวอ่อนหรอก!”
จริงๆ แล้วมันคืออุจจาระของตัวอ่อนต่างหากสาวน้อยผู้น่าสงสารของฉัน! ในใจของฉินสือโอวกระวนกระวายแทบจนจะระเบิดออกมา การขับถ่ายของจักจั่นแตกต่างจากแมลงอื่นๆ อุจจาระของมันจะถูกเก็บไว้ในถุงลำไส้ใหญ่ เวลาฉุกเฉินมันสามารถขับถ่ายอุจจาระและปัสสาวะออกมาใส่ศัตรูได้ทุกเมื่อ
เมื่อได้รับการยืนยันแล้ว เด็กๆ ก็สบายใจแล้วไปจับตัวอ่อนและเพลิดเพลินกับน้ำเลี้ยงจากต้นไม้ที่สาดลงมา
จนเวลาสิบโมงกว่า อยู่ๆ แฮมเล็ตก็ขับรถเข้ามา ฉินสือโอวจึงมองที่โตโยต้าคัมรี่คันนั้น แล้วถามว่า “ยังไม่มีคนขับรถอีกเหรอ?”
แฮมเล็ตหัวเราะพร้อมพูดว่า “ฉันไม่อยากเป็นเหมือนอ็อกเฟอร์จอมซวยนั่นที่ได้รับการวิจารณ์จากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งหรอกนะ รอหลังจากฉันกล่าวคำปฏิญาณก่อนค่อยจ้างคนขับรถก็ไม่สาย”
ข้อกำหนดของรัฐบาลแคนาดากล่าวไว้ว่า ในระดับเทศบาลมีเพียงนายกเทศมนตรีเท่านั้นที่สามารถมีคนขับรถติดตามได้ ส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภาเมืองหรืออะไรก็ตาม จะไม่ได้รับอนุญาตให้มีคนขับรถหรือจะจ้างมาเองก็ไม่ได้
หลังจากรอให้แฮมเล็ตนั่งลง ฉินสือโอวจึงตะโกนออกไปข้างนอก “มีแขกมา!”
แฮมเล็ตที่เพิ่งนั่งลงเก้าอี้ตกใจแล้วพูดว่า “นี่นายตะโกนอะไร? ประโยคนี้ทำไมฉันรู้สึกว่ามันไม่ชอบใจนัก?”
ฉินสือโอวให้เขานั่งรอสักพัก จากนั้นเชอร์ลี่ย์จึงยกเครื่องดื่มเย็นๆ มาเสิร์ฟให้สองแก้ว เขาจึงพูดขึ้นมาว่า “เด็กๆ ทำบาร์เครื่องดื่มขึ้นมาเพื่อนำเครื่องดื่มมาต้อนรับแขก และเครื่องดื่มเหล่านี้ก็มาจากในบาร์ทั้งนั้น”
เมื่อเสิร์ฟเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้ว เชอร์ลี่ย์ยืนหัวเราะอยู่ข้างๆ แฮมเล็ต จากนั้นแฮมเล็ตจึงดื่มน้ำเข้าไปแล้วชมว่า “เก่งมากสาวน้อย น้ำแตงโมแก้วนี้อร่อยมาก”
“ขอบคุณสำหรับคำชม ทั้งหมดนี้สองดอลลาร์แคนาดาค่ะ” เชอร์ลี่ย์พูดออกมาตรงๆ
แฮมเล็ตแทบจะสำลักน้ำแตงโมออกมา ฉินสือโอวจึงควักเงินออกมาห้าดอลลาร์แคนาดาพร้อมพูดว่า “ฉันเลี้ยงๆ…”
แฮมเล็ตห้ามไว้ทันแล้วเอาเงินสองดอลลาร์แคนาดาให้กับเชอร์ลี่ย์ แล้วยังคุยโวต่อว่า “เก่งมากสาวน้อย เด็กที่พึ่งพาช่วยเหลือตัวเองยิ่งทำให้คนรักคนชอบ”
“ถ้าอย่างนั้นถือโอกาสให้ทิปด้วยเลยสิคะ” โลลิต้าพูดด้วยรอยยิ้ม
ฉินสือโอวมองดูแฮมเล็ตที่กำลังกลืนน้ำแตงโมอย่างทรมานใจ เขารู้สึกว่าถ้ามีแขกมาอีกคราวหน้าจะชงกาแฟให้เองน่าจะดีกว่า
โลลิต้ารับเงินมาพร้อมพูดว่า “ท่านนายก น้ำผลไม้ของเราคุ้มค่าสมกับราคา ไม่มีสารเติมแต่ง อีกทั้งในน้ำยังเพิ่มสูตรลับเฉพาะ อย่างเช่นน้ำหล่อเลี้ยงในเนื้อเยื่อต้นไม้ ที่ทำให้รสชาติแตกต่างจากที่อื่นๆ อย่างแน่นอน”
เมื่อแฮมเล็ตได้ยินโลลิต้าพูดว่า ‘ท่านนายก’ เขาก็ยิ้มร่าออกมาราวกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน แต่ทางฝั่งฉินสือโอวกลับหน้าซีดขึ้นมาทันที เขาจึงรีบวางเครื่องดื่มลง
“ฉิน ทำไมคุณถึงไม่ดื่มล่ะ?” โลลิต้ายิ้มถาม
ฉินสือโอวยิ้มแห้งพร้อมพูดว่า “ฉันไม่ค่อยหิวน้ำเท่าไร”
“งั้นคุณก็ลองชิมรสชาติดูสิ ท่านนายกยังบอกว่าอร่อยเลย นี่เป็นส่วนผสมใหม่ที่พวกเราผสมออกมาเลยนะ” โลลิต้ายิ้มอย่างไร้เดียงสา แต่ฉินสือโอวรู้สึกมาตลอดว่าในแววตาที่เปล่งประกายของเธอนั้นดูราวกับนางปีศาจจิ้งจอก
แฮมเล็ตยังพูดโน้มน้าวอีกว่า “ใช่แล้ว รสชาติไม่เลวเลย นายลองชิมดูสิ เร็วๆ เลย”
เนื่องจากเขามีธุระจะพูดต่อ แต่เพราะเชอร์ลี่ย์อยู่ที่นี่จึงไม่สามารถพูดได้
ฉินสือโอวยังคงปฏิเสธ แต่แฮมเล็ตไม่ได้โง่ เขาปฏิเสธที่จะดื่มน้ำผลไม้มานาน จนนึกได้อย่างรวดเร็วว่าปัญหามาจากไหน
ไม่มีวิธีแล้ว เริ่มเรื่องเองก็ต้องรับผิดชอบเอง ฉินสือโอวจึงทำได้แค่ยิ้มอย่างเขินอาย แล้วยกแก้วขึ้นดื่ม โชคดีที่รสชาติยังไม่เปลี่ยนเท่าไร
เชอร์ลี่ย์ต้องไปเรียนมารยาทกับตระกูลหญิงผู้ดีที่ราชวังอังกฤษ จากนั้นจึงรีบวิ่งออกจากวิลล่าไปอย่างมีความสุข
“ที่ฉันมาคราวนี้มีเรื่องอยากจะปรึกษา ปีนี้เป็นเป็นที่จักจั่นระยะสิบเจ็ดปีระบาด ซึ่งนายอาจจะไม่เข้าใจเรื่องนี้…” แฮมเล็ตรอให้เชอร์ลี่ย์ออกไปจึงค่อยพูดความจริง
ฉินสือโอวจึงถอนหายใจพร้อมพูดว่า “ฉันเข้าใจ ฉันเข้าใจเรื่องนี้ดี ไว้ค่อยคุยกันเถอะ”
แฮมเล็ตพยักหน้าแล้วพูดว่า “อย่างนั้นก็ได้ จักจั่นระยะสิบเจ็ดปีเป็นแมลงที่เป็นภัย หลังจากการระบาดของมันในปีนี้ก็ไม่น้อยไปกว่าภัยพิบัติจากตั๊กแตนเลย ดังนั้นในเมืองจึงต้องดำเนินการจัดกิจกรรมกำจัดจักจั่นโดยใช้ยาฆ่าแมลงมาฆ่าแมลงที่น่ารังเกียจเหล่านี้”
“แต่เมืองนี้ไม่มีเครื่องบินการเกษตร โชคดีที่นายมีอยู่ที่นี่หนึ่งลำพอดี พวกเราอยากจะขอเช่า ได้ไหม?”
บทที่ 794 บอสใหญ่ลงสนาม
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวโบกมือขอร้อง จักจั่นพวกนี้เป็นอาหารชั้นดีเลยนะ ถ้าพ่นยาฆ่าแมลงก็จบเลยสิ กินไม่ได้แล้ว
ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “นี่คุณ นี่มันเป็นสิ่งไม่ควรทำหรือเปล่า? เฮเกลเคยกล่าวว่า การมีชีวิตอยู่คือความสมเหตุสมผล ดาร์วินก็เคยกล่าวไว้เช่นกันว่า ธรรมชาติมีความสามารถในการปรับตัวเองได้อย่างเหมาะสม ดังนั้นพวกเราควรเคารพมัน ซึ่งความหมายของผมก็คือ เราไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นเลย? แมลงพวกนี้ก็มีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตนะ!”
แฮมเล็ตผายมือออกแล้วพูดว่า “งั้นเฮเกลและดาร์วินเคยกล่าวไหมว่า ทำอย่างไรฉันถึงจะได้เป็นนายก?”
“ฉันรู้ว่าแมลงพวกนี้ไม่ได้มีผลกับเมือง พวกเราก็ไม่ได้หาเลี้ยงชีพจากการเกษตรและป่าไม้ พวกมันแค่ดูดน้ำหล่อเลี้ยงในเนื้อเยื่อต้นไม้ ไม่ได้กินใบไม้ จริงๆ แล้วนอกจากเสียงที่น่ารำคาญของมันแล้วก็ไม่มีอะไรที่ทำให้มันเป็นแมลงที่เป็นภัยเลย แต่ตอนนี้หลายๆ เมืองทั่วประเทศกำลังดำเนินการจัดกิจกรรมกำจัดจักจั่น และฉันในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้งจะต้องให้ความร่วมมือหน่อยสิ?”
ฉินสือโอวขมวดคิ้วพิจารณาสักพัก แล้วถามว่า “ได้ คุณอยากจัดกิจกรรมนี้ขึ้นเพื่อหาเสียงลงข่าวเอาคะแนนโหวตใช่ไหม? แต่คุณเคยคิดไหมว่า ข่าวประเภทนี้ไม่ได้กำหนดให้เป็นข่าวเพราะเมืองอื่นๆ ก็กำลังทำเรื่องนี้ ดังนั้นที่เราทำจะมีจุดสนใจอะไร?”
“แต่มันไม่มีวิธี…”
“ไม่ มันต้องมีวิธีสิ ฟังผมนะ เราก็ทำกิจกรรมอื่นนอกจากนี้ขึ้นมาสิ ให้คนในเมืองมาหาตัวอ่อนของจักจั่น แค่ไม่มีตัวอ่อนมันก็จะไม่โตเป็นตัวแล้ว? จากนั้น ก็ให้คนมาซื้อตัวอ่อนเหล่านี้ เป็นอย่างไร?”
“ใครจะโง่มาซื้อตัวอ่อนพวกนี้ล่ะ? ต้องตั้งใจโปรโมตให้เห็นชัดๆ เหรอ?” แฮมเล็ตพูดพลางส่ายหัวไปด้วย
แต่เขาส่ายหัวไม่กี่ครั้ง จากนั้นเขาก็มองไปที่สีหน้าที่จริงจังของฉินสือโอว เขาชี้นิ้วพร้อมพูดว่า “นายไม่พูดแสดงว่านายจะรับซื้อเหรอ?”
ใช่ ฉินสือโอวจะรับซื้อจักจั่น ถึงอย่างไรมันก็ไม่แพง และที่ฟาร์มปลาก็มีตู้แช่เย็น และเจ้าพวกนี้ก็สามารถเก็บเอาไว้ได้หลายปี แล้วทำไมเขาจะไม่เก็บไว้กินล่ะ? มันอร่อยกว่าปลาทอดมากและยังเอาไปย่างกินได้อีกด้วย
จักจั่นมีโปรตีนสูง ถ้าอุณหภูมิต่ำกว่าปกติจะทำให้เน่าเสียง่าย แต่ถ้าเก็บไว้ในที่เย็นจะทำให้โปรตีนแข็งตัวและเก็บได้นานขึ้น
ก่อนที่ฉินสือโอวจะหาจักจั่นระยะสิบเจ็ดปี มีชาวอเมริกันได้แช่แข็งจักจั่นเหล่านี้เมื่อสิบเจ็ดปีก่อนและปีนี้ถึงเอาออกมากิน ว่ากันว่าการกินจักจั่นเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนพร้อมกับฟังเสียงจักจั่นร้องในปัจจุบัน จะช่วยให้นึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาได้
“นายจริงจังเหรอ?”
“จริงจังมาก”
แฮมเล็ตขมวดคิ้ว แล้วพยักหน้าพูดว่า “โอเค ถ้านายโปรโมตแบบนี้แล้วก็คงจะดึงดูดหลายๆ คนให้สนใจได้ ใช่แล้ว ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ฉันได้ยินนักท่องเที่ยวพูดกันว่า คนจีนชอบกินจักจั่น มันกินได้จริงๆ เหรอ?”
“นี่คุณเหยียดเหรอ?”
“ไม่ใช่ ฉันสงสัยจริงๆ ฉันได้ยินมาว่าคนอเมริกันหลายคนก็กินมันเหมือนกัน แต่พวกมันกินได้จริงเหรอ?” สีหน้าของแฮมเล็ตแทบไม่อยากจะเชื่อ
ถึงแม้ว่าจักจั่นจะเป็นสัตว์ที่มีอยู่แพร่หลายทั่วโลก แต่ส่วนใหญ่จะพบในเขตร้อนและเขตอบอุ่น ซึ่งจะไม่ค่อยพบในเขตหนาว จักจั่นที่พบในแคนาดาจึงเป็นจักจั่นระยะสิบเจ็ดปี และสิบเจ็ดปีมันถึงจะปรากฏให้เห็นหนึ่งครั้ง ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีคนรู้เกี่ยวกับแมลงชนิดนี้ เพราะฉะนั้นเรื่องมีคนกินมันก็อย่าได้พูดถึงเลย
ฉินสือโอวจึงอธิบายง่ายๆ ให้แฮมเล็ตเข้าใจว่า “ใช่ กลับไปผมจะหาคนมาช่วยคุณโฆษณา พอถึงตอนนั้นคุณแค่เตรียมตู้แช่เย็นไว้ก็พอแล้ว”
“นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่อง คือฉันตั้งใจมาบอกให้นายรู้ว่าเพื่อนเก่าของนาย พันธมิตรทางการเมือง ฉันและวิลเลียม แฮมเล็ต ชนะการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว! แสดงความยินดีกับฉันและกับนายด้วย เพื่อนรักของฉัน!” ใบหน้าของแฮมเล็ตเต็มไปด้วยความพอใจ เขายืดตัวตรงตอนนั่งลงที่โซฟาและตื่นเต้นอยู่ครู่หนึ่ง
ฉินสือโอวจ้องไปที่เขาแล้วพูดว่า “ตอนที่คุณมาได้สูบกัญชามาไหม?”
ความตื่นเต้นดีใจของแฮมเล็ตหายไปในทันที เขาพูดอย่างไม่พอใจว่า “สูบกัญชาบ้าอะไร นายยังไม่รู้อีกเหรอว่าตอนที่ลงแข่งขันเลือกตั้งฉันพูดอะไรไปบ้าง ฉันกล่าวคำปฏิญาณไปแล้วว่าหลังจากได้ตำแหน่งฉันจะจัดการกับปัญหาการระบาดเกี่ยวกับการปลูกต้นกัญชาและจะไม่ให้เด็กวัยรุ่นได้แตะต้องกัญชาเด็ดขาด!”
ชาวแคนาดาจำนวนมากสนับสนุนการทำให้กัญชาเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย แต่ผู้สนับสนุนส่วนใหญ่จะเป็นเด็กวัยรุ่นและผู้ได้รับผลประโยชน์ เหล่าผู้ปกครองที่บรรลุนิติภาวะแล้วจะไม่สนับสนุนการกระทำแบบนี้ เพราะพวกเขาเคยผ่านช่วงเวลานี้มาแล้วจึงรู้ว่าสิ่งสิ่งนี้เป็นอันตรายต่อร่างกายมาก
แฮมเล็ตสนับสนุนให้การปลูกต้นกัญชาเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายเพื่อเอาใจผู้ปกครองเหล่านี้ เพราะพวกเขามีบัตรลงคะแนนเลือกตั้ง ส่วนวัยรุ่นที่อยากเล่นกัญชาน่ะเหรอ? ใครจะไปสนใจกันล่ะ? พวกเขาไม่ได้มีบัตรลงคะแนนในมือสักหน่อย
ฉินสือโอวจึงถามอย่างแปลกใจ “ในเมื่อเป็นแบบนี้ การเลือกตั้งครั้งสุดท้ายก็ยังไม่เริ่มขึ้น ทำไมคุณถึงมั่นใจขนาดนั้น?”
ฉินสือโอวรู้การวางตัวของแฮมเล็ตดี เขาเป็นคนรอบคอบ เขายึดหลักการที่ว่า ‘ถ้าเงินไม่ถึงกระเป๋าตัวเองก็ยังไม่ใช่ของของตัวเอง’ แบบนี้เขาจึงเป็นคนที่เข้าใจได้ยาก แต่ทำไมแฮมเล็ตถึงมั่นใจว่าตัวเองจะได้รับตำแหน่งขนาดนั้น?
แฮมเล็ตยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า “การหาเสียงเลือกตั้งครั้งสุดท้าย ฉันได้เชิญแขกช่วยหาเสียงมาแล้ว นายเดาสิว่าใคร?”
“สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง?” ฉินสือโอวพูดด้วยความแปลกใจ
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สองเป็นผู้ปกครองคนปัจจุบันของจักรวรรดิอังกฤษและเป็นผู้ปกครองในนามของแคนาดาเท่านั้น แน่นอนว่าที่มีอยู่ในแคนาดานั้นยังไม่เพียงพอ ต่อให้เหล่าผู้อพยพต้องสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อพระนางก็ตาม
“ไม่ใช่ คนคนนั้นเป็นคนที่ยอดเยี่ยมกว่าพระนางมาก นั่นก็คือท่านนายกเฮเซล แมคคาลลียน!” แฮมเล็ตค่อยๆ พูด ในขณะเดียวกันก็มองไปที่สีหน้าของฉินสือโอวที่แสดงออกมา
ฉินสือโอวยินดีกับการรอคอยของเขา หลังจากได้ยินชื่อนี้เขาถึงกับตกใจและพูดอย่างประหลาดใจว่า “ท่านนายกเฮเซล แมคคาลลียน? คุณไปติดต่อเชิญเธอมาได้อย่างไร?!”
ท่านนายกเฮเซล แมคคาลลียน ชื่อนี้ในทวีปเอเชียไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมาก แต่ที่ทวีปอเมริกาเหนือ เธอกลับเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายและที่แคนาดาก็จัดได้ว่าเป็นราชาแห่งความนิยมทางการเมือง แม้แต่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สองยังไม่สามารถทัดเทียมเธอได้
นี่คือชื่อในตำนานที่มีบุคคลเป็นตัวแทนและยังเป็นหญิงสาวในตำนานอีกด้วย หลังจากฉินสือโอวมาที่เซนต์จอห์น บุคคลทางการเมืองที่ได้ยินคนพูดถึงมากที่สุดก็คือเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปีที่แล้วตอนที่เธอลาออกจากตำแหน่ง สื่อวิทยุเกือบทุกที่ต่างก็รายงานเกี่ยวกับเรื่องราวของเธอ
แมคคาลลียนเป็นอดีตนายกเทศมนตรีเมืองมิซซิซเซากาและยังเป็นนายกเทศมนตรีเมืองมิซซิซเซากาในช่วงสิบสองปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีที่ได้ดำรงตำแหน่งวาระนานที่สุดในประวัติศาสตร์แคนาดา
หลังจากได้รับการเลือกตั้งในปี 1978 แมคคาลลียนก็ได้รับเลือกตั้งอีกวาระหนึ่งต่อจากนั้นและยังได้พบกับ ‘พายุเฮอร์ริเคนเฮเซล’ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ภายใต้การเป็นผู้นำ 36 ปีติดต่อกันของเธอ จึงทำให้เมืองมิซซิซเซากามีผู้นำเพียง 17 คนเท่านั้น ชาวแคนาดาสองหมื่นคนรวมตัวกันในเมือง จนกลายเป็นเมืองใหญ่อันดับหกของแคนาดา ซึ่งมีเพิ่มมากถึง 7.13 ล้านคน
นอกจากการลงสมัครแข่งขันนายกครั้งแรกที่แมคคาลลียนได้เปรียบความอ่อนแอของคู่แข่งอย่างรอน อานเซอะ จนเอาชนะมาได้แล้ว ที่เหลือในการแข่งขันลงเลือกตั้งคือเธอแค่รอเข้ารับตำแหน่งแบบสบายๆ โดยไม่ต้องท้าทายอะไรมาก
แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมคือนอกจากการลงสมัครแข่งขันเลือกตั้งครั้งแรกแล้ว ต่อจากนี้แมคคาลลียนไม่ต้องรับการบริจาคทางการเมืองอีก เนื่องจากความนิยมของเธอสูงเกินไป ทำให้เธอมีแรงสนับสนุนสูงในเมืองมิซซิซเซากา เธอจึงไม่ต้องการความช่วยเหลือจากกองทุนทางการเมืองอีก
แฮมเล็ตเชิญเธอให้มาช่วยเข้าร่วมการลงสมัครเลือกตั้ง เขาจึงมั่นใจว่าต้องชนะแน่นอน
แต่ฉินสือโอวยังคงแปลกใจว่าเขาเกลี้ยกล่อมท่านนายกแมคคาลลียนให้มาช่วยได้อย่างไร? รู้มาว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนมีชื่อเสียงที่ดื้อรั้นและเย่อหยิ่ง เธอไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาช่วยบุคคลทางการเมือง ถึงแม้ว่าทั้งสองจะอยู่พรรคการเมืองเดียวกันก็ตาม
บทที่ 795 การมาเยือนของคนในสังคม
โดย
Ink Stone_Fantasy
เมื่อได้ฟังข้อสงสัยของฉินสือโอว แฮมเล็ตมองเขาพลางลูบจมูกอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงพูดอย่างเอาจริงเอาจังว่า “นี่ หึหึ ฉิน นายก็รู้ว่านายคือผู้สนับสนุนคนสำคัญที่สุดของฉัน…”
“ให้ตายเถอะ เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมเลยนะ?” ฉินสือโอวมองดูท่าทางของเขา ในใจก็เริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมา
แฮมเล็ตชี้นิ้วแล้วพูดว่า “จริงๆ มันก็ไม่ได้เกี่ยวกันเลยสักนิด แต่นายต้องขอบคุณที่ฉันส่งข้อมูลประวัติและข้อมูลหาเสียงของฉันให้กับท่านนายกแมคคาลลียน แล้วเชิญให้เธอมาเป็นแขกช่วยหาเสียงของฉัน พอเธอตอบรับแล้ว ฉันก็จะใช้โอกาสนี้พยายามช่วยให้นายได้ผลประโยชน์จากเรื่องนี้ด้วย ซึ่งก็คือเธอจะแวะไปที่ฟาร์มปลาของนาย มาสิฉิน มาขอบคุณฉัน”
หากมาที่ฟาร์มปลาจริงและแฮมเล็ตพูดถึงขนาดนี้ ฉินสือโอวคงจะขอบคุณเขาจริงๆ เพราะแมคคาลลียนคนนี้ จริงๆ แล้วมีอิทธิพลมาก ซึ่งถ้าเธอมาที่ฟาร์มปลา ฉินสือโอวคงพูดได้แค่ว่า เป็นเกียรติของฟาร์มปลาต้าฉินจริงๆ ที่คุณแวะมา
แต่เมื่อนึกถึงท่าทางของแฮมเล็ต ฉินสือโอวก็มีแผนอยู่ในใจแล้ว จึงยักไหล่แล้วพูดว่า “ขอบคุณคุณมาก คุณเป็นคนดีจริงๆ แต่ผมไม่ต้องการให้คุณช่วยผมให้ได้รับผลประโยชน์นี้ คุณก็รู้ วิลเลียม ว่านิสัยของผมไม่สนใจเรื่องชื่อเสียงเงินทองอยู่แล้ว และผมก็ไม่ต้องการมีส่วนร่วมทางการเมืองด้วย”
แฮมเล็ตยกน้ำขึ้นดื่มอย่างเยือกเย็น จึงทำให้ฉินสือโอวนึกถึง ‘น้ำหล่อเลี้ยงในเนื้อเยื่อต้นไม้’ ที่พูดถึงไป มันทำให้เขารู้สึกแอบเจ็บปวดอยู่ในใจ
“ฉิน นายทำแบบนี้ไม่ได้ นายต้องออกไป นายไม่รู้หรอกว่านายครอบครองทรัพยากรขนาดใหญ่นี้อยู่เท่าไร นายต้องใช้ทรัพยากรเหล่านี้…”
“ขอบคุณ ต่อไปผมจะใส่ใจมากกว่านี้ ครั้งนี้ถือว่าไม่เป็นไรแล้วกัน เพราะผมไม่ได้เตรียมต้อนรับแมคคาลลียนอย่างดีเอง”
“ฟังฉันพูดก่อนนะฉิน นายไม่จำเป็นต้องเตรียมอะไรเลย ท่านนายกแมคคาลลียน เธอก็เป็นแค่คนธรรมดาๆ ที่แวะมาชมฟาร์มปลาของนายเท่านั้น จริงๆ แล้วเธอไม่ได้จะมากินอะไรในฟาร์มปลาของนายหรอกนะ แต่ถึงจะกิน รัฐบาลก็เป็นคนจ่ายให้อยู่แล้ว หรือนายคิดว่าเธอมาที่นี่เพื่อมากินฟรีกัน?”
“ต้องขอบคุณอีกครั้ง แต่ผมยังไม่อยากรับแขก คุณต้องพูดความจริงก่อน”
แฮมเล็ตถึงกับตกใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกลับไปนั่งลงอย่างไม่พอใจแล้วพูดว่า “โอเค ดูเหมือนว่านายจะเล่นลูกไม้อะไรกับฉันอีกแล้ว น่าขำจริงๆ ให้ตายเถอะ ฉันนี่อวดเก่งเกินใครจริงๆ พูดตามตรงนะ คือฉันจะเชิญท่านนายกแมคคาลลียนมาที่ฟาร์มปลาของนาย จากนั้นถึงจะขอให้เธอมาเป็นแขกช่วยหาเสียงให้กับฉัน”
“แล้วเธอจะยอมเหรอ?” ฉินสือโอวถามด้วยความยากที่จะเชื่อ เขารู้สึกมาโดยตลอดว่าแฮมเล็ตคนนี้ต้องไปเซ็นสนธิสัญญาที่ทำให้เสียชื่อของชาติอะไรสักอย่างมาแน่ๆ ไม่อย่างนั้นแมคคาลลียนจะถูกชักชวนมาว่างๆ แบบนี้ได้อย่างไร?
นายกเทศมนตรีของแคนาดาทุกคนเมื่ออยู่ในช่วงลงแข่งเลือกตั้งล้วนต้องการการสนับสนุนจากแมคคาลลียน แต่มันเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ความลำบากทุกข์ยาก ความขยัน ไอดอลหรือแม้กระทั่งบางคนที่ทำตัวน่ารักๆ ล้วนแล้วแต่ไม่มีประโยชน์ทั้งสิ้น
ดังนั้นฉินสือโอวจึงไม่เชื่อข้ออ้างของแฮมเล็ต แฮมเล็ตผายมือออกพูดว่านี่คือความจริง จากนั้นจึงถามฉินสือโอวว่าจะไม่ต้อนรับแมคคาลลียนจริงๆ เหรอ?
ฉินสือโอวจึงยักไหล่ใส่แล้วพูดว่า “ถ้าต้อนรับ จะให้ต้อนรับอย่างไร ให้เธอมาชมฟาร์มปลาก็พอแล้วเหรอ แต่อย่าคิดว่าผมจะประจบประแจงอะไรแบบนั้นนะ”
แฮมเล็ตหัวเราะแล้วพูดว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร ก็แค่มาที่ฟาร์มปลาของนายเพื่อมาเดินวนรอบๆ แค่นั้นเอง โอเค หลักๆ ก็มีแค่เรื่องนี้แหละ เห็นนายยุ่งๆ อยู่ ฉันขอตัวก่อน”
ก่อนไปแฮมเล็ตดื่มน้ำจนหมดอย่างเกรงใจ รอให้คัมรี่ขับออกไป ฉินสือโอวจึงตะโกนเรียกเชอร์ลี่ย์เข้ามา “มาหาฉันสิ!”
“มีอะไรคะ?” ใบหน้าเชอร์ลี่ย์เต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ “หนูไม่ว่าง เสี่ยวชาร์คและกอร์ดอนกำลังต่อยตีกัน หนูต้องไปห้ามพวกเขา”
ฉินสือโอวพูดอย่างไม่พอใจว่า “เธอใส่น้ำหล่อเลี้ยงในเนื้อเยื่อต้นไม้ลงไปในเครื่องดื่มทำไม?”
เชอร์ลี่ย์ยักไหล่แล้วพูดว่า “ใส่น้ำหล่อเลี้ยงในเนื้อเยื่อต้นไม้แล้วเป็นอย่างไรเหรอคะ? น้ำหล่อเลี้ยงจากต้นชูการ์เมเปิลมีรสหวาน หลังจากสกัดแล้วก็สามารถทำเป็นเครื่องดื่มได้ ซึ่งหนูได้ทำการสกัดอย่างง่ายๆ และถูกสุขอนามัยอย่างแน่นอน…”
“เธอรู้ว่าที่ฉันจะพูดไม่ใช่น้ำหล่อเลี้ยงในเนื้อเยื่อต้นไม้ ที่ฉันจะพูดคือ ‘น้ำหล่อเลี้ยงในเนื้อเยื่อต้นไม้’ ที่ตัวอ่อนพ่นออกมาต่างหาก!” สีหน้าของฉินสือโอวยังคงเคร่งเครียดอย่างต่อเนื่อง
เชอร์ลี่ย์ทำหน้าบูดบึ้งและพูดว่า “ที่คุณพูดไม่ใช่น้ำหล่อเลี้ยงในเนื้อเยื่อต้นไม้ แต่เป็นอุจจาระของตัวอ่อนต่างหาก! คุณคิดว่าทุกคนจะไร้เดียงสาเหมือนเสี่ยวชาร์คเหรอไง? และพวกเราก็ไม่เคยจับตัวอ่อนกินมาก่อนด้วย”
วินนี่หัวเราะพลางเดินออกมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น เชอร์ลี่ย์จึงยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมมองไปที่ฉินสือโอวที่กำลังวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว นี่คือการแสดง ‘นั่นเป็นความลับของเราเหมือนกัน’
ฉินสือโอวรู้ว่ามันต้องแย่แน่ๆ และโลลิต้าก็วิ่งมาทันที เธอไม่ยอมจึงหรี่ตามองเขาแล้วพูดว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
ในใจก็แอบว่าโลลิต้าขี้โกง ฉินสือโอวรู้สึกเหนื่อยทั้งกายและใจ วันนี้ถูกโลลิต้าตกหลุมพรางสองรอบแล้ว ต่อจากนี้ผู้หญิงคนนี้ต้องอยู่แต่โรงเรียนประจำแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่สู้กันแค่ความฉลาดและความกล้าหาญ ทุกวันเซลล์สมองคงต้องตายกว่าหมื่นตัวแน่ๆ
ฉินสือโอวลากวินนี่มานั่ง แล้วยื่นมือออกไปลูบท้องของเธอแล้วถามว่าตอนนี้ลูกชายของเราดื้อไหม วินนี่จึงตีมือเขาเบาๆ แล้วพูดว่า “รีบบอกมาเลยนะว่าเกิดอะไรขึ้น?”
ฉินสือโอวปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ จึงถอนหายใจและเล่าเรื่องทั้งหมด แน่นอนว่า ‘น้ำหล่อเลี้ยงในเนื้อเยื่อต้นไม้’ ที่เสี่ยวชาร์คเลียที่ริมฝีปากตอนนั้น เขาไม่ได้บอกความจริงเพราะมันไม่เหมาะสมเท่าไร
พอได้ยินเขาพูดเช่นนั้น วินนี่จึงยื่นมือออกไปดีดหน้าผากเขา แล้วจึงพูดอย่างไม่พอใจว่า “คุณนั่นแหละ ขี้เก๊กอยู่ได้ ทำไมถึงจะอธิบายไม่ได้ล่ะ จะโกหกเด็กๆ ทำไม?”
ฉินสือโอวพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “อะไรกัน ผมจะทำลายอำนาจและภาพลักษณ์ที่ทุกคนเห็นไม่ได้หรอก! แล้วตอนนี้ลูกชายของเราดื้อไหม?”
วินนี่ไม่มีทางเลี่ยงจึงพูดว่า “มันยังเด็กขนาดนั้น จะไม่เป็นเด็กดีได้อย่างไร? ต้องรอดูอีกสี่ห้าเดือน ถึงจะรู้ว่ามันจะดื้อไหม”
“อย่าพูดเหลวไหลน่ะ จะ ‘เขา’ หรือ ‘เธอ’ คุณก็อย่าใช้คำว่า ‘มัน’ ผมรับไม่ได้” ฉินสือโอวพูดขึ้นอย่างขนลุก
วินนี่เผลอยิ้มออกมาแล้วเปลี่ยนเป็นพูดภาษาจีนกลางว่า “งั้นต่อไปนี้อยู่ที่บ้านไม่ต้องพูดภาษาจีนแล้วนะ แบบนี้จะได้แยกไม่ออกว่าอันไหนคือเขา อันไหนคือเธอ อันไหนคือมัน”
แฮมเล็ตทำธุระอย่างรวดเร็ว บ่ายโมงครึ่งรถคัมรี่ของเขาก็ขับเข้ามาอีกครั้ง ทางฝั่งฉินสือโอวยังไม่ได้เตรียมการอะไร เพราะตอนนี้กำลังหวีขนให้หลัวปอ หู่จือและเป้าจืออยู่ข้างนอกบ้าน เมื่อรถยนต์ขับเข้ามา เขาจึงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แฮมเล็ตเป็นคนขับรถมาเอง พอลงจากรถก็ไปเปิดประตูรถฝั่งที่นั่งข้างหลัง สก็อตติช คอลลี่ตัวหนึ่งค่อยๆ กระโดดลงมา จากนั้นก็เป็นหญิงสูงอายุคนหนึ่ง
เมื่อเห็นสก็อตติช คอลลี่ขนสีน้ำตาลขาวตัวนี้ หู่จือและเป้าจือลุกขึ้นยืนทันทีและใช้สายตาไม่พอใจจ้องไปที่มัน เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่สบายใจที่มีคนแปลกหน้าเข้ามาในบริเวณของตัวเอง
เจ้าคอลลี่ตัวนี้น่าจะมีอายุมากแล้ว แม้ว่าขนของมันจะสะอาดเรียบร้อยแต่ขาดความมันเงา และมีคนเดินด้วยท่าทางอย่างเชื่องช้าและลอยตัวเล็กน้อยราวกับว่าเป็นหญิงสูงอายุ
และด้านหลังของมันก็เป็นหญิงสูงอายุจริงๆ ผมขาวราวกับหิมะ ผิวหนังหย่อนยาน สวมเสื้อสีเหลืองและกระโปรงยาวสีขาว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ซึ่งไม่แตกต่างจากหญิงชราอายุ 80-90 ปีที่ปรากฏอยู่ตามถนนเป็นบางครั้งบางคราว
เห็นเจ้าคอลลี่แล้วมองไปที่หญิงสูงอายุจากด้านข้าง ฉินสือโอวก็นึกอะไรบางอย่างออกทันที
เขาเคยเจอหญิงสูงอายุคนนี้มาก่อน เมื่อไม่นานมานี้ตอนที่เขาพาผู้กำกับใหญ่คาเมรอนกลับจากฟาร์มปลาแกธเธอริง และเคยเห็นเงาของเธอ ตอนนั้นเธอก็จูงเจ้าคอลลี่เดินไปบนถนนด้วย
ตอนนั้นคาเมรอนก็ยังแปลกใจจึงสังเกตดูอยู่สักพัก ดูท่าว่าผู้กำกับใหญ่ก็คงเคยเห็นหญิงสูงอายุ เพียงแต่ไม่อยากจะเชื่อว่าหญิงสูงอายุจะมาที่ฟาร์มปลาแค่นั้นเอง
บทที่ 796 ระเบิดมัน
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวยื่นมือออกไปก่อนแล้วหัวเราะพร้อมพูดว่า “ยินดีต้อนรับท่านนายกแมคคาลลียน คิดไม่ถึงว่าจะมีวันที่ได้ต้อนรับคุณสู่ฟาร์มปลาของผม ผมรู้สึกเซอร์ไพรส์จริงๆ”
แฮมเล็ตยักคิ้วใส่เขา เพื่อส่งสายตาชื่นชมให้กับเขา
แมคคาลลียนจึงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน แล้วยื่นมือออกไปจับกับฉินสือโอว แล้วพูดว่า “หวังว่าจะไม่เป็นการรบกวนพวกคุณ ฉันรู้ว่าตอนนี้ผู้สูงอายุไม่ได้รับการต้อนรับ ดังนั้นถ้าการที่ฉันทำให้คุณรู้สึกไม่สะดวก ต้องขออภัยด้วย”
ฉินสือโอวจึงไม่ได้พูดอะไร แต่หญิงสูงอายุคนนี้สมกับเป็นนายกเทศมนตรีที่ทำงานมามากกว่าสามสิบหกปีแล้วจริงๆ เธอมีชีวิตที่ดีจนแทบจะหาข้อบกพร่องไม่เจอ
วินนี่จึงทำการต้อนรับแมคคาลลียนต่อและพาเธอไปที่ชายหาด เจ้าสก็อตติช คอลลี่ก็ตามหลังเธอมาอย่างเชื่อฟัง ระหว่างทางมันก็กวาดตามองหู่จือและเป้าจือ จากนั้นเงยหน้ามองต่อ เห็นได้ชัดเจนว่ามันเป็นแค่สุนัขฝึกหัดเพศเมียที่ถูกฝึกมาเท่านั้น
หู่จือและเป้าจือเหมือนกับเด็กมอมแมมสองตัวที่มองว่าคอลลี่ไม่ได้มาคุกคามต่ออาณาเขตของตัวเอง พวกมันจึงรีบวิ่งไปกลิ้งใส่กันทันที
“เด็กสองตัวนี้แรงเยอะจริงๆ” แมคคาลลียนพูดพร้อมหันมามองเจ้าแลบราดอร์ “เป็นอย่างที่คุณแฮมเล็ตบอกไว้ไม่มีผิด นี่เป็นฟาร์มปลาที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ มีทั้งเจ้าแลบราดอร์ กวางอูฐและหนูเหลือง ได้ยินมาว่ายังมีหมีสีน้ำตาลด้วยใช่ไหม?”
วินนี่ร้องตะโกนเข้าไปในบ้าน ฉงต้าจึงออกมาอย่างไม่เต็มใจ เพราะในช่วงฤดูร้อนอากาศข้างนอกจะร้อนมาก มันจึงชอบนอนหมอบให้แอร์เป่าที่ประตูบ้านเพราะคือสิ่งที่สบายที่สุด
แมคคาลลียนมาชมฟาร์มปลาเป็นการส่วนตัว ที่แคนาดามีข้อดีคือ หากบุคคลมีชื่อเสียงในด้านการเมืองต้องการทำเรื่องส่วนตัว พวกเขาจึงไม่ต้องเป็นทางการมากจนเกินไป ฉินสือโอวเริ่มแนะนำฟาร์มปลากับเธอ จากนั้นก็ให้วินนี่พาเธอเดินชมต่อก็ถือว่าเป็นอันเสร็จ
ฉินสือโอวยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ต้องจัดการอีก ก็คือมีเรือประมงกำลังจะเข้ามาที่ฟาร์มปลา
เรือกำปั่นทั้งสี่ลำได้ขนส่งมาทั้งหมดแล้ว ซึ่งแต่ละลำจะจอดแยกกันไว้ตามสี่ทิศทางทั้งเหนือใต้ออกและตก จึงจะสามารถเข้าใกล้เรือประมงที่เข้ามาบุกรุกและขับไล่พวกมันออกไปได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งเรื่องการจองเรือ การสร้างสนามบิน ไหนจะการจัดหากองทุนหาเสียงทางการเมืองอีก ทรัพย์สินกว่าร้อยล้านของฉินสือโอวถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว เมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งจะจ่ายภาษีสำหรับไตรมาสที่สอง ทั้งเนื้อทั้งของตัวฉินสือโอวเหลือเพียงสิบกว่าล้านดอลลาร์แคนาดาเท่านั้น นี่คือเหตุผลที่บัตเลอร์ให้กำไรจากการเก็บเกี่ยวในฟาร์มปลาอย่างต่อเนื่องกับเขา
ฉินสือโอววางแผนอยู่สักพัก จึงออกทะเลเพื่อหาสมบัติของซากเรือที่จมน้ำ ไม่อย่างนั้นเงินทุนในการใช้สอยของเขาจะมีน้อยเกินไป
แบล็คไนฟ์บอกว่า เรดาห์แสดงให้เห็นว่ามีเรือประมงขนาดสองร้อยตันจำนวนสองลำกำลังเข้าสู่ทางตะวันออกของฟาร์มปลา ฉินสือโอวจึงให้เรือกำปั่นทะเลตะวันออกขับไปดู
หนึ่งชั่วโมงครึ่งต่อมา ชาวประมงบนเรือก็กลับมาแจ้งว่า “ช่วยตรวจสอบเรือประมงเคียฟดูหน่อยสิ ดูเหมือนว่ามันไม่ใช่ของประเทศเรานะ?”
แบล็คไนฟ์จึงลองหาดู และมันก็ไม่ใช่จริงๆ เรือลำนี้มาจากกรีนแลนด์และกำลังลงไปในทะเลลึกเพื่องมจับปลาซาร์ดีน
ปลาซาร์ดีนไม่ใช่ชื่อของปลาบางชนิด ชื่อนี้มาจากภาษาละติน มีความหมายว่าปลาตัวเล็กๆ สีเงินเรียวยาว ซึ่งตอนนี้หลักๆ จะหมายถึงปลาแฮร์ริ่งและปลาบางชนิดที่มีรูปร่างคล้ายกับปลาซาร์ดีน โดยปกติแล้วมักจะใช้ทำเป็นอาหารกระป๋องและตลอดทั้งปีปริมาณการจับปลาจะค่อนข้างมาก ซึ่งผลผลิตประจำปีของปีที่แล้วมีมากกว่า 500,000 เมตริกตัน
แต่เนื่องจากปลาแฮร์ริ่งเป็นอาหารของปลาค็อด ปลาทูน่าและปลาแฮลิบัต ดังนั้นเพื่อที่จะรักษาทรัพยากรการประมงของฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ ปีนี้กรมประมงแคนาดาจึงไม่อนุญาตให้จับปลาตัวเล็กๆ พวกนี้ในน่านน้ำแอตแลนติกเหนือ
เหมือนที่เคยพูดไว้ว่า ห่วงโซ่นิเวศวิทยาทางทะเลนั้นเชื่อมโยงกันเป็นอย่างมาก เมื่อมีการเชื่อมโยงบางส่วนผิดปกติ ห่วงโซ่ระบบนิเวศทั้งหมดอาจพังทลาย
เพื่อที่จะรักษาทรัพยากรปลาแฮร์ริ่ง กรมประมงแคนาดาจึงต้องย้ายการป้องกันไปยังระดับล่างสุดของห่วงโซ่ระบบนิเวศอาหาร อาหารของปลาแฮร์ริ่งถึงจะเริ่มได้รับการป้องกัน หลังจากนั้นชาวประมงก็จะจับทรัพยากรการประมงได้น้อยลงเรื่อยๆ
ปลาซาร์ดีนแห่งฟาร์มปลาต้าฉินมีจำนวนมากและคุณภาพดี บัตเลอร์จึงวางแผนว่าจะผลิตปลาซาร์ดีนกระป๋องคุณภาพดีหนึ่งล็อตและออกวางจำหน่ายเฉพาะครอบครัวชนชั้นกลาง แต่ฉินสือโอวยังไม่อนุมัติข้อเสนอนี้
คิดไม่ถึงว่าจะมีคนแอบขโมยจับปลาซาร์ดีนของตัวเอง ฉินสือโอวจึงรู้สึกโกรธเป็นธรรมดา เขาบอกให้เหล่าชาวประมงรีบเตรียมอาวุธออกไป ถ้ามีการขัดขืน ก็ใช้ปืนน้ำได้เลย
สิบนาทีต่อมา เสียงชาวประมงบนเรือร้องขอความช่วยเหลือก็ดังขึ้น “กัปตัน ทางที่ดีคุณควรมาดูพวกคนโง่นี้ที่ยืนอยู่บนหัวเรือ! พระเจ้า! ให้ตายเถอะ พวกหน้าไม่อาย มันกล้ามายืนบนหัวเรือเลยเหรอ!”
ปืนน้ำ ที่มีคำว่า ‘ปืน’ เพราะสิ่งนี้มีพลังทำลายล้างสูง สามารถโจมตีมนุษย์ได้โดยตรงและยังสามารถฆ่าคนได้
ดังนั้นถ้าลูกเรือเรือประมงของกรีนแลนด์มายืนที่หัวเรือ เหล่าชาวประมงจะไม่กล้าใช้ปืนน้ำได้โดยตรง ในกรณีที่ทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตคน จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่มากและอาจทำให้เกิดข้อพิพาททางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศขึ้น
ฉินสือโอวทำได้เพียงรีบนั่งเฮลิคอปเตอร์ออกไปดู เบิร์ดออกทะเลไปแล้ว ดังนั้นคนที่สามารถขับเฮลิคอปเตอร์ได้ก็คือบีบีซวง
เมื่อคืนบีบีซวงเข้าเวรกะกลางคืน แต่หลังจากแบล็คไนฟ์ตะโกนเรียกเขา เขาก็ลุกขึ้นไปล้างหน้าแล้วพูดอย่างสบายๆ ว่า “ฉันมาขับแล้ว เบิร์ดเคยขับเครื่องบินพาฉันเดินทาง ราบรื่นดีไม่มีปัญหาอะไร มันเรื่องง่ายๆ”
เฮลิคอปเตอร์ติดเครื่องแล้วและยังขึ้นบินได้อย่างราบรื่น ฉินสือโอวจึงพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “นายนี่ฝีมือไม่เลวเลยนะ”
บีบีซวงหัวเราะพร้อมพูดว่า “ตอนที่ผมเริ่มขับเฮลิคอปเตอร์ที่อิรัก ในเวลานั้นผมยังหนุ่มๆ ได้เป็นกองปฏิบัติการทางทหารในสงครามอ่าว บอสเข้าใจไหม?”
ฉินสือโอวพูดว่าเข้าใจได้อย่างง่ายดาย เพราะเขามีความสนใจในกองทัพมาก จึงทำให้พูดคุยกับบีบีซวงได้
คุยกันได้ไม่นานเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรเครื่องบินก็มาถึงบริเวณทะเล
บีบีซวงควบคุมเฮลิคอปเตอร์ให้วนเวียนอยู่เหนือทะเล ฉินสือโอวมองลงไปข้างล่าง มองเห็นเรือสองลำกำลังเผชิญหน้ากัน เรือลำหนึ่งเป็นเรือประมงของกรีนแลนด์ อีกลำหนึ่งเป็นเรือกำปั่นทะเลตะวันออกและมีเรือประมงอีกลำหนึ่งที่กำลังมองดูอยู่ในระยะไกล
มีร่มกันแดดกางอยู่บนดาดฟ้าของเรือประมงและชาวประมงหลายคนกำลังดื่มเบียร์กันอย่างมีความสุข พวกเขาไล่ตามเรือกำปั่นทะเลตะวันออกแต่ไม่กล้าใช้ปืนน้ำ
ฉินสือโอวจึงต่อวิทยุของเรือประมงเคียฟ แล้วพูดว่า “นี่ ที่นี่คือน่านน้ำแคนาดา พวกคุณได้บุกน่านน้ำแคนาดาแล้ว! ขอให้พวกคุณรีบออกไปซะ โอเค!”
ไม่นาน เสียงวิทยุก็ดังขึ้นคร่าวๆ ว่า “ขอโทษด้วย พวกเรามีใบอนุญาตจับปลาที่ได้รับอนุมัติจากแคนาดา ดังนั้นน่าเสียดายที่พวกเราสามารถเข้าสู่ประเทศของคุณเพื่อจับปลาได้ เช่นเดียวกับที่พวกคุณมักจะเข้าสู่น่านน้ำกรีนแลนด์ของเรานั่นแหละ”
เกาะกรีนแลนด์ได้ผ่านการลงประชามติการปกครองตนเองในปี 2009 ซึ่งเมื่อก่อนเคยตกเป็นของเดนมาร์ก ตอนนั้นแคนาดาคิดว่ารัฐบาลประเทศเพื่อนบ้านอ่อนแอ ซึ่งสอดคล้องกับผลประโยชน์ของประเทศตัวเอง ดังนั้นจึงสนับสนุนการปกครองตนเองให้กับกรีนแลนด์
ด้วยเหตุนี้ แคนาดาได้ชำระค่าใช้จ่ายให้เกาะกรีนแลนด์ที่รวมไปถึงทะเลหลวง จึงได้รับสิทธิพิเศษในการขุดและการจับปลา ซึ่งตอนนั้นเป็นเหตุการณ์ที่วุ่นวายมากในประเทศ จนมีบางคนถึงกับเรียกร้องให้มีการประท้วงในหลายๆ รัฐ เพราะคิดว่าข้อตกลงนี้จะเป็นการเสียเกียรติของประเทศ
ฉินสือโอวจึงพูดอย่างไม่พอใจว่า “ที่พวกคุณลงนามมันคือใบอนุญาตจับปลาสำหรับทะเลหลวง โธ่เอ๊ย แต่ที่นี่มันคือฟาร์มปลาของฉัน! เป็นพื้นที่ส่วนตัว เข้าใจไหม? ออกไปซะ! ฉันให้เวลาสิบนาที ถ้าฉันยังเห็นนายอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน ฉันจะถือว่านายบุกรุกฟาร์มปลาของฉัน!”
“แล้วแต่นายเถอะ” หลังจากเสียงคร่าวๆ นั้นยังมีเสียงผิวปากตามมาด้วย
บีบีซวงก็ไม่พอใจ จึงต่อว่ากลับไปว่า “เจ้าพวกนี้กวนโอ๊ยเกินไปแล้ว! บอส จัดการเลยไหม!”
ฉินสือโอวจึงย้ายระบบการสื่อสารของเรือกำปั่นทะเลตะวันออก แล้วพูดด้วยความโมโหว่า “ระเบิดมัน!”
“มันอาจทำให้ถึงตายได้นะบอส…” ชาวประมงพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง
ฉินสือโอวจึงหัวเราะเยาะพร้อมพูดว่า “ไม่ต้องใช้ปืนน้ำ ให้ใช้ปืนจรวดแทน!”
บทที่ 797 ผู้บัญชาการทหารบก
โดย
Ink Stone_Fantasy
เรือขโมยปลาส่วนใหญ่มาจากทางตะวันออก ทางใต้ และทางตะวันตกสามเส้นทางนี้ ดังนั้นเรือความเร็วสูงทั้งสามนี้มีสองลำที่ติดตั้งขีปนาวุธดับเพลิง และเรืออีกลำก็จะติดตั้งจรวดดับเพลิง
จรวดดับเพลิงชนิดนี้จะเป็นจรวดที่เซี่ยงเฮ่าทำขึ้นมาให้ฉินสือโอว แต่ทำขึ้นมาเพียงชุดเดียวเท่านั้น จึงนำไปติดตั้งบนเรือกำปั่นทะเลตะวันออก
จรวดดับเพลิงใช้การบังคับควบคุมสิบแปดตัวและมีระบบป้องกันไฟป่าอัตโนมัติระยะไกลซีเอ็มเอฟ-วัน ซึ่งระบบนี้ไม่ได้มีประโยชน์มากนัก ส่วนใหญ่จะใช้เพื่อตรวจจับแหล่งที่มาของไฟและควบคุมทิศทางการนำทางของจรวด
บนเรือกำปั่นทะเลตะวันออกแบบมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์ระบบการควบคุมปืนอย่างเรียบง่าย ซึ่งเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เล็งเป้าและอุปกรณ์ควบคุมการปล่อย แต่แนะนำว่าการทำจรวดง่ายๆ นี้ จะทำให้การปล่อยจรวดระยะไกลมีระยะค่อนข้างสั้น ซึ่งมีระยะเพียง 400 ถึง 600 เมตรเท่านั้น และถ้าเกินกว่าระบบควบคุมไฟระยะไกลนี้ก็จะทำให้ระบบล้มเหลว
แน่นอนว่าถ้าต้องการจัดการกับไฟป่าจริงๆ จรวดนี้ใช้ระบบป้องกันไฟป่าอัตโนมัติระยะไกลซีเอ็มเอฟ-วัน จากนั้นการโจมตีระยะไกลจะสามารถเพิ่มระยะทางออกไปได้อีกเล็กน้อย ซึ่งระยะทางจะเพิ่มขึ้นประมาณสองกิโลเมตร
ระยะทาง 400 เมตรเพียงพอที่จะจัดการกับเรือประมงหนึ่งลำ หลังจากทำตามคำสั่งของฉินสือโอว เรือกำปั่นทะเลตะวันออกจึงถอยทัพพร้อมกับหันหัวเรือกลับ เครื่องส่งสัญญาณจรวดรังผึ้งรูปแบบสิบแปดตัวที่ติดตั้งอยู่ท้ายเรือก็ปรากฏขึ้น
ชาวประมงที่อยู่บนเรือประมงเคียฟคิดว่าเรือกำปั่นทะเลตะวันออกกลัวจนหนีไป จึงหัวเราะเยาะเสียงดังและมีบางคนโยนกระป๋องเบียร์ที่ดื่มหมดแล้วโยนใส่เรือกำปั่นทะเลตะวันออก
แต่ไม่นานนักพวกเขาก็กลับหัวเราะไม่ออก เพราะมีชาวประมงดึงชุดป้องกันวัตถุอันตรายที่คลุมเครื่องส่งสัญญาณจรวดออก จึงทำให้เห็นเครื่องส่งสัญญาณรังผึ้งเอียงขึ้นท้องฟ้า
“ตะ ตายแน่! ปืนจรวด!” มีคนตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจ
คนอื่นๆ จึงขยี้ตามองดู สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งวิ่งพรวดพราดออกมาจากห้องบังคับเรือ เขาถือกล้องส่องทางไกลเอาไว้ในมือ เดาว่าคงส่องดูจากในห้องบังคับเรือไม่ชัดเจนจึงตั้งใจวิ่งออกมาดูอย่างละเอียด
เมื่อระยะทางห่างออกไปเกือบ 400 เมตรแล้ว ชาวประมงก็จัดเครื่องส่งสัญญาณรังผึ้งเพื่อเล็งเป้าไปที่เรือประมง มีคนเปิดคอมพิวเตอร์ควบคุมเพื่อรับข้อมูลที่ส่งกลับมาจากเรดาร์
สิ่งนี้จะใช้วิธีการคุมเครื่องในรูปแบบง่าย ซึ่งเดิมจะมีไว้สำหรับให้นักดับเพลิงใช้ หลังจากนำเข้าระยะทางและทำมุมยิงแล้วให้กดปุ่มสีแดงเพื่อ ‘ปล่อยจรวด’
“บุกๆๆ!” หางเปลวไฟพุ่งออกมา รอให้ตัวเครื่องส่งสัญญาณรังผึ้งเต็มไปด้วยควันและปืนใหญ่หัวจรวดทั้งสามจะถูกยิงออกไปตามลำดับ…
ชาวประมงสองคนที่นั่งยองๆ อยู่ข้างเครื่องส่งสัญญาณบนเรือลุกขึ้นยืน หลังจากที่ยิงปืนใหญ่หัวจรวดแล้ว จึงมองไปที่เรือลำนั้นด้วยสีหน้าเบิกบานใจ
ความเร็วในการทะยานของปืนใหญ่หัวจรวดพลเรือนนี้ค่อนข้างช้า ความเร็วต่อวินาทีอยู่ที่ประมาณยี่สิบเมตร แต่ถึงอย่างไรปืนใหญ่หัวจรวดปากกระบอกลำกล้อง 122 ของทหารก็มีความเร็วต่อวินาทีอยู่ที่ประมาณหกสิบเมตร ดังนั้นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือมุ่งเน้นไปที่การโจมตีที่ครอบคลุม ไม่ใช่การโจมตีที่แม่นยำ
ถ้าใช้บนพื้นดิน การจัดการของปืนใหญ่หัวจรวดชนิดนี้ไม่มีประโยชน์กับเป้าหมายเคลื่อนที่ แต่มันมีผลอย่างมากต่อทะเล เรือประมงต้องใช้เวลาในการตอบสนองนานกว่าสิบวินาทีเพื่อเริ่มเคลื่อนที่และความเร็วเริ่มต้นในการเคลื่อนที่ก็จะช้ามาก…
ผู้คนบนเรือประมงกรีนแลนด์กรีดร้องอย่างสิ้นหวัง เมื่อพวกเขามองเห็นภาพหางเปลวไฟจากปืนใหญ่หัวจรวดสามลูกที่กำลังยิงตรงมาจากระยะไกล
กัปตันจึงตะโกนขึ้นว่า “กระโดดลงน้ำ! ทุกคนกระโดดลงน้ำเดี๋ยวนี้!”
“พวกเราถูกกองทัพเรือแคนาดาโจมตีแล้ว” คนที่อยู่ในห้องบังคับเรือตะโกนออกมาทางวิทยุโดยหวังว่าคำพูดนี้จะแพร่กระจายออกไป พวกเขามองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสิ้นหวัง คงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป จึงทำได้แค่ฝากความหวังไว้กับรัฐบาลให้คืนความยุติธรรมให้กับตัวเอง
‘ตู้มตู้ม’ ชาวประมงที่อยู่บนเรือพากันค่อยๆ กระโดดลงน้ำ สิบวินาทีต่อมา ปืนใหญ่หัวจรวดสามลูกก็ตกลงบนดาดฟ้าและท้ายเรืออย่างต่อเนื่อง และอีกหนึ่งลูกยิงพลาดตกลงไปในน้ำ จึงทำให้เกิดระลอกคลื่นสูงขึ้น
ชาวประมงที่อยู่ในน้ำต่างพากันแหวกว่ายไปทั่วทิศทางอย่างไม่คิดชีวิต พวกเขาคิดว่าปืนใหญ่หัวจรวดจะระเบิดและจมเรือของพวกเขา เมื่อเรือจมลงก็จะทำให้คลื่นน้ำสูงขึ้น ดูเหมือนว่าจะหนีออกไปไม่ได้สุดท้ายก็คงต้องตาย นอกจากนี้ระยะห่างก็ใกล้มากจนอาจจะถูกเศษซากของปืนใหญ่หัวจรวดหรือเรือที่ระเบิดออกมา ไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี
แต่ปืนใหญ่หัวจรวดที่ตกลงมาบนเรือ กลับไม่มีเสียงระเบิดขึ้น เหล่าชาวประมงที่อยู่ในน้ำจึงหันกลับมาด้วยความประหลาดใจ เห็นหมอกขาวจำนวนมากปรากฏขึ้นบนเรืออย่างรวดเร็ว
“พระเจ้า! นี่มันอะไรกัน? ทำไมมันถึงลุกไหม้ขึ้นมาอย่างรวดเร็วขนาดนี้?” มีคนที่อยู่ในน้ำพูดขึ้นด้วยความหวาดกลัว
ทหารรับจ้างต่างไม่พอใจ บีบีซวงจึงบังคับทิศทางของเฮลิคอปเตอร์ลงไปที่พื้นผิวทะเล ตามการบินของปีกเครื่องบินจะถูกสายลมทะเลที่อ่อนโยนพาขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว และมีคลื่นลูกใหญ่พัดขึ้นอยู่รอบๆ
ชาวประมงในทะเลถูกทรมานจากเหตุการณ์นี้ ยังดีที่ฉินสือโอวไม่ได้ต้องการฆ่าพวกเขาจริงๆ หลังจากให้บทเรียนกับพวกเขาแล้ว ก็ส่งสัญญาณให้บีบีซวงเอาเฮลิคอปเตอร์ขึ้น ทิ้งให้เหล่าชาวประมงตื่นตระหนกตกใจอยู่ในน้ำ
ชาวประมงที่อยู่บนเรือกำปั่นทะเลตะวันออกก็คึกคักกันขึ้นมาไม่จบไม่สิ้น “ให้ตายเถอะ ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่าทำไมถึงมีบางคนอยากเป็นทหาร เพราะมันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมากตอนที่ได้ควบคุมอาวุธหนักนี้ ฉันอยากจะยิงมันอีกจริงๆ เลย!”
จากนั้นฉินสือโอวก็ดีดนิ้ว เฮลิคอปเตอร์จึงแล่นไปใกล้เรือประมง เขากระโดดลงไปและให้บีบีซวงกลับไปก่อน เขารอให้ตำรวจทางทะเลมาเพื่อร่วมมือกันไต่สวน
การจัดการพื้นที่ทางทะเลไม่ใช่เรื่องง่าย หลังจากผ่านไปครึ่งวัน เรือด่วนของตำรวจทางทะเลก็บุกป่าฝ่าดงเข้ามา ตำรวจทางทะเลของนิวฟันด์แลนด์และฉินสือโอวรู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะฟาร์มปลาของเขามักจะเกิดเรื่องขึ้นบ่อยและในฟาร์มปลาของเขาก็มีปลาจำนวนมาก
หลังจากที่ร้อยโทนำทีมขึ้นเรือกำปั่นทะเลตะวันออก จึงกล่าวคำขอโทษ “ขอโทษจริงๆ วันนี้คดีเยอะมาก มีการใช้อาวุธต่อสู้กันระหว่างเจ้าของฟาร์มปลาที่น่านน้ำทางเหนือ ให้ตายเถอะ ทำไมทุกคนถึงไม่ยอมทำตัวดีๆ กันบ้างเลย?”
ในเครื่องดับเพลิงเต็มไปด้วยผงแห้งแรงดันสูงและน้ำแข็งแห้งที่ปล่อยออกมาอย่างรุนแรง และตอนนี้จึงปกคลุมไปด้วยควันสีขาวและหมอกสีขาว ชาวประมงที่แช่อยู่ในน้ำเกือบตลอดทั้งวัน จึงสูญเสียอุณหภูมิความร้อนเป็นจำนวนมากจนเกือบช็อก เมื่อเห็นตำรวจทางทะเลมาก็ถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความตื่นเต้น
หลังจากขึ้นเรือแล้วตำรวจทางทะเลก็เริ่มเก็บหลักฐานเพื่อทำการตรวจสอบ ประการแรกเรือประมงกรีนแลนด์ทั้งสองลำมีใบอนุญาตจับปลาจริง ประการที่สองพวกเขาเข้ามาในฟาร์มปลาส่วนตัวของฉินสือโอวจริง ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่จัดการได้ยาก
กัปตันของเรือประมงเคียฟพาดผ้าห่มไว้บนบ่าแล้วร้องตะโกนขึ้นว่า “พวกเราไล่ตามฝูงปลามา! ฝูงปลาแซลมอนเหล่านี้ไม่ใช่ของฟาร์มปลาเขา แต่เป็นของทะเลหลวงต่างหาก พวกเราตามมันมาจากทะเลหลวง! โอ้ ให้ตายเถอะ! ให้ตายเถอะ! ต้องลงโทษเขาให้ได้! บนเรือของเขามีจรวด!”
ฉินสือโอวยักไหล่ใส่พร้อมเอาใบรับรองบนเรือออกมาให้ตำรวจทางทะเลดู “อันที่จริงนี่คือเรือดับเพลิงของเมือง คุณก็รู้ว่าบนเกาะของเรามีทั้งภูเขาและป่าไม้ และถ้าเกิดไฟป่าขึ้นมันยิ่งทำให้วุ่นวายมาก”
“แล้วทำไมเรือดับเพลิงของเมืองถึงมาอยู่ที่คุณได้?” ตำรวจทางทะเลถาม
ฉินสือโอวจึงอธิบายว่า “บังเอิญว่าเรือดับเพลิงของเมืองแสดงอยู่ใกล้ๆ หลังจากที่ฉันยื่นคำร้องกับทางรัฐบาลเมือง จึงขอให้เรือดับเพลิงของเมืองมาช่วยดูลาดเลาว่ามีอะไรเกิดขึ้นไหม”
ตำรวจทางทะเลยักไหล่แล้วพูดกับเจ้าของเรือกรีนแลนด์ว่า “โอเค เรื่องก็จบแล้วนะ คุณกลับไปเถอะ รีบออกไปจากน่านน้ำแคนาดาได้แล้ว!”
เจ้าของเรือโกรธเป็นอย่างมาก จึงตวาดกลับไปว่า “พวกคุณมันพวกเดียวกัน! พวกเรามีสิทธิ์ที่จะเข้ามาจับปลาในน่านน้ำพิพาทนี้และเขาก็ไม่มีสิทธิ์จะใช้ปืนใหญ่หัวจรวดพวกนี้มาโจมตีเรือของพวกเรา…”
“ฟังนะ นี่คุณ เขามีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้ คุณรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร? จะบอกคุณให้ นี่คือผู้บัญชาการทหารท้องถิ่นของทหารบกแห่งนิวฟันด์แลนด์ เข้าใจไหม? และตอนนี้คุณเป็นผู้บุกรุก เข้าใจหรือยัง?” ตำรวจทางทะเลพูดตักเตือนเขา
เจ้าของเรือกรีนแลนด์ถึงกับตกตะลึงขึ้นมาในทันที จากนั้นจึงชี้ไปที่ฉินสือโอวแล้วพูดว่า “คนเอเชียตะวันออกเนี่ยนะจะเป็นผู้บัญชาการทหารบก?”
“ดูสิ เขาเหยียดเชื้อชาติเกินไปแล้ว!” ฉินสือโอวประณามเขาทันที
บทที่ 798 คนเปลี่ยนแต่ทุกอย่างคงเดิม
โดย
Ink Stone_Fantasy
มันจะยุติธรรมได้อย่างไรถ้าต้องเจรจากับตำรวจทางทะเลของแคนาดาในอาณาเขตของแคนาดา? พวกเขาไม่ได้ถูกโจมตีเลยไม่ผิด กัปตันเรือของกรีนแลนด์ถึงกับพูดไม่ออก ทำได้เพียงจากไปอย่างคับแค้นใจ ก่อนไปเขาตะโกนออกมาตลอดทางว่า หลังจากที่ได้กลับประเทศแล้วจะฟ้องร้องฉินสือโอวกับตำรวจทางทะเลอย่างแน่นอน
ฉินสือโอวเหวี่ยงเครื่องส่งสัญญาณรังผึ้งเล็งไปที่เรือประมงของเขาอีกครั้ง ทำให้เจ้าของเรือตกใจกลัวจนฉี่แทบราดจนรีบวิ่งหนีออกไป
แต่เขาเองที่วิ่งหนีไม่ไหว จึงต้องให้เรือประลากไปด้วย เพราะผงแห้งและน้ำแข็งแห้งที่ระเหยออกทำให้เกิดความเสียหายต่อเครื่องมือและเครื่องจักรเป็นอย่างมาก ซึ่งเรือประมงของเขาถูกโจมตีด้วยปืนใหญ่หัวจรวดสองลูกและถ้ากลับไปไม่ทำการซ่อมแซมครั้งใหญ่ก็จะไม่สามารถใช้งานได้อีก
นี่คือเหตุผลที่กัปตันของกรีนแลนด์ต้องการให้ตำรวจทางทะเลเป็นผู้รับผิดชอบความยุติธรรมให้กับเขา ที่ออกมาเดินเรือในครั้งนี้เขาสูญเสียทุกอย่างแม้แต่กางเกงก็ยังไม่เหลือ
หลังจากกลับมาถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวก็เห็นว่าวินนี่และเด็กๆ กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานกับหญิงสูงอายุ และเออร์บักก็กลับมาเช่นเดียวกัน ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักแมคคาลลียน ซึ่งเขากำลังถือเครื่องดื่มเย็นๆ คุยกับเธออยู่และสีหน้าของเขายังดูมีความสุขมากด้วย
“คุยอะไรกันอยู่ ทำไมถึงมีความสุขขนาดนี้?” ฉินสือโอวถาม
หญิงชราจึงหัวเราะแล้วพูดว่า “เรากำลังพูดถึงลูกๆ ของคุณ พวกมันน่ารักมาก…”
พูดยังไม่ทันจบ เจ้าตัวไม่น่ารักก็โผล่มา
เสียงร้องโหยหวนของนกอินทรีดังขึ้น บุชจึงกางปีกทั้งสองข้างด้วยความโกรธแล้วทิ่มหัวลง เหมือนกับว่ากำลังทิ้งระเบิดลงอย่างรุนแรง แล้วจึงทะลุเข้าไปในอ้อมกอดของฉินสือโอว นิมิตส์ที่กำลังบินวนเวียนอยู่บนท้องฟ้า ท่าทางของมันช่างสง่าผ่าเผย
“นกอินทรีหัวขาว?” แมคคาลลียนถามอย่างแปลกใจ “พระเจ้า คิดไม่ถึงว่าคุณจะเลี้ยงเจ้าตัวนี้ด้วย? ฉันเคยเห็นคนที่เลี้ยงหมีสีน้ำตาลอยู่บ้าง แต่ไม่เคยเห็นคนเลี้ยงนกอินทรีหัวขาว!”
ชาวอเมริกันเลือกนกอินทรีหัวขาวเป็นนกประจำชาติ ไม่เพียงแต่เพราะความกล้าหาญและความเชี่ยวชาญในการต่อสู้เท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกมันเย่อหยิ่งอวดดีเหมือนกับพวกคาวบอยอเมริกันที่หยิ่งผยองที่ไม่สามารถเอาชนะได้ และไม่สามารถเลี้ยงให้เชื่องได้
ขนสีน้ำตาลของบุชพันกันยุ่งเหยิงมากและยังมีแผลเล็กๆ บนคิ้วอันสง่างามของมัน ฉินสือโอวจึงช่วยมันทำความสะอาดขน บุชจึงค่อยๆ กระดกก้นขึ้นเพื่อขับน้ำมันออกมา ซึ่งการแสดงออกแบบนี้จริงๆ แล้วมีเสน่ห์มาก ฉินสือโอวจึงมองไปที่เธอด้วยความเขินอาย
วินนี่รับบุชมาแล้วพูดว่า “ใช่แล้ว นกอินทรีหัวขาว ไม่ใช่ว่าพวกเราเลี้ยงมันหรอกนะคะ แต่แค่ทั้งสองฝ่ายต่างเลือกกันและกันเท่านั้นเอง”
จากนั้นนิมิตส์ก็ร่วงลงมา นี่คือนกที่มีชื่อเสียงที่สุดในแคนาดาและมีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นนกที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก เพราะหลังจากคาเมรอนยืนยันว่าจะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนั้น เขาก็จะเชิญให้นิมิตส์ไปแสดงตัวต้นที่แท้จริงของมัน
แมคคาลลียนก็รู้จักนิมิตส์ หลังจากมันลงมาเกาะที่แขนของฉินสือโอว เธอจึงยื่นมือไปลูบที่ปีกของมัน แล้วชื่นชมว่า “นี่คือผู้เลี้ยงสัตว์ของพระเจ้าใช่ไหม? เป็นเด็กดีจริงๆ ลักษณะท่าทางที่อยู่ท่ามกลางพายุฝนของมันทำให้ผู้คนรู้สึกประทับใจจริงๆ”
นิมิตส์ส่งเสียงร้องขึ้นเบาๆ แล้วใช้สายตาดูถูกเหยียดหยามชำเลืองมองไปที่แมคคาลลียน ฉินสือโอวจึงรีบอธิบายทันที “เจ้าเด็กนี่มองไปที่ใครก็ใช้สายตาดูถูกเหยียดหยามแบบนี้ตลอด”
ทุกครั้งที่นิมิตส์เป็นแบบนี้แสดงว่ามันไม่มีความสุข และมันทำให้ฉินสือโอวขายหน้า ซึ่งถ้าใครทำอะไรเราไว้ต้องรีบเอาคืนปล่อยไว้ข้ามคืนไม่ได้ต้องทำมันทันที
ขนของนกโจรสลัดใหญ่พันกันยุ่งเหยิง วินนี่เปลี่ยนเรื่องคุยแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าสองตัวนี้จะไปเทือกเขาเคอร์บัลเพื่อต่อสู้กันมาแน่ๆ เพราะพวกมันกลับมากี่ครั้งก็มีบาดแผลกลับมาทุกครั้ง”
บุชได้ยินอย่างนั้นก็ส่งเสียงร้องดังขึ้นมา มันจึงกระโดดข้ามไปบนโต๊ะแล้วกระโดดโลดเต้นอย่างสุดแรง คล้ายกับว่าไม่พอใจกับคำพูดของวินนี่
แมคคาลลียนจึงหัวเราะชอบใจและพูดซ้ำๆ ว่าเจ้าเด็กนี่น่ารักจริงๆ
ฉินสือโอวเหลือบมองไปที่บุชที่กระโดดโลดเต้นและยังกวัดแกว่งปีกไปมาอย่างไม่มีมารยาทอยู่ตรงนั้น ซึ่งทำให้ไม่เห็นความน่ารักของมันเลยสักนิด ถ้าเปรียบเทียบเจ้าเด็กโง่ตัวนี้กับตอนที่มันบินไม่ได้ยิ่งดูน่าเกลียดขึ้นมากกว่าเดิม
เมื่อนั่งลงบนชายหาด ซึ่งไม่ไกลจากชายหาดนักจะเป็นคลื่นทะเลที่ค่อยๆ ซัดกระทบชายฝั่ง ลมทะเลที่พัดผ่านอย่างช้าๆ มองดูน้ำทะเลที่ใสดุจดังคริสทัลพร้อมกับฟังเสียงร้องอันไพเราะของนกนางนวล และแสงอาทิตย์ในยามบ่ายดูเหมือนว่าจะค่อยๆ แผ่วลง
เด็กๆ มองดูกันอย่างน่าสนุกสนาน จึงถอดรองเท้า เปลี่ยนใส่กางเกงและถือกระโปรงวิ่งไปที่ชายหาด แล้วร้องตะโกนพร้อมกับย่ำน้ำเล่นไปด้วย
พอเห็นเด็กๆ กำลังเล่นกันอย่างสบายใจ จู่ๆ แมคคาลลียนก็เศร้าใจขึ้นมา เธอจ้องมองคลื่นที่กำลังซัดกระทบชายฝั่งอย่างใจลอยและสีหน้าไร้ความรู้สึก
ฉินสือโอวเดาว่าเธอคงกำลังคิดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นหญิงชราก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ “ตอนที่ฉันมาฟาร์มปลาครั้งแรก น้ำทะเลก็ใสแบบนี้ ลมทะเลก็พัดอย่างอ่อนโยนแบบนี้ พอตอนนี้ได้กลับมาอีกครั้ง ทุกอย่างแทบจะไม่เปลี่ยนไปเลย ยังคงเป็นหาดทรายสีทองแบบนี้ และยังคงเป็นทะเลผืนนี้ บางทีนกนางนวลเหล่านั้นอาจจะยังเป็นฝูงเดิมอยู่ก็ได้ แต่น่าเสียดายที่คนเปลี่ยนแต่ทุกอย่างยังคงเดิม”
“ใช่ มันผ่านมากี่ปีแล้วล่ะ? คนเปลี่ยนแต่ทุกอย่างยังคงเดิม เราแก่ตัวลง บางคนก็ถึงกับไม่ได้เจอกันแล้ว” เออร์บักพูดพลางถอนหายใจไปด้วย
คำพูดนี้ทำให้ตกตะลึงไปทั่วทุกที่จริงๆ แม้ว่าจะมีเพียงฉินสือโอวและวินนี่ที่อยู่เป็นเพื่อนข้างๆ ก็ตาม แต่พวกเขาทั้งสองคนรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก
พอได้จ้องมองกัน ในใจของฉินสือโอวรู้สึกประหลาดใจมากที่เมื่อก่อนแมคคาลลียนเคยมาที่ฟาร์มปลาด้วย? อีกทั้งยังได้ยินคำพูดของเธอและเออร์บัก ก็ทำให้เห็นแล้วว่าพวกเขาทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อน
เมื่อเห็นใบหน้าของแมคคาลลียนและเออร์บักแล้ว ฉินสือโอวก็คิดในใจขึ้นมาทันที หรือว่ามีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นตอนที่พวกเขาทั้งยังเป็นหนุ่มสาว? ไม่สิ เออร์บักอายุยังไม่ถึงเจ็ดสิบปีและแมคคาลลียนก็อายุเก้าสิบปีแล้ว ช่องว่างระหว่างวัยมีเยอะเกินไป
ต่อมความรู้ของเขาก็เริ่มกระตุกขึ้น จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างระมัดระวังแล้วก้มหาเรื่องราวความรักของแมคคาลลียน
และด้วยความหันหน้าหันหลังอย่างไม่ตั้งใจ เขาจึงเหลือบไปเห็นวินนี่ที่กำลังทำเช่นเดียวกันกับเขาอยู่ อีกอย่างพวกเขายิ่งต้องแอบทำอย่างลับๆ ถึงสายตาจะมองหญิงชราที่กำลังมองเด็กๆ อยู่ก็จริง แต่ในมือของพวกเขากลับเล่นโทรศัพท์อยู่!
“ภรรยาของฉันนี่ยอดเยี่ยมจริงๆ” ฉินสือโอวแอบถอนหายใจเงียบๆ และเร่งความเร็วในการค้นหา
จากการสอบถามของเขา แมคคาลลียนมีช่วงเวลาการแต่งงานที่สมบูรณ์แบบ สามีของเธอมีอายุมากกว่าเธอและได้เสียชีวิตลงเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เห็นได้ชัดว่าการคาดเดาของเขาไม่มีเหตุผลเป็นอย่างมาก
แมคคาลลียนถอนหายใจอีกครั้ง ซึ่งอาจจะเพราะคิดว่าฉินสือโอวและวินนี่อยู่ข้างๆ และพูดบางอย่างที่ไม่ค่อยดี จึงถามอ้อมๆ ไปว่า “คุณมีฟาร์มปลาที่ดีมาก ฉันเห็นว่าที่นี่ยังมีสวนผักและฟาร์มเพาะปลูกด้วยใช่ไหม? มันดีมากเลย”
ฉินสือโอวจึงพูดอย่างสุภาพ เพื่อเชิญเธอไปทานอาหารเย็นและลองชิมปลาและผักที่เป็นผลิตภัณฑ์จากฟาร์มปลา
แมคคาลลียนยิ้มพร้อมพูดว่า “ด้วยความยินดีมาก คุณฉิน ฟาร์มของคุณยังคงรักษาความพิเศษในช่วงเวลานั้นของเรามาเสมอ สไตล์การก่อสร้างแบบนั้นกับรูปแบบของอาหารและเครื่องดื่มแบบนั้น ฉันคิดว่าอาหารของคุณที่นี่ต้องปลอดภัยมากแน่ๆ ผักและเนื้อปลาทั้งสะอาดและถูกสุขอนามัย”
“จริงๆ แล้วมันก็เป็นแบบนี้แหละครับ คุณผู้หญิง ทุกอย่างในฟาร์มปลาของเราทั้งสะอาดและถูกสุขอนามัย ผมคิดว่าคุณให้ความใส่ใจกับเรื่องความปลอดภัยของอาหารมาก เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้มีส่วนช่วยเรื่องความอายุยืนของคุณสินะ” ฉินสือโอวพูดประจบเธอ
แมคคาลลียนยิ้มและเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับความรู้ด้านการรักษาสุขภาพ เธอพูดกับวินนี่และฉินสือโอวว่า เคล็ดลับในการมีอายุยืนก็คือการกินผักให้เยอะๆ กินแต่ละมื้อให้น้อยลงและวันหนึ่งจะกินหลายมื้อก็ได้ แต่ไม่สามารถกินจนอิ่มมากเกินไป
จากนั้นเธอก็บ่นอีกว่า สภาพแวดล้อมในปัจจุบันนี้นับวันยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ โดยปกติแล้วเธอจะเลือกอาหารปลอดสารพิษได้แค่ที่บ้านเท่านั้น
บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปอย่างเรียบง่าย เหมือนกับได้คุยกันหลังอาหารกับหญิงสูงอายุทั่วไป แมคคาลลียนมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมในการควบคุมบทสนทนา เธอแทบจะไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระด้านการเมืองเลย หลังจากพูดถึงเรื่องอาหารและการรักษาสุขภาพเสร็จ จากนั้นก็เริ่มพูดถึงเรื่องการออกกำลังกาย
ความสามารถด้านกีฬาของหญิงสูงอายุคนนี้ดีมาก เธอแนะนำว่าเธอชอบสเกตน้ำแข็งและฮอกกี้น้ำแข็งมากที่สุด ก่อนที่เธอจะอายุเก้าสิบปี เธอมีความคล่องแคล่วว่องไวมากในสนามสเกตน้ำแข็ง แต่หลายปีมานี้เนื่องจากความกังวลของคนในครอบครัว เธอจึงค่อยๆ เบาลง และเวลาปกติเธอจะชอบจูงสุนัขไปเดินเล่นในสถานที่ที่น่าสนใจ
บทที่ 799 แนวคิดเรื่องเรือผี
Ink Stone_Fantasy
อาหารเย็นที่แมคคาลลียนทานนั้นธรรมดาๆ แต่ไม่น้อย มีปลาตัวเป่าย่างและเมนล็อบสเตอร์จากฟาร์มปลา นอกจากนี้ยังมีสลัดผักและผลไม้ชามใหญ่อีก
หญิงชราทั้งกินพร้อมกับอธิบายไปด้วยว่า ปกติอาหารเย็นของเธอจะกินน้อยมาก แต่ผักและผลไม้ในฟาร์มปลามีรสชาติดีมาก เธอจึงห้ามใจไม่ไหวกับอาหารที่ดึงดูดเหล่านี้
ฉินสือโอวยุให้เธอกินเยอะๆ พร้อมทั้งยิ้มอย่างขมขื่น อาหารที่อร่อยที่สุดในฟาร์มปลาของเขาคือปลาและกุ้งพวกนี้ที่ถูกดัดแปลงโดยพลังโพไซดอน แต่ผลไม้และผักรับพลังโพไซดอนได้ไม่มาก จึงอาจทำให้รสชาติเปลี่ยนไปมาก?
แฮมเล็ตกินปลาย่างและชิ้นปลาทอดอย่างเต็มที่ไม่หยุด ดีที่เขามองเห็นแมคคาลลียนจึงทำให้เขาค่อนข้างยับยั้งชั่งใจไม่ดื่มเหล้าได้ ไม่อย่างนั้นเหล้าขาวที่ฉินสือโอวเอามาจากประเทศจีน คงต้องสิ้นเปลืองมากอย่างแน่นอน
หลังจากกินอิ่มและดื่มจนพอแล้ว แฮมเล็ตก็แกล้งเอาเงินมาให้ฉินสือโอว ฉินสือโอวก็ไม่ปฏิเสธแล้วพูดว่า “ตามราคาตลาดแล้ว ปลาตัวเป่าย่างเท่ากับหนึ่งร้อยสี่สิบสี่ดอลลาร์อเมริกันต่อปอนด์ และเมนล็อบสเตอร์ตอนนี้หนึ่งปอนด์ก็เท่ากับหนึ่งร้อยยี่สิบสองดอลลาร์อเมริกันต่อปอนด์…”
“ดอลลาร์อเมริกันอะไรกัน นี่คือดอลลาร์แคนาดาต่างหาก!” แฮมเล็ตพูดอย่างไม่พอใจ
ฉินสือโอวยักไหล่แล้วชี้ไปที่ฟาร์มปลาด้านนอกพร้อมพูดว่า “ขอโทษนะ การเก็บเกี่ยวของผมขายเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น”
แฮมเล็ตจึงรีบเก็บกระเป๋าเงินของเขาอย่างรวดเร็ว อาหารมื้อนี้ต้องใช้เงินเดือนทั้งเดือนของเขาเลย สุดท้ายเขาจึงตีฉินสือโอวเบาๆ แล้วสัญญาว่าจะเอาเช็กจำนวนหนึ่งมาให้ จากนั้นจึงขับรถไปส่งหญิงชราที่โรงแรมในเมือง
พอแมคคาลลียนกลับไป ฉินสือโอวและวินนี่จ้องไปที่เออร์บักด้วยแววตาเป็นประกายขึ้น เนื่องจากความอยากรู้ของพวกเขา จึงถามเป็นเสียงเดียวกันว่า “มันเรื่องเกิดอะไรขึ้น?”
“เรื่องมันเกิดขึ้นได้อย่างไร?” เออร์บักถึงกับตกใจกลัว
“หญิงชรากับฟาร์มปลา มีเรื่องอะไรกัน?” ฉินสือโอวถาม
เออร์บักยิ้มแล้วพูดว่า “คุณหญิงแมคคาลลียนกับปู่ของนายเป็นคนรู้จักเก่ากันมาก่อน…”
พอได้ยินเช่นนั้น ฉินสือโอวก็ถึงกับอึ้งจนอ้าปากค้าง พระเจ้า ปู่ของฉันนี่ร้ายไม่เบาเลยนะ? แม้แต่นายกเทศมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์แคนาดาก็ยังมีความสัมพันธ์ได้เหรอ?
เออร์บักจึงมองไปที่ฉินสือโอวด้ยสายตาดูถูก แค่เห็นท่าทางของเขาก็เดาความคิดเขาออกแล้ว จึงพูดว่า “อย่าคิดอะไรเลอะเทอะ สามีของคุณหญิงแมคคาลลียนกับปู่ของนายเป็นหุ้นส่วนที่ดีต่อกัน เป็นความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันแค่นั้นเอง ก่อนที่คุณหญิงแมคคาลลียนจะลงเล่นการเมือง เธอมักจะมาที่ฟาร์มปลาบ่อยๆ ความจริงแล้วเงินทุนทางการเมืองในตอนที่เธอลงสมัครเลือกตั้งครั้งแรก ส่วนหนึ่งก็เป็นเงินที่ยืมมาจากปู่ของนาย”
ฉินสือโอวจึงเข้าใจมากขึ้น แล้วพูดว่า “ไม่น่าแปลกใจที่แฮมเล็ตจะเชิญคุณหญิงแมคคาลลียนมาเป็นแขกช่วยหาเสียงเลือกตั้งได้ คุณใช่ไหมที่เชิญเธอมา?”
เออร์บักยิ้มแล้วค่อยๆ พยักหน้า จากนั้นจึงเดินกลับไปที่ห้อง เงาจากด้านหลังของเขาดูซึมเศร้าเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องเมื่อช่วงบ่าย เพราะความหดหู่ของชีวิตและช่วงเวลา มันทำให้จี้หัวใจของเขาเล็กน้อย
ในช่วงเย็น จิตสำนึกแห่งโพไซดอนแผ่ลงไปที่ฟาร์มปลา ฉินสือโอวแผ่พลังโพไซดอนบางส่วนให้กับคราเคน ตอนนี้เขามีแผนการซึ่งมีคราเคนเป็นหนึ่งในนักแสดงนำ ดังนั้นช่วงนี้เขาจึงต้องเพิ่มพลังเสริมให้กับมัน
เขาเคยคิดคำนวณไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะไม่โอเคแน่ ปัญหาการขโมยจับปลาในฟาร์มปลามีความรุนแรงเกินไป ถ้าใช้เฮลิคอปเตอร์บินไปขับไล่ผู้คนออกไป การขับกลับไปกลับมาล้วนเป็นเงินทั้งนั้น
วิธีแก้ปัญหาที่เขาคิดออกคืออะไรกัน? มันก็คือแนวคิดเรื่องเรือผีนั่นเอง
เรือขโมยปลาทั้งหมดมาจากทะเลน้ำลึก ซึ่งเป็นอาณาเขตของคราเคน เขาจึงวางแผนจะให้คราเคนไปหาเรือซากเรือที่แข็งแรงและเหมาะสมมาลำหนึ่ง จากนั้นจะให้คราเคนควบคุม พอถึงเวลาพวกโจรขโมยปลาเหล่านี้ก็จะตกใจกลัว
คนที่ทานอาหารค่ำจะเชื่อเรื่องผีและคนที่กินอาหารบนทะเลจะเชื่อเรื่องเทพเจ้า เมื่อได้เห็นชาร์คและเหล่าชาวประมงก็รู้แล้วว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจกลัวได้มีเพียงเรื่องเรือผีเท่านั้น
ทัศนคติของฉินสือโอวคือเชื่อในสิ่งที่ทำ ความเป็นจริงแล้วข่าวลือเกี่ยวกับเรือผีแม้ตอนนี้มันจะยังไม่เป็นจริง แต่หัวใจของโพไซดอนสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง แล้วถ้าในโลกนี้จะมีเรือผีขึ้นมาเหมือนกันแล้วละก็ ฉินสือโอวก็เชื่อ!
ไม่ใช่เรื่องที่จะใช้วิทยาศาสตร์มาอธิบายได้ ในโลกนี้มีสิ่งลี้ลับอยู่มากมายที่ไม่สามารถนำมาประกอบกับความจริง หรือว่าวิทยาศาสตร์ยังพัฒนาไม่เพียงพอ?
ฉินสือโอวคิดว่าจะใช้เรือเล็กๆ ลำหนึ่ง เขาคิดว่าความน่ากลัวของเรือขึ้นอยู่กับความแปลกประหลาด ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาด จากนั้นก็จะทำเสียงร้องไห้โหยหวนขึ้น ซึ่งจะใช้เพื่อทำให้เรือที่มาขโมยปลาตกใจกลัวเป็นพิเศษ
แต่เขาต้องปลูกฝังนิสัยของคราเคนที่ชอบเล่นกับซากเรืออับปาง ดังนั้นเวลาที่เหลือทั้งคืน เขาจึงแผ่พลังโพไซดอนให้กับคราเคนและถ่ายทอดจิตสำนึกให้มัน เพื่อให้มันลากซากเรืออับปางที่ชำรุดลำนั้นให้แล่นไปได้ทุกหนทุกแห่งและเพื่อเป็นการออกกำลังกายไปในตัวด้วย
เฮยป้าหวังพาฝูงผู้พิทักษ์ฉลามขาวของมันมาตระเวนสำรวจที่ใต้ท้องทะเล ระหว่างทางจึงไปชนเข้ากับคราเคนและปะทะเข้ากับหัวของซากเรืออับปางที่ทรุดโทรมลำหนึ่งที่กำลังลอยมา มันตกใจและคิดขึ้นได้ว่าตอนแรกเกือบจะถูกฆ่าตายด้วยเรือดำน้ำ
ครั้งที่แล้วแค่กำลังของเฮยป้าหวังยังไม่มากพอ แต่ครั้งนี้ข้างหลังของมันมีฝูงฉลามขาวมากกว่ายี่สิบตัวตามมาด้วย แน่นอนว่าสามารถล้อมรอบซากเรืออับปางได้
เมื่อปะทะเข้ากับฝูงฉลามขาวที่กำลังเข้ามา คราเคนขว้างซากเรือออกไปเพื่อเตรียมการต่อสู้ ทั้งสองฝ่ายหันหน้าเข้าหากันและเปลี่ยนเป็นท่าทางที่ดุดันขึ้นมา
ฉินสือโอวกลุ้มใจมาก จึงรีบขับไล่เฮยป้าหวังออกไปและใช้จิตสำนึกเอาเฮยป้าหวังไปอยู่ที่ทะเลลึก ในเมื่อไม่มีเรื่องอะไรแล้วจะอยู่ที่นี่ทำไม? จากนั้นจึงไปทะเลลึกเพื่อหาซากเรืออับปางและถือโอกาสหาของกินให้อิ่มด้วย จะได้ไม่ต้องกินอะไรในฟาร์มปลา
ในฟาร์มปลาต้าฉินปลาจำพวกปลาแฮร์ริ่งและปลาซาบะ จะมีปริมาณการกินเยอะมากที่สุด
ตอนแรกฉินสือโอวตั้งใจว่าจะเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลให้ได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ไล่ฝูงฉลามและวาฬออกไป ดังนั้นพอตอนนี้ได้มาดูที่ทะเลลึกแล้วก็พบว่าที่นี่เต็มไปด้วยฝูงของพวกมัน
ปลาค็อดเป็นปลาที่ฉลาดรอบรู้ พวกมันไม่เคยไปทะเลลึก เพราะโดยพื้นฐานแล้วพวกมันไม่สามารถรอดชีวิตกลับมาได้
ฝูงปลาทูน่ากลับยังมีชีวิตอยู่และยังเป็นอิสระ เพราะพวกมันเป็นปลาที่เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ฉลามและวาฬไล่ตามพวกมันไม่ทัน
เดิมปลาทูน่าครีบน้ำเงินมีการดำรงอยู่เป็นสามอันดับแรก ถ้าเรียงตามอันดับของความสามารถการว่ายน้ำในมหาสมุทร แต่ปลากระโทงร่มสามารถเอาชนะมันได้ และปลาทูน่าครีบฝูงนี้ยังรับเอาพลังโพไซดอนเข้าไปเล็กน้อย จึงทำให้พวกมันมีความเร็วมากขึ้น เว้นแต่ว่าฉินสือโอวหาพวกมันเจอได้ไม่มาก
หลังจากว่ายน้ำอย่างสบายอกสบายใจใต้ท้องทะเลมาสักพัก ฉินสือโอวก็ไม่พบซากเรืออับปางอีก จึงรีบกลับไปนอนอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
ว่ากันว่าใต้ท้องทะเลจะมีซากเรืออับปางมากถึงสามล้านลำเลยเหรอ? มันอยู่ที่ไหนกันนะ? ทำไมเขาถึงหามันไม่เจอ?
หลังตื่นนอน ฉินสือโอวจึงเริ่มทำงานอย่างขะมักเขม้น ค้นหาซากเรืออับปางที่เหมาะสมเพื่อมาทำเป็นเรือผี และต้องเป็นเรือที่มีเรื่องราว เช่นเรือฟลายอิงดัตช์แมน ที่เต็มไปด้วยความลึกลับและความมหัศจรรย์มากมาย
สุดท้ายหาไปหามา ฉินสือโอวก็ยังหาไม่เจอ
เขายืนทำหน้านิ่วขมวดคิ้วคิดหนักอยู่บนชายหาด จากนั้นจึงมองไปเห็นเหล่าชาวประมงที่กำลังยุ่งกับงานอยู่ ทันใดนั้นจึงพบว่าเรื่องนี้ไม่มีความจำเป็นที่ต้องปิดบังชาวประมงทั้งหมด เขาจึงใช้ความสามารถของตัวเองคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะแก้ปัญหานี้ได้ เพราะในความเป็นจริงแล้ว มันไม่สามารถพึ่งแค่ความสามารถของคราเคนด้วยตัวคนเดียวได้!
ทันใดนั้น เขาก็มีความคิดที่ดีกว่าเดิม ซึ่งก็คือเขาจะประกาศทางวิทยุให้เหล่าชาวประมงและทหารบกมาร่วมประชุม
ก่อนจะประชุม ฉินสือโอวจะแจกโบนัสให้ก่อน เพราะครั้งที่แล้วที่ถูกพ่อค้ายาโจมตี เขาสัญญาว่าจะให้รางวัลกับชาวประมงเป็นเงินหนึ่งหมื่นดอลลาร์แคนาดาต่อคน ซึ่งตั้งแต่ตอนนั้นมาเขาก็ยังไม่ได้ให้
จากการสังเกตเหล่าทหารบกครั้งนี้แล้ว ฉินสือโอวจึงเอารางวัลแต่ละกองแจกให้ทีละคน รวมถึงการ์เซียและหวังเหล่ยด้วย เพราะพวกเขาทั้งสองก็ได้ร่วมการต่อสู้ในคืนนั้น ทั้งยังไม่พลาดเลยด้วย
หลังจากได้รับเงินแล้ว เหล่าชาวประมงก็ดีใจกันขึ้นมาในทันที ฉินสือโอวจึงให้การ์เซียและหวังเหล่ยออกไป จากนั้นจึงพูดว่า “ก่อนอื่นอย่าเพิ่งรีบดีใจกันขนาดนั้น ฉันอยากจะถามพวกนายว่า มีวิธีดีๆ ในการจัดการกับพวกขโมยปลาบ้างไหม?”
เมื่อเห็นเหล่าชาวประมงได้รับโบนัส เหล่าทหารบกก็อิจฉาตาร้อน แบล็คไนฟ์จึงดึงเอามีดสไตรเดอร์เอ็มทีออกมาเสียบลงบนโต๊ะ แล้วตะโกนว่า “ฆ่า! มีกี่คนก็ฆ่ามันให้หมด มาแค่คนเดียวก็ฆ่า…”
บทที่ 800 คุณหมอในเมือง
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวกลอกตามองบนใส่ แล้วด่าว่า “ถ้ามันทำได้ง่ายขนาดนั้น ฉันจะมาถามพวกนายทำไม?”
เหล่าทหารบกหัวเราะเยาะพร้อมนั่งลงอย่างตื่นเต้น ชาวประมงจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความลำบากใจ เพราะจริงๆ แล้วพวกเขาก็ไม่มีวิธีดีๆ อะไรเลย
ผลประโยชน์เป็นแรงจูงใจของการกระทำที่ผิดกฎหมาย เป็นเรื่องยากที่จะควบคุมการขโมยปลา เพราะฟาร์มปลาต้าฉินเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ทุกคนต่างรู้ดีว่าการเข้ามาขโมยปลาในฟาร์มปลาแห่งนี้สามารถทำกำไรได้มากมาย ซึ่งธุรกิจที่ขาดทุนไม่มีคนทำแน่นอน แต่ยังก็มีบางคนยอมเสี่ยงทำธุรกิจที่อันตรายนี้
ยิ่งไปกว่านั้น การเข้ามาขโมยปลาในฟาร์มปลาก็ไม่ใช่ธุรกิจที่อันตรายหรือมีความเสี่ยง
เมื่อเห็นพวกเขาเริ่มเงียบลง ฉินสือโอวจึงทุบโต๊ะแล้วพูดว่า “ฉันมีแผน พวกนายดูนะว่ามันจะเป็นไปได้ไหม ซึ่งก็คือเราจะสร้างเรือผีขึ้นมาหนึ่งลำ! เป็นเรือผีที่มาอย่างไร้ร่องรอย!”
ชาวเหล่าประมงต่างพากันตกตะลึงกับความคิดอันพิสดารของฉินสือโอว ชาร์คพูดอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “ตะ แต่ จะทำให้มันมาอย่างไร้ร่องรอยได้อย่างไร?”
ฉินสือโอวชี้ไปที่บีบีซวงที่ต้องการจะพูดอะไรบางอย่างพอดี บีบีซวงพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึงว่า “ผมขับเรือผีได้ไม่มีปัญหา แต่จะขู่คนพวกนั้นให้ตกใจกลัวได้อย่างไร?”
“นายขับได้แล้วจะมีประโยชน์อะไร? เราต้องเลือกซากเรืออับปางที่เหมาะสมก่อนหนึ่งลำ จากนั้นก็ไปซื้ออุปกรณ์และประกอบมันเข้าด้วยกันเอง พวกเรามีเรือดำน้ำไม่ใช่เหรอ? เมื่อถึงเวลาก็ใช้เรือดำน้ำมาเป็นฐานเรือ และเอามันลงไปในน้ำตามปกติ พอเข้าไปใกล้เรือประมงของพวกขโมยปลา จากนั้นก็ลอยมันขึ้นมาทันที พวกนายว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง?”
ฉินสือโอวมองไปที่ลูกน้องของเขา
พวกชาวประมงกระซิบหารือกันอยู่ครู่หนึ่ง ซีมอนสเตอร์ก็เกาหัวแล้วพูดว่า “ฟังดูไม่เลวเลย แต่มันจะโอเคใช่ไหมครับ?”
เบิร์ดพยักหน้าพร้อมพูดว่า “ไม่โอเคก็ต้องโอเคแล้ว พวกมันขโมยปลาหนักขึ้นเรื่อยๆ พวกเราจะต้องจัดการกับสถานการณ์นี้ อย่างที่บอสว่า เริ่มหาซากเรืออับปางเหมาะๆ สักลำ จากนั้นชาร์คก็จะติดต่อบิ๊กฟุตเพื่อซื้ออุปกรณ์เสริมสำหรับประกอบซากเรืออับปาง”
เมื่อมีคนมากกำลังก็มากตาม อันดับแรกจะต้องกำหนดเป้าหมายของซากเรืออับปางก่อน มันเป็นซากเรือซึ่งจมลงในช่วงต้นศตวรรษที่สิบเก้า ที่มีชื่อว่า ‘ฟลาวเวอร์ฟอกซ์’ ซึ่งมีชื่อเสียงในแคนาดาและรอบๆ เกาะกรีนแลนด์
เรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์เป็นเรือโดยสาร มันจมลงในน่านน้ำมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือช่วงปลายปี 1911 ตำนานของเรือลำนี้คือตอนที่เรือกำลังจมลงยังมีผู้โดยสารเป็นคู่บ่าวสาวสองคู่อยู่บนเรือ
เดิมคู่บ่าวสาวสองคู่เช่าเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์มาด้วยกันและวางแผนว่าจะนั่งเรือจากเกาะกรีนแลนด์ไปฮันนีมูนที่นิวยอร์ก ผลก็คือเมื่อเรือแล่นถึงน่านน้ำนิวฟันด์แลนด์ เรือลำนี้คงพุ่งชนเข้ากับโขดหิน จึงทำให้เรือจมลง
ในตอนที่ซากเรือชนกับโขดหิน พวกเขาทำได้เพียงส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือออกไป หลังจากที่เรือหลายลำได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือแล้วจึงรีบเข้าไปในบริเวณใกล้เคียง แต่กลับไม่พบเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกประหลาดใจคือ หลังจากที่เรือเหล่านี้เข้าไปบริเวณที่เรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์เคยอยู่แล้ว พวกเขาก็ยังได้รับได้รับข้อความจากวิทยุสื่อสารอีกหนึ่งข้อความ ซึ่งเนื้อหาในนั้นเรียบง่ายและธรรมดาว่า พวกเราตายแล้ว!
นี่คือเรื่องเล่าที่พูดกันเกี่ยวกับเรือผี ซึ่งในตอนนั้นเรื่องเล่าเกี่ยวกับเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์เป็นหัวข้อที่น่าสนใจในวงสนทนาของเหล่าชาวประมงและกะลาสีเรืออยู่นาน เช่นเดียวกับในปีต่อมาที่น่านน้ำแอตแลนติกเหนือ ก็เกิดเรื่องราวเกี่ยวกับซากเรืออับปางรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็คือการจมลงของเรือไททานิก
เมื่อเกิดประเด็นใหญ่ของเรือไททานิก จึงไม่มีใครจะพูดถึงเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์อีก ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีข่าวการปรากฏของเรือลำนี้อีกด้วย จึงทำให้ผู้คนต่างก็ลืมเรื่องนี้ไป
เรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์เป็นเรือโดยสารไอน้ำลำเล็กๆ ธรรมดาทั่วไป ที่มีความยาวเพียงสิบสี่เมตร ฉินสือโอวฝากให้พนักงานขายที่อุตสาหกรรมหนักแห่งโพไซดอนซื้อเรือประมงสองลำที่มีความยาวใกล้เคียงกับซากของเรือประมง โครงของเรือประมงยังคงใช้งานได้ แต่วัสดุอุปกรณ์รวมถึงเครื่องยนต์ได้ถูกทำลายหมดแล้ว ซึ่งการจัดการต้นทุนนั้นต่ำมากเพียงแค่สองหมื่นดอลลาร์แคนาดาก็สามารถส่งถึงมือได้แล้ว
สิ่งที่ฉินสือโอวลากกลับมามีเพียงเรือลำเดียวเท่านั้นและเรืออีกลำจอดเทียบท่าชั่วคราวอยู่ที่ท่าเรือ เพราะเขาต้องทำความสะอาดให้คราเคนใช้
ประเด็นนี้ยังคงเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ ถึงแม้ว่าประเด็นนี้จะเป็นตำนานที่ผ่านมานานมากและไม่นานมันก็จะถูกลืมเช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่ฉินสือโอวต้องการสร้างไม่ใช่เรือแค่หนึ่งลำ แต่เป็นสองลำ ซึ่งเรืออีกลำจะควบคุมโดยคราเคน
ด้วยวิธีนี้ เรือผีที่ผู้คนพบก็จะแตกต่างกันออกไปและจะทำให้มีการถกเถียงกันเกิดขึ้น
ชาร์ค ซีมอนสเตอร์และคนอื่นๆ เตรียมแผ่นไม้ไว้จำนวนมาก เพราะหลังจากลากเรือประมงกลับมา ก็จะเริ่มทำการปรับแก้ใหม่ โดยจะทุบท้ายเรือออก ติดตั้งช่องเสียบตามมาตรฐานของเรือดำน้ำและตัวเรือจะตกแต่งด้วยเศษไม้รมควัน
แบล็คไนฟ์พาคนงานมาวางเส้นทางให้กับเรือประมง จากนั้นนำตู้ลำโพงขนาดเล็กจำนวนหนึ่งและกล่องกันน้ำติดตั้งไว้ภายในเรือประมง และจะมีสายเทอร์มินอลอยู่บนเรือดำน้ำ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาก็จะเปิดคอมพิวเตอร์ในเรือดำน้ำ บนเรือก็จะสามารถส่งเสียงแปลกประหลาดต่างๆ ออกมาได้
เพื่อให้สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของซากเรืออับปางมากขึ้น ฉินสือโอวจึงไปที่ที่เรือไททานิกจมและให้กลุ่มแรงงานหมึกกล้วยส่งตะกอนสาหร่ายทะเลและสารคัดหลั่งจำนวนมาก รวมทั้งยังมีสนิม สนิมเขียวและเปลือกหอยสังข์ที่มีตะกอนปกคลุมมาให้
ยิ่งไปกว่านั้น ซากเรืออับปางลำหนึ่งที่ตกแต่งด้วยสาหร่ายทะเล ตะไคร่น้ำที่เต็มไปด้วยคราบสนิมก็ได้ปรากฏขึ้นแล้ว ฉินสือโอวยังให้เหล่าชาวประมงเจาะตัวเรือประมงให้เป็นรู ทั้งตัวเรือและดาดฟ้าของเรือจึงดูเหมือนจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว จริงๆ แล้วมันจะมีรูปร่างเป็นเหมือนกับตะแกรง ถึงจะสามารถลดแรงต้านทานของน้ำทะเลเมื่อเรือกำลังลอยขึ้นๆ ลงๆ อยู่ได้
หลังจากทำงานมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ ในที่สุดเรือฟลาวเวอร์ฟอกซ์ก็ถูกปล่อยออกมา บนตัวเรือปกคลุมไปด้วยสนิม สนิมเขียวและคราบน้ำ นอกจากนี้ตะไคร่น้ำ สาหร่ายทะเลและเปลือกหอยสังข์ก็สามารถมองเห็นได้ทั่วไป และเรือสีดำมืดลำนี้จะปรากฏในทะเลตอนกลางคืน ซึ่งแม้แต่ฉินสือโอวเองเห็นยังรู้สึกกลัว
ต่อมากาวน้ำกันน้ำไม่พอใช้ ฉินสือโอวจึงเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อของ แต่พอกำลังจะลงรถก็ได้ยินคนร้องเรียกชื่อเขา เขาจึงหันหลังกลับไปดู คิดไม่ถึงว่าจะเป็นหมอโอดอมที่มีความสามารถรอบตัวคนนั้น
เขาแตะมือทักทายกับโอดอม ฉินสือโอวหัวเราะและพูดว่า “ไง โอดอม คุณย้ายมาอยู่ที่เกาะแฟร์เวลแล้วเหรอ? ผมจำได้ว่าเคยบังเอิญเจอคุณที่นี่หลายครั้งแล้ว”
โอดอมสวมเสื้อยืดธรรมดาๆ และกางเกงขาสั้นเซิร์ฟ เขากางมือออกแล้วพูดว่า “คุณก็รู้ว่าจริงๆ แล้วตอนเด็กๆ ผมก็ใช้ชีวิตอยู่ที่เกาะนี้ ดังนั้นที่นี่ก็ถือว่าเป็นบ้านเกิดของผม สุดสัปดาห์นี้ผมเลยอยากจะมาที่นี่บ้าง ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?”
ฉินสือโอวพูดหยอกล้อว่า “ในเมื่อคุณชอบบ้านเกิดของคุณขนาดนี้ งั้นก็ย้ายมาอยู่ที่นี่เลยสิ”
โอดอมส่ายหัวด้วยความเสียดาย แล้วพูดว่า “แต่ผมไม่มีบ้านที่นี่น่ะสิ ฟาร์มปลาของเราก็ขายให้คุณไปแล้ว”
ฟาร์มปลาบ้านเกิดของปลาค็อดเป็นบ้านของพวกเขา และโอดอมก็เป็นคนโน้มน้าวให้พ่อของเขาขายมันให้กับฉินสือโอว
ฉินสือโอวมองไปที่โอดอมแล้วรู้สึกว่าเขาไม่ได้แกล้งเสียใจหรือเสียดายเลย จึงลองถามความรู้สึกของเขาดู “คุณชอบเกาะนี้จริงๆ ใช่ไหม? มันห่างไกลจากในตัวเมืองมาก ไม่ค่อยมีความเจริญด้วย อาจจะทำให้ชีวิตน่าเบื่อได้นะ”
โอดอมยักไหล่ใส่พร้อมพูดว่า “แล้วอย่างไรล่ะ? ผมก็ยังชอบชีวิตอันเงียบสงบและเรียบง่ายแบบนี้อยู่ดี พูดตามตรงทุกวันนี้ที่ได้อยู่ในตำแหน่งหมอของโรงพยาบาลใหญ่ก็จริง แต่มันทำให้ผมรู้สึกว่าไร้สีสันและน่าเบื่อมากที่ต้องช่วยเหลือคนที่ไม่ต้องการความช่วยเหลือ”
พูดไปเขาก็ส่ายหัวไปด้วย
พอได้ยินเช่นนั้น ฉินสือโอวก็ดีใจขึ้นมาแล้วพูดว่า “เฮ้ โอดอม งั้นคุณสนใจจะเปิดโรงพยาบาลชุมชนบนเกาะแฟร์เวลไหม? อย่างเช่น คุณก็เปิดเป็นสาขาของพ่อคุณ เป็นอย่างไรบ้าง? จะต้องได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีแน่นอน”
นี่คือสิ่งที่ฉินสือโอวตั้งใจพูดออกมาอย่างจริงใจ เนื่องจากเศรษฐกิจของเมืองแฟร์เวลเมื่อก่อนใกล้จะพังทลาย ไม่สามารถสนับสนุนทางด้านการแพทย์ได้ จึงทำให้เมื่อห้าหกปีที่แล้วโรงพยาบาลในตัวเมืองต้องปิดลงและไม่เคยเปิดอีกเลย ถ้าหากชาวเมืองมีอาการปวดหัวตัวร้อนก็ต้องไปที่เซนต์จอห์นเท่านั้น
อีกอย่าง ตอนนี้เมืองแฟร์เวลยังต้องการหมอฟัน ซึ่งหมอส่วนใหญ่ที่ได้ใกล้ชิดกับชีวิตของชาวแคนาดามากที่สุดก็คือหมอฟันและจิตแพทย์ โอดอมอาจจะทำการวิจัยทางจิตวิทยาได้ไม่ค่อยดี แต่ในด้านสุขภาพทางช่องปาก พ่อของเขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ แล้วทำไมเขาถึงบอกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ชำนาญการล่ะ?
บทที่ 801 เพื่อนของฉันเป็นนายก
Ink Stone_Fantasy
ผลประโยชน์จากหัวใจของโพไซดอนทำให้ร่างกายของฉินสือโอวในตอนนี้แข็งแรงจนไม่มีอะไรมาเทียบได้ ทุกวันนี้เขาทานอะไรก็เจริญอาหารไปหมด นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็กลับมามีพละกำลังเหมือนเดิม ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจเรื่องระบบการรักษาของแคนาดาได้อย่างลึกซึ้งเท่าไรนัก
แต่พอวินนี่ตั้งครรภ์ ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ครั้งก่อนวินนี่ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็กร่างกายอีกรอบ ต่อให้ถือบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสที่มีข้อมูลเงินบริจาคนับล้านของเขารวมอยู่ด้วยก็ตาม ทุกคนก็ต้องเข้าแถวรอเกือบทั้งวันเหมือนกันหมด
ฉินสือโอวรับเรื่องนี้ไม่ค่อยได้ ผู้อยู่อาศัยในเมืองยิ่งต้องรับไม่ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากพวกเขาไม่มีข้อมูลการบริจาคเงินเลย
สิ่งที่ต้องรู้คือการไปพบแพทย์ในแคนาดานั้นแตกต่างจากที่ประเทศจีน เว้นแต่ว่าจะอยู่ในภาวะฉุกเฉิน ไม่อย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล และยังต้องนัดแพทย์ประจำครอบครัวก่อนด้วย
ทุกครั้งที่มาที่นี่ สิ่งที่ผู้คนต้องทำเป็นอย่างแรกคือเลือกแพทย์ประจำบ้านที่เหมาะสมตามอาการของตัวเอง จากนั้นก็ทำการนัดแพทย์ล่วงหน้า รายงานตัว ตรวจร่างกายและปรับข้อมูลการรักษาของตัวเองให้สมบูรณ์
ดังนั้นเมื่อรู้สึกไม่สบาย ชาวแคนาดาจะต้องติดต่อกับแพทย์ประจำครอบครัวเพื่อนัดเวลาตรวจโรคก่อน
หลังจากแพทย์ประจำครอบครัวตรวจขั้นแรกแล้ว ถ้าได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคธรรมดาทั่วไป ก็จะเขียนใบสั่งของแพทย์ให้ทันที เพื่อให้ผู้ป่วยไปรับยาได้ที่ร้านขายยาร้านไหนก็ได้ด้วยตัวเอง
แต่ถ้าหากต้องการตรวจร่างกายในเชิงลึกเพื่อการวินิจฉัยโรค แพทย์ประจำครอบครัวจะออกแบบฟอร์มตรวจสุขภาพหรือแบบฟอร์มการส่งต่อผู้ป่วยให้ เพื่อแนะนำผู้ป่วยให้กับสถาบันตรวจร่างกายเฉพาะทางหรือสำนักงานแพทย์เฉพาะทางเพื่อทำการวินิจฉัยต่อไป
ในระหว่างนั้น การตรวจสอบทางเคมีก็จะต้องนัดหมายไว้ การรายงานการตรวจร่างกายต้องใช้เวลารอเฉลี่ยถึงสองสัปดาห์ แพทย์เฉพาะทางและการเข้ารับการรักษาอย่างละเอียดในโรงพยาบาลจะต้องทำการนัดหมายไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามการนัดหมายทุกอย่างหากนัดหมายจนถึงคนสุดท้ายแล้ว ก็จะเห็นหรือไม่ว่าพระเจ้าทรงอวยพรเพียงใด
แม้ว่าจะเป็นแพทย์ประจำครอบครัวก็ตาม ก็ต้องนัดล่วงหน้าก่อน ไม่ใช่ว่าจะเข้ามาพบแพทย์ได้เลย แน่นอนว่าถ้าแพทย์ประจำครอบครัวมีคนไข้น้อย จึงจะสามารถให้บริการกับคุณได้โดยตรง แต่สถานการณ์แบบนี้มีน้อยนักที่จะได้เห็น
หลายๆ คนที่รู้สึกไม่สบาย ก็จะนัดพบแพทย์ แต่มักจะถูกแจ้งกลับมาว่ามีคนไข้รายอื่นได้นัดไว้ก่อนแล้ว หลังจากวันนั้นไม่กี่วันถึงจะสามารถพบแพทย์ได้
เหตุการณ์นี้เป็นสิ่งที่น่าเกลียดมาก โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ล้วนเป็นโรคที่เกิดขึ้นชั่วคราว หลังจากอดทนรอไม่กี่วันจนถึงเวลาพบแพทย์ อาการก็มักจะหายไปแล้ว หมอก็จะเอาคำว่า “ไม่มีอาการแล้ว” มาเป็นข้ออ้างในการไม่จ่ายยาที่ได้เตรียมไว้ให้ นี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนพูดอะไรไม่ออกอย่างถึงที่สุด
นอกจากนี้ เนื่องจากแคนาดาเข้มงวดกับการจัดยาตามใบสั่งยาของแพทย์เป็นอย่างมาก และจะไม่ให้มีเหตุการณ์ “จ่ายยาผิด” เด็ดขาด ในทางตรงกันข้าม ต่อให้มีเงินก็ไม่สามารถซื้อยากินเองได้ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว
ตอนที่ฉินสือโอวเพิ่งมาเกาะแฟร์เวล เออร์บักก็ได้เตรียมกล่องยาเล็กๆ ให้กับเขาด้วย เพื่อให้เขาจัดการดูแลตัวเองได้อย่างเต็มที่ ยามที่ตัวเองปวดหัวตัวร้อนหรือไปกระแทกกับอะไรเข้า จะให้รอหมอทุกอย่าง? สู้ไปรอพระเจ้าไม่ดีกว่าเหรอ
เกือบทุกครัวเรือนในเมืองแฟร์เวลจะมีการเตรียมเก็บกล่องยาเล็กๆ ไว้เสมอ ความต้องการคลินิกชุมชนนั้นมีมาก แต่ยังไม่เคยเจอหมอที่เหมาะสมกับที่นี่เลย ดังนั้นจึงทำให้เรื่องนี้ล่าช้าออกไปอีก และตอนนี้ชักชวนโอดอมได้แล้ว ฉินสือโอวจึงรู้สึกว่านี่ถือเป็นโอกาสที่ดีอย่างหนึ่ง
พอได้ยินฉินสือโอวพูดเช่นนั้น โอดอมก็ไม่ปฏิเสธและไม่ได้ถามเงินเดือนหรือสวัสดิการอะไรทั้งนั้น เขาเพียงแค่ลูบที่คางเบาๆ แล้วพูดว่า “ขอเวลาให้ผมพิจารณาอีกสักหน่อยแล้วกัน ก่อนสุดสัปดาห์หน้าผมจะให้คำตอบคุณ”
ถ้าในประเทศจีน การเชิญบุคคลใดๆ ก็ตามมาทำงานโดยไม่ถามเกี่ยวกับเงินเดือนหรือสวัสดิการเลย แต่กลับพูดแค่ว่าขอพิจารณาดูก่อน นั่นหมายความว่าเชื่อถือไม่ได้แน่นอน
แต่ที่แคนาดาไม่เหมือนกัน ในเมื่อบอกว่าขอพิจารณาดูก่อน นั่นก็คือขอพิจารณาดูก่อนจริงๆ พวกเขาจะพิจารณาเฉพาะเงื่อนไขที่จำเป็นเท่านั้น ถ้าคิดว่าเงินเดือนหรือสวัสดิการไม่ใช่เงื่อนไขที่จำเป็น ก็จะไม่ถาม
นี่คือความแตกต่างทางวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ ซึ่งชาวจีนจะรู้กาลเทศะ แต่ชาวแคนาดาจะตรงไปตรงมา
หลังจากแยกกับโอดอม ฉินสือโอวไปซื้อกาวน้ำแล้วกลับมาท่าเรือ ซึ่งที่เหลือก็มีแค่การซ่อมแซมเรือประมง จากนั้นก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสมบูรณ์
ชาร์คใช้แปรงถูทำความสะอาดตรงชื่อเรือ ‘ฟลาวเวอร์ฟอกซ์’ หลังจากนั้นจึงทาด้วยสีขาวแล้วต้องพ่นสีน้ำมันสีน้ำตาลเทา เพื่อแสดงถึงความรู้สึกเก่า นอกจากนี้ยังติดสนิมและเปลือกหอยเพิ่มอีกเล็กน้อย เพื่อให้ดูเหมือนว่ามันจมอยู่ใต้น้ำมาเป็นเวลานาน
ปลายเดือนสิงหาคม การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีที่ยาวนานต่อเนื่องมาจนเกือบหนึ่งรอบของฤดูกาลก็มาถึงช่วงสิ้นสุดแล้ว ทั้งสองฝ่ายต้องทำการกล่าวปราศรัยครั้งสุดท้ายในทีวี และส่วนที่เหลือก็คือคะแนนลงเสียงจากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จากนั้นกลุ่มผู้นำรุ่นใหม่ของเซนต์จอห์นก็จะออกมาทำการประกาศผล
การกล่าวปราศรัยครั้งสุดท้ายไม่ใช่การแข่งขันกันปราศรัย แต่ก็จะต้องทำหลายวันอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองฝ่ายจึงเปรียบเหมือนกับนัดกันออกมาทะเลาะกัน วันนี้อ็อกเฟอร์จะได้ลงสถานีโทรทัศน์ก่อนและพรุ่งนี้จะเป็นแฮมเล็ต ผู้ลงสมัครทั้งสองจะต้องอธิบายวิธีการบริหารของตัวเองและพิสูจน์ความสามารถในบริหารปกครองของตัวเองอย่างสุดความสามารถ และเพื่อโจมตีและสงสัยในวิธีการและความสามารถของฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
เมื่อก่อนฉินสือโอวเคยดูการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เขาฟังอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เหล่าผู้ลงสมัครเลือกตั้งพูดคืออะไร เขาเพียงแค่ดูพวกเขาโบกมือไปมา กำหมัดและส่งเสียงร้องในหอประชุมเท่านั้น เพื่อให้รู้สึกว่ามีอำนาจ
การปราศรัยในเมืองเล็กๆ จะไม่เป็นแบบนั้น สำนวนภาษาที่สวยงามและอำนาจที่เปล่งออกมาจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะไม่สนใจคำพูดสวยหรูของผู้สมัครลงเลือกตั้ง พวกเขาอยากรู้แค่ว่าในอนาคตอีกไม่กี่ปีข้างหน้ารัฐบาลจะวางแผนทำอะไร จะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจดีขึ้น จะสร้างโครงการบริหารเทศบาลอย่างไร จะช่วยผู้เสียภาษีประหยัดเงินได้อย่างไร และสุดท้ายจะต้องลดภาษีลงได้ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งสมบูรณ์แบบที่สุด
เออร์บักเปลี่ยนภาพลักษณ์การเลือกตั้งให้กับแฮมเล็ต เมื่อก่อนเขามักจะสวมเสื้อกั๊กสไตล์อังกฤษเพื่อแสดงออกถึงความสง่ามาโดยตลอด แต่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสุดท้ายก็ได้เริ่มขึ้น บางครั้งแฮมเล็ตก็จะสวมเสื้อยืดธรรมดาสบายๆ บางครั้งก็สวมกางเกงยีน บางครั้งยังสวมชุดทำงานเพื่อพยายามแสดงถึงด้านการทำงานขั้นพื้นฐานของตัวเอง
ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อช่วงสุดท้าย แฮมเล็ตมีคำติดปากอื่นๆ อีกประโยคหนึ่งคือ ‘ผมรู้ว่าพวกคุณขาดอะไร เพราะเพื่อนรอบตัวของผมก็ขาดสิ่งนั้น’
สำหรับฉินสือโอวแล้วมันเป็นคำพูดที่จอมปลอมเล็กน้อย แต่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งต่างชื่นชอบกับคำพูดของแฮมเล็ตมาก เพราะไม่กี่ปีก่อนหน้านี้พวกเขาถูกอ็อกเฟอร์หลอกหรือจะพูดว่าถูกหลอกจนการเงินถึงขั้นวิกฤต จึงต้องการให้คนที่รู้และเข้าใจในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมาช่วยพวกเขาปฏิบัติหน้าที่ ไม่ใช่ว่าวันๆ จะเป็นแค่นักการเมืองที่อยู่แต่ในห้องทำงานเพื่อเป็นผู้นำพวกเขา
ปลายเดือนสิงหาคม การลงคะแนนเสียงจะเริ่มขึ้นอย่าเป็นทางการ โดยในเซนต์จอห์นจะแบ่งเป็นสองสถานที่หลักในการลงคะแนนเสียง ที่หนึ่งจะอยู่ที่ตึกของรัฐบาล ส่วนอีกที่หนึ่งจะอยู่ที่จัตุรัสอนุสรณ์นิวฟันแลนด์ ซึ่งรัฐบาลแคนาดาและรัฐบาลท้องถิ่นจะส่งคนมาควบคุมดูแล
นอกจากนี้ยังมีสถานที่ในการลงคะแนนเสียงที่กระจัดกระจายออกไปบางส่วน แม้แต่เขตชุมชนที่มีประชากรผู้อาศัยจำนวนมากก็ยังมีสถานที่ลงคะแนนเสียง ซึ่งเป็นสิ่งที่สะดวกต่อประชาชน
ในด้านกฎหมาย ประชาชนที่มีอายุสิบแปดปีขึ้นไปจะมีสิทธิ์ในการเลือกตั้ง แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีแค่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งบางส่วนเท่านั้นที่สามารถใช้สิทธิ์นี้ของตัวเองได้ ที่หลายคนสามารถใช้ได้เพราะไม่ได้ให้ความสนใจกับการเมืองและทำงานที่อื่นจนไม่มีเวลาไปลงคะแนน อย่างไรก็ตามผู้ที่งดออกเสียงก็มีไม่น้อย
วันจันทร์สุดท้ายของเดือนสิงหาคม การลงคะแนนเสียงเริ่มอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ถึง 20.00 น.
เนื่องจากเมืองแฟร์เวลเป็นฐานเสียงของแฮมเล็ต ดังนั้นจึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ในการลงคะแนนเสียง ซึ่งจะอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ของสำนักงานรัฐบาลเมือง
เหล่าชาวบ้านที่มาล้วนเป็นหน้าเป็นตาให้กับแฮมเล็ตเป็นอย่างมาก พอถึงเวลาสิบโมงตรงก็เริ่มทยอยพากันไปต่อแถวก่อน ฉินสือโอวก็พาวินนี่ไปด้วยเช่นกัน เมื่อถึงที่นั่นมองดูแล้ว ทุกคนล้วนเป็นคนที่รู้จักคุ้นเคยกันทั้งนั้นและยังมีนักท่องเที่ยวกำลังถือกล้องถ่ายรูปอยู่ เห็นได้ชัดว่าวิธีเลือกตั้งด้วยการลงคะแนนเสียงแบบนี้เป็นสิ่งที่แปลกใหม่มากสำหรับพวกเขา
ประชาชนในเมืองที่กำลังเข้าแถวอยู่มีสีหน้าและท่าทางที่ดูผ่อนคลายมาก เพราะใครๆ ก็รู้ว่าแฮมเล็ตชนะแล้ว!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น