หมอดูยอดอัจฉริยะ 784-787

 ตอนที่ 784 แผนการ (1)

ตอนนั้นที่เยี่ยเทียนอยู่ในท้อง ซ่งเวยหลันถูกครอบครัวกดดันจนต้องไปอยู่ที่อเมริกาและได้สร้างธุรกิจขนาดยักษ์ขึ้นมา


ด้วยความคิดถึงที่มีต่อบุตรชายทำให้ซ่งเวยหลันรับซ่งเสี่ยวหลงมาเลี้ยงดูตอนที่เขาอายุได้สามขวบ ความรักความอบอุ่นของแม่ได้ถูกถ่ายทอดให้ซ่งเสี่ยวหลงจนหมด


ถึงซ่งเสี่ยวหลงจะเรียกซ่งเวยหลันว่าอาหญิงมาตลอด แต่เธอเอ็นดูเขาราวกับลูกแท้ๆ ด้วยเหตุนี้ ปัญหาที่ซ่งเสี่ยวหลงสร้างขึ้นเธอจึงไม่คิดจะสืบสาวราวเรื่อง


“เสี่ยวเทียน ไม่ว่าอย่างไร เสี่ยวหลงก็เป็นพี่ชายของลูก เห็นแก่แม่เถอะ อย่ามีเรื่องกับเขาอีกเลยจะได้ไหม?”


ตอนที่เธอเอ่ยขอร้องบุตรชาย ดูน้ำเสียงเศร้าสร้อย ไม่ว่าอย่างไร เธอก็ได้เลี้ยงดูซ่งเสี่ยวหลงมาสิบกว่าปี ความผูกพันแบบนี้มันตัดกันไม่ขาด


“ไม่เอาเรื่องเขา? เขาน่าจะไม่ปล่อยไปง่ายๆมากกว่ามั้งครับ?”


เยี่ยเทียนเป็นคนแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ต่อให้ฝึกวิชาขั้นสูงขนาดไหนก็ตาม เขายังยึดมั่นในเรื่องบุญคุณความแค้นไว้เสมอ ลูกผู้ชายมีคุณต้องทดแทน มีแค้นต้องชำระ


แต่เมื่อมารดาถึงกับเอ่ยปากขอร้อง เขาจึงต้องใจอ่อน หลังจากนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง เขาพูดขึ้นว่า “แม่ครับ ผมเชื่อแม่ก็แล้วกัน ขอแค่เขาไม่มาหาเรื่องผมก่อน เรื่องนั้นก็ให้มันแล้วไปเถอะ”


ซ่งเสี่ยวหลงในตอนนี้เป็นคนตัวเล็กๆพอๆกับมดตัวหนึ่งที่อยู่ในสายตาของเยี่ยเทียน แค่ดีดนิ้วเป๊าะเดียวก็เก็บซ่งเสี่ยวหลงได้ ที่เขาไว้ชีวิตเพราะเห็นแก่ผู้เป็นแม่ อยากให้แม่ของเขามีความสุข


“เสี่ยวเทียน วางใจเถอะลูก เขาไม่กล้ามาหาเรื่องลูกอีกแน่นอน แม่ขอรับประกันได้เลย!” เมื่อบุตรชายรับปาก ซ่งเวยหลันถอนใจอย่างโล่งอก


เธอรู้ดีว่าซ่งเสี่ยวหลงเรียนดีจนได้ประกาศนียบัตรจากมหาวิทยาลัยชื่อดังหลายใบ ทั้งเรื่องการทำธุรกิจก็เป็นเหมือนดาวดวงใหม่ของวงการ แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าเยี่ยเทียนแล้ว เขาสู้เยี่ยเทียนไม่ได้เลย


“เอาเถอะครับแม่ ผมเหนื่อยแล้ว ผมขอพักผ่อนก่อน แม่ช่วยบอกชิงหย่าด้วยว่าผมไม่เป็นไร!”


ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเยี่ยเทียนถึงรู้สึกถึงความผิดหวังที่ถาโถม หลังจากคุยเล่นกับมารดาไม่กี่ประโยคแล้วเขาก็วางสาย


คิดไตร่ตรองดูให้ดีแล้วเยี่ยเทียนพบว่า ความรู้สึกนั้นคือตัวเองอิจฉา เธอเป็นแม่แท้ๆของเขา กลับห้ามไม่ให้เขาไปล้างแค้นคนที่คิดร้ายต่อเขา มันทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกอึดอัดใจ


“เฮ้อ ฉันเป็นอะไรเนี่ย? แม่ไม่อยากให้เราไปทำร้ายเจ้านั่น เพราะเป็นห่วง ฉันยังจะคิดอะไรอีก?”


พอคิดตกแล้วเยี่ยเทียนรู้สึกอารมณ์แจ่มใสขึ้น เขายิ้มส่ายหัวเดินไปที่หน้าต่างห้องชมทัศนียภาพเมืองยามค่ำคืน


เมืองหลวงที่ใหญ่เป็นอันดับสองในแอฟริกาใต้ เป็นเมืองที่อยู่ทางตะวันตก เคปทาวน์มีธรรมชาติที่สวยงาม ทั้งยังมีท่าเรือที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของโลก


จากห้องพักโรงแรมที่เยี่ยเทียนพักอยู่ สามารถมองเห็นภูเขาเทเบิ้ลเมาท์เท่น หรือภูเขาที่ได้รับสมญาว่า “โต๊ะของพระผู้เป็นเจ้า” ทำมุมเป็นองศาพอดีกับมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรแอตแลนติก ลมทะเลที่พัดเข้าสู่ชายฝั่งแบบนี้ถือว่าเป็นสถานที่ๆมีพลังธรรมชาติอุดมสมบูรณ์


เยี่ยเทียนไม่ค่อยสนใจเรื่องการเดินทางท่องเที่ยว เขามองวิวสักครู่แล้วนั่งลงที่พื้นหลับตาโคจรลมปราณเพื่อฝึกวิชาโดยการใช้ลมหายใจเข้าออก ครู่หนึ่งต่อมาเขาได้เข้าสู่ภวังค์อันสงบ


แต่เยี่ยเทียนไม่ได้คาดการณ์มาก่อนเลยว่า ความห่วงใยระหว่างหญิงชายนี้จะเป็นตัวทำลายสติปัญญาและความคิดพิเคราะห์ แม้แต่หญิงที่มีความเป็นมารดาอยู่เต็มเปี่ยมก็ทำให้สติปัญญาของเธอลดถอยลงเกือบศูนย์


…………


เคปทาวน์ครอบคลุมทั้งแอฟริกาใต้ ในอดีตเคยตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษและฮอลแลนด์เป็นเวลานาน กินเวลายาวนานถึงสามศตวรรษ


แม้หลังจากประเทศจะถูกประกาศอิสรภาพภายใต้การนำของชายแอฟริกาใต้ผิวดำคนนั้น หลุดจากการเป็นประเทศอาณานิคมของอังกฤษ ก่อตั้งเป็นประเทศเกิดใหม่ขึ้นมา แต่ยอมรับไม่ได้ว่าเจ้าของธุรกิจการค้ารายใหญ่ในท้องถิ่นแทบไม่มีเจ้าของเป็นคนพื้นเมืองเลย


สถานการณ์แบบนี้พบเห็นได้ทั่วไปทั้งแอฟริกาใต้ เมื่อมองจากมุมสูงลงไปบนพื้นที่อันกว้างใหญ่ที่มีทัศนียภาพสวยงามของบ้านวิลล่าหลังงาม กลับไม่เห็นคนแอฟริกาผิวดำอาศัยอยู่


พื้นที่บริเวณรอบๆนี้เคยเป็นสถานที่ที่ครอบครองของคนอังกฤษมาก่อน ต่อให้คนดำที่มีเงินมากแค่ไหน ก็ยังซื้อบ้านวิลล่าหลังแบบนี้ไม่ได้ เพราะนอกจากเงินแล้ว พวกเขายังต้องมีสถานะทางสังคมที่คู่ควร


“ให้ตายเถอะ ยังจะมาเตือนฉันอีกเหรอ เพื่อเจ้านั่นยังจะมาเตือนฉันอีกเหรอ?!”


บ้านวิลล่าหลังงามที่มีสามชั้น สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามจากตัวบ้านได้ จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนอย่างขัดใจตามมาติดๆด้วยเสียขว้างของแข็งลงพื้นแตกกระจาย


ซ่งเสี่ยวหลงเสร็จจากการตีกอล์ฟ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ตอนนี้กำลังขว้างโทรศัพท์ที่เพิ่งหยิบขึ้นมารับสายลงพื้น ยังไม่หายแค้น เขาใช้เท้ากระทืบโทรศัพท์ซ้ำอีก


ซ่งเสี่ยวหลงเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำสีหน้าดุร้าย เขาเพิ่งจะระเบิดอารมณ์โมโหอย่างถึงขีดสุดออกไป เศษซากโทรศัพท์บนพื้น ใช้เป็นตัวแทนของเยี่ยเทียน


การเป็นคนใกล้ชิดของซ่งเวยหลัน ทำให้ซ่งเสี่ยวหลงมีนิสัยยโสโอหังตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าเขาจะเคลื่อนไหวไปทางไหนก็มีแต่คนจับตามอง


และเขาไม่ทำให้คนพวกนั้นผิดหวัง ตั้งแต่สิบขวบ เขาแสดงอัจฉริยภาพและความสามารถด้านธุรกิจ ในการตกลงทำสัญญาซื้อขายครั้งหนึ่ง เขาช่วยให้บริษัทประหยัดเงินไปได้ก้อนใหญ่


ตอนที่เขาคิดว่าอาหญิงกำลังเริ่มถ่ายโอนอำนาจของบริษัทให้เขานั้นเขากลับได้รู้ว่า “ทายาท”อย่างเขาเป็นตัวปลอม ทายาทตัวจริงกำลังจะปรากฎตัวแล้ว


สิ่งนี้ทำให้ซ่งเสี่ยวหลงรู้สึกสั่นคลอนและไม่ปลอดภัย ตั้งแต่เด็กเขาถูกเลี้ยงดูมาด้วยความรักการเอาอกเอาใจ จึงรู้สึกไม่ชอบใจอย่างมาก หลายครั้งที่คิดจะกำจัดเยี่ยเทียนไปให้พ้นทาง


ผลลัพธ์นั้นทุกคนรู้กันดีอยู่ คือซ่งเสี่ยวหลงไม่ได้สมหวังดั่งใจ แล้วยังเป็นการหาเรื่องใส่ตัวอีก สุดท้ายถูกซ่งเวย หลันส่งมาประจำการที่แอฟริกาใต้ เขาจึงพาลโกรธเกลียดซ่งเวยหลันไปด้วย


คนที่มีจิตใจคับแคบ ต่างไม่คิดว่าปัญหาเกิดมาจากตัวเอง ซ่งเสี่ยวหลงรู้สึกว่าคนทั้งโลกนี้ติดค้างเขา แต่กลับไม่คิดว่าซ่งเวยหลันให้เขาอยู่ห่างๆจากเยี่ยเทียนนั้นความจริงแล้วเป็นการปกป้องเขา


ซ่งเสี่ยวหลงที่กำลังถูกความแค้นเข้าครอบงำ หลายปีมานี้ได้เลี้ยงลูกน้องของตัวเองเอาไว้ เขาได้วางแผนร่วมมือกับพ่อลูกแซ่เหลยในสมาคมหงเหมิน อีกก้าวเดียวเกือบจะล้มซ่งเวยหลันได้แล้ว สุดท้ายแผนการล้มเหลว


สำหรับซ่งเสี่ยวหลง ชื่อของเยี่ยเทียนเปรียบเหมือนคำสาปแช่ง เขาพยายามบังคับตัวเองไม่ให้นึกถึงคนๆนั้น แต่โทรศัพท์ของซ่งเวยหลันที่เขาเพิ่งรับสายกลับทำให้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ


“เสี่ยวหลง เกิดอะไรขึ้น?”


เสียงดังจากในห้องทำให้ลูกน้องร่างยักษ์ใหญ่เจ็ดแปดคนของเขาบุกเข้ามา มีทั้งคนเชื้อสายจีนและฝรั่ง คนที่เอ่ยถามเป็นชายชาวจีนอายุราวสี่สิบต้นๆ


“พี่หลง ผมไม่เป็นไร ให้พวกเขาออกไปก่อนเถอะ!”


ซ่งเสี่ยวหลงสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ นี่เป็นข้อปฏิบัติที่ผู้เป็นใหญ่จะขาดไม่ได้ ซึ่งซ่งเสี่ยวหลงก็ทำได้ดี


พวกแกออกไปกันก่อน”


ชายที่ถูกเรียกว่าพี่หลงโบกมือไล่คนอื่นออกไปจากห้องรับแขก แล้วถามต่อว่า “เสี่ยวหลง เกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เล่าได้แล้ว?”


ชื่อจริงของพี่หลงคือเหมียวจื่อหลง เป็นคนของสมาคมหงเหมิน และเป็นหนึ่งในศิษย์เอกของเหลยเจิ้นเยวี่ย ตอนที่ซ่งเสี่ยวหลงอายุสิบขวบนั้น เขาก็ได้เริ่มเข้ามาติดตามดูแลแล้ว


ซ่งเสี่ยวหลังมีกลเม็ดหลายอย่าง หลังจากคบหากันมาสิบกว่าปี เขาจึงให้พี่หลงได้ขึ้นเป็นคนสนิทของเขา เมื่อเหลยเจิ้นเยวี่ยเสื่อมอำนาจลง เหมียวจื่อหลงจึงถอนตัวออกจากสมาคมหงเหมิน


ในสายตาของเหมียวจื่อหลง ซ่งเสี่ยวหลงเป็นเหมือนเจ้านายของเขา ทั้งยังเป็นเหมือนกับลูกของเขาด้วย ความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองจึงพูดคุยกันอย่างสนิทสนม


ซ่งเสี่ยวหลงได้ยินคำถามแล้วสายตาฉายแววโกรธแค้นออกมา ค่อยๆพูดทีละคำอย่างอดกลั้น “พี่หลง คนๆนั้น ตอนนี้อยู่ในเคปทาวน์!แล้ว”


“คนๆนั้น? นายหมายถึง….เยี่ยเทียน?”


เหมียวจื่อหลงอึ้งไป แล้วนึกขึ้นได้ว่าคนที่ทำให้ซ่งเสี่ยวหลงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่แบบนี้ได้น่าจะมีแต่เยี่ยเทียนคนเดียวเท่านั้นไม่มีใครอื่น


“ใช่แล้ว เขานั่นแหละ!”


ซ่งเสี่ยวหลงกำหมัดแน่น คำรามออกมา “พี่หลง พวกเราถูกมันบีบจนต้องหนีมาอยู่ในที่ๆแม้แต่นกยังไม่อยากจะมาวางไข่ ทั้งหมดเป็นเพราะเยี่ยเทียนคนเดียว ฉัน….อยาก…ให้…มัน….ตาย!!!”


พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของซ่งเสี่ยวหลงเปลี่ยนเป็นฮึกเหิมขึ้นมา ความอัดอั้นในใจถูกปลดปล่อย ขอแค่ให้เยี่ยเทียนตาย เขายังมีโอกาสได้ครอบครองอาณาจักรธุรกิจยักษ์ใหญ่ของอาหญิงได้


แม้เหตุการณ์ในไต้หวันกับเซี่ยงไฮ้ได้ทำให้ซ่งเสี่ยวหลงรู้ว่าเยี่ยเทียนเก่งกาจเพียงใด แต่ยังไงเยี่ยเทียนเป็นแค่คนธรรมดา มีความคิดความต้องการแบบปุถุชน ทำให้เขาไม่รู้สึกเกรงกลัวเยี่ยเทียน


“เสี่ยวหลง คนแซ่เยี่ยนั่นไม่ใช่คนที่จะไปมีเรื่องด้วยได้ง่ายๆนะ อาจารย์ยังพ่ายแพ้ให้แก่เขาเลย!”


ถ้าเทียบกับซ่งเสี่ยวหลงที่ไม่มีความรู้ด้านศิลปะการต่อสู้ของจีนเลยแม้แต่น้อย เหมียวจื่อหลงนั้นมีสติกว่ามาก ดังนั้นคำพูดของซ่งเสี่ยวหลง ทำให้เขารู้สึกสงสัยขึ้นมา


คนที่ฝึกวิชาจะให้ความเคารพต่อผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเสมอ ตลอดชีวิตของเหมียวจื่อหลงเขานับถือยกย่องอาจารย์เหลยเจิ้นเยวี่ยไว้สูงสุด เขาไม่เชื่อว่าตัวเขาเองจะล้มเยี่ยเทียนได้ลง


“ต่อให้เขาร้ายกาจแค่ไหน ก็หนีลูกกระสุนไม่พ้นหรอก?”


ซ่งเสี่ยวหลงเบ้ปาก “ใครๆก็รู้ว่าในแอฟริกาใต้นี่วุ่นวายจะตาย การยิงปืนฆ่ากันมีเกิดขึ้นทุกวัน ถ้าเยี่ยเทียนเกิดโชคไม่ดีถูกคนยิงตายล่ะ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”


ในแอฟริกาใต้ไม่มีการควบคุมความสงบเรียบร้อยได้ดีพอ เกือบทุกบริษัทที่เปิดเหมืองทองหรือเหมืองเพชร จะต้องมีกองกำลังคุ้มครองเป็นของตัวเอง


อย่างที่ซ่งเสี่ยวหลงบอก เพราะปืนทำให้เกิดคดีฆาตกรรม ในแอฟริกาใต้นี้ถือเป็นเรื่องปกติทั่วไป มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดสูง


“เรื่องนี้ถ้าจะลงมือต้องทำให้หมดจดที่สุด ให้เวลาฉันคิดไตร่ตรองก่อน”


เหมียวจื่อหลงถึงจะเป็นคนฝึกวิทยายุทธ แต่เป็นคนมีความคิดลึกซึ้ง เขาไม่ถึงกับรับปากซ่งเสี่ยวหลงทันที แต่กำลังคิดทบทวนอยู่ในใจ


“เอาอย่างนี้นะ เสี่ยวหลง ฉันจะไปหาเหลยหู่ก่อน เขาเป็นคนที่เห็นฝีมือของเยี่ยเทียน ถ้าได้เขาช่วย โอกาสสำเร็จก็มีมาก!”


เหมียวจื่อหลงเป็นศิษย์ของเหลยเจิ้นเยวี่ย เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกับเหลยหู่ด้วย สิ่งที่บังเอิญกว่านั้นคือตอนนี้เหลยหู่ก็อยู่ในเคปทาวน์ด้วย


ตอนที่ 785 แผนการ (2)

ห่างจากโรงแรมของเยี่ยเทียนไปไม่ไกลนักมีหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่งที่เป็นบ้านวิลล่าของเหมียวจื่อหลง ซ่งเสี่ยวหลงสามารถชักจูงคนแบบนี้ให้ทำงานรับใช้อยู่ข้างกายได้ เพราะเขาเป็นคนใจกว้าง บ้านวิลล่ามูลค่าสิบล้านยังกล้ายกให้ เหมียวจื่อหลง


“น้องเหมียว มีอะไรจะทำก็ไปทำเถอะ ไม่ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนฉันหรอก”


เหมียวจื่อหลงเป็นคนฝึกวิชายุทธ ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องที่พักอาศัยมากนัก แต่อุปกรณ์การฝึกยุทธในห้องออกกำลังกายนั้นเพียบพร้อมทุกอย่าง ตอนนี้เหลยหู่กำลังฝึกยุทธกับหุ่นไม้กระบอกอยู่ เขาฝึกหมัดมวยกับหุ่นไม้เสียงดังตึงตัง เห็นว่าเหมียวจื่อหลงเข้ามา เหลยหู่ถอยออกมาจากหุ่นไม้ วางท่าพักเก็บหมัด


“ศิษย์พี่เหลย พี่พูดแบบนี้ก็เกรงใจกันเกินไปแล้ว…..”


เหมียวจื่อหลงยิ้มแย้มเข้าไปต้อนรับ ยื่นผ้าขนหนูซับเหงื่อให้เหลยหู่ “อาจารย์มีพระคุณกับผมมาก พวกเราเป็น เหมือนพี่น้องแท้ๆ พี่มาที่เคปทาวน์ทั้งที จะไม่ให้ผมมาอยู่เป็นเพื่อนพี่ได้อย่างไร?”


เหมียวจื่อหลงกับเหลยหู่อายุไล่เลี่ยกัน เขาฝึกยุทธมาด้วยกัน ถ้าเทียบฝีมือกัน เหมียวจื่อหลงที่มีชาติกำเนิดต้อยต่ำยังเก่งกาจกว่าเหลยหู่


เพียงเพราะเหลยหู่มีบิดาเป็นผู้ใหญ่กว้างขวาง และค่อยๆก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่ในสมาคมหงเหมิน ส่วนเหมียวจื่อ หลงเป็นได้เพียงผู้คุ้มกันที่มีความสำคัญคนหนึ่ง ความสนิทสนมระหว่างซ่งเสี่ยวหลงกับบ้านตระกูลเหลยที่แน่นแฟ้นนั้นผ่านทางเหมียวจื่อหลงทั้งนั้น เขากับเหลยหู่จึงสนิทสนมกัน


“ศิษย์น้องเหมียวเกรงใจเกินไป ทำไมหรือ มีธุระอะไรหรือ?”


เหลยหู่ยิ้มตอบ หลังจากถูกบิดาบีบบังคับให้ออกจากสมาคมหงเหมิน เขาก็ยังฝังใจกับเรื่องนี้ไม่หาย


เหลยเจิ้นเยวี่ยอายุอานามปาเข้าไปแปดสิบกว่าปีแล้ว การจะลามือจากวงการนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก


แต่เหลยหู่เพิ่งอายุสี่สิบกว่าปี กำลังอยู่ในช่วงสร้างตัว โดยเฉพาะเมื่อคนๆอื่นที่เคยไปมาหาสู่ห่างหายไปหมดจนบ้านเขาเหมือนเป็นบ้านร้าง ความพ่ายแพ้ที่อยู่ในใจทำให้เหลยหู่ไม่อาจทนอยู่ในซานฟรานซิสโกต่อไปได้อีก เขาจึงหาข้ออ้างเพื่อหลบมาอยู่กับเหมียวจื่อหลงที่นี่


ส่วนเหมียวจื่อหลงให้ความเคารพต่อเหลยหู่มาก จึงทำให้เหลยหู่รู้สึกสบายใจขึ้น เหลยเจิ้นเยวี่ยตามตัวเขากลับไปที่ซานฟรานซิสโกหลายครั้ง เตือนว่าอย่าเข้าใกล้ซ่งเสี่ยวหลงให้มาก แต่เหลยหู่ก็ทำเป็นหูทวนลม เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา


“ศิษย์พี่เหลย ไม่ได้มีเรื่องอะไรใหญ่โตหรอก”


เหมียวจื่อหลงเห็นทีท่าของเหลยหู่แล้วต้องคิดไตร่ตรองให้ดีก่อนพูดว่า “ผมเพิ่งได้ยินข่าวมาอย่างหนึ่งว่าเจ้าหนุ่มที่ชื่อเยี่ยเทียนนั่นมาที่เคปทาวน์”


“เยี่ยเทียน?” เหลยหู่ถลึงตาขึ้น ลมหายใจของเขาเร่งเร็วขึ้น สำลักออกมา “เขามาที่เคปทาวน์ทำไม?หรือว่ายังจะมารังแกบ้านเหลยของเราอีกเหรอ หรือจะมาสมน้ำหน้าฉันที่เป็นหมาหัวเน่า?”


คนที่มีจิตใจคับแคบต่างมองไม่เห็นปัญหาของตัวเอง เหลยหู่ไม่เคยคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะเขาใจร้อนอยากได้ตำแหน่ง ร่วมมือกับซ่งเสี่ยวหลงจัดการซ่งเวยหลัน เยี่ยเทียนก็คงจะไม่มาหาเรื่องเขาหรอก?


แต่สำหรับคนที่ดึงดันอย่างเหลยหู่ เขายอมรับที่บิดารามือจากวงการ แต่การที่ฐานอำนาจของเขาในสมาคม หงเหมินสูญเสียไปเป็นเพราะเยี่ยเทียน ทุกวันตอนที่ฝึกมวยกับหุ่นไม้ เขาจะคิดว่าหุ่นตรงหน้าคือเยี่ยเทียน


หลังจากได้ยินข่าวเยี่ยเทียนจากเหมียวจื่อหลงที่ได้ไปกระตุกต่อมความแค้นของเหลยหู่ขึ้น ใบหน้าจึงแสดงท่าทีจงเกลียดจงชัง


เหมียวจื่อหลงเห็นดังนั้นแล้วก็แอบดีใจ รีบเอ่ยต่อว่า “ศิษย์พี่เหลย เยี่ยเทียนน่ะน่ารังเกียจมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเขา อาจารย์คงยังอยู่ในสมาคมหงเหมินมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนเจ้าของตำแหน่งประมุขสมาคมหงเหมินต้องเป็นของพี่แน่นอน”


“ไม่ผิดแน่ เจ้าเด็กนั่นเหิมเกริมมากเกินไปแล้ว เขาเอาเงินก้อนนั้นกลับคืนไปยังไม่เท่าไหร่ ยังจะมาตามล้างตามผลาญกันอีกหรือ ฉันกับเขาจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้!”


เหลยหู่ถูกเหมียวจื่อหลงยุแยงแล้วเกิดอารมณ์โมโหขึ้นมา ฟาดมือลงไปบนลูกตุ้มเหล็กที่เอาไว้ยกน้ำหนักวางอยู่ข้างตัวอย่างรุนแรงจนขอบลูกเหล็กเบี้ยวไป


“ศิษย์พี่เหลย โอกาสไม่ได้มาถึงแล้วหรือ?”


เหมียวจื่อหลงได้ยินก็หัวเราะออกมา “ฉันให้คนไปสืบแล้ว เยี่ยเทียนปลอมชื่อเป็นจ้าวเต๋อไฉ วันนี้เพิ่งเข้าประเทศมา ตอนนี้พักอยู่ที่โรงแรมซีแอตเติล เขาไม่กล้าใช้ชื่อจริงเข้าพัก น่าจะเป็นเพราะเขาไปทำเรื่องที่ไม่ดีมาแน่ ต่อให้เขาหายตัวไป คนอื่นก็ไม่กล้าเอาเรื่องเขามาพูดเสียหายหรอก!”


ในที่ๆกฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์มีสองสิ่งที่ใช้ได้ประโยชน์มากที่สุด หนึ่งคือกำปั้น ใครหมัดหนักก็จะเป็นฝ่ายมีเหตุผลมากกว่า พอมาตอนยุคนี้ หมัดก็ได้เปลี่ยนเป็นปืนแล้ว ดังสำนวนที่กล่าวว่า อำนาจอยู่ที่ปลายกระบอกปืน


ส่วนอีกสิ่งหนึ่งก็คือเงินทอง เหมียวจื่อหลงใช้เงินเพียงไม่กี่หมื่นดอลลาร์ก็สามารถให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งในด่านตรวจคนเข้าเมืองเอารายชื่อชาวจีนที่เข้ามาในเคปทาวน์ในวันนี้ให้ เหมียวจื่อหลงมองรูปถ่ายในเอกสารนั้นแค่แวบเดียวก็รู้ว่าเป็นเยี่ยเทียนทันที


แต่ที่เหมียวจื่อหลงไม่ถึงกับสั่งให้คนไปเก็บเยี่ยเทียนถึงที่ทันที เพราะเขายังกังวลอยู่ เขาจำได้ว่าเมื่อปีนั้นที่กองทหารตามล่าสังหารเยี่ยเทียนในไต้หวัน ทั้งหมดเป็นกลุ่มทหารที่เหมียวจื่อหลงช่วยซ่งเสี่ยวหลงติดต่อให้


เพียงแต่ผลจากครั้งนั้นกลับทำให้เขาคิดไม่ถึง กลุ่มทหารที่เก่งกล้าในดินแดนเอเชียอาคเนย์ กลัยถูกทำลายหมดสิ้น ทั้งหมดเป็นทหารที่เก่งกาจไปพร้อมกับอาวุธหนัก แสดงว่าเยี่ยเทียนต้องมีฝีมือด้านการต่อสู้และยิงปืนอยู่พอสมควร


เหมียวจื่อหลงฝึกยุทธมาหลายปี เก่งกาจกว่าคนทั่วไป เขารู้ว่าอาจารย์ของเขาก็สามารถหนีเอาตัวรอดแบบตัวเปล่าจากห่ากระสุนที่ยิงไม่ยั้งได้ เยี่ยเทียนได้สู้ชนะเหลยเจิ้นเยวี่ยในงานประชุมสมาคมหงเหมิน เขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่


ดังนั้นเหมียวจื่อหลงจึงยังไม่ตอบตกลงซ่งเสี่ยวหลงทันที แต่มาหาเหลยหู่ก่อน เขาอยากได้ยินว่าเยี่ยเทียนที่จริงแล้วมีฝีมือระดับไหน เพื่อจะได้เตรียมตัวให้พร้อมวางแผนอย่างรอบคอบ


“เอ๋? ศิษย์น้องจื่อหลง ฉันไม่มีอิทธิพลในเคปทาวน์เลย ฉันอยากจะให้เยี่ยเทียนตายไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่ฉันก็ไม่มีปัญญา!”


เหลยหู่อยู่ในสมาคมหงเหมินถือว่ามีตำแหน่งสูง เพราะผู้เป็นบิดามีฐานอิทธิพลเก่าอยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ จากความโกรธแค้นแต่เดิม ก็รีบตั้งสติกลับมา เขารู้ทันว่าศิษย์น้องคนนี้อยากใช้เขาเป็นทัพหน้า?


เหลยหู่รู้ตัวเองดี ถึงเขาจะโกรธแค้นเยี่ยเทียน แต่ยังรู้อีกว่าฝีมือของตัวเองสู้เยี่ยเทียนไม่ได้ ต่อให้เขาใช้ปืน เกรงว่ายังไม่ทันเหนี่ยวไกก็ถูกจัดการเสียก่อน เหมียวจื่อหลงอยากให้เขาออกหน้า มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก


“ศิษย์พี่เหลย พี่เข้าใจเจตนาของผมผิดไปแล้ว พี่ก็รู้ว่าเยี่ยเทียนทำให้นายน้อยคนนั้นเสียแผน เขาอยากให้เยี่ยเทียนตายมากกว่าพี่เสียอีก!”


เหมียวจื่อหลงรู้ทันว่าถ้าปิดบังจุดประสงค์ที่แท้จริงจะถูกเหลยหู่ตำหนิเอา จึงเอ่ยออกไปตรงๆว่า “ศิษย์พี่เหลย ผมแค่อยากรู้ว่า เจ้าหนุ่มเยี่ยเทียนนั่นฝึกวิชาไปถีงไหนแล้ว? จะทำอย่างไรให้เขาตาย แน่นอนว่าพวกเราไม่ต้องลงมือเอง!”


เหมียวจื่อหลงไม่ใช่คนวู่วามเหมือนตอนหนุ่มๆอีกแล้ว ตอนนี้เขามีทั้งสถานะทางสังคมและครอบครัว เป็นผู้มีศักดินาสูงส่ง ในแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นที่ที่ใช้เงินแลกทุกอย่าง เงินดอลล่าร์ก้อนใหญ่ถูกหว่านออกไปก็จะมีคนเสนอหน้ามาให้ถึงที่


“ซ่งเสี่ยวหลงให้นายมาหรือ?”


เหลยหู่มองเหมียวจื่อหลง บอกตามตรงว่าตั้งแต่บ้านเหลยเกิดเรื่อง เขาไม่พอใจซ่งเสี่ยวหลงนัก เรื่องมาถึงขนาดนี้ เจ้าหนุ่มนั่นเผ่นหนีเร็วยิ่งกว่ากระต่ายเสียอีก ด้วยเหตุนี้เมื่อมาถึงเคปทาวน์ เขาจึงพักอยู่ในบ้านวิลล่าของเหมียวจื่อหลงและปฏิเสธคำเชิญของซ่งเสี่ยวหลงทุกครั้ง


เหมียวจื่อหลงยิ้มแหย “ศิษย์พี่เหลย เสี่ยวหลงเองก็มีเรื่องลำบากใจ เขาถูกซ่งเวยหลันปลดจากตำแหน่งสำคัญในบริษัท ตั้งแต่เรื่องอาจารย์ครั้งนั้นทำให้เขาช่วยอะไรไม่ได้”


“ที่นายว่าก็ถูก….”


เหลยหู่พยักหน้า สีหน้าดูใจเย็นลง ค่อยๆเอ่ยต่อว่า “เยี่ยเทียนถึงจะยังหนุ่มแน่น แต่การฝึกวิชานั้นล้ำลึกมาก ตอนเขาต่อสู้กับคุณพ่อแทบไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมดที่มีเลย ฉันยังได้ยินมาว่าเขาเป็นวิชาคาถาอาคมด้วย!”


นิสัยของเหลยหู่เป็นคนซื่อตรงรู้เช่นไรก็เอ่ยออกมาอย่างนั้น ถึงเหลยเจิ้นเยวี่ยจะกำชับกับเขาหนักหนาว่าไม่ให้ไปยุ่งกับเยี่ยเทียน แต่เหลยหูยังแอบเก็บข้อมูลของเยี่ยเทียนแบบลับๆ แต่ในตอนนี้จิตใจเขาสงบลงมาก ความสามารถของเยี่ยเทียนแสดงออกเพียงผิวเผินนั้น เหลยหู่ยังไม่มีทางสู้ได้


“วิชาคาถาอาคม? ศิษย์พี่เหลย พี่เชื่อเรื่องแบบนี้ด้วย?”


เหมียวจื่อหลงรู้ว่าเยี่ยเทียนร้ายกาจ แต่พอได้ยินว่าวิชาคาถาอาคม เขากลับไม่ค่อยเชื่อ คนที่เป็นวิชาคาถาอาคมในสมาคมหงเหมินมีอยู่ไม่น้อย แต่แทบทั้งหมดนั่นเป็นพวกต้มตุ๋น ไม่มีใครเรียนมาอย่างแท้จริง


เหลยหู่ส่ายหน้าอย่างเคร่งขรึม “อย่าเพิ่งพูดว่าเชื่อไม่เชื่อ ศิษย์น้องจื่อหลง เยี่ยเทียนสู้กับทหารกองโจรเป็นสิบคนโดยไม่ได้รับบาดเจ็บเลยนี่แสดงว่าไม่ใช่ธรรมดา เคปทาวน์ถึงจะไม่ค่อยสงบ แต่นายคงไม่ถึงกับหาคนไปลอบวางระเบิดโรงแรมซีแอตเติลได้หรอกจริงไหม?”


เหลยหู่ออกจากวงการแล้ว ช่องทางการสืบข่าวลดน้อยลงกว่าเดิม เขาไม่รู้ถึงเหตุที่เกิดขึ้นในรัสเซียเมื่อหลายเดือนก่อน ถ้ารู้แล้วละก็ต่อให้เขาโกรธเกลียดเยี่ยเทียนแค่ไหนคงไม่กล้าหาวิธีทำร้ายเยี่ยเทียนแน่นอน


“ศิษย์พี่พูดถูก ที่โรงแรมน่ะไม่ได้ แต่พวกเราล่อให้เขาออกมาได้นี่ หาคนสักสิบคนลอบระดมยิงใส่เขา ผมไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะรอดไปได้?”


เหมียวจื่อหลงคิดเล็กน้อยแล้วพูดต่อว่า “เพียงแต่วิชาคาถาอาคมที่ศิษย์พี่บอกออกจะยุ่งยากสักหน่อย ถ้าเขามีวิชามารจริงๆ พวกเราก็ทำอะไรเขาไม่ได้”


เหมียวจื่อหลงยึดมั่นในคำพูดประโยคหนึ่งที่กล่าวว่า จูกัดเหลียงระวังตัวทั้งชีวิต ต่อให้เขาไม่เชื่อในคำบอกเล่าของเหลยหู่ที่บอกถึงวิชาคาถาอาคม แต่ก่อนที่จะวางแผนดำเนินการ ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยนี้เพิ่มด้วย


“การฝึกวิชาของเยี่ยเทียนนั้นอยู่ในขั้นสูงยังไงก็สู้ลูกกระสุนไม่ได้หรอก ศิษย์น้องจื่อหลง วิธีที่นายว่ามานั้นทำได้จริง แต่เราต้องเลือกเวลาที่เหมาะสม และต้องเลือกสถานที่คับแคบเขาจะไม่มีทางหนีได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่สำเร็จ”


ความหวังว่าจะให้เยี่ยเทียนตายของเหลยหู่ ไม่ได้ด้อยไปกว่าซ่งเสี่ยวหลงเลย หลังจากเงียบไปพักใหญ่ เขาพูดขึ้นอีกว่า “เรื่องวิชาคาถาอาคมนั้น ฉันจะคิดหาวิธีเอง ฉันรู้จักพ่อมดที่เก่งกาจคนหนึ่งในยุโรป อาจจะช่วยให้เราจัดการเยี่ยเทียนได้”



 

 

 


ตอนที่ 786 วิชาอ่านใจ

 

ได้ฟังที่เหลยหู่ว่าแล้วเหมียวจื่อหลงรู้สึกแปลกใจจึงถามขึ้น “พ่อมดวิชาคาถาอาคม? ศิษย์พี่เหลย เชื่อได้จริงหรือ?”


ตามโลกเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย นอกจากเรื่องพวกนี้ ผู้คนจำนวนมากพยายามใช้วิทยาศาสตร์มาอธิบายปรากฎการณ์ประหลาดในธรรมชาติ ไม่เหมือนเมื่อร้อยกว่าปีก่อนที่ผู้คนเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อให้เกิดเหตุการณ์เหนือธรรมชาติทั้งหลาย


ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกวิชาในจีนหรือผู้ที่เล่นเรื่องคุณไสยเวทมนต์ในต่างประเทศ ต่างก็ลดบทบาทความสำคัญลง ผู้ที่มีความสามารถชนิดนี้อย่างแท้จริงมีจำนวนเพียงหยิบมือ ส่วนใหญ่จะปิดบังตัวตน แล้วสืบทอดวิชาต่อกันมา ซึ่งน้อยคนนักจะได้ล่วงรู้ความจริง


เหมียวจื่อหลงเป็นคนผ่านโลกมาโชกโชน แต่เขาไม่มีทางไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับพวกนี้ เขาไม่เคยรู้จักสำนักวิชาคาถาอาคมในจีนหรือทั้งศาสตร์เวทมนต์คุณไสยของต่างประเทศ ไม่แปลกที่จะไม่เชื่อในคำพูดของเหลยหู่


“ศิษย์น้องเหลย ฉันเห็นมากับตาของฉันเอง จะปลอมได้อย่างไร?”


เหลยหู่ชักสีหน้าแล้วพูดต่อว่า “เยี่ยเทียคนนี้น่ะยังหนุ่มแน่น แต่การฝึกวิชาบรรลุขั้นสูงแล้ว ทั้งยังเป็นพวกสำนักวิชานอกรีต ถ้านายยังใช้วิธีธรรมดาทั่วไปกับเขาละก็ ฉันคงไม่เอาด้วย”


ต่อให้เกลียดเยี่ยเทียนมากแค่ไหน แต่เหลยหู่ยังรู้ถึงความสามารถของตัวเองว่าไม่เพียงพอจะไปต่อกรกับเยี่ยเทียนที่เป็นผู้ใหญ่ตำแหน่งระดับสูงลิ่วในสมาคมหงเหมิน ถ้าเขาลงมือต้องให้แน่ใจว่าต้องเอาเยี่ยเทียนให้อยู่หมัด ไม่เช่นนั้นแล้วเขาไม่อาจรับผลที่จะตามมาไหว


“ศิษย์พี่เหลย ฉันไม่เชื่อเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าคนที่พี่บอกนั้นอยู่ที่ไหน?”


เหมียวจื่อหลงมีความฉลาดอันลึกล้ำ เขาไม่ได้โกรธเคืองเหลยหู่ แต่กลับยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า “ศิษย์พี่เหลย เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าจะอยู่ในเคปทาวน์อีกนานเท่าไหร่ ถ้าเกิดเขาจากไปแล้ว พวกเราก็เสียโอกาสเปล่าๆ”


ซ่งเสี่ยวหลงเสียฐานอำนาจจากซ่งเวยหลันไปทำให้เหมียวจื่อหลงพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย ถ้าสามารถร่วมมือกับซ่งเสี่ยวหลงอยู่ในเคปทาวน์ได้ เขาอยากจะกำจัดเยี่ยเทียนเพื่อความสะใจเหมือนกัน แม้ตอนนี้ยังต้องอาศัยแรงจากเหลยหู่ก่อน แต่หากเหลยหู่ไม่ให้ความร่วมมือ เหมียวจื่อหลงก็ยังยืนยันจะจัดการเยี่ยเทียนให้ได้


เหลยหู่โบกมือ “ตอนนี้เธออยู่ที่อียิปต์ ห่างจากเคปทาวน์ไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงบิน ตอนนี้ฉันจะติดต่อกับเธอ คิดว่าคืนนี้เธอก็น่าจะมาถึงได้!”


กำลังรบของเยี่ยเทียนที่แสดงออกในการต่อสู้ครั้งนั้น ทำให้เหลยหู่เข้าใจและรู้ว่าต้องวางแผนรับมือกับเยี่ยเทียนอย่างไร การได้พบคนๆนี้ถือเป็นโอกาสดี แต่เหลยหู่ก็ได้เสียกำลังทรัพย์ไปมากให้กับเธอคนนี้


“ถ้าอย่างนั้นรบกวนศิษย์พี่เหลยด้วย มีท่านที่ศิษย์พี่เชิญมา เจ้าหนุ่มเยี่ยเทียนน่าจะรอดยาก!”


ความสูญเสียของกลุ่มทหารเทียนหลงทำให้เหมียวจื่อหลงหวั่นใจไม่หาย ถึงเขาไม่เชื่อในเวทมนต์ไสยศาสตร์ แต่เขาเป็นคนระมัดระวังรอบคอบ ในเมื่อเหลยหู่ออกปากขนาดนี้ เขาก็ต้องเชื่ออย่างสนิทใจ


เหลยหู่เดินกลับเข้าห้องเพื่อโทรศัพท์ แล้วก็เดินหน้าตาเบิกบานออกมา บอกว่า “เรียบร้อย คืนนี้เธอจะมาถึงที่นี่ ศิษย์น้องเหมียว เดี๋ยวเราไปสนามบินเพื่อรับเธอกัน”


เหมียวจื่อหลงได้ยินแล้วก็ยิ้ม “ไม่มีปัญหา ศิษย์พี่เหลยวางใจเถอะ คนที่พี่เชิญมา ฉันต้องดูแลต้อนรับอย่างดี ใช่แล้ว ฉันยังมีปัญหาอีกหลายข้อจะขอปรึกษากับศิษย์พี่…..”


ท่าทางของเหมียวจื่อหลงทำให้เหลยหู่พึงพอใจมาก ตั้งแต่บิดาของเขาถอนตัวออกจากสมาคมหงเหมิน ก็ไม่มีใครให้ความเคารพนบนอบเขาเท่านี้อีกเลย เขาจึงยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อเหมียวจื่อหลงขอคำปรึกษาเรื่องวิชาหมัดมวยจากเหลยหู่


คืนนั้นหนึ่งทุ่มตรง เหลยหู่กับเหมียวจื่อหลงทั้งสองคนนั่งมาในรถเบนซ์กันกระสุนสีดำ มาถึงสนามบินนานาชาติแห่งเคปทาวน์


เที่ยวบินที่มาจากอียิปต์มาถึงจะลงจอดในอีกสิบนาทีข้างหน้า เหลยหู่ยืนรออยู่หน้าพื้นที่ ที่จัดให้รับผู้โดยสาร จู่ๆก็ก้าวไปข้างหน้า หยุดอยู่ตรงหน้าคนๆหนึ่ง “เมเดียน่า ดีใจที่ได้พบเธอ ขอบคุณมากที่เธอยอมมาช่วย!”


“ลุงเหลย ได้โปรดเรียกหนูว่าเจียงซาน ฉันเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งเขียนว่า “หญิงงามดุจหยก ทิวทัศน์ดุจภาพวาด ฉันไม่ใช่หญิงงามหรอกหรือ?”


คนที่อยู่ต่อหน้าเหลยหู่คนนี้พูดภาษาจีนกลางได้อย่างคล่องแคล่ว แต่เหมียวจื่อหลงที่ยืนอยู่ด้านหลังเหลยหู่กลับทำหน้าเหมือนเพิ่งเหยียบขี้หมามา เขายื่นมือไปรั้งตัวเหลยหู่เข้ามากระซิบถาม “ศิษย์พี่เหลย พี่…พี่บอกว่า…อาจารย์….อาจารย์ที่ว่า ….คือเธอคนนี้หรือ?”


เสียงกระซิบของเหมียวจื่อหลงถึงจะไม่ดัง แต่ฝ่ายตรงข้ามก็ได้ยิน ทำให้เหลยหู่รู้สึกขายหน้า เขาชักสีหน้าแล้วตอบกลับ “ศิษย์น้องเหมียว โบราณว่าไว้ อย่าตัดสินคนที่ภายนอก ความลึกของมหาสมุทรนั้นไม่อาจวัดได้ เมเดียน่าแม้จะไม่ได้เป็นระดับปรมาจารย์ แต่เธอได้รับการสืบทอดวิชาสายตรงจากอาจารย์”


“ยังมีอาจารย์ด้วยเหรอ? ถ้างั้นถือว่าผมล่วงเกินไปแล้ว”


ฟังคำบอกเล่าของเหลยหู่แล้ว เหมียวจื่อหลงสีหน้าดูใจชื้นขึ้น สายตาที่เขามองเธอก็อ่อนโยนลง


จะโทษเหมียวจื่อหลงก็ไม่ได้ ความจริงแล้วการมาของเธอค่อนข้างเป็นที่น่าประหลาดใจ เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเหลยหู่นี้เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง


ถ้ามีผู้หญิงสักสิบคนเหมียวจื่อหลงคงไม่เสียกิริยาขนาดนี้ ในยุทธภพนั้นสิ่งที่ไม่ควรเข้าใกล้มีสามสิ่ง นอกจากคนชราและเด็กแล้วอีกสิ่งหนึ่งก็คือผู้หญิงนี่เอง


หญิงคนนี้ดูจะอ่อนเยาว์ไปหน่อย เพราะใบหน้าของเธอแสดงว่ามีเชื้อสายจีน ผมบนศีรษะถักเป็นเปียสองข้าง ผิวพรรณขาวผุดผ่อง ดูอายุไม่น่าเกินสิบหกปี เมื่อยืนอยู่ข้างเหลยหู่แล้วดูเหมือนเป็นคู่พ่อลูกมากกว่า เหมียวจื่อหลงพิจารณาดูแล้วอดหวั่นใจไม่ได้


“เผ่ายิปซีของเราไม่สนใจว่าคนอย่างพวกคุณจะมองเราว่าอย่างไร แต่ลุงเหลยคะ ถ้าเชิญฉันมาให้มาช่วยเขาละก็ อย่าดีกว่าค่ะ”


เด็กสาวถึงจะดูยังไม่เป็นสาวเต็มตัว ความสูงเพียงร้อยหกสิบเซ็นติเมตร แต่พูดจาฉะฉานไม่เกรงใจใคร ทั้งยังแสดงออกชัดว่าไม่ค่อยพอใจในตัวเหมียวจื่อหลงนัก


“เผ่ายิปซี? เธอ…เธอไม่ใช่คนจีนหรือ?”


เหมียวจื่อหลงได้ยินก็อึ้งไป เด็กสาวตรงหน้าดูเค้าโครงรูปร่างเป็นคนจีน ทำไมถึงกลายเป็นคนเผ่ายิปซีไปได้?


สำหรับพวกยิปซี เหมียวจื่อหลงไม่ถึงกับไม่คุ้นเคย ชนเผ่าเร่ร่อนกลุ่มนี้ ก่อนยุคศตวรรษที่ห้า พวกเขาอพยพมาจากอินเดียตอนเหนือ แล้วเร่ร่อนไปตามท้องทุ่ง อาศัยขายฝีมือทำนายดวงชะตาเพื่อเลี้ยงชีพเท่านั้น พักอาศัยอยู่ในกระโจมตามทุ่งรกร้างในประเทศแถบยุโรป


พวกเขาเป็นกลุ่มคนเร่ร่อนไม่อยู่เป็นหลักแหล่ง ทั้งยังมีธรรมเนียมห้ามแต่งงานกับคนนอกเผ่า จึงยากที่จะเข้าร่วมอยู่อาศัยในสังคมทั่วไปได้ ทำให้พวกเขาไม่ได้รับการยอมรับ คนในเผ่ายิปซีส่วนใหญ่มีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก


จำนวนคนในชนเผ่ามีมาก แต่ที่อยู่ของพวกเขากระจัดกระจายไปทั่ว คล้ายคลึงกับประวัติศาสตร์คนยิวที่มีชีวิตที่ข้นแค้น


สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง อดอล์ฟ ฮิตเลอร์สั่งให้ส่งตัวชาวยิปซีเกือบห้าแสนคนเข้าสู่ค่ายกักกันและสังหารทิ้ง จนกระทั่งปี 1979 กลุ่มประเทศสัมพันธมิตรได้ยอมรับให้เผ่ายิปซีเป็นชนชาติอิสระกลุ่มหนึ่ง แต่เมื่อจบสงครามเย็น ชาวยิปซีในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกถูกรุกรานอย่างร้ายแรงอีกครั้ง ด้วยสถานภาพของพวกเขาไม่ถูกยอมรับและถูกคุกคามตลอดเวลา


คนจีนในต่างประเทศก็ถูกดูถูกอยู่เสมอ แต่กับชาวยิปซีแล้วยังมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ดังนั้นเหมียวจื่อหลงมองเด็กสาวด้วยสายตาแปลกประหลาด ในสายตาของเขา การทำนายของเผ่ายิปซีกับหมอดูในเมืองจีนนั้นไม่ต่างกัน  คือต่างเป็นพวกหลอกลวงต้มตุ๋น


“ฉันเป็นคนที่ไหน เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย?” เด็กสาวเบ้ปาก ตอนนี้เธอแสดงอารมณ์เอาแต่ใจเหมือนเด็กๆออกมา


“คุณเห็นว่าฉันอายุยังน้อยเลยดูถูกฉันใช่ไหม?”


เด็กสาวหรี่ตาจ้องเหมียวจื่อหลง เอ่ยต่อว่า “คุณต้องการจะทำเรื่องที่เลวร้ายมากๆเรื่องหนึ่ง แล้วก็เริ่มวางแผนแล้วด้วย คุณไม่ต้องหันไปมองคุณเหลยหรอก เขาไม่เคยบอกฉันมาก่อน นี่เป็นความสามารถในการหยั่งรู้ของฉันเอง!”


คำพูดของเด็กสาวทำให้เหมียวจื่อหลงอ้าปากค้าง “ความสามารถของเธอ? เธอรู้เหรอว่าฉันคิดอะไรอยู่?”


เหมียวจื่อหลงแม้จะยืนอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายอึกทึกในสนามบิน แต่ความรู้สึกภายในใจกลับเย็นเยียบ ความหนาวเหน็บถาโถมเข้าสู่ใจ  ความอบอุ่นในร่างกายหายไป รอยยิ้มของเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าแฝงไปด้วยเล่ห์กลบางอย่าง


“ไม่ผิดหรอก นี่คือวิชาอ่านใจ การทำนายตัวเลขและการดูลูกแก้วที่พวกคุณรู้จักน่ะเป็นวิชาอ่านใจ แต่เป็นระดับพื้นฐานเท่านั้น เป็นแค่เกมหลอกเด็กทั่วไป!”


รอยยิ้มของเด็กสาวเต็มไปด้วยความมั่นใจ เอ่ยต่อว่า “ฉันจะยกโทษให้ที่คุณเสียมารยาทกับฉัน คนไม่ดีในโลกนี้มีมากเกินไปแล้ว คุณรู้ว่าตัวเองยังมีข้อบกพร่อง ยังไม่ถึงกับไม่มีทางเยียวยา”


เด็กสาวมองเค้าโครงหน้าของเหมียวจื่อหลง แล้วพูดเจื้อยแจ้ว ราวกับกำลังอบรมผู้ใหญ่คนนี้อยู่ บรรยากาศโดยรอบรู้สึกอึดอัดอย่างน่าประหลาด


คนที่ถูกต่อว่าอย่างเหมียวจื่อหลงนอกจากอึ้งแล้วยังไม่กล้าแม้แต่จะตอบโต้ด้วยวาจาเชือดเฉือน เพราะสิ่งที่เด็กสาวพูดเมื่อครู่ล้วนเป็นสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ในใจ ราวกับว่าได้เปิดเผยความในใจออกมาให้ฝ่ายตรงข้ามเห็น


“น่ากลัวจริงๆ บนโลกนี้มีคนแบบนี้ด้วยเหรอ?” ความจริงเอาชนะคารมคมคาย คำสั้นๆของเด็กสาวทำให้สายตาของเหมียวจื่อหลงที่มองเธอเปลี่ยนไปเป็นความเกรงขาม


“ฉันไม่ได้น่ากลัวหรอก ผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งมากมายต่างฆ่าฉันได้ไม่ยากเย็น”


เด็กสาวพูดอย่างเรียบเฉย “แต่การสังหารผู้ทำนายอนาคตจะเป็นเหตุให้พบกับความหายนะ ฉันว่า….คุณคงไม่อยากจะเป็นแบบนั้นใช่ไหม?”


“ไม่หรอก ไม่แน่นอน เมเดียน่า…ไม่สิ คุณหนูเจียงซาน ยินดีต้อนรับสู่เคปทาวน์นะครับ รถจอดรออยู่ข้างนอกแล้ว”


ได้ยินดังนั้นแล้ว เหมียวจื่อหลงก้มหัวให้อย่างสดุดี เขาไม่อยากให้ทั้งเด็กสาวและเหลยหู่มองเห็นสีหน้าที่ตื่นตระหนกของเขา


เมื่อครู่นี้เองที่เขาแอบคิดอยู่ในใจว่าอยากจะกำจัดเด็กสาวคนนี้ไปเสีย แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกเธอจับได้เสียก่อน


………………………………………..

 

 

 


ตอนที่ 787 โลกแห่งความฝัน

 

“คุณหนูเจียงซาน ผมได้จัดหาโรงแรมที่ดีที่สุดในเคปทาวน์ให้  มองออกไปจากห้องพักสามารถเห็นวิวชายหาดและทะเลได้ ผมเชื่อว่าคุณจะต้องพอใจ”


รถขับออกมาจากสนามบิน ตลอดทางเหมียวจื่อหลงไม่ได้หุบยิ้มลงเลย เขาคิดหาถ้อยคำมาเอาอกเอาใจเด็กสาว พร้อมกับบังคับให้ตนเองเข้าสู่การหลับใหล ให้ตัวเขานึกคำพูดที่จะใช้เยินยอความงามของเธอ


“ขอบคุณค่ะ แต่ว่าคุณเหมียวคะ พวกเราเผ่ายิปซีชอบท่องเที่ยวพเนจร ที่นี่คุณมีเต็นท์หรือกระโจมไหมคะ?”


เด็กสาวหลุดหัวเราะออกมา เธอสามารถอ่านใจคนได้ แต่สิ่งที่คนอื่นไม่รู้คือความสามารถพิเศษของเธอชนิดนี้ต้องแลกด้วยบางสิ่ง ทุกครั้งที่ใช้มัน เธอจะรู้สึกอ่อนเพลียเหนื่อยล้าหนักๆเข้าจนรู้สึกถึงขั้นว่าอายุของเธอจะสั้นลง


ดังนั้นที่เหมียวจื่อหลงกังวลมากเกินไป เด็กสาวไม่ถึงกับอ่านใจเขาได้ตลอดเวลา ถ้าเป็นเช่นแล้วละก็ เกรงว่าเธอคงจะไม่มีทางอยู่รอดมาจนถึงวันนี้


“คุณหนูเจียงซาน ที่เคปทาวน์นี่ไม่ค่อยสงบสุขมากนัก ผมว่า…คุณคงไม่อยากจะไปนอนเป็นเพื่อนขอทานข้างถนนหรอกจริงไหม?”


วาจาที่เลื่อนลอยของเด็กสาวกลับทำให้เหมียวจื่อหลงหน้าเปลี่ยนสี ล้อเล่นใช่ไหม มาเคปทาวน์จะนอนกระโจมได้หรือ เกรงว่าคงไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้เช้า เด็กสาวคนนี้คงไม่เหลือแม้แต่ผมสักเส้น ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน เธอคงจะถูกพบตัวอยู่ในซ่องโสเภณีชั้นต่ำที่ไหนสักแห่งในเมือง ช่วงหลายปีมานี้ซ่องโสเภณีกำลังเป็นที่นิยมอีกครั้ง


“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นก็น่าเสียดาย ฉันไปมาหลายประเทศเคยนอนในเต็นท์ใต้ท้องฟ้าทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ      เหลยเร่งร้อน ฉันคงจะพกติดตัวมาเอง


เด็กสาวยักไหล่ กลับไม่ได้เรียกร้องต้องการนอนในเต็นท์ต่อ เธอเป็นเด็กผู้หญิง แม้จะใช้ความสามารถที่มีจัดการกับปัญหาได้ด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่ควรจะหาเรื่องใส่ตัว?


“คุณหนูเจียงซาน พวกเรามาถึงโรงแรมแล้ว มีอะไรคุณสามารถโทรติดต่อผมหรือพี่เหลยได้ตลอดเวลา”


เมื่อส่งเธอมาถึงห้องพักโรงแรม เหมียวจื่อหลงเห็นว่าเธอไม่มีอะไรจะคุยกับเหลยหู่อีก ทั้งสองจึงขอตัวกลับออกมา


ความจริงแล้วเหมียวจื่อหลงได้เปิดห้องไว้ที่โรงแรมอีกห้องเป็นห้องตรงข้ามกับเด็กสาว แต่เมื่อมาถึงโรงแรมแล้วเขากลับเปลี่ยนใจ เขาเปลี่ยนห้องของตัวเองอยู่ให้ห่างจากห้องของเธอให้มากที่สุด เพราะเหมียวจื่อหลงไม่รู้ว่าเด็กสาวจะสามารถอ่านความคิดคนอื่นผ่านกำแพงห้องได้หรือไม่ ราวกับว่าเขาไปทำเรื่องผิดร้ายแรงมา จึงไม่อยากให้ใครอ่านความคิดของตน


“ศิษย์พี่ ไปหาคนๆนี้มาจากไหน? อ่านใจคนได้ด้วย น่ากลัวจริงๆ”


เมื่อมาถึงห้องพักของตัวเองแล้ว เหมียวจื่อหลงยังใจสั่นเหงื่อแตกไม่หาย เมื่อครู่รู้สึกราวกับว่าเขาถูกเด็กสาวมองทะลุเสื้อผ้ามองเห็นร่างอันเปลือยเปล่าของตัวเอง เป็นความรู้สึกที่แย่มากๆ


สำหรับเหมียวจื่อหลงนั้น เหลยหู่รู้สึกไม่ต่างกัน เขาพยักหน้าพูดขึ้น “ฉันก็เคยเจอ คนที่เลี้ยงดูเธอเป็นคนเผ่ายิปซี เป็นหมอดูหาเลี้ยงชีพอยู่ในพื้นที่แถบนั้น….”


หลังออกจากสมาคมหงเหมินช่วงหลายเดือนแรกเขารู้สึกหมดอาลัยตายอยาก เขามีบ้านสวนอยู่ที่ตำบลเล็กๆแห่งหนึ่งในออสเตรเลีย จึงพาครอบครัวหลบไปอยู่ที่นั่นสักพัก


แล้วเขาก็ได้พบกับเมเดียน่าที่ตำบลแห่งนี้


เด็กสาวคนนี้มีชีวิตน่าสงสาร เธอเคยมีฐานะทางบ้านที่มั่นคง พ่อแม่เป็นคนเชื้อสายจีนที่เดินทางมาตั้งรกรากในออสเตรเลียช่วงปี 80 ทำงานหนักอยู่สิบกว่าปีจนได้เป็นผู้มีฐานะแบบชนชั้นกลาง


แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก จะด้วยเคราะห์กรรมใดก็ตามทำให้ครอบครัวของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ซึ่งคร่าชีวิตบิดามารดาของเธอไป ตอนนั้นเธอมีอายุแค่เพียงสามขวบ หลังผ่านการตรวจสอบทั้งหมดแล้วเด็กหญิงไม่มีญาติหลงเหลืออยู่ในประเทศจีนเลย


ตามกฎหมายในออสเตรเลีย เด็กหญิงต้องถูกส่งตัวไปที่บ้านเด็กกำพร้า แต่ด้วยมรดกที่เธอได้รับเป็นเงินจำนวนไม่น้อย ต้องรอจนถึงอายุสิบห้าปีถึงจะครอบครองทรัพย์สินทั้งหมดได้ ในช่วงสิบสองปีก่อนที่เธอจะอายุสิบห้า เธอจะต้องอยู่ในความดูแลของรัฐบาล


แต่ตอนนั้นมีชาวบ้านเสนอตัวจะรับเลี้ยงเด็กหญิง แต่ว่าเธอเป็นหญิงชาวยิปซี


ก่อนที่เธอจะได้สิทธิ์ดูแลเด็กต้องผ่านอุปสรรคขัดขวางจากผู้ที่ไม่เห็นด้วยมากมาย สุดท้ายแล้วชาวบ้านพากันลงคะแนนเสียงให้เธอได้สิทธิ์ในการรับเลี้ยงเด็กหญิง


เมเดียน่าหรือเจียงซาน ตั้งแต่อายุห้าขวบก็เริ่มแสดงความสามารถที่เหนือมนุษย์ออกมา ตอนที่แม่เลี้ยงของเธอทำนายโชคชะตาให้คนอื่น เธอมักจะพูดสิ่งที่น่าตกใจออกมาอยู่บ่อยๆ จนเมื่ออายุสิบขวบก็มีชื่อเสียงว่าเป็นนักทำนายตัวน้อย


ตอนเหลยหู่พบกับเธอนั้น เจียงซานได้พูดถึงความในใจที่เหลยหู่กำลังคิดอยู่ออกมาได้ถูกต้อง ทั้งยังแสดงความสามารถเหนือธรรมชาติออกมา ทำให้เหลยหู่ยกย่องเธอและลงทุนสร้างบ้านให้เธอและแม่เลี้ยงยิปซีของเธอด้วย เขากับเธอจึงมีสัมพันธ์อันดีเรื่อยมา


ฟังที่เหลยหู่เล่าจบ เหมียวจื่อหลงถามต่อว่า “ศิษย์พี่เหลย นอกจากวิชาอ่านใจคนแล้ว เธอยังเป็นวิชาอะไรอีก?”


สายตาของเหลยหู่สว่างวาบขึ้น “เธอสามารถควบคุมร่างกายมนุษย์ได้ แม้จะแค่ชั่วครู่เดียว แต่สำหรับเราสองคนที่ฝึกวิชาหมัดมวยมา นั่นก็เป็นโอกาสจัดการคู่ต่อสู้ให้ถึงตายได้แล้ว!”


ตอนเพิ่งเริ่มรู้จักเจียงซานได้ไม่นาน ลูกน้องของเหลยหู่เคยพูดจาเกี้ยวพาราสีเด็กสาวไป กลับถูกเธอสะกดร่างกาย มัดมือมัดเท้าไว้ แล้วถูกตบเข้าที่หน้าหลายที นี่จึงทำให้เหลยหู่รู้ถึงความสามารถที่ซ่อนอยู่ของเธอ


พอได้สนิทสนมกับเด็กสาวแล้วเหลยหู่ให้เธอใช้พลังวิเศษของเธอกับตัวเขา เขาฝึกวิชาเข้าขั้นแล้วยังรู้สึกเหมือนตัวเองตกลงไปอยู่ในหนองน้ำ ขยับตัวไม่ได้ไปหลายวินาที


เหลยหู่จึงต้องการให้เด็กสาวคนนี้เดินทางมาที่เคปทาวน์ ด้วยความคิดที่ว่าจะให้เด็กสาวใช้พลังวิเศษของเธอกับเยี่ยเทียน


“ศิษย์พี่เหลย พี่พูดจริงหรือ?”


เหมียวจื่อหลงฟังจบก็ตื่นเต้นใหญ่ ถ้าเด็กสาวคนนี้ทำให้เยี่ยเทียนขยับตัวไม่ได้ไปหลายวินาที กระสุนนับร้อยนัดที่ถูกระดมยิงออกไปจะต้องยิงถูกตัวเขาแน่นอน ต่อให้เป็นซูเปอร์แมนก็บินหนีไปไม่พ้น


เหลยหู่หัวเราะเสียงเย็น “แน่สิ ฉันอยากจะให้เจ้าหนุ่มนั่นตายไปเสียเดี๋ยวนี้เลย เจียงซานคนนี้เอาไว้จัดการเขาโดยเฉพาะ”


“ดี ศิษย์พี่เหลย เอาแบบนี้แล้วกัน ขอแค่พี่ทำให้เด็กสาวคนนั้นยอมลงมือ เยี่ยเทียนจะต้องตายอย่างไม่มีเงื่อนไข!”


เหมียวจื่อหลงกระตือรือร้นมากขึ้น พูดต่อว่า “ศิษย์พี่พักผ่อนก่อน ฉันจะไปเตรียมงานบางอย่าง….”


เหมียวจื่อหลงรู้ว่าครั้งนี้เหลยหู่เลือกทำถูกแล้ว จากเดิมที่ฆ่าเยี่ยเทียนได้สำเร็จมีโอกาสเพียงครึ่งเดียว แต่เมื่อมีความสามารถของเด็กสาวคนนั้นแล้ว ยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้เขามากขึ้น ถ้าอยากจะบรรลุผล จะต้องล่อเยี่ยเทียนให้ออกมาจากโรงแรมก่อน


เหมียวจื่อหลงรีบบอกลาเหลยหู่แล้วออกจากโรงแรมไป เหลยหู่ไปเคาะประตูห้องของเด็กสาวแล้วพาเธอไปที่ห้องอาหารหรูหราของโรงแรมเพื่อรับประทานอาหารมื้อใหญ่


เจียงซานโตมากับแม่เลี้ยงที่มีความเป็นอยู่ยากลำบาก เมื่อเห็นอาหารชั้นดีวางเรียงอยู่ตรงหน้าทำให้เธอแสดงท่าทางตื่นเต้นแบบเด็กสาวทั่วไป เรื่องที่เหลยหู่ขอร้องให้เธอบังคับร่างกายคนให้อยู่นิ่งๆนั้น เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ตอบตกลง


……-


“อ๊า?!” เมเดียน่าที่กลับมาถึงห้องพัก เธอนอนหลับไปได้สองชั่วโมงกว่าแล้วก็สะดุ้งตื่น


“ทำไมเป็นอย่างนี้?” ใบหน้าอ่อนหวานของเธอปรากฏแววหวาดกลัว เพราะในฝันนั้นมีแต่ศพกองพะเนินเป็นภูเขาเลือด สำหรับเด็กสาววัยสิบกว่าปีอย่างเธอมันไม่เคยปรากฎมาก่อน


ในสายตาของเหลยหู่ เด็กสาวมีความสามารถพิเศษในการอ่านใจคนและบังคับร่างกายคนอื่น แต่เหลยหู่ไม่รู้ว่าความจริงแล้วเธอสามารถหยั่งรู้ถึงความคิดของคนอื่นได้เพียงคร่าวๆเท่านั้น จากการวิเคราะห์ของตัวเองถึงจะเข้าใจความถูกผิดดีชอบในใจของคนอื่น


ความสามารถที่แท้จริงของเธอนอกจากการบังคับร่างกายของคนอื่นแล้ว ยังสามารถทำนายอนาคตว่าดีหรือร้าย แต่วิธีที่ชาวยิปซีนิยมใช้ที่สุดอย่างไพ่ยิปซีนั้น เจียงซานกลับฝันเห็นเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต


สถานการณ์แบบนี้หลายคนก็เคยเป็นมาก่อน เหมือนกับลางสังหรณ์ว่าเรือไททานิคจะจม มีสามหรือสี่คนที่อยู่ที่อื่นฝันถึงเหตุการณ์นั้นตอนที่หลับสนิทอยู่ในบ้าน ความจริงแล้วเป็นการพิสูจน์โลกแห่งความฝันของพวกเขา


เหตุการณ์แปลกๆแบบนี้ไม่เหมือนความฝันของเด็กสาวที่มีมาตั้งแต่เด็ก เรื่องที่เกิดในความฝันของเธอนั้นเก้าในสิบของเรื่องที่เธอฝันถึงจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่เด็กสาวไม่เคยเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ใครฟังเลย มีเพียงแม่เลี้ยงของเธอ คนทั่วไปต่างคิดว่าเธอเป็นนักทำนายที่มีพรสวรรค์คนหนึ่งเท่านั้น


“น่ากลัวจริง ตายหมดเลย!” เด็กสาวลืมตาโพลงกำปลายผ้าห่มไว้แน่น ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้า แม้เธอจะตื่นเกือบเต็มตาแล้ว แต่แววตาเธอของเธอยังหลงเหลือความหวาดกลัวอยู่


คิดถึงฝันที่เธอฝันถึงนั้น เจียงซานตะลึงค้างไปแล้วแต่สีหน้ายังดูงุนงง “ไม่ถูกสิ ทำไมฉันถึงไม่เป็นอะไรเลย? ทั้งๆที่เมื่อก่อนในโลกความฝันจะชักนำให้ฉันมาที่นี่!”


สาเหตุที่เธอไปอยู่อียิปต์ก็เพราะ เมื่อหนึ่งปีก่อน เธอมักจะฝันซ้ำซ้อนอยู่เพียงอย่างเดียว ในฝันนั้นมีเสียงที่ฟังดูคุ้นเคยและใกล้ชิดบอกให้เธอมาที่แอฟริกา


แต่เมื่อปีที่แล้ว เจียงซานยังอายุไม่ครบสิบห้าปี ไม่สามารถรับมรดกจากพ่อแม่ได้


มาถึงปีนี้เธออายุเต็มสิบห้า เธอถึงได้ถอนเงินมรดกออกมาส่วนหนึ่ง เพื่อใช้ดำเนินชีวิตเป็นยิปซีพเนจรแบบแม่เลี้ยงของเธอ สถานที่แรกที่เธอเลือกคืออียิปต์ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของแอฟริกา


“จะเตือนคนๆนั้นดีไหมน้า?” เจียงซานอายุยังน้อย แต่ติดตามแม่เลี้ยงไปหลายที่ ความคิดของเหลยหู่นั้นเธอมองออกตั้งแต่แรกแล้ว


เธอใช้ชีวิตแบบเผ่ายิปซีมาตั้งแต่เด็ก ถูกเด็กคนอื่นๆดูถูกมาก เด็กสาวไม่ค่อยสนใจความคิดของคนอื่นเท่าไหร่ แม่เลี้ยงของเธอเคยบอกเอาไว้ว่าพวกเขาต้องใช้จิตวิญญาณของตัวเองหาคำตอบให้ผู้อื่น พระเจ้าจะไม่ลงโทษพวกเขาหรอก


“ช่างเถอะ พรุ่งนี้ค่อยบอกเขา” เด็กสาวคิดได้ดังนี้ก็ปิดตาล้มตัวลงนอน สำหรับเธอครั้งนี้เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนกับเหลยหู่ครั้งหนึ่งเท่านั้น


“เอ๋? น่าสนใจ หรือว่าคนๆนั้นกำลังนึกถึงฉันอยู่?”


ตอนที่เด็กสาวตกใจตื่นจากความฝัน เยี่ยเทียนเองก็รู้สึกถึงความสั่นไหวในดวงจิต แล้วตื่นขึ้นจากห้วงภวังค์ลึก


…………………………………………………..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)