หมอดูยอดอัจฉริยะ 774-777

 ตอนที่ 774 อัสนีสวรรค์ (2)

เมฆดำเหนือศีรษะของนักพรตยิ่งก่อตัวหนาขึ้น มองเห็นสายฟ้าแลบแปล๊บๆอยู่ภายใน สายฟ้าพาดตัวยาว ท้องฟ้าในรอบรัศมีสิบกว่ากิโลเมตรมืดมิดไม่เห็นแสงตะวัน


สายฟ้าที่ปรากฏขึ้นทำให้สรรพชีวิตภายในเมฆดำก้อนใหญ่นี้เกิดความหวั่นไหวหวาดกลัว ราวกับรู้สึกว่าภัยล้างโลกกำลังจะเกิดขึ้น


“เจ้าหนุ่ม ฉันจะให้แกได้ลิ้มรสสายฟ้าดูสักครั้ง!”


ติงหงยืนอยู่กลางอากาศ รัศมีสีแดงห้อมล้อมร่างกายราวกับตัวเขาเป็นทวยเทพ ยื่นมือสูงฝ่ามือหันขึ้นฟ้า นิ้วทั้งห้าชี้ขึ้น ตะโกนว่า “อัสนีสวรรค์ห้าทิศจงรวมตัว!”


สิ้นเสียงติงหง สายฟ้าขนาดใหญ่เท่าลำแขนรวมตัวกันขึ้นกลางกลุ่มเมฆนั้น เยี่ยเทียนเห็นแล้วขนลุกซู่ ในใจรู้สึกหมดแรง


เยี่ยเทียนรู้ว่าต่อให้เขาเคลื่อนไหวได้เร็วแค่ไหน ก็หนีไม่พ้นสายฟ้าได้ ถ้าจะหนีให้พ้นนั่นก็ต้องหนีเร็วให้ได้มากกว่าความเร็วแสง ขืนรอให้สายฟ้าฟาดลงมา ร่างกายของเขาคงแหลกเหลวไหม้เกรียมเป็นตอตะโก


“บ้าเอ๊ย ไม่คิดเลยว่าฉันจะต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ ท่านบูรพาจารย์ ท่านพอจะช่วยผมได้ไหม?!”


เห็นสายฟ้าเหนือหัวแล้วเยี่ยเทียนสบถออกมา ปกติเขาทำนายผูกดวงไม่เคยพลาด ก่อนมาได้ทำนายว่าการเดินทางมารัสเซียครั้งนี้จะมีอันตรายแต่ไม่ถึงชีวิต แต่เรื่องราวบานปลายจนกลายเป็นเหตุที่เกินควบคุมไปแล้ว


อีกทั้งทางรัสเซียก็ได้จัดกำลังทัพมาปิดล้อมเขาไว้อีกด้วย แต่เคราะห์หนักในครั้งนี้ เยี่ยเทียนไม่รู้เลยว่าจะผ่านพ้นไปได้อย่างไร การฝึกฝนของเขาถึงระดับเซียนเทียนแล้ว หากรังแกคนธรรมดาทั่วไปนั้นไม่มีปัญหา แต่นี่ติงหง เขาทำอะไรติงหงไม่ได้เลย


“อ่า!”


ตอนที่เยี่ยเทียนหลับตารอรับสายฟ้าฟาดลงมาน้อมรับความตายอยู่ตรงนั้น แต่ตั้งนานทำไมสายฟ้าไม่ฟาดลงมาเสียที กลับได้ยินเป็นเสียงของติงหงร้องคร่ำครวญ


“นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ปรมาจารย์ติงฝึกวิชาแบบไหนมา?”


เยี่ยเทียนลืมตามองบนฟ้าแล้วตะลึงงัน เบื้องหน้าของเขามีงูสีเงินตัวใหญ่ลอยอยู่กลางฟ้า สายฟ้านั้นครอบคลุมร่างของติงหงเอาไว้


“บัดซบ จะมามาบรรลุขั้นวิชาอะไรตอนนี้?”


ติงหงที่ลอยอยู่กลางอากาศยิ่งคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ หลายร้อยปีมานี้เขาไม่เคยพูดแม้แต่คำหยาบเลยสักครั้ง ยังอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา


การฝึกวิชาของติงหงถึงขั้นปลายของระดับเซียนเทียนมานานแล้ว ห่างจากขั้นจินตันอีกก้าวเดียวเท่านั้น แต่เขาไม่อยากผ่านด่านอัสนีสวรรค์ จึงได้อดกลั้นการฝึกวิชาของตัวเองไว้ เพราะเกรงว่าเมื่อก้าวมาถึงจุดนี้จะบังคับให้เขาต้องรับทัณฑ์จากด่านอัสนีสวรรค์


การฝึกวิชาเต๋าถึงขั้นจินตัน ด่านนี้เป็นด่านที่สำคัญที่สุดของผู้ฝึกเต๋า ในหนึ่งพันคนอาจจะไม่มีสักคนที่รอดชีวิตจากด่านอัสนีสวรรค์ไปได้


อย่างสำนักวิชาเต๋าต่างๆในดินแดนแห่งทวยเทพ เวลาที่ศิษย์ในสำนักกำลังจะก้าวข้ามผ่านด่านอัสนีสวรรค์ พวกเขาจะตั้งค่ายกลเพื่อช่วยต้านทานแรงอัสนีสายฟ้าฟาด ทั้งยังมอบของวิเศษให้เพื่อช่วยในการสงบจิตใจ เพิ่มกำลังให้ก้าวผ่านด่านไปได้สำเร็จ


ติงหงมาจากหอประดิษฐ์วิเศษก็จริง แต่สำนักของเขาสาบสูญไปเป็นพันปีแล้ว นอกจากมีดบินที่เป็นอาวุธวิเศษแห่งชีวิตชิ้นเดียว ก็ไม่มีสิ่งอื่นใช้ป้องกันตัวได้ การรับอัสนีสวรรค์ก้าวผ่านด่านนี้นั้นไม่ต่างอะไรกับการเอาชีวิตเข้าแลก


ครั้งนี้เหมือนติงหงหาเรื่องใส่ตัวเอง ตอนแรกถูกขีปนาวุธ Kh-555 เข้า ทำให้เขาถึงกับหน้ามืดเวียนหัว แล้วยังมีโทสะที่กระตุ้นจิตมารให้บังเกิดขึ้น


หลังจากติงหงถูกกระสุนนับพันโจมตีอีกครั้ง ด้วยความฉุกละหุกจึงปลดปล่อยพลังที่อดกกลั้นเอาไว้ออกมา


ตอนที่กำลังจะใช้วิชาอัสนีสวรรค์ห้าทิศสังหารเยี่ยเทียนอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังนั้น กลับกลายเป็นว่าเมฆดำที่ติงหงเรียกมา ได้ชักนำให้เขาต้องรับการผ่านด่านอัสนีสวรรค์เพื่อเข้าสู่ขั้นจินตัน


สายฟ้าขนาดใหญ่ที่ถูกเรียกมาจึงไม่ได้ฟาดลงที่ตัวเยี่ยเทียน กลับฟาดใส่กระหม่อมของติงหงตรงๆ


สายฟ้าฟาดครั้งนี้ ทำให้ติงหงขนลุกไปทั้งตัว หมวกนักพรตของเขากระจุยเป็นชิ้นๆ เส้นผมถูกตัดขาดลอยขึ้นบนฟ้า


มองดูงูสีเงินที่บินอยู่เหนือศีรษะของตัวแล้ว ติงหงประสาทกระเจิง ไม่สนใจเยี่ยเทียนอีกต่อไป เขาก้มหัวลงกับพื้น ด้านหลังที่ไล่ตามมาคือแสงสายฟ้าฟาดตามเขาไปทั่ว


“ปัง ! เปรี้ยง!”


สายฟ้าฟาดไม่หยุดยั้ง ลำแสงนับไม่ถ้วนห้อมล้อมตัวติงหงไว้จนดูเหมือนคนที่เรืองแสงได้ ถ้าไม่ใช่เพราะใช้พลังปราณแท้ปกป้องร่างกายไว้ คงจะต้องถูกสายฟ้าฟาดจนไหม้เกรียมไปแล้ว


“นี่…เพราะทำชั่วมามาก หรือว่าจะแกล้งโดนฟ้าผ่ากันแน่?”


เยี่ยเทียนอ้าปากค้างมองดูติงหงที่ตอนแรกเก่งกาจสามารถ แต่ตอนนี้กำลังวิ่งหนีสายฟ้าแบบหางจุกตูด ตำแหน่งที่เขาอยู่ไม่ห่างจากสายฟ้ามากนัก แต่สายฟ้าไม่ได้ฟาดลงมาใกล้ตัวเขาเลย


สายฟ้าที่ฟาดลงมาถูกตัวนักพรตทำให้ติงหงหน้าดำเป็นก้นหม้อ เสื้อคลุมชุดนักพรตขาดหลุดลุ่ย ดูราวกับขอทานข้างถนน


“เจ้าหนุ่ม ต่อให้ฉันตายฉันก็จะลากแกไปด้วย!”


ติงหงประกาศออกมา เขาต้องรับอัสนีสวรรค์นี้เป็นเพราะเยี่ยเทียนทั้งนั้น เขาทั้งโกรธทั้งแค้นเยี่ยเทียน จนอยากจะสับเยี่ยเทียนเป็นพันๆชิ้น


เมื่อติงหงขยับร่างกาย พุ่งเข้าหาเยี่ยเทียนเมฆดำเหนือศีรษะที่กดทับลงมาเกิดแหวกเป็นรอยเส้น สายฟ้าหนาใหญ่เท่าโอ่งน้ำฟาดลงมาที่กลางกระหม่อมของติงหงพอดี


“แตกเดี๋ยวนี้!”


ติงหงต้องหยุดการเคลื่อนไหว อ้าปากพ่นเอาลำแสงสีแดงออกมา มีดสั้นสามนิ้วจู่ๆก็ใหญ่ขึ้นหลายเท่า พุ่งใส่สายฟ้าที่ฟาดลงมา


“เปรี้ยง!” เสียงดังสนั่นหวั่นไหว มีดบินของติงหงถูกแสงสายฟ้าห้อมล้อมไว้ มันกันสายฟ้าเอาไว้ได้ที่ตรงหน้าของติงหงพอดี แต่เขาถึงกับกระอักเลือดออกมา


ยื่นมือออกไปรับมีดสั้นกลับมา ตรวจดูครั้งหนึ่งมีดสั้นที่เขาเฝ้าประคบประหงมมาเป็นร้อยปี เกิดรอยแตกเป็นเส้นเล็ก ๆ ติงหงโกรธจนกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง


พอนึกได้ติงหงจึงหันมาหาเยี่ยเทียน แต่เยี่ยเทียนกลับหายตัวไปแล้ว


เยี่ยเทียนรู้ว่าติงหงเกลียดเขาเข้ากระดูกดำ ตอนที่นักพรตตะโกนเสียงดังนั้น เขาได้หลบออกมาจากรัศมีของอัสนีสวรรค์แล้ว ใช้ปราณแท้ตั้งค่ายกลป้องกันตัวเองและกลบเกลื่อนร่องรอย


“เยี่ยเทียน ฉันจะต้องฆ่าแกให้ได้!”


ติงหงผมเผ้าหลุดลุ่ย กำลังถูกอัสนีสวรรค์ฟาดลงมาทำให้พลังปราณแท้ของเขาสูญสิ้น กระอักเลือดออกมาเป็นพักๆ


“เปรี้ยง ฮึ่ม ฮึ่ม!”


อัสนีสวรรค์แต่ละลำยิ่งหนักขึ้นอีก การโจมตีในแต่ละครั้ง ลดทอนพลังคุ้มกันตัวของติงหงลงเรื่อยๆ ร่างที่โดนฟ้าฟาดกระตุกลอยขึ้นกลางอากาศ


ยังไม่ทันรอให้ร่างตกถึงพื้น อัสนีสายใหม่ก็ซัดลงมาอีก กายของติงหงราวกับถูกฝังลงด้วยอัสนีบาตจำนวนนับไม่ถ้วน เสียงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดดังไม่หยุด


ขั้นตอนนี้ใช้เวลาถึงสิบกว่านาทีเต็มจึงสิ้นสุด สายอัสนีหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนบนพื้นตรงนั้นเหลือแต่ร่างไร้วิญญาณอันไหม้เกรียมของติงหง


เมื่ออัสนีสวรรค์สิ้นสุดลง เมฆดำบนฟ้าจางหายไป ลำแสงสีทองของพระอาทิตย์สาดกระทบพื้นดิน ความรู้สึกกดดันหนักหน่วงของเมฆดำสลายตามไปด้วย


“เจ้าหนุ่ม แกทำร้ายฉันถึงเพียงนี้ ฉันจะไม่มีวันละเว้นแก!”


เมื่อเมฆดำหายไปแล้วปรากฏเงาเด็กทารกโปร่งแสงเกิดขึ้น เงานั้นเป็นรูปลักษณ์เหมือนติงหงที่ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้น


ถึงจะก้าวผ่านด่านอัสนีสวรรค์ไม่สำเร็จ ร่างกายดับสูญไป แต่ติงหงผู้ฝึกวิชาหลายร้อยปีก็ไม่ธรรมดา ในเมื่อไม่อาจเข้าถึงระดับจินตันได้ แต่เขายังสามารถรักษาจิตเดิมแท้ให้อยู่รอดในโลกนี้ต่อไปได้


ขอเพียงแค่ภายในสามวันนี้ติงหงกลับถึงดินแดนแห่งทวยเทพ ชิงเอากายเนื้อของนักพรตคนอื่นมาได้ ก็จะมีโอกาสฟื้นคืนชีพ แน่นอนว่าระดับวิชาของเขาจะร่วงลงมาสู่ขั้นแรกของระดับเซียนเทียนอีกครั้ง


ใบหน้าโกรธแค้นมองไปตามทิศทางที่เยี่ยเทียนไป ติงหงยังไม่กล้าไปหาเรื่องเยี่ยเทียนตอนนี้ เพราะเขาเหลือแต่ดวงจิต อาจจะสู้กับกระดิ่งวิเศษของเยี่ยเทียนไม่ได้


“ยังไม่ตาย?”


เยี่ยเทียนผู้กลบเกลื่อนร่องรอยของตัวเองไว้ แล้วแอบมองดูติงหงอยู่ห่างๆ เห็นใบหน้าอันโกรธแค้นของติงหงแล้วรู้สึกหนักใจ กำลังของมนุษย์ไม่อาจสังหารติงหงได้ หรือว่าแม้แต่อำนาจสวรรค์ก็ทำอะไรเขาไม่ได้เลยหรือ?


คิดได้ว่าติงหงจะต้องกลับมาแก้แค้นได้อีกในคราวหลัง ทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกทุกข์ใจ เขาสามารถหนีไปให้ไกล ติงหงไม่มีทางหาเขาพบ แต่ครอบครัวของเขายังอยู่ในปักกิ่ง หนีไม่พ้นแน่นอน!


“โจรเฒ่า ฉันอยู่ตรงนี้ ถ้ายังมีน้ำยาก็ออกมาสิ!”


เยี่ยเทียนตัดสินใจยกเลิกค่ายกล ปล่อยพลังจิตออกไป ในความคิดของเขา เคยสู้กับติงหงมาหลายครั้ง ก็ควรจะต้องหาทางจบสิ้นเสียที?


“เอ๋? เหลือแต่จิตดั้งเดิม?”


เยี่ยเทียนปล่อยดวงจิตออกไปพบเข้ากับจิตดั้งเดิมที่เป็นทารกของติงหง แล้วตกตะลึง กลับกันจิตดั้งเดิมของติงหงที่เมื่อครู่ประกาศชัดว่าจะตามจองล้างจองผลาญเยี่ยเทียน ตอนนี้กลับเกิดอาการหวาดหวั่น


“โจรเฒ่า เหลือแค่ดวงจิตแค่นี้เองหรือ?”


เยี่ยเทียนใช้ดวงจิตมองดูซากเนื้อดำๆบนพื้นอย่างสะใจ พุ่งตัวเข้าใส่ติงหงที่อยู่เบื้องหน้า เห็นเขาพ่ายแพ้ยับเยินจะต้องไม่ปล่อยให้รอดชีวิตไปอีก


ตอนที่เยี่ยเทียนพุ่งตัวออกไปนั้น ดวงจิตของติงหงยังอยู่ในบริเวณที่เมฆดำหลงเหลือตกค้าง และแล้วอัสนีสวรรค์ฟาดลงมาอีกลำหนึ่ง ตรงดวงจิตของเขาพอดี


สิ่งที่จิตดั้งเดิมกลัวที่สุดคือแสงจ้าและสายฟ้า นี่เป็นเหตุที่ว่าทำไมนักพรตถึงชอบถอดจิตดั้งเดิมออกในเวลากลางคืน และมักหลีกให้ไกลจากเสียงฟ้าร้อง


เมื่ออัสนีสวรรค์ฟาดลงมาอีกครั้ง ติงหงยังไม่ทันได้อ้าปากร้อง จิตดั้งเดิมถูกตีให้แตกดับ สูญหายไปกับอากาศในสากลโลก


“ตายแล้วหรือ?”


เยี่ยเทียนที่กำลังปลุกกำลังใจให้ฮึกเหิมเตรียมจะตะลุมบอนกับติงหงอีกครั้ง ก็ต้องชะงักฝีเท้าลง ตอนที่ฟ้าผ่าลงมานั้นดวงจิตของเยี่ยเทียนกระตุกอย่างรุนแรง


เขารู้สึกได้ทันทีว่าในอัสนีสวรรค์ลำสุดท้ายนี้เหมือนมีหมู่มารกำลังร่ำร้อง ถึงจะไม่ได้พุ่งเข้าใส่เยี่ยเทียนแต่ก็ทำให้เขาจิตใจสับสนว้าวุ่นได้เหมือนกันจนถึงกับกระอักเอาเลือดออกมา


“ให้ตายสิ เจ้านักพรตคนนี้ทำบาปมากมายขนาดนี้เชียว? ถึงทำให้สวรรค์ลงโทษอย่างแสนสาหัส?”


เมื่อดึงเอาดวงจิตกลับเข้าสู่ร่างกายแล้ว เยี่ยเทียนยังใจสั่นไม่หาย ถ้าอัสนีสวรรค์ฟาดใส่ตัวเขาละก็ เขาคงจะตายไปตั้งแต่โดนฟ้าผ่าครั้งแรกแล้ว


ตอนที่ 775 สิ่งที่เหลืออยู่

แม้จิตดั้งเดิมของติงหงจะสูญสิ้นไปในเมฆดำกลุ่มนั้นแล้ว แต่เยี่ยเทียนก็ยังไม่กล้าเข้าไปใกล้ จนได้ยินเสียงใบพัดเฮลิคอปเตอร์หมุนลอยมาเข้าหู ถึงได้เรียกสติให้ฟื้นคืนอีกครั้ง


“ติงหงฝึกวิชาเต๋ามาหลายปี น่าจะมีของดีเหลือทิ้งไว้อยู่?”


เยี่ยเทียนคิดได้ก็ขยับตัวเข้าไปทางเงาลางๆของกระเป๋าท่ามกลางหมอกควัน รอบบริเวณนี้ถูกกระสุนปืนใหญ่ทำลายไม่เหลือชิ้นดี ในรัศมีหลายกิโลเมตรยังมีไอควันดินระเบิดลอยคละคลุ้ง การเคลื่อนที่ของเยี่ยเทียนจึงมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ไม่ชัดนัก


“น่าสงสาร น่าสงสารจริงๆ!”


ไม่กี่นาทีต่อมา เยี่ยเทียนเข้ามาใกล้ร่างติงหงที่ถูกสายฟ้าฟาด เขามองร่างนั้นแล้วส่ายหัวอย่างเวทนา แม้ติงหงจะเป็นศัตรู แต่ภาพตรงหน้าทำให้เขารู้สึกทนดูไม่ได้


ครั้งแรกที่เยี่ยเทียนพบกับติงหงที่งานประมูลในนครหลวง ตอนนั้นท่าทางของติงหงดูเป็นนักพรตผู้แก่วิชา เป็นที่เคารพยำเกรงของผู้ที่ได้พบเห็น


ร่างของติงหงตอนนี้ไหม้เกรียมเป็นตอตะโก ส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบกว่านั้นถูกแรงสายฟ้าฟาดจนหดเล็กลง จนดูคล้ายกับรูปลักษณ์ของเด็กน้อยที่ยังเติบโตไม่เต็มที่


“คนตายเพราะความโลภ นกกาตายเพราะอาหาร หากไม่หวังในแร่ทองนั้นก็คงไม่ต้องมีจุดจบแบบนี้!”


สภาพจิตใจของเยี่ยเทียนตอนนี้รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะตนที่ชักนำให้ทหารรัสเซียมาที่นี่ ติงหงก็คงไม่ตาย


แน่นอนว่าอาจารย์เยี่ยเองไม่ได้คิดว่าตนเป็นคนดีหรอก เรื่องฆ่าคนเพื่อหวังผลเช่นนี้ เขาทำลงไปโดยไม่ได้รู้สึกผิด หลังจากที่เขาสวดบทส่งวิญญาณแล้ว ใช้สายตาสำรวจไปรอบๆร่างของนักพรตอีกครั้ง


“บ้าเอ๊ย เป็นถึงเจ้าสำนักหนึ่งแห่งหอประดิษฐ์วิเศษ ไม่มีของดีอะไรหลงเหลือเลยหรือ?”


มองทั่วดีแล้วเยี่ยเทียนรู้สึกหมดหวัง เขาผ่านเคราะห์อัสนีสวรรค์ครั้งนี้มาได้ ร่างกายของติงหงแหลกเหลวไปแล้วอาจจะไม่หลงเหลือวัตถุใดๆอีก


“เอ๋? ทำไมมีดบินถึงไม่หักนะ?”


ได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์ใกล้เข้ามาทุกที เยี่ยเทียนอยากจะรีบออกไปจากที่นี่ ขณะนั้นเองได้เหยียบถูกวัตถุแข็งอย่างหนึ่ง ก้มลงมองดูพบว่าเป็นมีดสั้นเล่มที่นักพรตคายออกมาจากปาก


เขายื่นมือลงไปเก็บขึ้นมา มีดสั้นที่แกะสลักลายเกล็ดปลาทั้งตัวอยู่ในมือของเยี่ยเทียน แม้สีสันของตัวมีดจะดูหมองคล้ำราวกับว่าพร้อมที่จะแตกสลายไปได้ทุกเมื่อ แต่ความคมกริบของมันยังรู้สึกถึงไอเย็นประหลาด


“มีดเล่มนี้ใช้ได้นี่ ดีกว่าของศิษย์น้องท่านอีก!”


เยี่ยเทียนได้เก็บชิ้นส่วนตำราเคล็ดวิชาการสร้างของวิเศษจากเก๋อข่ายศิษย์น้องของติงหง แค่อาศัยความรู้ที่จารึกอยู่บนนั้นทำให้เยี่ยเทียนรู้จักวิธีการแยกแยะของวิเศษ


มีดบินเล่มนี้สีแดงอัคนีทั้งด้าม แต่เมื่ออยู่ในมือกลับรู้สึกเย็นเยือก แสดงว่าทำจากวัสดุชนิดพิเศษ ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถต้านแรงสายฟ้าได้


เยี่ยเทียนเดาไม่ผิด ติงหงฝึกวิชาธาตุน้ำ เพื่อขัดเกลามีดสั้นที่เป็นของวิเศษแห่งชีวิตชิ้นนี้ ติงหงยังเคยหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของวิญญาณเร่ร่อน และได้รับน้ำแข็งดำหมื่นปีกลับมาด้วย


ติงหงใช้พลังลมปราณธาตุไฟฝึกฝนดัดแปลงน้ำแข็งดำก้อนนี้ถึงสามสิบกว่าปี ของสิ่งนี้เดิมทีเป็นของฤทธิ์เย็นที่สุด เมื่อได้พลังธาตุไฟเข้าไปจึงกลายมาเป็นวัสดุวิเศษที่ประเมินค่าไม่ได้ เมื่อมีดสั้นได้ออกเผชิญโลก คุณค่าของมันจึงเทียบเท่ากับของวิเศษชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว


หอประดิษฐ์วิเศษทุกวันนี้เสื่อมโทรมถดถอยลงมาก ไม่แน่ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับมีดบินเล่มนี้ก็ได้ เพราะของวิเศษหลายชิ้นในสำนักอาจจะถูกติงหงนำไปใช้กับมีดบินหมดแล้ว


ติงหงไม่เคยคิดเลยว่าที่เขาหล่อหลอมมีดบินมาด้วยความยากลำบากกลับเหมือนให้ประโยชน์เปล่าๆแก่เยี่ยเทียน ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ ติงหงคงใช้มีดบินสังหารเยี่ยเทียนไปตั้งแต่ที่ปักกิ่งแล้ว


“อืม? มีตัวตายตัวแทนด้วย ฉันไม่ต้องสู้เป็นสู้ตายกับพวกแกอีกแล้วใช่ไหม?”


เก็บเอามีดใส่ลงในอกเสื้อ เยี่ยเทียนเงยหน้ามองดูเฮลิคอปเตอร์ที่บินเข้ามาใกล้ ใช้แค่เพียงความคิด ร่างทั้งร่างของเขาหายวับไปกับตา


…………


“รายงาน ในเขตพื้นที่หมายเลขหนึ่งมีศพอยู่ศพหนึ่งครับ!”


เห็นจากประสบการณ์ครั้งก่อนว่ากองทัพเฮลิคอปเตอร์ที่มาก่อนถูกจัดการกวาดล้างอย่างไรแล้ว กลุ่มเฮลิคอปเตอร์กลุ่มนี้เมื่อมาถึงสนามรบยังไม่เข้าไปในพื้นที่ทันที เพียงแต่รอสังเกตการณ์อยู่รอบนอกก่อน


ร่างอันไหม้เกรียมของติงหง ถูกพบเข้าโดยเจ้าหน้าที่สอดแนมบนเฮลิคอปเตอร์ แล้วรีบรายงานทางสัญญาณสื่อสารไร้สายกลับไปที่ศูนย์บัญชาการ


ได้ยินข่าวสารจากหน่วยเฮลิคอปเตอร์แล้ว กินเนสส์มีสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ เขาออกจะแน่ใจว่าคนที่มาในรัสเซียคนนี้ต้องเป็นมัจจุราชมาจุติแน่นอน แต่ทำไมถึงถูกคนธรรมดาจัดการเสียอยู่หมัดได้?


ข่าวที่ได้ยินทำให้กินเนสส์มีความหวังขึ้น รีบคว้าเอาวิทยุสื่อสารมาแล้วตะโกนกรอกเสียงลงไปว่า “ทุกหน่วยรายงานความคืบหน้าด้วย ให้แน่ใจว่าไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนได้เข้าไปในเขตพื้นที่หมายเลขหนึ่ง!”


“กองพลปืนใหญ่ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่หมายเลขหนึ่งเลยครับ!”


“กองกำลังที่สองก็ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เขตหมายเลขหนึ่งเช่นกันครับ!”


“พลร่มไม่ได้เข้าไปในพื้นที่เขตหมายเลขหนึ่งครับ!”


ด้วยคำสั่งของกินเนสส์ทุกหน่วยส่งข้อความตอบกลับอย่างเคร่งครัด นอกจากหน่วยเฮลิคอปเตอร์ที่ตกไปแล้วหน่วยนั้น ก็ไม่มีหน่วยไหนได้เข้าไปในพื้นที่อีกเลย


“คำสั่งของฉัน แต่ละหน่วยเตรียมการต่อสู้พร้อมรบระดับหนึ่ง….”


กินเนสส์สั่งต่อด้วยเสียงสั่นเครือ เมื่อเป็นอย่างนี้ ร่างๆนั้นน่าจะเป็นผู้ที่เข้ามาก่อความไม่สงบในรัสเซียจนทำให้ทุกฝ่ายวุ่นวายไปหมดคนนั้นแน่


“หน่วยเฮลิคอปเตอร์ที่สอง พวกนายจงนำศพกลับมาอย่างระวังตัวด้วย!”


เมื่อออกคำสั่งแก่หน่วยเฮลิคอปเตอร์เรียบร้อย กินเนสส์รู้สึกเหมือนพลังงานในร่างกายถูกสูบออกไปหมดเกลี้ยง ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง


ในสายตาของคนอื่น ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน ผมดำที่จอนทั้งสองข้างของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวแล้ว ดูแก่และทรุดโทรมลงมาหลายสิบปี แสดงให้เห็นถึงความกดดันมหาศาลในช่วงนี้


กับสามวันเต็มๆที่สูญเสียพลทหารไปเกินพันคน ทั้งยังใช้ขีปนาวุธ Kh-555 ทั้งหน่วยเฮลิคอปเตอร์ทั้งยี่สิบกว่าลำถูกสอยร่วงทั้งหมด


ความเสียหายครั้งนี้เป็นครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรัสเซียนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง นี่ถือเป็นการข่มขวัญกองทัพรัสเซีย ความน่ากลัวไม่ต่างจากเหตุเครื่องบินพุ่งชนตึกสูงที่นิวยอร์คเท่าไหร่!


ถ้าศพนั้นไม่ใช่หัวหน้าคนร้ายแล้ว กินเนสส์ไม่รู้จะไปรายงานต่อผู้บังคับบัญชาและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเซอร์เกเยฟอย่างไรดี


ขณะที่ทหารกองเฮลิคอปเตอร์กำลังเก็บศพอยู่นั้น กองเครื่องบินรบจากไซบีเรียที่ออกบินจากฐานลับแห่งหนึ่ง บินวนอยู่รอบบริเวณที่ว่างเปล่าผืนนั้น เพื่อเป็นการคุ้มกันภัยให้แก่หน่วยเฮลิคอปเตอร์อีกที


นอกจากนี้ยังมีกองกำลังเสริมรออยู่ด้านนอกห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตรกำลังออกเดินทางมาที่พื้นที่นี้ เพื่อทำการปูพรมค้นหาตามคำสั่งของวิคเตอร์ แม้แต่เศษผ้าของผู้ก่อการร้ายเพียงชิ้นเดียวก็ต้องหาจนพบ


ตอนนี้เมฆดำสลายไปหมดแล้ว ประเทศมหาอำนาจอื่นบนโลกต่างมองเห็นสภาพของรัสเซียผ่านทางดาวเทียม มันช่างน่าตกใจมาก หลายๆประเทศได้เริ่มวางแผลกลยุทธด้วยเหมือนกัน


“ท่านแม่ทัพ เราเก็บตัวอย่างยีนของเขาได้ไหมครับ?”


ประธานแห่งทำเนียบขาวมองภาพบนจอโทรทัศน์ด้วยความคาดหวัง เมื่อเมฆดำสลายไปหมด กล้องบนดาวเทียมได้จับจ้องไปที่ร่างไหม้เกรียมนั้น


“โครงการซุปเปอร์แมน” สมัยก่อนเกิดจากประธานทำเนียบขาวคนพ่อ เมื่อคนลูกขึ้นรับตำแหน่ง แผนการนี้จึงได้รับการใส่ใจเป็นพิเศษเพื่อหวังให้บรรลุจุดมุ่งหมายของผู้เป็นบิดา


ถ้าศพนั้นเป็นของคนๆนั้นจริง ไม่แน่ว่า “โครงการซุปเปอร์แมน” ที่ถูกหยุดเอาไว้จะได้พัฒนาให้ก้าวหน้าต่อก็เป็นได้


แม่ทัพสวมเครื่องแบบทหารเต็มยศ ส่ายหัวแล้วเอ่ยว่า “ท่านผู้บัญชาการ หมีขั้วโลกที่บาดเจ็บน่ะ เราไม่ควรจะไปยุ่งกับมัน?”


ใครต่างก็ดูออกว่าความเสียหายของกองทัพรัสเซียในครั้งนี้หนักหนาสาหัสแค่ไหน ความมั่นคงทางใจของกองทัพก็เปราะบางลงถึงที่สุด ในตอนนี้กองทัพอเมริกาอันเข้มแข็งยังไม่กล้าเข้ามาเสี่ยงด้วย


ไม่เพียงแต่กองทัพอเมริกา แม้แต่อังกฤษ ฝรั่งเศสหรือเยอรมัน เมื่อเห็นความเสียหายของรัสเซียในครั้งนี้ ต่างพากันละทิ้งความคิดที่จะเข้ามาช่วงชิงผลประโยชน์เพื่อรับช่วงต่อกองทัพของสหภาพโซเวียตแห่งรัสเซีย ซึ่งยังมีเขี้ยวเล็บแหลมคมหลงเหลืออยู่


“น่าเสียดาย คนมีพรสวรรค์แบบนี้ สุดท้ายต้องมาตายลง!”


ผู้บัญชาการอยู่ในฐานลับที่อยู่ใต้ดินลึกลงไปจากพื้นแผ่นดิน และสวมชุดแบบลำลอง แสดงท่าทางเสียดายเมื่อเห็นภาพบนจอ คนๆนี้ถ้าถูกเขาควบคุมไว้ได้ จะต้องเป็นกำลังรบสำคัญเพื่อต่อกรกับต่างชาติ


“อย่าคิดมากเลย เขาตายไปน่ะดีแล้ว คนแบบนี้เอามาเป็นพวกยาก ถ้าเกิดกลายเป็นศัตรูขึ้นมา จะไม่มีใครจัดการเขาได้”


ชายชราผู้สวมชุดทหารลายพรางส่ายหน้าช้าๆ ไม่ว่ายุคสมัยไหน เมื่อไหร่ก็ตามที่ “จอมยุทธใช้กำลังเข้าประหัตประหาร” เมื่อนั้นมักจะเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุด


ได้ยินดังนั้นแล้ว ชายอีกคนก็ครุ่นคิดอย่างหนัก


ด้วยกำลังรบของรัสเซีย ทั้งยังสถานที่อย่างไซบีเรียอันรกร้างโดดเดี่ยว จะต้องใช้กำลังอาวุธแล้วทรัพยากรมาแค่ไหนถึงหักล้างคนๆนั้นได้ลง ถ้าเป็นในอเมริกาคงจะเป็นเหมือนที่ชายชราว่า คือไม่มีทางทำอะไรคนๆนั้นได้เลย?


นอกจากเยี่ยเทียนแล้ว ไม่มีใครรู้เลยว่าติงหงไม่ได้ตายเพราะกองทัพรัสเซีย แต่เป็นเพราะถูกสายฟ้าแปลกประหลาดผ่าใส่จนตาย เยี่ยเทียนเองก็ไม่รู้ว่านั่นคือการรับเคราะห์อัสนีสวรรค์!


นอกจากร่างไหม้เกรียมนั่น ทางรัสเซียไม่ได้พบเบาะแสใดจากบริเวณที่ติงหงตายเลย หลังจากนั้นสองวัน ทางรัสเซียก็ประกาศแก่สาธารณชนว่า การซ้อมรบทางทหารในไซบีเรียได้จบลงแล้ว


ประเทศอื่นๆต่างยอมรับคำอธิบายนี้อย่างรู้ดี แต่ภายในคืนเดียวการเคลื่อนไหวของสายสืบในรัสเซียกลับเพิ่มมากขึ้นหลายสิบเท่า จนทำให้รัสเซียต้องต้องหันไปทำการชันสูตรศพของติงหงในค่ายทหารแทน


บนโลกนี้ไม่มีผนังไหนที่ไม่มีรอยรั่ว หลังจากนั้นสามวัน ศาสตราจารย์ที่ทำการชันสูตรศพนั้นหลุดปากบอกข่าวออกมา


เซลล์ในร่างที่ถูกฟ้าผ่าจนเสียชีวิตนั้น กลับยังมีเซลล์ที่ยังมีชีวิตอยู่รอด เป็นปรากฎการณ์ที่ไม่เคยพบมาก่อน หรือนี่อาจจะเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาวิจัยศาสตร์แห่งการชะลอวัยก็เป็นได้


ตอนที่ 776 เส้นลมปราณวิเศษ (1)

หลังจากได้ทำการค้นหารอบบริเวณเหมืองแร่สามวันเต็ม กองทัพรัสเซียตะวันออกถอนกำลังออกไป


ทั้งกินเนสส์และวิคเตอร์ต่างไม่อยากอยู่ที่นี่ไปนานกว่านี้ เพราะที่นี่เป็นสถานที่ๆเกิดเหตุทำให้ประเทศรัสเซียขายหน้า ด้วยคนเพียงแค่คนเดียวที่ก่อกวนจนทหารกองทัพทหารรัสเซียเป็นแสนนายวุ่นวายไปหมด


อีกทั้งตอนนี้ความสนใจของต่างชาติมุ่งไปที่มอสโคว การนำเอาชิ้นเนื้อจากศพกลับไปตรวจยีน ทำให้โลกทั้งโลกตื่นตะลึง ส่วนที่รกร้างอย่างไซบีเรียนี้ก็ได้หวนคืนสู่ความสงบอีกครั้ง


“ท่านเซียนติง ผมขอโทษจริงๆ คุณได้เป็นเทพแล้ว ยังจะกลับมายังโลกมนุษย์เพื่ออะไรอีก? การต่อสู้นี้เป็นผลที่ท่านสมควรได้รับ!”


ในค่ำคืนฟ้าเปิด แสงจันทร์ส่องสว่างดวงดาวดารดาษ มีชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงที่ติงหงจบชีวิตลง ปากขมุบขมิบสวดคำอะไรอยู่


นึกถึงเรื่องเมื่อวันก่อน เยี่ยเทียนยังรู้สึกใจหายหวาดหวั่น


เขาคิดไม่ถึงว่าติงหงจะจัดการกับฝูงบินเฮลิคอปเตอร์ได้ราบคาบ ถ้าไม่ได้สายอัสนีสวรรค์ที่ฟาดฟันลงมาช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เยี่ยเทียนคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้


“มีคนสามารถมาถึงจุดๆนี้ได้จริง ติงหงทำได้ ฉันก็ต้องทำได้เหมือนกัน!”


นึกถึงท่วงท่าอินทรีย์ทะยานฟ้าของติงหงแล้ว เยี่ยเทียนนึกคล้อยตาม ด้วยการฝึกวิชาของเขาอย่าว่าแต่เครื่องบินรบหรือปืนกลเลย ต่อให้เป็นอาวุธหนักกว่านี้ก็ไม่อาจหยุดยั้งเขาไว้ได้


แต่สิ่งนี้กลับกระตุ้นความกระตือรือร้นของเยี่ยเทียน จากที่เคยคิดว่าตัวเองมาถึงจุดสูงสุดแล้ว พอเมื่อได้พบกับติงหงและวานรขาว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้าที่คอยให้เยี่ยเทียนปีนสูงขึ้นไป


“ไม่ว่าเมื่อไหร่ ผู้แข็งแกร่งย่อมเป็นผู้ชนะเสมอ!”


หลังจากประสบการณ์ครั้งนี้ เยี่ยเทียนได้เรียนรู้ว่า ไม่ว่าทั้งยุคแห่งอาวุธโลหะในอดีตหรืออาวุธปืนไฟหรือระเบิดในปัจจุบัน ต่างเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดต่อตนเองและครอบครัว


ถ้าติงหงไม่ดึงดันที่จะฆ่าเยี่ยเทียนให้ได้ ในโลกนี้คงจะไม่มีใครเป็นคู่แข่งเขาได้อีก คนแบบติงหงเทียบได้กับผู้กล้าที่ไปตัดหัวแม่ทัพใหญ่ต่อหน้ากองทหารนับพัน


“ลองดูรอบๆเหมืองว่ามีอะไรหลงเหลืออยู่บ้าง?” เยี่ยเทียนเตร็ดเตร่อยู่ครู่หนึ่งก็หมุนตัวเดินไปทางเหมืองแร่


เนินดินทั้งสามกองใหญ่ถูกระเบิดและกระสุนจนพื้นเรียบราบ บนพื้นมีแต่หินแร่สีน้ำตาลแดงกระจัดกระจาย


แต่พวกทหารรัสเซียไม่รู้จักแร่ธาตุชนิดนี้ แล้วพวกเขาก็ไม่มีทางนำมันไปถลุงเป็นทองคำได้


เศษแร่พวกนี้จึงถูกปล่อยปะละเลยทิ้งเกลื่อนทั่วพื้น คราวนี้เฉินสี่ฉวนได้เบาแรงในการเก็บกวาดไปเยอะ อย่างน้อยสายแร่บนพื้นดินก็ไม่ต้องทำให้เขากังวลใจอีก เพียงแค่เก็บพวกมันกลับไปถลุงก็พอ


“จะเข้าไปอย่างไรนี่? หรือว่าจะต้องลงมือขุดจากตรงนี้?”


ติงหงได้ขุดอุโมงค์เข้าไปด้านใน แต่ถูกระเบิดกลบจนมิดหมด เยี่ยเทียนเดินวนอยู่หลายรอบ ดูราวกับหนูนาที่ต้องการไปขโมยไข่ในเล้าไก่ ไม่มีทางเข้าเลย เพราะเขารู้สึกว่ามีม่านบางอย่างกั้นไว้ ไม่สามารถส่งจิตเดิมแท้เข้าไปด้านในได้


“เอ๋?พลังธรรมชาติแรงกล้ามากเลย?”


เยี่ยเทียนยืนอยู่ตรงที่มีกองหินทับถมอยู่ คิ้วขมวดเข้าหากันเพราะเขารู้สึกถึงพลังธรรมชาติรุนแรงที่ถาโถมขึ้นมาจากใต้ดินจนรู้สึกเจ็บผิว


“น่าจะเป็นตรงนี้แหละ!”


เยี่ยเทียนดีใจ เขาเคยได้ยินมาว่าบ้านอวิ๋นกับติงหงมีความเกี่ยวข้องกัน เยี่ยเทียนเดาได้ว่าแร่ทองนี้ไม่ใช่แค่ทองคำทั่วไป ข้างในจะต้องมีของวิเศษที่ดึงดูดผู้ฝึกเต๋าให้มาที่นี่


กลางดึกสงัด ความมืดมิดรายล้อม เยี่ยเทียนไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาเห็นเข้า เขาเริ่มขุดเกลี่ยเอาเศษหินออกไป เมื่อฟ้าสาง ปากอุโมงค์ถูกเยี่ยเทียนขุดเปิดออกได้สำเร็จ


“ที่นี่….หรือที่นี่จะมีพลอยวิเศษธาตุทอง?”


ก้อนหินใหญ่ก้อนสุดท้ายถูกเยี่ยเทียนดันออก ความรู้สึกทิ่มแทงที่ผิวหนังยิ่งรุนแรงขึ้น พลังธรรมชาติที่แปลกประหลาดราวกับมีดเล่มเล็กๆกำลังกรีดแทงตามร่างกาย


เยี่ยเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆใช้พลังปราณแท้ห่อหุ้มร่างกายไว้ถึงจะกีดกั้นการทิ่มแทงนั้นได้ แต่เขาไม่รู้เลยว่าแร่พลังธาตุทองกำลังแทรกซึมเข้าสู่พลังปราณแท้และเข้าสู่ร่างกาย


“เอ๋? นี่มันอะไรกัน ทำไมเรายังดูดกลืนพลังนี่ได้อยู่อีก?”


เมื่อเก็บเอาปราณแท้ที่ล้อมรอบตัวเข้าหมดแล้ว เยี่ยเทียนขมวดคิ้วอีกครั้ง เขารู้สึกว่าในพลังปราณแท้ที่ไหลเวียนอยู่ในเส้นลมปราณนั้นมีแสงสีทองเคลือบอยู่ด้วยและมันกำลังกรีดบาดเส้นลมปราณของเขาจนเจ็บระบมไปหมด


“โอ๊ย ฉันจะไม่ไหวแล้ว!”


เยี่ยเทียนรีบถอยหลังไปหลายก้าวให้พ้นจากปากอุโมงค์ นั่งขัดสมาธิ ในยุทธภพมีคำกล่าว่า จอมยุทธยิ่งแก่ยิ่งขี้ขลาด ได้ประสบเหตุการณ์เสี่ยงตายมาหลายครั้ง ตอนที่พบกับเก๋อข่ายที่สระมังกรดำครั้งนั้น ทำให้เยี่ยเทียนไม่กล้าเอาร่างกายของตัวเองมาเป็นเครื่องล้อเล่นอีก


“แย่แล้ว มันขับไม่ออก?”


ตอนที่เยี่ยเทียนเดินลมปราณต้องการขับดันเอาพลังธาตุทองออกไปนั้น จู่ๆก็รู้สึกว่ามันหลอมรวมเข้ากับปราณแท้ของตัวเอง แล่นไปที่จุดตันเถียน


แต่เยี่ยเทียนก็ต้องทั้งประหลาดใจทั้งดีใจที่พลังธาตุทองนั้นถูกตันเถียนของเขาเปลี่ยนสภาพเป็นปราณแท้บริสุทธิ์ ส่งต่อไปทั่วร่างกาย และไม่รู้สึกเจ็บปวดจากการทิ่มแทงอีกแล้ว


“ธาตุทั้งห้ามีฤทธิ์ต่างกันออกไป ธาตุไฟถาโถมดุดัน ธาตุน้ำหนาวเย็น ธาตุไม้ก่อเกิดสรรพสิ่ง ธาตุดินสะสมเพิ่มพูน ส่วนนี่ธาตุทอง หล่อหลอมโอนอ่อน แต่ทำไมเราถึงดูดซึมธาตุได้ทั้งสามชนิดเลย?”


เมื่อดูดซับพลังธาตุทองเสร็จ เยี่ยเทียนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง การฝึกฝนของเขาไม่มีใครชี้แนะมาก่อน เมื่อเข้าสู่ระดับเซียนเทียนแล้วยิ่งต้องระวังให้มาก หากเกิดความผิดพลาดไปแม้แต่จุดเดียวก็ไม่มีทางหวนคืนมาแก้ใหม่ได้


เยี่ยเทียนรู้ว่าพลังธาตุทั้งห้าไม่ใช่ใครจะรับได้ทั้งหมด อย่างเช่นหูหงเต๋อที่ดูดซับพลังธาตุไฟ หนานไหวจิ่นดูดซับพลังธาตุน้ำ แต่โก่วซินเจียกลับดูดซับพลังธาตุทั้งสองไม่ได้เลย


เห็นได้ชัดว่าร่างกายแต่ละคนมีธาตุเป็นของตัวเอง ต้องดูดซับพลังที่เข้ากันเท่านั้น เช่นเดียวกับน้ำและไฟที่อยู่ร่วมกันไม่ได้ ตอนที่หูหงเต๋อได้รับพลังธาตุน้ำจากหยกอ่อนสีดำนั้นเกือบทำให้เขาแข็งตาย


เยี่ยเทียนเริ่มเห็นความกระจ่างขึ้น ร่างกายของเขาดูดซับพลังน้ำและไฟได้ทั้งสองชนิด โดยมีพลังธาตุไม้ค่อยช่วยสอดประสานให้หรือว่าจะเป็นเพราะพลังธาตุไม้นี้เอง


“หรือว่าจะเป็นผลจากพลอยวิเศษธาตุไม้? อีกหน่อยถ้ามีโอกาสได้เข้าถึงดินแดนแห่งทวยเทพ จะต้องไปสอบถามจากผู้รู้ดู ว่ามันเป็นเพราะเหตุใด!”


คิดอยู่พักหนึ่งแล้วเยี่ยเทียนสั่นหัวยืนขึ้นมา เขามีความรู้เพียงน้อยนิด ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการฝึกเต๋า ถึงจะเป็นคนฉลาดหลักแหลม แต่ยังไม่สามารถอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับร่างกายเขาเมื่อครู่ได้


แต่เยี่ยเทียนไม่รู้ว่า ต่อให้เขาเข้าไปอยู่ในดินแดนแห่งทวยเทพ ได้พบกับผู้วิเศษจินตันแล้ว ยังไม่แน่ว่าจะคลายข้อสงสัยให้เขาได้


ระดับเซียนเทียนสำหรับผู้ฝึกเต๋าแล้วเป็นรากฐานสำคัญ เมื่อเข้าสู่ระดับนี้แล้วสามารถอิ่มทิพย์ ไม่จำเป็นต้องกินอาหารแบบคนทั่วไป ซึ่งจุดนี้เป็นข้อแตกต่างระหว่างผู้เยี่ยมยุทธชาวโลกกับผู้ฝึกเต๋าขั้นสูง


ร่างกายคนทั่วไป สามารถรองรับพลังธาตุได้เพียงชนิดเดียวเป็นธาตุพื้นฐาน และต้องหาพลอยวิเศษที่มีธาตุตรงเท่านั้นจึงจะสามารถดูดกลืนพลังชีวิตนั้นได้ โดยการใช้พลังโฮ่วเทียนแปรเปลี่ยนเป็นปราณแท้ของเซียนเทียนจากนั้นถึงสามารถเข้าสู่โลกของเทพเซียนได้


แต่เยี่ยเทียนกลับรับพลังทั้งธาตุไฟและธาตุน้ำเข้าสู่ร่างกายพร้อมกันโดยไม่ได้ตั้งใจ น้ำกับไฟต่อต้านกัน เดิมทีเยี่ยเทียนควรจะร่างกายแตกดับไปแล้ว


แต่ในมือของเขายังมีพลอยวิเศษธาตุไม้อยู่อีกก้อนที่ช่วยประสานพลังวิเศษของทั้งสองธาตุให้เข้ากันได้ดีอย่างประหลาด เปลี่ยนแปลงร่างกายของเยี่ยเทียนทำให้เขามีตันเถียนที่ไม่เหมือนใคร


พลังวิเศษของธาตุไม้นั้นยังไม่สูญหายไป มันกลายเป็นรอยต่อของยินหยางให้ตันเถียนของเยี่ยเทียน ดังนั้นไม่ว่าพลังแบบไหนเข้าสู่ร่างกายเขาก็จะดูดซึมนำมาใช้ได้หมด


สภาวะแบบเยี่ยเทียนนี้ในโลกแห่งเต๋าไม่มีใครทำได้อีกแล้ว แม้แต่ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักเสื้อป่านฟื้นคืนชีพมาก็ไม่สามารถทำได้แบบเยี่ยเทียน


“ใครจะสนใจมันเล่า มีทั้งเรื่องดีเรื่องร้าย เรื่องร้ายยังไงก็หนีไม่พ้น!”


ในเมื่อคิดไม่ออก เยี่ยเทียนก็ไม่คิดต่อให้ปวดหัว ตั้งแต่เขาได้รับการสืบทอดวิชาจากอาจารย์ตั้งแต่เด็ก ค่อยก้าวหน้าขึ้นทีละก้าวด้วยความไม่รู้อิโหน่อิเหน่ จนมาถึงวันนี้ยังไม่อาจเข้าใจไขความรู้ทุกอย่างที่มีอยู่ในสมองได้ทั้งหมด


เมื่อเขามุดลงไปในอุโมงค์นั้นอีกครั้ง สายพลังแห่งแร่ทองทำอะไรเขาไม่ได้อีกแล้ว พลังชีวิตที่หมุนเวียนอยู่ในร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นปราณแท้ที่เพิ่มมากขึ้น


“นี่น่าจะเป็นสิ่งที่ติงหงทิ้งเอาไว้?”


ทางอุโมงค์ไม่ได้ยาวมากมีระยะทางเพียงสิบกว่าเมตรเท่านั้น มันทอดลึกลงไปใต้ดิน เยี่ยเทียนเดินไปจนสุดทางแล้วเห็นจอบอันหนึ่ง


“คมมากเลย!”


เขาหยิบเอาจอบที่เป็นสีดำทั้งอันขึ้นมา แล้วสับจอบลงไปในผนังหิน มีหินแร่ทองคำก้อนใหญ่หลุดลงมาที่พื้น ทำให้เยี่ยเทียนตะลึง


เห็นดังนั้นแล้วหยิบเอามีดสั้นที่มีรอยร้าวออกมาจากอกเสื้อ แล้วกรีดลงบนผนังหินอีกครั้ง ใบมีดที่ดูพร้อมจะหักทุกเมื่อ กลับตัดผนังหินจนแร่หินหลุดตกลงมาอย่างง่ายดายเหมือนตัดชิ้นเต้าหู้


“โลกของเต๋านี่สุดยอดจริงๆ อย่าว่าแต่มีดบินเลย จอบนี้ยังคมกว่าเครื่องรางอู๋เหินตั้งหลายเท่า!”


เยี่ยเทียนถือเครื่องรางอู๋เหินไว้ในมือ มันเป็นเครื่องรางชิ้นแรกในชีวิตของเขา แม้จะไม่ได้ใช้งานบ่อย แต่เยี่ยเทียนไม่อยากโยนทิ้งไป จึงเก็บติดตัวไว้ตลอด


“ถ้ามีเวลาฉันจะใช้การฝึกวิชาเดินพลังเพื่อพัฒนาเจ้าอู๋เหินนี่สักที!”


ตำราบนชิ้นหยกที่ได้มากจากนักพรตเก๋อข่ายมีบันทึกวิชาการสร้างของวิเศษอยู่ เพียงแต่ช่วงนี้เยี่ยเทียนไม่ค่อยว่าง จึงยังไม่ได้ศึกษาวิชานี้อย่างจริงจัง


เมื่อเก็บอู๋เหินกับมีดบินแล้ว เขาตรวจทานดูอีกครั้งก่อนจะเริ่มใช้จอบขุดลงไปในตำแหน่งที่มีพลังวิเศษธาตุทองพุ่งออกมารุนแรงที่สุด


ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเส้นลมปราณวิเศษ คืออะไร แต่มันคงไม่ต่างกับตาน้ำพุร้อนในสระมังกรดำหรอก ในหลักการเดียวกันคือจุดกำเนิดพลอยวิเศษอยู่ที่ไหน ที่นั่นจะต้องมีพลังธรรมชาติสะสมอยู่มาก


“แก๊ง แต๊ง!”


เยี่ยเทียนขุดลงไปได้ประมาณสี่ห้าเมตร ปลายจอบก็ไปสัมผัสเข้ากับวัตถุแข็งบางอย่างเกิดเป็นประกายไฟขึ้น ที่ปลายคมจอบมีรอยบิ่นจากการชนของแข็ง


“นี่มันอะไรกันถึงแข็งขนาดนี้?”


เยี่ยเทียนตกใจ รีบโยนจอบทิ้งแล้วใช้มือโกยเอาก้อนหินเศษดินออก เผยให้เห็นวัตถุสีทองสุกสว่างก้อนหนึ่ง


ตอนที่ 777 เส้นลมปราณวิเศษ (2)

“นี่…นี่คือพลอยวิเศษธาตุทองหรือ?”


ยังไม่ทันเอื้อมมือไปสัมผัสมัน เยี่ยเทียนก็รู้สึกถึงพลังที่หลั่งไหลออกมา ซึมซาบเข้าสู่รูขุมขน การหมุนเวียนในตันเถียนเร็วขึ้นทันใด เพื่อดูดกลืนเอาพลังแร่ทองเข้าสู่ร่างกาย


“ถ้าไม่ใช่คนที่ร่างกายมีธาตุทอง เข้ามาใกล้จะต้องบาดเจ็บแน่?”


เมื่อถือหินแร่ก้อนนั้นไว้ในมือแล้วเยี่ยเทียนรู้สึกกระวนกระวายใจ ตอนที่หูหงเต๋อถูกหินธาตุน้ำทำร้ายนั้น เขายังคิดสงสัยติดใจอยู่


ตามหลักแล้ว พลอยวิเศษช่วยเรื่องการฝึกวิชา ทำให้พลังโฮ่วเทียนของคนเปลี่ยนเป็นพลังเซียนเทียน


แต่นอกจากพลอยวิเศษธาตุไม้แล้ว เยี่ยเทียนได้สัมผัสกับพลอยวิเศษอีกสามธาตุ ซึ่งทั้งหมดมีกำลังแรงกล้า ถ้าประมาทไปแค่นิดเดียวก็จะทำให้ตัวเองบาดเจ็บได้


แต่เยี่ยเทียนไม่รู้มาก่อนว่า ร่างกายของคนเราเป็นตัวนำพลังงาน พลังธรรมชาติที่สะสมอยู่ในพลอยวิเศษนั้นเมื่อได้สัมผัสกับลมปราณในร่างกายของผู้ฝึกวิชาถึงจะถูกชักนำออกมา


คนที่ได้รับการสืบทอดวิชาเต๋ามาจริงๆนั้น ขั้นแรกจะต้องเรียนวิชาเดินลมปราณ วิชานี้เป็นการฝึกใช้พลังลมปราณปิดกั้นรูขุมขนบนร่างกาย เพื่อเก็บกักไม่ให้พลังปราณแท้เล็ดรอดออกสู่ภายนอก จึงเป็นที่มาของคำเรียกพวกนักพรตลัทธิเต๋าว่าไปมาอย่างไร้ร่องรอย


เมื่อฝึกวิชาดังกล่าวสำเร็จแล้ว ในวันปกติผู้ฝึกจะเก็บกักพลังปราณแท้ไว้ภายในไม่เผยออกมาง่ายๆ


กรณีที่หูหงเต๋อเกือบถูกหยกสีดำธาตุน้ำก้อนนั้นแช่แข็ง แต่หูเสี่ยวเซียนกับอวี๋ชิงหย่ากลับถือมันได้โดยไม่เป็นอะไรนั้น เพราะว่าร่างกายของพวกเธอไม่มีพลังปราณแท้อยู่ ไม่สามารถกระตุ้นดึงดูดพลังที่แท้จริงในตัวหยกออกมาได้


แน่นอนว่าเยี่ยเทียนไม่รู้เรื่องพวกนี้ และไม่เคยเรียนรู้วิชาประเภทดังกล่าวด้วย ดังนั้นถึงการฝึกวิชาของเขาจะเข้าสู่ระดับเซียนเทียนแล้ว นอกเสียจากจะตั้งใจเดินลมปราณ ไม่เช่นนั้นจะควบคุมพลังงานในร่างกายไม่ได้


“ศิษย์พี่ใหญ่ดูดซับพลังจากหินธาตุน้ำและธาตุไฟไม่ได้ทั้งคู่ ไม่แน่ว่าถ้าเอาหินธาตุทองกลับไป เขาอาจจะซึมซับพลังของมันได้ก็ได้?”


คิดได้ดังนี้ เยี่ยเทียนหยิบถุงหนังออกมาจากข้างเอว แล้วนำหินแร่สีทองที่เรืองแสงอ่อนๆออกมาได้ใส่ลงไป


หลายวันก่อนเขาทำกระเป๋าเป้หายไป เมื่อวานเขาออกล่าหมาป่ามาตัวหนึ่งจึงใช้หนังของมันมาทำเป็นกระเป๋าใส่ของชั่วคราว


เก็บพลอยวิเศษลงไปแล้วเยี่ยเทียนหยิบจอบขึ้นมาขุดต่อ เขารู้สึกได้ว่ายิ่งลึกลงไป พลังวิเศษยิ่งอุดมขึ้น เห็นได้ชัดว่าด้านล่างยังมีของวิเศษที่ดีกว่ารออยู่


เมื่อขุดลึกลงไปเรื่อยๆ ไม่นานปลายจอบได้ขุดเอาก้อนทองคำออกมา ทั้งสีของมันยังสวยงาม เมื่อถึงชั้นในสุด ก้อนแร่ทองที่มีสีแดงสุกอร่ามขนาดเท่ากำปั้นยังดูธรรมดาไปเลย


“ดูท่าทองคำจะอยู่คู่กับพลอยวิเศษธาตุทองแน่ ที่แอฟริกามีเหมืองแร่ทองคำจำนวนมากไม่รู้ว่าที่นั้นจะมีพลอยวิเศษแบบนี้อยู่บ้างไหม?”


เยี่ยเทียนโยนทองคำในมือออกไป ในสมองกำลังคิดสับสนวุ่นวาย ทองคำพวกนี้ในสายตาเขาไม่มีค่าอะไรเลย สิ่งที่เยี่ยเทียนต้องการคือพลอยวิเศษที่เพิ่งปรากฎขึ้นเมื่อครู่ต่างหาก


ความล่อตาล่อใจที่ทำให้ติงหงยอมเอาชีวิตเข้าแลกนั้นเยี่ยเทียนรู้ซึ้งในคุณค่าของมันดี พลอยวิเศษเป็นทั้งสิ่งจำเป็นในการฝึกระดับเซียนเทียน แล้วยังเป็นเครื่องมือที่ทำให้เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว


“แต๊ง แต๊ง!”


เสียงโลหะกระทบกัน เยี่ยเทียนเก็บพลอยวิเศษสองก้อนขึ้นจากกองดิน เมื่อเทียบกับหินก้อนแรกที่มีขนาดเท่าหัวนิ้วโป้ง หินสองก้อนนี้มีขนาดเท่ากำปั้นเด็กทารก


เยี่ยเทียนสามารถดูดซับพลังแห่งแร่ทองได้แต่ก็ถูกพลังของมันทิ่มแทงจนเจ็บแสบผิวไปหมด เขาจึงรีบเก็บกักพลังไว้ภายใน ใช้เพียงดวงตาและมือสัมผัสมันเท่านั้น แบบนี้รู้สึกดีกว่ามาก


“เพื่อนยาก มิน่าล่ะลุงเฉินถึงยอมลงทุนมหาศาลเพื่อซื้อเหมืองทองคำแห่งนี้ ทองคำพวกนี้แทบไม่ต้องเอามาถลุงเลย!”


เมื่อขุดลึกลงไปอีก เยี่ยเทียนได้พลอยวิเศษธาตุทองออกมาทั้งหมดหกก้อน ซึ่งบริเวณใกล้ๆ ที่รายล้อมพลอยวิเศษต่างเป็นทองคำบริสุทธิ์ทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะทองคำนั้นเนื้ออ่อนก็คงจะขุดออกมาไม่ได้


ถึงตอนนี้เยี่ยเทียนจะมีฐานะดี แต่ทองคำกองเป็นภูเขาทอประกายอยู่ตรงหน้า เขายังดูจนตาลายเลยทีเดียว รู้สึกเหมือนกับอยู่ในปราสาทที่สร้างจากทองคำทั้งหลัง แสงสีทองส่องสว่างจนแสบตา


จอบที่แหลมคมในตอนแรกถูกใช้ขุดจนทื่อหมดแล้ว ทุกครั้งที่เยี่ยเทียนสับจอบลงบนเนื้อหิน เขาต้องเก็บกักปราณแท้เอาไว้ภายในถึงจะขุดต่อลงไปได้


“เอ๋? ทำไมยิ่งนิ่มลงเรื่อยๆ? นี่…นี่มันอะไรกัน?”


เยี่ยเทียนรู้สึกว่าพื้นใต้จอบอ่อนนุ่มลง ยกจอบขึ้นมาดูพบว่าส่วนปลายของมันมีสีทองติดมาด้วย เมื่อก้มลงมองที่พื้นก็ต้องตกตะลึง


เบื้องหน้าเยี่ยเทียนค้นพบว่ามีบ่อน้ำสีทองขนาดเท่าอ่างล้างหน้า น้ำสีทองส่องสว่างเข้าหน้าเยี่ยเทียน


พลังธาตุทองที่ถาโถมออกมาจากบ่อน้ำนั้นเข้มข้นมากจนเยี่ยเทียนต้องกลั้นหายใจ แล้วรีบปิดกั้นรูขุมขนทั้งหมด พลังธรรมชาติบริสุทธิ์นั้นยังคงแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายได้เรื่อยๆ


ตอนนั้นเองเยี่ยเทียนรู้สึกเหมือนเส้นลมปราณทั้งร่างกายกำลังถูกตัดขาด บ่าทรุดลง ห่อของที่ใส่มีดบิน อู๋เหินและพลอยวิเศษตกลงไปสู่บ่อทองนั้น


เยี่ยเทียนไม่สนใจข้าวของอย่างอื่นแล้ว เขานั่งขัดสมาธิลงกับพื้น เดินลมปราณตันเถียนยินหยางให้หมุนเวียนพลังธาตุทองที่เข้าสู่ร่างกายทันที


แต่พลังธรรชาติธาตุทองในบ่อทองที่เยี่ยเทียนได้รับตอนนี้เข้มข้นกว่าพลังที่เขาเคยสัมผัสมาหลายเท่านัก


เขาใช้ตันเถียนถึงสองอันในการหมุนเวียนพลัง แต่ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ ความแหลมคมของแร่ทองที่แทรกซึมอยู่ในเส้นลมปราณรู้สึกเหมือนมีดเล็กๆกำลังกรีดเนื้ออยู่ภายใน มีแต่ความเจ็บปวดที่ทรมาน


เยี่ยเทียนที่กำลังโคจรลมปราณอยู่ไม่ได้สังเกตเลยว่าข้าวของที่ตกลงไปในบ่อทองนั้น ทำให้น้ำในบ่อทองเจือจางลง


ส่วนห่อผ้าที่ทำจากหนังหมาป่านั้นถูกหลอมละลายหายไป สิ่งของที่อยู่ด้านในหลอมรวมอยู่ในของเหลวสีทอง


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเยี่ยเทียนไม่ได้รับรู้เลย ตอนนี้เขาปิดประสาทสัมผัสทั้งหก เพื่อปิดกั้นพลังธรรมชาติที่เข้ามารุกราน พลังแร่ทองอันดุเดือดค่อยๆเปลี่ยนเป็นปราณแท้


เวลาค่อยๆผ่านไป อุณหภูมิในอุโมงค์ค่อยๆสูงขึ้น พลังธรรมชาติถูกปลดปล่อยออกไปสู่ภายนอก ต้นไม้ที่ถูกฟ้าผ่าในวันนั้นเริ่มแตกหน่อใหม่ออกมา รอบๆถ้ำนั้นดูราวกับทิวทัศน์ในฤดูใบไม้ผลิ


เยี่ยเทียนนั่งสมาธิอยู่ในอุโมงค์นั้น ปราศจากอารมณ์ใดๆ หน้าอกไม่มีการพองขึ้นลงตามลมหายใจ บ่าสองข้างและบนศีรษะเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นดินปูเป็นชั้นบางๆ


“ให้ตายสิ ในที่สุดก็จัดการได้หมดเสียที!”


จู่ๆร่างแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้ของเยี่ยเทียนก็ขยับ ดวงตาค่อยๆลืมขึ้น มองเห็นแสงส่องสว่างไปทั่วถ้ำอันมืดมิดเป็นแสงสีทองสุกปลั่งสว่างไสว


“ผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วนี่?”


เยี่ยเทียนขยับคออันเมื่อยล้า เห็นว่ามีฝุ่นที่เกาะตามตัวเขาฟุ้งขึ้นตามการเคลื่อนไหว


“บ้าเอ๊ย นาฬิกาทำไมหยุดเดินแล้ว?”


เยี่ยเทียนยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู นาฬิกาล้ำสมัยที่วัดอัตราการเต้นของชีพจรแล้วถึงจะเดินตามเวลาได้ เป็นนาฬิกาที่ทันสมัยที่สุดในโลก ตอนนี้มันไม่เดินแล้ว วันนี้เป็นวันที่เขาเข้ามาอยู่ในอุโมงค์เป็นวันที่สาม


“เอ๋ ทำไมพลังปราณแท้มันไม่เหมือนเดิม? ร่างกายก็เหมือนจะเปลี่ยนไปด้วย….”


เยี่ยเทียนสัมผัสได้ถึงสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไป ท่าทางยินดีปรีดาเพราะเขาเห็นว่าในพลังปราณแท้ของตัวเองนั้นมีพลังธาตุทองที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานผสมอยู่ด้วย


เยี่ยเทียนยื่นมือขวาออกไปหยิบแร่ทองที่ตกอยู่ข้างลำตัวขึ้นมา กำมือบีบด้วยนิ้วทั้งห้าเบาๆ แร่ทองก้อนใหญ่ขนาดเท่าหัวคนถูกบดป่นปี้เป็นผุยผง ร่วงหล่นลงมาตามร่องนิ้ว


เขาใช้พลังปราณแท้ดีดนิ้วลงไปบนผนังอุโมงค์เบาๆ จุดนั้นกลายเป็นหลุมลึกๆลงไปในเนื้อหิน ผนังแข็งๆเช่นนี้ดูอ่อนนิ่มราวกับทำจากก้อนเต้าหู้


“ฮ่าๆ พลังธาตุทองอันแข็งแกร่ง สมชื่อจริงๆ!”


เยี่ยเทียนหัวเราะชอบใจ ถ้าไม่ใช่เพราะได้เจอกับกองทัพทหารรัสเซีย เขาเพียงขับเคลื่อนพลังปราณแท้ที่มีอยู่แล้วโจมตีเล็กน้อยก็สามารถทำให้กองทัพรัสเซียทั้งหมดวุ่นวายได้


“อืม ของเหลวสีทองในแอ่งน้ำทำไมไม่มีแล้ว?”


หลังจากลิ้มลองรสชาติการเปลี่ยนแปลงจากพลังธาตุทองที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายแล้ว เยี่ยเทียนก้าวไปด้านหน้าแล้วพบว่าสารน้ำสีทองที่อยู่ในแอ่งแห้งไปไม่เหลือสักหยด


ที่ก้นบ่อนั้นมีข้าวของที่หล่นอยู่ นอกจากระดิ่งของเยี่ยเทียนแล้ว ยังมีเครื่องรางอู๋เหินกับมีดบิน แล้วก็พลอยวิเศษธาตุทองสีเหลืองสว่างอยู่อีกเจ็ดก้อน


“ทำไมถึงมีเจ็ดก้อนเล่า?”


เยี่ยเทียนจำได้แม่นว่าเขาได้พลอยวิเศษมาทั้งหมดหกก้อน แต่ตอนนี้มีเจ็ดก้อน มีเพิ่มขึ้นมาก้อนหนึ่ง หนึ่งในนั้นเป็นก้อนที่ดึงดูดสายตาของเยี่ยเทียน


หินก้อนนี้เป็นสีเหลืองทองทั้งก้อน และมันยังเรืองแสงออกมาได้ด้วย มองให้ดีภายในเนื้อหินมีสายทองคำหมุนวนอยู่ เยี่ยเทียนรู้สึกได้ว่าในนั้นมีพลังวิเศษมหาศาล ด้วยการฝึกวิชาของเขาในตอนนี้เกรงว่าจะไม่มีทางดูดซับพลังของมันได้หมด


“พลอยวิเศษน่าจะมีการแบ่งชั้น หินก้อนนี้เป็นหินที่ดีกว่าก้อนไหนๆที่เราเคยได้มา!”


ถึงจะไม่มีใครอธิบายให้เยี่ยเทียนฟังถึงการแบ่งระดับของพลอยวิเศษ แต่ด้วยความบังเอิญ เขาได้ครอบครองพลอยวิเศษมาหลายก้อน เมื่อทำการเปรียบเทียบกันแล้ว แน่นอนว่าสามารถมองออกได้ถึงข้อนี้


ถึงแม้เยี่ยเทียนจะประเมินพลอยวิเศษไว้อย่างสูงแล้ว แต่เขาก็ประเมินออกมาได้ต่ำเกินไป พลอยวิเศษก้อนนี้ถ้าไปปรากฎในโลกของเต๋า เกรงว่าจะต้องมีผู้วิเศษจินตันจำนวนไม่น้อยลงมือต่อสู้เพื่อแย่งชิงมัน เพราะมันเป็นพลอยวิเศษชั้นยอด


ในโลกของเต๋า พลอยวิเศษชั้นยอดกำเนิดคู่กับเส้นลมปราณวิเศษ ในหลายๆแง่มุม ของวิเศษชั้นยอดนั้นเป็นเหมือนหินต้นกำเนิดที่หล่อเลี้ยงให้กำเนิดพลอยวิเศษก้อนอื่นๆ


ดังนั้นเมื่อเส้นลมปราณวิเศษ ใกล้จะเหือดแห้งลง ผู้ที่เป็นเจ้าของมัน ถึงจะได้ครอบครองพลอยวิเศษชั้นสูง จึงเป็นของมีค่าที่หาได้ยากยิ่ง


แต่คุณค่าของเส้นลมปราณวิเศษแห่งนี้ ยังเหนือกว่าพลอยวิเศษชั้นยอดเสียอีก ก็มีแต่เยี่ยเทียนเท่านั้นที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ถึงได้ทำการฆ่าไก่เพื่อชิงไข่แบบนี้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)