ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 773-786

 บทที่ 773 ไวโอลินที่หลงลืมไป

โดย

Ink Stone_Fantasy

ตอนบ่ายพวกเชอร์ลี่ย์ก็เอาตะกร้าเล็กๆ ไปเก็บหอยทากทะเลอีกรอบ เจ้าสิ่งนี้พอกินเข้าไปแล้วรสชาติดีจริงๆ โดยเฉพาะถ้าเอามาอบกิน เหมือนที่ฉินสือโอวพูด นี่มันอาจจะอร่อยกว่าหอยทากอบแบบฝรั่งเศสเสียอีก


การ์เซียประหลาดใจมาก บอกว่าเขาเคยกินหอยทากอบในกระดองหอยหวานมาหลายครั้งแล้ว แต่รสชาติก็ไม่ได้ดีขนาดนี้ คุณภาพของหอยทากทะเลในครั้งนี้ดีเป็นพิเศษ


ดีแน่นอนสิ ฉินสือโอวพูดในใจ เจ้าพวกนี้กินอะไรเข้าไปล่ะ? สาหร่ายคอมบุแอตแลนติกเหนือที่เต็มไปด้วยพลังโพไซดอนไง


ตอนค่ำก็ยังทำหอยทากอบอีก เพราะบัตเลอร์ขับเครื่องบินมา เขาต้องการจะมารับอาหารทะเลไปอีก


เดิมทีช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวยุ่งมากเลยไม่ได้ออกไปจับปลา แต่เรือนาร์วาลจับปลาของฟาร์มเขาไปไม่น้อย ตอนนั้นตำรวจทางทะเลอนุญาตให้ส่งปลาคืนเจ้าของเดิม ปลาทะเลเลยถูกส่งเข้าถังน้ำแข็ง


จุดขายของอาหารทะเลอยู่ที่ความสด แช่น้ำแข็งนานๆ แล้วก็จะเสียราคา เพราะแบบนี้ฉินสือโอวเลยโทรหาบัตเลอร์ให้เขามาขนอาหารทะเลเหล่านี้ไป


บัตเลอร์กระโดดลงจากเครื่องบิน แล้วอ้าแขนเข้าหาฉินสือโอวมาแต่ไกล เขาวิ่งเข้ามาหาอย่างบ้าคลั่งเหมือนกับตัวอัลปากาในช่วงผสมพันธุ์


ฉินสือโอวตกใจ อ้าแขนออกแล้วถามว่า “คุณบ้าไปแล้วเหรอไง? เป็นอะไร?”


บัตเลอร์หัวเราะฮ่าๆ “แน่นอน เพื่อน ผมบ้าไปแล้ว ผมบ้าเกินไปแล้ว! คุณช่างเป็นคนที่ซื่อสัตย์จริงๆ ฉิน ผมรู้จักคนไม่ผิดจริงๆ คุณช่างซื่อสัตย์เหลือเกิน…”


“พูดภาษาคน โอเคไหม?”


“ผมได้ยินเรื่องตระกูลมอร์รี่แล้ว คุณยึดเรือของพวกเขาและพอคนพวกนี้มาเจรจากับคุณก็ถูกคุณด่ากลับไปอีก? ฉิน ไม่นานมานี้ผมรู้จักเพื่อนร่วมชาติของคุณคนหนึ่ง ผมได้เรียนรู้คำคำหนึ่งมา คนจริง!” บัตเลอร์ตบไหล่ฉินสือโอว “คุณคือคนจริง!”


“ขอบคุณ ผมคือคนจริงจริงๆ”


บัตเลอร์เอาสมุดบัญชีมาทั้งแบบอิเล็กทรอนิกส์และแบบกระดาษ เพื่อให้สะดวกต่อฉินสือโอวในการตรวจดู


ในเรื่องนี้ฉินสือโอวเชื่อถือบัตเลอร์มาก จะใช้คนก็อย่าระแวง หากระแวงใครก็อย่าใช้เขา บัตเลอร์เป็นคนฉลาด เขารู้ว่าถ้าตัวเองจบเห่เพราะเล่นตุกติก ก็ยังมีคนที่อยากจะร่วมทำธุรกิจอาหารทะเลกับฟาร์มปลาต้าฉินต่อแถวยาวตั้งแต่เซนต์จอห์นไปจนถึงโทรอนโต


ดังนั้นเขาเลยเห็นค่าโอกาสในครั้งนี้มาก ไม่กล้าทำอะไรลับหลังฉินสือโอวเด็ดขาด


บัตเลอร์ตื่นเต้นอยากจะเที่ยวชมฟาร์มปลา ฉินสือโอวไม่อยากบ้าไปกับเขาเลยบอกว่าฟาร์มปลาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จะมีอะไรให้ดูอีก?


“คุณกำลังคิดที่จะสร้างน้ำพุร้อนไม่ใช่เหรอ? ไปดูน้ำพุร้อนของคุณหน่อยก็ได้” บัตเลอร์พูดอย่างมีความหวัง


ฉินสือโอวลูบจมูก แล้วอธิบายอย่างจนใจ “น่าเสียดาย แต่ตอนนี้คงดูไม่ได้แล้ว ตอนที่ผมเตรียมจะสร้างน้ำพุร้อน ก็ได้หาทีมงานก่อสร้างไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ผลสุดท้ายภูเขาไฟใต้ทะเลปะทุ จากนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยาที่เชิญมาก็บอกผมว่าหนึ่งถึงสองเดือนนี้ไม่สามารถสร้างน้ำพุร้อนได้เพราะการก่อตัวของหินอาจจะไม่เสถียร”


เหมือนที่โบราณว่าไว้ ไฟไหม้ที่ประตูเมืองก็เป็นภัยพิบัติสำหรับปลาในคูเมืองเช่นกัน ภูเขาไฟก้นทะเลที่ยาวไกลขนาดนั้นปะทุขึ้นมา ย่อมส่งผลกระทบต่อน้ำพุร้อนของเกาะ ฉินสือโอวแล้วคิดไปแล้วก็ปวดหัว


แต่จะให้ดื้อรั้นเริ่มงานไป เขาก็ไม่กล้า


พลังของภูเขาไฟใต้ทะเล เขาเองก็เคยเห็นมาแล้ว ถ้าน้ำพุร้อนเริ่มพ่นลาวาออกมาเหมือนกัน อย่างนั้นเกาะแฟร์เวลทั้งเกาะคงต้องล่มสลาย


บัตเลอร์ถุยน้ำลายแล้วพูด “โอเค อย่างนั้นผมไปคุมคนงานทำงานละกัน”


ฉินสือโอวเดินกลับไป เห็นวินนี่กำลังเรียกเชอร์ลี่ย์


เชอร์ลี่ย์ถือตะกร้าเดินคอตกไปอย่างไม่เต็มใจ ฉินสือโอวถาม “ทะเลาะกับพี่วินนี่เหรอ?”


“ไม่ใช่อย่างแน่นอน” เชอร์ลี่ย์รีบปฏิเสธ


“ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงอารมณ์ไม่ดีล่ะ”


เชอร์ลี่ย์ขมวดคิ้วเล็กๆ ถอนหายใจอย่างผิดหวัง แล้วอ้าปากเล็กๆ พูด “พี่วินนี่ไม่มีอะไรทำ เลยบอกว่าจะสอนให้หนูเป็นกุลสตรี พระเจ้า เรียนมารยาทที่น่าเบื่อพวกนั้นยังไม่เท่าไร เธอยังบอกว่าจะสอนหนูเล่นเปียโนหรือไม่ก็สีไวโอลินอีก ฆ่าหนูทีเถอะ…”


ฉินสือโอวถูกท่าทางเศร้าสร้อยของเธอทำให้หัวเราะ เขาพูด “พูดไปเรื่อย เด็กโง่ ไปเถอะ เรียนกับพี่วินนี่เขาสักหน่อย ”


เชอร์ลี่ย์มองเขาอย่างคับแค้นใจแล้วพูด “ทีตัวเองล่ะไม่เรียน”


“มันดีกับตัวเธอนะ ต่อไปจะมีประโยชน์มากเลย!” ฉินสือโอวเกลี้ยกล่อม


“หนูไม่อยากได้ข้อดีพวกนี้ แย่ที่สุดหนูขายเกี๊ยวก็ได้ หนูทำเกี๊ยวสวย หนูรู้ว่าตอนนี้มีคนเรียกหนูว่าโฉมงามขนเหลืองเยอะมาก ใช่แล้วฉิน โฉมงามขนเหลืองหมายความว่าอะไร?” เชอร์ลี่ย์เบิกตาถามอย่างสงสัย


ได้ยินฉายานี้ฉินสือโอวก็หัวเราะแล้วเปลี่ยนเรื่อง ฉายาโฉมงามขนเหลืองนี้มีเขาเกี่ยวข้องด้วย ไม่นานนี้เขาเล่นเวยป๋อ ลงรูปบางส่วนของเชอร์ลี่ย์ไป ผลสุดท้ายตอนนี้เชอร์ลี่ย์ดังแล้ว


หน้าตาที่สวยงามของเชอร์ลี่ย์ถูกใจเหล่าโอตาคุต่างประเทศ ความนิยมของเธอในเวยป๋อของฉินสือโอวเป็นรองแค่ราชาการเต้นแห่งเอเชียตะวันออกนิโคลัส กูสเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าพวกโอตาคุหนุ่มคิดยังไงถึงได้เรียกเธอว่าโฉมงามขนเหลือง


แน่นอนว่า เชอร์ลี่ย์เป็นเจ้าขนเหลืองจริงๆ นี่คือเจ้าขนเหลืองที่จริงจังและจริงใจ…


เห็นฉินสือโอวอธิบายได้ไม่ชัดเจน ครู่หนึ่งเชอร์ลี่ย์ก็จับพิรุธเขาได้ เธอพูด “ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ เลย ใช่ไหมคะ? แต่หนูไม่คิดมากก็ได้ แต่ฉิน คุณต้องไปพูดกับพี่วินนี่ หนูไม่อยากเรียนดนตรีจริงๆ!”


ฉินสือโอวได้แต่ไปพูดกับวินนี่เรื่องนี้ เขาถาม “ทำไมคุณถึงอยากให้เชอร์ลี่ย์เรียนเปียโนเหรอ?”


วินนี่พูดอย่างน้อยใจ “ใช่ที่ไหนล่ะ ถ้าเธอไม่ชอบก็ไม่ต้องเรียน…”


ฉินสือโอวคิดว่าเชอร์ลี่ย์โกหก เขาหันไปมองเธอตาเขม็ง


ผลสุดท้ายวินนี่พูดต่อ “ฉันให้เธอเลือกแล้ว เธอไม่ชอบเรียนเปียโนก็เรียนไวโอลินก็ได้”


คราวนี้ถึงตาเชอร์ลี่ย์น้อยใจบ้างแล้ว


ฉินสือโอวทำปากจุ๊ๆ แล้วพูด “วินนี่ ผมรู้ว่าความสนใจของเด็กๆ เป็นสิ่งที่ต้องบ่มเพาะ”


วินนี่พูดอย่างน่าสงสาร “แต่ตอนนี้เดือนหนึ่งฉันสอนแค่ครึ่งเวลาเองนะ มันน่าเบื่อเกินไป เลยจะสอนเชอร์ลี่ย์เพื่อฆ่าเวลาที่น่าเบื่อและมันก็เป็นการบำรุงครรภ์ได้ด้วย ทำให้ลูกได้รู้สึกถึงเสน่ห์ของศิลปะ!”


ฉินสือโอวพูดอย่างไม่ลังเล “ใช่แล้ววินนี่ คุณทำถูกแล้ว! ต้องสอนศิลปะให้เชอร์ลี่ย์ นี่เป็นเรื่องที่ดีต่อเธอมาก! ถ้าอย่างนั้นก็เรียนไวโอลินแล้วกัน ไวโอลินช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้หญิงสาวได้!”


เชอร์ลี่ย์เบิกตามองอย่างงุนงงเหมือนลูกหมา “…”


วินนี่หันหลังให้ฉินสือโอวแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้โลลิต้า จอมเจ้าเล่ห์น้อยจะสู้กับข้าเหรอ เจ้ายังอ่อนหัดนัก


โลลิต้าร้องไห้โดยปราศจากน้ำตา คนหน้าไม่อาย เพื่อความสุขของลูกเมียก็เลยสละความสุขของฉันเหรอ?


ดีที่เธอมีวิธีโต้กลับ “ตอนนี้ไม่มีไวโอลินนี่คะ เดี๋ยวพวกเราค่อยเรียนวันหลังก็แล้วกัน?”


เรื่องนี้วินนี่ไม่มีทางเลือก ที่เกาะแฟร์เวลไม่มีร้านขายไวโอลิน เธอกำลังจะตอบรับ ฉินสือโอวก็พูดขึ้นมากะทันหัน “เดี๋ยวๆ เหมือนว่าผมจะเก็บไวโอลินไว้ตัวหนึ่ง เดี๋ยวผมไปหาก่อน”


ที่เขาต้องการหาคือไวโอลินที่เจอบนเรือไททานิก ผ่านไปนานแล้วอาจจะใช้งานไม่ได้ แต่เอามาใช้แค่ชั่วคราวคงพอได้อยู่? ครั้งที่แล้วเขาจำได้ว่าไวโอลินตัวนั้นถูกเก็บรักษาไว้ได้ไม่เลวเลย


ไวโอลินถูกเก็บไว้ในเคสหนังสองชั้น ด้านนอกยังมีกล่องหนังอีกหนึ่งชั้นซึ่งสามารถกันน้ำได้ดี ฉินสือโอวกลับมาที่ห้องใต้ดิน พอเอาออกมาดู สายของไวโอลินใช้งานไม่ได้แล้ว แต่โครงสร้างทั้งหมดไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก


………………………………………


บทที่ 774 เสียงไวโอลินแห่งสวรรค์

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวหยิบไวโอลินออกมาพร้อมเคสหนัง วินนี่ยิ้มและพูดว่า “พระเจ้า คุณไปเอาของโบราณจากที่ไหนมาคะเนี่ย?”


เชอร์ลี่ย์เอามือก่ายหน้าผาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความจำใจ สู้เต็มที่เพื่อภรรยาและลูกจริงๆ เส้นทางศิลปะของตัวเองคงไม่ได้จะเริ่มจากไวโอลินเก่าๆ แบบนี้หรอกนะ?


ฉินสือโอวมองตาโลลิต้าแล้วพูด “อย่าคิดเกินตัวเกินไป ตอนนี้คุณให้ไวโอลินกับหนูไป หนูก็ยังสีมันไม่ได้ อันนี้แค่ให้หนู ทำความรู้จักไวโอลินกับพี่วินนี่ไปก่อน ใช่ไหมคะ พี่วินนี่?”


วินนี่ลูบไล้เคสหนังของไวโอลิน ขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนกับสงสัยอะไรบางอย่าง


เคสหนังเป็นหนังลูกวัวสีน้ำตาล แต่แช่อยู่ในน้ำนานเกินไปเลยกลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม ทำให้ตัวอักษร WHH ทั้งสามที่ควรจะชัดเจนเลือนรางไป


อีกอย่าง ด้านล่างตัวอักษรทั้งสามยังมีตัวอักษรเล็กๆ ที่เลือนรางอยู่แถวหนึ่ง วินนี่ดูใกล้ๆ แล้วพึมพำ “มาเรียที่รัก คุณเป็นเหมือนเสียงไวโอลินที่จะอยู่กับผมตลอดไป”


“อะไรเหรอ?” ฉินสือโอวถาม


วินนี่มองเขาอย่างสงสัยแล้วพูด “ไวโอลินตัวนี้ได้มาจากไหนเหรอคะ?”


ฉินสือโอวยักไหล่ ก่อนจะเอาออกมาเขาได้คิดคำพูดไว้แล้ว “เก็บได้จากทะเล จำจดหมายของตระกูลสเตราส์ฉบับนั้นได้ไหม? มันติดมาด้วยกัน ไม่แน่ว่าพวกมันอาจเป็นของบนเรือไททานิก”


ไม่ต้องพูดว่าไม่แน่ใจ เขามั่นใจมากว่าไวโอลินตัวนี้เป็นวัตถุโบราณบนเรือไททานิก


“พระเจ้า นี่หรือว่าจะเป็นไวโอลินของวอลเลซ ฮาร์ตลีย์หรือเปล่า? ไวโอลินเสียงสวรรค์?” วินนี่พูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ


“วอลเลซ ฮาร์ตลีย์? หัวหน้านักไวโอลินบนเรือไททานิกเหรอ?” ฉินสือโอวก็ประหลาดใจ “คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง? ตอนนั้นบนเรือก็มีนักไวโอลินอยู่ไม่น้อยนะ?”


วินนี่เปิดเคสหนังอย่างระวัง หยิบไวโอลินที่หลับใหลอยู่ด้านในเป็นร้อยปีออกมา ที่ด้ามจับมีป้ายทองแดงอยู่หนึ่งอัน ด้านบนมีตัวอักษรเขียนอยู่หนึ่งแถว ตัวอักษรแถวนี้ชัดเจนมาก เพื่อระลึกถึงการแต่งงานของเรา มอบให้วอลเลซ จากมาเรีย


ฉินสือโอวมองไปทางวินนี่แล้วแบมือ


วินนี่กระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของเขา เธอชี้ที่ไวโอลินแล้วพูด “นี่คือไวโอลินตัวนั้นของฮาร์ตลีย์จริงๆ พระเจ้า! ว่ากันว่าไวโอลินตัวนี้จมลงก้นมหาสมุทรแอตแลนติกและถูกน้ำทะเลพัดจนพังไปแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าจะเก็บรักษาไว้ได้อย่างดีแบบนี้!”


วอลเลซ ฮาร์ตลีย์ถูกยกย่องให้เป็นวีรบุรุษของเรือไททานิก ตอนที่เรือสำราญจมลงในน้ำ คนส่วนมากต่างเลือกเอาตัวรอด มีน้อยคนนักที่กล้าเผชิญกับความตาย และมีเพียงแค่สิบเอ็ดคนที่ตอนนั้นยังจำหน้าที่ที่ได้รับของตัวเองได้


สิบเอ็ดคนนั้นคือ กัปตัน สมิธ คนที่ส่งสัญญาณอยู่หน้าเครื่องส่งสัญญาณเพื่อขอความช่วยเหลือจนกระทั่งเสียชีวิต นักเทศน์จอห์น ฮาร์เปอร์ที่ได้รับการเชื้อเชิญจากคริสตจักรมูดี้ที่เมืองชิคาโกประเทศสหรัฐอเมริกา และยังมีวงไวโอลินอีกหนึ่งวง


วงดนตรีบรรเลงเพลงจนถึงช่วงเวลาสุดท้าย โดยมีจุดประสงค์เพื่อสงบความตื่นตระหนกของผู้โดยสาร พวกเขาเล่นเพลงเร็วตั้งแต่ต้นจนจบจนกระทั่งเรือจมและทุกคนเสียชีวิต


ผู้ควบคุมวงและหัวหน้าของวงดนตรีวงนี้ก็คือ วอลเลซ ฮาร์ตลีย์


ชาวคริสต์ชอบเอาของที่ตัวเองนับถือหรือหวาดกลัวไปเชื่อมโยงกับพระเจ้า ตัวอย่างเช่นตอนที่นีลเซ็นภาวนาขอชีวิตคนในเรือตอนอยู่ท่ามกลางมรสุม จนได้รับฉายาว่าเป็น ‘สาวกของพระเจ้า’


ฮาร์ตลีย์ก็มีฉายาว่าเป็น ‘เสียงไวโอลินแห่งสวรรค์’ ในพิธีรำลึกครั้งใหญ่เมื่อร้อยปีก่อนเจ้าภาพเรียกดนตรีไวโอลินที่บรรเลงโดยวงดนตรีฮาร์ทลีย์ในเวลานั้นว่าเป็นเสียงเพลงที่เทวดาใช้มารับผู้ที่เสียชีวิต


ที่พิธีกรพูดแบบนี้เป็นเพราะตอนนั้นฮาร์ตลีย์บรรเลงทำนองไวโอลินที่ชื่อว่า ‘Nearer-My-God-To-Thee’ แปลว่าใกล้ชิดพระเจ้า ดังนั้นจึงได้มีการยกย่องว่าเป็นเสียงไวโอลินแห่งสวรรค์


ไวโอลินตัวนี้หายไปเป็นร้อยปีแล้ว หลังจากเรือไททานิกจมลงไปสิบวัน ก็ได้นำร่างของฮาร์ตลีย์ขึ้นมาจากน้ำ แต่กลับไม่มีใครเห็นไวโอลินตัวนั้นเลย


ตอนนั้นมีคนบอกว่าฮาร์ตลีย์เคยพูดไว้ว่าเขาพกไวโอลินติดตัวไว้ หวังว่าตอนที่คนพบร่างของเขาแล้วจะเอามันไปให้คู่หมั้นของเขา ดังนั้นภายหลังเมื่อหาไวโอลินตัวนั้นไม่เจอ หลายคนจึงคิดว่าไวโอลินถูกขโมยไปแล้ว


แต่มีคนที่นั่งเรือชูชีพที่ออกไปเป็นลำสุดท้ายพูดว่า ฮาร์ตลีย์เห็นว่าบนเรือไม่มีคนแล้ว ก็เลยเอาไวโอลินไปเก็บรักษาไว้อย่างระวัง


สุดท้ายก็ไม่มีบทสรุป เพราะไม่มีใครได้เห็นภาพสุดท้ายของฮาร์ตลีย์


อ้างอิงจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ฉินสือโอวคิดว่าฮาร์ตลีย์เอาไวโอลินใส่เคสหนังสองชั้นและใส่กล่องเก็บรักษาไว้ ดูเหมือนตอนนั้นเขาจะคิดว่าบนเรือวุ่นวายขนาดนั้นแล้ว แม้เขาจะพกติดตัวไว้ก็คงไม่สามารถเก็บรักษาไวโอลินไว้กับร่างได้


ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ไวโอลินตัวนี้ก็ตกมาอยู่ในมือของฉินสือโอวแล้ว และก็ยังเก็บรักษามาอย่างดี


สำหรับไวโอลินที่จมอยู่ในน้ำลึกหลายพันเมตรมาเป็นร้อยปีแล้วยังไม่พังไปทั้งหมด ฉินสือโอวรู้สึกว่ามันแปลกมาก เคสหนังไม่ได้กันน้ำได้ทั้งหมด ไวโอลินแช่อยู่ในน้ำมาตลอด ดูจากสายไวโอลินที่เสียหายก็สามารถดูออกได้


แต่ตัวไวโอลินและคันชักกลับรักษาไว้ได้เป็นอย่างดี ไม่ได้ถูกทำลายไปเท่าไร


ได้ยินว่านี่คือ ‘เสียงไวโอลินแห่งสวรรค์’ ไวโอลินที่มีชื่อเสียงที่สุดในสมัยปัจจุบันตัวนั้น เชอร์ลี่ย์เองก็รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาแล้วเข้ามาดูใกล้ๆ พอดูแล้วก็เสียดาย “ไม่ได้สวยเท่าไร”


วินนี่ลูบผมของเธออย่างอ่อนโยนแล้วพูด “ไม่จ๊ะ มันสวยมาก ไวโอลินตัวนี้มีจิตวิญญาณที่สวยงามมาก”


ฉินสือโอวได้ยินคำพูดนี้แล้วรู้สึกหนาวๆ ขึ้นมา ช่างเป็นวัฒนธรรมที่แตกต่างกันจริงๆ ถ้าเป็นคนจีนพูดว่าเครื่องดนตรีของตัวเองมีวิญญาณอยู่ ก็ไม่มีใครกล้าสีไวโอลินตัวนั้นแล้ว ไม่มีใครอยากสีไวโอลินที่หันไปแล้วเห็นดวงวิญญาณลอยอยู่ข้างๆ ตัวเองหรอก?


สำหรับชาวคริสต์แล้ว นี่ไม่ใช่ปัญหาเลย หลายคนถึงขนาดชอบอยู่ข้างๆ สุสาน เพราะสุสานคือที่ที่อยู่ใกล้สวรรค์ที่สุด ดูจากการท่องเที่ยวสุสานของอเมริกาและแคนาดาก็รู้แล้ว ชาวคริสต์ไม่กลัวอะไรพวกนี้เลย


ในทางกลับกัน ในสายตาของชาวคริสต์ ของที่เหมือนกันถ้าสามารถเชื่อมโยงกับพระเจ้าและสวรรค์ หรือเชื่อมโยงกับวิญญาณที่ดีได้ก็จะเป็นของล้ำค่า


ได้ยินตำนานของไวโอลินแล้ว พวกชาวประมงก็รีบเข้าไปมุงดู ขอบคุณภาพยนตร์เรื่องไททานิกที่ทำให้ผู้คนรับรู้และจดจำเรื่องราวของฮาร์ตลีย์และไวโอลินตัวนี้ผ่านภาพยนตร์เรื่องนี้


เมื่อตรวจสอบตัวอักษรบนเคสไวโอลินและบนป้ายทองแดงแล้ว พวกชาวประมงก็พยักหน้ายอมรับตัวตนของมัน ไวโอลินตัวนี้เป็นสิ่งที่ มาเรีย โรบินสัน คู่หมั้นของฮาร์ตลีย์ ตอนที่เธออายุ 33 ปี ได้มอบให้แก่ฮาร์ตลีย์เป็นของขวัญเพื่อระลึกถึงการหมั้นกับเขาในปี 1910


เบิร์ดตรวจดูไวโอลินตัวนี้แล้วพูด “ไม่น่าแปลกใจเลยที่แช่อยู่ในน้ำนานขนาดนี้แล้วยังไม่เป็นอะไร ไวโอลินตัวนี้ทำมาจากไม้ประดู่ ไม้ประเภทนี้มีชื่อเสียงด้านความทนทานจริงๆ ถึงขนาดที่มีอายุเป็นร้อยปีก็ยังไม่พัง”


ไม้ประดู่เป็นไม้คุณภาพดี ความหนาแน่นสูง ตาไม้เล็ก เป็นไม้ยืนต้นที่มั่นคงมาก ไม่แตกง่าย เนื้อไม้แข็งเป็นพิเศษ เป็นไม้ที่มีมูลค่ามากชนิดหนึ่ง


บทที่ 775 เรือสปีดโบ๊ทที่จู่โจมกะทันหัน

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังจากที่ให้พวกชาวประมงดูกันรอบหนึ่งแล้ว วินนี่ให้ฉินสือโอวเอาไปเก็บไว้อย่างดี แล้วส่งไปยังบริษัทซ่อมบำรุงงานศิลปะที่เชี่ยวชาญเพื่อซ่อมตัวไวโอลิน


ไม้ประดู่ถึงจะแข็งแรงยังไงก็ยังเป็นไม้ ไม่ว่าจะเป็นไม้อะไรหากอยู่ในน้ำทะเลที่มีความดันสูงเป็นร้อยปีก็ต้องพังทั้งนั้น ในความเป็นจริงแล้ว ถึงแม้ว่าจะเอาไวโอลินตัวนี้ไปเปลี่ยนสายและขัดคันชักใหม่ก็ไม่สามารถฟื้นฟูโทนสีให้เป็นเหมือนแต่ก่อนได้


แต่ใครสนกันล่ะ? บนโลกนี้มีไวโอลินเป็นพันเป็นหมื่นที่มีโทนสีที่สวยงามกว่ามัน แต่มีแค่ไวโอลินตัวนี้เท่านั้นที่สามารถบรรเลงเสียงไวโอลินแห่งสวรรค์ออกมาได้


ห้องใต้ดินของฉินสือโอวมีอุปกรณ์การบ่มแบบไม่ใช้ออกซิเจนของพวกมืออาชีพอยู่ ต้องขอบคุณการกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจของเขา นั่นคือการเอาไวโอลินตัวนี้วางไว้ในอุปกรณ์บ่มเพื่อเก็บรักษาไว้นานขนาดนี้ ถึงสามารถเก็บรักษาไวโอลินให้ยังมีสภาพดีได้อย่างตอนนี้


ถ้าเอาไวโอลินไปโดนแดดตั้งแต่แรก แบบนั้นตัวไวโอลินที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีออกซิเจนมาเป็นร้อยปีก็คงเสียหายไปตั้งแต่แรกแล้ว เพราะปฏิกิริยาออกซิเดชันและความแตกต่างอุณหภูมิ


แต่ถึงอย่างไรฉินสือโอวก็ไม่ใช่ช่างซ่อมที่เชี่ยวชาญ เขาเชื่อใจวินนี่เลยให้เธอติดต่อบริษัทซ่อมบำรุงงานศิลปะแห่งหนึ่งในนครเซนต์จอห์น แล้วเล่าเรื่องราวของไวโอลินตัวนี้อย่างละเอียด เพื่อให้พวกเขาดำเนินการซ่อมแซม


ไวโอลินที่วอลเลซใช้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ปรากฏขึ้นมาหลังเวลาผ่านไปเป็นร้อยปี พวกสื่อมวลชนรีบรายงานข่าวออกมา ทำให้ผู้คนพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างรวดเร็ว


ในภาพยนตร์เรื่องไททานิกมีฉากที่ทำให้คนประทับใจมากมาย และฉากที่วงดนตรีขึ้นแสดงต้องเป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน


ตอนที่เรือไททานิกชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งแล้วค่อยๆ จมลง นักดนตรีในวงดนตรีที่อยู่บนเรือไม่มีใครเอาชีวิตรอด ในช่วงสุดท้ายของชีวิตพวกเขายังคงบรรเลงเพลงสุดท้ายของชีวิตอยู่อย่างใจเย็น ปีนั้นไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไรที่ร้องไห้ไปกับเพลงใกล้ชิดกับพระเจ้าเพลงนั้น


สมัยนี้ผู้คนเริ่มมาเก็งกำไรกับของเก่า หลังจากที่มีการเก็งกำไรกับพวกทองคำ อัญมณี และอสังหาริมทรัพย์ การปรากฏตัวมาของไวโอลินตัวนี้ทำให้เกิดกระแสเล็กๆ เรื่องเรือไททานิกขึ้นมาใหม่ ดังนั้นจึงมีนักข่าวอยากมาสัมภาษณ์ฉินสือโอวเป็นธรรมดา


ฉินสือโอวรับสัมภาษณ์แล้วบอกกับพวกนักข่าวว่าเขาไม่คิดจะขายไวโอลินตัวนี้ แต่ถ้าเจอวงดนตรีที่มีคุณสมบัติในการใช้ไวโอลินตัวนี้ เขาก็ยินดีจะบริจาคให้แก่พวกเขา


คนที่มีคุณสมบัติจะครอบครองไวโอลินตัวนี้มากที่สุดคือวอลเลซ หรือไม่ก็มาเรีย โรบินสันคู่หมั้นของเขา แต่วอลเลซก็ตัวคนเดียว และหลังจากที่โรบินสันรู้ข่าวการเสียชีวิตของวอลเลซ เธอก็ไม่ได้แต่งงานเลยตลอดชีวิต สุดท้ายก็เสียชีวิตลงในปี 1939


ดังนั้นพูดในมุมของกฎหมายแล้ว ไวโอลินตัวนี้ถือว่าไม่มีเจ้าของ ใครได้ไปก็เป็นของคนนั้น


วิธีรักษาทรัพย์สินส่วนบุคคลของแคนาดาน่ายกย่องไม่น้อย อย่างน้อยรัฐบาลก็ไม่สามารถยึดไว้ในนามของประเทศได้


ฉินสือโอวคิดว่าจะเก็บไวโอลินตัวนี้ไว้ ตอนนี้ของสะสมของเขามีแค่ตราประทับหินเถียนหวางที่อวี๋เชียนเคยใช้ ถ้าพูดในด้านมูลค่าแล้ว ไวโอลินตัวนี้อาจจะเทียบไม่ได้กับตราประทับหินเถียนหวาง แต่ถ้าพูดในด้านมูลค่าทางการสะสมนั้น ประเมินค่าไม่ได้เลย


คุณธรรมของวอลเลซ เจ้าของไวโอลินตัวนี้ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกชื่นชมเขาอย่างแท้จริง


เรือไททานิกเป็นของบริษัทเดินเรือไวต์สตาร์ แต่พวกวอลเลซก็ไม่ใช่พนักงานในบริษัทนี้ ตอนนั้นบริษัทเดินเรือไวต์สตาร์เชิญวงดนตรีจากข้างนอกขึ้นมาแสดงบนเรือ


ต่อมาเรือยักษ์ชนเขากับภูเขาน้ำแข็งแล้วจมลง เหตุการณ์จริงในตอนนั้นเป็นเหมือนโครงเรื่องในภาพยนตร์เรื่องไททานิก ผู้คนขึ้นมาบนดาดฟ้า ต่างคนต่างเอาชีวิตรอด แต่พวกนักดนตรีกลับยืนหยัดบรรเลงเพลงใกล้ชิดพระเจ้าอยู่บนดาดฟ้า พยายามปลอบประโลมความวิตกกังวลในใจของผู้โดยสารบนเรือ


ตอนที่พวกเขาวางไวโอลินลง ตรงหน้าก็เป็นผืนทะเลกว้างแล้ว…


เนื่องจากไม่มีใครได้นั่งเรือชูชีพ ร่างของนักดนตรีผู้กล้าทั้งหมดบนเรือไททานิกถูกฝังอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก


ในสายตาของฉินสือโอวแล้ว สมาชิกในวงดนตรีไม่ใช่คนของบริษัทเดินเรือไวท์สตาร์ ดังนั้นพวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะนั่งเรือชูชีพได้เหมือนกันกับผู้โดยสารบนเรือทุกคน กัปตันเสนอให้พวกเขาแสดงได้ แต่ไม่สามารถสั่งให้พวกเขาทำแบบนั้นได้


เหตุผลที่นักดนตรีอยู่แสดงต่อเป็นเพราะในใจของพวกเขามีความเชื่อแบบเดียวกันว่า เสียงเพลงเป็นเครื่องมือสยบความวุ่นวายที่มีพลัง นักดนตรีระดับต้นๆ ต่างก็คิดว่าเสียงเพลงสามารถยับยั้งความตื่นตระหนกและนำความสงบมาได้


ฉินสือโอวเองอาจจะทำไม่ได้ถึงจุดนี้ก็เลยชื่นชมเหล่านักดนตรีที่สามารถทำได้เป็นพิเศษ โดยเฉพาะวอลเลซ แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้คนประทับใจคือวอลเลซและเหล่านักดนตรี ไม่ใช่ไวโอลินตัวนี้


แต่ตอนนี้สิ่งที่รับจิตวิญญาณนี้ไว้ก็คือไวโอลินตัวนี้ เว้นแต่ว่าต่อไปฉินสือโอวจะได้พบนักดนตรีที่เขาคิดว่ามีคุณสมบัติสูงส่งเหมือนวอลเลซ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาก็จะเก็บไวโอลินตัวนี้ไว้เอง


หลายวันมานี้ฉินสือโอววุ่นอยู่กับเรื่องเกี่ยวกับไวโอลินตลอด ทุกอย่างค่อนข้างวุ่นวาย สุดท้ายก็สามารถรับมือกับสื่อมวลชนได้ การถกเถียงกันเรื่องไวโอลินก็ลดลง แบบนี้เขาถึงได้มีเวลาว่างสักที


ฟอกส์บ่นตอนกินมื้อเย็นว่า “ไม่กี่วันมานี้คุณยุ่งเรื่องอะไรเหรอ? เถียงกับนักข่าวแล้วจะมีประโยชน์อะไร? วันนี้วินนี่ไปตรวจที่โรงพยาบาล คุณก็ไม่ได้ไปเป็นเพื่อน”


ฉินสือโอวมองคนอื่นๆ อย่างตะลึงแล้วถาม “อะไรนะ? วินนี่ไปตรวจที่โรงพยาบาลเหรอ? ผม ผมไม่รู้! ขอโทษนะที่รัก คุณก็รู้ว่าไม่กี่วันนี้ผมยุ่งไปหน่อย”


เขารีบขอโทษวินนี่ นี่ถึงจะเป็นวิธีปลอบผู้หญิงที่สำคัญ


วินนี่ลูบมือของเขาแล้วพูด “พี่สาวฉันทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ แค่ตรวจประจำเท่านั้นเอง ฉันจัดการเองได้ ไม่ต้องให้พวกเขาไปด้วยก็ยังได้”


ใบหน้าของฉินสือโอวเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ในใจคิดได้ว่าช่วงนี้ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวไม่เลวเลย วินนี่เรียกฟอกส์ว่าพี่สาวแล้ว นี่เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยิน?


ฟอกส์พูดอย่างไม่พอใจ “วินนี่ เธอต้องให้เขารู้ว่าการที่เธอเป็นแม่มันลำบากแค่ไหน ไปตรวจที่โรงพยาบาลต้องต่อแถวนานแค่ไหน ความลำบากแบบนี้เขาไม่สามารถสัมผัสได้ด้วยตัวเอง”


ฉินสือโอวถามอย่างประหลาดใจว่าพวกคุณไม่ได้เอาบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสของผมไปเหรอ มาริโอ้ถอนหายใจแล้วพูดว่า “สิทธิพิเศษของนายสามารถตรวจล่วงหน้าหรือในวันนั้นได้ แต่ไม่สามารถไปถึงแล้วตรวจให้นายก่อนได้ คนที่นัดไว้ก็ยังมีเยอะมาก”


ฉินสือโอวถึงได้เข้าใจ วินนี่ลูบที่มือของเขาอีกครั้ง สื่อความหมายว่าไม่ต้องคิดมาก


เรื่องนี้ฉินสือโอวทำใจให้สบายได้ยากจริงๆ กินข้าวเสร็จก็มีสื่อนัดเขาสัมภาษณ์อีก ฉินสือโอวปฏิเสธไปแล้วปิดมือถือ เรื่องไวโอลินจบลงเท่านี้ ต่อไปเขาจะไม่รับสัมภาษณ์ในเวลาส่วนตัวอีก


ตอนค่ำฉินสือโอวไม่ได้ควบคุมจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปในทะเล แต่นอนกอดกับวินนี่ คิดถึงชีวิตในอนาคต มีลูกแล้วต้องเตรียมอะไรบ้าง ต้องเปลี่ยนการใช้ชีวิตอย่างไร วินนี่พูดด้วยใบหน้าชื่นบานจนถึงเที่ยงคืนกว่าก็ยังไม่นอน


ฉินสือโอวนอนดึกกว่า เช้าตรู่แล้วก็ยังตื่นตัวอยู่ เขาถูกแผนการใช้ชีวิตของตัวเองทำให้มีความสุข


พอเตรียมจะหลับตา โทรศัพท์ของวินนี่ก็ดังขึ้น ฉินสือโอวรีบรับสายแล้วถาม “นี่วินนี่ ไม่ทราบว่า…”


เสียงของบลูขัดจังหวะเขา “กัปตัน นี่สถานีเรดาร์ มีเรือสปีดโบ๊ทสองลำกำลังเข้ามาใกล้ฟาร์มปลา ความเร็วสูงมาก มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”


ฉินสือโอวขมวดคิ้ว มาที่ฟาร์มปลาในเวลานี้ จะไม่มีปัญหาได้ยังไง? เขาพูด “รอฉันก่อน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ แล้วทำไมไม่โทรหาฉัน?”


พูดเสร็จเขาก็นึกขึ้นมาได้ โทรศัพท์ของตัวเองปิดไปเพราะจะหลบนักข่าว เขาพูดโดยไม่รอให้บลูตอบ “บอกนีลเซ็นกับเบิร์ดและคนอื่นๆ ว่าอย่าเพิ่งทำอะไร ให้ดูสถานการณ์ไปก่อน”


บทที่ 776 การต่อสู้ที่ไม่สมดุล

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวปิดไฟทุกห้อง แล้วรีบวิ่งไปที่สถานีเรดาร์


หู่จือและเป้าจือได้ยินเสียงตึกตักก็พลิกตัวลุกขึ้นเดินตามขึ้นไปอย่างเงียบๆ


ฉินสือโอวหันไปมอง หู่จือและเป้าจือเข้ามาใกล้แล้วเอาหัวถูขาเขาอย่างสนิทสนม นี่ทำให้เขาอดซึ้งใจไม่ได้ ไว้ใจลูกชายได้จริงๆ ดูพวกขี้เกียจอย่างฉงต้า เสียแรงที่รัก!


เบิร์ดและนีลเซ็นมาถึงเร็วกว่า พวกเขาอยู่ที่ห้องเรดาร์แล้ว ตอนที่ฉินสือโอวมาถึงทั้งสองคนก็ให้ข้อมูลกลับมา “เรือสปีดโบ๊ทสองลำ อัตราความเร็วที่ยี่สิบห้านอต ความยาวประมาณห้าถึงหกเมตร พวกมันเปลี่ยนทิศทางโดยมุ่งเน้นไปที่ตำแหน่งของวิลล่าจากทั้งสองทางครับ”


อัตราความเร็วยี่สิบห้านอตสำหรับเรือสปีดโบ๊ทเป็นแค่ระดับกลาง ไม่ถือว่าเร็วมาก แต่ฉินสือโอวรู้ว่าอัตราความเร็วเท่านี้เป็นการปรับความเร็วเพื่อรักษาเสียงให้เบาที่สุด ในการทำสงครามทางทหารโดยปกติแล้วก็จะใช้ความเร็วระดับนี้ในการเข้าไปในสนามรบ


ฉินสือโอวมองจุดเล็กๆ ที่ขยับอยู่บนจอเรดาร์ เขาส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไป ไม่นานก็พบเรือสปีดโบ๊ทสองลำ


แค่ดูใกล้ๆ ก็รู้แล้ว เรือทั้งสองลำนี้ทาสีดำทั้งคู่ วันนี้ท้องฟ้ามืดครึ้ม ตอนกลางคืนท้องฟ้าไม่มีแสงแม้แต่น้อย แบบนี้พอเรือสปีดโบ๊ทขับมาบนผิวน้ำ ถ้าไม่มีเรดาร์ก็คงไม่สามารถค้นพบพวกมันได้


แบบนี้พอคิดดูแล้วก็ชัดเจน ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ


“ไปปลุกพวกชาวประมงทั้งหมด ไม่ได้มาดีแน่ๆ ดูเหมือนตระกูลมอร์รี่จะกล้าดีจริงๆ!” ฉินสือโอวพูดอย่างเย็นชา


ขับเรือสปีดโบ๊ทที่ทาสีดำมายังฟาร์มปลาของเขาในเวลานี้ ถ้าจะบอกว่าพวกเขามาเที่ยวเล่น ฉินสือโอวคงต้องใสซื่อมากแค่ไหนถึงจะเชื่อ?


ตอนกลางคืนลมทะเลพัดแรง อากาศไม่ดีเลย และดูเหมือนฝนกำลังจะตก ทำให้ทัศนวิสัยต่ำมาก คลื่นก็ลูกใหญ่ เรือสปีดโบ๊ทพุ่งชนคลื่น เข้าใกล้เกาะมาอย่างรวดเร็ว


พวกชาวประมงยังไม่มารวมตัวกัน ฉินสือโอวจึงต้องถ่วงเวลา เขาควบคุมจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้คลื่นลูกใหญ่ขึ้นเพื่อ ขัดขวางไม่ให้เรือเร็วเข้ามาใกล้


เพื่อเป็นการป้องกัน ฉินสือโอวส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปหาเฮยป้าหวังและปลาหมึกยักษ์ ให้พวกมันมาที่บริเวณทะเลน้ำตื้น


คลื่นค่อยๆ ใหญ่ขึ้น เรือสปีดโบ๊ทขับเข้ามาอย่างยากลำบาก ไม่มีทางที่จะรักษาสมดุลไว้ได้ด้วยความเร็วยี่สิบห้านอต เรือสปีดโบ๊ทลำหนึ่งถึงกับลอยเซไปข้างๆ จนเกือบจะพลิกคว่ำบนทะเล


คนบนเรือฉี่ราดแล้วร้องขึ้นมาเสียงดังจนกลบเสียงคลื่นอย่างน่าอนาถ จากนั้นมีก็คนด่าด้วยความโมโหบอกให้คนขับเรือลดความเร็วลง


พวกชาวประมงพกปืนมาที่ห้องเรดาร์อย่างตึงเครียด ได้ยินว่าอาจจะมีศัตรูพร้อมอาวุธบุกเข้ามาก็ตื่นตระหนกตกใจ


ฉินสือโอวเห็นชาวประมงท่าทางไม่สบายใจ ในใจก็รู้สึกหงุดหงิด ทำไมไม่จัดการเรื่องรับสมัครทหารอาสาให้เร็วหน่อยนะ


เขาไม่โทษพวกชาวประมงที่ใจเซาะกลัว อย่างไรเสียพวกชาวประมงก็ทำประมงไม่ได้ทำสงคราม ให้พวกเขาถือปืนมาอยู่แนวหน้า ที่จริงนี่ก็ไม่ใช่หน้าที่ของพวกเขา


พูดกันโดยปกติแล้วพวกชาวประมงสามารถปฏิเสธที่จะไม่มาช่วยได้ นี่ไม่ใช่เวลาทำงาน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าอาจจะเกิดการต่อสู้ แต่พอได้ข่าวพวกเขาก็มากันหมดทุกคน มีปืนก็เอาปืนมา ที่ไม่มีปืนก็เอาธนูมา ตอนนี้ทุกคนมารวมกันอยู่ที่ห้องเรดาร์แล้ว


ในจุดนี้ฉินสือโอวต้องขอบคุณพวกชาวประมง พวกเขาเสียเหงื่อและเลือดเพื่อฟาร์มปลาจริงๆ


อีกอย่าง การ์เซียและหวังเหล่ยก็มาด้วย ทั้งสองถูกเสียงของพวกชาวประมงทำให้ตื่นก็เลยตามมาอย่างงงๆ การ์เซียห้าวหาญใช้ได้ ในมือของเขาถือปืน AR-15 แต่เป็นรุ่นแม็กกาซีนสั้นบรรจุกระสุนได้แค่สิบนัด ปืนของเขาแตกต่างจากปืนของฉินสือโอวเล็กน้อย


มีจำนวนคนไม่น้อยแล้ว แต่ฉินสือโอวก็รู้อยู่แก่ใจว่ามีคนในมือไม่เพียงพอสำหรับเรื่องนี้ คนที่ใช้ได้มีแค่สิบห้าคนเท่านั้น สำหรับฟาร์มปลาต้าฉินที่กว้างใหญ่แล้ว กำลังคนเท่านี้ไม่เพียงพอเป็นอย่างมาก


พวกชาวประมงต้องออกทะเล ต้องทำงาน แค่เท่านี้คนสิบห้าคนก็ไม่พอแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตอนกลางวันยังต้องจัดคนคอยเฝ้าประตูคลังสินค้า แล้วยังต้องเฝ้าห้องเรดาร์อีก ตอนกลางคืนก็ต้องมีคนเข้าเวร เขาต้องเพิ่มอีกคนอีกสักสิบคนถึงจะพอ


แต่ที่ผ่านมาการมีอยู่ของหัวใจโพไซดอนปิดบังเรื่องนี้มาโดยตลอด งานที่ยากลำบากที่สุดของชาวประมงในการให้อาหารปลา กุ้งและปูลดลงเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้การประมงของฟาร์มปลาต้าฉินยังให้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีและปริมาณที่จับได้ก็เยอะกว่าฟาร์มปลาอื่นๆ มาก แบบนี้กำลังคนของฟาร์มปลาถึงยังทนต่อไปได้


ฉินสือโอวลูบอกของชาวประมงแต่ละคน แล้วพูดปลอบใจว่า “วางใจเถอะเพื่อน ฉันแจ้งตำรวจแล้ว ทั้งตำรวจและตำรวจทางทะเลกำลังเดินทางมา พวกเราแค่ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด ไม่จำเป็นต้องออกไปต่อสู้”


“ไม่เป็นไรครับบอส พวกเราแค่ไม่เคยได้รับการฝึกมาก่อน เลยไม่ค่อยถนัดต่อสู้ตอนกลางคืนเท่าไร ที่จริงแล้วพวกเราไม่กลัวอะไรทั้งนั้น” ชาร์คยิ้มแล้วหันไปพูด “ใช่ไหม พวกเรา?!”


“ใช่ครับ!” พวกชาวประมงตะโกน


ชาร์คพูดแบบนี้ทำให้บรรยากาศดีขึ้นมาก เบิร์ดอุ้มปืน SIG-556 ของนีลเซ็นพลางยิ้มแล้วพูด “ทหารลาดตระเวนเป็นแนวหน้า หืม?”


นีลเซ็นที่กำลังประกอบ AWP เงยหน้าขึ้นมายิ้มแล้วพูด “ก็แค่โจรกระจอกกลุ่มหนึ่ง พวกเรามีอะไรต้องกลัว? รอเดี๋ยวเถอะ ฉันจะเอาคนไปสักสองสามคน เอาเรือมาให้ฉันสักลำหนึ่ง รับรองว่าพวกมันไม่ได้ขึ้นฝั่งแน่!”


ฉินสือโอวพยักหน้า สุดท้ายก็พูดอย่างเรียบง่าย “ขอบคุณทุกคนมากที่มาช่วยฟาร์มปลา จัดการเรื่องนี้จบแล้ว พรุ่งนี้หยุดงานแล้วไปดื่มกัน! ไม่ว่าคืนนี้สถานการณ์จะเป็นอย่างไร แต่ละคนจะได้รับรางวัลหนึ่งหมื่นดอลลาร์!”


เสียงดัง ‘แกร๊ก’ นีลเซ็นเอากล้องส่องตอนกลางคืนใส่ในช่องเสียบ เขาเป่าปากแล้วพูด “กระสุนสองนัด หนึ่งหมื่นบาท เยี่ยมจริง!”


คลื่นทะเลอ่อนลงเมื่อเข้าใกล้ชายฝั่ง แต่ฉินสือโอวเพิ่มพลังของคลื่นเข้าไป เรือสปีดโบ๊ททั้งสองลำจึงต้องใช้แรงไปอย่างมากเพื่อที่จะเข้าใกล้เกาะ


ตอนที่ฉินสือโอวแน่ใจว่าพวกเขาต้องการจะขึ้นฝั่ง ก็ส่งพลังพัดให้คลื่นลูกใหญ่รุนแรงขึ้น เรือสำราญที่จะขึ้นฝั่งทางตะวันตกลำนั้นถูกพัดจนพลิกคว่ำ คนบนเรือร่วงลงไปในน้ำพลางร้องอย่างหวาดกลัว


คนขับเรือของเรืออีกลำหนึ่งฝีมือดีมาก ขับหลบคลื่นเป็นรูปตัวเอส แล้วเร่งความเร็วจนขึ้นฝั่งได้สำเร็จ ทำให้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเปล่าประโยชน์


นีลเซ็นนำชาวประมงห้าคนซุ่มดูเรือสปีดโบ๊ทที่ขึ้นฝั่งทางตะวันออกของวิลล่า เขาให้ชาวประมงขุดหลุมทรายขนาดเท่ากับตัวเขา แล้วหมอบอยู่ด้านบนพลางพูดกับชาวประมง “เตรียมโคมไฟใหญ่ๆ ไว้ให้ดี เดี๋ยวฉันจะทำให้พวกเขาตกใจ แล้วพวกนายก็เปิดไฟ!”


เรือสปีดโบ๊ทพุ่งขึ้นบนชายหาด นีลเซ็นเล็งไปที่หัวเรือผ่านกล้องส่องตอนกลางคืน แล้วง้างไกปืนอย่างรวดเร็ว กลั้นหายใจ จิตใจว่างเปล่า เหมือนกับตอนที่ฝึก มือขวาลั่นไกเบาๆ


‘ปัง!’ เกิดเสียงดังขึ้น ปากกระบอกปืนพ่นประกายไฟออกมา เรือที่เพิ่งจะจอดก็สั่นสะเทือนราวกับถูกสัตว์ร้ายโจมตี!


นี่คือข้อเสียของการไม่มีเครื่องป้องกันเปลวไฟ ตอนที่กระสุนปืนออกจากปากกระบอกไปจะสามารถมองเห็นเปลวไฟได้อย่างชัดเจนในตอนกลางคืน ถ้าเป็นการปฏิบัติการของมืออาชีพ นี่ก็คือเป้าเคลื่อนที่


แต่สำหรับมือสมัครเล่น เปลวไฟที่ปลายกระบอกปืนกลายเป็นรอยยิ้มของเทพแห่งความตายที่มีพลังในการทำให้ตกใจมหาศาล!


พอคนที่อยู่บนเรือพบเปลวไฟที่ปลายกระบอกปืน ก็กรีดร้องด้วยความกลัวในชั่วพริบตา “โอ้วๆๆ มือปืนสไนเปอร์!”


“พระเจ้า! พวกเราโดนซุ่มโจมตี!”


“นี่ไอ้เวรตัวไหนมันทรยศพวกเราเนี่ย? หนีเร็ว!”


“มือปืนสไนเปอร์! มือปืนสไนเปอร์! มือปืนสไนเปอร์!”


อีกด้านหนึ่ง การสู้รบนั้นง่ายดายยิ่งกว่า


คนกลุ่มหนึ่งว่ายน้ำตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งอย่างยากลำบาก บริเวณที่พวกเขาเข้ามาเป็นแหล่งที่อยู่ของกั้งตั๊กแตนในตอนกลางคืนพอดี กั้งตั๊กแตนกว่าพันตัวจะขึ้นมาจากน้ำในตอนกลางคืน แบบนี้ก็สนุกแล้ว


บทที่ 777 อันตรายเกินไปหน่อย

โดย

Ink Stone_Fantasy

พวกกั้งตั๊กแตนจะขึ้นฝั่งตอนกลางคืนเพื่อความปลอดภัย


สำหรับสัตว์จำพวกกุ้งแล้ว ในช่วงเวลานี้บนฝั่งปลอดภัยกว่าในน้ำ เพราะสัตว์นักล่าในทะเลส่วนมากเป็นพวกหากินตอนกลางคืน สัตว์ป่าที่อยู่บนฝั่งก็เป็นแบบนี้ แต่พวกสัตว์ป่าไม่สนใจพวกกุ้งเปลือกแข็ง


คลื่นทะเลซัดสาดเข้ามาหาชายฝั่ง กั้งตั๊กแตนส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ที่บริเวณแบบนี้ ปลอดภัยและสามารถกลับลงทะเลได้ตลอดเวลา


จิตสำนึกแห่งโพไซดอนยังคงมีอิทธิพลต่อพวกกั้งตั๊กแตน ตอนที่คลื่นซัดขึ้นมา ฉินสือโอวออกคำสั่งให้กั้งตั๊กแตนซุ่มรออยู่ ถ้าพวกมันเจอใครก็ตามก็อย่าปล่อยไป ทุบเท้าพวกเขาแรงๆ


เรื่องที่น่าสังเวชจึงเกิดขึ้น


เบิร์ดใช้กล้องส่องทางไกลตอนกลางคืนตรวจดู เขาพูดกับพวกชาวประมง “มีทั้งหมดแปดคน โอเค ฟังคำสั่งฉัน พวกเราเรียบง่ายกันหน่อย ชาร์คพาพวกไปซุ่มดูสองคน คนอื่นๆ ทำตาม…”


“โอ๊ยๆ! เวรเอ๊ย!!!” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นที่ชายหาด ขัดจังหวะสิ่งที่เบิร์ดพูด


เสียงร้องที่เจ็บปวดยิ่งกว่าดังตามขึ้นมาอีกเรื่อยๆ เบิร์ดตกใจไปครู่หนึ่งแล้วยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาดู เห็นคนแปดคนที่ขึ้นฝั่งมาเกือบจะล้มอยู่บนพื้นทั้งหมด ขดตัวกลมราวกับกุ้งและร้องอย่างน่าอนาถ


“พวกเขาเป็นบ้าอะไร?!” เบิร์ดอดด่าไม่ได้


ชาร์คถามอย่างตระหนก “อาจจะ อาจ อาจจะเป็นไอ้ตัวบ้านั่นหรือเปล่า?”


บลูถามเสียงแผ่ว “ชาร์ค ปกตินายไม่ได้ใจเซาะนี่ ทำไมถึงตกใจอย่างนั้น?”


ชาร์คด่า “เวร ฉัน ที่ฉันกลัวคือเสียงโหยหวนของคนพวกนั้น! พวกเขาร้องโหยหวนขนาดนั้น มันเกิดอะไรขึ้น?! นายยังมีหน้ามาหัวเราะว่าฉันใจเซาะอีกเหรอ? แล้วใครที่กลัวเรือผีสิงจนกระโดดลงน้ำกัน?


พอพูดเรื่องนี้ บลูก็โกรธขึ้นมาทันที เขาอยากจะโต้แย้ง เบิร์ดเตะทั้งสองคนไปทีหนึ่งแล้วพูดอย่างหงุดหงิด “เวรเอ๊ย มันใช่เวลาไหม พวกนายยังจะมาต่อปากต่อคำกันอีก? กลับไปจะหักเงินคนละหนึ่งพัน!”


เมื่อเป็นแบบนี้ทั้งสองคนจึงสงบปาก แซ็กและชาวประมงไม่กี่คนที่หมอบอยู่ด้านหลังหัวเราะคิกคัก


เบิร์ดจ้องคนพวกนั้นอีกที ด่าคนพวกนี้ในใจว่าใช้ไม่ได้เลย แล้วพูดเสียงต่ำ “ไปเปิดไฟ! ล้อมพวกเขาไว้!”


ทั้งสองฝั่งเปิดไฟสว่างจ้าขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน หลอดไอโอดีนทังสเตนแรงสูงส่องไปยังตำแหน่งของเรือสปีดโบ๊ท พวกชาวประมงยกปืนขึ้นแล้วตะคอก “หมอบลงกับพื้น! ถ้าไม่อยากตายก็หมอบลงกับพื้น!”


เบิร์ดชี้ปลายกระบอกปืนขึ้นฟ้าแล้วยิง เสียงปืนที่คมชัดดังไปไกลในคืนที่เงียบสงบ


พอทางนีลเซ็นเปิดไฟ คนบนเรือก็คิดที่จะหนีไป นีลเซ็นใส่กระสุนลงในปืน AWP อย่างใจเย็น ในขณะที่เรือสปีดโบ๊ทกำลังจะหันหัวเรือกลับ เขาก็เล็งไปที่เครื่องยนต์นอกตัวเรือที่อยู่ตรงท้ายเรือ


ประกายไฟสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง จากนั้นเครื่องยนต์นอกตัวเรือที่อยู่บนเรือสปีดโบ๊ทก็ถูกยิงจนระเบิด


คนบนเรือตกใจจนกระโดดลงมาบนหาดทรายอย่างลนลาน มีบางคนร้องด้วยความตื่นตกใจ “ถูกยิงถังน้ำมันใช่ไหม? จะระเบิดหรือเปล่า?!”


แลนซ์ตะคอกเสียงดัง “ไอ้บัดซบ! ไอ้บัดซบ! ไอ้บัดซบ! หมอบอยู่รอบเรือกันให้หมด! ใครโผล่หัวออกมา ฉันจะยิงให้หัวระเบิดด้วยปืนสไนเปอร์ในมือนี่!”


“ระเบิดหัวมัน! ระเบิดหัวมัน! ระเบิดหัวมัน!” ชาวประมงคนอื่นๆ ก็ตะโกนออกไปด้วย แลนซ์ยกปืนเรมิงตันของเขายิงขึ้นฟ้า เสียงปังดังกว่าปืนสไนเปอร์เสียอีก


ฉินสือโอวมองไปที่กลุ่มคนฝั่งนี้ที่นิ่งสงบ แล้วยกวิทยุถามเบิร์ด “ทางนายเกิดอะไรขึ้น?”


เบิร์ดพูดอย่างจนใจ “เวร! ไม่รู้ว่าเจ้าพวกนี้จะชักหรือเปล่า! แม่ง ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย พวกมันก็ล้มลงไปเอง! แล้วยังร้องโหยหวนอยู่ตรงนั้น ผมก็ไม่รู้ว่ามันเรื่องอะไรกัน!”


แบบนี้ฉินสือโอวก็เข้าใจแล้ว กั้งตั๊กแตนจัดการคนพวกนั้นแล้ว


ผลสรุปเป็นแบบนี้ฉินสือโอวก็โล่งใจ แต่ในขณะเดียวกันก็กังวลใจ เขาถามนีลเซ็น “เจ้าพวกนั้นเป็นไง? กลัวจนขวัญหนีดีฝ่อแบบนี้ไหม?”


นีลเซ็นพูดตามเหตุผล “ไม่ครับบอส ไม่ใช่แบบที่คุณเข้าใจ ตอนนี้พวกเรากำลังซุ่มโจมตีอยู่อีกด้าน แม้ในช่วงปฏิบัติการพิเศษ ถ้าเราพบว่าตัวเองอยู่ในการซุ่มโจมตีที่อีกฝ่ายพร้อมรับมือเป็นอย่างดี เราก็แทบจะยอมแพ้แล้ว!”


“การซุ่มโจมตีได้รับการเตรียมการมาอย่างดีแล้ว ถ้าไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ยังไงก็ต้องตายแน่ๆ! การต่อสู้ก็โหดร้ายแบบนี้แหละบอส การต่อสู้มันไม่สนุกสักนิดเลย!” ไม่รู้ว่านีลเซ็นคิดอะไรอยู่ ตอนที่พูดคำพูดพวกนี้ออกมา น้ำเสียงของเขาฟังดูเศร้ามาก


ฉินสือโอวตบไหล่ปลอบเขา โทรไปถามโรเบิร์ตว่าพวกเขาถึงไหนกันแล้ว


ตำรวจของเมืองพึ่งพาอะไรไม่ได้ โรเบิร์ตที่พุงใหญ่ๆ ปกติแล้วเขาดูเก่งกาจมาก พอได้ฟังฉินสือโอวบอกว่ามีคนร้ายพร้อมอาวุธแอบเข้ามาในวิลล่าของพวกเขา เจ้านี่กลับไม่ขยับเขยื้อนอะไรเลย ได้แค่รับโทรศัพท์แล้วยังบอกว่ารอคำสั่งจากเบื้องบน


ฉินสือโอวด่าเขาไปหนึ่งคำ ‘ไอ้บัดซบ’ แล้ววางสาย เขาโทรไปหาตำรวจทางทะเลอีก ทางนี้ไว้ใจได้ พวกเขาส่งเฮลิคอปเตอร์ออกมาแล้ว ตำรวจทางทะเลทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม


เพื่อป้องกันความผิดพลาด ฉินสือโอวสั่งให้ชาวประมงยิงปืนออกไปไกลๆ เพื่อขู่อีกฝ่ายไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน


ถึงจะขู่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร กำลังสนับสนุนอื่นๆ มาถึงฟาร์มปลาแล้ว เฮยป้าหวัง กองกำลังทหารงูทะเล และปลาหมึกยักษ์พวกเขาสามารถขึ้นฝั่งมาร่วมต่อสู้ได้ ถ้าเจ้าพวกนี้ออกมาคนพวกนี้คงกลัวจนฉี่ราด


ค่ำคืนที่มืดมิด แม้จะมีหลอดไฟทังสเตนกำลังสูงส่องอยู่ ก็ยังมีความเสี่ยง


นีลเซ็นอยากเอาคนพวกนี้กลับไปมัดไว้ แต่ฉินสือโอวไม่วางใจ ถ้าคนพวกนี้จนตรอกแล้วทำบ้าอะไรขึ้นมาจะทำยังไง? ตอนนี้มีแสงไฟส่องสามารถเห็นปืนในมือของคนพวกนี้ได้ ปืนอาก้า AK47 เหมือนกับของพวกผู้ก่อการร้าย


ไม่ถึงยี่สิบนาที เฮลิคอปเตอร์ของตำรวจทางทะเลก็มา คนที่สวมเครื่องแบบทหารสีดำกลุ่มหนึ่งกระโดดลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ คุ้มกันให้กันแล้วมุ่งมาที่ด้านข้างคนพวกนี้ เอาพวกเขาทั้งหมดกดลงไปบนชายหาด แบบนี้พวกฉินสือโอวถึงกล้าเข้าไปใกล้


พวกคนที่อยู่ฝั่งของนีลเซ็นเมื่อเห็นเฮลิคอปเตอร์มาก็อยากจะวิ่งหนีไป ผลสุดท้ายเสียงปืนสไนเปอร์เคาะดัง ‘ปึ้งๆ’ ที่ห้องคนขับสองครั้ง กระจกด้านหน้าแตกเป็นเสี่ยงๆ นี่ช่วยทำให้เจ้านี่สงบลงได้ หมอบอยู่ที่ฝั่งไม่กล้าขยับราวกับเป็นเต่า


คนพวกนี้แต่งกายราวกับผู้ก่อการร้าย ใส่หมวกโม่ง ถุงมือ เสื้อยืดทหาร ผิวที่เผยให้เห็นล้วนมีแต่รอยสัก ดูร้ายกาจ


ตำรวจทางทะเลถอดหมวกโม่งของคนพวกนี้ออก เผยให้เห็นลักษณะที่เกือบจะเป็นคนอายุน้อยทั้งหมด หลายคนดูแล้วเพิ่งจะโต


หัวหน้าตำรวจทางทะเลเป็นคนเดียวกับที่มาเอาเรือนาร์วาลครั้งที่แล้ว เขาจับมือกับฉินสือโอวแล้วยิ้ม “ฉิน ผมแนะนำให้คุณเพิ่มการรักษาความปลอดภัยของฟาร์มปลาให้แข็งแรงขึ้นนะ เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ อันตรายไปหน่อย”


ฉินสือโอวถอนหายใจแล้วพูด “ผมก็หวังให้เป็นอย่างนั้น…”


คราวนี้มีตำรวจทางทะเลคนหนึ่งเดินสับเท้าเข้ามาหาผู้พันแล้วกระซิบ ท่าทางของผู้พันตึงเครียดขึ้นมา เขามองไปที่ฉินสือโอวแล้วพูด “ไม่ใช่แค่ปัญหาของคุณแล้วล่ะ คนพวกนี้มาจากแก๊งม้ามังกร คุณคงต้องวุ่นวายหน่อยแล้ว”


“แก๊งม้ามังกร?” ฉินสือโอวงุนงง เขาถาม “ไม่ใช่คนที่ตระกูลมอร์รี่ส่งมาหรอกเหรอ?”


บทที่ 778 ควรอยู่หรือควรไป

โดย

Ink Stone_Fantasy

ผู้พันดึงฉินสือโอวออกมาแล้วพูดเสียงเบา “ตระกูลมอร์รี่ที่คุณพูดถึงน่ะผมไม่ค่อยคุ้น ตามผลการสอบสวนที่คนของผมได้มา พวกเขามาจากแก๊งม้ามังกร แก๊งค้ายาขนาดใหญ่แก๊งหนึ่ง”


ฉินสือโอวพูดด้วยความตกใจ “นี่มันเกี่ยวอะไรกับผม…เวรเอ๊ย!”


ผู้พันยิ้มเจื่อนๆ แล้วพยักหน้า “คุณคิดออกแล้วใช่ไหม? ใช่แล้ว เวรเอ๊ย คราวที่แล้วที่คุณรายงานเรื่องการปลูกกัญชาที่โรงงานเคมีนั่น พวกเขาเป็นคนทำ!”


ฉินสือโอวทั้งตกใจทั้งโมโห เขาพูดเสียงต่ำ “เวรเอ๊ย! แต่พวกเขารู้ได้ยังไงว่าผมเป็นคนรายงาน?! ตอนนั้นพวกคุณรับประกันเองไม่ใช่เหรอว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องของผม?”


“ภายในแผนกของเรามีหนอนบ่อนไส้! แก๊งม้ามังกรมันร้ายกาจมาก พวกเราอยากจะจับตัวหลักๆ ของพวกเขามาตลอดแต่ก็แพ้ทุกที! แม่งเอ๊ย!” ผู้พันก็สบถขึ้นมา


ฉินสือโอวโบกมือด้วยความร้อนใจ เขากัดฟันพูด “ตอนนี้ผมแค่อยากรู้ว่า เรื่องความปลอดภัยของผมจะทำอย่างไร?!”


เขาไม่กลัวอัลเบิร์ต ไม่กลัวตระกูลมอร์รี่ คนพวกนี้เป็นนักธุรกิจ อย่างมากก็คงมาวางยาพิษที่ฟาร์มปลาของเขา อันที่จริงตอนที่เห็นว่าคนพวกนี้มีปืนฉินสือโอวก็รู้แล้วว่าไม่เกี่ยวกับตระกูลมอร์รี่ เขาแค่หวังว่านี่จะเกี่ยวกับตระกูลมอร์รี่เท่านั้น


นักธุรกิจจะใช้แค่การเล่นลูกไม้ที่ไม่รุนแรงเกินไป


แต่พวกค้ายาไม่เหมือนกัน คนพวกนี้เอากันถึงชีวิต! ฉินสือโอวรู้สึกขอบคุณที่พวกเขาไม่ใช้ขีปนาวุธดับเพลิง ไม่อย่างนั้นครั้งนี้เขาคงตอบกลับไม่ทัน บ้านขนาดสี่สิบกิโลเมตรคงพังทลาย!


ผู้พันปลอบเขา “เรื่องไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คุณคิดหรอก อันที่จริงบางทีครั้งนี้อาจจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถาวรก็เป็นได้…”


ฉินสือโอวยิ้มอย่างเย็นชาแล้วขัดจังหวะเขา “ผมถูกพ่อค้ายาจับตามอง แล้วคุณบอกผมว่าเรื่องไม่ร้ายแรงเนี่ยนะ?”


ผู้พันกดที่ไหล่ของเขาแล้วพูด “คุณฟังผมนะ พวกคุณทำได้ดีแล้ว พวกคุณจับตัวคนพวกนี้ไว้ได้ หนึ่งในนั้นมีรองหัวหน้าของแก๊งม้ามังกรอยู่ ดูเหมือนว่าเขาอยากจะมาจัดการกับคุณด้วยตัวเอง คงคิดว่าฟาร์มปลาเล็กๆ จะจัดการได้ง่ายๆ แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ถ้ามีเขาอยู่พวกเรากวาดล้างแก๊งม้ามังกรได้แน่นอน!”


“อย่าลืมหนอนบ่อนไส้ในหมู่พวกคุณ!” ฉินสือโอวกัดฟัน


ผู้พันยิ้มแล้วพูด “พวกเราไม่ใช่บราซิลนะ หนอนในหมู่พวกเราไม่สามารถติดต่อพ่อค้ายาได้ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่ได้เพิ่งมาโดนแก้แค้นเอาวันนี้หรอก แต่คงมาหาถึงบ้านตั้งแต่เดือนเมษายนแล้ว”


ฉินสือโอวคิดแล้วก็น่ากลัวจริงๆ ถ้าพ่อค้ายาพวกนี้มาในเดือนเมษายนจริงๆ เขาคงแย่ไปแล้ว ในตอนนั้นที่ฟาร์มปลายังไม่มีเรดาร์เลย


ขณะที่ทั้งคู่คุยกันอยู่ ก็มีตำรวจทางทะเลอีกคนรีบร้อนเดินเข้ามาหา


ผู้พันถามอย่างไม่พอใจ “มีเรื่องอะไร?”


ตำรวจทางทะเลคนนั้นพูด “พระเจ้า พวกโชคร้ายที่อยู่ทางตะวันตก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เท้าของพวกเขาถูกทุบจนแตก! แย่มากจริงๆ นะครับ! หัวหน้า แตกเลย! อย่างกับมีคนทุบด้วยค้อนห้าร้อยปอนด์ ผมพนันได้เลยว่าชีวิตที่เหลือของพวกนั้น คงได้แต่นั่งอยู่บนวีลแชร์”


ผู้พันมองไปทางฉินสือโอว ฉินสือโอวพูดอย่างอารมณ์ไม่ดี “คุณคิดว่าคนของผมทำเหรอ? คนของผมไม่ได้น่าเบื่อขนาดนั้นนะ ดูแล้วพวกเขาคงจะซวยเอง ฟาร์มปลาของผมมีพื้นที่ที่มีกั้งตั๊กแตนอาศัยอยู่ คุณเข้าใจเจ้าสิ่งนี้ไหม?”


ผู้พันส่ายหัวอย่างสงสัย “กุ้งชนิดนี้สามารถทุบเท้าคนจนกระดูกร้าว ไม่ ไม่ใช่กระดูกร้าว แต่เป็นกระดูกแตก!”


ฉินสือโอวหาข้อมูลกั้งตั๊กแตนในอินเทอร์เน็ตแล้วอธิบาย “กั้งตั๊กแตนที่ฟาร์มผมมีขนาดประมาณยี่สิบเซนติเมตรทั้งนั้น”


ตำรวจทางทะเลคนนั้นก็พูดขึ้นมาด้วย “ใช่แล้ว ตอนที่พวกเราอยู่ที่ชายหาดก็เจอกั้งตั๊กแตน เพื่อความปลอดภัยเลยไม่ได้แตะต้องพวกมัน หัวหน้า นั่นเป็นเรื่องที่โหดร้ายมาก”


ตอนนี้ตำรวจของเมืองมาแล้ว โรเบิร์ตติดอาวุธมาเต็มยศ ตอนกลางคืนยังใส่แว่นกันแดดอีก ฉินสือโอวเห็นแล้วก็โมโห


โรเบิร์ตทำท่าดุดันขึ้นไปถามถึงเหตุการณ์ จากนั้นก็เตะพ่อค้ายาเหล่านั้นแล้วด่า “ไอ้พวกเวรเอ๊ย ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน! ไอ้เวร! รู้ไหมว่าที่นี่เป็นที่ของใคร?”


ฉินสือโอวและพวกชาวประมงมองเขาอย่างเย็นชา โรเบิร์ตหัวเราะเย้ยแล้วด่าต่อ “ไอ้พวกเวร แม่งเอ๊ย! นี่คือที่ของฉินสือโอว! เข้าใจไหม?! พวกแกกล้ามาหาเรื่องฉิน? พระเจ้าก็ช่วยแกไม่ได้! ไปเจอซาตานซะเถอะ!”


ดูท่าทางของตำรวจเมืองแล้ว ฉินสือโอวไม่ไว้ใจจริงๆ มอบเสี่ยวหมิงของตัวเองให้พวกเขา เขาลากนีลเซ็นมา “เร่งรับสมัครคน เข้าใจไหม? ห้าคน เบี้ยเลี้ยงต่อรองได้ แต่ต้องมีฝีมือที่เก่งกาจ!”


พลิกไปพลิกมาอยู่ครึ่งคืน พวกตำรวจทางทะเลก็เอาตัวพ่อค้ายาพวกนี้ไป ว่ากันว่าต้องกลับไปโจมตีทั้งคืน ผู้พันบอกฉินสือโอวว่าตำรวจและทหารทางทะเลของนิวฟันด์แลนด์จะส่งคนมาอยู่กับพวกเขาทั้งวันทั้งคืน พวกเขาต้องทำลายแก๊งม้ามังกรให้ได้


ด้านนอกวุ่นวายขนาดนี้ ทำไมคนในบ้านถึงยังหลับกันอยู่ได้?


วินนี่เฝ้ารออย่างทุกข์ใจอยู่นานแล้ว ฉินสือโอวกลับไปเห็นวินนี่ซบพ่อแม่อยู่ ฟอกส์กอดหัวของเธอไว้ในอ้อมแขนแล้วลูบหลังปลอบใจเธอ


ฉินสือโอวเปิดไฟ พยายามยิ้มอย่างอบอุ่นแล้วพูด “เฮ้ ทำไมพวกคุณถึงไม่เปิดไฟกันล่ะ?”


วินนี่พูดเสียงอ่อน “พ่อฉันบอกว่ามีคนตะโกนว่าด้านนอกว่ามีมือปืน กลัวว่าถ้าเผยตัวแล้วจะทำให้คุณยุ่งยาก ก็เลยไม่เปิดไฟค่ะ”


เห็นฉินสือโอวเดินเข้ามา ฉงต้าก็ลุกขึ้นยืดคอคำรามขึ้นมา ขนสีน้ำตาลตั้งชันขึ้นมาทั้งตัว ดูสุดยอดมาก


หู่จือและเป้าจือชำเลืองมองมันอย่างเหยียดหยาม เมื่อครู่พวกมันอยู่ข้างๆ ฉินสือโอวตลอด อยากจะพุ่งเข้าไปคาบปืนในมือพ่อค้ายาตั้งหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวยั้งพวกมันไว้


มาริโอ้ในฐานะผู้อาวุโสของบ้าน พยายามรักษาท่าทางให้สงบแล้วถาม “ฉิน เกิดอะไรขึ้น?”


ฉินสือโอวถอนหายใจ “ไม่มีอะไรครับ ก็แค่พวกขโมย พวกเขาก็รู้ว่าฟาร์มปลาของผมร่ำรวย ก็เลยจะมาขโมยเงิน”


เขาไม่กล้าพูดว่าคนที่มาในครั้งนี้คือพ่อค้ายา ไม่อย่างนั้นทั้งบ้านคงต้องตกใจแน่


มาริโอ้พูดอย่างกังวล “ฟาร์มปลาของนายไกลจากแผ่นดินใหญ่มาก อันตรายจริงๆ ไม่อย่างนั้นก่อนคลอดลูกให้วินนี่กลับไปอยู่บ้านก่อนไหม?…”


“หนูไม่ไป หนูจะอยู่กับสามีของหนู! และที่นี่พวกเราก็มีกันตั้งหลายคน แถมยังมีหมีสีน้ำตาลกับหมาพันธุ์สแปเนียลอีก ใครหน้าไหนหนูก็ไม่กลัว ใช่ไหม?” ครึ่งแรกวินนี่พูดกับมาริโอ้ ครึ่งหลังวินนี่พูดกับหู่จือเป้าจือฉงต้าหลัวปอทั้งสี่ตัว


ฉงต้ารีบคำรามพร้อมท่าทางองอาจ หู่จือและเป้าจือก็ไม่ยอมน้อยหน้า ระหว่างนั้นในบ้านก็มีแต่เสียงเห่าหอน ทำให้พวกชาวประมงตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นอีก พวกเขาถือปืนแล้ววิ่งมาทางนี้


ฉินสือโอวอธิบายว่าไม่มีอะไรให้พวกเขากลับไปพักผ่อนได้ พรุ่งนี้ไม่ต้องทำงาน ไปดื่มเบียร์ที่บาร์ก็พอ แล้วกลับมาคิดบัญชีกับเขา แต่เรื่องคืนนี้ห้ามใครเอาไปพูดทั้งนั้น


พวกมาริโอ้เห็นว่าวินนี่ท่าทางยืนกราน ก็ได้แต่ถอนใจแล้วบอกให้พวกเขาระวังตัว สำหรับความใจแข็งของวินนี่ ทั้งสามคนเข้าใจดี


ไม่ง่ายเลยที่ทั้งครอบครัวจะหันมาปรองดองกัน มาริโอ้ไม่อยากก่อความขัดแย้งอะไรมาทำลายความพยายามก่อนหน้านี้อีก


แต่จะว่าไปแล้ว สำหรับความปลอดภัยของฟาร์มปลา พวกเขาก็ถือว่ายังไว้ใจได้ มีทั้งเรดาร์และขีปนาวุธแล้ว ยังต้องการอะไรอีก?


บทที่ 779 กองทัพติดอาวุธ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวคิดเรื่องปัญหาด้านความปลอดภัยของฟาร์มปลาอยู่ตลอด


ที่จริงถ้าพูดถึงความสามารถในการรักษาความปลอดภัย ฟาร์มปลาก็มีเพียงพอแล้ว แม้ว่าเกาะจะอยู่ไกลจากแผ่นดินใหญ่ แต่นี่ก็กลายเป็นความได้เปรียบ เพราะการที่จะเข้าใกล้เกาะได้ต้องอาศัยทางเรือเท่านั้น และฟาร์มปลาก็มีเรดาร์ที่สามารถค้นพบเรือบนทะเลได้


ถ้าเรื่องวันนี้เกิดขึ้นบนแผ่นดินใหญ่ก็คงวุ่นวายน่าดู ในเมื่อพวกฉินสือโอวสามารถเห็นคนพวกนี้ล่วงหน้าได้ และตอนที่ต้องรับมือเมื่อมีคนบุกมาที่วิลล่าก็อาศัยพวกหู่จือและเป้าจือได้


สิ่งที่ไม่สะดวกบนเกาะก็คือกำลังสนับสนุนที่มาช้าเกินไป ถ้าวันนี้พวกพ่อค้ายาขึ้นฝั่งแล้วสู้อย่างไม่กลัวตายก็คงได้วุ่นวายจริงๆ ไม่แน่พวกชาวประมงอาจถึงขั้นเลือดตกยางออก


ฉินสือโอวคิดดูแล้วก็รู้สึกว่ายังไม่สามารถวางใจได้ เขาตัดสินใจซื้อฟาร์มแบบเดียวกับเหมาเหว่ยหลง ให้วินนี่ไปอยู่ที่ฟาร์มนั่นก่อนระยะหนึ่ง


แต่วันรุ่งขึ้นพอดูข่าวเช้าแล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญขนาดนั้น เพราะทีวีทุกช่องกำลังรายงานเรื่องนี้อยู่ เมื่อคืนตำรวจ ตำรวจทางทะเล ตำรวจพิเศษและทหารเรือร่วมมือกันทำงาน รวบจับแก๊งม้ามังกรที่ฉาวโฉ่นี้ได้ทั้งหมด


ก็เหมือนกับที่ผู้พันพูด เรื่องจริงไม่ใช่ละครหรือภาพยนตร์ พวกพ่อค้ายายังอ่อนแอเมื่อเทียบกับเครื่องมือของประเทศ พวกเขาเก่งในการหลบซ่อน แต่ถ้าถูกพบเบาะแสแล้ว การที่พวกตำรวจจะร่วมมือกันจับพวกเขาก็ง่ายดาย


รองหัวหน้าของพวกแก๊งม้ามังกรไม่ใช่คนปากแข็ง พวกตำรวจสอบสวนจนได้ที่อยู่ของพวกตัวหลักๆ ในแก๊งม้ามังกรแล้วก็ออกไปโจมตีทันที คืนนั้นพวกเขาจับทุกคนมาได้พร้อมกับยาเสพติดจำนวนมากและเงินสด


ข่าวนี้ทำให้ฉินสือโอวโล่งใจขึ้นมาหน่อย ผลสุดท้ายหลังจากที่วินนี่ท้องแล้วก็ไวต่อความรู้สึกมาก พอพบว่าเขามีท่าทางสบายใจ ก็ชี้ไปที่ข่าวในทีวีแล้วชี้ไปที่ชายหาดด้านนอกอย่างสงสัย ไม่ต้องพูดก็เห็นได้ชัด


แบบนี้ก็โกหกไม่ได้แล้ว ไอคิวและอีคิวของวินนี่ไม่ต่ำเลย ฉินสือโอวยิ้มเจื่อนพลางพยักหน้า สื่อความหมายว่าเธออย่าพูดออกมาเลย วินนี่ตัวแข็งพยักหน้า เดินมากอดเขาแล้วสอดหัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขา


ทั้งหมดนี้เป็นเหมือนการเล่นละครใบ้ แต่ความรู้สึกอบอุ่นไม่เปลี่ยนแปลง


ต้นเดือนสิงหาคม ฉินสือโอวกำลังโทรติดต่อบริษัทขายกระท่อมสำเร็จรูป เตรียมจะสร้างไว้รอบๆ บ้านอีกไม่กี่หลัง


กระท่อมเครื่องดื่มเย็นหลังก่อนหน้านี้สุดท้ายก็ซ่อมไม่ได้แล้ว ไม่รู้ว่าหลังคาปลิวไปที่ไหนแล้ว ซีมอนสเตอร์พาคนเอาแผ่นไม้มาใส่ไว้แทน แต่มองดูแล้วน่าเกลียดเหลือเกินและก็ดูไม่เข้ากันเลยด้วย ฉินสือโอวเลยซื้อใหม่เลยแล้วกัน


ครั้งนี้เขาต้องการห้าหลัง นอกจากกระท่อมเครื่องดื่มแล้ว ยังมีกระท่อมเบียร์และกระท่อมบาร์บีคิวด้วย เท่านี้ก็สามารถสร้างเป็นชุมชนเล็กๆ ได้เลย


เพิ่งจะรับสาย หู่จือและเป้าจือก็เห่าโฮ่งๆ ดังขึ้นมา ฉินสือโอวออกไปดู นีลเซ็นพาชายที่ลักษณะองอาจห้าวหาญเข้ามาในฟาร์มปลาห้าคน หู่จือและเป้าจือขึ้นไปเห่าขู่ นีลเซ็นโบกมือให้พวกมันไปเล่นอีกด้าน ผลสุดท้ายหู่จือและเป้าจือไม่ฟัง พวกมันยังคงเห่าต่อไป


ตั้งแต่ที่เกิดการโจมตีตอนกลางคืน หู่จือและเป้าจือก็มีความระวังขึ้นมาก แค่ลมพัดหญ้าไหวก็จะวิ่งไปดู พวกมันเห่าอยู่ตลอด แม้ไม่ได้มีคำสั่งจากฉินสือโอว


ฉินสือโอวเห็นห้าคนนี้แล้ว ก็รู้ว่านี่คือทหารอาสาที่นีลเซ็นหามา เขาเป่าปากหนึ่งครั้ง หู่จือและเป้าจือมองไปที่ทั้งห้าคนแล้วค่อยๆ วิ่งกลับมา


ชาวผิวสีท่าทางกำยำที่อายุมากที่สุดในห้าคนนั้นเอ่ยชมด้วยสำเนียงทางใต้ของอเมริกา “เป็นสุนัขที่ดี เป็นสุนัขที่ดีจริงๆ!”


พอถึงวิลล่า ฉินสือโอวก็ให้ทั้งห้าคนนั่งลงดื่มกาแฟบนโซฟา เขาดึงนีลเซ็นไปอีกทางหนึ่งแล้วถาม “ห้าคนนี้เป็นมายังไง? ไว้ใจได้ไหม?”


เขาไม่ได้กลัวว่าห้าคนนี้จะต่อสู้ไม่เก่ง แต่กลัวว่าจะเป็นการชักศึกเข้าบ้าน ป้อมปราการที่แข็งแรงก็พังลงได้ง่ายๆ เมื่อโจมตีจากด้านใน


นีลเซ็นตบอกแล้วพูด “ไว้ใจได้แน่นอนครับบอส พวกเขาเป็นเพื่อนในสนามรบของเบิร์ด พวกเขาเป็นคนที่เบิร์ดหามาเป็นพิเศษ”


ได้ยินแบบนี้ฉินสือโอวก็โล่งใจ เบิร์ดพูดน้อย แต่ทำงานไว้ใจได้มากที่สุด


เขาถามถึงเบิร์ด นีลเซ็นบอกว่าเบิร์ดออกทะเลไปแล้ว วันนี้ก็เลยขอให้เขามารับห้าคนนี้แทน


เบิร์ดเคยเป็นครูฝึกที่กองกำลังโต้กลับความเร็วสูง ที่รู้จักกับนีลเซ็นก็เพราะแบบนี้ ที่จริงก่อนหน้านี้เขาเคยรับราชการอยู่ในกลุ่ม D-Team ของหน่วยปฏิบัติการพิเศษเดลตาฟอร์ซ ภายหลังถูกย้ายไปที่กองกำลังโต้กลับความเร็วสูงของแคนาดา


ฉินสือโอวถาม “พวกเขาก็มาจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษเดลตาฟอร์ซเหมือนกันเหรอ?”


คนพวกนี้มีบุคลิกที่ดูดิบเถื่อนต่างจากทหารของแคนาดา เขาเคยเห็นบุคลิกแบบนี้จากแค่ทหารอเมริกันเท่านั้น


นีลเซ็นส่ายหน้าแล้วพูด “ไม่ครับ ความสัมพันธ์ซับซ้อนมาก ให้พวกเขาอธิบายกันเองเถอะครับ”


ฉินสือโอวนั่งอยู่ตรงหน้าทั้งห้าคน “เท่าที่ผมเข้าใจ พวกคุณกับเบิร์ดเป็นเพื่อนร่วมรบกัน? เบิร์ดเป็นมือขวาของผม คนที่เขาแนะนำมาต้องใช้ได้อย่างแน่นอน รบกวนช่วยแนะนำตัวให้ผมฟังหน่อยสิ”


คนผิวสีที่แข็งแรงน่าจะเป็นหัวหน้า อายุประมาณสี่สิบปี รูปร่างใหญ่โต เสื้อลายพรางตึงไปด้วยกล้ามเนื้อที่แน่น ตอนที่จับมือกันฉินสือโอวสังเกตได้ว่ามือของเขาด้านมาก เห็นได้ชัดว่าผ่านการใช้ปืนใช้มีดมาอย่างโชกโชน


ชายผิวสียืนขึ้นคนแรก “ผมชื่อ ฮันส์ เบิร์ค รหัส ‘แบล็คไนฟ์’ ยศนายจ่า ปี 2010 อยู่กลุ่ม D-Team ของหน่วยปฏิบัติการพิเศษเดลตาฟอร์ซ เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้และซุ่มยิง ปลดประจำการจากกองทัพติดอาวุธเมื่อครึ่งปีที่แล้วครับ!”


คนผิวขาวผมทองที่อยู่ข้างๆ คนผิวสียืนขึ้นต่อ แล้วพูดเสียงดัง “ผมชื่อทอมป์สัน คาเลเดอร์ รหัส ‘บีบีซวง’ ยศนายจ่า ก่อนปี 2011 อยู่ฝ่ายสืบหาในกองทัพเรือของอเมริกา เชี่ยวชาญการซ่อมอาวุธและการขับขี่ ปลดประจำการจากกองทัพติดอาวุธเมื่อครึ่งปีที่แล้วครับ!”


อีกสามคนที่เหลือล้วนเป็นคนผิวขาว แยกเป็น คลาแลนซ์ ลีโอพอร์ด รหัส ‘ทริกเกอร์’ บิลโบ ออสวิด รหัส ‘ออสเปร’ และแพททริก ลีโอนาร์ด รหัส ‘แอร์แบ็ค’


ห้าคนนี้มีสองอย่างที่เหมือนกัน หนึ่งคืออายุค่อนข้างเยอะ แต่ละคนสี่สิบกว่าๆ ทั้งนั้น สองคือปลดประจำการมาจาก ‘กองทัพติดอาวุธ’ ทั้งหมด และปลดประจำการมาเมื่อประมาณครึ่งปีที่แล้วเหมือนกัน


ฉินสือโอวทำความเข้าใจสักครู่ ที่แท้กองทัพติดอาวุธก็เรียกอีกอย่างว่ากลุ่มติดอาวุธ เป็นกองกำลังทหารรับจ้าง ก่อตั้งขึ้นโดยอลาทิส แมริสัน ทหารผู้กล้าในหน่วยรบพิเศษทางอากาศของอังกฤษในปี 1981 ตอนนั้นมีชื่อว่าบริษัทดีเฟนซ์ซิสเตม


ในปี 1997 บริษัทดีเฟนซ์ซิสเตมถูกบริษัทอาร์เมอร์โฮลดิงซื้อไป ต่อมาในปี 2004 ก็เปลี่ยนชื่อเป็นกองทัพติดอาวุธ


กลุ่มทหารรับจ้างไม่ใช่แค่พวกนักรบที่โหดเหี้ยมแบบที่แสดงในภาพยนตร์ ตอนนี้ดูเหมือนทุกอย่างกลายเป็นธุรกิจไปหมดแล้ว อย่างเช่นในปี 2004 ก็ประสบความสำเร็จในการตีตลาดที่ลอนดอน


ทหารรับจ้างของบริษัทนี้มีความสามารถสูง ปฏิบัติการมาแล้ว 38 ประเทศทั่วโลก มีสมาชิกทั้งหมดเก้าพันคน ส่วนมากเป็นพวกเสมียนและบุคลากรด้านโลจิสติกส์ที่อยู่เบื้องหลัง พนักงานที่เป็นกำลังรบมีสองพันนาย ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังมาก และเป็นยักษ์ใหญ่ของโลกในหมู่ทหารรับจ้างที่ในปัจจุบันเก่งกว่าพวกน้ำดำนกดำอะไรนั่นอีก


………………………………………………………….


บทที่ 780 นี่สิถึงจะใช่ทหารรับจ้าง

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวถามคำถามอีกนิดหน่อย ความสามารถของทั้งห้าคนนี้ไม่เหมือนกัน บีบีซวงมีประโยชน์กับเขามากที่สุด เพราะเขาสามารถขับเครื่องบิน รถถัง เรือดำน้ำ เรือและรถยนต์ได้ แล้วยังสามารถซ่อมได้อีกด้วย


แต่ความสามารถในการต่อสู้ของเขาอ่อนที่สุดในบรรดาห้าคนนี้ เขายอมรับว่าถ้าสู้กับคนที่เก่งในการต่อสู้ระยะประชิดอย่างแบล็คไนฟ์ ห้าคนนี้ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแบล็คไนฟ์


ความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดของแบล็คไนฟ์นั้นสุดยอดมาก หลังจากปลดประจำการจากบริษัทอาร์เมอร์โฮลดิง ก็ไปเป็นหัวหน้าครูฝึกให้กับสมาคมแห่งหนึ่ง น่าเสียดายที่นิสัยแข็งข้อมากเกินไป ความสัมพันธ์กับเจ้านายเลยไม่ค่อยดี เบิร์ดโทรไปหาเขาให้พาพรรคพวกมาเป็นชาวประมง พอบอกรายได้เขาก็รีบมาทันที


ฉินสือโอวลองทดสอบดู บีบีซวงเข้าไปในเรือดำน้ำไม่ถึงห้านาทีก็โผล่หัวออกมาพูดว่า “โอเคครับ บอส เจ้านี่น่ะเด็กๆ พวกคุณมีใครอยากจะเข้าไปไหม? ผมจะพาพวกคุณไปเที่ยวใต้ทะเล”


ฉินสือโอวไม่อยากไปเสี่ยง แบล็คไนฟ์ตัวใหญ่เกินไปจึงเข้าไปไม่ได้ สุดท้ายแอร์แบ็คก็ต้องลงเรือดำน้ำไปกับบีบีซวง เขาก็มาจากกองทัพเรือเหมือนกัน มีฝีมือการขับเรือดำน้ำและเรือที่ไม่เลวเลย เป็นประเภทที่เคยได้รับการฝึกมาแต่ไม่ยังไม่ถึงกับเชี่ยวชาญ


เรือดำน้ำเล็กออกตัว ฉินสือโอวส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนตามไปด้วย


ฝีมือการขับของบีบีซวงโดดเด่นจริงๆ เรือดำน้ำเล็กอยู่ในน้ำราวกับปลา และดูออกเลยว่านี่คือทหารที่เก๋าเกมคนหนึ่งจริงๆ ไม่ใช่พวกทหารกระจอก


แม้ฉินสือโอวจะไม่ได้อยู่บนเรือดำน้ำด้วย มีเพียงเพื่อนสนิทของเขาอยู่คนเดียว แต่เขาก็ยังแสดงฝีมือการถอยหลัง การขับแบบเร่งด่วน การเลี้ยวโค้ง ลอยขึ้นและดำลง และวิธีรบโดยใช้เรือดำน้ำทั้งหมดภายใต้ความช่วยเหลือของเพื่อนสนิท


เห็นแค่ส่วนหนึ่งก็สัมผัสได้ถึงฝีมือทั้งหมด บีบีซวงและแอร์แบ็คเป็นคนซื่อสัตย์ อย่างนั้นเพื่อนเขาทั้งสามก็คงไม่ผิดไปจากกัน พอเรือดำน้ำลอยขึ้นมาฉินสือโอวก็พูดว่า “เยี่ยมมาก พวกคุณถูกรับเข้าทำงานแล้ว ทดลองงานสามเดือน เงินเดือนระหว่างทดลองงานคือห้าพันห้าร้อยดอลลาร์แคนาดา ผ่านเป็นพนักงานประจำแล้วขึ้นเป็นแปดพัน แบล็คไนฟ์เป็นหัวหน้า มีการประเมินสองครั้งต่อเดือน มีอะไรจะเสนอไหม?”


“ไม่มีครับ นายท่าน!” ทั้งห้าคนเงยหน้ายืดอกคำราม


ฉินสือโอวได้ยินเสียงตะโกนที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพวกเขาแล้ว ใบหน้าก็มีรอยยิ้ม นี่สิถึงจะเรียกว่ามีความเป็นทหารหน่อย เขานำพวกชาวประมงที่แสนเกียจคร้านจนจะหมดแรงแล้ว


เงินเดือนจำนวนนี้เบิร์ดเป็นคนช่วยเขากำหนด เดิมทีฉินสือโอวรู้สึกว่าต่ำไปหน่อย


เขาเคยอ่านนิยายเกี่ยวกับทหารรับจ้าง คนพวกนั้นได้เงินเดือนหลักๆ ก็เป็นแสนเลยไม่ใช่เหรอ? รับทำงานครั้งหนึ่งก็ได้เป็นล้านแล้ว แค่ไม่กี่พันดอลลาร์ พวกเขาคงไม่สนใจหรอก?


เบิร์ดพูดว่าราคานี้เหมาะสมแล้ว และนี่ก็ไม่ใช่ราคาของการเป็นทหารเพียงอย่างเดียว พวกเขาต้องเป็นชาวประมงด้วย ถ้าเป็นทหารอย่างเดียว ให้ช่วงทดลองงานแค่สี่พันก็พอแล้ว


ฉินสือโอวคิดว่าเบิร์ดพูดเล่น เมื่อครู่เขาเตรียมไว้ดีแล้ว ถ้าแจ้งเงินเดือนไปแล้วมีคนบอกว่าน้อยไป เขาก็จะขึ้นเป็นหนึ่งหมื่น ผลสุดท้ายดูแล้วทุกคนก็เต็มใจกันดี ใบหน้าที่เคร่งขรึมของแบล็คไนฟ์ยังเผยรอยยิ้มออกมา


เออร์บักทำสัญญาไว้ล่วงหน้าแล้ว ฉินสือโอวเอาให้พวกเขาดู แบล็คไนฟ์ดูแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาถาม “มีประกันสุขภาพด้วยเหรอครับ?”


ฉินสือโอวพูด “แน่นอนสิ ไม่มีประกันสุขภาพพแล้วพวกนายจะไปหาหมอที่โรงพยาบาลกันยังไง?”


แอร์แบ็คหัวเราะ “นายท่าน คุณยังต้องการคนไหม? พวกเรายังมีพรรคพวกที่ใช้ได้อยู่อีก ถ้าขาดคนก็ลองเรียกพวกเขาได้ พวกเขาต้องเต็มใจรับใช้คุณอย่างแน่นอน”


“ไม่ต้องเรียกฉันว่านายท่านหรอก เรียกว่าบอสเหมือนที่เบิร์ดเรียกก็พอ ทหารลาดตระเวนของเราเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ส่วนหลักจริงๆ คือฟาร์มปลา” ฉินสือโอวพูด


ทั้งห้าคนเซ็นชื่อโดยไม่ลังเลสักนิด สัญญามีทั้งหมดสามฉบับ ฉินสือโอวเก็บไว้หนึ่งฉบับ พวกเขาเก็บไว้หนึ่งฉบับ และส่งให้กรมแรงงานและฝ่ายพัฒนาสังคมของแคนาดาอีกหนึ่งฉบับ


เซ็นชื่อแล้วใบหน้าของทั้งห้าคนก็เผยรอยยิ้มออกมา ดูท่าทางมีความสุข


ฉินสือโอวถามอย่างแปลกใจ “พวกนายดีใจอะไร จากบ้านจากเมืองมาทำงานที่อื่น ไม่น่าจะดีใจเท่าไรนะ?”


แอร์แบ็คที่คึกคักที่สุดหัวเราะแล้วพูด “พวกเราหางานที่ดีได้แล้วไงครับ ต่อไปนี้ก็เลี้ยงครอบครัวได้สบายเลย”


ฉินสือโอวถามหยั่งเชิง “พวกนายไม่คิดว่าเงินเดือนนี้ต่ำเกินไปเหรอ?”


ทั้งประเทศแคนาดาไม่มีใครรับสมัครทหารลาดตระเวน ดังนั้นฉินสือโอวก็ไม่รู้ว่าจะกำหนดราคายังไง ทั้งหมดก็เป็นนีลเซ็นกับเบิร์ดที่ปรึกษากันอยู่สองคน ทั้งสองบอกว่าค่าตอบแทนเท่านี้ไม่เลวเลย ดูจากตอนนี้แล้วเหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ


“ไม่ครับ เงินเดือนนี้สูงมากแล้ว” ทั้งห้าคนหมายความว่าแบบนี้


แบบนี้ฉินสือโอวก็ถามพวกเขาถึงรายได้ตอนที่เป็นทหารรับจ้าง แบล็คไนฟ์อธิบายว่า ในกองทัพติดอาวุธของพวกเขาจะได้เงินเดือนอยู่สองแบบ หนึ่งคือเงินเดือนที่คงที่ อีกแบบคือเบี้ยเลี้ยงรายวัน


เบี้ยเลี้ยงรายวันจะได้ตอนที่ไปปฏิบัติงาน อยู่ระหว่างสองร้อยยูโรถึงหนึ่งพันยูโร ระดับความอันตรายไม่เท่ากัน รายได้ก็ไม่เท่ากัน


อัตราแลกเปลี่ยนของเงินยูโรกับดอลลาร์แคนาดาอยู่ที่หนึ่งจุดสี่ หรือก็คือตอนที่พวกเขาออกไปปฏิบัติงานจะได้ประมาณสองร้อยแปดสิบถึงหนึ่งพันสี่สิบดอลลาร์แคนาดาต่อหนึ่งวัน หนึ่งเดือนได้แปดพันสี่ร้อยดอลลาร์แคนาดาถึงสี่หมื่นสองพันดอลลาร์แคนาดา


เมื่อคำนวณเทียบดูแล้ว ฉินสือโอวก็ถามอย่างสงสัย “รายได้ของพวกคุณ เป็นแบบนี้จริงเหรอ?”


แบล็คไนฟ์พูดอย่างเคร่งขรึม “ใช่ครับนายท่าน ผมไม่ได้โกหกสักคำ! แต่นี่คือเงินที่พวกเราได้ตอนไปปฏิบัติการ ดังนั้นจึงค่อนข้างสูง ถ้าแค่อยู่รับคำสั่งธรรมดา หนึ่งเดือนได้สามพันยูโร”


ฉินสือโอวยิ่งประหลาดใจ เขาลังเลอยู่สักครู่แล้วก็พูดออกไป “ฉันหมายความว่าตอนนั้น เงินเดือนของพวกนายต่ำขนาดนี้เลยเหรอ? พวกนายเป็นทหารรับจ้างที่ต้องไปทำสงครามนะ?”


คราวนี้ถึงตาพวกแบล็คไนฟ์ประหลาดใจบ้างแล้ว เขาพูด “รายได้ของพวกเราอยู่ในระดับกลาง ถ้าเป็นพวกสายลับของกองทัพติดอาวุธรายได้ก็จะสูงขึ้นไปอีก ตอนที่เบี้ยเลี้ยงรายวันสูงสามารถได้ถึงสองสามพันยูโรเลย ทหารรับจ้างกลุ่มอื่นๆ อย่างเช่นบริษัทโกลเบิลสแทรทิจีและบริษัทรักษาความปลอดภัยมอริน เบี้ยเลี้ยงรายวันพนักงานของพวกเขายังไม่ถึงหนึ่งร้อยยูโรเลยนะครับ”


ฉินสือโอวพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ “สิ่งที่พวกนายทุ่มเทไปเทียบไม่ได้กับรายได้เลยไม่ใช่เหรอ? ไปรบในสงครามแล้วได้เงินน้อยแค่นี้? พวกนายเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเลยนะ”


แบล็คไนฟ์กระแอมหนึ่งครั้ง แล้วพูดอย่างกระอักกระอ่วน “นายท่าน คุณคงเข้าใจผิดเกี่ยวกับกองทัพทหารรับจ้างของผมแล้ว ที่จริงแล้วพวกเราทำสงครามน้อยมาก อย่างที่คุณพูด สงครามต้องเสี่ยงชีวิต ถ้ามีคนตาย บริษัทก็ต้องชดเชยกว่าล้านยูโร แบบนี้ได้ไม่คุ้มเสีย”


“ปกติงานที่พวกเรารับกันก็เป็นพวกการฝึกรับมือผู้ก่อการร้าย การปกป้องเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ไปเป็นแขกในพื้นที่เสี่ยง บางครั้งก็ไปเป็นบอดี้การ์ดให้กับพวกเศรษฐี รักษาความปลอดภัยให้พวกขุดน้ำมัน แก๊สธรรมชาติ เหมืองเพชรต่างๆ งานพวกนี้ไม่ค่อยมีอันตรายอะไร”


แบล็คไนฟ์หยุดครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อ “แน่นอนว่าพวกเราก็มีตอนที่ไปเจออันตรายบ้าง เช่นไปช่วยส่งข้อมูลให้กับบางประเทศ ไปกำจัดทุ่นระเบิดในบางที่ ร่วมทำสงครามแย่งดินแดนอะไรพวกนี้ งานพวกนี้ค่าตอบแทนดี เบี้ยเลี้ยงรายวันได้ถึงหนึ่งพันยูโร”


“อย่างนั้นบอกรายได้โดยเฉลี่ยของพวกนายหน่อยสิ หรือรายได้รายปีก็ได้” ฉินสือโอวพูด


แบล็คไนฟ์ถูจมูกแล้วพูด “ผมมีรายได้สูงสุดในหมู่พวกเรา รายได้รายปีอยู่ที่หนึ่งแสนยูโรโดยประมาณครับ”


เพราะสำนักงานใหญ่ของกองทัพติดอาวุธอยู่ที่ลอนดอนประเทศอังกฤษ ดังนั้นค่าตอบแทนที่ส่งมาให้พนักงานเลยเป็นหน่วยยูโร


รายได้รายปีหนึ่งแสนยูโร เทียบเป็นเงินหยวนแล้วก็ได้หกแสนกว่าๆ ฟังดูแล้วไม่น้อย แต่สำหรับที่ฉินสือโอวคาดหวังไว้ยังถือว่าน้อยไปมาก ครั้งที่แล้วที่เหล่าชาวประมงไปจับกุ้งมังกรที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ ทุกคนได้ค่าตอบแทนกันเกินหนึ่งแสนสองหมื่นดอลลาร์แคนาดา!


บทที่ 781 เข้าใจผิดแล้ว

โดย

Ink Stone_Fantasy

รายได้ของชาวประมงที่ฟาร์มปลาต้าฉินสูงกว่าทหารรับจ้างเสียอีก แน่นอนว่านี่เกิดจากการที่ฉินสือโอวเพิ่มเงินเดือนให้ แต่ถึงแม้จะอยู่ในฟาร์มปลาข้างนอก ชาวประมงก็มีรายได้หลักมากกว่าหนึ่งแสนต่อปี


ที่ฉินสือโอวพูดถึงคือชาวประมง ไม่ใช่กัปตันเรือหรือเจ้าของของเรือประมงน้ำลึก พวกนั้นรายได้สูงยิ่งกว่า


ที่ฉินสือโอวขึ้นเงินเดือนของชาวประมงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะเขาเป็นคนจีน ดังนั้นฟาร์มปลาอื่นๆ สามารถมาดึงตัวคนของเขาไปได้ตามอำเภอใจ เขาจึงจำเป็นต้องขึ้นเงินเดือนเพื่อแลกกับความจงรักภักดีของพวกเขา


ในสังคมทุนนิยม เงินคือทุกอย่าง คืนไม่กี่วันก่อนหน้านี้ทำไมพวกชาวประมงที่ขลาดกลัวถึงเอาปืนมาออกมาช่วยฟาร์มปลา? เพราะฟาร์มปลาให้รายได้และชีวิตที่ดีแก่พวกเขา พวกเขาต้องรักษารายได้ก้อนนี้เอาไว้ จึงต้องสนับสนุนฉินสือโอว


ฉินสือโอวถาม “รายได้ของพวกนายไม่ได้ถือว่ามากมายเลยเพื่อน ไม่ถือว่ามากจริงๆ ทำไมพวกนายถึงต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเป็นทหารรับจ้างด้วยล่ะ? เป็นเพราะพวกนายเคยชินกับชีวิตทหารเหรอ?”


แบล็คไนฟ์หัวเราะ “คุณลองไปใช้ชีวิตทหารบ้าๆ นั่นดูเถอะ พวกเราไม่ใช่แรมโบ ที่จะชอบชีวิตน่าเบื่อของทหารได้ยังไงครับ? แค่เพราะว่าพวกเราไปเป็นทหารรับจ้าง แม้ว่าจะอันตราย แต่ปีปีหนึ่งก็ได้รายได้ที่ไม่เลว ถ้าปลดประจำการกลับมาในสังคมแล้ว คุณคิดว่าเราจะทำอะไรได้เหรอ บอส?”


บีบีซวงยักไหล่พลางพูด “บางทีผมอาจจะไปเป็นคนขับเรือ? เดือนหนึ่งได้เงินสองพันห้าร้อยดอลลาร์สหรัฐ แล้วก็ไม่พอให้ลูกไปโรงเรียนหรือให้ภรรยาซื้อเครื่องสำอาง แล้วถูกเมียทิ้ง?”


นี่คือความลำบากของเหล่าทหารที่อายุมากแล้ว พวกเขาปลดประจำการออกมาแล้วก็ไม่ได้มีการวางแผนการทำงานที่เหมาะสมไว้ ในความเป็นจริงที่พวกเขาไปเป็นทหารในตอนนั้นก็เพราะไม่สามารถอยู่ในสังคมได้


ความคิดของคนอเมริกันและคนแคนาดาไม่เหมือนกับคนจีน ชายหนุ่มเลือดร้อนส่วนหนึ่งในประเทศจีนเป็นทหารก็เพื่อปกป้องบ้านเมือง แต่สำหรับทหารของอเมริกาและแคนาดาเป็นเพราะนั่นคืออาชีพๆ หนึ่งที่ทำแล้วได้เงิน


เบิร์ดกลับแล้วก็มาหาฉินสือโอว ถามว่าทั้งห้าคนที่เขาแนะนำมาเป็นอย่างไรบ้าง เขาพูดก่อนว่า “บอส พวกพี่ชายของผมทั้งห้าคนนั้น พวกเขาไม่ใช่ทหารพิเศษที่ฆ่าไม่ตายแบบในหนัง อันที่จริงฝีมือในการต่อสู้ของพวกเขาในตอนนี้คงพอๆ กับผม เหตุผลที่พวกเขาออกมาจากกองทัพติดอาวุธก็เพราะอายุเยอะเกินไป ออกไปรบไม่ไหวแล้ว”


“แต่ว่าบอส ผมกล้ารับประกันเลยว่าพวกเขาเป็นคนซื่อสัตย์ รับเงินจากคุณไปแล้วก็จะปกป้องฟาร์มปลาอย่างสุดหัวใจ ต่อให้มีคนขับเรือรบมาโจมตีฟาร์มปลา พวกเขาก็จะไม่ทิ้งฟาร์มปลาแล้วหนีไปอย่างเด็ดขาด!”


ฉินสือโอวพยักหน้า “ใช่แล้วเพื่อน ฉันยอมรับว่าพวกเขาทำตัวดี และฉันก็คิดว่าความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาใช้ได้และเพียงพอที่จะปกป้องฟาร์มปลา”


เขาไม่อยากออกไปรบอีกแล้ว คนห้าคนนี้อาจจะเป็นเพราะเหตุผลเรื่องอายุ และสมรรถภาพทางร่างกายที่ลดลงมาก แต่ก็เป็นเพราะอายุนี่แหละ ที่รับประกันประสบการณ์ที่มากมายของพวกเขาได้ และมั่นคงกว่า มีค่ากว่าสิ่งที่ตาเห็น นี่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก


ตอนที่พวกทหารรุ่นใหญ่มา พวกเขาเอากระเป๋าเดินทางมาด้วย มีชุดเครื่องนอนและเสื้อผ้าแบบง่ายๆ ฉินสือโอวแบ่งห้องไว้ให้พวกเขาแล้ว เหล่าทหารรุ่นใหญ่เก็บกวาดเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวเข้าไปดู ชุดเครื่องนอนกลายเป็นก้อนเต้าหู้ไปแล้ว นี่เหมือนกับพวกทหารผู้คุมระเบียบเลย


ชาวเน็ตเรียกทหารผู้คุมว่าทหารผ้าห่ม แบบนี้ไม่ค่อยเหมาะสม ไม่ว่าประเทศไหน กฎระเบียบของทหารก็เคร่งครัดด้วยกันทั้งนั้น ข้อเรียกร้องของกองทัพอเมริกันก็มีไม่น้อย ทหารใหม่ก็เริ่มจากการพับผ้าห่ม ผ้าห่มต้องพับเป็นก้อนเต้าหู้ เสื้อผ้าและหมวกก็ต้องเรียบร้อย ไม่อย่างนั้นผู้คุมก็จะจัดการกับพวกเขา


ก็เหมือนกับที่เบิร์ดพูด พวกแบล็คไนฟ์ทั้งห้าคนเป็นคนซื่อสัตย์ พวกเขาร่างแผนการฝึกของวันถัดไปตั้งแต่วันที่มาถึงฟาร์มปลา แบล็คไนฟ์แบ่งงานออกเป็นสองกะ กะละสองคน สิบสองชั่วโมง เพื่อรับประกันว่าจะมีคนคอยดูฟาร์มปลาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง


แบล็คไนฟ์เองก็เข้าเวรด้วย แบบนี้ก็จะมีหนึ่งคนที่ได้พักผ่อน ทั้งห้าคนผลัดจะกันไปพักผ่อน พวกเขาไม่มีวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดพัก การพักผ่อนนี้ก็คือวันหยุดของพวกเขา


ฉินสือโอวไม่ได้พูดอะไรมาก เขาคือนายจ้างไม่ใช่พระแม่มารี ในเมื่อคนงานเลือกทำงานแบบนี้ อย่างนั้นเขาก็ยอมรับ


เพื่อต้อนรับทั้งห้าคน ฉินสือโอวบอกว่าตอนค่ำของวันรุ่งขึ้นที่ฟาร์มปลาจะมีการจัดปาร์ตี้ ให้ทุกคนได้ทำความคุ้นเคยกันสักหน่อย


ตอนค่ำของวันนั้น แบล็คไนฟ์อยู่เวรกับทริกเกอร์ ตั้งแต่สองทุ่มถึงแปดโมงเช้า


ตอนหกโมงเช้า พระอาทิตย์ขึ้นได้ไม่นานทริกเกอร์ก็พบปัญหา เขาดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วพูดกับแบล็คไนฟ์ “หัวหน้า ดูนี่สิ มีคนมาด้อมๆ มองๆ ที่ฟาร์มปลา ออกไปดูไหม?”


หลังจากที่มาถึงเกาะแฟร์เวล โหวจื่อเซวียนก็เริ่มฝึกนิสัยการออกกำลังกายตอนเช้า เพราะร่างกายของเขาอ่อนแอเกินไป โดยเฉพาะเมื่ออยู่กับเจ้านายที่แข็งแกร่งอย่างซาโกร ยิ่งทำให้ความอ่อนแอของเขาชัดเจนยิ่งขึ้น


สำหรับโหวจื่อเซวียน ซาโกรพอใจทุกอย่าง อย่างเดียวที่ไม่พอใจคือร่างกายของเขา ในสายตาของเขา การทำธุรกิจร้านปืนจะต้องมีรูปร่างที่แข็งแรง แบบนี้ถึงจะทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจ ให้พวกเขาเชื่อถือว่าพนักงานของร้านปืนแห่งนี้ดุดันพอตัว


ดังนั้นซาโกรเลยทำแผนการออกกำลังการให้โหวจื่อเซวียน พอผ่านช่วงที่ลำบากราวกับว่าตายซะยังดีกว่าอยู่มาแล้ว โหวจื่อเซวียนก็พบว่าร่างกายของตัวเองแข็งแรงขึ้นมากจริงๆ พละกำลังดี อึดมากขึ้น ความเร็วดีขึ้น แม้แต่ตอนช่วยตัวเองก็มีแรงมากขึ้น


ความสนใจคือครูที่ดีที่สุด หลังจากมีความสนใจในการดูแลสุขภาพและออกกำลังกายแล้ว โหวจื่อเซวียนก็อยากจะทำมันด้วยตัวเอง เขาออกกำลังกายตอนเช้าทุกวัน


วันนี้เขาอยากมาคุยธุระกับฉินสือโอวสักหน่อย แน่นอนว่าเกี่ยวกับคนรักในฝัน หวงเจียเจีย


ครั้งนี้บิลลี่จริงจังจริงๆ ตอนที่หวงเจียเจียอยู่ที่เกาะแฟร์เวล เขาก็จู่โจมทุกวิถีทางอย่างไม่อาย หลังจากที่หวงเจียเจียไม่ค่อยได้กลับประเทศ เดิมทีโหวจื่อเซวียนก็สงบลงบ้างแล้ว แต่ไม่นานก่อนหน้านี้รู้มาจากหวงเฮ่าเจียว่าเจ้าบ้าบิลลี่ตามไปจีบถึงประเทศจีนแล้ว


แบบนี้โหวจื่อเซวียนก็ต้องอยู่ไม่สุขเป็นธรรมดา เขาเองก็อยากกลับประเทศจีนไปจีบหวงเจียเจีย ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่ทันการณ์ แต่ตอนนี้เป็นฤดูท่องเที่ยว เขาเกรงใจที่จะขอลากับซาโกร พอคิดได้ว่าฉินสือโอวเป็นเจ้านายใหญ่ ก็เลยคิดจะเข้าทางฉินสือโอว


วันนี้มาขอลา โหวจื่อเซวียนวิ่งผ่านมา ถึงอย่างไรก็ต้องออกกำลังกายอยู่แล้ว


ผลสุดท้ายเขาวิ่งอยู่รอบรั้วของฟาร์มปลา เพราะความรู้สึกกระวนกระวายก็เลยไม่ได้ระวังจนเกือบจะไปชนเข้ากับอะไรสักอย่าง


ดีที่ช่วงนี้โหวจื่อเซวียนออกกำลังกายเลยตอบสนองได้ไว หยุดได้ทัน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น เห็นชายผิวสีร่างบึกบึนหน้าบึ้งตึงหันหลังให้ดวงอาทิตย์กำลังมองเขาอยู่


“ไอ้หนู นายมาทำอะไร?” ชายผิวดำร่างบึกบึนถาม


แม้ว่าออกกำลังกายแล้วร่างกายของโหวจื่อเซวียนจะดีขึ้นมาก แต่ก็ยังคงนิสัยเจียมเนื้อเจียมตัว เขาอยู่แต่ในร้านขายปืนเล็กๆ ทุกวัน ไม่เคยได้ออกไปจากเกาะแฟร์เวล คนผิวสีที่เคยเห็นก็มีแค่พาวลิส ความเข้าใจของเขาที่มีต่อคนผิวสีหยุดอยู่แค่เวทีอภิปรายในประเทศ


พอได้เห็นคนผิวสีร่างบึกบึนที่ดุดัน โหวจื่อเซวียนก็อยากจะรายงานว่าช่วงนี้ที่เกาะแฟร์เวลไม่ปลอดภัย พอเขาคิดได้ว่าเจ้านี่อาจจะมาปล้นนักท่องเที่ยว ก็เลยใช้ไหวพริบพูดว่า “เพื่อน เหอะๆ ผมมายืมเงินเพื่อน ช่วงนี้ผมจนมาก แทบจะไม่มีเงินกินข้าวแล้ว…”


“มายืมเงินเพื่อน? เพื่อนคนไหน? ยืนเงินไปทำอะไร?” ชายผิวสีถามต่อไปด้วยเจตนาที่ไม่ดี


โหวจื่อเซวียนเห็นชายร่างบึกบึนมองท่อนล่างของตัวเอง ในใจก็ร้อง แย่แล้ว แย่แล้ว เจ้านี่คงไม่ใช่เกย์ที่สนใจตัวเองหรอกนะ?


เขาใช้ไหวพริบแล้วพูดต่อ “ฉินสือโอว เพื่อน ฉันเป็นกามโรค มายืมเงินไปรักษา”


บทที่ 782 เก็บหอยงวงช้าง

โดย

Ink Stone_Fantasy

แบล็คไนฟ์ส่งเสียงดัง เขาสอบสวนโหวจื่อเซวียน และหยิบวิทยุขึ้นมาแล้วตะโกนว่า “บอส บอส นี่แบล็คไนฟ์ ขอถามหน่อยครับ คุณมีเพื่อนที่เป็นกามโรคหรือเปล่า? เป็นคนจีน เขาจะมาขอยืมเงินคุณไปรักษาโรค!”


พอโหวจื่อเซวียนได้ยินแบล็คไนฟ์เรียกว่า ‘บอส’ ก็รู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดแล้ว ได้ยินเสียงแบล็คไนฟ์ตะคอก เขาก็แทบจะร้องไห้ออกมา เขาโบกมืออย่างแรง เจ้าบ้า คำพูดพวกนี้นายจะตะโกนทำไม?


ที่น่ากลัวคือ มีเสียงชาวประมงดังขึ้นมาจากวิทยุ “แบล็คไนฟ์ นายต่อผิดช่องแล้ว นี่เป็นช่องสาธารณะ คนทั้งเมืองกำลังใช้ช่องนี้ ช่องฟาร์มปลาของเราอยู่ถัดไป”


โหวจื่อเซวียนมองชายผิวสีด้วยหน้าตาสิ้นหวัง เสียงสลดเป็นที่สุด “แย่แล้ว ชื่อเสียงของฉัน!”


แบล็คไนฟ์ตั้งใจหาฉินสือโอวเพื่อยืนยันตัวตนของโหวจื่อเซวียน หลังจากยืนยันได้แล้ว เขาก็ชี้ไปที่ประตูใหญ่ของฟาร์มปลา “โอเคเพื่อน บอสให้นายเข้าไปหาเขาได้”


โหวจื่อเซวียนมองชายผิวสีอย่างจิตหลุด ตอนนี้ในใจเขาจำได้แค่เรื่องเดียว เมื่อครู่ชายผิวสีพูดในช่องวิทยุของทั้งเมืองว่ามีเพื่อนชาวจีนมาหาฉินสือโอวเพื่อยืมเงินไปรักษากามโรค


ที่เกาะแฟร์เวลมีคนจีนที่อยู่ประจำแค่สองคน คือฉินสือโอวและโหวจื่อเซวียน หวงเฮ่าเจียเพิ่งจะมา ทุกคนยังไม่คุ้นเคยกับเขา


โหวจื่อเซวียนรู้ว่าตัวเองต้องดังแน่ๆ


เขาคับแค้นใจจนอยากจะจัดการกับชายผิวสีตัวโต เขาก้าวเท้าไปในฟาร์มปลาอย่างยากลำบาก เจ้าผิวสีตัวโตหยุดเขาไว้กะทันหัน แล้วพูดเสียงต่ำ “เพื่อน ฉันขอแนะนำตัวหน่อย ฉันชื่อแบล็คไนฟ์ มาจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษเดลตาฟอร์ซ ใช่ เดลตาฟอร์ซของอเมริกา ฉันรู้จักแพทย์ทหารที่เก่งใช้ได้คนหนึ่ง เขาเชี่ยวชาญด้านการรักษากามโรคมาก อยากได้ช่องทางการติดต่อเขาไหม? ร้อยเดียวก็พอ…”


“ร้อยเดียวฉันก็ไม่ให้นายหรอก!” โหวจื่อเซวียนตะคอกอย่างสิ้นหวัง


“โอเค อย่างนั้นห้าสิบ ราคานี้ไม่แพงเลยนะ…ฮ่าๆ เพื่อน อย่ารีบไปสิ เพื่อนชาวจีนของฉัน เรื่องยืมเงินไว้ค่อยคุยกันก็ได้”


ฉินสือโอวได้ยินว่าโหวจื่อเซวียนเป็นกามโรคก็หยุดออกกำลังกาย แล้วรีบไปหาเขา “น้องโหว ทำไมถึงได้เป็น บนเกาะแฟร์เวลยังมีโรคนี้อยู่อีกเหรอ? นายไปทำอะไรกับนักท่องเที่ยวผู้หญิงมาใช่ไหม?”


พอได้ยินคำพูดนั้น โหวจื่อเซวียนก็ใจสลาย เขาเล่าสาเหตุออกมาอย่างโอดครวญว่า ทีแรกเขากลัวว่าแบล็คไนฟ์จะมาปล้น ต่อมาก็กลัวว่าเขาจะมาทำมิดีมิร้ายตัวเอง เขาเล่าไป ทางด้านฉินสือโอวก็หัวเราะไปอย่างบ้าคลั่ง


มีร้ายก็ต้องมีดี ฉินสือโอวเห็นใจโหวจื่อเซวียนที่โชคร้ายเลยอนุญาตให้เขาลาได้ พอรู้ว่าเขาจะกลับบ้านไปเยี่ยมญาติ ก็ยังให้ของขวัญกับเขาไปกองโต ล้วนเป็นของชั้นดีของฟาร์มปลา ปลาโอแถบแห้ง ปลาค็อดแห้ง ปลาตัวเป่าแผ่น


โหวจื่อเซวียนซาบซึ้งมาก ฉินสือโอวตบที่ไหล่ของเขาแล้วพูด “ไม่ได้ให้นายไปเปล่าๆ นะ วันนี้ที่นี่จะมีปาร์ตี้ นายต้องมาเป็นพ่อครัวด้วย…”


“ผมไม่ทำนะ!” โหวจื่อเซวียนพูดอย่างไม่พอใจ วันนี้เขาถูกแบล็คไนฟ์ทำให้รู้สึกแย่


ฉินสือโอวหัวเราะอย่างไม่สนใจ ชี้ไปที่การ์เซียสุดหล่อ “รู้ไหมว่านี่ใคร? เชฟชาวสเปนที่มีพรสวรรค์ ตอนนี้เจ้านี่กำลังเดินทางรอบโลก ตั้งแต่มาถึงฟาร์มปลาก็อวดอาหารสเปนกับฉันมาตลอด บอกว่าอาหารจีนไม่คู่ควรกับการมีชื่อเสียง…”


“บ้าเอ๊ย วันนี้ฉันจะจัดการนาย!” โหวจื่อเซวียนพูดออกมาด้วยความโกรธ


ฉินสือโอวยักไหล่ เขาชอบคุยกับพวกวัยรุ่น ตลกดี


จำนวนคนในฟาร์มปลาเยอะขึ้นเรื่อยๆ ของที่ต้องเตรียมในงานปาร์ตี้ก็เยอะมาก ผู้ชายยี่สิบกว่าคน ถ้าเป็นหมูป่าย่างก็ต้องกินถึงสองตัว แต่ตอนนี้ที่ฟาร์มปลาไม่มีหมูป่าแล้ว ได้แค่ย่างไก่ ย่างเป็ด ย่างห่าน เมืองแฟร์เวลมีเนื้อหมูไม่มาก ส่วนมากจะเป็นเนื้อวัว


แบบนี้ฉินสือโอวต้องเตรียมอาหารทะเลไว้ค่อนข้างเยอะ ตั้งแต่ตอนเที่ยง ชาร์คกับซีมอนสเตอร์ก็ย่างสาหร่ายโนริอย่างอดทน เจ้าสิ่งนี้ไม่ต้องเรื่องมาก แต่รสชาติดีก็ต้องเตรียมไว้เยอะๆ


เจ้าพวกตัวแสบต่างชื่นชอบเจ้าสิ่งนี้ เสี่ยวหมิงหมอบอยู่ที่ไหล่ของชาร์ค ชาร์คย่างชิ้นใหญ่ๆ เสร็จแล้วก็จะฉีกแบ่งให้มัน สองมือของเจ้าตัวแสบถือแผ่นสาหร่ายโนริไว้ แล้วกินอย่างมีความสุข


ฉงต้าไม่จำเป็นต้องกิน แค่เห็นอาหารก็มีความสุขแล้ว มันสะบัดอุ้งเท้าอ้วนๆ วิ่งไปมา ซีมอนสเตอร์อยากจะแกล้งมัน ผลสุดท้ายย่างเสร็จไม่กี่แผ่น ฉงต้าก็เข้ามาหาอย่างสนใจ อาศัยจังหวะที่ซีมอนสเตอร์ไม่ระวัง ลากจานลงมาที่หาดทราย อ้าปากแล้วกลืนเข้าไป


“บัดซบ!” ซีมอนสเตอร์ด่าอย่าโมโห


แลนซ์พาคนไปตกปลา แล้วถือโอกาสเก็บกรงปูและกุ้งที่โยนลงไปเมื่อวาน


กุ้งมังกรของฟาร์มปลาต้าฉินเริ่มอ้วนขึ้นแล้ว ตอนนี้ยังไม่สามารถเก็บไปขายได้ แต่เลือกตัวใหญ่มากินก็ไม่มีปัญหา


บลูเก็บปลาโอแถบที่พุ่งขึ้นมา เขาพูด “นอกจากหอยงวงช้างแล้ว วันนี้พวกนายอยากกินอะไรก็พูดมา เพื่อน ฉันจะทำให้จนพวกนายพอใจเลย”


ออสเปรถามอย่างประหลาดใจ “ฟาร์มปลาไม่มีหอยงวงช้างเหรอ?”


“มี แต่อยู่ก้นทะเล ต้องดำน้ำไปถึงจะเก็บได้ ยุ่งยากเกินไป” บลูส่ายหัว


ฉินสือโอวก็ยุ่งกับเรื่องนี้เหมือนกัน เดิมทีเขาอยากใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนม้วนคลื่นพัดเอาหอยงวงช้างออกมา จากนั้นให้กลุ่มกรรมกรไร้กระดูกเอามันขึ้นมา แต่ทำแบบนี้ก็เสี่ยงไปหน่อย เพราะมันดูไม่ปกติ


ออสเปรหัวเราะ “ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้นหรอก เพื่อน พวกเรามีเรือดำน้ำ ใช้เรือดำน้ำลงไปถ่ายภาพหาบริเวณที่มีหอยงวงช้างอาศัยอยู่ ทำเครื่องหมายไว้ให้ดี แล้วใช้ตาข่ายจับปลาเอามันขึ้นมาก็ได้”


บีบีซวงพยักหน้า “เมื่อก่อนที่เนวาดาและแคลิฟอร์เนียก็ทำแบบนี้ แต่เรือดำน้ำของพวกเราใหญ่ไปหน่อยเลยเปลืองน้ำมัน เปลี่ยนเป็นเรือดำน้ำแบบที่นั่งเดี่ยวจะเหมาะกว่า”


ฉินสือโอวก็คิดแบบนี้ แต่ครั้งนี้กินกันไม่เท่าไร ไม่จำเป็นต้องระดมคนขึ้นเรือดำน้ำเล็กแบบที่นั่งเดี่ยว เขาให้นีลเซ็นไปเอาชุดดำน้ำของตัวเองมา เขาถามขึ้นมาว่า “แข่งกันหน่อยเป็นไง ดูกันว่าใครจะเก็บหอยงวงช้างได้มากที่สุด?”


“มีรางวัลไหมครับ?” ออสเปรถาม


ฉินสือโอวยกนิ้วขึ้นมานิ้วหนึ่ง “ฉันออกหนึ่งพัน พวกนายล่ะ?”


ได้ยินว่ารางวัลขั้นต่ำหนึ่งพันดอลลาร์ เหล่าทหารรับจ้างก็ตื่นตัวขึ้นมา พวกเขามองแปลกๆ แล้วปรึกษากันด้วยเสียงต่ำ


บลูหัวเราะแล้วพูด “เจ้าพวกนี้ พวกเขาจะชนะเอาเงินเจ้านายเหรอ?”


เหล่าทหารอาสาปรึกษากันเสร็จแล้วก็ยิ้มแล้วยืนขึ้น แบล็คไนฟ์ยกนิ้วขึ้นนิ้วหนึ่งเหมือนกัน ฉินสือโอวถาม “นายก็ลงหนึ่งพันเหรอ?”


แบล็คไนฟ์รีบดึงนิ้วลงหน่อย แล้วยิ้ม “หนึ่งร้อย ผมลงหนึ่งร้อยครับ!”


“ผมก็หนึ่งร้อยครับ!” ทหารรับจ้างอีกสี่คนควักเงินคนละหนึ่งร้อยให้ฉินสือโอว


เห็นเหล่าทหารรับจ้างที่หน้าตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง ชาร์คส่ายหัวแล้วพูดออกมาอย่างซื่อๆ “โอ้ แม่งเอ๊ย ฉันไม่ชนะแน่ๆ ฉันสนับสนุนพวกนายแค่ห้าสิบแล้วกัน”


“โอเค ห้าสิบเหมือนกัน!”


“เวร งั้นฉันก็ห้าสิบ”


นายลงหนึ่งร้อยฉันลงห้าสิบ รวมของฉินสือโอวไปอีกหนึ่งพันก็เป็นเงินไม่น้อย


บทที่ 783 คนต่อไปเป็นใคร

โดย

Ink Stone_Fantasy

เหล่านักดำน้ำผูกเชือกลงไปในน้ำ ถ้ามีอะไรก็ให้ปล่อยลูกบอลเล็กๆ มาตามเชือก แค่เห็นลูกบอลเล็กๆ ลอยขึ้นมา คนบนเรือก็จะดึงเชือกช่วยนักดำน้ำขึ้นมาทันที


แต่ละคนใช้เวลายี่สิบนาที เวลาค่อนข้างสั้น เพราะอย่างไรก็แค่เล่นกันเท่านั้น


ฉินสือโอวลงไปในน้ำก่อน บริเวณที่เขาเลือกมีความลึกแค่สี่สิบกว่าเมตร แต่ใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนดูแล้ว แถวๆ นี้มีหอยงวงช้างอาศัยอยู่


การแข่งขันครั้งนี้เขาต้องชนะ เงินสองพันดอลลาร์เป็นเรื่องเล็ก แต่เขาต้องการโชว์เหล่าทหารรับจ้างที่เพิ่งมาสักหน่อย ให้พวกเขารู้ว่าเจ้าของฟาร์มปลาแห่งนี้ไม่ใช่พวกขี้โม้


ครั้งนี้เป็นการเก็บหอยงวงช้างอย่างมืออาชีพ พอติดตั้งอุปกรณ์ครบ ฉินสือโอวก็ลงไปตรงก้นทะเลที่มีสาหร่ายชุกชุม แล้วใช้เท้าเหยียบไปที่สาหร่ายอย่างระวังไม่ให้มันพันเท้า จากนั้นถึงเริ่มหาหลอดหายใจที่โผล่อยู่ท่ามกลางทรายที่ก้นทะเล


บริเวณที่ฉินสือโอวเลือกดูเหมือนจะเป็นจุดที่มีหอยงวงช้างอาศัยอยู่เยอะที่สุด พอแหวกสาหร่ายดูใกล้ๆ ก็เห็นหลอดสีเหลืองที่โผล่ออกมาบนทราย


เพราะเมื่อหอยงวงช้างถูกขุดออกมาแล้วจะไม่สามารถเข้าไปอยู่ในทรายได้อีก ดังนั้นฉินสือโอวจึงหาแต่หลอดที่ค่อนข้างหนา นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่าด้านล่างมีหอยงวงช้างตัวใหญ่


หอยงวงช้างเป็นประชากรดั้งเดิมของฟาร์มปลา นี่ไม่ใช่หอยที่ฉินสือโอวเพาะเลี้ยงไว้ แต่เป็นผลลัพธ์หลังจากที่รัฐบาลของนิวฟันด์แลนด์หว่านตัวอ่อนของหอยที่บริเวณทะเลของนิวฟันด์แลนด์ บริเวณทะเลน้ำตื้นของฟาร์มปลาก็มีอยู่บ้างประมาณหนึ่งถึงสองกิโลเมตร โตมาเป็นสิบยี่สิบปีแล้ว อายุของพวกมันจึงไม่น้อยเลย เทียบกับฉินสือโอวแล้วก็ยังมากกว่าด้วยซ้ำ


ทรัพยากรจำพวกหอยงวงช้างนี้ถ้าเสียหายมากๆ ก็ยากที่จะฟื้นฟู เพราะระยะเวลาในการเจริญเติบโตนานเกินไป ดังนั้นฉินสือโอวจึงให้มูลค่ากับมันไม่ต่างจากปลาทูน่าครีบน้ำเงินเท่าไร เขาปล่อยพลังแห่งโพไซดอนลงไปโดยตรงโดยไม่ได้อาศัยการรับผ่านสาหร่าย


ไม่ว่าจะเป็นทะเลน้ำตื้นหรือทะเลน้ำลึก ฟาร์มปลาก็มีหอยงวงช้างอยู่มากมาย พลังแห่งโพไซดอนช่วยเร่งการขยายพันธุ์ของมัน ตัวอ่อนจึงมีเยอะและแข็งแรง แถมไข่ก็มีเยอะด้วย


ฉินสือโอวหาหอยงวงช้างที่มีขนาดพอเหมาะได้แล้วก็ทิ่มเข็มลงไปในทรายโดยใช้มือซ้าย แล้วใช้มือขวาถือที่พ่นความดันสูงพ่นทรายที่อยู่รอบๆ ออกไป รอจนตัวของหอยงวงช้างโผล่ออกมา เขาถึงหยิบมาใส่ถุงที่อยู่ตรงเอว


ในถุงใส่หอยงวงช้างลงไปได้ไม่มาก เกินสี่สิบกิโลกรัมจะทำให้แรงลอยตัวลดลงและอาจทำให้หอยงวงช้างที่อยู่ด้านบนกดเปลือกหอยที่อยู่ด้านล่าง อย่างนั้นหอยงวงช้างก็จะเสียหาย แต่หอยงวงช้างที่เข้าไปในตลาดต้องสมบูรณ์แบบ ซึ่งหอยทุกชนิดก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น


พอปริมาณใกล้จะเต็มถุงแล้ว ฉินสือโอวก็ปล่อยลูกบอลออกมา


คนบนเรือกำลังคุยกันอย่างสนุกแล้วทายกันว่าครั้งนี้ฉินสือโอวจะเก็บขึ้นมาได้เท่าไร ออสเปรรอลงไปในน้ำอย่างลำพอง ฟังจากชื่อก็รู้แล้วว่าเขาเชี่ยวชาญในการทำกิจกรรมใต้น้ำมากๆ


ในหมู่ทหารรับจ้างทั้งห้าคน มีเพียงออสเปรเท่านั้นที่เป็นทหารเรือมืออาชีพ ไม่ใช่ครึ่งๆ กลางๆ แบบกองทัพทหารเรือรบ


“ฉันเดาว่าบอสจะเก็บมาได้สิบถึงสิบห้ากิโลกรัม เท่านี้ก็เป็นคนเก็บหอยงวงช้างที่สุดยอดแล้ว ใช่ไหม? ยังไงซะพวกเราก็ไม่เคยตรวจดูสถานการณ์ใต้ทะเลมาก่อนนี่นา”


“ไม่ ฉันว่าบอสมีความมั่นใจมาก น่าจะเก็บขึ้นมาได้ประมาณยี่สิบกิโลกรัม…”


“เหลือเชื่อ ฉันกล้าพนันเลยว่าเขาเก็บขึ้นมาได้แค่สิบกิโลกรัมก็เก่งมากแล้ว…”


พวกทหารรับจ้างสูบบุหรี่คุยเล่นกันอยู่ตรงนั้น ผลสุดท้ายถุงลมยังพูดไม่ทันจบ ลูกบอลก็ลอยขึ้นมาแล้ว


บูลอ้าปากอย่างตะลึง “เจ้านายเจ๋งที่สุดไปเลย แค่นี้ก็ได้หอยงวงช้างมาเต็มถุงแล้วเหรอ?”


ไกปืนไม่เชื่อ “เขาคงไม่ได้เจออันตรายอะไรใช่ไหม? นี่เพิ่งจะห้านาทีเอง เว้นแต่ว่าเทพโพไซดอนจะอยู่ในน้ำ ไม่อยากนั้นจะหาหอยงวงช้างได้เยอะขนาดนั้นได้ยังไง?! เฮ้ พวก ดึงเชือก เอาเจ้านายขึ้นมาก่อนค่อยว่ากัน”


พวกแลนซ์รู้จักฉินสือโอวดีกว่าเหล่าทหารรับจ้างอยู่แล้ว แม้เจ้านายจะลงไปในน้ำไม่บ่อย แต่พวกเขาก็รู้ว่าความสามารถทางน้ำของเจ้านายโดดเด่นกว่าพวกเขามาก การเก็บหอยงวงช้างได้เต็มกระเป๋าในเวลาห้านาทีมีความเป็นไปได้กว่าการที่เขาจะเจออันตรายใต้ทะเล


ดังนั้นพวกเขาจึงดึงเชือกขึ้นมา ไม่นานก็เอาถุงขึ้นมาได้ ด้านในเต็มไปด้วยหอยงวงช้างตัวอวบอ้วน


ใบหน้าของออสเปรหาความลำพองไม่เจอแล้ว เขาเกาท้ายทอยอย่างเก้อเขิน “เชรด บอสโชคดีขนาดนี้เลยเหรอ ลงไปในน้ำก็เจอฝูงหอยงวงช้างเลย?”


บูลหัวเราะอย่างลึกลับ “ไม่ ไม่ใช่โชคดี พวกนายไม่รู้แน่นอน…”


“แค่กๆ แค่กๆ !”แลนซ์กระแอมไอขึ้นมาแล้วแอบใช้สายตามองบูลอย่างดุดัน


บูลยิ้มเยาะแล้วเงียบปาก เดิมทีเขาจะพูดถึงเรื่องห้าธาตุพิชิตมังกรของฉินสือโอว แต่พอชาร์คเตือนเขาถึงจำได้ บอสบอกว่าเรื่องนี้เป็นความลับ นอกจากพวกเขาแล้วห้ามแพร่งพรายออกไป


นึกถึงเรื่องนี้ได้แล้ว บูลก็มองไปทางเหล่าทหารรับจ้างด้วยแววตาภูมิใจ พวกนายห้าคนนี้ยังมีคุณสมบัติไม่เพียงพอที่จะรู้ความลับของบอส!


ในยี่สิบนาที ฉินสือโอวส่งถุงขึ้นมาทั้งหมดสี่ใบ ปริมาณหอยงวงช้างมีเกินหนึ่งร้อยกิโลกรัม


นี่คือผลจากการที่ฉินสือโอวยับยั้งชั่งใจแล้ว รสชาติความสดของหอยงวงช้างสำคัญมาก ต้องรีบส่งเข้าตลาดให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นก็จะขายไม่ได้ราคา


ปกติในการทำธุรกิจแล้ว ต้องจับหอยงวงช้างมาปริมาณเยอะๆ ก่อน จากนั้นค่อยเอาใส่เรือและรถน้ำแข็งส่งไปตามใบสั่งซื้อให้ถึงมือลูกค้าแต่ละที่ของแคนาดาภายในวันนั้น ที่นั่นใช้กล่องในการแบ่งชนิด แบ่งบรรจุภัณฑ์ แล้วค่อยส่งไปที่เอเชียในวันนั้น มีเพียงกรรมวิธีที่รวบรัดแบบนี้เท่านั้นที่จะสามารถรักษาคุณภาพของหอยงวงช้างได้สดเพียงพอจริงๆ


พวกแลนซ์เอาหอยงวงช้างใส่ตะกร้าอย่างระวัง ตะกร้าแบบนี้ทำมาเป็นพิเศษ ช่องว่างเลยน้อย พอดีกับการใส่หอยงวงช้าง หลีกเลี่ยงไม่ให้พวกมันพลิกตัวให้ตัวเองสกปรก


เหล่าชาวประมงเอาหอยงวงช้างแต่ละตัวใส่ลงไปอย่างระวังไม่ให้พวกมันอ้าปาก แบบนี้จะช่วยให้พวกมันมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น


ยี่สิบนาทีผ่านไป ฉินสือโอวก็ขึ้นมาจากน้ำ เขาถอดหมวกดำน้ำออกพลางยิ้มเบาๆ “คนต่อไปเป็นใคร?”


แซ็กผลักบูลไปทีหนึ่ง เขาขยิบตายักคิ้วแล้วพูดขึ้น “เฮ้พวก นายเก่งทุกอย่างไม่ใช่เหรอ? ไปสิ ไปสิ”


บูลมองอย่างดุดัน นี่แกโกรธแค้นอะไรกัน ถึงกับต้องฆ่าแกงกันเลยเหรอ?


เขาต่อยแซ็กไปทีหนึ่ง จากนั้นบูลก็โบกมือแล้วยิ้มเย้ย “เรื่องนี้ฉันไม่โชว์ดีกว่า เวรเอ้ย ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ชนะหรอก ไม่อย่างนั้นจะลงไปแค่ห้าสิบดอลลาร์ทำไม?”


พวกทหารรุ่นใหญ่มองไปที่ออสเปรแล้วฝากความหวังไว้กับเขา ออสเปรยิ้มแข็งทื่อแล้วพูดออกมา “ผมลงไปลองหน่อยแล้วกัน เอาแถวๆ นี้ก็พอ”


เหล่าชาวประมงได้ยินแบบนี้แล้วก็เป่าปากกันเกรียว บูลก็ทำเสียงเชียร์ด้วย เขาพูดเล่นให้ออสเปรหาโอกาสใช้ลูกเล่น


ที่จริงการแข่งขันเก็บหอยงวงช้างโดยปกติแล้วต้องให้คนที่ดำลงไปเลือกพื้นที่เอง


แต่ออสเปรจะกล้าเลือกอีกเหรอ? ตามแผนของเขา ในยี่สิบนาทีต้องใช้สิบนาทีในการหาบริเวณที่อยู่อาศัยของหอย สิบนาทีสุดท้ายใช้เก็บหอย ถ้าโชคดีคงเก็บได้สักถุง


แต่ตอนนี้ดูแล้วหอยงวงช้างสักถุงก็ไม่น่ามี


บทที่ 784 กล้าหาญ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ออสเปรทำได้สมฉายาของเขา หลังจากลงน้ำไป เขาก็ปล่อยลูกบอลสีแดงลอยขึ้นมาในเวลาที่สั้นกว่าฉินสือโอว


เหล่าชาวประมงมีสีหน้าตกใจในชั่วพริบตา “เชรด ไม่เสียแรงที่เป็นมือดีของทหารเรือ! แป๊บเดียวก็สามารถเก็บหอยงวงช้างได้ถุงหนึ่งแล้ว นี่เพิ่งจะผ่านไปเท่าไรเอง? สามนาที? สี่นาที?”


ฉินสือโอวรู้สึกว่าไม่ปกติ ตัวเขาเก็บหอยงวงช้างในบริเวณที่มีหอยชุกชุมที่สุดมาหมดแล้ว และต้องใช้ความช่วยเหลือจากจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเท่านั้น ถึงจะสามารถได้รับผลลัพธ์แบบนี้ได้ ออสเปรเก่งขนาดนี้เลย? หรือว่าเขาก็มีหัวใจโพไซดอนเหมือนกัน?


ผลสุดท้ายเขาเลยปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปดูที่ใต้ทะเล ออสเปรกำลังแกะสาหร่ายที่พันเท้าอยู่อย่างยากลำบาก เจ้านี่ไม่ระวังเลยเหยียบเข้าไปในหลุมโคลนที่ก้นทะเล ที่เท้าของเขามีสาหร่ายอยู่กองหนึ่งและตัวเขาก็ยังจัดการไม่ได้


แต่เขาไม่สามารถพูดเรื่องนี้ออกไปตรงๆ ได้ และได้แต่ใช้ท่าทางสงสัยมองไปยังพวกมีดดำแล้วพูดออกมา “ฉันว่า ลูกบอลนี่หมายความว่ายังไง? เพื่อนของเราเก็บหอยงวงช้างได้ถุงหนึ่งแล้ว หรือว่าเขากำลังขอความช่วยเหลือ?”


พวกมีดดำมองหน้ากัน พวกเขารีบประเมินสถานการณ์อย่างรวดเร็วแล้วพูดออกมาอย่างจนใจ “เท่าที่ผมรู้จักออสเปร เขาไม่ได้ชำนาญขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นจะไปเป็นทหารรับจ้างทำไม ไปเก็บหอยงวงช้างที่บริติช โคลัมเบียไม่ได้เงินมากกว่าเหรอ?”


ตามปริมาณความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเอเชียตะวันออก ราคาของหอยงวงช้างก็ย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย วันวันหนึ่งคนเก็บหอยงวงช้างที่มีฝีมือมีรายได้กว่าห้าพันดอลลาร์แคนาดาเลยทีเดียว!


เมื่อคิดได้ดังนั้นพวกชาวประมงก็รีบดึงเชือกขึ้นมา แต่ภายหลังกลับกลายเป็นเสียแรงเปล่า เพราะรากของสาหร่ายอยู่ลึกลงไปในก้นทะเล แม้จะไม่ยากเท่าตอนสู้กับพืชบนบก แต่ถ้าจะดึงรากออกมาก็ยุ่งยากอยู่เหมือนกัน


หลังความพยายามนั้น ในที่สุดออสเปรก็ตะเกียกตะกายขึ้นมาบนเรืออย่างเก้อเขิน ตอนนี้ถุงที่เอวของเขามีหอยงวงช้างแค่สองตัว และยังมีหอยรุ่นหลานตัวน้อยอีกหนึ่งตัว…


หอยงวงช้างสองตัวนั้นตัวหนึ่งใหญ่ตัวหนึ่งเล็ก พวกมันได้แต่ปรับทุกข์กันอยู่ในถุงอย่างโดดเดี่ยว ช่างโชคร้ายเหลือเกิน เจ้านี้เก็บหอยจากก้นทะเลขึ้นมาทั้งหมดสองตัว ผลสุดท้ายก็เป็นพวกเราสองปู่หลาน…


เมื่อช่วยออสเปรขึ้นมาแล้ว ฉินสือโอวก็หัวเราะแล้วถามออกไป “เป็นไงบ้าง พวกนายอยากไปใหม่ไหม?”


ออสเปรจะเอาหน้าที่ไหนไปลงน้ำต่อ? เมื่อได้ยินฉินสือโอวพูด เขาก็ได้แต่ยิ้มเจื่อน “ช่างเถอะ ดูแล้วนอกจากพระเจ้าจะช่วย ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ชนะหรอก”


“ถ้าอย่างนั้นนายก็รีบวาดไม้กางเขนสิ”


“วันนี้วันอาทิตย์ พระเจ้าพักผ่อน ฮ่าๆ” บูลหัวเราะอย่างเบิกบาน


หลังจากเก็บหอยงวงช้างเสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็ตกปลาไหลอเมริกันได้อีกสองตัว ฉินสือโอวบีบที่ท้องของมัน มีตัวหนึ่งที่ท้องแข็งๆ นี่เป็นเพราะมันมีไข่ปลาอยู่ ดังนั้นเขาเลยโยนมันลงน้ำไปแล้วเอาอีกตัวไว้เตรียมเผากินตอนค่ำ


พวกเขาบรรทุกข้าวของกลับมาเต็มลำ บนเรือมีปู กุ้งมังกร หอยงวงช้างและปลา ตอนที่เรือเล็กกลับมายังเจอปลากระโทงร่มที่โชคร้ายตัวหนึ่งด้วย เจ้าตัวนี้กระโดดเก่ง พอเจอกับหัวเรือก็บินขึ้นมาแล้วร่วงลงบนดาดฟ้าทันที


มีดดำจับปลาใหญ่ขนาดเมตรกว่าๆ ตัวนี้ไว้แล้วพูดกับฉินสือโอวอย่างเลื่อมใส “บอส ฟาร์มปลาของคุณอุดมสมบูรณ์ดีจริงๆ ดูสิ ปลาตัวนี้กระโดดขึ้นมาบนเรือเองเลย”


“เพราะนี่คือฟาร์มปลาที่พระเจ้าอวยพรให้” ชาร์คพูด ชาวประมงคนอื่นๆ ได้ยินเข้าก็หัวเราะขึ้นมา


พวกมีดดำถามอย่างประหลาดใจว่ามีอะไรตลก แลนซ์เลยเล่าเรื่องหลอกลวงตอนที่แฮมเล็ตเลือกตั้งให้พวกเขาฟังอย่างอารมณ์ดี


หลังจากขึ้นฝั่ง ฉินสือโอวก็ควักเงินสองพันที่เพิ่งชนะมาแล้วส่งให้บูล “ไป เอาทั้งหมดนี่ไปเปลี่ยนเป็นเบียร์แล้วเอามาที่ฟาร์มปลา บอกพวกที่ร้านเหล้าดวงดาวเปล่งประกายให้เอารถกระบะมาส่งเบียร์ด้วย ถ้าเงินไม่พอเดี๋ยวฉันเอาไปให้ทีหลัง!”


มีดดำพูดอย่างอึดอัดใจ “บอส ตอนกลางคืนพวกเราต้องไปเข้าเวร คงดื่มเบียร์ไม่ได้หรอก”


ฉินสือโอวหัวเราะ “ที่นี่ไม่ใช่อิรัก ดังนั้นพวกนายไม่ต้องเครียดอะไรนักหรอก ตอนนี้พวกเราคือทหารอาสา ไม่ใช่ทหารในกองทัพแล้ว บางครั้งก็ต้องปลดปล่อยตัวเองบ้าง ใช้ชีวิตให้มีความสุขถึงจะเป็นสิ่งสำคัญไม่ใช่เหรอ?”


ชาร์คและซีมอนสเตอร์ย่างของอยู่ที่ชายหาดมาตลอด พวกสาหร่ายโนริ สาหร่ายคอมบุล้วนเสร็จหมดแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาตกปลาหมึกได้อีกไม่กี่ตัวก็ทาซอสย่างเสร็จแล้วเหมือนกัน


เตาอบกำลังหมุนติ้ว ด้านในแขวนไก่ เป็ดและห่านเอาไว้ หม้อความดันแผ่ความหอมออกมาโดยที่ด้านในก็ตุ๋นแม่ไก่และเห็ดหอมไว้ด้วย แน่นอนว่านี่เป็นฝีมือของโหวจื่อเซวียน


ภายหลังรถกระบะจากร้านเหล้าดวงดาวเปล่งประกายก็ขับมาแล้ว ด้านบนมีเบียร์อยู่ทั้งเบียร์ธรรมดา ดาร์กเบียร์ และเบียร์ข้าวบาเลย์ มันมีแทบทุกชนิด และเมื่อมีเบียร์มาวางเรียงรายตรงหน้าก็เริ่มมีบรรยากาศของปาร์ตี้ขึ้นมา


ฉินสือโอวลูบขวดเหล้าแล้วเทใส่แก้วดื่มก่อนจะพูดออกมา “แม่เจ้า มาถึงเกาะแฟร์เวล อย่างอื่นไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลง มีแต่เหล้านี่แหละที่เพิ่มขึ้น หนึ่งปีครึ่งก่อนหน้านี้ให้ตายยังไงฉันก็ดื่มได้ไม่เกินห้าขวด!”


“ห้าขวด? เพิ่งจะแก้เจ็บคอได้เอง” มีดดำถอดเสื้อคลุมออกเผยให้เห็นเสื้อกล้ามทหารสีเขียวและกล้ามเนื้อแน่นด้านใน ช่างแข็งแกร่งและชัดเจน


อาหารทะเลถูกทำอย่างเรียบง่าย การ์เซียใช้การนึ่งและต้มเป็นหลักเพื่อรักษารสชาติเดิมของอาหารทะเลไว้ แบบนี้กินกับน้ำจิ้มก็พอ


จากนั้นปาร์ตี้ก็เริ่มขึ้นทันที ชาร์คเอาเนื้อย่างชิ้นใหญ่มาบนโต๊ะแล้วพูดอย่างไม่พอใจ “เนื้อตอนนี้กระด้างเกินไปแล้ว ย่างแล้วไม่เห็นมีไขมันเลย หาเวลาขึ้นภูเขาไปล่าหมูป่าเถอะ ย่างหมูป่ากินอร่อยกว่า!”


บีบีครีมพูดอย่างสงสัย “เนื้อหมูป่ามีกลิ่น ย่างแล้วจะกินได้ยังไง?”


ชาร์คพูดอย่างยโส “วางใจเถอะ พวกตระกูลชาร์คของพวกเรามีสูตรซอสเนื้อลับ ย่างออกมาแล้วหอมแน่นอน!”


“ใช่ ตอนแรกชาร์คจะไปขายหมูป่าย่างที่เซนต์จอห์น ไม่ได้จะเป็นชาวประมงหรอก” ซีมอนสเตอร์ช่วยพูด


“แล้วทำไมไม่ได้ทำอย่างนั้นล่ะ?”


“เพราะผู้คนคิดว่าเนื้อหมูป่ามีไวรัสและพยาธิ เลยไม่กล้ากิน บ้าเอ้ย!” ชาร์คพูดอย่างหงุดหงิด ทุกคนเลยหัวเราะขึ้นมา


ก่อนกินข้าว บูลเอาปลาคาพีลินขนาดครึ่งเมตรออกมาจากรถน้ำแข็งแล้วยิ้มอย่างร้ายกาจพร้อมมองไปทางทหารรับจ้าง “เฮ้พวก พวกนายมาที่นครเซนต์จอห์นเป็นครั้งแรกใช่ไหม?”


“ใช่” ทั้งห้าคนพูดพร้อมกัน


ฉินสือโอวหัวเราะ เขารู้ว่าทั้งห้าคนจะต้องเจอกับอะไร ตอนแรกที่เขาเพิ่งมาก็ถูกชาร์คแกล้งแบบนี้เหมือนกัน ร้องลั่น!


แต่ตอนนี้อยู่ที่เกาะแฟร์เวลมานานแล้ว เขาเลยได้รู้ว่าชาร์คไม่ได้แกล้งเขา แต่ ‘ร้องลั่น’ เป็นการต้อนรับเพื่อนใหม่ของเมืองเซนต์จอห์นจริงๆ


ก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง นครเซนต์จอห์นเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยการผจญภัยและสีสัน จิตวิญญาณของนักสำรวจ นักธุรกิจ ทหาร โจรสลัด กะลาสีเรือซึมซาบอยู่ในชีวิตและวัฒนธรรมของท้องถิ่นเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงมีประเพณีบางอย่างที่ค่อนข้างพิสดาร


เบิร์ดอธิบายความหมายและวิธีของพิธีร้องลั่นนี้ ทหารรุ่นใหญ่พวกนี้คือคนจริง ถุงลมขึ้นไปเป็นคนแรก เขาจ้องริมฝีปากบางๆ ของปลาคาพีลินที่อยู่ตรงหน้าอยู่ห้านาที จากนั้นก็ขึ้นไปจูบมันแล้วเอาเหล้าที่ชื่อว่า “ร้องลั่น” ไปดื่มให้หมดในอึกเดียว ช่างสุขใจจนไม่มีอะไรเทียบได้!


มีดดำออกมาเป็นคนสุดท้าย เจ้านี่เท่ยิ่งกว่า พอขยับข้อมือ มีดทหารMTเขี้ยวเสือก็ปรากฏอยู่ในมือ แสงสีเงินสว่างวาบขึ้นมา ปากปลาแหลมๆ ถูกตัดลงไปทันที


เขาใช้มีดทหารเสียบปากปลาไว้แล้วใส่เข้าไปในปากของตัวเอง จากนั้นมีดดำก็ใช้มือหนึ่งยกเหล้าขึ้นมาก่อนจะกระดกลงไปแล้วกลืนลงท้องไปพร้อมกับปากปลา


กรรมวิธีทั้งหมดมีเพียงคำเดียวเท่านั้นที่สามารถอธิบายได้ กล้าหาญ!


ชาร์คและเหล่าชายชาตรีโห่ร้องพร้อมปรบมือ บรรยากาศของปาร์ตี้เลยร้อนแรงขึ้นมาในชั่วพริบตา


บทที่ 785 จุดเปลี่ยนก่อนหลัง

โดย

Ink Stone_Fantasy

เบิร์ดทำงานได้อย่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ เขาบอกว่าห้าคนนี้ทำงานได้ดีมากและมันก็ออกมาดีจริงๆ


ตอนแรกแบล็คไนฟ์สับปลากินเพื่อแสดงถึงลักษณะของชายที่มีความแข็งแกร่งก่อน ต่อมาจึงดื่มเหล้า พวกเขาไม่ได้หวาดกลัวเลย เมื่อเหล้ารินลงแก้วก็เปรียบเสมือนว่าสนามรบได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่มีการยอมแพ้กันเลยแม้แต่น้อย ความมุ่งมั่นในการต่อสู้กำลังดุเดือดขึ้นมาแล้ว


ในฟาร์มปลามีการแบ่งพรรคแบ่งพวก ซึ่งเรื่องนี้ฉินสือโอวรู้มาโดยตลอด แต่เรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นต้องได้รับการจัดการอะไรทั้งนั้น เพราะทุกคนไม่มีความขัดแย้งกันเรื่องผลประโยชน์ มีเพียงแค่เรื่องมาก่อนมาหลังเท่านั้น และตำแหน่งของพวกเขาเองก็แตกต่างกัน จะเห็นได้จากการเรียกชื่อซึ่งชาร์คจะเรียกเขาว่า ‘บอส’ ส่วนแลนซ์จะเรียกเขาว่า ‘กัปตัน’


เจ้าพวกนี้ดื่มเหล้าเก่งมาก เมื่อก่อนทั้งสองฝ่ายมีจำนวนไม่เท่ากัน ซึ่งฝั่งชาร์คจะมี ซีมอนสเตอร์ นีลเซ็นและเบิร์ด แต่ก็ไม่ได้มีแค่สี่คนเท่านั้น ส่วนทางฝั่งแลนซ์ก็มีไม่ต่ำกว่าสิบสองคน เมื่อการดื่มเหล้าเริ่มขึ้นแล้ว ชาร์คก็ดื่มเข้าไปไม่หยุด


ฉินสือโอวกลัวว่าพวกเขาจะดื่มจนเกิดการทะเลาะวิวาทกัน ดังนั้นทุกครั้งที่ดื่มเขาก็จะเป็นศูนย์กลางคอยเฝ้าระวัง คอยจัดการเวลาพวกเขามีปากเสียงกัน


เบิร์ดพาเพื่อนร่วมทีมของเขามาเพิ่มอีกห้าคน จนในที่สุดสถานการณ์ก็เปลี่ยนไป พวกเขาทั้งห้าต่างพากันเรียกฉินสือโอวว่า ‘บอส’ นอกจากนี้พวกเขาล้วนเป็นชายที่มีความแข็งแกร่ง


เมื่อเป็นเช่นนี้ การต่อสู้อันดุเดือดบนโต๊ะเหล้าย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้


ซึ่งพอเริ่มต้นแลนซ์และพวกของเขาผลัดกันดื่มกับเหล่าทหาร เบิร์ดมองไปที่เพื่อนร่วมทีมที่ไม่สามารถพาเข้ามาในค่ายได้ นีลเซ็นซึ่งเป็นเพื่อนซี้ของเขา ไม่ควรจะตกมาอยู่ข้างหลังแบบนี้ ชาร์คและซีมอนสเตอร์มองดูอยู่จึงบอกว่าพวกเรากระโดดเข้าสนามกันเถอะ


ดังนั้น ค่ายของทั้งสองฝ่ายจึงแบ่งแยกออกอย่างเห็นได้ชัด และยังตั้งค่ายเพื่อสู้กันอีกด้วย


ฉินสือโอวสบายๆ มาก เพราะการต่อสู้ระหว่างเหล่าชาวประมงทั้งสองฝ่าย ไม่มีใครไปก้าวก่ายเขาได้ เขาจึงทำได้เพียงดื่มกับการ์เซียและโหวจื่อเซวียน


โหวจื่อเซวียนก็ดื่มอย่างดุเดือด เขาจิบเบียร์ไปพลางพึมพำไปว่า ‘คนเราชอบดื่มเหล้าเพื่อคลายความเศร้า แต่หารู้ไม่ว่าทุกครั้งที่ดื่มกลับทำให้เศร้ายิ่งกว่าเดิม’ ซึ่งระดับภาษาจีนของการ์เซียต่ำกว่าระดับพื้นฐานอยู่สองระดับ ถ้าพูดคุยบทสนทนาพื้นฐานยังพอเข้าใจ แต่ถ้าพูดถึงบทกวีโบราณเขาจะจับใจความไม่ได้เลย


ฉินสือโอวคิดว่าโหวจื่อเซวียนสงสัยว่าเท้าของเขามีกลิ่น จึงทำให้เขารู้สึกอาย เขาก็ทำได้แค่ไปนั่งข้างๆ แต่ฉินสือโอวก็ยังไม่เข้าใจ พอหลังจากที่เขาได้ฟังการ์เซียอธิบายแล้ว จึงยุให้การ์เซียไปชวนโหวจื่อเซวียนมาดื่มเหล้า เพราะโหวจื่อเซวียนดื่มแค่ไม่กี่แก้วก็เมาแล้ว


ในที่สุดเหล่าพวกชาวประมงเองก็เละเทะเช่นกัน แต่ภรรยาของพวกเขาก็อยู่ที่นี่ด้วย ภรรยาของชาวประมงล้วนเป็นสุภาพสตรีที่มีความแข็งแกร่ง เมื่อไรที่พวกผู้ชายมีการทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้นก็จะลากพวกเขาอย่างกับหมูกลับบ้าน


ซึ่งโดยปกติแล้วเหล่าทหารจะให้อีวิลสันเป็นคนจัดการ แต่เพราะพวกเขามีรูปร่างใหญ่ เมื่อก่อนในหนึ่งรอบอีวิลสันจะแบกได้ถึงสองคน แต่รอบนี้แบกได้แค่ครั้งละคนเท่านั้น เพราะต้องใช้ความพยายามมากที่จะแบกพวกเขากลับอพาร์ตเมนต์


ฉินสือโอวทำความสะอาดด้วยรอยยิ้มและนับถังเหล้า คิดไม่ถึงว่าจะมีเบียร์ขนาด 45 ลิตรถึง 10 ถัง ซึ่งถ้าเฉลี่ยดูก็จะประมาณสองคนต่อหนึ่งถัง ปริมาณเหล้าขนาดนี้ทำให้เขาแทบพูดไม่ออก


แต่ก็ยังดีที่เขามีถังเหล้าแบบนี้อยู่กับตัวอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อถึงตอนที่เขาแต่งงานก็ไม่ต้องกลัวการดื่มเหล้า ไม่ต้องกลัวลูกน้องมาขัดแล้ว เดาได้ว่าเพื่อนร่วมชั้นทั้งหมดของตัวเองที่เพิ่มมาจะเข้ามาชนด้วยกันคนละแก้วสองแก้ว


ฉินสือโอวรู้สึกชื่นชมความมีวินัยในตนเองของทหาร เขาตื่นแต่เช้าวิ่งไปกลับหนึ่งรอบ แบล็คไนฟ์และน้องชายทั้งสี่คนเริ่มวิ่งไปบนชายหาดพร้อมกับแบกกระสอบทรายไปด้วย


ฉินสือโอวไม่เคยสร้างโรงยิมโดยเฉพาะมาก่อน เพราะเขารู้สึกว่ามันไม่จำเป็น แต่เนื่องจากตอนนี้คนออกกำลังกายมีมากขึ้น ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นแล้ว เขาจึงเรียกแบล็คไนฟ์มาแล้วพูดว่า “นายไปปรึกษากับเบิร์ดเรื่องการสร้างโรงยิมมานะ ด้านหลังมีโรงเก็บของว่างอยู่ หลังทำความสะอาดคงจะไม่เลวเลยล่ะ”


แบล็คไนฟ์ตอบกลับอย่างดีใจ “โอเคครับบอส พวกเราจะไปทำความสะอาดจนบอสพอใจแน่นอน”


ด้านหลังก็มีโหวจื่อเซวียนเดินเซเข้ามา พร้อมกุมขมับด้วยมือทั้งสองข้าง ดูเหมือนว่าเขายังไม่ตื่นจากอาการเมาค้าง


“ปวดหัวไหม?” ฉินสือโองถามพลางหัวเราะไปด้วย เบียร์เหล่านี้ไม่น่าจะเป็นเบียร์คุณภาพดี ครึ่งหนึ่งเป็นเบียร์คุณภาพต่ำที่พวกลูกน้องชาวประมงชอบดื่ม เพราะพวกเขารู้รสชาติและมีเซนส์กับเบียร์ชนิดนี้เป็นอย่างดี


โหวจื่อเซวียนถอนหายใจพร้อมพูดว่า “ที่สำคัญคือเมื่อวานฉันไม่ได้เป็นหนักขนาดนี้ ขายหน้าชายแห่งตะวันออกเฉียงเหนือจริงๆ แม่เจ้า ตอนเศร้าไม่ควรดื่มเหล้าจริงๆ พอได้ดื่มก็อยากจะดื่มอีกเรื่อยๆ ครั้งหน้าต้องดื่มให้ชนะชาวประมงพวกนี้ให้ได้เลย!”


ฉินสือโอวยักไหล่และพูดความจริงออกมาอย่างเย็นชา “ไม่ นายไม่ได้โดนชาวประมงมอมเหล้าหรอก แต่เป็นการ์เซียต่างหาก นายโดนการ์เซียเล่นงานแล้วล่ะ!”


“หยาบคายมาก!”


เมื่อเห็นว่าโหวจื่อเซวียนกำลังเดินเซไปตามถนน ฉินสือโอวก็กลัวว่าเขาจะเดินตกร่องน้ำ โหวจื่อเซวียนคนนี้เป็นคนที่หลงในทรัพย์สินเงินทอง พอเมาแล้วก็จะกลายเป็นแบบนี้เสมอ แม้แต่ในมือยังถืออาหารทะเลแห้งของเขาติดมาด้วยอยู่เลย


ฉินสือโอวทำได้เพียงขับรถกลับไปส่งเขา พอถึงในเมืองก็เห็นว่าท่าทางของเขาเริ่มเป็นปกติแล้ว จึงพาเขาเข้าไปในร้านกาแฟแล้วพูดว่า  “มิลเลอร์ เพื่อนของฉันต้องการกาแฟบลูเมาท์เทนสองแก้วด่วนๆ เลย เพิ่มนม น้ำตาล แต่ไม่ต้องแต่งกลิ่นนะ!”


ร้านกาแฟของมิลเลอร์เริ่มทำการหลังจากเปิดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในเมืองเล็กๆ เจ้าของร้านเป็นคู่รักหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านั้นทำงานพาร์ทไทม์อยู่แถวๆ นอกเมือง เมื่อมองหาโอกาสทางธุรกิจที่แน่นอนได้แล้วจึงกลับมาทำงานด้วยตัวเอง


ร้านกาแฟมีขนาดค่อนข้างเล็ก มีเพียงเจ็ดถึงแปดที่นั่งเท่านั้น แต่เลือกใช้สไตล์การตกแต่งแบบชาววัง ซึ่งมีความหรูหรามาก จึงทำให้ได้รับความพอใจจากนักท่องเที่ยวอย่างล้นหลาม ส่งผลให้การค้าขายดิบขายดี


มิลเลอร์เดินมาเสิร์ฟกาแฟ พอกำลังจะเดินกลับก็เห็นท่าทางของโหวจื่อเซวียน เขาจึงกระซิบอะไรบางอย่างอย่างมีลับลมคมใน “นี่คุณ คุณป่วยเป็นโรคอะไร? โรคซิฟิลิส โรคโกโนเรียหรือโรคแผลริมอ่อน? ตายละ ดูท่าทางของคุณแล้วคงจะไม่ใช่ แต่อย่าบอกนะว่าเป็นหูดหงอนไก่ อย่าล้อเล่นกับเรื่องแบบนี้นะ!”


ฉินสือโอวมองไปที่โหวจื่อเซวียนที่เหมือนกำลังจะร้องไห้ ก็รู้เลยว่าล้อเขาเล่นไม่ได้แล้ว ฉินสือโอวจึงผลักมิลเลอร์ให้ออกไป


มิลเลอร์หัวเราะพร้อมเดินจากไป เขายังตบไหล่ปลอบใจโหวจื่อเซวียนเบาๆ “ผมเห็นใจคุณนะ งั้นแก้วนี้ผมเลี้ยงแล้วกัน ส่วนฉินนายรวยอยู่แล้ว นายก็ควักเงินจ่ายเองนะ”


ฉินสือโอวกำลังจะพาโหวจื่อเซวียนกลับ แต่บังเอิญไปชนเข้ากับฮิวจ์


ฮิวจ์ซึ่งกำลังง่วงเหงาหาวนอนอยู่พอดีเห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจจะมาซื้อกาแฟเหมือนกัน แต่เมื่อเขาเห็นท่าทางของโหวจื่อเซวียน จากนั้นจึงตกใจดึงเขาไว้แล้วพูดว่า “ฉิน นายยืนยันได้ว่าฉันกับชาวอินเดียแดงแห่งเทือกเขาร็อกกีมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน น้องชายคนนั้นน่ะ ฉันรู้จักกับพ่อหมอรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เก่งมาก…”


“ฉันบอกให้พวกนายพอได้แล้ว!” โหวจื่อเซวียนพูดขึ้นด้วยความโมโห


ฮิวจ์ยังคงพล่ามไม่หยุด “นายป่วยเป็นอะไร? ส่วนใหญ่จะเป็นหูดหงอนไก่ แต่อย่ากลัวไปเลย แม้แต่โรคเอดส์พ่อหมอคนนั้นยังสามารถรักษาได้!”


“ฉันบอกให้นายพอได้แล้วไง!” โหวจื่อเซวียนเริ่มโกรธจริงๆ แล้ว


ฮิวจ์ตอบกลับอย่างไม่พอใจ “โอเคๆ ฉันไม่พูดละ แต่นายแน่ใจนะว่าไม่อยากรักษาจริงๆ? เขาไม่เพียงแต่สามารถรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างเดียวนะ ยังสามารถเพิ่มสมรรถภาพให้กับผู้ชายได้อีกด้วย ชาวอินเดียแดงใช้เวลาหนึ่งครั้งต่อหนึ่งชั่วโมง แปดครั้งในหนึ่งวัน!”


ฉินสือโอวถึงกับขมวดคิ้ว


ฮิวจ์ยกมือขึ้นหัวเราะพร้อมพูดว่า “ก็ได้ๆ เจ้านาย ครั้งนี้ฉันไม่พูดแล้วจริงๆ…”


“ไม่ นี่นายพูดต่อเถอะ อยู่ๆ ฉันก็เริ่มสนใจขึ้นมาแล้ว หนึ่งครั้งต่อหนึ่งชั่วโมง แปดครั้งต่อวันจริงเหรอ? นายแน่ใจใช่ไหม?” โหวจื่อเซวียนดึงฮิวจ์มาถาม


ฉินสือโอวแผ่มือออกไปอย่างจนปัญญา “เอาล่ะ งั้นนายก็อยู่คุยเล่นที่นี่ไปเถอะ ถ้าไม่กลับพร้อมฉันก็ให้ฮิวจ์ไปส่งนายแล้วกัน ฉันขอตัวก่อนล่ะ”


เขากลับมาถึงฟาร์มปลาได้ไม่นาน บริษัทประกอบบ้านได้ส่งของที่เขาสั่งมาให้  ซึ่งมีทั้งหมดห้าหลัง นอกจากนี้บริษัทยังส่งหลังคามาให้เขาอีกด้วย เขาจึงไม่ต้องซื้อบาร์เครื่องดื่มเพิ่มอีก


เหล่าทหารมองดูอะไหล่บ้านของเล่นเหล่านั้น จึงถามขึ้นมาว่า “ประกอบบ้านเหรอครับ?”


ฉินสือโอวพยักหน้า แอร์แบ็คหัวเราะขึ้นมาพร้อมพูดว่า “โอเค บอสให้พวกเรามาแค่นี้”


ครั้งก่อนประกอบบาร์เครื่องดื่มยังช่วยกันทำทั้งบ้าน แต่ครั้งนี้เด็กๆ ก็ไปโรงเรียนกันหมดแล้ว แถมยังเหลือบ้านอีกตั้งห้าหลังที่ต้องประกอบ จะชวนคนที่บ้านมาทำก็ไม่ได้ ถ้ามีคนมาช่วยประกอบก็คงจะดีไม่น้อย


บทที่ 786 เกาะล่องแก่งบนท้องทะเล

โดย

Ink Stone_Fantasy

อันดับแรกต้องซ่อมแซมบาร์เครื่องดื่มก่อน ฉินสือโอวคิดว่าแค่เอาหลังคามาต่อเติมก็คงใช้ได้แล้ว แต่ในความเป็นจริงคือไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะเมื่อมีลมพายุพัดมาก็จะทำให้กำแพงบ้านเอียงและต้องทำการซ่อมแซมเพิ่มอีก


ซึ่งก่อนหน้านั้นพวกซีมอนสเตอร์ได้ทำการสร้างหลังคาขึ้นมาเอง ผลที่ได้คือไม่ตรงตามแบบฉบับบ้านการ์ตูน จึงทำให้ฉินสือโอวเลิกใช้มันไป ตอนนี้จึงเลือกฟังคำแนะนำของแบล็คไนฟ์ บอกว่าที่ไม่ตรงแบบไม่ใช่เพราะสไตล์ของหลังคาที่ไม่เหมาะสม แต่เป็นเพราะปัญหาระหว่างพื้นล่างและผนังต่างหาก ดังนั้นมันจึงดูขัดตา


แบล็คไนฟ์พาน้องชายทั้งสี่คนมาปรึกษาพูดคุยกัน พวกเขามาหาฉินสือโอวเพื่อต้องการไม้ฉากสามเหลี่ยมและไม้บรรทัดตรงมาเริ่มร่างแบบลงกระดาษ และไม่นานพวกเขาก็วางแผนการซ่อมแซมออกมาอย่างเสร็จสมบูรณ์


พวกเขาเริ่มถอดส่วนประกอบของบาร์เครื่องดื่มก่อน จึงทำให้ฉินสือโอวมองเห็นชิ้นส่วนตรงขอบมุมที่มีรอยร้าวจนบางที่แตกแล้วก็มี จึงจำเป็นต้องทำการซ่อมแซม


เหล่าทหารมีทักษะฝีมือที่ยอดเยี่ยมมาก บีบีซวงจะชำนาญในการทำงานเหล่านี้มากเป็นพิเศษ พวกเขาสามารถซ่อมแซมมุมประตู หน้าต่างและกำแพงที่มีปัญหาได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็ช่วยกันนำมาประกอบตามภาพแล้ววางหลังคาไว้ข้างบน ทำให้บาร์เครื่องดื่มที่ทรุดโทรมกลับมาสดใสอีกครั้ง


บาร์เหล้าค่อนข้างมีความน่าสนใจ มันไม่ใช่แค่ไม้กระดานหรือแผ่นเหล็กธรรมดาๆ อุปกรณ์มากมายล้วนทำมาจากขวดเบียร์และกระป๋องเบียร์ ที่นั่งในห้องก็เป็นถังเบียร์ทั้งหมด เคาน์เตอร์บาร์และเสาก็ทำมาจากขวดเบียร์เล็กๆ ที่เอามามัดรวมกัน


การติดตั้งไฟในห้องก็มีความโดดเด่น นอกจากไฟหลอดใหญ่ตรงกลางนั่นแล้ว ไฟหลอดอื่นจะเอามาติดในขวดเบียร์ขนาดใหญ่และเล็กทั้งหมด


ขวดเบียร์เหล่านี้มีสีสันแตกต่างกัน แม้ว่าข้างในจะเป็นแค่หลอดไฟแอลอีดีธรรมดา แต่พอมันสว่างแล้ว แสงที่ส่องออกมากลับมีหลากหลายสีสัน


นอกจากนี้ฉินสือโอวยังสั่งซื้อบ้านพักทั่วไปมาอีกด้วย ซึ่งนี่คือสิ่งที่เขาเตรียมไว้สำหรับเกาะล่องแก่ง


เกาะล่องแก่งเป็นเกาะพลาสติกที่การ์เซียและเซลียากำลังสร้างอยู่บนทะเลด้วยกัน จากนั้นฉินสือโอวจึงตั้งชื่อให้เขา ซึ่งเป็นชื่อที่ไม่เลวเลยทีเดียว


เหล่าทหารมักจะตั้งเต็นท์ประจำการ นอกจากนี้เมื่อพวกเขาตั้งค่ายอยู่ต่างประเทศก็มักจะใช้ทักษะการประกอบบ้านนี้ในการตั้งค่าย ซึ่งทำให้สะดวกต่อการรื้อถอนและก่อสร้าง ดังนั้นพวกเขาจึงชำนาญในการประกอบบ้านมาก บ้านหลังหนึ่งพวกเขาใช้เวลาแค่สามสิบนาทีก็สามารถสร้างขึ้นมาได้แล้ว


ซึ่งจุดนี้ฉินสือโอวสามารถพูดได้แค่ว่าความชำนาญทำให้เกิดการพลิกแพลงได้จริงๆ ครั้งก่อนที่เขาและเด็กๆ ประกอบบาร์เครื่องดื่มก็เสียเวลาไปทั้งวัน จนวิลและซีมอนสเตอร์ต้องมาช่วย


ชิ้นส่วนต่างๆ ของบ้านอยู่ในมือของเหล่าทหารราวกับว่าพวกเขากำลังถืออาวุธปืน พวกเขาดูภาพร่างและวิดีโอการก่อสร้างทำให้พวกเขาสร้างมันขึ้นมาได้อย่างราบรื่น และเป็นไปตามแบบร่าง


แม้ว่าปัญหาด้านวงจรไฟฟ้าจะเป็นสิ่งที่ยุ่งยากที่สุด แต่ถ้าอยู่ในมือของพวกเขาแล้วก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายในทันที ด้วยความร่วมมือกันอย่างสุดฝีมือ บ้านที่ละเอียดประณีตแต่ละหลังจึงค่อยๆ ปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ต้นชูการ์เมเปิล


หลังจากฉินสือโอวเห็นก็รู้สึกว่ามันยอดเยี่ยมมาก เขาจึงวางใจให้เหล่าทหารจัดการ ส่วนเขาก็จะไปดูแผนการสร้างเกาะของการ์เซียและซีเลีย


การ์เซียและซีเลียเอาท่าเรือบล็อกคอนกรีตเป็นศูนย์กลาง และเอาแผ่นพีวีซีและขวดพลาสติกวางซ้อนกันใต้อุโมงค์สะพานในท่าเรือ และเหล่าชาวประมงจะใช้แหที่ชำรุดแล้วคลุมแผ่นพีวีซีและขวดพลาสติกเอาไว้ สามารถหยิบใช้ได้ตามต้องการ


หลังจากยุ่งกับการทำงานมาหลายวัน การ์เซียและซีเลียทำงานยุ่งจนแทบจะหมดแรง


พวกเขาใช้แผ่นพีวีซีขนาดใหญ่จับคู่กับแผ่นแบบ ใช้สายเบ็ดและกาวกันน้ำทำให้มันยึดติดกัน แต่ไม่ได้เอามารวมกันทั้งหมด แค่เอาแต่ละอันมาเชื่อมเข้าด้วยกันจึงจะสามารถขยับและกระเพื่อมตามคลื่นของน้ำทะเลได้ และเป็นกันชนแรงกระแทกบนเกาะได้


ฐานรองของเกาะเล็กๆ มีเนื้อที่ประมาณ 2,000 ตารางเมตรและมีรูปร่างเป็นทรงกลมทั้งหมด ซึ่งรูปร่างแบบนี้ถ้าอยู่ในน้ำทะเลจะสามารถปล่อยแรงได้ดีที่สุด เมื่อคลื่นซัดขึ้นมาก็จะแพร่กระจายไปทั่วทุกมุมได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเฉลี่ยเท่ากับแรงรับ


เพื่อที่จะหาทุนนี้ การ์เซียและซีเลียต้องทำงานอย่างหนัก ซึ่งแค่แบบการสร้างเกาะก็มีเป็นร้อยแผ่นแล้ว ดังนั้นจึงต้องแบ่งกันไปศึกษาการออกแบบ


ช่วงท้ายของฐานรองต้องใช้เชือกผูกติดกับท่าเรือ จากการเคลื่อนไหวของกระแสน้ำ ฉินสือโอวจึงลองไปยืนดูความแข็งแกร่งของแรงรับก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่จะรู้สึกโคลงเคลงอยู่บ้าง คาดว่าถ้าคนเมาเรือขึ้นมาจะต้องรู้สึกวิงเวียนจนรู้สึกอยากอาเจียนแน่นอน


เขาจึงเอาปัญหานี้ไปปรึกษากับการ์เซีย การ์เซียจึงยิ้มพร้อมพูดว่า “ไม่ครับ บอส นี่ยังไม่ใช่เวอร์ชันสุดท้าย ผมยังต้องการให้ฐานรองหนาขึ้นอีก โดยจะใช้ขวดพลาสติกที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมซ้อนเพิ่มเข้าไปในแต่ละชั้น และสุดท้ายจะใช้เชือกและโซ่เหล็กยึดเอาไว้ใต้ก้นทะเล ถึงจะมีความมั่นคงมากพอ”


ซีเลียเอาแบบร่างให้ฉินสือโอวดู ฐานรองของเกาะเล็กๆ มีการวางแผนให้มีความหนาถึงแปดสิบเซนติเมตร ประกอบด้วยแผ่นพีวีซี ซึ่งมีทั้งหมดห้าชั้นและแผ่นไม้


ระหว่างแผ่นพีวีซีและแผ่นไม้จะมีขวดพลาสติกวางเรียงกันในแต่ละชั้น จึงจะทำให้แรงลอยตัวในการรับน้ำหนักในรอบสุดท้ายมีมากกว่า 100,000 นิวตัน ซึ่งหมายความว่าแรงรับน้ำหนักมีมากถึงสิบตัน


ดังนั้นดูเหมือนว่า หลังจากประกอบพลาสติกเหล่านี้แล้ว จะเรียกมันว่า ‘เกาะเล็กๆ’ ก็คงไม่ผิด


ในส่วนอื่นๆ ฉินสือโอวพอใจมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่พอใจคือวิธีการซ่อมแซมในขั้นตอนสุดท้าย เขาจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ พวกนายอยู่ซ่อมแซมที่นี่ก็พอ ฉันซ่อมไม่ได้ หลังจากเตรียมพร้อมแล้วจะให้เรือสำราญมาลากไป ดังนั้นพวกนายต้องทำให้มันแข็งแรงยิ่งกว่าเดิม”


หลังจากที่ได้เห็นความรุนแรงของการปะทุของภูเขาไฟและความโหดร้ายของลมพายุ ฉินสือโอวจึงไม่กล้าโยนสิ่งนี้ลงทะเล เขาควรจะสร้างเกาะลอยน้ำ ไม่อย่างนั้นจะเรียกมันว่า ‘เกาะล่องแก่ง’ ทำไม?


หลังจากรอให้เกาะล่องแก่งสร้างเสร็จ ก็จะเอาบ้านประกอบไปลง โดยจะใช้เรือสำราญลากลงทะเลลึกและค้างคืนที่นั่นคงจะดีมากแน่ๆ แต่ถ้าต้องพบกับสภาพอากาศที่ผิดปกติ ก็จะใช้เรือสำราญลากขึ้นฝั่ง ฉินสือโอวรู้สึกว่าทำแบบนี้น่าจะปลอดภัยมากกว่า


แม้ว่างานนี้จะทำสัญญาโดยการ์เซียและซีเลีย แต่ฉินสือโอวและเหล่าชาวประมงก็ยินดีที่จะช่วยเหลือเมื่อพวกเขามีเวลาว่าง และเจ้าสิ่งนี้ก็เป็นการประกอบแบบแยกส่วนด้วย


ก่อนอื่นเลือกแผ่นพีวีซีและขวดพลาสติกมาเชื่อมต่อกันให้มีความยาวประมาณสี่เมตร ฐานรองเล็กรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีความกว้างสองเมตร หลังจากผ่านการทดสอบความแข็งแรงแล้ว ก็จะประกอบเข้ากับฐานรองใหญ่ ซึ่งทำเช่นนี้จะทำให้แต่ละชิ้นส่วนขยายออกและสุดท้ายจะกลายเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่


ตอนนี้เค้าโครงโดยรวมของฐานรองเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว ซึ่งการ์เซียกำลังยุ่งอยู่กับการขัดเงาเคลือบแผ่นพีวีซีและต้องต่อเข้ากับส่วนด้านนอกของฐานรอง จึงจะสามารถประกอบแบบร่างของต้นแบบขั้นสุดท้ายได้


บ่ายวันหนึ่ง ฉินสือโอวจึงเอาแผ่นพีวีซีสองแผ่นซึ่งมีความยาวและความกว้างสี่เมตรประกอบรวมเข้าด้วยกัน เขาใช้ลูกเล่นหลอกพาฉงต้ามาที่ท่าเรือ พอถึงที่หยุดตรงแผ่นพลาสติก ก็ผลักมันลงไปอย่างรวดเร็ว


ฉงต้าที่ตัวอ้วนขึ้นเรื่อยๆ และปริมาณน้ำหนักตัวของมันก็เกือบจะมากถึงหนึ่งร้อยห้าสิบกิโลกรัม การตกลงไปบนแผ่นพีวีซี ด้วยน้ำหนักขนาดนี้ แต่แผ่นพีวีซีกลับไม่มีรอยแตกเลย!


โชคดีที่ฉินสือโอวใช้เบ็ดตกปลาและกาวกันน้ำในปริมาณที่มากพอจึงทำให้สามารถรับน้ำหนักและแรงกระแทกของฉงต้าได้


เป็นครั้งแรกที่ฉงต้าได้ใกล้ชิดกับทะเลขนาดนี้ คลื่นที่กระทบกับแผ่นพีวีซี ทำให้มันตกใจจนร้องคำรามออกมาอย่างน่าเหลือเชื่อ และร่างใหญ่ของเจ้าเด็กอ้วนก็ฟุบลงไปนอนอยู่บนแผ่นพีวีซี มันกลัวจนแทบจะฉี่ราดออกมา


ฉินสือโอวกระโดดลงไปในน้ำ แล้วใช้มือปัดน้ำที่อยู่บนตัวฉงต้าพร้อมกับพูดอย่างไม่พอใจว่า “อย่าร้อง อย่าร้อง จะกลัวอะไร? จมน้ำก็ไม่ตายหรอก! มา พ่อจะผลักแกให้ดู”


เมื่อเห็นฉินสือโอวกระโดดลงน้ำ หลัวปอที่กำลังวิ่งไปมาอยู่บนชายหาดก็ชะโงกหัวออกไปมองดูฉงต้า แล้วส่งเสียงร้องบรู้วๆ อย่างกับกำลังหัวเราะใส่


หู่จือและเป้าจือก็แอบวิ่งเข้ามาและยืนอยู่ข้างหลังหลัวปออย่างเงียบๆ


หลัวปอที่รู้สึกถึงความผิดปกติจึงหันกลับไปมอง มันหวาดกลัวเมื่อเห็นทั้งสองตัวนี้กำลังเข้ามา…


‘ตู้ม’ คราวนี้กลับไม่มีแผ่นพีวีซีมารองรับ!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)