หมอดูยอดอัจฉริยะ 770-771
ตอนที่ 770 ขีปนาวุธยุทธศาสตร์
คลื่นพลังจากระเบิดที่ตามมาระลอกหลังนั้นก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนจนต้นไม้บนพื้นเบื้องล่างส่ายโอนเอน แม้แต่ติงหงที่มีปราณแท้คุ้มกายอยู่ก็ยังรู้สึกเสียสมดุลไปวูบหนึ่ง คลื่นพลังที่แผ่มาเป็นระลอกนั้นทำให้ติงหงต้องถอยหลังไปหลายก้าว หน้าเปลี่ยนสีในฉับพลัน
จุดที่เกิดการระเบิดอยู่ห่างจากเขาไปหลายร้อยเมตร แต่กลับได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงถึงขนาดนี้ นี่ถ้ามาระเบิดอยู่ข้างๆ ติงหงก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าตนจะต้านทานไหวหรือไม่ ในใจจึงอดรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาไม่ได้
เคิร์ทซึ่งถูกเขาโยนออกไปนั้น บัดนี้ไม่หลงเหลือแม้กระทั่งซากศพเถ้ากระดูก อุณหภูมิสูงที่เกิดจากการระเบิดของจรวดนั้นได้เผาผลาญร่างของเขาไปจนหมดในพริบตา แม้แต่แก่นหัวใจก็กลายเป็นเถ้าธุลี เรียกว่าตายจนไม่รู้จะตายอย่างไรได้อีกแล้ว
“วุ่นวายจริง รีบกลับไปขุดหาสายแร่พลอยวิเศษจุดสุดท้ายดีกว่า!”
ติงหงส่ายหน้า อานุภาพของอาวุธในสมัยปัจจุบันนี้ แม้แต่เขาเองก็ยังยากที่จะประชันด้วยได้ ยิ่งตอนนี้เขากำลังจะไปถึงขั้นบรรลุจินตันสำเร็จมหามรรคอยู่แล้ว ไม่สมควรก่อกรรมทำเข็ญมากเกินไป มิเช่นนั้นความยากในการเลื่อนขั้นจะต้องเพิ่มสูงขึ้นเป็นทวีคูณแน่นอน
ในเมื่อไม่อาจโต้ตอบเอาคืนฝ่ายตรงข้ามได้ จะสู้อย่างไรก็ก็คงไม่คุ้ม อีกทั้งในละแวกนี้ยังอาจจะมีผู้บำเพ็ญเต๋าอีกคนหนึ่งคอยซุ่มสังเกตการณ์อยู่ และอาจจะส่งข่าวไปถึงในดินแดนแห่งทวยเทพแล้วก็เป็นได้
ตอนนี้นอกจากสายแร่พลอยวิเศษแห่งแรก ที่อื่นๆ ก็ถูกเขาขุดค้นไปเกือบหมดแล้ว หากขุดเจาะพบสายแร่พลอยวิเศษอีกแห่งได้ แม้จะต้องจากที่นี่ไปเขาก็ไม่เสียดายแล้ว ดังนั้นติงหงจึงคิดที่จะถอนตัวจากการสู้รบ
ติงหงสะบัดชายแขนเสื้อ หันกายมุ่งหน้าไปยังตำแหน่งของสายแร่ เส้นทางบนภูเขาที่ไกลหลายสิบกิโลเมตรนั้นราวกับถูกร่นระยะสั้นลงภายใต้ฝีเท้าของเขา แต่ละครั้งที่ก้าวออกไปก้าวหนึ่ง ร่างของติงหงก็จะไปปรากฏขึ้นห่างจากตำแหน่งเดิมมากกว่าหนึ่งพันเมตร
แต่ถึงอย่างไรติงหงก็ปลีกตนจากโลกของฆราวาสมานานมากแล้ว แม้ว่าเขาจะรู้จักเครื่องบินและระเบิด แต่กลับไม่รู้เลยว่า ขณะที่เขากำลังจากไปนั้น ‘ดวงตา’ นับไม่ถ้วนบนฟ้ากำลังจับจ้องดูเขาอยู่
“ผู้การครับ นี่…นี่มันยังใช่คนอยู่ไหมเนี่ย?”
ณ กองบัญชาการที่อยู่ไกลออกไปหลายร้อยกิโลเมตร นายพลกลุ่มหนึ่งต่างกำลังจ้องตาค้างไปที่จอแสดงผลจอหนึ่งซึ่งก็ไม่ได้ให้ภาพที่ชัดเจนเท่าไรนัก ภาพเมื่อครู่นี้ทำให้พวกเขาแต่ละคนรู้สึกราวกับว่ากำลังเผชิญกับมหันตภัยร้ายแรง
แสนยานุภาพของกองทัพรัสเซียนั้นแม้จะไม่เทียบเท่ากับสหภาพโซเวียตในอดีต และก็ไม่ได้มีอาวุธที่มีชื่อเสียงเท่าขีปนาวุธรุ่นแพทริออตของสหรัฐอเมริกา แต่รัสเซียซึ่งเป็นประเทศที่ได้สืบทอดกองทัพของอดีตสหภาพโซเวียตมาทั้งหมดนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะดูถูกกันได้ง่ายๆ เลย
จรวดจากอากาศสู่พื้นทั้งสามลูกนั้นไม่ได้เป็นจรวดชนิดติดเฮลิคอปเตอร์ธรรมดาทั่วไป แต่เป็นขีปนาวุธอากาศสู่พื้นรุ่น PKE-500A ซึ่งสามารถทำลายอาคารขนาดใหญ่แห่งหนึ่งได้ทั้งอาคารเลย
แต่ภาพที่ถ่ายได้จากดาวเทียมกลับแสดงให้เห็นว่า ขีปนาวุธทั้งสามลูกล้วนถูกวัตถุที่มีรูปร่างคล้ายคนสกัดทางไว้ได้ นั่นจะต้องใช้พลังงานที่มหาศาลปานไหน และจะต้องมีการตัดสินใจที่แม่นยำเพียงใดกัน ปรากฏการณ์เช่นนี้อยู่เกินกว่าขอบเขตที่พวกเขาจะทำความเข้าใจได้จริงๆ
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่า คนผู้นั้นสามารถโยนร่างของคนอีกคนหนึ่งออกมาไกลเป็นร้อยเมตรได้อย่างไร เพียงเฉพาะการที่ขีปนาวุธอากาศสู่พื้นสามลูกนั้นถูกสกัดไว้ได้ด้วยพลังของมนุษย์ ก็เป็นเรื่องที่นายพลเหล่านี้แม้แต่จะฝันยังฝันออกมาไม่ได้เลย
“มันจะเป็นคนหรือไม่ผมก็ไม่รู้หรอก ผมรู้อยู่เพียงว่า พวกเราจะต้องกำจัดมันให้ได้!”
เมื่อเห็นภาพในวิดีโอที่ไม่สู้จะชัดเจนนักนั้นแล้ว กินเนสส์ก็สีหน้าซีดเผือด เขาแทบจะสรุปได้เลยว่า การประหัตประหารที่มอสโควและการเสียชีวิตของนายพลลอฟสกี้จะต้องเป็นการกระทำของคนผู้นี้อย่างแน่นอน
และกินเนสส์ยังเชื่อด้วยว่า ในชั่วขณะนี้ คงไม่ได้มีเพียงดาวเทียมสังเกตการณ์ของรัสเซียเท่านั้นที่จับภาพนี้ได้ แม้แต่ประเทศอื่นๆ อย่างอเมริกาหรืออังกฤษก็คงจะรู้เห็นเหตุการณ์นี้แล้วเช่นกัน หากไม่สามารถกำจัดคนผู้นั้นให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ได้ รัสเซียก็คงจะต้องอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“ผู้การครับ เจ้าคนนี้ขนาดขีปนาวุธมันยังไม่กลัว แล้วยังเคลื่อนไหวเร็วออกปานนั้น อาวุธของพวกเราล็อกเป้ามันไม่ทันหรอกครับ!”
เมื่อเห็นภาพและตำแหน่งพิกัดบนจอที่เปลี่ยนไปไม่หยุด วิคเตอร์ก็มีสีหน้าเหลือเชื่อ ถ้าไม่ใช่เพราะใช้ดาวเทียมในการสังเกตการณ์ ร่องรอยของฝ่ายตรงข้ามก็คงจะหลุดจากการติดตามของพวกเขาไปนานแล้ว
“ก็ไม่ใช่ว่าจะล็อกเป้าไม่ได้ไปเสียทีเดียวหรอก ขอแค่มันหยุดอยู่ที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งนานกว่าหนึ่งนาที เท่านี้เราก็ฆ่ามันได้แล้วละ!”
กินเนสส์พลันตาลุกวาว เพราะเขามองเห็นว่า ชายผู้ใส่เสื้อผ้าชุดจีนโบราณผู้นั้นเข้าไปในโพรงถ้ำแห่งหนึ่งบนภูเขา จากนั้นก็จับภาพไม่ได้อีกเลย
“ผมจะต่อสายถึงท่านประธานาธิบดี ทุกท่านโปรดรอสักครู่!”
กินเนสส์ลุกขึ้นยืน แล้วกำชับกับนายทหารผู้ช่วยว่า “คอยจับตาดูร่องรอยของคนผู้นี้ให้ดีๆ ให้แน่ใจว่ามันออกมาจากถ้ำนั่นรึเปล่า!”
เขาเดินออกจากกองบัญชาการอย่างเร่งร้อน จนมาถึงห้องอีกห้องหนึ่ง แล้วโทรศัพท์ต่อสายตรงไปถึงประธานาธิบดีเพื่อรายงานสถานการณ์ทั้งหมด
“ท่านประธานาธิบดีครับ ผมคิดว่า นี่เป็นโอกาสดีที่เราจะได้สำแดงแสนยานุภาพของกองทัพรัสเซีย เราสามารถใช้ที่นั่นเป็นเสมือนสนามซ้อมรบ โดยใช้ขีปนาวุธร่อนรุ่น Kh-555 ได้นะครับ!”
ขีปนาวุธร่อนรุ่น Kh-555 ที่กินเนสส์กล่าวถึงนั้น รัสเซียได้เริ่มพัฒนาขึ้นในช่วงกลางทศวรรษที่ 90 เมื่อต้นปีนี้เพิ่งจะทดลองยิงสำเร็จเป็นครั้งแรก การที่อาวุธด้านยุทธศาสตร์ชนิดนี้ปรากฏขึ้นมา แท้จริงแล้วก็มีต้นเหตุมาจากการยั่วยุของอเมริกานั่นเอง
นิตยสาร Foreign Affairs ของสหรัฐอเมริกาเคยเผยแพร่บทความปลุกปั่นเรื่อง ‘ปัจจุบันอเมริกามีความสามารถที่จะทำลายล้างศูนย์พลังงานนิวเคลียร์ทั้งหมดของรัสเซียได้ในครั้งเดียว’ ซึ่งทำให้เกิดความปั่นป่วนในหมู่ชาวรัสเซียอย่างรุนแรง
‘ทฤษฎีทำลายล้างในคราวเดียว’ นี้ ไม่เพียงทำให้สื่อของรัสเซียต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์เท่านั้น แต่ยังกระตุ้นให้เกิดการผลิตขีปนาวุธ Kh-555 ขึ้นอีกด้วย กองทัพรัสเซียประกาศต่อโลกด้วยความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่า รัสเซียและอเมริกาจะยังคงสามารถรักษาดุลยภาพทางนิวเคลียร์ที่ ‘ต่างฝ่ายต่างทำลายล้างซึ่งกันและกันได้’ ต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นด้านอานุภาพ ระยะยิง หรือความแม่นยำในการโจมตี ขีปนาวุธ Kh-555 ก็มีคุณสมบัติเหนือกว่าจรวด โทมาฮอว์ก ของอเมริกาทุกประการ จุดอ่อนเพียงประการเดียวที่มีอยู่คือ ปัจจุบันกองทัพรัสเซียมีเครื่องบินที่สามารถบรรทุกขีปนาวุธ Kh-555 ได้อยู่เพียงไม่กี่ลำเท่านั้น
นอกจากนี้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการผลิตอันสูงลิ่ว จึงไม่สามารถผลิตขีปนาวุธ Kh-555 ในระดับใหญ่ได้ จนถึงปัจจุบันนี้ รัสเซียก็ยังมีขีปนาวุธ Kh-555 อยู่น้อยกว่าสามสิบลูก
เมื่อปลายสายมีเพียงเสียงลมหายใจของประธานาธิบดี กินเนสส์จึงรู้สึกร้อนใจขึ้นมา และพูดขึ้นว่า “ท่านประธานาธิบดีครับ กับการยั่วยุนี้เราจะต้องตั้งมั่นในการโจมตีกลับนะครับ นายพลลอฟสกี้ก็ตายไปด้วยน้ำมือของคนผู้นี้ ตอนนี้ประเทศอื่นๆ อาจจะกำลังเยาะเย้ยพวกเราอยู่ก็ได้นะครับ!”
กินเนสส์คาดเดาไม่ผิด แม้ว่าขณะนี้จะตรงกับเวลาดึกสงัดที่นิวยอร์ก แต่ที่ทำเนียบขาวซึ่งเพิ่งจะถูกโจมตีไปเมื่อครึ่งปีก่อนกลับเปิดไฟสว่างไสว นายพลยศระดับสูงหลายนายกำลังมองดูภาพที่ส่งมาจากดาวเทียมอย่างจริงจัง
แต่กินเนสส์คาดผิดไปประการหนึ่ง เหล่านายพลผู้สามารถกำหนดชะตาของอเมริกาทั้งประเทศได้เหล่านี้ ไม่ได้กำลังยินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่นอยู่เลย แต่กลับกำลังท้อแท้หมดอาลัยอย่างยิ่ง
หลังจากดูวิดีโอจบ ชายชราผู้มียศชั้นนายพลท่านหนึ่งหันไปถามพลโทนายหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามว่า “แจ็คสัน โปรเจ็กต์ซูเปอร์แมนของเราน่ะ ยังต้องอีกนานแค่ไหนถึงจะเสร็จสมบูรณ์?”
พลโทนายนั้นส่ายหน้าแล้วตอบว่า “นายพลแคลเรนซ์ ความคืบหน้าที่เขต 51 เป็นไปอย่างล่าช้าเหลือเกินครับ เกรงว่าอย่างน้อยที่สุดก็คงต้องใช้เวลาอีกถึงยี่สิบปี!”
“ยี่สิบปี? กระทรวงกลาโหมทุ่มเงินไปแต่ละปีตั้งมากมายปานนั้น ยังจัดทีมซูเปอร์แมนออกมาไม่ได้สักทีมเลยหรือนี่?”
นายพลแคลเรนซ์ไม่พอใจต่อเรื่องนี้มาก ภาพในวิดีโอนั้นทำให้เขาเกิดความรู้สึกคับขันขึ้นมา การค้นคว้าวิจัยของประเทศจีนในด้านนี้อาจจะล้ำหน้าประเทศต่างๆ ทางตะวันตกไปแล้วก็ได้
“นายพลแคลเรนซ์ อาวุธและอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับการรบตัวต่อตัวผลิตออกมาเรียบร้อยแล้วครับ แต่หากรวมกันขึ้นมาแล้ว ชุดหนึ่งจะมีน้ำหนักมากถึงสามพันกว่ากิโลกรัม นักรบชั้นสูงของเราไม่มีทางที่จะแบกรับได้ไหวหรอกครับ!”
แจ็คสันได้ยินดังนั้นก็ฝืนยิ้ม ตามที่พวกเขาร่างแผนไว้ในตอนแรกนั้น จะต้องพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ชนิดที่ทำให้ผู้ใช้สามารถวางยุทธศาสตร์และสู้รบโดยลำพังคนเดียวได้ ซึ่งก็หมายความว่า เพียงคนเดียวก็สามารดำเนินการป้องปรามอาวุธนิวเคลียร์ได้แล้ว
แต่หลังจากที่ทุ่มทุนไปกับการค้นคว้าวิจัยเป็นตัวเลขสูงเสียดฟ้า อุปกรณ์ที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ประดิษฐ์ออกมาได้ในขั้นสุดท้ายกลับมีน้ำหนักมากถึงสามพันกว่ากิโลกรัม แม้จะมีอุปกรณ์แล้ว แต่กลับหาคนที่จะมาใช้ไม่ได้
ในหลายสิบปีมานี้ เขต 51 ได้พยายามปลดปล่อยศักยภาพที่แฝงอยู่ในร่างกายของมนุษย์ออกมาโดยใช้สารพัดวิธีการ เพื่อที่จะ ‘ผลิต’ ซูเปอร์นักรบผู้สามารถร่วมรบกับอาวุธชนิดนี้ออกมาให้ได้สักคนหนึ่ง แต่ก็เห็นได้ชัดว่า พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จเลย
หลังจากฟังแจ็คสันรายงานจบ แคลเรนซ์เงียบขรึมไปนาน แล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า “คำนวณจากพลังที่คนผู้นั้นใช้โยนวัตถุในระยะไกลแล้ว ผมว่า…เราคงต้องสานสัมพันธไมตรีกับคนจีนไว้บ้างแล้วละ!”
แม้ว่าในสังคมยุคปัจจุบันนี้ ความสามารถในการสู้รบของบุคคลเดี่ยวจะไม่ได้เป็นดัชนีสำคัญในการตัดสินผลแพ้ชนะของสงครามแล้ว แต่กลยุทธ์ต่างๆ อย่างการส่งทหารในกองกำลังพิเศษไปสอดแนมหรือลอบสังหารนั้น นับวันกลับยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าผู้ที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ในวิดีโอนั้นเป็นผู้ที่ทำงานให้ทางรัฐบาลจีนจริงๆ ผู้นำของนานาประเทศทั่วโลกก็คงจะเป็นอันกินไม่ได้นอนไม่หลับกันหมดแน่
หัวรบนิวเคลียร์อาจบดขยี้ประเทศหนึ่งๆ ได้ก็จริงอยู่ แต่เมื่อมีคนเช่นนี้ ก็สามารถที่จะทำลายศูนย์กลางการปกครองของประเทศหนึ่งๆ โดยใช้วิธีลอบสังหารบุคคลสำคัญได้เช่นกัน วิธีการนี้ไม่ได้มีอานุภาพด้อยไปกว่าการใช้อาวุธนิวเคลียร์เลย
ดังนั้นจึงไม่ได้มีเพียงสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ประเทศอื่นๆ ที่ได้เห็นวิดีโอที่มีภาพของคนผู้นั้นผ่านทางดาวเทียมทหารของประเทศตน ต่างก็เกิดความหวาดหวั่นต่อประเทศจีนขึ้นมาโดยมิได้นัดหมาย ประเทศทางตะวันออกอันลึกลับแห่งนั้น จะมีความลับที่พวกเขาไม่ยังรู้อีกมากมายขนาดไหนกัน?
ที่ไซบีเรีย กินเนสส์เดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้าตื่นเต้นยินดีเป็นล้นพ้น เพราะเขาได้รับอนุญาตจากประธานาธิบดีในการใช้ขีปนาวุธ Kh-555 แล้ว
“นายพลวิคเตอร์ คนผู้นั้นยังไม่ออกมาข้างนอกสินะ?”
เมื่อกลับมาที่กองบัญชาการ บรรยากาศในห้องนั้นยังคงอึมครึม ไม่ว่ามนุษย์ผู้ใด ในยามที่ต้องเผชิญกับสิ่งที่อยู่เหนือขอบเขตความเข้าใจของตน ก็มักจะเกิดความกลัวในสิ่งที่ตนไม่รู้จักขึ้นมาเสมอ
วิคเตอร์ส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ยังครับ พอมันเข้าไปแล้วก็ไม่ออกมาอีกเลย ผู้การพอจะมีวิธีการอะไรดีๆ ไหมครับ?”
“ท่านประธานาธิบดีมีคำสั่ง ให้ใช้ขีปนาวุธ Kh-555 ได้เลย!”
กินเนสส์พยักหน้าเบาๆ แล้วเดินไปอยู่ข้างโทรศัพท์สีแดงเครื่องหนึ่ง เขายกหูโทรศัพท์ขึ้นมาต่อหน้าทุกคน ขานตัวเลขออกมาชุดหนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวว่า “ท่านประธานาธิบดีมีคำสั่งว่า ให้นับเวลาถอยหลังสามนาที แล้วยิงขีปนาวุธ Kh-555 ไปที่พิกัดเป้าหมายหนึ่งลูก!”
เมื่อกินเนสส์ประกาศคำสั่งลงไป ณ เชิงเขารกร้างที่ดูไม่สะดุดตาแห่งหนึ่งทางมุมตะวันตกเฉียงเหนือของไซบีเรีย หินผาขนาดมหึมาก้อนหนึ่งเลื่อนไถลออกมาช้าๆ เปิดเผยให้เป็นปากถ้ำอันมืดทะมึนแห่งหนึ่ง
รางคู่ขนานรางหนึ่งยื่นออกมาจากปากถ้ำ บนรางเหล็กนั้นติดตั้งเครื่องยิงขีปนาวุธไว้เครื่องหนึ่ง และขีปนาวุธหน้าตาคล้ายจรวดที่อยู่บนเครื่องยิงขีปนาวุธนั้น ก็กำลังเปล่งประกายอันเย็นเยียบน่าพรั่นพรึงออกมาภายใต้แสงอาทิตย์
ตอนที่ 771 เดือดดาล
ขีปนาวุธ Kh-555 ใช้วัสดุผสมที่ล้ำสมัยในการผลิตโครงสร้าง และใช้เทคโนโลยีล่องหนสมัยใหม่อย่างสารเคลือบผิวดูดกลืนสัญญาณเรดาร์และวัสดุที่มีคุณสมบัติในการดูดซึม ทำให้พื้นที่หน้าตัดในการสะท้อนเรดาร์กว้างเพียง 0.01 ตารางเมตรเท่านั้น
ที่ส่วนหน้าของขีปนาวุธจะติดตั้งถังเชื้อเพลิงไว้ ทำให้ขีปนาวุธมีความยาวถึง 7.45 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางยาว 514 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักการยิงมากที่สุดถึง 2.2 ตัน
และก็เนื่องมาจากขนาดและน้ำหนักนี่เอง ที่ทำให้รัสเซียสามารถติดตั้งขีปนาวุธชนิดนี้ไว้บนอากาศยานได้เพียงไม่กี่ลูก ส่วนมากจึงมักจะนำไปใช้ร่วมกับเรือดำน้ำหรือการรบภาคพื้นดิน
ขีปนาวุธ Kh-555 ที่อยู่ในสภาพเตรียมพร้อมมักจะประกอบด้วยหัวรบนิวเคลียร์ที่มีน้ำหนักเท่ากับสองแสนตัน และร่อนในระดับความสูง 40 ถึง 110 เมตร ระยะยิงที่ไกลที่สุดคือ 5,500 กิโลเมตร
แน่นอนว่า หากจะใช้ขีปนาวุธชนิดนี้ในเขตประเทศของตนเอง ก็ย่อมต้องปลดหัวรบนิวเคลียร์ออกไป และแทนที่ด้วยวัตถุระเบิดแรงสูง ซึ่งแม้จะมีอานุภาพต่ำกว่าหัวรบนิวเคลียร์มาก แต่ขีปนาวุธที่มีความยาวถึงเจ็ดเมตรกว่านั้นก็ย่อมจะสามารถถล่มภูเขาสักลูกหนึ่งให้ราบได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน
“ตั้งพิกัด…เช็คทิศทางลม…เริ่มนับเวลาถอยหลัง หนึ่งร้อยแปดสิบ หนึ่งร้อยเจ็ดสิบเก้า…สิบ เก้า แปด เจ็ด หก…”
หลังจากกินเนสส์ออกคำสั่งลงไป เจ้าหน้าที่ควบคุมขีปนาวุธภาคพื้นดินก็เริ่มลงมือปฏิบัติทันที คำสั่งต่างๆ ถูกป้อนเข้าไปในคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในขีปนาวุธ แล้วระบบเสียงอัตโนมัติก็เริ่มก็เริ่มนับเวลาถอยหลัง!
ขีปนาวุธ Kh-555 ใช้ระบบควบคุมที่อ้างอิงกับภูมิประเทศ สามารถรับข้อมูลพิกัดที่ส่งมาจากดาวเทียม GLONASS ได้ และในระยะสุดท้ายก่อนที่จะโจมตีถึงเป้าหมาย ก็จะใช้ระบบเซนเซอร์ชนิดใช้แสงในการตรวจจับเป้าหมายด้วย
ขีปนาวุธชนิดนี้มีระยะคลาดเคลื่อนเพียง 50 เมตร ขอเพียงยิงถูกเป้าหมาย ก็จะสามารถทำลายล้างสิ่งมีชีวิตทุกชนิดได้เป็นรัศมีหลายกิโลเมตร ยังไม่ต้องกล่าวถึงอานุภาพอันมหาศาลของหัวรบนิวเคลียร์ เพียงแค่คลื่นสั่นสะเทือนก็พอที่จะทำให้เมืองขนาดเล็กแห่งหนึ่งราบเป็นหน้ากลองได้แล้ว
“ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง ยิงได้!”
ทันทีที่นับเวลาถอยหลังเสร็จ เปลวเพลิงร้อนแผดเผาก็พ่นออกมาจากส่วนหางของขีปนาวุธ เจ้ายักษ์ใหญ่นั้นพุ่งออกไปจากฐานยิง แล้วทะยานขึ้นตามวิถีที่กำหนดไว้ด้วยความเร็วสูง
ในฐานะขีปนาวุธร่อนที่มีความเร็วต่ำกว่าความเร็วเสียง ขีปนาวุธ Kh-555 จึงสามารถยิงได้เป็นระยะไกลที่สุดถึง 5,500 กิโลเมตร คราวนี้เมื่อตำแหน่งยิงมีระยะห่างจากเป้าหมายเพียงไม่กี่ร้อยกิโลเมตร แทบจะในเวลาเพียงชั่วอึดใจ ขีปนาวุธก็มาถึงเหนือเหมืองทองที่มีสายแร่ของพลอยวิเศษแห่งนั้นแล้ว
“เอ๊ะ? อะไรกันเนี่ย ทำไมหลายวันมานี้รู้สึกกระวนกระวายบ่อยจริง หรือว่าจะเกิดภัยพิบัติ?”
ติงหงซึ่งอยู่ในถ้ำลึกลงไปใต้ดินสิบกว่าเมตรพลันรู้สึกร้อนใจขึ้นมาวูบหนึ่ง ความรู้สึกเช่นนี้เป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่อย่างยิ่งสำหรับเขา ในความทรงจำของเขานั้นคลับคล้ายว่า เคยเกิดความรู้สึกเช่นนี้ก็แต่ในสมัยที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระดับเซียนเทียนเท่านั้น
เมื่อมีการบำเพ็ญสูงถึงระดับของติงหง ประสาทการรับรู้ต่อวัตถุภายนอกจะไวและแม่นยำอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับสิ่งที่อาจจะเป็นอันตรายต่อตนเอง เขารู้สึกได้แม้กระทั่งสายตาที่เล็งมาทางเขาจากตำแหน่งที่ไกลออกไปหลายกิโลเมตร
แต่ทว่าติงหงแยกตัวออกห่างจากโลกของปุถุชนมานานมากแล้ว เขาจึงไม่รู้เลยว่า จากการพัฒนาที่ดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้ง มดแมลงตัวกระจ้อยในสายตาของเขาได้พัฒนาอาวุธสงครามขึ้นจนถึงระดับสูงสุดแล้ว
เรื่องอื่นยังไม่ต้องกล่าวถึง ลำพังแค่อาวุธนิวเคลียร์ที่อเมริกาและรัสเซียมีอยู่ในครอบครอง ก็เพียงพอที่จะทำลายล้างดาวเคราะห์ดวงนี้ได้ไม่รู้กี่ครั้งกี่หนแล้ว ถ้าติงหงรู้ก่อน เขาก็คงจะไม่ประมาทเช่นนี้เด็ดขาด
แต่ประสาทสัมผัสทั้งหกที่ไวเหนือมนุษย์นั้นก็ยังทำให้ติงหงรู้สึกไม่ชอบมาพากลอยู่ดี ราวกับว่าหัวใจของเขาถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งบีบไว้ จนแม้แต่จะหายใจก็ยังทำได้ไม่สะดวก
“ไม่สิ หรือว่าพวกนั้นจะใช้ระเบิดแบบเมื่อก่อนหน้านี้อีกแล้ว?” ติงหงเกิดความคิดเช่นนี้ขึ้น จากนั้นก็รู้สึกขนหัวลุกขึ้นมาทันที ปราณแท้คุ้มกายแผ่ออกจากร่าง แล้วปกคลุมเขาไว้อย่างแน่นหนา
ระหว่างที่ติงหงกำลังใช้ความคิด ขีปนาวุธ Kh-555 ก็พุ่งโจมตีลงไปบนเนินเขาลูกนั้นแล้ว เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว สั่นสะเทือนไปทั่วฟ้าดิน
ควันดำกลุ่มเล็กๆ รูปทรงคล้ายดอกเห็ดพวยพุ่งขึ้นมาจากยอดเขา พร้อมด้วยเปลวเพลิงอันรุนแรงลุกโหมขึ้นสู่ฟ้า
ในพื้นที่หนึ่งตารางกิโลเมตรรอบเนินเขาลูกนี้ ชั้นบรรยากาศที่อยู่ภายใต้การเฝ้าสังเกตของดาวเทียมต่างๆ เหมือนจะเกิดการบิดเบี้ยวบางอย่างขึ้น จนปรากฏเป็นลักษณะระลอกคลื่น
ไม่ว่าจะเป็นสุนัขป่าไซบีเรีย หรือแมลงที่จำศีลอยู่ใต้ดิน ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้า หรือต้นหญ้าที่อยู่ในชั้นดินเยือกแข็ง ชีวิตทุกชีวิตภายในรัศมีสองกิโลเมตรนั้นได้สลายหายไปราวกับหมอกควันในชั่วขณะเดียว เปลวเพลิงลุกลามไปทั่วยอดเขาในชั่วพริบตา
อานุภาพของระเบิดแรงสูงไม่ได้จำกัดอยู่ที่การระเบิดเท่านั้น แต่คลื่นพลังที่เกิดขึ้นตามมาในระยะใกล้กับจุดระเบิดก็มีความรุนแรงไม่แพ้หัวรบนิวเคลียร์เลย และไม่ก่อให้เกิดมลพิษในภายหลังอีกด้วย ไม่เช่นนั้นมันก็จะถูกจัดเป็นอาวุธต้องห้าม
เปลวเพลิงลุกลาม แผ่นดินไหวภูเขาสะเทือน เหตุการณ์สะเทือนโลกนี้ถูกดาวเทียมอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าสิบดวงของแต่ละประเทศจับภาพไว้ได้แล้ว
แม้แต่บางประเทศที่เคยดูถูกประเทศแห่งหมีขั้วโลก ก็ยังต้องหันมาพิจารณากำลังของกองทัพประเทศตนใหม่ ประเทศที่แข็งแกร่งอย่างสหรัฐอเมริกาก็เริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ยุติสงครามเย็นเป็นต้นมา
“อูร่า! อูร่า!”
หลังจากภาพในที่เกิดเหตุได้ถ่ายทอดไปถึงกองบัญชาการแล้ว แม้แต่บรรดานายพลผู้สูงด้วยวัยและประสบการณ์เหล่านั้นก็ถึงขั้นต้องถอดหมวกลงมา เผยศีรษะล้านเกลี้ยงพร้อมโห่ร้องด้วยความยินดี ในความคิดของพวกเขา ชายที่เข้าไปในถ้ำคนนั้นได้ตายไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ไม่ใช่เพราะว่านายพลเหล่านี้เชื่อมั่นในพวกตนจนเกินเหตุ แต่เป็นเพราะว่า เนินเขาที่เคยสูงราวห้าสิบกว่าเมตรลูกนั้น ยามนี้กลับเหลืออยู่อย่างมากที่สุดก็เพียงสามสิบเมตร ราวกับว่าเนินเขาลูกนั้นถูกฟันทิ้งไปครึ่งหนึ่ง
บรรดานายพลจึงมีเหตุผลพอให้เชื่อได้ว่า ขอเพียงฝ่ายตรงข้ามยังเป็นสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์ดวงนี้อยู่ ก็ไม่มีทางรอดพ้นจากคลื่นไหวสะเทือนของขีปนาวุธ Kh-555 ไปได้แน่นอน ต่อให้เป็นพระเจ้ามาเองก็ไม่รอด!
“นี่คือคำสั่ง ทีมเฮลิคอปเตอร์ที่สองจงมุ่งหน้าไปยังตำแหน่งของเป้าหมาย เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ หลังจากการระเบิดของขีปนาวุธ และต่อให้ต้องพลิกแผ่นดิน ก็ต้องหาคนผู้นั้นออกมาให้จงได้!”
ขีปนาวุธ Kh-555 มีค่าใช้จ่ายในการผลิตสูงมาก แม้แต่ประเทศใหญ่ๆ อย่างรัสเซียก็ยังแบกรับค่าใช้จ่ายนี้ไม่ค่อยจะไหว เจ้าขีปนาวุธลูกยักษ์นี้ ครองสัดส่วนค่าใช้จ่ายทางการทหารของรัสเซียในแต่ละปีไปไม่ใช่น้อยๆ เลย
การที่นำมันมาใช้จัดการกับติงหงในครั้งนี้ ที่จริงแล้วมีจุดประสงค์แฝงคือเพื่อที่จะทดสอบการยิง ดังนั้นทันทีที่การระเบิดสิ้นสุดลง กินเนสส์จึงออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว และนี่ก็เป็นสิ่งที่ประธานาธิบดีและเซอร์เกอเยฟกำชับมาเป็นพิเศษเช่นกัน
ยามนี้ความหม่นหมองบนใบหน้าของกินเนสส์ได้สลายไปจนหมดแล้ว แม้ว่าภารกิจครั้งนี้จะไม่ได้ยุติลงอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ผลก็ถือว่ายังพอรับได้
กินเนสส์จินตนาการเห็นภาพแล้วว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ เขาอาจจะได้รับการเลื่อนยศทหารขึ้นเป็นระดับนายพล การที่ได้เป็นพลตรีในวัยสี่สิบกว่านั้น สำหรับกองทัพรัสเซียก็ถือว่าเป็นอายุที่น้อยมากแล้ว
หน่วยทหารที่ประกอบด้วยเฮลิคอปเตอร์ทหารยี่สิบสองลำกำลังพาทหารหลายร้อยนายเร่งรุดไปยังจุดที่เกิดระเบิด
แม้ว่าทางผู้บัญชาการจะเน้นย้ำมาตลอดถึงความปลอดภัยของปฏิบัติการครั้งนี้ แต่สีหน้าของเหล่านายทหารกลับฟ้องชัดว่าพวกเขากำลังรู้สึกอย่างไรอยู่
เหล่าทหารหนุ่มบนเฮลิคอปเตอร์นั้นดูประหม่าอย่างเห็นได้ชัด เพราะพวกเขาต่างก็ได้เห็นกลุ่มควันลักษณะคล้ายดอกเห็ดจากระยะห่างกว่าร้อยกิโลเมตรไปเมื่อครู่แล้ว
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ แผ่นดินไหวงั้นรึ?”
แม้จะอยู่ไกลจากจุดระเบิดไปสิบกว่ากิโลเมตร แต่เยี่ยเทียนก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เขาปิดผนึกประสาททั้งหกเพราะกลัวว่าจะถูกติงหงพบเข้า จึงรู้สึกเพียงแต่ว่าพื้นดินรอบกายสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างกะทันหัน จนเกือบจะบีบอัดเขาจนตายอยู่ใต้ดินแล้ว
ยังดีที่การสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหวนี้ดำเนินไปไม่นานนัก เป็นเวลาเพียงสิบกว่าวินาทีเท่านั้น แต่ปากและจมูกของเยี่ยเทียนต่างก็หลั่งโลหิตออกมา อวัยวะภายในถูกกระเทือนจนได้รับบาดเจ็บภายใน
โลกใต้ดินที่ทั้งมืดมิดและเย็นเฉียบนั้นทำให้เยี่ยเทียนทนไม่ไหวอีกต่อไป ความหวาดกลัวต่อสิ่งที่ตนไม่รู้ทำให้เขายอมเสี่ยงที่จะถูกติงหงพบ จึงแผ่จิตดั้งเดิมออกมา
“ให้ตายสิ รัฐบาลรัสเซียปล่อยหัวรบนิวเคลียร์ออกมาเลยเรอะ? ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนั้นเลย?”
จิตดั้งเดิมซึ่งมีหน้าตาคล้ายเยี่ยเทียน และอุ้มกระดิ่งซานชิงไว้ในอ้อมแขนนั้นปรากฏกายขึ้นบนพื้นดินอย่างเงียบเชียบ เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ใบหน้าเล็กๆ ของจิตดั้งเดิมก็ตกตะลึงทันที
เนินเขาที่อยู่ไกลออกไปลูกนั้นกลายเป็นเนินดินเล็กๆ ไปแล้ว เปลวเพลิงร้อนแผดเผาพร้อมควันหนาทึบพวยพุ่งขึ้นสู่ฟ้า ย้อมสภาพแวดล้อมบริเวณนั้นจนดูราวกับเป็นภูเขาไฟระเบิดก็ไม่ปาน
“เซียนติงเอ๋ย ท่านไปก่อเรื่องเลวร้ายอะไรขึ้นมากันแน่เนี่ย คนอื่นเขาถึงได้โมโหโทโสกันขนาดนี้?”
ว่าไปแล้วเยี่ยเทียนก็ช่างเป็นคนที่ไม่มีความเห็นอกเห็นใจเอาเสียเลย ระหว่างที่ซ่อนอยู่บนต้นไป๋ฮว่าต้นหนึ่ง เขากลับมีท่าทางยินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่นไปเสียนี่
แต่เยี่ยเทียนก็ไม่ได้คิดดูเลยว่า ถ้าไม่ใช่เพราะการเข่นฆ่าของเขาหลายครั้งเมื่อก่อนหน้านี้ แล้วรัฐบาลรัสเซียจะถูกบีบคั้นจนต้องใช้ขีปนาวุธ Kh-555 ได้อย่างไรกัน? จนถึงตอนนี้ท่านผู้นำที่อยู่ในวังเครมลินท่านนั้นก็ยังรู้สึกปวดใจอยู่
“เฮ้ย มันจะเกินไปแล้วนะ ทำกันตั้งขนาดนี้แล้ว ยังจะส่งเฮลิคอปเตอร์มาอีกเรอะ?”
ขณะที่เยี่ยเทียนกำลังไว้อาลัยให้ติงหงอยู่ จุดดำๆ สิบกว่าจุดก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าไกลพร้อมเสียงใบพัดหมุนดังอื้ออึง พวกที่กินเนสส์ส่งมาเก็บกวาดสนามรบกำลังจะมาถึงแล้ว
“คนพวกนี้จะไปเจอเหมืองทองนั่นเข้ารึเปล่าก็ไม่รู้เนี่ย?”
พอเยี่ยเทียนเกิดความคิดเช่นนี้ขึ้น เขาก็หลุดขำออกมาอย่างไม่อาจข่มกลั้นได้ทันที ทางรัสเซียน่าจะรู้เกี่ยวกับเหมืองทองแห่งนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ข้อจำกัดทางสภาพแวดล้อมและภูมิศาสตร์เป็นเหตุให้ไม่สามารถดำเนินการขุดเจาะได้ พวกนั้นคงไม่คิดจะมายึดเหมืองทองนี่หรอก
“หือ? อะไรกันเนี่ย หรือ…หรือว่าติงหงจะยังไม่ตาย?”
ทันใดนั้นเยี่ยเทียนรู้สึกว่า ณ จุดที่ปกคลุมไปด้วยควันหนาและเปลวเพลิงนั้น มีพลังอันมหาศาลกลุ่มหนึ่งพุ่งทะยานขึ้นมา ราวกับเป็นอสูรร้ายที่ฟื้นขึ้นมาหลังจากจำศีลอยู่ใต้ดินมานานนับหมื่นปี พลังนั้นสะท้านสะเทือนจนจิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนเสียศูนย์ไปเล็กน้อย
“พับผ่าสิ ไม่ตายจริงๆ ด้วย ติงหงนี่มันบำเพ็ญไปถึงระดับไหนแล้วเนี่ย?”
เยี่ยเทียนไม่กล้าส่งจิตสัมผัสออกไปสำรวจอีกแล้ว แต่อาศัยเพียงดวงตาทั้งคู่ เขาก็มองเห็นไปถึงบนเนินเขาที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่ากิโลเมตรแล้ว ร่างร่างหนึ่งปรากฏเด่นชัด เยี่ยเทียนตกตะลึงจนจิตดั้งเดิมแทบจะตกลงมาจากบนต้นไม้
“ไอ้พวกรัสเซียน่าตาย ข้าจะฆ่าพวกแกให้หมดไม่มีเหลือเลย!”
แม้จะรอดชีวิตมาได้ แต่สภาพของติงหงในตอนนี้ยังดูอนาถยิ่งกว่าเยี่ยเทียนเป็นร้อยเท่า เส้นผมที่รวบขึ้นไปเกล้ามวยไว้นั้นคลายหลุดออกมาหมดแล้ว เสื้อผ้าที่สวมใส่บนร่างก็กลายเป็นผุยผง
ถ้าไม่ใช่เพราะมีของวิเศษพกติดตัวมาด้วยหนึ่งอย่าง ประกอบกับพลอยวิเศษธาตุทองสิบกว่าชิ้นที่เก็บไว้กับตัวได้ตั้งค่ายกลขึ้นมา ติงหงก็คงยากที่จะรอดจากเคราะห์ภัยครั้งนี้ไปได้
แม้กระนั้น หลังจากที่ติงหงเผ่นออกมาจากถ้ำบนภูเขาที่แทบจะราบเป็นหน้ากลองไปแล้ว เขาอยู่ในสภาพที่อเนจอนาถสุดเปรียบปาน แต่ความรู้สึกที่ปรากฏชัดกว่าอื่นใดบนใบหน้าของเขานั้น ก็คือความโมโหเดือดดาล!
หลังจากบำเพ็ญพรตมาหลายร้อยปี จิตใจของติงหงจึงสงบนิ่งดั่งน้ำในบ่อ
วินาทีเฉียดตายที่ประสบไปเมื่อครู่นั้นทำให้เขาระเบิดโทสะออกมาแล้ว มีเพียงการเข่นฆ่าเท่านั้นที่จะสามารถระบายความโมโหเดือดดาลในใจของเขาออกมาได้!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น