ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 766-772

 บทที่ 766 หอยทากที่มาตามสายลม

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวให้นีลเซ็นไปคัดลอกหน่วยความจำของระบบระบุตำแหน่งจีพีเอสในเรือดำน้ำมา พอเปิดดูก็เห็นได้ชัดว่าเรือดำน้ำพวกนี้เข้าไปในฟาร์มปลาของฉินสือโอว และหนึ่งวันก่อนหน้านี้ก็เข้าออกอยู่หลายครั้ง


หัวหน้าตำรวจทางทะเลคนนั้นยังคงยืนกราน “ใช่ พวกเขารุกล้ำฟาร์มปลาของคุณ แต่ตามกฎหมายของประเทศ พวกคุณสามารถฟ้องร้องได้แต่ไม่สามารถเอาเรือดำน้ำมาเป็นของตัวเองตามใจชอบได้”


ฉินสือโอวโบกมือพลางพูด “อย่ารีบร้อนไปเลยเพื่อน ผมยังเปิดของไม่เสร็จเลย”


หัวหน้าตำรวจทางทะเลยักไหล่ รอให้เขาเปิดดูทุกอย่าง


เบิร์ดวิ่งกลับไปเอาใบรับรองแผนการตั้งกองทหารบก และยังมีหนังสือรับคำสั่งเป็นหัวหน้ากองทหารลาดตระเวนของฉินสือโอว


พอเห็นหนังสือรับคำสั่งและใบรับรองแผน หัวหน้าตำรวจทางทะเลก็ตะลึง แล้วพูดด้วยความตกใจ “พวกคุณเป็นทหารอาสา? เกาะแฟร์เวลมีทหารอาสาแล้วเหรอ?”


“เป็นทหารลาดตระเวน! ทหารอาสาอะไรกัน? ทหารลาดตระเวนเข้าใจไหม?” ฉินสือโอวพูดอย่างไม่พอใจ ทหารอาสาเหรอ เชยมากๆ เรียกว่าทหารลาดตระเวน ชื่อนี้ค่อยดูดีมีระดับหน่อย


ย้ำชื่อทหารลาดตระเวนแล้ว ฉินสือโอวก็โบกมือ พวกชาวประมงชูกำปั้นพร้อมแผดเสียง “ทหารลาดตระเวนเป็นแนวหน้า! ทหารลาดตระเวนเป็นแนวหน้า! ทหารลาดตระเวนเป็นแนวหน้า!”


“โฮ่งๆๆๆ!”


ฉินสือโอวหันกลับมามอง หู่จือและเป้าจือก็ช่วยกันเห่าด้วย นี่ถูกต้องตามที่เขาฝึก เพียงแค่ได้ยินคำว่าทหารลาดตระเวนพวกตัวแสบก็ร่วมคำรามไปด้วย แบบนี้ถึงจะยิ่งทำให้มีพลัง


หัวหน้าตำรวจทางทะเลมองไปที่ฉินสือโอวอย่างอึดอัดแล้วพูด “เพื่อน ก็ได้ พวกคุณคือทหารลาดตระเวน แต่คำว่าทหารลาดตระเวนเป็นแนวหน้า นี่เป็นคำพูดของชาวอเมริกันไม่ใช่เหรอ? พวกคุณเอามาใช้แบบนี้ ไม่ค่อยดีมั้ง?”


ฉินสือโอวตบไหล่ของเขาพลางพูด “เรื่องนี้คุณไม่ต้องเป็นห่วง ทหารลาดตระเวนทั่วโลก ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน? ประโยคนี้คุณเคยได้ยินไหม? ไม่เหรอ? ไม่เคยก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียเรือดำน้ำสองลำนี้ก็เป็นของเชลยของพวกเรา!”


หัวหน้าตำรวจทางทะเลไม่พูดอะไร เขายักไหล่พลางพูดว่าพวกคุณสุดยอดจริงๆ แล้วโบกมือพาทีมกลับไป


มีตำรวจทางทะเลบางคนที่ไม่เข้าใจ ถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “หัวหน้าครับ เรื่องอะไรเหรอ ทำไมไม่ลากเรือดำน้ำกลับไปด้วยละครับ?”


หัวหน้าตำรวจทางทะเลถอนหายใจแล้วพูด “ช่วยไม่ได้แบรด นั่นคือทหารลาดตระเวน เจ้าพวกหัวขโมยโชคร้ายพวกนี้ดันไปขโมยเอาของของทหารลาดตระเวนเข้า”


พวกตำรวจทางทะเลต่างก็ตะลึง แบรดตะโกน “อะไรนะครับ? ทหารลาดตระเวน? พระเจ้า อเมริกามาสร้างฐานทัพที่เกาะแฟร์เวลตั้งแต่เมื่อไร?”


แม้แต่ตำรวจทางทะเลเองก็ลืมไปแล้วว่าทหารอาสาของประเทศตัวเองเรียกว่าทหารลาดตระเวน ช่วยไม่ได้ ก็มันไม่ค่อยมีตัวตนเท่าไร


หลังจากหัวหน้าตำรวจทางทะเลอธิบายแล้ว พวกตำรวจทางทะเลก็หมดคำพูด ได้แต่ควบคุมคนและลากเรือไปอย่างจนใจ


นี่เป็นอีกหนึ่งข้อดีของการเป็นทหารอาสา เพราะทหารอาสามีรายได้ที่ต่ำมากและได้รับการสนับสนุนน้อยมาก ดังนั้นตอนสงครามโลกครั้งที่สองจะมีบัญญัติกฎทางทหารว่า สิ่งของที่ทหารลาดตระเวนยึดได้จากศัตรู ไม่ว่าจะเป็นของใช้ทางทหารหรือของใช้ของประชาชนก็สามารถเก็บไว้เป็นของตัวเองได้ทั้งหมด


เรือดำน้ำทั้งสองลำนี้รุกล้ำเข้ามาในฟาร์มปลา เจ้าของเรือดำน้ำเป็นคนต่างประเทศ อย่างนั้นก็สอดคล้องกับบทบัญญัติ นี่คือสิ่งของของศัตรู พวกฉินสือโอวยึดมาแล้ว พวกเขาก็สามารถเก็บพวกมันไว้เองได้ในฐานะสิ่งของของศัตรู


แต่เขาไม่สามารถทำแบบนั้นกับเรือนาร์วาล มอร์รี่ได้ เพราะเรือลำนั้นไม่ได้รุกล้ำเขามาในฟาร์มปลาของพวกเขา ดังนั้นฉินสือโอวไม่สามารถยึดเอาไว้ได้ เขาเลยมอบให้พวกตำรวจทางทะเลไป


แต่แบบนี้ก็ไม่เลว ครู่เดียวฟาร์มปลาก็มีเรือดำน้ำเพิ่มมาอีกสองลำ นี่เป็นเรือดำน้ำที่ยอดเยี่ยมจริงๆ แม้ว่าจะเป็นแบบสำหรับให้ประชาชนใช้ก็ตาม


ฉินสือโอวไม่เคยเห็นเรือดำน้ำมาก่อนเลยอยากเข้าไปดู แต่พวกชาวประมงไม่รู้วิธีใช้เจ้าสิ่งนี้ แม้แต่เบิร์ดผู้ที่ไม่มีอะไรที่ไม่รู้ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ก็ยังจนปัญญากับเจ้าสิ่งนี้


เพื่อความปลอดภัย ฉินสือโอวเอาเรือดำน้ำมาจอดที่ท่าเรือแล้วก็ไม่ได้เข้าไป เขากลัวว่าจะไปโดนอะไรเข้าโดยไม่ระวังแล้วเรือดำน้ำจะพุ่งลงไปที่ก้นทะเล


ทางด้านตำรวจทางทะเลก็ทำงานอย่างรวดเร็ว เย็นวันนั้นพวกเขาเอาผลการไต่สวนมาบอกฉินสือโอวว่า คนเหล่านี้เป็นคนที่ตระกูลมอร์รี่ที่นิวยอร์คใช้ให้มาจับปลาทูน่าครีบน้ำเงินและปลาทูน่าครีบน้ำเงินใต้ที่ฟาร์มปลาของเขา


ฉินสือโอวรู้เรื่องนี้นานแล้ว เออร์บักถามว่าต้องการฟ้องตระกูลมอร์รี่ไหม ฉินสือโอวบอกว่าไม่ต้อง ตระกูลมอร์รี่จะต้องมาหาเขาเองอย่างแน่นอน เพราะพวกเขาคงไม่ยอมเสียเรือขนาดสองพันตันและเรือดำน้ำทั้งสองลำไปง่ายๆ แบบนี้แน่ ของพวกนี้รวมกันแล้วมูลค่าเกินสิบล้านเหรียญสหรัฐฯ


ตระกูลมอร์รี่ไม่ใช่ตระกูลรอทไชลด์ เงินจำนวนสิบล้านเหรียญสหรัฐสำหรับพวกเขาแล้วเป็นเงินจำนวนที่ไม่น้อยเลย


แม้จะจับปลาทูน่าครีบน้ำเงินไม่ได้ แต่เรือนาร์วาล มอร์รี่ก็จับปลาค็อด ปลาหิมะ และปลาค็อดแอตแลนติกได้จำนวนมาก แถมยังมีปลาโอแถบจำนวนหนึ่งและปลาทูน่าครีบเหลืองอีกเล็กน้อย นี่ทำให้ฉินสือโอวเจ็บใจมาก ไอ้พวกตระกูลมอร์รี่ เรื่องนี้ยังไม่จบง่ายๆ แน่!


ตอนค่ำฉินสือโอวไม่มีอารมณ์กินมื้อเย็น เขานอนอยู่บนโซฟา แล้วส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปในฟาร์มปลา อยากไปดูสถานการณ์ของฟาร์มปลา


เสียงฝีเท้าดังขึ้น ฉินสือโอวไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเป็นวินนี่ เป็นเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคย


วินนี่ส่งข้าวหน้าเนื้อให้เขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “โอเคแล้ว อายุเท่าไรแล้วยังเสียใจแบบนี้อยู่อีก? คนที่ขโมยปลามีเยอะไม่ใช่เหรอ? ถ้าคุณโมโหไปกับพวกเขาทุกคน อย่างนั้นฉันกับลูกคงต้องเป็นแม่หม้ายลูกติด”


ฉินสือโอวกำลังกินอย่างมูมมาม พอได้ยินแบบนี้ก็ไอขึ้นมาแล้วพูดว่า “เฮ้ยๆๆ อย่าพูดอะไรที่ไม่เป็นมงคลแบบนี้สิ”


วินนี่เม้มปากยิ้มอ่อน ลูบหลังให้เขารู้สึกสบายขึ้นบ้างแล้วพูด “พรุ่งนี้ฉันต้องไปตรวจที่โรงพยาบาล คุณจะไปด้วยกันไหมคะ?”


ฉินสือโอวพูดด้วยความแน่นอน “ล้อเล่นเหรอไงเนี่ย ผมต้องไปเป็นเพื่อนคุณอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคุณจะไปอย่างไร?”


“พ่อแม่ฉันแล้วก็ฟอกส์ พวกเขาไปเป็นเพื่อนฉันได้ทั้งนั้นแหละ” วินนี่ยิ้มอ่อน


ฉินสือโอวเกาคาง โอเค อย่างนั้นเขาก็ไปไม่ได้จริงๆ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะให้วินนี่ได้ใช้เวลากับครอบครัว งั้นก็ให้ครอบครัวของเธอดูแลเรื่องนี้แล้วกัน


กินข้าวเสร็จแล้วฉินสือโอวก็ไปเดินเตร็ดเตร่ที่ฟาร์มปลา ปลาปักเป้าตัวกลมไม่กี่ตัวกลิ้งไปมาราวกับลูกบอล


ฉินสือโอวไม่ได้สัมผัสพวกมันนานแล้ว ยังมีปักเป้าตัวน้อยพวกนี้ที่ออกไปจากฟาร์มปลา นึกไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะว่ายกลับขึ้นมา


ที่ไล่ตามปลาปักเป้าอยู่ด้านหลังคือไอซ์สเกต บอลหิมะและเจ้าบีนตัวแสบ ในที่สุดบีนก็สิ้นสุดชีวิตวัยรุ่นที่ยุ่งเหยิงของมันสักที มันและเจ้าไอซ์สเกต บอลหิมะกลายเป็นพี่น้องกันไปแล้ว แน่นอนว่าอีกสองตัวจะคิดอย่างไรนั้นมีแต่พวกมันเท่านั้นที่รู้


พอฉินสือโอวเห็นว่าที่แท้ปลาปักเป้าก็เจออันตรายเข้าแล้ว เขาเลยให้เจ้าบอลหิมะตัวแสบพาพวกมันออกไป


พอบอลหิมะไปแล้ว พวกปลาปักเป้าถึงได้บ้วนน้ำทะเลที่อยู่ในท้องออกมากลายเป็นปลาที่ผอมแห้งอย่างช้าๆ จากนั้นพวกมันก็ไปหาอาหารต่อ


ภายหลังมีปลาปักเป้าโผล่มาอีกฝูงหนึ่ง ตัวกลมๆ ลอยไปลอยมาอยู่ในน้ำ ปากเล็กๆ คาบเปลือกหอยเล็กๆ เอาไว้กิน


อย่าเห็นแต่ว่าปลาปักเป้าปากเล็ก ฟันของมันคมมากและเป็นฟันหน้าทั้งหมด มันสามารถกัดเปลือกหอยให้แตกเพื่อกินเนื้อด้านในได้ ดังนั้นพวกมันจึงเป็นศัตรูในการเลี้ยงหอย


ฉินสือโอวคาดว่าเจ้าพวกนี้คงไปกินหอยแถวแนวปะการังเข้า เลยทำให้เจ้าตัวแสบไล่ตาม แต่พอดูใกล้ๆ แล้ว แม้ว่ามันจะชอบกินพวกหอย แต่ที่พวกมันกินไม่ใช่เปลือกหอย แต่เป็นหอยทากขนาดเล็กชนิดหนึ่ง!


พอดูลักษณะของหอยทากพวกนี้ให้ชัดแล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกไม่สบายใจ อะไรกัน ทำไมฟาร์มปลาของเขาถึงมีหอยทากทะเลโผล่มาได้?


บทที่ 767 ล้อมไว้ทั้งหมด

โดย

Ink Stone_Fantasy

หอยทากประเภทนี้ขนาดค่อนข้างเล็ก ตัวที่ใหญ่หน่อยมีขนาดประมาณหัวแม่มือ ส่วนตัวเล็กมีขนาดเท่าถั่วเหลือง


อีกอย่าง ร่างกายของพวกมันโปร่งแสงจนแทบจะเป็นหนึ่งเดียวกับน้ำทะเล นี่เป็นเพราะว่าปกติแล้วหอยทากทะเลจะอาศัยอยู่ในทะเลน้ำลึก มันจึงไม่ได้เจอแสงแดดมากนัก


และเพราะว่าอาศัยอยู่ในทะเลน้ำลึก หอยทากทะเลจึงต้องรับมือกับกระแสน้ำเชี่ยว และต้องแน่ใจว่าจะมีแรงลอยตัวที่เพียงพอ เพราะเช่นนั้นพวกมันเลยถอดเปลือกที่หนักออกไปทั้งหมด


เท้าของพวกหอยทากทะเลถึงขนาดวิวัฒนาการกลายมาเป็นกล้ามเนื้อครีบเพื่อปรับให้เข้ากับการว่ายน้ำ พวกมันเคลื่อนที่ไปในทะเลอย่างเชื่องช้า แต่พอจะว่ายน้ำขึ้นมาก็เร็วไม่ใช่น้อย


สิ่งที่แตกต่างกับหอยทากบนบกมากที่สุดก็คือตา เพราะหอยทากทะเลอาศัยอยู่ในทะเลน้ำลึกและไม่ได้เจอแสงแดด ดวงตาของมันจึงพัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษ มันโผล่ออกมานอกร่างกาย ดูแล้วน่ากลัวราวกับมนุษย์ต่างดาว ET


หอยทากทะเลจำนวนนับไม่ถ้วนล่องลอยอยู่ในทะเล ถ้ามองด้วยตาเปล่า หรือแม้แต่มองอย่างละเอียดก็ยังยากที่จะดูให้ชัดเจน แม้ฉินสือโอวจะมีจิตสำนึกแห่งโพไซดอน แต่การจะตรวจดูพวกมันก็ไม่ได้ง่ายเลย หลบซ่อนกันเก่งเกินไปจริงๆ


ที่เขาสามารถค้นพบหอยทากทะเลพวกนี้ได้ ต้องขอบคุณปลาปักเป้า เพราะเจ้าพวกนี้ชอบกินสิ่งนี้


พอฉินสือโอวเห็นว่าในน้ำมีหอยทากทะเลเยอะขนาดนี้ก็ร้อนใจ เขารีบกระจายพวกมันให้ไปที่อื่น และเรื่องที่น่าตะลึงก็เกิดขึ้น ทั่วทั้งฟาร์มปลาในขอบเขตพื้นที่หลายร้อยตารางกิโลเมตรล้วนมีร่องรอยของหอยทากทะเลอยู่ไม่มากก็น้อย!


หอยทากทะเลจอมบรรลัย ฉินสือโอวนึกออกแค่คำนี้เท่านั้น


เห็นว่าเจ้าหอยทากทะเลตัวเล็กๆ แต่ความสามารถในการกินอาหารของมันยอดเยี่ยมมาก มันสามารถกินไปขับถ่ายไปได้ ในหนึ่งวันสามารถกินอาหารได้มากกว่าน้ำหนักตัวถึงสิบสองเท่า


อย่างนั้นพวกมันกินอะไรล่ะ? ง่ายมาก สาหร่าย พืชน้ำ พืชที่อยู่ในทะเลทั้งหมด!


ถ้ามีหอยทากทะเลปริมาณไม่มากก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ พวกมันตัวเล็กเกินไป ถึงกินเก่งก็จะกินได้เท่าไรกันเชียว?


แต่ปัญหาอยู่ที่พวกมันมีจำนวนมาก! เจ้าตัวนี้ขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เกินจนโตเต็มที่ใช้เวลาเพียงสองสัปดาห์ก็ขยายพันธุ์รุ่นต่อไปได้แล้ว วางไข่หนึ่งครั้งมากกว่าสองล้านฟอง!


และเจ้าหอยทากทะเลน้อยก็มีทักษะการหาอาหารเองที่เก่งมาก พอพวกมันลืมตาดูโลกออกมาก็สามารถปีนป่ายหาอาหารเองได้เลย ไม่ต้องอาศัยพ่อแม่ดูแล และมีสัญชาตญาณที่รู้ว่าสาหร่ายอันไหนอร่อย พืชน้ำอันไหนที่ต้องกินเยอะๆ


ถ้ามีภัยมาถึงตัว หัวและเท้าของมันก็จะสามารถหดเข้ากระดองเองได้ แล้วปล่อยเมือกออกมาปิดปากกระดอง ที่ร้ายกาจกว่านั้นคือเมื่อเปลือกด้านนอกเกิดความเสียหาย มันสามารถปล่อยสารอาหารออกมาเพื่อซ่อมแซมเนื้อตัวและกระดองด้านนอกได้ด้วย


ที่ยอดเยี่ยมไปกว่านั้นคือหอยทากทะเลมีความอดทนที่สุดยอด และความสามารถในการดำรงอยู่ที่ทำให้คนตะลึง ใช่แล้ว จะหนาว ร้อน อดอยาก สภาวะเป็นกรดหรือแม้กระทั่งน้ำทะเลที่มีมลพิษมันก็สามารถอดทนอยู่ได้เป็นอย่างดี


สรุปแล้วเจ้าตัวนี้กินเก่ง ขยายพันธุ์เก่ง ดำรงชีวิตอยู่เก่ง และเป็นอันตรายต่อพวกสาหร่ายอย่างยิ่ง


ที่ดีหน่อยก็คือปกติแล้วหอยทากทะเลจะอยู่ในทะเลน้ำลึก ที่นั่นขาดแคลนสาหร่ายจึงจำกัดการดำรงอยู่ของพวกมันได้ อย่างไรเสียอาหารก็มีอยู่เพียงเท่านั้น และความกดดันก็เยอะขนาดนี้ หากขยายพันธุ์ออกมามากแต่ไม่มีอะไรกินต้องอดตาย


ถ้าเกิดมันขึ้นมาลอยอยู่บนผิวน้ำก็อาจจะเกิดความวิบัติ เพราะเมื่อพวกมันอยู่ในน้ำอุ่นอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียสขึ้นไป ความสามารถการออกไข่ของมันจะยิ่งดีขึ้นเป็นพิเศษ ดำรงชีวิตได้ดีขึ้น และเติบโตได้เร็วขึ้น


และตอนนี้ก็เป็นช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่อากาศกำลังร้อนพอดี พวกหอยทากทะเลขึ้นจากทะเลน้ำลึกมาที่ทะเลน้ำตื้นในเวลานี้ ช่างเหมือนกับเป็นการขึ้นสวรรค์จริงๆ


ไม่ต้องพูดแล้ว เจ้าสิ่งนี้ถูกกระแสลมร้อนพาขึ้นมาจากทะเลน้ำลึก…


กระแสลมร้อนพัดไปได้ไม่นาน เมื่อเห็นว่าในฟาร์มปลามีหอยทากทะเลเยอะขนาดนี้ก็ชัดเจนเลยว่านี่มันไม่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ ฉินสือโอววิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่ง เหตุผลมีสองอย่าง หนึ่งคือหอยทากทะเลถูกเอาขึ้นมาตั้งแต่ก่อนกระแสลมร้อนพัดมาแล้ว พวกมันขึ้นมาตามลมแล้วเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ


สองคือหลังจากที่หอยทากทะเลมาถึงฟาร์มปลา พวกมันกินพืชน้ำและสาหร่ายที่มีพลังโพไซดอนเข้าไปแล้วร่างกายดีขึ้นมาก กินเก่งขึ้น เติบโตได้ดีขึ้น ขยายพันธุ์ได้มากขึ้น นี่ทำให้เขาต้องเหน็ดเหนื่อยมากจริงๆ


จิตสำนึกแห่งโพไซดอนแผ่ซ่านไปตามทาง ฉินสือโอวเห็นว่าบนพืชน้ำและสาหร่ายแทบจะมีหอยทากทะเลอยู่ทุกที่ ปากเล็กๆ อันนั้นกินเสียงดังแจ๊บๆ


หอยทากทะเลกินได้อย่างเอร็ดอร่อยมากเท่าไร ฉินสือโอวก็เจ็บปวดใจมากเท่านั้น!


แม่งเอ๊ย! พี่น้องทั้งหลายออกมาจัดการหอยทากทะเลให้ฉันที!


ฉินสือโอวออกคำสั่งลงไป ไม่ว่าจะเป็นตัวอะไร ขอแค่กินเปลือกหอยได้ก็ต้องมาร่วมกันกินทุกตัว


แบบนี้ฟาร์มปลาก็คึกคักขึ้นมาล่ะ เหล่าปลากุ้งปูต่างก็โผล่ออกมา เริ่มล้อมหอยทากทะเลตามคำสั่งของฉินสือโอว


สิ่งที่เชี่ยวชาญในการรับมือเจ้าสิ่งนี้ที่สุดน่าจะเป็นกั้งตั๊กแตนเจ็ดสี แค่ฟาดก้ามลงไปหนึ่งครั้งแม้จะทุบหอยทากทะเลไม่ตายแต่ก็สามารถทำให้พวกมันเดือดดาลได้ แต่จำนวนของพวกมันมีน้อยเกินไป หลักๆ มีแค่ห้าร้อยตัว รวมทั้งหมดแล้วก็มีแค่ไม่กี่พันตัว ใช้รับมือกับหอยทากทะเลจำนวนหลักสิบล้าน ดูท่าจะโจมตีได้ไม่มาก


หอยทากทะเลขี้เกียจหนีจากเงื้อมมือของกั้งตั๊กแตนเจ็ดสี พวกแกจะทุบก็ทุบเถอะ ถึงอย่างไรฉันก็มีชีวิตเดียว มาดูกันว่าแกจะฆ่าเร็วกว่าหรือพวกฉันจะขยายพันธุ์ได้เร็วกว่ากัน


ถึงเวลาที่เมนล็อบสเตอร์ออกโรงแล้ว มันชูก้ามขนาดใหญ่ยัดใส่เข้าปาก เจ้าพวกนี้เกียจคร้านกันเหลือเกิน พอกินอิ่มแล้วก็หาที่หลบไปเพิ่มกล้ามเนื้อ ไม่ไปทำงานที่เหลือแล้ว


พวกปูราชินีและปูสีน้ำตาลขยันขันแข็งกันจริงๆ แต่พวกมันเคลื่อนไหวเชื่องช้าเกินไป นานแล้วก็ยังเก็บกวาดไม่เสร็จสักที่ รอพวกมันจัดการตรงหน้าจนเสร็จ ด้านหลังก็มีหอยทากทะเลมาอีกกองแล้ว


ฉินสือโอวเห็นว่าแบบนี้ไม่ได้การแล้ว ออกมากันให้หมดเถอะ ไม่ว่าจะกินพืชหรือกินเนื้อ จะกินปลาหรือกินสัตว์มีกระดองก็อ้าปากกินมันเข้าไป ถึงไม่กินก็ต้องทำลายพวกมัน!


ดีที่กระดองของหอยทากทะเลถอดออกไปเกือบจะหมดแล้ว มีแต่พวกตัวอ่อนที่ยังมีไว้ปกป้องตัวเองอยู่บ้าง ส่วนพวกที่โตเต็มไว้แล้วล้วนเป็นเหมือนก้อนเนื้อก้อนหนึ่ง ซึ่งเป็นเหยื่อให้พวกปลาทะเลก็ได้


พวกปลาทะเลไม่ใช่ว่าเห็นอะไรก็กินอันนั้น พวกมันมีหลักการ ถ้าไม่เคยกินมาก่อนปกติแล้วมันก็จะไม่เสี่ยง เพราะการเสี่ยงในทะเลนั้นมักจะได้ผลลัพธ์เป็นความตาย


แบบนี้ฉินสือโอวออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดไปแล้ว พวกปลาทะเลจะลังเลอะไรได้อีก? กินๆ ไปเถอะ


ดังนั้นพวกปลาขนาดใหญ่อย่างปลาแฮลิบัต ปลาตัวเป่า ปลาทะเลตัวแบนยุโรป ปลามาร์ลิน ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน และปลาทูน่าครีบเหลืองเหล่านี้จึงเริ่มออกโจมตี


ตามด้วยปลาแฟงค์ทูธ ปลาขี้ตังเบ็ด ปลาตาเหลือก ปลาจวด ปลาแอนโชวี่แอตแลนติก ปลาแบสดำ ปลากระโทง ปลาคาซาโกะ ปลาอมไข่ครีบยาว ปลากระโทงดาบ หอยหวาน ปลาโอขาว ปลาโอหลอด ปลากระโทงขาว ปลาไหลอเมริกัน ปลาหางเหลือง ปลาทูน่าครีบเหลือง ปลาตาหวานจุด ปลาดาบ ปลาโอขาว ปลาทูน่าพันธุ์ท้องแถบ ปลาโอลาย…


และอื่นๆ อีกมากมาย ปลาที่มีอยู่ในฟาร์มปลาออกมาทั้งหมด ไม่ต้องพูดถึงปลาที่มีจำนวนมากอย่างพวกปลาค็อด ปลาแฮร์ริ่ง และปลาซาบะ


ภายหลังแม้กระทั่งปลิงทะเลขั้วโลกเหนือและปลิงทะเลกรีนแลนด์ก็มาร่วมด้วย เดิมทีหอยเป๋าฮื้อบริติชลายสลับสี ก็จะออกมาด้วย แต่ฉินสือโอวคิดดูแล้วเห็นว่าความสามารถในการย่อยอาหารของเป๋าฮื้อที่ทรงคุณค่าเหล่านี้อาจจะธรรมดาๆ สุดท้ายเลยให้พวกมันอยู่ที่เดิม


แต่ความสัมพันธ์ของปลาและกุ้งพวกนี้ซับซ้อนมาก เดิมทีความสัมพันธ์ของพวกมันเป็นแบบเป็นอาหารซึ่งกันและกัน แบบนี้พอมาเจอกันก็ยิ่งวุ่นวายเป็นธรรมดา


ปลาแฮร์ริ่งตัวหนึ่งกำลังกินหอยทากทะเลด้วยความโมโห ผลสุดท้ายปลาค็อดที่อยู่ข้างๆ ตัวหนึ่งก็อ้าปากกว้างแล้วกินมันเข้าไปในคำเดียว…


บทที่ 768 ความสำคัญของทฤษฎีความรู้

โดย

Ink Stone_Fantasy

ปลาค็อดทำปากแจ๊บๆ หมุนตัวกลับมาเตรียมจะไปหาหอยทากทะเลกินต่อ ด้านข้างก็มีปลาทูน่าครีบน้ำเงินพุ่งเข้ามาอย่างฉับพลันราวกับสายฟ้า เจ้าปลาตัวใหญ่ที่มีขนาดสองเมตรครึ่ง ปลาค็อดอยากจะหนีก็หนีไม่พ้น ก็เลยโดนกินไปเรียบร้อย!


ปลาทูน่าครีบน้ำเงินว่ายน้ำอย่างได้ใจ พอลืมตาขึ้นมา บ้าจริงทำไมอยู่ๆ ท้องฟ้าถึงได้มืด? แม้จะเป็นตอนกลางคืน แต่มันก็มืดเกินไปไหม? ซวยแล้ว ตัวเองโดนกิน!


ขณะที่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินกำลังสิ้นหวัง สุดท้ายมันก็กลับมาเป็นอิสระได้ใหม่ ฉลามบาสกิงกำลังอ้าปากกว้างปรากฏอยู่ตรงหน้ามัน


แม้ว่าฉลามบาสกิงจะตัวใหญ่มหึมาและมีปากที่ใหญ่ยิ่งกว่า แต่พวกมันกินได้แค่สัตว์จำพวกแพลงก์ตอนโดยวิธีกรองกินเท่านั้น ดังนั้นมันจึงไม่สนใจพวกปลาใหญ่ โดยเฉพาะปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่สามารถโตได้ถึงสามสี่เมตรยิ่งไม่สนใจ


แต่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินก็ไม่ได้โชคดีไปตลอด ฉลามบาสกิงมีแค่ตัวเดียว แต่ฉลามชนิดอื่นมีจำนวนมาก และฉลามส่วนมากก็เห็นปลาทูน่าเป็นอาหารอันโอชะ


ฉินสือโอวมองฟาร์มปลาที่วุ่นวายแล้วก็ถอนหายใจ เขามีความฝันตั้งแต่เด็กว่าอยากเป็นผู้นำทัพที่มีกำลังพลเป็นล้านไปทำสงคราม ดูเหมือนเด็กผู้ชายทุกคนก็มีความฝันแบบนี้


แต่ตอนนี้ ฝันสลายไปแล้ว…


ในที่สุดเขาก็เข้าใจ ตัวเองนำคนสิบคนได้ แต่ถ้ามากกว่านี้ก็นำไม่ได้แล้ว ดังนั้นการที่กองทัพให้แผนการตั้งกองกำลังกับเขาแค่สิบสองคนนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ถ้าให้หนึ่งร้อยสิบสองคน ฟาร์มปลาก็อาจจะวุ่นวายจนเป็นสภาพแบบนี้


ฉินสือโอวปวดหัวเป็นที่สุด แต่ก็ต้องแข็งใจจัดการกับหอยทากทะเล ปลาและกุ้งเป็นของฟาร์มปลา เมื่อพวกมันกินกันเองคนที่เสียประโยชน์ก็คือเขา แต่ถ้าปล่อยให้หอยทากทะเลแทะสาหร่ายและพืชน้ำจนเกลี้ยงก็คงบรรลัยกันหมด!


เพื่อเพาะเลี้ยงพืชใต้น้ำพวกนี้ ฉินสือโอวเกือบจะพังฐานทั้งหมดของฟาร์มปลา ถ้าสาหร่ายและพืชน้ำพวกนี้เสียหายไปหมด เขาคงไม่มีใจจะเริ่มใหม่ตั้งแต่แรกแล้ว


ฉินสือโอวแทบจะไม่ได้หลับตาเลยทั้งคืน เขาระดมปลากุ้งปูทั่วทุกหนทุกแห่งมากินหอยทากทะเล ภายหลังแม้แต่หอยหิน หอยกาบ หอยแมลงภู่หินและหอยเสียบก็ค่อยๆ คืบคลานมาจับหอยทากทะเลด้วย เห็นได้เลยว่าครั้งนี้คนงานของเขายอดเยี่ยมขนาดไหน


นี่คือสงครามครั้งหนึ่งของฟาร์มปลา ฉินสือโอวเกือบจะใช้พลังโพไซดอนทั้งหมดไปภายในหนึ่งคืน แบบนี้ถึงจะจัดการการแพร่กระจายอย่างบ้าคลั่งของหอยทากทะเลได้อยู่หมัด


ตื่นเช้าขึ้นมา ฉินสือโอวกระวนกระวายจนแทบทนไม่ไหว พ่อตาของเขาเห็นเขาในสภาพสะโหลสะเหลแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ในที่สุดเขาก็พูดกับฉินสือโอวอย่างเงียบๆ “ฉิน วินนี่ท้องแล้ว นายต้องควบคุมตัวเองหน่อยนะ เข้าใจไหม? ควบคุมตัวเองหน่อย”


เห็นใบหน้ากรุ้มกริ่มของพ่อตา ฉินสือโอวก็จนใจเป็นอย่างมาก เขาอธิบาย “สาบานต่อพระเจ้า เมื่อคืนผมไม่ได้แตะแม้แต่นิ้วมือของวินนี่!”


มาริโอ้ขมวดคิ้ว ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็แอบมาหาฉินสือโอวแล้วส่งกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งให้เขา “นี่คือของขวัญที่เพื่อนผมให้มา อวัยวะเพศฮิปโป คุณก็รู้เจ้าสิ่งนี้มีพลังมหาศาล ผมยังไม่ต้องใช้ อย่างนั้นก็เอาให้คุณแล้วกัน”


ฉินสือโอวมองของที่อยู่ในกล่อง ชั่วครู่นั้นทั้งสองก็มองตากันโดยไม่พูดอะไร บ้าจริงตอนนี้คนพวกนี้คิดอะไรอยู่? **เกินไปแล้ว แต่เขาต้องเก็บเจ้านี่ไว้ดีๆ ไม่แน่ในอนาคตมันอาจจะจำเป็น


หลังมื้อเช้า วินนี่ไปตรวจร่างกายที่นครเซนต์จอห์นกับครอบครัว ฉินสือโอวให้ชาร์คที่ใจเย็นเป็นคนขับรถ ให้เบิร์ดและนีลเซ็นอยู่ที่ฟาร์มปลาแล้วกัน สองคนนี้ชอบเสี่ยงตายตอนขับรถ


เขาไปดูที่ฟาร์มปลา สถานการณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก ยังมีหอยทากทะเลอยู่มากแต่ไม่ได้เยอะจนเห็นได้ทั่วทุกที่อีกแล้ว มีการควบคุมจากศัตรูอย่างพวกปลาและกุ้งแบบนี้ หอยทากทะเลคงไม่โผล่ขึ้นมาอีก


พอคิดว่าฟาร์มปลาของตัวเองเป็นแบบนี้แล้ว ไม่รู้ว่าฟาร์มปลาที่อื่นจะเป็นอย่างไร แล้วเขาก็โทรไปที่กรมประมงของนครเซนต์จอห์น บอกว่าที่ฟาร์มปลาของตัวเองมีหอยทากทะเลแพร่กระจายอยู่อย่างรุนแรง แล้วถามว่าทางรัฐจะมีการชดเชยอะไรหรือเปล่า


เจ้าสิ่งนี้พบได้ยากมาก รอถึงตอนที่ค้นพบก็อยู่ในระยะสุดท้ายของการแพร่กระจายแล้ว ในตอนนั้นบนผิวน้ำจะมีแต่หอยทากทะเลเต็มไปหมด สาหร่ายและพืชน้ำในบริเวณนั้นก็เสียหายไปหมด


ตอนที่รับสายเขากรมประมงยังไม่รู้แม้กระทั่งข่าวที่หอยทากทะเลออกมาโจมตีเลย จนกระทั่งพวกเขาไปเก็บตัวอย่างที่ฟาร์มปลาถึงได้ตื่นตัว ประชากรของหอยทากทะเลเริ่มแพร่กระจายแล้ว


แบบนี้กรมประมงจึงรายงานไปที่กรรมการบริหารการประมงของรัฐนิวฟันด์แลนด์ นอกจากข่าวคราวเรื่องนี้จะส่งต่อขึ้นไปเรื่อยๆ ทีละระดับแล้ว ยังมีการเผยแพร่ไปในวงกว้างด้วย นั่นก็คือการออกข่าว


เห็นสีหน้าเคร่งขรึมของผู้เชี่ยวชาญด้านหอยทากทะเลในข่าวแล้ว ฉินสือโอวก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี ถ้ารัฐบาลพึ่งพาได้จริง แม่หมูคงปีนขึ้นต้นไม้ได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเชื้อราแก๊ฟคี่ในล็อบสเตอร์คราวก่อน หรือการแพร่กระจายของหอยทากทะเลในตอนนี้ เขาก็รู้ก่อนรัฐบาลทั้งนั้น


แต่ก็ไม่ใช่ว่ารัฐบาลจะพึ่งพาไม่ได้เลย อย่างเช่นในด้านการฆ่าหอยทากทะเล รัฐบาลก็มีวิธีดีๆ มาเสนอให้


หอยทากทะเลเป็นสัตว์หากินตอนกลางคืน พวกมันมีความไวต่อแดดแรง รัฐบาลออกประกาศว่าสามารถใช้หลอดไฟรังสีอัลตราไวโอเลตดึงดูดหอยทากทะเลให้มารวมกันได้


ฉินสือโอวรู้ว่าหอยทากทะเลสามารถถูกแสงดึงดูดมาได้ เมื่อคืนเขาก็ลองใช้พวกหลอดไฟทังสเตนไอโอดีนดูแล้ว หรืออาจจะเป็นเพราะแสงแรงเกินไปเลยทำให้หอยทากทะเลตาบอด ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งไม่มีทางดึงดูดพวกมันมาอยู่ในที่เดียวกันได้


ผู้เชี่ยวชาญของกรมประมงทำการวิเคราะห์สเปกตรัม พบว่าหอยทากทะเลชอบแสงแรงๆ และแสงที่มีสีเป็นที่สุด แค่เพียงปรับแสงไฟให้ถึงระดับนั้นก็จะมีความเป็นไปได้สูงที่จะดึงดูดหอยทากทะเลมาได้


ดังนั้นตอนบ่ายฉินสือโอวจึงไปซื้ออุปกรณ์แปลงไฟจำนวนมาก พอพระอาทิตย์ตกก็เปิดไฟ หอยทากทะเลที่ล่องลอยอยู่ในน้ำพวกนั้นค่อยๆ ถูกดึงดูดมารวมกันจริงๆ


แบบนี้เรื่องที่เหลือก็ง่ายแล้ว แค่รวบรวมกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีมา แล้วส่งพลังโพไซดอนให้เจ้าพวกนี้ พวกกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีก็จะโจมตีไม่ยั้งราวกับต่อยมวย ทุบฝูงเจ้าหอยทากทะเลจนกลายเป็นซอสเนื้ออย่างรวดเร็ว


ฉินสือโอวจัดการเรื่องนี้ของฟาร์มปลาได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อวานเขาเปลืองพลังโพไซดอนในการรวบรวมพวกปลาและกุ้งมาต่อสู้กับหอยทากทะเลไปมากขนาดนั้น ส่วนที่เหลือก็แค่เล็กน้อย เก็บขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย


แต่ฟาร์มปลาอื่นๆ ช่างน่าสงสาร อันดับแรกคือพวกเขาไม่สามารถควบคุมพวกปลาและกุ้งให้มากินหอยทากทะเลได้ โดยปกติแล้วพวกปลาและกุ้งที่ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์จะไม่กินหอยทากทะเล อันดับต่อมา พวกเขาไม่สามารถหว่านแหเพื่อรวมหอยทากทะเลได้ เพราะฟาร์มปลาส่วนใหญ่ที่นิวฟันด์แลนด์ไม่มีแหที่ตาเล็กขนาดนี้


ทางรัฐบาลจึงส่งคนมาจัดการกับหอยทากทะเล วิธีนั้นง่ายมาก คือทำให้เห็นว่าเจ้าสิ่งนี้มีโปรตีนสูง ผู้ที่ลดน้ำหนักสามารถกินได้ และมีมลพิษน้อยมากเพราะพวกมันเป็นสัตว์ในทะเลน้ำลึกและของที่มันกินก็สะอาดมาก


ฉินสือโอวประหลาดใจที่ตอนนี้หอยทากทะเลทยอยโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ สิ่งที่พวกมันกินคือสาหร่ายและพืชน้ำใกล้ชายฝั่งแท้ๆ เกี่ยวอะไรกับทะเลน้ำลึก?


แต่นี่ก็ไม่กระทบความรู้สึกที่เขามีต่อหอยทากทะเล รัฐบาลและผู้เชี่ยวชาญของแคนาดามีความน่าเชื่อถือมากจริงๆ โดยเฉพาะเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่รักชื่อเสียงของตัวเองเป็นพิเศษ หากไม่ได้รับการรับรองตามทฤษฎีวิทยาศาสตร์พวกเขาก็จะไม่พูดออกมา


การจับหอยทากทะเลนั้นแสนง่ายดาย พวกมันอยู่ตรงที่มีสาหร่ายคอมบุ หอยทากทะเลส่วนเดียวที่เหลืออยู่ในฟาร์มปลาและยังไม่ได้กำจัดอยู่ที่นั่น ฉินสือโอวจึงตัดสินใจพาพวกเด็กๆ ไปเก็บหอยทากทะเล


บทที่ 769 เลี้ยงไก่เป็ดแบบปล่อย

โดย

Ink Stone_Fantasy

ตอนบ่ายวินนี่กลับมาอย่างมีความสุข ฉินสือโอวรีบถาม “เฮ้ที่รัก คุณเป็นไงบ้าง?”


วินนี่ลูบคางฉินสือโอวแล้วพูดอย่างทะเล้น “ถือว่าคุณรู้ความ ถ้าคุณถามว่าลูกของผมเป็นไงบ้างก่อนละก็ ฉันจะให้คุณไปนอนกับฉงต้าสักเดือนหนึ่ง! โอเค ฉันจะบอกให้ก็ได้ ฉันกับลูกแข็งแรงดี แต่มันยังเล็กเกินไป…”


“มัน?!” ฉินสือโอวตะลึง ในภาษาอังกฤษคำว่า เขา เธอ มัน ไม่ใช่คำเดียวกัน


วินนี่กลอกตา “ใช้แทนไปก่อน ตอนนี้จะดูออกได้ยังไงว่าเป็นเขาหรือเธอ?”


ฉินสือโอวยิ้มเจื่อน “ทำให้ลูกตกใจแล้ว คราวหลังอย่างใช้คำมั่วๆ อีกนะ”


พอพูดจบเขาก็โทรหาพ่อแม่เพื่อบอกว่าการตรวจของวินนี่เป็นไปด้วยดีทุกอย่าง จากนั้นก็ให้พี่สาวบังคับพ่อแม่ให้มาหา


พี่สาวพูดอย่างจนใจ “ฉันเองก็อยาก พ่อกับแม่ดื้อเหลือเกิน ฉันกับเสี่ยวฮุยพูดแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย! ทีแรกเสี่ยวฮุยจะปิดเทอมฤดูร้อนเดือนกรกฎาคม ฉันยังคิดว่าจะพาเขาไปเที่ยวหานายที่นั่น แต่คราวนี้คงไปไม่ได้แล้ว!”


ฉินสือโอวให้หลานชายมารับโทรศัพท์ แล้วถามเขาว่าอยากมาหาลุงเพื่อมาดูปลาวาฬไหม? เสี่ยวฮุยโอดครวญ ต้องอยากไปหาเขาแน่นอนอยู่แล้ว


จากนั้นฉินสือโอวก็ยิ้มอย่างร้ายกาจพลางเสนอความคิดให้เขา “ชวนตากับยายมาด้วยสิ ถ้าพวกเขาไม่ยอม หนูก็ลงไปดิ้นกับพื้นเลย”


เด็กน้อยไม่ได้หลอกได้ง่ายๆ เสี่ยวฮุยพูดอย่างไม่พอใจ “ลุงอย่าคิดว่าผมโง่นะ จะใช้ผมเป็นเครื่องมือเหรอ? ไม่มีทาง!”


เชรด ฉินสือโอวตะลึงไปครู่หนึ่ง ตอนนี้เด็กฉลาดขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย?


ช่วยไม่ได้ เขาได้แต่เสนอข้อแลกเปลี่ยนดีๆ “หนูลงไปดิ้นเถอะ พอมาแล้วลุงจะให้ขี่ปลาวาฬ! เจ๋งสุดๆ ไปเลยนะ เดี๋ยวลุงถ่ายรูปให้ด้วย หนูจะได้เอากลับไปให้เพื่อนดู ให้พวกเขาอิจฉาตาร้อน!”


พิจารณาดูครู่หนึ่ง ในที่สุดกิเลสก็ชนะ เจ้าหนูพูดอย่างตื่นเต้น “โอเค ถ้ามีโอกาสผมจะลงไปดิ้น!”


เสียงพี่เขยดังขึ้น “ทำอะไร? ชักดิ้นชักงอ? ฉันจะตัดขาแกให้ขาดเลย!”


ฉินสือโอวยิ้มอย่างร้ายกาจแล้ววางสาย รู้สึกว่าตัวเองเป็นลุงที่เลวมาก


ตอนเย็นฉินสือโอวพาพวกชาวประมงไปเปิดไฟส่องไปที่ผิวน้ำ หอยทากทะเลที่ถูกดึงดูดมาครั้งนี้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ถึงขนาดว่ารอบๆ ไฟบางดวงมีแค่สองสามตัวเท่านั้น


พวกชาวประมงไม่เข้าใจสถานการณ์ ชาร์คพูดอย่างมีความสุขว่า “ดูสิ สวรรค์เมตตาฟาร์มปลาของเราจริงๆ ว่ากันว่าฟาร์มอื่นสู้รบกันทั้งคืน แต่ฟาร์มปลาของพวกเรามีหอยทากทะเลอยู่ไม่กี่ตัวเอง”


ซีมอนสเตอร์เริ่มอธิบายถึงสาเหตุ “ฉันพนันได้เลยว่าต้องเป็นเพราะฟาร์มปลาของเรามีมลพิษน้อยที่สุด หอยทากทะเลไม่มีทางที่จะไม่ชอบน้ำที่สะอาดบริสุทธิ์…เฮ้ พวกนายใช้สายตาแบบนั้นมองฉันทำไม? ”


“ไม่มีอะไร ปกติแล้วทุกคนคงไม่ค่อยได้เห็นคนโง่” นีลเซ็นหัวเราะ


บลูหัวเราะพลางพูด “ไม่ใช่ว่าจะได้เห็นอีวิลสันได้ทุกวันนะ…โอ้ว พิเศษจริง!”


อีวิลสันถีบออกไปหนึ่งครั้ง บลูก็บินจากบนเรือลงน้ำไป


ชาวประมงคนอื่นๆ หัวเราะเกรียวกราว ไม่มีใครสนใจว่าทำไมจำนวนหอยทากทะเลในฟาร์มปลาถึงได้น้อยลงแปลกๆ แบบนี้


พอเก็บกวาดความยุ่งเหยิงที่เหลืออยู่แล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนกอดวินนี่ ผลสุดท้ายวินนี่เจอของล้ำค่าที่มาริโอ้มอบให้เขา แล้วมองเขาด้วยความประหลาดใจ “คุณไม่อยากให้เราสองแม่ลูกมีชีวิตอยู่แล้วเหรอ?”


ฉินสือโอวยักไหล่พลางพูด “คุณเข้าใจผิดแล้ว อันนี้ผมจะเอาให้เจ้าโคโกโร่เหมา”


วินนี่คิดๆ ดูแล้วพูดอย่างเหนียมอาย “หรือคุณเก็บไว้เองดีไหม? ถึงอย่างไรก็ตากแห้งมาแล้ว ต่อไปอาจจะต้องใช้”


ฉินสือโอวเกือบจะแพ้เธอแล้ว เรื่องนี้ยอมรับไม่ได้เด็ดขาด เขาแผดเสียงพูด “เป็นไปไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้อย่างแน่นอน!”


ตื่นเช้าขึ้นมาแล้ว ฉินสือโอวก็เรียกเด็กๆ มาเอาตะกร้าไปเก็บหอยทากทะเล


“เจ้าสิ่งนี้กินได้จริงๆ เหรอครับ?” มิเชลเหยียบอยู่บนสาหร่ายคอมบุหนาๆ บีบหอยทากทะเลที่โปร่งแสงไปครึ่งหนึ่งพลางถาม ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย


ฉินสือโอวเก็บหอยทากทะเลไป พูดเรื่อยเปื่อยไป “แน่นอน รสชาติเหมือนเนื้อไก่เลยนะ กรุบๆ”


การ์เซียที่เตรียมจะทำงานเดินมาบอก “ฉิน บนชายหาดของเราก็มีหอยทากทะเลเยอะเหมือนกัน”


แน่นอนอยู่แล้ว แม้หอยทากทะเลจะอยู่ในทะเลน้ำลึก แต่พวกมันอยู่ได้ทั้งในน้ำและบนบก เก่งกาจขนาดนี้ พอขึ้นมาบนบกได้สักระยะแล้ว พวกมันก็จะสร้างกระดองออกมาใหม่ได้ ถึงได้บอกว่าพวกมันรับมือได้ยาก


ฉินสือโอวพยักหน้าบอกว่ารู้แล้ว เดิมทีเขาหวังให้พวกห่านขาวจัดการพวกหอยทากทะเล เขาจำได้ว่าพวกห่านขาวที่บ้านเก่ากินเจ้าสิ่งนี้ แต่ดูจากสองวันนี้แล้ว ดูเหมือนว่าจะพึ่งพาไม่ได้ พวกห่านขาวเหมือนจะชินกับการกินปลาแคปลินไปแล้ว เลยไม่สนใจหอยทากทะเล


ไม่ใช่ว่าไม่อร่อย แต่ตัวเล็กเกินไป เปลืองแรงกินเปล่าๆ


ทุกวันเชอร์ลี่ย์จะไปเก็บไข่ไก่และไข่เป็ด เช้าตรู่วันนี้ก็เช่นกัน หลังจากนั้นเธอก็วิ่งกลับมาด้วยความดีใจแล้วตะโกน “ฉิน ไก่น้อยและเป็ดน้อยชอบกินหอยทากทะเล พวกเราเก็บหอยทากทะเลไปให้พวกมันกินกันดีไหมคะ?”


ฉินสือโอวแบมือพลางพูด “ไม่ดีแน่นอน พวกเราจะเอาไว้กินเองนะ”


เชอร์ลี่ย์ทำปากจู๋ พูดลากเสียงยาว “ก็ได้!”


อาทิตย์ยามเช้าสีทองส่องอยู่บนผมของโลลิต้า แสงแดดที่นุ่มนวลส่องลงมาตามผมยาว ดูเหมือนกับเป็นน้ำตกเล็กๆ สีทอง


หันหลังให้ดวงอาทิตย์ ผิวของเชอร์ลี่ย์เป็นสีชมพูอ่อนๆ ดูไปแล้วเหมือนจะโปร่งแสง ขนตายาวๆ ขยับขึ้นลง ไม่รู้ว่ามองเห็นอะไร มุมปากแดงระเรื่อของเธอยกขึ้นเบาๆ สวยบริสุทธิ์ราวกับปีศาจน้อย


“น้องสาวคนสวย!” กอร์ดอนพูดอย่างตกตะลึง


พอเชอร์ลี่ย์ได้ยินเข้า บนใบหน้าก็มีรอยยิ้มหวานๆ เธอเดินมาบิดหูของกอร์ดอนอย่างรวดเร็ว กัดฟันพูด “นาย! พูด! อะ! ไร?! นายเรียกพี่สาวตัวเองว่า น้องสาว? อยากตายเหรอไง?!”


“โอ้ยๆๆ เจ็บจะตายอยู่แล้ว ยัยสาวห้าว! เมื่อครู่ฉันต้องโดนซาตานดลใจแน่ๆ!” กอร์ดอนร้องขึ้นมาอย่างเจ็บปวด


ฉินสือโอวหัวเราะ ดึงเชอร์ลี่ย์ออกมาแล้วพูด “โอเคๆ สาวน้อย ปล่อยเขาไปเถอะ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นน้องชายของเธอนะ”


เชอร์ลี่ย์ยังอยากพูดต่อ ฉินสือโอวรีบเปลี่ยนเรื่องเพื่อเบนความสนใจของเธอ “เมื่อครู่นี้เธอเสนอความคิดดีๆ มาอย่างหนึ่ง บนชายหาดมีหอยทากทะเลเยอะขนาดนี้ ทำไมเราไม่ปล่อยไก่เป็ดให้พวกมันออกมาหากินเองล่ะ?”


ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวไม่อนุญาตให้เลี้ยงเป็ดไก่แบบปล่อย เพราะมีแค่ฟาร์มปลาต้าฉินยังค่อนข้างเล็ก กลัวว่าไก่เป็ดจะทำฟาร์มปลาสกปรกไปทั่ว ยากต่อการทำความสะอาด อีกอย่างถ้าไก่เป็ดออกไข่ไปทั่ว อย่างนั้นก็จะยุ่งยากต่อการเก็บ


ความจริงพิสูจน์แล้วให้เห็นว่าเขาคิดมากไป ฟาร์มปลาใหญ่ขนาดนี้ ขี้เป็ดขี้ไก่ก็เหมือนหมอกที่ผ่านตาไป ส่วนเรื่องออกไข่ก็ไม่เกี่ยวกันเลย ห่านขาวต้องรวมฝูงอยู่ด้วยกันถึงจะออกไข่ ไก่เป็ดก็เป็นเหมือนกัน


เชอร์ลี่ย์ไปเปิดประตูเล้า พวกไก่เป็ดถูกเลี้ยงในเล้ามาตลอด แม้ประตูจะเปิดแล้วก็ยังไม่กล้าออกมา


ฉินสือโอวเข้าไปไล่ไก่จอมอันธพาลตัวนั้นออกมา และมันก็เป็นไก่ตัวผู้ตัวแรกด้วย จากนั้นฝูงแม่ไก่ก็วิ่งตามออกมา พวกมันไม่กล้าออกห่างจากผู้ชายของบ้านไปไกลนัก


ไก่ตัวผู้นำแม่ไก่ออกมา แม่ไก่ก็นำลูกไก่ออกมา พวกเป็ดก็เหมือนกัน แล้วพวกไก่เป็ดก็กระจายไปในฟาร์มปลาอย่างรวดเร็ว


หมูดินที่อยู่ในคอกก็อยากออกมาด้วย แต่เร็วกว่าที่คิด ฉงต้ายืนน้ำลายไหนอยู่หน้าประตู ทำให้หมูไม่กี่ตัวตกใจจนอึไหลออกมา


ฉินสือโอวพาเด็กๆ ไปเก็บหอยทากทะเล ในขณะนั้นวิทยุก็ดังขึ้น ชาร์คพูด “บอส นายหญิงให้ผมบอกว่ามีคนจากตระกูลมอร์รี่มาหา”


บทที่ 770 ก็ไม่ให้พวกคุณ

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ให้พวกเขารอก่อน” ฉินสือโอวตอบไปแค่ประโยคเดียว


เชอร์ลี่ย์เงยหน้าขึ้นมาถาม “มีแขกมาเหรอคะ?”


ฉินสือโอวเห็นผิวที่เนียนละเอียดของเธอ ก็เลยใช้มือลูบไปที่แก้มของเธอแล้วพูดพร้อมยิ้ม “ไม่ ไม่ใช่แขก ไม่เป็นไรหรอก พวกเราไปเก็บหอยทากทะเลกันต่อเถอะ”


เขาลูบแล้วก็ปล่อยมือ รู้สึกว่าผิวของเชอร์ลี่ย์ช่างเกลี้ยงเกลาจริงๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกินผักและผลไม่ที่มีพลังโพไซดอนหรือเปล่า พอปล่อยมือแล้วเขาก็ลูบนิ้วไปตามจิตใต้สำนึก ความรู้สึกที่มือเมื่อครู่นี้ไม่เลวเลยจริงๆ


เชอร์ลี่ย์ทำจมูกย่นค้อนเขาไปทีหนึ่ง แล้วพูดเสียงแผ่วๆ “น่ารังเกียจ!”


พอได้ยินคำนี้ ฉินสือโอวแทบจะล้มทั้งยืน เขาทำเป็นดึงหน้าพลางพูด “พูดดีๆ ห้ามแอ๊บแบ๊ว!”


เชอร์ลี่ย์ทำปากมุ่ย ดวงตาเล็กๆ จ้องมองเขาด้วยความคับแค้นใจ และยังมีเสน่ห์ของหญิงสาวบางอย่าง


ฉินสือโอวรีบเดินออกไป เขารู้สึกว่าควรจะให้พวกเชอร์ลี่ย์ไปอยู่โรงเรียนประจำดีไหม ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปดูเหมือนจะไม่ถูกต้องเท่าไร


สาหร่ายคอมบุก็เป็นอาหารที่หอยทากทะเลชอบกิน แต่พวกมันไม่มีทางแพร่พันธุ์ที่นี่ได้ เพราะสาหร่ายคอมบุที่นี่มีฝูงตัวอันธพาลอยู่ นั่นก็คือปลาอีโต้มอญ


ปลาอีโต้มอญกินไม่เลือก จะปลากุ้งปู สัตว์ที่ไม่กระดูกสันหลัง หรือสัตว์ที่มีเปลือกมีกระดอง ขอแค่กินได้พวกมันก็จะไม่ปล่อยไปเด็ดขาด


อันที่จริงในสถานการณ์ปกติปลาอีโต้มอญจะจับอาหารได้ยากมาก เพราะที่หัวพวกมันมีสีเขียวเกินไป! เขียวถึงขนาดพวกปลาและกุ้งที่ไม่สนใจมองอะไรยังสามารถสังเกตเห็นได้


ครั้งนี้ได้เจอหอยทากทะเลที่ไม่กลัวตาย พวกมันเลยกินกันอย่างสนุกสนาน คืนก่อนหน้านี้สองวัน พวกมันเป็นกองกำลังของฟาร์มปลาเพียงชนิดเดียวที่ออกมาจัดการกับหอยทากทะเลเองโดยที่ฉินสือโอวไม่ต้องเรียก


ฉินสือโอวแหวกพุ่มสาหร่ายคอมบุออก ปลาอีโต้มอญตัวหนึ่งกำลังรออยู่ด้านล่างพอดี พอเจอแสงอาทิตย์แบบกะทันหันมันเลยตกใจนิดหน่อย โงหัวขึ้นมามองฉินสือโอว ขยับปากแสดงความประหลาดใจแล้วรีบส่ายครีบหางว่ายหนีไป


“ปลาตัวอย่างใหญ่เลย” เชอร์ลี่ย์พูดด้วยความดีใจ “สีมันสวยจัง เขียวเหมือนหญ้าเลย”


กอร์ดอนถาม “เขียว? อะไรเขียว? ฉินเขียวเหรอ?”


ฉินสือโอวถอนหายใจแล้วพูด “กอร์ดอน เด็กดีของฉัน คราวหน้าเวลาถูกเชอร์ลี่ย์บิดหู ฉันจะช่วยเชียร์เธอ”


ฉินสือโอวพูดพลางก้มตัวหยิบหอยทากทะเลที่โปร่งใสใส่ลงไปในตะกร้า ไม่นานเท่าไรก็จับได้ 45 ตัวแล้ว


มิเชลเก็บไปก็ถามอย่างสงสัยไปว่ามันกินได้จริงๆ ไหม ฉินสือโอวตอบไปหลายสิบรอบแล้ว เขาก็ยังถามอยู่


เก็บได้เกือบครึ่งตะกร้าแล้ว ฉินสือโอวรู้สึกว่าเหลืออีกไม่เท่าไรก็เลยเอาตะกร้าวางไว้บนฝั่ง แล้วเดินไปที่บ้านอย่างช้าๆ ในใจรู้สึกชื่นชมคนในตระกูลมอร์รี่อยู่นิดหน่อย ความอดทนไม่เลวเลย


คนที่ตระกูลมอร์รี่ส่งมายังคงเป็น ชาลส์ มอร์รี่คุณชายที่สามของพวกเขา ครั้งนี้เขาพาคนมาด้วย เป็นชายที่ใบหน้ากร้านแดดกร้านลมคนหนึ่ง ดูก็รู้ว่าคนคนนี้เคยใช้ชีวิตอยู่ในทะเลมาก่อน


“เฮ้ ชาลส์ ลมอะไรพัดคุณมาที่นี่ล่ะ? เห็นคุณนั่งสงบเสงี่ยมอยู่ที่นี่ ช่างดีเหลือเกิน” ฉินสือโอวพูดพลางหัวเราะ


ชาลส์ฝืนยิ้ม “ผมก็ดีใจที่ได้เจอคุณ ฉิน แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าที่คุณพูดมันไม่ค่อยถูกนะ?”


“คุณคิดมากไปแล้ว” ฉินสือโอวหัวเราะพลางเดินไป ชาลส์ทำท่าจะกอด เขาเลยชิงจับมือก่อน นี่เราสนิทกันมากเลยเหรอพวก? ยังไม่ถึงขั้นกอดกันหรอกมั้ง?


“คนนี้คือ?” ฉินสือโอวเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว


ชาลส์ยิ้มพลางพูด “นี่คือพี่ชายของผม ไมเคิลแองเจโล มอร์รี่ พี่ชายของผมดูแลงานด้านธุรกิจทางทะเลน้ำลึกของบริษัท เขาได้ยินว่าผมมีเพื่อนแบบคุณ เขาก็เฝ้ารอที่จะได้พบมาตลอด ครั้งนี้เลยตั้งใจพาเขามารู้จักคุณเป็นพิเศษ”


ฉินสือโอวจับมือกับไมเคิลแองเจโลแล้วพูดชื่นชม “เป็นชื่อที่ดีจริงๆ ศิลปินชั้นยอด ผมว่าคุณต้องเชี่ยวชาญด้านศิลปะมากแน่ๆ”


“ที่จริงผมก็เรียนมานิดหน่อย แต่คงไม่สามารถแสดงต่อหน้าคุณได้ เพราะได้ยินว่าคุณเคยประมูลรูปปั้นของเพอร์ซิอัสและเมดูซามาแล้ว เห็นได้ชัดว่าคุณคือนักสะสมตัวจริง” ไมเคิลแองเจโลมีเสียงที่เหมือนระฆัง ลักษณะต่างจากน้องชายโดยสิ้นเชิง แต่นิสัยจะเป็นอย่างไรนั้นก็ไม่สามารถดูได้จากภายนอก


ตามที่บัตเลอร์เคยพูดไว้ สองพี่น้องคู่นี้ไม่ใช่คนดี ฉินสือโอวคิดว่าเขาพูดถูก สองคนนี้ไม่ใช่คนดีจริงๆ ถึงขนาดมาขโมยปลาของเขาเนี่ย? ไอ้เวรนี่ ให้อภัยไม่ได้


เขารู้ว่าสองพี่น้องมอร์รี่มาหาเขาทำไม อยากให้ตัวเองถอนฟ้อง อยากให้ตัวเองคืนเรือประมงและเรือดำน้ำให้ แต่คำตอบคือ ไม่ได้!


ดังนั้นพี่น้องมอร์รี่เลยช่วยกันดึงประเด็นที่พูดคุยให้ห่างจากเรื่องเรือของพวกเขา ฉินสือโอวสามารถมองออก อย่างไรเสียเขาก็จะไม่พูดเรื่องเรือดำน้ำ เขาจะยึดเจ้าสิ่งนี้ไว้


ในที่สุดไมเคิลแองเจโลก็ทนไม่ไหว เขาพูดขึ้นมากะทันหัน “ฉิน คุณก็รู้ ไม่กี่วันก่อนพวกเรามีเรื่องเข้าใจผิดกัน บริษัทของเรา…”


พวกเชอร์ลี่ย์เอาหอยทากทะเลกลับมา แล้ววิ่งกระโดดโลดเต้นออกไปเล่นข้างนอก ฉินสือโอวส่งสายตาให้พวกเขาให้รีบหาเรื่องคุย


ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมานานขนาดนั้น และพวกเด็กๆ ก็เป็นเด็กฉลาด เชอร์ลี่ย์มองตาเขา ยกหนังสือที่อยู่ในมือแล้ววิ่งไปถาม “เฮ้ ฉิน หนังสือ ‘อัศวินและหมู’ เล่มนี้มีสถานที่ที่แปลกมากเลย”


เห็นเด็กผู้หญิงที่สวยและไร้เดียงสาวิ่งมา ไมเคิลแองเจโลก็ได้แต่เงียบปากไว้ เขายิ้มอ่อนๆ มองฉินสือโอวคุยกับเด็กผู้หญิงคนนั้น


ฉินสือโอวรู้สึกว่ามันพูดยากไปหน่อย เขาขยิบตาแล้วถาม “อะไรนะ ‘อัศวินและหมู?’ คืออะไรเหรอ?”


“ก็เรื่องที่ลิงผู้กล้าตัวหนึ่งกับหมูตัวหนึ่งพาคนสองคนไปทางตะวันตกไง” เชอร์ลี่ย์หัวเราะอย่างไร้เดียงสา


ฉินสือโอวถอนหายใจอีกรอบ พวกเด็กๆ อยากเรียนภาษาจีน เขาก็เลยแนะนำสี่ยอดวรรณกรรมจีนให้พวกเขาอ่าน แต่เห็นได้ชัดว่าทางเลือกนี้ไม่ถูกต้อง


“นี่เรียกว่า ‘บันทึกการเดินทางสู่ตะวันตก’ ใครใช้ให้แปลเป็น…”


เชอร์ลี่ย์ส่งหนังสือให้เขา บนปกมีตัวอักษรภาษาจีนขนาดใหญ่เขียนว่า ‘บันทึกการเดินทางสู่ตะวันตก’ แต่ก็มีภาษาอังกฤษที่แปลเป็น ‘อัศวินและหมู’ อยู่


“ลบหลู่วัฒนธรรมจีนของพวกเรา!” ฉินสือโอวพูดกับพี่น้องมอร์รี่อย่างเคร่งขรึม เรื่องนี้พี่น้องมอร์รี่ไม่กล้าพูดอะไร เรื่องวัฒนธรรมและความเชื่อของชนชาติเป็นสิ่งที่ตอบได้ยาก


“นี่คือ ‘บันทึกการเดินทางสู่ตะวันตก’ โอเค ไปเล่นเถอะ” ฉินสือโอวพูด


เชอร์ลี่ย์พูดอย่างไม่พอใจ “คุณไม่มีความรับผิดชอบเลย หนูมีคำถามจะถามคุณอีกนะ”


“ถามอะไร?” ฉินสือโอวคิดในใจ ใครสอนให้เชอร์ลี่ย์เล่นหูเล่นตา? อย่าให้เขารู้นะ ไม่อย่างนั้นเจอดีแน่!


“ปีศาจกินเนื้อใช่ไหม?”


“แน่นอน”


“อย่างนั้นปีศาจกินคนไหม?”


“กินสิ คนก็มีเนื้อนะ น่ากลัวไหม? ฮ่าๆ”


เชอร์ลี่ย์เปิดการ์ตูน ชี้ไปที่ภาพภาพหนึ่งแล้วถาม “อย่างนั้นทำไมทุกครั้งที่จับคนนี้ไป ถึงได้ทิ้งม้าของเขาไว้ล่ะ? เนื้อม้าไม่อร่อยเหรอ?”


ฉินสือโอวมองดู เมื่อก่อนตัวเองไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย ปีศาจโง่อย่างนี้จริงๆ ทุกครั้งที่จับพระถังซัมจั๋งไปกลับทิ้งม้าขาวไว้อย่างไม่สนใจ…


แต่เขามีคำอธิบายที่มีเหตุผล เขากระแอมหนึ่งครั้งแล้วอมยิ้มพูด “ถ้าบนพื้นมีเงินหนึ่งร้อยกับหนึ่งบาท หนูจะเก็บอันไหน?”


“ก็ต้องหนึ่งร้อยสิ คำถามของคุณโง่จริงๆ เลยฉิน” กอร์ดอนหัวเราะแล้วแย่งตอบ มิเชลอมยิ้มพยักหน้า ที่พูดมานั่นใช่เลยพวก


ฉินสือโอวกำลังจะพูดว่านี่คือคำตอบ ผลสุดท้ายเชอร์ลี่ย์มองพวกเขาแปลกๆ แล้วพูด “คำถามนี้โง่ไปหน่อยจริงๆ แต่คำตอบของกอร์ดอนโง่ยิ่งกว่า ไม่ควรเก็บมาด้วยกันทั้งสองอย่างเหรอ?”


ฉินสือโอวขยิบตา “…”


บทที่ 771 ไม่ไว้หน้าใคร

โดย

Ink Stone_Fantasy

พี่น้องมอร์รี่มองเจตนาของฉินสือโอวออก แต่พวกเขาไม่เข้าใจว่าปัญหาอยู่ตรงไหน


บางทีพี่น้องตระกูลมอร์รี่อาจจะคิดว่า ถ้าพวกเขาขอโทษฉินสือโอวแล้วจ่ายค่าชดเชยให้เขาอย่างเหมาะสม ชาวตะวันออกที่ว่าง่ายคนนี้ก็อาจจะคืนดีกับพวกเขา


ในฐานะตระกูลที่ตั้งปณิธานไว้ว่าจะครองตลาดอาหารทะเลของทั้งโลก ตระกูลมอร์รี่ศึกษาตลาดอันกว้างใหญ่ของประเทศจีนมาโดยตลอด พวกเขาศึกษานิสัยของคนจีน และพบว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับความรู้สึกของคนอื่นและหน้าตาทางสังคมมาก แต่ไม่ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติจริง


ดังนั้นหลังจากมาถึงฟาร์มปลาแล้วพวกเขาก็ลดความหยิ่งยโสลงมาก หวังว่าจะเอาชนะใจฉินสือโอวได้ จากนั้นก็จะทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก


แต่น่าเสียดายที่แผนการของพวกเขามีปัญหา นายท่านฉินเป็นคนยังไงเหรอ? เด็กตัวแสบที่ปีนออกมาจากหมู่บ้านบนภูเขาลูกเล็กๆอย่างยากลำบาก ตอนที่ไปโรงเรียนเขาก็ได้เรียนรู้ว่า หน้าตาไม่สำคัญเท่าปากท้อง!


พี่น้องมอร์รี่พูดดีด้วยจนจบ แต่ฉินสือโอวก็ไม่ดีด้วย


ในที่สุดชาลส์ก็อดกลั้นไว้ไม่อยู่ เขาถามว่า “ฉิน บริษัทของเรามีเรือดำน้ำสองลำที่ถูกคุณยึดไว้ อาจจะเกิดจากความเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง ดังนั้นคุณคิดว่า…”


ฉินสือโอวถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย “เรือดำน้ำของบริษัทพวกคุณถูกผมยึดเอาไว้? เป็นไปได้อย่างไร? เพื่อน ที่ตั้งทหารลาดตระเวนของพวกเราอยู่แค่ที่เกาะแห่งนี้เท่านั้น จะออกข้างนอกไปยึดเรือของพวกคุณได้อย่างไร?”


“ถูกต้องครับ อย่างนั้นพวกเราก็ไม่ใช่ทหารลาดตระเวนแล้ว แต่เป็นโจรสลัด ใช่ไหมครับบอส?” นีลเซ็นที่มารินน้ำชาให้หัวเราะพลางถาม


ฉินสือโอวพยักหน้าชื่นชมเขา เจ้าตัวแสบนายนี่ฉลาดจริงๆ ฉันชอบใจมาก นายทำได้ดี


คราวนี้ถึงคราวที่ใบหน้าของพี่น้องตระกูลมอร์รี่เต็มไปด้วยความสงสัยแล้ว “ทหารลาดตระเวน? ทหารลาดตระเวนอะไร?”


ฉินสือโอวดีดนิ้วหนึ่งครั้ง หนังสือรับคำสั่งและหนังสือรับรองแผนก็เรียงรายออกมา พี่น้องมอร์รี่เห็นสิ่งนี้แล้วก็มีท่าทีไม่พอใจ


ถ้าฉินสือโอวยึดเรือดำน้ำของพวกเขาเอาไว้โดยพลการ พวกเขาก็มีวิธีจะเอาคืนมาได้ แต่ปัญหาใหญ่คือการฟ้องร้อง จะเสียกี่แสนก็ต้องเอาเรือกลับมาให้ได้ แต่ถ้าเป็นทหารอาสาที่ยึดเรือของพวกเขาไว้ พวกเขาก็ไม่มีหวังแล้ว


ถ้าจะฟ้องดำเนินคดี? ก็ทำได้ ไปขึ้นศาลทหารฟ้องทหารลาดตระเวนของเกาะแฟร์เวลสิ นี่เป็นการกระทำที่เสียเปล่า กองทัพของแคนาดามีเรื่องปวดหัวต้องทำมากมายอยู่แล้ว จะมารับจัดการเรื่องแบบนี้?


ฉินสือโอวพูดกับนีลเซ็น “นายติดต่อเบิร์ดหน่อยสิ รับสมัครคนมาสองสามคน เอาคนที่มีฝีมือ ถ้าเป็นทหารเรือจะดีที่สุด อย่างไรเสียพวกเราก็ทำงานกันในทะเล”


นีลเซ็นพูดอย่างลำบากใจ “พวกเราไม่สนิทกับทางทหารเรือ…”


“กองทหารเรือรบก็ได้”


“ก็ไม่สนิท…”


“ถ้าอย่างนั้นที่ฉันเลี้ยงพวกนายไว้นี่มีประโยชน์อะไร?”


“ล้อเล่นครับ ที่จริงพวกเรามีคนที่สนิทอยู่”


นีลเซ็นถอยออกไปอย่างเคร่งขรึม นายท่านฉินตบที่หนังสือรับคำสั่งอย่างโอ้อวด เขายิ้มเบาๆ แล้วพูด “ขายหน้าทั้งสองท่านแล้ว มา มีธุระอะไรล่ะ? พูดมาสิครับ?”


ไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ชาลส์ถามเขาตรงๆ “ฉิน ถ้าจะให้คุณยอมถอนฟ้องและคืนเรือประมงกับเรือดำน้ำให้พวกเรา คุณจะมีเงื่อนไขอะไรบ้าง?”


ฉินสือโอวพูด “อย่างแรก พวกคุณต้องเข้าใจก่อนว่าตอนนี้เรื่องมันไม่เกี่ยวกับผม ที่ตำรวจทะเลยึดเรือนาร์วาลของพวกคุณไปก็เพราะมันมีการเปลี่ยนชื่อโดยพลการ?! คุณต้องรู้ว่านี่ไม่ใช่น่านน้ำของอเมริกา ที่นี่คือแคนาดา!”


“ถัดมา ถ้าพวกคุณอยากได้เรือดำน้ำทั้งสองลำคืน อย่างนั้นก็ชดใช้ความเสียหายของผมทั้งหมด เรือประมงของคุณจับปลาของฟาร์มผมได้เท่าไรก็ต้องจ่ายผมเท่านั้น ห้ามขาดแม้แต่บาทเดียว!”


“สำหรับราคาของปลาทะเลพวกนั้น พวกคุณกลับอเมริกาแล้วไปหาเจมส์ บัตเลอร์คนที่มีหนวดเคราเฟิ้ม เขาจะให้ราคาที่ยุติธรรมกับพวกคุณ”


พอได้ยินชื่อของบัตเลอร์ พี่น้องมอร์รี่ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป พวกเขาเข้าใจแล้วว่าเรื่องในครั้งนี้คงไม่มีทางจบลงด้วยดีได้


“คุยตอนนี้เลยไม่ได้เหรอ?” ไมเคิลแองเจโลเก็บสีหน้าแล้วฝืนยิ้มถาม


ฉินสือโอวแบมือพลางพูด “ชัดเจนมากว่าไม่ได้! ปัญหาการปกครองต่อรองไม่ได้! ตอนที่พวกคุณตัดสินใจเข้ามาขโมยปลาในฟาร์มของผมก็ควรจะคิดถึงจุดนี้! แล้วก็พวกคุณจะให้ผมคุยยังไง? ใครจะรู้ว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วที่คุณมาขโมยปลา? ใครจะไปรู้ว่าผมเสียหายไปเท่าไรแล้ว?!”


ชาลส์ยืนขึ้นประนีประนอม สองพี่น้องคนหนึ่งหน้าซีดคนหนึ่งหน้าแดง แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีผลอะไรกับฉินสือโอว ลูกไม้แบบนี้เขาทำมาตั้งแต่ตอนสิบขวบจนเบื่อแล้ว ตอนเด็กๆ ขู่เพื่อนเพื่อหากิน เขาก็ใช้วิธีนี้


ทั้งสองฝ่ายแตกหักกัน สุดท้ายก่อนจะจากไป ไมเคิลแองเจโลพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณทิ้งมิตรภาพจากพวกเราตระกูลมอร์รี่ อย่างนั้นก็เตรียมรับแรงกดดันจากการเป็นอริของพวกเราได้เลย”


ฉินสือโอวหัวเราะยกใหญ่ “ดูสิ ถ้าตอนมาพวกคุณพูดแบบนี้ตั้งแต่แรก ทุกอย่างคงง่ายดายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ตั้งแต่ต้นจนจบ สิ่งที่พวกคุณอยากพูดก็คือสิ่งนี้ไม่ใช่เหรอไง?”


พวกคนขาว โดยเฉพาะในหมู่นักลงทุน พวกเขาเลือดเย็นมาก ถ้าคุณมีประโยชน์ พวกเขาก็จะปฏิบัติกับคุณราวกับเป็นแขกผู้มีเกียรติ เมื่อใช้ประโยชน์จากคุณแล้ว อย่างนั้นก็ขอโทษด้วย แล้วค่อยเจอกันใหม่นะ


ในจุดนี้ที่พอจะเทียบกับพวกคนขาวได้ ก็คือหนึ่งในคนผิวเหลืองอย่างคนญี่ปุ่น


พี่น้องมอร์รี่จากไปอย่างโกรธเกรี้ยว ฉินสือโอวยืนมองด้วยสายตาเย็นชาอยู่ที่ประตู นีลเซ็นถาม “ไม่ไปส่งพวกเขาเหรอครับ?”


ฉินสือโอวยิ้มอย่างเย็นชา “ให้พวกเขาไสหัวไปก็พอแล้ว ขโมยปลาฉันแล้วยังอยากจะได้มิตรภาพจากฉัน? บอกพวกพี่น้องเราว่าช่วงนี้ให้เพิ่มการตรวจตราให้เข้มแข็ง สถานีเรดาร์ต้องมีคนอยู่เวรตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ในขณะเดียวกันต้องจับตาดูกล้องวงจรปิดไว้ด้วย”


นีลเซ็นพยักหน้าเตรียมจะไป ฉินสือโอวก็ย้ำอีกครั้ง “เร่งรัดเรื่องรับสมัครคนหน่อย ให้มาเป็นการชั่วคราวสักห้าคนก่อน พื้นฐานทางทหารต้องดีเยี่ยม! ดีที่สุดคือพวกที่มาจากกองทหารเรือรบ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีคนขับเรือดำน้ำ”


นีลเซ็นตะลึง “ต้องรับสมัครคนจริงๆเหรอครับ?”


ฉินสือโอวพูดอย่างไม่พอใจ “นายคิดว่าเมื่อครู่ฉันล้อเล่นกับนายเหรอไง?”


“ใช่ครับ ผมคิดว่าคุณแค่อยากจะเบี่ยงประเด็นเท่านั้น”


“โง่จริง! รีบรับสมัครคนเลย!”


การมาของพี่น้องตระกูลมอร์รี่กระทบต่ออารมณ์ของฉินสือโอวอยู่บ้าง เพื่อปรับอารมณ์ ฉินสือโอวเก็บหอยทากมาเตรียมจะทำอาหารที่ตัวเองชอบกิน


ประเทศที่ใช้หอยทากมาทำอาหารมากที่สุดก็คือประเทศฝรั่งเศส หอยทากอบแบบฝรั่งเศส หรือเมนูหอยทากสไตล์นโปเลียนเป็นต้น ชาวจีนไม่คุ้นเคยกับเจ้าสิ่งนี้ ฉินสือโอวได้ยินผู้เชี่ยวชาญพูดว่าเจ้าสิ่งนี้ไม่ต่างอะไรกับเนื้อแผ่นเล็กๆ ทำตามวิธีที่ใช้ทำเนื้อก็ทำได้แล้ว


หอยทากทะเลกินไปขับถ่ายไป ในตัวจึงไม่มีของสกปรก และเพราะพวกมันอยู่ในทะเลน้ำลึกเป็นหลัก ปรสิตบนตัวเลยมีน้อยมาก แค่ต้มให้สุกแล้วจิ้มซอสก็กินได้แล้ว


น่าเสียดาย ที่คนแคนาดาไม่ชอบลองอะไรใหม่ๆ เหมือนกับปลาทะเลของพวกเขา ของที่พวกเขาไม่เคยกิน ต่อให้พูดยังไงก็จะไม่กิน ดังนั้นพวกผู้เชี่ยวชาญในทีวีก็เป็นทั้งการพิสูจน์ทั้งการทดลอง ในที่สุดแล้วก็ชิมไปแค่คำสองคำ จึงไม่มีประโยชน์อะไร


ฉินสือโอวโทรหาการ์เซียให้เขามาทำหอยทากทะเลให้กิน


สมแล้วที่การ์เซียเป็นชายหนุ่มที่เดินทางไปรอบโลก เขารู้ว่าต้องกินหอยทากทะเลอย่างไร เขาพูดตามอำเภอใจว่า “หอยทากอบก็ดีนะครับ รสชาติไม่เลว ผมเคยกินตอนอยู่ที่มอริเชียส”


ฉินสือโอวถาม “ไม่มีกระดองหอยก็อบกินได้เหรอ?”


หอยทากอบเป็นอาหารเก่าแก่ของประเทศฝรั่งเศส วิธีทำคือใช้น้ำต้มหอยทากคุณภาพดีที่เลี้ยงมาเป็นพิเศษ แล้วเอาเนื้อออกมา เอากระเทียม เครื่องเทศ และหอมใหญ่มาผัดเนยแล้วใส่ไปในกระดองหอย จากนั้นทาเนยแล้วใส่ลงในถาดอบ ใช้เตาอบอบให้สุก แล้วเสิร์ฟในถาดที่ใช้อบ


แต่หอยทากทะเลไม่มีกระดอง


บทที่ 772 หอยทากอบ

โดย

Ink Stone_Fantasy

การ์เซียหัวเราะพลางยักไหล่แล้วขอให้ฉินสือโอวหลีกทางให้ด้วย “คอยดูผมเถอะ”


หอยทากทะเลถอดกระดองออกไปเกือบหมดแล้ว เหลือแค่กระดองเล็กๆ กึ่งโปร่งแสง


การ์เซียใส่หอยทากลงในหม้อแล้วต้มด้วยน้ำเดือด จากนั้นเขาขอให้ชาร์คและคนอื่นๆ ช่วยหาหอยทากจำนวนมากกลับมา เขาโบกมือแล้วพูด “ดูสิ พวกมันมีกระดองแล้วไม่ใช่เหรอ?”


การ์เซียต้มหอยทากทะเลพร้อมกับล้างกระดองหอยไปด้วย เสร็จแล้วแยกหอยตามขนาด


ล้างเปลือกหอยเสร็จ หอยทากทะเลก็ต้มเสร็จพอดี ฉินสือโอวถาม “ต้มนานไปหรือเปล่า? จะทำให้เนื้อสุกเกินไปหรือเปล่า?”


การ์เซียตอบ “เพราะแบบนั้นก่อนที่ผมต้มหอยทากทะเลเลยใช้เทคนิคนิดหน่อย นั่นคือใช้เกลืออบก่อน แบบนี้จะเป็นการเอาน้ำเลี้ยงที่อยู่ด้านในออกมา ทำให้ตอนที่น้ำเดือดก็จะไม่มีน้ำเลี้ยง เนื้อก็จะไม่สุกจนเกินไป”


“การกินหอยทากต้องต้มนานๆ ด้านในของมันมีปรสิตได้ง่าย เพราะนี่ไม่ใช่ของดีที่จับขึ้นมาจากทะเลน้ำลึก พวกมันจะเป็นอันตรายหากมันอยู่บนผิวน้ำเป็นเวลานาน”


ขณะอธิบายการ์เซียก็ขยับมีดอย่างรวดเร็ว เอาหัวหอม ขึ้นฉ่าย เห็ดหอมและแฮมหั่นเป็นชิ้นๆ เติมเกลือและพริกไทยดำแล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นเอามันฝรั่งที่ต้มสุกแล้วไปปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นๆ เล็กๆ แล้วบดให้ละเอียด ใส่เกลือ ไข่แดงและครีมสดแล้วคนส่วนผสมให้เข้ากัน


หลังจากคนมันฝรั่งบดและครีมสดจนเข้ากันดีแล้วก็จะมีรสชาติหอมหวาน ฉงต้าถูกอาหารดึงดูดมา ปากของมันกัดอุ้งเท้าอ้วนๆ พลางเงยหน้าขึ้นมามอง ที่มุมปากมีน้ำลายไหลยืดลงมา


การ์เซียยิ้มพลางหยิบจานเล็กๆ ตักอาหารใส่จานแล้วส่งให้ฉงต้าพร้อมพูด “ดูสิ ฉันเตรียมไว้ให้อีกชุดหนึ่ง ฉันรู้ว่าแกจะต้องชอบ”


ฉินสือโอวใส่น้ำผึ้งและน้ำเชื่อมลงไปในมันฝรั่งบดจำนวนหนึ่ง ฉงต้ายืดคอคำรามออกมาด้วยความตื่นเต้น


ผลสุดท้ายหู่จือและเป้าจือก็ได้กลิ่นแล้ววิ่งเข้ามาหา พวกมันจ้องมันฝรั่งบดที่อยู่ในจานครู่หนึ่ง


ฉงต้ามีนิสัยหรือจะพูดว่าหมีสีน้ำตาลทุกตัวมีนิสัยแบบนี้ก็ได้ ตอนเงยหน้าคำราม พวกมันจะหลับตา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลืมตาตอนเงยหน้าแล้วโดนขี้นกเข้าตาหรือเปล่า


สรุปครั้งนี้นิสัยของมันทำให้มันซวยแล้ว มันเงยหน้าหลับตา หลังจากระบายความตื่นเต้นออกมา แล้วก้มหน้าลืมตาขึ้น จานก็ว่างเปล่าแล้ว!


ใช่ ไม่มีมันฝรั่งบดอยู่ในจานแล้ว!


หู่จือและเป้าจือนั่งเลียริมฝีปากอยู่ข้างๆ อย่างใสซื่อ ต้าป๋ายยื่นอุ้งเท้าชี้ไปที่เจ้าสองแสบแล้วแผดเสียง ‘โฮ่วๆๆ’ ด้วยความโมโห เหมือนว่าจะร้องทุกข์ให้ฉงต้า


ฉงต้าโศกเศร้าเสียใจ ชูอุ้งเท้าขึ้นมาจะตบหู่จือและเป้าจือ


ฉินสือโอวเห็นว่าห้องครัวกำลังเกิดความวุ่นวาย เขารีบดึงมันไว้แล้วตักมันฝรั่งบดให้ฉงต้าอีกรอบ ฉงต้าไม่ยอมกิน มันชี้ไปที่น้ำเชื่อมแล้วร้องโฮ่วๆ


ฉินสือโอวถึงนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองลืมใส่น้ำเชื่อม ได้แต่ราดลงไปให้มันเยอะๆ การ์เซียหยิบเนยมาอุ่นจนละลาย แล้วราดลงไปบนมันฝรั่งบด แบบนี้ฉงต้าถึงได้พอใจ


การ์เซียยิ้มพลางใส่เนื้อหอยทากลงไปในหม้อแล้วใช้เนยผัด “ชีวิตของคุณนี่ดีจริงๆ เลยฉิน ดูเจ้าพวกนี้สิ พวกมันน่ารักเหมือนเจ้าแมวพันธุ์แร็กดอลล์ของพวกเราเลย”


“พูดเล่นอะไรเนี่ย ลูกของผมน่ารักที่สุดในโลก น่ารักกว่าแมวตัวนั้นของคุณเยอะเลย”


“ไม่ เป็นไปไม่ได้ เจ้าแมวพันธุ์แร็กดอลล์ของพวกเราน่ารักที่สุด”


“ฮ่าๆ นี่คือมุกตลกที่ตลกที่สุดที่ผมเคยฟังเลย หู่จือเป้าจือกลิ้งตัว ดีมาก ยืนขึ้น นั่งลง ทำท่าเคารพแบบทหาร เห่าสองครั้ง ดีมาก ทำได้สวยงามมาก! มา ให้เจ้าแมวพันธุ์แร็กดอลล์ของคุณทำแบบนี้บ้าง”


การ์เซียพูด “ถ้าคุณรังแกผมแบบนี้อีกละก็ ผมจะไม่ทำหอยทากอบแล้วนะ”


ฉินสือโอว “…”


การ์เซียพูดคุยพลางเทบรั่นดีฝรั่งเศสลงไปในหม้อพร้อมใส่เกลือ พริกไทยดำและกระเทียม ผัดทุกอย่างให้เข้ากันแล้วเอาออกมาตั้งไว้ให้เย็น แล้วจึงนำมารวมกับอาหารที่เตรียมไว้ก่อนแล้ว นำทุกอย่างยัดใส่กระดองหอย สุดท้ายทาเนยที่ปากกระดองแล้วใส่เข้าเตาอบไปก็เสร็จแล้ว


“รอจนเนยเดือดก็เอาออกจากเตาได้ มา ถึงตาคุณแล้ว” การ์เซียพูดหลังจากที่ล้างมือเสร็จแล้ว


ฉินสือโอวยักไหล่พลางพูด “ผมไม่ทำอะไรซับซ้อนอย่างคุณหรอก คุณรู้ไหมว่าแก่นจริงๆ ของอาหารจีนอยู่ที่ไหน? อยู่ที่ความง่ายดายและรวดเร็วไง!”


ฉินสือโอวคุยโวโอ้อวดระหว่างรอให้กระทะน้ำมันร้อน แล้วใส่ต้นหอมหั่น ขิงหั่นแว่นลงไป เทน้ำสต๊อกกุ้งมังกรลงไปนิดหน่อย แล้วใส่เกลือ ผงชูรส เหล้า น้ำมันพริก ซีอิ๊วดำ น้ำมันพริกแดง จากนั้นก็ใส่หอยทากลงไปเคี่ยวแล้วจัดใส่จาน


การ์เซียตะลึง “ไม่ใช่น่า ฉิน แค่นี้ก็เสร็จแล้วเหรอ?”


“แน่นอนว่ายัง” ฉินสือโอวหัวเราะ


การ์เซียดูเขาอย่างเฝ้ารอ “ผมรู้ว่ามันไม่ง่ายขนาดนี้ได้หรอก ยังต้อง…โอ้ว สุดยอด ผมนับถือคุณจริงๆ เลยเพื่อน!”


ฉินสือโอวโรยเครื่องเทศและงาลงไปบนจาน ล้างมือแล้วเช็ดให้สะอาด เป็นอันเสร็จเรียบร้อย


เปลืองแรงขนาดนี้ไปทำไม? ผู้เชี่ยวชาญบอกแล้ว เจ้าสิ่งนี้ก็เหมือนกับเนื้อ ใช้วิธีเดียวกับการทำเนื้อก็พอแล้ว


ตอนมื้อเที่ยง หอยทากอบสำหรับหนึ่งคนต่อหนึ่งจาน และยังมีหอยทากผัดพริกจานโตหนึ่งจาน


ทุกคนรวมถึงวินนี่ตั้งใจจัดการกับหอยทากอบ ส่วนหอยทากผัดพริกก็กินไปงั้นๆ


ฉินสือโอวไม่พอใจมาก เขากระแอมหนึ่งครั้ง ใช้สายตาส่งสัญญาณว่าเขาเป็นคนทำหอยทากผัดพริกเอง


วินนี่ได้แต่พูดอวยเขาอย่างน่าขำ ฉินสือโอวรีบจับข้อมือของเธออย่างอ่อนโยน หัวเราะแล้วพูด “คุณภรรยาครับ อันนี้มันเผ็ด ตอนนี้คุณกินเผ็ดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นร้อนใน ให้คนอื่นชิมเถอะ”


พวกนีลเซ็นกำลังก้มหน้าก้มตาจัดการหอยทากอบในจาน ฉินสือโอวกระแอมกระไอหลายครั้งแต่ก็ไม่มีประโยชน์ พวกเขาไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา เพราะพวกเขามีความเชื่อฝังหัวว่าหอยทากจะต้องอบถึงจะกินได้เท่านั้น ผัดกินอะไรกัน?


วินนี่ได้แต่ใช้แววตาที่อ่อนโยนมองไปที่พ่อกับแม่ มาริโอ้ถอนหายใจ เขาตักหอยทากขึ้นมาตัวหนึ่งแล้วใส่เข้าปากไปอย่างสลด เคี้ยวอยู่ครู่หนึ่ง เบิกตาโพลงแล้วพูด “รสชาติเยี่ยมมาก ทุกคนลองชิมดูสิ”


มิแรนดากินแล้วก็พยักหน้าพูด “ใช่ ฉิน ฝีมือไม่เลวเลยนะ”


ฉินสือโอวชิมหอยทากผัดที่ตัวเองทำแล้ว รสชาติดีจริงๆ เนื้อของหอยทากทะเลชนิดนี้อ่อนนุ่มมาก ตัวที่ค่อนข้างเล็กมีเนื้อนุ่มไปถึงกระดูก เหมือนกับเป็นไข่ขาวชิ้นหนึ่งที่พอทำให้มีรสเผ็ดแล้วมันก็จะมีรสชาติที่ดีมาก กลิ่นและรสของเครื่องปรุงเองก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน


หอยทากอบของการ์เซียเป็นความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง ฉินสือโอวแยกมันออกเพราะมันเย็นแล้วเริ่มจับตัวเป็นก้อน เขาใช้ส้อมจิ้มหอยทากทะเลออกมาหนึ่งตัวกับผักเครื่องเคียง และตามด้วยมันฝรั่งบดแล้วเอาเข้าปาก เคี้ยวอยู่ครู่หนึ่ง รสชาติความสดและความหอมจางๆ ของหอยหวานระเบิดอยู่บนต่อมรับรสของเขา


“ผมรู้สึกว่าใช้กระดองหอยหวานอบหอยทากแล้วรสชาติดีกว่า” ฉินสือโอวชม


บลูเลิกคิ้วพลางยิ้มแล้วพูด “ใช่ไหมล่ะครับ? ผมก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันกัปตัน แม้ว่าผมจะไม่อยากยอมรับ แต่เมื่อคุณยอมรับแล้ว อย่างนั้นผมก็ยอมรับด้วยแล้วกัน หอยทากอบที่การ์เซียทำอร่อยกว่าหอยทากผัดของคุณอีก”


ฉินสือโอว “ไอ้ที่ฉันพูดคือการใช้กระดองหอยหวานมาทำหอยทากอบมันอร่อยกว่าหอยทากอบแบบเดิมของฝรั่งเศส! ใครบ้าเอามาเทียบกับหอยทากผัดของฉันกัน?”


“ใช่ ใครพูดบ้าอะไรกัน?!” กอร์ดอนตบโต๊ะร่วมด้วย


วินนี่หน้านิ่วคิ้วขมวด แล้วถามอย่างเย็นชา “เพื่อน พูดคำหยาบสนุกกันมากเหรอ?”


ฉินสือโอวหัวเราะ “ใครพูดคำหยาบอีก ต้องกินหอยทากผัดที่ฉันทำให้หมด”


แค่พริบตาเดียวก็ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย


ฉินสือโอว “…”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)