ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 759-765

 บทที่ 759 ชมทะเล

โดย

Ink Stone_Fantasy

ยังไม่ถึงเวลากินข้าว ฉินสือโอวเลยพาคาเมรอนและเคอร์ไปชมรอบๆ ฟาร์มปลาพร้อมกับแนะนำฟาร์มปลาของตัวเองให้พวกเขาฟัง


เซลียาและการ์เซียกำลังยุ่งอยู่กับการรวบรวมขยะพลาสติก พวกเขาขอให้ชาร์คมาช่วยใช้เรือเล็กลากตาข่ายเอาขยะพลาสติกมารวมกันไว้ เลือกทำเลแล้วทำการสร้างเกาะเล็กๆ ด้วยฝีมือมนุษย์


อันที่จริงการเอาขยะพลาสติกมารวมกันก็ไม่ได้ยากเย็นเท่าไร ก่อนหน้านี้ที่ฉินสือโอวไม่ได้รวบรวมก็เพราะไม่รู้ว่าเอามารวมกันแล้วจะเอาไปไว้ที่ไหน


การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่แคนาดาทำกันอย่างเคร่งครัดมาก การโยนขวดพลาสติกไปมั่วๆ แค่ขวดเดียวก็อาจจะโดนลงโทษได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงขยะพลาสติกในฟาร์มปลาที่มีมากขนาดนี้เลย


ชายหาดยังคงมีขยะพลาสติกปลิวว่อนอยู่ส่วนหนึ่ง ฉินสือโอวรู้สึกว่ามันไม่เจริญตา เลยคิดจะพาทั้งสองไปเที่ยวดูฟาร์มปลาแกธเธอริง


เคอร์พูดพลางหัวเราะ “ไม่เพื่อน คุณต้องคอยดูขยะพลาสติกพวกนี้ดีๆ เพราะพวกมันมีค่ามากกว่าสี่ล้านเลยนะ”


ฉินสือโอวไม่เข้าใจเลยว่าทำไมขวดไวน์สี่ขวดนั้นถึงได้มีราคาขนาดนั้น พอเคอร์รู้ก็อธิบายให้เขาฟังว่ามูลค่าของมันคือการอนุรักษ์ เพราะมันไม่ได้เป็นแค่ไวน์องุ่น ที่จริงแล้วขวดไวน์สี่ขวดนั้นเป็นตัวแทนของการสืบสานกันต่อมาหรือพูดง่ายๆ ก็คือมันมีคุณค่าทางจิตใจ


อีกอย่างตอนนี้เขาไม่สามารถรับประกันได้ว่าไวน์ด้านในจะมีสภาพเป็นอย่างไร ถ้าตรวจสอบดูแล้วยังใช้ได้ เจ้าไวน์สี่ขวดนั้นก็จะมีราคาสูงขึ้นอีกสองเท่าได้อย่างง่ายๆ เลย ขายให้ไร่องุ่นใหญ่ๆ หรือขายให้พวกนักสะสมไวน์ที่บ้าคลั่งก็อาจจะขายได้ถึงขวดละสิบล้าน


ฉินสือโอวเห็นเคอร์ดีอกดีใจเวลาพูดถึงขวดไวน์เลยพูดออกไปอย่างใจป้ำ “ถ้าคุณชอบก็เลือกไปสักขวดสิเพื่อน ผมไม่ขายไวน์หมดทั้งสี่ขวดนั้นหรอก แต่ถ้าเพื่อนชอบ ผมก็ไม่ขี้เหนียว”


เขาคำนวณเรื่องผลประโยชน์ได้ดีมาก ตอนนี้มิตรภาพของเขากับตระกูลสเตราส์ก็คือจดหมายตกทอดฉบับนั้น ถ้าให้ของที่มีราคาเป็นของขวัญได้สักชิ้นเพื่อเสริมมิตรภาพทั้งสองฝ่าย ต่อไปสิ่งที่ได้รับก็จะยิ่งมากกว่า


การจะได้ใจคนรวยนั้นไม่ง่าย แต่ถ้าได้แล้วก็จะมีประโยชน์มหาศาล


เคอร์รู้ถึงจุดนี้ดี เขาส่ายหัวพลางยิ้ม บอกว่าเขาเพียงแค่ได้ชิมไวน์อยู่บ้างเท่านั้น ไม่ได้สนใจไวน์โบราณที่แสนแพงนี่นักหรอก แล้วปฏิเสธความปรารถนาดีของฉินสือโอว


ทั้งสามคนนั่งรถข้ามเมืองไปที่ฟาร์มปลาแกธเธอริง ที่นี่มีชายฝั่งที่สวยที่สุดบนเกาะแฟร์เวล ก่อนหน้านี้อัลเบิร์ตเจาะแนวปะการังชายฝั่ง แล้วยังเทสารพิษ Pdpa ลงไปที่ชายฝั่ง ทำลายระบบนิเวศในเขตชายฝั่งนี้จนสิ้น


มีเสียก็ต้องมีได้ แม้ไม่มีปลากุ้งและหญ้าทะเล แต่ทะเลบริเวณนี้ก็เป็นสีฟ้าใสเป็นพิเศษ แสงแดดช่วงบ่ายส่องสว่างจากชายฝั่งลงไปร้อยกว่าเมตรผ่านน้ำทะเลไปยังก้นทะเลได้อย่างง่ายดาย


หลังจากอากาศร้อนแผ่ไปทั่วทุกที่ อากาศของนิวฟันด์แลนด์ก็ถือว่าดีใช้ได้เลยทีเดียว คลื่นลมสงบ เริ่มมีแสงแดด ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่เอะอะอะไรก็มืดฟ้ามัวฝน


ยืนอยู่ที่ชายฝั่งแบบนี้ เท้าเหยียบทรายที่เนียนละเอียด สัมผัสลมทะเลที่อบอุ่น อาบแสงแดดร้อนแผ่วๆพลางมองไปที่ท้องทะเลกว้างสีฟ้าคราม และฟองคลื่นขาวราวหิมะ พร้อมฟังเสียงนกนางนวลร้องอยู่ไกลๆ ช่างสุขใจจนหาอะไรเปรียบไม่ได้เลยจริงๆ


“ผมกล้าพนันเลยว่าตอนนี้พวกคุณต้องอยากได้เบียร์เย็นๆ สักแก้ว” ฉินสือโอวพูดพลางยิ้มแล้วแกว่งมือเอากระป๋องเบียร์เย็นๆ โยนให้ทั้งสองคน


คาเมรอนคว้าเบียร์ไว้ หลังจากเปิดแล้วก็กระดกไปหนึ่งอึกแล้วถอนหายใจ พร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณชนะพนันแล้ว ดื่มเบียร์สักอึกในเวลาแบบนี้เป็นอะไรที่มีความสุขสุดๆ แล้ว”


เสียงหวูดของเรือดังมาจากไกลๆ แต่ต้องฟังให้ชัดอีกหน่อย ความรู้เรื่องท้องทะเลของคาเมรอนไม่ได้น้อยไปกว่าฉินสือโอว พอได้ยินเสียงเขาก็เอามือขึ้นมาป้องที่หน้าผากมองไปทางท้องทะเลแล้วถามอย่างตกใจ “ปลาวาฬหลังค่อม? วาฬเบลูกา? หรือวาฬสีน้ำเงิน?”


นี่คือชนิดวาฬที่เชี่ยวชาญในการทำเสียงหวูด การทำเสียงหวูดนี้ไม่ได้เป็นเพราะสัญชาตญาณโดยธรรมชาติของพวกมัน แต่เป็นเพราะพวกมันเชี่ยวชาญในการเลียนแบบ ระหว่างทางที่อพยพพวกมันเคยได้ยินเสียงที่เกิดจากการชักหวูดเรือแล้วจดจำไว้ บางครั้งก็จะทำเสียงเลียนแบบเสียงนี้ออกมาก


บอลหิมะชอบเสียงฮู่ๆ ตอนสตาร์ทเจ็ทสกี เพราะเสียงที่มันได้ยินบ่อยที่สุดคือเสียงขับเจ็ทสกีของฉินสือโอว แต่ฉินสือโอวไม่ชอบให้มันทำเสียงแบบนี้เท่าไร เพราะมันช่างคล้ายเสียงผายลมเหลือเกิน


เพราะเป็นเสียงที่ทำเลียนแบบจึงแยกแยะได้ยากมากว่าเป็นวาฬชนิดไหน แม้แต่ชาวประมงเก่าแก่ที่ใช้ชีวิตอยู่กับทะเลมาเป็นเวลานานก็ไม่สามารถทำได้


ฉินสือโอวส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปดู เป็นวาฬหลังค่อมตัวใหญ่ที่พาลูกวาฬน้อยมาว่ายน้ำเล่น จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา “ฟังเสียงแล้วเหมือนวาฬหลังค่อม”


เคอร์ได้ฟังสิ่งที่เขาพูดก็หัวเราะ ส่วนคาเมรอนก็ไม่ได้ใส่ใจ นี่ทำให้นายท่านฉินใจฝ่อ ที่ผมพูดมันเป็นความจริงนะ


นกนางนวลไม่กี่ตัวกางปีกบินหาอาหารอยู่เหนือท้องทะเล แต่ไม่นานพวกมันก็ตีกันชุลมุน ดูเหมือนว่าจะมีนกนางนวลตัวหนึ่งจับปลาดีๆ ได้หนึ่งตัว นกนางนวลตัวอื่นๆ ก็เลยรุมไล่ล่ามันและตีมันจนกระเจิง


ในวรรณกรรมนกนางนวลถูกแต่งให้เป็นผู้กล้าที่ต่อสู้กับคลื่นลมอย่ากล้าหาญ หรือไม่ก็เป็นพี่น้องที่กลมเกลียวกัน แต่ที่จริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น นกนางนวลเป็นนกทะเลที่เห็นแก่ตัวและชอบรังแกตัวที่อ่อนแอกว่าเป็นอย่างมาก


ก็เหมือนที่นายพรานตัวจริงจะไม่ยกย่องหมาป่า ลูกเรือและชาวประมงก็จะไม่ชอบนกนางนวล ความตะกละของพวกมันทำให้พวกชาวประมงเกลียดจนอยากจะฆ่าให้ตาย แต่น่าเสียดายที่กรมประมงของอเมริกาเหนือมีกฎห้ามฆ่านกทะเล


เหล่านกนางนวลกำลังเข่นฆ่ากันอย่างสนุกสนาน นกตัวใหญ่ตัวหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือพวกมันราวกับเมฆทะมึน จากนั้นมันก็บินลงมาพร้อมกับแผดเสียงราวฟ้าผ่า แล้วพุ่งเข้าไปในฝูงนกนางนวลในชั่วพริบตา จากนั้นก็ตีเหล่านกนางนวลจนมึนและร้องตกใจหนีแตกกระเจิงไป


หลังจากนั้นเงาร่างที่แข็งแรงและใหญ่กว่าก็ปรากฏขึ้น มันร่อนไปบนผิวน้ำด้วยความเร็ว ดวงตาเหยี่ยวที่แหลมคมจ้องมองผิวน้ำด้วยใบหน้าเคร่งขรึมราวกับราชาตรวจตราดินแดน


ท่ามกลางแสงแดดจ้า มันพุ่งพรวดไปอย่างฉับพลัน ยื่นอุ้งเท้าทั้งสองออกมาอย่างรวดเร็วแล้วจับปลาค็อดขนาดสี่ห้าสิบเซนติเมตรขึ้นมาจากในน้ำ กระพือปีกที่ทรงพลังทั้งคู่พร้อมเอาปลาตัวนี้บินตรงไปบนท้องฟ้า


ภายใต้แสงอาทิตย์อุ้งเท้าของมันดูราวกับทองคำที่แกะสลัก พอสะท้อนกับแสงแดดแล้วแสงนั้นก็ยิ่งบาดตา


“พระเจ้า เป็นนกอินทรีหัวขาวจริงๆ!” เคอร์พูดอย่างชื่นชม เขาเอาโทรศัพท์ออกมาอย่างลนลานเพื่อจะถ่ายรูป แต่ครู่เดียวก็ไม่เห็นแม้เงาของนกอินทรีหัวขาวตัวนั้นแล้ว


ที่คาเมรอนสนใจคือนกใหญ่อีกตัวมากกว่า เขามองนกใหญ่ตัวนั้นที่บินร่อนอยู่บนฟ้าอย่างสบายใจและหยิ่งยโส จนกระทั่งไร้เงาของนกตัวนั้นแล้ว เขาถึงได้พูดกับฉินสือโอว “นั่นมันสัตว์เลี้ยงของพระเจ้า! มันคือนิมิตส์?!”


“ใช่แล้ว นั่นคือนิมิตส์กับเพื่อนของมัน นกอินทรีหัวขาวตัวนั้นชื่อว่าบุช” ฉินสือโอวแนะนำ


“นิมิตส์? บุช? ฮ่าๆ” เคอร์รู้ความหมายของชื่อสองชื่อนี้เป็นอย่างดีก็เลยหัวเราะออกมาอยู่ครู่หนึ่ง แต่หัวเราะได้แค่ครึ่งเสียงก็ชะงักแล้วมองฉินสือโอวอย่างประหลาดใจ “อย่าบอกนะว่าคุณเลี้ยงเจ้านกสองตัวนี้?”


ฉินสือโอวไม่อยากดูเด่น เขาเลยพูดพลางยิ้ม “นิมิตส์เป็นนกที่ผมเลี้ยงเอาไว้ แต่บุชไม่ใช่ ใครจะเลี้ยงนกอินทรีหัวขาวที่หยิ่งยโสได้ล่ะ? แต่ว่ามันเป็นเพื่อนของนิมิตส์เลยมาที่บ้านผมบ้างบางครั้ง”


เคอร์ตบอกแล้วชี้ไปที่เขาพลางพูด “อย่างนั้นก็ดีแล้ว ถ้าคุณบอกว่าคุณยังสามารถเลี้ยงนกอินทรีหัวขาวได้อีก ผมคงจะอิจฉาคุณจริงๆ”


บทที่ 760 เรือที่ไม่ขยับเขยื้อน

โดย

Ink Stone_Fantasy

นั่งคุยกับคาเมรอนและเคอร์บนชายหาดจนพระอาทิตย์ลับผืนน้ำไป ฉินสือโอวจึงพาพวกเขากลับ


เดิมทีฉินสือโอวคิดว่าคาเมรอนเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ระดับโลก และเคอร์ก็นับว่าเป็นมหาเศรษฐีของนิวยอร์ก คงจะไม่มีอะไรที่พวกเขาไม่เคยเห็นแล้ว? ฮาวาย เกาะปานามา เกาะมัลดีฟอะไรพวกนี้ พวกเขาต้องเคยไปกันมาแล้วไม่รู้จักกี่รอบ


เกาะที่ฉินสือโอวยกขึ้นมาล้วนแล้วแต่เป็นเกาะอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งมีชายฝั่งทำเลทองที่สวยงามที่สุด แม้ว่าเขาจะมั่นใจในฟาร์มปลาของตัวเอง แต่ก็ไม่อาจหลับหูหลับตาคิดว่าชายหาดของตัวเองสวยกว่าชายหาดอันเลื่องชื่อเหล่านี้ได้


เดิมทีเขาเลยแค่คิดจะพาทั้งสองคนไปตระเวนรอบๆ เพื่อฆ่าเวลา คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่คาเมรอนและเคอร์นั่งลงที่ฟาร์มปลาแกธเธอริง แล้วได้คุยกันใต้ร่มชายหาดที่มีลมทะเลพัดโชยนั้นก็ดีใช้ได้เหมือนกัน จากนั้นก็คุยกันว่าเมื่อไรจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สาม…


ฉินสือโอวได้แต่คิดว่าเป็นเพราะก่อนหน้านี้ทั้งสองคนทำงานกันอย่างเหน็ดเหนื่อย เมื่อในที่สุดได้มีโอกาสผ่อนคลายอย่างวันนี้ก็เลยไม่เรื่องมาก


แต่คำพูดของเคอร์ระหว่างทางกลับพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น “ฉิน นึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะมีชายหาดและน้ำทะเลที่สุดยอดขนาดนี้ ทำไมคุณไม่ปรับทำเป็นโรงแรมฟาร์มปลาระดับไฮคลาสเสียเลยล่ะ?”


ฉินสือโอวขับรถพลางยักไหล่ เขาไม่สนใจอะไรแบบนี้เลย ทำไมต้องทำโรงแรมฟาร์มปลาด้วย? เขาไม่ได้ร้อนเงินเสียหน่อย อันที่จริงธุรกิจท่องเที่ยวของเมืองก็เป็นโอกาสที่ดีในการทำเงิน แต่เขาไม่เคยแตะธุรกิจแบบนี้มาก่อนเลย


เคอร์เป็นคนที่ผ่านการทำงานในด้านธุรกิจมาหลายปี ชั่วครู่เดียวเขาก็มองความคิดของฉินสือโอวออก แล้วจึงพูดว่า “คุณรู้จักฟาร์มวินด์เซอร์ไหม? คุณสามารถสร้างฟาร์มปลาที่คล้ายๆ กันขึ้นมาสักแห่งได้นะ คุณคิดว่าฟาร์มวินด์เซอร์สร้างขึ้นมาเพื่อหาเงินใช่ไหม? ไม่ใช่เลยเพื่อน เส้นสายต่างหาก! ตอนนี้ที่นั่นเป็นเครือข่ายเส้นสายระดับสูงไปแล้ว!”


ดูจากชื่อก็รู้ความหมายได้เลย ฟาร์มวินด์เซอร์ก็คือฟาร์มเกษตรที่ตั้งอยู่ที่เมืองวินด์เซอร์ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ในรัฐออนแทรีโอของแคนาดา ใช้เวลาขับรถประมาณสี่ชั่วโมงจากเมืองโทรอนโตและใช้เวลาขับรถข้ามแม่น้ำจากเมืองดีทรอยต์เมืองแห่งการผลิตรถยนต์ของอเมริกาเหนือเพียงแค่ห้านาที


บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมของเมืองคึกคักเป็นอย่างมาก และมีสถานที่ที่ยอดเยี่ยมมากมาย ตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 70 มีเหล่าเศรษฐีเห็นว่าสิ่งแวดล้อมของที่นี่เป็นดั่งดินแดนในอุดมคติจึงเริ่มเข้ามาลงทุนทำฟาร์ม


จากนั้นรอบๆ ฟาร์มที่พวกเศรษฐีลงทุนทำแรกๆ ก็ค่อยๆ ถูกเหล่าคนรวยกว้านซื้อไป ก็เหมือนกับที่เคอร์พูด ทำไมเหล่าเศรษฐีถึงค่อยๆ มารวมกันอยู่ที่นี่? เพราะที่นี่มีเครือข่ายเส้นสายที่ไม่มีที่สิ้นสุด


ส่วนมากจะคิดว่าคนจีนให้ความสำคัญกับเรื่องเส้นสาย คนอเมริกาเหนือให้ความสำคัญกับเรื่องเงินทอง แต่ที่จริงทั้งสองฝ่ายก็เหมือนๆ กัน


ได้ฟังที่เคอร์พูดแล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกสนใจขึ้นมาบ้าง ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง


เขากำลังจะถามรายละเอียดเพิ่มเติม อยู่ๆ คาเมรอนก็ส่งเสียงร้องโอ้วขึ้นมา ฉินสือโอวพูดหยอก “คุณก็เห็นขวดไวน์แล้วใช่ไหม?”


ตอนที่เพิ่งมาถึงเคอร์เห็นขวดไวน์แล้วก็ส่งเสียงแบบนี้เหมือนกัน


คาเมรอนส่ายหัวแล้วมองออกไปที่นอกหน้าต่างรถไปทางด้านหลังอย่างสงสัย ฉินสือโอวจอดรถแล้วถามว่า “มีอะไรเหรอ?”


เขามองไปทางด้านหลัง มีร่างของหญิงสูงวัยที่ยังแข็งแรงยืนเอามือไพล่หลังอยู่ ข้างๆ เท้าเธอมีสุนัขพันธุ์สก็อตติช คอลลี่ตัวหนึ่ง ทั้งคู่ต่างก็ดูชราแล้ว


คาเมรอนมองหญิงชราอย่างครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก แค่นึกว่าเจอคนรู้จัก เธอไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่ได้ ไปเถอะ เมื่อครู่ผมคงตาฝาดไป”


“กลับไปดูก็ได้ไม่ใช่เหรอ?” ฉินสือโอวพูด


คาเมรอนพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ล่ะ ถ้าผมตาฝาดพวกเราก็ไปรบกวนเธอเปล่าๆ ถ้าตาไม่ฝาดก็ยิ่งไม่สามารถไปหาเธอได้ เธอเป็นหญิงชราที่ถือตัวและแปลก เพราะฉะนั้นเราไปกันเถอะ”


ฉินสือโอวขับรถไปได้ระยะหนึ่งก็หัวเราะขึ้นมาแล้วพูด “ตอนนี้ถึงตาของผมร้องโอ้วบ้างแล้ว ผมก็เจอเพื่อนที่ไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่เหมือนกัน โอดอม คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเพื่อน?”


ใช่แล้ว คนที่ฉินสือโอวเจอคือโอดอม ลูกเจ้าของฟาร์มปลาบ้านเกิดของปลาค็อดคนเก่าคนนั้นที่เป็นหมอผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลเซนต์แมรี่ในตอนนี้


พอเห็นว่าเป็นฉินสือโอว โอดอมก็หัวเราะขึ้นมาแล้วพูดอย่างมีความสุข “วันนี้เป็นสุดสัปดาห์นะเพื่อน วันนี้ผมพักผ่อน จะไปไหนก็ได้ เกาะแฟร์เวลเป็นสถานที่ที่ทำให้คนชื่นชอบ ผมก็ต้องชอบมาที่นี่อยู่แล้ว”


คาเมรอนเป็นคนมีชื่อเสียงและเคอร์ก็เป็นนักธุรกิจใหญ่ ทั้งสองคนไปค่อยอยากพบคนแปลกหน้าในสถานที่แบบนี้ ฉินสือโอวเลยไม่ได้คุยอะไรกับโอดอมมากมาย พอทักทายแล้วก็เลยแยกย้ายกันไป


ไม่ว่าจะเป็นคาเมรอนหรือเคอร์ก็นับว่าเป็นแขกคนสำคัญ ฉินสือโอวต้องดูแลเป็นอย่างดีอยู่แล้ว


เคอร์หัวเราะแล้วพูด “ทำผักสดเยอะๆ นะเพื่อน ครั้งก่อนหลังจากที่ผมกับพ่อมาที่ฟาร์มปลาของคุณก็ยังคิดถึงผักออร์แกนิคของคุณไม่เคยลืมเลย”


ฉินสือโอวไปเก็บผักทั่วๆ ไปอย่างแตงกวา พริก มะเขือเทศ ถั่วแปบ ถั่วฝักยาว ขึ้นฉ่าย บรอกโคลี เก็บไปก็พูดไป “แล้วกับอาหารทะเลของผมล่ะ? อาหารทะเลในฟาร์มปลาของผมต่างหากที่ยอดเยี่ยมที่สุด”


“ใช่ ยอดเยี่ยมมาก แต่ก็ไม่ทำให้น้ำลายสอเท่าผักหรอก” เคอร์พูด


มื้อเย็นฉินสือโอวกับการ์เซียเป็นคนทำ ตั้งแต่การ์เซียมาอยู่ ฉินสือโอวก็ขี้เกียจขึ้นมาก ฝีมือของเชฟใหญ่ชาวสเปนนั้นสุดยอดจริงๆ


เห็นได้ชัดว่าการ์เซียและแฟนสาวจำคาเมรอนได้ ทั้งสองไปถ่ายรูปกับเขาและเซลียาก็คุยเรื่องภาพยนตร์ด้วยครู่หนึ่ง เพราะเธอเคยเรียนภาพยนตร์เป็นวิชาเลือกสมัยมหาวิทยาลัยก็เลยพอจะคุยเกี่ยวกับอะไรทางด้านนี้ได้อยู่บ้าง


จากนั้นเซลียาก็เล่าเรื่องการเดินทางรอบโลกของพวกเขา เคอร์รู้สึกสนใจมาก เขาถามทั้งสองคนถึงแผนการเดินทางครั้งต่อไป แล้วบอกว่าอยากจะสนับสนุนพวกเขา โดยมีข้อแลกเปลี่ยนว่าบนเรือใบของพวกเขาจะต้องติดโลโก้ห้างสรรพสินค้า เมย์ซี และร่วมมือกับฝ่ายวางแผนของบริษัทในการทำประชาสัมพันธ์


เซลียาและการ์เซียดีใจมาก เพราะก่อนหน้านี้ทั้งสองคนเคยไประดมทุนแต่ก็ไม่มีใครสนใจ เหตุผลหลักๆ ก็คือไม่เชื่อว่าพวกเขาจะยืนหยัดแล่นเรือใบไปรอบโลกได้จริงๆ


พอคุยเรื่องนี้แล้ว เคอร์ก็หัวเราะออกมาและบอกว่าเดิมทีคิดว่าครั้งนี้จะมาพักผ่อน คิดไม่ถึงเลยว่ายังต้องคุยเรื่องธุรกิจด้วย


เจ้าของธุรกิจอยู่ที่นี่แล้ว การ์เซียเลยทุ่มสุดตัวทำอาหารจานเด็ดของแต่ละประเทศออกมาอย่างไม่ขาดสาย


คาเมรอนและเคอร์อยู่ที่ฟาร์มปลาสองวัน พอเช้าวันจันทร์ถึงได้กลับ ฉินสือโอวเอาผักสดให้พวกเขาจำนวนหนึ่งซึ่งทั้งสองคนก็ไม่ปฏิเสธ เพราะผักสดของฟาร์มปลารสชาติดีจริงๆ


พอกลับถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวนั่งสักครู่แล้วก็มีเสียงลูกน้องดังขึ้นจากวิทยุสื่อสาร “เฮ้ บอส ท่าจะไม่ดีแล้วครับ มีเรือประมงลำหนึ่งเข้ามาใกล้ฟาร์มปลาของพวกเรา แต่ไม่มีความเคลื่อนไหวเลย จะเป็นเรือล่าฉลามหรือเปล่าครับ?”


เรือล่าฉลามต้องใช้ของประเภทเลือดสัตว์เพื่อดึงดูดฉลาม พอเทเลือดลงไปบริเวณไหนแล้วก็แค่รอให้ฉลามมาติดกับโดยไม่ต้องเคลื่อนที่อะไรเลย โหดร้ายมาก


ฉินสือโอวไปดูที่สถานีเรดาห์ ที่แท้ก็มีเรือประมงน้ำหนักอย่างน้อยสองพันตันจอดอยู่ที่ทะเลบริเวณขอบฟาร์มปลาจริงๆ


ชาร์คบอกว่ามันจอดอยู่ตรงนี้มาหลายชั่วโมงแล้ว เพราะก่อนหน้านี้มันไม่ได้เข้ามาในฟาร์มปลาพวกเขาเลยไม่ได้รายงานฉินสือโอว จนตอนนี้มันไม่ขยับเขยื้อนมานานแล้วถึงได้มีข้อสงสัยอย่างอื่นขึ้นมา


บทที่ 761 เรือเจ้าสาวร้องไห้

โดย

Ink Stone_Fantasy

พอได้ยินว่าอาจจะเป็นเรือล่าฉลามฉินสือโอวก็รีบส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกระจายออกไป เฮยป้าหวังที่กำลังว่ายน้ำอยู่แถวๆ นั้นพอดี พอได้รับจิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็รีบว่ายไปทางจุดนั้นของฟาร์มปลาอย่างรวดเร็ว


เมื่อถึงบริเวณรอบๆ เรือล่าฉลาม ฉินสือโอวมองเห็นน้ำทะเลใส เรือลำใหญ่จอดอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ราวกับสัตว์ยักษ์ที่หลับอยู่บนผิวน้ำ บริเวณรอบๆ ก็ไม่มีฉลามหรือวาฬที่ถูกล่า


เพียงให้เฮยป้าหวังไปสืบดูก็ไม่ต้องสงสัยอะไรอีก นี่คือเรือประมงธรรมดา บนเรือเงียบงันไร้เสียงราวกับไม่มีใครสักคน


ไม่ใช่เรือล่าฉลาม ฉินสือโอวก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง พอดีเรือกำปั่นทะเลใต้ที่เพิ่งได้มาอยู่ห่างจากเรือลำนี้ไม่ไกล เขาเลยวิทยุไปหาบูลที่เข้าเวรอยู่ให้เขาพาคนไปดู


เรือกำปั่นทะเลใต้เป็นเรือติดอาวุธที่นอกจากปืนฉีดน้ำไอพ่นแล้วยังมีมิสไซล์ดับเพลิงที่ใส่เพิ่มเข้ามา และยังมีของที่วิศวกรที่เซี่ยงเฮ่าพามาปรับแต่งเพิ่มอีก เรือลำนี้สามารถรับเรดาห์นำทางจากบนฝั่งและมีระยะการโจมตีสี่สิบกิโลเมตร!


เจ้าสิ่งนี้สามารถเอาไปใช้งานทางการทหารได้เลย เพียงแต่ไม่มีใครรายงานเจ้าหน้าที่ก็เลยไม่ได้ทำอะไรและก็ยังไม่มีใครรู้ว่าฉินสือโอวมีเครื่องมือสังหารแบบนี้อยู่


แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงแค่อุปกรณ์ดับเพลิง แม้จะถูกตรวจสอบก็ไม่ต้องกลัว ก็แค่บอกว่าเป็นอุปกรณ์ดับเพลิงระยะไกล ซึ่งมันอันตรายเกินไป และเกาะแฟร์เวลก็เป็นเมืองที่ทำธุรกิจท่องเที่ยวเป็นหลักจึงจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ดับเพลิงระยะไกลแบบนี้เป็นธรรมดา แบบนี้ถึงจะสามารถรับประกันความปลอดภัยของพนักงานได้ดีที่สุด


รัฐบาลแคนาดาผ่อนคลายต่อการจัดการกับอาวุธลงมาก ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวเห็นข่าวที่บอกว่าพวกตำรวจม้าค้นพบรถถังเอ็มโฟร์ เชอร์แมน จากสมัยสงครามโลกครั้งที่สองสองคัน และปืนใหญ่เอ็ม 114 ขนาด 115 มม.หนึ่งคันที่บ้านเก่าแถวชานเมือง


รถถังและปืนใหญ่เป็นอุปกรณ์ทางการทหารของแท้ รัฐบาลจะยึดแต่ผู้สะสมไม่ยอมจึงฟ้องร้องรัฐบาลต่อศาลว่าเขาสะสมอาวุธเหล่านี้เพียงเพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงช่วงเวลาที่ผ่านไป ไม่เคยใช้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย มีสิทธิ์อะไรมายึดทรัพย์สินส่วนตัวของเขา?


เรือความเร็วสูงเคลื่อนที่อย่างเต็มกำลังราวกับฉลามที่ฝ่าคลื่นออกมา เรือมุ่งไปยังทะเลบริเวณที่เรือประมงจอดอยู่อย่างรวดเร็ว


ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ บูลก็ส่งข่าวมาว่า “เรือลำนี้มีชื่อว่า ชาร์บาส ครับบอส พวกผมลองไปตรวจดูสักหน่อยแล้ว น่าแปลกมาก บนเรือดูเหมือนจะไม่มีคนเลย? คงไม่ใช่เรือผีสิงหรอกนะ?”


คนในห้องเรดาห์หัวเราะขึ้นมา ชาร์คพูดพลางหัวเราะ “ถ้าเป็นเรือผีสิงจริง นายก็ขึ้นไปดูหน่อยสิเพื่อน ถ้านายกลับมาได้ก็จะเป็นคนแรกที่รอดกลับมาจากการสำรวจเรือผีสิง”


เบิร์ดเข้าเว็บไซต์ของกรมประมงแคนาดา ไม่นานก็เจอข้อมูลของเรือลำนี้ ‘เรือชาร์บาส’ ขึ้นทะเบียนเป็นเรือประมงในทะเลของแฮลิแฟกซ์ สังกัดบริษัทการประมงจับฉลาม ดูจากข้อมูลแล้วมันออกจากแฮลิแฟกซ์มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน มีจุดหมายคือมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้”


“ถ้าอย่างนั้นทำไมมันถึงมาจอดอยู่ที่ฟาร์มปลาของเราล่ะ? และชาร์คยังบอกอีกว่าบนเรือไม่มีคน คงไม่ได้หมายความว่ามันกลายเป็นเรือผีสิงไปแล้วจริงๆ หรอกนะ?” ชาร์คเกาหัวพลางถาม


ฉินสือโอวส่ายหน้าแล้วหยิบวิทยุขึ้นมาพูด “บูลนายลองไปดูให้ละเอียดหน่อย…”


“กัปตัน บูลไม่อยู่ครับ เขาเพิ่งจะขับเจ็ทสกีไปทางเรือผีสิง บอกว่าอยากเข้าไปดูสถานการณ์ใกล้ๆ” เสียงอ่อนๆ ของแซ็กดังขึ้น


พอได้ยินดังนั้น ฉินสือโอวก็คิ้วขมวดทันที เขาพูดด้วยความโกรธ “เวรเอ๊ย! เจ้าบ้านี่นับวันยิ่งใจกล้าบ้าบิ่นขึ้นไปทุกที! ให้เขากลับมา รีบกลับมาเลย!”


บูลพกวิทยุติดตัวไปด้วย ดังนั้นเขาเลยได้ยินสิ่งที่ฉินสือโอวพูด แต่พอเขาตอบกลับ เขาก็เข้าใกล้เรือชาร์บาสแล้ว เขาพูดด้วยใบหน้าทะเล้น “กัปตัน ผมก็แค่จะมาดูสถานการณ์ใกล้ๆ ก็เท่านั้น ไม่เป็นไรหรอก หรือว่าในทะเลมีเรือผีสิงจริงๆ?”


เทียบกับบูลแล้ว ซีมอนสเตอร์ ชาร์คและพวกชาวประมงเก่าแก่มีความยำเกรงต่อท้องทะเลอยู่มาก พวกเขารีบพูดกันจ้าละหวั่น “ระวังหน่อยเจ้าบ้าเอ๊ย ต้องมีเรือผีสิงจริงๆ อยู่แล้ว หรือนายลืมเรื่องเรือเจ้าสาวร้องไห้ที่ลอยอยู่ที่เกาะพาลีไปแล้ว?”


“ตอนนั้นเขาอาจจะเด็กเกินไป แต่ฉันไม่ลืมหรอกนะ น่ากลัวจะตาย!”


“ต่อจากนั้นเรือเจ้าสาวร้องไห้ไปไหนแล้วล่ะ?”


“ว่ากันว่าอยู่ๆ ก็หายไป? ตอนนั้นตำแหน่งดาวเทียมยังไม่สมบูรณ์อย่างตอนนี้ อยู่ดีๆ ผู้คนก็ไม่รู้ว่ามันหายไปไหนแล้ว”


ได้ยินคนเหล่านี้คุยกันอย่างคึกคัก ฉินสือโอวที่ชื่นชอบข่าวลือก็คันปากอยากรู้ พอเตือนให้บูลระวังตัวแล้วเขาก็ถามชาร์ค “เรือเจ้าสาวร้องไห้? เรื่องอะไรกัน?”


ชาร์คกระแอมสองครั้งเพื่อเคลียร์คอแล้วเริ่มเล่าด้วยท่าทางจริงจัง “ก่อนอื่นผมต้องบอกคุณก่อนนะบอส ว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ใครแต่งขึ้นมา มันเป็นเรื่องจริงครับบอส เรื่องจริง!”


พวกซีมอนสเตอร์พยักหน้าอย่างบ้าคลั่งแล้วพูดว่า “จริงครับ นี่เป็นเรื่องจริง” “จริงจนไม่รู้จะจริงยังไงแล้ว พ่อของผมเคยเห็นมันมากับตา!” “ขอให้พระเจ้าคุ้มครองพวกเราด้วย นี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวจริงๆ”


“โอเค อย่ามัวร่ำไร รีบเล่ามาเถอะ” ฉินสือโอวพูดเร่ง


ชาร์คพูดช้าๆ ด้วยเสียงต่ำ “เรือเจ้าสาวร้องไห้คือฉายาที่พวกเราเรียกกัน ชื่อเดิมของเรือผีสิงลำนี้มีชื่อว่า เบย์ชิโม เป็นเรือสินค้าลำหนึ่งของบริษัทฮัดสัน เบย์ ในระหว่างการก่อสร้างมีคนงานอู่ต่อเรือเสียชีวิตในห้องโดยสาร”


“พอดีว่าคนงานคนนี้เตรียมจะแต่งงานอยู่แล้ว อยู่ๆ เขามาเสียชีวิตไป เจ้าสาวก็ต้องโศกเศร้าเป็นธรรมดา เจ้าสาวที่ได้รับคำเชิญให้มาพิธีเปิดก็ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ในเรือ”


“ตอนนั้นเรื่องนี้ถูกมองว่าเป็นลางร้าย แต่บริษัทเจ้าของเรือไม่เชื่อ และจ้างกัปตันที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งมาขับเรือลำนี้ แล้วใช้เป็นเรือพาณิชย์ขนส่งสินค้าประเภทขนสัตว์ของแคนาดาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20”


“แต่เมื่อปี 1931 เรือเบย์ชิโมโดนพายุพัดไปใกล้ถึงอะแลสกา จากความพยายามที่จะออกไปหลายครั้ง ลูกเรือทั้งหมดก็ถูกพาออกมาจากอันตรายได้อย่างปลอดภัย หลังพายุหิมะผ่านไปผู้คนก็วางแผนจะกู้เรือกลับมาจากสภาพที่ย่ำแย่ แต่เพราะตัวเรือเสียหายไปมากแล้ว บริษัทฮัดสัน เบย์เลยต้องตัดสินใจสละเรือ”


ฉินสือโอวกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย นี่มันมีอะไรให้ตกใจ? ดูแล้วพวกชาวประมงแต่ละคนมีท่าทีหวาดกลัวและจริงจังเป็นอย่างมาก


ซีมอนสเตอร์มองออกว่าฉินสือโอวไม่สนใจก็เลยผลักชาร์ค แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “เฮ้ย เพื่อน นายเกริ่นยาวไปแล้ว เล่าเรื่องจะเกริ่นยาวขนาดนี้ไปทำไมกัน? มา ให้ฉันเล่าเอง!”


“บอส สิ่งที่ทำให้คนตกใจกันคือหลังจากนั้น ตามปกติแล้วเรือโบราณแบบนี้ถ้าไม่มีคนดูแลรักษาก็ต้องชำรุดทรุดโทรมอย่างรวดเร็วเพราะมันโดนพายุที่อะแลสกา! ในความเป็นจริงก็ควรจะเป็นอย่างนั้น ไม่มีใครได้ข่าวมันเลยตลอดห้าสิบปีเต็ม!”


“ที่น่ากลัวคือ…”


“กัปตัน นี่ นี่ นี่ดูเหมือนจะเป็นเรือผีสิงจริงๆ…” อยู่ๆ เสียงตะกุกตะกักของชาร์คก็ดังขึ้นมาตัดบทซีมอนสเตอร์


บทที่ 762 ช่วยชีวิตบูล

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวที่กำลังฟังจุดสำคัญของเรื่องตกใจขึ้นมาทันทีเพราะเสียงร้องตะโกนของบูล เจ้าเด็กนี่คงไม่ได้กำลังฟังเรื่องน่ากลัวอยู่ทางนั้นเหมือนกันหรอกมั้ง? คำพูดของเขาช่างมาได้เวลาจริงๆ


ฉินสือโอวยกยิ้มแล้วพูดออกมา “ขอบใจนายมากนะ บูล แต่ฉันไม่ได้อยากให้นายมาสร้างบรรยากาศให้ฉันซะหน่อย มา ซีมอนสเตอร์ เล่าต่อซิ ไอ้ที่น่ากลัวมันคืออะไรกันแน่?”


พวกซีมอนสเตอร์คิดว่าบูลแค่แกล้งทำ เพราะเขาก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว พวกเขาถึงได้พูดต่อ “ก็ได้ ที่น่ากลัวก็คือจู่ๆ เรือลำนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นมาที่หมู่เกาะแพร์รีในช่วงยุค 80 ยังไงล่ะ! เรื่องนี้ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน เพราะตอนที่มีคนเข้าไปถ่ายรูปมันใกล้ๆ ก็ปรากฏว่ามันคือเรือเบย์ชิโม! เป็นเรือเบย์ชิโมที่มีสภาพเหมือนตอนที่ถูกทิ้งเอาไว้เมื่อ 50 ปีก่อนไม่มีผิด!”


“ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็ตอนนั้นคนที่เข้าไปถ่ายรูปมันใกล้ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้หญิงดังออกมาจากบนเรือด้วย มันเป็นเสียงร้องไห้ที่เจ็บปวดและสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดเลยล่ะ! คิดดูสิว่าเรือลำนั้นต้องไม่มีคนขับแน่นอน แต่มันก็ยังลอยอยู่เหนือน่านน้ำของหมู่เกาะแพร์รีได้อยู่เลย!”


“แล้วที่น่ากลัวที่สุดก็คือ…”


“โอ้โห ตกลงว่ามันน่ากลัวตรงไหนกันแน่ พวกนายรีบๆ พูดมาได้หรือเปล่า?” ฉินสือโอวแทบทนรอไม่ไหวแล้ว นี่หมอนี่คิดว่าตัวเองกำลังฟันสาวอยู่บนเตียงหรือไง? ถึงได้บิลด์อารมณ์พลิกไปพลิกมาจนเสียววูบขนาดนี้?


ซีมอนสเตอร์ส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมาแล้วพูดขึ้น “น่ากลัวจริงๆ นะบอส จากนั้นพวกเขาก็ตรวจสอบจนพบว่าวันที่เรือลำนั้นปรากฏขึ้นในหมู่เกาะแพร์รี มันตรงกับวันที่เมียของคนงานที่ตายเพราะการสร้างเรือตายไปในปีนั้นพอดีน่ะสิ! จริงๆ นะ เจ้าสาวที่เคยร้องไห้บนเรือคนนั้นตายไปในวันที่มันปรากฏตัวพอดีเลย!”


“ซีมอนสเตอร์ไม่ได้โกหกนะครับ กัปตัน เรื่องนี้มันน่าแปลกมาก แล้วตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาชาวเอสกิโมที่อยู่บนเกาะนั้นก็มักจะเห็นเรือลำนั้นลอยเคว้งคว้างไปมาไร้จุดหมายอยู่เสมอ มีหลายครั้งที่พวกเขาพยายามจะเข้าเทียบเรือ แต่ก็มักจะไม่สำเร็จเพราะอากาศไม่เป็นใจตลอด” แลนซ์พูดออกมาอย่างจริงจัง “พวกสื่อทั้งหมดในสมัยนั้นต่างก็เคยรายงานข่าวเรื่องนี้ไปแล้วทั้งนั้น”


“แล้วต่อจากนั้นล่ะ ต่อจากนั้นเรือลำนั้นไปที่ไหน?” ฉินสือโอวถามกลับไปด้วยความเพลิดเพลิน ตอนนี้เขารู้สึกว่ามันน่าสนใจขึ้นมานิดหน่อยแล้ว


แต่ปรากฏว่าทันใดนั้นบูลก็ร้องตะโกนเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง “กัปตัน จริงๆ นะ โอ้พระเจ้า จริงๆ นะ นั่นมันเรือผีสิงชัดๆ ให้ตายเถอะ! ให้ตายเถอะ! ให้ตายเถอะ! นั่นมันเรือผีสิงจริงๆ ด้วย… ใครอยู่ที่นั่น…”


“ซ่าๆ ซ่าๆ ซ่าๆ ๆ …”


หลังจากบูลตะโกนคำสุดท้ายออกมา สัญญาณวิทยุก็ขาดหายไปทันทีและหลงเหลือไว้เพียงเสียงคลื่นซ่าๆ เท่านั้น


ตอนนี้ทุกคนเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติแล้ว บูลอาจจะล้อเล่นได้ แต่เสียงที่ดังออกมาจากวิทยุเมื่อครู่นี้ก็ชัดเจนมาก พวกเขาสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวในน้ำเสียงของบูลซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยาก


ถ้าจะบอกว่าใครกล้าหาญที่สุดในบรรดาชาวประมง บางทีอาจจะเป็นอีวิลสัน เพราะเขาเป็นคนกล้าบ้าบิ่นที่ไม่เคยกลัวอะไรสักอย่างนอกจากความหิว


ส่วนในบรรดาคนธรรมดาที่เหลืออยู่ คนที่มีความกล้ามากที่สุดก็น่าจะเป็นบูลนี่แหละ เจ้าเด็กนี่มันเป็นไอ้เด็กเวรตัวจริง ว่ากันว่ามีครั้งหนึ่งตอนที่เขาดูหนังเรื่อง The Ring เขารู้สึกว่าตัวละครหญิงคนหนึ่งที่อยู่ในเรื่องนั้นเซ็กซี่มากจนเขาถึงกับต้องช่วยตัวเองอยู่หน้าจอทีวี 28 นิ้วเลยทีเดียว


แต่บูลที่เป็นแบบนั้นกลับหวาดกลัวขึ้นมาในช่วงสุดท้ายที่เขาพูดออกมา เพราะงั้นมันจะต้องมีอะไรที่คาดไม่ถึงแน่นอน


มันอาจจะไม่ใช่เรือผีสิง แต่ด้านบนนั้นจะต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้บูลรู้สึกหวาดกลัวมากแน่ๆ


ฉินสือโอวรู้สึกกังวลขึ้นมา เขาตบเครื่องรับวิทยุไร้สายแล้วตะโกนออกไป “เฮ้ยๆ ๆ บูล! บูล! ไอ้เด็กเวรนี่! ได้ยินเสียงของฉันแล้วตอบด้วย!”


“ซ่าๆ ซ่าๆ … ซ่าๆ ซ่าๆ …”


สิ่งที่ตอบกลับมาจากวิทยุยังคงเป็นเสียงซ่าๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น


เบิร์ดดันฉินสือโอวออกไปจากเครื่องวิทยุแล้วลองตรวจสอบมันดูสักพัก เขาพยายามเปลี่ยนช่องสัญญาณอยู่หลายครั้งแล้วตะโกนเข้าไป แต่สิ่งที่ได้ก็ยังคงมีเพียงเสียงซ่าเท่านั้น


คิ้วของเบิร์ดก็ขมวดมุ่นขึ้นมาเช่นกัน เขาครุ่นคิดอยู่สักพักก็พูดออกมา “วิทยุของบูลอาจจะเสียหรือตกไป หรือไม่สัญญาณก็อาจจะถูกบล็อก” แล้วทันใดนั้นเขาก็พูดออกมาอีกครั้งด้วยสีหน้าลำบากใจ “แล้วก็มีอีกสถานการณ์หนึ่ง ก็คืออาจจะมีแหล่งพลังงานประหลาดบางอย่างอยู่รอบๆ วิทยุของเขาก็ได้ อย่างเช่น…”


“ผี!?” ชาร์คลองถามบอกมา คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของเขาทำให้ทุกคนรู้สึกว่าห้องจับสัญญาณเรดาร์มืดมนลงไปมาก แล้วจู่ๆ สายลมวูบหนึ่งก็พัดผ่านมาจนทำให้พวกเขาสั่นสะท้านกันไปหมด


“ลมเย็นจากไหนวะ?” เสียงชาวประมงคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา


นีลเซ็นเตะเขาไปหนึ่งทีแล้วชี้ไปที่ด้านหลังของเขาอย่างจนปัญญาก่อนจะพูดขึ้น “แม่แกสิ แอร์ก็เปิดอยู่ตลอด แกยังจะมาถามอีกเหรอว่าลมมาจากไหน?”


เบิร์ดกลอกตาใส่ชาร์คแล้วพูดออกมา “ผีบ้านแกน่ะสิ สิ่งที่ฉันจะพูดก็คือพวกองค์ประกอบคล้ายรังสีอะไรพวกนี้ต่าง”


“แต่ผีก็เป็นพลังงานบางอย่างไม่ใช่หรือไง?” ชาร์คยังคงพูดออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ


ฉินสือโอวตบโต๊ะแรงๆ แล้วตะโกนขึ้น “พอแล้วๆ ตอนนี้พวกนายยังจะมีอารมณ์มาเถียงกันอยู่อีกเหรอ? รีบออกไปเร็วเข้า เร็ว ไปดูซิว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”


เบิร์ดปรับคลื่นวิทยุไปเป็นคลื่นความถี่เฉพาะของเรือกำปั่นทะเลใต้แล้วส่งเสียงถามออกไป “แซ็กๆ ๆ สถานการณ์ของนายเป็นยังไงบ้าง?”


“ซ่าๆ … ไม่ชัด… ซ่าๆ ซ่าๆ … ซ้ำซ้อน… ซ่าๆ ไม่รู้… ซ่าๆ ได้ยินกัปตันไม่ชัด…”


“ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้เป็นอะไร โอเค ชาร์ค นายคอยปรับคลื่นวิทยุอยู่ที่นี่แล้วบอกให้พวกแซ็กอย่าเพิ่งลงมือทำอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวพวกเราจะรีบไปทันที!”


“โอเค บอส ผมจะดูแลที่นี่เอง” ชาร์คพยักหน้าแล้วนั่งลง


สถานการณ์เร่งด่วนฉินสือโอวเลยต้องใช้เครื่องบินแทรกเตอร์ที่กินน้ำมันค่อนข้างมาก แต่ความเร็วของมันก็เร็วกว่าเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยเป็นเท่าตัว ใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงก็สามารถไปถึงตำแหน่งที่เรือประมงลำนั้นอยู่ได้แล้ว


หลังจากผ่าน 1 ชั่วโมงแห่งความวิตกกังวลไปแล้ว เรือทั้งสองลำก็ปรากฏอยู่ในกรอบสายตาของฉินสือโอว เรือลำหนึ่งเป็นเรือประมงขนาดใหญ่ มันต้องเป็นเรือชาร์ลบัทอย่างแน่นอน ส่วนเรือประมงอีกลำเป็นเรือประมงความเร็วสูงที่มีลักษณะยาวและแคบ มันย่อมเป็นเรือกำปั่นทะเลใต้อย่างไม่ต้องสงสัย


เบิร์ดควบคุมเครื่องบินพาทุกคนพุ่งเข้าไปใกล้เรือชาร์ลบัทด้วยความสามารถอันล้นเหลือของเขา แล้วทันใดนั้นวิทยุไร้สายที่อยู่ในมือของฉินสือโอวก็มีเสียงรบกวนซ่าๆ ดังออกมาจากตัวรับวิทยุ เขาพยายามส่งข้อความไปหาแซ็ค แต่แซ็คก็ตอบกลับมาเสียงขาดๆ หายๆ จนฟังไม่รู้เรื่อง


“บนเรือลำนั้นมีแหล่งรบกวนสัญญาณอยู่” เบิร์ดพูดออกมาด้วยความมั่นใจ


ฉินสือโอวกับพวกนีลเซ็น อีวิลสัน และซีมอนสเตอร์ต่างพากันยกปืนขึ้นมาแล้วส่งสัญญาณให้เบิร์ดโฉบลงไปก่อนที่พวกเขาจะกระโดดลงไปในน้ำ


บนหลังของอีวิลสันแบกสุนัข 2 ตัวเอาไว้ พวกมันคือหู่จือกับเป้าจือนั่นเอง และเจ้าเด็ก 2 ตัวนี่ก็เพิ่งเคยกระโดดลงน้ำเป็นครั้งแรก


ฉินสือโอวบอกอีวิลสันว่าหลังจากลงไปในน้ำแล้วให้รีบเปิดกระเป๋าออกทันที หู่จือกับเป้าจือจะได้ออกมาจากกระเป๋าด้วยตัวเองแล้วค่อยปล่อยให้พวกมันลอยขึ้นไปสู่ผิวน้ำ เพราะความสามารถในการว่ายน้ำของพวกมันเก่งกาจยิ่งกว่าคนมาก


หลังจากเครื่องบินพุ่งทะยานเข้ามาจนแทบจะติดผิวทะเล คนกลุ่มหนึ่งก็พุ่งออกมาเหมือนเกี๊ยวที่ตกลงไปในน้ำซุป


ฉินสือโอวพลิกตัวหนึ่งตลบก่อนที่เขาจะเอาชนะแรงปะทะแล้วลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ เขารู้สึกมึนหัวอยู่เล็กน้อย หู่จือกับเป้าจือเองก็ว่ายน้ำเข้ามาหาเขาจากทางซ้ายและทางขวาก่อนจะใช้ขาเล็กๆ ของมันตีน้ำใส่เขา


ฉินสือโอวไม่มีอารมณ์จะเล่น เขาผิวปากไปทางเรือชาร์ลบัท 1 ครั้ง จากนั้นหู่จือกับเป้าจือก็รีบพุ่งออกไปทันที ส่วนนีลเซ็นที่เป็นแนวหน้าก็เข้าไปใกล้เรือประมงลำนั้นก่อนแล้ว


ด้านข้างบันไดของเรือประมงลำนั้นมีเรือยนต์ลำหนึ่งจอดอยู่ มันไม่ใช่ป้ายชื่อของเรือเทพเจ้าสายฟ้ามืด แต่มันเป็นแค่เรือธรรมดาที่อุตสาหกรรมต่อเรือโพไซดอนส่งมาเป็นของขวัญให้เขา ซึ่งในเรือกำปั่นทะเล 1 ลำจะมีเรือแบบนี้อยู่ด้วย 1 ลำ


เรือยนต์สีขาวถูกผูกเอาไว้กับบันไดและสั่นไหวไปมาตามกระแสคลื่น และเมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องลงไปบนลำเรือมันก็ยิ่งดูขาวซีดสะดุดตา


ฉินสือโอวรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง


บทที่ 763 ทุ่มเทจริงๆ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวอุ้มหู่จือขึ้นมา แล้วใช้มือข้างหนึ่งดึงบันไดขึ้นไปบนเรือด้วยความรวดเร็ว นีลเซ็นเพิ่งจะฉีกพลาสติกที่หุ้มด้านนอกของปืนไรเฟิล SIG 556 ออก จากนั้นก็ใส่กระสุนแล้วเล็งไปที่เรืออย่างระมัดระวัง


อีวิลสันแบกเป้าจือไว้แล้วปีนตามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขาชักปืนเรมิงตันกระบอกหนึ่งออกมาจากด้านหลัง


ฉินสือโอวถามด้วยความสงสัย “ถ้าเป็นเรือผีสิงจริงๆ แล้วปืนของพวกเราจะมีประโยชน์เหรอ?”


ซีมอนสเตอร์ลูบปากกระบอกปืนพลางพูด “ปืนของผมเคยอาบน้ำมนต์มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นผีสางหรือว่าแดรกคูลาก็ยิงหัวทะลุได้ทั้งนั้น!”


นีลเซ็นด่า “นายดูหนัง ‘นักล่าล้างเผ่าพันธุ์ปีศาจ’ มากไปจนโง่แล้วหรือไง? น้ำมนต์บ้าอะไรอีก! โลกนี้ไม่มีผี! เห็นชัดๆ ว่าบนเรือมีสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากำลังแรงอยู่ ดังนั้นปืนของพวกเราไม่ได้เอาไว้จัดการกับผี แต่เอาไว้จัดการกับคน!”


คนที่เหลือปีนขึ้นมากันหมดแล้ว แดดตอนบ่ายร้อนมาก แต่พอส่องไปที่เรือกลับมีความรู้สึกเยือกเย็นบางอย่าง


เรือขนาดใหญ่หลายพันตันขนาดนี้แต่กลับไม่มีเสียงเลย ดูยังไงก็ทะแม่งๆ


พอหู่จือและเป้าจือลงไปอยู่ที่พื้นแล้วก็ยื่นจมูกไปทั่ว มันขู่ ‘โฮ่วโฮ่ว’ ใส่ห้องคนขับแล้วก็วิ่งไป


พวกฉินสือโอวแยกกันขึ้นไปเป็นสองทาง ห้องคนขับอยู่ตรงหัวเรือ พอเข้าไปดูด้านในนั้นยุ่งเหยิงราวกับมีคนมารื้อค้นไว้


ที่แปลกก็คือตรงที่นั่งคนขับมีกาแฟที่ดื่มไปแล้วครึ่งแก้วและโดนัทวางอยู่ ฉินสือโอวลูบที่แก้ว กาแฟเย็นแล้ว นีลเซ็นหักโดนัทช็อกโกแลตชิ้นหนึ่งเผยให้เห็นแป้งนุ่มๆ ด้านใน


“อบวันนี้ หรือไม่ก็อุ่นวันนี้” นีลเซ็นโยนโดนัททิ้งแล้วพูด


หู่จือและเป้าจือเข้ามาในห้องคนขับแล้วโจมตีตู้ด้านหลังจากสองทาง นีลเซ็นยกปืนขึ้นแล้วพูด “ใครอยู่ข้างใน? ออกมา! ไม่อย่างนั้นโดนยิง!”


นีลเซ็นตะโกนไปสองครั้งก็ไม่มีใครตอบกลับมา เสียงดังก้องอยู่ในเรือทำให้รู้สึกขนลุก


ฉินสือโอวมองหู่จือและเป้าจือแล้วพยักหน้า เจ้าตัวแสบทั้งสองรับคำสั่งแล้วกระโจนขึ้นไป


นึกว่าจะช้าแต่กลับรวดเร็วกว่าที่คิด เงาดำๆ กระโดดออกมากะทันหันและมีเสียงร้องดังขึ้นพร้อมกัน “เมี้ยว…”


เงาดำร่วงลงที่พื้น ฉินสือโอวมองใกล้ๆ แล้วสบถออกมา “บ้าเอ๊ย แมวดำ?”


นี่คือแมวสีดำสนิทตัวใหญ่ ดูแล้วไม่ได้อดอยาก ขนดำเป็นเงา อ้วนท้วนสมบูรณ์ กระโดดได้สูงอย่างเมื่อครู่ก็นับว่ามีทักษะที่ดี


ซีมอนสเตอร์เห็นแมวดำแล้วหน้าซีด ส่งสายตาให้ฉินสือโอวแล้วพูดเสียงต่ำ “บอส แมวดำ ว่ากันว่าเรือผีสิงจะมีแมวดำเป็นคนขับ!”


เจ็บปวดกับหนังสยองขวัญอย่างเรื่องรองเท้าส้นสูงสีแดงในห้องน้ำ และเรื่องคนแก่ในป่า มาตั้งแต่เด็กแล้ว ฉินสือโอวเลยไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องผีของอเมริกาเหนือ เขากลอกตาใส่ซีมอนสเตอร์แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “นี่มันเป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาทั้งนั้น นายลองให้เจ้าแมวดำนี่ขับเรือให้ฉันดูหน่อยสิ พวกมันต้องบิดกุญแจที่พวงมาลัยเรือได้ด้วยนะ!”


ได้ยินเขาพูดแบบนี้ นีลเซ็นก็ดึงกุญแจที่เสียบไว้ด้านบนเรือมาดู แล้วพูดด้วยความสงสัย “ไม่ใช่แล้ว นี่ไม่ใช่เรือชาร์บาส แต่เป็นเรือนาร์วาล มอร์รี่อะไรสักอย่าง”


การดูชื่อเรือปกติจะดูที่กราบเรือ ด้านบนจะมีชื่อเรืออยู่ หรืออีกที่ก็คือที่กุญแจเรือจะห้อยป้ายกุญแจและบนนั้นก็อาจจะมีชื่อเรืออยู่


แบบนี้ก็ค่อนข้างแปลก เรือลำเดียวทำไมถึงมีสองชื่อ?


ฉินสือโอวบอกซีมอนสเตอร์ให้บอกชาร์คให้ตรวจดูว่าเรือนาร์วาล มอร์รี่นี่มาจากไหน ซีมอนสเตอร์มองวิทยุแล้วส่ายหน้าพูด “ไม่มีสัญญาณ นีลเซ็นพูดถูก ที่นี่ถูกปิดกั้นสัญญาณ”


“หาบูลก่อน…” ฉินสือโอวพูด


หู่จือและเป้าจือโงหัวกะพริบตาอย่างสับสน พวกมันดมกลิ่นที่เหลืออยู่ในอากาศอย่างละเอียด วิ่งวนไปทั่วเรือรอบหนึ่งแล้ววิ่งออกมา พอวิ่งมาถึงกราบเรือก็มองลงไปที่น้ำทะเลอย่างเหม่อลอย


ฉินสือโอวรู้สึกว่าท่าจะไม่ดี บูลไปไหน? บ้าเอ๊ย คงไม่ได้ถูกผีเอาตัวลงไปใต้ทะเลจริงๆ หรอกนะ?!


ผลสุดท้ายตอนที่เขากำลังกระวนกระวายอยู่ตรงนี้ เรือกำปั่นทะเลใต้ที่อยู่ไกลๆ ก็ขับเข้ามาอย่างกะทันหัน


ฉินสือโอววิทยุบอกแซ็กไปแล้วว่าอย่าบุ่มบ่าม แต่ทำไมเจ้านี่ยังเข้ามาใกล้อีก เขาเลยขึ้นไปยืนที่ดาดฟ้าแล้วโบกมือให้พวกเขากลับไป


นีลเซ็นยกกล้องส่องทางไกลทองไปข้างหน้าแล้วอ้าปากด่า “เวร! ฉันจะต้องตีไอ้เวรนี่ให้ตาย!”


พอพูดเสร็จเขาก็ส่งกล้องส่องทางไกลให้ฉินสือโอว ฉินสือโอวหยิบมาดูแล้วก็อดที่จะด่าไม่ได้ “เวรเอ๊ย! ต้องตีเขาให้ตาย!”


แค่เห็นดาดฟ้าของเรือกำปั่นทะเลใต้มีชายร่างกำยำที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความอับอายกำลังโบกมือ ซึ่งก็เป็นคนเดียวกับที่พวกฉินสือโอวกำลังหากันอยู่


เพียงแต่ทำไมอยู่ๆ เจ้านี่ถึงได้ไปโผล่ที่เรือกำปั่นทะเลใต้ได้? เจ็ทสกีที่เขาขับมายังผูกอยู่ด้านล่างแท้ๆ ฉินสือโอวสงสัยในใจ


ดีที่บูลไม่เป็นอะไร เพราะที่ฉินสือโอวกลัวคือกลัวว่าจะเกิดเรื่องกับเจ้านี่ จากนั้นพวกเขาก็ลงเรือแล้วไปขึ้นเรือกำปั่นทะเลใต้


บูลยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าผู้คนแล้วพูดเสียงอ่อนๆ “พวกคุณก็ขึ้นไปบนเรือผีสิงแล้ว? ผมไม่ได้พูดผิดใช่ไหม นั่นเป็นเรือผีสิงจริงๆ ใช่ไหม?”


“ใช่บ้านนายสิ ก็แค่ไม่รู้ว่าคนบนเรือหายไปไหนก็แค่นั้น” ฉินสือโอวพูดอย่างอารมณ์เสีย พวกเขาเพิ่งสำรวจตู้เย็นบนเรือมา และพบว่าในนั้นมีโยเกิร์ตที่ผลิตเมื่อสิบวันที่แล้ว


และในห้องลูกเรือก็ยังพบของใช้ส่วนตัวของพวกเขาอีกด้วย ด้านในมีเสื้อผ้าที่เพิ่งซักเสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้เอาออกมาตาก


อย่างไรเสีย จากข้อมูลก็ชัดเจนแล้วว่าเรือลำนี้ไม่ใช่เรือผีสิงที่สูญหายไปเป็นเวลานานแล้วโผล่ขึ้นมา พวกผีใส่เสื้อผ้าก็ยังพอว่า แต่ไม่น่าดื่มโยเกิร์ตได้นะ?


บูลอธิบายว่าทีแรกตอนที่เขาขึ้นไปบนเรือทุกอย่างเป็นปกติดี สัญญาณวิทยุก็เต็ม แต่พอเขาพบว่าบนเรือไม่มีใคร แต่กาแฟและโดนัทยังร้อนอยู่ก็รู้สึกไม่ค่อยจะดี


โดยเฉพาะตอนที่ชาร์คและซีมอนสเตอร์ยังพูดเรื่องเรือผีสิงอยู่ แบบนี้เขาเลยไม่อาจกล้าหาญต่อไปได้อีกแล้ว


จากนั้นเขาก็ตรวจดูเรือลำนี้อย่างละเอียด ห้องกิจกรรมในเรือมีเกมไพ่เท็กซัสที่เล่นไปได้แค่ครึ่งเดียว และเครื่องเล่นก็ยังเปิดอยู่เลย แถมมีหม้อใบหนึ่งที่ยังต้มถั่วลันเตาอยู่เลย…


ที่แย่ที่สุดคือตอนที่ซีมอนสเตอร์เล่าถึงจุดพีคของเรื่องเรือผีสิง เขาได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ ที่ด้านหลัง แต่พอดูดีๆ แล้วก็ไม่มีอะไร พอหันกลับมาก็มีเสียงฝีเท้าอีก…


คราวนี้บูลทนไม่ไหวแล้วก็เลยรีบหนีสุดชีวิต ถึงขนาดไม่ปีนลงเรือไปขับเจ็ทสกี แต่กระโดดจากเรือลงทะเลแล้วว่ายน้ำกลับไปที่เรือกำปั่นทะเลใต้


“นี่อาจจะเป็นเรือผีสิงจริงๆ ก็ได้” บูลพูดโดยที่ในใจยังกลัวอยู่


“มีผีที่ดื่มโยเกิร์ต กินถั่วลันเตาด้วยเหรอ?” ฉินสือโอวยิ้มอย่างเย็นชา


“ถ้าอย่างนั้นแล้วคนบนเรือล่ะ? ไม่น่าเป็นไปได้ที่จะไม่มีใครเลยนะ? และยังมีเสียงฝีเท้าอีก มันอะไรกัน? แล้วอยู่ๆ สัญญาณก็หาย มันอะไรกัน?” บูลถาม


เรื่องนี้ฉินสือโอวก็อธิบายไม่ได้ แต่เขาไม่เชื่อว่าเรือลำนี้จะเป็นเรือผีสิง


ไม่มีทางเลือก เขาส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปในน้ำ ลองดูว่าจะสามารถตัดสินเรื่องนี้ผ่านหัวใจโพไซดอนที่เป็นสิ่งปริศนาเหมือนกันได้หรือเปล่า


ผลสุดท้ายจิตสำนึกแห่งโพไซดอนวนอยู่ในน้ำหนึ่งรอบ ฉินสือโอวก็โมโหเพราะเขาตรวจพบแล้วว่าความจริงมันเป็นอย่างไร คนสมัยนี้ ช่างทุ่มเทเพื่อการขโมยปลากันจริงๆ เลย!


บทที่ 764 คราเคนออกโรง

โดย

Ink Stone_Fantasy

แค่เห็นเรือประมงของอีกฝ่ายอยู่กลางทะเลที่ห่างไปไม่ไกล และเรือดำน้ำเล็กอีกสองลำที่กำลังลอยอยู่กลางน้ำพร้อมกับอวน และสายดึงนั้นก็กำลังลากตาข่ายดักปลาขึ้นมาพอดี


พอเห็นภาพแบบนี้แล้ว ฉินสือโอวจะไม่รู้เหรอว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร? นี่มันล้ำจริงๆ วิธีจับปลาโดยใช้เรือดำน้ำลากอวน?


การใช้อวนจับปลาปกติแล้วจะใช้เรือสองลำในการดึงถ่างตาข่ายดักปลา แล้วเคลื่อนที่ไปข้างหน้าพร้อมกันเพื่อจับปลาและของมีค่าในที่อยู่ในน้ำในเวลาเดียวกัน แน่นอนว่ามีเรือที่มีเพียงลำเดียวก็สามารถใช้อวนประเภทนั้นได้เช่น เรือฮาวิซทก็ทำแบบนั้นได้


แต่การใช้เรือลำเดียวลากอวน ประสิทธิภาพและความสามารถในการทำงานก็ย่อมไม่เท่าการใช้เรือสองลำลากอวนอย่างไม่ต้องสงสัย


วิธีที่เรือดำน้ำสองลำนี้ใช้ก็คือวิธีแบบนี้ แน่นอนว่าพลิกแพลงวิธีการนิดหน่อย


เรือดำน้ำทั้งสองลำมีความยาวลำละประมาณสิบกว่าเมตร และสามารถดำน้ำได้ที่ความลึกประมาณสี่ห้าสิบเมตร แน่นอนว่าการลากอวนสามารถลงลึกไปได้อีก ดังนั้นสำหรับปลาที่อยู่ใต้ระดับกลางน้ำ อวนแบบนี้จะมีกำลังในการคุกคามเป็นอย่างมาก


อะไรคือปลาที่อยู่ใต้ระดับกลางน้ำล่ะ? ก็คือปลาทูน่าครีบน้ำเงินไง!


ฉินสือโอวเห็นเรือดำน้ำสองลำนี้แล้วก็ไปดูที่ตาข่ายดักปลาด้านหลังต่อ แค่มองไปก็อารมณ์ขึ้นแล้ว แม่งเอ๊ย! ปลาโอแถบของฉัน! พวกแกจับปลาโอแถบได้เลยเหรอ? สุดยอด! สุดยอดจริงๆ นี่มันปลาที่อยู่ระดับพื้นทะเลเลยนะ!


เทียบกับปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่อยู่ตระกูลเดียวกัน ราคาของปลาโอแถบก็ถือว่าต่ำมาก แต่ถึงอย่างไรก็เป็นปลาทูน่าชนิดหนึ่งจึงเป็นปลาเศรษฐกิจที่มีราคาอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะที่มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ปลาชนิดนี้ก็ยิ่งมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น


ปกติแล้วปลาโอแถบจะดำรงชีวิตอยู่ที่มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก ที่นั่นมีผืนน้ำกว้างใหญ่ที่อบอุ่นและโปร่งโล่งชื่อว่าแอ่งน้ำอุ่น เพราะมีกระแสน้ำสองแบบที่คุณภาพน้ำต่างกันโดยสิ้นเชิงไหลอยู่ด้วยกันในแอ่งน้ำอุ่น ทำให้สายน้ำไหลมาบรรจบกัน ซึ่งมีอุณหภูมิและอาหารเหมาะแก่การดำรงชีวิตของปลาโอแถบเป็นอย่างมาก


นอกจากนี้ บริเวณที่มีอุณหภูมิของน้ำตั้งแต่ 15 องศาเซลเซียสขึ้นไปในมหาสมุทรอินเดีย มหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรแอตแลนติกก็ล้วนมีร่องรอยของปลาโอแถบอยู่ทั้งนั้น แถมมีจำนวนมากด้วย ถ้าพัฒนาต่อไปจะต้องทำผลประโยชน์ได้มากอย่างแน่นอน


แต่จะต้องระวังว่าปลาโอแถบเป็นปลาน้ำอุ่นที่ชอบน้ำบริเวณพื้นทะเลที่อุ่นและใสสะอาด สิ่งแวดล้อมที่อาศัยอยู่ต้องมีอุณหภูมิ 15 องศาเซลเซียสขึ้นไป ในบริเวณเขตน้ำร้อนพวกมันจะอาศัยอยู่ประจำถิ่น แต่ในบริเวณน้ำอุ่นพวกมันจะอพยพไปตามฤดูกาล


ไม่ต้องบอกเลยว่าบริเวณมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือนั้นไม่สามารถมีปลาโอแถบฝูงใหญ่อาศัยอยู่ได้ แต่ที่นิวฟันด์แลนด์เป็นเพราะกระแสน้ำอุ่นของอ่าวเม็กซิโกเลยทำให้มีปลาประเภทนี้อยู่ส่วนหนึ่ง พอรวมกับคุณภาพน้ำที่ใสสะอาดของที่นี่แล้ว ยิ่งทำให้ปลาประเภทนี้ยิ่งมีคุณค่ามากเป็นพิเศษ


คนพวกนี้จับปลาโอแถบขึ้นมาก่อนโดยเฉพาะ รู้ดีจริงๆ


ดูจากตรงนี้ก็สามารถดูออกได้เลยว่าเรือดำน้ำสองลำนี้มีประสิทธิภาพที่ดีมาก ไม่เพียงแต่สามารถจับปลาที่อยู่ใต้ระดับกลางน้ำ แต่ยังสามารถจับปลาที่อยู่เหนือระดับกลางน้ำได้ด้วย พวกมันเป็นมือสังหารของแท้


ฉินสือโอวไม่ปล่อยเรือแบบนี้ไว้แน่ ไม่อย่างนั้นต่อไปจะยากต่อการป้องกันการขโมยปลาในอนาคต


สำหรับคนจีนเรือดำน้ำคืออาวุธของประเทศ ว่ากันว่าเป็นหมาป่าทะเลที่สามารถคุกคามความอยู่รอดของเรือบรรทุกเครื่องบินในตำนานได้


แต่สำหรับคนอเมริกาและแคนาดาเรือดำน้ำได้กลายเป็นของเล่นไปแล้ว แต่แค่เป็นของเล่นที่ราคาแพงไปหน่อยอย่างเช่น เรือดำน้ำทรงฉลาม Seabreacher x ที่ไล่ล่าเฮยป้าหวังก่อนหน้านี้


ที่จริงตอนนี้ทางอเมริกาเหนือก็ค่อนข้างปวดหัวกับเรือดำน้ำที่ใช้โดยประชาชน อยากจะสั่งห้ามไม่ให้ผลิต แต่บริษัทที่ผลิตของพวกนี้ก็ล้วนเป็นบริษัททางทะเลขนาดใหญ่ที่สำคัญและมีฐานเสียงในการเลือกตั้งอยู่มาก หากจะไม่สั่งห้าม เจ้าสิ่งนี้ก็เป็นของที่รุนแรงมาก ตอนนี้พวกพ่อค้ายาเสพติดที่อเมริกาและเม็กซิโกล้วนใช้เจ้าสิ่งนี้ในการขนส่งยาเสพติด


เรือดำน้ำขนยาเสพติดเป็นสิ่งที่ไม่สามารถป้องกันได้จริงๆ ภาระงานของตำรวจทางทะเลเพิ่มขึ้นอย่างมากและประสิทธิภาพในการทำงานก็ลดลงด้วย


แต่การใช้เรือดำน้ำเพื่อขโมยปลานี่สิ ฉินสือโอวเพิ่งจะเคยได้ยินครั้งแรก นี่เป็นการใช้เงินตามอำเภอใจเกินไปแล้ว แค่ซื้อเรือดำน้ำสองลำนี้ต้องใช้เงินตั้งเท่าไร? จะอย่างไรก็คงต้องจ่ายหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ? เพื่อจะขโมยปลาเนี่ยนะ?


ไม่ว่าอีกฝ่ายจะคิดอย่างไร ฉินสือโอวก็ไม่สามารถปล่อยให้ปลาของตัวเองถูกขโมยไปได้ โดยเฉพาะปลาโอแถบ


และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขโมยปลาครั้งนี้น่าเกลียดเกินไป นึกไม่ถึงเลยว่าจะใช้อุบายเรือผีสิงมาทำให้เขาตกใจกลัว!


ดูเหมือนเรือดำน้ำจะค้นพบเรือกำปั่นทะเลใต้ที่อยู่ข้างๆ แล้ว พอมันมาถึงบริเวณใกล้ๆ เรือกำปั่นทะเลใต้ก็ไม่โผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำต่อ แต่จอดอยู่ใต้ล่าง รอจนเรือกำปั่นทะเลไปแล้วค่อยคิดอีกที


ฉินสือโอวไม่มีทางให้โอกาสนี้กับพวกเขา เขาเรียกคราเคนที่อยู่ไกลๆ พวกแกคิดว่ามีเรือดำน้ำก็เจ๋งแล้วเหรอ? โทษทีนะ ฉันมีปลาหมึกยักษ์


ปลาหมึกยักษ์รับรู้ถึงการเรียกหาที่รุนแรงจากพลังโพไซดอน พอชั่วครู่หนึ่งมันก็มา


เห็นได้ชัดว่าเรือดำขนาดเล็กทั้งสองลำมีระบบคลื่นโซนาร์ คราเคนเพียงแค่เข้าไปใกล้ยังไม่ได้โผล่ขึ้นมา เรือดำน้ำก็ตื่นตระหนกและเร่งความเร็วเพื่อจะหนีไป


ฉินสือโอวจะทำให้พวกเขาสงสัยไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้เป็นไปตามนิสัยของปลาหมึกยักษ์ และไม่ได้ให้มันโจมตีเรือดำน้ำ แต่ใช้หนวดพันตาข่ายดักปลาไว้ ดึงตาข่ายแล้วกินปลาโอแถบข้างใน


แบบนี้คนในเรือดำน้ำก็จะคิดว่าเจ้าปลาหมึกยักษ์ถูกอาหารดึงดูดมา


ตอนนี้ที่เรือดำน้ำจะมาห่วงอะไรกับปลา? เอาชีวิตให้รอดถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญจริงๆ ไม่อย่างนั้นถ้าถูกปลาหมึกยักษ์ขนาดยี่สิบกว่าเมตรรัดไว้ พวกเขาได้ตายแน่ๆ ถึงอย่างไรเรือดำน้ำของพวกเขาก็ไม่มีเครื่องมือโจมตีอะไรเลย!


ไร้สิ้นหนทางแล้ว เรือดำน้ำทั้งสองลำโผล่ขึ้นมาจากน้ำอย่างเร่งรีบ พอประตูเรือเปิดออกคนที่อยู่ด้านในก็ร้องโวยวายแล้วรีบปีนออกมาด้านนอก


ด้วยแรงของปลาหมึกยักษ์ ตาข่ายปลาฉีกขาดโดยง่ายดาย ในที่สุดเหล่าปลาโอแถบก็ได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง ระหว่างนั้นผืนน้ำรอบๆ ชุลมุนจนหาอะไรเปรียบไม่ได้


ทีแรกคนบนเรือกำปั่นทะเลใต้ยังถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องเรือผีสิงอยู่ ผลสุดท้ายเพียงพริบตาเดียวเรือดำน้ำสองลำก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำ อีกพริบตาหนึ่งก็มีคนกลุ่มหนึ่งปีนขึ้นมาจากเรือดำน้ำ…


ฉินสือโอวชี้นำความคิดให้พวกชาวประมง เขาชี้ไปที่กลุ่มคนที่กลัวจนฉี่ราดแล้วพูด “เรือผีหมาขี้เรื้อน! ดูสิ พวกหมานั่นซ่อนอยู่ในเรือดำน้ำ แม่งเอ๊ย พวกมันขับเรือดำน้ำมาขโมยปลาเนี่ยนะ! จับมันมาให้ฉัน!”


พวกซีมอนสเตอร์เข้าใจเรื่องราวอย่างรวดเร็ว คราวนี้พวกเขาเลยโมโหมาก เมื่อครู่นี้สิ่งที่พวกเขาตกใจจนเกือบตายนั้นที่จริงไม่ใช่เรือผีสิง!


โดยเฉพาะบูลที่โกรธมาก เพราะความกล้าหาญที่มีทั้งหมดถูกทำลายไปในครั้งเดียว เขานึกออกเลยว่าหลังจากกลับไปแล้ว ตัวเองจะถูกล้อขนาดไหน


บูลที่กำลังโกรธเกรี้ยวเอาปืนน้ำมาแล้วตะคอก “ถอยออกไป ให้ฉันอาบน้ำให้ไอ้พวกเวรนี่”


คนที่ปีนขึ้นมาจากเรือดำน้ำนั้นเหมือนกับหนีเสือปะจระเข้จริงๆ พวกเขาเอาชีวิตรอดจากเงื้อมมือปลาหมึกยักษ์มาได้อย่างยากลำบาก พอหันกลับมาก็เจอกับคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังจ้องพวกเขาอย่างเลือดเย็น และตรงกลางของคนกลุ่มนี้ก็คือปืนน้ำขนาดใหญ่…


“เข้าใจผิด! เข้าใจผิดแล้ว! นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด!” มีคนตะโกนขึ้นมาอย่างอนาถ “รีบช่วยพวกเราเร็วเข้า ใต้เรือมีปลาหมึกยักษ์!”


มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือยังคงเป็นที่ร่ำลือเรื่องปลาหมึกยักษ์ของทั้งโลกมาตลอด แต่ก็เหมือนกับเรื่องเรือผีสิงที่มีคนเห็นเยอะ แต่ไม่มีใครให้คำอธิบายที่น่าเชื่อถือได้ พวกชาวประมงเพิ่งจะถูกเรือผีสิงหลอกให้ตกใจมา ตอนนี้จะเชื่อเรื่องปลาหมึกยักษ์เหรอ?


“ไอ้เวรตะไล! อาบน้ำเสียเถอะพวกแก!” บูลไม่พูดอะไรต่อแล้วก็เริ่มฉีดน้ำไปด้านนอก


ปืนน้ำมีกำลังแรงยิ่งกว่าอะไร พอฉีดไปด้านนอกคนก็เริ่มลอยเคว้งราวกับเกี๊ยวในหม้อ คนที่ยืนอยู่บนเรือดำน้ำต่างกระโดดตู้มๆ ลงน้ำไป


“ช่วยด้วย! ใต้น้ำมีปลาหมึกยักษ์จริงๆ!” พวกเขาร้องอย่างสิ้นหวัง


แลนซ์ส่ายหน้าแล้วพูดอย่างอนาถใจ “น่าสงสาร!”


ทุกคนที่ถูกเรือผีสิงหลอกให้ตกใจต่างมองไปที่เขาด้วยสีหน้าอึมครึม


แลนซ์รีบเปลี่ยนคำพูด “สมควรแล้ว!”


บทที่ 765 ของเชลย

โดย

Ink Stone_Fantasy

บูลใช้ปืนน้ำยิงกวาดคนพวกนั้นลงน้ำไปครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับเป็นการทารุณเชลยศึก พวกเขารู้ว่าใต้น้ำมีอะไร พอถูกกวาดลงไปก็รีบปีนขึ้นมา สุดท้ายก็เรียนรู้ที่จะยืนอยู่บนเรือดำน้ำได้


สุดท้ายฉินสือโอวก็ทนดูต่อไปไม่ได้ แม้ว่าคนพวกนี้จะขโมยปลาและควรได้รับโทษ แต่การกลั่นแกล้งพวกเขาแบบนี้ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร


ฉินสือโอวโบกมือพลางพูด “โอเค โอเค อนุสัญญาของรัฐบอกไว้ว่าห้ามทารุณเชลยนะเพื่อน มา จับพวกเขาขึ้นมาถามหน่อยสิว่ามันเรื่องอะไรกัน”


ขับเรือดำน้ำมาขโมยปลาได้นี่ทุ่มเทจริงๆ ชาวประมงธรรมดาๆ คงไม่คิดอะไรแบบนี้แน่ ถึงมีก็ไม่อยากจะเชื่อ พวกเขามั่นใจกับปลาของฟาร์มเขามากถึงขนาดใช้เรือดำน้ำมูลค่าเป็นล้านมาขโมยปลาเลยเหรอ?


ดังนั้นฉินสือโอวเลยรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ เอาตัวมาถามก่อนแล้วค่อยว่ากัน


นีลเซ็นไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูด เขาเบะปากแล้วพูดว่า “ที่พวกเราทำยังเรียกว่าทารุณเชลยอีกเหรอครับ? เหอะ ก็แค่ช่วยอาบน้ำให้พวกเขา พวกเขาควรจะขอบคุณเราถึงจะถูก”


ฉินสือโอวขี้เกียจต่อปากต่อคำกับเขาเลยพูดไปว่าใครเป็นกัปตัน พวกชาวประมงสงบปากสงบคำทันที แล้วถือปืนคุมคนพวกนี้ขึ้นเรือชาร์บาส พร้อมกับลากเรือดำน้ำทั้งสองลำไปทางฟาร์มปลา


ชาวประมงพวกนี้ยังไม่ยอมสงบ มีบางคนตะโกนขึ้นมา “พวกนายมีสิทธิ์อะไรมาลากเรือพวกเราไป? พวกเราก็แค่จับปลาในฟาร์มปลาของประเทศ ไม่ได้เข้าไปในฟาร์มปลาส่วนตัวของพวกนายสักหน่อย!”


นี่คือข้อดีของการใช้เรือดำน้ำขโมยปลา ตัวเรือประมงไม่จำเป็นต้องเข้าไปในฟาร์มปลา แค่จอดอยู่ด้านนอกก็พอ แบบนี้แม้ตำรวจทะเลจะตรวจก็ตรวจไม่เจออะไร เพราะระบบจีพีเอสจะแสดงให้เห็นว่าไม่ได้เข้าไปในฟาร์มปลาส่วนบุคคล


ฉินสือโอวชี้ไปที่ชายคนนั้นแล้วพูด “พวกนายไม่ต้องโวยวาย ฉันจะทำให้พวกนายยอมรับอย่างเต็มปากและเต็มใจเลย บอกมาว่าเครื่องตัดสัญญาณอยู่ที่ไหน?”


“เครื่องตัดสัญญาณอะไร?” ชายคนนั้นถามด้วยความสับสน


นีลเซ็นเตะเขาแล้วเหยียบลงบนอกพร้อมตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “ถึงตอนนี้แล้วยังปากแข็งอีกเหรอ? บอกมาว่า เครื่องตัดสัญญาณอยู่ที่ไหน! แล้วกัปตันของนายคือใคร? ยืนขึ้นมา!”


“กัปตันของเรายืนไม่ขึ้น…” คนที่อยู่ข้างๆ พูดเสียงอ่อยๆ


“อะไรนะ? ปากแข็งนักนะ!” นีลเซ็นหยิบมีดวาฬของเขาออกมา มีดโดนแสงแดดสว่างวาบแผ่รังสีที่เย็นยะเยือกออกมา “ดีมาก ฉันชอบคนปากแข็ง!”


ชาวประมงคนนั้นตื่นตกใจแล้วชี้ไปที่เท้าของเขา “กัปตันของเราถูกนายเหยียบอยู่ที่พื้น เขายืนไม่ขึ้นจริงๆ”


นีลเซ็นมองคนที่อยู่ใต้เท้า เก็บมีดขึ้นอย่างดุดันแล้วถาม “เครื่องตัดสัญญาณอยู่ที่ไหน?”


กัปตันจะร้องไห้แล้ว “ฉันไม่รู้จริงๆ ว่านายพูดเรื่องอะไร!”


คราวนี้เสียงที่คมชัดของชาร์คก็ดังออกมาจากวิทยุ “โอ้ สัญญาณของพวกนายเป็นปกติแล้ว? หาสาเหตุเจอหรือยัง?”


พวกฉินสือโอวประหลาดใจ หยิบวิทยุขึ้นมาดู สัญญาณเต็มแล้วจริงๆ แต่พวกชาวประมงไม่ได้ขยับเลย ถ้าอย่างนั้นใครกันที่ควบคุมเครื่องปิดสัญญาณ?


นีลเซ็นพึมพำในใจแล้วถามคนบนเรือ “ปกติแล้วเรือของพวกนายมีปัญหาเกี่ยวกับการปิดกั้นสัญญาณเกิดขึ้นบ้างหรือไหม?”


ชาวประมงที่คุกเข่าอยู่ที่ดาดฟ้าส่ายหัวด้วยความสับสน


พวกฉินสือโอวรู้สึกเย็นวูบวาบ อย่างนั้นเมื่อครู่นี้มันอะไรกัน? บูลขึ้นเรือได้ไม่นานสัญญาณก็หายไป และหลังจากที่พวกเขาขึ้นเรือมาก็ไม่มีสัญญาณด้วย


แต่ภายหลังปัญหานี้ก็ถูกปล่อยไป มีสัญญาณก็ดีแล้ว ฉินสือโอวให้ชาร์คหาข้อมูลว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรือนาร์วาล มอร์รี่


ไม่นานเขาก็ตอบกลับมา “เรือนาร์วาล มอร์รี่อยู่สังกัดสถานีประมงนิวยอร์ก เป็นเรือประมงน้ำหนักสองพันตันที่เป็นของบริษัทผลิตภัณฑ์ทางทะเลมอร์รี่ เรือลำนี้ออกมาจากท่าเรือนิวยอร์กในวันที่สิบห้าเดือนกรกฎาคม ปลายทางคือมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ”


พอได้ยินคำว่ามอร์รี่สองครั้ง ฉินสือโอวก็นึกถึงบริษัทมอร์รี่ขึ้นมาได้กะทันหัน เขาถามอย่างตื่นเต้น “บริษัทผลิตภัณฑ์ทางทะเลมอร์รี่ เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลมอร์รี่ที่ทำธุรกิจอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาไหม?”


“นี่เป็นบริษัทของครอบครัวพวกเขาครับ” ชาร์คพูด


แบบนี้ฉินสือโอวก็เข้าใจแล้ว มิน่าชาวประมงพวกนี้ถึงสามารถเอาเรือดำน้ำมาขโมยปลาได้ แม่งเอ๊ย มีคนสนับสนุนการเงินอยู่เบื้องหลังนี่เอง!


ชัดเจนมาก ก่อนหน้านี้ชาลส์ มอร์รี่ คุณชายที่สามแห่งตระกูลมอร์รี่มาหาฉินสือโอวเพื่อเจรจาความร่วมมือทางธุรกิจ ผลสุดท้ายพอเห็นว่าร่วมมือกับเขาไม่สำเร็จก็เลยใช้วิธีอื่น โดยการใช้เรือดำน้ำมาขโมยปลา


พวกเขาวางแผนมาดีจริงๆ ถ้าฉินสือโอวไม่ได้มีหัวใจโพไซดอน ครั้งนี้พวกเขาคงได้ซวยจริงๆ!


ตระกูลมอร์รี่มุ่งมั่นที่จะขโมยปลาทูน่าครีบน้ำเงินของฟาร์มปลาต้าฉินจริงๆ!


ได้ยินฉินสือโอวพูดว่าเรือนาร์วาล มอร์รี่ และตระกูลมอร์รี่ พวกชาวประมงที่คุกเข่าอยู่ที่ดาดฟ้าเรือก็ตื่นตระหนก เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขารู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง


เห็นพวกชาวประมงที่ตื่นตระหนกแล้ว ฉินสือโอวก็ลูบกราบเรือพลางพูดอย่างผ่อนคลาย “โอเคเพื่อน เตรียมคำอธิบายเรื่องที่ปลอมแปลงเรือเข้ามาในพื้นที่ของคนอื่นไว้ให้ตำรวจทะเลของพวกเราด้วย แล้วก็ฉันเชื่อว่าในเรือดำน้ำของพวกนายมีระบบจีพีเอสระบุตำแหน่งอยู่ ฉันว่ามันก็คงจะมีบันทึกการเดินเรือของพวกนายอยู่นะ?”


ในเมื่อหลบไม่ได้แล้ว กัปตันเลยยืนขึ้นแล้วพูด “ก็ได้คุณฉิน ผมจะพูดความจริง พวกเรามาจากตระกูลมอร์รี่ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะเจรจากันไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? ปล่อยพวกเราไปเถอะ แล้วคุณจะได้รับมิตรภาพจากตระกูลมอร์รี่…”


“ทารุณเขา!” ฉินสือโอวแผดเสียงบอกนีลเซ็นและบูล


นีลเซ็นเตือนเขา “อนุสัญญาของรัฐละครับบอส”


“นวดให้เขาสักหน่อย ถือว่าผ่อนคลายกระดูก” ฉินสือโอวเปลี่ยนคำพูด


นีลเซ็นและบูลยิ้มอย่างน่าสะพรึง ยกกำปั้นขึ้นแล้วพุ่งไปหากัปตันคนนั้น กำปั้นทั้งสองทำให้เขาร่วงลงไปกับพื้น เริ่มแสดงเรื่องอู่ซงสู้เสือในรูปแบบสามมิติ


ระหว่างทางฉินสือโอวได้แจ้งตำรวจไว้แล้ว ตอนนี้เขาเป็นคนที่เหล่าตำรวจทะเลให้ความสำคัญในการปกป้อง พอได้ยินว่ามีคนอเมริกันปลอมแปลงเป็นเรือประมงแคนาดาเพื่อเข้ามาขโมยปลาก็รีบออกโรงทันที แต่ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้มาด้วยเรือสปีดโบ๊ทแต่เป็นเฮลิคอปเตอร์


การเปลี่ยนชื่อเรือโดยพลการเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นปัญหาที่ร้ายแรงมาก ปกติแล้วจะมีเพียงเรือลักลอบขนสินค้าเถื่อนหรือเรือขนยาเสพติดอะไรแนวๆ นี้เท่านั้นที่จะทำแบบนี้ ตัวอย่างเช่น ในภาพยนตร์เรื่องนักฆ่าหน้านักบุญ ตอนที่เรือติดอาวุธของนิโคลัส เคจหลบหนีการตรวจสอบของตำรวจสากล ก็ใช้วิธีเปลี่ยนชื่อเรือชั่วคราว


ลักษณะแบบนี้ดูคล้ายรถที่แก้ไขทะเบียนโดยพลการ แน่นอนว่าการควบคุมในท้องทะเลนั้นเข้มงวดกว่าบนบกมาก


ไม่ว่าจะพูดอย่างไร พวกเขาก็ซวยแน่ๆ


พอเจอตำรวจทางทะเล กัปตันหน้าตาช้ำเลือดช้ำหนองก็ยังอยากที่จะสู้ เขาบอกว่าพวกฉินสือโอวลงมือทำร้ายคน


ตำรวจทางทะเลไม่สนใจ พวกชาวประมงล้วนเป็นพวกเลือดร้อน ความขัดแย้งในทะเลต้องจบลงด้วยการที่ฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายหน้าตาช้ำเลือดช้ำหนองอยู่แล้ว แค่ไม่ตายก็พอ


แน่นอนว่าฉินสือโอวไม่ยอมรับ ถึงแม้ตำรวจทางทะเลจะไม่สนใจแต่เขาก็ต้องพูดอะไรสักหน่อย “เขาไม่ระวังไปชนโน่นชนนี่เอง พวกเขาบอกว่าเห็นปลาหมึกยักษ์อยู่ใต้น้ำ? ฮ่าๆ ปลาหมึกยักษ์! ทำไมพวกเขาไม่บอกว่าตัวเองเจอนางเงือกไปเลยล่ะ?”


“พวกเราเห็นปลาหมึกยักษ์จริงๆ!” ชาวประมงที่มาขโมยปลาพูดด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม


ตำรวจทางทะเลพูด “ฮ่าๆ น่ากลัวจังเลย”


นอกจากจะเอาตัวหัวขโมยปลาไปแล้ว ตำรวจทางทะเลยังลากเรือนาร์วาล มอร์รี่ลำนั้นไปด้วย พวกเขาอยากเอาเรือดำน้ำสองลำนั้นไป แต่ฉินสือโอวไม่ให้ “นี่เป็นของเชลยของพวกเรานะเพื่อน ของเชลย”


“ไม่ นี่ไม่ใช่การสู้รบ พวกคุณไม่มีสิทธิ์เอาของคนอื่นไป” พวกตำรวจทางทะเลพูด


ฉินสือโอวยิ้มแปลกๆ “คุณคิดแบบนี้จริงๆ เหรอ?”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)