หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา 758-761
บทที่ 758 เมื่อโอกาสมาถึง จงโจมตี!
ความคิดนั้นไม่ได้ส่งตรงไปหาคนๆ เดียว แต่เป็นการประกาศให้ทุกคนในที่แห่งนั้นทราบโดยทั่วกัน!
สีหน้าของหวังเป่าเล่อมืดมน ชายหนุ่มหรี่ตาลง หากเป็นคนอื่นที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขาคงกระสับกระส่ายด้วยความประหม่าแน่นอน แต่ไม่ใช่หวังเป่าเล่อ ดวงตาของเขากวาดผ่านผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึก รู้ได้ในทันทีว่านางกำลังพยายามทำสิ่งใด
นางจิ้งจอกกำลังวางแผนบางสิ่งแน่ นางอาจสนใจต้องการแลกเปลี่ยนจริงๆ แต่เป็นไปได้มากกว่าที่ความต้องการที่แท้จริงของนาง คือการทำให้ตนเองไม่ขายหน้าไปมากกว่านี้ ซึ่งเป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผล ว่าเหตุใดนางจึงประกาศให้ทุกคนได้ยิน…ทั้งที่ความจริงแล้วจะส่งข้อความไปหาเป็นการส่วนตัวก็ได้! หวังเป่าเล่อวิเคราะห์สถานการณ์ แต่ก็เป็นเพียงการคาดเดาของเขาเท่านั้น ผู้ที่ก้าวขึ้นมามีอำนาจเป็นถึงผู้บัญชาการกองทหารที่มีปราณขั้นจิตวิญญาณอมตะย่อมไม่ใช่คนโง่เขลาเบาปัญญาแน่นอน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดหรือในสถานะใด บทเรียนจากอัตชีวประวัติเจ้าพนักงานระดับสูงก็ยังใช้ได้เสมอสำหรับเขา
อย่าเดิมพันชีวิตของตนเองเพราะเห็นว่าคนอื่นไม่เคยทำผิดพลาด
ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายวาบ สัญชาตญาณของเขาบอกว่านี่คือโอกาสงามในการเชื่อมสัมพันธ์กับหนึ่งในกองทหารที่ทรงพลังที่สุดในสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์แห่งอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์
วันนี้ข้าสูญเสียมามากแล้ว ไม่มีทางให้ข้าระบายอารมณ์เลย ถ้าเช่นนั้น…มาลองดูกันดีกว่าว่าข้าจะสามารถทำให้คนสำคัญของสำนักประทับใจได้หรือไม่! จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความคิดมากมาย
ก่อนที่ผู้บัญชาการกองทหารเกราะดำจะทันได้ตอบ หวังเป่าเล่อก็หยิบแผ่นหยกของตนเองออกมา ประทับสัมผัสสวรรค์ของตนเองลงไป จากนั้นก็ยกมันชูขึ้นฟ้าพร้อมตะโกนก้อง “ศิษย์พี่สวีเฟยจื่อ ศิษย์น้องหลงหนานจื่อของท่านคนนี้รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งที่ท่านได้ช่วยชีวิตของข้าไว้ เพื่อแสดงความขอบคุณ ข้าขอบริจาคปลามังกรหยดหมึกหนึ่งร้อยตัวให้กองทหารเกราะดำ ข้าสาบานว่าจะทำคำสัญญานี้ให้ลุล่วงภายในสามปี!”
ชายหนุ่มให้คำมั่นเหมาะกับทั้งกองทัพแทนที่จะเป็นกับคนคนเดียว และประกาศอย่างชัดเจนว่าเป็นการบริจาค ซึ่งทำให้การแลกเปลี่ยนนี้ดูมีไมตรีจิตขึ้นมาและช่วยลดความห้วนห้าวลงได้มาก เมื่อเทียบกับข้อเสนอของกองทหารมังกรหยดหมึกแล้ว ข้อเสนอของหวังเป่าเล่อเหนือชั้นกว่าเห็นๆ
เรื่องนี้ทำให้ผู้ฝึกตนจากกองทหารเกราะดำหันมาพิจารณาหวังเป่าเล่ออย่างถี่ถ้วนมากยิ่งขึ้น แม้แต่ชายชราที่เอนกายอยู่บนด้วงเกราะดำภายในฟองสบู่สีรุ้งยังปรายตามองเขา ใบหน้าคล้ายจะมีรอยยิ้มบาง เขาหันไปมองผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกด้วยแววตาของผู้ที่เหนือกว่าโดยไม่พยายามเก็บซ่อนแม้แต่น้อย ยกนิ้วก้อยขึ้นแคะหู ก่อนพูดอย่างไม่รู้สึกรู้สา
“การที่ผู้ฝึกตนที่มีปราณขั้นแสร้งอมตะที่เป็นถึงผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกพลาดท่าให้ผู้ฝึกตนไม่มีหัวนอนปลายเท้าซึ่งเป็นเพียงผู้สวามิภักดิ์ของสำนักเราทั้งด้านมารยาทและไหวพริบเช่นนี้ หากเจ้าต้องการชีวิตของเด็กนี่มากนัก เหตุใดจึงไม่มอบปลามังกรหยดหมึกหนึ่งร้อยตัวเช่นเดียวกับเขาเลยเล่า”
สีหน้าของผู้ฝึกตนหญิงขุ่นมัวในทันที นางจ้องหวังเป่าเล่อเขม็ง ปลามังกรหยดหมึกนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยากหาสิ่งใดเหมือน เมื่อเลี้ยงให้เติบใหญ่เต็มวัยจะสามารถเปลี่ยนให้เป็นเรือบินรบชีวภาพได้ ในช่วงวัยแรกรุ่น ปลามังกรหยดหมึกสามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบสร้างเรือบินรบชีวภาพรูปแบบอื่นได้ ถือเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าเป็นอย่างมากในการเพิ่มศักยภาพให้เรือบินรบ มีเพียงสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำเท่านั้นที่ล่าปลามังกรหยดหมึกได้ จึงเป็นเรื่องยากมากสำหรับคนที่ไม่ได้เป็นศิษย์สำนักนี้ที่จะได้มันมาไว้ในครอบครอง ด้วยเหตุนี้ปลามังกรหยดหมึกจึงเป็นของล้ำค่าหาที่เปรียบมิได้
ปลาชนิดนี้เป็นทรัพยากรที่ต้องใช้อย่างแยบคาย สำนักอาจไม่สนใจมากนักหากปลามังกรหยดหมึกตัวหรือสองตัวถูกมอบให้ผู้อื่น แต่ไม่ใช่กับร้อยตัวแน่ อย่างแรกคือนางไม่มีทางหาปลามังกรหยดหมึกมาได้มากขนาดนั้น และต่อให้ไปหยิบยืมเงินทองคนอื่นมาเพื่อซื้อ ของกำนัลเช่นนี้ก็ถือเป็นการทำผิดกฎของสำนัก
หวังเป่าเล่อคิดถูก นางอาจต้องการเอาชีวิตของเขา แต่เมื่อเขาเข้ามาเหยียบสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ได้แล้ว นางก็พร้อมจะปล่อยเรื่องนี้ไป การบุกเข้าอาณาเขตของคู่อริไม่ใช่เรื่องที่ควรค่านำมาเสี่ยง นางจะไม่ยอมแหกกฎที่ทราบกันทั่วอาณาจักรเพียงเพื่อความสะใจชั่วคราวแน่
แต่การปล่อยให้หลงหนานจื่อได้หายใจต่อไปก็ทำให้นางรู้สึกเสียศักดิ์ศรี หลังจากเหตุการณ์นี้คนอื่นๆ อาจไม่ยอมเชื่อฟังนางเหมือนเคยอีก ด้วยเหตุนี้นางจึงเปิดปากขอเจรจากับผู้ฝึกตนเฒ่าก่อน นางคิดไว้อย่างรอบคอบแล้ว หากกองทหารเกราะดำตกลงรับข้อเสนอก็จะเป็นการดีที่สุด แต่หากไม่ยอมรับ นางก็มีทางถอยห่างจากเรื่องนี้เช่นกัน การที่นางฆ่าหลงหนานจื่อไม่ได้นั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เรื่องใหญ่คือการที่กองทหารเกราะดำปกป้องเขาต่างหาก นอกจากนี้หลงหนานจื่อคงไม่มีวันอยู่ในสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ไปได้ตลอดชีวิต ถึงอย่างไรเขาก็ต้องออกมายังโลกภายนอกในวันหนึ่งอยู่ดี
แต่แผนการที่คิดมาอย่างดีของนางกลับต้องพังทลายลงเมื่อหวังเป่าเล่อประกาศว่าจะบริจาคปลามังกรหยดหมึกหนึ่งร้อยตัวให้สำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ภายในสามปี คำมั่นสัญญาของชายหนุ่มทำให้ค่าตัวเขาสูงขึ้น ซึ่งแปลว่านางจะต้องหาทางสังหารเขาอย่างลับๆ มิเช่นนั้นความตายของเขาจะทำให้กองทหารเกราะดำมาทวงค่าชดเชยจากกองทหารของนางได้!
ไอ้สารเลวนี่! นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้บัญชาการหญิงรับรู้ได้ถึงผลของคำพูด และอำนาจของมันในการสลับเปลี่ยนขั้วสถานการณ์จากหน้ามือเป็นหลังมือ ใบหน้าของนางขุ่นมัว แต่ก็ทำได้เพียงกัดฟันกรอดและหันหลังจากไปเท่านั้น นางจะหาทางแก้แค้นทีหลัง
ศิษย์รักของนางผู้ที่เกือบตายด้วยน้ำมือหวังเป่าเล่อยืนอยู่เคียงข้าง เขาไม่ทันตระหนักว่าอาจารย์ของตนเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ใด เพราะไม่ได้มีปัญญาที่หลักแหลมเท่าหวังเป่าเล่อ ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงอ่านไม่ออกว่าอาจารย์ของตนกำลังตกที่นั่งลำบาก แต่เขารู้ดีว่าโอกาสที่ตนเองจะได้แก้แค้นในวันนี้นั้นเหลือน้อยนัก ขณะที่กำลังเตรียมตัวจากไปนั้น ดวงตาของเขาก็วาวโรจน์ด้วยความเจ้าคิดเจ้าแค้น เขาจ้องหวังเป่าเล่อที่ยืนอยู่ที่เส้นชายแดนเขม็ง คำพูดชั่วร้ายไหลออกจากริมฝีปาก
“ไอ้สารเลวไม่มีหัวนอนปลายตีน เจ้าไม่มีวันหดหัวอยู่ในสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ได้ตลอดไปหรอก วันนึงข้าจะจับเจ้าให้ได้ จะถลกหนังเจ้าทั้งเป็น ลอกกระดูกเจ้า เอาไขมันเจ้ามาทำไขให้ตะเกียงข้าเสีย หลังจากนั้นข้าจะลากวิญญาณเจ้าออกมา เอาไปขังไว้ในร่างทาสสตรีแล้วก็ปู้ยี่ปู้ยำ ให้เจ้ารู้สึกว่าตายไปในวันนี้ยังดีเสียกว่า!” เมื่อพูดจบชายหนุ่มก็พ่นลมเยาะทิ้งท้าย ก่อนหันหลังกลับเพื่อเตรียมตัวจากไปพร้อมอาจารย์ตน
คำพูดของเขาโชกด้วยความมุ่งร้าย ผู้ฝึกตนจากกองทหารเกราะดำหลายคนหันมามองหวังเป่าเล่อหลังจากได้ยินคำพูดนั้น หลายคนเริ่มจินตนาการรายละเอียดของสิ่งที่ผู้ฝึกตนหนุ่มหมายมั่นปั้นมือว่าจะกระทำกับอีกฝ่ายเป็นฉากๆ…
หวังเป่าเล่อชะงักค้าง เขาเคยถูกด่าทอค่อนแคะมามากมายตั้งแต่เริ่มเดินบนเส้นทางการฝึกตน หลายคนเคยอาฆาตว่าจะถลกหนังเขา ลอกกระดูก และด่าเขาว่าชั่วร้ายไม่มียางอาย จนตัวเขาเองเริ่มชินชากับคำพูดเช่นนี้แล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มได้ยินว่าตนเองจะถูกกระชากวิญญาณออกเพื่อเอาไปใส่ในร่างสตรี คำพูดนั้นทำให้หวังเป่าเล่อตัวสั่นเทิ้มด้วยความรังเกียจและโทสะรุนแรง!
ไอ้ระยำบัดซบ! สมองมันต้องโสมมขนาดไหนถึงคิดอะไรชั่วช้าเกินบรรยายเช่นนี้ได้ มันอยากข่มขืนข้ารึ จะปล่อยให้มันหายใจต่อไปไม่ได้เด็ดขาด! ความต้องการฆ่าพัดทวีขึ้นในใจหวังเป่าเล่อ เขาเป็นเหยื่อของเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น ไอ้พวกนี้ต้องการปล้นเขา ยึดเรือเขา จนเขาต้องเปิดฉากโจมตีเพื่อป้องกันตนเอง ในตอนที่กำลังจะจัดการไอ้ตัวลูกนั้น ตัวแม่ก็ดันโผล่มาช่วยเสียก่อน แถมตอนนี้ไอ้ตัวลูกยังมาประกาศคำพูดหยาบช้าต่อหน้าเขาอีก!
มันจะมากเกินไปแล้ว! ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ ชายหนุ่มก็ยิ่งบันดาลโทสะมากขึ้นเท่านั้น เลือดในกายของเขาเดือดพล่านด้วยความโกรธที่หาที่ระบายไม่ได้ เขาไม่มีทางยอมปล่อยวางเรื่องนี้อย่างแน่นอน ความโกรธสีแดงชาดกรรโชกเข้าบดบังสติของเขาเสียหมดสิ้น เมื่อถูกกระตุ้นเช่นนี้ ชายหนุ่มก็ไม่สามารถควบคุมตนเองได้อีกต่อไป ในตอนที่ผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกพร้อมด้วยศิษย์ของนางกำลังจะจากไป และเป็นตอนที่กองทหารเกราะดำรวมถึงผู้เฒ่าในฟองสบู่สีรุ้งคิดว่าเรื่องจบแล้ว หวังเป่าเล่อก็เปิดฉากโจมตี!
ความโกรธพวยพุ่งออกจากร่างเขาในบัดดล ร่างโปร่งกระโจนออกจากเส้นเขตแดน ระเบิดความเร็วในแบบที่เขาไม่เคยทำได้มาก่อน ทุกคนจับจ้องภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ไม่มีใครคาดคิดว่าชายหนุ่มจะเลือกโจมตีในตอนนี้ หวังเป่าเล่อพุ่งตัวไปข้างหน้า พุ่งเข้าหาศิษย์แห่งกองทหารมังกรหยดหมึกในทันที!
เขาเปรียบเสมือนสายฟ้าอันตรายที่พร้อมฟาดฟัน คนแรกที่มีปฏิกิริยาตอบโต้ไม่ใช่ชายหนุ่มแต่เป็นอาจารย์ของเขา นางหมุนตัวหันหลังกลับ สีหน้าตื่นตกใจขณะยกมือขวาขึ้นโบกเรียกผนึกยักษ์ให้พุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ หมายจะไล่เขาให้กระเด็นออกไป
ดวงตาของหวังเป่าเล่อสว่างวาบขณะมองผนึกยักษ์ที่กำลังพุ่งเข้าหาตน เขายกมือขวาขึ้นปล่อยพลังเต็มพิกัดออกมาโจมตีผนึกยักษ์ การปะทะทำให้ร่างของชายหนุ่มสั่นอย่างรุนแรง เลือดสดๆ กระจายออกจากปาก มือขวาแตกละเอียดเป็นชิ้นๆ ก่อนระเบิดออกมาขณะที่เจ้าของแขนกระโจนหลบไปข้างหลังเพื่อหนีแรงปะทะจากผนึก
แต่ยังไม่จบแค่นั้น นิ้วหนึ่งจากมือที่แตกสลายระเบิดกลายเป็นเปลวไฟสีดำในบัดดล นิ้วอาบด้วยเปลวไฟมรณะพุ่งผ่านผนึกด้วยความเร็วแสงตรงเข้าหาผู้เป็นศิษย์ สีหน้าของชายหนุ่มคู่อริทั้งตกใจทั้งโล่งใจเพราะคิดว่าตนเองรอดตาย แต่นิ้วที่กำลังเผาไหม้กลับปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาในพริบตา เจาะทะลุผ่านศีรษะของเขาไปอย่างคมกริบ
ชายหนุ่มตัวสั่นสะท้าน ระหว่างคิ้วมีรูกลวงโบ๋ แรงระเบิดพัดเขาให้ปลิวไปด้านหลัง ดวงตาดูจับต้นชนปลายไม่ถูก เขาอยากหันหน้ากลับไปหาอาจารย์ แต่ก่อนที่จะได้ทำเช่นนั้น ศีรษะก็พลันระเบิดออกดังโพละ ทั้งเลือดเนื้อและวิญญาณดับสลายกลายเป็นเศษธุลี!
ทุกสิ่งเกิดขึ้นรวดเร็วมาก คนธรรมดาคงมองว่าการกระทำของหวังเป่าเล่อเป็นความบ้าดีเดือดขาดสติ ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะทำเช่นนี้ ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขากระทำการสำเร็จ!
“คุนเอ๋อร์!” ผู้ฝึกตนหญิงผู้นำกองทหารมังกรหยดหมึกมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง นางกรีดร้องด้วยความโกรธ หันไปมองหวังเป่าเล่อด้วยสายตาที่ต้องการกินเลือดกินเนื้อ ชายหนุ่มพยายามใช้พลังงานของกระแสปราณจากแรงระเบิดในการส่งตนเองให้กลับไปอีกฟากของเขตแดน!
หน้าอกเขายุบลง มือขวาขาดด้วน ใบหน้าซีดเผือด ลมหายใจไม่เป็นจังหวะ แต่ในดวงตากลับมีความพอใจแกมสะใจล้ำลึกที่ทำให้ทุกคนซึ่งได้เห็นจำไม่รู้ลืม ทุกคนอุทานด้วยความตกใจ
“ไอ้หมอนี่มันคนจริง!”
“ไอ้หลงหนานจื่อนี่ไม่ธรรมดา!”
“แค่มันกล้าโจมตีในสถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่น่าเชื่อแล้ว ว่าแต่ไอ้ปลามังกรหยดหมึกร้อยตัวที่มันประกาศว่าจะบริจาคให้ก่อนหน้านี้ อย่าบอกนะว่ามันคิดหาทางหนีทีไล่นี้ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เจ้าหนุ่มนี่…ช่างฉลาดหลักแหลมเสียจริง!”
บทที่ 759 อย่าได้บังอาจดูหมิ่นนักหลอม...
ในกลุ่มคนที่บรรลุขั้นการฝึกตนระดับสูง ก็พอจะมีบางคนที่ทำความเข้าใจอะไรได้ช้า แต่ไม่มีทางมีคนโง่อยู่ในหมู่คนกลุ่มนี้แน่ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ในกองทหารเกราะดำตระหนักดีว่าคำสัญญาของหวังเป่าเล่อนั้นแง่หนึ่งก็เพื่อปกป้องตนเอง ส่วนอีกแง่ก็เพื่อสานสัมพันธ์กับกองทหารเกราะดำ
วิธีที่รวดเร็ว สะดวก และได้ผลดีที่สุด นอกจากสร้างความเกลียดชังคือการสร้างผลประโยชน์ อย่างการให้กู้ยืมก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยสานสัมพันธ์ระหว่างผู้คนได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเริ่มต้นความสัมพันธ์เช่นนี้แล้ว ก็มักจะสานต่อไปได้อย่างยั่งยืนจนกระทั่งจ่ายหนี้หมด
หวังเป่าเล่อตระหนักเรื่องนี้ได้ตั้งแต่ยังเด็ก และเขาก็เคยใช้วิธีนี้อยู่หลายหนจึงหยิบขึ้นมาใช้อีกครั้งอย่างไม่ลังเลใจ ขณะเดียวกัน ลึกๆ ในใจ มันก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ชายหนุ่มกล้าเสี่ยงสังหารศิษย์ของผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึก
แน่นอนว่าเขาโกรธ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่ทนไม่ได้ ในแง่หนึ่ง การสังหารศิษย์ผู้นั้นถือเป็นการทดสอบ ส่วนอีกแง่หนึ่ง ก็เป็นการวางตำแหน่งให้กับตัวเองอย่างพิถีพิถัน
ชายหนุ่มไตร่ตรองมาอย่างละเอียด แต่พอเจอเรื่องกองทหารมังกรหยดหมึกจึงกลายเป็นว่าไม่สามารถทำตามแผนเดิมทีละขั้นได้อีก ขณะเดียวกันโอกาสใหม่ก็เผยโฉมขึ้นตรงหน้า แต่การจะไต่เต้าเอาตำแหน่งในสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ เขาจะต้องแสดงความสามารถให้ทุกคนได้ประจักษ์
ปัจจัยทั้งหมดนี้มารวมอยู่ในฉากการสังหารศิษย์ด้วยความเกรี้ยวกราดของเขา!
ฝูงชนรอบๆ ที่พากันตื่นตกใจเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าหวังเป่าเล่อคิดถูก แต่เมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนทั่วไปของกองทหารเกราะดำแล้ว ชายหนุ่มสนใจท่าทีของผู้บัญชาการกองทหารเกราะดำมากกว่า
และท่าทีที่ว่านั่น…ก็เผยให้ได้เห็นอย่างรวดเร็ว!
ขณะที่หวังเป่าเล่อล่าถอยออกมา ผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกที่เพิ่งเสียศิษย์รักไปก็ร้องคำรามลั่น ตั้งท่าเตรียมออกไล่ล่าด้วยจิตสังหารที่อัดแน่นอยู่ในดวงตา แสงผิดแปลกฉายวาบในดวงตาของผู้อาวุโสที่นอนอยู่บนหลังด้วงดำในฟองอากาศสีรุ้งเป็นครั้งแรก เขามองหวังเป่าเล่ออย่างลุ่มลึกก่อนจะหัวเราะออกมา
“น่าสนใจ” ผู้อาวุโสพูดพร้อมยกมือขวาจิ้มมั่วๆ บนหลังด้วง ทันใดนั้น ด้วงยักษ์สีดำก็เงยหน้าอ้าปาก ร้องคำรามเสียงดังออกมา เสียงคำรามของมันทะลุผ่านฟองอากาศสีรุ้งและระเบิด แรงปะทะพัดกระจายออกไปด้านนอกเขตเส้นแสง ก่อนจะก่อตัวเป็นพายุเบื้องหน้าหวังเป่าเล่อ พัดไปยังผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกที่กำลังไล่ล่าชายหนุ่มอยู่
เสียงดังสนั่นทั่วบริเวณ หวังเป่าเล่อตัวสั่นเทิ้ม เขากัดฟันแน่นและถอยเข้าไปในเขตเส้นแสง ถึงผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกจะแข็งแกร่ง แต่นางก็อยู่เพียงขั้นแสร้งอมตะ ไม่ใช่ขั้นจิตวิญญาณอมตะที่แท้จริง สีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไปเมื่อพายุส่งผลต่อความเร็วของนาง ส่งผลให้ทำได้แค่ยืนมองหวังเป่าเล่อหนีเข้าไปในเขตเส้นแสง ความคลุ้มคลั่งในใจทำให้นางต้องร้องคำรามอย่างเกรี้ยวกราดออกมา
แต่ผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกนั้นเป็นคนดุดัน แม้นางจะเดือดจัดจนถึงขีดสุด แต่ก็ก้าวไปบนห้วงอวกาศเบื้องล่างอย่างเกรี้ยวกราดและหายวับไป ไม่แม้แต่จะหันมองหวังเป่าเล่อ
การที่หญิงสาวกลับออกไปเช่นนั้นทำให้หวังเป่าเล่อรู้สึกหงุดหงิดกว่าการได้ยินนางโต้ตอบกลับ นั่นเพราะเขารู้ดีว่าคนเช่นนี้คือคนที่โหดร้ายอย่างจริงแท้
ต้องจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด! หวังเป่าเล่อหรี่ตา ละสายตาจากผู้บัญชาการกองทัพมังกรหยดหมึกและหันกลับมากุมมือคำนับให้กองทหารเกราะดำและฟองอากาศสีรุ้ง
“ศิษย์พี่ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ!”
เหมือนว่าผู้อาวุโสในฟองอากาศจะไม่ได้ยินที่หวังเป่าเล่อพูด เขาเอนตัวนอนและหลับตาลง
สีหน้าของชายหนุ่มยังคงไม่แปรเปลี่ยน หลังจากคำนับผู้อาวุโสอีกครั้ง เขาก็ถอยหลังกลับด้วยท่าทีนอบน้อมเช่นนั้นไปประมาณสามพันเมตรจึงหันกลับและเตรียมจากไป
ในตอนนั้นเอง สวีเฟยจื่อเหมือนจะพอใจการกระทำของหวังเป่าเล่อ จึงพูดขึ้น
“หลงหนานจื่อ เจ้าให้คำมั่นไว้ว่าจะหาปลามังกรหยดหมึกมาให้สามร้อยตัวภายในสามปี ข้าจะจำคำมั่นนั้นไว้”
ได้ยินเช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็เงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็กุมหมัดคำนับสวีเฟยจื่ออีกรอบพร้อมพูดขึ้นอย่างนอบน้อมโดยไม่คิดแอบซ่อนความเจ็บปวดที่มี
“ศิษย์น้องรับทราบ” เขาตอบอย่างไร้ซึ่งชีวิตจิตใจ ชายหนุ่มกุมหน้าอกแน่นขณะจากออกไปอย่างเชื่องช้าเหมือนว่าได้รับบาดเจ็บรุนแรง หลังจากเดินออกไปนอกเขตที่ปกคลุมด้วยสัมผัสสวรรค์ขั้นจิตวิญญาณอมตะ หวังเป่าเล่อก็หรี่ตา มองกลับไปทางกองทหารเกราะดำ
เพิ่มจำนวนเป็นสามเท่า ผู้บัญชาการกองทหารเกราะดำช่างร้ายกาจเสียจริง เขาตั้งใจทำให้ข้าตกที่นั่งลำบาก… หวังเป่าเล่อหรี่ตา เดิมทีเขาก็ไม่ได้วางแผนจะบอกปัดหนี้ ถ้าสถานการณ์เป็นใจ ชายหนุ่มก็คิดจะมอบปลามังกรหยดหมึกไปเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับกองทหารเกราะดำให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
แต่คำพูดของสวีเฟยจื่อเมื่อครู่ทำให้เขาปัดความคิดนั้นทิ้งไป ชายหนุ่มตระหนักถึงความตั้งใจของผู้บัญชาการกองทหารเกราะดำดี อีกฝ่ายต้องการจะเพิ่มมูลค่าของหวังเป่าเล่อ ทำให้การตายของชายหนุ่มมีคุณค่ามากขึ้น
“ไม่ต้องถึงสามปี มากสุดหนึ่งปี…ถ้าข้ายังหาทางมอบปลามังกรหยดหมึกไม่ได้ ผู้บัญชาการกองทหารเกราะดำจะสร้างสถานการณ์ว่าข้าโดนกองทหารมังกรหยดหมึกสังหาร จากนั้นก็เรียกร้องค่าชดเชยจากกองทหารมังกรหยดหมึก” เขาพึมพำ ความเร็วไม่ได้ตกลง จุดหมายของชายหนุ่มไม่ใช่ดาวเอกอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ แต่เขาต้องการหาสถานที่ที่ใช้ในการฝึกวิชาภายในห้วงจักรวาลซึ่งควบคุมโดยสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์
สถานที่เช่นนั้นไม่ได้หายากอะไร ดาวเคราะห์เล็กๆ หรือสะเก็ดดาวสักดวงก็ถือว่าเหมาะสมมากแล้ว แต่เทียบกันดูแล้วอย่างหลังน่าจะหาพอได้ง่ายกว่า
ผ่านไปครึ่งเดือน หวังเป่าเล่อก็พบสะเก็ดดาวที่เหมาะใช้ฝึกวิชา เขานั่งขัดสมาธิ ปรับสมดุลพลังปราณ กล้ำกลืนฝืนรับความเจ็บปวดจากการฉีกกระชากร่าง ในที่สุดก็สามารถคลายคำสาปของแมลงปอสีเลือดออกจากทรวงอกได้สำเร็จ จากนั้นก็เริ่มจัดแจงความคิดและแผนการใหม่
จะความอาฆาตจากกองทหารมังกรหยดหมึกก็ดี หรือคำขู่จากกองทหารเกราะดำก็ดี ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน…ก็ชี้ให้เห็นว่าตัวตนและระดับพลังปราณของข้าก็ยังอ่อนแอกว่าพวกเขาอยู่ดี! หวังเป่าเล่อที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนสะเก็ดดาวเงยหน้ามองห้วงอวกาศเบื้องบน เขายื่นมือขวาลงไปยังผืนดินรอบตัว จากนั้นก็ขุดชิ้นส่วนสะเก็ดดาวขึ้นมาไว้ในมือ
เปลี่ยนตัวตนใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็มีความเสี่ยงในอนาคต จะให้บรรลุขั้นการฝึกตนก็ไม่สามารถทำได้ในเวลาสั้นๆ แต่..มีอย่างหนึ่งที่ข้าทำได้เพื่อจะเปลี่ยนสถานการณ์นี้!
ชื่อเสียง! หวังเป่าเล่อออกแรงบีบสะเก็ดดาวในมือ เสียงปริแตกดังขึ้นตามแรงบีบ ดวงตาของเขาฉายแสงวาบขึ้น
ถ้าข้าเป็นคนมีชื่อเสียงที่ทุกคนในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์รู้จัก ถึงจะเปลี่ยนสถานการณ์ไม่ได้ทั้งหมด แต่ข้าก็จะสามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้หลังได้รับความสนใจจากสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์!
ความยากอยู่ตรงที่จะได้รับความสนใจในระดับที่ข้าต้องการหรือเปล่า…ทางเดียวที่จะทำได้สำเร็จก็คือลงมือทำอะไรบางอย่างที่สร้างความตื่นตกใจได้ หวังเป่าเล่อครุ่นคิดจนถึงจุดนี้ จากนั้นความคิดในหัวก็เริ่มชัดเจนขึ้น
ไม่มีเรื่องไหนจะยิ่งใหญ่และน่าตื่นตกใจไปกว่าการที่คนคนเดียวสามารถโค่นกองทัพทั้งกองลงได้ แสงเย็นเยียบฉายวาบขึ้นในดวงตาชายหนุ่ม พอคิดถึงตอนที่ต้องทำลายเรือบินรบที่ลำบากสร้างมากับมือ ตอนที่โดนผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกไล่ล่า และตอนที่ทนทุกข์ทรมานจากคำสาปของแมลงปอสีเลือด ดวงตาของเขาก็ฉายแววแน่วแน่เด็ดเดี่ยว
ด้วยระดับการฝึกตนของข้า ต้องมีเรือบินรบจำนวนมากพอจึงจะทำเช่นนั้นได้!
เรือบินรบพวกนี้ไม่ต้องมีระดับสูงมาก แค่ระเบิดตัวเองได้ก็พอ ข้าต้องปรับตัวอักขราจารึกเพื่อให้เกิดการทำลายตัวเองอย่างต่อเนื่อง…ต้องมีกำลังคนเพียงพอที่จะคุมเรือบินรบพวกนี้ หวังเป่าเล่อหลับตา หยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลืมตาขึ้นช้าๆ
ได้เวลาใช้งานเหล่าหุ่นเชิดของข้า! ตัดสินใจได้ดังนั้น หวังเป่าเล่อก็ไม่มัวเสียเวลา เขาเริ่มจากการเพิ่มพลังวงแหวนปราณที่ตั้งขึ้นรอบๆ เพื่อใช้ระหว่างการฟื้นฟูตนเอง จากนั้นก็เปิดกำไลคลังเวทและหยิบกระเป๋าคลังเก็บสิบกว่าใบออกมา ในกระเป๋าเต็มไปด้วยของมากมายที่ได้มาตอนร่วมมือกับสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ออกปล้น
ยังไม่พอ… ชายหนุ่มตรวจดูข้าวของอีกครั้ง พอคิดวางแผนในหัวเสร็จ ก็เปิดใช้แผ่นหยกสื่อสารในทันที เขาส่งข้อความเสียงไปหาเต๋อคุนจื่อเพื่อขอให้อีกฝ่ายรวบรวมวัตถุดิบต่างๆ ที่ต้องการและส่งมาให้เป็นชุดๆ ขณะเดียวกันก็ส่งรายชื่อสิ่งของให้เต๋อคุนจื่อและสั่งให้อีกฝ่ายไปหาซื้อมาจากที่อื่น
เต๋อคุนจื่อหนีกลับมาดาวเอกอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์แล้ว ตอนแรกก็ระแวดระวังตัว ประกอบกับไปได้ยินข่าวลือต่างๆ มา พอได้ทราบข่าวลือเรื่องข้อพิพาทระหว่างหลงหนานจื่อกับผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกและการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกองทหารเกราะดำ เขาก็ยิ่งวางใจไม่ได้ เป็นกังวลหนักขึ้นกว่าเดิม สำหรับเต๋อคุนจื่อแล้ว ทั้งสองกองทหารนั้นเป็นกลุ่มคนที่เขาไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วย
หลังจากได้รับข้อความเสียงจากหวังเป่าเล่อ เขาก็ไตร่ตรองอยู่ในใจ ท้ายที่สุดก็ถอนหายใจ กัดฟันแน่น และทำตามที่หวังเป่าเล่อสั่งมา
สามเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว สะเก็ดดาวที่หวังเป่าเล่อพำนักอยู่นั้นภายนอกดูปกติ แต่ภายในเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง พื้นที่ด้านในสะเก็ดดาวกลวงโบ๋ มีทะเลเพลิงไหลหลากอยู่ภายใน นอกจากหวังเป่าเล่อที่ตอนนี้อยู่ในสภาพหัวฟูจากการหลอมอาวุธเวทอย่างบ้าคลั่ง ยังมีหุ่นเชิดหลากหลายขนาดจำนวนนับพันตัวอยู่ในพื้นที่ด้านในสะเก็ดดาวด้วย
เหล่าหุ่นเชิดกำลังวิ่งวุ่นเข้าออกสะเก็ดดาวซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ผลิตเรือบินรบจำนวนมากซึ่งมีหน้าที่ระเบิดตัวเอง!
แค่นี้ยังไม่พอ คอยดูเถอะ ผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึก! หวังเป่าเล่อโบกมือขวา สร้างหุ่นเชิดขึ้นอีกสามตัว หลังจากส่งพวกมันไปช่วยงานก่อสร้างรอบๆ เขาก็ลงมือหลอมเรือบินรบเพิ่มอีก!
บทที่ 760 กลับสู่ดารานิรันดร์!
ด้วยความช่วยเหลือจากหุ่นเชิดจำนวนมาก และการที่เขายอมลดความคงทน ความเร็ว และพลังโจมตีของเรือบินรบลง ทำให้หวังเป่าเล่อสร้างเรือบินรบได้เป็นจำนวนมาก ถึงแม้จะเรียกพวกมันว่าเรือบินรบไม่ได้อีกต่อไปแล้วก็เถอะ
ให้เรียกว่าวัตถุเวทขนาดใหญ่อาจจะดูเหมาะกว่า เพราะเหตุนี้กระบวนการหลอมจึงลดทอนลงไปมาก ทำให้จำนวนเรือบินรบพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว
ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน หวังเป่าเล่อก็หลอมเรือบินรบขึ้นได้เกือบพันลำ ชายหนุ่มไม่ได้ใส่แก่นวิญญาณที่ช่วยให้ควบคุมเรือบินรบผ่านความคิดเพื่อเป็นการลดต้นทุน
ดังนั้นในมุมหนึ่งเรือบินรบเหล่านี้จึงไม่ต่างจากขยะเลย แต่นี้ก็เป็นแค่สภาพก่อนการระเบิด หากสั่งระเบิดแล้ว พลังที่ผสานรวมกันของพวกมันสามารถปลดปล่อยพายุรุนแรงขนาดเขย่าฟ้าดินได้
นั่นเพราะหวังเป่าเล่อทุ่มเทพลังไปกับการจัดวัตถุดิบให้ได้พลังระเบิดสูงที่สุดเมื่อทำลายตนเอง ทำให้แทนที่จะเรียกว่าเรือบินรบ เรียกว่าเป็นลูกระเบิดที่พร้อมระเบิดทุกเมื่อน่าจะเหมาะสมกว่า!
ชายหนุ่มยังเป็นกังวลว่าแรงระเบิดที่ได้จากการทำลายตัวเองนั้นจะไม่เพียงพอ จึงใช้วิธีหลอมอาวุธเวทของสหพันธรัฐเสริมเข้าไปอีก ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่พอใจอยู่ดี หลังจากคิดสักพัก หวังเป่าเล่อก็ชั่งใจว่าจะเสริมดวงตาปีศาจเข้าไปอีกดีหรือไม่ เพราะถึงมันจะช่วยเสริมแรงระเบิดได้ แต่ก็เสี่ยงกับการเปิดเผยตัวตนอยู่ไม่น้อย
เอาแค่นี้แล้วกัน ข้าเสริมพลังได้มากสุดเพียงเท่านี้ หวังเป่าเล่อที่นั่งขัดสมาธิอยู่ด้านในสะเด็ดดาวหันมองเรือบินรบจำนวนเกือบพันลำรอบตัวและถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย จากนั้นก็ก้มมองกำไลคลังเวท เมื่อเห็นวัตถุดิบที่เหลืออยู่ก็ค่อยๆ หรี่ตาลง
ถึงจะไม่ได้ใส่แก่นวิญญาณเพื่อเชื่อมกับสัมผัสสวรรค์ ทำให้ขยายสัมผัสสวรรค์ออกไปควบคุมเรือบินรบได้อย่างแม่นยำไม่ได้…แต่ข้าไม่จำเป็นต้องควบคุมเรือบินรบ แค่คุมหุ่นเชิดก็พอแล้ว! แสงผิดแปลกฉายวาบในดวงตาของหวังเป่าเล่อ นี่คือแผนที่ชายหนุ่มวางเอาไว้ เขาจะควบคุมหุ่นเชิดจำนวนมากเพื่อให้ควบคุมกองเรือบินรบต่ออีกที
ดังนั้น เมื่อเรือบินรบระเบิดทำลายตัวเอง เหล่าหุ่นเชิดก็จะระเบิดทำลายตัวเองด้วยเช่นกัน ถึงพลังระเบิดของพวกมันจะไม่สู้กองเรือบินรบ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไร้พลังเลย
กองทหารมังกรหยดหมึก พวกเจ้ากล้าปล้นข้า เพราะฉะนั้นครั้งนี้ ข้าจะเป่าพวกเจ้าให้เป็นจุณ! หวังเป่าเล่อพ่นลมทางจมูก หยุดคิดเรื่องเรือบินรบ แค่เริ่มครุ่นคิดวิธีรับมือผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกที่มีระดับการฝึกตนอยู่ในขั้นแสร้งอมตะ
ชายหนุ่มทราบดีว่าถ้าหาทางรับมือนางไม่ได้ แผนทั้งหมดที่วางไว้ก็จะสูญเปล่า ที่โจมตีไปก็เหมือนกับเป็นการฆ่าตัวตาย
ระดับการฝึกตนแตกต่างกันเกินไป ถ้าร่างจริงออกมาสู้ด้วย ข้าก็เทียบชั้นนางไม่ได้…แต่ก็อาจขังไว้แล้วเลือกไม่สู้ก็ได้… หวังเป่าเล่อลูบคาง ดวงตาฉายแสงวาบขณะครุ่นคิด
เรื่องวางกับดัก ข้าเชี่ยวชาญเป็นอย่างดี… ขณะคิดเช่นนั้น อาวุธเวทต่างๆ อย่าง เกราะระฆังทองคำ เชือก วงแหวนปราณ และอื่นๆ ก็ปรากฏขึ้นในหัว แต่สุดท้ายเขาก็ปัดความคิดนั้นไป
“ตอนนี้ข้ามีทรัพยากรจำกัด ถึงจะสร้างได้ ก็คงไม่ได้จำนวนที่มากพอจะเป็นประโยชน์ อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดอะไรไม่ดีขึ้น” หวังเป่าเล่อพูดพึมพำพร้อมเงยหน้าขึ้นมองเหล่าหุ่นเชิดที่ง่วนอยู่กับการทำงาน ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ชายหนุ่มหลอมหุ่นเชิดขึ้นหลายพันตัวเพื่อให้กระบวนการสร้างเรือบินรบเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว
เรือบินรบแต่ละลำต้องใช้หุ่นเชิดสามตัวในการควบคุม ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะมีหุ่นเชิดเหลือประมาณเจ็ดพันตัว… ดวงตาของหวังเป่าเล่อค่อยๆ ฉายแสงวาบขึ้นขณะกำลังคิดคำนวณความเป็นไปได้ในหัว
หากผนวกระบบหลอมอาวุธเวทของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เข้าและเสริมพลังพวกมันอย่างไร้ขอบเขต ข้าจะรวมพวกมันเป็นกลุ่มละพันตัวเพื่อสร้างวงผนึกได้…เป้าหมายไม่ใช่เพื่อขังนางผู้อยู่ในขั้นแสร้งอมตะให้ได้นานๆ ขอแค่ขังให้ได้สิบชั่วลมหายใจในทุกรอบก็พอแล้ว!
ด้วยวิธีนี้ ข้าจะขังนางได้เจ็ดรอบ รอบละสิบชั่วลมหายใจ! หวังเป่าเล่อตัดสินใจได้เมื่อคิดมาจนถึงจุดนี้ นี่คือวิธีที่จะสูญเสียทรัพยากรและวัตถุดิบน้อยที่สุด ดังนั้นเขาจึงไม่มัวเสียเวลา เข้าสู่การถือสันโดษต่อทันที และคอยเสริมพลังให้กับหุ่นเชิดอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะใช้ขังผู้ฝึกตนขั้นแสร้งอมตะได้
เวลาดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เช่นนั้นและอีกสามเดือนก็ผ่านไป!
หวังเป่าเล่อใช้ข้าวของในกระเป๋าคลังเก็บไปกว่าร้อยละเก้าสิบเพื่อเสริมพลังหุ่นเชิดเจ็ดพันตัวและประกอบเรือบินรบหนึ่งพันลำขึ้น ด้วยความช่วยเหลืออย่างเต็มที่จากเต๋อคุนจื่อ แผนการกองทัพฉายเดี่ยวของเขาก็เสร็จสมบูรณ์
ยังไม่พอ ยังขาดกระบวนท่าช่วยเหลือ! หลังจากเก็บหุ่นเชิดและเรือบินรบเสร็จ หวังเป่าเล่อก็ยืนมองห้วงอวกาศเบื้องหน้าอยู่บนสะเก็ดดาว เขาพูดพึมพำพร้อมก้าวย่างหายวับไปในห้วงอากาศ ทิ้งสะเก็ดดาวที่พำนักมาครึ่งปีไว้และมุ่งหน้าจากไป
ระหว่างการเดินทาง รูปลักษณ์ของหวังเป่าเล่อก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พอออกจากเขตพื้นที่ที่ควบคุมโดยสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์และเข้าไปในพื้นที่สาธารณะ ชายหนุ่มก็แปลงโฉมเป็นจั่วอี้เซียน ในด้านหนึ่งก็เพื่อกลบร่องรอยของตัวเอง ส่วนอีกด้านหนึ่ง เต๋อคุนจื่อได้บอกเขาว่าตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา กองทหารมังกรหยดหมึกออกประกาศจับตนไปทั่วอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์
กระบวนท่าช่วยชีวิตของข้าคือการใช้การเคลื่อนย้ายของดวงเนตรหมื่นปีศาจ ทำให้ข้าสามารถใช้ไอพลังของมันจากที่ใดก็ได้เพื่อเคลื่อนย้ายจากที่โล่งไปปรากฏข้างดารานิรันดร์!
ดังนั้น ข้าต้องซื้อสิทธิ์ใช้ดวงเนตรหมื่นปีศาจของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์หนึ่งหน!
หวังเป่าเล่อพึมพำในใจพร้อมเร่งความเร็วขึ้น จุดหมายที่เขามุ่งหน้าไป…คือจุดที่ดารานิรันดร์ของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ตั้งอยู่
นี่ไม่ใช่ความคิดที่ผุดขึ้นมาชั่วขณะ แต่เป็นสิ่งที่คิดมากก่อนหน้านี้ตอนวางแผนการครั้งใหญ่บนสะเก็ดดาว เขาจึงถามเต๋อคุนจื่ออ้อมๆ ถึงวิธีเปิดใช้ดวงเนตรหมื่นปีศาจ
หวังเป่าเล่อถามอีกฝ่ายอย่างชาญฉลาด จนเต๋อคุนจื่อไม่กล้าไม่ตอบคำถามแม้จะนึกสงสัย ถึงกระนั้น ชายหนุ่มก็เพิ่งเข้าใจกระจ่างในวันนี้
ถ้าไม่มีอำนาจพิเศษก็ไม่สามารถให้ของบูชาดวงเนตรหมื่นปีศาจเพื่อเปิดใช้งานได้ มีเพียงกองทหารเท่านั้นที่มีสิทธิ์!
หวังเป่าเล่อมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงสามวันก็ไปถึงเขตดารานิรันดร์ของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ เมื่อเห็นดารานิรันดร์ขนาดใหญ่จากที่ไกลๆ เขาก็หยุดชั่วขณะและสัมผัสแรงกดดันน่าสะพรึงกลัวของมันอยู่ชั่วครู่ ชายหนุ่มกัดฟันแน่นและมุ่งหน้าเข้าไปใกล้ดารานิรันดร์เรื่อยๆ
ขณะที่เข้าไปใกล้ดารานิรันดร์ ไอร้อนรุนแรงก็พวยพุ่งออกมา พลังทำลายล้างที่แผ่ออกมาจากดารานิรันดร์ทำให้แม้แต่ดวงวิญญาณของชายหนุ่มยังสั่นเทิ้ม เมื่อเข้าไปใกล้จนถึงขีดจำกัดที่สามารถทนได้ไหว เขาก็หยิบตราประจำตัวออกมาจากกระเป๋าคลังเก็บ!
ตรานี้เป็นสัญลักษณ์แทนกองทหารสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ พอหยิบตราออกมา หวังเป่าเล่อก็ทำตามวิธีที่เต๋อคุนจื่อบอกมา เขาสร้างผนึกฝ่ามือขึ้นเพื่อเปิดใช้งานตราประจำกองทหาร จากนั้นก็ตะโกนไปทางดารานิรันดร์
“รองผู้บัญชาการกองทหารเกลียวคลื่นสวรรค์หลงหนานจื่อขออนุญาตเปิดใช้งานดวงเนตรหมื่นปีศาจ!”
ทันทีที่หวังเป่าเล่อเปิดใช้งานตราสัญลักษณ์และพูดขึ้นด้วยเสียงดังก้อง ดารานิรันดร์ก็ไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ดูเหมือนว่าไอร้อนจัดที่แผ่ออกมาจะปั่นป่วนไป หวังเป่าเล่อไม่ได้ใจร้อนจึงรออยู่เงียบๆ ประมาณสิบห้านาที ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็สังเกตเห็นจุดสีดำปรากฏขึ้นบนดารานิรันดร์ช้าๆ!
จุดสีดำขยายขนาดอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยดวงจิตแรงกล้าที่ไม่สามารถบรรยายได้ซึ่งค่อยๆ ตื่นขึ้น ราวกับว่าได้ตื่นจากการหลับใหลภายในดารานิรันดร์ ในที่สุด จุดสีดำก็ขยายไปได้ในระดับหนึ่ง ดวงตาขนาดใหญ่ปรากฏแทนที่ดารานิรันดร์ในห้วงอวกาศ!
สิ่งนี้คือดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์!
มันคือดวงเนตรหมื่นปีศาจ!
ตอนนั้นเองกายของหวังเป่าเล่อก็สั่นเทิ้ม วิชาดวงเนตรปีศาจในร่างตื่นขึ้น ความหิวกระหายที่เคยปรากฏขึ้นก่อนหน้าปะทุรุนแรงกว่าเดิมอีกครั้ง
ต่อไป ข้าต้องใช้สัมผัสสวรรค์เชื่อมกับดวงเนตรหมื่นปีศาจเพื่อทำสัญญา! หวังเป่าเล่อตื่นเต้นสุดขีด แม้จะตรวจสอบให้มั่นใจแล้วว่าเต๋อคุนจื่อไม่ได้ปิดบังข้อมูลอะไรไว้และบอกทุกอย่างที่รู้ให้ฟังหมดแล้ว เขาก็ต้องหยุดไปชั่วขณะเพราะความหิวกระหายจากวิชาดวงเนตรปีศาจในร่างกาย
แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้หยุดนาน ความแน่วแน่ปรากฏขึ้นในดวงตาของหวังเป่าเล่ออย่างรวดเร็ว เขาเลิกลังเล จากนั้นก็ขยายสัมผัสสวรรค์ออกไปใกล้ดวงจิตกล้าแกร่งที่เพิ่งตื่นขึ้นในดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์เบื้องหน้า
เขาไม่ได้เชื่อมกับดวงจิตอย่างสมบูรณ์ เพียงแค่สร้างการเชื่อมโยงอ่อนๆ กับดวงจิตของดวงเนตรหมื่นปีศาจเท่านั้น ถึงกระนั้น ในหัวหวังเป่าเล่อก็เกิดเสียงดังขึ้น และเหมือนว่าการทำสัญญาจะสำเร็จลุล่วง ไอสีดำพวยพุ่งออกมาจากดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์และเข้าห้อมล้อมหวังเป่าเล่อ มอบสิทธิ์ในการเคลื่อนย้ายหนึ่งครั้งให้เขา
ตามที่เต๋อคุนจื่อบอก เมื่อถึงจุดนี้แสดงว่าทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว ชายหนุ่มสามารถดึงสัมผัสสวรรค์กลับมาได้ ตอนนั้นเอง ดวงจิตในดวงเนตรหมื่นปีศาจก็ค่อยๆ หายไป ดวงเนตรเลือนหายจากดารานิรันดร์ ราวกับกำลังกลับสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างกำลังจะจบลง หวังเป่าเล่อกลับพยายามดิ้นรน เขารู้สึกเหมือนยังขาดอะไรไปหากปล่อยให้ทุกสิ่งสิ้นสุดไปเช่นนี้ โดยเฉพาะความหิวกระหายที่วิชาดวงเนตรปีศาจในกายปล่อยออกมา ชายหนุ่มพูดพึมพำอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะกัดฟันแน่นเมื่อดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์กำลังจะปิดลง พร้อมดวงจิตที่หายวับไปจนเกือบสมบูรณ์
มีอะไรให้กลัวกัน อย่างมากก็แค่สร้างร่างอวตารขึ้นใหม่! เมื่อคิดได้เช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็เลิกต้านความหิวกระหายของวิชาดวงเนตรปีศาจภายในกายและปลดปล่อยมันออกมาทั้งหมด
ขณะที่ชายหนุ่มปลดปล่อยวิชาดวงเนตรปีศาจ ดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์ที่กำลังจะปิดลง…ก็พลันลืมตาขึ้นอีกครั้ง!
ขณะเดียวกัน ดวงจิตที่กำลังจะหายวับไปก็ตื่นขึ้นมาใหม่!
บทที่ 761 มรดกบางส่วน!
ขณะที่ดวงจิตในดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์ตื่นขึ้น ร่างของหวังเป่าเล่อก็สั่นไหวรุนแรง เนื่องจากสัมผัสสวรรค์ของเขายังเชื่อมอยู่กับดวงจิต ความหิวกระหายของวิชาดวงเนตรปีศาจในกายที่ปล่อยออกมากลายเป็นมือขนาดเล็กพุ่งเข้าไปคว้าบางอย่างมาจากดวงเนตรหมื่นปีศาจ ในตอนนั้นเอง ข้อมูลมากมายจากที่ไหนไม่รู้ก็ปรากฏขึ้นในหัวชายหนุ่ม ร่างของเขาสั่นเทิ้ม รู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิด!
หากเป็นคนอื่นคงจะตายลงตรงนั้นไปแล้ว โชคดีที่ร่างอวตารของหวังเป่าเล่อนั้นพิเศษ มันกลายเป็นหมอกพัดกระจายออกไปทันทีก่อนจะกลับมารวมตัวใหม่อีกครั้ง ด้วยวิธีนี้ทำให้ชายหนุ่มสามารถทนพลังรุนแรงนั้นได้
หลังจากทานทนพลังดังกล่าวได้ ร่างของหวังเป่าเล่อก็ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง แม้จะมีเลือดไหลออกตามทวารทั้งเจ็ด แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความสุขเกินกว่าที่จะเชื่อได้
นี่มัน… ดวงวิญญาณของชายหนุ่มสั่นไหว ร่างกายสั่นเทิ้ม เขาพบกระบวนท่าส่วนต่อของวิชาดวงเนตรปีศาจ!
กระบวนท่าเหล่านี้ไม่ใช่กระบวนท่าขั้นจุติวิญญาณ แต่เป็นกระบวนท่าขั้นเชื่อมวิญญาณ!
หรือถ้าจะอธิบายให้ชัดเจนมากขึ้นก็คือ กระบวนท่าที่ปรากฏในหัวของเขาไม่ใช่วิชาดวงเนตรปีศาจแต่เป็นวิชาดวงเนตรสวรรค์!
ถึงจะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ไม่ใช่ทั้งหมด ด้วยความคุ้นเคยและความเข้าใจในวิชาดวงเนตรปีศาจ หวังเป่าเล่อจึงตัดสินได้ทันทีว่ากระบวนท่านี้ไม่ใช่ของปลอม แต่เป็นพลังเทพส่วนต่อที่เขาต้องการพอดี!
แม้การเรียนรู้กระบวนท่านี้โดยตรงจะไม่เหมาะเท่าไหร่ แต่ถ้าให้เวลาสักหน่อย ชายหนุ่มย่อมสามารถผสานวิชาแห่งศาสตร์มืดให้เข้ากับวิชาดวงเนตรสวรรค์ส่วนเล็กๆ ที่ได้มา และเปลี่ยนมันให้กลายเป็นวิชาดวงเนตรปีศาจที่เหมาะกับเขาได้!
ของขวัญชิ้นใหญ่นี้จู่ๆ ก็โผล่มา จึงทำให้แม้แต่หวังเป่าเล่อเองยังตื่นตะลึงไป ครู่ต่อมา ความบ้าคลั่งก็ฉายชัดขึ้นในดวงตาของชายหนุ่ม เขาขยายสัมผัสเทพออกไปอีกครั้ง พยายามดึงข้อมูลมาเพิ่ม โดยไม่ได้สนใจสภาพปัจจุบันของตนเองแต่อย่างใด
แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่ชายหนุ่มคิดไว้ ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่ ข้อมูลที่ได้มาเพิ่มทุกๆ ครั้งกลับซ้ำกับข้อมูลก่อนหน้านี้ตลอด ทำให้หวังเป่าเล่อไม่ได้ข้อมูลใหม่เพิ่ม
ดูเหมือนว่าหากชายหนุ่มต้องการข้อมูลเพิ่ม เขาจะต้องสร้างความเชื่อมโยงระหว่างสัมผัสสวรรค์ของตนกับดวงจิตให้แข็งแกร่งกว่านี้ แต่…ถึงจะทราบเช่นนั้น ชายหนุ่มก็ไม่สามารถทำได้
เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าการเชื่อมโยงระหว่างสัมผัสสวรรค์และดวงจิตของดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์นั้นอ่อนพลัง ชายหนุ่มต้องการสร้างการเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งกว่านี้ แต่ก็เหมือนมีชั้นป้องกันบางอย่างที่ยากจะทลายขวางอยู่ ทำให้ล้วงข้อมูลมาได้ยาก
หวังเป่าเล่อพยายามซ้ำๆ จนดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์ค่อยๆ เลือนรางไปพร้อมดวงจิตด้านในที่หายวับไปอีกครั้ง เมื่อดารานิรันดร์กลับคืนสู่สภาพปกติ ชายหนุ่มก็ได้แต่ถอนหายใจและยืนครุ่นคิด ผ่านไปสักพักก็ก้มมองตราประจำกองทหารสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ ดวงตาของเขาฉายแสงวาบ หลังจากวิเคราะห์สถานการณ์เสร็จ หวังเป่าเล่อก็ได้คำตอบที่ตนเองก็ไม่ค่อยจะแน่ใจสักเท่าไหร่
เป็นไปได้หรือไม่ว่า…ดวงเนตรหมื่นปีศาจนี้คือมรดกตกทอด แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะรับไปได้ มีเพียงผู้ฝึกตนที่ได้เรียนรู้เคล็ดวิชาจากแหล่งเดียวกันเท่านั้นถึงจะรับไปได้!
เพราะเช่นนั้นคนอื่นถึงรับไปไม่ได้ แต่ข้ารับไปได้…ถ้าข้าเดาถูก แสดงว่าถึงจะมีสิทธิ์ แต่ก็ต้องมีคุณสมบัติต่างๆ จึงจะรับแต่ละส่วนได้ตามระดับต่างๆ….ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็อธิบายได้ว่าเหตุใดข้าถึงได้มาแค่ส่วนเล็กๆ หรือมันจะเป็นเพราะข้ามีอำนาจไม่เพียงพอ หวังเป่าเล่อมองตราประจำกองทหารสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ในมืออีกครั้งและตรึกตรองต่อ
จะว่าไปการเชื่อมโยงของข้ากับดวงจิตของดวงเนตรแห่งดารานิรันดร์นั้นค่อนข้างอ่อนพลังหรือไม่ก็เชื่อมโยงได้แค่ขอบเขตด้านนอกของมันเท่านั้น พอจะเสริมการเชื่อมโยงให้แข็งแกร่งขึ้นก็ถูกกันไว้
หรือจะเป็นเพราะสิทธิ์ของกองทหารสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์นั้นไม่เพียงพอ หวังเป่าเล่อคิดต่อสักพักก่อนจะเก็บตราประจำกองทหารไป เขาต้องหาทางพิสูจน์เรื่องนี้ แต่ชัดเจนว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะจะทำเช่นนั้น เรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้คือก่อการจลาจลครั้งใหญ่!
คอยก่อนเถอะ กองทหารมังกรหยดหมึก! ดวงตาของหวังเป่าเล่อฉายแสงวาบ หลังจากสัมผัสได้ถึงพลังดวงเนตรหมื่นปีศาจที่มีแค่ตนที่สัมผัสได้ เขาก็หายวับออกไปจากดารานิรันดร์ในทันที
หวังเป่าเล่อใช้กระบวนท่าสารัตถะจำแลงกายตนเองและท่องไปทั่วอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ขณะที่กำลังมองหาโอกาสอยู่นั้น เขาก็ติดต่อไปหาเต๋อคุนจื่อและขอให้ช่วยจับตาดูการเคลื่อนไหวของกองทหารมังกรหยดหมึกไว้ เวลาผ่านไปครึ่งเดือน ชายหนุ่มก็เข้าใจการเคลื่อนไหวของกองทหารมังกรหยดหมึกอย่างชัดเจนหลังจากรวมข้อมูลของตนเองเข้ากับข้อมูลของเต๋อคุนจื่อ
ออกประกาศจับข้าทั่วอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เสร็จก็ออกล่าเลยหรือ หวังเป่าเล่อนั่งมองห้วงอวกาศห่างไกลอยู่บนสะเก็ดดาว ดวงตาของเขาฉายแสงเย็นเยียบ หลังจากรวบรวมข้อมูลอยู่ช่วงหนึ่ง ชายหนุ่มก็รู้ว่าก่อนที่กองทหารมังกรหยดหมึกจะมาปล้นตนเอง พวกเขาพบความสูญเสียครั้งใหญ่จากอวกาศชั้นนอก พอกลับมาจึงตกอยู่ในห้วงของความโกรธแค้นและสิ้นหวัง
แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาปล้นข้าเลย! หวังเป่าเล่อพ่นลมทางจมูก หลังจากรวบรวมข้อมูลจากหลายๆ แหล่งก็พบเส้นทางที่กองทหารมังกรหยดหมึกใช้เดินทางกลับ และตอนนี้เขาก็อยู่ตรงนั้น ตั้งใจจะประกาศให้กองทหารมังกรหยดหมึกได้รู้ว่าใครเป็นใหญ่ในที่แห่งนี้
คิดได้ดังนั้น หวังเป่าเล่อก็ตรวจดูอุปกรณ์ในกระเป๋าคลังเก็บ เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไร ร่างกายของเขาก็ค่อยๆ กลายเป็นหมอกหลอมรวมเข้ากับสะเก็ดดาว ไม่หลงเหลือร่องรอยหรือพลังใดๆ ขณะซุ่มรออยู่เงียบๆ
ชายหนุ่มรออยู่เช่นนั้น เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า พริบตาเดียว ครึ่งเดือนก็ผ่านไป หวังเป่าเล่ออดทนรอ แม้กองทหารมังกรหยดหมึกจะไม่โผล่มาเลยตลอดครึ่งเดือน แต่เขาก็ยังรออยู่อย่างนั้นไม่ขยับไปไหน
อีกครึ่งเดือนผ่านไป จู่ๆ คลื่นรบกวนก็พัดกระจายมาจากห้วงอวกาศซึ่งอยู่ห่างไกลออกไป หมอกบนสะเก็ดดาวพลันขยับ ภายในมีดวงตาแหลมคมหนึ่งคู่ที่สังเกตเห็นได้ไม่ค่อยชัดเจนนักปรากฏขึ้น
มาแล้วหรือ… ขณะที่หวังเป่าเล่อพึมพำอยู่ในใจ ในห้วงอวกาศห่างออกไปไม่มาก กองทัพเรือบินรบขนาดยักษ์หลายร้อยลำก็กำลังมุ่งหน้าตรงมา
เรือบินรบแต่ละลำนั้นมีขนาดและพลังยิ่งใหญ่กว่าเรือบินรบของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์อยู่มากโข ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเหล่าเรือบินรบดูคล้ายหมึกยักษ์ แต่ละลำเป็นเรือบินรบชีวภาพ ถ้ามีคนไม่ทราบสถานการณ์มาเห็นเข้าคงจะคิดว่าพวกมันทั้งหมดเป็นฝูงสัตว์ในห้วงอวกาศ
นั่นเพราะมีเรือบินรบชีวภาพในกองเรือกว่าสิบลำที่เป็นสีม่วงทั้งลำ พวกมันมีขนาดใหญ่กว่า พลังกดดันที่ปล่อยออกมาก็แข็งแกร่งกว่าเรือบินรบลำอื่นๆ จนดูราวกับเป็นหัวหน้าของฝูงสัตว์ก็ไม่ปาน
แม้เรือบินรบชีวภาพเหล่านี้จะได้รับความเสียหายแตกต่างกันไปและเหมือนว่าได้ผ่านศึกหนักหน่วงมา แต่คลื่นพลังที่ปล่อยออกมานั้นกลับแฝงไปด้วยความตื่นเต้น
เรือบินรบชีวภาพแต่ละลำแล่นด้วยความเร็วสูงท่องผ่านอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ทุกที่ที่มันผ่าน คลื่นพลังที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้นก็สามารถกวาดข้ามสิ่งที่กีดขวางทั้งหมดไปได้ และในตอนนี้ กองเรือบินรบก็กำลังเคลื่อนทัพเข้าไปใกล้สะเก็ดดาวที่หวังเป่าเล่ออยู่!
ชายหนุ่มไม่ขยับเขยื้อน เขาจับตาดูกองเรือบินรบอย่างใกล้ชิดพร้อมแสงประหลาดที่ฉายวาบขึ้นในดวงตา พลังที่แผ่ออกมาจากเรือบินรบสีม่วงอยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณ หลังจากค้นหาอยู่สักพักเขากลับไม่พบเรือบินรบเวทของผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึก หรือสัมผัสถึงพลังขั้นจิตวิญญาณอมตะ
ชายหนุ่มรู้สึกฉงน
นางไม่อยู่หรือ หรือว่าซ่อนตัวอยู่ในเรือบินรบลำอื่น แต่ถ้าคิดดูแล้ว นางก็ไม่น่าจะเดาความคิดข้าได้… ขณะที่กำลังครุ่นคิด กองเรือบินรบของกองทหารมังกรหยดหมึกก็มาถึงสะเก็ดดาวที่หวังเป่าเล่ออยู่ พวกเขาไม่พบสิ่งปกติอะไรในสะเก็ดดาว จึงเคลื่อนทัพผ่านไป
เมื่อเห็นว่ากองเรือบินรบของกองทหารมังกรหยดหมึกกำลังจะผ่านไป หวังเป่าเล่อก็ไม่มีเวลาให้คิดอีก เขาอยู่ในจุดที่ถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว!
ช่างปะไร! นางไม่อยู่นี่ละดีแล้ว! คิดเช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็เลิกลังเลใจ ขณะที่หมอกเคลื่อนตัว สะเก็ดดาวก็ระเบิดทำลายตัวเอง!
แรงสั่นสะเทือนกระจายไปทั่วบริเวณ เศษหินนับไม่ถ้วนกระเด็นไปทางกองทหารมังกรหยดหมึก ขณะที่กองทหารมังกรหยดหมึกกำลังจะตอบโต้ หวังเป่าเล่อก็ปรากฏตัวขึ้นจากหมอก เขายกมือขวากวาดลงด้านล่างอย่างรุนแรง ทันใดนั้น เรือบินรบทำลายตัวเองที่คุมโดยหุ่นเชิดหลายร้อยลำก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้ากองทหารมังกรหยดหมึก!
“จงระเบิด!” หวังเป่าเล่อร้องคำราม พลันเรือบินรบทำลายตัวเองนับร้อยก็พุ่งเข้าใส่กองทหารมังกรหยดหมึกเหมือนกับเป็นฝูงสุนัขคลั่ง
จะดีมากถ้าเรือบินรบพุ่งชนกับกองทหารมังกรหยดหมึก แต่ถ้าไม่ เรือบินรบพวกนั้นก็จะระเบิดในระยะใกล้อยู่ดี พลังทำลายตัวเองของเรือบินรบหลายร้อยลำที่ผสานกัน ประกอบกับการโจมตีอย่างไม่คาดฝันทำให้กองทหารมังกรหยดหมึกไม่สามารถตั้งตัวได้ทัน แรงระเบิดทำลายตัวเองขนาดสั่นสะท้านฟ้าดินปะทะเข้ากับกองทหารมังกรหยดหมึกเข้าอย่างจัง
แรงสั่นสะเทือนรุนแรงกระจายไปทั่วห้วงอวกาศในทันที!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น