หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา 754-757

บทที่ 754 บังอาจปล้นข้าหรือ

 

การเดินทางที่กินระยะเวลายาวนานถึงหนึ่งปีนั้นเป็นประโยชน์ต่อสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์มาก พวกเขาสะสมทรัพยากรได้มากโข จนสามารถปลดหนี้และได้ทุนคืนจากการนำมาสร้างเรือบินรบเมื่อหนึ่งปีก่อนอย่างแน่นอน รวมถึงหลังจากที่จัดการสะสางภาระเสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว ก็จะยังมีทรัพย์สินเงินทองเหลืออยู่มากกว่าเงินที่ใช้ไปก่อนออกเดินทางหลายเท่า


ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพวกเขาตัดสินใจยอมให้ดวงเนตรหมื่นปีศาจเลือกจุดหมายปลายทาง แทนที่จะกำหนดทางที่จะไปด้วยตนเอง สถานที่ที่พวกเขาไปเป็นบริเวณใหม่ที่ไม่เคยมีสำนักไหนค้นพบมาก่อน แน่นอนว่าทางเลือกสุ่มเสี่ยงนี้มีอันตรายรออยู่มากมาย แต่ด้วยการผนึกกำลังกันของหวังเป่าเล่อและเต๋อคุนจื่อ พวกเขาจึงสามารถรอดพ้นภัยอันตรายมาได้โดยแทบไม่มีรอยขีดข่วน


ทรัพย์สมบัติมากมายที่เก็บสะสมได้จะกลายมาเป็นภัยอันตรายกับพวกเขาอย่างแน่นอนทันทีที่กลับดาวบ้านเกิดไปได้และเริ่มจัดการทรัพย์สิน นอกจากนี้ปัญหาในตอนนี้ยังเป็นเรื่องการเก็บสมบัติอีกด้วย หวังเป่าเล่อต้องเปิดพื้นที่ในเรือบินรบของเขาให้ใช้เก็บข้าวของ ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงเก็บเรือบินรบเข้ากระเป๋าไม่ได้เหมือนเคย เรือบินรบแสนยิ่งใหญ่ของเขาจึงต้องเปิดเผยรูปโฉมให้ประชาชีได้ชม


หวังเป่าเล่อเป็นกังวลว่าการเปิดเผยฐานะที่ร่ำรวยเช่นนี้จะทำให้เกิดปัญหาตามมา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากพยายามทำให้หน้าตาเรือบินรบดูเก่าโทรมที่สุดเท่าที่จะทำได้ นอกจากนี้เขายังพยายามเก็บของที่ล้ำค่าที่สุดไว้ในกระเป๋าตนเองและกระเป๋าเพื่อนร่วมทางคนอื่นๆ ด้วย


เมื่อจัดการทุกสิ่งเรียบร้อยแล้ว เต๋อคุนจื่อก็จัดการปลุกพลังของดวงเนตรหมื่นปีศาจขึ้น จากนั้นพวกเขาทุกคนและเรือบินรบก็พุ่งผ่านลำแสงเจิดจ้าอันเป็นสัญญาณการเริ่มต้นการเคลื่อนย้าย แสงสว่างจุดให้ห้วงอวกาศสว่างไสว พร้อมด้วยเสียงดังสะเทือนแน่นในหู ผู้ฝึกตนจากสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์และเรือบินรบของพวกเขาอันตรธานหายไปในพริบตา


พวกเขามาปรากฏตัวอีกครั้งที่ดารานิรันดร์ของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์


ภาพที่คุ้นตาของดวงดาวและดาวเคราะห์บ้านเกิดทำให้ทุกคนบนเรือรู้สึกตื่นเต้นดีใจ เมื่อคิดถึงทรัพย์สมบัติที่ตนเองหามาได้ในคราวนี้ จิตใจของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความหวัง


หวังเป่าเล่อเองก็ตื่นเต้นเช่นกัน แต่ความตื่นเต้นของเขาไม่ได้มาจากการที่ได้กลับมาถึงดาวเอก แต่เป็นความต้องการกระบวนเวทซึ่งเป็นของราชวงศ์แห่งอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ เขาไม่สนใจดวงจิตที่ซ่อนอยู่ในดวงเนตรปีศาจแม้แต่น้อย ไม่ว่ามันจะแข็งแกร่งขึ้นมากเพียงใด วิชาแห่งศาสตร์มืดของเขาก็สยบมันไว้ได้เสมอ สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือการได้ภาคต่อของวิชาดวงเนตรปีศาจมาไว้ในครอบครอง มันจะทำให้พลังปราณของเขาพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ช่วยให้เขาก้าวผ่านขั้นเชื่อมวิญญาณไปเป็นขั้นจิตวิญญาณอมตะ และบรรลุถึงระดับดาวพระเคราะห์ได้ในที่สุด!


หากมีกระบวนเวทนั้น บวกกับความเร็วในการพัฒนาขั้นปราณของวิชาดวงเนตรปีศาจ ภายในไม่กี่วันข้าย่อมบรรลุระดับดาวพระเคราะห์แน่! หวังเป่าเล่อหรี่ตา ยังคงระวังตัวไม่ยอมวางใจง่ายๆ จากที่เขาทราบทั้งวิชาดวงเนตรปีศาจและวิชาดวงเนตรสวรรค์สามารถใช้เพิ่มพลังปราณของเขาในความเร็วที่ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน


ราชวงศ์ของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ต้องมีพลังการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน พลังของพวกเขาอาจถูกสามสำนักใหญ่สะกดเอาไว้ จึงทำให้ก้าวขึ้นมามีอำนาจสูงสุดผ่านการสังหารหมู่เพื่อยึดอำนาจไม่ได้ แต่พลังที่สั่งสมย่อมต้องมีมากมายอย่างแน่นอน


ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตนเองนั้น ผู้อาวุโสสูงสุดเต๋อคุนจื่อก็กำลังกลัดกลุ้มกับปัญหาของตนอยู่เช่นกัน ดวงวิญญาณของเขาถูกตราเอาไว้ด้วยผนึกที่ทำให้เขากลายเป็นข้ารับใช้ การปลอบใจตนเองและหลอกตนเองอย่างไม่ย่อท้อทำให้เขาคิดได้…ว่าการได้เป็นข้ารับใช้แห่งราชวงศ์นั้นเป็นเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่เพียงใด!


เขาเปลี่ยนความรู้สึกอดสูจากการถูกจองจำให้เป็นทาส โดยการพร่ำบอกกับตนเองว่านี่เป็นเกียรติสูงสุดในชีวิต เสียงของเต่อคุนจื่อที่เปล่งออกมานั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ


“พวกเรากลับมาถึงบ้านแล้ว ต่อไปก็เพียงต้องระวังขณะเดินทางกลับไปดาวเอกเท่านั้น ข้าว่าคงไม่มีปัญหาอันใดหรอก!”


ในตอนนั้นเอง เรือบินรบสองลำของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ก็ระเบิดความเร็วโดยฉับพลัน มุ่งหน้าพุ่งตรงไปยังทิศที่ดาวเอกของระบบดาวเคราะห์ดวงเนตรสวรรค์ตั้งอยู่


อาณาเขตของอารยธรรมถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนตามสำนักที่เป็นผู้ปกครองสูงสุด โดยมีดาวเอกตั้งอยู่ตรงกลาง พื้นที่รอบดาวเอกถูกหั่นออกเป็นสามบริเวณด้วยกัน พื้นที่ว่างโล่งขนาดมหึมาที่ล้อมรอบดาวเอกไว้เป็นที่ที่เอาไว้จองจำสมาชิกราชวงศ์ และถือเป็นพื้นที่สาธารณะของอารยธรรม


จุดที่มีดารานิรันดร์อยู่ไม่ได้เป็นของสำนักใดสำนักหนึ่ง แต่อยู่ในพื้นที่สาธารณะของอารยธรรม ด้วยเหตุนี้สำนักเกลียวคลื่นสวรรค์จึงวางแผนการเดินทางกลับบ้านให้อยู่ในพื้นที่สาธารณะเสียเป็นส่วนมาก


ด้วยความที่พื้นที่นี้เป็นสาธารณะ จึงมีเรือบินรบเหาะกันขวักไขว่เป็นประจำทุกวัน ซึ่งแปลว่าอันตรายจากการปล้นชิงนั้นมีมาก ความตึงเครียดระหว่างสามสำนักถูกกดทับไว้ นานๆ จะระเบิดออกมาให้เห็นกันสักที แต่ต่อให้แทบไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ความขัดแย้งก็ยังพอมีให้เห็นอยู่บ้าง โดยเฉพาะเมื่อมีกองทหารของสามสำนักใหญ่เข้ามาพัวพันด้วย


สำหรับสำนักเล็กอย่างสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ การจะเดินทางให้ปลอดภัยนั้นทำได้ง่ายๆ ด้วยการจ่ายค่าผ่านทางเท่านั้น สำนักใหญ่ๆ ไม่ค่อยทำให้ชีวิตของพวกเขายุ่งยากมากนักหากจ่ายค่าธรรมเนียมตามสมควร นี่คือหนึ่งในกฎที่ทุกคนรู้ดีแต่ไม่มีใครพูดในอารยธรรมแห่งนี้ การชำระค่าธรรมเนียมทำนองนี้ถือเป็นหนึ่งในรายได้ที่ทำให้กองทหารของสำนักทั้งสามเดินหน้าต่อไปได้


หวังเป่าเล่อทราบเรื่องนี้มาจากเต๋อคุนจื่อ ระหว่างทางกลับพวกเขาเจอกองทหารของสามสำนักใหญ่ถึงสามครั้ง ทุกครั้งเต๋อคุนจื่อจะจ่ายค่าผ่านทางให้กองทหารด้วยท่าทีชำนาญ จึงทำให้การเดินทางกลับสำนักของพวกเขายังไม่มีเรื่องมารบกวน ทุกคนมุ่งหน้าเข้าใกล้ดาวเคราะห์ดวงเนตรสวรรค์ขึ้นเรื่อยๆ


แต่โชคลาภของพวกเขาก็ดูเหมือนจะเหือดแห้งไปในตอนที่อยู่ห่างจากดาวเอกไปเพียงสองวันเท่านั้น พวกเขาเผชิญกับกองทหารขนาดเล็กที่ประกอบไปด้วยเรือบินรบหน้าตาประหลาดเจ็ดแปดลำ เรือบินรบเหล่านั้นดูเหมือนหนวดหมึกที่สร้างมาจากวัตถุดิบพิเศษ เป็นการหลอมรวมระหว่างสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติกับชิ้นส่วนที่สร้างขึ้น


เรือบินรบหน้าตาเช่นนี้ถือว่าหาได้ยากยิ่งกระทั่งในหมู่กองทหารของสามสำนักใหญ่ มีเพียงกองทหารที่ทรงพลังที่สุดสิบอันดับแรกของสำนักหลักเท่านั้นที่จะมีเรือบินรบเช่นนี้เอาไว้ในครอบครอง เรือบินรบหน้าตาเหมือนหนวดหมึกเหล่านี้ทรงพลังกว่าเรือบินรบทั่วไป แม้จะไม่เทียบเท่าเรือบินรบเวทที่ขับเคลื่อนได้โดยผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณอมตะ แต่ก็ถือได้ว่าใกล้เคียงเลยทีเดียว


สามครั้งก่อนหน้านี้พวกเขาเผชิญกับกองทหารจากสามกลุ่มอำนาจหลักเช่นกัน แต่พลังในการรบของคนเหล่านั้นเทียบอะไรไม่ได้กับเรือบินรบหน้าตาประหลาดที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้


แม้แต่เต๋อคุนจื่อยังอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นเรือบินรบเหล่านี้เข้า แม้จะดูทรุดโทรมไปบ้างราวกับเพิ่งผ่านศึกหนักมา แต่พลังทำลายล้างที่เรือบินรบเหล่านี้ปล่อยออกมา ก็ทำให้ทุกคนในเรือบินรบของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์รู้สึกกลัวจับขั้วหัวใจ


ต้นเหตุของความกลัวก็คือ…พลังของผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณแปดคนที่แผ่ออกมาจากเรือบินรบซึ่งดูเหมือนเพิ่งกลับมาจากการเดินทางไกล พลังรุนแรงไหลเข้าท่วมบริเวณโดยรอบราวกับเป็นคลื่นยักษ์ที่ถาโถม


มีความโกรธเกรี้ยวแฝงอยู่ในพลังรุนแรงนั้น ราวกับพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับสุนัขป่าที่หิวโหยซึ่งเพิ่งกลับมาจากสนามรบ มันพ่ายแพ้ในศึกครั้งก่อนหน้า และกำลังโกรธเคืองถึงที่สุดกับความปราชัยนั้น ทุกสิ่งมีชีวิตที่โชคร้ายมาขวางทางมันเข้า จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตผู้โชคร้ายที่ต้องรับชะตากรรมของโทสะนั้นไป


“กองทหารมังกรหยดหมึกแห่งสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ!” เต๋อคุนจื่อมีความรู้มากกว่าใครเพื่อนในเรื่องกองทหารอันมีชื่อเสียงภายใต้สามสำนักใหญ่ ความรู้สึกไม่สบายใจพัดโหมเข้ามาในใจทันทีที่เขาเห็นเรือบินรบหน้าตาเหมือนหมึกยักษ์เบื้องหน้า


เขาพูดเสียงเบา “กองทหารมังกรหยดหมึกแข็งแกร่งเป็นลำดับเจ็ดของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ เป็นกองทหารที่ขึ้นชื่อโหดเหี้ยมอำมหิตและบ้าเลือดเป็นอันมาก นอกจากนี้ยังไร้เหตุผลอีกด้วย ผู้นำของกองทหารนี้…เป็นผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะ! ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้จะเจอเรื่องไม่ค่อยดีมา พวกเราควรเดินหมากอย่างระมัดระวัง”


หวังเป่าเล่อหรี่ตา เขาสัมผัสได้ถึงพลังขั้นเชื่อมวิญญาณที่ไหลบ่าออกมาจากเรือบินรบหมึกยักษ์ พลังนั้นมีทั้งหมดแปดกระแสด้วยกัน ห้ากระแสแรกอยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นต้น ส่วนอีกสามกระแสที่เหลืออยู่ในชั้นกลาง เขาไม่สนใจแปดคนนี้มากนัก เป็นผู้นำของกองทหารนี้และสำนักที่คุ้มศีรษะของพวกเขาอยู่ต่างหาก ที่ชายหนุ่มรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถต่อกรด้วยได้ในตอนนี้


“ให้พวกเขาผ่านไปก่อน!” หวังเป่อเล่อหรี่ตา พูดออกคำสั่งในทันที เต่อคุนจื่อเองก็เห็นด้วย เขาบังคับเรือบินรบให้หลบลงเบื้องล่างเรือบินรบหมึกยักษ์ ราวกับกำลังค้อมคำนับผู้ทรงอำนาจกว่ากระนั้น กองทหารมังกรหยดหมึกพุ่งทะยานผ่านพวกเขาไปด้วยความแข็งแกร่งทรงพลัง


เต๋อคุนจื่อมองเรือบินรบที่พุ่งทะยานผ่านหน้าพวกเขาไปอย่างไม่สนใจใยดีแล้วก็กำลังจะถอนใจออกมาด้วยความโล่งอก ในตอนนั้นเองที่หวังเป่าเล่อผู้ซึ่งกำลังมองกองทหารอย่างไม่วางตาเริ่มมุ่นคิ้ว


หนึ่งในเรือบินรบของกองทหารมังกรหยดหมึกหยุดอยู่กลางอวกาศ ทันใดนั้น เสียงจากสัมผัสสวรรค์ก็ประกาศออกจากเรือบินรบที่หยุดนิ่งนั้น มันทะลุทะลวงผ่านเข้ามาในเรือบินรบสองลำของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์อย่างรุนแรง และเข้าท่วมท้นจิตสัมผัสของทุกคนอย่างไร้ความปราณี


“พวกข้าจะยึดทุกอย่างที่พวกเจ้าหามาได้ ส่วนพวกเจ้าก็เชิญ…ไสหัวไปซะ!”


เสียงนั้นเปรียบเสมือนระเบิดที่ปะทุออกมาในจิตใจของทุกคน ต่างคนต่างมีสีหน้าตกใจเมื่อได้ยิน ใบหน้าของเต๋อคุนจื่อกลายเป็นสีแดง ความโกรธโหมกระพือขึ้นในจิตใจอย่างควบคุมไม่ได้ ส่วนหวังเป่าเล่อก็มีแววตาเย็นเยียบคมปลาบ


“นายท่านขอรับ สำนักเกลียวคลื่นสวรรค์เป็นเพียงสำนักย่อยที่ยอมศิโรราบให้กับสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ ส่วนอีกฝ่ายเป็นถึงหนึ่งในกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ พวกเราเทียบพวกเขาไม่ติดแม้แต่น้อย…นอกจากนี้พวกเรายังอยู่ในพื้นที่สาธารณะอีกด้วย หากเราเปิดฉากโจมตีก่อนอาจพอมีโอกาสชนะเล็กน้อย แต่ผู้นำกองทัพนี้เป็นผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะ…” เต๋อคุนจื่อสูดหายใจเข้า โยนความโกรธของตนเองทิ้งไปทันทีเมื่อเห็นประกายเย็นเยือกในดวงตาของหวังเป่าเล่อ เขารีบส่งข้อความไปหาหวังเป่าเล่อเพื่อพยายามทำให้อีกฝ่ายใจเย็นลง


หวังเป่าเล่อรู้สึกหงุดหงิดเป็นอันมาก เนื่องจากโดยปกติแล้วเขาเป็นฝ่ายปล้นผู้อื่นตลอด แต่คราวนี้เป็นครั้งแรกที่กลายมาเป็นฝ่ายถูกปล้นเสียเอง สิ่งที่เต๋อคุนจื่อพูดนั้นมีเหตุผล พวกเขาไม่ได้อยู่ภายใต้สำนักมหาทัณฑ์สวรรค์โดยตรง หากพยายามต่อกรกับศัตรูเพื่อแย่งชิงทรัพยากรในตอนนี้ แรงสนับสนุนจากสำนักใหญ่ที่คุ้มหัวพวกเขาอยู่ต้องลดน้อยถอยลงแน่นอน


ชายหนุ่มรู้สึกปวดใจกับทรัพยากรที่พวกเขากำลังจะสูญเสียไป เมื่อลองชั่งข้อดีข้อเสียดูแล้วเขาก็สูดหายใจเข้าลึก แต่ก่อนที่จะได้ประกาศความคิดของตนเองออกไปนั้น…ประกาศจากสัมผัสสวรรค์จากเรือบินรบลำที่สองของกองทหารมังกรหยดหมึกก็มาถึงอีกครั้ง เสียงนั้นแข็งกร้าวอันธพาลกว่าเสียงแรกมากนัก ไม่ต่างจากพายุร้ายที่เริ่มก่อตัว


“เรือบินรบลำนี้น่าสนใจดี ถือว่าเป็นของข้าก็แล้วกัน!”


หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้นมองอย่างช้าๆ เขาไม่ใช่คนที่จะยอมก้มหน้าทนการโดนยั่วยุได้ง่ายๆ ประกายเย็นวาบเข้ามาในแววตาทันทีที่ได้ยินเสียงเยาะเย้ยนั้น ชายหนุ่มพลันหัวเราะออกมา


อยากได้เรือบินรบของข้ารึ ต่อให้พวกเจ้ามีผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะคุ้มกะลาหัวอยู่แล้วอย่างไรเล่า คิดว่าคนอย่างข้าจะกลัวหัวหดหรืออย่างไร

 

 

 


บทที่ 755 ความคุ้มครองจากผู้ฝึกตนขั้น...

 

เต๋อคุนจื่อรู้สึกว่าตนเองพลาดทันทีที่สัมผัสได้ถึงแรงสังหารจากหวังเป่าเล่อ เขาอาจเป็นทาสรับใช้ที่ถูกตีตรา จึงต้องทำตามสิ่งที่หวังเป่าเล่อต้องการทุกอย่าง แต่เขาเองก็ไม่อยากก้าวเท้าเข้าไปแหย่สามสำนักใหญ่ หากไม่ใช่ทางเลือกสุดท้ายของชีวิตจริงๆ สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำเพิ่งก้าวขึ้นมามีอำนาจ จึงทำให้สำนักนี้ให้ความสำคัญกับการปกป้องพวกพ้องของตนเองเป็นอันมาก จากสิ่งที่เขาได้ยินคนอื่นพูดกันมา สำนักนี้ขึ้นชื่อเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์สำนักอื่น ความชั่วร้ายโหดเหี้ยมของพวกเขาระบือไปไกล


จิตใต้สำนักของเต๋อคุนจื่อบอกเขาให้พยายามทำให้หวังเป่าเล่อใจเย็นลง และโน้มน้าวจิตใจอีกฝ่ายให้อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามเป็นอันขาด แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไร กองทหารมังกรหยดหมึกก็ชิงโจมตีเสียก่อน!


ห้วงอวกาศสั่นสะเทือนทันทีที่ลำแสงสีม่วงแปดสายระเบิดออกมาจากเรือบินรบกองทัพมังกรหยดหมึก และเข้าปะทะเรือบินรบของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ในทันที ลำแสงสีม่วงกลายสภาพไปเป็นตาข่ายสีม่วงแปดชั้นที่กักขังพวกเขาเอาไว้ภายใน ก่อนที่ตกข่ายนั้นจะถูกกระชากอย่างแรงลากพวกเขาไปด้วยตามทาง ดูเหมือนว่ากองทหารมังกรหยดหมึกจะตั้งใจใช้กำลังชิงตัวพวกเขาไป


พลังรุนแรงที่แผ่ออกมาจากตาข่ายสีม่วงแปดชั้นทำให้สานุศิษย์จากสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์พากันกระอักเลือดออกมา ร่างกายทานทนแรงกดดันนี้เอาไว้ไม่ไหว กระทั่งผู้ที่มีปราณอยู่ในขั้นจุติวิญญาณก็ยังรับมือไม่ได้ เต๋อคุนจื่อตัวสั่นเล็กน้อย หัวใจเต้นระรัวด้วยความกระวนกระวายและความกลัวที่ตีกันวุ่นวายไปหมด เขามองหน้าหวังเป่าเล่อ ส่งข้อความเสียงไปหาชายหนุ่มในทันที


“นายท่าน ปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปเสียเถิด หากท่านทำให้กองทัพมังกรหยดหมึกไม่พอใจ ก็เท่ากับว่าท่านกำลังหาเรื่องสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำอยู่ นอกเสียจากว่าเราจะอยู่ในอาณาเขตของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ไปตลอดชีวิต เราจะมีปัญหาแน่นอนหากก้าวสู่บริเวณอื่นในอนาคต!”


สีหน้าของหวังเป่าเล่อเย็นเยียบขึ้นอีกเมื่อได้ยินเสียงของเต๋อคุนจื่อ ก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ได้ต้องการสร้างปัญหาโดยไม่จำเป็นแม้แต่น้อย และกำลังจะปล่อยให้อีกฝ่ายยึดทรัพยากรไปด้วยซ้ำ แม้จะเสียดายไม่น้อย แต่ก็เป็นการตัดสินใจที่เขามองว่าเป็นผลดีในระยะยาว ทว่าเรือบินรบที่ชายหนุ่มพากเพียรหลอมมาเองกับมือมีความหมายกับเขามาก เขาใช้ทั้งเวลา ทั้งความพยายาม ทั้งทรัพยากรไปมากมายในการสร้างมันขึ้นมา ไม่มีทางที่เขาจะยอมปล่อยให้มันตกไปอยู่ในมือของคนอื่นแน่นอน


ในตอนนั้นเอง ใครบางคนในเรือบินรบของกองทหารมังกรหยดหมึกก็พ่นลมเยาะเย้ยออกมา


“ข้าให้เวลาสามวินาที ไสหัวไปให้พ้น!” รอยแยกปรากฏขึ้นในตาข่ายในทันที พลังที่ระเบิดออกมาดีดให้ผู้ฝึกตนจากสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ปลิวออกไปนอกเรือบินรบ กระจัดกระจายไปในอวกาศ


มีเพียงหวังเป่าเล่อเท่านั้นที่ยังคงยืดหยัดอยู่ที่เดิมบนเรือบินรบของเขา


“ไม่ยอมไปรึ” เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อแข็งข้อ เสียงเดิมก็เยาะเย้ยอีกครั้ง ผู้ฝึกตนแปดคนปรากฏตัวเข้าล้อมเรือบินรบของหวังเป่าเล่อเอาไว้ในทันที ต่างพากันปล่อยพลังปราณขั้นเชื่อมวิญญาณโดยไม่ลังเล พลังของพวกเขาไหลบ่าเข้าท่วมห้วงอวกาศบริเวณนี้ทั้งหมดเหมือนน้ำป่าเชี่ยวกราก


“เป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณแต่กลับไม้รู้จักที่ต่ำที่สูง หากเจ้าอยากอยู่นัก ก็อย่าหวังว่าจะได้ออกไปจากที่นี่อีกเลย!” เสียงเดิมที่อัดแน่นไปด้วยคำขู่ดังลั่นอีกครั้ง เจ้าของเสียงคือชายชราผมขาวโพลน ผู้มีสีหน้าเย็นชาหยิ่งยโส ดวงตาของเขาเย็นเยียบจนราวกับสามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้


สีหน้าของเต๋อคุนจื่อโกรธเกรี้ยวถึงที่สุด เขาถูกถีบออกจากเรือบินรบของตนเอง ทั้งตอนนี้ยังต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณอีกแปดคน เต๋อคุนจื่อลอยอยู่ไกลจากเรือบินรบ จิตใจปั่นป่วนกระสับกระส่ายไปหมด เขาทั้งกลัวและยำเกรงอำนาจของสำนักใหญ่ แต่ก็ยังรู้สึกอับอายและโกรธเกรี้ยวที่โดนปล้นซึ่งๆ หน้าด้วยเช่นกัน เขากำหมดแน่นสลับคลายหมัดออกตามอารมณ์ที่ปั่นป่วนอยู่ในใจ


สีหน้าของหวังเป่าเล่อนั้นสงบนิ่งกว่าแม้จะถูกล้อมไว้โดยผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณถึงแปดคน เขายืนอยู่เหนือเรือบินรบของตนเอง กวาดสายตามองศัตรูตรงหน้า ดวงตาหยุดอยู่ที่ชายชราซึ่งก่อนหน้านี้ประกาศว่าจะยึดเรือบินรบของเขา หวังเป่าเล่อจำเสียงชายผู้นี้ได้ในทันที


“เรามาเจรจากันให้เจ้าไม่ต้องยึดเรือบินรบของข้ามิได้หรือ นี่คือรายการทรัพยากรทั้งหมดที่ข้าเสียไปกับการหลอมเรือบินรบลำนี้ ข้าใช้เวลาไปทั้งหมดสามปีด้วยกัน หากเจ้าต้องการเรือบินรบลำนี้ ทำไมไม่จ่ายค่าตอบแทนให้ข้าเสียหน่อยเล่า” หวังเป่าเล่อพูดออกมาช้าๆ หลังจากที่เงียบงันไปสักพัก เมื่อพูดจบเขาก็ยกมือขวาขึ้นโบก แผ่นหยกบินบันทึกรายการพุ่งเข้าใส่ผู้ฝึกตนชราคนนั้นในทันที


“เจ้าอยากได้ค่าตอบแทนรึ” ชายชราหัวเราะด้วยท่าทางที่ดูราวกับเพิ่งได้ยินเรื่องที่ตลกที่สุด เหล่าผู้ฝึกตนรอบกายเขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเช่นกัน โดยเฉพาะผู้ฝึกตนวัยกลางคนที่มีปราณขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นต้นที่ยืนอยู่ด้านขวา สีหน้าของชายผู้นั้นดูเหนือกว่าอย่างชัดเจนและอาบเคลือบไปด้วยการเย้ยหยัน เขาทำท่าเหมือนจะพูดบางสิ่ง แต่แผ่นหยกที่พุ่งเข้าสู่ฝูงชนที่กำลังหัวเราะเยาะนั้นตกไปอยู่ในมือของชายชราเสียก่อน เขาบีบแผ่นหยกแหลกคามือ ทันใดนั้นเปลวไฟสีดำก็พวยพุ่งออกมาจากแผ่นหยกที่แตกสลาย ทะเลเพลิงมืดมิดไหลเข้าท่วมทั่วบริเวณในทันที!


ทุกสิ่งเกิดขึ้นในพริบตา เปลวไฟสีดำแผ่พุ่งออกจากแผ่นหยก กลายสภาพเป็นทะเลเพลิงในห้วงอวกาศที่ผนึกบริเวณนั้นเอาไว้ไม่ให้ใครออกมาได้ ทะเลเพลิงเข้าล้อมกองทหารมังกรหยดหมึก กักขังพวกเขาเอาไว้ภายใน ไม่อนุญาตให้พลังปราณรูปแบบใดก็ตามออกจากพื้นที่แห่งนั้นได้ ผู้ฝึกตนทั้งแปดคนนั้นถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง!


ทันทีที่ผนึกเสร็จสมบูรณ์ หวังเป่าเล่อก็กระโจนไปข้างหน้าด้วยความเร็วราวกับเป็นลูกดอก เขาหายไปในพริบตาก่อนปรากฏขึ้นข้างๆ กองทหาร ตอนที่ศัตรูกำลังจะตอบโต้การเข้าประชิดตัวของหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มก็ยกมือขวาขึ้นคว้าศีรษะของผู้ฝึกตนชราที่เปิดฉากหัวเราะเยาะเขาขึ้นมาก่อนคนแรกเอาไว้


เกราะจักรพรรดิกำเนิดขึ้นบนตัว ก่อนเปลี่ยนสภาพกลายเป็นอุ้งมือหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว เสียงเหมือนสายฟ้าฟาดดังกระหน่ำขึ้น ชายชราดวงตาเบิกโพลง แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร มือขวาของหวังเป่าเล่อก็บีบกะโหลกของชายชราอย่างรุนแรง มันระเบิดดังโพละเหมือนแตงโมที่โดนทุบด้วยค้อน!


ต่อให้ชายชราผู้นี้เป็นผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นกลาง ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะช่วยเขาให้รอดพ้นจากความตายในวินาทีนี้ไปได้ เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะขยับตัวตอบโต้เมื่ออยู่ต่อหน้าหวังเป่าเล่อได้เลย!


ความสามารถในการต่อสู้อันยอดเยี่ยมของหวังเป่าเล่อเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ชายชราจบชีวิตลงอย่างรวดเร็ว แต่ความจริงที่ว่าเขาดูถูกความสามารถของหวังเป่าเล่อ และการที่ชายหนุ่มใช้เปลวไฟสีดำเข้าโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้ชายชราต้องมาตายลงภายในระยะเวลาไม่กี่วินาทีนี้ด้วยเช่นกัน


เลือดสดๆ สาดกระเซ็นไปทั่วทุกหนแห่ง พลังชีวิตเหือดแห้งออกจากร่างที่เหลืออยู่ของชายชรา มันถูกดูดเข้าไปหล่อเลี้ยงเกราะจักรพรรดิในกายของหวังเป่าเล่อ ซากศพไร้ศีรษะเหี่ยวลงในพริบตา ก่อนถูกโยนทิ้งให้ลอยละล่องไปในห้วงอวกาศทันทีที่ชายหนุ่มปล่อยมือ


ความตายโดยไม่ทันตั้งตัวนี้ทำให้ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณอีกเจ็ดคนที่เหลือ รวมถึงผู้ฝึกตนในเรือบินรบหมึกยักษ์ทั้งหมดจ้องไปที่ฉากน่าสยดสยองโดยไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วเกินไป ต่อให้พวกเขาเป็นนักรบที่มีประสบการณ์โชกโชน แต่ก็ยังทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ในทันที พวกเขาไม่ได้ระวังตัวว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นในระดับที่มากเท่าตอนออกเดินทางอยู่ เนื่องจากสถานที่แห่งนี้คือบ้านเกิด ทั้งสำนักที่เผชิญหน้าอยู่ก็เป็นเพียงสำนักย่อย ความสูญเสียจากการออกเดินทางครั้งล่าสุดยังทำให้จิตใจของพวกเขาอ่อนล้าไม่มั่นคงด้วยเช่นกัน


ทว่าอย่างไรเสียพวกเขาก็คือกองทหารที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นลำดับเจ็ดของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ เป็นกองทหารมังกรหยดหมึกที่มีพลังซึ่งคนอื่นเทียบไม่ติด สถานการณ์ที่แย่ลงนี้ทำให้เรือบินรบเดินหน้าปฏิบัติการในทันที มันเริ่มใช้พลังการโจมตีโดยมีหวังเป่าเล่อเป็นเป้าหมาย โดยไม่รอคำสั่งจากผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณทั้งเจ็ด


ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณที่เหลือทั้งเจ็ดคนเดินหน้าโต้กลับพร้อมกัน สี่คนพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ ขณะที่อีกสามคนถอยกลับเพื่อติดต่อโลกภายนอก เมื่อรู้ว่าการสื่อสารโดนตัดขาด พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าหัวใจหลักของเรื่องนี้อยู่ที่ตัวหวังเป่าเล่อนั่นเอง ทั้งสามคนคำรามก้อง กระโจนเข้าใส่เปลวไฟที่ล้อมอยู่ด้วยพลังปราณเต็มพิกัด ตั้งใจจะปัดเป่าเปลวไฟสีดำให้หายไปเพื่อปลดปล่อยตนเองและพรรคพวก พร้อมแจ้งข่าวคนภายนอกให้ทราบว่าตนเองกำลังโดนโจมตี


ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในพริบตาเดียวตั้งแต่การโจมตีของหวังเป่าเล่อ ไปจนถึงการโต้กลับของกองทหารมังกรหยดหมึก หวังเป่าเล่อหรี่ตาเมื่อเห็นการโต้กลับอย่างฉับพลันของกองทหารตรงหน้า ขณะที่เรือบินรบกำลังยิงลำแสงออกมานั้น ชายหนุ่มก็พูดด้วยเสียงเย็นชา “ข้าไม่อยากสำแดงพลังที่แท้จริงในที่เช่นนี้หรอกนะ…แต่ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกเสียแล้ว…เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมดทุกคน”


ลำแสงพุ่งทะลุผ่านร่างของหวังเป่าเล่อทันทีที่เขาพูดจบ ตอนนั้นเองผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณทั้งสี่คนก็มาถึงตัวชายหนุ่มเช่นกัน เสียงการต่อสู้ดังอึกทึกครึกโครมในห้วงอวกาศ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนเวทของเรือบินรบหรือของคู่ต่อสู้ทั้งสี่ ก็ล้วนทะลุผ่านร่างของชายหนุ่มไปหมดสิ้น


ร่างของหวังเป่าเล่อพร่าเลือนเปลี่ยนสภาพไปเป็นภาพกึ่งมายา กระจายตัวเป็นหมอกที่พัดผ่านทุกอย่างเบื้องหน้า มุ่งเข้าหาผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณทั้งสามคนที่กำลังพยายามระเบิดผนึกทะเลเพลิงให้เปิดออก!


การโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวนี้ทำให้กองทหารมังกรหยดหมึกตื่นตกใจอีกครั้ง ผู้ฝึกตนทั้งสามที่ก่อนหน้านี้เร่งทำลายผนึกเปลวไฟสีดำก็ตกใจเช่นกัน ต่างมีสีหน้าตื่นกลัวและแตกฮือในทันที ตอนแรกพวกเขาตั้งใจจะโจมตีผนึกของหวังเป่าเล่อในขณะที่ชายหนุ่มกำลังสาละวนรับมือกับพรรคพวกอีกสี่คนที่เหลือ กลเม็ดนี้อาจใช้ได้กับคนอื่น แต่ไม่ใช่กับหวังเป่าเล่อ!


ร่างของชายหนุ่มกลายเป็นหมอก ภายในหมอกนั้นมีสิ่งหนึ่งที่ซ่อนจากการมองเห็นของศัตรูอยู่ มันคือดวงตาปีศาจนั่นเอง ร่างของชายหนุ่มกลายเป็นเงาทาบทับทุกสิ่งในโลกทะเลเพลิงนี้ ไม่ว่าคู่ต่อสู้ทั้งสามจะเรียกร่างอวตารออกมามากเท่าใด ก็ล้วนหนีเงื้อมมือของเขาไปไม่พ้น ภายในพริบตา หวังเป่าเล่อก็กักขังพวกเขาไว้ในร่างหมอกของตน


เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและความกลัวดังก้องไปทั่วจักรวาล เมื่อม่านหมอกม้วนตัวกลับและกลายสภาพไปเป็นหวังเป่าเล่อตามเดิมอีกครั้ง ซากศพทั้งสามก็ลอยละล่องอยู่รอบๆ กายชายหนุ่ม ทุกร่างแห้งเหี่ยวไร้ซึ่งชีวิตและวิญญาณ!


หวังเป่าเล่อรู้ดีว่าตนมีเวลาไม่มากนัก ยิ่งเขาจบเรื่องนี้ได้เร็วเท่าใด ก็ยิ่งได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้น เขาไม่ลังเลที่จะกลายสภาพเป็นหมอกอีกครั้ง เพื่อพุ่งเข้าหาผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณอีกสี่คนที่ใจกลางกรงขัง


ผู้ฝึกตนทั้งสี่คนนี้ประกอบไปด้วยชายชราสองคน ชายวัยกลางคนหนึ่ง และชายหนุ่มอีกหนึ่ง ทุกคนมีสีหน้าตกใจและหวาดกลัวเมื่อเห็นสหายของตนเองตายลงอย่างง่ายดายเหมือนไก่ในโรงเชือด เริ่มสงสัยในความสามารถของเพื่อนทั้งสามที่สิ้นชีวิตไป อันตรายคืบเข้ามาใกล้พวกเขา ความตายหายใจรดต้นคอ ทั้งสี่กู่ร้องและถอยหนี ปล่อยพลังซึ่งรุนแรงที่สุดเท่าที่มีเพื่อป้องกันตน


พลังเหล่านี้ทำอะไรหวังเป่าเล่อไม่ได้ตราบใดที่เขายังคงสภาพความเป็นหมอกอยู่ ทั้งสี่ถูกหวังเป่าเล่อล้อมเอาไว้ในทันที ผู้ฝึกตนชราทั้งสองกรีดร้องออกมาก่อนด้วยความเจ็บปวด ร่างเหี่ยวย่นในบัดดล ตามมาด้วยผู้ฝึกตนวัยกลางคนที่ยื้อชีวิตตนเองเอาไว้ได้อีกสามวินาทีก่อนจะแห้งเหี่ยวตามไปเช่นกัน ส่วนคนสุดท้าย ผู้ฝึกตนหนุ่มนั้น…กรีดร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง และกระแทกฝ่ามือตนเองลงบนหน้าผาก ในตอนนั้นเอง…


พลังปราณที่ทำให้หวังเป่าเล่อตื่นตะลึงก็ระเบิดออกมาจากกายของผู้ฝึกตนหนุ่ม หมอกสีแดงพวยพุ่งออกจากทุกรูในร่างก่อตัวขึ้นเป็นฝ่ามือสีแดงเบื้องหน้า พลังปราณที่สั่นสะเทือนได้แม้กระทั่งสวรรค์รวมถึงผืนดิน และทำลายได้ทุกสิ่งที่ขวางหน้า พุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่อในทันที


หมอนี่มีผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะคุ้มครองอยู่รึ หวังเป่าเล่อหรี่ตา!

 

 

 


บทที่ 756 พลังปราณขั้นแสร้งอมตะแสดงตัว!

 

หวังเป่าเล่อเคยประสบกระแสพลังทำนองนี้มาแล้วในอดีต และมีความมั่นใจมากว่าตนเองคิดถูก พลังปราณน่ากลัวที่ไหลออกจากฝ่ามือตรงหน้า ประกอบกับความแตกตื่นที่เขารู้สึกอยู่ในตอนนี้ ทำให้ชายหนุ่มยิ่งมั่นใจว่าตนเองคิดถูกมากขึ้นไปอีก!


พลังปราณนี้อยู่ในขั้นแสร้งอมตะเป็นอย่างน้อย แม้จะยังไม่ถือว่าเป็นขั้นจิตวิญญาณอมตะที่แท้จริง แต่ก็ทรงพลังกว่าขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์!


เป็นไปได้มากว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป การที่เขามีผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะคอยปกป้องอยู่นั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่คนผู้นั้นทิ้งร่างอวตารของตนเอาไว้ให้คอยคุ้มครอง ความแข็งแกร่งของร่างอวตารลดหลั่นกันไปตามระดับของสัมผัสสวรรค์ที่ทิ้งเอาไว้ในกายของอีกฝ่าย มันอาจทรงพลังเทียบเท่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นต้นไปจนถึงชั้นสมบูรณ์ก็ได้ เห็นได้ชัดว่าฝ่ามือที่ก่อกำเนิดจากควันซึ่งพุ่งออกจากร่างกายของชายหนุ่มตรงหน้านั้นทรงพลังกว่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ ราวกับว่ากำลังถูกโจมตีโดย…ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะที่แท้จริงอย่างไรอย่างนั้น!


ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะก็ยังไม่อาจเรียกร่างอวตารที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ออกมาหลายตนได้


แต่หวังเป่าเล่อไม่มีเวลามานั่งสงสัยว่าเจ้าของฝ่ามือสีแดงนี้เป็นใคร ไม่ว่าเขาหรือเธอจะมีปราณขั้นจิตวิญญาณอมตะที่แท้จริงหรือไม่ก็ไม่สำคัญ รูม่านตาของชายหนุ่มหดแคบ ความรู้สึกได้ถึงภัยอันตรายระเบิดออกมาในจิตใจ เขารีบล่าถอยในทันที ก่อนโบกมือเรียกอาวุธเวทจำนวนมากออกมาโบกสะบัด หวังเป่าเล่อแทบไม่กะพริบตาขณะมองอาวุธเวทเหล่านั้นระเบิดออกมาเพื่อเป็นเกราะคุ้มกันให้เขา


ห้วงจักรวาลเกิดเสียงระเบิดอย่างต่อเนื่อง พลังจากการระเบิดพุ่งออกเป็นริ้วๆ เข้าใส่ฝ่ามือสีแดง แต่พลังที่อยู่ในฝ่ามือก็มีอยู่มากเหลือ ถึงพลังการทำลายตนเองของอาวุธเวทจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังเทียบอะไรไม่ได้กับพลังของฝ่ามือสีแดง ฝ่ามือมรณะพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อโดยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น!


แม้หวังเป่าเล่อจะเป็นผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นต้นที่แข็งแกร่งเทียบเท่าชั้นสมบูรณ์ แต่พลังของเขาก็ยังเทียบไม่ได้กับฝ่ามือสีแดง หากเขาใช้ร่างจริงของตนเองสู้อาจมีโอกาสต่อกรได้มากกว่านี้ เนื่องจากร่างจริงของเขามีกายหยาบที่แข็งแกร่งจนอาจช่วยให้เอาตัวรอดไปได้


แต่ตอนนี้หวังเป่าเล่ออยู่ในร่างอวตาร ถึงร่างอวตารของเขาจะถือกำเนิดมาจากกระบวนท่าสารัตถะ แต่ก็ยังไม่ทรงพลังเท่าร่างจริง หวังเป่าเล่อมองฝ่ามือที่คืบเข้ามาใกล้ รู้ได้ว่าตนเองหลบไม่พ้นแน่นอน จึงกัดฟันกลายร่างเป็นหมอกอีกครั้ง


ทันทีที่ร่างหมอกของเขาปะทะเข้ากับฝ่ามือสีแดง เสียงอึกทึกเหมือนสายฟ้าฟาดก็สะท้อนก้องไปทั่วบริเวณ เสียงตกกระทบเบาๆ กังวานไปในอวกาศ กระจายออกสู่โลกภายนอกเหมือนสายลมกรรโชก ร่างหมอกกว่าครึ่งของหวังเป่าเล่อแหลกสลายกลายเป็นชิ้นๆ จนทำให้เขาคงสภาพหมอกเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป หมอกที่เหลืออยู่รวมเข้าด้วยกัน ก่อเป็นร่างที่สั่นเทาของหวังเป่าเล่อ เขารู้สึกได้ว่าร่างอวตารกระบวนท่าสารัตถะของตนถูกทำลายจนแทบจะคงรูปร่างเอาไว้ไม่ได้


แต่อันตรายก็ยังไม่ผ่านพ้นไป แม้ฝ่ามือสีแดงจะอ่อนกำลังลงไปเล็กน้อย แต่ต้นกำเนิดพลังของมัน ซึ่งก็คือชายหนุ่มผู้นั้น ยังคงปล่อยหมอกสีแดงออกมาเรื่อยๆ หมอกชุดใหม่นี้ก่อกำนิดเป็นฝ่ามือที่สอง!


ไอ้หมอนี่เป็นลูกของผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะหรืออย่างไรกัน รูม่านตาของหวังเป่าเล่อหดแคบ วินาทีต่อมาเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังปราณที่พุ่งเข้ามาจากระยะไกล พลังนั้นอัดแน่นด้วยโทสะ กำลังพุ่งตรงมาทางเขาอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเผือดในทันที


 อย่าบอกนะว่าร่างจริงกำลังมาทางนี้ด้วย ชายหนุ่มหายใจสะดุด หากร่างจริงของเจ้าของฝ่ามือไม่ปรากฏ เขาก็ยังมีโอกาสทำให้ฝ่ามือทั้งสองค่อยๆ อ่อนกำลังลงได้ แต่เมื่อเจ้าของพลังฝ่ามือนั้นมาถึง สถานการณ์จะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาไม่มีเวลาอีกต่อไปแล้ว


เวรเอ๊ย! ความโกรธเกรี้ยวปะทุขึ้นในใจของชายหนุ่ม เขามองฝ่ามือทั้งสองที่โจมตีต่อเนื่องกันอีกครั้ง มันทั้งรวดเร็วและทรงพลังจนทำให้อวกาศโดยรอบบิดเบี้ยว ดวงตาของเขาอัดแน่นด้วยความบ้าคลั่ง


มีอยู่ทางเดียวแล้ว! หวังเป่าเล่อกัดฟันกรอดสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ ชายหนุ่มชี้มือออกไปในความว่างเปล่าที่เรือบินรบของเขาลอยลำอยู่


ทางเดียวที่จะตอบโต้ได้คือการทำให้วัตถุเวทที่ทรงพลังอย่างมากระเบิด เมื่อเทียบกับการที่เขาเคยระเบิดเกราะจักรพรรดิและวัตถุเวทอื่นๆ ก่อนหน้านี้ เขาแทบรู้สึกทนไม่ได้หากต้องระเบิดเรือบินรบของตนเอง แต่นี่ก็เป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ แม้จะดูเหมือนเขาจงใจระเบิดเรือบินรบเพื่อโจมตีผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะ…แต่เป้าหมายที่แท้จริงคือชายหนุ่มที่มีปราณขั้นเชื่อมวิญญาณ!


เขากำลังเดิมพันว่าผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะที่ปกป้องชายหนุ่มผู้นี้อยู่นั้น จะรีบพุ่งเข้ามาช่วยคนสำคัญของตน!


“ระเบิด!” หวังเป่าเล่อกู่ร้อง ไม่สนใจความเจ็บปวดของการเสียเรือบินรบแสนรักที่ใช้เวลาหลอมมาเนิ่นนาน


เรือบินรบของเขาระเบิดแสงสว่างจ้าออกมาในบัดดล ทั้งตัวเรือและสิ่งของทั้งหมดในเรือระเบิดในทันที พลังจากแรงระเบิดพวยพุ่งเข้าใส่ฝ่ามือที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามาหา และพลันปะทะกันกลางอากาศ


เสียงระเบิดดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วอวกาศ เรือบินรบของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์หนีแรงระเบิดไม่พ้นและยุบตัวลงในทันที ส่วนกองทหารมังกรหยดหมึกที่ติดอยู่ภายในทะเลเปลวไฟสีดำก็หนีไปไหนไม่พ้น ทำได้เพียงค้อมตัวหลบเท่านั้น ต่างได้รับผลกระทบจากแรงปะทะกันถ้วนหน้า


แม้การทำลายตนเองของเรือบินรบจะทรงพลังแต่ก็ยังมีขีดจำกัด แต่เมื่อแรงระเบิดเกิดขึ้นพร้อมแรงปะทะของฝ่ามือจิตวิญญาณอมตะทั้งสอง กระแสพลังที่เกิดขึ้นนั้นไม่เพียงทำให้เรือบินรบถูกทำลายเป็นจุณไปทั้งหมด แต่ยังทำลายเปลวไฟสีดำให้เหี้ยนไปด้วย


หวังเป่าเล่อคาดการณ์ถูกต้อง ฝ่ามือทั้งสองรีบพุ่งเข้าปกป้องชายหนุ่มขั้นเชื่อมวิญญาณจากแรงปะทะในทันที ทำให้เขาพอมีเวลาหนี!


หวังเป่าเล่อรีบหนีในทันที แม้ใบหน้าจะซีดเผือดแต่ก็ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย เขาหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว กระโจนออกไปในห้วงอวกาศไกล เต๋อคุนจื่อและสมาชิกสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์คนอื่นหนีไปนานแล้ว การโจมตีของหวังเป่าเล่อก่อนหน้านี้คงจะทำให้พวกเขาตกใจจนต้องเปิดแน่บไป


ไอ้กองทหารมังกรหยดหมึกเวรนี่! หวังเป่าเล่อระเบิดความเร็วเต็มที่ ท้องไส้ปั่นป่วนด้วยความโกรธขณะพุ่งทะยานผ่านห้วงอวกาศ ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะพฤติกรรมอันธพาลไร้เหตุผลของกองทหารนี้ พวกมันบังคับให้สำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ส่งทรัพยากรทั้งหมดไปให้ และยังบังคับให้เขาส่งเรือบินรบให้ แน่นอนว่าหวังเป่าเล่อทนทำเช่นนั้นไม่ได้ แต่หากจะปฏิเสธก็เหมือนแกว่งเท้าหาเสี้ยน


หากสถานการณ์เกิดเลวร้ายสุดขั้วขึ้นมา ข้าก็เพียงต้องหนีออกไปจากที่แห่งนี้เท่านั้น! ความอาฆาตรุนแรงวาบเข้ามาในดวงตาของชายหนุ่มขณะที่เขากระโจนไปข้างหน้า ทันใดนั้น เสียงระเบิดกึกก้องก็ดังมาจากสนามรบเบื้องหลังจนห้วงอวกาศสั่นสะเทือน


หวังเป่าเล่อรู้ในทันทีว่าเกิดสิ่งใดขึ้นโดยไม่ต้องหันหลังกลับไปมอง ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะได้เดินทางมาถึงแล้ว แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงเสียด้วย ห้วงอวกาศตรงที่หวังเป่าเล่อเคยยืนหยัดต่อสู้ก่อนก่อนหน้าฉีกขาด สตรีวัยกลางคนในชุดคลุมเต๋าก้าวออกจากรอยฉีกนั้นด้วยสีหน้าถมึงทึง


นางปรากฏขึ้นต่อหน้าผู้ฝึกตนหนุ่มที่รอดชีวิตมาได้เพราะฝ่ามือทั้งสองของนาง ผู้ฝึกตนหญิงวัยกลางคนโบกมือ พลันเปลือกตาของชายหนุ่มก็เปิดออก ลืมตาตื่นขึ้นจากห้วงแห่งความไม่ได้สติ ทันทีที่เขาตื่นขึ้น อาการบาดเจ็บบนร่างกายก็หายไปหมดสิ้น


“ท่านอาจารย์ขอรับ!” ชายหนุ่มกระวีกระวาดขึ้นทันมีเมื่อเห็นผู้ฝึกตนหญิงวัยกลางคนเบื้องหน้า นางไม่ได้เป็นแค่อาจารย์ของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกอีกด้วย!


ชายหนุ่มเล่าให้อาจารย์ของตนเองฟังทันทีว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ผู้ฝึกตนหญิงวัยกลางคนหันหน้าไปมองยังทิศที่หวังเป่าเล่อจากไป ประกายสังหารวาวโรจน์ในแววตา


“อาจารย์ของเจ้าทราบแล้ว ข้าจะถลกหนังมัน ปลิ้นเนื้อมันออกจากกระดูก ทรมานมันจนสาแก่ใจ แล้วสกัดวิญญาณของมันออกจากร่าง จับยัดใส่เข้าไปในร่างทาสสตรีให้เจ้าทำอะไรกับมันก็ได้ที่เจ้าต้องการ!” คำพูดที่หลั่งไหลออกมาจากปากของนางอย่างง่ายดาย อาบเคลือบด้วยแรงอาฆาตจนน่าขนลุก ทำให้เข้าใจได้ในทันทีว่านางเคยชินกับการกระทำที่โหดเหี้ยมอำมหิต ชายหนุ่มไม่ได้แปลกใจกับสิ่งที่นางพูดออกมาแม้แต่น้อย ดวงตาของเขากลับวาวโรจน์ขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น


“ตามอาจารย์มา ไปจัดการไอ้ชั่วนั่นกัน!” ผู้ฝึกตนสตรีวัยกลางคนเอ่ย นางโบกมือเพื่อดึงศิษย์มากับนางด้วย ทั้งสองเคลื่อนที่ตัดผ่านห้วงอวกาศ มาปรากฏขึ้นในพื้นที่อ้างว้างไกลโพ้นภายในก้าวเดียว นางไล่ล่าหวังเป่าเล่อตามร่องรอยที่เขาทิ้งไว้ขณะหลบหนี!


ตามทฤษฎีแล้ว การที่ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะจะไล่ล่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณเป็นเรื่องง่ายดายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อรู้แล้วว่าเป้าหมายคือใคร แต่ในกรณีนี้…ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะนี้ยังไม่ได้มีปราณขั้นจิตวิญญาณอมตะที่สมบูรณ์ ส่วนเป้าหมายของนางก็ไม่ใช้ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณปกติทั่วไป!


นางยังเหลืออีกอึดใจเดียวที่จะบรรลุปราณขั้นจิตวิญญาณอมตะ ส่วนอีกฝ่ายก็เป็นผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก จึงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะไล่หวังเป่าเล่อได้ในทันที นางอาจรวดเร็วซ้ำยังเคลื่อนย้ายร่างได้ แต่หวังเป่าเล่อก็พุ่งผ่านห้วงอวกาศด้วยความเร็วสูงเช่นกัน การเปลี่ยนสภาพตนเองให้กลายเป็นหมอกยิ่งทำให้เขาเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นไปอีก


การไล่ล่าในพื้นที่สาธารณะของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ครั้งนี้เริ่มกลายเป็นจุดสนใจของสำนักน้อยใหญ่ที่สัญจรผ่านไปมา กองทัพในอาณัติของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์และสำนักผนึกผังดาวหกแฉกรู้ก่อนเป็นกลุ่มแรก พวกเขาเฝ้าดูการไล่ล่าด้วยความสนใจใคร่รู้


“ข้าได้ยินมาว่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณคนใหม่ของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์เป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งมาก เขาสามารถกำจัดนักรบเอกทั้งหมดของกองทหารมังกรหยดหมึกได้เพียงตัวคนเดียว!”


“น่าสนุกดี ผู้ฝึกตนคนนี้ต้องเป็นคนน่าสนใจมากแน่ถึงทำเรื่องเช่นนี้ได้ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดจึงกล้าแหยมกับกองทหารมังกรหยดหมึกแห่งสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ!”


ข่าวการไล่ล่านี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง ผู้ฝึกตนสตรีวัยกลางคนเกือบไล่หวังเป่าเล่อทันถึงสามครั้งด้วยกัน แต่ชายหนุ่มก็มีเคล็ดวิชาซ่อนไว้มากมาย จนทำให้ความเร็วของเขาพุ่งขึ้นอีกครั้ง กระนั้นชายหนุ่มก็แทบจะทิ้งห่างไปไม่ไหว การหนีรอดไปได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่ายิ่งทำให้ผู้ฝึกตนหญิงต้องการฆ่าเขามากขึ้นไปอีก เมื่อการไล่ล่าดำเนินมาถึงปลายทาง โทสะของนางก็ท่วมท้นจนแทบจะระเบิด ผู้คนมากมายที่เฝ้าดูทั้งสองอยู่นั้นทำให้การไล่ล่าที่ยืดเยื้อยิ่งน่าอับอายขึ้นไปอีก


พยายามจะหนีเข้าไปในอาณาเขตของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์รึ เข้าใจละ นางเดาแผนการของหวังเป่าเล่อถูก สายตามองชายหนุ่มเคลื่อนย้ายหนีออกไปไกลอีกครั้ง ประกายเย็นเยียบอำมหิตสว่างวาบในแววตา

 

 

 


บทที่ 757 ชายแดนของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์!

 

ผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกเดาถูกจริงเสียด้วย หวังเป่าเล่อพยายามหนีเข้าไปในอาณาเขตของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ เนื่องจากรู้ดีว่าด้วยความสัมพันธ์อันตึงเครียดของทั้งสองฝ่าย สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำย่อมไม่กล้าล้ำเส้นอย่างแน่นอน


สองสำนักนี้เป็นศัตรูกัน ความบาดหมางอาจยังไม่ได้รุนแรงถึงขั้นการต่อสู้กันซึ่งๆ หน้า แต่การล้ำอาณาเขตของกันและกันก็ถือว่าเป็นความพยายามยั่วยุให้อีกฝ่ายไม่พอใจ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม


ทันทีที่ผู้ฝึกตนหญิงรู้ว่าหวังเป่าเล่อกำลังจะทำอะไร ดวงตาของนางก็วาวโรจน์ด้วยความอาฆาตมาดร้าย นางพ่นลมเยาะเย้ย ยกมือขวาขึ้นสร้างผนึกฝ่ามือ ก่อนกัดปลายลิ้นตนเองและถ่มเลือดออกมา!


เลือดสีแดงสดที่กระจายออกมานั้นกระเพื่อมอยู่ในอวกาศ ก่อนแปลงสภาพไปเป็นแมลงปอสีแดงชาด!


ลำตัวและปีกของแมลงปอเป็นสีเลือด มันมาพร้อมไอกระหายเลือดท่วมท้น แมลงปอตัวนี้คือความรู้สึกนึกคิดของคนที่ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา แมลงปอสีเลือดพุ่งไปข้างหน้าทันทีที่ก่อร่างสำเร็จไม่ต่างจากลูกศรคมกริบ ความเร็วของมันเหนือกว่าผู้ฝึกตนที่ใกล้จะบรรลุปราณขั้นจิตวิญญาณอมตะ มีความใกล้เคียงกับผู้ที่บรรลุปราณขั้นนั้นอย่างแท้จริง


ทุกสิ่งเกิดขึ้นภายในพริบตา แมลงปอสีเลือดเดินทางข้ามห้วงอวกาศด้วยความเร็วเหลือเชื่อพร้อมเสียงอึกทึก พุ่งตรงเข้าหาหวังเป่าเล่อ


หวังเป่าเล่อที่เคลื่อนย้ายออกไปไกลพลันหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ เขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมเสียงเตือนภัยอันตรายที่กรีดก้องอยู่ในหัว ชายหนุ่มไม่มีแม้แต่เวลาจะคิด รีบเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นหมอกและกระจายตัวไปทั่วบริเวณทันที


แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว ในวินาทีที่เขากลายเป็นหมอก แมลงปอสีเลือดก็ปรากฏขึ้นเบื้องหลัง พุ่งทะลุเสียบหน้าอกของเขาทันที


แมลงปอสีเลือดหลอมละลายกลายเป็นกองเลือดที่ผสานเข้ากับร่างหมอกของหวังเป่าเล่อ ก่อนแพร่กระจายไปทั่ว เปลี่ยนหมอกให้กลายเป็นสีแดงฉาน!


เสียงอึกทึกดังลั่นไปในอวกาศ ร่างหมอกของหวังเป่าเล่อเริ่มปั่นป่วนเดือดพล่าน มันก่อตัวขึ้นเป็นร่างมนุษย์อีกครั้งในระยะไกลออกไป ร่างนั้นสั่นเทิ้ม กระอักเลือดออกมาเป็นลิ่มๆ เลือดนั้นคือพลังชีวิตที่ไหลออกจากร่าง ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเผือด บนหน้าอกมีบาดแผลรูปแมลงปอที่ไม่ยอมเยียวยาตนเอง!


เส้นเลือดบางสีแดงเข้มกระจายออกจากแผลรูปแมลงปอเหมือนรากฝอย แพร่สะพัดไปทั่วร่างกายของชายหนุ่ม มันดูดซับเอาพลังชีวิต ชอนไชไปในผิวหนังราวกับเนื้อร้ายที่คอยกัดกินร่างกายเขาเพื่อหล่อเลี้ยงให้ตนเองเจริญงอกงาม!


คำสาปรึ สีหน้าของชายหนุ่มมืดลง เขารีบเรียกเปลวไฟสีดำมาสะกดคำสาปให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในตอนนี้เขาทำได้เพียงแค่นี้เท่านั้น เนื่องจากไม่มีเวลาและทรัพยากรมากพอที่จะปลดเปลื้องตนเองออกจากคำสาปได้อย่างสมบูรณ์ เขารู้ว่าแผลนี้เป็นทั้งคำสาปและเครื่องมือในการจับพิกัดของเขา จึงยกมือขวาขึ้นโบกเพื่อหยิบวัตถุเวทจำนวนมากออกมาจากกำไลคลังเวทโดยไม่รอรี


วัตถุเวทเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาหลอมขึ้นมาสมัยยังอยู่ที่สหพันธรัฐ แต่เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นระหว่างใช้ชีวิตอยู่ที่อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ เป็นวัตถุเวทที่ชายหนุ่มผลิตออกมาตอนศึกษาวิธีการหลอมเรือบินรบ ทุกชิ้นใช้งานแตกต่างกันออกไป หวังเป่าเล่อมีนิสัยติดตัวอยู่สองอย่างที่มักนำมาใช้ตอนหลอมวัตถุเวท อย่างแรกคือการปล่อยให้วัตถุเวทที่สร้างขึ้นพัฒนาไปตามธรรมชาติของมัน อย่างที่สองคือการติดตั้งระบบทำลายตัวเองไว้ในวัตถุเวททุกชิ้น


แรงจากการระเบิดทำลายตนเองอาจไม่แข็งแกร่งถ้าระเบิดทิ้งเพียงชิ้นหรือสองชิ้น แต่หากเขาปลุกพลังอักขระทำลายตนเองของวัตถุเวทหลายพันชิ้นให้ระเบิดในเวลาเดียวกัน แรงระเบิดย่อมทรงพลังแน่นอน


ตอนที่เขากำลังจะออกคำสั่งให้วัตถุเวททำลายตนเองนั้น ห้วงอวกาศเบื้องหลังก็ฉีกออก ผู้นำกองทหารมังกรหยดหมึกกำลังจะก้าวออกจากรอยแยกนั้น แต่สีหน้าของนางก็พลันเปลี่ยนเป็นตกใจ นางรู้สึกได้ถึงกระแสพลังทำลายตนเองที่แผ่ออกมาจากวัตถุเวทของหวังเป่าเล่ออย่างรุนแรง จึงรีบสร้างผนึกฝ่ามืออย่างรวดเร็วเพื่อกันแรงระเบิด ก่อนจะรีบถอยหนี


เสียงระเบิดดังสะเทือนเลื่อนลั่น แรงจากวัตถุเวทหลายพันชิ้นที่ทำลายตนเองพร้อมๆ กันเขย่าอวกาศให้สั่นไหว สร้างพายุหมุนรุนแรงให้อุบัติขึ้น


หวังเป่าเล่อไม่ได้หนีรอดจากพายุที่ตนเองสร้างโดยไร้รอยขีดข่วน เขากระอักเลือดที่อัดแน่นไปด้วยพลังชีวิตออกมาเต็มปาก ชายหนุ่มขบกรามแน่น พุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่ไม่ได้ลดลงเพื่อหลบหนี ก่อนจะอันตรธานหายไปอีกครั้งด้วยการเคลื่อนย้าย


สามวินาทีต่อมา ผู้นำกองทหารมังกรหยดหมึกก็ลากศิษย์ของตนเองออกมาจากใจกลางพายุ ทั้งสองกระโดดหลบระเบิดเมื่อครู่ได้ทันกาล แต่สีหน้าของนางนั้นโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุด นางขบกรามแน่น ดวงตามืดมนด้วยความอำมหิตเข้ากระดูกดำ


การตอบโต้ของหวังเป่าเล่อทำให้นางตกใจถึงสองเรื่องด้วยกัน เรื่องแรกคือเขาดูไม่ได้รับผลกระทบจากคำสาปของนางมากนัก แมลงปอสีเลือดอุ้มเลือดที่สกัดจากปลายลิ้นของนางเอาไว้ มันเป็นคำสาปที่ได้ผลชะงัดกับสิ่งมีชีวิตที่มีเลือดเนื้อ วิชานี้เป็นกระบวนเวทที่นางได้รับมาจากจักรพรรดิสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำที่มีขั้นปราณระดับดาวพระเคราะห์ ผู้ที่โดนคำสาปนี้เข้าไปจะถึงแก่ความตายแน่นอน นอกจากจะมีปราณขั้นจิตวิญญาณอมตะขึ้นไปเท่านั้น!


จากนั้นเรื่องน่าตระหนกที่สองก็ตามมา นางไม่ได้ตกใจกับการที่คำสาปของตนใช้ไม่ได้ผลกับหวังเป่าเล่อมากมายนัก แต่ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะตอบโต้กลับได้เร็วถึงเพียงนี้ นางจับพิกัดของชายหนุ่มไว้ และเคลื่อนย้ายตนเองมาหาแทบจะในทันทีที่แมลงปอสีเลือดประทับตราคำสาปลงบนกายของอีกฝ่าย แต่นางก็ยังถูกซุ่มโจมตีเสียได้ แถมเขายังทำให้นางช้าลงชั่วครู่ได้จริงเสียด้วย


จะปล่อยให้ไอ้เด็กนี่มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้! ประกายสังหารสว่างวาบออกจากดวงตาของนาง นางสร้างผนึกฝ่ามือด้วยมือขวา เตรียมตัวเคลื่อนย้ายไปยังพิกัดที่อีกฝ่ายอยู่โดยอาศัยจิตสัมผัสที่เชื่อมกับแมลงปอสีเลือด ข้างกายนางมีศิษย์รักอยู่ ชายหนุ่มที่เกือบสิ้นชีวิตด้วยน้ำมือของหวังเป่าเล่อก่อนหน้านี้ร่างสั่นเทิ้มด้วยความกระวนกระวายถึงขีดสุด เขาติดตามอาจารย์อย่างใกล้ชิดมาตลอด และสังเกตเห็นว่าสีหน้าโกรธเกรี้ยวของนางนั้นค่อยๆ มืดมนลงเรื่อยๆ ตลอดการไล่ล่า ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกกลัวหวังเป่าเล่อมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นเขาก็เห็นสีหน้าของอาจารย์มืดมนลงไปอีก ดูเหมือนว่านางจะหาตัวหวังเป่าเล่อไม่เจอเสียแล้ว เมื่อตระหนักดังนั้น รูม่านตาของชายหนุ่มก็หดแคบลงทันที


ถูกผนึกไปแล้วหรือ ผู้บัญชาการกองทหารกัดฟันกรอด นางเริ่มออกไล่ล่าอีกครั้ง แม้จะหาพิกัดที่แน่นอนของเป้าหมายไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่านางไม่รู้เสียทีเดียวว่าชายหนุ่มขยับตัวไปในทิศทางไหน ทั้งสองเดินหน้าเข้าใกล้ชายแดนระหว่างพื้นที่สาธารณะและเขตแดนของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ขึ้นเรื่อยๆ หวังเป่าเล่อพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วเต็มสูบ ตัดผ่านอวกาศมืดมิดราวกับเป็นดาวหาง


หน้าของเขาซีดเหมือนกระดาษ แม้จะผนึกแผลรูปแมลงปอได้เรียบร้อยโดยใช้เปลวไฟสีดำ แต่ตราบใดที่ตราประทับนี้ยังคงอยู่ ร่างกายของเขาก็จะยังต้องเจ็บปวดมหาศาล หวังเป่าเล่อตัวสั่นสะท้านจากความเจ็บลึก เป็นความทรมานที่ประทับตราเข้าไปยังดวงวิญญาณของเขา ทำให้ร่างจริงเริ่มได้รับผลกระทบ


โชคดีที่แม้จะมีอุปสรรคระหว่างทาง แต่หวังเป่าเล่อก็ยังรักษาความเร็วเอาไว้ได้ อัตราเร็วที่คงที่ทำให้เขาเข้าใกล้ชายแดนอาณาเขตสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มเห็นเส้นแสงสว่างเรืองรองอยู่รางๆ ตรงหน้า!


เส้นแสงสีขาวแบ่งอาณาเขตทั้งสองบริเวณออกจากกัน ที่อีกฟากหนึ่งของแสงมีเรือบินรบขนาดยักษ์นับสิบลำจอดอยู่!


หลังกองทัพเรือบินรบมีฟองอากาศอยู่มากมาย ฟองอากาศหลายร้อยฟองกระจุกอยู่รวมกันจนแน่นอวกาศ ภายในฟองอากาศแต่ละฟองมีโลกเล็กๆ อยู่ภายใน โดยมีผู้ฝึกตนผลุบโผล่ไปมาอยู่ในฟองอากาศนั้น


เบื้องหลังกระจุกฟองอากาศมีฟองอากาศสีรุ้งอยู่หนึ่งฟอง ภายในมีตัวด้วงในชุดเกราะสีดำอยู่ ด้วงตัวนั้นหลับตานิ่ง แต่ก็ยังไม่วายปล่อยพลังงานน่าขนลุกออกท่วมทั่วบริเวณ ชายชราคนหนึ่งนอนอยู่บนหัวของด้วงเกราะดำ เขานั่งเท้าคางมองไปทางหวังเป่าเล่อด้วยแววตาเย้ยหยัน!


กองทหารที่แข็งแกร่งเป็นลำดับห้าของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์…กองทหารเกราะดำ! ดวงตาของหวังเป่าเล่อสว่างวาบขณะมองฟองอากาศที่ลอยอยู่ด้านหลังเส้นแสง เขารู้เรื่องราวมากมายเกี่ยวกับสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์จากการค้นวิญญาณเต๋อคุนจื่อ และรู้ด้วยว่ากองทหารเกราะดำนั้นมีหน้าที่ลาดตระเวนชายแดนของสำนัก


นอกจากนี้เขายังรู้อีกว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ฐานที่มั่นชั่วคราวของกองทหารเกราะดำ เส้นแสงนั้นคือเส้นชายแดน มีเพียงสมาชิกของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ หรือสมาชิกของสำนักย่อยที่ขึ้นต่อสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์เท่านั้นที่จะผ่านเข้ามาได้ ส่วนบุคคลภายนอกนั้น…เข้ามาไม่ได้ในทุกกรณี!


สีหน้าของชายหนุ่มไม่ได้แสดงความโล่งใจแต่อย่างใดเมื่อเห็นเส้นชัยอยู่ข้างหน้า เขากัดฟันระเบิดพลังปราณเพื่อส่งให้ตนเองเคลื่อนที่เร็วขึ้นอีก สิบวินาทีต่อมา เขาก็ได้ยินเสียงดังลั่นมาจากด้านหลัง ผู้บัญชาการกองทหารมังกรหยดหมึกไล่มาทันแล้ว และในตอนนั้นเองเช่นกันที่หวังเป่าเล่อก้าวข้ามเส้นแสงผ่านไปยังอาณาเขตของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์!


ทันทีที่เขาข้ามเส้นเขตแดน ตราประจำตัวของหลงหนานจื่อที่อยู่ในกำไลคลังเวทของเขามาตลอดก็เรืองแสงสว่างวาบ ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับการยืนยันตัวตน และได้รับอนุญาตให้เข้ามาในอาณาเขตได้อย่างปลอดภัย


กองทหารเกราะดำไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้กับการข้ามเขตแดนของหวังเป่าเล่อแม้แต่น้อย ผู้ฝึกตนในกองทหารมองเขาสักพักหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เข้ามาหยุดแต่อย่างใด ราวกับพวกเขากำลังดูการแสดงที่กำลังดำเนินไปต่อหน้าเท่านั้น ในฐานะผู้ชม พวกเขาจะไม่เข้ามาหยุดหรือช่วยใดๆ ทั้งสิ้น


ผู้นำกองทหารมังกรหยดหมึกภายใต้สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำจำเป็นต้องหยุดอยู่นอกเส้นเขตแดนนั้น สีหน้าของนางมืดมิด ก่อนจะซีดเซียว และสลับกลับไปมืดมิดอีกครั้งตามอารมณ์ที่แปรปรวนเปลี่ยนผัน นางเงยหน้าขึ้นมองผ่านกองทหารเบื้องหน้าไปยังชายชราที่นอนอยู่บนด้วงเกราะดำในฟองสบู่สีรุ้ง เสียงของนางกระจายก้องทั่วอวกาศให้ทุกคนได้รับรู้


“สหายเต๋าสวีเฟยจื่อข้าขอแลกปลามังกรหยดหมึกหนึ่งตัวกับชีวิตของไอ้เด็กนั่น”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)