ลำนำบุปผาพิษ 751-758

 บทที่ 751 ขนาดเขาสลับร่างก็ยังคงจู้จี้ถึงเพียงนี้!


“พูดจาเหลวไหลให้น้อยหน่อย! สรุปแล้วมีวิธีเปลี่ยนกลับหรือไม่?!” กู้ซีจิ่วไม่คิดจะอ้อมค้อมเสียเวลากับเขา เธอมองท่าทางเอ้อระเหยของ ‘ตัวเอง’ ที่อยู่ตรงกันข้ามแล้วกระดากนัก!


ตี้ฝูอีถอนหายใจเบาๆ “ตอนนี้ยังไม่มีวิธี ข้าก็เพิ่งประสบสถานการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน อับจนวาจานัก” เขาวางมือทาบอก “เจ็บปวดเหลือเกิน”


กู้ซีจิ่วเห็นเขาทำท่าไซซีกุมหัวใจก็อยากเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “นี่ มือเจ้าจับตรงไหนอยู่กัน?!”


ตี้ฝูอีก้มหน้าลง มองเห็นมือน้อยๆ ของตนวางอยู่บนเนินออกฯนพอดี เขากระแอมคราหนึ่ง ชักมืออกอย่างไม่รู้ไม่ชี้ “ข้าไม่ได้ตั้งใจ”


ทันใดนั้นดูเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ สายตาวนรอบร่างของกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง เอ่ยคาดเดา “ร่างกายของข้า…คงมิใช่ว่าเจ้าสัมผัสดูแล้วกระมัง?”


กู้ซีจิ่วนิ่งงัน คนที่หนังหน้าหนามาตลอดอย่างเธอ ยามนี้รู้สึกว่าใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาเช่นกัน


ตี้ฝูอีเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องผู้หนึ่ง เข้าใจแจ่มแจ้งในทันที “เจ้าสัมผัสหมดแล้วจริงๆ สินะ!”


ขณะที่หัวข้อสนทนานี้กำลังจะพัฒนาไปในทิศทางที่หวาบหวิว กู้ซีจิ่วก็เบี่ยงเบนหัวข้อทันที “ตี้ฝูอี ร่างของท่านถูกข้ายึดครอง ท่านไม่ร้อนใจสักนิดเลยหรือ?”


ตี้ฝูอีเอ่ยว่า “ข้าจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร แต่ร้อนใจไปแล้วทำอันใดได้? จะให้ข้าตีอกชกหัวอยากฆ่าตัวตายดั่งสตรีแท้ๆ ก็คงไม่ได้กระมัง? บอกกับเจ้าตามตรง ตอนที่ข้าเพิ่งตื่นแล้วพบเจอสิ่งเหล่านี้ก็ทึ่มทื่อไปเป็นระยะหนึ่งเหมือนกัน แม้แต่จิ้งจอกน้อยของบ้านเจ้าเรียกข้าก็ไมได้ยินเลย เธอยังนึกว่าวิญญาณของข้าถูกสิ่งใดล่อลวงไปอยู่เลย โบกไม้โบกมืออยู่ตรงหน้าข้าตั้งนานสองนาน”


กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก


สีหน้าเธออึมครึม แต่เมื่อกล่าวถึงจิ้งจอกน้อยเธอก็ถามอีกคำถามทันที “ท่านทำอะไรจิ้งจอกน้อย? ทำไมนางถึงมีสีหน้าคับอกคับใจเช่นนั้น?”


ตี้ฝูอีสีหน้าเดียดฉันท์ “จิ้งจอกน้อยตัวนี้วอแวผู้อื่นยิ่งนัก ตอนที่ข้าเพิ่งตื่น กำลังพยายามปรับตัวเข้ากับร่างกายนี้ จิ้งจอกน้อยของบ้านเจ้าก็มาวนเวียนทำโน้นทำนี่ให้ข้า ซีจิ่วเช่นนั้นซีจิ่วเช่นนี้ เทน้ำรินชาให้ข้าก็แล้วไปเถิด นางยังคิดจะกอดแขนข้าอีก ข้าไม่ทันระวังจึงซัดนางกระเด็นไปติดผนังเข้า”


กู้ซีจิ่วตะลึงงัน


จิ้งจอกน้อยสนิทสนมคุ้นเคยกับเธอ ยามปกติก็ชอบมากอดแขนประจ๋อประแจ๋เธอ


เธอไม่ถือสา ทว่าตี้ฝูอีย่อมไม่เคยชินแน่นอน


“ท่านสามารถพูดดีๆ กับนางได้” เมื่อนึกถึงท่าทางขุ่นข้องไม่ได้รับความเป็นธรรมของจิ้งจอกน้อย กู้ซีจิ่วก็อดไม่ได้ที่จะออกหน้าช่วยเหลือนาง


“ข้าพูดดีๆ กับนางแล้ว ว่าต่อไปให้นางเว้นระยะห่างกับข้าหน่อย! อย่าเข้าใกล้ในระยะสามฉื่อ นี่คือขีดจำกัดของข้าแล้ว” น้ำเสียงตี้ฝูอีไม่ผ่อนปรนสักนิด


กู้ซีจิ่วนิ่งงัน ขนาดเขาสลับร่างก็ยังคงจู้จี้ถึงเพียงนี้!


“นิสัยของจิ้งจอกน้อยนก็เป็นเช่นนี้ นางเคยชินกับการวอแวข้า พวกเรายังสลับร่างกลับไม่ได้ ต่อไปท่านยังต้องอาศัยร่วมกับนางด้วยฐานะของข้าไปชั่วระยะหนึ่ง เจ้าจะเป็นเช่นนี้ไม่ได้…”


ตี้ฝูอีโน้มกายมาด้านหน้า เข้าใกล้กู้ซีจิ่วอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “เจ้ายังคิดจะให้ข้าอาศัยร่วมกับนางอีกหรือ?!”


กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปเล็กน้อย “ท่านอยู่ในร่างข้า ย่อมต้องอาศัยร่วมเรือนกับนาง…”


“ไม่ได้! ข้าไม่คุ้นเคยกับการอาศัยร่วมกับผู้อื่น! อีกอย่างข้าก็ไม่คุ้นเคยกับการนอนในบ้านรูหนูของเจ้าด้วย ข้ากลับไปพักที่เรือนของตนยังดีกว่า” ตี้ฝูอีลุกขึ้นมาคิดจะเดินออกไป


กู้ซีจิ่วดึงเขาไว้ทันที “ไม่ได้!”


ตอนนี้รูปโฉมของเขาคือกู้ซีจิ่ว หากเขาเดินวางท่าไปพักในเรือนของ ‘ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย’ เช่นนี้ จะมิใช่การยืนยันความสุมพันธ์ของเธอกับตี้ฝูอีหรอกหรือ?


เช่นนั้นต่อให้เธอมีปากอยู่ทั่วตัวก็พูดได้ไม่ชัดเจนแล้ว!


————————————————————————————-


บทที่ 752 เจ้าเตรียมจะชดใช้อย่างไร


อีกอย่างคือหลงซือเย่จะคิดยังไง? เธอเพิ่งตัดสินใจจะสานสัมพันธ์กับหลงซือเองนะ…


ช้าก่อน! หลงซือเย่! ดูเหมือนเมื่อเช้าหลงซือเย่จะมาแล้ว แถมยังจากไปด้วยท่าทีไร้วิญญาณ…


“ตี้ฝูอี ก่อนหน้านี้หลงซือเย่เข้ามาใช่ไหม? ท่านพูดอะไรกับเขา? ทำไมเขามีท่าทางได้รับความสะเทือนใจ?” กู้ซีจิ่วมีสีหน้าระแวงสงสัย


ตี้ฝูอีแย้มยิ้ม “เหตุใดเจ้าไม่ไปถามเขาเองล่ะ?”


กู้ซีจิ่วมีน้ำโหแล้ว “ข้าเป็นแบบนี้จะไปถามเขาได้ยังไง? หรือให้ข้าบอกเขาว่าข้ากับท่านสลับร่างกันอยู่?”


คราวนี้ตี้ฝูอีจริงจังขึ้นมาอย่างที่พบเห็นได้ยาก “ซีจิ่ว ไม่อาจให้ผู้ใดรู้ได้เด็ดขาดว่าเจ้ากับข้าสลับร่างกัน!”


กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว “เพราะอะไร?”


ตี้ฝูอีถอนใจเบาๆ “หากพูดออกมา ชีวิตของเจ้าและข้าจะหาไม่”


กู้ซีจิ่วตกตะลึง ไม่ค่อยอยากเชื่อนัก “ท่านหลอกข้ากระมัง? ใครจะทำอะไรท่านได้?”


นัยน์ตาตี้ฝูอีสาดแสงแวบหนึ่ง บางเรื่องนั้นยังไม่สะดวกจะบอกกล่าวต่อสาวน้อยผู้นี้ เกี่ยวพันลึกล้ำกว้างขวางเกินไป บอกกล่าวได้ไม่กระจ่างในระยะเวลาสั้นๆ


ดังนั้นเขาจึงอ้างเหตุผลอย่างหนึ่งที่ค่อนข้างทำให้คนเชื่อถือได้ เอ่ยออกมาเบาๆ สองคำ “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์”


กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “ท่านจะบอกว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะจัดการเราด้วยเหตุนี้หรือ? เป็นไปไม่ได้กระมัง? และพวกเราก็ไม่ได้ตั้งใจด้วย อีกอย่างหากว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ทราบ บางทีเขาอาจมีวิธีที่สามารถช่วยให้พวกเราสลับร่างกลับได้”


ตี้ฝูอีส่ายหน้าเล็กน้อย “พูดยากนัก พวกเราไม่ควรเสี่ยงกับเรื่องนี้ อันที่จริงข้าเคยศึกษาวิธีสลับวิญญาณอย่าหงนึ่งมา แต่น่าเสียดายที่มิอาจร่ายได้ในยามนี้”


กู้ซีจิ่วตาเป็นประกายทันที “วิธีอะไร? ท่านลองว่ามาก่อน ข้าอาจใช้ร่างท่านร่ายออกมาได้ ข้าเรียนรู้ได้รวดเร็วยิ่ง”


ตี้ฝูอีส่ายหน้าอีกครั้ง “ร่างนั้นของข้าสูญเสียพลังวิญญาณมหาศาลนัก ยามนี้พลังยุทธ์สิบส่วนใช้ออกมาได้ไม่ถึงครึ่ง และวิธีนั้นต้องใช้พลังวิญญาณของข้าอย่างน้อยห้าส่วนถึงจะร่ายออกมาได้”


กู้ซีจิ่วตรวจสอบร่างกายครู่หนึ่ง พบว่าจุดพลังวิญญาณของเขาว่างเปล่าจริงๆ ใช้พลังวิญญาณไม่ได้เลย


มิน่าล่ะตอนที่เขาอยู่ริมสระถึงถูกเสือพวกนั้นลากไปได้ ที่แท้ร่างกายนี้ก็ถูกเขาทำลายจนกลายเป็นเช่นนี้แล้ว…


แต่เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเขาแข็งแกร่งมาตลอด จู่ๆ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?


หรือสาเหตุเป็นเพราะสูญเสียพลังวิญญาณมากเกินไปในตอนที่…ช่วยถอนกระบี่ให้เธอ?


แต่ว่าตอนนั้นยามที่เขาจากไปก็ดูไม่ผิดปกติอะไรนี่…


“เหตุใดจู่ๆ ร่างกายของท่านจึงเสื่อมถอยลงเช่นนี้? เพราะช่วยข้าหรือ?” กู้ซีจิ่วอดไม่ได้จึงเอ่ยถาม


ตี้ฝูอีนิ่งไปครูหนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าแรงๆ “มิผิด! ข้าสูญเสียพลังวิญญาณไปเกือบหมดเพื่อช่วยเจ้า”


จิตใจกู้ซีจิ่วหนักอึ้งอีกครั้ง นึกย้อนกลับไปยังสถานการณ์นั้น เอ่ยถามอีกครั้ง “ตอนนั้นท่านกระอักเลือดใช่ไหม?”


ตี้ฝูอีถอนหายใจ “กระอักหนึ่งชามใหญ่”


กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก


เธอรู้สึกเดือดดาลขึ้นมาเล็กน้อย “ตี้ฝูอี ข้าจริงจังอยู่นะ!”


ตี้ฝูอีมองเธออย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม “ข้าก็จริงจังอยู่เหมือนกัน”


พูดกันดีๆ ไม่ได้เลยจริงๆ!


คนผู้นี้พูดจาเดี๋ยวจริงเดี๋ยวเท็จอยู่เสมอ ทำให้คนสับสนฉงนฉงาย


กู้ซีจิ่วนึกถึงตอนที่ถูกเขาจับตัวกลับมาจากเขาถามสวรรค์ครั้งนั้น ระหว่างทางที่กลับดูเหมือนว่าเขาสูญเสียพลังวิญญาณไปหนหนึ่งเหมือนกัน กลายเป็นขยะชิ้นหนึ่ง ต้องบ่มเพาะอยู่พักหนึ่งถึงจะดีขึ้นอีกครั้ง ตอนนั้นเขายังแสร้งทำเป็นอ่อนแอวางแผนโต้กลับทูตสวรรค์ฝ่ายขวาอยู่เลย…


บนร่างคนผู้นี้มีความลับมากมายเหลือเกิน ทุกความลับล้วนทำให้ผู้คนประหนึ่งก้าวเข้าสู่ดงหมอก จับทิศทางไม่ได้


เธอสูดลมหายใจนิดๆ “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ติดค้างหนีน้ำใจท่านครั้งหนึ่งแล้ว…”


“เช่นนั้นเจ้าเตรียมจะชดใช้อย่างไร?” ตี้ฝูอีเอ่ยขัดเธอ


บทที่ 753 ไม่อนุญาตให้ท่านมองร่างกายข้า


กู้ซีจิ่วชะงักไปแวบหนึ่ง “นี่…ภายหน้าข้า…”


“ภายหน้าเจ้าจะชดใช้ด้วยร่างกายใช่ไหม?” ตี้ฝูอีเอ่ยขัดเธออีกครั้ง


กู้ซีจิ่วอดทนข่มกลั้นไว้ อดแล้วอดอีก จนเหลืออด “อันที่จริงข้าชดใช้ท่านไปแล้วนะ ท่านช่วยชีวิตข้าหนึ่งครั้ง ข้าก็ช่วยท่านหนึ่งครั้งเหมือนกัน!”


ราคาที่เธอจ่ายไปก็ไม่น้อยเลยเช่นกัน ทำให้ตัวเองกลายเป็นชายทั้งร่าง…


กู้ซีจิ่วรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าตนอาภัพนัก ยากนักกว่าจะฝ่าฝันจนกลายเป็นผู้เก่งกาจได้ ผลคือผู้เก่งกาจคนนี้ยังคงต้องประสบช่วงเวลาทุกข์ยากลำบากลำบนอยู่


มองดูพลังยุทธ์ของร่างในปัจจุบัน เกรงว่าจะด้อยกว่าร่างเดิมของตัวเธอกู้ซีจิ่วด้วยซ้ำ…


เธอกลัดกลุ้มนัก!


ตี้ฝูอีลากเก้าอี้เข้ามาอีกนิด นั่งเคียงข้างเธอ ยื่นมือมาตบไหล่เธอเบาๆ “สามารถครอบครองสังขารของข้าได้เจ้าสมควรต้องรู้สึกเป็นเกียรติหาได้ปานถึงจะถูก จะหม่นหมองดั่งญาติเสียเช่นนี้ไปทำไม?”


เขาเงยหน้ามองพิศใบหน้าเธออีกคราหนึ่ง ยกมือขึ้นนวดคลึงหว่างคิ้ว “ซีจิ่ว เจ้าแสดงอารมณ์เช่นนี้ด้วยใบหน้าของข้าในยามนี้ ทำให้ข้าเห็นแล้วรู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก…”


กู้ซีจิ่วกัดฟันกรอด “ตี้ฝูอี ท่านบอกว่าดวงวิญญาณข้ามิอาจย้ายสังขารได้อีกแล้วมิใช่หรือ? ถ้าย้ายสังขารดวงวิญญาณจะแตกสลายมิใช่หรือ? แล้วเหตุใดยามนี้ถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น?”


ตี้ฝูอีใคร่ครวญครู่หนึ่ง กล่าวถ้อยคำที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือประโยคหนึ่งอย่างจริงใจ “เพราะสังขารนั้นของข้าแตกต่างจากสังขารคนทั่วไป”


กู้ซีจิ่วกัดฟันอีกครั้ง “ตอนนั้นท่านเคยบอกเอาไว้ สังขารของท่านผู้ใดก็ยึดครองไม่ได้! แล้วทำไมข้า…”


ตี้ฝูอีไม่รอให้เธอถามจนจบ ก็รีบมอบคำตอบครอบจักรวาลให้เธอทันที “เพราะเจ้าเองก็แตกต่างจากคนทั่วไปเช่นกัน”


กู้ซีจิ่วพูดอะไรไม่ออก ทำอย่างไรดีเธออยากซัดเขาให้กระเด็นไปเสียหลือเกิน?!


หน้าเธอตึงขึ้นมาแล้ว “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ข้าหวังว่าพวกเราจะสามารถพูดคุยหารือกันอย่างซื่อสัตย์จริงใจ ข้าไม่ต้องการล้อเล่นกับปัญหาที่จริงจัง!”


รอยยิ้มบนใบหน้าตี้ฝูอีก็จางลงไปเช่นกัน “ข้าก็มิได้ล้อเจ้าเล่น” เขาหันหลังเตรียมจากไป


กู้ซีจิ่วตะลึงไปครู่หนึ่ง พลางเอ่ยถาม “ท่าจะไปไหน?”


“อาบน้ำ! ข้ารู้สึกว่าร่างนี้คล้ายจะมีกลิ่นตุๆ” ตี้ฝูอีพูดอย่างไม่เกรงอกเกรงใจยิ่ง


เกิดเสียงดังฉึกขึ้นในใจของกู้ซีจิ่ว เมื่อคืนเธอยุ่งง่วนปานนั้น เหงื่อออกไม่น้อย พอกลับมาก็สลบไป ไม่ทันได้อาบน้ำ ร่างกายน้อยๆ ย่อมมีกลิ่นตุๆ ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ…


ไม่ถูกสิ! เดี๋ยวก่อนนะ!


สีหน้าของกู้ซีจิ่วแปรเปลี่ยนในทันใด ลุกพรวดขึ้นมา ดึงเขาที่กำลังจะก้าวพ้นประตูไปเอาไว้ “ไม่อนุญาตให้ไป!”


ตี้ฝูอีเลิกคิ้ว “เพราะอะไร?”


กู้ซีจิ่วดึงแขนเสื้อเขาไว้ไม่ปล่อย กัดฟันตอบ “ไม่อนุญาตให้ท่านมองร่างกายข้า!”


ถ้าเขาอาบน้ำ เช่นนั้นก็ต้องเห็นร่างกายเปลือยเปล่าของเธอทั้งร่างมิใช่หรือ!


ตี้ฝูอีชะงักค้าง มองดูเธอ เห็นเธอเม้มปากแน่น สายตามีน้ำโหคู่นั้นจับจ้องเขา ท่าทางเช่นนี้หากเป็นร่างเดิมของนาง ย่อมต้องน่ารักน่าชังยิ่ง


แต่ตอนนี้ร่างใช้ร่างของเขาอยู่ ท่าทางเช่นนี้มัน…


ทันใดนั้นตี้ฝูอีก็รู้สึกปวดประสาทยิ่งนัก!


ดูเหมือนการเอาร่างของเขากลับคืนมาจะโอ้เอ้เสียเวลาไม่ได้แล้ว แต่ยามนี้เข้าไม่มีวิธีดีๆ อันใดจริงๆ ได้แค่รอ…


กู้ซีจิ่วอาจไม่รู้ตัว ปกติยามที่เธออยู่ต่อหน้าผู้อื่นล้วนสุขุมปราดเปรื่องเยี่ยงราชา ต่อให้ตอนที่อยู่กับหลงซือเย่ เธอจะอ่อนโยนเยือกเย็น เป็นหญิงสาวผู้สงบเคร่งขรึมคนหนึ่ง


มีเพียงยามที่อยู่กับตี้ฝูอี เธอถึงจะทำตามใจ แยกเขี้ยวกางเล็บเหมือนแมงป่าน้อยตัวหนึ่ง โกรธเป็น โมโหเป็น ร้อนรนเป็น แง่งอนเป็น ด่าคนเป็น…


ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ เธอเหมือนสิงโตน้อยตัวหนึ่งที่กำลังพองขน ดวงตาทั้งคู่เบิกโต


————————————————————————————-


บทที่ 754 ฉากนั้นดีงามเกินไป


ตี้ฝูอีไม่เคยนึกมาก่อนเลยจริงๆ ว่าดวงตาคู่นั้นของตนจะกลายเป็นรูปทรงน่าเอ็นดูได้ถึงเพียงนี้ อดจะยิ้มออกมาไม่ได้ หันกลับไปนั่งลงอีกครั้ง ท่าทางคล้ายจะคุยกับนางอีกนาน


“เสี่ยวซีจิ่ว ข้าคิดว่าสถานการณ์เช่นนี้น่าจะดำเนินไปอีกหลายวัน ดังนั้นจำเป็นต้องหารือถามไถ่กันเสียหน่อย”


กู้ซีจิ่วเห็นเขานั่งลงแล้ว จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก เพียงแต่เธอยังคงระแวงยิ่งนักอยู่ “หารืออะไร?”


“อย่างเช่นหัวข้อการอาบน้ำ ข้าทนหมักหมมไม่ได้ เจ้าก็น่าจะรู้”


กู้ซีจิ่วโมโห “ต่อให้ทนไม่ได้ก็ต้องทน! ร่างของข้าไม่อนุญาตให้ท่านดูหรือสัมผัส! ใช่แล้ว ท่านมีวิชาาทำความสะอาดมิใช่หรือ? วิชาเดียวก็จัดการได้แล้ว!”


ตี้ฝูอีส่ายหน้า “ร่างนี้ของเจ้ามีพลังยุทธ์ไม่พอ ใช้วิชาระดับสูงแบบนั้นไม่ได้”


“เช่นนั้นท่านก็สอนวิชานั้นให้ข้า ข้าจะมาร่ายให้ท่านเอง!”


“ตอนนี้ร่างนั้นของเจ้าก็มีพลังวิญญาณไม่พอเหมือนกัน ใช้ไม่ได้” มิเช่นนั้นเมื่อคืนเขาจะไปอาบน้ำที่สระทำไมเล่า?


กู้ซีจิ่งนิ่งค้าง


ตี้ฝูอีมองดูนาง ลองเสนอความเห็นออกมา “มิเช่นนั้นเจ้ามาช่วยข้าอาบไหม? ร่างของเจ้าอาบเองคงคุ้นเคยกว่าถูกหรือไม่? เมื่อถึงเวลาข้าหลับตาเสียก็ใช้ได้แล้ว”


กู้ซีจิ่วเงียบงัน เธอลองนึกภาพฉากนั้น เธอใช้มือของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอาบน้ำให้ตน แถม ‘ตัวเธอ’ ยังมีสีหน้าสำราญ…


ฉากนั้นดีงามเกินไป! เธอไม่อาจจินตนาการได้!


เธอส่ายหัวอย่างเด็ดขาด “ไม่เอา!”


ตี้ฝูอีเลิกคิ้ว แล้วเสนอแผนที่สอง “แบบนั้นเจ้ารู้สึกว่าเสียเปรียบมากกระมัง? อ่า มิสู้เอาเช่นนี้ พวกเราต่างอาบให้กันเป็นอย่างไร? อันที่จริงเช่นนี้ก็ถือว่าต่างคนต่างอาบ…”


สมองกู้ซีจิ่วปรากฎภาพที่สอดคล้องกันอีกครั้ง เจ้าอาบให้ข้า ข้าอาบให้เจ้า…


ตัวสั่นเทิ้มขึ้นมาทันที แค่คิดก็ไม่ตกลงแล้ว “ไม่ได้!”


ตี้ฝูอีถอนหายใจแล้วเสนอแผนการที่สามอีกครั้ง “นี่ก็ไม่ได้หรือ? เช่นนั้นพวกเราต่างคนต่างอาบเถิด ข้ามองเจ้า เจ้าก้มองข้า ข้าเป็นบุรุษ ย่อมใจกว้าง อนุญาตให้เจ้ามองมากหน่อยก็ได้ เช่นนี้เจ้าก็ไม่เสียเปรียบแล้ว”


เธอยังคงส่ายหน้าเช่นเดิม “ไม่มีทาง!”


ตี้ฝูอีขมวดคิ้ว “นั่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่เอา สรุปแล้วเจ้าจะเอายังไงกันแน่?! ร่างนี้ของเจ้าเป็นสตรี ข้าคงให้พวกมู่เฟิงเข้ามาช่วยอาบไม่ได้กระมัง?”


กู้ซีจิ่วคิดอยู่หลายวิ “เช่นนั้นก็ให้จิ้งจอกน้อยมาช่วยอาบ…” กล่าวยังไม่ทันจบก็นิ่งไป


ถึงแม้ร่างนั้นของตนจะเป็นร่างกายของเด็กสาว แต่ยามนี้ผู้ที่อยู่ข้างในคือชายฉกรรจ์ขนานแท้ ให้จิ้งจอกน้อยช่วยอาบน้ำให้ ถ้าเยี่ยนเฉินรู้ความจริงเข้ามิแหกอกผู้อื่นหรอกหรือ!


ตี้ฝูอีก็คัดค้านเช่นกัน “ไม่ได้! จิ้งจอกตัวนั้นไม่เหมาะสม”


กู้ซีจิ่วครุ่นคิดครู่หนึ่ง ในที่สุดก็คิดสิ่งที่เข้าท่าอย่างหนึ่งออก “ใช่แล้ว หนนี้ท่านพาสาวใช้มาด้วยสองคนนี่ มิสู้ให้พวกนางมาช่วยท่านอาบดีไหม?”


ตี้ฝูอีมองเธอด้วยท่าทียิ้มมิเชิงยิ้ม “นี่เป็นความคิดที่ดี ถ้าเป็นเช่นนี้ ร่างนั้นของข้าก็ต้องอาบน้ำเหมือนกัน ข้าให้มู่เฟิงมาช่วยเจ้าอาบดีไหม?”


เส้นขนทั่วร่างกู้ซีจิ่วลุกชัน ส่ายหน้าแข็งขัน “ไม่ดี!”


ถึงแม้ร่างกายของตี้ฝูอีจะเป็นบุรุษคนหนึ่ง แต่ผู้ที่อยู่ด้านในคือเธอ! ถ้าให้มู่เฟิงมาอาบให้…เธอจินตนาการภาพอันบัดซบพวกนั้นไม่ออกเลยว่าจะเป็นอย่างไร!


ใบหน้าพริ้มเพราะของตี้ฝูอีก็เคร่งขรึม “ในเมื่อเจ้าทราบว่ายอมรับวิธีนั้นไม่ได้ เช่นนั้นก็น่าจะทราบว่าข้าก็ไม่ยอมให้สาวใช้มาอาบน้ำให้เช่นกัน!”


กู้ซีจิ่วตกตะลึง “ปกติแล้วท่านมิได้ให้สาวใช้ช่วยท่านอาบน้ำหรอกหรือ?”


บทที่ 755 ไม่เข้าท่าจริงๆ


ในยุคนี้ เหล่าชนชั้นสูงล้วนชมชอบให้สาวใช้อาบน้ำให้มิใช่หรือ? หรือว่าเขาจะเป็นแตกต่างจากคนส่วนใหญ่!


น้ำเสียงตี้ฝูอีราบเรียบ “ร่างกายอันล่ำค่าของข้าจะให้คนสัมผัสมันง่ายๆ ได้อย่างไร?” อย่าว่าแต่สาวใช้เลย แม้กระทั่งพวกมู่เฟิงก็ยังไม่เคยเห็นจริงๆ จังๆ เลย…


ตามปกติเขาใช้คาถาทำความสะอาดก็สิ้นเรื่องแล้ว การอาบน้ำแช่น้ำแบบปกติทั่วไปล้วนเป็นงานอดิเรกเล็กๆ น้อยๆ ของเขา


ตี้ฝูอีเสนอแผนการออกมาแผนแล้วแผนเ ล้วนถูกกู้ซีจิ่วปฏิเสธทั้งสิ้น จากนั้นทั้งสองก็พบว่า ปัญหาการอาบน้ำกลายเป็นปัญหาใหญ่ไปแล้ว…


ปัญหาข้อนี้ยังปรึกษาหาวิธีแก้ไขที่เหมาะสมไม่ได้ ก็มีปัญหาอื่นโผล่ขึ้นมาอีกแล้ว จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็พบว่าตนเองค่อนข้างอยากเข้าห้องน้ำ เป็นอาการปวดเบา…


เธอนึกถึงท่าทางของผู้ชายเวลาเข้าห้องน้ำ สีหน้าพลันเขียวคล้ำ!


ดูเหมือนว่าจะต้องจับ…ตี้ฝูอีน้อย…


ตี้ฝูอีเชี่ยวชาญการอ่านสีหน้า เมื่อเห็นว่าจู่ๆ กู้ซีจิ่วก็นั่งขยุกขยิกอยู่บ้าง ก็เงียบไปครู่หนึ่ง ถามออกมาประโยคเดียว “ปวดเบาหรือ?”


ใบหน้าหล่อเหลาของกู้ซีจิ่วขึ้นสีนิดๆ จ้องมองตี้ฝูอี “ข้าขอพูดหน่อย ท่านมิใช่เทพเซียนผู้สูงส่งหรือหรือ? เทพก็ยังต้อง…ยังต้องปลดทุกข์อีกหรือ?”


ตี้ฝูอีถอนหายใจ “ข้าบำเพ็ญเพียรตัดธัญญะทั้งห้าแล้ว หากว่าร่างกายยังปกติดี ย่อมไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้ แต่ยามนี้ร่างนั้นกลับประสบเหตุเหนือความคาดหมาย ก่อนที่พลังวิญญาณจะฟื้นฟูกลับคืนมา มันจะเป็นเช่นเดียวกับคนทั่วไป”


เรื่องอาบน้ำละไว้ก่อนได้ ทว่าเรื่องการปวดเบากลับละไว้ไม่ได้เลย กู้ซีจิ่วตัดสินใจ ไปปลดทุกข์ในห้องสุขาของเรือนนี้


แน่นอนว่าเธอใช้ท่านั่งยองๆ ไม่ใช่ท่ายืน…


เคราะห์ดีที่ในห้องสุขาไม่มีคนอื่น มิเช่นนั้นฉากนี้คงน่าตะลึงพรึงเพริดโดยแท้ ไม่แน่อาจมีคนคิดว่าน้องชายของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย เกิดความผิดปกติอันใด หรือถูกตอนจนกลายเป็นขันทีไปแล้ว…


เมื่อเธอคลี่คลายปัญหาที่ตึงมือได้ เพิ่งจะก้าวออกมา ก็ได้พบมู่เฟิงที่เข้ามารายงาน “นายท่านขอรับ อาจารย์ใหญ่กู่บอกว่าขอเชิญแม่นางกู้ไปที่โถงจันทร์ล่อง ทุกคนจัดงานฉลองพิธีปักปิ่นของนางเรียบร้อยแล้วขอรับ”


กู้ซีจิ่วท่าทางเรียบเฉย “ข้ารู้แล้ว เดี๋ยวจะไปเรียกนางมา”


จิตใจของกู้ซีจิ่วค่อนข้างซึมเศร้าอยู่บ้าง เดิมทีนี่เป็นวันเกิดครบอายุสิบห้าปีเป็นที่ผู้อื่นเฝ้ารอยิ่งนัก แต่ยามนี้ในร่างนั้นกลับเป็นคนอื่น…


เพียงแต่นั้นก็เป็นเรื่องที่ช่วยอะไรไม่ได้ เรื่องที่เธอกับเขาสลับร่างกันเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ให้คนนอกรู้ไม่ได้เด็ดขาด!


บางทีเธอทำได้เพียงมองตี้ฝูอีใช้ร่างเธอปักปิ่นรับคำอวยพรจากผู้อื่น…


เธอเข้าห้องไปบอกสถานการณ์กับตี้ฝูอีครู่หนึ่ง ตี้ฝูอีหลุบตามองการแต่งกาย กล่าวอย่างเด็ดขาด “วันพิธีเช่นนี้ต้องโดดเด่นเจิดจรัส จำเป็นต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า!”


ร่างนี้ของกู้ซีจิ่วยังสวมชุดตัวเมื่อคืนอยู่ เป็นชุดนั้นที่หลงซือเย่ซื้อให้เธอ เรื่องดูดีนั้นดูดี แค่ดูเรียบๆ ไปหน่อย ไม่เข้ากับบุคลิกของเธอ


ยิ่งไปกว่านั้นคือ เมื่อคืนเธอสวมชุดนี้ล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายหน แถมยังใส่นอนทั้งคืน ต่อให้ชุดดูดีแค่ไหนก็ยับยู่ยี่หมดแล้ว ไม่เข้าท่าจริงๆ


แต่จะเปลี่ยนเป็นชุดไหนล่ะ?


ตัวกู้ซีจิ่วมีเสื้อผ้าอยู่ไม่มาก และส่วนใหญ่ก็เป็นเครื่องแบบของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์


ตี้ฝูอีคุ้ยถุงเก็บของเธออยู่เนิ่นนานก็ไม่พบชุดที่ทำให้เขารู้สึกว่าเข้าทีเลยสักตัว จึงสั่งการกู้ซีจิ่วทันที “นี่ เปิดมิติเก็บของของข้าหน่อย ข้าจะมอบชุดหนึ่งให้เจ้า”


ในเมื่อกู้ซีจิ่วอยู่ในร่างของตี้ฝูอี มิติเก็บของของเขาย่อมต้องอยู่ที่เธอเช่นกัน


————————————————————————————-


บทที่ 756 หลอกนางไม่ได้จริงๆ


เธอปฏิบัติตามที่ตี้ฝูอีบอก ใช้วิชาเล็กน้อยเพื่อเปิดมิติเก็บของนั้น ถึงได้พบว่าภายในห้วงมิติของเขากว้างใหญ่ไพศาลจริงๆ ข้าวของหลากหลายละลานตา มีข้าวของมากมายจนเธอไม่มีทางระบุชื่อได้


เมื่อคืนยามที่เขาเปิดมิติเก็บของนี้ต่อหน้าเธอ กู้ซีจิ่วได้เห็นแค่ซอกมุมน้อยๆ ของภูเขาน้ำแข็งในช่องมิตินี้ ทว่าทั้งหมดทั้งมวลที่ได้เห็นยามนี้กลับ…


สามารถบรรยายได้แค่ประโยคเดียว…มากมายดั่งดวงดาวบนนภา


กู้ซีจิ่วมองแวบเดียวในสมองก็มีความรู้สึกอนิจจังยิ่งนักผุดขึ้นมา…คนผู้นี้มั่งมีโดยแท้! มั่งมีเกินไปแล้ว!


ผู้คนมักใช้คำส่าร่ำรวยดั่งอาณาจักรเปรียบเปรยถึงคนรวย แต่ข้าวของในมิติเก็บของของคนผู้นี้ไม่อาจให้วลีนั้นมาเปรียบเปรยได้แล้ว คงต้องกล่าวว่าร่ำรวยดุจโลกา


แถมวิธีจัดเก็บข้าวของในมิติของเขาก็พิเศษนัก ขอเพียงกดปุ่มหนึ่งที่เกี่ยวข้องในบรรดาหลายปุ่ม ช่องใหญ่ช่องหนึ่งก็จะดีดตัวขึ้นมา…


ค่อนข้างคล้ายฮาร์ดไดรฟ์ของคอมพิวเตอร์ยิ่งนัก…


ตี้ฝูสั่งให้กู้ซีจิ่วช่องลับอยู่หลายช่อง ในที่สุดก็พบรายการเสื้อผ้า ด้วยการปฏิบัติตามคำสั่งของตี้ฝูอี สุดท้ายก็ดึงเสื้อผ้าชุดหนึ่งออกมาได้…


เมื่ออาภรณ์ชุดนั้นเข้าสู่มือกู้ซีจิ่วก็รู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก หลังจากปิดมิติเก็บของ เธอก็ก้มมองอาภรณ์ชุดนั้น ในที่สุดก็กระจ่างว่าเหตุใดถึงรู้สึกคุ้นเคย


นี่มิใช่อาภรณ์ไหมเงือกจันทราชุดนั้นหรอกหรือ?!


เป็นชุดนั้นที่กล่าวว่าจะมอบให้เป็นของขวัญวันปักปิ่นของเธอ ทว่าถูกเขาเผาทิ้งที่ริมสระ!


กู้ซีจิ่วเงยหน้ามองเขาทันที “อาภรณ์ชุดนี้ถูกท่านเผาไปแล้วมิใช่หรือ?!”


สายตาเธอราวกับจะมีเปลวไฟพวยพุ่งออกมา ตี้ฝูอียื่นมือมาหยิบอาภรณ์ชุดนั้นไปจากมือเธอ จากนั้นจึงกล่าวอธิบาย “ข้าทำให้มันคือสภาพเดิมได้ทันเวลา”


กู้ซีจิ่วมิใช่ตัวโง่งม “ไร้สาระ! ตอนนั้นท่านไม่มีพลังวิญญาณแล้ว จะทำให้ชองที่ถูกเผาคืนสภาพเดิมได้อย่างไร? ท่านเห็นข้าโง่หรือไง?!”


ตี้ฝูอีถอนหายใจเบาๆ หลอกนางไม่ได้จริงๆ…


ภายใต้สายตากดดันของกู้ซีจิ่ว เขาทำได้เพียงบอกความจริง “อาภรณ์ชุดนี้ข้าได้มาอย่างลำบากลำบนนัก ย่อมไม่อาจเผาทิ้งได้ง่ายๆ ที่ถูกเผาคืออาภรณ์อีกชุดหนึ่ง…”


ที่เขาเผาอาภรณ์ในยามนั้นเป็นการตบตาเธอจริงๆ!


เพียงแต่ตอนนั้นท่ามือเขาว่องไวนัก แถมเธอยังไม่ได้จับตามองเขาตลอดเวลา ดังนั้น ‘แผนร้าย’ ของเขาถึงได้บรรลุผล


เมื่อนึกถึงท่าทางของตนที่เห็นอาภรณ์ชุดนี้ถูกเผาในยามนั้นขึ้นมา กู้ซีจิ่วก็สงบเยือกเย็นไม่อยู่แล้ว!


หรี่ตามองกระโปรงชุดนั้น “ข้ารู้สึกว่าอาภรณ์ชุดนี้สมควรถูกเผาจริงๆ!”


ตี้ฝูอีกระแอมคราหนึ่ง “ให้ข้าสวมใส่อย่างงดงามก่อนสักสองสามวัน จากนั้นหากเจ้าไม่ชอบก็เผาทิ้งอีกคราได้” กล่าวไปพลาง เริ่มถอดเสื้อผ้าบนร่างไปพลาง


มือไม้เขาว่องไว รอจนกู้ซีจิ่วมีปฏิกิริยาตอบสนองอีกครั้ง ก็พบว่าเขาเริ่มถอดเสื้อผ้าชั้นในแล้ว…


กู้ซีจิ่วหน้าเขียวแล้ว!


รีบพุ่งไปตะครุบมือเขาไว้ทันที “ไม่อนุญาตให้ถอดต่อแล้ว!”


ตี้ฝูอีเงยหน้ามองนาง “ชุดด้านในนี้ก็สกปรกแล้ว จำเป็นต้องถอด” จากนั้นพลันชะงักไปวูบหนึ่ง “เจ้าเหรงว่าข้าจะมองเรือนร่างเจ้าหรือ? ถ้างั้นเอาเช่นนี้ดีไหม เจ้าช่วยข้าเปลี่ยน ข้าหลับตาไว้ก็สิ้นเรื่องแล้ว”


จากนั้นก็ไม่ขยับเขยื้อนต่อจริงๆ หลับตากางแขนรอให้เธอมาช่วย


กู้ซีจิ่วยุ่งยากใจจริงๆ แถมเธอยังใช้ร่างของตี้ฝูอีอยู่ด้วย!


ถ้าเธอเข้าไปช่วยเขาสวมเสื้อผ้า หากมีคนนอกมาเห็นเข้ามิกลายเป็นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเปลี่ยนชุดให้กู้ซีจิ่วเองกับมือหรอกหรือ?


นี่เป็นเรื่องที่ต้องเป็นสามีภรรยากันถึงจะทำได้ แต่เธอกลับถูกชะตาบีบคั้นให้ทำในยามนี้…


เธอมองตี้ฝูอีที่หลับตาประหนึ่งเนื้อปลาบนเขียงอีกครั้ง โทสะพวยพุ่งขึ้นมากว่าเดิม!


ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าผลจะเป็นเช่นนี้ คืนนั้นเธอก็คงไม่บุ่มบ่ามไปช่วยเหลือเขา!


ทำให้เธอต้องประสบเรื่องราวพิสดารเช่นนี้ และไม่มีผู้ใดเข้าใจ


ยังดีที่ในห้องนี้มีแค่พวกเขาสองคน ดังนั้นเธอไปช่วยเขาสวมเสื้อผ้ายามนี้ก็ไม่เป็นไร


กู้ซีจิ่วตัดใจได้ทันที ทำได้เพียงหยิบอาภรณ์ชุดนั้นให้เขาลงบนเตียงแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา


มือไม้เธอว่องไวมาก พยายามจะไม่แตะเนื้อต้องตัวอีกฝ่าย ต้องทราบก่อนว่าถึงแม้เนื้อตัวนี้จะเป็นของเธอ แต่ยามนี้ผู้ที่สัมผัสรับรู้ได้กลับเป็นตี้ฝูอี…


แต่เรื่องราวช่างบังเอิญเหลือเกิน กู้ซีจิ่วเพิ่งจะสวมกางเกงตัวในผืนใหม่ให้ตี้ฝูอีได้ข้างหนึ่ง ยังมิทันได้ใส่อีกข้างเข้าไป หลานไว่หูก็พุ่งเข้ามาปานพายุลูกน้อย “ซีจิ่ว…”


สมองกู้ซีจิ่วระเบิดตูม รีบดึงผ้านวมบนเตียงมาคลุมหัวตี้ฝูอีไว้ทันที!


หลานไว่หูก็นึกไม่ถึงว่าจะได้พบเห็นฉากร้อนแรงเช่นนี้ ยืนอ้าปากหวอนิ่งงันปานถูกฟ้าผ่าอยู่ตรงปากประตูครู่หนึ่ง แล้วหันหลังวิ่งจากไปทันที “ข้า…ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น…”


เงาร่างเลือนหายไปดั่งควันสายหนึ่ง!


กู้ซีจิ่วตกตะลึง


เสร็จกัน! ในสายตาของจิ้งจอกน้อยเกรงว่าจะคิดว่าเธอกับตี้ฝูอีกำลังเล่นพลิกผ้าห่มกันอยู่…


ต่อไปเกรงว่าถึงกระโดดลงแม่น้ำหวงก็คงล้างไม่สะอาดแล้ว![1]


เธอย้อนเวลากลับไปได้ไหมนะ?


ตี้ฝูอีก็ฉุดตัวเองออกมาจากผ้าห่มแล้ว เขาค่อนข้างมีสติปัญญา ยามนี้จึงออกความเห็นว่า “ซีจิ่ว เรื่องนี้จัดการได้ง่าย เจ้าใช้ตัวตนของข้าไล่ตามหลานไว่หูไป บังคับให้นางสาบานว่าจะปิดปากไว้ก็สิ้นเรื่อง!”


กู้ซีจิ่วถลึงตาจ้องเขาอย่างโมโหแวบหนึ่ง “ไม่ต้องบังคับให้นางสาบานหรอก จิ้งจอกน้อยมิใช่คนพูดจาเหลวไหลเลื่อนเปื้อน!”


ตี้ฝูอีลุกขึ้นนั่ง มองเธออย่างไม่เข้าใจอยู่บ้าง “เห็นนั้นเจ้าแสดงท่าทีแบบนี้ทำไม? มองสิว่าเจ้าทำให้ใบหน้าของข้ายุ่งเหยิ่งจากกลายเป็นอันใดไปแล้ว?”


กู้ซีจิ่วสูดลมหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง เธอคิดไว้แล้วชัดๆ ว่าจะต่อไปจะเคียงคู่โบยบินกับหลงซือเย่ แถมยังเคยเปรยกับจิ้งจอกน้อยไว้รางๆ จิ้งจอกน้อยยังกล่าวอย่างกระตือรือร้นอยู่เลยว่าเจ้าสำนักหลงยอดเยี่ยมมาก เป็นคนดีเหมาะจะออกเรือนด้วย…


ผลคือเพิ่งผ่านไปไม่ถึงสองวัน ก็ทำให้จิ้งจอกน้อยเห็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกำลังสวมกางเกงให้ตัวเธอกู้ซีจิ่ว…


นี่…นี่จะทำให้จิ้งจอกน้อยคิดว่ากู้ซีจิ่วเป็นคนเหลาะแหละโลเลหรือเปล่า?!


————————————————————————————-


[1]  กระโดดลงแม่น้ำหวงก็คงล้างไม่สะอาด อุปมาถึง แก้ต่างอย่างไรก็ไม่พ้นมลทิน


บทที่ 757 ข้าควรถอดให้เจ้ามาใส่ให้ข้าอีกรอบ


กู้ซีจิ่วไม่แยแสคำพูดคนอื่น ไม่แยแสสายตาคนอื่น แต่เธอใส่ใจเพื่อนฝูง แถมเรื่องนี้ยังอธิบายไม่ได้อีก…


“ล้วนเป็นเพราะท่าน!” กู้ซีจิ่วรู้สึกอึดอัดนัก


“อืม ล้วนเป็นเพราะข้า” น้ำเสียงตี้ฝูอีอ่อนโยน จับมือข้างหนึ่งของเธอไว้ “ไม่หงุดหงิดแล้วใช่ไหม หือ?”


กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก


ตี้ฝูอีลุกขึ้นพลางจูบหน้าผากเธอ “ไปกันเถอะ”


กู้ซีจิ่วลูบหน้าผากที่ถูกจูบ แล้วมองตี้ฝูอีที่ลุกไปเดินพลิ้วอยู่ข้างหน้า ทันใดนั้นก็รู้สึกตัว “เอ๊ะ ท่านใส่เสื้อผ้าตั้งแต่ตอนไหนกัน?!”


เจ้าคนผู้นี้สวมเสื้อผ้ารวดเร็วกว่าสายลมอีก!


เพียงชั่วระยะที่เธอหงุดหงิดยุ่งเหยิง เขาก็สวมอาภรณ์ทั้งชุดเรียบร้อยแล้ว! หากรู้เช่นนี้แต่แรก เมื่อกี้เธอจะให้เขาใส่เอง และไม่ไปใส่ให้เขา จนเป็นเหตุให้จิ้งจอกน้อยเข้าใจผิด…


เธอถามไถ่ด้วยน้ำเสียงติเตียน เป็นถามเพื่อติเตียนว่าในเมื่อเขาใส่ได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ แล้วจะให้เธอใส่ให้ทำไม


ถามอย่างร้อนรนเกินไป ตี้ฝูอีคล้ายว่าจะเข้าใจผิด เขายืนนิ่ง หันกลับมามองเธอ ถามอย่างลังเล “หรือว่า ข้าควรถอดให้เจ้ามาใส่ให้ข้าอีกรอบ?”


กู้ซีจิ่วเงียบงัน…


….


สำหรับเด็กสาวแล้วพิธีปักปิ่นคือวันสำคัญ


หากว่าศิษย์ของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เข้าเกณฑ์วัยปักปิ่นขณะที่อยู่ในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ เช่นนั้นสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ก็จะจัดเตรียมงานเลี้ยงฉลองอย่างยิ่งใหญ่ให้นางโดยเฉพาะ


วันปักปิ่นของกู้ซีจิ่วอันที่จริงพวกกู่ฉานโม่ล้วนทราบกันล่วงหน้าแล้ว อีกทั้งระยะนี้เธอก็สร้างชื่อไว้ในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ทำให้คนทั้งหลายมองในมุมใหม่ เมื่อกู่ฉานโม่ปลาบปลื้มยินดี งานเลี้ยงที่จัดเตรียมไว้ให้เธอจึงยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ


งานเลี้ยงจัดขึ้นที่โถงจันทร์ล่องซึ่งเป็นห้องโถงที่ใหญ่ที่สุดในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์


ยามที่กู้ซีจิ่วไปถึง ที่นั่นก็เปลี่ยนโฉมใหม่แล้ว


เธอไม่ได้มาพร้อมกับตี้ฝูอี ด้วยเกรงว่าจะถูกผู้อื่นซุบซิบนินทา เธอเลยให้ตี้ฝูอีล่วงหน้ามาก่อน ส่วนเธอกลับไปที่คฤหาสน์หลังนั้นเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่แล้วค่อยมา


ตอนนี้เธออยู่ในร่างของตี้ฝูอี คนทั้งหลายล้วนรู้จักเธอในฐานะของตี้ฝูอี เมื่อเธอมาถึง ตั้งแต่ด้านในประตูจนถึงนอกประตูล้วนพากันคุกเข่าเสียงดังครืนๆ


เดิมทีกู้ซีจิ่วรู้สึกว่าพิธีปักปิ่นอายุครบสิบห้าปีของตนเป็นวันสำคัญเมื่อไม่อาจรับคำอวบพรเหล่านั้นด้วยตัวเองได้จึงหม่นหมองอยู่บ้าง แต่ยามนี้เมื่อได้เห็นฉากนี้ ความหม่นหมองนั้นก็สลายไปไม่น้อยแล้ว


ตนอนนี้เธอคือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ย่อมได้นั่งในต่ำแหน่งที่ดีที่สุด กู่ฉานโม่คอยอยู่เป็นเพื่อนด้านข้างด้วยตัวเอง


กู้ซีจิ่วเชี่ยวชาญด้านการเล่นละครมาโดยตลอด ปลอมเป็นมังกรก็เหมือนมังกร แสร้งเป็นพยัคฆ์ก็เหมือนพยัคฆ์ อีกทั้งเธอคุ้นเคยกับตี้ฝูอี ย่อมเลียนแบบเขาได้เต็มสิบส่วน ฝูงคนในที่นี่ไม่มีสักคนที่จะมองออกว่าเธอเป็นตัวปลอม


พอมาถึงเธอก็พบว่าตี้ฝูอียังไม่มา…


เธอกระวนกระวายใจอยู่บ้าง ตี้ฝูอีอยู่ในร่างเธอ ยามนี้เขาคือตัวละครหลัก เขาคงไม่เล่นแผลงๆ อันใดกระมัง?


เมื่อกวาดตามองรอบๆ ก็พบว่าคนส่วนใหญ่ล้วนมากันแล้ว


เดิมทีเมื่อศิษย์ต้องผ่านพิธีปักปิ่นซึ่งเป็นวันสำคัญ เหล่าอาจารย์จำเป็นต้องเข้าร่วม แต่บรรดาศิษย์นั้นไม่มีการกะเกณฑ์ มาก็ได้ไม่มาก็ได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับมิตรภาพในยามปกติ


ในสถานการณ์ตามปกติ ยามที่ศิษย์คนหนึ่งเข้าพิธีปักปิ่น ก็จะเป็นสหายร่วมชั้นของนางที่มาครอบครองพื้นที่ในงาน ศิษย์คนอื่นๆ มากันน้อยยิ่ง หากว่าอัธยาศัยไม่ดีหรือว่าความสามารถธรรมดา แม้กระทั่งสหายร่วมชั้นก็ยังไม่แน่ว่าจะมา นอกเสียจากลูกแมวน้อยสองสามตัว


แต่หนนี้คือพิธีปักปิ่นที่เป็นวันสำคัญของกู้ซีจิ่ว ศิษย์แทบทั้งสำนักศึกษาชุมนุมล้วนมากันถ้วนหน้า! แม้แต่ศิษย์ของชั้นเรียนระดับสูงก็ไม่เว้น


กู้ซีจิ่วกวาดสายตามองฝูงชนเงียบๆ ในใจมีความตื้นตันเอ่อล้นขึ้นมา ไม่ง่ายเลยจริงๆ กว่าเธอจะพึ่งพาความสามารถของตนจนได้รับความเคารพเลื่อมเหล่านี้มา…


————————————————————————————-


บทที่ 758 สรุปแล้วไปเอ้อระเหยอยู่ที่ไหน


ท่ามกลางฝูงชนเธอพบว่าเยี่ยนเฉินกำลังทักทายสหายร่วมชั้นอยู่ ในใจพลันกระจ่างแจ้ง ที่ศิษย์ชั้นเรียนระดับสูงเหล่านั้นมาร่วมงาน ถึงแม้จะเป็นเพราะชื่อเสียงของตัวเธอกู้ซีจิ่ว แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการประนีประนอมของเยี่ยนเฉิน ยังมีคนบางส่วนที่มาเพราะเห็นแก่หน้าเยี่ยนเฉินอีกด้วย


ส่วนหลานไว่หูกับเชียนหลิงอวี่ พวกเขาก็มาถึงนานแล้ว กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ สองคนนี้คึกคักยิ่งนัก ราวกับเป็นพิธีปักปิ่นของพวกเขาเอง


กู้ซีจิ่วมองเห็นเพื่อนร่วมกลุ่มของตนย่อมค่อนข้างรู้สึกชิดเชื้อ อดไม่ได้ที่จะมองอยู่หลายแวบ


ผลคือสายตาหลายแวบนี้ถูกสามคนนั้นรับรู้ได้


จิ้งจอกน้อยตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะทันที คงจะนึกถึงฉากใส่กางเกง ปากน้อยๆ ของนางเม้มแน่น ซ้ำยังเหลือบมองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง


ส่วนเยี่ยนเฉินกับเชียนหลิงอวี่ พวกเขาน่าจะเขม้นตี้ฝูอีเหมือนกัน รู้สึกว่าตี้ฝูอีทำร้ายกู้ซีจิ่ว ดังนั้นเมื่อสองคนนี้สัมผัสได้ว่า ‘ตี้ฝูอี’ มองพวกเขา พวกเขาล้วนขมวดคิ้ว


เยี่ยนเฉินค่อนข้างสงบเยือกเย็น เพียงขมวดคิ้วนิดๆ เท่านั้น สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน


ส่วนเชียนหลิงอวี่ค่อนข้างจริงจัง เขาสบตากับ ‘ตี้ฝูอี’ ตรงๆ คิ้วเลิกขึ้นสูง สีหน้ายั่วยุ ท่าทางสื่อได้ว่า ‘มองช้าผู้เป็นคุณชายด้วยเหตุใด? คุณชายเช่นข้าคร้านจะแยแสเจ้า’


กู้ซีจิ่วตัดสินใจเก็บสายตากลับมา จิบชาที่อยู่ตรงหน้าอึกหนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่ประตู


สรุปแล้วตี้ฝูอีไปเอ้อระเหยอยู่ที่ไหนกัน?! เขาคงไม่ปล่อยให้คนทั้งหมดต้องคอยเก้อกระมัง?!


เมื่อถึงเวลาคนที่ต้องรับความขุ่นเคืองจากผู้คนก็คือตัวเธอกู้ซีจิ่ว…


ปากประตูเกิดความวุ่นวายขึ้น เธอยังนึกอยู่ว่าในที่สุดตี้ฝูอีในร่างเธอก็มาถึงแล้ว ผลปรากฏว่าผู้ที่เข้ามาคือหลงซือเย่


ดูเหมือนหลงซือเย่จะทำตามสัญญาที่รับปากกับเธอไว้ในครั้งนั้น ที่บอกว่าจะไม่สวมหน้ากากใดๆ มื่ออยู่ต่อหน้าเธอ วันนี้คือวันสำคัญของกู้ซีจิ่ว ดังนั้นเขาจึงมาโดยไม่สวมหน้ากากเช่นเคย


หลงซือเย่รูปงามยิ่ง ทุกอากัปกริยาล้วนมีบุคลิกของ ‘คุณชายผู้งดงามปานหยก’


ถึงเขาจะมีอายุกว่าร้อยปีแล้ว แต่รูลักษณ์ดูราวยี่สิบสามยี่สิบสี่ปีเท่านั้น เป็นช่วงวัยที่กำลังรุ่งโรจน์พอดี และประสบการณ์ชีวิตก็ทำให้ร่างกายของเขามีเสน่ห์ของบุรุษที่โตเต็มวัย ย่อมแตกต่างกับบรรดาหนุ่มน้อยในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์แห่งนี้


สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์คลาคล่ำไปด้วยบุคคลมีความสามารถ เป็นสถานที่ของอัจฉริยะอย่างแท้จริง ย่อมมีหนุ่มสาวรูปงามไม่น้อย แต่ถึงอย่างไรก็ล้วนอายุน้อย เมื่อเทียบกับหลงซือเย่แล้ว เห็นได้ชัดว่าอ่อนเดียงสากว่ามาก


ดังนั้นจึงมีสายตาของเหล่าเด็กสาวมองตามเจ้าสำนักหลงผู้นี้มากมาย


แน่นอน สายตาที่มองตามตี้ฝูอีนั่นมีมากกว่า ขณะที่กู้ซีจิ่วหันไปโดยไม่ตั้งใจ ก็ได้รับสายตาหวานหยาดเยิ้มจากสาวน้อยหลายนาง…


เมื่อกู้ซีจิ่วเห็นหลงซือเย่ก็รู้สึกสนิทชิดเชื้อยิ่งนัก ลุกขึ้นทักทายในฐานะของตี้ฝูอี “เจ้าสำนักหลง”


หลงซือเย่มองมาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง น้ำเสียงราบเรียบ “ที่แท้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็มาถึงแล้ว ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายช่างใส่ใจเรื่องของซีจิ่วยิ่งนัก”


ต่อให้เป็นกู้ซีจิ่ว ก็สัมผัสได้ว่าเจ้าสำนักหลงผู้นี้เปี่ยมด้วยความเป็นอริ


หลงซือเย่กล่าวประโยคนี้จบก็ไม่สนใจเธออีก นั่งลงในตำแหน่งที่กู่ฉานโม่จัดให้


กู้ซีจิ่วถอนหายใจอยู่ภายในใจ นั่งลงไปอีกครั้ง


ดูเหมือนว่าเธอที่อยู่ในร่างของตี้ฝูอีไม่อาจพูดคุยตามปกติกับหลงซือเย่ได้


เมื่อเห็นว่าจวนจะถึงเวลาแล้ว ทว่ายังไม่เห็นเงาร่างของ ‘กู้ซีจิ่ว’ กู่ฉานโม่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม ‘ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย’ ที่นั่งอยู่ตรงกลาง “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย เหตุใดซีจิ่วยังไม่มาเล่า?”


กู้ซีจิ่วกำลังจะเอ่ยตอบ ทันใดนั้นคนที่อยู่ด้านนอกก็มารายงาน “แม่นางกู้มาแล้วขอรับ”


กู่ฉานโม่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก คนทั้งหลายล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกเช่นกัน


กู้ซีจิ่วเงยหน้ามองแวบหนึ่ง พลันชะงักงัน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)