ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 750-775
ตอนที่ 750 ปากหวานไม่เป็น
ขยี้จนปวดตาไปหมด ในที่สุดเหมยเหมยก็มั่นใจว่านั่นไม่ใช่ภาพลวงตาเลยร้องขึ้นมาอย่างดีใจ ผลักจักยานพุ่งตัวออกไปข้างนอกทันที
“พี่หมิงซุ่น พี่มาเมืองหลวงได้ยังไง? เมื่อกี้พี่เป็นคนโทรมาเหรอ?…”
ถามคำถามยาวเป็นพรวนด้วยเสียงเจื้อยแจ้วเหมือนฝูงนกกระจอกกำลังส่งเสียงร้อง แต่เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้รู้สึกรำคาญสักนิด อมยิ้มน้อยๆ นัยน์ตามีแต่ความรักใคร่และเอ็นดู
“ฉันเอาทีวีสีมาให้”
เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้บอกความจริงไป เขาตั้งใจเก็บเป็นเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ให้ยัยหนู ถ้าพูดออกมาล่วงหน้าก็ไม่สนุกน่ะสิ
เหมยเหมยรู้สึกหวานขึ้นมาจับใจเหมือนได้กินน้ำผึ้ง ถลึงตาใส่เขาไปทีอย่างกระเง้ากระงอด “ทำไมพี่โง่แบบนี้? ไปรษณีย์ก็ส่งของได้นี่นา ไม่เห็นต้องลำบากมาเองเลย อากาศร้อนจะตาย!”
“ไปรษณีย์ช้าเกินไป ฉันส่งเองเร็วกว่า อีกอย่างฉันก็อยากมาเมืองหลวงเที่ยวดูสักหน่อย”
เหยียนหมิงซุ่นพูดเป็นจริงเป็นจังแต่เหมยเหมยไม่ได้ยินคำตอบที่เธออยากฟังเลยแอบผิดหวังในใจ เบะปากอย่างอดไม่ได้
ให้ตาย พูดเอาใจเธอหน่อยไม่ได้เลยหรือ?
บอกว่าคิดถึงเธอมันยากขนาดนั้นเชียว?
เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจของเด็กสาวก็ถามด้วยความแปลกใจ “เหมยเหมยเป็นอะไร?”
“เปล่า แดดจ้าเกินไป พี่หมิงซุ่นเรารีบเข้าไปกันเถอะ”
เอาเข้าจริงแล้วเหมยเหมยก็ดีใจอยู่หรอกในเมื่อเหยียนหมิงซุ่นขนโทรทัศน์สีมาให้เธอตั้งไกล มีอะไรให้ต้อไม่พอใจอีก?
แน่นอนว่าหากเหยียนหมิงซุ่นปากหวานเสียหน่อยคงจะดีกว่านี้!
เหยียนหมิงซุ่นยกโทรทัศน์สีเตรียมเดินเข้าไปข้างในแถมยังช่วยกางร่มให้เหมยเหมยอย่างใส่ใจโดยไม่บังให้ตัวเองสักน้อย เหมยเหมยขยับร่มไปทางเขาเล็กน้อยอย่างมีความสุข
“พี่เองก็บังหน่อย แดดแรงเกินไป”
เหยียนหมิงซุ่นไม่สนใจ ยังคงกางร่มให้เหมยเหมยต่อ “ไม่ต้องหรอก!”
ผู้ชายอย่างเขามีอะไรให้ต้องบังแดด กำลังเครียดอยู่เลยว่าผิวขาวเกินไปอยากตากแดดให้ผิวคล้ำกว่านี้สักหน่อย!
ทั้งคู่หนึ่งคนถือกล่องกระดาษลังใหญ่อีกคนเข็นรถจักรยานเดินขนาบคู่กันไป ใต้แสงอาทิตย์มีเงาสองร่างทอดลงกับพื้น หนึ่งคนตัวสูงหนึ่งคนตัวเล็กพอเดินทีเงาก็ซ้อนกัน ชายหล่อหญิงงาม เป็นภาพที่งดงามเหลือเกิน
สองแม่ลูกหวงอวี้เหลียนเดินเข้ามาจากประตูใหญ่ เวลาสองปีไม่ได้ส่งผลอะไรมากต่อหวงอวี้เหลียน ยังคงเป็นสาวงามคนเดิมแค่ดูมีน้ำมีนวลมากขึ้น แต่ผิวที่เนียนละเอียดไม่เหี่ยวย่นนั้นก็ขับให้ดูอ่อนเยาว์เป็นพิเศษ
โอหยางซานซานตัวสูงขึ้นไม่น้อย ใบหน้าได้รูปเพราะองค์ประกอบบนใบหน้าเด่นชัดมากขึ้น ไขมันตรงส่วนแก้มลดน้อยลงไปบ้างแล้ว ใบหน้าทรงกลมในวัยเด็กกลายเป็นใบหน้ารูปไข่ งดงามกว่าวัยเด็กมากโข
สองแม่ลูกไม่ได้อาศัยอยู่ในเขตนี้เพราะคุณย่าของบ้านโอหยางไม่ชอบหวงอวี้เหลียนรวมไปถึงหลานสาว สามีของหวงอวี้เหลียนโอหยางเซี่ยงหมิงเป็นลูกชายคนรองของบ้าน แค่คนคั่นกลางย่อมไม่มีตำแหน่งอะไรในบ้านเป็นพิเศษอยู่แล้ว
โอหยางเซี่ยงหมิงกับหวงอวี้เหลียนแต่งงานกันไม่กี่ปีก็ย้ายออกจากเขตนี้ไปอยู่คอนโดที่ที่ทำงานจัดให้ เพียงแต่หวงอวี้เหลียนถนัดเรื่องเข้าหาคน ภายนอกมักแสดงให้เห็นว่ามีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับพ่อแม่สามี ทุกสุดสัปดาห์จะกลับมาที่นี่เพื่อให้ลูกสาวโอหยางซานซานได้ค้างสักคืน
และเพราะเหตุนี้โอหยางซานซานเลยคลุกคลีกับเด็กในเขตนี้ไม่น้อย ต้องรู้ว่าเด็กในนี้ล้วนไม่ใช่เด็กจากตระกูลธรรมดา จะคนไหนก็มีพื้นเพของครอบครัวที่ทำเอาชาวบ้านทั่วไปตกตะลึงได้!
จุดประสงค์ของหวงอวี้เหลียนเองก็เช่นเดียวกัน เธอต้องการให้ลูกสาวทำความรู้จักกับว่าที่คนใหญ่คนโตในอนาคตตั้งแต่เด็ก แบบนี้ซานซานของเธอจะได้ไม่ต้องลำบากตรากตรำเหมือนเธอ
“แม่ ผู้ชายข้างๆ จ้าวเหมยคือใครเหรอ? หน้าตาดีจัง” โอหยางซานซานชี้ไปข้างหน้าแล้วเอ่ยถามขึ้น
……………………
ตอนที่ 751 หน้าด้าน
หวงอวี้เหลียนจูงมือลูกสาวมองไปข้างหน้าและเห็นเหมยเหมยกำลังเงยหน้ายิ้มให้เหยียนหมิงซุ่นพอดี ส่วนเหยียนหมิงซุ่นกลับก้มหน้ามองเด็กสาวอย่างรักใคร่ ใบหน้าด้านข้างของทั้งคู่ดูดีจนไร้ที่ติ
หวงอวี้เหลียนผู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนแค่ดูปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ธรรมดา ต้องไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดาๆอย่างแน่นอน เพียงแต่เด็กหนุ่มหน้าตาดีคนนี้มาจากไหนกัน?
ต้องบอกเลยว่าเด็กรุ่นใหม่ในวงการนี้เธอหวงอวี้เหลียนรู้จักแทบทุกคน เก้าในสิบคนเธอต้องรู้จัก ไม่อย่างนั้นเธอจะเลือกจ้าวเสวียหลินของตระกูลจ้าวให้ลูกสาวจากคนมากมายนับหมื่นได้อย่างไร?
แต่เด็กหนุ่มที่เดินคู่กับจ้าวเหมยเธอมั่นใจว่าไม่เคยเห็นมาก่อน หรือว่าช่วงนี้เมืองหลวงมีตระกูลใหม่ย้ายเข้ามาแล้วเธอไม่รู้กันแน่?
“ซานซาน ลูกไม่รู้จักเด็กผู้ชายคนนี้เหรอ?” หวงอวี้เหลียนถามอีกทีให้แน่ใจ
โอหยางซานซานส่ายศีรษะ “ถ้าหนูรู้จักแล้วจะถามแม่ทำไม? แม่ไม่รู้จักเหรอ?”
หวงอวี้เหลียนไม่ได้ตอบคำถามของลูกสาวแต่ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาได้ เร่งฝีเท้าเดินไปข้างหน้าพร้อมรอยยิ้ม
“เหมยเหมยไปเที่ยวข้างนอกกับเพื่อนมาเหรอ? เธอซื้อของอะไรมาเนี่ยกล่องใหญ่เชียว”
หวงอวี้เหลียนพูดอย่างสนิทสนมไม่ดูเคอะเขินเลยสักนิด หน้าด้านไม่มีใครสู้จริงๆ มิน่าถึงได้ดิบได้ดีในสังคมคุณนายและปราบคุณย่าให้อยู่หมัดได้
สองปีก่อนโอหยางซานซานถูกเหมยเหมยเปิดโปงว่าทุจริต เมื่อนั้นเหมยเหมยหลงคิดว่าหวงอวี้เหลียนจะชิงทำตัวเป็นคนผิดที่วิ่งแจ้นร้องห่มร้องไห้มาฟ้องคุณย่าก่อนเสียอีก ไม่คิดว่าเธอจะประเมินหวงอวี้เหลียนต่ำไป
ต้องบอกเลยว่าหวงอวี้เหลียนแสดงละครระดับมืออาชีพจริงๆ ฝีมือไม่เป็นรองใคร เมื่อนั้นฉิวฉิวท้าเธอว่าสามวัน หลังจากนั้นเธอก็วิ่งมาที่บ้านตระกูลจ้าว ทันทีที่เข้าประตูก็ขอโทษขอโพยคุณย่าว่าเธอใจร้อนเกินไปถึงทำเรื่องโง่เขลาแบบนั้น
มิหนำซ้ำยังบอกว่าเป็นความผิดของเธอทั้งหมด ขอให้คุณย่าอย่าโทษโอหยางซานซาน กล่าวโดยสรุปผู้หญิงคนนี้รับความผิดไว้ที่ตัวเองทั้งหมดส่วนลูกสาวโอหยางซานซานผู้บริสุทธิ์แค่ต้องติดร่างแหไปกับเธอด้วย
ความจริงพวกจ้าวเสวียกงกลับบ้านก็บอกเรื่องนี่ให้คุณย่าฟัง เมื่อได้ยินคุณย่าเองก็โกรธมาก สิ่งที่เธอเกลียดมากที่สุดคือการทุจริตและรู้สึกผิดหวังต่อสองแม่ลูกหวงอวี้เหลียนเป็นอย่างมาก แต่พวกเหมยเหมยกลับประเมินฝีปากและทักษะการแสดงของหวงอวี้เหลียนต่ำเกินไป ทั้งร้องไห้ทั้งอ้อนวอนอ้างเหตุผลไปที่ความหวังที่อยากดันให้ลูกสาวเป็นหงส์เพียงข้อเดียว
บวกกับคุณย่าที่รู้สึกผิดต่อหวงอวี้เหลียนอยู่ก่อนแล้ว พอถูกหวงอวี้เหลียนร้องไห้วิงวอนก็ใจอ่อน ไม่ได้ตำหนิไปมากกว่านั้นแค่ให้เธออบรมสั่งสอนลูกให้ดีอย่าทำในสิ่งที่ผิด
เรื่องนี้เลยผ่านพ้นไปโดยดี ส่วนโอหยางเซี่ยงหมิงนั้นทำงานได้ผลรวดเร็วสั่งไม่ให้สื่อมวลชนรายงานข่าวเรื่องนี้อย่างเข้มงวด เลยเป็นเหตุผลที่วีรกรรมนี้ของโอหยางซานซานรับรู้กันแค่ในหมู่คนใน คนนอกกลับไม่รู้เรื่องอะไร ชื่อเสียงเลยพอรักษาไว้ได้ทันท่วงที
หากเปลี่ยนเป็นผู้หญิงคนอื่น หลังจากเกิดข้อบาดหมางกับเด็กในบ้านตระกูลจ้าวต้องไม่กล้าย่างก้าวเข้ามาหรืออาจจะมาน้อยลง แต่หวงอวี้เหลียนฝีมือเหนือกว่านั้น
ผู้หญิงคนนี้ทำตัวปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงมาเป็นแขกบ้านตระกูลจ้าวเฉกเช่นทุกครั้งถึงขั้นซื้อเสื้อผ้าให้เหมยเหมยพร้อมบอกว่าเห็นเหมยเหมยเปรียบเสมือนลูกสาวแท้ๆ ทำเอาคนฟังขนลุกซู่ไปทั้งตัว
แต่เหมยเหมยก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรต้องไว้หน้าคุณย่า ดีที่คุณย่ายังพอมีขอบเขตอยู่บ้าง ไม่ได้ปฏิบัติต่อโอหยางซานซานราวกับหลานสาวแท้ๆ เหมือนอดีตอีกแล้ว
ส่วนคนตระกูลจ้าวต่างปล่อยเลยตามเลย คิดว่าสองแม่ลูกคู่นี้คงไม่ก่อเรื่องอะไรได้อีก!
เหมยเหมยเห็นว่าเป็นหวงอวี้เหลียนก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ จึงพูดด้วยเสียงเรียบว่า “คุณนายโอหยางเรียกฉันว่าเหมยเหมยเถอะ”
…………………….
ตอนที่ 752 สวยกว่าเธอหมื่นเท่า
ต่อหน้าคุณย่าเธอยังจะพอที่จะแสร้งพูดคุยกับผู้หญิงน่ารังเกียจคนนี้ได้ แต่ในตอนนี้คุณย่าไม่อยู่เธอไม่อยากแม้กระทั่งยิ้มให้แม้แต่น้อย แค่เห็นก็รู้สึกสะอิดสะเอียนจะแย่แล้ว
หวงอวี้เหลียนนึกคับแค้นในใจ ตอนนี้เธอได้ใจไปเถอะ วันหน้าเธอโดนดีแน่!
“เหมยเหมยเจ้าแค้นจังนะ เรื่องสองปีก่อนยังไม่ลืมอีกเหรอ เรื่องนี้พี่ซานซานของเธอเป็นคนผิด พี่ซานซานของเธอเคยขอโทษไปแล้วเหมยเหมยอย่าโกรธอีกเลย!”
หวงอวี้เหลียนว่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ขณะนั้นเองมีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินผ่านแล้วทักทายหวงอวี้เหลียน อีกฝ่ายเป็นคนในครอบครัวที่อาศัยอยู่เขตนี้เช่นกันและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหวงอวี้เหลียนไม่น้อย
“โอ้โห ดูสองพี่น้องนี่สิ สวยเหมือนพี่น้องกันแท้ๆ เลย คนไม่รู้คงนึกว่าอวี้เหลียนมีลูกสาวสองคนแน่ๆ!”
ผู้หญิงคนนี้พูดเกินจริงแล้วยังยกมือปิดปากทำท่าเขินอาย น่าสะอิดสะเอียดยิ่งกว่าหวงอวี้เหลียนเสียอีก
หวงอวี้เหลียนยิ้มอย่างได้ใจแกล้งพูดว่า “พี่สวี่อย่าพูดแบบนี้เชียว ถ้าเหมยเหมยเป็นลูกสาวฉันจริงๆ ฉันคงหัวเราะได้แม้กระทั่งในฝัน!”
เหมยเหมยรู้สึกคลื่นไส้เป็นที่สุด รำคาญพวกผู้หญิงที่ชอบวางท่าเป็นผู้ใหญ่แล้วเอ่ยคำที่ไม่ให้เกียรติเด็ก ถ้าเด็กโกรธก็หาว่าเด็กคนนี้ไม่มีมารยาท หนำซ้ำผู้ใหญ่คนอื่นจะพาลตำหนิเด็กไปด้วย ส่วนผู้ใหญ่ที่พูดจาเหลวไหลก็จะบอกแค่ว่าเป็นเรื่องล้อเล่นแล้วปล่อยให้เรื่องผ่านไปทั้งอย่างนั้น
เธอไม่ใช่เด็กจริงๆ และไม่มีทางยอมทนต่อผู้หญิงน่ารังเกียจสองคนนี้
“ฉะนั้นคุณนายโอหยางอย่าฝันกลางวันไปหน่อยเลย ฉันขอพูดอีกครั้งว่าฉันสกุลจ้าว ลูกสาวคุณสกุลโอหยาง สองตระกูลเราไม่มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด วันหลังอย่าใช้น้ำเสียงที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้อาวุโสกว่าพูดคุยกับฉันเลยจะดีกว่าค่ะ!”
เหมยเหมยตอกกลับด้วยสีหน้าเย็นชา เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าหวงอวี้เหลียนหายวับไปก็รู้สึกว่าได้ระบายความหงุดหงิดไปบ้าง
เธอหันไปมองพี่สวี่ที่ทำหน้าตะลึงพลางถามด้วยสีหน้าจริงจัง “รบกวนคุณใส่แว่นตาก่อนออกจากบ้านด้วยนะ ไม่ทันเห็นให้ชัดก็พูดจาเหลวไหลเสียแล้ว ฉันเหมือนโอหยางซานซานตรงไหนกัน?”
พี่สวี่ตกใจเฮือกใหญ่ที่เหมยเหมยเปลี่ยนไปกะทันหัน ไม่คิดว่าเจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลจ้าวที่ปกติมักจะอารมณ์ดีจะฉุนได้ถึงขนาดนี้
เธอพูดเสียงอ้ำๆ อึ้งๆ “อันนี้…ฉัน…ฉันดูแล้วเหมือนอยู่นะ พวกเธอรูปหน้าทรงไข่ ตาโตจมูกโด่ง สวยกันทั้งคู่เลย!”
เหมยเหมยชี้ไปที่โอหยางซานซานอย่างไม่ยอมแพ้ก่อนชี้ตัวเองอีกที “ป้าสวี่ ป้าไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ย? ดูให้ละเอียด ฉันรูปหน้าทรงไข่ของจริง ส่วนอันนี้ของปลอม เอามาเทียบกันได้เหรอ?”
“ตาของเธอโตกว่าของฉันเหรอ? คนละชั้นกันเลย!”
“แล้วก็จมูกของเธอแบนขนาดนั้น ฉันต่างหากที่จมูกโด่งของแท้ อันนี้คือเหมือนเหรอ? สายตาป้ามีปัญหาหรือเปล่า?”
ทุกประโยคของเหมยเหมยทำให้สองแม่ลูกหวงอวี้เหลียนหน้าถมึงทึงขึ้นทีละนิดๆ โอหยางซานซานโกรธจนกัดฟันกรามแน่น ลืมคำสอนของแม่เธอไปอย่างสิ้นเชิง ตะโกนด่ากลับ “จ้าวเหมยเธอต่างหากที่จมูกแบน เธอตาบอดหรือไง ฉันสวยกว่าเธอร้อยเท่า!”
ขณะนั้นเองมีชาวบ้านละแวกนั้นเดินออกมาพอเห็นเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลจ้าวกับลูกสาวคนเล็กของตระกูลโอหยางปะทะกันก็แห่กันมาดู พบว่าเด็กสาวสองคนกำลังแข่งกันเรื่องความสวยความงามต่างพากันหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
เหมยเหมยแค่นเสียงใส่ไปทีหนึ่ง ตามองไปที่ฟ้าทำเหมือนไม่สนใจต่อโอหยางซานซานสักนิด แต่ถ้อยคำที่ออกจากปากกลับทำให้คนฟังโกรธแทบตาย
“เธอมันหลอกตัวเองเก่ง ฉันสวยกว่าเธอหมื่นเท่า!”
เหยียนหมิงซุ่นที่ดูอยู่พยายามกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ อยากหยิกแก้มของเจ้าหญิงตัวน้อยแสนเย่อหยิ่งสักทีเหลือเกิน ท่าทางแบบนี้มันช่างน่าหมั่นไส้จริง ๆ
……………….
ตอนที่ 753 โดนกระตุ้น
ต่อให้โอหยางซานซานมีปากสิบปากก็สู้เหมยเหมยไม่ได้ แค่ครู่เดียวก็โดนตอกกลับจนหน้าหงาย ความเจ็บใจถาโถมเข้ามาหันดวงตาแดงก่ำไปทางหวงอวี้เหลียน
หวงอวี้เหลียนต้องปวดใจอยู่แล้วแต่เธอเป็นคนที่มีแผนการ รู้ว่าตอนนี้จะคิดเล็กคิดน้อยกับเหมยเหมยไม่ได้ เธอต้องแสร้งทำตัวเป็นคนใจกว้าง อยากพึ่งต่อกรกับจ้าวเหมย อนาคตยังมีวิธีอีกมาก
“ซานซานอย่าเสียใจไป น้องเหมยเหมยของลูกแค่ล้อเล่นเฉยๆ พวกเธอสวยกันทั้งคู่ ไม่เชื่อลูกถามคุณลุงคุณน้าดูสิ!” หวงอวี้เหลียนปลอบลูกสาวเสียงอ่อนโยน
คนที่มายืนมุงต่างเห็นด้วยและชมโอหยางซานซานกับเหมยเหมยว่าสวยทั้งคู่ ต่อให้ในใจพวกเขาจะคิดว่าเหมยเหมยสวยกว่าแต่ไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องเล็กมาสร้างความบาดหมางระหว่างกัน
โอหยางซานซานได้ฟังเสียงชมของทุกคนก็ค่อยๆ กลับมามีรอยยิ้มเหมือนเดิม พูดด้วยความลำพองใจว่า “ฉันในฐานะพี่สาวจะไม่ถือสาเธอแล้วกัน”
หวงอวี้เหลียนยิ้มอย่างปลื้มใจ ลูกสาวของเธอมีพัฒนาการจริงๆ รู้ว่าพูดแบบนี้ถึงจะแหย่อารมณ์ของอีกฝ่ายได้ ไม่เสียแรงที่เธออบรมสั่งสอนอยู่ทุกวี่ทุกวัน!
ตามคาดที่เหมยเหมยโกรธแทบตาย ตาถลึงกว้างกำลังจะระเบิดอารมณ์แต่กลับถูกเหยียนหมิงซุ่นที่ยืนมองทุกอย่างกระชากตัวไว้ เหยียนหมิงซุ่นส่ายศีรษะให้เธอเป็นเชิงว่าอย่าหลงกลหวงอวี้เหลียน
“ข้างนอกอากาศร้อน ไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลากับเรื่องเล็กๆ พวกนี้” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเบา
เขาสังเกตการณ์อยู่แค่ไม่กี่นาทีก็รู้ทันทีว่าหวงอวี้เหลียนเป็นผู้หญิงที่อันตรายและมารยายิ่งกว่าถานซูฟาง ที่พยายามยุแหย่เหมยเหมยอยู่ตลอดเวลาและเห็นทีจะสำเร็จเสียด้วย
ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าหวงอวี้เหลียนเป็นใครมาจากไหนเลยไม่สามารถตัดสินจุดประสงค์ของอีกฝ่ายได้ ต้องรอถามเหมยเหมยก่อนถึงจะวางแผนถูก
แต่เขานั้นรู้ดีว่าการที่ทะเลาะกับสองแม่ลูกในเวลานี้ไม่ใช่เรื่องฉลาด มีแต่จะให้คนอื่นคิดว่าเจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลจ้าวเอาแต่ใจ ไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่และพ่นวาจาทำร้ายคนอื่น แม้นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยแต่ถ้าถูกคนปองร้ายเอาไปพูดต่อ อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้
ในเมื่อตระกูลจ้าวไม่ใช่ตระกูลธรรมดา เป็นตระกูลแถวหน้าที่ใช้ชีวิตอยู่บนหน้าผา ไม่รู้ว่ามีดวงตากี่คู่คอยจับจ้องอยู่!
สมกับคำที่ว่ายิ่งสูงยิ่งหนาว!
เหมยเหมยเองก็ค่อยๆใจเย็นลง รู้ตัวดีว่าโมโหง่ายเกินไปถึงได้เลือกทะเลาะกับสองแม่ลูกหวงอวี้เหลียนตอนอยู่ข้างนอก นี่ไม่ใช่การกระทำที่ฉลาด โชคดีที่เหยียนหมิงซุ่นห้ามเธอไว้
เธอสูดหายใจเฮือกใหญ่แล้วค่อยๆยิ้มขึ้นมาน้อยๆแถมพูดด้วยน้ำเสียงติดน้อยใจ “ก็ได้ ฉันยอมรับว่าโอหยางซานซานเธอสวยกว่าฉัน เป็นคนงามล่มเมือง หญิงงามในตำนานยังสู้เธอไม่ได้ ทีนี้เธอพอใจหรือยัง?”
ไม่รอให้โอหยางซานซานรับคำ เธอก็พูดต่อ “วันนี้ฉันยอมแล้ว จากนี้ไปโอหยางซานซานเธอก็อย่าเอาแต่จ้องจะแย่งฉันอีกล่ะ มันน่าเบื่อมากจริงๆ สวยจากภายในสำคัญที่สุด คุณลุงคุณน้าว่าจริงมั้ยคะ?”
“ใช่ใช่ใช่ เหมยเหมยพูดถูก สวยจากภายในต่างหากที่สำคัญที่สุด” คนอื่นๆ เริ่มคล้อยตาม ความคิดเดิมถูกเปลี่ยนไป
ที่แท้ก็ลูกสาวคนเล็กของตระกูลโอหยางเป็นฝ่ายเริ่มก่อนสินะ เหอะ โอหยางซานซานหลงคิดว่าตัวเองเป็นราชินีในนิทานสโนไวท์หรือไง วันๆ เอาแต่แข่งสวยกับคนอื่น?
โอหยางซานซานคับแค้นใจยิ่งนัก มีอย่างที่ไหนกันมาว่าเธอแข่งความสวยความงามกับจ้าวเหมยทุกวัน?
ทั้งที่เป็นจ้าวเหมยเริ่มก่อน ผู้หญิงอันตรายคนนี้สมแล้วที่เติบโตมาในเมืองเล็กๆ ร่ำเรียนวิชาเลวทรามาพวกนั้นมาครบสูตรเชียว
โอหยางซานซานกำลังอ้าปากหมายจะแก้ตัวให้กับตัวเอง เหมยเหมยก็อุดปากเธอไว้อย่างรวดเร็ว “สุดท้ายนี้ฉันขอร้องคุณโอหยางซานซานอีกครั้ง คราวหน้าบอกแม่ของเธออย่าจับคู่เราอีกเลย ฉันสกุลจ้าว เธอสกุลโอหยาง ไม่ใช่คนในครอบครัวเดียวกันจริงๆ เราเรียกชื่อของกันและกันจะดีกว่า อย่าเรียกเลยว่าน้องสาวพี่สาว ฉันฟังแล้วขนลุก”
………………..
ตอนที่ 754 เธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลจ้าว
คนรอบข้างเข้าใจในทันที มิน่าละที่เจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าวจะไม่พอใจ ไม่ว่าใครถ้าถูกคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดแล้วมาเรียกน้องสาวก็ต้องโกรธกันทั้งนั้นแหละ!
ยิ่งไปกว่านั้นในบรรดาพวกเขาจะมีใครบ้างที่มองความคิดลึกๆในใจของหวงอวี้เหลียนไม่ออก?
สายตาที่ทุกคนมองไปทางสองแม่ลูกหวงอวี้เหลียนแฝงด้วยความดูถูกและสมน้ำหน้าอยู่ในนั้น เมื่อก่อนสองแม่ลูกหวงอวี้เหลียนชอบอ้างตระกูลจ้าวแล้ววางท่า พวกเขาจำต้องพูดเอาใจคล้อยตามกันไป
สองปีก่อนคุณปู่จ้าวจัดงานฉลองประกาศถึงการกลับมาของเหมยเหมย สองแม่ลูกก็สงบเสงี่ยมไปพักหนึ่ง แต่เพราะจ้าวเหมยไม่ได้อยู่เมืองหลวงประจำ อีกทั้งสองแม่ลูกคู่นี้ชอบไปเรียกร้องความสนใจที่ตระกูลจ้าวอยู่บ่อยครั้ง ความสัมพันธ์จึงยังคลุมเครืออยู่บ้าง!
ไหนจะเป็นเรื่องที่หวงอวี้เหลียนชอบพูดกับคนนอกว่าคุณย่าจ้าวชื่นชอบลูกสาวของตนขนาดไหน รักปานดวงใจขนาดไหน คำพูดพวกนี้เขาไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ และคงไม่ไปตามถามหาความจริงจากปากของคุณย่าจ้าวหรอก!
ก็คิดว่ามันเป็นความจริงไปก่อนแล้วกัน มันก็แค่เรื่องฉาบหน้าไม่ได้เสียผลประโยชน์อะไร แต่พอเห็นสองแม่ลูกคู่นี้ได้ใจขนาดนี้ พวกเขาก็อดรู้สึกหงุดหงิดในใจไม่ได้
วันนี้เห็นท่าทีของเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าว พวกเขาชักจะเริ่มสงสัยในคำพูดของหวงอวี้เหลียนเสียแล้ว หากคุณย่าจ้าวรักโอหยางซานซานปานดวงใจจริงๆ เจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าวไม่เห็นแก่เธอก็ต้องเห็นแก่ย่าตัวเอง จะปะทะกับหวงอวี้เหลียนซึ่งๆ หน้าได้อย่างไร?
หวงอวี้เหลียนรู้สึกถึงสายตาเย้ยหยันจากคนรอบข้างก็กัดฟันกรอดแทบหัก แต่ยังคงรักษารอยยิ้มใจดีบนหน้าไว้ได้ดีเหมือนเดิม ความมารยานี้มันน่าหวาดผวาจริงๆ
“ก็ได้ก็ได้ ในเมื่อเหมยเหมยไม่พอใจงั้นวันหลังฉันไม่พูดต่อหน้าเธอแล้ว เฮ้อ น้ารู้ว่าเธออิจฉา แต่ก็นะ ในเมื่อซานซาน…ฮ่าฮ่า ซานซานของเราสนิทกับคุณย่าจ้าวของเธอจริงๆ นี่นา เหมยเหมยอย่าโกรธนะ ต่อไปฉันจะระวังปากระวังคำให้ดี!”
หวงอวี้เหลียนพูดไปพลางถอนหายใจไป ประโยคขาดๆ หายๆ แต่ทุกคนที่ได้ยินก็เข้าใจความหมายได้ทันที
กำลังจะบอกว่าคุณย่าจ้าวชอบโอหยางซานซานมากกว่าเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าวจนเจ้าหญิงน้อยตระกูลจ้าวต้องอิจฉาอยู่หรือไง!
ทุกคนเริ่มทำสีหน้าลังเลอีกครั้งพลางคิดว่าที่หวงอวี้เหลียนพูดอาจเป็นไปได้ สายเลือดสำคัญมากแต่ความผูกพันสร้างขึ้นได้ คนหนึ่งอยู่ด้วยกันมานับสิบกว่าปี อีกคนแค่สองปีเท่านั้น มันเทียบกันไม่ได้จริงๆ!
เหยียนหมิงซุ่นคอยมองเหมยเหมยที่โกรธจนตัวสั่นอย่างปวดใจ ลูบหลังเธอเบาๆ แล้วพูดเสียงแผ่ว “อย่าโกรธ จะหลงกลอีกฝ่ายไม่ได้”
ดีที่เหมยเหมยไม่ใช่เด็กที่แท้จริง ไม่นานเธอก็สงบสติอารมณ์ลงได้พลางยิ้มให้หวงอวี้เหลียนแล้วกล่าวเสียงดัง “คุณนายโอหยางกำลังจะบอกว่าลูกสาวของคุณเป็นที่ชื่นชอบของคุณย่าฉันมากกว่า ใช่มั้ยคะ?”
หวงอวี้เหลียนยิ้มเสแสร้ง “เหมยเหมยเข้าใจความหมายฉันผิดไปแล้ว ฉันแค่อยากให้พวกเธอสองพี่น้องรักใคร่ปรองดองกัน คุณย่าเธอก็คิดแบบนี้เหมือนกันนี่นา”
“คุณย่าฉันไม่เคยขอให้ฉันเรียกคนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกันเป็นพี่น้อง คุณย่าฉันไม่ใช่คนโง่สักหน่อย อีกอย่างคุณนายโอหยางต้องทำความเข้าใจก่อนว่าคุณกับตระกูลจ้าวของเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันสักนิด ก็แค่คุณย่าฉันเห็นแก่คุณลุงใหญ่ที่เสียชีวิตไปเลยดูแลคุณเป็นพิเศษ แต่ก็ขอให้คุณนายโอหยางจำไว้ให้ดีว่าคุณเป็นหนึ่งในแขกของคุณย่าฉันก็เท่านั้น ไม่ใช่แขกของตระกูลจ้าว นั่นเท่ากับว่าพวกคุณไม่มีความเกี่ยวข้องกับฉันจ้าวเหมยเลยแม้แต่นิดเดียว”
เหมยเหมยพูดจบในทีเดียวโดยไม่หันไปมองสองแม่ลูกที่น่ารังเกียจนี้อีก ก้มหน้าให้คนอื่นเล็กน้อยก่อนฉุดเหยียนหมิงซุ่นจากไป
หวงอวี้เหลียนฝืนยิ้มไม่ได้อีกต่อไป เธอมองแผ่นหลังของเหยียนหมิงซุ่นแล้วเหยียดยิ้มที่มุมปาก
………………….
ตอนที่ 755 เหยียนหมิงซุ่นที่แสนใจเย็น
เหยียนหมิงซุ่นเห็นเหมยเหมยที่โกรธจนแก้มป่องพลางพูดปลอบ “อย่าโกรธเลย คราวหลังถ้าเจอคนแบบนี้อย่าโกรธอีกเป็นอันขาด จำไว้ว่าต้องใจเย็น”
“ฉันทำไม่ได้นี่นา แค่เห็นสองแม่ลูกคู่นี้ก็โมโหแล้ว น่ารังเกียจเหมือนอู่เยวี่ยเลย จะให้ใจเย็นได้ยังไงล่ะ!”
เหมยเหมยพูดด้วยอารมณ์ปนอ้อนเล็กน้อยเพราะอยากให้เหยียนหมิงซุ่นปลอบเธอสักหน่อย
แต่ว่าที่ผู้บังคับบัญชาการใหญ่ในอนาคตทำเป็นทุกอย่างยกเว้นปากหวานน่ะสิ!
เหยียนหมิงซุ่นยังเกลี้ยกล่อมเธออย่างใจเย็น “เหมยเหมยจะโกรธขนาดไหนก็ต้องใจเย็น ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กในตระกูลธรรมดาอีกแล้ว แต่เป็นเจ้าหญิงน้อยของตระกูลจ้าว มีคนจับตาดูอยู่ทุกคำที่พูดทุกย่างก้าวที่เดิน ห้ามพลาดแม้แต่นิดเดียว เธอเข้าใจความหมายฉันมั้ย?”
เดิมทีเหมยเหมยรู้สึกไม่พอใจเหยียนหมิงซุ่นอยู่บ้างที่ไม่รู้จักพูดปลอบใจเธอ แต่พอได้ฟังคำของเหยียนหมิงซุ่นเธอก็นึกโกรธกับความเป็นเด็กน้อยของตัวเอง คิดว่าตัวเองเป็นเด็กจริงๆ หรือไงกัน ไม่รู้จักโตเอาเสียเลย
เหยียนหมิงซุ่นพูดไม่มีผิด เธอในตอนนี้จะใช้อารมณ์แทนสติไม่ได้ อย่าเห็นว่าตระกูลจ้าวในเวลานี้กำลังไปได้ดี แต่พระจันทร์เต็มดวงก็ยังมีพระจันทร์เสี้ยว น้ำเต็มแก้วก็ยังล้น ตระกูลเจี่ยในเรื่องความฝันในหอแดงเป็นตัวอย่างที่ดีเลยล่ะ!
จึงเป็นเหตุผลที่คุณปู่จ้าวเข้มงวดต่อลูกหลานในตระกูลมาโดยตลอด เข้มงวดกว่ากฎของบ้านในตระกูลทั่วไป บทลงโทษก็ด้วยเช่นกัน ลูกหลานตระกูลอื่นสนุกกันอย่างบ้าคลั่งถึงขั้นมีคนท้าทายกฎหมายบ้านเมือง จนผู้ใหญ่ที่บ้านจะต้องออกหน้ารับประกันตัวพวกเขามาถึงจะรอดพ้นมาได้
แต่มีประโยคหนึ่งที่พูดได้ดี ทำอะไรไว้สักวันต้องชดใช้คืน เหมยเหมยไม่เห็นดีเห็นงามกับคนพวกนั้นสักนิด ใครจะรู้ได้บ้างล่ะว่าพวกเขาจะพลาดท่ากันเมื่อไร!
ส่วนเหล่าพี่น้องจ้าวเสวียเอ๋อร์นั้นกลับรักษาพฤติกรรมไว้ได้ดีมาตลอด แน่นอนว่าไม่สามารถตัดขาดการติดต่อกับคนพวกนั้นเพราะมันไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในโลกแห่งความเป็นจริง
ทุกคนต่างอยู่ในแวดวงสังคมเดียวกัน ถ้าเธอทำตัวบริสุทธิ์เกินไปต้องมีคนในแวดวงเดียวกันเย็นชาและสุดท้ายจะเพิกเฉยต่อเธอ ในเมื่อบัดนี้ตระกูลจ้าวยังไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุดของยอดพีระมิด!
กับแวดวงกลุ่มเพื่อนของเหล่าพี่ชายนั้นเหมยเหมยไม่ได้รับรู้อะไรมาก แต่เธอรู้ว่าพวกจ้าวเสวียเอ๋อร์ต่างก็มีสังคมเล็กๆ ของตัวเอง ถึงเวลาจะนัดสังสรรค์กันเป็นบางครั้ง คิดว่าคงเป็นเพื่อนในแวดวงเดียวกัน
เงื่อนไขที่คุณปู่จ้าวมีต่อพวกเขาคือ ห้ามกระทำความชั่วไปด้วยกันแต่ก็ห้ามทำตัวโดดเด่นเพียงลำพัง ต้องรักษามิตรภาพกับคนเหล่านั้นให้ดี
เพราะเธอเป็นหลานสาวของคุณปู่จึงไม่ได้มีเงื่อนไขอะไรต่อเธอ ปล่อยให้เธออยากทำในสิ่งที่ต้องการ หนำซ้ำยังบอกว่าเกิดเรื่องอะไรจะมีเขาคอยรับหน้าไว้ให้
แต่เธอไม่มีทางสร้างเรื่องที่เสื่อมเสียชื่อเสียงต่อตระกูลจ้าวแน่นอน ตรงกันข้ามเธอควรยิ่งระมัดระวังคำพูดและการกระทำ วันนี้เธอหลงกลหวงอวี้เหลียนเข้าแล้วจริงๆ โชคดีที่มีเหยียนหมิงซุ่นอยู่
“พี่หมิงซุ่น ดีจังที่พี่อยู่!” เหมยเหมยแหงนหน้ากล่าว
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มอย่างปลื้มใจ ลูบศีรษะเธอไปมาเบาๆ “เด็กดี!”
ไม่นานก็มาถึงหน้าบ้านตระกูลจ้าว เหมยเหมยให้เหยียนหมิงซุ่นเข้าไปพบคุณย่าด้วยกันแต่เขาก็ปฏิเสธไป วันนี้ไม่เหมาะที่จะพบกับคนตระกูลจ้าว เขายังเตรียมตัวมาไม่ดีพอ
“ไม่ต้องรีบ ฉันจะอยู่เมืองหลวงอีกสักระยะ เหมยเหมยลองขอความเห็นคุณปู่คุณย่าดู ถ้าพวกท่านตกลง ฉันค่อยมาพบพวกท่าน”
เหยียนหมิงซุ่นอธิบายเหตุผลที่เขาเลือกจะไม่เข้าไป อีกฝ่ายเป็นผู้บัญชาการอาวุโสที่เขาเคารพ เขาจะเข้าไปพบเหมือนคนปกติทั่วไปไม่ได้ ต้องแสดงท่าทีที่นอบน้อมให้เกียรติที่สุด
เหมยเหมยคิดตามก็รู้สึกว่ามีเหตุผลดีเลยไม่รั้งไว้อีก กลับถามเหยียนหมิงซุ่นว่าพักที่ไหน
“ที่พักไม่ไกลจากตรงนี้ รถเมล์ป้ายเดียวก็ถึง”
“งั้นพรุ่งนี้เช้าฉันไปหาพี่นะ!”
เหมยเหมยพูดอย่างดีอกดีใจ เหยียนหมิงซุ่นเองก็อดยิ้มตามไม่ได้ กรงเล็บที่อดกลั้นมานานถูกยื่นออกไปในที่สุด จับพวงแก้มอวบอิ่มของเด็กสาวไว้ได้ก็รู้สึกอิ่มเอมใจในทันที
………………….
ตอนที่ 756 วางแผน
แม้ไม่ชอบให้ใครมาหยิกแก้มแต่เห็นแก่เหยียนหมิงซุ่นที่ช่วยแบกโทรทัศน์มาให้ตั้งไกล เหมยเหมยไม่ได้ตวัดฝ่ามือสวนกลับไปเหมือนอย่างเคย แต่ใบหน้ากลับบูดบึ้งจนยู่ยี่
เหยียนหมิงซุ่นอดหยิกไปอีกหลายทีไม่ได้ เห็นว่ายัยหนูตัวพองเต็มทีแล้วถึงชักมือกลับอย่างจำใจ
“เหมยเหมย ผู้หญิงเมื่อกี้เกี่ยวข้องกับลุงใหญ่ของเธอยังไง?” เหยียนหมิงซุ่นถามด้วยความสงสัย
เหมยเหมยอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างหวงอวี้เหลียนกับตระกูลจ้าวอย่างรวบรัด “คุณอาบอกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่รักนวลสงวนตัว ทำผิดต่อลุงใหญ่ฉัน แต่คุณย่าฉันไม่ยอมเชื่อ บอกว่าตระกูลจ้าวติดค้างเธอถึงได้ดีกับหวงอวี้เหลียนมาโดยตลอด”
เหยียนหมิงซุ่นถึงเข้าใจว่าที่แท้ยังมีความสัมพันธ์ส่วนนี้อยู่ด้วย แต่หวงอวี้เหลียนหน้าหนาจริงๆ สามารถบ่งบอกได้ดีว่าผู้หญิงคนนี้เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเพียงใด
เขาพอจะเข้าใจเหตุผลที่หวงอวี้เหลียนเจาะจงเล่นงานเหมยเหมยแล้ว เจ้าหญิงตัวจริงกลับมาก็เท่ากับเปิดโปงธาตุแท้ของเจ้าหญิงตัวปลอม สองแม่ลูกหวงอวี้เหลียนจะยอมได้หรือ?
ก็ต้องคิดทุกวิถีทางเพื่อใส่ร้ายเหมยเหมยหวังอยากที่จะแทนที่น่ะสิ!
ฝันอยู่ล่ะสิ!
แต่เหมยเหมยต้องระวังตัวมากกว่านี้ โดนกระสุนโจมตีทางตรงยังหลบง่าย แต่หากโดนโจมตีลับหลังคงป้องกันตัวยาก ใครจะรู้เล่าว่าผู้หญิงคนนี้จะงัดไม้ไหนเพื่อมาเล่นงานเหมยเหมยอีก!
เหยียนหมิงซุ่นคิดๆ แล้วก็มีแผนผุดขึ้นมาในหัว ก้มหน้ากระซิบข้างหูเหมยเหมยทันที เหมยเหมยทำท่าลังเลเล็กน้อย “แบบนี้ใช้ได้ผลเหรอ? เมื่อก่อนคุณอาฉันพูดไม่รู้กี่รอบแต่คุณย่าฉันก็ไม่เชื่อ ยังด่าอาฉันว่ากุข่าวไปเรื่อยอีก”
“ลองดูสิ ไม่แน่อาจจะสำเร็จก็ได้!”
เหยียนหมิงซุ่นค่อนข้างมั่นใจ ที่หวงอวี้เหลียนกล้าท้าทายเหมยเหมยเพราะอาศัยความสัมพันธ์ที่คุณย่าจ้าวมีให้เธอ อยากจัดการหวงอวี้เหลียนก็จำเป็นต้องทำให้คุณย่าเห็นธาตุแท้ของหวงอวี้เหลียน
เรื่องนี้ไม่มีทางสำเร็จในครั้งเดียวอยู่แล้วแต่สามารถค่อยๆ ทำทีละน้อยไปตามแผนได้ การที่จะเปลี่ยนความคิดที่คุณย่ามีต่อหวงอวี้เหลียนต้องค่อย ๆ เปลี่ยนทีละนิด สาเหตุที่จ้าวอิงหนานทำไม่สำเร็จเพราะเธอรีบร้อนเกินไปจึงไม่ค่อยเป็นไปตามผลที่ต้องการเท่าไรนัก
ในตอนนี้เขาแค่ให้เหมยเหมยระบายความน้อยใจออกไปให้ฟังแต่ไม่ได้ให้เธอพูดถึงหวงอวี้เหลียนในด้านที่เสียหาย เชื่อว่าจากความรักที่คุณย่ามีให้แก่หลานสาว จะต้องเกิดปมต่อสองแม่ลูกหวงอวี้เหลียนแน่ๆ
“งั้นก็ได้ ให้ฉันปรับอารมณ์ก่อน”
เหมยเหมยยิ้มซุกซนให้เหยียนหมิงซุ่น เหยียนหมิงซุ่นยกนิ้วโป้งให้อย่างชื่นชม
“ฉันกลับก่อนนะ!”
เหยียนหมิงซุ่นบอกลา พลางโบกมือให้เหมยเหมยก่อนที่จะกลับไป
เหมยเหมยยืนอยู่ข้างนอกบ้านพักหนึ่ง ย้อนนึกถึงวาจาและใบหน้าน่ารังเกียจของสองแม่ลูกหวงอวี้เหลียนก็เกิดอารมณ์เศร้าปนโกรธได้พอประมาณถึงเดินเข้าบ้านอย่างพึงพอใจ
คุณย่าที่รออยู่บ้านนานโขแต่ก็ไม่เห็นหลานสาวกลับมาเสียที แม้รู้ว่าภายในอาณาบริเวณนี้ปลอดภัยดีแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ จึงให้สยงมู่มู่กับอู่เชาไปตามหา
ทั้งคู่เจอเหมยเหมยที่กำลังยืนเบะปากพอดีเลยชะงักนิ่งไปทันที
“ทีวีสีล่ะ?” สยงมู่มู่ถาม
“ข้างนอก เสี่ยวเชาไปช่วยฉันยกเข้ามาที”
เหมยเหมยชี้นิ้วไปข้างนอกก่อนจะกระชากตัวเจ้าอ้วนน้อยไปยกโทรทัศน์สี สยงมู่มู่ไม่พอใจ ยืนกรานจะให้เหมยเหมยหลีก “นี่เป็นงานของผู้ชายอย่างเรา ยัยหนูหลีกไป!”
เหมยเหมยผลักเขาอย่างไม่สบอารมณ์ ตวาดด้วยแรงอารมณ์ “นายอย่ามาวุ่นวายได้มั้ย กำลังหงุดหงิดอยู่!”
“เป็นอะไร? ใครรังแกเธอ?” สยงมู่มู่จับสังเกตถึงความผิดปกติของเหมยเหมยได้ ชัดเจนเลยว่ากำลังโกรธอยู่
เหมยเหมยกัดฟันตอบ “จะมีใครได้อีก ก็คนหน้าไม่อายหวงอวี้เหลียนไง แล้วก็ลูกสาวหน้าไม่อายของเธอด้วย”
สยงมู่มู่เป็นถึงอัจฉริยะ แค่ปราดเดียวก็รู้ว่าต้องเกี่ยวข้องกับเหยียนหมิงซุ่นเลยวิ่งกลับเข้าบ้าน ใช้น้ำเสียงเกินจริงตะโกน “คุณยาย เหมยเหมยโดนคนรังแกมา!”
…………………..
ตอนที่ 757 น้ำตาสั่งได้
คุณย่าตกใจจนไม่สนละครที่ฉายอยู่ กระชากตัวสยงมู่มู่มาถามถึงที่มาที่ไป
“ใครหน้าไหนกล้ารังแกน้องสาวแก? ด่าเธอหรือตีเธอ? เหมยเหมยอยู่ไหนตอนนี้?” คุณย่ารีบร้อนไปตามหาหลานสาวแต่กลับไม่เห็นเงาของเหมยเหมยก็ยิ่งลนลานกว่าเดิม
“แกรีบพาฉันไปหาเหมยเหมย”
คุณย่ากระชากสยงมู่มู่เดินออกไปด้วยอารมณ์ฮึดฮัด ทำให้ได้เห็นท่าทีของอดีตทหารหญิงที่นานๆ จะได้เห็น
เหมยเหมยได้ยินเสียงคุณย่าจากลานหน้าบ้านก็อบอุ่นไปทั่วทั้งใจ ยิ่งมั่นใจกับแผนของเหยียนหมิงซุ่นเป็นเท่าตัว
“คุณย่า หนูอยู่ลานหน้าบ้าน ย่าไม่ต้องรีบ หนูจะเข้าไปเดี๋ยวนี้”
คุณย่าได้ยินเสียงหลานสาวก็โล่งใจ รอเหมยเหมยยกกล่องโทรทัศน์สีเข้ามา เธอรีบดึงเหมยเหมยมากวาดตามองไปทั่วทั้งตัว เห็นเธอไม่มีรอยบาดแผลถึงผ่อนลมหายใจยาว
“เหมยเหมย บอกให้ย่าฟังสิว่าเกิดอะไรขึ้น”
เหมยเหมยรีบก้มหน้างุดเพื่อจัดการอารมณ์อีกรอบ ขอบตาแดงก่ำปากยู่พูดเสียงออดอ้อน
“คุณย่า บ้านเรามีหลานสาวแค่หนูคนเดียวใช่มั้ย?”
“ก็มีแค่หนูคนเดียวที่เป็นหลานสาวสุดที่รักไง เหมยเหมยถามแบบนี้ทำไม?” คุณย่าได้ฟังแล้วก็นึกขำ
“ก็เพราะมีคนชอบเรียกหนูว่าน้องสาว แล้วยังบอกว่าเธอสวยกว่าหนู บอกว่าคุณย่าชอบเธอมากกว่า”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเหมยเหมยสยงมู่มู่ก็ร้องโวยวายด้วยน้ำเสียงเกินจริง “สารเลวที่ไหนพูดเหลวไหล คุณย่าไม่ได้สติเลอะเลือนสักหน่อย จะไม่สนใจหลานสาวแท้ๆ ของตัวเองแล้วไปชอบคนอื่นได้ยังไง?”
คุณย่าถลึงตาใส่สยงมู่มู่แวบหนึ่ง ยิ่งโตยิ่งพูดจาไม่น่าฟัง เธอจะสติเลอะเลือนได้อย่างไร?
แต่สยงมู่มู่เองก็พูดมีเหตุผล เธอไม่มีทางชอบเด็กผู้หญิงบ้านอื่นมากกว่าอยู่แล้ว!
“เหมยเหมยอย่าไปฟังคนอื่นพูดเหลวไหล ย่าชอบหนูคนเดียว ไม่มีวันชอบคนอื่นหรอก” คุณย่ามองหลานสาวที่กระเง้ากระงอดอยู่ด้วยความเมตตา เด็กจริงๆ เลยนะ อิจฉาแม้กระทั่งเรื่องแปลกๆ แบบนี้
เหมยเหมยแค่นเสียงออกมา ใช้ดวงตาที่เปื้อนน้ำตามองคุณย่าแล้วจงใจถาม “งั้นวันหลังคุณย่าก็พูดให้แม่ของโอหยางซานซานเข้าใจที บอกให้เธออย่าพูดแต่สิ่งที่หนูไม่ชอบฟังแบบนี้ ได้มั้ยคะ?”
คุณย่าตะลึงงัน เธอไม่คิดว่าคนน่าโมโหที่หลานสาวกำลังพูดถึงกลับเป็นสองแม่ลูกหวงอวี้เหลียน จึงเริ่มสงสัยอย่างอดไม่ได้
“เหมยเหมย น้าหวงของหลานพูดว่าอะไร?” คุณย่าถาม
ปกติหวงอวี้เหลียนเป็นคนรอบคอบทั้งเรื่องคำพูดและการกระทำ ไม่น่าเอ่ยวาจาเลอะเลือนอะไรออกมาได้ น่าจะเกิดความเข้าใจผิดอะไรบางอย่างหรือเปล่า?
ได้ยินน้ำเสียงสงสัยของคุณย่า เหมยเหมยก็รู้สึกหน่วงไปทั้งใจ หวงอวี้เหลียนแสดงละครเก่งจริงๆ หลอกปั่นหัวคุณย่าจนเชื่อเธอหมดทั้งใจ มิน่าเมื่อกี้ผู้หญิงคนนี้ถึงกล้าเหิมเกริม คงเพราะอาศัยอำนาจของคุณย่าสินะ!
เหมยเหมยที่รู้สึกไม่สบายใจแอบกัดปลายลิ้นตัวเองให้น้ำตารื้นชั่วขณะ ดวงตาที่น้ำตาคลออย่าให้พูดเลยว่าน่าสงสารขนาดไหน ทำเอาคุณย่าที่มองอยู่ปวดใจเสียเหลือเกิน
เธอไม่เคยเห็นหลานสาวร้องไห้แบบนี้มาก่อน แต่ไหนแต่ไรมาหลานสาวคนนี้บนใบหน้ามักจะเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มและท่าทางที่ดูสดใสราวกับว่าไม่มีเรื่องใดๆ ให้เครียด ทำไมคราวนี้จู่ๆ ถึงร้องไห้ขึ้นมาได้ล่ะ?
“เหมยเหมยอย่าร้องไห้สิ รีบบอกให้ย่าฟังสิว่าเกิดอะไรขึ้น” คุณย่ารีบล้วงผ้าเช็ดหน้าช่วยเช็ดน้ำตาให้หลานสาว เห็นหยดน้ำตาที่เปื้อนใบหน้าของเหมยเหมย หัวใจเธอก็ยิ่งเจ็บปวด
กลับไม่รู้ว่าหลานสาวคนนี้ของเธอมีความสามารถด้านการร้องในระดับราชินีแห่งการแสดง อยากร้องก็ร้อง อยากหยุดก็หยุด เรียกใช้งานได้ทันใจยิ่งกว่าเปิดก๊อกน้ำเสียอีก
เหมยเหมยพูดเสียงสะอื้น “หนูไม่เรียกคุณน้าหรอก เธอเป็นคุณน้าของหนูตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อกี้เธอยังบอกอยู่เลยว่าคุณย่าชอบโอหยางซานซานมากกว่า!”
……………………..
ตอนที่ 758 เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
คุณย่าขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ เอ่ยปากถาม “เมื่อกี้หลานไปเจอน้าหวงมาเหรอ?”
สยงมู่มู่โวย “คุณย่า เหมยเหมยบอกแล้วว่าจะไม่เรียกผู้หญิงคนนั้นว่าน้า ทำไมย่ายังเรียกว่าน้าหวงอีกล่ะ? ความจำแย่จังเลย”
คุณย่าถลึงตาใส่อีกครั้งหนึ่งพลางพูดกล่อมอย่างใจเย็น “เหมยเหมย เราต้องมีมารยาท จะให้คนอื่นว่าคนบ้านเราไม่มีคนอบรมสั่งสอนไม่ได้ หลานเข้าใจย่าใช่มั้ย?”
เหมยเหมยเบะปากพูดอย่างไม่พอใจ “คนอื่นเรียกได้ยกเว้นแค่เธอ ยังไงหนูก็ไม่เรียกว่าน้า ผู้หญิงคนนี้น่าโมโหจะตาย”
คุณย่ามองเหมยเหมยที่ร้องไห้น้ำตานองหน้าอย่างระอา ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมเธอถึงไม่ชอบใจหวงอวี้เหลียนนัก เธอนึกได้เพียงอย่างเดียวเลยถาม “เหมยเหมย คุณอาบอกอะไรหลานมาใช่มั้ย? อาชอบพูดเหลวไหล หลานอย่าไปฟัง”
เหมยเหมยอดน้อยใจแทนจ้าวอิงหนานไม่ได้ คนเป็นแม่ไปเชื่อคนนอกแต่ไม่ยอมเชื่อลูกสาวตัวเอง บางครั้งคุณย่าอาจจะสติเลอะเลือนไปแล้วจริงๆ
“คุณย่า คุณอาไม่มีทางพูดเหลวไหลหรอก อีกอย่างหนูมีตามีหู ใครดีใครชั่วหนูแยกแยะได้ ยังไงหนูก็ไม่ชอบสองแม่ลูกหวงอวี้เหลียน”
เหมยเหมยอธิบายแทนจ้าวอิงหนานก่อนจะย้ำอีกครั้งถึงความไม่พอใจที่เธอมีต่อสองแม่ลูกหวงอวี้เหลียน อดีตเธอมักคำนึงหลายอย่าง กลัวว่าจะส่งผลต่อมุมมองที่คุณย่ามีต่อเธอ ตอนนี้เธอคิดได้แล้วว่าหากคุณย่ายืนยันที่จะเชื่อคนนอกจริงๆ ไม่ยอมเชื่อเธอ ถ้าอย่างนั้นเธอก็จนปัญญา อย่างมากในอนาคตลดจำนวนครั้งที่จะมาค้างที่นี่ก็แล้วกัน
สยงมู่มู่เองก็ยกแขนสวนกลับ “ผมก็ไม่ชอบสองแม่ลูกนั่น น่ารำคาญจะตาย”
คุณย่าอัดอั้นตันใจเป็นอย่างมาก เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมคนที่บ้านถึงไม่ชอบสองแม่ลูกหวงอวี้เหลียนขนาดนี้?
ทั้งที่หวงอวี้เหลียนอ่อนโยนใจกว้าง ซานซานเองก็น่ารักเป็นเด็กดีนี่นา!
“เหมยเหมยหลานมีอะไรเข้าใจผิดกับพวกเธอหรือเปล่า ลองเล่าให้ย่าฟังหน่อย” คุณย่าหวังที่จะช่วยเกลี้ยกล่อม
เหมยเหมยไม่ค่อยพอใจต่อท่าทีก้ำกึ่งของคุณย่าเท่าไรจนอดคิดไม่ได้ว่าคุณย่าชอบโอหยางซานซานมากกว่าจริงๆ น้ำตาก็ยิ่งไหลพรากหนักกว่าเดิม
“คุณย่าชอบโอหยางซานซานมากกว่าสินะคะ? เพราะเธออยู่กับย่ามานาน หนูเพิ่งมาอยู่ได้สองปีเลยไม่มีทางเทียบกับเธอได้ ในใจย่าโอหยางซานซานคงสำคัญกว่าหนูเยอะ!”
เหมยเหมยพูดเสียงสะอึกสะอื้น ครึ่งหนึ่งมาจากใจอีกครึ่งเป็นการแสดงและความอยากลองเชิงดู ถ้าคุณย่าจะช่วยโอหยางซานซานแก้ตัวเธอจะเก็บของกลับเมืองจินทันที
เหอะ ที่เมืองจินเธอมีพ่อแม่คอยรักปกป้องอยู่ ไม่เห็นจำเป็นต้องถ่อมาโดนคนรังแกถึงที่นี่เลย!
แม้คุณย่าปวดใจเมื่อเห็นหลานสาวร้องไห้น่าสงสาร แต่ไม่ค่อยพอใจกับคำพูดของเธอนักเลยดึงหน้าตึงพูดตำหนิว่า“เหมยเหมยพูดแบบนี้ย่าไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นะ ย่าดีกับซานซานมากกว่าหลานตั้งแต่เมื่อไหร่?”
สยงมู่มู่รีบกล่าว “อย่างไรเสียคุณยายก็ไม่ได้ดีกับเขาน้อยไปกว่ากันเท่าไหร่ เดี๋ยวก็ซานซานนั่นเดี๋ยวก็ซานซานนี่ อีกอย่างยายนั่นสองสามวันก็มาบ้านเราที ขยันมายิ่งกว่าเหมยเหมยด้วยซ้ำ คนไม่รู้คงคิดว่าโอหยางซานซานเป็นคนของบ้านตระกูลจ้าวเราแน่ๆ!”
เหมยเหมยส่งสายตาชื่นชมไปให้สยงมู่มู่แล้วรีบพูดต่อ “เมื่อกี้หวงอวี้เหลียนพูดความหมายเดียวกันเลย ก็อยากจะสื่อว่าลูกสาวเธอเป็นที่ชื่นชอบของคุณย่ามากกว่า คุณย่าปากบอกว่าชอบหนูมากกว่าแต่คุณย่าไม่ได้เชื่อสิ่งที่หนูพูดเลยสักนิด กลับเชื่อโอหยางซานซานมากกว่า บ่งบอกว่าความจริงแล้วคุณย่าก็ชอบโอหยางซานซานอยู่ดี”
สยงมู่มู่พูดเสริมอีก “ใช่ คุณย่ามักลืมตัวไปชอบคนเสแสร้งน่ารังเกียจอย่างโอหยางซานซานนั่นตลอด”
…………………..
ตอนที่ 759 ฉันจะสละที่ให้
คุณย่ารู้สึกอับอายที่โดนหลานสาวหลานชายที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยว่า อดไม่ได้ที่จะแปรเปลี่ยนความเขินอายเป็นความโกรธ ดึงหน้าตึงกล่าวว่า “พวกเธอสองคนจงใจมากวนโมโหฉันสินะ?”
เหมยเหมยเห็นคุณย่าโกรธเข้าจริงๆ จึงเริ่มรู้สึกผิดคิดจะถอยทัพ แต่เธอนึกถึงคำพูดของเหยียนหมิงซุ่นเลยทำใจแข็งไว้
ในเมื่อพูดเปิดประเด็นแบบนี้แล้วก็ให้มันกระจ่างกว่านี้เถอะ!
“คุณย่าเองก็ทำให้หนูผิดหวังมาก หนูโดนรังแกมาจากคนนอก นอกจากย่าจะไม่เชื่อหนู ไม่ยอมช่วยหนูแต่กลับตำหนิหนู การกระทำของคุณย่าทำให้หนูยิ่งเชื่อว่าย่าชอบโอหยางซานซานมากกว่า”
เหมยเหมยกัดปลายลิ้นอีกทีให้น้ำตาพรั่งพรูลงมาราวกับก๊อกน้ำแตก สยงมู่มู่กับเจ้าอ้วนน้อยสะดุ้งตกใจ โอ้โห นี่เอาจริงสิท่า?
“เหมยเหมยหลานยิ่งโตยิ่งไม่รู้ความแล้วนะ หลานลืมสิ่งที่ย่าทำให้หลานไปหมดแล้วเหรอ?”
แม้คุณย่าจะรักหลานสาวแต่ตอนนี้เธอก็โกรธขึ้นมาจริงๆแล้ว จึงคิดว่าจะตามใจหลานสาวไปมากกว่านี้ไม่ได้เลยไม่ได้พูดปลอบเหมยเหมยเหมือนอย่างเคย ได้แค่ทำหน้าบึ้งตึง
เหมยเหมยเห็นภาพนี้ก็ยิ่งหนาวเหน็บไปทั้งหัวใจ เธอทุ่มแรงกายแรงใจเพื่อปรับสมดุลร่างกายให้คุณย่า ทำหน้าที่หลานสาวอย่างที่ควร แต่ผลสุดท้ายในใจของคุณย่าหลานสาวนอกสกุลกลับมีความสำคัญยิ่งกว่า!
เหมยเหมยที่คิดน้อยใจไปเองก็คร้านจะพูดอีก ปาดน้ำตาตะโกนพูดเสียงดัง “ย่าดีกับหนูก็จริง แต่ย่าดีกับโอหยางซานซานมากกว่า เธอต่างหากที่เป็นหลานสาวของย่า หนูจะสละที่ให้เธอตอนนี้เลย!”
พูดจบเธอพุ่งตัวไปชั้นสองทันทีจนสยงมู่มู่สะดุ้งตกใจ รีบกระชากเหมยเหมยไว้แล้วถาม “เธอจะไปทำอะไร?”
เหมยเหมยกลับฉุดเขาขึ้นไปด้วย “เก็บของกลับเมืองจิน เราย้ายที่ให้ยัยหมีสีน้ำตาลตัวนั้น ยังไงในใจคุณย่าเราสองคนก็เทียบไม่ได้แม้แต่หัวนิ้วก้อยของเธอ”
คุณย่าโมโหแทบตายเพราะยัยหนูคนนี้ คิดแค่ว่าความจริงใจที่มีทั้งหมดก็ให้ไปจนหมดแล้ว ไม่สิ ยังสู้หมาไม่ได้ด้วยซ้ำ อย่างน้อยหมามันยังรู้จักส่ายหางเอาใจเจ้าของ แต่ยัยนี่มีแต่จะเอามีดแทงหัวใจเธอซ้ำๆ
ต้องบอกเลยว่าคุณย่าเองไม่ใช่คนอ่อนโยนหรือใจกว้างแต่อย่างใด ขี้โมโหเป็นที่หนึ่ง ไม่อย่างนั้นจะเป็นหัวหน้าทีมทหารหญิงได้อย่างไร สู้จนศัตรูต้องร้องไห้หาพ่อหาแม่มาแล้ว!
เธอในตอนนี้ก็เริ่มที่จะเหลืออด ตะคอกใส่หลานสองคนที่ทำเธอเสียความรู้สึก “ไปเลย ไปให้หมด ไปแล้วฉันจะได้สบายหูสบายตา เจ้าพวกคนไร้หัวใจ”
คุณย่าที่โกรธถึงจุดเดือดสุดยืนเท้าสะเอว เสียงตะคอกก้องกังวานขึ้นด้วยแรงโทสะพัดกระโหม เสียงดังไปถึงลุงหยวนที่อยู่นอกบ้านสะดุ้งใจกระตุกวูบ เมื่อกี้เขาเพิ่งไปรับผักกับเนื้อจากฝ่ายจัดซื้อมา เพิ่งเดินถึงลานบ้านก็ได้ยินเสียงทะเลาะของผู้บังคับบัญชาอาวุโสกับหลานสาว จะเข้าบ้านไปก็ไม่ได้ จะเดินออกก็ไม่ควร จำต้องยืนค้างอยู่ลานหน้าบ้าน
เหมยเหมยตะคอกกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “เราจะไปเดี๋ยวนี้เลย ไม่อยู่ขวางหูขวางตาย่าหรอก ย่าก็ไปเรียกยายหมีสีน้ำตาลนั่นมาอยู่แทนแล้วกัน เธอจิตใจดี เธอจะรับใช้กตัญญูต่อคุณย่าเอง!”
คุณย่าโมโหแทบกระอักเลือด หากเป็นเมื่อก่อน โกรธขนาดนี้ต้องเกิดบางอย่างกับร่างกายอ่อนแอราวกับเศษเต้าหูของเธอแน่นอน ร่างกายในตอนนี้ต่อให้อยากวิงเวียนจนอยากเป็นลมก็ทำไม่ได้หรอก!
สภาพร่างกายแข็งแรงสีหน้าฮึกเหิม ลมปราณในร่างกายไหลเวียนดีขนาดนี้!
สยงมู่มู่เริ่มกังวล พูดเสียงเบา “ไม่ต้องพูดแล้ว เดี๋ยวโรคของคุณย่าก็กำเริบหรอก”
เหมยเหมยใช้หางตาเหลือบมองคุณย่าที่แข็งแรงสมบูรณ์ดีก็ยู่ปากอย่างไม่สบอารมณ์ สยงมู่มู่ชำเลืองมองไปชั้นล่างแวบหนึ่งเห็นว่าคุณย่าของเขาไม่ได้เป็นอะไร ดูท่าจะแข็งแรงกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยสบายใจขึ้น แต่ไม่ลืมจะประชดอีกประโยค
“คุณย่า หลังจากนี้ไปย่าก็อยู่กับยัยหมีสีน้ำตาลนั่นไปนะครับ ผมกับเหมยเหมยจะไม่มาสร้างความรำคาญใจให้คุณย่าอีก ซาโยนาระครับ!”
…………………..
ตอนที่ 760 มีฉันต้องไม่มีเธอ
ลุงหยวนที่ยืนอยู่ตรงลานหน้าบ้านได้ยินถ้อยคำน้อยใจของเด็กทั้งสองคนก็อดหัวเราะไม่ได้ แต่ก็ต้องรีบปิดปากเพราะกลัวว่าคุณย่าจะได้ยินเข้า
เขาพอจะเข้าใจที่มาที่ไปของเรื่องราวบ้างแล้ว เด็กทั้งสองคนเกิดอาการอิจฉาเข้าให้แล้วน่ะสิ เดิมทีผู้ใหญ่แค่ปลอบสักหน่อยก็จบเรื่องแต่ผู้บัญชาการอาวุโสก็ดื้อรั้นเสียจริง ไม่ยอมปลอบเด็กหนำซ้ำยังต่อปากต่อคำเสียได้ เด็กสองคนนั่นจะไม่โกรธอย่างไรไหว?
มิน่าเจ้าหญิงน้อยที่ปกติเชื่อฟังขนาดนั้นถึงได้โกรธร้องจะกลับบ้านท่าเดียว!
สำหรับเขาเรื่องนี้ผู้บัญชาการอาวุโสแก้ปัญหานั่นค่อนข้างไม่สมเหตุสมผล แยกแยะไม่ได้ว่าใครคนนอกใครคนในครอบครัว ทำลายจิตใจหลานสาวกับหลานชายแท้ๆ เพราะคนนอก มัน…
ส่วนโอหยางซานซานนั่นเขาเคยมีปฏิสัมพันธ์กันไม่กี่ครั้ง ก็สองแม่ลูกหวงอวี้เหลียนนั่นมาบ้านตระกูลจ้าวออกจะบ่อยแถมยังเลือกเวลาที่ผู้ชายตระกูลจ้าวไม่อยู่ ปากหวานพูดเอาใจคุณย่าจนกำราบเสียอยู่หมัด
คนในเหตุการณ์มักมองสถานการณ์ไม่ออก คนนอกเหตุการณ์กลับเห็นทุกอย่างชัดเจน คุณย่าไม่เห็นธาตุแท้ของสองแม่ลูกคู่นี้แต่เขากลับเห็นได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ต่อหน้าคุณย่าทำเป็นเกรงอกเกรงใจเขา ปากเรียกลุงหยวนนั่นลุงหยวนนี่ พอลับหลังคุณย่า หวงอวี้เหลียนยังพอว่าเพราะผู้หญิงคนนี้ถนัดเสแสร้ง แต่ลูกสาวของเธอโอหยางซานซานสุดยอดไม่เบา
เดี๋ยวให้เขาอบขนมเค้ก เดี๋ยวให้เขานึ่งขนมพุทราจีนแดง มากเรื่องเหลือเกิน ชี้นิ้วสั่งเขาจนหัวหมุนแล้วยังทำหน้าดูถูกคน วางท่ายิ่งกว่าเจ้าหญิงน้อยตัวจริงของตระกูลจ้าวเสียด้วยซ้ำ
ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น โอหยางซานซานชอบดูถูกดูหมิ่นผู้อื่น แม่ของเธอก็คงไม่ดีไปกว่ากันเท่าไร คุณย่ากลับเห็นสองแม่ลูกคู่นี้เป็นดั่งของรักของหวง สติเลอะเลือนไปแล้วชัดๆ!
ลุงหยวนไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากในบ้านแล้วก็ยกตะกร้าผักเข้ามาในบ้าน ห้องนั่งเล่นมีแค่คุณย่าที่กำลังนั่งอารมณ์เสียอยู่ตรงโซฟาเพียงคนเดียว หน้าตาถมึงทึงราวกับก้นหม้อ แถมยังไม่สนใจดูโทรทัศน์ที่อยู่ตรงหน้าอีกด้วย
ส่วนโทรทัศน์สียังคงวางนิ่งอยู่ตรงปากประตูโดยไม่ถูกแกะกล่องด้วยซ้ำ ลุงหยวนแสร้งถาม “หัวหน้า กล่องนี่คืออะไรเหรอ?”
คุณย่าเห็นโทรทัศน์สีก็นึกเสียใจขึ้นมา นี่เป็นโทรทัศน์สีที่หลานสาวซื้อมาเพื่อแสดงความกตัญญูต่อเธอ!
แต่เธอก็ทำเป็นใจแข็งอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ยัยนี่เถียงเธอคำไม่ตกฟาก ถ้ายังไม่สกัดไฟโทสะของยัยนี่ อนาคตไม่ยิ่งกว่านี้หรือ?
“ทีวีสี!” คุณย่าตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
ลุงหยวนรู้อยู่แล้วว่าเป็นโทรทัศน์สี เขาเองก็รู้เรื่องที่เหมยเหมยจะซื้อโทรทัศน์สีให้คุณย่ามาตั้งนานแล้ว คิดๆ แล้วเขาจึงพูดกลั้วหัวเราะ “อันนี้คือทีวีสีที่เหมยเหมยซื้อให้หัวหน้าสินะ หัวหน้าวาสนาดีจังที่มีหลานสาวที่รู้จักกตัญญูอย่างเหมยเหมย!”
เขาไม่กล้าที่จะพูดเรื่องอื่นเลยเลือกพูดเพื่อเคาะสติเล็กน้อยหวังว่าผู้บังคับบัญชาอาวุโสจะคำนึงถึงความดีของเหมยเหมยให้มาก
คุณย่าสีหน้าผ่อนคลายลงบ้างแสดงว่าคำพูดของลุงหยวนได้ผลเป็นอย่างดี ใบหน้าเปื้อนยิ้มบางเบา
ลุงหยวนโล่งอกแล้วถามอีกว่า “หัวหน้า เหมยเหมยกับพวกมู่มู่ล่ะ? ทำไมไม่เห็นพวกเขาแล้ว?”
คุณย่ากลับมาหน้าบึ้งอีกครั้ง พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่รู้ ฉันคงยุ่งเรื่องพวกเขาไม่ได้”
ลุงหยวนตกใจอีกระลอกก่อนจะรีบหุบปากไม่เปล่งเสียงอีก แอบคิดเสียใจที่ดันเลือกคุยเรื่องนี้ ทำไมไม่รอผู้บังคับบัญชาอาวุโสหายโกรธก่อนค่อยพูด?
เหมยเหมยกับพวกสยงมู่มู่ที่อยู่ชั้นบนกำลังเก็บกระเป๋าสัมภาระ แค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุดครู่เดียวก็เก็บเรียบร้อย เจ้าอ้วนน้อยเกิดอาลัยอาวรณ์ขึ้นมา “เหมยเหมย พรุ่งนี้เราจะกลับกันจริงๆ เหรอ? ฉันยังมีอีกหลายที่ที่ไม่เคยไปเลยนะ!”
เหมยเหมยในตอนนี้ไม่เหลือสภาพน้ำตานองหน้าอย่างก่อนหน้านี้แล้ว ดวงตาใสวาวไม่เห็นแม้แต่คราบน้ำตา
สยงมู่มู่เองก็กังวลใจ บอกตามตรงเขาไม่อยากกลับบ้าน!
เหมยเหมยถลึงตาใส่พวกเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “โง่จะตายชัก คุณปู่จะยอมให้เรากลับเหรอ? เชอะ พวกนายคอยดูให้ดี ครั้งนี้ฉันกับยัยหมีสีน้ำตาลนั่นต้องสู้ให้ตายกันไปข้าง มีเธอไม่มีฉัน มีฉันก็ไม่มีเธอ!”
………………….
ตอนที่ 761 ทาสเป็นไทขับร้องลำนำ
ช่วงเวลาพลบค่ำ คุณปู่จ้าวเดินกลับบ้านอย่างสบายใจเฉิบ มิหนำซ้ำยังฮัมเป็นเพลงในทำนองของบ้านเกิด ดูอารมณ์ดีไม่น้อย เหมเหมยและอีกสามคนที่กลัดกลุ้มอยู่บนชั้นสองมาครึ่งค่อนบ่าย ได้ยินเสียงฮัมเพลงจากคุณปู่ ดวงตาจึงเปล่งประกายอย่างห้ามไม่ได้
“คุณปู่กลับมาแล้ว!”
สยงมู่มู่กระโดดโลดเต้นอย่างดีอกดีใจ อยากจะร้องเพลงระบายความในใจออกมา คนที่จะเป็นผู้นำให้กับพวกเขาได้กลับบ้านมาเสียที
“อ้าว เหมยเหมยมู่มู่ แล้วคนอื่นๆล่ะ? ทำไมถึงยังไม่กลับบ้าน?”
คุณปู่จ้าวรู้สึกว่าในห้องรับแขกมีแต่ความเงียบสงัด จึงเกิดความสงสัย หันไปถามคุณย่าผู้เป็นภรรยาที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่อย่างเหม่อลอย นั่นกลับยิ่งทำให้รู้สึกแปลกใจ เพราะรายการโทรทัศน์กำลังฉายรายการที่คุณย่าไม่ชอบเป็นที่สุด
คุณย่าเกิดอาการใจฝ่อขึ้นมา ชี้ไปยังด้านบน และพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้างบนไง!”
เจ้าเด็กใจจืดใจดำทั้งสาม ไม่คิดจะโผล่หัวลงมาตลอดทั้งบ่าย แม้แต่ข้าวเที่ยงก็ไม่ลงมากิน ต้องให้เชฟหยวนยกขึ้นไปให้ ทำตัวน่าสงสาร เห็นว่าเธอเป็นเศรษฐีใจไม้ไส้ระกำหรือไงกัน?
คุณปู่เห็นท่าทีก็รู้ทันทีว่าคุณย่ามีบางอย่างในใจ จึงถามขึ้น “เธอโมโหใครอยู่หรือ? มู่มู่แหย่เธอรึ?”
เหมยเหมยทั้งเป็นเด็กดีทั้งรู้ความ เธอไม่มีทางทำให้คุณย่าโกรธได้ เจ้าเด็กอ้วนที่เป็นแขก นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้ ก็คงเหลือแต่สยงมู่มู่แล้วล่ะ
คุณย่าถอนหายใจไปหนึ่งที “ไม่มีใคร เธออย่าพึ่งมากวนฉันจะดูทีวี!”
คุณปู่ยังอยากที่จะถามต่อ แต่หางตาดันเหลือบไปเห็นโทรทัศน์จอสีตรงทางเข้า จึงฉีกยิ้มขึ้น “โอ้โหว เหมยเหมยซื้อโทรทัศน์สีมาจริงๆด้วย หลานสาวคนนี้นับว่าเป็นคนมีเงินจริงๆ นี่ยายเฒ่า คุณนี่โง่หรือไง มีโทรทัศน์จอสีอยู่แต่ยังดึงดันจะดูโทรทัศน์จอขาวดำอยู่อีก?”
เรื่องที่เหมยเหมยหาเงินได้เอง คุณปู่รู้มาตั้งนานแล้ว จ้าวอิงหัวไม่ได้ปิดบังเขาแต่อย่างใด ส่วนทางฝั่งคุณย่านั้น จ้าวอิงหัวคิดว่าบอกแม่ไปก็คงไม่ค่อยเข้าท่านัก จึงไม่ได้พูดอะไร
เหมยเหมยซื้อโทรทัศน์จอสีให้คุณปู่หนึ่งเครื่อง ถึงแม้จะตกใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร ถือว่ายอมรับได้
คุณย่าไม่ได้สนใจเขาแต่อย่างใด แน่นอนว่าเธอเองก็อยากดูโทรทัศน์จอสี แต่เมื่อครู่เธอเพิ่งจะทะเลาะกับหลานอกตัญญูไป ในใจจึงรู้สึกหงุดหงิด ตลอดทั้งบ่ายเธอจึงฝืนใจไม่ยอมลุกไปแกะโทรทัศน์สีเปิดออกมา โทรทัศน์จอดำยังไม่มีกระจิตกระใจที่จะดูเลย
คุณปู่แกะโทรทัศน์สีออกมาอย่างตื่นเต้นปนดีใจ เรียกเชฟหยวนให้ออกมาช่วยเขาย้ายจัดแจงโทรทัศน์สี เชฟหยวนที่เห็นคุณปู่ก็รู้สึกดีใจ บรรยากาศอึมครึมมาตลอดทั้งบ่ายแล้ว แม้แต่เขายังไม่กล้าหายใจแรงๆ เลย นายท่านกลับมาก็ดีแล้วล่ะ!
“เสี่ยวหยวน บ่ายนี้เกิดอะไรขึ้นในบ้าน?”
คุณปู่แม้จะแก่แต่ก็ไม่ได้โง่ มีหรอที่จะดูไม่ออกว่าบรรยากาศในบ้านผิดปกติไป ในเมื่อคุณย่าไม่ยอมพูด เขาก็จำต้องถามคนอื่นๆ อย่างไรเสียก็ต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแน่นอน
เชฟหยวนเหลือบมองหน้าคุณย่าอย่างลำบากใจ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มหน้าผาก จะให้เขาพูดอย่างไรได้ล่ะในเมื่อตอนนี้เขาอยู่ต่อหน้านายหญิง !
คุณปู่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เชฟหยวนตกใจจนยืนตัวตรง อ้ำๆอึ้งๆอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตัดสินใจบอกออกไปอย่างจำใจ “ก่อนมื้อเที่ยง เหมยเหมย มู่มู่ พวกเขามีปัญหากับนายหญิงนิดหน่อย ผมเลยต้องยกข้าวเที่ยงขึ้นไปให้พวกเขา”
“มีเรื่องอะไรกัน?”
คุณปู่ถามเสียงเข้ม เชฟหยวนส่ายหน้าอย่างแรง เขาไม่กล้าพูดมาก ด้วยฐานะของเขาแล้ว ยิ่งรู้มากก็ยิ่งไม่ใช่เรื่องดี ทำเป็นหูหนวกตาบอดไว้จะดีที่สุด!
คุณปู่เองก็ไม่ได้จะทำให้เขาลำบากใจอีก พอโยกย้ายโทรทัศน์จอสีเสร็จสรรพก็ให้เขากลับห้องไป เชฟหยวนเหมือนนักโทษที่เพิ่งโดนปล่อยตัว เขารีบวิ่งปรู๊ดกลับห้องครัวอย่างรวดเร็ว นั่นทำให้ในใจของเขารู้สึกสงบขึ้นมาบ้าง
ในเมื่อรู้ว่าถามจากยายแก่ก็ไม่ได้คำตอบอะไร จึงเลือกที่จะเดินขึ้นไปข้างบน คิดอยากที่จะลากตัวเจ้าเด็กทั้งสามลงมาแล้วอบรมสั่งสอนชุดใหญ่ ไม่ว่าจะพูดยังไง คุณย่าก็นับว่าเป็นผู้ใหญ่อยู่ดี เจ้าเด็กแสบพวกนี้ไม่ควรมองข้ามแต่ควรจะให้ความเคารพ
ซึ่งแน่นอน ยกเว้นว่าจะเป็นสถานการณ์พิเศษ !
ยังไม่ทันที่คุณปู่เดินขึ้นไปถึง เจ้าเด็กแสบทั้งสามคนก็ชิงเดินลงมาหาก่อน ดวงตาของเหมยเหมยราวกับดวงตาของกระต่าย จังหวะที่ออกมาเพิ่งจะเก็บอัดอั้นอารมณ์ไว้ พร้อมจะปล่อยพรั่งพรูออกมาได้ทุกเวลา ในทางกลับกันสยงมู่มู่ก็โพล่งคำพูดที่ทำเอาคนฟังต้องตื่นตกใจ “คุณปู่ พรุ่งนี้ผมกับเหมยเหมยจะกลับแล้ว!”
………………………………………….
ตอนที่ 762 แม้สวนหลียงจะงดงาม แต่นั่นก็มิใช่บ้าน
คุณปู่ที่กำลังแคะหูก็พลันคิดขึ้นมาได้ว่านานมากแล้วที่ตนนั้นไม่ได้แคะขี้หู น่าจะทำให้การได้ยินมีปัญหา เพียงแต่…
สยงมู่มู่ตะโกนพูดอีกครั้งด้วยเสียงดังฟังชัด คุณปู่จึงได้ยินอย่างชัดเจน เพราะเขาแคะหูไปแล้ว จึงถามขึ้นด้วยความโมโหว่า “เพิ่งมาได้ไม่กี่วันก็จะกลับแล้ว ทำไมเหรอ อยู่ที่นี่กินไม่ดีหรือนอนไม่ดีกันล่ะ ?”
เหมยเหมยพูดด้วยเสียงอู้อี้ว่า “กินดีนอนดีค่ะ แต่ต่อให้ที่นี่จะโอ่อ่าน่าอยู่เหมือนสวนเหลียงหยวนแต่ก็ไม่ใช่บ้านตัวเอง ยังไงพวกเราก็จะต้องกลับไป”
คุณย่าที่นั่งอยู่บนโซฟาไฟโทสะเริ่มปะทุขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าพวกนี้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ผ่านไปครึ่งค่อนบ่ายแล้วยังจะโกรธผู้ใหญ่อย่างเธออีก นึกอยากจะโมโหพวกเขาให้ตายเป็นไหนๆ!
คุณปู่สบถอย่างไม่พอใจ “อย่ามาเล่นลิ้นกับคนอย่างข้า พูดภาษาคนให้รู้เรื่องสิ สวนเหลียงหยวนอะไรกัน?”
ภายในห้องครัวมีเชฟหยวนที่หูผึ่งแอบฟังและยังปิดปากกลั้นขำ เขามองออกว่าครั้งนี้เจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลจ้าวต้องการจะกำจัดและกดเจ้าหญิงน้อยตัวปลอมของตระกูลโอหยางให้ถึงที่สุด!
เมื่อถูกเสียงตะคอกของคุณปู่เข้าไปทำเอาเหมยเหมยตกใจจนตัวสั่น ครั้งนี้ไม่ต้องอัดอั้นอารมณ์ไว้ มันก็พรั่งพรูออกมาเอง
“หนูจะกลับบ้าน หนูยกที่ตรงนี้ให้ยัยแม่หมีสีน้ำตาลนั่น ต่อไปจะไม่มาที่นี่อีก ปล่อยให้เธอทำตัวกตัญญูต่อพวกคุณไป!”
คุณปู่นึกเสียใจที่เมื่อครู่ตะเบ็งเสียงดังออกไป พลันลนลานขึ้นมาทันที ลืมไปเสียสนิทว่าตรงหน้าของเขาคือหลานสาวผู้อ่อนโยนน่าทะนุถนอม เขาเห็นสภาพเหมยเหมยร้องห่มร้องไห้ ในใจก็เกิดความรู้สึกเสียใจขึ้นมาเป็นอย่างมาก!
พอได้ยินเสียงกระซิกๆและเสียงร้องไห้โฮของเหมยเหมย นั่นยิ่งทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก แต่ไหนแต่ไรมาหลานสาวตนคนนี้เชื่อฟังมาตลอด นึกไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้จะไร้เหตุผลได้
เพียงแต่ว่า แม่หมีสีน้ำตาลนั่นใคร?
อีกทั้งยกที่ตรงนี้ให้หมายถึงอะไร?
คุณปู่เหลือบมองหลานสาวที่กำลังร้องเสียใจ น้ำตาไหลอาบแก้มราวกับเปิดก๊อกน้ำ ก็เกิดอาการกลัดกลุ้มไม่น้อย
หากเปลี่ยนเป็นพวกจ้าวเสวียกง เขาจะยกขาถีบให้กระเด็น แต่ตอนนี้กลับเป็นหลานสาว คุณปู่อู่หมดปัญญาแล้ว ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรถึงจะดี
“เหมยเหมยอย่าร้องไห้ ไหนหนูลองเล่าเรื่องทั้งหมดให้ปู่ฟังชัดๆอีกทีสิ คลุมเครือแบบนี้ จะให้ปู่จัดการอย่างไรเล่า?” คุณปู่ควบคุมโทนเสียงให้อ่อนลง เพื่อเป็นการปลอบใจหลานสาว
เจ้าเด็กอ้วนใช้ความกล้าที่มีอธิบายให้ปู่ฟัง “คุณปู่จ้าว ความหมายเมื่อครู่ของเหมยเหมยคือ แม้ที่นี่จะดีแค่ไหนก็ไม่ใช่บ้านของเธอ แถมยังทำให้เธอเสียใจอีก เธอจำต้องกลับบ้านของตัวเองแล้ว!”
“เหลวไหล!”
สายตาของคุณปู่จ้องเขม็ง โทนเสียงสูงขึ้นอย่างไม่รู้ตัวเอง เจ้าเด็กอ้วนตกใจจนต้องหดตัวถอยไปหลบอยู่ด้านหลังของสยงมู่มู่ ไม่ควรยุ่งเรื่องคนอื่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
“ทำไมที่นี่ถึงไม่ใช่บ้านของเธอ? เหมยเหมยไปฟังใครพูด? ที่นี่เป็นบ้านของเธอไปตลอดชีวิต ไอ้งั่งที่ไหนมันกล้าพูดทำให้เธอเสียใจ?” คุณปู่ถามออกมาอย่างเดือดดาล
สยงมู่มู่จึงแย่งตอบ “คุณปู่ ผมเองก็เสียใจ ผมกับเหมยเหมยเราเทียบกับยัยแม่หมีสีน้ำตาลไม่ได้แม้แต่นิดเดียว”
คุณปู่ไม่ได้อ่อนโยนต่อสยงมู่มู่แต่อย่างใด สะบัดฝ่ามือพิฆาตฟาดลงไป พร้อมตะโกนถาม “แม่หมีสีน้ำตาลหรือไอ้งั่งตัวไหน? บอกข้ามาให้ชัดเจน หากยังอ้อมค้อมไม่เลิก ข้าจะตบพวกเอ็งเรียงตัวให้ครบทุกคน!”
สยงมู่มู่รีบตอบบออกไปอย่างเสียงดังฟังชัด “ก็โอหยางซานซานไง ผมและเหมยเหมยยอมยกที่นี่ให้กับยัยชั่วนั่น”
จ้าวเสวียเอร่อและคนอื่นๆที่เหนื่อยหน่ายมาทั้งวันได้กลับมาถึงบ้านแล้ว เดินเข้ามาได้เพียงแค่สวนก็ได้ยินเข้ากับน้ำเสียงของคุณปู่ หูของจ้าวเสวียหลินไวที่สุด ครู่เดียวก็ฟังออกถึงเสียงสูดน้ำมูกฟุดฟิดของน้องสาว และยังได้ยินที่สยงมู่มู่พูดถึงโอหยางซานซาน สีหน้าท่าทีจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เดินตึงตังเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“โอหยางซานซานรังแกอะไรเหมยเหมย ? สยงมู่มู่นายพูดมาให้ชัดเจน!” เหมยเหมยที่เห็นบรรดาพี่ชายของตน จากเดิมที่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งกลับเพิ่มทวี มองจ้าวเสวียหลินด้วยด้วยท่าทีน่าเวทนา น้ำตาไหลพรากยิ่งกว่าเดิม
………………………………………….
ตอนที่ 763 เลอะเลือนเสมอ
จากที่ได้ฟังคำอธิบายจากเจ้าเด็กอ้วนและสยงมู่มู่ คนในตระกูลอู่ก็สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ตั้งแต่ต้นจนจบ นั่นทำให้ทุกคนล้วนหมดคำพูดต่อความเลอะเลือนของคุณย่า
จ้าวเสวียหลินไม่เคยเห็นน้องสาวของตนร้องไห้เสียใจเท่ากับครั้งนี้มาก่อน นอกเสียจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตระกูลอู่ครั้งนั้น ช่วงที่เหมยเหมยยังไม่ยินยอมกลับเข้ามาในตระกูล เธอเคยร้องไห้แบบนี้ แต่หลังจากที่เธอกลับมาบ้านหลังนี้ เธอกลับหัวเราะได้อย่างสดใสร่าเริง และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมาก
แต่ตอนนี้มาถึงเมืองหลวง กลับถูกยัยแม่หมีสีน้ำตาลที่ไม่รู้ความนั่นมารังแก!
แน่นอนว่ายังมีคุณย่าที่เลอะเลือนคอยให้ความช่วยเหลือผู้ร้าย!
เป็นธรรมดาที่จ้าวเสวียหลินจะโกรธ เขาไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ตรงไปลากเหมยเหมยขึ้นไปยังด้านบน “ดูๆแล้วไม่ต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้หรอก กลับเมืองจินตอนนี้เลย วันนี้ตอนสองทุ่มยังมีรถไฟอีกหนึ่งขบวนพอดี”
เดิมทีคุณย่าตั้งใจจะให้บรรดาหลานชายทั้งหลายช่วยพูดเรียกร้องความยุติธรรมสักหน่อย แต่ที่ไหนได้หลานๆทุกคนกลับใจดำช่วยเหลือกัน แต่ละคนใช้มีดกรีดลงกลางใจของเธอ จึงตะโกนด่าไปอย่างเดือดดาล “พวกแกไปให้หมดเลย ฉันไม่เห็นหน้าจะได้ไม่รู้สึกรำคาญ!”
คุณปู่อดขมวดคิ้วแน่นไม่ได้ จ้องคุณย่าตาเขม็ง “เธอพูดให้มันน้อยๆ หน่อย”
คุณย่าที่กำลังอารมณ์เสียอยู่จึงตะโกนออกไป “ไอ้พวกเด็กกะโปโลใจดำอำมหิตนี่พลิกฟ้าดินไปหมด ฉันจะพูดอะไรได้อีก?”
คุณปู่พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ใครใช้ให้เธอทำเรื่องเลอะเลือนบ้าๆ นี่ล่ะ บอกตั้งนานแล้วว่าให้เธอไปมาหาสู่กับสองแม่ลูกตระกูลโอหยางให้น้อยลง เธอกลับไม่ยอมฟัง นับวันยิ่งเลอะเลือน”
คุณย่าพูดแก้ตัว “คุณออกไปโอ้อวดกับคนนอกบ้าน แล้วก็ไม่ให้ฉันต้องรับดูแลแขกอยู่ที่บ้านงั้นเหรอ? อวี้เหลียนสองแม่ลูกนั่นทำเรื่องไม่ดีอะไรไว้ พวกคุณถึงไม่อยากจะต้อนรับขับสู้พวกเธอ?”
เหมยเหมยพูดสะอึกสะอื้น “ทำไมพวกเธอจะไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายล่ะ? เอาความสัมพันธ์พี่น้องในตระกูลมาใช้เป็นเส้นสาย หากไม่ใช่เพราะหนูที่เปิดโปง โอหยางซานซานที่มีฝีมือการวาดภาพแค่ระดับอนุบาล คงไม่สามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศมาได้ แล้วนั่นเป็นสิ่งที่ยุติธรรมสำหรับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นแล้วหรือ?”
คุณย่ารู้สึกลำบากใจเล็กน้อย แต่ยังคงช่วยพูดแก้ตัวให้หวงอวี้เหลี้ยนสองแม่ลูก “เรื่องนั้นพวกเธอทำไม่ถูกก็จริง แต่คนเราไม่ใช่นักปราชญ์ที่จะไม่เคยทำผิดพลาด แก้ไขแล้วก็นับว่าเป็นเรื่องดี”
เหมยเหมยพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “พวกเธอจะปรับปรุงแก้ไขหรือไม่หนูไม่รู้ แต่ถึงยังไงหนูก็ไม่ชอบพวกเธอ วันๆเอาแต่พูดต่อหน้าหนูว่าโอหยางซานซานและคุณย่ามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน หนูเป็นคนนอกที่เพิ่งเข้ามาเทียบกับเธอไม่ได้เลยสักนิด ทั้งยังไม่ให้หนูอิจฉาอีก พูดอย่างนั้นตั้งหลายหนแล้วคิดว่าหนูโกรธไม่เป็นหรือไง?”
เมื่อนึกถึงสีหน้าท่าทีของหวงอวี้เหลียนเมื่อช่วงบ่ายนั้น เหมยเหมยเกิดอาการโมโหพลันเชิดปลายคางเล็กแหลมของเธอขึ้น และพูดเสริมอีกหนึ่งประโยค “ช่วงบ่ายหนูพูดเรื่องนี้กับคุณย่า ย่าก็ไม่เชื่อหนู เอาแต่บอกว่าหนูเข้าใจพวกหล่อนผิด หนูไม่ได้โง่นะคะ ใครดีกับหนู ใครร้ายกับหนู มีหรือที่จะดูไม่ออก?
แต่ถึงยังไงบ้านหลังนี้ หนูกับยัยแม่หมีสีน้ำตาลจะมีเพียงหนึ่งเท่านั้น มีหนูต้องไม่มีมัน ถ้ามีมันจะต้องไม่มีหนู!”
คำพูดในประโยคสุดท้ายเหมยเหมยตะโกนออกมาเสียงดัง พูดจบดวงตาของเธอยิ่งแดงมากขึ้น เธอเชิดหน้ามอง ใบหน้าท่าทีราวกับคนที่ไม่กลัวตาย แต่น้ำตาก็ยังคงไหลพรั่งพรูออกมาไม่หยุด
คุณปู่ทั้งอารมณ์ดีทั้งตลก หลานสาวคนเล็กของตนนั้นไม่ค่อยก่อเรื่อง แต่พอก่อเรื่องทีก็เป็นเรื่องใหญ่ ช่างเป็นนิสัยของเด็กน้อยจริงๆ
เมื่อเข้าใจและสามารถจับต้นชนปลายเรื่องที่เกิดขึ้นได้ คุณปู่ก็มีท่าทีไม่พอใจต่อคุณย่าขึ้นมาบ้าง แต่เขารู้ดีว่าต่อหน้าหลานๆทั้งหลายเขาควรจะรักษาหน้าของคุณย่าไว้ เลยไม่ได้ต่อว่าคุณย่าต่อหน้าพวกเด็กๆ อีกทั้งไม่ยินยอมให้เหมยเหมยและคนอื่นๆจากไป
“แล้วเป็นอย่างไรล่ะ ใครหน้าไหนก็ห้ามออกไปทั้งนั้น อยู่ต่อไปแล้วก็ประพฤติตัวดีๆ ต่อไปนี้ก็ห้ามพูดประชดยกที่ให้ใครต่อใครอีก ไร้สาระสิ้นดี!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เหมยเหมยเห็นสีหน้าเคร่งขรึมไร้อารมณ์ของคุณปู่ ตกใจกลัวจนหัวหดและไม่กล้าส่งเสียงใดออกมาทั้งนั้น ช่างดูน่าสงสารยิ่งนัก
พอพูดจบคุณปู่ก็เปลี่ยนสีหน้าท่าทีเป็นยิ้มแย้มในฉับพลัน สั่งให้เชฟหยวนจัดตั้งสำรับอาหารโดยเร็ว เรื่องกินถือเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด รอให้กินอิ่มท้องค่อยจัดการกับยายแก่!
ยิ่งแก่ก็ยิ่งเลอะเลือน ไม่เข้าท่าจริงๆ!
……………………………………………..
ตอนที่ 764 สั่งสอนศรีภรรยา
มื้อเย็นยังนับว่ามีความสามัคคีกันดี ร้องไห้ก็สูญเสียพลังงานไปเยอะ ไหนจะมื้อเที่ยงก็ไม่ได้นั่งทานดีๆ เหมยเหมยหิวจนจะแย่ ทานผัดหมูสามชั้นเสฉวนติดต่อกันไปหลายชิ้น ยัดเข้าปากอย่างตะกละตะกลาม
จ้าวเสวียหลินมองอย่างขำขัน คีบเนื้อส่งให้เธออยู่หลายชิ้น “ค่อยๆกินสิ ระวังติดคอ!”
เหมยเหมยคาบเนื้อไว้ในปาก พลางเหลือบมองคุณปู่ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะอย่างระแวง จึงพูดออกมาเสียงเบา “ต่อไปนี้คงไม่ได้ลิ้มลองรสฝีมือของลุงหยวนแล้ว หนูต้องกินให้เยอะๆหน่อย”
สยงมู่มู่เองก็คีบเนื้อกินไปหลายชิ้น เคี้ยวตุ้ยๆคำโต “ผมเองก็ต้องกินให้เยอะหน่อย ลุงหยวน พรุ่งนี้พวกเราก็จะไม่ได้เจอกับลุงแล้ว พรุ่งนี้เช้าผมขอให้ลุงทำอาหารให้อีกได้ไหม?”
เชฟหยวนกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ฟังคำพูดพวกนี้สิ ช่างทำให้คนฟังปวดใจนัก !
“มู่มู่อยากกินอะไรล่ะ?” เชฟหยวนถามขึ้นพลางกลั้นขำไว้
สยงมู่มู่ดวงตาเป็นประกาย และรีบพูดขึ้น “ผมอยากกินขนมพายเนื้อ ข้าวต้มข้าวดำ เกี๊ยวเนื้อ เสี่ยวทังเปา แล้วก็…”
ยังไม่ทันที่เขาจะบอกสิ่งที่อยากกินจนเสร็จ ใบหน้าดำถมึงทึงราวกับก้นหม้อของคุณปู่จ้องเขม็งและกระแอมเสียงอย่างดัง สายตาพิฆาตดั่งคมมีดลอยส่งมา สยงมู่มู่สะดุ้งตกใจกลัวจนหัวหด จึงเปลี่ยนคำพูด ”ลุงหยวน แค่ซาลาเปา ปลาท่องโก๋ก็พอแล้วครับ ผมไม่เลือกกิน”
คุณปู่ทำหน้าขึงขัง กดอารมณ์โมโหเอาไว้ไม่กล้าระเบิดออก จำต้องทนทานข้าวต่อไปอย่างอึดอัด
แน่นอนว่าความอยากอาหารไม่ได้ลดน้อยลงแต่อย่างใด อาหารอันโอชะที่ถูกจัดวางไว้เต็มโต๊ะใหญ่ถูกจัดการหมดไปจนราบเป็นหน้ากลอง โดยเฉพาะเหมยเหมย ที่ใช้พลังงานไปกับความโมโหและความเศร้าโศก จึงทานข้าวไปถึงสองชาม แน่นท้องจนจุกอยู่ตรงลำคอ
หลังทานข้าวเสร็จเหมยเหมยก็ไม่ได้ดูโทรทัศน์เป็นเพื่อนคุณปู่คุณย่าเหมือนก่อน แต่กลับเดินขึ้นบ้านไปด้วยท่าทีที่น่าสงสาร และไม่ลงมาอีกเลย ด้านจ้าวเสวียหลินและคนอื่นๆ ก็ไม่กล้าอยู่ในห้องรับแขกต่อ ทุกคนแยกย้ายราวกับนกป่า เพียงชั่วพริบตาห้องรับแขกก็กลับมาเงียบเชียบอีกครั้ง
คุณปู่เกิดอาการจิตใจว้าวุ่นใจ และเบื่อที่จะต้องทนอยู่ในห้องรับแขกต่อไป จึงเรียกคุณย่าที่มีท่าทีไม่ต่างกันกลับห้องนอน เขาจำต้องคุยกับยายแก่นี่ให้รู้เรื่อง
คุณย่ายอมตอบตกลง แต่สายตาคู่นี้กลับนิ่งเฉย ในช่วงวัยหนุ่มก็เป็นเช่นนี้ พอแก่มากขึ้นก็ยิ่งเลอะเลือน
“ต่อไปนี้ห้ามให้หวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกนั่นเข้าบ้าน ยินไหม?” คุณปู่พูดเสียงเข้ม ราวกับเป็นคำพูดที่กำลังออกคำสั่ง ในตอนนั้นคุณย่าเป็นลูกน้องใต้บัญชาของเขา คุณปู่จึงยิ่งเคยชินกับการใช้น้ำเสียงเช่นนี้
คุณย่าไม่ค่อยยินดีนัก เชิดคอขึ้นและโต้แย้งกลับไปว่า “มีสิทธิ์อะไร? คุณเองก็ไร้สาระกับพวกเด็กๆ ไปอีกคน มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ให้พวกเขาเข้าบ้าน ?”
“อะไรคือไม่มีเหตุผล? ผมพูดกับคุณตั้งนานแล้ว อย่าไปสนิทสนมคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกัน คุณก็ทำหูทวนลมอยู่เรื่อย จากที่ผมเห็นพวกเหมยเหมยก็ไม่ได้พูดผิดอะไร ญาติพี่น้องที่สนิทหรือไม่สนิมก็แยกแยะไม่เป็น ปล่อยให้หลานในไส้ถูกคนนอกรังแก แล้วยังจะช่วยพูดแก้ตัวให้คนนอกอีก ไม่แปลกที่เหมยเหมยจะรู้สึกผิดหวังแบบนั้น!”
คุณปู่พูดแรง ไม่คิดจะไว้หน้าคุณย่าเลยสักนิด
คุณย่ารู้สึกน้อยใจ พูดแก้ตัวให้กับตัวเอง “ฉันเห็นแก่เจ้าใหญ่ต่างหาก ตอนนั้นที่เจ้าใหญ่จากไป บอกให้ฉันช่วยดูแลอวี้เหลียนแทนเขา ฉันรับปากเจ้าใหญ่ไว้แล้ว ทำไมฉันจะทำให้ไม่ได้!”
นึกย้อนกลับไปตอนที่ลูกชายคนโตล่วงลับนั้น จู่ ๆ คุณย่าก็น้ำตาไหลมาเป็นทาง ลูกชายคนโตเป็นคนที่ทำให้เธอรู้สึกผิดมากที่สุด ตั้งแต่เล็กก็ไม่เคยได้รับความสุขเลย ไม่ง่ายนักที่จะเลี้ยงให้โตมาได้ แม้แต่เป็นพ่อคนก็ยังทำได้ไม่ถึงไหนก็จากไปแล้ว เพียงแค่นึกถึงหัวใจของเธอก็เหมือนถูกมีดกรีดแทงเข้าไป
คุณปู่เองก็ไม่ได้รู้สึกดีสักเท่าไหร่ เพียงแต่เขานั้นมีสติมากกว่าหน่อย จึงพูดสั่งสอนไปว่า “ครอบครัวของเราเมตตาต่อหวงอวี้เหลียนมามากพอแล้ว ไม่มีเรื่องไหนที่ต้องรู้สึกผิดต่อเธอ ถ้าคุณยังอยากจะอยู่กับหลานสาวตัวน้อยอย่างสันติ ก็จำคำพูดของผมไว้ อยู่ให้ห่างหวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกนั้นเสีย มิเช่นนั้นคุณอย่ามานึกเสียใจทีหลังแล้วกัน!”
คุณปู่พูดเสริมอีกครั้ง “คุณเองก็ลองคิดดูให้ดี หากว่าหวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกนั่นดีจริง ทำไมเด็กๆ ในตระกูลเราทุกคนถึงไม่ชอบสองแม่ลูกนั่นล่ะ? หรือคุณคิดว่าพวกเด็ก ๆ แค่ก่อเรื่องวุ่นวายอย่างไร้เหตุผลงั้นเหรอ? คุณลองกลับไปคิดให้ดีๆ เถอะ!”
ท่าทีของคุณย่าดูผ่อนคลายลง เธอเม้มริมฝีปากแน่น ไม่รู้เลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
……………………………………..
ตอนที่ 765 ใครหน้าไหนก็ไม่ควรก้มหัวให้ก่อน
วันถัดมาแน่นอนว่าเหมยเหมยไม่ได้กลับไปเมืองจินจริงๆ เพราะถูกคุณปู่บังคับไว้ ใครหน้าไหนก็ไม่กล้าพูดถึงมันแม้แต่คำเดียว ถือว่าเรื่องนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
เพียงแต่บรรยากาศภายในบ้านอึดอัดยิ่งกว่าเดิม เหมยเหมยเองก็เปลี่ยนไป ไม่เหมือนกับแต่ก่อนที่ดูสนิทสนมกับคุณย่า แต่ตอนนี้เธอดูเกรงอกเกรงใจเป็นพิเศษ ทำตัวราวกับตัวเองเป็นแขก ซึ่งนั่นทำให้ในใจของคุณย่ารู้สึกไม่ดีนัก
แต่เธอก็ไม่อาจจะระเบิดอารมณ์ออกมาได้ เป็นเพราะยังจับผิดความเลวของเจ้าเด็กนี่ไม่เจอ ทั้งมีมารยาทและทำตัวเคารพนอบน้อมต่อเธอ แล้วจะให้เธอพูดอะไรได้อีก!
แต่เธอไม่ต้องการความเหินห่างและท่าทีที่ดูเกรงอกเกรงใจของหลานสาว !
เธอชื่นชอบให้หลานสาวเป็นเหมือนเมื่อก่อนที่ชอบออดอ้อน หยอกล้อ ดูสดใสร่างเริง และน่ารักน่าชัง แต่ตอนนี้กลับยิ่งทำให้คุณย่าอึดอัดกว่าเป็นไหนๆ ใจก็นึกอยากพูดคุยกับหลานสาวบ้าง แต่เธอกลับไม่กล้าที่จะเป็นฝ่ายก้มหัวให้ก่อน ตอนนี้เธออึดอัดใจจะตายอยู่แล้ว
เหมยเหมยเองก็ไม่ยอมก้มหัวให้ก่อนเช่นกัน สงครามครั้งนี้ต้องสู้จนเห็นผลลัพธ์เสียก่อน ไม่เช่นนั้นเธอเองคงเสียเวลาอาละวาดไปโดยเปล่าประโยชน์!
ช่วงเช้าเชฟหยวนทำเกี๊ยวเนื้อและขนมพายเนื้อให้เขาจริงๆ แถมยังมีโจ๊กข้าวดำด้วย สยงมู่มู่ดีใจยิ้มแป้น รีบยัดมื้อเช้าลงไป อาการป่วยก็ทุเลาลงไปมาก แลดูกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวามากขึ้น
คุณปู่ชอบใจโทรทัศน์จอสีนี้มาก จอภาพคมชัด สีสดเสมือนจริง น่าดูเสียยิ่งกว่าโทรทัศน์จอขาวดำมาก แม้แต่ชมข่าวผ่านเครือข่ายกระจายเสียงยังได้อรรถรสยิ่งกว่า
“เหมยเหมยชื้อโทรทัศน์จอสีมาจากไหนรึ? ทำไมได้ของมารวดเร็วขนาดนี้?” คุณปู่ยิ้มจนตาหยีพลางถามขึ้น
สยงมู่มู่แย่งพูด “เหยียนหมิงซุ่นเป็นคนซื้อ เหยียนหมิงซุ่นทำกิจการร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน คนอื่นไม่มีของ แต่ที่ร้านเขาต้องมีของอยู่แล้ว”
คุณปู่พลันรู้สึกสนใจเขาขึ้นมา นึกไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะเปิดกิจการด้วยตัวเอง ท่าจะเก่งเกินเด็กไปแล้ว
“ข้าจำได้ว่ามันอยากเป็นทหารไม่ใช่รึ? ทำไมถึงหันมาทำธุรกิจเสียได้ล่ะ?”
เหมยเหมยอธิบาย “พี่หมิงซุ่นเริ่มทำธุรกิจตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ เพราะคุณยายของเขาต้องกินยาทุกวัน และจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก ตอนนี้ธุรกิจต่างๆ ของเขามีคุณลุงเป็นคนดูแลจัดการให้ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึงนี้พี่หมิงซุ่นก็จะไปเป็นทหารแล้วค่ะ”
คุณปู่พึงพอใจอยู่ไม่น้อย เจ้าเด็กนี่ถือว่าไม่เลวจริงๆ เป็นทหารนั้นลำบากกว่าทำธุรกิจมาก แต่เขายังคงไม่ลืมปณิธานแรกที่มี ช่างเป็นเด็กดีนัก
“คุณปู่ อีกสักพักหนูจะออกไปหาพี่หมิงซุ่น ช่วงบ่ายไม่กลับมาทานข้าวที่บ้านนะคะ” เหมยเหมยขออนุญาต
คุณปู่กระตุกคิ้ว ในหัวสมองพลางนึกขึ้นอย่างสงสัย เหยียนหมิงซุ่นอยู่ที่เมืองจินไม่ใช่หรือ?
“พี่หมิงซุ่นเอาโทรทัศน์จอสีมาส่งให้ด้วยตัวเอง เขาเลยแวะมาเที่ยวด้วย พักอยู่ที่เกสต์เฮ้าส์ หนูจะต้องทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีเสียหน่อย” เหมยเหมยอธิบาย
จ้าวเสวียหลินขมวดคิ้วแน่น เจ้าเด็กบ้านี่ตามติดแจไม่ปล่อยเลยจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะตามมาจนถึงเมืองหลวงได้
คุณปู่ให้ความสนใจต่อเหยียนหมิงซุ่นเป็นอย่างมาก เมื่อได้ยินว่าเขาเอาโทรทัศน์จอสีมาส่งด้วยตัวเอง ในใจก็ยิ่งปลื้มปริ่ม ยิ้มพลางพูดขึ้น “ทำไมเหมยเหมยไม่เรียกให้เขามานั่งเล่นที่บ้านล่ะ?”
“พี่หมิงซุ่นบอกว่าแบบนั้นดูไม่มีมารยาท บอกให้หนูมาขอความคิดเห็นจากคุณปู่และคุณย่าก่อน ถ้าพวกคุณยินยอม เขาถึงจะกล้าเข้ามาเยี่ยมค่ะ”
คุณปู่ปล่อยเสียงหัวเราะออกมา ยิ่งพอใจในตัวเหยียนหมิงซุ่นมากขึ้นไปอีก จากนั้นเกริ่นว่า “เหมยเหมยไปบอกเขาด้วยนะ เย็นนี้ให้เขามาทานข้าวที่บ้านเรา ปู่ต้องแสดงความขอบคุณต่อหน้าเขาเสียหน่อย เอ่อใช่ แล้วโทรทัศน์สีเครื่องนี้หลานให้เงินเขาไปหรือยัง?”
“ให้แล้วค่ะ คุณปู่วางใจเถอะ!”
เหมยเหมยกินโจ๊กชามสุดท้ายเสร็จ จึงใช้ตะเกียบคีบขนมพายเนื้อไม่กี่ชิ้น รวมทั้งเกี๊ยวเนื้อใส่ไว้ในถุงและออกจากบ้านไป เธอหันมาโบกมือให้กับคุณปู่ “คุณปู่ไปก่อนนะคะ”
น้ำเสียงของเธอไพเราะราวกับเสียงนกกระจาบ คุณปู่ได้ฟังแล้วดูผ่อนคลายและปล่อยวาง แต่คุณย่ากลับหน้าตาบูดบึ้งด้วยความโกรธ
ยัยเด็กใจร้ายจะพูดร่ำลากับเธอสักคำก็ไม่มี!
คำพูดเมื่อคืนวานของคุณปู่ยังคงดังก้องอยู่ในหูของเธอ คุณย่านอนขบคิดมาชั่วข้ามคืนกัดฟันแน่น เธอตัดสินใจว่าหลังจากทานข้าวเสร็จจะออกไปเดินเล่นข้างนอกสักหน่อย
………………………………………………..
บทที่ 766 สะกดรอยตาม
เกสต์เฮ้าส์ห่างจากเขตสวนใหญ่ไม่ไกลนัก แค่นั่งรถเมล์หนึ่งป้ายก็ถึงแล้ว ราคาค่าตั๋วรถห้าเฟินเท่านั้น หากปั่นจักรยานมาก็ประมาณสิบกว่านาที นับว่าใกล้มาก ๆ
เหยียนหมิงซุ่นเตรียมตัวที่จะไปทานข้าวที่ภัตตาคาร คิดอยากจะลองชิมของคาวหวานประจำเมืองหลวง และถือเป็นการไปนั่งรอเจ้าหญิงตัวน้อยของเขา จากนั้นค่อยออกไปเที่ยวพร้อมกัน ริมฝีปากของเหยียนหมิงซุ่นฉีกยิ้มกว้าง แลดูท่าทางอารมณ์ดีไม่น้อย
เขาเจอกับเหมยเหมยตรงหน้าประตูใหญ่ของเกสต์เฮ้าส์ เด็กผู้หญิงผู้งดงามกำลังปั่นจักรยาน ผมยาวสยายพลิ้ว ยิ้มอย่างสดใส น้ำเสียงไพเราะหวานหยดย้อยไปถึงในใจเขา
“พี่หมิงซุ่น ฉันเอาข้าวเช้ามาให้พี่ด้วย ขนมพายเนื้อและเกี๊ยวเนื้อ อร่อยมากๆเลย”
เหมยเหมยแกว่งถุงในมือไปมา ดวงตาโค้งมนเป็นรูปพระจันทร์ ใบหน้าที่ได้รูปขาวผ่องอมชมพู งดงามเสียยิ่งกว่าแสงอาทิตย์แรกแย้มทางภาคอีสาน ใครได้เห็นก็ต่างอารมณ์ดี เผลอหลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
รอยยิ้มบนมุมปากของเหยียนหมิงซุ่นชัดมากกว่าเดิม เป็นครั้งแรกที่เขายิ้มไปพร้อมทั้งดวงตา ยิ้มออกมาเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว รังสีความอบอุ่นบนร่างกายนั้นเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
เขาสั่งโจ๊กผักในภัตตาคารมาหนึ่งชาม เหมยเหมยก็เอาขนมพายเนื้อและเกี๊ยวเนื้อที่เป็นมื้อเช้ามาให้แล้ว เหมยเหมยเท้าคางมองด้วยดวงตาเป็นประกาย จ้องเหยียนหมิงซุ่นที่นั่งทานมื้อเช้าอยู่ตรงหน้า รู้สึกเพียงว่าบรรยากาศโดยรอบนั้นหวานไปเสียหมด
เหยียนหมิงซุ่นที่ถูกสายตาร้อนรุ่มของสาวน้อยตรงหน้าจ้องมอง จนทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง พลันหยุดตะเกียบในมือครู่หนึ่ง แล้วก็คีบเอาเกี๊ยวชิ้นหนึ่งป้อนเข้าปากของสาวน้อย เหมยเหมยอ้าปากรับตามสัญชาตญาณ
ทั้งทั้งที่เป็นเกี๊ยวเหมือนกัน แต่อันที่เหยียนหมิงซุ่นป้อนให้เธอนั้นอร่อยกว่าเป็นพิเศษ เธอเคี้ยวตุ้ยๆและยิ้มตาหยี พลางบอกให้เหยียนหมิงซุ่นทานต่อ
“หนูกินอิ่มมาจากที่บ้านแล้ว พี่หมิงซุ่นรีบกินเถอะ เดี๋ยวอีกสักพักหนูจะพาพี่ไปเดินเล่นซื้อของ”
“อืม!”
เหยียนหมิงซุ่นทานข้าวเช้าด้วยความเชื่องช้า ปรายหางตามองโดยไม่ให้รู้ตัว แล้วก็รีบหลุบตาลง ทำราวกับมองไม่เห็น
อีกมุมของภัตตาคารมีหัวของคนไม่กี่คนกำลังผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ตรงนั้น เป็นพวกจ้าวเสวียหลินและคนอื่นๆ เหมยเหมยเพิ่งออกจากบ้านได้ไม่เท่าไหร่ จ้าวเสวียหลินที่ไม่วางใจจึงตามออกมาด้วย ยังมีจ้าวเสวียกง จ้าวเสวียไห่และสยงมู่มู่ที่เดินตามออกมาด้วย ดูท่าคงสนุกไม่เบา
“เจ้าเด็กนั่นดูท่าจะเห็นพวกเราแล้ว เขามองทางเราอยู่ครั้งหนึ่ง” จ้าวเสวียกงพูด
“เจ้าเด็กนี่ถือว่าตื่นตัวเร็ว แต่ลักษณะท่าทางอย่างกับหมา” ความประทับใจที่จ้าวเสวียไห่มีต่อเหยียนหมิงซุ่นไม่ค่อยจะดีนัก เขาคิดเพียงว่าหน้าตาดีเกินไป ผู้ชายที่หน้าตาดี มักไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่
ลูกผู้ชายควรเป็นเหมือนกับเขา ต้องรูปร่างสูงใหญ่อ้วนท่วมแลดูแข็งแกร่ง นั่นถึงจะทำให้พวกผู้หญิงรู้สึกอุ่นใจได้!
จ้าวเสวียหลินกัดฟันกรอด สายตาจับจ้องไปที่มือของเหยียนหมิงซุ่น ไอ้พวกหน้าหม้อมันกล้าที่จะป้อนเกี๊ยวให้น้องสาวเขางั้นหรือ?
มันน่าตัดเอามือนั้นทิ้งไปเสีย!
เหยียนหมิงซุ่นทานมื้อเช้าเสร็จอย่างรวดเร็ว จากนั้นลากเหมยเหมยไปที่ห้องของเขา จ้าวเสวียหลินยิ่งกัดฟันดังกรอด สายตาจับจ้องไปที่มือของเหยียนหมิงซุ่นอย่างอาฆาต พุ่งตัวออกไปอย่างไม่ยั้งคิด
จ้าวเสวียกงรีบรั้งเขาไว้ “นายจะทำอะไร? เข้าไปแบบนี้มีหวังเหมยเหมยต้องโมโหใส่พวกเราแน่ อารมณ์โมโหของเจ้าเด็กแสบนั่นไม่ใช่เล่นๆ เมื่อวานเธอโมโหคุณย่าไปไม่เห็นหรือไง?”
จ้าวเสวียหลินคิดไปคิดมานั่นก็ใช่ จึงทำได้เพียงถอยหลังกลับ พวกเขาทำตัวเหมือนเป็นหัวขโมย ย่องๆ มองๆ เดินตามหลังเหมยเหมยและเหยียนหมิงซุ่นไป
“พี่หมิงซุ่น เมื่อวานนี้ฉันทำตามที่พี่บอกแล้ว แต่คุณย่าของฉันไม่เข้าใจอะไรเลย น่าโมโหเป็นที่สุด” เหมยเหมยเปิดปากฟ้องเหยียนหมิงซุ่น คิดอยากได้คำปลอบโยน จนถึงตอนนี้เธอยังคงรู้สึกน้อยใจไม่หาย!
จ้าวเสวียหลินและคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลังได้แต่เบะปากใส่ ไม่แปลกเลยที่จู่ๆน้องสาวตนจะปะทุอารมณ์ขึ้นมา ที่แท้เป็นเพราะเจ้าหมอนี่คอยบงการอยู่เบื้องหลัง!
ไม่นานก็เดินมาถึงห้องของเหยียนหมิงซุ่น เขาเปิดประตูห้องแล้วพาเหมยเหมยเข้าไปด้านใน กระตุกยิ้มมองพวกคนด้านหลังที่แอบวิ่งไปหาที่ซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว แล้วปิดประตูใส่อย่างไม่แยแส
……………………………………
ตอนที่ 767 น้ำแกงชั้นเลิศ
ตอนนี้เป็นเวลาส่วนตัวของเขากับเหมยเหมย คนที่ไม่เกี่ยวข้องกรุณาอย่าเข้ามายุ่ง ไม่ว่าใครก็ห้ามรบกวนพวกเขาทั้งนั้น
พอเข้าไปในห้อง เหยียนหมิงซุ่นก็กดเหมยเหมยลงที่กำแพง กักตัวเธอไว้ไม่ให้หนีไปไหน สายตาอันเร่าร้อนของเขาทำให้เธอหนีไปไหนไม่ได้ เอาเข้าจริง เธอก็ไม่ได้อยากจะหนีไปไหนอยู่แล้ว
ทำไมจะต้องหนีด้วย เธอก็อยากที่จะถูกพี่หมิงซุ่นสุดที่รักกักตัวไว้ตลอด ไม่ต้องแยกจากกันไปตลอด แบบนี่สิถึงจะดี
แต่สายตาของเหยียนหมิงซุ่นเร่าร้อนเกินไป ไม่ได้ดูสงบนิ่งเหมือนกับเวลาปกติ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความต้องการและความเผ็ดร้อน ทำให้หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ เต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมา
“เหมยเหมย…”
เสียงของเหยียนหมิงซุ่นเริ่มแหบพร่า ราวกับถูกเก็บเอาไว้นาน และเพิ่งจะถูกปลดปล่อยออกมา
เขาพูดโดยเอาปากแนบชิดข้างใบหูของเหมยเหมย ความร้อนนั้นทำให้หูของเหมยเหมยรู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมา ผิวเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ดูแล้วช่างน่าชวนลิ้มลองเสียจริง ๆ
แน่นอนว่าเหยียนหมิงซุ่นคิดที่จะทำอย่างนั้น เขาจะทนได้อย่างไรกันเล่า
ลิ้นอุ่น ๆ ของเขาสัมผัสไปที่ใบหูของเหมยเหมย เหมยเหมยตกใจตัวสั่นเบา ๆ รีบซุกหน้าไปที่อ้อมอกของเหยียนหมิงซุ่น แลดูเชื่อฟังจนน่าเอ็นดู
การได้สัมผัสเพียงแค่หนึ่งครั้ง แน่นอนว่ายังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเหยียนหมิงซุ่นได้ เขาเริ่มรุกล้ำพื้นที่ส่วนอื่น ๆ กลิ่นหอมบนตัวของหญิงสาวนั้น ช่างหอมหวานยิ่งกว่าน้ำผึ่งเดือนห้า ทำให้เขาไม่สามารถหยุดได้จริง ๆ
“เหมยเหมย เธอหวานมากเลยนะ…”
เหยียนหมิงซุ่นกระซิบลงที่ข้างหูของหล่อนด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง แค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยไม่สามารถทำให้เขาพอใจได้หรอก ความต้องการในใจของเหยียนหมิงซุ่นมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาจับคางของเหมยเหมยให้เงยหน้าขึ้น หญิงสาวหลับตาลงอย่างเชื่อฟัง ขนตายาวเรียงเป็นแพสวยงามของหล่อนสั่นไหวเล็กน้อย
“ไม่ดื้อนะ”
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเบา ๆ เขาไม่สามารถต้านทานความต้องการของเขาได้อีกต่อไป มือข้างหนึ่งของเขาประคองไปที่ศีรษะของหญิงสาว อีกข้างหนึ่งโอบเอวของหล่อนเอาไว้ แล้วก้มหน้าประกบลงไปที่กลีบดอกไม้ที่เขาต้องการจะลิ้มลองมาตั้งแต่เมื่อวาน
ครั้งนี้เขาไม่ได้เชื่องช้าเขินอายเหมือนอย่างครั้งแรก แต่เขากลับมาราวกับพายุที่พร้อมจะมาช่วงชิงน้ำผึ้งอันหอมหวานเพื่อดับความกระหายของเขา
แต่น้ำผึ้งอันหอมหวานพวกนี้เปรียบเหมือนการดื่มเหล้าเพื่อดับกระหาย ไม่ว่าจะดื่มเท่าไหร่ก็ไม่พอ กลับยิ่งอยากได้มากขึ้นเรื่อย ๆ เขารู้ว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถดับความกระหายได้อย่างแท้จริง แต่ตอนนี้เขายังทำไม่ได้
ผู้หญิงของเขายังเด็กเกินไป
เหมยเหมยเริ่มรู้สึกตัวร้อนขึ้นมาอีกครั้ง หล่อนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร หล่อนได้เพียงแต่ตอบรับสัมผัสที่ชายหนุ่มส่งมาให้เท่านั้น แขนสองข้างที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงโอบกอดชายหนุ่มเอาไว้ แผ่นหลังแนบไปกับกำแพง โชคดีที่มีที่ยึดเกาะ เลยไม่ถึงขั้นขาอ่อนลงไปกองกับพื้น
พวกจ้าวเสวียหลินยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ที่หน้าประตู พวกเขาอยากจะรู้เสียจริงว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น แต่กลับไม่ได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมาเลยแม้แต่น้อย
“พวกเขาอยู่ในห้องทำอะไรกัน ทำไมไม่มีเสียงพูดเลยสักนิด” ในใจของจ้าวเสวียหลินตอนนี้เหมือนมีมดวิ่งเล่นอยู่เป็นร้อยเป็นพันตัว เขารู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก
จ้าวเสวียกงพยายามมองลอดผ่านช่องทางประตู มองจนตาเหล่แล้ว ก็ยังมองไม่เห็นอะไร
“ไอบ้านั่นคงไม่ได้คิดอะไรไม่ดีกับน้องเราใช่ไหม” คำพูดของจ้าวเสวียไห่ทำให้ใจของจ้าวเสวียหลินเดือดแทบบ้า เขาอยากจะพังประตูเข้าไปเสียตอนนี้เลย
หญิงชายอยู่ในห้องด้วยกันสองต่อสอง แถมน้องของเขาก็สวยขนาดนั้น อีกทั้งยังใสซื่อด้วย เหยียนหมิงซุ่นร้ายขนาดนั้นอาจจะคิดไม่ดีกับเธอก็ได้
“พวกคุณเป็นใคร จะทำอะไรกัน มากับผมเดี๋ยวนี้”
ผู้ควบคุมดูแลที่ถูกพนักงานทำความสะอาดเชิญตัวมาเดินตรงมาที่พวกเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน หลังจากนั้นไม่พูดอะไรต่อก็พาตัวพวกจ้าวเสวียหลินออกไป ราวกับพวกเขาเป็นโจร
เหยียนหมิงซุ่นที่ได้ยินเสียงสถานการณ์ข้างนอกอย่างชัดเจน ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ แล้วบรรจงจูบหญิงสาวอีกครั้ง
เรื่องข้อเสนอที่จะไปเดินซื้อของ เขาไม่ได้มีความสนใจเลยสักนิด ถ้าให้ไปเดินซื้อของ เขายินดีที่จะอยู่แต่ในห้อง ใช้ชีวิตแบบโลกสองคนที่มีแค่เขากับเหมยเหมยยังจะดีเสียกว่า หญิงสาวที่หอมหวามยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้า ไม่ว่าจะได้ลิ้มลองเพียงใดก็คงไม่พอ
————————————–
บทที่ 768 ปากบวม
ไม้รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน กว่าที่เหยียนหมิงซุ่นจะยอมถอนจูบที่แสนหวานและเร่าร้อน แต่เขายังไม่อยากถอยตัวออกห่างจากกันด้วยซ้ำ ริมฝีปากยังประกบกันแน่น ลมหายใจที่พ่นออกมาเป่ารดใบหน้าของอีกฝ่าย ต่างก็ทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม
ในเวลานี้ความเงียบเป็นสิ่งที่ดีที่สุด!
ทั้งสองคนไม่กล้าที่จะส่งเสียงแต่อย่างใด เพียงแค่ได้อยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้ก็ดีมากแล้ว รับฟังเสียงหัวใจที่กำลังเต้นของอีกฝ่าย สัมผัสชิดกันแนบแน่น ใจเธอมีฉัน ใจฉันมีเธอ ไม่จำเป็นต้องพูดคำใด ๆออกมาแม้แต่คำเดียว กลายเป็นความรู้สึกที่ต่างฝ่ายต่างเข้าใจซึ่งกันและกัน
“ร้อน…”
เหมยเหมยพูดขึ้นเสียงแผ่ว ความเป็นจริงเธอไม่ได้กลัวร้อนเลยสักนิด เพราะมีฉาฉาอยู่!
แต่เธอจะอยู่ในอ้อมกอดของเหยียนหมิงซุ่นทั้งวันคงจะไม่ได้ นั่นจะเป็นการไม่สงวนตัวเกินไป แม้ว่าเธอจะยินยอมเป็นหมื่นครั้ง แต่สติของเธอได้บอกเธอไว้ว่าถึงเวลาที่ต้องถอยออกห่างได้แล้ว
ในเวลานี้เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิด เขาประเมินความตั้งใจของตัวเองสูงเกินไป การจูบไม่สามารถทำให้เขาสงบใจลงได้เลย แต่กลับทำให้เขาร้อนรุ่มมากขึ้น เขาอยากได้มากกว่านี้ แต่เขารู้ดีว่ายังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม นั่นจึงทำให้เขายิ่งอึดอัด
ผลไม้รสหวานอยู่ตรงหน้า แต่เขากลับไม่สามารถกลืนลงคอได้เลย จึงทำได้เพียงโลมเลียส่วนเปลือกผล แม้ว่าจะหอมหวานสักแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถดับกระหายได้
เหยียนหมิงซุ่นสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามอดกลั้นระงับความปรารถนาของเขาไว้ เขาจะไม่ทำให้ผู้หญิงของเขาตกใจไปมากกว่านี้!
“รอเดี๋ยว”
เหยียนหมิงซุ่นเท้าปลายคางไว้บนร่องไหล่ของเหมยเหมย ไม่ปริปากพูดแต่อย่างใด ซบเธออยู่แบบนั้นเงียบ ๆ เหมยเหมยเข้าใจว่าเพราะอะไร เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงจริง ๆ แน่นอนว่าเธอรู้ดีว่าเหยียนหมิงซุ่นกำลังเป็นทุกข์
เธอรู้สึกกลัวเล็กน้อย ทั้งรู้สึกหวานชื่น รู้สึกภาคภูมิใจ และยังรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนและสับสนในขณะเดียวกัน
นิ่งเงียบไปราว ๆ ห้านาที เหยียนหมิงซุ่นเอาชนะความต้องการของตัวเองได้ เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว ยิ้มอ่อนๆ และพูดขึ้น “โอเคแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว”
เหมยเหมยเองก็ยิ้มตอบ ในแววตามีแต่ความเชื่อใจ เหยียนหมิงซุ่นจึงยื่นมือออกไปบี้จมูกของเธอ พร้อมกับพูด “เจ้าเด็กโง่”
ช่างเป็นผู้หญิงที่โง่จริงๆ เพียงแค่นี้ก็ไว้ใจเขาแล้ว แม้แต่ตัวเขายังไม่เชื่อใจตัวเองเลย
“ไม่ได้โง่ ฉันฉลาดจะตายไป!” เหมยเหมยตอบกลับอย่างไม่ชอบใจ เธอพิสูจน์ให้เขาเห็นไปแล้ว ทำไมยังต้องบอกว่าเธอโง่อยู่อีก!
เหยียนหมิงซุ่นบี้จมูกอีกครั้งและพูดด้วยเสียงเบาอย่างขำขันว่า “อืม ฉลาดมาก ฉลาดยิ่งกว่าฉิวฉิวอีก ”
ฉิวฉิวที่หมอบอยู่บนโต๊ะกัดแทะเมล็ดสนเหลือบมองมาทางนี้แค่แวบเดียว ยกอุ้งเท้าด้านหน้าของมันขึ้นมาหวีเคราอย่างไม่แยแส ไอคิวระดับแค่นั้นของเจ้านายมัน จะเทียบกับของมันได้เหรอ?
นายใหญ่ก็เหลือเกิน เพื่อที่จะได้จูบ ทำเป็นปิดหูปิดตาพูดไร้สาระ!
แต่ก็นับว่านายใหญ่เก่งไม่เบา แค่การจูบก็ทำได้เป็นครึ่งชั่วโมง ทำเอาน้องฉาบิดตัวเขินอายแทบแย่ เกรงว่าวันนี้คงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาทั้งวัน ต่อไปเขาต้องหัดเรียนรู้ไว้บ้าง จะต้องต้อนจูบแม่กระรอกสาวสวยทุกตัวให้ได้!
เหมยเหมยจ้องหน้าเขาอย่างกระเง้ากระงอด เธอผละออกจากอ้อมอกของเหยียนหมิงซุ่น แล้ววิ่งไปหน้ากระจกเพื่อจัดการกับเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเอง
เด็กผู้หญิงในกระจกนั้นเป็นดั่งสาวแรกแย้มแห่งฤดูใบไม้ผลิ ทุกสัดส่วนไม่ว่าจะเป็นบริเวณไหนของร่างกาย รวมถึงริมฝีปากที่บวมเป่ง คนที่มีสายตาเฉียบแหลมแค่มองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าเมื่อครู่เธอเพิ่งไปทำเรื่องไม่ดีมา
“เป็นเพราะพี่ ปากฉันเป็นแบบนี้แล้วจะกลับไปยังไงล่ะ พี่ชายฉันต้องจับได้แน่” เหมยเหมยกระวนกระวาย
ครั้งก่อนที่หมู่บ้านโม่เจีย ต้องผ่านไปตั้งคืนหนึ่งกว่าปากของเธอจะหายบวม ครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งก่อนมาก ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะหาย?
หากว่าจ้าวเสวียหลินรู้เข้าว่าเธอจูบกับเหยียนหมิงซุ่นแล้ว จ้าวเสวียหลินคงต้องสั่งสอนเธออย่างทารุณเป็นแน่ จนอาจจะมีเรื่องกับเหยียนหมิงซุ่นขึ้นได้!
เหยียนหมิงซุ่นเองก็รู้สึกเสียใจต่อการกระทำบุ่มบ่ามของตน แต่ใครใช้ให้หญิงสาวหอมหวานถึงเพียงนี้เล่า เขาจะยับยั้งชั่งใจได้เช่นใด?
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวใช้น้ำแข็งประคบไว้ หากว่าไม่ได้จริงๆ ก็บอกว่าบวมเพราะพริกเผ็ด”
ผู้นำในอนาคตออกความเห็นด้วยสีหน้านิ่ง คาดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถหาวิธีจัดการได้
……………………………………
ตอนที่ 769 พี่เขยผู้น่าสงสาร
เหมยเหมยโกรธจนใช้มือฟาดลงไปบนตัวของเหยียนหมิงซุ่น และพูดขึ้นอย่างโมโห “พี่รีบไปซื้อน้ำอัดลมเย็นๆ มาให้ฉันหนึ่งกระป๋อง!”
เหยียนหมิงยิ้มร่าและรีบวิ่งปรู๊ดออกไปซื้อให้ ภรรยาในอนาคตออกคำสั่ง มีหรือที่เขาจะไม่ทำตาม เขาจึงซื้อไอศกรีมไม่กี่แท่งให้ตัวเองเพื่อดับไฟร้อนอีกด้วย
ในจังหวะที่เดินผ่านหน้าห้องทำงานนั้น เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองด้านในแวบหนึ่ง จ้าวเสวียหลินและคนอื่นๆต่างพากันยืนนิ่งติดผนังเงียบกริบ แม้แต่จะผายลมยังไม่กล้า เหยียนหมิงซุ่นยิ้มอย่างชอบใจ เดินอย่างสบายใจเพื่อออกไปซื้อไอศกรีม
สายตาของจ้าวเสวียหลินว่องไว เห็นรอยยิ้มชอบใจบนใบหน้าของเหยียนหมิงซุ่นเข้าพอดี มันทำให้เขาโกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟ กัดฟันกรอด ๆ
“ต้องเป็นฝีมือของไอ้คนไร้ศีลธรรมนั่นแน่นอน ฉันกับแกไม่จบง่าย ๆ แน่!” จ้าวเสวียหลินพูดขึ้นอย่างเคียดแค้น
สยงมู่มู่มีกำลังแต่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง น่าสงสารที่อาการป่วยของเขาเพิ่งเริ่มดีขึ้น น่าจะรออยู่ที่บ้าน ไม่น่าคิดที่จะออกมาสร้างเรื่องกับเด็กพวกนี้เลย ตกหลุมพลางเข้าแล้วจริงๆ
“ทุกคนยืนนิ่งไว้เลย เป็นเด็กอายุแค่นี้ริคิดทำตัวเป็นโจร? ถ้าฉันเป็นพ่อแม่ของพวกนาย คงได้หักขาพวกนายทิ้งไปแล้ว ทำไมยังไม่ยอมฟังอีก ? ถ้าไม่เห็นว่าพวกนายอายุยังน้อย ฉันคงไปแจ้งความกับตำรวจแล้วล่ะ อย่ามาทำหน้าระรื่นใส่ฉัน จะใช้วิธีการไหนก็ไม่มีผลต่อฉันหรอก ถ้ายืนไม่ถึงสามชั่วโมง อย่าคิดว่าฉันจะปล่อยพวกนายไป ”
พนักงานฝ่ายจัดการและต้อนรับกล่าวสั่งสอนพวกเขาอย่างหนัก น้ำลายที่กระเซ็นขณะที่พูดพุ่งเข้าหน้าของจ้าวเสวียหลินเต็ม ๆ
กลิ่นหอมหัวใหญ่จอมกระชากวิญญาณลอยปะทะเข้ามา อีกนิดเดียวมันจะสามารถทำให้พวกเขาเป็นลมล้มพับไปได้ ได้แต่ร้องไห้อย่างไร้ซึ่งหยดน้ำตา
เหยียนหมิงซุ่นซื้อไอศกรีมแท่งและน้ำอัดลมกลับมา เขาซื้อมาสิบกว่าแท่ง ซื้อมาเผื่อพี่เขยทั้งหลาย อากาศร้อนถึงเพียงนี้ขอแค่อย่าได้เป็นลมล้มพับไปก็พอ
เพราะถึงยังไงในอนาคตพวกเขาก็จะเป็นพี่เขย ยังคงต้องสานสัมพันธไมตรีไว้!
“คุณลุง ลำบากแล้วครับ เมื่อครู่เดินผ่านเห็นคุณยายผมขาวคนหนึ่งขายไอศกรีม ผมซื้อมาเยอะหน่อย กินเองก็กินไม่หมด ลุง ๆช่วยกินหน่อยนะ!”
เหยียนหมิงซุ่นยื่นไอศกรีมให้พนักงานฝ่ายจัดการ ชายวัยกลางคนผู้นี้ที่เตรียมคำพูดจะปฏิเสธออกไป กลับต้องจำใจกลืนคำพูดนั้นลงคอ
“นายก็ช่างมีน้ำใจเสียจริง งั้นฉันให้เงินนายแล้วกัน”
“ถ้าคุณลุงให้เงินก็คงไม่มีความหมายอะไรหรอก ไอศกรีมเพียงแค่ไม่กี่แท่งเอง ผมยังต้องพักที่นี่อีกพักหนึ่ง ต่อไปคงต้องรบกวนและฝากให้คุณลุงช่วยดูแลด้วย”
เหยียนหมิงซุ่นเป็นคนที่พูดเก่ง แค่พูดไปไม่กี่ประโยคก็ทำเอาผู้จัดการปลาบปลื้มยกใหญ่ เขารับเอาไอศกรีมไว้ ความรู้สึกที่มีต่อเหยียนหมิงซุ่นก็พลันดีขึ้นไปด้วย ต่อไปคงจะสะดวกมากขึ้น
จ้าวเสวียหลินจ้องเหยียนหมิงซุ่นอย่างเคียดแค้น แต่ก็ไม่ได้ตะโกนอะไรออกไป เขายังรักหน้าตาและศักดิ์ศรีของตนเอง เมื่อครู่ที่คุยกับพนักงานคือชื่อปลอม จะให้เหยียนหมิงซุ่นรับรู้เรื่องตลกแบบนี้ไม่ได้
เหยียนหมิงซุ่นยักคิ้วหลิ่วตาใส่ แล้วถือกระป๋องน้ำอัดลมสองกระป๋องด้วยท่าทางอารมณ์ดีเดินขึ้นตึกไป ทิ้งพี่เขยผู้น่าสงสารที่อยู่ด้านหลัง
พนักงานคนนั้นกินไปหนึ่งแท่ง ที่เหลือแบ่งให้กับจ้าวเสวียหลินและคนอื่นๆ และยังไม่ลืมที่จะสั่งสอน “พวกนายหัดดูไว้บ้าง พ่อหนุ่มนั่นมีน้ำใจแค่ไหน พวกนายไม่คิดจะเรียนรู้ไว้บ้างเหรอ? ทำเรื่องไม่ดี คิดจะเป็นพวกลักเล็กขโมยน้อย…”
พอดีกับที่จ้าวเสวียหลินและคนอื่นๆร้อนจนแทบบ้า ไอศกรีมแท่งนี้นับว่าเป็นการช่วยเหลือในยามฉุกเฉินไว้ได้ พวกเขาพากันกินไอศกรีมกันอย่างกระหาย เบี่ยงเบนความจู้จี้ขี้บ่นพนักงานไปได้โดยอัตโนมัติ
หมอนี่ว่างมากจนเบื่อหรือไง ถึงได้จงใจลากพวกเขามาอบรมสั่งสอน ป่วยหรือไง!
สรรพคุณของน้ำอัดลมนับว่าไม่เลวเลย ประคบด้วยน้ำเย็นสองกระป๋อง อาการบวมเป่งก็ลดลงไปมาก หากไม่ตั้งใจมองก็คงจะไม่เห็นมัน
ส่วนน้ำอดลมถูกเหยียนหมิงซุ่นดื่มเข้าไปจนหมด ไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว ก็มีคนด้านข้างคอยจับตามองนี่นา!
“อย่าให้เหลือนะมันจะสิ้นเปลืองล่ะ!”
เหมยเหมยจ้องเหยียนหมิงซุ่นไม่วางตา ใบหน้าแสยะยิ้มร้ายเป็นเพราะเธอตั้งใจ ก็ใครใช้ให้เหยียนหมิงซุ่นจูบเธอจนปากบวมล่ะ ก็คงต้องสั่งให้เขาดื่มน้ำอัดลมที่เขาไม่ชอบดื่มเสีย
………………………………………
บทที่ 770 ลุกลี้ลุกลน
เหยียนหมิงซุ่นทำอะไรไม่ได้นอกจากทนดื่มให้หมด ในกระเพาะตอนนี้เต็มไปด้วยแก๊ส แม้แต่เรอออกมามีแต่กลิ่นของน้ำอัดลม!
เขามองหญิงสาวที่แสยะยิ้มร้าย อดไม่ได้ที่จะบี้จมูกเธอไปอีกหนึ่งที “ยัยตัวแสบ!”
เหมยเหมยย่นจมูกด้วยความไม่พอใจ ใช้ฝ่ามือฟาดใส่เขา “อย่าบี้จมูกฉัน! เดี๋ยวดั้งหายกันพอดี”
“ไม่กลัวหรอก ถ้าดั้งหายพี่ก็จะบีบเรื่อยๆ” เหยียนหมิงซุ่นพูดพร้อมกับยื่นมืออกไปบีบจมูก เหมยเหมยที่โมโหอยู่ก็กัดเข้าให้จนแน่นไม่ปล่อย เห็นทีจะออกแรงมากพอควร ความจริงจังหวะที่เธอสัมผัสโดนตรงนิ้วหัวแม่มือนั้น ก็ได้ลดแรงกัดลงไปแล้ว เลยทำให้รู้สึกจั๊กจี้ สำหรับเหยียนหมิงซุ่นแล้ว มันคล้ายกับเป็นการหยอกล้อ
นัยน์ตาของเหยียนหมิงซุ่นสีเข้มขึ้น เขาดึงนิ้วมือกลับอย่างรวดเร็ว ไม่ควรยอมให้เจ้าแสบดึงดูดเขาไปมากกว่านี้ มิเช่นนั้นต่อให้อัดน้ำอัดลมเป็นสิบ ๆกระป๋องก็ไม่อาจทำให้เขาสงบลงได้
“เหมยเหมยเล่าเรื่องเมื่อวานอีกทีสิ”
เหยียนหมิงซุ่นตัดสินใจที่จะพูดคุยเรื่องจริงจัง เพื่อดึงความสนใจของเขาให้ลืมมันไป สุดท้ายคนที่ได้รับโทษก็ยังคงเป็นเขา
เหมยเหมยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดอย่างละเอียด พูดด้วยความไม่พอใจ “คุณย่าเลอะเลือนไปแล้ว ถูกหวงอวี้เหลียนกล่อมจนกู่ไม่กลับแล้ว ไม่เชื่อคำพูดของฉันเลยสักนิด ยืนยันหนักแน่นว่าฉันเข้าใจหล่อนผิด เมื่อวานเล่นเอาฉันโมโหเป็นที่สุด”
จากนั้นเธอพูดถึงความสำเร็จยิ่งใหญ่อย่างชอบใจ กัดริมฝีปากล่างและพูดขึ้นอย่างโกรธแค้น “แต่ถึงยังไงต่อไปนี้ถ้ามีโอหยางซานซานจะต้องไม่มีฉัน เราสองคนไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้”
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มขำและมองเด็กผู้หญิงที่กำลังขบฟันด้วยความโกรธ ทั้งทั้งที่เมื่อวานเขาบอกให้เธอทำท่าทีน่าสงสาร พูดให้ตัวเองดูน้อยใจบ้าง แต่เจ้าตัวแสบก็นะ ยังทะเลาะกับคุณย่าจนเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาได้ ช่างโง่เสียจริง!
โชคดีที่คุณปู่จ้าวมีเหตุมีผล มิเช่นนั้นเมื่อวานคงได้ราบเป็นหน้ากอง!
“เหมยเหมยยังคงโทษคุณย่าอยู่ใช่ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นถาม
เหมยเหมยยู่ปากและพยักหน้าเล็กน้อย อยู่ต่อหน้าเหยียนหมิงซุ่นมีอะไรให้ปิดบังอีก เธอพูดขึ้นเสียงเบา “คุณย่าไม่เชื่อฉัน ฉันเสียใจ ในใจของเธอโอหยางซานซานสำคัญกว่าฉัน”
“ยัยเด็กโง่ คุณย่าเธอจะชอบโอหยางซานซานมากกว่าเธอได้ยังไง เธอต้องชอบหลานสาวแท้ ๆมากกว่าอยู่แล้ว เพราะงั้นที่ไม่เชื่อในคำพูดเธอ อาจเป็นเพราะสาเหตุอื่น”
เหยียนหมิงซุ่นเกลี้ยกล่อมเธออย่างอดทน แม้ว่าเขาจะคิดว่าวิธีการของคุณย่านั้นไม่ค่อยฉลาดนัก แต่ตัวเขาเองฉลาดกว่าเหมยเหมย รู้ดีว่าการที่ทะเลาะกับคุณย่าไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เป็นแบบนั้นยิ่งเข้าทางหวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกนั่น
สองแม่ลูกนั่นเกรงว่าจะไม่ใช่แค่สร้างเรื่องให้เหมยเหมยและคุณย่าทะเลาะเท่านั้น!
เหมยเหมยเข้าใจความหมายของเหยียนหมิงซุ่น แต่เธอเสียใจไปแล้ว จึงวอแวออดอ้อนขึ้นว่า “แต่ช่วงนี้ฉันก็ไม่อยากพูดกับท่าน ฉันไม่ใช่พวกไร้ความรู้สึกเสียหน่อย”
“เอาเถอะ เหมยเหมยของเราอารมณ์ร้ายไม่เบา อนุญาตให้เธอโกรธได้ไม่กี่วันเท่านั้น ต่อจากนั้นต้องลดทิฐิลง จะทำแบบนี้ไปตลอดไม่ได้” เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างขำขัน
“ฉันรู้ ฉันไม่ได้โง่สักหน่อย” เหมยเหมยสบถอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นพูดขึ้น “พี่หมิงซุ่น คุณปู่บอกว่าตอนเย็นให้พี่ไปทานข้าวที่บ้าน”
เหยียนหมิงซุ่นคาดไม่ถึงว่าคุณปู่จะอนุญาตเร็วขนาดนี้ เขานิ่งตลึงไปหลายวินาที ลุกลี้ลุกลนและพูดขึ้น “เหมยเหมยทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?”
ช่างเป็นคนซื่อบื้อจริง ๆเรื่องสำคัญขนาดนี้ก็ไม่ยอมบอกเขา ถ้าเขารู้ตั้งแต่แรกว่าหัวหน้าใหญ่เชิญเขาไปทานข้าว ใครจะมีอารมณ์มากอด ๆ หอม ๆว่าที่ภรรยาเช่นนี้เล่า?
เขาไม่ได้ใจกล้าขนาดนั้น!
เหมยเหมยไม่เข้าใจต่อท่าทีตกใจจนมือไม้อ่อนของเหยียนหมิงซุ่น “พี่หมิงซุ่นทำไมพี่ต้องตื่นเต้นด้วย? แค่ไปกินข้าวมื้อเดียวเท่านั้นเอง คุณปู่ของฉันออกจะเป็นคนใจดี เฮ้ย… พี่หมิงซุ่นจะไปไหน?”
เหยียนหมิงซุ่นฉุดลากเหมยเหมยแล้ววิ่งออกไปด้านนอกอย่างเร่งรีบ
“ไปซื้อของขวัญ ไปมือเปล่าได้ที่ไหนกันล่ะ!”
…………………………………….
บทที่ 771 แอบฟัง
ในจังหวะที่เดินผ่านหน้าเคาน์เตอร์ เหยียนหมิงซุ่นจงใจบังเหมยเหมยเอาไว้ เพื่อไม่ให้เธอเห็นบรรดาพี่ชายของเธอที่อยู่บริเวณเคาน์เตอร์ อาจจะเป็นเพราะเขาคิดมากจนเกินไป เพราะตัวจ้าวเสวียหลินและคนอื่น ๆเองก็ไม่อยากให้เหมยเหมยเห็นพวกเขาเหมือนกัน
จะมาขายขี้หน้าแบบนี้ไม่ได้!
ระหว่างทางเหยียนหมิงซุ่นคอยซักถามถึงความชื่นชอบของคุณปู่ ทำให้เขาคิดออกว่าจะซื้ออะไรไปเป็นของฝาก มีบุหรี่ชั้นดีหนึ่งกล่อง เหล้าเหมาไถสองขวดและขนมเปี๊ยะขึ้นชื่อของเต้าเซียง นี่ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
“พี่หมิงซุ่น เราไปเดินซื้อของกันก่อนเถอะ ส่วนของขวัญรอซื้อของเสร็จแล้วค่อยไปซื้อ ดีไหมคะ?”
น้ำเสียงออดอ้อนของเด็กผู้หญิงช่างอ่อนหวาน ราวกับการใช้ขนนกลูบสัมผัสหัวใจก็มิปาน มันคันนิด ๆ จั๊กจี้หน่อย ๆ มีหรือที่เหยียนหมิงซุ่นจะไม่ยินยอม?
ปกติแล้วมีน้อยครั้งมากที่คุณย่าจะออกมาเดินเล่นซื้อของ เพราะเธอไม่ชอบสถานที่คนพลุกพล่าน เธอชอบสถานที่ที่เงียบสงบ หรือแค่รอต้อนรับแขกอยู่ที่บ้านก็ได้ พอเธอได้ออกมาจากบ้าน จึงทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าควรจะเดินไปทางไหนดี
เธอครุ่นคิดอยู่สักพักจึงเดินมุ่งไปยังสวนสาธารณะเล็กๆ ในเขตมหาลัย เพราะเธอจำได้ว่าที่นั่นมักจะมีพวกผู้หญิงชอบจับกลุ่มเสวนาพูดคุยกัน โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนแบบนี้ หลายๆคนไม่อาจทนอยู่ในบ้านได้ จึงเลือกที่จะมานั่งเล่นตากลมในบริเวณสวนสาธารณะเล็กๆ แห่งนี้
ทำให้สวนเล็กๆ แห่งนี้จึงเต็มไปด้วยผู้คน ที่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกกลุ่มแม่บ้านที่ไม่มีอาชีพและผู้สูงอายุที่เกษียณไปแล้ว โดยเฉพาะช่วงเวลาระหว่างหลังทานมื้อเช้าจนถึงมื้อเที่ยง พวกเขาจึงใช้ช่วงเวลานี้ออกมาเดินเล่นรับลม และถือโอกาสออกมาพูดคุยนินทาชาวบ้าน
สำหรับแม่บ้านทั้งหลายที่ไม่มีการศึกษาพวกนี้แล้ว การพูดคุยนินทานับว่าเป็นความสุขที่สุดของพวกเธอ จึงทำให้สวนเล็กๆ แห่งนี้ส่วนใหญ่จึงมีแต่ผู้หญิง ส่วนผู้ชายจะไม่แวะมาทางนี้ เพราะพวกเขาไปสถานที่อื่น ซึ่งนับเป็นกฎระเบียบที่รับรู้โดยทั่วกัน
คุณย่าหยิบเอาพัดอันใหญ่ออกมา มองหาโขดหินที่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เพื่อนั่งพัก อาจเพราะปกติเธอไม่ค่อยออกจากบ้านสักเท่าไหร่ คนส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยรู้จักเธอ อีกทั้งคุณย่าจงใจที่จะใช้พัดบดบังใบหน้าของตนเอาไว้ แล้วนั่งอยู่อย่างเงียบๆในที่ที่ห่างออกไป นั่นยิ่งไม่มีใครได้ทันสังเกต
“นี่ พวกเธอได้ยินไหม เมื่อวานเจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลจ้าวทะเลาะกับตระกูลโอหยางจอมปลอมนั่น” ใครบางคนพูดขึ้นเสียงดัง
“รู้สิ เมื่อวานนี้ฉันเห็นเองกับตา พวกเธอไม่เห็นสีหน้าของยัยหวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกนั่น โอ้โหว ช่างสะใจเสียจริงๆ!” ผู้หญิงอีกคนพูดด้วยใบหน้าเหยียดหยาม
“เมื่อวานฉันเองก็เห็น เจ้าหญิงน้อยของตระกูลจ้าวทำได้ดีจริงๆ ยัยหวงอวี้เหลียนหน้าไม่อายนั่น เมื่อวานถูกเจ้าหญิงน้อยของตระกูลจ้าวด่าจนไม่เหลือซากเลย น่าตลกสิ้นดี!“
ผู้หญิงคนอื่นๆ ต่างพากันพูดเสริม พูดไปพูดมาดูท่าแล้วพวกหล่อนต่างมีความคิดเห็นที่ไม่ดีต่อหวงอวี้เหลียน พวกหล่อนไม่ถูกชะตากับยัยจิ้งจอกจอมปลิ้นปล้อนมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เป็นเพราะไว้หน้าตระกูลจ้าว พวกหล่อนจึงจำต้องเสแสร้งแกล้งทำดีต่อหวงอวี้เหลียน
เมื่อวานเหมยเหมยฉีกหน้าหวงอวี้เหลียนต่อหน้าทุกคน โดยไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาจะรู้สึกดีแค่ไหนที่ได้ร่วมระบายอารมณ์ไปด้วย
คุณย่าที่ได้ยินคำพูดจากพวกปากหอยปากปู ก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม จู่ๆคำพูดเมื่อคืนวานของคุณปู่ก็ดังก้องอยู่ข้างหูเธอไม่หยุด ‘เด็กๆ แต่ละคนไม่มีใครชอบหวงอวี้เหลียนสองแม่ลูกนั่นเลย เธอลองคิดดูดีๆ ว่าเพราะอะไร’
ในตอนนี้ผู้หญิงในสวนนี้เหมือนจะไม่มีใครชื่นชอบหวงอวี้เหลียน หรือว่าหวงอวี้เหลียนจะทำเรื่องอะไรผิดไปจริงๆ?
ในเวลานั้นมีเสียงหญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างเกลียดชังว่า “หวงอวี้เหลียนยัยจิ้งจอกขาว แม้แต่ผู้หญิงด้วยกันยังถูกหล่อนปั่นหัว คุณย่าของตระกูลจ้าวก็หนีไม่พ้น ถูกนางผู้หญิงคนนี้ปั่นหัวจนไม่สนแม้แต่หลานสาวในไส้ ช่างเลอะเลือนเสียไม่มี!”
“เธอพูดเบาๆ หน่อย ระวังนะกำแพงมีหูประตูมีช่อง ถ้าหากว่าเรื่องนี้ไปถึงหูของคุณย่าขึ้นมาละก็ พวกเราจะซวยกันไปหมด”
คนอื่นต่างพากันสะดุ้งตกใจไปด้วย ก็สามีของพวกหล่อนเป็นเพียงแค่คนชั้นล่าง มิบังอาจไปมีเรื่องกับตระกูลจ้าวได้หรอก แม้ว่าการติฉินนินทาจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ความปลอดภัยก็ต้องมาก่อน หลายๆ คนจึงเบาเสียงพูดลง แล้วเริ่มพูดคุยกันต่อถึงหวงอวี้เหลียนและคุณย่าตระกูลจ้าว
คนหนึ่งเป็นคนที่พวกหล่อนเกลียด อีกคนเป็นคนที่คอยช่วยเกื้อหนุนนางผู้หญิงน่ารังเกียจนั่นไว้ สำหรับพวกหล่อนแล้ว มันน่ารังเกียจพอๆ กัน
………………………………………………..
บทที่ 772 ขบคิดการกระทำของตัวเอง
เมื่อคุณย่าได้ยินคำว่าเลอะเลือน ความโกรธก็ปะทุขึ้นมาจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ แต่ก็ยังจะเบี่ยงตัวไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อที่จะได้ฟังถนัด ๆ
ทั้งๆ ที่รู้ว่าคนพวกนี้ไม่ได้มีคำพูดอะไรดีๆ ยิ่งฟังยิ่งโกรธแต่ก็อดที่จะฟังไม่ได้ ไม่ต่างอะไรกับการหาเรื่องใส่ตัวเองเลย!
“พวกเธอรู้หรือเปล่า หวงอวี้เหลียนและสามีคนปัจจุบันของเธอคบกันได้อย่างไร?” มีคนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างสงสัย
“รู้สิ ตอนนั้นหวงอวี้เหลียนทำงานอยู่ที่แผนกต้อนรับ แล้วยังคลุกคลีอยู่กับพวกผู้ชายทั้งวัน โอหยางเซี่ยงหมิงก็นับเป็นหนึ่งในนั้น ช่างโง่จริงๆ ไม่รู้เลยว่าหล่อนผ่านมาแล้วกี่มือ!”
“มือหนึ่งคงไม่ต้องสงสัยเพราะคือลูกชายคนโตของตระกูลจ้าว ส่วนหลังจากนั้นก็ผ่านมาอีกหลายมือ เกรงว่าแม้แต่ตัวของหวงอวี้เหลียนเองยังไม่รู้เลยมั้ง?”
“เพราะงั้นถึงได้บอกว่าโอหยางเซี่ยงหมิงเป็นคนโง่ยังไงล่ะ บนหัวถูกสวมเขาหรืออย่างไร ถึงเอาคนอย่างหวงอวี้เหลียนมาเป็นดั่งแก้วตาดวงใจได้อีก จึๆ…น่าหงุดหงิดเสียจริง ผู้ชายเก้าในสิบคนคงตาบอดไปแล้ว!”
“เธอหงุดหงิดอะไร? ไม่ใช่เพราะตอนนั้นโอหยางเซี่ยงหมิงไม่สนใจเธอหรอกหรือ!” มีคนตั้งใจพูดแดกดัน ทำให้หญิงคนที่พูดขึ้นก่อนหน้านั้นเกิดโมโหขึ้นมา แต่ก็ใช่ว่าหล่อนจะเป็นคนยอมโดนรังแกง่ายๆ จึงโต้ตอบกันไปมาอย่างดุเดือดอย่างไม่มีใครยอมใครทั้งนั้น
คนอื่นๆ ต่างพากันดูอย่างสนุกสนาน อย่ามองเพียงแค่ตอนที่พวกหล่อนดูรักกันราวกับเป็นพี่น้อง แต่พอลับหลังกลับเป็นคนละคน นั่นก็อาจจะเป็นแค่เพียงการรักษาภาพพจน์ก็เท่านั้น
คุณย่าที่ได้ฟังผู้หญิงพวกนี้ถกเถียงกัน เธอไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของคนพวกนั้นแม้แต่น้อย ไม่คิดว่าผู้หญิงที่ดูบริสุทธิ์งดงาม อ่อนโยน และใจกว้างอย่างหวงอวี้เหลียน จะเป็นคนเดียวกับคนที่พวกนั้นพูด จะให้เธอปักใจเชื่อได้อย่างไรกัน
แต่คนพวกนี้ก็พูดราวกับว่ามันเป็นเรื่องจริง อีกทั้งไม่ใช่แค่คนเดียวที่พูดแบบนี้ แต่กลับเป็นทุกคน หรือว่าเธอจะดูผิดไปจริงๆ?
คุณย่าใช้สมองครุ่นคิดอย่างหนัก แน่นอนว่าเธอไม่ได้เลอะเลือนจริงๆ เพราะงั้นสิ่งที่ทำให้เธอมองไม่เห็นธาตุแท้ของหวงอวี้เหลียนนั้นมีอยู่หลายปัจจัย
หนึ่งคือเธอรู้สึกละอายใจต่อหวงอวี้เหลียน ถ้าพูดให้ถูกเธอโดนหวงอวี้เหลียนปั่นหัวเข้าแล้ว ตอนนั้นจ้าวอิงต๋าไม่ได้ร่วมหอกับหวงอวี้เหลียน เขารักษาความเป็นสุภาพบุรุษมาโดยตลอด แต่เป็นเพราะจ้าวอิงต๋าเกิดรู้สึกอาย จึงไม่ได้พูดเรื่องนี้กับคุณย่ามาโดยตลอด
คุณย่าที่เข้าใจมาตลอดว่าหวงอวี้เหลียนและจ้าวอิงต๋านั้นเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามประเพณี เพราะงั้นเวลาที่หวงอวี้เหลียนร้องไห้เล่าเรื่องที่ว่าผู้ชายที่มาดูตัวกับเธอนั้นรังเกียจเธอ มองว่าเธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ จึงไม่ได้เจอกับคู่ที่เหมาะสม ต้องจำใจแต่งงานกับพ่อหม้ายอย่างโอหยางเซี่ยงหมิง
โอหยางเซี่ยงหมิงรูปร่างหน้าตาไม่เป็นที่ดึงดูดนัก เขาทั้งตัวเล็กและเตี้ย ความสามารถในการทำงานก็ดูจะธรรมดา ทั้งยังอายุมากกว่าหวงอวี้เหลียนตั้งสิบกว่าปี แถมยังมีลูกติดจากภรรยาคนก่อนอีกสองคน มิหนำซ้ำลูกชายคนโตยังอายุน้อยกว่าหวงอวี้เหลียนเพียงแค่หกปี
สิ่งเดียวที่เป็นข้อดีของเขาก็แค่แซ่โอหยางเท่านั้น นอกนั้นแล้วไม่มีสิ่งใดที่จะคู่ควรกับสาวสวยอย่างหวงอวี้เหลียนแม้แต่น้อย
คุณย่าเองก็นึกเสียดายที่หวงอวี้เหลียนแต่งงานกับโอหยางเซี่ยงหมิง ทำให้ความรู้สึกผิดในใจยิ่งเพิ่มทวีมากขึ้น อีกทั้งชีวิตหลังแต่งงานไม่กี่ปีมานี้ของหวงอวี้ก็ไม่ดีนัก อันที่จริงนั้นเป็นเพราะสาเหตุอื่น แต่หวงอวี้เหลียนกลับมาร้องไห้ตัดพ้อต่อหน้าของคุณย่าว่าที่คุณย่าโอหยางรังเกียจเธอ เพราะมองว่าเธอไม่บริสุทธิ์ นั่นยิ่งทำให้คุณย่ารู้สึกละอายใจ
อีกทั้งอีกหนึ่งสาเหตุก่อนที่จ้าวอิงต๋าจะไปสนามรบ เป็นสิ่งที่เขาฝากฝังกับคุณย่าให้ช่วยดูแลหวงอวี้เหลียน
คุณย่ารู้สึกผิดต่อลูกชาย จึงเป็นธรรมดาที่จะใส่ใจต่อสิ่งที่เขาฝากฝังไว้เป็นพิเศษ ด้วยหลายๆสาเหตุรวมกันแล้วจึงทำให้คุณย่าเอาใจใส่และห่วงใยหวงอวี้เหลียนมาตลอดสิบปีจนทุกอย่างฝังใจเธอไปแล้ว
ในตอนที่เธอได้ยินผู้หญิงกลุ่มนี้พูดคุยกัน รวมกับสิ่งที่คุณปู่และหลานชายทั้งหลายของเธอตำหนิ จึงทำให้เธอเริ่มที่จะฉุกคิดได้ถึงการกระทำที่เกิดขึ้น
แต่ก็เป็นแค่การฉุกคิดเพียงชั่วครู่ เพราะถึงอย่างไรความรู้สึกที่ฝังใจมานานนับสิบปีก็มิอาจลบล้างออกไปได้ง่าย ๆ
………………………………………
บทที่ 773 ความตื่นเต้นของเหยียนหมิงซุ่น
เหมยเหมยไม่ได้มีเรื่องที่ค้างคาใจอะไรเหมือนกับคุณย่า ในตอนนี้คงไม่ต้องพูดว่าเธอดีใจแค่ไหนที่ได้นั่งอยู่เบาะหลังจักรยาน โดยมีเหยียนหมิงซุ่นจูงรถให้ ซึ่งตัวเธอเองก็ไม่ต้องเดิน แบบนี้สบายจะตายไป
“พี่หมิงซุ่น คุณตาคุณยายของพี่รู้เรื่องที่พี่จะไม่สอบเข้ามหาลัยไหม?” เหมยเหมยถามด้วยความเป็นห่วง
เหยียนหมิงซุ่นนิ่งเงียบไม่กี่วินาที จึงค่อย ๆพยักหน้ารับ “รู้แล้ว รู้ก่อนที่จะมาที่นี่ พี่บอกกับพวกเขาไปตรง ๆแล้ว”
เหมยเหมยรู้ดีว่าพวกเขาที่บอกนั้นหมายถึงใคร จึงปรบมือและพูดขึ้นอย่างชื่นชม “บอกไปตรง ๆถึงจะดี พวกเขามีสิทธิ์อะไรที่จะใช้ชีวิตอยู่อย่างสบาย ทำเรื่องน่าละอายไว้ตั้งเยอะ ต้องถูกคนอื่นจับกลุ่มนินทาอยู่ทุกวี่วัน”
ที่สำคัญไปกว่านั้น ไม่ควรปล่อยให้คนน่าขยะแขยงพวกนั้นมาพึ่งใบบุญของพี่หมิงซุ่นอีกแล้ว!
เหยียนหมิงซุ่นที่หันหน้ากลับมา เห็นท่าทีโกรธเคืองของสาวน้อยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะร่า เขาเองก็รู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อย ไม่ไปนึกถึงสองคนในบ้านนั้นอีก เหมยเหมยพูดถูก คนที่ทำผิดไว้คือพวกเขาสองคน คนที่ควรจะมีชีวิตที่ย่ำแย่ต้องเป็นพวกเขาทั้งสองคน ไม่ใช่ตัวเขาเอง
เขาจะต้องมีความสุขในทุกๆ วัน จะต้องไม่ทำให้ตัวเองทุกข์ทรมาน!
คุณย่าถือโอกาสที่ผู้หญิงพวกนั้นไม่ทันสังเกตเห็นเธอ แอบย่องออกมาจากที่ตรงนั้น กลับถึงบ้านด้วยเรื่องค้างคาใจที่มากล้น ขนาดโทรทัศน์ก็ไม่อยากจะเปิดดู นั่งนิ่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟา
วันนี้คุณปู่จ้าวตั้งใจกลับมาให้เร็วขึ้น กำชับกับเชฟหยวนว่ามื้อค่ำนี้ให้ทำอาหารเพิ่มหลายๆเมนู เพื่อต้อนรับเพื่อนของหลานสาว
เขาเหลือบมองคุณย่าที่มีท่าทีประหลาดเพียงครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจออกมาอย่างระอา เบื่อที่จะสนใจเธอแล้ว
ยายแก่จอมเลอะเลือน คำพูดของคนในครอบครัวกลับไม่เชื่อแต่ไปเชื่อคำพูดของคนนอก แล้วยังจะมาทำห่างเหินกับหลานสาวตัวเองอีก เบื่อวันเวลาดี ๆ แล้วหรือไง ถึงรั้นคิดจะหาวันตาย!
“ฉันจะบอกอะไรคุณให้นะ เย็นนี้เพื่อนของเหมยเหมยจะมากินข้าวที่บ้าน ถึงตอนนั้นเธอก็อย่าทำหน้าตาบอกบุญไม่รับแบบนี้ล่ะ!”
แม้ว่าไม่ได้ต้องการจะพูดคุยกับยายแก่สักเท่าไหร่ แต่อย่างไรคุณปู่จะต้องกำชับเธอไว้สักหน่อย เพราะนับวันก็ยิ่งเลอะเลือนขึ้นไปทุกที!
คุณย่ากลอกตามองเขาไปที ในใจใช่ว่าจะรู้สึกดี ออกฤทธิ์แค่วันเดียว ก็ทำเอาคนในบ้านพากันเมินเฉยใส่เธอ แม้ว่าจะมีทักทายบ้าง แต่ก็ดูเหินห่างไม่ใส่ใจเลยสักนิด เธอเองไม่ใช่คนโง่ ทำไมจะไม่รู้สึกล่ะ?
เจ้าพวกนี้มันจงใจ ลำเอียงเลือกเข้าข้างฝ่ายหลานสาว!
ไอ้พวกใจดำอำมหิต!
แม้ว่าคุณย่าจะรู้สึกอึดอัดใจ แต่เธอก็คาดหวังกับการมาของเหยียนหมิงซุ่นไม่น้อย ต้องบอกว่าเธอเองก็ปฏิบัติต่อเหมยเหมยจากใจจริง มีแค่บางครั้งเท่านั้นที่เธอเกิดอาการเลอะเลือน เด็กผู้ชายที่จะมาบ้านในวันนี้ในอนาคตอาจจะกลายเป็นหลานเขยก็เป็นได้ คุณย่าแค่ต้องการจะช่วยหลานสาวสอดส่องดู เพื่อไม่ให้เธอต้องไปทนทุกข์ทรมานในอนาคต
คุณย่าที่มีความคาดหวังนั้นก็เริ่มรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว มีสติเปี่ยมล้น ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่มีท่าทีดูท้อแท้หมดความหวัง
ช่วงพลบค่ำเหยียนหมิงซุ่นกลับมาบ้านพร้อมเหมยเหมย ในมือถือของฝากพะรุงพะรังเต็มไปหมด ก็ฝ่ายตรงข้ามที่เขาจะมาเยี่ยมเยียนเป็นถึงหัวหน้ากองที่น่าเกรงขาม และยังเป็นญาติผู้ใหญ่ของเด็กผู้หญิงที่เขารัก ใจของเหยียนหมิงซุ่นที่สงบนิ่งมาโดยตลอด นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา
แต่เขาสามารถเก็บอาการได้เป็นอย่างดี สีหน้าท่าทางจึงยังคงเรียบนิ่ง จังหวะการก้าวเดินก็ไม่ช้าไม่เร็ว รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าก็ไม่มากไม่น้อยเกินไป ดูราวกับว่าไม่มีท่าทีตื่นเต้นปรากฏให้เห็นแม้แต่น้อย
“พี่หมิงซุ่น ทำไมบนฝ่ามือพี่เหงื่อเยอะจัง? พี่ไม่ต้องตื่นเต้นนะ คุณปู่ท่านใจดี คุณย่าแม้ว่าจะดูเลอะเลือนไปบ้าง แต่เธอก็ต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดีเลยล่ะ”
เหมยเหมยยื่นมือไปจับฝ่ามือของเขา มันให้ความรู้สึกชื้นๆ เย็นๆ แตกต่างจากช่วงเวลาปกติที่ให้ความรู้สึกอุ่น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดี
ที่แท้หัวหน้าใหญ่ในอนาคตก็มีมุมที่ตื่นเต้นด้วย!
รอยยิ้มของเหยียนหมิงซุ่นดูเกร็ง ๆ เขารีบดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว พูดขึ้นมาว่า “ใครตื่นเต้นกัน เป็นเพราะที่นี่ดูวังเวงเกินไป เหมยเหมยอย่าจับมือพี่สิ ถ้าใครเห็นเข้าจะดูไม่ดีได้นะ”
เหมยเหมยกลอกตามองบนใส่ไปที…
……………………………………………
บทที่ 774 จ้องจับผิด
จ้าวเสวียหลินและคนอื่นๆกลับมาถึงบ้านตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ ดูท่าทางดูเศร้าซึมหดหู่ ทำท่าราวกับเพิ่งกินอุจจาระเข้าไปอย่างนั้น พอกลับถึงบ้านต่างก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ มิเช่นนั้นพวกเขาคงทนมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แน่ๆ
ถูกพนักงานที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านอบรมสั่งสอนไปสามชั่วโมงเต็ม กลิ่นหอมหัวใหญ่บนใบหน้าลอยไปไกลถึงสิบเมตร แม้แต่ตัวเองยังรับไม่ได้กับกลิ่นนั้น
สิ่งที่ทำให้ไฟโทสะในตัวของพวกเขาลุกโชนก็คือ พวกเขาเป็นสุภาพบุรุษของตระกูลจ้าว ได้รับการอบรมสั่งสอนแบบเข้มงวดมาตั้งแต่เด็ก แต่วันนี้กลับถูกลูกหลานของคนธรรมดาอย่างเหยียนหมิงซุ่นปั่นหัว ปั่นถึงขั้นที่เขาทรมานจนพูดไม่ออก
ความโมโหครั้งนี้กล้ำกลืนไม่ลงเสียจริง เย็นนี้จะต้องหาทางเอาคืนให้ได้!
“คุณปู่ หนูกลับมาแล้วค่ะ!”
น้ำเสียงใสแจ๋วของเหมยเหมยดังมาจากในสวน ทุกคนที่อยู่ในห้องรับแขกเข้าสู่ภาวะเตรียมพร้อมรบในทันที ทุกคนนั่งนิ่งด้วยท่าทีที่เคร่งขรึม แผ่นหลังยืดตรง จะทำให้หลานสาว(น้องสาว)ขายขี้หน้าไม่ได้เด็ดขาด
เหมยเหมยลากเหยียนหมิงซุ่นเข้ามาในบ้าน พอเข้ามาข้างในเธอหันไปทางคุณย่าที่นั่งอยู่บนโซฟา แล้วเปล่งเสียงอย่างไม่เต็มใจ “คุณย่าคะ”
หากเปรียบเทียบท่าทีที่แสดงออกมาทั้งก่อนและหลังมีความแตกต่างให้เห็นไม่มากนัก คุณย่าเริ่มเกิดความรู้สึกจุกที่อกขึ้นมาอีกครั้ง ฟันกรามขบกันดังกรอดๆ เจ้าเด็กแสบนี่ใจแคบนัก ผ่านไปตั้งนานแล้วยังจะโกรธเธออยู่อีก!
คุณปู่เหลือบมองคุณย่าอีกครั้งเพื่อเตือนสติเธอให้รักษาภาพพจน์เมื่ออยู่ต่อหน้าแขก หากทำเรื่องไม่เป็นเรื่องขึ้นมาอีกละก็ อย่าโทษว่าเขาไม่ไว้หน้าแล้วกัน
ส่วนเหมยเหมยนั้น คุณปู่ให้เวลาเธอทำตัวแบบนี้ได้อีกแค่สามวันเท่านั้น ถึงอย่างไรยายแก่ก็นับว่าเป็นผู้ใหญ่ ต่อให้ยายเฒ่าจะเลอะเลือนถึงเพียงไหน แต่เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ควรจะเจ้าคิดเจ้าแค้นต่อผู้ใหญ่ หากอีกสามวันหลานสาวยังคงเป็นเช่นนี้ เขาเองคงต้องพูดอะไรกับเธอสักหน่อย!
เจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลจ้าวจะเป็นคนไร้เหตุผลไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคนอื่นคงหัวเราะเยาะเอาได้!
คุณปู่มองสำรวจเด็กผู้ชายที่เดินเข้ามาพร้อมกับเหมยเหมยอย่างละเอียด คิ้วโค้งเรียวงามดั่งดาบ ดวงตาเป็นประกายดุจดวงดาว สง่างามผ่าเผย จังหวะการก้าวเดินที่มั่นคง แค่ได้เห็นก็รู้ได้ว่าเป็นคนเรียบร้อยเจ้าระเบียบ เข้ากับรสนิยมของชายชราอย่างเขาเป็นอย่างมาก
เพียงแต่คุณปู่ยังคงยึดหลักการที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกว่าจะจ้องจับผิดเขาดูก่อน จึงฝืนทนเก็บความชื่นชอบไว้เบื้องลึก กวาดตามองเหยียนหมิงซุ่นตั้งแต่หัวจรดเท้าไปหนึ่งครั้ง แม้แต่ทรงผมของเขายังถูกมองอย่างดูถูก
ลูกผู้ชายก็ควรจะต้องไถผมด้านข้าง ให้ดูมีความเป็นผู้ชาย จะมาทำทรงสามส่วนเจ็ดส่วน พ่อจะโกรธให้เหมือนกับฟู่จื้อเกา[1]ไม่มีผิด ดูไร้รสนิยมเสียจริง!
และด้วยหน้าตาที่หล่อเหลาที่มากเกินไป ผู้ชายหล่อเหลาจะมีประโยชน์อะไร ทั้งหมดต่างดึงดูดเพศตรงข้าม ดูไว้ใจไม่ได้ คุณภาพต่ำ!
ผิวพรรณนี่ก็ดูขาวผ่องไปหน่อย ขาวกว่ายายเฒ่าตอนสาวๆ หลายเท่า เหมือนผู้ชายเจ้าสำอางแบบนั้น ถ้าหากหลานสาวตนถูกมันหลอกล่อให้ลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้น ผู้หญิงคนอื่นก็คงไม่ต่างกัน ดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด ไม่ผ่าน!
กระดูกก็ดูอ่อนแอไปหน่อย ไหนจะรอบเอวบางนั่นอีก แค่ฝ่ามือของคนแก่อย่างเขายังกดไว้ได้ เอวก็บางไม่ต่างกับเอวของคุณย่าสมัยสาวๆ ความแข็งแรงของเอวจะเพียงพอเสียที่ไหน ไม่ได้เรื่อง แย่เสียจริง!
…
แววตาจ้องจับผิดของคุณปู่นั้นราวกับเข็มเงินก็มิปาน แหลมคมจนทำให้เหยียนหมิงซุ่นดูไม่เป็นตัวของตัวเอง เขายืนอยู่หน้าประตูจะเดินเข้าก็ไม่กล้าจะเดินออกก็ไม่ได้ ได้แต่ครุ่นคิด หรือว่ากระดุมเสื้อเชิ้ตไม่ได้ติดให้ดีหรือเปล่า หรือว่าเขาลืมรูดซิปกางเกง
เหยียนหมิงซุ่นก้มหน้าสำรวจตัวเอง กระดุมเสื้อเขาก็จรดครบทุกเม็ดอย่างแน่นหนาไม่เว้นแม้แต่เม็ดแรก ซิปกางเกงก็ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด ปิดตายอย่างสนิท ไม่มีทางที่สิ่งไหนจะเล็ดลอดออกมาเด็ดขาด
เขาสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ช่วยให้ผ่อนคลายลงไปได้บ้าง จึงหันไปสบสายตากับคุณปู่ที่ทำเคร่งขรึมอย่างอาจหาญ แล้วยิ้มบางๆพลางพูดขึ้น “หัวหน้ากอง ผมคือเหยียนหมิงซุ่น ตัวเหยียนของคำว่าเหยียนซู่ที่แปลว่าจริงจัง ตัวหมิงของคำว่าหมิงเทียนที่แปลว่าพรุ่งนี้ และตัวซุ่นของคำว่าซุ่นลี่ที่แปลว่าราบรื่นครับ ผมเป็นเพื่อนสนิทของเหมยเหมย วันนี้ถือเป็นการเยี่ยมเยือนครั้งแรก ของขวัญเล็กน้อยพวกนี้เป็นความตั้งใจของผมครับ”
ภายใต้ความน่าเกรงขามของคุณปู่ เหยียนหมิงซุ่นยังคงยืนตรงนิ่ง ไม่ได้ดูต่ำต้อยหรือลำพองใจ แต่ยังคงแสดงท่าทีได้อย่างเหมาะสม นั่นทำให้ความโปรดปรานต่อตัวเขายิ่งมีเพิ่มมากขึ้น
เจ้าเด็กนี่นับว่าไม่เลวเลย!
………………………………
[1] ชื่อตัวละครตัวหนึ่งในนิยายแนวปฏิวัติการเมืองเรื่อง红岩(หงเหยียน) ตัวละครนี้ถูกสร้างขึ้นมาในรูปแบบของบุคคลที่ทรยศต่อแผ่นดิน เป็นเหตุการณ์ที่ในช่วงสงครามต่อต้านญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นในมณฑลฉงซิ่ง
บทที่ 775 คนรู้ใจ
เป็นอีกครั้งที่คุณปู่พยายามกดความชื่นชอบลงไปยังก้นบึ้งหัวใจ แล้วผลักเอารอยยิ้มอันเย็นชาออกมา พร้อมพูดขึ้นว่า “เข้าบ้านเถอะ แค่ทานข้าวมื้อเดียวเท่านั้นเอง ซื้อมาเสียเงินเปล่าๆ”
“ยินดีครับ”
เหยียนหมิงซุ่นวางของฝากไว้บนโต๊ะน้ำชา แล้วหันไปทักทายคุณย่า จากนั้นจึงหันไปพยักหน้าให้กับจ้าวเสวียหลินและคนอื่นๆเพื่อเป็นการทักทาย ในแววตาฉายแววเยาะเย้ยอยู่เป็นนัยๆ
ความรู้สึกของคุณย่าต่างจากคุณปู่อย่างสิ้นเชิง เธอรู้สึกชื่นชอบเหยียนหมิงซุ่นเป็นอย่างมาก เจ้าเด็กนี่รูปร่างหน้าตาดี ทั้งสูงยาวทั้งมีมารยาทและยังรู้จักหาเงิน แถมปฏิบัติตัวดีต่อหลานสาวอีก จะหาเด็กดีๆอย่างนี้ได้จากไหน
“ขอบใจจ้ะเสี่ยวเหยียนที่เอาโทรทัศน์จอสีมาส่งให้ตั้งไกล ลำบากเธอแย่” คุณย่ายิ้มและพูดขึ้น
“ไม่ลำบากเลยครับ ได้เป็นธุระให้กับหัวหน้าทั้งสอง ผมรู้สึกเป็นเกียรติมาก”
เหยียนหมิงซุ่นพูดจาประจบสอพลออย่างเป็นธรรมชาติ จ้าวเสวียหลินและสยงมู่มู่อดไม่ได้ที่จะลูบตัวที่ตอนนี้ขนกำลังลุกชัน ยังมองอีกด้านของเจ้าตัวแสบเหยียนหมิงซุ่นไม่ออกเลยจริงๆ !
คุณปู่คุณย่าที่ได้ผลประโยชน์ พวกเขาเลยมีความรู้สึกดีๆ ต่อเหยียนหมิงซุ่นเพิ่มขึ้นไม่น้อย
ใบหน้าเคร่งขรึมของคุณปู่เปลี่ยนไปเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว ช่วยไม่ได้ คุณปู่ไม่ได้อยู่ในแวดวงการแสดง นิสัยใจคอเป็นคนโผงผางแลดูเปิดเผย ในใจคิดอะไรก็จะแสดงออกมาแบบนั้น
และนี่ก็เป็นเหตุผลหลักที่บอสใหญ่เต็มใจที่เลือกเขา
คนที่คิดมากมักชื่นชอบที่จะเสวนากับคนนิสัยเรียบง่าย เป็นมาเช่นนี้ตั้งแต่อดีต และนี่ก็เป็นที่มาของแม่ทัพผู้โชคดีและขุนนางผู้มีความจริงใจ
คุณปู่พูดคุยกับเหยียนหมิงซุ่นได้พักใหญ่ ออกตกเหนือใต้ลากไปทั่วทุกทิศ เอาเข้าจริงแล้วคุณปู่แทบไม่รู้อะไรเลยนอกเสียจากการสู้รบ เมื่อพูดถึงการสู้รบคุณปู่จะพูดจนน้ำไหลไฟดับ ถ้อยคำฉะฉาน คำพูดไพเราะงดงามราวกับดอกบัวมิปาน ทั้งคู่พูดต่อบทต่อกลอนกันอยู่หลายชั่วโมง
แต่ใครจะรู้ว่าคนในตระกูลจ้าวไม่ชอบพูดคุยกับคุณปู่ เพราะเคยฟังมาตั้งแต่เล็กจนโต จนใบหูจะสร้างรังไหมขึ้นมาอยู่แล้ว เรื่องการสู้รบที่คุณปู่ชอบพูดนั้น ต่อให้หลับตาพวกเขาก็สามารถท่องจำออกมาได้ทั้งหมดไม่มีตกหล่น ใครจะมีความอดทนมากพอที่จะท่องสู่ยุคโบราณไปกับคุณปู่ได้บ่อยๆล่ะ
ส่วนเหยียนหมิงซุ่นนั้นกลับนั่งฟังอยู่เงียบๆด้วยความเลื่อมใสศรัทธา ไม่แสดงออกถึงความรำคาญแม้แต่น้อย มีอยู่หลายครั้งที่เขาพูดเสริมเรื่องราวที่คุณปู่กำลังพูดถึงอยู่ ทำให้บทสนทนายิ่งได้อรรถรสมากขึ้น จนพูดสาธยายไม่หยุดจนแทบลืมทานข้าว
คุณปู่ที่น่าสงสารคงอัดอั้นเก็บกดมาหลายปี ในที่สุดก็ค้นหาคนรู้ใจที่สามารถนั่งฟังเขาเล่าเรื่องอย่างเงียบๆ ได้แล้ว!
จนกระทั่งเชฟหยวนยกอาหารมาวาง คุณปู่ก็ยังพูดไม่จบ เขาจับแขนเหยียนหมิงซุ่นแล้วพูดขึ้น “หมิงซุ่น กินข้าวเสร็จเราค่อยคุยกันต่อ”
เอาเถอะ เริ่มสนิทขึ้นเรื่อย ๆ จากเรียกว่าเสี่ยวเหยียนก็กลายเป็นหมิงซุ่นไปแล้ว ความประพฤติและศักดิ์ศรีของคุณปู่นั้นกำลังถูกหมาคาบไปหมด !
“ครับ!”
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มบางๆส่งให้ ลักษณะท่าทียังคงเคารพนอบน้อมเช่นเคย แถมในแววตายังฉายแววการรอคอย และนั่นทำให้คุณปู่ดีใจจนแทบบ้า!
การรอคอยของเหยียนหมิงซุ่นไม่ใช่การแสดงแต่อย่างใด เขาชื่นชอบที่จะให้คุณปู่เล่าเรื่องราวของตนที่เกิดขึ้นในสมัยก่อนจริงๆ นี่นับเป็นหนังสือเรียนเรื่องราวทหารที่มีชีวิต เขาได้ฟังเช่นนี้นับเป็นความโชคดีไปถึงสามภพสามชาติ จะเบื่อที่จะฟังได้อย่างไร?
“หมิงซุ่นกินข้อตุ๋นนี่สิ รสชาติดีมากๆ นายกินเยอะๆ หน่อย!”
คุณปู่ชักชวนเหยียนหมิงซุ่นอย่างเป็นมิตร ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความรู้สึกไม่ดีทั้งหลายก่อนหน้านั้น แค่ผ่านการพูดคุยก็หายสาบสูญไปจนหมด ตอนนี้ในสายตาของคุณปู่เหยียนหมิงซุ่นนั้นถูกชะตาเขาเป็นอย่างมาก
จ้าวเสีวยหลินและพี่น้องคนอื่นๆ มองความกบฏของคุณปู่ด้วยสายตาเหยียดหยาม แต่ละคนส่งสายตาเจ้าเล่ห์สลับกันไปมา ถือกำปั้นแน่น และจ้องมองราวกับมีแผนอันชั่วร้าย
พอเหยียนหมิงซุ่นยื่นตะเกียบไปคีบข้อกระดูกเพื่อจะให้เหมยเหมย ตอนนั้นเองมีตะเกียบหลายคู่ที่ยื่นมา คีบเอาคนละคำสองคำ ข้อตุ๋นชิ้นใหญ่จึงหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่นาน
……………………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น