หมอดูยอดอัจฉริยะ 746-751

 ตอนที่ 746 พายุ

ไม่รู้ว่าฝนเริ่มตกเมื่อไหร่


ถนนหนทางที่เงียบเหงา ผู้คนเดินเท้าที่น้อยลง มีเพียงหัวมุมอันมืดมิดในซอย ที่กำลังทำกิจกรรมบางอย่างที่เปิดเผยสู่สาธารณะไม่ได้ บางทีจะมีเสียงชกต่อยกับเสียงปืนออกมาบ้าง


ที่นี่คือเขตทางเหนือของมอสโควที่วุ่นวายที่สุด ที่แห่งนี้ เต็มไปด้วยความรุนแรง การฆ่าฟัน ค้าประเวณีและยาเสพติด มาเฟียเล็กใหญ่ทำให้ที่นี่กลายเป็นสวรรค์แห่งการทำความผิด


อลิมจัน ท็อกทาโฮโนฟ เริ่มมีชื่อเสียงจากที่แห่งนี้ ด้วยความกล้าที่เหนือกว่าคนทั่วไปกับความโหดเหี้ยมของเขา ในตอนที่เขาออกจากมอสโคว เขาสามารถคุมมาเฟียเขตทางเหนือได้แล้ว


พูดได้เลยว่า อาชญกรรมที่เกิดขึ้นในมอสโคว อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ล้วนมีความเกี่ยวข้องทางตรงและทางอ้อมกับ อลิมจัน ท็อกทาโฮโนฟแน่นอน แต่ตำรวจยังไม่มีหลักฐานที่หนาแน่นมากพอเท่านั้น


อาหวาชี้ไปที่ซอยหนึ่งและพูดว่า “ท่านเยี่ย เดินเข้าไปในซอยนั้นประมาณ 50 เมตร ก็คือบ่อนพนันของท็อกทาโฮโนฟแล้วครับ คนที่อยู่ในนั้นไม่มีใครดีกว่าใครเลยครับ…”


ไม่ว่าจะอยู่เมืองไหน บ่อนพนันเป็นสถานที่ขาดไม่ได้ สนามมวยใต้ดินที่มีระดับล้วนถูกต่งเซิงไห่ครอบครองไว้หมดแล้ว ทำให้เหลือแต่บ่อนระดับล่างให้ท็อกนาโฮโนฟบริหาร แต่ก็เพียงพอให้เขาสร้างรายได้ได้ทุกวัน


แต่ด้วยหน้าตาของท็อกนาโฮโนฟค่อนข้างแย่ หลังจากที่ใช้เงินทองซื้อตำรวจเขตทางเหนือเสร็จ เขามักจะหาคนไปหลอกล่อนักท่องเที่ยวมาที่บ่อน และหลอกให้พวกเขาลงพนันจำนวนมหาศาล และปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูง


ยังไม่พอ พวกสวะในบ่อน เมื่อเห็นว่านักท่องเที่ยวเป็นผู้หญิงและเดินทางมาคนเดียว พวกมันจะหลอกให้ผู้หญิงเข้าไปในห้องนอน และห้าปีที่ผ่านมา มีข่าวนักท่องเที่ยวที่เป็นหญิงสาวหายตัวไปอย่างน้อยสามสิบคดี


นักท่องเที่ยวสาวหายตัวไปพวกนี้ หลังจากถูกทุบตีและสั่งสอนเสร็จ พวกเธอจะถูกส่งไปอยู่กับผู้หญิงรัสเซีย และถูกส่งไปสถานที่ค้าประเวณต่าง ๆ ในอเมริกาหรือยุโรป


จนถึงทุกวันนี้ ธุรกิจค้าประเวณีกลายเป็นธุรกิจหลักของท็อกนาโฮโนฟไปแล้ว แน่นอนว่า คนที่ส่งออกมาจากบ่อน เป็นเพียงการคิดขึ้นมาจากพวกเฝ้าประตูเท่านั้น


เพื่อนอาหวาเคยโดนหลอกมาที่นี่คนหนึ่ง เป็นหนี้ห้าแสนรูเบิลดอกเบี้ยสูงลิ่ว สุดท้ายไปขอให้ต่งเซิงไห่ช่วยเจรจาให้ปล่อยคน มือข้างขวาของคน ๆ นั้นถูกตัดขาดไปสามนิ้ว เพราะเรื่องนี้ อาหวาจึงเกลียดบ่อนพนันนี้เข้าไส้


เยี่ยเทียนผลักประตูลงจากรถ และหันกลับมาพูดว่า “อาหวา คำว่าตำรวจมาแล้วในภาษารัสเซียพูดยังไง ? ”


“พะลิไบล่า โพลิสซิย่า……” อาหวาพูดประโยคหนึ่งออกมา เขาเคยอยู่รัสเซียสี่ห้าปี จึงพูดภาษารัสเซียได้


เยี่ยเทียนพยักหน้า และจำประโยคเมื่อครู่ขึ้นใจ หลังจากลงจากรถ เขาก็เดินเข้าซอยมืดนั่น


เขาเคาะประตูเหล็กที่ไม่มีความเด่นอะไรเลยไปสองที หน้าต่างบานนึงเปิดออกมา ดวงตาหนึ่งคู่จ้องมองที่เยี่ยเทียนและปล่อยเขาเข้าไป


ซอยด้านนอกเงียบงัน แต่พอเดินเข้าบ่อนสภาพการณ์ก็เปลี่ยนไปทันที โต๊ะพนันสิบกว่าโต๊ะถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คน นอกจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพวกนั้นแล้ว ยังมีนายหน้าปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงเดินป้วนเปี้ยนอยู่ด้วย


เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของที่นี่ การระวังตัวค่อนข้างเข้มงวดกว่าสนามมวยใต้ดินมาก


เยี่ยเทียนเพิ่งเข้ามา สายตาเจ็ดแปดคู่จ้องมองมาด้วยความไม่เป็นมิตร พอเยี่ยเทียนชูเงินรูเบิลสี่ห้าพันปึกหนึ่งออกมา สายตาเหล่านั้นถึงได้ดึงกลับไป


“ตำรวจมา ! ” เยี่ยเทียนไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่า พอเบียดเข้าโต๊ะพนันโต๊ะหนึ่งเสร็จ เสียงดังเหมือนฟ้าผ่าก็ดังขึ้น


เยี่ยเทียนไม่ได้ใช้ลำคอเปล่งเสียงนั้นออกมา แต่เป็นเสียงที่เกิดจากการบีบอัดอากาศ และดังขึ้นพร้อมกันในหลายจุด ขณะเดียวกัน ประตูเหล็กบานนั้นมีเสียงบางอย่างพุ่งชนดังสนั่น


อันธพาลยังไงก็เป็นอันธพาล นอกจากเจ้าแห่งยาเสพติดของเม็กซิโกแล้ว น้อยมากที่จะเลือกปะทะกับทางรัฐบาลโดยตรง ตอนที่มีเสียงตะโกนดังขึ้น จู่ ๆ ในบ่อนก็เกิดโกลาหล


แต่เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพวกนั้นพร้อมที่จะตะครุบดั่งพญาเสือ ไม่มีใครฉวยโอกาสจับปลาในน้ำขุ่นได้ แต่กลับระบายแขกออกจากประตูหลังอย่างเป็นระเบียบ


“เกิดอะไรขึ้น ? ”


ผู้ชายรูปร่างแข็งแกร่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา เดินออกมาจากห้องที่อยู่ด้านซ้ายของบ่อน และพูดด้วยความโมโหว่า “เบเรเคิฟ ไล่แขกออกไปทำไม ? ”


“ยันเคิฟ ตำรวจมา นี่แกไม่ได้ดูกล้องในห้องเลยเหรอ ? ” คนที่ถูกโมโหใส่ถามด้วยความไม่พอใจออกไป จนถึงตอนนี้ ก็ยังมีเสียงบางอย่างพุ่งชนประตูดังขึ้นจากด้านนอก


“เห็นกะผีนะสิ ด้านนอกไม่มีคนเลย ! ” ยันเคิฟตะลึง และเริ่มด่าทอเสียงดัง เพราะเขาดูหน้าจอในห้องบันทึกภาพอยู่ตลอดเวลา


“หรือมีผีจริง ? ” หลังจากได้ยินยันเคิฟพูดแบบนั้น ประกอบกับเสียง “แก๊ง ๆ ” ที่เหมือนมีบางอย่างพุ่งชนตรงประตู ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นในใจ


“ผี” ไม่ได้มีแค่ในประเทศจีน ในต่างประเทศ คำว่าผีก็เหมือนกับซาตาน และยังมีศาสนาที่กราบไว้ “ซาตาน” โดยเฉพาะด้วย แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ยินดีต้อนรับการมาของซาตาน


เสียงพุ่งชนประตูแปลก ๆ นั่น ทำให้ทุกคนถึงกับหน้าซีด ทันใดนั้น ยันเคิฟที่เพิ่งออกมาจากตรงนั้น ก็ล้มลงไปกับพื้นเฉย ๆ


ส่วนเบเรเคิฟที่เพิ่งสนทนากับยันเคิฟ ก็ล้มลงไปกับพื้นแทบจะพร้อม ๆ กัน ตาของพวกเขายังไม่ทันปิดลงด้วยซ้ำ


“มี…มีซาตานจริงเหรอ ? ” บ่อนพนันอันกว้างใหญ่กำลังอบอวลไปด้วยความหวาดกลัว บางคนเริ่มถือปืนเอาไว้ในมือ


ไม่มีใครสามารถมองเห็นพลังพิฆาตจาง ๆ ที่ลอยอยู่กลางอากาศ กำลังกัดกร่อนประสาทของคนเหล่านี้อย่างช้า ๆ ให้พวกเขายิ่งอยู่ยิ่งตื่นเต้น


“ปัง ! ”


มีคน ๆ หนึ่งยิงปืนไปตรงข้าง ๆ เสียงปืนกับเสียงเจ็บปวดทำให้สติแตกกระเจิงอย่างที่สุด ทันใดนั้นเสียงปืนทั้งห้องก็ดังขึ้นสนั่น


สามนาทีสั้น ๆ ผ่านไป ไม่มีคนเป็นยืนอยู่อีกต่อไป มีแต่เสียงโอดโอยเจ็บปวดเต็มไปหมด แต่เวลาผ่านไปไม่นาน ทั้งบ่อนก็เงียบสงบ


ร่างของเยี่ยเทียนปรากฏขึ้นจากมุมหนึ่งอย่างช้า ๆ หลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีผู้รอดชีวิตแล้ว เขาก็เปิดประตูออกไปอย่างมั่นใจ


“ท่านเยี่ย ท่าน…”


อาหวารอเยี่ยเทียนขึ้นรถเสร็จ กำลังจะอ้าปากถามไถ่ แต่เขาก็เลือกปิดปาก เพราะเสื้อผ้าที่ไม่มีรอยยับเลยแม้แต่น้อยของเยี่ยเทียน ทำให้เขารู้ว่าเยี่ยเทียนไม่ได้เป็นอะไร


แต่เสียงปืนที่ดังเมื่อครู่ ก็ทำให้อาหวาตื่นเต้นเล็กน้อย ครั้งนี้เขาไม่รอให้เยี่ยเทียนสั่ง แต่เขาออกรถไปเป้าหมายต่อไปในทันที


ตั้งแต่หกโมงเย็นจนถึงกลางดึกห้าทุ่ม ห้าชั่วโมงเต็ม ๆ ที่อาหวาขับรถพาเยี่ยเทียนไปวนมอสโควหนึ่งรอบ


“ท่านเยี่ยครับ ให้ไปส่งที่สนามบินเลยมั้ยครับ ? ”


หลังจากที่ขับไปตามจุดที่วงสีแดงเอาไว้ในแผนที่จนหมด อาหวารู้สึกโล่งใจ เพราะทุกครั้งที่เยี่ยเทียนลงรถและขึ้นรถอีกครั้ง เวลาที่อาหวามองหน้าไร้ความรู้สึกของเยี่ยเทียน มันทำให้เขารู้สึกขนลุกจากข้างใน


ถ้าเป็นไปตามกำหนดการเดินทางของเยี่ยเทียน ในสนามบินนานาชาติมอสโคว จะมีเครื่องบินส่วนตัวของถังเหวินหย่วนจอดอยู่ และเตรียมพร้อมที่จะส่งเขาไปยังไซบีเรีย


“ใช่ ไปสนามบิน ! ” เยี่ยเทียนพยักหน้า ตรงกลางระหว่างคิ้วเป็นสีดำจาง ๆ มีความรู้สึกไม่สบายใจที่บอกไม่ถูก


“เกิดอะไรขึ้น ? ตั้งแต่เข้าสู่ระดับขั้นสูงแล้ว พวกของขลังน่าจะไม่เข้าตัวแล้วสิ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ ? ”


เยี่ยเทียนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย เขาขยับกระดิ่งซานซิง แตะอย่างเบา ๆ ปราณแท้พุ่งเข้าไปที่กระดิ่งนั้น


“แก็ง ! ” คลื่นสั่นสะเทือนถูกส่งเข้าไปยังสมองของเยี่ยเทียน ความไม่สบายใจเมื่อครู่ถูกกดทับลงไป สีหน้าของเยี่ยเทียนจึงดีขึ้นมานิดหน่อย


“ถ้าจัดการเรื่องต่งต้าจ้วงเสร็จ คงต้องพักฟื้นกันสักหน่อย ห้ามทิ้งอาการไว้เด็ดขาด ! ”


เยี่ยเทียนเก็บกระดิ่งซานซิงเสร็จ เขาก็หลับตาลงอย่างช้า ๆ พลังวิชายิ่งสูง พลังพื้นฐานยิ่งลดลง การฝึกพลังวิชาเป็นเรื่องที่ฝืนธรรมชาติอยู่แล้ว ถ้าทุกอย่างราบรื่น ใคร ๆ ก็เป็นผู้มีวิชาได้ทั้งนั้น


สิ่งที่เยี่ยเทียนคิดนั้นถูกต้อง ถึงแม้พลังพิฆาตที่เกิดจากคนตาย จะไม่มีผลกระทบอะไรกับเขา แต่สวรรค์นั้นมีเมตตาและไร้เมตตา การที่ชีวิต ๆ หนึ่งหายไป ผลของการกระทำก็ต้องตกที่เยี่ยเทียนอยู่ดี


ก็เหมือนกับคนสมัยก่อนแค่ยกมือขึ้นก็สามารถพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินได้พวกนั้น เช่นจางเจี่ยว กับพระหยวนม่อเผิงยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออกปลาย พลังวิชาของพวกเขาสูงกว่าเยี่ยเทียนปัจจุบัน แต่ก็ตายลงอย่างอนาถ


“อาหวา คุณกลับไปเถอะ ทิ้งรถไว้ตรงที่ไม่มีกล้องวงจรปิด แล้วเรียกรถกลับที่พัก ระวังตัวด้วยนะ ! ”


เมื่อเห็นป้ายบอกทางเขียนไว้ว่าอีกสิบกว่ากิโลเมตรจะถึงสนามบิน เยี่ยเทียนบอกให้หยุดรถ และพูดออกไปอีกว่า “พรุ่งนี้คุณกลับไปฮ่องกงเลยดีกว่า เดี๋ยวผมให้เหล่าถังจัดการให้


ถึงแม้คนที่ตายในวันนี้เกือบจะเป็นพวกมาเฟียทั้งหมด แต่คนตายในคืนเดียวกว่า 200 คน ถ้าถูกแพร่งพรายออกไปจะเป็นเรื่องใหญ่ รัฐบาลของรัสเซียจะต้องสืบจนถึงที่สุดแน่ ๆ


“ท่านเยี่ย สบายใจได้ครับ ผมรู้ว่าต้องทำยังไง ! ”


ในฐานะผู้รับรู้เหตุการณ์อย่างอาหวา ถึงแม้จะมีการคาดเดาอยู่บ้าง แต่เขาไม่รู้ว่าการกระทำของเยี่ยเทียนในวันนี้ จะมีผลต่อมอสโควแค่ไหน ?


แค่คืนเดียว เยี่ยเทียนกวาดล้างพื้นที่ของท็อกนาโฮโนฟได้ถึงเก้าจุด


ซึ่งนอกจากสนามมวยใต้ดินกับบ่อนพนันแล้ว ยังมีคลับเปลื้องผ้า ร้านค้าเงินธนาคารพื้นเมืองและแหล่งค้าประเวณี ล้วนแต่เป็นธุรกิจของท็อกนาโฮโนฟในมอสโคว


สิ่งที่ทำมากเกินไปของเยี่ยเทียน นอกจากคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องแล้ว คนอื่น ๆ ที่มีพลังพิฆาตติดตัวพวกนั้น ล้วนแต่ตายคาที่ และในคืน ๆ เดียว มีคนตายอยู่ในมือของเยี่ยเทียนมากกว่าสองร้อยชีวิต


ส่วนอาหวาก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ในวันพรุ่งนี้ ความโมโหของประธานาธิบดีที่ถูกเลือกมาจาก “คณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติ” ก่อนสหภาพโซเวียต จะทำให้ระบบรายงานข่าวของรัสเซียทั้งประเทศตื่นตัว


เอกสารเกี่ยวกับการปะทะของสมาคมหงเหมินกับมาเฟียแห่งรัสเซีย ก็จะถูกวางอยู่บนโต๊ะทำงานของประธานาธิบดี พายุลูกใหญ่กำลังจะมาถึงแล้ว


ตอนที่ 747 เพื่อนเก่า

ดินแดนซาไบคัลสกี เดือนมีนาคม ยังคงถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ


ถึงแม้อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นจาก -40 องศาในเดือนมกราคม เป็น -10 กว่าองศาแล้วก็ตาม ตอนที่เดินลงจากเครื่องบิน ปราณแท้ภายในร่างกายของเยี่ยเทียนก็เริ่มทำงานอัตโนมัติ เพื่อต่อต้านความหนาวเย็นที่เย็นไปถึงกระดูก


สนามบินแห่งนี้ถูกสร้างใหม่โดยมีเค้าโครงเดิมเป็นสนามบินทหารโดยเฉพาะ เที่ยวบินค่อนข้างน้อย ในสนามบินที่ไม่ใหญ่มาก มีเพียงเครื่องบินส่วนตัวของเยี่ยเทียนจอดเอาไว้


เพิ่งลงจากเครื่องบิน ก็มีออฟโรดเต็มไปด้วยเขม่าควันรถแล่นมาจอดข้าง ๆ เยี่ยเทียน มาลาไกย์ ลงมาจากรถและพูดว่า “บอสส์ครับ ผมหารถได้แค่แบบนี้เองครับ”


โบราณเคยกล่าวไว้ว่างูมีทางของงู หนูมีทางของหนู มาลาไกย์มาถึงที่นี่ตั้งแต่สองชั่วโมงก่อน เขายังไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่มอสโควบ้าง


“ใช้ได้ก็พอ ไปกันเถอะ ! ” เยี่ยเทียนส่ายหัว และขึ้นไปนั่งข้างคนขับ พูดอีกว่า “สถานที่กักกันต่งต้าจ้วงยังไม่เปลี่ยนใช่มั้ย ? เราไปที่นั่นกัน ”


มาลาไกย์ยิ้มอย่างขมขื่นหลังจากได้ยินเยี่ยเทียนถามแบบนั้นตอบว่า “บอสส์ครับ วันนี้คงไม่ได้แล้วครับ เพื่อนของผมบอกว่า ต่งต้าจ้วงถูกย้ายไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ ได้ข่าวว่าถูกส่งไปค่ายไซบีเรียครับ”


จะมีคนกลุ่มหนึ่งประทังชีวิตด้วยการหาเงินจากการขายข้อมูล และข้อมูลกักขังตัวต่งต้าจ้วงครั้งก่อน มาลาไกย์ก็ได้ข้อมูลมาจากคนกลุ่มนี้เหมือนกัน


—————————————


“งั้นไปค่ายไซบีเรียเลยก็แล้วกัน ขอไปดูสักหน่อย ! ”


เยี่ยเทียนพูดออกมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ขอแค่ต่งต้าจ้วงไม่ได้ถูกขังไว้ในค่ายทหารที่มีการป้องกันอย่างหนาแน่น ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม สำหรับเยี่ยเทียนแล้วมันไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่เลย


“บอสส์ครับ ปัญหาคือผมไม่รู้ว่าค่ายที่ต่งต้าจ้วงอยู่มันคือค่ายไหนครับ”


มาลาไกย์มีสีหน้าทำอะไรไม่ถูกออกมาและพยายามอธิบายไปว่า “ในไซบีเรียมีค่ายฝึกอย่างน้อย 20 กว่าที่ ล้วนแต่กระจัดกระจายอยู่ในเขตต่าง ๆ ค่ายที่ไกลที่สุดห่างจากที่นี่อย่างน้อยก็หนึ่งวันการเดินทาง”


ด้วยความพิเศษของตำแหน่งที่ตั้งกับสภาพแวดล้อมที่หนาวเย็น ไซบีเรียเป็นที่ที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่แต่คนน้อยมาโดยตลอด


เมื่อหลายร้อยปีก่อน ทะเลสาบซาไบคัลสกีตะวันออกเฉียงใต้เป็นของประเทศจีนทั้งหมด เพราะในตอนนั้นฮ่องเต้คิดว่าที่ตรงนั้นเป็นแค่ดินแดนแห้งแล้ง จึงได้แบ่งให้รัสเซียไป


เยี่ยเทียนปิดตาลงและเริ่มพยากรณ์ สิ่งที่เห็นกลับไม่ใช่ตำแหน่งที่ต่งต้าจ้วงอยู่ เยี่ยเทียนเริ่มขมวดคิ้ว มองมาลาไกย์และพูดว่า “เมื่อไหร่จะได้ข้อมูลที่อยู่ของต่งต้าจ้วง ? ”


มาลาไกย์คิดไปครู่หนึ่งและตอบว่า “เร็วที่สุดสองวันครับบอสส์ ที่นี่คนน้อยมาก เวลารวบรวมข้อมูลอะไรจะค่อนข้างลำบาก”


“สองวันเลยเหรอ ? ผมรอไม่ไหวหรอก” เยี่ยเทียนนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “หมู่บ้านคารอนเบลรู้จักมั้ย ? ห่างจากตรงนี้เท่าไหร่ ? ”


“รู้จักครับ ห่างจากที่นี่ประมาณสามชั่วโมงครับ” มาลาไกย์มองเยี่ยเทียนแปลก ๆ และพูดว่า “บอสส์ครับ ต่งต้าจ้วงไม่น่าจะถูกขังไว้ที่นั่นนะครับ”


มาลาไกย์ไม่เข้าใจว่าเยี่ยเทียนรู้จักชื่อหมู่บ้านนี้ได้อย่างไร แต่เขารู้ว่า ที่นั่นใกล้ทะเลสาบซาไบคัลสกี คนที่อยู่อาศัยตรงนั้นล้วนแต่เป็นชาวประมงที่สืบทอดต่อกันมาหลายรุ่น


ชาวประมงเหล่านี้ยึดมั่นในหลักประเพณีของตน และค่อนข้างสันโดษ นอกจากค้าขายปลาที่จับได้แล้ว น้อยมากที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนภายนอก


เมื่อก่อนผู้อำนวยการฝ่ายการท่องเที่ยงของเมือง อยากจะพัฒนาที่ตรงนั้นให้เป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว สุดท้ายกลับต้องเปลี่ยนใจเพราะถูกชาวบ้านเอาปืนจ่อหัว


ถ้าจะบอกว่าคนที่คุมต่งต้าจ้วงพาเขาไปซ่อนไว้ที่นั่น มาลาไกย์ไม่มีทางเชื่อแน่ ๆ เพราะแม้แต่ทหารที่แต่งตัวเต็มยศ ก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้


“ผมรู้ว่าต่งต้าจ้วงไม่ได้อยู่ที่นั่น แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่ผมจะไปหมู่บ้านคารอนเบล ? ” เยี่ยเทียนมองมาลาไกย์ และพูดเบา ๆ ว่า “ออกรถเถอะ ! ”


“ครับ บอสส์”


มาลาไกย์เป็นคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย แต่สายตาอันเย็นชาที่มาจากข้างในของเยี่ยเทียนเมื่อครู่ ทำให้เขาไม่กล้าพูดอะไรอีก เขาเหยียบคันเร่งและขับรถออกจากสนามบินอย่างรวดเร็ว


เส้นทางถนนจากสนามบินไปหมู่บ้านคารอนเบลค่อนข้างดีทีเดียว แต่สองข้างทางเปล่าเปลี่ยวไปหน่อย ด้วยอุณหภูมิที่ติดลบตลอดปี ทำให้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ค่อนข้างลำบาก


หิมะข้างทางยังไม่ละลาย ต้นไม้ใหญ่แทบจะไม่มี สิ่งที่มองเห็นก็มีแต่ดินแข็งที่ถูกหิมะหุ้มไว้ สภาพแวดล้อมแบบนี้ทำให้เยี่ยเทียนเข้าใจทันทีว่าเหตุใดเฉินสี่ฉวนถึงต้องการเงินหมุนมากขนาดนั้น


การขุดเหมืองแร่ในพื้นที่แบบนี้ จะต้องใช้กำลังคนและเงินทุนที่มากกว่าพื้นที่ทั่วไปหลายเท่าหรือมากกว่าสิบเท่า แน่นอน ถ้าเริ่มขุดแล้วดินแข็งที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งไว้ผืนนั้น จะตอบแทนด้วยเงินมหาศาลเช่นกัน


เยี่ยเทียนเดินทางมาถึงไซบีเรียตอนกลางคืน ตอนที่ลงจากเครื่องบิน เป็นช่วงเวลาตีสองกว่า เมื่อรถแล่นมาถึงหมู่บ้านคารอนเบล ตรงสุดขอบฟ้าก็เริ่มมีแสงแดดส่อง


ช่วงเวลาเช้า ๆ ของหมู่บ้านค่อนข้างเงียบสงบ เสียงเครื่องยนต์ที่กำลังทำงานทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบ สุนัขลากเลื่อนก็เริ่มเห่าหอนเป็นเสียงยาว


“ไปทางนี้ เลี้ยวขวา จอดตรงนี้แหละ ! ”


มาลาไกย์ขับรถออฟโรดมาจอดหน้าตึกสองชั้นตามคำสั่งของเยี่ยเทียน ดูออกเลยว่าตึกนี้ผ่านการทาสีใหม่ไม่นานมานี้ เพราะสีของมันค่อนข้างต่างจากตึกอื่น ๆ เล็กน้อย


ขณะเดียวกันกับที่มีเสียงเบรกรถดังขึ้น ประตูของตึกนั้นถูกคนด้านในเปิดออก ร่างกำยำของคนคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู เพราะแสงแดดที่ส่องทำให้เห็นใบหน้าของคน ๆ นั้นไม่ชัดเจน


“เฮ้ เพื่อน ต้องมารบกวนคุณแล้ว ! ”


เยี่ยเทียนยิ้มออกมาหลังจากเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตู เมื่อเขาหมดหนทางในไซบีเรีย คนที่จะช่วยเขาได้ก็คงมีแต่อันเดรวิชแล้ว


“เฮ้ เพื่อนรัก ยินดีต้อนรับ ! ”


อันเดรวิชดีใจมาก เมื่อเห็นคนที่ลงจากรถคือเยี่ยเทียน เขาโผเข้ากอดเยี่ยเทียนทันที


“บอสส์ ไม่น่าเชื่อว่าบอสส์จะมีเพื่อนอยู่ที่นี่ด้วย ? ”


หลังจากจอดรถเสร็จ มาลาไกย์เห็นภาพที่อันเดรวิชกับเยี่ยเทียนโอบกอดกัน เขารู้สึกแปลกใจมาก คนคารอนเบลไม่ได้เข้าหาได้ง่าย ๆ


“คุณเยี่ย คนนี้คือ ? ”


อันเดรวิชแสดงความระมัดระวังออกมาหลังจากที่เห็นมาลาไกย์ เพราะเขาได้กลิ่นดินปืนจากชายคนนี้


“มาลาไกย์ คนอเมริกา ทหารรับจ้างระหว่างประเทศ ตอนนี้เป็นทหารรับจ้างของผมเอง ! ”


เยี่ยเทียนแนะนำมาลาไกย์สั้น ๆ เขาตบไหล่อันเดรวิชและพูดต่อว่า “ทำไม ไม่เชิญผมเข้าไปนั่งด้านในหน่อยเหรอ ? ”


“ได้สิ คุณเป็นเพื่อนที่ผมไว้ใจที่สุด ! ”


อันเดรวิชเปิดทางทันทีและพูดว่า “ผมมีวอดก้าต้นตำรับ แล้วก็มีปลาสด ๆ ที่ผมไปตกมาจากทะเลสาบบารอนเบลเองเลยนะ ! ”


เตาผิงไฟในห้องนั่งเล่น มีไฟกำลังลุกอยู่ ตรงกลางของบ้าน จะมีช่องระบายเพื่อให้ความร้อนกระจายได้ทั่วถึง ซึ่งคล้ายกับเตียงอิฐของตะวันออกเฉียงเหนือ


เยี่ยเทียนรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันทีที่เดินเข้ามาด้านใน เมื่อเห็นอันเดรวิชไปหยิบวอดก้าออกมาจากตู้สองขวด ก็อดขำไม่ได้ ใครเขาดื่มเหล้ากันแต่เช้า ?


“ที่รัก ใครมาเหรอคะ ? ” อันเดรวิชที่กำลังเตรียมแล่ปลาสด ๆ ก็มีเสียงของผู้หญิงดังขึ้นจากชั้นสอง


“เลเยฟน่า เพื่อนของผมมาจากประเทศจีน”


หลังจากได้ยินเสียงของผู้หญิงดังขึ้น ใบหน้าอันแข็งทื่อของอันเดรวิช มีความอบอุ่นออกมา ซึ่งเห็นได้ยากมาก เขาลุกขึ้นยืนและพูดต่อว่า “เขาชื่อเยี่ยเทียน เป็นเพื่อนที่ดีสุดของผม เยี่ยเทียน คนนี้คือเลเยฟน่า ภรรยาของผม ! ”


“โอ้ ผมต้องขอโทษด้วยที่มากระทันหันแบบนี้ ไม่ได้เตรียมของขวัญมาเลย ! ”


เยี่ยเทียนถูมือไปมา รู้สึกเกรงใจมาก เขารู้ว่าการมาเป็นแขกในบ้านของชาวต่างชาติ จะต้องเตรียมของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย แต่ตอนนี้นอกจากกระดิ่งซานซิงแล้ว ก็มีแต่พวกเข็มกับด้าย


“ไม่เป็นไรเลยค่ะ เชิญนั่ง ๆ เดี๋ยวฉันจะไปทำสลัดเพิ่ม ! ”


เลเยฟน่ายิ้ม เธอทักทายเยี่ยเทียนกับมาลาไกย์เสร็จ ก็เดินตรงไปยังห้องครัว เวลานี้เป็นเวลาตื่นนอนของหมู่บ้านแห่งนี้ เช้า ๆ ก็จะมีเสียงเด็ก ๆ เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังขึ้นด้านนอก


“เลเยฟน่าไม่เลวเลยนะเพื่อน โชคดีจริง ๆ ”


พอเลเยฟน่าเดินไป เยี่ยเทียนยกนิ้วโป้งให้กับอันเดรวิช แม้ว่าหน้าตาของหญิงสาวคนนี้จะธรรมดา แต่โหงวเฮ้งของเธอดีมาก เป็นใบหน้าของคนที่เป็นภรรยาที่ดี และแม่ที่ดีของลูก


“เลเยฟน่าเป็นด็อกเตอร์ด้านเศรษฐศาสตร์ การที่เธอตามผมมาอยู่ที่นี่ เธอต้องยอมเสียสละหลายอย่าง”


เมื่อพูดถึงภรรยา ใบหน้าของอันเดรวิชเต็มไปด้วยความนุ่มนวล การที่มนุษย์เหล็กอย่างเขายอมทิ้งทุกอย่างและใช้ชีวิตแบบคนทั่วไป ล้วนแต่เป็นผลงานของผู้หญิงคนนี้


“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ? ใช้ชีวิตในเมืองสะดวกกว่าไม่ใช่เหรอ ? ” เยี่ยเทียนถามออกไปด้วยความสงสัย ถ้าเป็นอย่างที่ต่งเซิงไห่เคยพูดไว้ เงินที่อันเดรวิชได้รับจากเรือสำราญควีนอลิซาเบธ มันมากพอที่จะสามารถใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย


“ที่นี่เป็นบ้านเกิดของผม บั้นปลายชีวิตผมอยากจะอยู่ที่นี่ ผมจะออกไปตกปลาทุกวัน ส่วนเลเยฟน่าสามารถดูหุ้นผ่านคอมพิวเตอร์ ชีวิตแบบนี้ก็ดีนะ ! ”


อันเดรวิชได้ยินคำถามของเยี่ยเทียน เขาหัวเราะ ดูออกเลยว่าเขาพึงพอใจกับชีวิตตอนนี้มาก ที่สำคัญภรรยาของเขาตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว เขากำลังจะเป็นคุณพ่อในเร็ว ๆ นี้


“ว่าแต่เยี่ยเทียน คุณมาครั้งนี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ? ”


การที่สามารถเป็นครูฝึกในหน่วยรบพิเศษของอดีตสหภาพโซเวียตได้ อันเดรวิชก็ไม่ใช่คนที่ไม่สนใจโลกภายนอก หลังจากพูดคุยกันไปไม่กี่ประโยค เขาหันไปถามจุดประสงค์การมาของเยี่ยเทียนทันที


“ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่อยากมาเยี่ยมเพื่อนก็เท่านั้น ! ”


เยี่ยเทียนส่ายหัว ตอนที่เขาเห็นเลเยฟน่า ความคิดที่จะดึงอันเดรวิชเข้ามาช่วยเรื่องปวดหัวนั้นหายไปทันที เขามีสิทธิที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบต่อไป


“เยี่ยเทียน อย่าโกหกผม ผมรู้ว่าต่งเกิดเรื่องแล้ว และค่อนข้างยุ่งยาก ! ”


อันเดรวิชเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า และพูดต่อว่า “ถ้าต่งมาหาผม ผมจะไม่ออกไปหาเขาอีก แต่คุณไม่เหมือนเขา การที่ผมมีทุกวันนี้ได้ ก็เพราะคุณ !”


ตอนที่ 748 ค่ายฝึก

อันเดรวิชรู้ว่าเยี่ยเทียนเคยขึ้นชกให้ต่งเซิงไห่บนเรือสำราญควีนอลิซาเบธ ส่วนคู่ต่อสู้เป็นถึงอันดับหนึ่งของโลก แอนโทนี มาร์คัส เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ต้องไม่ธรรมดา


การที่เยี่ยเทียนมาถึงรัสเซียในช่วงเวลาที่ค่อนข้างอ่อนไหวแบบนี้ อันเดรวิชแทบไม่ต้องเดาเลยว่าจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับต่งเซิงไห่เป็นแน่ ที่จริงเขาเองก็ติดตามเรื่องนี้อยู่ตลอด


“เพื่อน คุณออกจากวงการนี้แล้ว อย่าพลัดหลงเข้ามาอีกเลยนะ” เยี่ยเทียนส่ายหัวและพูดว่า “ผมอยากมาเที่ยวหาคุณ แล้วก็ดื่มแสดงความยินดีให้กับพวกคุณเท่านั้น…”


เดิมทีเยี่ยเทียนมาหาอันเดรวิช ก็เพื่อสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับค่ายไซบีเรีย เพราะเขาเคยเป็นครูฝึกที่นั่นมาก่อน คงไม่มีใครรู้ดีเท่ากับอันเดรวิชอีกแล้ว


แต่พอเห็นเลเยฟน่ากำลังตั้งครรภ์ เยี่ยเทียนเปลี่ยนใจทันที


“ไม่ เยี่ยเทียน เรื่องของต่งผมไม่ยุ่งแน่ ๆ แต่การที่คุณมาหาผม ต้องบอกผมก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น ? ”


อันเดรวิชยังคงยืนยันและพูดแทรกขึ้นมาว่า “คนจีนแบบพวกคุณจะมีคำหนึ่งว่าไร้เรื่องร้อนใจ ไม่ไปวัด เยี่ยเทียน คุณต้องเจอปัญหาอะไรแน่ ๆ ! ”


“โห คำของจีนเผยแพร่มาไกลขนาดนี้เชียวรึ ? ”


เยี่ยเทียนกรอกตากับสิ่งที่ได้ยิน ทำตัวไม่ถูกแล้วจึงพูดออกไป “ก็ได้ ผมอยากรู้สถานการณ์ของค่ายไซบีเรีย คุณบอกผมได้มั้ย ? หลานของเหล่าต่งถูกคนจับไปขังไว้ที่นั่น ผมมาก็เพราะเขา ! ”


ถึงแม้เยี่ยเทียนมั่นใจว่าจะช่วยต่งต้าจ้วงได้ แต่เขาต้องรู้ที่ซ่อนตัวของต่งต้าจ้วงก่อน ไม่อย่างนั้น ถึงแม้จะมีวิชาทะลวงฟ้าสวรรค์ เขาก็ไม่สามารถพาต่งต้าจ้วงออกจากรัสเซียได้


“ที่แท้เป็นคนหนุ่มคนนั้นนั่นเอง ? ”


อันเดรวิชครุ่นคิดไปครู่หนึ่งพูดว่า “เยี่ยเทียน ค่ายไซบีเรีย เดิมทีเป็นรวมเป็นหนึ่งเดียว ต่อมาถูกแบ่งเป็นหลายเขต คุณรอผมสักครู่ เดี๋ยวผมไปหยิบแผนที่แล้วบอกคุณอีกที ! ”


แม้แต่ประเทศที่ภักดียังแตกสลาย นับประสาอะไรกับอันเดรวิช เขาไม่มีทางปิดบังเรื่องราวในค่ายแน่นอน ที่สำคัญ หลายปีที่ผ่านมา ค่ายไซบีเรียกลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกแล้ว


ตอนที่ลงมาจากชั้นสอง ในมือของอันเดรวิชมีแผนที่เพิ่มมาหนึ่งแผ่น เขากางมันบนโต๊ะ และชี้ไปตรงวงกลมสีแดงพูดว่า “ค่ายไซบีเรียในปัจจุบัน แบ่งออกเป็นทั้งหมดสี่เขต…”


ค่ายไซบีเรียในสมัยก่อน อดีตสหภาพโซเวียตใช้สภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ที่หนาวเย็นของที่นี่ เอาไว้ฝึกกองกำลังพิเศษทหารเท่านั้น


“สเปซนาซ” ของอดีตสหภาพโซเวียต “หน่วยซีล” ของสหรัฐฯ และ “กองทัพคอมมานโด” หน่วยพิเศษของอังกฤษ ล้วนแต่เป็นกองกำลังพิเศษทางทหาร


อย่างไรก็ตามหลังจากการสลายตัวของอดีตสหภาพโซเวียตอันเนื่องจากเงินทุนและเหตุผลหลายประการ ค่ายฝึกไซบีเรียก็ถูกแยกออกจากกัน


เพื่อรักษาค่ายฝึกให้คงอยู่ พวกเขาได้จัดให้มีการฝึกฝนแบบพิเศษ เช่นเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ เจ้าหน้าที่จารกรรม นักสู้ใต้ดิน และการปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้าย ฯลฯ ได้กลายเป็นเป้าหมายการฝึกของพวกเขาไปแล้ว


หลังจากที่ฟังอันเดรวิชอธิบายเสร็จ เยี่ยเทียนพูดว่า “คุณแค่บอกผมว่าค่ายที่ฝึกนักมวยใต้ดินอยู่ตรงไหนก็พอ”


เยี่ยเทียนรู้ว่าค่ายฝึกนักมวยใต้ดินของไซบีเรียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ในเวทีมวยใต้ดินของมอสโคว ซึ่งค่ายฝึกอื่น ๆ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเวทีมวยใต้ดินเลย ดังนั้นต่งต้าจ้วงจึงถูกนำไปขังในค่ายฝึกมวยใต้ดิน


“อยู่ตรงนี้ ห่างจากที่เราอยู่ตรงนี้ประมาณสามสี่ร้อยกิโล ! ”


อันเดรวิชชี้ไปที่แผนที่และพูดว่า “ที่นี่หิมะไม่เคยละลาย ด้านหลังเป็นภูเขาทิศเหนือ สภาพแวดล้อมค่อนข้างโหดร้าย เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการฝึกนักมวยมาก ! ”


อันเดรวิชถอนหายใจ เมื่อเห็นเยี่ยเทียนจ้องไปที่ตำแหน่งนั้นอย่างไม่ละสายตา และพูดว่า “เยี่ยเทียน ผมรู้ว่าคุณเก่งมาก แต่คุณไม่รู้ คนที่อยู่ในค่าย ตั้งแต่ครูฝึกจนถึงนักเรียน ทุกคนเหมือนคนบ้า คุณไปคนเดียวไม่ได้ ! ”


อันเดรวิชเคยอยู่ในค่ายฝึกมวยใต้ดินมาก่อน ไม่มีใครรู้จักที่นั่นเท่ากับเขาอีกแล้ว ในค่ายฝึกนั้นมีการแบ่งแยกเฉพาะคนเป็นกับคนตายเท่านั้น ชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่ได้รับความเคารพเลย


ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่เพียงแต่นักเรียนที่ไม่ได้สนใจชีวิตของตัวเอง แม้แต่ครูฝึกเองก็มีจิตใจที่ผิดแผก พวกเขามีแต่ความคิดอยากจะส่งนักเรียนทุกคนไปสู่นรก จึงเป็นที่มาของอัตราการตายในค่ายนี้มีแต่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เคยลดลง


อันเดรวิชรู้ว่าเยี่ยเทียนเก่งมาก แต่ถ้าต้องเผชิญกับคนบ้าพวกนี้ ความกล้าหาญไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้ ถ้าครูฝึกออกคำสั่ง คนพวกนั้นจะต้องอุ้มระเบิดออกมาและตายไปพร้อม ๆ กับเยี่ยเทียนเป็นแน่


เดาได้เลยว่า พวกกลุ่มก่อการร้ายที่ฝึกให้คนยอมเป็นระเบิดพลีชีพ จะต้องเชิญครูฝึกจากค่ายนี้ไปแน่นอน เพราะมีบางกลุ่มพูดอยู่เสมอว่าค่ายไซบีเรียเป็นแหล่งกำเนิดของการก่อการร้าย


“บอสส์ คุณอันเดรวิชพูดถูก ตอนนี้ยังไม่แน่ใจเลยว่าต่งต้าจ้วงอยู่ที่นั่นจริงหรือไม่ รออีกสักหน่อยน่าจะดีกว่านะครับ ! ”


มาลาไกย์ที่เงียบตลอดบทสนทนา แสดงสีหน้าความเป็นห่วงและพูดว่า “เดี๋ยวผมไปเร่งทางนั้นอีกที ลองดูว่าได้รับข้อมูลที่แน่ชัดมาหรือไม่ รอมีข้อมูลกันก่อน ค่อยลงมือก็ไม่สายนะครับ ! ”


เยี่ยเทียนคิดไปครู่หนึ่งพูดว่า “ก็ได้ แต่เร็ว ๆ นะ ผมรับปากเหล่าต่งไว้แล้ว ถ้าหาหลานเขาไม่เจอ เขาคงไม่สามารถอยู่ต่อได้อีก ! ”


ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ เยี่ยเทียนไม่ได้อยากยุ่งกับคนพวกนั้นเลย เพราะสนามมวยใต้ดินกับค่ายฝึกของที่ต่าง ๆ ล้วนมีความสันพันธ์ที่ซับซ้อนมาก ถ้าไปฆ่าฟันกันตรงนั้น ก็เท่ากับเป็นปฏิปักษ์ต่อมวยใต้ดินทั้งหมด


“บอสส์ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลยครับ คืนนี้ผมจะเอาคำตอบมาให้ได้ ! ” มาลาไกย์ยกวอดก้าตรงหน้าขึ้นดื่ม เช็ดปากเสร็จก็ลุกขึ้น เขาต้องไปสืบข้อมูลที่อีกหมู่บ้านหนึ่ง


“เยี่ยเทียน คุณต้องการให้ผมทำอะไรบ้าง ? ” หลังจากมาลาไกย์เดินออกไป อันเดรวิชมองเยี่ยเทียน


“คุณรู้ดีว่าผมไม่ต้องการให้คุณเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”


เยี่ยเทียนยืนยันในคำของตัวเองและมองอันเดรวิช “แบบนี้ก็แล้วกัน คุณช่วยผมสืบดูหน่อยว่า ค่ายฝึกนักมวย ทำไมถึงช่วยฟรุสจัดการคนของเหล่าต่ง ? ”


หลังจากที่ได้พบกับแก๊งค์มาเฟียรัสเซียของท็อกนาโฮโนฟแล้ว เยี่ยเทียนมั่นใจเลยว่า ถ้าไม่ใช่เพราะการช่วยเหลือจากค่ายฝึกมวยใต้ดินกับผู้มีอำนาจบางคน คนพวกนั้นไม่สามารถขับไล่สมาคมหงเหมินออกจากมอสโควได้แน่


“ไม่มีปัญหา ผู้อาวุโสในค่ายบางคน ยังคงไว้หน้าผมอยู่บ้าง”


หลังจากได้ยินคำขอของเยี่ยเทียน อันเดรวิชรู้สึกโล่งใจ เขาใช้ชีวิตอย่างสงบมานานมาก เขาก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายพวกนั้นอีก


อันเดรวิชไม่ต้องการเปิดเผยที่อยู่ของตัวเอง หลังจากร่ำลาภรรยาเสร็จ เขาก็ขับรถออกจากหมู่บ้านไปเลย


หลังจากอันเดรวิชออกไปแล้ว เลเยฟน่าออกมาจากห้องครัว พร้อมกับจานสลัดที่ปรุงเสร็จแล้ว แต่ตอนนี้มีแขกเหลืออยู่แค่คนเดียวก็คือเยี่ยเทียน


“เยี่ยเทียน สามีของฉันจะเป็นอะไรมั้ย ? ”


ดวงตาของเลเยฟน่าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง อันเดรวิชไม่เคยปิดบังชีวิตในสมัยก่อนของเขา ดังนั้นเลเยฟน่าจึงรู้สึกกลัวมาก เธอกลัวว่าสามีจะจากเธอกับลูกไปแบบไม่กลับมาอีก


“ผมสัญญา เขาต้องไม่เป็นอะไรครับ ! ” เยี่ยเทียนมองผู้หญิงรัสเซียคนนี้อย่างรู้สึกผิด


“เขาจะอยู่จนลูกของพวกคุณมาเกิด และแก่ไปพร้อม ๆ กับคุณ ! ”


รอยยิ้มของเยี่ยเทียนทำให้เลเยฟน่าโล่งใจ ความเหน็ดเหนื่อยทำให้เธอหลับตรงโซฟาอย่างไม่ทันรู้ตัว


“ชีวิตเป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์จริง ๆ ! ” เยี่ยเทียนป้อนปราณแท้เข้าสู่ร่างกายของเลเยฟน่า เขาสัมผัสได้เลยว่า ในร่างของผู้หญิงคนนี้ มีสิ่งมีชีวิตบางอย่างกำลังเติบโต


เยี่ยเทียนลุกขึ้นและเปิดประตูออกไป เขาเดินเล่นในหมู่บ้านที่มีชาวต่างชาติน้อยมาก อาจจะเป็นเพราะอันเดรวิชได้บอกทุกคนไว้แล้ว ทำให้เยี่ยเทียนไม่พบเจอปัญหาใด ๆ เลย


เมื่อมาถึงทะเลสาบไบคัลสกีซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ลึกและใหญ่ที่สุดในโลก เยี่ยเทียนมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของชาวประมง เขาสัมผัสได้ถึงความสุขที่เรียบง่ายของพวกเขา


“คุณลุงเฉิน ผมเยี่ยเทียนครับ ! ”


เยี่ยเทียนหยิบโทรศัพท์ดาวเทียมที่แม่จัดไว้ให้ และโทรไปหาเฉินสี่ฉวน การส่งคน ๆ หนึ่งมาถึงที่แบบนี้ เยี่ยเทียนมีความรู้สึกผิดเล็กน้อย


“เยี่ยเทียน ยอมโผล่หน้ามาแล้วเหรอ ? ”


เสียงของเฉินสี่ฉวนเต็มไปด้วยความดีใจ “เงินก้อนนั้นเข้าบัญชีแล้วนะ ตอนนี้ฉันกำลังซื้ออุปกรณ์อยู่ที่เยอรมัน น่าจะต้องใช้เวลาอีกสองเดือน ก็จะเริ่มขุดเจาะได้แล้ว เธอก็รู้นี่ว่าในไซบีเรียมีเวลาขุดเจาะแค่ห้าเดือนเท่านั้น ! ”


ก่อนหน้านี้เยี่ยเทียนให้เฉินสี่ฉวนพาคนทั้งบ้านออกไปเที่ยว เฉินสี่ฉวนที่กำลังจะไปเยอรมันก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงเตรียมการเพื่อขุดเจาะ


ช่วงฤดูหนาวของไซบีเรีย แทบจะปฏิบัติงานด้านนอกไม่ได้เลย ฉะนั้นเฉินสี่ฉวนที่ยุ่งมากเป็นพิเศษ ก็เพื่อที่จะเริ่มขุดเจาะสักหน่อยก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึง


“ว่าแต่ อวิ๋นหวาถงติดต่อฉันอีกแล้ว” จู่ ๆ เฉินสี่ฉวนก็นึกถึงเรื่องหนึ่งพูดว่า “เขาจะซื้อเหมืองทองคำด้วยเงินสี่หมื่นล้าน เยี่ยเทียน ฉันจะตอบยังไงดี ? ”


“ลุงเฉิน ลุงเคยบอกไม่ใช่เหรอว่า เหมืองทองคำนั่นมีมูลค่าแค่สามหมื่นล้าน ? ” เยี่ยเทียนที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับอึ้ง


“ก็ใช่ไง ลุงว่ามันแปลก ๆ หรือพวกเราคาดการณ์ผิดไป มูลค่าที่แท้จริงอาจจะมากกว่าสามหมื่นล้าน ? ”


เฉินสี่ฉวนเริ่มงง แต่เหมืองทองคำอันนี้ไม่ใช่ของเขาคนเดียว เฉินสี่ฉวนจะตัดสินใจเองไม่ได้แล้ว เขาถึงได้มาถามความเห็นของเยี่ยเทียนก่อน


“เอาไว้ก่อนครับลุงเฉิน สองเดือนนี้ลุงอยู่เยอรมันไปก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที ! ”


เยี่ยเทียนเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เหมืองทองคำนั่นจะต้องมีสิ่งที่ติงหงต้องการแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ออกตัวยอมซื้อเหมืองด้วยราคาสูงขนาดนั้น


“ความสามารถมีไม่เท่าคนอื่น รู้สึกแย่จริง ๆ ” สิ่งของที่ทำให้ติงหงสนใจได้ จะต้องเป็นของที่ไม่อาจตีเป็นมูลค่าได้ ตอนนี้เยี่ยเทียนรู้สึกคันเหมือนโดนแมวข่วน มันรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก


ตอนที่ 749 มีส่วนร่วม

บนโลกใบนี้ ผู้ที่แข็งแกร่งเป็นผู้ที่เหนือกว่า หลักการนี้มีมานานเป็นพัน ๆ ปีไม่เคยแปรเปลี่ยน และจะเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ


โดยเฉพาะโลกของยุทธภพหรือผู้ฝึกพลังวิชา กฎเกณฑ์ของโลกมนุษย์ไม่อาจนำมาใช้กับพวกเขาได้ ฝีมือเป็นมาตรฐานเดียวที่ชี้วัดความจริง


เยี่ยเทียนรู้ดีว่าเหมืองทองคำตรงนั้นจะต้องมีของดี และมันก็เป็นของเขา เยี่ยเทียนไม่กล้าละเลยแม้แต่ก้าวเดียว และไม่กล้าทำในสิ่งที่อาจทำให้ติงหงโกรธเคืองเขาได้


“ว่าแต่ลุงเฉินครับ เหมืองทองคำนั่นอยู่ตรงไหนของไซบีเรียเหรอครับ ? ” เยี่ยเทียนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถามออกไป ตอนนี้ตัวเขาเองก็อยู่ไซบีเรีย ถ้ามีโอกาส แวะไปดูซะหน่อยก็ดีเหมือนกัน


“อยู่ทางภาคเหนือของอีร์คุตสค์ ห่างจากสาธารณรัฐซาคาไม่ไกลมากนัก แต่เหมืองแร่จะอยู่ในเขตเทือกเขา เวลาขุดเจาะอาจจะลำบากหน่อย ต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะ”


เฉินสี่ฉวนไม่รู้ว่าเยี่ยเทียนอยู่ไซบีเรียแล้ว เขาบอกตำแหน่งคร่าว ๆ ของเหมืองทองคำให้กับเยี่ยเทียน ที่ตรงนั้นเป็นที่ราบหนาวเย็น ความยากในการขุดเจาะค่อนข้างมาก


“ภาคเหนือของอีร์คุตสค์ ? ไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไงครับ ? ”


เยี่ยเทียนตกใจ เพราะค่ายฝึกมวยบนแผนที่ของอันเดรวิช อยู่ตำแหน่งเดียวกันกับที่เฉินสี่ฉวนพูด ระยะห่างของทั้งสองตำแหน่งไม่น่าจะเกิน 100 กิโล


“ทำไมเหรอ ? เยี่ยเทียน มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ? ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอวางสายก่อน ! ”


เสียงของเฉินสี่ฉวนทำให้เยี่ยเทียนดึงสติกลับมา เขาคิดไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ไม่มีอะไรแล้วครับลุงเฉิน เหมืองทองคำนั่นพวกเราจะขุดเจาะเองนะครับ ส่วนทางบ้านอวิ๋น ถ่วงเวลาไปก่อน ! ”


ถ้าเป็นไปตามที่เยี่ยเทียนคิด ติงหงเป็นพวกกินเนื้อ อย่างไรแล้วก็ต้องเหลือซุปไว้ให้ตนเองบ้าง ตราบเท่าที่สิ่งดีๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ ยังเหลืออยู่ในเหมืองทองคำ มันก็คุ้มค่าแล้วกับการลงทุนหลายพันล้าน


หลังจากวางสาย เยี่ยเทียนไม่ได้กลับที่พักของอันเดรวิชทันที การอยู่กับภรรยาอันเดรวิชเพียงลำพัง ยังไงก็รู้สึกอึดอัดใจ


ยังดีที่ทะเลสาบไบคัลสกีกว้างขวาง คนน้อย ปราณวิเศษอุดมสมบูรณ์ เยี่ยเทียนนั่งปรับลมหายใจตรงที่ไม่มีคน เวลาหนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว


“พวกเขากลับมาแล้วเหรอ ? ”


เยี่ยเทียนปล่อยความคิดออกมา พบว่า มาลาไกย์กับอันเดรวิชกลับมาถึงบ้านแล้ว ส่วนคุณผู้หญิงกำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่ในครัว


“เยี่ยเทียน คุณไปไหนมา ? ”


เยี่ยเทียนเปิดประตูบ้านออก อันเดรวิชกับมาลาไกย์รีบเข้ามาหา สีหน้าของทั้งสองคนแปลก ๆ


“ไม่มีอะไร ผมไปดูเขาตกปลาแถวทะเลสาบมา” เยี่ยเทียนโบกมือ และเข้าสู่ประเด็นหลักทันที “เป็นยังไงบ้าง ? เหล่าหม่า คุณพูดก่อน ! ”


“บอสส์ คุณแทงตะกร้ารูใหญ่มาก ตอนนี้มอสโควคุมเข้มทั้งเมือง ได้ข่าวว่าท่านประธานาธิบดีโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ…”


มาลาไกย์มีสีหน้ายุ่ง ๆ หลังจากได้ยินคำถามของเยี่ยเทียน ปัจจุบันด้วยการสื่อสารแบบสมัยใหม่ นับประสาอะไรกับกิจการของประเทศ ข่าวสารในมุมที่ห่างไกลที่สุดของโลกก็สามารถแพร่กระจายไปทั่วโลกในเวลาอันสั้น


ตอนแรกมาลาไกย์กะจะไปสืบข้อมูลเกี่ยวกับต่งต้าจ้วง แต่พอไปถึงเมืองนั้นไม่ทันไร ก็เห็นข่าวเกี่ยวกับมาเฟียมอสโคว


มีคนตาย 238 คนในวันเดียว ทางรัฐบาลไม่สามารถใช้คำว่าเป็นการปะทะกันของมาเฟียมาอธิบายเหตุการณ์นี้ได้ ตอนนี้ประชาชนในมอสโควต่างวิตกกังวลกันไปหมด


ปัญหาระหว่างต่งเซิงไห่กับแก๊งค์มาเฟีย ข้อมูลถูกส่งไปยังห้องทำงานของประธานาธิบดีเรียบร้อย ท่านนั้นเป็นคนเด็ดขาดมากทีเดียว ทันทีที่ทราบเรื่อง ก็ออกคำสั่งออกหมายจับทั้งฝ่ายสมาคมหงเหมินและมาเฟีย


โชคดีมากที่เยี่ยเทียนเตือนให้จางซานหลินสั่งให้สมาชิกสมาคมหงเหมินกระจายตัวไปเมื่อวาน มิฉะนั้นเมืองที่ถูกคุ้มกันไว้ ยากมากที่จะหนีรอดไปได้


มาลาไกย์ไม่คิดเลยว่า การท่องราตรีในมอสโควของเยี่ยเทียนเมื่อคืน จะทำเรื่องสะท้านฟ้าสะท้านดินได้ถึงเพียงนี้ ซึ่งทำให้ความกลัวของเขาที่มีต่อเยี่ยเทียนเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า


อันเดรวิชที่ฟังมาลาไกย์เล่าเรื่อง ก็ตะลึงอ้าปากตาค้างไปตามกัน เมื่อก่อนเขาเป็นครูฝึกของทหารหน่วยพิเศษ การซุ่มโจมตีเป็นเรื่องที่คุ้นเคยมาก


แต่การสังหารคนเป็นร้อยคนด้วยคน ๆ เดียว แค่ได้ยินก็ยังไม่เคยเลย ถ้าไม่ใช่เพราะมาลาไกย์ยังพูดไม่จบ เขาจะหันไปถามเยี่ยเทียนเลยว่าเป็นฝีมือของเขาใช่มั้ย


เยี่ยเทียนโบกมือ และพูดแทรกมาลาไกย์ว่า “เหล่าหม่า ผมให้คุณไปสืบข้อมูลของต่งต้าจ้วง ไม่ได้ให้คุณสนใจเรื่องพวกนี้”


เยี่ยเทียนรู้ดีว่าผลที่ตามมาของเรื่องนี้เป็นยังไง แต่มันเกี่ยวกับเขายังไงล่ะ ? คนที่ฆ่าคนเมื่อวานคือรูดอล์ฟ คาดเดาได้เลยว่าน่าจะมีสามสิบคนขึ้นไปที่มองเห็นหน้ารูดอล์ฟอย่างชัดเจนจากกล้องวงจรปิด


“บอสส์ ทางนั้นยังไม่มีข้อมูลเลยครับ น่าจะต้องรออีกวันสองวัน”


มาลาไกย์มองเยี่ยเทียนอย่างระวังและพูดว่า “แต่ผมได้ข่าวอีกอันหนึ่งมาครับ ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับต่งต้าจ้วงมั้ย”


“ข่าวอะไร ว่ามา”


เยี่ยเทียนเห็นสายตาของมาลาไกย์ที่มองตน เขาหยักไหล่และพูดต่อว่า “ทำไมต้องมองผมด้วยสายตาแบบนั้น พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ ? ”


“ใช่ ๆ พวกเราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนกัน ! ”


มาลาไกย์ลงน้ำหนักเสียง ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะคุณภาพทางสภาพจิตใจของเขาแย่ แต่สิ่งที่เยี่ยเทียนทำ มันน่ากลัวเกินไป


มาลาไกย์สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อให้ใจสงบนิ่ง พูดต่อว่า “ข้อมูลที่แพร่กระจายในมอสโคว เขาบอกกันว่าทางกองบัญชาการเคลมลินส่งผู้บัญชาการทหารลอฟสกี้จากตะวันออกไกลไปไซบีเรีย ผมคิดว่า พวกเขาต้องได้รับข้อมูลบางอย่างแน่ ๆ ”


มาลาไกย์เดาไม่ผิด สำหรับกองบัญชาการเคลมลิน ถ้าต้องการสืบหาสาเหตุของปัญหาต่งเซิงไห่กับอำนาจทั่วทิศ ง่ายยิ่งกว่าปอกเปลือกกล้วย


ถึงแม้ในกล้องวงจรปิดจะมีใบหน้าของรูดอล์ฟโผล่ออกมาหลายภาพ แต่ก็มีอีกหลายคนที่คิดว่านี่เป็นการแก้แค้นจากสมาคมหงเหมิน


เพราะรูดอล์ฟยังอยู่ลาสเวกัสเมื่อวาน เขาไม่มีทางมาโผล่ที่มอสโคว และไม่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้แน่ ๆ สิ่งที่เยี่ยเทียนทำลงไป ก็เพื่อเล่นงานเขาก็เท่านั้น


หลังจากวิเคราะห์เพิ่มเติมผู้เกี่ยวข้องเชื่อกันว่า ต่งต้าจ้วงที่ถูกจับตัว อาจจะเป็นชนวนที่ทำให้เรื่องนี้บานปลาย ถ้าต้องการทราบสาเหตุของเรื่องนี้ทั้งหมด จะต้องเริ่มต้นจากต่งต้าจ้วง


ด้วยเหตุนี้กองบัญชาการเคลมลินจึงสั่งให้ผู้บัญชาการทหารลอฟสกี้จากตะวันออกไกลเป็นผู้สืบหาข้อเท็จจริงของเรื่องนี้


ทางกองบัญชาการเคลมลินเองก็ทราบดีอยู่แล้ว เขตบางเขต ตำรวจไม่สามารถทำอะไรได้เลย มีเพียงทหารเท่านั้นที่จะจัดการมาเฟียไม่มีขื่อไม่มีแปพวกนั้นได้


ประธานาธิบดีซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองได้แสดงท่าทีแข็งกร้าวในครั้งนี้ ด้วยการระดมกองกำลังพิเศษที่ยอดเยี่ยม ที่สุดในรัสเซีย เพื่อกำจัดแก๊งค์มาเฟียทั้งหมดที่อยู่ในไซบีเรีย ขณะเดียวกันก็ตัดหญ้าแล้วต้องฆ่ากระต่ายทิ้งด้วย เท่ากับว่าค่ายฝึกไซบีเรียจะถูกกำจัดด้วยเช่นกัน


แน่นอนว่า การตัดสินใจของทางกองบัญชาการเคลมลิน คนนอกไม่รู้เรื่อง แต่เพราะการมาของลอฟสกี้ ทำให้คาดเดาเรื่องบางเรื่องได้นิดหน่อย


“อย่าให้ต่งต้าจ้วงหลุดไปถึงมือของทหารรัสเซียนะ มิฉะนั้นจะยิ่งลำบาก ! ”


เยี่ยเทียนขมวดคิ้วต่อสิ่งที่ได้ยินจากมาลาไกย์ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน การเผชิญหน้ากับรัฐเป็นสิ่งที่โง่เขลามาก ถ้าเป็นเช่นนั้นจะต้องช่วยต่งต้าจ้วงออกมาก่อนที่ทหารรัสเซียจะเข้าไป


“เพื่อน แล้วทางคุณได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง ? ” เยี่ยเทียนหันไปหาอันเดรวิชต่อ บางครั้งการจัดการของเจ้าถิ่น เป็นสิ่งที่คนนอกถิ่นอย่างมาลาไกย์เทียบไม่ได้


“เยี่ยเทียน ฟรุสเป็นนายทุนที่ใหญ่ที่สุดของค่ายฝึกมวยใต้ดิน เขาพูดจาหว่านล้อมจนผู้ดูแลค่ายคนปัจจุบันยอมเข้าร่วมกระบวนการจัดการสมาคมหงเหมินในครั้งนี้”


อันเดรวิชยิ้มอย่างขมขื่น แต่เขาก็อยากจะบอกทุกอย่างให้เยี่ยเทียนรู้ในสิ่งที่ได้ยินมาทั้งหมด “หลานของคุณต่ง อยู่ในค่ายฝึก แต่ผมได้ยินมาว่าพวกมันจะจัดการเขาทิ้ง”


ค่ายฝึกมวยใต้ดินเป็นค่ายฝึกกองกำลังพิเศษของอดีตสหภาพโซเวียต มีความสัมพันธ์สลับซับซ้อนกับทหารรัสเซีย ข้อมูลที่มาลาไกย์สืบมาได้ ไม่สามารถปิดบังพวกเขาได้อยู่แล้ว


ส่วนต่งต้าจ้วง เขาไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไป เหลือเขาไว้เป็นตัวเสี่ยงโดนทหารจับ สู้ทำให้เขาหายไปอย่างไร้ร่องรอยน่าจะปลอดภัยกว่า ซึ่งฟรุสได้แสดงท่าทีแบบนั้นออกมาแล้ว


“ถ้าผมยังอยู่ ต่งไม่มีวันตาย” เยี่ยเทียนนวดหว่างคิ้ว การเข้ามายุ่งของทหารรัสเซีย ทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับค่ายฝึกมวยใต้ดินจริงจัง


“เหล่าหม่า คุณเตรียมตัวไว้ คอยรับผมที่ตรงนี้”


เยี่ยเทียนกางแผนที่ออกมา ชี้ไปจุดหนึ่งและพูดว่า “ช้าที่สุดสามชั่วโมง ผมจะพาต่งต้าจ้วงไปตรงนั้น โอเคมั้ย ? ”


“โอเค” มาลาไกย์มองแผนที่และพูดว่า “แต่ว่าบอสส์ครับ คุณจะเข้าไปในค่ายนั้นยังไง ? ค่ายฝึกห่างจากตรงนี้เกือบสามร้อยกว่ากิโลเลยนะ ? ”


“เรื่องนี้ไม่ต้องสนใจ”


เยี่ยเทียนจำจุดต่าง ๆ ในแผนที่ได้ขึ้นใจ เขาหันไปหาอันเดรวิชและพูดว่า “เพื่อน ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือ ถ้ามีโอกาสเราจะได้เจอกันอีก ! ”


อันเดรวิชกัดฟันพูด “เยี่ยเทียน หรือ…ผมให้ผมไปกับคุณด้วย ผมคุ้นชินกับที่นั่นมาก”


“ไม่เป็นไร สิ่งที่คุณควรทำคืออยู่กับภรรยาแสนสวยของคุณ”


เยี่ยเทียนปฏิเสธ และตบที่ไหล่ของอันเดรวิช เขาหันหลังและหายไปในความมืดทันที


“บอสส์เป็นคนที่มหัศจรรย์จริง ๆ คุณเชื่อใจเขาได้ ! ” มาลาไกย์ทิ้งท้ายไว้ และเดินออกไป แต่เขาพบว่าเยี่ยเทียนหายไปแล้ว เมืองที่อ้างว่างไม่มีมีแม้แต่เงาของคน


เยี่ยเทียนที่ใช้ปราณแท้ห่อหุ้มร่างเอาไว้ ตอนนี้เขาได้ออกจากเมืองไปไกลกว่าสิบกิโลแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ปราณแท้ในการเร่งการเดินทาง ปราณแท้ที่ปั่นป่วน เมื่ออากาศภายนอกถูกกั้นไว้ด้านนอก


“ค่ำคืนแห่งจันทร์และสายลม ช่างเหมาะแก่การก่ออาชญากรรม” กลุ่มเมฆอันมืดมิดลอยต่ำ ไซบีเรียในเดือนมีนาคม อาจนำมหาภัยแห่งหิมะมาสู่ที่แห่งนี้อีกครั้ง


ตอนที่ 750 แดร็กคูล่า

กลางคืนในไซบีเรีย เป็นเวลาเที่ยงวันของลาสเวกัส แสงแดดฤดูใบไม้ผลิเดือนมีนา ส่องเข้ามายังห้องนอน ให้ความ รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก


แต่คนกลุ่มหนึ่งที่กำลังดูภาพเคลื่อนไหวอยู่ในห้อง กลับมีความรู้สึกเย็นยะเยือกและหาความจริงไม่ได้ รูดอล์ฟนั่งอยู่บนโซฟา โกรธจนหน้าเขียวไปหมด


“บัดซบ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ? ”


รูดอล์ฟรู้สึกขนลุกซู่ เมื่อเห็น “ตนเอง” เงยหน้ายิ้มให้กับกล้องวงจรปิดท่ามกลางศพที่นอนเกลื่อนในห้องนั้น เพราะใบหน้าของคน ๆ นั้น คล้ายกับตัวเองมาก


เขาขว้างรีโมตใส่หน้าจอทีวีอย่างจัง โต๊ะน้ำชาตรงหน้าถูกปัดจนของตกหมด ตะโกนอย่างเสียงดังว่า “ใคร ใครเป็นคนทำ ? เขาต้องการอะไร ? ”


ถึงแม้ว่าเมื่อสองชั่วโมงก่อน รูดอล์ฟแสดงหลักฐานว่าตัวเองไม่อยู่ที่รัสเซียให้กับตำรวจสากลที่มาตรวจสอบ และคนในห้องทั้งหมดสามารถเป็นพยานได้แล้วนั้น


แต่ความโกรธที่เหลืออยู่ กลับเป็นความหวาดกลัวซะมากกว่า เขากลัวว่าวันหนึ่ง คน ๆ นี้จะมายืนอยู่ตรงหน้าเขา


“โอ้ว รูดอล์ฟ คุณทำให้ผมผิดหวังมาก นี่ไม่ใช่สิ่งที่ลูกผู้ชายควรทำ ! ”


ในตอนที่รูดอล์ฟกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ประตูห้องถูกคนที่อยู่ด้านนอกเปิดออก เป็นคนผิวขาวรูปร่างไม่สูงมากใส่สูท ในมือถือไม้เท้าเดินเข้ามา


อายุราว 37-38 หน้าตาหล่อเหลา เบ้าตาลึก มีเพียงสีผิวใบหน้าที่ขาวซีดไปหน่อย ดูแล้วคล้ายคนป่วย


ชายผิวขาวคนนี้เดินเข้ามาในห้อง รูปดอล์ฟที่นั่งอยู่ตรงโซฟาแทบจะดีดขึ้นเหมือนแมวที่โดนเหยียบหาง พูดด้วยความตกใจออกไปว่า “ดยุกแดร็กคูล่า ขอโทษครับ ! ”


“รูดอล์ฟที่รัก ความทรงจำของคุณแย่ขนาดนี้เลยหรือ ? ”


ชายผิวขาวใช้ไม้เท้าวาดวงกลม และพูดออกไปอย่างเปิดเผยว่า “เรียกผมว่าดยุกแดร็กคูล่า ผมเคยเตือนคุณแล้วไม่ใช่เหรอ ? หวังว่าจะไม่มีครั้งต่อไป ! ”


“ครับ ๆ ท่านดยุก จะไม่มีครั้งต่อไปครับ ! ”


รูดอล์ฟเหงื่อไหล่ท่วมตัวเพราะเพิ่งจะนึกถึงสิ่งต้องห้ามของคนนี้ ภาพในจอเมื่อครู่ถึงแม้จะแปลก แต่มันไม่กดดันเท่าคนตรงหน้าเขาเลย


รูดอล์ฟเคยเห็นกับตา ลูกน้องของเขาเคยเรียกชายคนนี้ผิดสองครั้ง เขาใช้ไม้เท้าทุบกระโหลกของคนนั้นจนแหลก


ถ้ามีคนสัญชาติอังกฤษอยู่ตรงนี้ จะต้องรู้สึกแปลกใจมาก เพราะมีเพียงญาติสนิทของราชวงศ์ (อาทิเช่น พี่น้องของพระราชาหรือสามีของพระราชา เป็นต้น) ถึงจะมียศเป็นดยุก


แต่ชายวัยกลางคนตรงหน้าไม่เคยปรากฏตัวในที่สาธารณะ แต่การวางตัวแบบราชวงศ์ผู้ดีอังกฤษของเขา กลับเป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถทำได้


“รูดอล์ฟ เกิดอะไรขึ้น เหตุใดคุณถึงตกใจจนทำผิดขนาดนั้น ? ”


ดยุกแดร็กคูล่าเดินไปที่โซฟา เดินหลบถังขยะอันน่ารังเกียจ ยื่นมือไปปิดผ้าม่าน และนั่งลงที่โซฟา “แสงแดดนี่มันไม่ดีเลย รูดอล์ฟ หรือคุณไม่ยินดีกับการมาของผม ? ”


“ไม่ครับ ๆ ท่านดยุก ผมมีปัญหานิดหน่อย พวกแก…ออกไปทั้งหมด ! ”


รูดอล์ฟตกใจที่เห็นดยุค จนต้องรีบสั่งให้คนในห้องออกไปทั้งหมด เขาชี้ไปที่หน้าจอทีวีและพูดว่า “ไม่รู้ว่ามันกล้าปลอมตัวเป็นผม แล้วฆ่าคนสองร้อยกว่าคนที่รัสเซียได้ยังไง ! ”


”สองร้อยกว่าคน ? น่าเสียดายจริง ๆ ! “


แดร็กคูล่าได้ยินรูดอล์ฟบอกแบบนั้น เขาเลียที่ปาก แต่หลังจากที่เขามองดูหน้าจอ เขาก็ตะลึงไปเหมือนกัน เขามองไปที่รูดอล์ฟและพูดว่า “รูดอล์ฟ คุณแน่ใจว่าไม่มีพี่น้อง ? ”


”ท่านดยุกครับ ผมเกิดมาได้สองเดือนพ่อผมก็เสียทันที เขาไม่มีทางมีพี่น้องให้ผมแน่ ๆ “


รูดอล์ฟลังเลครู่หนึ่งและพูดว่า “แต่ว่า แม่ของผมอาจจะไม่แน่ครับ ท่านก็รู้ แม่ของผมเต็มที่กับชีวิตมาก แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ก็ไม่น่าจะมีหน้าตาเหมือนผมขนาดนั้นหรอกมั้ง ? ”


รูดอล์ฟไม่เคยคิดจะปิดบังแดร็กคูล่า แม้แต่ชีวิตส่วนตัวของแม่เขาก็กล้าเล่า


ถึงแม้เวลาอยู่ด้านนอก เขาไม่เคยแคร์สายตาใคร แต่ในใจของรูดอล์ฟนั้นรู้ดีว่า เงินทองและชีวิตของเขาที่มีทุกวันนี้ เป็นเพราะผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของเขามอบให้มาทั้งหมด เพราะชายผู้นี้แค่ดีดนิ้ว ก็สามารถทำให้เขาหายไปจากโลกนี้ได้ทันที


“อืม ถ้าดูจากสายเลือด คงมีแค่พ่อของคุณเท่านั้นที่สามารถทิ้งยีนส์นี้ไว้ได้”


ดยุกแดร็กคูล่าพยักหน้าตามคำพูดของรูดอล์ฟ เขาจ้องมองรูดอล์ฟ จู่ ๆ ใบหน้าของเขาก็สั่น


ไม่กี่วินาทีผ่านไป ใบหน้าที่หล่อเหลาก็มีเนื้อปูดขึ้นเป็นเส้น ๆ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นหน้าของรูดอล์ฟที่มีความคล้ายเกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็น


ถ้าอยู่ด้านหน้ากล้องวงจรปิด แดร็กคูล่าก็คล้าย ๆ กับรูดอล์ฟในหน้าจอ ถ้าไม่ขยายภาพ ก็ยากนักที่จะเห็นความแตกต่างของคนสองคน


“เอ่อ…เอ่อ ? ”


รูดอล์ฟขนลุกซู่เมื่อเห็นแดร็กคูล่า ราวกับอุณหภูมิในห้องลดลงไปหลายองศา หนาวปากสั่นไปหมด


“รูดอล์ฟสูดหายใจเข้าลึก ๆ รวบรวมความกล้าและถามออกไปว่า “ท่านดยุก หรือว่า…คน ๆ นี้จะเป็นแบบคุณ ? ”


รูดอล์ฟรู้ดีว่า สิ่งที่ตนเองเรียกว่าอำนาจ ไม่มีน้ำหนักอะไรเลย เมื่ออยู่ตรงหน้าคนนี้ แดร็กคูล่ามาจากครอบครัวที่มีประวัติยาวนาน กุมอำนาจมืดทั่วอเมริกาและยุโรปเพียงคนเดียว


“ไม่ ถึงแม้เขาไม่สนใจเลือดสดสกปรกพวกนี้ แต่เขาไม่เหมือนกับพวกเรา…”


แดร็กคูล่าส่ายหัว ตาจ้องไปที่หน้าจออย่างไม่ละสายตา และพูดช้า ๆ ว่า “การเปลี่ยนกล้ามเนื้อบนใบหน้า มีหลายคนที่ทำได้ โดยเฉพาะคนที่อยู่ที่นั่นในประเทศจีน ! ”


รูดอล์ฟส่งเสียงครางออกมา สมองมือขยี้ไปที่หัว และพูดอย่างปวดหัวว่า “ประเทศจีน ? พระเจ้า ผมเข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ได้ยังไงเนี่ย ? ”


“อย่าเอ่ยนามพระเจ้าต่อหน้าผม มิฉะนั้นผมจะส่งคุณไปเจอเขา ! ” แสงสีแดงปรากฏขึ้นในดวงตาของแดร็กคูล่า ไม้เท้าเคาะที่ไหล่ของรูดอล์ฟอย่างแรง


“ขอโทษครับ ท่านดยุก ผมพูดผิดไปแล้วครับ ! ”


รูดอล์ฟไม่มีเวลาสนใจความเจ็บตรงไหล่ เขาตบหน้าตัวเองอย่างแรง เอ่ยถึงพระเจ้าต่อหน้าแดร็กคูล่า นี่กลัวตายช้าเกินไปใช่มั้ย


“ว่ามา คนนี้จะนำความลำบากอะไรมาให้คุณ เขาอยู่ยุโรปเหรอ ? ”


แดร็กคูล่าจ้องรูดอล์ฟด้วยสายตาเย็นชา รินไวน์ใส่แก้วให้ตัวเอง และเริ่มเล่นแก้ว


“ท่านดยุก ผมไม่รู้ครับว่าเขาเป็นใคร แต่น่าจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ตุรกี”


รูดอล์ฟพูดด้วยเสียงสั่น “เขาน่าจะอยู่ที่ไซบีเรีย และกำลังแก้แค้น แก้แค้นที่ผมทำร้ายคนจีนเมื่อไม่นานมานี้”


ที่จริงเมื่อเทียบกับคาสิโนในลาสเวกัสแล้วธุรกิจของตุรกีก็ไม่มีอะไรเลย แต่เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จึงได้หาเรื่องรวมตัวกับฟรุสไปจัดการสมาคมหงเหมิน


แต่รูดอล์ฟคิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะเป็นคนที่ทำให้คนคล้ายแดร็กคูล่าปรากฏตัวขึ้น หลายปีที่ผ่านมาความกลัวที่เกิดขึ้นในใจเวลาเจอแดร็กคูล่า ทำให้รูดอล์ฟรู้สึกผิดต่อสิ่งที่ทำลงไป


“คนจีน…”


แดร็กคูล่าเริ่มทบทวนความจำ ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาส่ายหัวและพูดว่า “ผมจะให้เคิร์ทไปไซบีเรีย คนในสมัยนั้น ไม่มีทางออกมาแน่ ๆ ”


แดร็กคูล่าเป็นเจ้าของปราสาทกว่ายี่สิบแห่ง ซึ่งแต่ละแห่งมีประวัติยาวนานกว่า 300 ปี แค่ค่าซ่อมแซมประจำปีก็สูงถึงหลายร้อยล้านดอลลาร์แล้ว


ดังนั้นเขาจึงต้องมีตัวแทนเพื่อช่วยให้เขามีรายได้เพียงพอ รูดอล์ฟพอจะเป็นคน ๆ นั้นได้ ดังนั้นแดร็กคูล่าจึงไม่ต้องการเห็นปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นกับเขา


“เคิร์ท เข้ามา ! ” ชายชราร่างผอมในชุดบัตเลอร์สีดำปรากฏกายอย่างน่ากลัวในห้อง ตามเสียงเรียกของแดร็กคูล่า


แดร็กคูล่าชี้ไปที่หน้าจอและพูดว่า “ไปไซบีเรีย ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถ้าแกโชคดีนะ ไม่แน่ แกอาจจะได้เลื่อนขั้นเป็นมาร์ควิส ! ”


“ครับเจ้านาย ! ” เคิร์ทมีสีหน้าดีใจออกมา แต่ก็ถูกเขาปกปิดเอาไว้อย่างดี จากนั้นเขาก็หายไปจากห้องอย่างเงียบ ๆ


……………………


มีอาคารคล้ายค่ายทหารใกล้ทางเข้าภูเขาที่ทอดยาวกว่าสองร้อยกิโลเมตรใกล้ชายแดนซาฮา อาคารนี้มีลักษณะโค้งกลมและมีรั้วเต็มไปด้วยกระแสไฟฟ้า มีทหารรักษาการณ์อยู่รอบ ๆ คุ้มกันอย่างแน่นหนา


อย่างไรก็ตามในเวลานี้ รอบ ๆ อาคารขนาดใหญ่แห่งนี้ มีทหารพร้อมกระสุนจริงและยังมีรถหุ้มเกราะสี่คันที่หันหน้าเข้าหาอาคารตามมุมต่าง ๆ


“ฟรุส เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงโดนทหารล้อมรอบแบบนี้ ? ”


ในห้องวงจรปิดของค่ายทหาร มีคนสี่ห้าคนมีใบหน้าหมองหม่น หนึ่งในนั้นเป็นชายชราชาวญี่ปุ่นที่มีหนวดเคราโค้ง กำลังซักถามสุภาพบุรุษชาวอังกฤษฟรุสอยู่


ฟรุสจ้องกล้องวงจรอย่างเคร่งเครียดและพูดว่า “คุณอิโตะ ซากิ ใจเย็น ๆ ครับ ผมคิดว่า ฝั่งกองบัญชาการเคลมลินคงแค่อยากเอาตัวรอดก็เท่านั้น เราส่งคนจีนให้พวกมันก็จบ ! ”


“ไม่ได้ ห้ามส่งคนจีนให้พวกเขา มิฉะนั้นพวกเราจะโดนข้อหาลักพาตัว ! ”


คนญี่ปุ่นส่ายหัวอย่างต่อเนื่องและพูดว่า “จัดการคนจีนคนนั้นเดี๋ยวนี้เลย ถึงแม้จะเป็นฝ่ายรัสเซีย ก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้อยู่ดี ! ”


ฟรุสแสดงสีหน้าเยาะเย้ยใส่คนญี่ปุ่นหลังจากได้ยินแบบนั้น และพูดออกไปว่า “คุณอิโตะ ซากิ การปะทะกับรัฐบาล นี่คุณมั่นใจมากเกินไปหรือเปล่า ? ”


ในสายตาของฟรุส ชายแก่คนนี้ต้องมีปัญหาที่มุมมองแน่ ๆ เพราะแค่ส่งต่งต้าจ้วงให้พวกเขา จากนั้นก็จ่ายเงินก้อนหนึ่งให้นายพลพวกนั้นหน่อย พวกเขาก็ออกจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยแล้ว


ตอนที่ 751 ทรมานจนตาย (1)

การคอร์รัปชั่น เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่อดีตสหภาพโซเวียตยังไม่ล่มสลาย แม้กระทั่งล่มสลายแล้ว การคอร์รัปชั่นก็ยังคงดำเนินอยู่ แม้แต่ในกองทัพเองก็ยังได้รับผลกระทบ


กองทัพที่ไม่มีเงินจ่ายเบี้ยเลี้ยงเป็นเดือนๆ สุดท้ายอาวุธที่อยู่ในระดับลับสุดยอดบางอย่างก็ยังต้องขายออกไป รัสเซียในสมัยนั้น ไม่ต่างจากนายหน้าค้าอาวุธนานาชาติหลังสวนดอกไม้


ฟรุสดูแลกิจการมวยใต้ดิน ขณะเดียวกันเขาเป็นพ่อค้าอาวุธของอังกฤษด้วยเช่นกัน ตอนนั้นฟรุสรู้จักกับนายพลคนสำคัญของรัสเซียหลายคน บางคนสนิทกันจนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน


ฉะนั้นตอนที่ได้ข่าวประธานาธิบดีโมโห ถึงแม้ฟรุสจะรู้สึกแปลกใจ แต่มันก็ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ แม้ว่าตอนนี้จะถูกทหารล้อมรอบ เขาก็ไม่มีความกังวลอะไรเลย


เพราะครั้งนี้ผู้ที่นำกองกำลังมาคือผู้บัญชาการทหารลอฟสกี้จากตะวันออกไกล เคยซื้อขายเรือดำน้ำกับฟรุสมาก่อน และในบ้านของลอฟสกี้ ก็ยังมีงาช้างแกะสลักมูลค่ามหาศาลที่ฟรุสเป็นคนมอบให้อีกด้วย


ฟรุสรู้จักลอฟสกี้ดี อดีตแม่ทัพใหญ่ของกองเรือทะเลดำผู้นี้ เป็นนักฉวยโอกาสของจริง เข้าร่วมกองทัพตั้งแต่ก่อนอดีตสหภาพโซเวียตล่มสลาย และไต่อันดับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


ขณะเดียวกัน ช่วงที่ประธานาธิบดีคนเก่ากับคนปัจจุบันปะทะกัน ลอฟสกี้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าเลือกคนหลัง หลังจากที่ประธานาธิบดีคนปัจจุบันขึ้นรับตำแหน่ง เขาก็ได้สร้างผลงานเอาไว้มากมาย


ด้วยเหตุนี้ลอฟสกี้จึงกลายเป็นนายทหารที่ประธานาธิบดีคนปัจจุบันไว้ใจมากที่สุด พูดได้เลยว่าเขาเป็นหนึ่งในนายทหารที่สำคัญที่สุดคนหนึ่งของรัสเซีย


ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ฟรุสไม่รู้ว่าต้องทำยังไง แต่ถ้าเป็นคน ๆ นี้เขามั่นใจว่าเขาสามารถจัดการเรื่องนี้ได้แน่นอน


“คุณฟรุส ต่งต้าจ้วงรู้เรื่องไม่น้อยเลยนะ ถ้าเขามีชีวิตรอดกลับไป แล้วพูดเรื่องของพวกเราออกไป จะทำยังไง ? ”


อิโต ซากิทำหน้ามึนตึง ในสายตาของเขา การรักษาชีวิตของต่งต้าจ้วงเอาไว้แบบนี้ เป็นความล้มเหลวของการร่วมมือกัน เพราะไม่เพียงแต่หลอกล่อให้พวกกากเดนสมาคมหงเหมินออกมาไม่ได้ แล้วยังต้องติดอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยหิมะอีก


“ใครบอกว่าผมจะส่งคนเป็นออกไป ? ”


ฟรุสหัวเราะอย่างคนเจ้าเล่ห์ โบกมือและพูดว่า“แม้ว่าต้องส่งคนเป็นออกไป มันก็ต้องกลายเป็นคนตาย คุณอิโต ซากิ บางครั้งการเมืองมีผลมากกว่าการฆ่าฟันนะครับ ! ”


ถึงแม้ว่าตาแก่อิโต ซากิจะจัดการมือดีของสมาคมหงเหมินไปหลายคนด้วยตัวเขาเอง แต่ลึก ๆ แล้วฟรุสก็ไม่ชอบเขาอยู่ดี


สำหรับฟรุสแล้ว เยี่ยเทียนและพวกที่อยู่บนเรือสำราญ ล้วนแต่เป็นพวกมีสี่แขนสี่ขาที่พัฒนาไปเรื่อย ๆ แต่คิดอะไรง่าย ๆ และขาดการพิจารณา


ฟรุสก็แค่ใช้ลีลาฝีปาก มวยใต้ดินของญี่ปุ่น ไทยและรัสเซีย ล้วนมีเขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ซึ่งเท่ากับว่าเขาได้รวบรวมองค์กรมวยใต้ดินทั้งหมดของเอเชียเอาไว้แล้ว


“โอเค งั้นผมขอฝากคุณไว้ด้วยก็แล้วกัน ! ”


คนเจ้าเล่ห์อย่างอิโต ซากิตัดสินใจง่ายมาก หลังจากได้ยินฟรุสพูดแบบนั้น เขาที่นั่งคุกเข่ากับพื้นลุกขึ้นโค้งคำนับให้กับฟรุส และมอบหมายเรื่องนี้ให้กับฝ่ายตรงข้ามทั้งหมด


“ครับ แล้วผมจะรีบกลับมา ! ”


ฟรุสยิ้ม เดินออกไปด้านนอก มองเฮลิคอปเตอร์ที่อยู่บนฟ้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรออกไป


ห้านาทีผ่านไป ไฟที่ส่องมายังค่ายฝึกทหารเก่าก็ดับลงทั้งหมด ฟรุสขึ้นไปยังรถบัญชาการคันหนึ่ง โดยมีทหารรัสเซียเดินประกบข้างสองคน


รถบัญชาการที่มีการปรับแต่งใหม่ หากดูภายนอกจะเห็นว่าธรรมดามาก แต่ภายในนั้นตกแต่งหรูหราไปด้วยพรมบอสตันแผ่นหนา ตู้เหล้า ตู้เย็นและโทรทัศน์ดาวเทียมมีพร้อมทุกอย่าง


นายพลหัวล้านคนหนึ่งลุกขึ้นจากโซฟาและโผเข้ากอดทันทีที่ฟรุสเข้ามา จากนั้นเขาทำหน้าสงสัยและพูดไปว่า “เพื่อน… คุณมาอยู่ตรงนี้ได้ไง ? ”


“ท่านนายพล ดีใจมากครับที่ได้พบท่านอีก ! ”


ฟรุสแอบด่าในใจไอ้แก่ตัวแสบ นำกองกำลังล้อมรอบขนาดนี้ จะไม่รู้ได้ไงว่าเขาอยู่ในนั้น ถามทั้ง ๆ ที่รู้


“ท่านนายพล ท่านก็ทราบดีนะครับ ครั้งนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยของสนามมวยใต้ดินของพวกเรา ทำไมท่านถึงต้องออกโรงเองละครับ ? ”


ฟรุสไม่อ้อมค้อมกับคนตรงข้าม และพูดตรง ๆ ไปว่า “เราก็เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ ผมหวังว่าท่านนายพลจะช่วยผมพูดเล็กน้อยเวลาอยู่ต่อหน้าท่านประธานาธิบดี ให้เรื่องนี้มันคลี่คลายลงไป”


“ฟรุส เรื่องนี้ไม่เล็กแล้วนะ ไม่ใช่ว่าผมไม่ไว้หน้าคุณหรอกนะ แต่ครั้งนี้พวกคุณทำมากเกินไปจริง ๆ ท่านประธานาธิบดีโกรธมาก เรื่องนี้จะต้องตรวจสอบให้ถึงที่สุด”


ลอฟสกี้แสดงสีหน้าทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันออกมา เขาครุ่นคิดไปครู่หนึ่งและพูดต่อว่า “ให้คุณไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่ใช่ปัญหา แต่คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งหมด ต้องส่งกลับไปสอบสวนที่มอสโควทั้งหมด ! ”


“บัดซบ นี่พูดก็เหมือนไม่ได้พูด ! ”


ฟรุสบ่นพึมพำในใจ แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ช่วงนี้พระราชวงศ์ของประเทศไทยสร้างอาคารชุดหลายอาคารที่พัทยา มันดีมากเลย ผมเก็บไว้ให้ท่านห้องหนึ่งด้วยนะ”


ในฐานะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศไทย ทุกตารางนิ้วของพัทยานั้นเหมือนทองคำ คฤหาสน์หลังหนึ่งมีมูลค่าอย่างน้อยก็สิบล้านดอลล่าร์ขึ้นไป เพราะฉะนั้นหลังจากที่ลอฟสกี้ได้ยินฟรุสพูดแบบนั้น เขาก็ยิ้ม


แต่เขาหุบยิ้มอย่างรวดเร็ว ขมวดคิ้วและพูดว่า “ขอบใจเพื่อนมาก แต่เรื่องนี้จัดการยากหน่อย ผมไม่รู้จะรายงานให้ท่านประธานาธิบดียังไง ! ”


“ท่านนายพล คฤหาสน์ที่อยู่ชานเมืองของลอนดอนหลังนั้นเป็นยังไงบ้าง ? ผมคิดว่านะ มันต้องโอนเป็นชื่อของท่านนายพลในเร็ว ๆ นี้แหละ ! ”


การเผชิญหน้าของลอฟสกี้ผู้ไม่เคยพอ ฟรุสทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน เขารู้ว่าทหารรัสเซียชอบอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศมาก ฟรุสจึงจำเป็นต้องนำมันมาเป็นเหยื่อล่ออีกหนึ่งชิ้น


ตอนนี้ฟรุสก็เหมือนคนต้อนเป็ดขึ้นแท่น เขาจำเป็นต้องทำแบบนี้ เพราะถ้าไม่สามารถให้ลอฟสกี้ปล่อยอิโต ซากิไป ความสัมพันธ์ของเขากับญี่ปุ่นและรูดอล์ฟต้องพังทลายลงเป็นแน่


ถ้าไม่มีการสนับสนุนจากอิโต ซากิจากญี่ปุ่นและรูดอล์ฟจากตุรกี ฟรุสไม่สามารถรวบรวมสนามมวยใต้ดินทั้งสองแห่งเอาไว้ได้ นั่นหมายความว่า สิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า


“เพื่อนกันไม่ต้องขนาดนั้นหรอก ! ”


ลอฟสกี้ยิ้มจนตาหยี หลังจากได้ยินฟรุสเสนอแบบนั้น “เพื่อน สิ่งที่เกิดขึ้นในรัสเซียมีผลกระทบในวงกว้างเกินไป ผมต้องรายงานให้ท่านประธานาธิบดี คุณเข้าใจหรือเปล่า ? ”


“เข้าใจครับท่านนายพล เรื่องนี้พวกคนชั่วชาวจีนเป็นคนทำ แล้วคนที่ทำก็อยู่ในมือของผมแล้ว ผมจะมอบให้ท่านเองครับ ! ”


ฟรุสเปลี่ยนประเด็น และพูดว่า “แต่คนพวกนี้เป็นพวกที่อันตรายมาก พวกเขาอาจจะต่อต้านการจับกุมของท่าน สุดท้ายถูกยิงตายหมด ผมคิดว่า คำตอบแบบนี้ท่านประธานาธิบดีน่าจะพึงพอใจนะครับ ? ”


“ฮ่า ๆ ถ้าผมพอใจ ท่านก็พอใจเหมือนกัน ! ”


ลอฟสกี้หัวเราะฮ่า ๆ เขายื่นมือไปหยิบวอดก้าแท้ออกจากมาจากตู้เหล้า และเทลงในแก้วสองใบ จากนั้นก็พูดว่า “แด่มิตรภาพของเรา แด่คนจีนที่สมควรตาย เชียร์ ! ”


“เชียร์ ! ”


ฟรุสยกแก้วขึ้นพร้อมรอยยิ้ม แต่ในใจกลับรู้สึกเหมือนโดนมีดกรีดเนื้อ ที่ดินสองผืนที่เขาเสียไป เมื่อรวมราคาแล้วสูงถึงหลายสิบล้านดอลล่าร์


การแลกเปลี่ยนปากเปล่าของทั้งคู่สิ้นสุดลงแล้ว จากนั้นกองกำลังที่ล้อมรอบค่ายอยู่นั้นก็ได้รับคำสั่ง นอกจากกองกำลังพิเศษกองเล็กกองหนึ่งที่อยู่ต่อ ที่เหลือทั้งหมดให้ถอยกลับ


ผู้ฝึกเดิมทีพักอยู่ในค่าย หลังจากที่ฟรุสและคนอื่น ๆ มาถึงที่นี่ ทุกคนถูกครูฝึกพาไปรวมตัวอยู่ที่หุบเขาลึกทางทิศเหนือ และนั่นจะเป็นการเดินทางแห่งความตายอีกครั้ง


เวลานี้คนที่ยังคงอยู่ในค่าย นอกจากคนญี่ปุ่นยี่สิบกว่าคนแล้ว ที่เหลือเป็นลูกน้องสายตรงของฟรุสทั้งหมด ส่วนต่งต้าจ้วงและคนอื่น ๆ ถูกขังไว้ในห้องปิดตายที่เอาไว้ทำโทษผู้ฝึก


ห้องปิดตายแบบนี้ มีความสูงประมาณ 1.75 เมตร เป็นห้องสี่เหลี่ยมพื้นผ้า ขนาดไม่ถึง 1 ตารางเมตร ไม่ต่างจากโลงศพเท่าไหร่


และห้องปิดตายห้องนี้จะถูกปิดไว้ทั้งหมด นอกจากช่องระบายลมแล้ว แม้แต่หน้าต่างก็ไม่มี คนที่เข้ามาในห้องจะมีความรู้สึกไม่ต่างจากการถูกฝังไว้ใต้ดินและไม่ได้ยินเสียงภายนอกเลย


ไม่ว่าผู้ฝึกจะทะนงองอาจแค่ไหน หากถูกขังในห้องปิดตายสักสามวัน ก็ต้องยอมศิโรราบ และบางคนที่ทำความผิด จะยอมฆ่าตัวตายดีกว่าต้องถูกขังในห้องนี้


ถึงแม้ว่าต่งต้าจ้วงและคนอื่นๆจะถูกขังในห้องนั้นแค่หนึ่งวันกับอีกไม่กี่ชั่วโมง หลังจากออกมา เห็นได้ชัดเลยว่าทุกคนมีสีหน้าที่ซีดขาว บางคนแทบจะเดินไม่ได้ จนต้องหามไปที่สนามของค่ายฝึก


“ต้าจ้วง ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย ? ”


ชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าพอเห็นต่งต้าจ้วง ก็เริ่มดิ้นรนแต่ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่มีอาหารไปหล่อเลี้ยงสองวันเต็ม จึงไม่สามารถหลุดออกจากเงื้อมมือของฟรุสได้


“ลุงสอง ผมไม่เป็นอะไรครับ คุณปู่ไม่ปล่อยพวกระยำพวกนี้แน่ ๆ ! ”


ต่งต้าจ้วงถือว่าเป็นคนที่กล้าหาญมาก ถึงแม้ว่าเขามีชื่อว่าต้าจ้วง (บึกบึน) แต่กลับมีรูปร่างที่ผอม และในเวลานี้เขายังอ่อนแอกว่าชายวัยกลางคนคนนั้นอีก


“ต้าจ้วง แกพูดถูก ท่านต่งจะต้องแก้แค้นให้พวกเราแน่ ๆ ! ”


คนที่อยู่ข้าง ๆ ลุงสองกับต่งต้าจ้วงหัวเราะเสียงดังฮ่า ๆ จากนั้นก็มีคนถุยน้ำลายใส่หน้าอิโต ซากิที่อยู่ข้าง ๆ


“บัดซบ ! ”


ในฐานะผู้อาสุโสแห่งตระกูลอิโตเก่าแก่ อิโต ซากิเคยถูกดูหมิ่นแบบนี้ซะเมื่อไหร่ ? ด้วยความโกรธสุดขีด เขาพลิกข้อมือ มีแสงวูบวาบเส้นหนึ่งสว่างขึ้น เสียงหัวเราะของคน ๆ นั้นหยุดลงทันที กระโหลกของใครบางคนลอยขึ้นฟ้า


ความเลือดเย็นของอิโตทำให้ต่งต้าจ้วงตาแทบถลนออกมา น้ำตาที่ไหลรินมีเลือดปน เขาตะโกนเสียงดัง “ลุงเป่า ?! เลว ไอ้ผีระยำ เก่งจริงมาทำฉันสิ ! ”


“พวกแก ต้องตายทุกคน ! ”


อิโตหัวเราะเยาะเย้ย เขาพลิกข้อมือ เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง เอวกับสะโพกของคน ๆ หนึ่งแยกออกจากกันเป็นแนวทแยงมุม เสียชีวิตทันที

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)