ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 742-751

 บทที่ 742 การมาถึงของครอบครัว

โดย

Ink Stone_Fantasy

ที่ฉินสือโอวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ไม่ได้เป็นเพราะหลงใหลในความงามของหญิงชราคนนั้นแน่นอน ในความเป็นจริงแล้วผู้หญิงที่ทำงานกลางทะเลตลอดทั้งปี จะมีความสวยตรงไหนกัน? ลมทะเลที่รุนแรงและแสงแดดที่แผดเผาทำลายผิวหนังของพวกเธอไปจนหมด


ผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์ลึกลับบางอย่างดึงดูดเขา ทำให้เขามีความรู้สึกถึงความกระหายในอะไรบางอย่าง


อันที่จริงแล้วเขากินข้าวมาจนอิ่มแล้ว ความอยากกระหายที่พูดถึงนี้เป็นคำวิเศษณ์ และไม่ได้หมายถึงการอยากกินอาหารเลย แต่เป็นการกระหายทางจิตวิญญาณ


ก่อนหน้านี้เขาก็เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน นั่นก็คือตอนที่เขาพบกับ ‘อำพันทอง’ โดยที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า บนตัวของผู้หญิงคนนี้มี ‘อำพันทอง’ อยู่แน่นอน


เพราะแบบนี้ฉินสือโอวจึงเดินเข้าไปหาพร้อมกับยื่นมือออกไปทักทายว่า “คุณนายคอฟ สวัสดีครับ”


ชายชราคนนี้มีชื่อว่าคอฟ เขาแนะนำฉินสือโอวให้แก่ภรรยา เธอยื่นมือออกมาจับมือของฉินสือโอวด้วยท่าทีตื่นเต้น จากนั้นฉินสือโอวก็เห็นสร้อยข้อมือที่ทำจากไม้หยาบๆ ที่ข้อมือข้างขวาของเธอตอนที่เธอยื่นมือออกมา


ลูกแก้วขนาดเล็กใหญ่ที่ร้อยเข้าด้วยกันออกมาเป็นสร้อยข้อมือ ดูเหมือนว่าทั้งเส้นมีลูกแก้วทั้งหมดสิบกว่าลูก ลูกแก้วเหล่านั้นไม่ได้รับการขัดอย่างพิถีพิถัน อีกทั้งยังมีการแกะสลักภาพขนาดเล็กอยู่ด้านบน เส้นที่ร้อยพวกมันเข้าด้วยกันเรียบง่ายและแข็งแรง ดูก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นงานฝีมือ


เมื่อเห็นสร้อยข้อมือนั้น ฉินสือโอวก็เกิดความรู้สึกความกระหายที่เพิ่มขึ้นมาอย่างรุนแรง เขาไม่อยากที่จะปล่อยมือของหญิงชราเลยแม้แต่น้อย ยังดีที่หญิงชราไม่ได้แสดงท่าทีตื่นตระหนก ไม่เช่นนั้นผู้คนที่ผ่านไปมาคงคิดว่าฉินสือโอวต้องการทำร้ายร่างกายเธอเป็นแน่


เมื่อเผชิญหน้ากับสามีภรรยาผู้ยากจน ฉินสือโอวก็ไม่อยากที่จะรังแกพวกเขา เขาพูดออกมาด้วยความเรียบง่ายว่า “คุณนายคอฟ ไม่ทราบว่ากำไลข้อมือนี้คุณได้มาจากไหนหรือครับ? ผมชอบมันมากเลย ไม่ทราบว่าคุณจะสามารถตัดใจจากมันยกให้ผมได้ไหม?”


หญิงชรารู้ว่าฉินสือโอวไม่ได้แจ้งความเรื่องขยะพลาสติกที่กระจัดกระจายไปทั่วทะเลจากเรือของพวกเขาและยังรู้ด้วยว่าสามีของเธอไม่ต้องจ่ายค่าเสียหาย ในใจของเธอรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้เมื่อฉินสือโอวเอ่ยปากขอเช่นนี้แล้ว เธอก็รีบถอดสร้อยข้อมือแล้วส่งให้ฉินสือโอวทันที


เมื่อได้รับสร้อยข้อมือมา ฉินสือโอวก็อดกลั้นความรู้สึกของตัวเองไว้ แล้วถามออกมาว่า “เท่าไรครับ?”


หญิงชราตอบกลับออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า “ไม่ต้องหรอก ของชิ้นนี้ไม่ได้มีค่าอะไร พ่อหนุ่ม แค่คุณชอบฉันก็มีความสุขแล้ว คุณรับไปเถอะนะ”


ฉินสือโอวตอบกลับว่า “ว่ากันตามตรงแล้ว ของชิ้นนี้คนอื่นอาจจะมองว่ามันไร้ค่า แต่สำหรับผมแล้วมันมีค่ามากเลยครับ ผมสามารถให้ราคาที่จะทำให้คุณพอใจได้”


ชายชราส่ายหัวไปมา แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องจ่ายเงินหรอกครับ คุณฉิน ผมยังกังวลอยู่ว่าจะไม่สามารถตอบแทนน้ำใจของคุณในเรื่องก่อนหน้านี้ได้ ถ้าคุณชอบคุณก็รับไปเถอะครับ กำไลนี้เป็นเพียงของที่ภรรยาผมทำขึ้นมาแบบง่ายๆ เท่านั้น ไม่ได้มีค่ามากมายอะไร”


ฉินสือโอวหยิบเช็คออกมาแล้วเขียนจำนวนเงินลงไปในนั้นพร้อมเซ็นชื่อ เขาส่งเช็คใบนั้นให้ชายชราแล้วถามออกมาว่า “งั้นคุณบอกผมได้ไหมว่าคุณไปได้ของสิ่งนี้มาจากที่ไหน?”


เมื่อชายชราเห็นตัวเลขบนเช็คในมือเขาก็ตกใจเป็นอย่างมาก ฉินสือโอวให้เงินเขาห้าหมื่นดอลลาร์ เงินที่ใช้ในการทำความสะอาดฟาร์มปลาของเขาก็ประมาณห้าหมื่นดอลลาร์ เมื่อเทียบกับการที่เขาซื้อกำไลข้อมือในราคาห้าหมื่นดอลลาร์ ถือว่าเป็นราคาที่สูงเกินไปหน่อย


อันที่จริงแล้ว ฉินสือโอวจะไม่ให้เงินก็ได้ แต่ว่าของสิ่งนี้สำคัญสำหรับเขาจริงๆ อีกทั้งเจ้าของของมันก็เป็นคนแก่ที่ไม่มีเงิน เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องตระหนี่กับพวกเขา นั่นก็เพราะว่าสำหรับเขา เงินก็เป็นเพียงตัวเลขชุดหนึ่งเท่านั้น


หญิงชราพูดขึ้นมาอย่างนึกขึ้นได้ว่า “มันเป็นไม้ที่ฉันเจอที่บริเวณชายฝั่งแล้วนำมาขัดน่ะ ตอนนั้นฉันทำขึ้นมาทั้งหมดสองเส้น ฉันให้ลูกสามีไปหนึ่งเส้น แต่ว่าตาแก่นี่กลับไม่ชอบ ไม่รู้ว่าตอนนี้เอาไปทิ้งไว้ที่ไหนแล้ว”


ฉินสือโอวมองไปยังชายชรา เขากำเช็คในมือแน่น ราวกับว่าเขากำลังกำ ‘อำพันทอง’ อยู่ในมือ เมื่อได้ยินภรรยาของตนพูดขึ้นมาแบบนั้น ชายชราก็พูดออกมาด้วยความไม่พอใจว่า “มันไม่สวยและก็ใช้ทำอะไรไม่ได้ แล้วผมจะใส่มันไปทำไมล่ะ?”


“แล้วกำไลของคุณอยู่ที่ไหน?” ฉินสือโอวถามออกมา


ชายชราส่ายหน้า แล้วตอบกลับว่า “ดูเหมือนว่าผมจะทิ้งไว้ที่บ้านนะ ตอนนั้นผมก็ทิ้งไปเรื่อย ถ้าหากว่าคุณต้องการล่ะก็ คุณฉิน ผมจะกลับบ้านไปหา จากนั้นผมจะส่งให้คุณ เพราะว่าคุณเป็นคนดีที่น่าทึ่ง ผมหวังว่าสิ่งนี้จะสามารถตอบแทนคุณได้”


ฉินสือโอวเอ่ยขอบคุณ และสัญญาว่าหากชายชราสามารถหากำไลอีกเส้นหนึ่งให้เขาได้ เขาก็เต็มใจที่จะจ่ายเช็คให้อีกใบหนึ่ง


เขาเชื่อว่าการใช้เงินเป็นหลักประกันนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด


ปรากฏว่า เมื่อชายชราได้ฟังประโยคนั้น เขาก็หายใจเร็วขึ้น และเดินหันหลังไปทันที ภรรยาของเขาถามว่าเขาจะไปไหน ชายชราตอบกลับมาด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “กลับบ้าน! รีบกลับบ้านเร็วเข้า ผมจะต้องหาของมีค่าชิ้นนั้นให้ได้!”


ฉินสือโอวและเออร์บักไปที่สนามบิน แมทธิว จินเตรียมพร้อมขึ้นเครื่องบินแล้ว ทั้งสองฝ่ายคุยกันอยู่สองสามประโยค จากนั้นแมทธิว จินก็นั่งเครื่องบินออกจากเมืองออตตาวาไป


เมื่อส่งแมมธิว จินเสร็จ ในตอนที่ฉินสือโอวกำลังเดินออกมาจากสนามบิน เสียงเรียบสงบเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาไม่ไกล “เฮ้ ฉิน? นั่นคุณใช่ไหม?”


ฉินสือโอวหันกลับไปมอง พระเจ้าอะไรจะบังเอิญขนาดนี้ นี่พ่อตาแม่ยายกับพี่สาวคนโตของวินนี่ไม่ใช่เหรอ?


“สวัสดีครับ มาริโอ้ มิแรนด้า ฟอกส์? เป็นพวกคุณเองหรอกเหรอ? ดีเลย พวกคุณมาถึงเร็วขนาดนี้เลยเหรอ? พระเจ้า นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ!” ฉินสือโอวเดินเข้ามากอดทั้งสามคน


มิแรนด้าพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มว่า “พวกเรารอให้พายุหยุดลงก่อน จากนั้นก็รีบนั่งเครื่องบินไฟล์ทแรกมาที่นี่เลย เพราะว่าพายุครั้งนี้น่ากลัวมาก มาริโอ้และฟอกส์เลยค่อนข้างเป็นห่วงวินนี่น่ะ”


“พูดเหมือนคุณไม่เป็นห่วงลูกอย่างนั้นแหละ” มาริโอ้หัวเราะออกมาเสียงดัง


ฉินสือโอวหัวเราะร่วมไปกับพวกเขาด้วย เห็นได้ชัดว่าครอบครัวของวินนี่นั้นรักเธอมาก เขาจะต้องคิดหาวิธีแก้ไขปมระหว่างพวกเขาแล้วล่ะ


การมาฟาร์มปลาของครอบครัววินนี่ในครั้งนี้พวกเขาจะอยู่นานกว่าปกติ พวกของมาริโอ้พกกระเป๋าเดินทางมาด้วยสี่ใบและกระเป๋าเป้อีกสองสามใบ ฉินสือโอวให้เบิร์ดช่วยนำกระเป๋าไปไว้บนรถกระบะ หลังจากนั้นเขาก็ให้พวกเขากลับไปที่ฟาร์มปลา และออกเรือมารับมาริโอ้และคนอื่นๆ


ระหว่างทางฉินสือโอวถามฟอกส์ว่าทำไมสามีของเธออาร์ม็องไม่มาด้วย ฟอกส์อธิบายว่าเขาต้องเตรียมการเรียนการสอนให้นักเรียน ช่วงนี้จึงไม่ค่อยว่าง


ฉินสือโอวเดาว่า ฟอกส์คงจะเป็นห่วงว่าความรู้สึกของวินนี่จะแย่ลง จึงไม่ได้พาอาร์ม็องมาด้วย ตอนนี้เป็นเดือนกรกฎาคม มหาวิทยาลัยยังไม่เปิด แล้วจะเตรียมการเรียนการสอนให้มหาวิทยาลัยสตรีไปทำไมกัน?


เมื่อนีลเซ็นและคนอื่นๆ ได้ยินว่าครอบครัวของวินนี่จะมา พวกเขาก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ฉินสือโอวเตรียมไว้ให้ทันที พวกเขาสวมชุดสูทสีดำ รองเท้าดำ เสื้อเชิ้ตสีขาวและเนกไทสีฟ้า ชาร์คและซีมอนสเตอร์ตั้งใจจัดแต่งทรงผมและเคราของตัวเองเป็นพิเศษ และยังสวมใส่แว่นกันแดดสีดำเพื่ออำพรางรอยแผลเป็นบนใบหน้า


นีลเซ็นขับเรือแฟร์เวลมารับ เรือสำราญลำนี้เป็นเรือที่หรูหราที่สุดที่ฟาร์มปลามี


ฉินสือโอวยืนมองดูเรือลำนั้นจากท่าเรือ จู่ๆ เขาก็รู้สึกสมเพชขึ้นมาเล็กน้อย เขาในตอนนี้ไม่มีเรือสำราญที่หรูหราตามมาตรฐานที่กำหนดเลย เจ้าเรือลำนี้ถูกว่าเครื่องบินขนาดใหญ่ตั้งเยอะ


เมื่อเรือล่องกลับมาถึงบ้าน ฉินสือโอวก็ถามหาพวกของเชอร์ลี่ย์


เด็กสาวโลลิต้านำเพื่อนๆ ไปจัดการทำความสะอาดกระท่อมขายน้ำเล็กๆ ของพวกตน เมื่อเธอถูกรบกวนใบหน้าเล็กๆ ก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา แค่เมื่อเห็นว่าที่ด้านข้างฉินสือโอวคือฟอกส์ที่มีรูปร่างคล้ายกับวินนี่ ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนมาเป็นยิ้มหวานทันที “พี่วินนี่และพี่หวังเหล่ยพวกเขากำลังไปดูสวนองุ่นอยู่ค่ะ”


ฉินสือโอวยังไม่ได้ไปดูที่สวนองุ่นเลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าหากวินนี่กับหวังเหล่ยไปจัดการแล้ว แสดงว่าคงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรใหญ่โต หรือไม่ก็อาจจะทำอะไรกับสิ่งที่เกิดได้ไม่มากก็ได้


เมื่อฉินสือโอวจัดการที่บ้านในฟาร์มปลาให้แก่ทั้งสามคนเสร็จแล้ว เขาก็ไปหาวินนี่ วินนี่พาหู่จือ เป้าจือ ฉงต้าและหลัวปอเจ้าพวกนั้นมากับเธอด้วย


เมื่อเห็นพวกของมิแรนด้าทั้งสามคน วินนี่ก็พูดขึ้นมาว่า “มาทำความรู้จักกันก่อนสิ นี่คือลูกสาวของหนู เสี่ยวหลัวปอ หล่อนเป็นเด็กดีนะ ไป เสี่ยวหลัวปอ ไปกัดพวกเขาเร็ว…”


ฉินสือโอว “…”


บทที่ 743 สวนหลังบ้านของพระเจ้า

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมื่อพ่อกับแม่มาถึง วินนี่ก็เปลี่ยนจากภรรยาผู้สง่างามกลายมาเป็นลูกสาวผู้ชั่วร้ายทันที เธอคอยกระตุ้นให้เสี่ยวหลัวปอเข้าไปกัดพี่สาวของเธอตลอดเวลา แต่ว่าทางด้านของเสี่ยวหลัวปออ่อนแอในเรื่องนี้มากๆ …การจะเป็นสมาชิกครอบครัวได้ต้องเป็นกุลสตรี ต้องไม่ไปกัดคนอื่น


พวกของชาร์คเก็บเพรียงจากบริเวณขอบผามาได้เป็นจำนวนมาก ฉินสือโอวจึงบอกว่าอาหารเย็นวันนี้พวกเราจะจัดงานเลี้ยงรอบกองไฟกัน เป็นการต้อนรับครอบครัวของวินนี่ที่มายังฟาร์มปลา


แม้ว่าพายุฤดูร้อนที่พัดผ่านมาจะน่ากลัว แต่ว่าพวกมันพัดผ่านไปอย่างรวดเร็ว พอเริ่มตกเย็น เมฆก็ลอยเต็มทั่วท้องฟ้า แสงจากพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินส่องประกายให้วิวที่เห็นนั้นสวยงาม


เมื่อพระอาทิตย์กำลังค่อยๆ ตกลงสู่ทะเล เมฆบนท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทองอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ทะเลที่เคยมีคลื่นพายุก็เปลี่ยนมาเป็นคลื่นน้ำที่อ่อนนุ่ม ลมทะเลพัดผ่านมาเย็นสบาย ฉินสือโอวยืนอยู่บนทราย ซึมซับบรรยากาศอันสดชื่นปลอดโปร่ง


นกจมูกหลอดหางสั้นกลุ่มหนึ่งกระพือปีกบินผ่านหัวเขาไป หลังจากที่พายุสงบลงพวกมันก็ออกมาหากินที่ทะเล เมื่อตกเย็นก็ได้เวลากลับบ้าน พวกมันได้ถือว่าฟาร์มปลาเป็นบ้านของพวกมันแล้ว ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกไม่ดีถ้าหากจะกินพวกมัน


บนผืนน้ำทะเลที่ไกลออกไป วาฬจำนวนหนึ่งโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำเพื่อสูดเอาอากาศหายใจ เสียงร้องทุ่มต่ำของมันดังไปทั่วทะเล หากมีสายตาที่ดีก็จะสามารถมองเห็นละอองน้ำราวกับน้ำพุที่พวกมันพ่นออกมาได้ มันคือวาฬสีน้ำเงินที่กำลังพ่นน้ำ


มาริโอ้มองดูภาพตระการตาเหล่านั้น เขาพึมพำออกมาว่า “ฟาร์มปลาของคุณเหมือนกับความงามและความสงบบนสวรรค์เลย ไม่สิ ต้องบอกว่านี่เป็นสวนหลังบ้านของพระเจ้า ลูกชาย นี่เป็นความเรียบง่ายที่สวยงามมากเลย”


ฉินสือโอวพูดกลั้วหัวเราะว่า “ถ้าหากว่าเมื่อวานตอนเย็นคุณอยู่ที่นี่ล่ะก็ คุณต้องไม่พูดแบบนี้แน่ อันที่จริงแล้วตอนที่พายุพัดเข้ามา ที่นี่เป็นนรกเลยล่ะ”


“ไม่ว่าพายุไปโผล่ที่ไหนที่นั่นก็เป็นนรกทั้งนั้นแหละ ผมคิดว่าการที่พายุพัดเข้ามาในครั้งนี้ นครเซนต์จอห์นคงจะโดนหนักไม่ใช่น้อย” มาริโอ้พูด


ฉินสือโอวเริ่มไม่เข้าใจสถานการณ์ในด้านนี้ แต่พอถึงเวลาอาหารเย็นเออร์บักไม่ได้กลับมา เขาโทรมาอธิบายกับฉินสือโอวว่า ที่นครเซนต์จอห์นได้รับความเสียหายจากพายุเฮอร์ริเคนอย่างรุนแรง โครงสร้างบ้านเรือนหลายหลังถูกทำลายจนเสียหายหนัก แฮมเล็ตและพวกของจึงคว้าโอกาสนี้ในการโจมตีกลุ่มของอ็อกเฟอร์


อาหารเย็นวันนี้เป็นอาหารทะเลและอาหารที่ทำจากสัตว์ปีกในฟาร์มปลาเป็นหลัก เพราะว่าคนค่อนข้างเยอะ ฉินสือโอวจึงจัดการหมูป่าตัวสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ในฟาร์มปลา อีกทั้งยังใช้เตาย่างในการย่างไก่และเป็ดอีกด้วย ช่วงเย็นเบิร์ดและนีลเซ็นเข้าไปจับไก่ป่าเฮเซลในป่าออกมาสองสามตัว รสชาติสตูไก่ป่าเฮเซลนั้นอร่อยมาก


ชาร์คและแลนซ์ช่วยกันตั้งเตาย่างขนาดใหญ่ ฉินสือโอวโบกมือหนึ่งที เตาย่างก็ถูกย้ายไปยังบริเวณชายหาดที่อยู่ใต้ลม สาเหตุก็เพราะว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้ควันไฟที่เกิดจากถ่านพัดเข้ามาหาวินนี่ได้


“ดูสิ สามีของหนูดูแลหนูดีมากเลย” วินนี่กอดแขนของฉินสือโอวพลางพูดขึ้นมาอย่างหวานเยิ้ม สายตาของเธอเลื่อนไปมา เพื่อมองมิแรนด้าและมาริโอ้


น่าเสียดายที่ฉินสือโอวยังต้องไปทอดปลาอยู่ ไม่เช่นนั้นวินนี่คงจะกอดแขนเขาไปทั้งคืนแน่


บริเวณปากทางสู่ทะเลมีปลาหัวแข็งขาวและปลาคาพีลินอยู่เป็นจำนวนมาก ปลาพวกนี้เป็นปลาที่เหมาะแก่การนำไปทอด นอกจากนี้ บูลยังจับได้ปลากะตักแอตแลนติกมาอีกจำนวนหนึ่งด้วย เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอีกเรื่องหนึ่ง


ปลากะตักเป็นปลาขนาดเล็กที่เป็นอาหารแก่ปลาอื่นๆ ร่างกายของมันเล็กเรียว ผิวบนลำตัวเป็นสีขาวจนแทบจะโปร่งแสง พวกมันสามารถยาวได้ห้าถึงแปดนิ้ว แต่ปกติแล้วพวกมันจะยาวประมาณสองนิ้วเท่านั้น ปลาชนิดนี้ไม่มีฟัน กระดูกของพวกมันนิ่มมาก สามารถกินได้ทั้งตัว มันเป็นเรื่องที่สุดยอดมาก


หนึ่งในปลาสายพันธุ์นี้ที่มีชื่อเสียงคือปลากะตักแคลิฟอร์เนีย ในความเป็นจริงแล้วที่มหาสมุทรแอตแลนติกก็มีปลาชนิดนี้อยู่ เพียงแค่ผลผลิตของมันนั้นต่ำ และมันก็ตัวเล็กเกินกว่าที่จะจับได้ มีคนไม่กี่คนที่รู้ว่า ปลาชนิดนี้จะวางไข่บริเวณน่านน้ำนอกชายฝั่งที่มีกระแสน้ำแรงในช่วงกลางคืนระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนสิงหาคม ช่วงเวลานี้ถือเป็นเวลาที่ดีในการจับพวกมัน


บูลจับปลากะตักกลับมา เขายกมือถูจมูกแล้วพูดออกมาว่า “บอส ปลาชนิดนี้อุดมไปโดยโปรตีนและกรดไขมันไม่อิ่มตัว นอกจากนี้ยังมีสารอาหารสำคัญอีกมากมาย เหมาะที่จะนำมาบำรุงคนท้องเป็นอย่างมาก”


ฉินสือโอวรับปลากะตักมาพลางพูดขึ้นว่า “เรียกว่าคนท้องอะไรกัน? ต้องเรียกว่าเตรียมพร้อมการเป็นแม่คนสิ! เข้าใจไหม? เตรียมพร้อมการเป็นแม่!”


วินนี่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ “ดูสิ สามีของหนูรักหนูขนาดไหน คิดอะไรละเอียดถี่ถ้วนจริงๆ”


เหล่าชาวประมงดูเหมือนจะเป็นคนตรงไปตรงมาไม่มีเล่ห์กลอะไร แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาเพียงทำอะไรลวกๆ เท่านั้น คนเหล่านี้ไม่ได้เป็นคนโง่ ความฉลาดซับซ้อนของมนุษย์ไม่ได้ต่างอะไรกับสุนัข ดูจากการที่วินนี่กับครอบครัวพูดคุยกันในครั้งนี้ สายตาที่พวกเขามองก็อดไม่ได้ที่จะฉายแววสงสัยออกมา


ฉินสือโอวไม่ได้สนใจ เขาสั่งให้ชาวประมงเหล่านั้นไปจัดการเรื่องต่างๆ ส่วนตัวเขาก็ไปทอดปลาด้วยตัวเอง


บูลไม่ได้พูดผิด ปลาชนิดนี้เหมาะที่จะนำมาบำรุงให้กับคนที่กำลังจะเป็นแม่คนอย่างมาก


เมื่อเขาทอดปลาคาพีลินเสร็จ หลังจากที่ล้างน้ำมันออกจากกระทะแล้วเขาก็นำปลากะตักไปล้างน้ำเปล่าจนสะอาด จากนั้นก็ใส่ไวน์สำหรับทำอาหาร น้ำขิง และเกลือบริสุทธิ์หมักเข้าด้วยกัน


จากนั้นเขาก็ใส่แป้งมันฝรั่งและแป้งข้าวโพดลงไปในหม้อทอดใบเล็ก จากนั้นก็ใช้น้ำและไข่ผสมลงไปเพื่อให้เกิดความเหนียว เขาผสมพวกมันเข้าด้วยกันจนเกือบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นก็ใส่ปลากะตักตัวเล็กๆ ลงไป


เมื่อน้ำมันร้อนประมาณหกสิบองศา ฉินสือโอวก็นำปลากะตักอันแสนอร่อยคลุกกับแป้งจนทั่ว จากนั้นก็ใช้ตะเกียบคีบพวกมันลงไปในน้ำมัน ไม่นาน ปลากะตักพวกนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง เขาตักพวกมันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พักไว้บนจานและชื่นชมมัน


การกินปลากะตักเปล่าๆ จะได้รสชาติที่ไม่เลว แต่ว่าฉินสือโอววางพริกป่น ผักชี หอมหัวใหญ่ กระเทียม พริกไทย มะแข่นป่น และพริกขี้หนูแห้งลงไปในจานด้วย แบบนี้หากคุณชอบกินกับอะไรก็สามารถจิ้มปลากะตักลงไปในเครื่องเคียงพวกนั้นได้ ซึ่งมันจะทำให้รสชาติที่ได้รับดียิ่งขึ้น


ตกเย็น แซ็กก็ได้พาคนมาสร้างกองไฟแบบง่ายๆ ให้ หลังจากที่จุดไฟแล้วเปลวไฟก็ลุกโชนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เปลวไฟไหวไปตามแรงลมทะเลที่พัดผ่านเข้ามา มันเคลื่อนไหวไปมาราวกับว่าไฟสีแดงนั้นมีจิตวิญญาณอยู่


“มาๆ พวกเราขอต้อนรับครอบครัวของวินนี่ ผมไม่คิดจริงๆ ว่าพ่อตาแม่ยายจะมาถึงเร็วขนาดนี้ เพราะว่าพายุพึ่งจะหยุดไปเอง” ฉินสือโอวลุกขึ้นพลางยกแก้วเบียร์ขึ้น


เมื่อได้ยินคำพูดของฉินสือโอว ชาร์คก็พูดเสริมขึ้นว่า “เรื่องนี้ค่อนข้างกะทันหันไปหน่อย แต่ว่าจากที่เห็นแล้ว ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกสาวนั้นเป็นความรักที่จริงใจที่สุด ผมคิดว่าพวกเขารู้ว่าวินนี่กำลังมีลูก ในใจของพวกเขาคงร้อนรนเป็นธรรมดา”


ฉินสือโอวยกนิ้วให้ชาร์คเงียบๆอย่างชื่นชมเป็นที่สุด สมแล้วที่เป็นคนสนิทของเขา ทำอะไรก็ยอดเยี่ยมไปหมด


กับเรื่องนี้วินนี่รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอธิบายออกมา แต่เธอก็ก้มหน้าลงแล้วเม้มปากกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ เรื่องนี้ทำให้พวกของมิแรนด้าทั้งสามคนพอใจเป็นอย่างมาก พวกเขามองไปยังฉินสือโอวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม


ลูกเขยคนดีคนนี้ ไม่เลวเลยจริงๆ


พายุที่พึ่งผ่านพ้นไป กลายเป็นหัวข้อพูดคุยในอาหารเย็นมื้อนี้ไปโดยปริยาย ทุกคนต่างพากันพูดถึงสภาพอากาศของแคนาดา


แคนาดาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีช่วงลองจิจูดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ดังนั้นอากาศจึงแตกต่างกันในแต่ละเมือง นิวฟันแลนด์และเมืองอื่นๆ ที่อยู่ทางด้านทิศตะวันออกมักจะเจอกับฝนตกหนัก ส่วนภาคกลางอย่างรัฐออนแทรีโอและรัฐควิเบกจะได้รับความทุกข์จากอากาศที่ร้อนระอุ และทางเมืองที่อยู่ทางทิศตะวันตกอย่างรัฐมานิโตบาก็จะพบเจอกับอากาศที่แห้งแร้งทุกๆ สิบปี


แต่ที่ราบแพรรีแคนาดาก็ไม่ได้เจอกับสภาพอากาศที่ดีนัก มาริโอ้บอกว่าพวกเขาที่อาศัยอยู่ที่นั่นสองสามวันนี้อุณหภูมิสูงขึ้นทุกวัน จนตอนนี้สูงถึงสามสิบห้าองศาแล้ว รัฐบาลได้ออกมาเตือนถึงสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นแล้ว กรมอุตุนิยมวิทยายังออกมาให้ประชาชนให้ความสนใจกับการป้องกันอาการที่เกิดจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นและอาการขาดน้ำ อีกทั้งพวกเขาขอให้ช่วยกันไปเยี่ยมเยียนครอบครัวที่มีผู้สูงอายุที่อ่อนแอ รวมถึงเพื่อนบ้านอีกด้วย


ที่นิวฟันแลนด์อากาศเย็นลงและฝนตกเยอะตั้งแต่เข้าฤดูร้อน อีกทั้งพวกเขาไม่เห็นท้องฟ้าที่แจ่มใสมาหลายสิบวันแล้ว เดิมทีที่เกาะนี้ก็มีอากาศชื้นอยู่แล้ว เพราะแบบนี้พื้นดินที่บ้านของประชาชนส่วนใหญ่จึงเจิ่งนองไปด้วยน้ำ


สถานีโทรทัศน์ของนครเซนต์จอห์นมีรายการหนึ่ง ที่ทำร่วมกับสถานีตำรวจท้องที่ในการออกหมาย ‘ตามหาฤดูร้อน’ นอกจากนี้ยังมีการ ‘จับกุม’ ผู้ประกาศข่าวพยากรณ์อากาศในท้องถิ่นของบริษัทแคนาเดียน บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่นในข้อหา ‘ลักลอบนำเข้าฝนและเมฆหมอก’


บทที่ 744 ให้อาหารเสริมแคลเซียมแก่ฟาร์มปลา

โดย

Ink Stone_Fantasy

มาริโอ้และคนอื่นๆ แสดงความเป็นห่วงที่มีต่อวินนี่ออกมา ทำให้วินนี่มองเขาไปในทางที่เปลี่ยนไปมากขึ้น


วันต่อมาหลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จ ฉินสือโอวบอกว่าจะพามาริโอ้และคนอื่นๆ ไปเที่ยวรอบเกาะ วินนี่บอกว่าไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะเป็นคนจัดการกับคณะทัวร์นี้เอง เธอจะพาครอบครัวของเธอไปเที่ยวเอง และให้ฉินสือโอวไปจัดการเรื่องธุรกิจของเขา


แบบนี้ก็พอดีเลย นอกจากจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ของวินนี่และครอบครัวแล้ว ยังทำให้ฉินสือโอวเลิกหนักใจอีกด้วย


ฉินสือโอวไม่ได้มีเวลาว่างเลยจริงๆ หลังจากที่พายุสงบลง ก็มีงานมากมายรอเขาไปสะสาง เช่นว่าการก่อสร้างน้ำพุได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว สนามบินที่จำเป็นจะต้องได้รับการปรับปรุง และถึงเวลาเสริมแคลเซียมให้กับฟาร์มปลาแล้ว


ใช่แล้ว มันคือการเสริมแคลเซียมให้กับฟาร์มปลา


ในที่สุดผู้เชี่ยวชาญทางด้านมหาสมุทรวิทยาก็หาวิธีแก้ไขปัญหานี้ได้ โดยการใช้เรือขนาดใหญ่พิเศษ นำแร่ธาตุที่มีส่วนช่วยในการบำรุงโปรยลงไปที่ก้นทะเล มันก็เป็นวิธีการเดียวกันกับการใส่ยูเรียเพื่อบำรุงปุ๋ย ต่างกันเพียงแค่เปลี่ยนชนิดของสารอาหารเท่านั้น


เรือพิเศษชนิดนี้พบเห็นได้น้อย ยังดีที่นครเซนต์จอห์นเป็นหนึ่งในเมืองท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในแคนาดา อุปกรณ์ทางการทะเลและเรือมีจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรือแบบไหนก็มีหมด ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีเรือลำพิเศษแบบนี้เป็นธรรมดา


เรื่องเรือทางฝั่งของเรค บิ๊กฟุตเป็นคนช่วยติดต่อให้ เรือขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกของได้ถึงสองพันตัน ที่ใต้ท้องเรือมีท่อขนาดยาวจำนวนมากติดอยู่ ที่ปลายท่อพวกนั้นเป็นแบบสมอปลายเปิด แต่ว่าพวกมันไม่มีตะขอ ที่ปลายด้านหน้าแหลมคม พวกมันจะพุ่งตัวลงสู่ก้นทะเลทันทีที่ถูกปล่อยลงน้ำ


ที่ปลายอีกด้านของท่อพวกนั้นจะถูกเชื่อมต่อกับห้องเก็บสารอาหารที่อยู่ใต้ท้องเรือ ทำให้เรือชนิดพิเศษนี้สามารถปล่อยสารอาหารออกมาได้ตลอดทาง


ค่าใช้จ่ายของเรือสองลำนี้สูงมาก หากคำนวณจากจำนวนไมล์ ทุกๆ ร้อยกิโลเมตรจะต้องเสียเงินไปสี่พันดอลลาร์แคนาดา เมื่อคำนวณจากการที่ต้องวนเรือทั่วฟาร์มปลาหนึ่งรอบแล้ว เงินประมาณสี่ถึงห้าล้านก็คงจะยังไม่เพียงพอ


การปรากฏตัวของเรือชนิดนี้ไม่ได้มีให้เห็นมากนัก มันคือสินค้าสำหรับใช้ขุดเจาะทะเลที่เคยวางแผนกันไว้


แผนขุดเจาะมหาสมุทรทั้งหมด เกิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษที่ 80 โครงการความร่วมมือระหว่างประเทศในการขุดเจาะใต้ทะเลนั้นจัดขึ้นเพื่อศึกษาวิจัยโครงสร้างดินในพื้นที่มหาสมุทรและการศึกษาประวัติศาสตร์เพิ่มเติม เพราะว่าการวิจัยดังกล่าวจำเป็นที่จะต้องทำการรวบรวมสุ่มตัวอย่างจากดินทรายที่ใต้ทะเลอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงมีการสร้างเรือพิเศษชนิดนี้ขึ้น


ที่มาอันยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ทำให้การใช้จ่ายสำหรับการใช้เรือชนิดนี้สูงเป็นธรรมดา แน่นอนว่า เมื่อรวมกับสารอาหารที่ใช้บำรุงฟาร์มปลาแล้วยิ่งใช้เงินเยอะเข้าไปอีก


ฉินสือโอวซื้อปุ๋ยแมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม คาร์บอน และซิลิคอนสำหรับบำรุงฟาร์มปลามาโดยเฉพาะ เดิมทีเขาคิดว่าของพวกนี้จะหายาก แต่เมื่อเขาโทรไปถามบิล ปุ๋ยพวกนี้ก็เป็นของที่หาง่ายทันที ฟาร์มขนาดเล็กจำนวนมากก็ใช้ปุ๋ยชนิดนี้ในการบำรุงเช่นกัน


เป็นที่รู้กันดีว่า ตอนนี้ทั่วทั้งโลกต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์การอยู่รอดของการเพาะเลี้ยงปลาบริเวณชายฝั่ง ฟาร์มปลาหลายแห่งไม่ได้รับผลผลิตตามที่เหมาะสม สาเหตุไม่ได้เกิดจากการที่เจ้าของฟาร์มปลาไม่มีเงินพอที่จะลงทุนแก่พวกปลาเล็กปลาน้อย แต่เป็นเพราะว่าที่ใต้ทะเลไม่ได้อุดมสมบูรณ์พอ ทำให้ไม่สามารถปลูกสาหร่ายได้ พวกเขาทำได้เพียงแค่ให้อาหารปลาและกุ้งจากอาหารเทียมเท่านั้น


พอเป็นแบบนี้ปัญหาก็จะตามมา อันดับแรก ปลาและกุ้งที่ถูกเลี้ยงโดยอาหารเทียมจะไม่มีราคา ต่อมา เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการพบเจอการขโมยปลา เหล่าเจ้าของฟาร์มปลาก็จำเป็นที่จะต้องออกเรือไปลาดตระเวนตลอดเวลา การทำแบบนี้ทำให้เกิดความสิ้นเปลืองทั้งน้ำมันและทั้งแรงกาย โดยปกติแล้วค่าใช้จ่ายพวกนี้จะรวมอยู่ในราคาในการขายปลาอยู่แล้ว ดังนั้นปัญหานี้จึงนำไปสู่ราคาปลาที่สูงขึ้น


เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าของฟาร์มปลายังจะมีเงินเหลืออีกเท่าไรที่จะนำมาลงทุนได้? โดยเฉพาะการลงทุนทางใต้ท้องทะเลอย่างเรื่องนี้ ถือเป็นการเปลืองแรงเปล่าๆ เพราะสารอาหารใหม่ๆ จากด้านนอกนั้นจะซึมลงทรายใต้ทะเลได้ต้องใช้เวลานาน


ฉินสือโอวซื้อปุ๋ยทั้งหมดหกพันตัน ยังดีที่ของพวกนี้ถูกกว่าปุ๋ยยูเรียอยู่เยอะ หนึ่งตันพึ่งจะราคา 800 ดอลลาร์เท่านั้น การลงทุนในครั้งนี้ถือว่าลงทุนไปเกือบครึ่งล้าน


การจะบำรุงสารอาหารให้ฟาร์มปลาไม่ใช่เรื่องที่เจ้าของฟาร์มปลาคิดจะทำก็ทำได้เลย พวกเขาต้องรายงานไปยังกรมประมงท้องถิ่นด้วย เมื่อได้รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่พวกเขาจึงจะสามารถจัดหาของพวกนั้นได้ เพราะว่าทางกรมประมงกลัวว่าเจ้าของฟาร์มปลาจะทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า หากว่าเทอะไรลงไปในทะเลตามอำเภอใจล่ะก็ แบบนั้นอาจจะเกิดปัญหาขึ้นอย่างแน่นอน


นี่เป็นการแนะนำระบบการจัดการการประมงของแคนาดา แคนาดาเป็นหนึ่งในสหพันธรัฐ ในรัฐธรรมนูญได้มีการกำหนดไว้ว่ากิจการส่วนใหญ่ของการประมงของประเทศต้องถูกบริหารจัดการโดยรัฐบาลเป็นหลัก โดยจะมีการแบ่งเขตการดูแลระหว่างรัฐบาลและหน่วยงานท้องถิ่นจากเส้นแบ่งเขตบาดาล


โดยหน่วยงานท้องถิ่นจะมีอำนาจในการจัดการทรัพยากรภายในเขตบาดาล ส่วนบริเวณที่อยู่เลยนอกเขตบาดาลไปจะเป็นหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องในแต่ละอุตสาหกรรมเข้ามาดูแลจัดการ


โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้นก็จะมีกรมประมง กระทรวงคมนาคม กระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ กระทรวงกลาโหม รวมถึงกระทรวงพัฒนาการชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกาเหนือและอื่นๆ มันเป็นเรื่องน่าปวดหัวเป็นอย่างมาก เพราะแต่ละหน่วยงานก็จะมีกฎข้อบังคับของตัวเองที่แตกต่างกัน


กฎข้อบังคับของกรมประมงยังครอบคลุมถึงหน่วยงานลาดตระเวนตามชายฝั่งและการจัดการเกษตรและประมง ฉินสือโอวเสนอว่าการตรวจสอบปรับปรุงฟาร์มปลา เป็นหน้าที่ของผู้ที่มาเช่าซื้อทีหลัง


เพราะความสัมพันธ์ของฉินสือโอวและแมทธิว ทำให้ผลการบริหารงานการเกษตรและประมงของนครเซนต์จอห์นมีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง ก่อนที่แมทธิวจะเข้าร่วมกับกรมประมงเขาได้เสนอเรื่องนี้ขึ้นไปแล้ว ในที่สุดตอนนี้มันก็ได้รับการอนุมัติ


ในมุมมองของใครหลายคนมักมองว่าประสิทธิภาพของกรมประมงและการเกษตรค่อนข้างต่ำ อันที่จริงเรื่องนี้ถือว่าจัดการได้ค่อนข้างรวดเร็ว หากไม่เป็นเพราะแมทธิวเป็นคนจัดการเรื่องนี้ ข้อเสนอในการปรับปรุงของฉินสือโอว เกรงว่าแม้จะผ่านไปครึ่งเดือนก็คงไม่มีอะไรคืบหน้า


แคนาดามักจะบอกเสมอว่ารัฐบาลของพวกเขามีความกระตือรือร้นในการทำงานสูง ประสิทธิภาพดีเยี่ยม การที่พวกเขาทำงานกันไม่หยุดหย่อน นั่นก็เพราะว่าราชการของแคนาดาแต่ละคนไม่ได้มีแต่คนสูงวัย แต่ผลงานที่แสดงออกมากลับทำให้ผู้คนต่างพากันหัวเราะเยาะ


เมื่อเรือลำใหญ่แล่นเข้าสู่ฟาร์มปลา ฉินสือโอวก็เข้าไปดูงานด้วยตัวเอง ห้องบังคับเรือขนาดใหญ่พิเศษนี้เหมือนกับห้องบังคับเครื่องบนเครื่องบิน ข้างในห้องมีปุ่มและอุปกรณ์บังคับมากมาย ส่วนท้องเรือนั้นแยกออกมาต่างหาก แต่ละห้องมีชื่อสารอาหารแต่ละชนิดเขียนไว้ ห้องใต้ท้องเรือที่ใหญ่ที่สุดเป็นห้องสำหรับผสมสารอาหาร เพราะว่าพื้นที่ฟาร์มปลาจำนวนมากยังจำเป็นที่จะต้องได้รับสารอาหารหลากหลาย


เรคติดตามมาที่ฟาร์มปลาด้วยตัวของเขาเอง เขาแจ้งถึงราคาสุดท้ายที่คำนวณมาแล้วให้แก่ฉินสือโอว ทุกกิโลลดไปสิบห้าดอลลาร์ แม้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มาก แต่หนึ่งร้อยกิโลก็เป็นเงินหนึ่งพันห้าร้อยดอลลาร์แล้ว


ฉินสือโอวเชิญเรคมานั่งอยู่ที่ใต้ร่มบริเวณชายหาดด้วยกัน ฉินสือโอวรินเบียร์เย็นๆ และนำของกินอย่างถั่วต้ม พริกดอง และถั่วสโนว์พีจำนวนหนึ่งมาให้เขา จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็นอนเอนลงบนเก้าอี้และพูดคุยกัน


เรคพูดออกมาด้วยความอิจฉาในการใช้ชีวิตของฉินสือโอว เขากินถั่วสโนว์พีหนึ่งคำตามด้วยเบียร์อีกหนึ่งอีกอึก พลางถอนหายใจออกมาว่า “เพื่อน คุณกับพวกผมนี่เหมือนอยู่กันคนละโลกเลยนะ พวกผมอยู่ในโลกมนุษย์และเอาแต่วุ่นวายกับเรื่องบนโลก แต่คุณกลับมองดูพวกเราจากท้องฟ้าด้วยความสบายใจ”


ฉินสือโอวหัวเราะออกมา “ถ้าหากว่าคุณคิดอยากจะใช้ชีวิตแบบนี้ เช่นนั้นก็มาอยู่ที่ฟาร์มปลาของพวกเราสิ ผมมีบ้านพักอยู่ที่ฟาร์มปลาแกธเธอริงอยู่ราวสี่สิบกว่าหลัง ตอนนี้สร้างโครงสร้างเสร็จแล้ว พอทำหลังคาเสร็จก็คงจะเสร็จแล้ว คุณอยากได้สักหลังไหม? ”


เรคเป็นคนที่ใจกล้าและยินดีที่จะทำเรื่องต่างๆ ถ้าหากว่าคุณสามารถเป็นเพื่อนบ้านกับคนประเภทนี้ได้ ฉินสือโอวก็ยินดีต้อนรับเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าเขานั้นมีเส้นสายมากมายในมหานครเซนต์จอห์น


พูดถึงฟาร์มปลาแกธเธอริง เรคก็รู้ได้อย่างชัดเจนขึ้นมาทันที เขายกมือขึ้นลูบคางแล้วมองไปยังฉินสือโอวด้วยความสงสัยและถามออกมาว่า “คุณพูดจริงเหรอ?”


“จริงสิ เลือกบ้านมาสักหลัง คุณดูว่าคุณจ่ายได้เท่าไรก็เท่านั้น” ฉินสือโอวหัวเราะออกมาเสียงดัง


เรคครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาจิบเบียร์พลางมองออกไปยังท้องทะเลอย่างครุ่นคิด


ฉินสือโอวไม่ได้มีเรื่องอื่นให้ต้องไปจัดการ มีเพียงเรื่องเรือลำใหญ่สองลำนี้เท่านั้นที่ต้องจัดการ และเขาได้ส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนตามเรือสองลำนั้นไป ฉินสือโอวเห็นว่าท่อใต้ท้องเรือได้ลงไปยังก้นทะเลแล้ว อุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายสมออันแหลมคมถูกเสียบเข้าไปในทรายใต้ทะเล ของบางอย่างที่มีลักษณะเหมือนทรายดูดไหลออกมาตามท่อ


ท่อใต้ท้องเรือขนาดใหญ่มีความยาวมากที่สุดถึงหนึ่งร้อยกว่าเมตร เป้าหมายของพวกมันคือบริเวณน้ำตื้นตรงไหล่ทวีป แต่ท่อที่มีขนาดไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตรไม่สามารถเข้าไปจัดการที่บริเวณน้ำลึกได้ บริเวณเหล่านั้นไม่มีสาหร่ายและพืชน้ำมากนัก และไม่ค่อยมีปลาตัวเล็กๆ ด้วย ไม่จำเป็นจะต้องได้รับการบำรุงสารอาหาร


บทที่ 745 แก้วก้นทะเล

โดย

Ink Stone_Fantasy

แผนการเสริมแคลเซียมของฟาร์มปลาไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ในวันเดียว นี่เป็นงานที่ต้องทำเป็นขั้นเป็นตอน ขั้นตอนแรกต้องใช้เวลาเจ็ดวันถึงจะเสร็จสมบูรณ์ เพราะขอบเขตครอบคลุมพื้นที่ทะเลทั้งไหล่ทวีป


ไหล่ทวีปคือส่วนที่ยื่นขยายออกมาจากพื้นดินไปทางมหาสมุทร ซึ่งปกติจะถูกคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดิน บริเวณทะเลของตำแหน่งนี้คือเขตน้ำตื้นที่เป็นที่ราบ พื้นมหาสมุทรจะถูกปกคลุมด้วยชั้นตะกอนตั้งแต่ชายขอบลาดลงไปทางทะเลลึก สุดท้ายแผ่นดินก็จะยื่นเข้าไปในที่ราบก้นสมุทร


ไหล่ทวีปของฟาร์มปลาต้าฉินมีความลึกเฉลี่ยประมาณหนึ่งร้อยสิบเมตร จัดเป็นที่ราบก้นทะเลที่มีคุณภาพดีเยี่ยม ความกว้างไม่ค่อยเท่ากัน แต่ต่างกันไม่มาก อยู่ระหว่างหนึ่งร้อยแปดสิบถึงสองร้อยกิโลเมตร ค่าเฉลี่ยระดับความลาดเอียงน้อยมาก มีเพียงประมาณศูนย์จุดสองเท่านั้น


ส่วนที่ต้องเสริมแคลเซียมก็คือพื้นที่ตรงนี้ที่นอกจากหินดานที่เปลือยเปล่าแล้ว พื้นที่ส่วนมากยังถูกปกคลุมด้วยตะกอนโคลนทราย เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ที่สาหร่ายและหญ้าทะเลเติบโตและยังเป็นพื้นที่ที่มีแคลเซียมเข้มข้นที่สุดด้วย


เรือปฏิบัติการพิเศษทำงานอย่างช้าๆ ฉินสือโอวต้องติดตามอยู่ตลอดเพราะกังวลว่าถ้าพวกเขาไปผิดทางจะทำให้สมอเรือที่ลากอยู่ก้นทะเลไปโดนแนวปะการังขึ้นมา แบบนั้นต้องมีปัญหายุ่งยากแน่


ไม่กี่วันนี้นั้นนอกจากต้องดูแลต้อนรับพ่อตาแม่ยายแล้ว เวลาอื่นๆฉินสือโอวก็จะนอนอ่านหนังสืออยู่บนชายหาด แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการแสดง ที่จริงแล้วเขากำลังใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนตรวจตราเรือทั้งสองลำ


เมื่อดูดซับพลังจากอำพันขี้วาฬที่สร้อยข้อมือแล้ว แม้ว่าหัวใจโพไซดอนจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางคุณภาพ แต่การเปลี่ยนแปลงทางพลังก็มีไม่น้อย เขารับรู้ถึงจิตสำนึกของสิ่งมีชีวิตที่ก้นทะเลได้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และมีผลกระทบต่อมหาสมุทรมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน


เห็นวันๆฉินสือโอวเอาแต่นอนอ่านหนังสือที่ชายหาด ใบหน้าของพวกชาวประมงก็เต็มไปด้วยความสงสัย ชาร์คไปดูแล้วกลับมาบอกว่าหนังสือที่เจ้านายอ่านคือ ‘ชีววิทยาทางทะเล’ แลนซ์ไปดูแล้วกลับมาบอกว่าหนังสือที่กัปตันอ่านคือ ‘ภูมิศาสตร์ทางทะเล’ จากนั้นพวกเขาก็ปรึกษากันสักพักแล้วเดาว่า นี่ฉินสือโอวจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือเปล่า?


ครั้งที่แล้วฉินสือโอวถามว่าควรจะจัดการฟาร์มปลาอย่างไรจึงจะสามารถกลับมาอุดมสมบูรณ์ได้เหมือนเมื่อก่อน ชาวประมงกลุ่มหนึ่งคิดจนหัวจะระเบิดก็ไม่สามารถออกความคิดเห็นอะไรได้ ตอนนั้นฉินสือโอวรีบร้อนเลยพูดไปว่าพวกเขาขาดคนที่มีการศึกษาสูง เขาคิดว่าตัวเองน่าจะไปสอบเข้าเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยดังๆในคณะทางทะเล


เรื่องนี้ฉินสือโอวแค่พูดไปอย่างนั้น ผลสุดท้ายตอนนี้พวกชาวประมงกลับคิดเป็นจริงเป็นจังไปแล้ว พวกชาร์คยังติดต่อไปที่ช่องทางการรับสมัครนักศึกษาใหม่ของแต่ละมหาวิทยาลัยอย่างกระตือรือร้นอีกด้วย


ฉินสือโอวยังไม่รู้เรื่องนี้ ช่วงหลายวันนี้เขาทำการตรวจสอบก้นทะเลของฟาร์มปลาไปกับเรือสองลำนี้อย่างละเอียด ผลสุดท้ายก็พบของแปลกๆที่ไม่เคยเจอมาก่อนไม่น้อย


ตั้งแต่ตัวเองได้รับหัวใจโพไซดอน ฉินสือโอวก็ควบคุมจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้โคจรอยู่ในฟาร์มปลาแทบจะทุกวัน


แต่ร่อนเร่อยู่ที่ก้นทะเลคนเดียวก็โดดเดี่ยวเกินไป เดิมทีฉินสือโอวไม่ได้มีความอดทนมากนัก แต่ฉินสือโอวกลับชอบร่อนเร่อยู่บริเวณระดับน้ำทะเลปานกลาง เพราะปลาที่เป็นปลาเศรษฐกิจจำนวนมากล้วนดำรงชีวิตอยู่ที่บริเวณระดับน้ำทะเลปานกลาง


หลายวันมานี้มีเรือสองลำเป็นเพื่อนก็ถือว่าเขาไม่ได้โดดเดี่ยวขนาดนั้น เขาเลยมีความอดทนตระเวนอยู่ที่ก้นทะเลได้เรื่อยๆ


อันดับแรกสิ่งที่ฉินสือโอวค้นพบก็คือน้ำพุร้อนใต้ทะเลแห่งหนึ่ง ตำแหน่งของน้ำพุร้อนเหล่านี้อยู่ตรงปลายไหล่ทวีปที่ก้นทะเลมีรอยแยกไม่กี่รอยยาวหลายสิบกิโลเมตร ที่นี่มีน้ำทะเลร้อนปะทุออกมาจากด้านในไม่ขาดสาย


ฉินสือโอวสำรวจดูสักครู่ น้ำพุร้อนก้นทะเลประเภทนี้ไม่ได้หายาก ในทางตรงกันข้ามยังเป็นสิ่งที่พบได้ง่ายในทะเลหนาวเย็นที่เขตละติจูดสูงด้วย


ก้นทะเลยังลึกไม่มีที่สิ้นสุด ที่มนุษย์รู้จักเกรงว่าจะไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ อย่างเช่นน้ำพุร้อนใต้ทะเล นักวิชาการทางทะเลก็ยังไม่สามารถวิจัยได้อย่างกระจ่างว่ามันคืออะไร


คำอธิบายที่เป็นที่ยอมรับในขณะนี้คือด้านล่างของน้ำพุร้อนจะมีหินเปลือกโลกที่หลอมละลายเป็นหินหนืดหมุนวนอยู่ แต่ไม่สามารถปะทุออกมาจากชั้นหินที่ก้นทะเลได้ ทำให้น้ำพวกนี้เดือดพล่าน


แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนสงสัยคือหลายตำแหน่งที่พบน้ำพุร้อนกลับไม่ได้อยู่ในบริเวณภูเขาไฟใต้ทะเล แต่เป็นบริเวณที่สงบ นอกจากนี้หลายปีก่อนหน้านี้เรือวิจัยของอเมริกายังเคยทำการเจาะบริเวณก้นทะเลที่ตำแหน่งของน้ำพุร้อนด้วย


เครื่องจักรเจาะลึกเขาไปที่เปลือกโลกหลายสิบเมตรแล้วก็ยังไม่พบหินหนืด ดังนั้นคำอธิบายนี้ก็พูดได้ไม่เต็มปาก


หลังจากที่ฉินสือโอวสังเกตเห็นตำแหน่งของน้ำพุร้อนแล้ว เขาก็ตรวจสอบสภาพบริเวณรอบๆอย่างละเอียดจากนั้นก็พบสสารลักษณะเป็นดินเหนียวเนียนละเอียด


สสารประเภทนี้ดูเนื้อแล้วคล้ายดินเหนียว แต่กลับมีสีที่แตกต่าง ที่จริงนี่คือธาตุโลหะหนืดใต้ทะเลที่ล้ำค่า


การมีอยู่ของธาตุโลหะหนืดล้มล้างเรื่องน้ำพุร้อนหินหนืด เพราะไม่ใช่น้ำพุร้อนที่อยู่ใกล้ๆทั้งหมดจะมีสิ่งนี้ ส่วนน้อยเท่านั้นที่จะมีและน้ำพุร้อนที่มีธาตุโลหะหนืดเท่านั้นถึงจะสามารถใช้คำอธิบายว่าด้านล่างมีหินหนืดได้


ฉินสือโอวทำความเข้าใจอยู่ครู่หนึ่ง ธาตุโลหะหนืดเป็นหินหนืดในส่วนลึกของโลกที่ไหลตามรอยแยกของเปลือกโลกที่ก้นทะเลไปถึงชั้นโลกลึก ทำให้เกลือแร่และโลหะละลายที่อยู่ในหินหนืดกลายเป็นสารละลายที่ประกอบไปด้วยแร่ธาตุ และเมื่ออยู่ภายใต้อุณหภูมิและความกดดันสูงมันก็จะพ่นไอน้ำออกมาตามก้นทะเล เมื่อผสมกับดินเหนียวที่ก้นทะเลก็จะกลายเป็นสารหนืดที่ประกอบด้วยธาตุโลหะนานาชนิด


สารหนืดประเภทนี้มีคุณค่าเชิงกลยุทธ์สูง แต่พัฒนาใช้ประโยชน์ได้ยาก ข้อหนึ่งคือตำแหน่งของมันอยู่ในทะเลลึก สองคือมีน้ำพุร้อนอยู่รอบๆ มนุษย์ไม่สามารถสัมผัสได้โดยตรง จะใช้เครื่องจักรขุดเจาะทะเลลึกก็ไม่น่าไว้ใจ ดังนั้นทรัพยากรประเภทนี้เลยต้องชะลอไว้ตลอด


น้ำพุร้อนอุณหภูมิสูงมาก แต่รอบๆกลับไม่ไร้สิ่งมีชีวิต ฉินสือโอวพบหอยแมลงภู่ ปูทะเล ไส้เดือนทะเลสีเลือดหมู ปูและกุ้งตัวเล็กๆจำนวนหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากน้ำพุร้อน


อีกอย่างรอบๆน้ำพุร้อนยังมีสิ่งมีชีวิตคล้ายปลิงที่มีลักษณะเหมือนต้นแดนดีไลออนอยู่ด้วย แน่นอนว่าต้องมีสิ่งมีชีวิตจำพวกหนอนทะเล ปลาดาวและดอกไม้ทะเลด้วยเช่นกัน


ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดหอยแมลงภู่และปูทะเลรอบๆน้ำพุร้อนถึงมีขนาดใหญ่ถึงขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่มีปลาใหญ่ที่ชอบเข้าใกล้ที่นี่หรือเปล่า แม้ว่าจำนวนของพวกมันจะมีอยู่ไม่มาก ทว่าแต่ละตัวก็มีขนาดใหญ่ หอยแมลงภู่ที่ใหญ่ที่สุดใหญ่ก็ประมาณฝาหม้อเลยทีเดียว ช่างน่าตะลึงจริงๆ!


นอกจากน้ำพุร้อน ฉินสือโอวยังพบของที่แปลกประหลาดยิ่งกว่า นั่นก็คือสสารที่มีลักษณ์คล้ายกระจก!


ตำแหน่งของสสารพวกนี้อยู่รวมกันที่บริเวณลุ่มน้ำกลางไหล่ทวีป ลุ่มน้ำแห่งนี้ถูกโคลนทะเลปกคลุมไว้เกือบทั้งหมดมาเป็นระยะเวลานาน ครั้งนี้เมื่อเรือปฏิบัติการพิเศษผ่านมาจึงได้ใช้สมอลากสิ่งล้ำค่าพวกนี้ออกมาด้วย


ฉินสือโอวทำความเข้าใจกับข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตครู่หนึ่ง สสารที่มีสภาพเป็นแก้วเหล่านี้ก็คือแก้วที่มีเนื้อไม่ต่างจากแก้วที่มนุษย์ผลิตขึ้นเท่าไร มันเรียกว่าแก้วก้นทะเล


ตามการสำรวจของมนุษย์ จนถึงตอนนี้แก้วก้นทะเลเป็นของที่เกิดขึ้นเฉพาะในมหาสมุทรแอตแลนติกเท่านั้น ส่วนเหตุผลว่าทำไมที่ที่หาหินแกรนิตได้ยากอย่างก้นมหาสมุทรแอตแลนติกกลับมีแก้วก้นทะเลปรากฏอยู่มากขนาดนี้ยังคงเป็นสิ่งที่อธิบายไม่ได้…


ที่ลุ่มน้ำขนาดเล็กมีพื้นที่ไม่มาก อาจจะมีเพียงประมาณสองหมื่นหกพันกว่าตารางเมตรด้านในเป็นแก้วก้นทะเลชิ้นใหญ่ แก้วพวกนี้คล้ายแก้วซิลิเกตที่มนุษย์ผลิตขึ้นมา แน่นอนว่าความโปร่งใสไม่สูงมาก แต่ดูสวยงามมากและความโปร่งแสงก็ไม่เลวทีเดียว


นอกจากนี้แก้วพวกนี้ยังงดงามมากเป็นพิเศษ สีสันสวยงาม มีสีแดงอ่อน สีฟ้าสด และสีขาวหิมะราวกับมีคนเคยขึ้นรูปแก้วที่ก้นทะเลแล้วทิ้งเศษพวกนี้ไว้


พอเห็นแก้วที่ก้นทะเลพวกนี้ ฉินสือโอวก็คิดถึงวังแก้วของพญามังกรในเรื่องไซอิ๋ว


นึกถึงวังแก้ว ฉินสือโอวก็มีความคิดอย่างหนึ่งขึ้นมากะทันหัน ตัวเขาเองจะสามารถใช้แก้วชิ้นใหญ่ๆพวกนี้สร้างวังที่ก้นทะเลได้ไหมนะ?


บทที่ 746 ต้องประท้วงอีกแล้ว

โดย

Ink Stone_Fantasy

ถ้าเป็นเมื่อร้อยปีก่อนที่เทคนิคการหลอมแก้วยังไม่พัฒนาเหมือนสมัยนี้ แก้วก้นทะเลพวกนี้จะมีค่าสูงมาก!


แต่ตอนนี้เทคนิคการหลอมแก้วพัฒนาเต็มที่มากแล้ว อย่าว่าแต่แก้วหลากสีเลย แก้วชนิดพิเศษแต่ละประเภทหรือไฟเบอร์กลาสต่างก็ปรากฏออกมาอย่างไม่ขาดสาย แก้วก้นทะเลพวกนี้นอกจากการวิจัยแล้วก็ใช้ประโยชน์อะไรได้ไม่มาก


ดังนั้นฉินสือโอวที่พบแก้วพวกนี้ก็ได้แต่ใช้มันเอง


เมื่อมองดูชิ้นส่วนกระจกที่มีรูปร่างสีสันแตกต่างหลากหลาย ฉินสือโอวก็คิดอะไรได้อย่างหนึ่ง นั่นคือหาที่ราบเรียบแถวแนวหินปะการังแล้วใช้แก้วพวกนี้สร้างวังที่เรียบง่ายสักหลังหนึ่ง


พูดแล้วก็ทำเลย ชิ้นส่วนแก้วที่มีขนาดใหญ่จะอยู่ที่ไม่กี่สิบลูกบาศก์เซนติเมตร จิตสำนึกแห่งโพไซดอนยกคลื่นขนาดใหญ่จากก้นทะเลขึ้นมาเพื่อโหมเอาชิ้นส่วนแก้วจากที่ลุ่มน้ำขึ้นมาช้าๆแต่มั่นคงแล้วพัดไปทางแนวหินปะการัง


ความลาดชันของฟาร์มปลาต้าฉินค่อนข้างน้อย เฉลี่ยแค่ร้อยละสอง การพัดชิ้นส่วนแก้วขึ้นมาเลยไม่ถือว่าลำบากมากนัก


ฉินสือโอวเริ่มฉุกคิดขึ้นมาก็เลยทำได้อย่างมีกำลังใจ แต่จะว่าไปแล้วที่ลุ่มน้ำห่างจากแนวปะการังตั้งหกสิบเจ็ดสิบกิโลเมตร ถ้าจะขนแก้วที่หนักขนาดนี้ไปจริงๆเขาทำให้ตายก็ทำไม่ได้!


แค่ขนชิ้นส่วนแก้วสิบกว่าอันไปหนึ่งกิโลเมตร ฉินสือโอวก็เหนื่อยเป็นหมานอนหอบอยู่บนเก้าอี้นอนแล้ว


เป็นเพราะเขาเพิ่งได้สร้อยข้อมืออำพันขี้วาฬเสริมพลังไปบ้าง ไม่อย่างนั้นหมดระยะทางหนึ่งกิโลเมตรนี้คงทำให้เขาเหนื่อยจนเป็นลม!


หู่จือและเป้าจือวิ่งมา เจ้าตัวแสบทั้งสองมองฉินสือโอวที่นอนอยู่บนเก้าอี้อย่างประหลาด พอดูออกว่าฉินสือโอวเหนื่อยก็วิ่งไปตามเสี่ยวหลัวปอมาให้มันขึ้นไปเหยียบหลังให้ฉินสือโอว


เสี่ยวหลัวปอยืดคอไม่ยินยอมพร้อมทำท่ารังเกียจ ตัวเองเป็นหมาป่าขาวกุลสตรี มันไม่ทำเรื่องผิดพลาดแบบนี้เด็ดขาด


หู่จือและเป้าจือใช้ลิ้นเลียปากอย่างร้ายกาจ ในขณะเดียวกันนั้นก็กระโดดขึ้นมากดเสี่ยวหลัวปอลงบนหาดทรายแล้วใช้อุ้งเท้าขุดทรายอย่างรวดเร็วจนดูเหมือนจะฝังเสี่ยวหลัวปอลงไป


เสี่ยวหลัวปอส่งเสียงโห่วโห่วด้วยความรู้สึกไม่เป็นธรรม สุดท้ายมันก็หนีขาใหญ่ๆไม่พ้นและได้แต่ขึ้นไปบนหลังฉินสือโอวเพื่อทำเรื่องไม่ดีนี้


ฉินสือโอวยกนิ้วโป้งให้หู่จือและเป้าจือเพื่อแสดงความชื่นชมเอาอกเอาใจเหมือนลูกแท้ๆแล้วหลับตาให้เสี่ยวหลัวปอเหยียบหลัง กล้ามเนื้อกำลังปวดเมื่อยเพราะสูญเสียพลังแห่งโพไซดอน ถูกเหยียบหลังแบบนี้ก็สบายดี


เมื่อได้รับคำชมจากพ่อ หู่จือและเป้าจือก็หมุนตัวอย่างตื่นเต้นแล้วกระโดดหยอกล้อกันอยู่บนชายหาด


แก้วก้นทะเลจัดการไม่ได้ในเวลาสั้นๆ ฉินสือโอวอยากพักผ่อนสักหน่อยเลยไปเตร็ดเตร่ในเมือง


แฮมเล็ตน่าจะเคยอ่านบทความของเหมาเจ๋อตงและเติ้งเสี่ยวผิงเรื่องความสำคัญของการเข้าใจการต่อสู้ระดมมวลชน ทุกที่ในเมืองถึงได้มีคำขวัญและรูปหาเสียงเลือกตั้งของเขาติดอยู่


ฉินสือโอวอยากไปหาแฮมเล็ต ผลสุดท้ายเลขาบอกเขาว่าผู้ว่าการเมืองไปนครเซนต์จอห์นกับเออร์บัก ว่ากันว่าไปตระเวนหาเสียงทีละบ้านเพื่อสัมผัสกับประชาชนด้วยตัวเอง


โรงพิมพ์ของเมืองเปิดทำการเต็มกำลัง สิ่งพิมพ์กองใหญ่ออกมาสดๆร้อนๆ คนท้องถิ่นในเมืองที่ถูกว่าจ้างชั่วคราวกำลังสอบถามข้อมูลผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งแล้วแจกจ่ายไปทั่ว


สนามหญ้าตรงสี่แยกปั๊มน้ำมันและร้านสะดวกซื้อทั้งหมดในเมืองเต็มไปด้วยป้ายหาเสียงเลือกตั้งแบบต่างๆราวกับดอกเห็ด ด้านบนทั้งหมดเป็นรูปถ่ายของแฮมเล็ต มีรูปตอนทำงานอย่างเคร่งขรึม ตอนพบปะอย่างเป็นมิตรกับประชาชนและยังมีรูปโฟโต้ชอปแบบตลกๆรูปการ์ตูนแบบน่ารักๆด้วย


นักท่องเที่ยวในประเทศที่มาเที่ยวในเมืองได้สัมผัสประสบการณ์แบบนี้ด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกล้วนสนอกสนใจถ่ายรูปกันไม่หยุด


แฮมเล็ตจ้างสื่อให้ช่วยรายงานสถานการณ์การท่องเที่ยวในเมืองให้เขาโดยเฉพาะแบบนี้เลยมีนักข่าวมาหามาคุยกับนักท่องเที่ยวอยู่เรื่อยๆ และคอยถามพวกเขาเกี่ยวกับความรู้สึกที่ได้มาที่เมืองนี้ด้วย


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งที่นักท่องเที่ยวในประเทศพูดออกมาย่อมเป็นเหมือนดินแดนในอุดมคติ ประเมินค่าความสวยงามเหมือนโลกในภาพวาด พวกนักข่าวถามหยั่งเชิงขึ้นมาอีกว่าที่เมืองเป็นอย่างทุกวันนี้ทั้งหมดล้วนเป็นความดีความชอบของแฮมเล็ต


ในสายตาของนักข่าวผิวขาวพวกนี้ ฉินสือโอวอายุพอประมาณ รูปร่างใกล้เคียง หน้าตาดูเหมือนคนจีน แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักฉินสือโอว แต่หลังฉินสือโอวลงจากรถเอสยูวีก็มีนักข่าวสาวน่ารักคนหนึ่งเข้าไปถามเขา “คุณคะ คุณมาจากไหนคะ?”


“ฟาร์มปลาต้าฉิน?” ฉินสือโอวตอบกลับอย่างไม่แน่ใจ เขาไม่เข้าใจว่าที่นักข่าวสาวถามว่า ‘ที่ไหน’ หมายถึง ‘ที่ไหน’


นักข่าวสาวลูบผมที่ชี้ฟูพร้อมถามช่างภาพที่อยู่ด้านหลังอย่างซื่อบื้อ “ฟาร์มปลาต้าฉินเป็นเมืองเหรอ? หรือเป็นฉายาของเมือง?”


ช่างภาพคนนั้นไม่โง่ เขามองยี่ห้อรถเอสยูวีแล้วขยิบตาให้นักข่าวสาวพร้อมพูดขึ้น “ผมว่าไม่น่าใช่มั้ง? เอ้อ แพรีส ดูสิ ทางด้านโน้นมีคณะทัวร์อยู่ด้วย พวกเราไปดูกันเถอะ?”


นักข่าวสาวความรู้สึกช้า เธอมองรถเอสยูวีที่อยู่ด้านหลังแล้วถามอย่างลังเล “คุณเป็นประชาชนของเมือง? ฉินสือโอวที่มีชื่อเสียงคนนั้นน่ะเหรอ?”


ฉินสือโอวเห็นนักข่าวสาวมึนๆงงๆก็คิดจะหยอกเล่น เขายื่นมือทำท่าเหมือนจะบีบแก้มอ้วนๆของนักข่าวสาวพร้อมหัวเราะ “ใช่แล้ว ผมคือมาเฟียใหญ่ฉินสือโอว”


นักข่าวสาวตื่นตระหนกจะถอยไป ฉินสือโอวหัวเราะออกมายกใหญ่พร้อมหันไป แต่พอหันไปรอยยิ้มของเขาก็ต้องหยุดลง ฟอกส์ น้องสะใภ้ของเขากำลังมองเขาอยู่ที่หน้าประตูร้านสะดวกซื้อที่อยู่ไม่ไกล


ดีที่ฟอกส์ไม่ได้พูดอะไร เมื่อเธอพบว่าฉินสือโอวเห็นตัวเองแล้วเธอก็แค่โบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณ จากนั้นก็มีสาวสวยอกอึ๋มเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อแล้วส่งเครื่องดื่มให้ฟอกส์หนึ่งแก้ว แล้วทั้งสองคนก็จากไป


ฉินสือโอวกะพริบตาปริบๆด้วยความสับสน สาวสวยอกอึ๋มนั่นไม่ใช่เชอริล แฮรี่ ครูของพวกเชอร์ลีย์หรอกเหรอ? ทำไมกลายเป็นเพื่อนกับฟอกส์ได้เร็วขนาดนี้ล่ะ?


ฮิวจ์ถือหมวกเบสบอลเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อ หลังจากเห็นสือโอวเขาก็หัวเราะพลางพูดขึ้น “เฮ้พวก แฮมเล็ตบอกนายแล้วเหรอ? นายก็คิดจะไปร่วมกิจกรรมการประท้วงด้วยเหรอ?”


ฉินสือโอวมึนงง ทำไมถึงมีกิจกรรมการประท้วงอีกแล้ว? คนแคนาดาว่างขนาดนี้เลยเหรอ?


เห็นหน้าตาเขาไม่เข้าใจ ฮิวจ์ก็คิดได้ทันทีแล้วรีบอธิบาย “พวกเราประท้วงรัฐบาลที่ไม่ให้ความสำคัญด้านการแพทย์ของพลเรือน ตอนนี้พวกเราไปหาหมอที่โรงพยาบาลก็ยุ่งยากเหลือเกิน โอมาร์เพื่อนของพวกเราเจ็บปวดมาก ดังนั้นต้องไปให้ความเป็นธรรมกับเขา”


ฉินสือโอวรู้จักโอมาร์ เขาเป็นเจ้าของร้านพิซซ่าแห่งหนึ่งในเมือง ฉินสือโอวเคยไปกินพิซซ่าของชายวัยกลางคนที่ชอบยิ้มแย้มคนนั้น


ฮิวจ์เชิญชวน ฉินสือโอวปฏิเสธไม่ได้ก็เลยไปประท้วงกับพวกเขาด้วย ขณะเดินอยู่บนถนนฮิวจ์ก็เล่าต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้ให้ฉินสือโอวฟัง เขาถึงเข้าใจว่าเป็นเรื่องอะไร


การไปหาหมอที่แคนาดามีความยากลำบากอยู่สองอย่าง หนึ่งคือรอไม่ไหว สองคือทนไม่ไหว


เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว โอมาร์พบมะเร็งที่กระเพาะปัสสาวะ ยังดีที่เป็นระยะสอง ไม่ถือว่าหนักมากก็เลยทำการผ่าตัดแบบส่องกล้องที่โรงพยาบาลแมรีของนครเซนต์จอห์นโดยใช้แสงเลเซอร์ในการทำลายส่วนที่เป็นมะเร็ง


ผลสุดท้ายในต้นเดือนมิถุนายน โอมาร์ก็รู้สึกไม่สบายอีกก็เลยติดต่อหมอประจำบ้านเพื่อตรวจรักษาใหม่ เขาได้รับการตรวจและผลก็ยืนยันว่ามีการเกิดโรคซ้ำซึ่งจำเป็นต้องผ่าตัดอีกครั้งพร้อมให้เคมีบำบัด


บทที่ 747 คุณคือผู้นำ

โดย

Ink Stone_Fantasy

เรื่องนี้ไม่มีอะไร มะเร็งกระเพาะปัสสาวะเป็นโรคที่เกิดซ้ำได้ง่าย เพียงแค่ทำการรักษาอีกครั้งก็พอแล้ว


แต่ปัญหาคือจนถึงตอนนี้ก็กลางเดือนกรกฎาคมแล้ว แต่โอมาร์ถูกทางโรงพยาบาลแจ้งว่าต้องรอการจัดตารางผ่าตัดโดยที่ยังระบุเวลาแน่นอนไม่ได้


แบบนี้ค่อนข้างน่าปวดหัว เดิมทีการที่มะเร็งเกิดซ้ำก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวอยู่แล้ว มันทำร้ายร่างกายและจิตใจของคนป่วยอย่างมาก โอมาร์จึงรีบร้อนอยากจัดการรักษาเรื่องนี้เป็นธรรมดา แต่ทางโรงพยาบาลก็ยืดเยื้อเกินไปแล้วจริงๆ!


ที่จริงเรื่องนี้จะตำหนิว่าโรงพยาบาลไม่ให้ความสำคัญอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะระบบการรักษาพยาบาลกำหนดไว้เป็นแบบนี้เอง


ต้องยอมรับว่าเทียบกับแต่ละประเทศในโลกแล้ว ความยุติธรรมและโปร่งใสของระบบรักษาพยาบาลของแคนาดานั้นเป็นเลิศ แต่มีอยู่หนึ่งปัญหาที่สาหัสมากก็คือการพบหมอที่เชื่องช้า ทุกโรงพยาบาลล้วนมีสถานการณ์นี้


ช้าถึงขั้นไหนน่ะเหรอ? ตามรายงานการตรวจสอบของผู้มีอำนาจ ตั้งแต่ที่ผู้ป่วยของแคนาดาได้รับใบวินิจฉัยจากแพทย์ประจำบ้านจนถึงเมื่อได้รับการรักษาเชิงลึกจากโรงพยาบาลใหญ่ ค่าเฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ที่สิบเก้าสัปดาห์!


ในจำนวนนั้นระยะเวลาเฉลี่ยในการตรวจซีทีสแกนและการอัลตร้าซาวด์ทั้งประเทศจะอยู่ที่ห้าสัปดาห์ หากไม่ใช่โรคฉุกเฉินก็ต้องใช้เวลาหนึ่งปี…


แน่นอนว่าถ้าคุณมีบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรส ระยะเวลาเหล่านี้สามารถย่นให้สั้นลงได้อย่างมาก ก่อนหน้านี้วินนี่ทำการอัลตร้าซาวด์ที่โรงพยาบาลใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็จัดแจงเรื่องการพบหมอและรับเอกสารได้แล้ว


แต่ว่าคนทั้งประเทศสามสิบล้านคนจะมีบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสอยู่กี่ใบ?


สำหรับเรื่องนี้ฉินสือโอวค่อนข้างเข้าใจ ตอนที่กลับประเทศครั้งแรกเขาพบกับผู้อพยพร่วมชาติคนหนึ่งที่กลับประเทศไปเพื่อรักษาตัว และตอนนั้นตัวเขาเองก็แลกตั๋วชั้นหนึ่งให้คนคนนั้นตั้งแต่ตอนนั้นจนสามารถชนะใจวินนี่ได้


ตอนนั้นผู้อพยพคนนั้นก็คือผู้ประสบภัยจากระบบการรักษาของแคนาดา จะพูดจากมุมไหนฉินสือโอวก็เป็นผู้ที่ได้ประโยชน์อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเขากับวินนี่จะสามารถเกี่ยวข้องกันอีกได้อย่างไร?


แต่ฉินสือโอวไม่เข้าใจว่าระบบการรักษาของแคนาดายากเย็นได้ขนาดไหนถึงทำให้เกิดสถานการณ์อย่างนี้ได้?


ฮิวจ์ได้ยินคำถามของเขาก็ถอนหายใจแล้วเริ่มอธิบายให้เขาฟัง


ที่ทำให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ก็เป็นฝีมือคนแคนาดาเองที่ทำให้เกิดขึ้น เพราะที่แคนาดาความยุติธรรมในสังคมคือพื้นฐานค่านิยมดั้งเดิม และความยุติธรรมในการรักษาเกี่ยวกับการเกิดแก่เจ็บตายก็ยิ่งเป็นหลักสำคัญของความยุติธรรมในสังคม


เช่นนี้เพื่อเป็นการรักษาหลักความยุติธรรมไว้ แคนาดาเลยมีการห้ามไม่ให้ประกันชีวิตส่วนบุคคลขายบริการการรักษาที่ถูกประกันของรัฐบาลเมืองครอบคลุมอยู่ สถาบันการรักษาพยาบาลล้วนเป็นสาธารณะ ไม่มีโรงพยาบาลส่วนตัวหรือ “โรงพยาบาลชนชั้นสูง”


ที่แคนาดาโรงพยาบาลส่วนใหญ่ล้วนเป็นแบบไม่แสวงหาผลกำไร เงินทุนของพวกเขาล้วนอาศัยงบประมาณที่รัฐบาลท้องถิ่นมอบให้ และส่วนหนึ่งจากที่องค์กรการกุศลส่วนบุคคลมอบให้


รายการการบริการของโรงพยาบาลจัดอยู่ในขอบเขตประกันสังคม บริการของโรงพยาบาลล้วนไม่สามารถเก็บค่าบริการได้ เงินเดือนของแพทย์เอาเนื้อหาการบริการอื่นๆเป็นพื้นฐานตามข้อตกลงผ่านการเจรจาของรัฐบาลและสมาคมแพทย์ แพทย์ไม่สามารถกำหนดรายการค่าบริการต่อประกันสังคมได้


สำหรับประชาชนชาวแคนาดาแล้ว ไม่ว่าจะรายได้สูงหรือต่ำก็ล้วนได้รับบริการด้านสุขภาพพื้นฐานในระดับเดียวกัน


ต่อให้เป็นผู้ป่วยที่ซื้อประกันทางธุรกิจ แม้จะอยู่ห้องผู้ป่วยระดับสูง มีพยาบาลส่วนตัว จ่ายค่ายาเอง มีความสามารถในการเลือกมาตรฐานที่สูงกว่า แต่การตรวจวินิจฉัยระยะเวลาในกระบวนการรักษาไม่มีอะไรพิเศษ ที่โรงพยาบาลจะไม่มีการแซงคิว


ได้ฟังถึงตรงนี้ฉินสือโอวก็หัวเราะพลางพูดออกมา “ไม่จริงน่า นี่เป็นการหลอกลวงชัดๆ หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้ฉันพาวินนี่ไปหาหมอ เดิมทีก็ต้องต่อคิว แต่พอฉันเอาบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสออกมา ฉันก็แซงคิวได้สำเร็จแล้ว”


แม้ว่านี่จะไม่ใช่เรื่องที่ควรค่าแก่การโอ้อวดอะไร แต่นี่คือเรื่องจริง ฉินสือโอวสามารถล้มล้างคำอธิบายของฮิวจ์ได้


ฮิวจ์กะพริบตาแล้วพูดอย่างไม่อยากเชื่อ “เป็นไปไม่ได้หรอกน่า บัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสใช้ได้แค่โรงพยาบาลส่วนบุคคลและองค์กรส่วนบุคคลเท่านั้น โรงพยาบาลมาเรียเป็นโรงพยาบาลสาธารณะ ไม่รองรับสิทธิ์การใช้งานของบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสหรอก”


ฉินสือโอวผายมือออกหัวเราะแล้วพูดขึ้น “แต่นี่เป็นเรื่องจริง ตอนนั้นผู้เชี่ยวชาญที่ตรวจให้วินนี่ชื่อโอดอม…… อ่อ โอเค ผมเข้าใจแล้วว่ามันเรื่องอะไร!”


พูดถึงโอดอม ฉินสือโอวก็เข้าใจแล้วว่าเป็นเรื่องอะไร ครั้งที่แล้วที่เขาได้รับสิทธิพิเศษที่โรงพยาบาลไม่ใช่เพราะบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสจริงๆ แต่เป็นเพราะข้อมูลอย่างหนึ่งที่บันทึกไว้บนบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสต่างหาก


ปีที่แล้วเขาเคยไปเข้าร่วมกิจกรรมการบริจาคการกุศลที่โรงเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยฮาวาร์ดร่วมกันจัดกับโรงพยาบาลใหญ่ๆของอเมริกาเหนือที่บอสตัน ตอนนั้นเขาบริจาคไปหนึ่งล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา เหมือนว่าจะมีคนเคยพูดกับเขาว่าต่อไปเขาจะได้รับการบริการแบบวีไอพีจากโรงพยาบาลสาธารณะทั่วอเมริกาเหนือ เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาไม่ได้ใช้ เขาเลยลืมเรื่องนี้ไป


พอฉินสือโอวพูดเรื่องที่ตัวเองบริจาคฮิวจ์ก็คิดได้ทันที “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เฮ้อพวก จะมีกี่คนที่มีเงินแบบนายกันล่ะ?” พวกเราแค่จะบริจาคสักหนึ่งหมื่นดอลลาร์สหรัฐอเมริกายังไม่มีเลย!


ทั้งสองคุยกันไปตลอดทางจนมาถึงสถานที่รวมตัวที่ผู้ประท้วงนัดกันอย่างรวดเร็ว นั่นคือท่าเทียบเรือของเมือง


ผู้เข้าร่วมประท้วงในครั้งนี้มีสองร้อยกว่าคน ผู้นำคือโอมาร์ชายวัยกลางคนที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด


เห็นโอมาร์ที่จิตใจไม่สู้ดีนัก ในใจของฉินสือโอวก็ทนไม่ไหว ภาพประทับใจที่เขามีต่อชายคนนี้คือใบหน้าที่มีรอยยิ้มสดใสอยู่ตลอด ตอนนี้รอยยิ้มไม่มีแม้แต่น้อย มีแต่ความทุกข์เศร้าเต็มใบหน้า ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีชีวิตชีวาเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่โรยราต้นหนึ่ง


ฉินสือโอวเดินไปกอดโอมาร์แล้วตบไหล่เขาพลางพูด “วางใจเถอะเพื่อน บนโลกนี้ไม่มีช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ข้ามไปไม่ได้ ฉันจะช่วยนาย นายจะได้เข้าโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว”


เขาคิดว่าจะใช้สิทธิ์วีไอพีของตัวเองแซงคิวส่งโอมาร์เข้าโรงพยาบาล


พอรวมตัวแล้ว กลุ่มคนก็นั่งเรือเฟอร์รีมาที่ท่าเทียบเรือกันอย่างยิ่งใหญ่ ครั้งนี้พวกเขาจัดเต็มกันเพราะต้องการโจมตีคณะของอ็อกเฟอร์แฮมเล็ต ทั้งยังตั้งใจเตรียมเสื้อเชิ้ตที่เหมือนกันไว้ให้ด้วย


ชาวประมงบนท่าเทียบเรือเห็นคนท่าทางดุดันเยอะขนาดนี้ก็รีบเปิดทางให้ด้วยกลัวจะโดนลูกหลง


ฉินสือโอวเข้าใจแล้วว่าทำไมมีคนต้องการเดินขบวนประท้วงเยอะขนาดนี้ คนกลุ่มใหญ่รวมตัวกันให้ความรู้สึกแบบสุนัขจิ้งจอกอ้างบารมีเสือเป็นอย่างมาก


นอกจากเกาะแฟร์เวลแล้ว ผู้เขาร่วมประท้วงในครั้งนี้ยังมาจากแต่ละที่ของนครเซนต์จอห์นด้วย เพราะมีครอบครัวมากมายที่ได้รับความลำบากจากระบบการรักษาก่อนหน้านี้เช่นกัน


คนเหล่านี้ก็ได้รับเสื้อเชิ้ตที่คณะของแฮมเล็ตส่งไป บ้างก็รออยู่ที่ประตูสำนักงานรัฐนครเซนต์จอห์น บ้างก็กำลังรีบมาอย่างไม่ขาดสาย


ฉินสือโอวประมาณการคร่าวๆ เยี่ยมมาก ครั้งนี้คณะของแฮมเล็ตทุ่มไปมาก ใช้กำลังคนไปกว่าหนึ่งพันคนเลยทีเดียว!


นอกจากมวลชนที่มาประท้วง แฮมเล็ตยังเชิญสถานีโทรทัศน์อีกหลายแห่ง ปัญหาการกีดกันประชาชนกับระบบการแพทย์เป็นประเด็นที่ร้อนแรงของแคนาดาตลอดมาย่อมมีคนชอบดูอยู่มาก


ฉินสือโอวคิดว่าตัวเองแค่มาร่วมสนุก ผลสุดท้ายทางเกาะแฟร์เวลให้เขาเป็นผู้นำเป็นตัวแทนในการพูด ฮิวจ์มองเขาอย่างให้กำลังใจพลางพูดออกมา “ฉิน นายคือผู้นำในครั้งนี้!”


นี่ทำให้ฉินสือโอวตกใจจนงง ยังต้องพูดอะไรอีก? ตกลงกันว่าทุกคนจะทำด้วยกันไม่ใช่เหรอ? ความน่าเชื่อถือล่ะ? มิตรภาพล่ะ? ต่อไปจะสามารถเล่นสนุกด้วยกันได้อีกหรือเปล่า?


บทที่ 748 อวดเก่ง

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวถูกผลักออกมาเขาลูบจมูกด้วยความเก้อเขิน เพราะในการเข้าร่วมการประท้วงเมื่อสองครั้งก่อนเขาเป็นเพียงผู้เข้าร่วม ครั้งที่แล้วยังหนีไปกลางคัน แต่ครั้งนี้กลับต้องเป็นผู้นำ จะโดนลุงตำรวจพาไปดื่มชาไหมเนี่ย?


มีตำรวจม้าแห่งแคนาดามารักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยที่งานจริงๆ แต่ไม่มีใครกล้าลงมือทำอะไรป่าเถื่อน ไม่กล้าแม้แต่จะผลักด้วยซ้ำ ล้อเล่น นั่นเพราะด้านข้างมีนักข่าวกลุ่มหนึ่งถือกล้องบันทึกภาพอยู่ต่างหาก


อีกอย่างตำรวจพวกนี้ก็เป็นผู้ประสบภัยของระบบการรักษานี้เช่นกัน พวกเขาเองแทบอยากจะถอดเครื่องแบบลงมาร่วมขบวนประท้วงด้วยอยู่แล้ว


เมื่อรับหน้าที่เป็นผู้นำ ฉินสือโอวก็ได้รับการสัมภาษณ์ และพอดีว่าคนที่สัมภาษณ์เขาก็คือนักข่าวสาวน่ารักที่เขาหยอกเล่นไปก่อนหน้านี้นั่นเอง


นักข่าวสาวเข้าไปอยู่ข้างๆฉินสือโอวด้วยสีหน้าไม่สู้ดีแล้วหดหัวไปด้านหลังตามสัญชาตญาณราวกับกลัวจะถูกฉินสือโอวบีบหน้า พอรู้สึกว่าระยะห่างปลอดภัยพอแล้วถึงยกไมโครโฟนขึ้นมาถาม “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าหัวข้อของการเดินขบวนครั้งนี้คืออะไรคะ?”


ฉินสือโอวฝืนยิ้มพลางพูด “คุณอยู่ห่างจากผมเกินไปแล้ว ไมโครโฟนของคุณอาจจะบันทึกสิ่งที่ผมพูดได้ไม่ชัดเจนนะ”


นักข่าวตัวน้อยยืนหยัดพูดต่อไป “คุณพูดเถอะค่ะ ไมโครโฟนของฉันใช้เทคนิคการรวมเสียงหลายด้าน…”


“แพรีส ขอร้องล่ะ คุณเข้าไปข้างหน้าหน่อยเถอะ กล้องบันทึกภาพของผมถ่ายไม่เห็นคุณสองคน” ลุงช่างภาพทนพูดตัดบทนักข่าวตัวน้อยอย่างจนใจ


นักข่าวตัวน้อยใช้เท้าเตะก้อนหินอย่างไม่ชอบใจแล้วถึงขยับมาข้างหน้ายืดแขนถามอีกครั้ง “ขอถามหน่อยค่ะว่าหัวข้อการเดินขบวนในครั้งนี้คืออะไร?”


“เพื่อสันติสุขของโลกครับ…” ฉินสือโอวพูดอย่างสงบ


นักข่าวสาวเบิกตาโตครู่หนึ่ง นี่ไม่ใช่ตามในสคริปต์นี่นา


ฉินสือโอวหัวเราะใหญ่ เขาตัดสินใจเลิกแกล้งเธอแล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “คือแบบนี้ครับ เพื่อนบ้านของเราท่านหนึ่งป่วยและต้องรีบเข้าโรงพยาบาลไปหาหมอ…”


เข้าอธิบายเรื่องราวของโอมาร์รอบหนึ่งอย่างกินใจราวกับพูดบทกวี สุดท้ายยังตะโกนออกไปว่า “ล้มเลิกระบบการรักษาที่ย่ำแย่! ล้มเลิกรัฐบาลเผด็จการที่ไม่ให้ความสำคัญ! ล้มเลิกระบบอยุติธรรมที่กดขี่ประชาชน!”


คนแคนาดาไม่ตะโกนเวลาประท้วงเพราะเปลืองคอเปล่าๆ พวกเขาขี้เกียจขนาดนี้ แน่นอนว่ายังมีอีกหนึ่งสาเหตุด้วย ประเทศมีผู้อพยพปะปนกันไปหมด ตะโกนออกมาทีอาจจะมีหลายสิบภาษา แบบนั้นวุ่นวายเกินไป


ตอนนี้ฉินสือโอวโบกไม้โบกมือตะโกนแบบนี้ ผู้เดินขบวนและกลุ่มคนที่อยู่รอบๆก็รู้สึกแปลกใหม่และปรบมือกันเซ็งแซ่ และยังมีวัยรุ่นคนหนึ่งผิวปากให้ฉินสือโอวด้วย แน่นอนว่ามีคนตะโกนไปด้วยมากขึ้นเช่นกัน


“ล้มเลิกระบบการรักษาที่ย่ำแย่! ล้มเลิกรัฐบาลเผด็จการที่ไม่ให้ความสำคัญ! ล้มเลิกระบบอยุติธรรมที่กดขี่ประชาชน!”


ฮิวส์ยกนิ้วโป้งให้กำลังใจฉินสือโอวแล้วตะโกนสโลแกนอย่างเบิกบานใจมากขึ้น ฉินสือโอวรู้สึกมีชีวิตชีวาในชั่วพริบตาและยังโบกมือให้คนที่อยู่รอบๆจนให้ความรู้สึกเหมือนเป็นผู้ลงสมัครนายกเทศมนตรีขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด


น่าเสียดายที่ไม่มีใครตะโกนว่าอยากมีลูกให้เขา เขาดูในเวยป๋อ ตอนนี้ที่ประเทศจีนพวกสาวๆจะตะโกนประโยคนี้ให้กับชายที่ชอบ


นี่ทำให้เขารู้สึกไม่สนุกไปชั่วครู่ เพราะบนเวยป๋อมีสาวซื่อบื้อกลุ่มหนึ่งอยากจะมีลูกให้นิโคลัสกูส และยังมีบางพวกที่อยากมีลูกให้หู่จือและเป้าจือด้วย


นักข่าวตัวน้อยถามต่อ “อย่างนั้นขอถามหน่อยค่ะว่าคุณมีความคิดเห็นต่อระบบการรักษาก่อนหน้านี้ไหมคะ?”


ฉินสือโอวอารมณ์ขึ้น เขาสะบัดผมอย่างกระฉับกระเฉงพลางพูดออกมา “แน่นอนครับ ผมมีความคิดอยู่บ้าง อย่างแรกรัฐบาลควรเปลี่ยนจากการจัดสรรงบประมาณโดยอิงสถาบันการรักษาพยาบาลเป็นหลัก เป็นการจัดสรรงบประมาณโดยอิงตามสถานการณ์การรักษาคนไข้ ส่งเสริมโรงพยาบาลในการรับคนไข้ที่มากขึ้น”


“ในขณะเดียวกันต้องอนุญาตให้สถาบันการรักษาพยาบาลส่วนบุคคลเข้าร่วมด้วย เพื่อเพิ่มการแข่งขันและยกระดับการบริการรักษาพยาบาลทั้งหมด”


“นอกจากนี้ยังต้องส่งเสริมให้ประชาชนซื้อประกันด้วยการรักษาพยาบาล และอนุญาตให้แพทย์ให้บริการทั้งสถาบันการรักษาพยาบาลสาธารณะและส่วนบุคคล เพื่อขยายขอบเขตบริการการรักษาพยาบาลให้ครอบคลุม”


“สุดท้าย ดำเนินการจัดสรรค่าใช้จ่ายประกันการรักษาพยาบาลของประชาชนในขอบเขตของการอนุมัติงบประมาณรายปี ให้ผู้ป่วยใช้ทรัพยากรอย่างสมเหตุสมผลและมีประสิทธิภาพ นี่คือกลยุทธ์การรับมือที่ผมคิดไว้ ผมคิดว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไร”


“หล่อมาก สุดยอด หล่อเกินไปแล้ว!” ฮิวส์นำคนตะโกนอยู่ด้านหลังอย่างเบิกบาน การตอบครั้งสุดท้ายของฉินสือโอวมีระดับจริงๆ อย่างน้อยพวกเขาเองก็ทำไม่ได้


ฉินสือโอวทำปากยื่นอย่างเงียบๆ ไร้สาระ ฉันหล่อบ้าอะไร ถ้ารัฐบาลกล้าทำแบบนี้จริงๆ ไม่ถึงปีโรงพยาบาลทั้งประเทศจะต้องระเบิดคนไข้ เหวี่ยงหมอกระจุยกระจายแน่ นี่ถือเป็นการแนะนำอะไรกัน? ก็แค่เอาระบบการรักษาพยาบาลของประเทศจีนที่แก้ไขนิดหน่อยมาพูดเท่านั้นเอง


แม้ว่าระบบการรักษาพยาบาลของแคนาดาจะมากจริงๆ แต่ในด้านความยุติธรรมและโปร่งใสนั้นถือว่าเป็นอันดับต้นๆของโลก


คำแนะนำพวกนั้นก็แค่ฉินสือโอวพูดไปเรื่อย รัฐบาลของแคนาดาไม่สามารถทำแบบนั้นได้จริงๆหรอก เพราะนี่ขัดต่อรากฐานประเทศของแคนาดา ปกป้องผู้อ่อนแอไม่ให้ถูกสังคมตัดออก รักษาศักดิ์ศรีของผู้อ่อนแอไม่ให้ถูกเหยียบย่ำ


แต่เวลาเดินขบวนประท้วงจะพูดอะไรก็ได้ เพราะกิจกรรมแบบนี้เป็นการให้โอกาสกลุ่มผู้ประท้วงพูดความคิดของตัวเองออกมา แน่นอนว่ารัฐบาลจะรับความคิดของผู้ชุมนุมหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่อง


ครั้งนี้ฉินสือโอวไม่มีทางแอบหนีไปได้ เขาเป็นผู้นำและก่อนหน้านี้ก็ทำอวดดีไว้ขนาดนั้น มีคนไม่น้อยจ้องมองเขาอยู่ ถ้าหนีไปดื่มสักแก้วที่ร้านเครื่องดื่มเย็นกลางคันคงถูกคนหิ้วออกมาแน่


ตอนกินข้าวเที่ยงทุกคนต่างเอาอาหารมา เจ้าบื้อฉินสือโอวไม่ได้เอาอะไรมาเลย เขามาโดยไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ


อีกอย่างเขาก็ไม่สามารถไปกินข้าวที่ร้านอาหารได้ จึงได้แต่ทนตากแดดอยู่ที่นั่น ใครใช้ให้เขาเป็นผู้นำล่ะ?


ผลสุดท้ายนักข่าวตัวน้อยก็ใจดีให้แฮมเบอร์เกอร์กับเขาหนึ่งชิ้นและยังให้น้ำอีกหนึ่งขวด


ฉินสือโอวตื้นตันใจขึ้นมาในชั่วพริบตาและรีบพูดขอบคุณทันที “ขอบคุณนะครับ คุณผู้หญิงที่น่ารัก ที่บ้านเกิดผมมีสุภาษิตประโยคหนึ่งว่าผู้หญิงที่ดีงามจะไม่อาภัพ คุณจะต้องได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการจากนั้นก็บรรณาธิการใหญ่ในเร็ววันแน่”


นักข่าวตัวน้อยได้ฟังที่ฉินสือโอวพูดก็รู้สึกไม่ดีพลางพูดออกมา “ไม่ใช่ค่ะ แฮมเบอร์เกอร์กับน้ำนี่พี่ชายฉันโทรมาบอกให้ซื้อให้คุณ”


“พี่ชายคุณ?” ฉินสือโอวถามอย่างประหลาดใจ


“วิลเลียม แฮมเล็ต ฉันชื่อแพรีส แฮมเล็ตค่ะ สวัสดีนะคะ ก่อนหน้านี้ฉันจำไม่ได้ว่าคุณคือเพื่อนชาวจีนที่พี่ชายฉันพูดถึง ขอโทษทีค่ะ” นักข่าวตัวน้อยยื่นมือเล็กขาวราวหยกสลักและยังแลบลิ้นสีชมพูออกมาด้วย


ฉินสือโอวมองนักข่าวตัวน้อยอย่างสงสัยจนลืมเคี้ยวแฮมเบอร์เกอร์ในปาก นี่คือน้องสาวของตาเฒ่าไม้เท้าแฮมเล็ต? แน่ใจนะว่าไม่ใช่ลูกสาว? อายุห่างกันไปหน่อยหรือเปล่า?


แพรีสอธิบายนิดหน่อย เธอเป็นน้องสาวของแฮมเล็ตจริงๆ และทั้งสองคนก็อายุห่างกันไปหน่อยจริงๆ ตั้งยี่สิบปีแหนะ! ฉินสือโอวถอนใจเฮือกใหญ่ พ่อของแฮมเล็ตพละกำลังแข็งแกร่งจริงๆ


ก่อนหน้านี้แพรีสเรียนเอกการสื่อสารมวลชนที่มหาวิทยาลัยโตรอนโต จากนั้นก็เข้าทำงานที่ ‘หนังสือพิมพ์นิวฟันด์แลนด์’ ครั้งนี้จึงตั้งใจจะมาช่วยพี่ชายของเธอหาเสียงเลือกตั้ง


เมื่อแนะนำตัวอย่างง่ายๆแล้วแพรีสก็จากไป เธอเป็นนักข่าว มีคนต้องสัมภาษณ์มากมาย


ทนมาจนถึงบ่ายสามโมงในการประท้วงห้าชั่วโมงเต็มฉินสือโอวถึงหลุดพ้น ตอนนี้เสื้อผ้าบนตัวเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ในที่สุดก็กลับบ้านได้แล้ว


บทที่ 749 คู่รักที่ตระเวนไปทั่วโลก

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวกลับถึงท่าเทียบเรือของเมืองอย่างเหนื่อยล้า เขาไม่อยากเดินอีกแล้วเลยหาคนใช้วิทยุตะโกนบอกให้ฟาร์มปลาส่งคนมารับ


เซอร์ไพรส์เล็กๆ ปรากฏขึ้น คนที่มารับเขาคือเหมาเหว่ยหลง แต่เจ้าตัวแสบนี่ขับเจ็ทสกีมา ตอนนี้ฉินสือโอวเพียงอยากนอนในรถไม่อยากนั่งต่อไปแล้วจริงๆ เพราะเขานั่งตรงประตูสำนักงานรัฐมาครึ่งวันแล้ว


แต่เขาไม่มีทางเลือก ฉินสือโอวได้แต่นั่งเจ็ทสกีกลับบ้าน พอกลับมาถึงก็ทิ้งตัวเองลงบนเก้าอี้นอนทันที


หู่จือและเป้าจือกลอกดวงตากลมโต พวกมันดูออกว่าฉินสือโอวค่อนข้างเหนื่อยเลยไปหาเสี่ยวหลัวปอ แต่เสี่ยวหลัวปอฉลาดวิ่งไปหลบในอ้อมกอดของวินนี่ตั้งนานแล้ว


วินนี่เห็นฉินสือโอวสภาพย่ำแย่แบบนี้ก็ถามอย่างประหลาดใจ “วันนี้คุณไปไหนมาคะ? พี่หลงมาหาคุณตั้งนานก็หาไม่เจอ โทรไปคุณก็ไม่รับ”


ฉินสือโอวฝืนยิ้มพลางพูด “คุณเปิดโทรทัศน์ดูก็รู้แล้วว่าผมไปไหนมา ผมต้องออกโทรทัศน์อีกแล้ว”


เหมาเหว่ยหลงพูดอย่างคล่องปาก “ไม่ใช่ว่าไปซื้อบริการผู้หญิงแล้วโดนตำรวจจับไปนะ?”


“ไสหัวไปให้พ้น!” ฉินสือโอวด่า


ตั๋วตั่วหัวเราะพลางวิ่งเข้ามาในบ้าน ในอ้อมกอดอุ้มกระรอกดิน ด้านหลังมีเจ้าพิทบูลอ้วนตุ๊ต๊ะสองตัวตามมา


ก่อนเข้าบ้านเจ้าพิทบูลน้อยก็เช็ดอุ้งเท้าบนพรมตรงประตูแล้วค่อยวิ่งเข้ามา


ความเป็นแม่ของวินนี่พรั่งพรูอีกครั้ง เธอลูบไล้เจ้าพิทบูลน้อยสองตัวอย่างเอาใจพลางพูด “เป็นเด็กดีจริงๆ เช็ดเท้าแล้วค่อยเข้าบ้านเป็นด้วย รู้เรื่องกว่าพวกเด็กๆ ของบ้านเราอีก”


เสี่ยวหลัวปอได้ยินเข้าก็ทำปากยื่นอย่างไม่พอใจ ใต้เท้าตัวเองไม่มีโคลนสักหน่อย ทำไมต้องเช็ด? หู่จือและเป้าจือมองกีบเท้าที่เลอะเทอะของตัวเองแล้วหลบใต้เก้าอี้นอนของฉินสือโอวอย่างรู้สึกผิด


ส่วนฉงต้า? นอกจากจะพูดเรื่องกินมันก็ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น


ใบหน้าของเหมาเหว่ยหลงแสดงความพอใจออกมาพลางพูดขึ้น “เป็นเพราะที่บ้านฉันสอนมาดี”


“ใช่สิ ดูจากท่าทางของนายก็รู้แล้ว เปลี่ยนหมาให้เป็นคนหลงตัวเองได้นี่ไม่ง่ายเลย” ฉินสือโอวพูดอย่างเกียจคร้าน


เหมาเหว่ยหลงชูนิ้วกลาง พอเห็นสาวน้อยอยู่ข้างๆ ก็รีบเก็บนิ้วแล้วพูดอย่างโกรธแค้น “แม่งเอ้ย ไอ้ฉิน วันนี้นายงานเข้าเหรอ? หรือรู้ว่าฉันมาแล้วกลัวต้องต้อนรับฉันเลยไม่กล้ากลับมา?”


“ไอ้เวร! ฉันไปเดินขบวนประท้วงมา ใช่สิ ทำไมอยู่ๆ นายก็มากะทันหัน โทรก็ไม่โทรมา?” ฉินสือโอวนอนถาม


เหมาเหว่ยหลงพูดอย่างไม่พอใจ “ก็มาดูว่านายยังมีชีวิตอยู่ไหมน่ะสิ ไม่กี่วันก่อนมีพายุพัดมาไม่ใช่เหรอ…”


หลิวซูเหยียนที่นั่งอมยิ้มมองตั๋วตั่วเล่นกับหมาและกระรอกดินอยู่ข้างๆ ได้ยินเข้าก็ขมวดคิ้วพลางพูด “อย่าพูดเหลวไหลน่า วินนี่อยู่ที่นี่นะ”


เธอยิ้มพลางพูดกับฉินสือโอว “เสี่ยวหลงเห็นข้อมูลในเว่ยป๋อของคุณบอกว่าวินนี่ท้องแล้วเหรอคะ? พวกเราเลยตั้งใจมาดูกัน”


ฉินสือโอวนึกขึ้นมาได้ทันที เหมาเหว่ยหลงพูดอย่างไม่พอใจ “เรื่องใหญ่ขนาดนี้กลับไม่บอกฉัน เหลวไหลจริงๆ !”


ทั้งสองตีฝีปากกันจนถึงก็พลบค่ำอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่ตอนนั้นเองก็มีเรือใบปรากฏขึ้นบนผิวน้ำไกลๆ


แสงพระอาทิตย์ตกสาดส่องบนผิวน้ำราวกับน้ำทะเลลุกเป็นไฟ เรือใบสีขาวลำนั้นแล่นมาบนเกลียวคลื่นเลื่อนที่ขึ้นลงตามเคลื่อนเล็กๆ สม่ำเสมอเหมือนพระราชาขี่ม้าสีขาวเข้ามา มันช่างดูหล่อเหลาไร้เทียมทานจริงๆ


“นั่นมาทางฟาร์มปลาของแกหรือเปล่า?” เหมาเหว่ยหลงเอามือมาไว้ที่หน้าผากแล้วมองไปข้างหน้า


ฉินสือโอวขมวดคิ้ว ทำไมอยู่ๆ ก็มีเรือมาแต่ไม่มีใครบอกอะไรก่อนล่ะ? เขาเปิดวิทยุแล้วถาม “ใครเข้าเวรอยู่ที่สถานีเรดาห์ เรือลำนี้มันเรื่องอะไรกัน ทำไมไม่มีใครบอก?”


เสียงของบูลดังขึ้น “เป็นเรือใบเล็กลำหนึ่ง ไม่ใช่เรือขโมยปลาครับกัปตัน ไม่น่ามีผลกระทบกับฟาร์มปลานะครับ?”


มีผลกระทบก็ต้องยอมรับแล้ว เพราะเรือใบลำเล็กแล่นมาถึงท่าเทียบเรืออย่างรวดเร็วแล้ว


หู่จือและเป้าจือปีนป่ายขึ้นมาทำท่าทางดุดันก่อนสะบัดอุ้งเท้าวิ่งไปทางท่าเทียบเรือ เจ้าพวกพิทบูลน้อยไม่เข้าใจสถานการณ์นี่ไม่ใช่ที่บ้านของพวกมันเพราะฉะนั้นพวกมันจึงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกมันเบิกตาเล็กๆ มองพี่ใหญ่สองตัววิ่งวุ่นแล้วพวกมันก็ขยับขาสั้นๆ วิ่งไปด้วย


ฉินสือโอวพาคนไปยืนที่ท่าเทียบเรือ เรือใบค่อยๆ เข้ามาใกล้ จากนั้นวัยรุ่นผมทองที่หล่อเหลาและใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มก็ยืนโบกมืออยู่ที่หัวเรือด้วยท่าทางราวกับคุ้นเคยกับทุกคนเป็นอย่างดี


เหมาเหว่ยหลงถามฉินสือโอวอย่างประหลาดใจ “นายรู้จักเขา?”


ฉินสือโอวถามเหมาเหว่ยหลงอย่างประหลาดใจ “นายรู้จักเขา?”


“ไม่ ไม่รู้จัก!” ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน


“อ้าว แม่งเอ้ย!” ยังมาพูดพร้อมกันอีก


ด้านหลังวัยรุ่นผมทองยังมีสาวสวยผมดำอยู่ด้วย ทั้งสองน่าจะเป็นคนขาว แต่ตอนนี้ผิวเปลี่ยนเป็นสีน้ำผึ้งเหมือนคนผิวเหลืองและมีลักษณะที่ทำให้คนรู้สึกกระชุ่มกระชวยไม่เหมือนพวกมาขโมยปลาหรือทำความผิด


หลังจากเรือใบมาถึงท่าเทียบเรือ วัยรุ่นก็โบกมือแล้วตะโกนอย่างกระตือรือร้น “เพื่อนๆ พวกนายสบายดีไหม?”


ฉินสือโอวถามด้วยความลังเล “ก่อนหน้านี้พวกเรารู้จักกันเหรอ?”


“ไม่ แต่ตอนนี้รู้จักแล้วไม่ใช่เหรอ?” วัยรุ่นคนนั้นหัวเราะอย่างกระตือรือร้นต่อไป


ฉินสือโอวเกาหัว เดี๋ยวนี้พวกขายประกันขายตรงแล่นเรือใบมาขายแล้วเหรอ?


จากนั้นวัยรุ่นคนนั้นก็แนะนำตัว “สวัสดีครับผมชื่อการ์เซีย เปาลิโน เรนัล ทีโอโดโร ฟรังโก ฟลอเรส นี่คือแฟนผมเซลียา ลูซิโอ มอรีโน โคลินา เดโวลา พวกเราเป็นชาวสเปน”


“ชื่ออะไรนะครับ?”


“จำไม่ได้”


“ผมชื่อการ์เซีย เปาลิโน เรนัล ทีโอโดโร ฟรังโก ฟลอเรส นี่คือแฟนผมเซลียา ลูซิโอ มอรีโน โคลินา เดโวลา พวกเราเป็นชาวสเปน ชื่อยาวเกินไปเลยจำยาก พวกคุณเรียกผมว่าการ์เซีย เรียกแฟนผมว่าเซลียาก็ได้” วัยรุ่นคนนั้นยิ้มเผยให้เห็นฟันขาว


ฉินสือโอวเอ่ยปากถามอย่างตกใจ “คุณฟังภาษาจีนออก?”


เมื่อครู่นี้เขาใช้ภาษาจีนคุยกับเหมาเหว่ยหลงตลอดจึงคิดไม่ถึงว่าวัยรุ่นคนนี้จะฟังออก


เซลีย่าพูดพลางยิ้มออกมา “ฟังออกแค่ที่ง่ายๆ น่ะค่ะ พวกเรากำลังเที่ยวรอบโลกกัน เราเคยไปที่ไต้หวันแล้วก็เคยไปประเทศจีนที่สวยงามมาแล้ว ที่นั่นมีทัศนียภาพและอาหารเลิศรสมากมาย พวกเราเคยอยู่ที่นั่นสองเดือนค่ะ


การ์เซียพูดต่อ “ใช่ครับ แต่ตอนนี้พวกเรามาถึงทวีปอเมริกาเหนือแล้ว จากหมู่เกาะแซงปีแยร์และมีเกอลงมาถึงพวกคุณที่นี่ นี่คือนครเซนต์จอห์นใช่ไหมครับ? ที่นี่คือเกาะแฟร์เวลใช่ไหม? พวกเราอยากหยุดเทียบที่ท่าเทียบเรือของพวกคุณสักหน่อยได้ไหมครับ?”


“ยินดีเป็นอย่างยิ่ง” ฉินสือโอวก็เริ่มตื่นตัวขึ้นมาเช่นกัน เมื่อก่อนตอนที่เขาทำงานอยู่ คนประเภทที่เขาชื่นชมมากที่สุดก็คือคนพวกนี้ ท่องเที่ยวรอบโลกถือกระบี่ท่องไปทั่วหล้า


โลกใหญ่ขนาดนั้นเขาอยากจะไปดูจริงๆ


ฉินสือโอวขึ้นไปช่วยการ์เซียเทียบเรือบนหัวท่าเทียบเรือพร้อมชื่นชม “เป็นเรือใบที่ไม่เลวเลย สวยมาก มันชื่อว่าอะไรครับ?”


“โคลัมบัสแห่งมิตรภาพค่ะ พวกเราหวังว่าการเดินทางรอบโลกจะเป็นการสร้างมิตรภาพของตัวเองไปรอบโลกด้วยเหมือนกัน” เซลียาพูดอย่างภาคภูมิ การ์เซียยิ้มพร้อมพยักหน้า เขายื่นมือไปลูบที่เรือขณะบนใบหน้ามีความรักใคร่


ปกติตอนที่ฉินสือโอวลูบไล้วินนี่ด้วยความรัก บนใบหน้าของเขาก็มีสีหน้าแบบนี้แหละ ดังนั้นเขาเลยรู้สึกว่าทั้งสองคนเป็นคนดีที่สามารถต้อนรับได้


บทที่ 750 ปัญหาของการเดินทางรอบโลก

โดย

Ink Stone_Fantasy

โคลัมบัสแห่งมิตรภาพมีความยาวประมาณ 15-16 เมตร มันเป็นเรือลำใหญ่ในหมู่เรือใบ เรือประเภทนี้ปกติจะอยู่ระหว่างสองเมตรถึงยี่สิบสองเมตร


เรือลำนี้ใช้ใบสามเหลี่ยมก็คือใช้ใบเรือเป็นแรงขับเคลื่อน ใบเรือสามเหลี่ยมเป็นใบเรือประเภทหนึ่งที่สามารถเคลื่อนที่หมุนไปกลับได้ การควบคุมง่ายและสะดวก มันจะไปตามลมหรือทวนกระแสลมก็สามารถใช้ได้ และยังได้รับผลกระทบจากทิศทางลมค่อนข้างน้อยด้วย


ตอนไปตามลมใบเรือสามเหลี่ยมไม่ได้ดีเท่าใบเรือสี่เหลี่ยม แต่ตอนทวนลมความสามารถในการแล่นเรือกลับยอดเยี่ยมมาก


เห็นพวกฉินสือโอวอยากรู้เรื่องเรือใบ เซลียาก็เชิญพวกเขาขึ้นไปเยี่ยมชมบนเรือแล้วอธิบายส่วนประกอบแต่ละส่วนของเรือลำนี้ให้พวกเขาฟัง ทั้งยังเล่าเรื่องบางส่วนที่เกิดขึ้นบนเรือไปด้วย


ขึ้นมาแล้วฉินสือโอวถึงพบว่าบนเรือยังเลี้ยงแมวพันธุ์แร็กดอลไว้ด้วย เซลียาอุ้มมันขึ้นมาแล้วพูดออกไป “นี่เป็นเจ้าตัวแสบที่พวกเรารับเลี้ยงตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น มันชื่อไฉไฉ่จือ น่ารักใช่ไหมล่ะ?”


เยี่ยมชมเรือใบแล้วพวกเขาก็ขึ้นฝั่ง ผลสุดท้ายเจ้าแมวแร็กดอลก็โผล่หน้ามาเจอกับหู่จือ เป้าจือและเจ้าพิทบูลน้อยสองตัวที่ล้อมรอบมันไว้ แมวกับหมาเจอกันไม่ได้เป็นธรรมดา เจ้าพวกตัวแสบเห็นเจ้าแมวแร็กดอลก็ตื่นตัวขึ้นมาทันทีและต้องการจะทะเลาะกับมันทุกวิถีทาง


เจ้าแมวพันธุ์แร็กดอลก็เคยเจอคลื่นลมแรง แม้จะดูน่ารัก แต่กำลังในการต่อสู้นั้นค่อนข้างรุนแรง กระโดดครั้งหนึ่งถึงบนหลังของหู่จือ แต่พอออกแรงดิ้นรนผลสุดท้ายก็ไม่สามารถสะบัดมันให้ตกได้


ฉินสือโอวผิวปาก หู่จือและเป้าจือจึงลงมาอย่างเชื่อฟังแล้วรีบนั่งลงด้วยท่าทางเฉลียวฉลาด


เซลียาอุ้มเจ้าแมวพันธุ์แร็กดอลขึ้นมาแล้วแนะนำ “ความสามารถในการรักษาสมดุลของไฉไฉ่จือยอดเยี่ยมมาก แม้จะพบกับคลื่นลมมันก็สามารถปีนป่ายขึ้นไปบนเสากระโดงได้อย่างอิสระ สุดยอดมากเลยล่ะค่ะ”


พลบค่ำแล้วพอดีฉินสือโอวจึงเชิญทั้งสองคนมาทานข้าว ถึงอย่างไรก็ต้องต้อนรับบ้านเหมาเหว่ยหลงอยู่แล้ว เพิ่มอีกสองคนก็ไม่มีปัญหาอะไร


การ์เซียและเซลียาบอกปัดไม่กี่ครั้งก็ไม่ได้ยืนหยัดปฏิเสธต่อไป แต่การ์เซียเสนอตัวเข้าครัวเองและแนะนำตัวว่าระหว่างทางที่เดินทางรอบโลกเขาได้รู้จักกับอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศไม่น้อย ดังนั้นจึงขอเชิญชวนให้พวกฉินสือโอวลองชิม


เซลียาพูดคุยกับพวกเขาพร้อมถือโอกาสแนะนำตัวพวกเขาด้วย


“เดิมทีพวกเราสองคนทำงานอยู่ที่บาเซโลนา นั่นเป็นเมืองที่สวยงามมาก แต่พวกเราทำงานกันทั้งวัน เรื่องที่คุยกันในเวลาปกติก็คือบ้านรถและเงิน ในที่สุดวันหนึ่งพวกเราก็เบื่อหน่ายกับชีวิต เพราะงั้นเลยตัดสินใจลาออกไปเที่ยวดูโลกทั้งใบ”


“ตอนแรกพวกเรากลัวมาก เพราะพวกเราไม่ได้มีเงินมาก มีแต่เงินเก็บจากเงินเดือน แล่นเรือใบไปรอบโลกคงเป็นได้แค่ความฝัน แต่หลังจากความฝันเกิดขึ้นแล้วพวกเราก็ไม่มีทางควบคุมการเติบโตของมันได้ พวกเราทั้งสองทนไม่ไหวจนต้องไปรอบโลกสักรอบ!”


“หลังจากนั้นพวกเราก็ขายบ้านและรถ แล้วก็ไปยืมเงินเพื่อนสนิทถึงได้ซื้อโคลัมบัสแห่งมิตรภาพได้ พวกเราดีใจมาก เรามีเพื่อนที่สุดยอดกลุ่มหนึ่งตอนที่พวกเราพูดถึงความฝันเรื่องเดินทางรอบโลก พวกเราก็ได้การสนับสนุนจากพวกเขาด้วย พวกเขาเชื่อมั่นมากจนเอาเงินฝากของตัวเองให้พวกเรายืมเลยล่ะค่ะ”


“ก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ พวกเราเริ่มการเดินทางรอบโลกที่สเปน โง่ใช่ไหมคะ?”


“ไม่ค่ะ เหมือนฝันเลย พวกคุณสุดยอดมาก!” วินนี่พูดอย่างจริงจัง “ฉันก็เคยมีความฝันแบบนี้ค่ะ แต่ไม่เคยทำมันสักที พูดจากใจจริงนะคะ ฉันอิจฉาพวกคุณสองคนมาก”


ใบหน้าของหลิวซูเหยียนก็แสดงอารมณ์ไปในแนวเดียวกัน “เดินทางรอบโลก แม้จะต้องพบเรื่องลำบากมากมายแต่ก็เป็นสิ่งที่สวยงามนะคะ”


ฉินสือโอวทำปลาทอดพลางถาม “ถ้าอย่างนั้นค่าใช้จ่ายระหว่างทางของพวกคุณล่ะ?”


“เป็นเงินที่ได้มาจากการทำงานค่ะ พวกเราไม่สามารถเที่ยวเล่นรอบโลกอย่างลูกเศรษฐีได้ ตอนนั้นการเดินทางรอบโลกของพวกเราเพิ่งสำเร็จได้แค่สองส่วนสาม แต่ใช้เวลาไปสองปีครึ่ง ส่วนมากเป็นเวลาที่อยู่ทำงานระหว่างทาง อย่างเช่นพวกเราเข้าใจภาษาจีน เพราะพวกเราเรียนรู้ตอนทำงานอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเซี่ยเหมิน” เซลียาพูดพลางหัวเราะ


ฉินสือโอวชื่นชมพวกเขาจริงๆ


เขาก็เคยมีความฝันที่จะเดินทางรอบโลก ตอนนี้จะมีพนักงานธรรมดาในเมืองที่ไม่เคยฝันแบบนี้กี่คนกัน? แต่จะมีกี่คนที่ไปทำจริงๆ ทุกคนต้องเลี้ยงดูครอบครัว รับผิดชอบพ่อแม่และคนในครอบครัว ดังนั้นจึงมีความฝันมากมายที่เป็นได้แค่ฝันและไม่มีทางเป็นจริงได้


หวังเหล่ยและเหยาลี่ลี่ที่นั่งฟังอยู่ข้างๆก็แสดงสีหน้าไปในทางเดียวกัน ทั้งสองคนมองตากันแล้วจับมือกัน


ฉินสือโอวเห็นท่าทางแบบนี้ของพวกเขาจะไม่เข้าใจความหมายได้อย่างไร? ชัดเจนว่าถูกเซลียาและการ์เซียทำให้ซาบซึ้งไปแล้วเขาจึงรีบถามออกมา “เฮ้ เซลียา ระหว่างทางพวกคุณคงพบเจอความลำบากมากเลยใช่ไหมครับ? แล่นเรือใบลอยไปบนทะเลนั้นไม่ใช่ง่ายๆเลย”


เขาไม่อยากทำลายฝันของพวกหวังเหล่ย แต่อยากบอกพวกเขาว่าเรื่องนี้ไม่ได้สวยงามเหมือนที่ฟังแน่นอน มีเรื่องที่ต้องพิจารณาอีกมากมายเลยล่ะ!


“แน่นอนค่ะ พวกเราพบเจอเรื่องลำบากยากเข็ญมากมายเลย” เซลียานึกถึงแล้วเล่า “อย่างเช่นก่อนพวกเราจะออกเดินทาง เราต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนในการเรียนรู้ การใช้ทุ่นขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน ระบบนำทางดาวเทียม วิทยุสื่อสารคลื่นความถี่สูง และแน่นอนว่าต้องเรียนรู้การควบคุมเรือใบและต้องสอบใบอนุญาตหลักสูตรการแล่นเรือยนต์ภาคปฏิบัติให้ผ่านด้วย ไม่ง่ายเลยค่ะ”


“อีกอย่างพวกเรายังต้องปีนไปตรวจสอบเสากระโดงเรือสูงยี่สิบเมตรอยู่บ่อยๆด้วย ต้องเป็นคนที่ไม่กลัวความสูงถึงจะทำได้”


วินนี่มองไปทางฉินสือโอวแล้วหัวเราะอย่างจนใจพลางพูดขึ้น “จบเห่แล้ว ถ้าพวกเราจะเดินทางรอบโลก งานนี้ฉันต้องเป็นคนทำแน่”


“ยังมีความยุ่งยากอื่นๆอีกไหมครับ?” หวังเหล่ยถาม


เซลียามองเขาพลางยกยิ้มแล้วพูดออกมา “ที่จริงยังมีอีกเยอะค่ะ อย่างเช่นต้องเข้าใจการแพทย์เบื้องต้น ต้องรู้ว่าทุกครั้งที่จะไปที่ไหนต้องเตรียมยาอะไร ฉีดวัคซีนอะไร ต้องเตรียมแม้กระทั่งเครื่องมือผ่าตัดขนาดเล็กด้วย”


“และอยู่ในทะเลก็ไม่สามารถกินปลาตลอดได้ ต้องซื้อแป้งทำพวกขนมอบเอง เตรียมไว้ไม่กี่สิบกิโลกรัม บนเรือไม่สามารถเก็บนมสดไว้ได้ ทุกครั้งก่อนออกทะเลคุณต้องทำชีสไว้เอง จะซื้อทั้งหมดไม่ได้เพราะราคาแพงเกินไป”


“ความสะดวกสบายบนเรือก็เป็นปัญหาใหญ่เหมือนกัน บนเรือไม่มีโถส้วม แถมการใช้น้ำเปล่าอาบน้ำบนเรือก็เป็นปัญหา นอกจากนี้ก็ยังมีอีกมากมายเลย ถ้าให้พูดทุกเรื่องคงต้องใช้เวลาสองวันถึงจะพอ”


ฟังเซลียาจบหวังเหล่ยและเหยาลี่ลี่ก็ลังเลแล้ว


เดินทางมารอบโลกแล้วโลกทัศของเซลียาจึงไม่เหมือนกับคนทั่วไป อย่างน้อยความสามารถในการดูคนก็ดีมาก เธอมองความฝันของพวกหวังเหล่ยทั้งสองคนออกและยังมองออกว่าทั้งสองคนไม่ใช่คนประเภทที่เต็มไปด้วยสัญชาตญาณการผจญภัย ถ้าส่งเสริมให้พวกเขาออกทะเลคงเป็นการส่งพวกเขาไปตาย


เมื่อเป็นเช่นนี้เซลียาจึงรีบพูดขึ้น “ยังมีอีกเรื่องที่ยังไม่ได้พูดก็คือคลื่นลมในทะเล! อย่างเช่นไม่กี่วันก่อนหน้านี้ พวกเราเจอพายุโซนร้อนที่น่ากลัวในทะเลนิวยอร์ก ถ้าพวกเราไม่รีบเข้าท่าตอนนั้น เรือของเราคงจมไปในทะเลลึกแน่นอน! และสถานการณ์แบบนี้ก็มีเยอะเหลือเกิน พวกเราเกือบจะต้องสู้กับคลื่นทะเลทุกวัน ทุกอาทิตย์ต้องได้มีโอกาสจับมือกับมัจจุราชสักครั้งหนึ่งเลยล่ะ!”


ในตอนนั้นเองหู่จือและเป้าจือก็กระโดดขึ้นมาแล้วมองไปทางประตูอย่างฉลาดเฉลียว จากนั้นก็มีโตโยต้าแคมรี่คันหนึ่งขับเข้ามา


พอฉินสือโอวเห็นว่าเป็นรถของแฮมเล็ตก็พยักหน้า หู่ขือและเป้าจือถึงนอนหมอบลงจ้องมองเจ้าแมวแร็กดอลอย่างดุดัน


เจ้าแมวแร็กดอลทำสีหน้าเย้ยหยัน ไอ้เตี้ย เคยเห็นมหาสมุทรแปซิฟิกหรือยัง? เคยเห็นมหาสมุทรอินเดียไหม? รู้ไหมว่าคนจีนไม่กินเนื้อแมว แต่กินเนื้อหมา? รู้เห็นแค่นี้ยังกล้ามาสู้กับข้า? ตลก!


บทที่ 751 มาตรฐานงานเลี้ยงรับรองของรัฐ

โดย

Ink Stone_Fantasy

รถแคมรี่ขับเข้ามา ฉินสือโอวคิดว่าแฮมเล็ตมาส่งเออร์บัก ผลสุดท้ายนอกจากเออร์บักและแฮมเล็ตแล้วยังมีสาวสวยสง่าคนหนึ่งเปิดประตูหลังรถลงมาด้วย


ฉินสือโอวหันไปมองจนตาแทบหลุด เป็นน้องสาวของแฮมเล็ต นักข่าวสาวสวยแพรีส แฮมเล็ตคนนั้น


 “วันนี้คุณมีแขกเหรอ?” แฮมเล็ตตะลึง เมื่อเห็นว่าที่นี่มีคนเยอะขนาดนี้


วินนี่พูดพลางยิ้ม “วิลเลียม พวกคุณมาถูกเวลาพอดีเลย ค่ำนี้พวกเราต้องต้อนรับเพื่อนที่น่าทึ่งสองคน ยินดีต้อนรับพวกคุณเข้าร่วมกับเราในฐานะแขกนะคะ”


ในจุดนี้ชาวแคนาดาได้เรียนรู้จากลุงแซมที่สหรัฐอเมริกามาดีมาก พวกเขาชอบที่จะเข้าร่วมงานปาร์ตี้ พวกเขาคิดว่ายิ่งคนเยอะมากเท่าไหร่ก็ยิ่งน่าสนใจมากขึ้น ถึงจะมีคนแปลกหน้าเยอะก็ไม่เป็นไร เพราะเดิมทีงานปาร์ตี้ก็มีไว้ทำความรู้จักกับเพื่อนฝูงอยู่แล้ว


เช่นนี้พอวินนี่เชิญแฮมเล็ตก็เลยอยู่ร่วมด้วยพร้อมแนะนำน้องสาวให้ทุกคนรู้จัก


ฟอกส์มองไปที่ใบหน้าอันน่ารักของนักข่าวตัวน้อยแล้วพูดพลางอมยิ้ม “เป็นผู้หญิงที่น่ารักจริงๆ ฉันเดาว่าเธอต้องบริสุทธิ์ดั่งดอกบัวแน่ๆ เลย”


วินนี่แนะนำเซลียาและการ์เซียให้ทั้งสามคนรู้จัก แฮมเล็ตได้ฟังประสบการณ์ของพวกเขาแล้วก็แสดงท่าทางชื่นชม แล้วถามว่า “ผมกล้าพนันได้เลย ระหว่างทางพวกคุณต้องถ่ายภาพที่สวยงามโดดเด่นไว้เยอะมากแน่ๆ ให้พวกเราชมหน่อยได้ไหมครับ?”


วิธีสร้างความสัมพันธ์ของนักการเมืองนั้นสุดยอดมาก เมื่อแฮมเล็ตพูดแบบนี้ เซลียาก็พูดพลางยิ้มอย่างดีใจ “เป็นเกียรติกับพวกเรามากค่ะ อันที่จริงพวกเราก็มีรูปสวยๆ ไม่น้อยเลยจริงๆ นั่นแหละค่ะ รอฉันไปเอาไอแพดมา พวกคุณก็ดูได้ตามสบายเลย”


ความรู้เรื่องการรักษาลิขสิทธิ์ของชาวแคนาดาและแต่ละประเทศในยุโรปนั้นดีมาก ทุกคนต่างตระหนักในเรื่องนี้ ดังนั้นเซลียาจึงไม่ได้พูดว่า หากทุกคนชอบรูปของพวกเราก็ก๊อบปี้เอาไปได้และก็ไม่มีใครถามว่าสามารถก๊อบปี้รูปเหล่านี้ได้ไหม?


สำหรับการ์เซียและเซลียาแล้ว รูปที่ถ่ายมาพวกนี้ก็เป็นรายได้ส่วนหนึ่งพวกเขาที่สามารถส่งไปให้นิตยสารด้านภูมิศาสตร์ได้


พวกเขาเริ่มส่งไอแพดวนกันไป ฉินสือโอวเห็นพวกเขาส่งเสียงฮือฮากันไม่หยุดก็ไปมุงดูเห็นรูปภูเขาไฟปะทุเข้าพอดีพลางพูดชม “เป็นรูปที่สุดยอดมาก นี่คือภูเขาอะไร?”


“ถ่ายตอนที่อยู่ทวีปแอฟริกาค่ะ นี่เป็นชนเผ่าที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงชื่อว่าเผ่าเมารีมูโต ความหมายคือ ‘บุตรแห่งภูเขาไฟ’ ภูเขาไฟลูกนี้เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา พวกเราเคยปีนขึ้นไปเพื่อเอาเกลือมาให้พวกเขา และเพื่อชนะใจและสร้างมิตรภาพกับพวกเขา” เซลียาพูดเรื่องพวกนี้แล้วออกสีหน้าชัดเจนว่านั่นเป็นประสบการณ์ที่ไม่เลวเลย


เกือบจะมีเรื่องราวอยู่ในทุกๆ รูป เซลียาพูดอย่างลื่นไหล ทุกคนในกลุ่มฟังอย่างเคลิบเคลิ้ม


ในระหว่างนี้การ์เซียก็ยังคงเสิร์ฟอาหารที่ทำเสร็จแล้วมาเรื่อยๆ เขาไม่ได้เป็นคนขี้โม้และยังเชี่ยวชาญในอาหารที่มีชื่อเสียงของหลายประเทศจริง ถ้าหากเป็นไปได้ฉินสือโอวก็อยากจะจ้างหนุ่มสุดหล่อคนนี้ให้มาทำงานที่ฟาร์มปลาของเขาจริงๆ


การ์เซียสามารถเดินทางไปรอบโลก เรื่องสมรรถภาพแล้วความสามารถทางน้ำของเขานั้นไม่ต้องพูดถึง ความรู้ความเข้าใจเรื่องมหาสมุทรและปลาทะเลก็มีมากพอ อย่างไรเสียเขาอยู่ที่ทะเลเป็นส่วนมากก็ต้องกินปลาประทังชีวิตควบคู่ไปกับฝีมือการทำอาหารขั้นสุดยอดของเขาแล้ว มันช่างสุดยอดจริงๆ


“นี่คือเนื้อย่างกับยอร์คเชอร์ พุดดิ้ง อาหารชนิดนี้ถูกขนานนามว่าเป็นอาหารประจำชาติของอังกฤษ เป็นอาหารที่คนอังกฤษใช้รับรองแขก ลองชิมดูนะครับ ผมเรียนวิธีทำกับบุรุษไปรษณีย์ชาวอังกฤษคนหนึ่ง” การ์เซียแนะนำอาหารทุกครั้งที่เอาขึ้นมาเสิร์ฟ


เนื้อย่างกับยอร์คเชอร์ พุดดิ้ง ใช้เนื้อส่วนท้องของวัวแล้วใส่ไข่ไก่ นมวัว แป้ง และเนื้อวัวอบกับมันฝรั่งลงไปในเตาอบ ว่ากันว่าเป็นอาหารที่ประธานาธิบดีของอังกฤษใช้ต้อนรับผู้นำต่างประเทศ


“อาหารฝรั่งเศสเป็นที่เลื่องลือสรรเสริญในหมู่อาหารเลิศรสของประเทศทางตะวันตก ผมอยากทำหอยทากอบ แต่แน่นอนว่าวัตถุดิบไม่เอื้ออำนวย แต่เนื้อลูกวัวผัดมันฝรั่งเส้นก็ไม่เลว ผมคิดว่ารสชาติน่าจะใช้ได้”


วินนี่และคนอื่นๆ ปรบมือแฮมเล็ตพูดกับเซลียา “ยินดีด้วยครับคุณผู้หญิง คุณหาคู่ชีวิตที่ยอดเยี่ยมเจอแล้ว”


ถ้าเป็นอาหารยุโรปก็จะขาดอาหารอิตาเลียนไปไม่ได้ แน่นอนว่าอาหารหลักก็คือพาสต้า


แน่นอนว่าที่นี่เป็นฟาร์มปลา อาหารหลักๆ ยังคงเป็นอาหารทะเล สเปนเองก็เป็นประเทศแห่งทะเล การ์เซียยิ้มพลางพูดว่าที่จริงที่เขาเชี่ยวชาญที่สุดก็คืออาหารทะเลและครั้งนี้เขาก็ทำเช่นนี้


อาหารหลักอย่างที่สองคือ ‘ปาเอยาสเปน’ ซึ่งก็เป็นข้าวที่มีของทะเล ในความคิดของฉินสือโอว สิ่งนี้ก็คือการวางของทะเลแต่ละอย่างไว้ด้านบนข้าวผัด แต่ดูแล้วน่าอร่อย มีกลิ่นหอม และน่าลิ้มลองมากจริงๆ


ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงการ์เซียก็ทำอาหารออกมาถึงสิบสองอย่าง นับว่าเทพจริงๆ อาหารหลายอย่างในนั้นดูแล้วเป็นประเภทที่ใช้เวลาและแรงในการทำมาก


พาลีมองอาหารพวกนี้พลางยิ้มแล้วพูด “เพื่อน พวกคุณเดินทางรอบโลกเสร็จแล้วก็สามารถเปิดร้านอาหารได้เลยนะคะเนี่ย ฉันแนะนำให้คุณไปเปิดที่เกาะไอซ์ไฟเออร์ของพวกเรา ฝีมือการทำอาหารของคุณยอดเยี่ยมเหลือเกิน ร้านอาหารหนึ่งร้านก็สามารถฟื้นฟูเกาะเล็กๆ ได้”


มือขวาของการ์เซียตบที่อกด้านซ้าย มือขวาไพล่หลังโค้งคำนับแบบราชวงศ์ พร้อมอมยิ้มแล้วพูด “ของคุณที่ชมครับ คุณผู้ว่าการเมือง ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ขอเชิญพวกคุณลองชิมอาหารของผมดูว่ารสชาติถูกปากไหม”


ปาร์ตี้ครั้งนี้มีคนไม่น้อย เพราะฉะนั้นอาหารพวกนี้จึงไม่เพียงพอ ดีที่หมูป่าที่ล่ามาครั้งที่แล้วยังเหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่ง ฉินสือโอวเลยให้ชาร์คและซีมอนส์เตอร์เอามาย่างและยังย่างไก่ เป็ด ห่านอีกหลายตัว พร้อมอาหารทะเลอีกหลายจานปาร์ตี้ยกระดับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


ตรงหน้าผู้ชายทุกคนวางแก้วเบียร์แก้วใหญ่ ส่วนของผู้หญิงเป็นไวน์แดง แน่นอนว่าถ้าอยากดื่มเบียร์ก็ย่อมได้


ตรงหน้าแพรีสก็วางแก้วเบียร์ไว้แก้วหนึ่ง เธอค่อยๆ มองแก้วเบียร์แล้วถามเสียงเบา “เปลี่ยนเป็นแก้วที่เล็กหน่อยได้ไหมคะ?”


นีลเซ็นดูเหมือนจะสนใจสาวน้อยคนนี้ก็พูดอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณแพรีส ผมขอแนะนำคุณสักหน่อย ที่ฟาร์มปลาของเรามีประเพณีอยู่อย่างหนึ่ง คือเพื่อนใหม่มาถึงแล้วต้องดื่มกับคนทั้งโต๊ะก่อนหนึ่งรอบ”


“ตอนที่ดื่มเบียร์ผมจะช่วยแนะนำชื่อและรายละเอียดของเพื่อนแต่ละคนให้ ดื่มเสร็จแล้วถ้าคุณสามารถพูดชื่อของพวกเขาออกมาได้ก็คือคุณให้ความสำคัญกับพวกเรา พวกเราจะดื่มเองหนึ่งแก้ว ถ้าคุณพูดออกมาไม่ได้ก็คือมิตรภาพยังไม่ถึง คุณก็ต้องดื่มเองหนึ่งแก้ว”


“มีปัญหาอะไรไหมครับ? โอเคไม่ต้องพูดแล้วไม่มีปัญหาแน่นอนใช่ไหมครับ? มาเริ่มจากการ์เซีย เปาลิโนเรนัล ทีโอโดโร ฟรังโก ฟลอเรสที่อยู่ข้างๆคุณก่อนเลย แล้วค่อยเป็นเซลียา ลูซิโอ มอรีโน โคลินา เดโวลา…”


แพรีสมองนีลเซ็นด้วยแววตาเจื่อนๆ นีลเซ็นตื่นตัวในชั่วพริบตาแล้วพูดว่า “มาครับ คุณพูดชื่อเพื่อนสองคนนี้ก่อนเลยพูดผิดคุณดื่ม พูดถูกพวกเราดื่ม”


ฉินสือโอวรู้สึกว่านี่เป็นการรังแกกันมากเกินไปเลยยืนขึ้นประนีประนอม ผลสุดท้ายแพรีสก็ถามอย่างเขินๆ “คุณคือการ์เซีย เปาลิโนเรนัล ทีโอโดโร ฟรังโก ฟลอเรสใช่ไหมคะ? เซลียา ลูซิโอ มอรีโน โคลินา เดโวลาใช่ไหม?”


นีลเซ็น “…”


การ์เซียและเซลียามองนีลเซ็น “แม่งเอ้ย!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)