หมอดูยอดอัจฉริยะ 742-745
ตอนที่ 742 กองกำลังทั้งสี่
เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องในโรงแรมชั้นที่สิบสองแล้ว เยี่ยเทียนพบว่า มีเส้นบางๆ ที่แทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าหนึ่งเส้นผูกอยู่บนที่จับประตู จึงคิดว่าต้องเป็นฝีมือของพวกมาราไกย์แน่นอน
“เหล่าหม่า เปิดประตู!”
เยี่ยเทียนก็ขี้เกียจเคาะประตู เขาจึงส่งกระแสจิตไปที่สมองของมาราไกย์ที่กำลังแกะชิ้นส่วนปืนพกมาเช็ดอย่างละเอียดอยู่ในห้องรับแขก
“ใครกำลังพูดกับฉัน บอสส์เหรอ?”
หลังจากได้ยินเสียงแล้ว สองมือของมาราไกย์จึงสั่นเทิ้ม จนเกือบจะทิ้งปืนที่อยู่ในมือออกไป แล้วหันหน้ามองไปรอบๆ ห้องจากนั้นจึงอดส่ายหน้าไม่ได้ พลางสบถว่า “บ้าแล้ว เกิดภาพหลอนได้ยังไง? บอสส์ ไม่น่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้หรอกมั้ง?”
“รีบเปิดประตู มัวบ่นอะไรอยู่ได้?” เยี่ยเทียนรออยู่นอกประตูด้วยความรำคาญ แล้วจึงส่งกระแสจิตไปที่สมองของมาราไกย์อีกครั้ง
“พระเจ้า เป็นบอสส์ จริงๆ เรอะ?” คราวนี้มาราไกย์ได้ยินชัดเจนจริงๆ แล้ว สองมือของเขาประกอบปืนขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งไปที่หน้าประตู
“อยู่ห่างจากผมหน่อย มีแต่กลิ่นแปลกๆ!
เยี่ยเทียนผลักมาราไกย์ที่อยากจะกอดตัวเองออกไป แล้วพูดว่า “ผมขอไปดูจอร์จก่อน เหล่าหม่า การปฏิบัติงานครั้งนี้คุณต้องหาเหตุผลที่เหมาะสมมาอธิบาย”
“ครับ บอสส์ ค่าจ้างครั้งนี้พวกเราจะไม่รับสักแดงเดียวครับ”
มาราไกย์แสดงสีหน้ารู้สึกผิดออกมา แล้วพูดว่า “นอกจากนี้ถ้าหากคุณเห็นด้วย พวกเราจะออกเงินของตัวเองไปจ้างทหารรับจ้างทีมอื่นมาช่วยทำให้ภารกิจครั้งนี้สำเร็จจนได้ครับ!”
“ผมดูขาดแคลนเงินขนาดนั้นเชียว?” เยี่ยเทียนถลึงตาใส่มาราไกย์ แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงิน เหล่าหม่า คุณประมาทเกินไป!”
“คุณพูดถูกครับ ผมประมาทเกินไป เดิมทีต่อให้ช่วยคนออกมาไม่ได้ จอร์จก็ไม่ควรได้รับบาดเจ็บ ผมควรจะเป็นผู้รับผิดชอบหลักครับ!”
ศีรษะของมาราไกย์ลดต่ำลง ในฐานะคลังสมองของทีมทหารรับจ้างที่ยอดเยี่ยมที่สุดของโลก มาราไกย์ทำผิด พลาดจนเกือบถึงแก่ชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย บางทีอาจเป็นเพราะการใช้ชีวิตที่สงบสุขสองปีมานี้ ทำให้ความตื่นตัวของเขาถดถอยไปมาก
“บอสส์ คุณมาแล้ว?”
มาราไกย์และคนอื่นๆ พักอยู่ในห้องชุดขนาดใหญ่ หลังจากที่เยี่ยเทียนเข้ามาในห้องแล้ว สองคนที่อยู่ข้างในจึงลุกขึ้นยืนทันที พวกเขาทำงานกับเยี่ยเทียนมาเกือบครึ่งปีกว่า จึงเคยชินกับการเรียกเขาแบบนี้
“จอร์จ ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เยี่ยเทียนโบกมือ สายตามองจอร์จที่อยู่บนเตียง พลางคิดว่าร่างกายใหญ่ยักษ์แข็งแรงกำยำที่สามารถต่อสู้กับอันเดรวิชได้ เวลานี้กลับมานอนล้มป่วยอยู่บนเตียงซะแล้ว
“บอสส์ ไม่เป็นไรครับ!” จอร์จพยายามยันตัวเองลุกขึ้นมา แต่ซี่โครงของเขาถูกกระสุนยิงสามนัด แค่ขยับนิดเดียว กระดูกซี่โครงที่แตกหักก็ส่งความเจ็บปวดมาเป็นพักๆ
“อืม ไม่เป็นอะไรมาก”
สายตาของเยี่ยเทียนกวาดมองไปที่ตัวของจอร์จ แล้วจึงหันไปพูดว่า “เหล่าหม่า ขอน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว ให้จอร์จ ทานยาเม็ดนี้เข้าไป!”
หลังจากเยี่ยเทียนออกมาจากเสินหนงเจี้ยคราวที่แล้ว เขาได้นำสมุนไพรล้ำค่าอายุมากกว่าหนึ่งร้อยปีติดตัวมาไม่น้อย และระยะเวลาสองสามเดือนมานี้โก่วซินเจียได้ปรุงยาวิเศษออกมา ซึ่งหนึ่งในนั้นมียาที่รักกระดูกหักภายในโดย เฉพาะ
“นอนสักตื่นก็ไม่เป็นไรแล้ว พวกคุณสองคนคอยเฝ้าเขาไว้ ถ้ามีการตอบสนองที่ผิดปกติก็เรียกผม!”
ยาวิเศษที่ปรุงสกัดออกมาจากส่วนประกอบนับร้อยปี ฤทธิ์ของยาจึงแรงมาก หลังจากทานเข้าไปแล้ว จอร์จก็หลับไหลทันที เยี่ยเทียนจึงสั่งงานทั้งสองคนอีกหนึ่งประโยค แล้วจึงพามาราไกย์เดินกลับมาที่ห้องรับแขก
“นอกจากแก๊งค์มาเฟียของมอสโควแล้ว ยังมีใครที่เข้ามาเกี่ยวข้องอีก?”
หลังจากที่รู้ว่าตอนที่อยู่พม่ามีนายทักษิณ สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เคยเข้ามาเกี่ยวด้วยแล้ว เยี่ยเทียนจึงรู้สึกเสียใจต่อ ต่งเซิงไห่ไม่น้อย ถึงอย่างไรคนพวกนั้นก็พุ่งเป้ามาหาตัวเอง แต่จู้เหวยเฟิงกับต่งเซิงไห่กลับต้องซวยรับเคราะห์ไปด้วย
ดังนั้นที่เยี่ยเทียนมารัสเซียครั้งนี้ นอกจากจะมาช่วยต่งต้าจ้วงแล้ว เขายังอยากแก้แค้นให้ต่งเซิงไห่ด้วย อย่างน้อยเพื่อคนของสมาคมสาขาหงเหมินที่ต้องนองเลือดในตอนนั้น เยี่ยเทียนจะตามไปเล่นงานทีละคน
“บอสส์ ผมหาคนไปสืบมาแล้ว ทั้งหมดมีกองกำลังสี่กองทัพที่เข้ามาเกี่ยวข้อง”
เมื่อต้องเสียเปรียบขนาดนี้ มาราไกย์จึงกัดฟันกรอด สองสามปีที่ผ่านมาเดิมทีคิดว่าได้สืบเรื่องราวอย่างกระจ่างแจ้งแล้ว ทว่าเมื่อวานไม่สะดวกที่จะพูดทางโทรศัพท์เท่านั้นเอง
“สี่กองกำลัง?” เยี่ยเทียนเลิกคิ้ว เพราะเขารู้จากปากของอาหวามีแค่สามกองกำลังเท่านั้น
“หนึ่งคือแก๊งค์มาเฟียท้องถิ่นของรัสเซีย ตอนที่ต่งเซิงไห่ทำธุรกิจมวยใต้ดินนั้น ได้กดดันพวกเขารุนแรงมาก ฟรุสจึงน่าจะไปพูดเกลี้ยกล่อมแก๊งค์พวกนั้นได้”
มาราไกย์ชูขึ้นมาอีกหนึ่งนิ้ว แล้วพูดต่อ “สองคือแก๊งค์มาเฟียของตุรกี เท่าที่ผมรู้ ต่งเซิงไห่ชนะเวทีมวยใต้ดินในตุรกีมาจากรูดอล์ฟผู้ประกอบการธุรกิจคาสิโนใหญ่ในลาสเวกัส ดังนั้นผมสงสัยว่า กองกำลังของฝั่งตุรกี น่าจะเป็นคนของรูดอล์ฟ!”
“เขาก็เข้ามาร่วมด้วยเหรอ? รนหาที่ตายชัดๆ!” เยี่ยเทียนทำเสียงฮึดฮัด แล้วพูดว่า “คุณพูดต่อ กองกำลังที่เหลืออีกสองฝ่ายมาจากที่ไหน?”
“บอสส์ ฝ่ายที่สามมีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณครับ พวกเขามาจากญี่ปุ่น”
มาราไกย์คิดครู่หนึ่งแล้วจึงพูดว่า “มวยใต้ดินของญี่ปุ่นมีตระกูลคิตะมิยะควบคุมมาตลอด แต่หลังจากที่เหล่าผู้กล้าหัวกะทิของตระกูลคิตะมิยะหายตัวไปที่พม่า พวกเขาก็ไม่สามารถทำกำไรจากจุดนี้ได้ และหนึ่งในนั้นก็รวมถึงฮิราโนะ อิจิโร่ที่ส่งตลาดของญี่ปุ่นออกไป”
พอพูดถึงตรงนี้ มาราไกย์จึงอดแอบมองเยี่ยเทียนไม่ได้ เขารู้ว่า สาเหตุที่ตระกูลคิตะมิยะล้มแล้วไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก เป็นเพราะเด็กหนุ่มสีหน้าไร้อารมณ์ที่อยู่ตรงหน้าตัวเองคนนี้
“ผมคิดว่า น่าจะเป็นฟรุสกับฮิราโนะ อิจิโร่ร่วมมือกัน พวกเขาถึงได้มาหาเรื่องคุณต่งเพื่อนของคุณครับ!”
“อืม บางทีในนี้อาจจะมีตาแก่ตายยากพวกนั้นของตระกูลคิตะมิยะอยู่ด้วย!”
เยี่ยเทียนพยักหน้าเล็กน้อย เขารู้ว่าตระกูลคิตะมิยะยังมีผู้อาวุโสอยู่สองสามคน พวกเขาน่าจะสงสัยตัวเองนานแล้ว เพียงแต่เยี่ยเทียนร่อนเร่ไปทั่ว พวกเขาจึงทำอะไรตัวเองไม่ได้
“ยังมีอีกนี่?” กองกำลังของทั้งสามฝ่าย อาหวาได้พูดหมดแล้ว ตอนนี้เยี่ยเทียนอยากรู้ว่า ยังมีใครที่เข้ามาเกี่ยว ข้องกับเรื่องอีกกันแน่
“กองกำลังสุดท้าย น่าจะเป็นค่ายฝึกไซบีเรียครับ!”
“เพื่อนของผมสืบได้ว่า ตอนที่พวกเราเกิดเรื่องวันนั้น ค่ายฝึกมวยใต้ดินของไซบีเรีย ก็มาร่วมภารกิจครั้งนี้ด้วย ตอนนั้นตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ อยู่ใกล้กับสถานที่กักขังต่งต้าจ้วงพอดี”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สายตาของมาราไกย์จึงมีแววตาแห่งความยินดีออกมา
เพราะว่าจากสายรายงานของเขา การออกปฏิบัติงานครั้งนี้มีเพียงค่ายฝึกมวยใต้ดินเท่านั้น ถ้าหากเป็นพวกนักซุ่มยิงหรือลอบสังหารล่ะก็ เกรงว่าพวกเขาสี่คนคงไม่อาจจะหนีรอดออกมาได้ทั้งหมด
แน่นอน ถ้าหากก่อนปฏิบัติหน้าที่มาราไกย์ไม่ได้เตรียมเฮลิคอปเตอร์สำหรับรอการล่าถอยไว้เรียบร้อย พวกเขาก็คงถูกกองกำลังทั้งสี่ล้อมปราบอยู่ที่ไซบีเรียไปแล้ว
“ค่ายฝึกไซบีเรีย ทำไมพวกเขาถึงเข้ามาเกี่ยวด้วย?” เยี่ยเทียนได้ยินจึงตกตะลึง
เท่าที่เขารู้ ค่ายฝึกไซบีเรียเป็นองค์กรการฝึกที่ธรรมดา ขอเพียงจ่ายเงิน พวกเขาก็จะฝึกฝนโดยไม่สนใจว่าเป็นคนของฝั่งไหน ตามหลักแล้วไม่น่าจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
มาราไกย์ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “อันนี้ผมก็ไม่ทราบครับ บอสส์ ที่ผมได้ข่าวมาก็มีเพียงเท่านี้ครับ”
ถึงแม้รัสเซียจะเป็นยุโรป แต่เมื่อเทียบกับอังกฤษ ฝรั่งเศส ประเทศเหล่านี้แล้ว พื้นที่อยู่อาศัยที่นี่ของทหารรับจ้างจึงไม่ใหญ่มาก เพียงระยะเวลาสั้นๆ มาราไกย์ได้ข่าวพวกนี้มาก็ถือว่าเยี่ยมแล้ว
“ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง!”
ตอนที่มาราไกย์กับเยี่ยเทียนพูดกันอยู่ เสียงกริ่งนอกประตูพลันดังขึ้นมา ทำให้กล้ามเนื้อของมาราไกย์เกร็งไปทั้งตัว พุ่งออกไปราวกับเสือชีตาห์ แล้วควักปืนที่เหน็บเอวมาถือในมืออย่างรวดเร็วราวกับใช้เวทมนต์
“เหล่าหม่า เป็นคนของผมเอง เปิดประตูเถอะ!”
เยี่ยเทียนโบกมือ เขา “มอง” เห็นคนที่นอกประตูตอนนี้คืออาหวา แต่ยังมีอีกหนึ่งคนที่อยู่ข้างหลังเขา
“บอสส์ สงสัยพวกเราต้องย้ายที่พักแล้ว!” มาราไกย์แค่นหัวเราะ เขาไม่ค่อยพอใจที่เยี่ยเทียนบอกที่นี่ให้คนอื่นรู้ เพราะตอนนี้มีแก๊งค์มาเฟียของรัสเซียกำลังไล่ฆ่าพวกเขาอยู่
“กลัวอะไร?” เยี่ยเทียนเผยซี่ฟันที่ขาวสะอาดออกมา ยิ้มแล้วพูดว่า “นับตั้งแต่พรุ่งนี้ จะไม่มีคนมารบกวนพวกคุณอีก!”
“ทะ ทำไม…” ขณะที่มาราไกย์กำลังจะถามหาเหตุผล หลังจากที่เห็นรอยยิ้มของเยี่ยเทียนแล้ว ในใจจึงอดหนาว สะท้านขึ้นมาไม่ได้ จึงไม่กล้าถามต่อ
“คุณเยี่ย นี่คือจางหลินซานที่อยู่มอสโคว เขาเป็นคนที่ท่านต่งไว้เนื้อเชื่อใจที่สุดครับ” อาหวาเห็นว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย เขาจึงใช้ไหวพริบไม่พูดคำว่าหงเหมินสองคำนี้ออกมา
“บอสส์ พวกคุณคุยกันเถอะ ผมจะเข้าไปดูจอร์จ!” มาราไกย์ยักไหล่ แล้วจึงเดินเข้าไปในห้องอย่างรู้จักกาละเทศะ
“ท่านก็คือท่านเยี่ย? ท่านเยี่ย ท่านต้องช่วยแก้แค้นให้พี่น้องของสมาคมกับท่านต่งด้วยนะครับ!”
หลังจากมาราไกย์ออกไปแล้ว สิ่งที่ทำให้อาหวาคาดไม่ถึงก็คือ ในสมาคมหงเหมินมีการแบ่งระดับสูงต่ำ และจางหลินซานที่อายุห้าสิบกว่าปี กลับคุกเข่าเสียงดัง “พรุ” ต่อหน้าเยี่ยเทียน
หลังจากเกิดเรื่องที่สมาคมสาขา จางหลินซานก็ติดต่อต่งเซิงไห่มาตลอด เพียงแต่ตอนนั้นต่งเซิงไห่บาดเจ็บหนัก แม้แต่การพูดจาก็ไม่ถนัด จึงช่วยชี้แนะอะไรไม่ได้
จนกระทั่งเมื่อสองสามวันก่อน ต่งเซิงไห่ได้กำชับจางหลินซาน บอกว่าในสมาคมหงเหมินนั้นท่านเยี่ยเทียนมีตำ แหน่งสูงที่สุด เขาจะเป็นคนจัดการเรื่องที่รัสเซีย และขอให้เขาให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
ถึงแม้จะไม่ได้ติดตามต่งเซิงไห่ไปร่วมงานประชุมใหญ่ที่สมาคมหงเหมินครั้งที่แล้ว แต่ความเก่งกาจเรื่องที่เยี่ยเทียนสยบเหลยเจิ้นเยวี่ยหรือไอ้เสือเหลย ได้ดังมาถึงหูของจางหลินซาน นอกจากนี้เขาก็เคยเห็นรูปภาพของเยี่ยเทียนแล้ว
ดังนั้นจางหลินซานจึงไม่ได้ดูถูกเพราะเยี่ยเทียนเป็นคนหนุ่ม ตรงข้ามพอได้พบหน้าเขาก็คุกเข่าลงทันที และคำ นับตามขนบธรรมเนียมของสมาคมหงเหมิน
“คุณเยี่ย คุณก็เป็นคนของหงเหมินเหรอครับ?” ถึงแม้อาหวาจะอยู่ในสมาคมหงเหมิน แต่ก็ทำแต่เรื่องธุรกิจ จางหลินซานรู้เรื่องของเยี่ยเทียน แต่เขานั้นกลับไม่รู้จริงๆ
ทว่าอาหวารู้ฐานะของจางหลินซาน เขาคือท่านผู้ใหญ่ที่นั่งตำแหน่งหัวหน้าคนหนึ่งในสมาคมหงเหมินของมอสโคว มีฐานะรองลงมาจากต่งเซิงไห่ แม้แต่เขาที่เห็นเยี่ยเทียนแล้วยังต้องคุกเข่าทำความเคารพ อย่างนั้นฐานะของเยี่ยเทียนก็ต้องสูงกว่า?
“ลุกขึ้นเถอะ คนของพวกเรา จะไม่ตายฟรีอยู่แล้ว!”
มือขวาของเยี่ยเทียนลดต่ำลง จางหลินซานที่คุกเข่าอยู่บนพื้นรู้สึกถึงพลังแข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง ที่ประคองตัวเองให้ลุกขึ้นมา
ตอนที่ 743 กวาดล้าง (1)
“ท่านเยี่ย ต้องทำอะไรบ้างท่านก็พูดกับหลินซานเลย มีแค่คุณกับคนเมื่อครู่ ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี”
หลังจากถูกเยี่ยเทียนยกตัวให้ลอยขึ้น จางซานหลินก็รู้ทันทีว่าเขามีความสามารถสมคำร่ำลือ แต่เขามีความสงสัยเล็กน้อยว่า นี่มันเป็นยุคสมัยปัจจุบัน พลังของเยี่ยเทียนสูงแค่ไหนก็คงสู้ปืนในมือไม่ได้
ตอนนั้นพลังของหวังอู่อยู่ระดับสูงแล้ว แต่ก็ตายอย่างอนาถภายใต้อำนาจปืนกล เมื่อเทียบกับตอนนั้น ความแรงของปืนปัจจุบันแรงกว่ากี่เท่าก็ไม่รู้
หลังจากเข้าใจนัยยะของเยี่ยเทียนแล้ว จางซานหลินอดไม่ไหวพูดว่า “ท่านเยี่ย แม้คนญี่ปุ่นจะถอยจากมอสโควแล้ว แต่มาเฟียของตุรกีกับรัสเซียยังตามหาพวกเราอยู่ ท่านต่งไม่อยู่ ท่านเรียกพวกเรามารวมกลุ่มกันเลยดีกว่า ! ”
ต่งเซิงไห่สามารถยึดครองมอสโควเป็นสิบปี อำนาจของเขามีไม่น้อย ถ้าอยู่ในสมาคมหงเหมินกลาง ก็อยู่สามอันดับแรกเหมือนกัน
แม้ครั้งนี้จะรับมือฟรุสไม่ทัน แต่กำลังคนยังคงอยู่ จางซานหลินเชื่อว่าขอแค่รวบรวมกำลังคนที่กระจายอยู่ได้ จะต้องเอาพื้นที่คืนมาได้แน่นอน
“รวบรวม ? สงคราม ? ยังอยากอยู่รัสเซียต่อมั้ย ? ”
เยี่ยเทียนเบะปาก ถ้าทำตามที่จางซานหลินพูด รวบรวมลูกศิษย์สมาคมหงเหมินแบบเต็มกำลัง รัสเซียจะไม่พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินกันทีเดียวหรือ ?
รัสเซียในปัจจุบันไม่มีความวุ่นวายเหมือนเมื่อสิบปีก่อนแล้ว แม้จะได้เปรียบกองทัพมาได้นิดหน่อย แต่ไม่นานก็อาจจะโดนกองทัพเล่นงานเอาได้ เพราะประธานาธิบดีที่มาจากคณะกรรมการความมั่นคงแห่งรัฐ คงไม่ขาดแคลนผู้ส่งข่าว
“ท่านเยี่ย ถ้างั้นท่านหมายถึง ? ”
จางซานหลินเริ่มงุนงง หรือเยี่ยเทียนจะพาคนต่างชาติเพียงไม่กี่คนไปล้างแค้น ? นี่มันนิทานพันหนึ่งราตรีเกินไปหรือเปล่า ? เขาคิดว่าปืนในมือของพวกมาเฟียเป็นไม้เอาไว้จุดไฟงั้นหรือ
เยี่ยเทียนคิดไปครู่หนึ่ง พูดว่า “เอาที่อยู่ของพวกที่บุกสาขามอสโควมาให้ผมก็พอ แล้วก็หาคนขับรถที่ชำนาญเส้นทางให้ผมด้วย เอาคนหน้าใหม่ ๆ อย่าให้จับได้”
“ท่านเยี่ย นี่เอาจริงเหรอ ? ไม่ได้ล้อผมกับเหล่าจางเล่นใช่มั้ย ? ” ถ้าไม่ใช่เพราะต่งเซิงไห่สั่งให้จางซานหลินฟังคำสั่งเยี่ยเทียนทั้งหมด สิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่คงทำให้เขาคิดว่าสมองของคนตรงหน้ามีปัญหาแน่ ๆ
“อืม อย่าพูดมาก บอกสิ่งที่คุณรู้มาให้ผมก็พอแล้ว ! ”
เยี่ยเทียนโบกมือแบบอารมณ์เสีย “ถ้าออกจากตรงนี้แล้ว ให้หนีออกจากมอสโควทันที ออกจากรัสเซียได้ยิ่งดี รอสถานการณ์นิ่งก่อนค่อยกลับมาใหม่ ! ”
“ครับ ท่านเยี่ย ตามท่านสั่งครับ ! ”
เมื่อเห็นเยี่ยเทียนมั่นใจขนาดนี้ ตอนแรกจางซานหลินยังคิดว่าเรื่องบางเรื่อง เยี่ยเทียนไม่อยากให้เขารู้ซะอีก แต่เขาก็พยักหน้า และพูดว่า “ที่จริงมาเฟียของตุรกีกับรัสเซีย คนคุมเป็นคน ๆ เดียวกัน คืออลิมจัน ท็อกทาโฮโนฟ…”
ยุคมาเฟียของรัสเซีย เริ่มมาจากหลังสงครามเย็นสหรัฐฯกับโซเวียต
หลังจากสงครามเย็นจบลง มาเฟียของรัสเซียเริ่มได้รับอิสระในการประลองศิลปะการต่อสู้กับต่างประเทศ ต่างฝ่ายต่างเห็นใจ ทุกคนรู้สึกเสียดายที่ได้เจอกันช้าไป
มาเฟียรัสเซียผลิตอาวุธให้กับไนจีเรีย รับซื้อยาเสพติดจากโคลัมเบีย ฟอกเงินร่วมกับมาเฟียอิตาลี และขยายตลาดค้าผู้หญิงร่วมกับยากูซ่าญี่ปุ่น
ที่สำคัญเป้าหมายของการค้าขายของพวกเขา เป็นฝันร้ายของรัฐบาลสหรัฐฯมาโดยตลอด ปัจจุบันมีหลายประเทศประกาศว่ามีความสามารถผลิตอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งล้วนมีความเกี่ยวข้องกับมาเฟียรัสเซียทั้งหมด
ส่วนอลิมจัน ท็อกทาโฮโนฟที่จางซานหลินพูดถึง เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในแวดวงมาเฟียรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มมาเฟียของสาธารณรัฐเช็ก ตุรกีและรัสเซีย ล้วนถูกปกครองโดยเขา
ท็อกทาโฮโนฟ ปีนี้อายุ 52 ปี เกิดที่ทาชเคนต์เมืองหลวงของอุซเบกิซสถาน มีสัญชาติเป็นคนรัสเซีย
ในช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 ในวัยหนุ่มและช่วงชีวิตวัยแรกรุ่นของท็อกทาโฮโนฟ เขาเดินทางไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณอดีตสหภาพโซเวียต…ท่าเรือทะเลดำเมืองโซชิ เขามักจะเล่นการพนันในร้านอาหาร หลอกลวงเงินทองของนักท่องเที่ยวกับคนสัญจรแถวนั้น
ในปี 1990 ด้วยการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ท็อกทาโฮโนฟตัดสินใจไปต่างประเทศ ไปอยู่อิตาลี พลิกผันกลายเป็นนักธุรกิจระหว่างประเทศ
ส่วนธุรกิจที่ทำคืออะไร ดูเหมือนว่าองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศจะรู้ แต่ท็อกทาโฮโนฟไม่เคยทำความผิดในอิตาลี ความผิดที่ทำในต่างประเทศ ก็ไม่สามารถชี้ตัวได้ตรง ๆ
“เหล่าจาง ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูดมา สิ่งที่เกิดขึ้น ท็อกทาโฮโนฟ มาเฟียรัสเซียเป็นคนทำงั้นเหรอ ? ”
หลังจากฟังสิ่งที่จางซานหลินพูด เยี่ยเทียนคิดไปครู่หนึ่งพูดว่า “ตอนนี้เขาอยู่รัสเซียมั้ย ? คุณรู้ที่อยู่ของเขาหรือเปล่า ? ”
“ท็อกทาโฮโนฟอยู่มอสโคว ท่านเยี่ย ตรงนี้…ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้ เป็นจุดรวมตัวของสมาชิกของเขาทั้งหมด ! ”
จางซานหลินหยิบแผนที่ออกมาหนึ่งแผ่น เขาวงกลม4-5จุดเป็นสีแดงหยาบ ๆ เอาไว้ แต่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
“เหล่าจาง นี่คุณเตรียมจะทำอะไร ? ” เยี่ยเทียนมองจางซานหลินด้วยความสงสัย เขาไม่เชื่อว่าจางซานหลินเพิ่งเตรียมสิ่งนี้
จางซานหลินยิ้มอย่างสิ้นหวัง และตอบว่า “ท่านเยี่ย ผมพูดกับท่านเลยครับ ถ้าท่านไม่มา ผมตั้งใจจะโจมตี ท็อกทาโฮโนฟในอีกสามวัน…”
ก่อนหน้านี้ สมาคมหงเหมินถูกโจมตีจนแตกกระจาย ก็เพราะฝ่ายตรงข้ามมีกำลังที่แข็งแกร่งมาก กำลังสี่ด้าน ผนึกกำลังเข้าปิดล้อมพวกเขาหมด
แต่ตอนนี้ มาเฟียตุรกีกลับไปแล้ว คนของญี่ปุ่นกับฟรุสก็ไปไซบีเรีย เหลือแค่สมาชิกมาเฟียท้องถิ่นรัสเซียแล้ว
ต่งเซิงไห่คุมมวยใต้ดินมอสโควได้ถึงสิบกว่าปี อำนาจของเขาก็มีระดับหนึ่ง หลายวันก่อน จางซานหลินนำเข้าอาวุธจำนวนหนึ่งมาจากต่างประเทศ เตรียมไว้เพื่อโจมตีจุดรวมตัวของท็อกทาโฮโนฟ
เยี่ยเทียนโบกมือและพูดว่า “สั่งให้คนของคุณสลายตัว ทำตามที่ผมพูด ออกจากมอสโควก่อน แล้วก็อย่าลืมหาคนขับรถที่ชำนาญเส้นทางให้ผม เรื่องทะเบียนรถและอื่น ๆ คงไม่ต้องให้ผมพูดแล้วมั้ง ? ”
แม้ว่าจางซานหลินจะไม่รู้ว่าเยี่ยเทียนคิดอะไรอยู่ แต่ก็พยักหน้าตอบรับ และพูดว่า “ครับ ท่านเยี่ย ไว้ใจได้ครับ ผมจะจัดการให้ดีครับ ! ”
“ท่านเยี่ยครับ ท่านกับผม พอไหวมั้ยครับ ? ” อาหวาที่อยู่ข้าง ๆ พูดแล้วก็หยุด “ท่านเยี่ย ที่จริงผมขับรถให้คุณก็ได้นะ ผมก็พอรู้เส้นทางอยู่ ! ”
“หวาไจ่ เป็นคนหน้าใหม่นะ แล้วเขาก็ไม่เคยมีเรื่องอะไรกับพวกนั้นด้วย” จางซานหลินมองไปที่อาหวาและพูดว่า “หวาไจ่ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ นายไหวจริงเหรอ ? ”
หลังจากได้ยินสิ่งที่จางซานหลินพูด อาหวาชักสีหน้าไม่พอใจและพูดว่า “ท่านซาน ผมผ่านพิธีในห้องไหว้แล้วนะครับ ท่านอย่าดูถูกผมสิครับ ! ”
สมาคมหงเหมินในปัจจุบันไม่เหมือนกับเมื่อสิบกว่าปีก่อน คนแก่หลายคนเข้าใจถึงความสำคัญของความรู้ จึงต้องการให้ลูกหลานได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด
แต่เด็กซึบซับการกระทำของผู้ใหญ่ ก็เหมือนกับพ่อของอาหวาที่เป็นผู้ติดตามของถังเหวินหย่วน แม้ว่าเขาจะจบการศึกษามาจากฮาวาร์ดก็ตาม แต่เขาก็เห็นพ่อฟันคนมาตั้งแต่เด็ก
“โอเค อาหวาก็ได้ จริง ๆ ก็ไม่มีอันตรายอะไรหรอก ” เยี่ยเทียนตอบตกลงแบบส่ง ๆ และพูดว่า “เหล่าจาง คุณไปก่อน จำคำพูดของผมเอาไว้ ไปจากที่นี่ด่วน !”
“ครับ ท่านเยี่ย ระวังตัวด้วยนะครับ ผมจะให้คนส่งรถอีกคันมารับ ! ”
เมื่อเห็นเยี่ยเทียนออกปากไล่แล้ว จางซานหลินไม่พูดอะไรเพิ่ม เขาลุกขึ้นและขอลาทันที ไม่ว่าสิ่งที่เยี่ยเทียนพูดเป็นความจริงหรือไม่ เขาจะแจ้งให้พี่น้องหงเหมินที่แฝงตัวอยู่ในมอสโควรีบหนีไปโดยเร็ว
เยี่ยเทียนหัวเราะ เมื่อเห็นอาการตื่นเต้นของอาหวา “อาหวา คุณดูแผนที่ไปก่อน ดูเส้นทางไว้ เราจะไปวนรอบ ๆ ช่วงดึกกันอีกที”
ถ้าเป็นเมื่อหนึ่งปีก่อน เยี่ยเทียนไม่มีวิธีจัดการพวกกลุ่มก่อการร้าย มาเฟียที่ถืออาวุธปืนเอาไว้หรอก หมัดมวยจะแกร่งแค่ไหนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของปืนอยู่ดี มวยอี้เหอที่บอกว่าแทงไม่เข้านั่นก็เป็นตัวอย่างที่ดี
ตั้งแต่เข้าสู่ระดับโฮ่วเทียน มันทำให้เยี่ยเทียนเห็นโลกอีกใบหนึ่ง โลกนั้นมีแก่นวิญญาณ และ ปราณแท้อยู่จริง ซึ่งเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจก่อนหน้าของเยี่ยเทียนไปเลย
แม้ว่าเยี่ยเทียนยังไม่สามารถใช้เนื้อหนังต่อต้านความแรงของปืนกลได้ แต่หากเป็นเรื่องซุ่มโจมตี เยี่ยเทียนมั่นใจว่าการแอบเข้าไปถึงห้องนอนของท่านประธานาธิบดีของสหรัฐฯก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ก็เหมือนกับผู้ใหญ่ที่มีร่างกายแข็งแรง เผชิญกับทารกที่เพิ่งหัดเดิน แม้ทารกจะมีปืนอยู่ในมือ แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ใหญ่อยู่ดี จะเอามาเทียบกันไม่ได้
หลังจากสั่งอาหวาเสร็จ เยี่ยเทียนเดินกลับเข้าห้องนอน มองดูจอร์ชที่เพิ่งฟื้นและพูดว่า “เหล่าหม่า คืนนี้ตรงไปไซบีเรียเลยนะ ไปให้ถึงภายในสามชั่วโมง โทรศัพท์เปิดเอาไว้ อยู่เตรียมรับการกลับมาของต่งต้าจ้วง ส่วนจอร์ชกับพวกคุณสองคน ไปจากรัสเซียตอนนี้เลย กลับสหรัฐฯไปก่อน ! ”
มาเฟียมอสโควเกิดเรื่องขึ้น ทางไซบีเรียจะต้องได้รับรายงานแน่นอน แต่เยี่ยเทียนเล่นกับความต่างของเวลา เขาเตรียมจัดการปัญหาที่มอสโควก่อน จากนั้นจะรีบไปสมทบกับต่งต้าจ้วงที่ไซบีเรียทันที
“บอสส์ คุณจะร่วมด้วยมั้ยครับ ? ” มาลาไกย์ได้ยินก็อึ้ง และพูดด้วยความตื่นเต้นต่อว่า “บอสส์ ผมอยู่กับคุณดีกว่าครับ”
“คุณเนี่ยนะ ? ไม่ต้องหรอก รีบไปจัดการเส้นทางก่อนเถอะ”
เยี่ยเทียนส่ายหัว ความสามารถที่กำลังจะแสดงออกมา มันเกินกว่าความเข้าใจของคนทั่วไป และถ้ามาลาไกย์ตามเขาไปด้วย สติคงแตกกระเจิงเป็นแน่
หลังจากจัดแจงทุกอย่างเสร็จ เยี่ยเทียนโทรหาถังเหวินหย่วน กำชับให้เตรียมเส้นทางการบินจากมอสโควไปไซบีเรีย เพราะเรื่องนี้เยี่ยเทียนทำไม่ได้
ปลายเดือนสามของมอสโคว อากาศค่อนข้างหนาว ฟ้ามืดตั้งแต่ห้าโมงเย็น ไฟตามข้างถนนส่องสว่างไปทั่วเมือง
หลังจากเยี่ยเทียนกับอาหวาออกจากโรงแรม ก็ขึ้นรถตู้ที่จอดอยู่ตรงข้ามโรงแรมทันที นี่เป็นรถที่จางซานหลินสั่งให้คนส่งมาเมื่อช่วงเย็น
ตอนที่ 744 กวาดล้าง (2)
“เดี๋ยวก่อน จอดรถ…” ตอนที่รถแล่นมาถึงร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังของยุโรป เยี่ยเทียนสั่งให้รถหยุด
“ท่านเยี่ย ท่านจะ… ? ท่านคือ…ท่านเยี่ย ? ”
อาหวาได้ยินคำสั่งให้หยุดรถ เขาจึงหันกลับไปหาเยี่ยเทียน แต่สิ่งที่เห็นมันทำให้เขาตกตะลึง จนพูดติดขัดไปหมด
หน้าเอเชียแท้ ๆ ของเยี่ยเทียนกลายเป็นหน้ายุโรปไปแล้ว สันจมูกตั้งโด่ง ดวงตาเป็นสีเขียววาว ๆ เหมือนดวงตาของแมว
แม้แต่สีผิวก็เปลี่ยนไป เดิมทีสีผิวของเขาสีออกเหลือง ตอนนี้กลายเป็นสีที่เหมือนคนผิวขาวมาก เมื่อมองจากใต้แสงไฟอันมืด มันแทบจะมองไม่เห็นความแตกต่าง
ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงและเสื้อผ้าเดิม อาหวาคิดว่าเยี่ยเทียนถูกเปลี่ยนตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ตาม มันก็สร้างความตกใจให้กับอาหวาไม่น้อย
“ผมเอง แต่งหน้านิดหน่อยแล้วก็ใส่คอนแทคเลนส์ ทำไม แค่นี้ก็จำผมไม่ได้แล้วเหรอ ? ”
เยี่ยเทียนขำ ตั้งแต่พลังเข้าสู่ก่อนกำเนิด เยี่ยเทียนสามารถใช้กล้ามเนื้อและกระดูกของตัวเองได้อย่างอิสระ และการเปลี่ยนหน้า สำหรับเขาแล้ว เป็นเรื่องที่ง่ายเหมือนปลอกกล้วย
ตอนนี้ หน้าตาของเยี่ยเทียนคล้ายกับรูดอล์ฟจากลาสเวกัสมากถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ แต่เพราะเยี่ยเทียนไม่มีใบหน้าให้ดูเป็นตัวอย่าง ไม่อย่างนั้น เขาคงทำให้รูดอล์ฟมีพี่น้องฝาแฝดได้เป็นแน่
“ท่านเยี่ย ท่านเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยด้วยซ้ำ ! ”
ได้ยินเสียงของเยี่ยเทียนอีกครั้ง อาหวาค่อยสบายใจหน่อย เขามองเยี่ยเทียนอย่างไม่เชื่อสายตา นี่มันไม่ได้แต่งหน้าธรรมดาแล้ว มันยิ่งกว่าการเปลี่ยนหน้าในนิยายเสียอีก
“อาหวา คุณมีเงินรูเบิลมั้ย ? ” เยี่ยเทียนกำลังจะเปิดประตู เขานึกถึงบางอย่างและพูดว่า “ไม่มีเงินรูเบิลไม่เป็นไร เงินดอลล่าร์ก็ได้ เอามาให้ผมก่อน ! ”
เยี่ยเทียนบินมาจากฮ่องกงด้วยความเร่งรีบ ประกอบกับ ทุกวันนี้เขาดื่มแค่น้ำเปล่าวันละนิด ไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย จึงไม่มีความจำเป็นต้องพกเงินอีก ทำให้ตอนนี้กระเป๋าของเขาว่างเปล่า
“มีครับ ๆ ดอลล่าร์ หรือ รูเบิล มีหมดครับ นี่ครับ ท่านเยี่ย ! ”
พอได้ยินเยี่ยเทียนถาม อาหวารีบหยิบเงินออกจากกระเป๋า เป็นธนบัตรสองปึกยื่นให้กับเยี่ยเทียน เวลาอยู่ที่รัสเซีย ดอลล่าร์เป็นสกุลเงินที่ปลอดภัย ฉะนั้นเวลาอยู่ด้านนอกอาหวาจะพกไว้บ้าง
“คุณเอารถไปจอดรอผมตรงทางโค้งตรงนั้น เดี๋ยวผมมา ! ” เยี่ยเทียนสั่งอาหวาเสร็จ ก็ลงจากรถและเดินเข้าร้านเสื้อผ้าทันที
“คุณผู้ชาย ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ ทางเราสามารถช่วยตอบสนองความต้องการในเรื่องเสื้อผ้าให้คุณได้ทุกเรื่องค่ะ! ”
เยี่ยเทียนเพิ่งเดินเข้าร้าน ผู้หญิงรัสเซียสองคน รูปร่างสูงเพรียวเดินเข้ามาต้อนรับด้วยความอบอุ่น มีผู้หญิงคนหนึ่งถึงขั้นใช้ภาษาอิตาลี
พวกเธอดูออกว่าชุดกีฬาของเยี่ยเทียน คือแบรนด์เดียดอร่าจากอิตาลี และคอลเลคชั่นนี้ไม่ขายสู่สาธารณะเท่าไหร่ จะขายให้กับบุคคลพิเศษเท่านั้น
เยี่ยเทียนยักไหล่ และพูดภาษาอังกฤษออกไปด้วยสำเนียงอเมริกาใต้ว่า “ผมไม่ได้มาซื้อเสื้อผ้าครับ ผมต้องการเข็มกับด้ายครับ ไม่ทราบว่าทางคุณจะหาให้ผมได้มั้ย ? ”
“ซื้อเข็มกับด้ายเย็บผ้า ? ”
สาวสวยสองคนถึงกับอึ้ง แม้ว่าคนรวยพวกนี้จะมีความชอบส่วนตัวมากมาย แต่การมาหาซื้อเข็มกับด้ายที่ร้านเสื้อผ้านี่ เยี่ยเทียนเป็นคนแรก แล้วของแบบนี้ก็ควรจะไปซื้อตามร้านค้าดีกว่า ?
“ขอประทานโทษ คุณผู้ชายท่านนี้ อุปกรณ์เย็บผ้าของทางร้านเป็นของใช้ส่วนตัวของดีไซเนอร์ ไม่มีขายค่ะ ! ” พนักงานคนหนึ่งปฏิเสธความต้องการของเยี่ยเทียนอย่างนุ่มนวล
“อืม ? ร้าน อาร์มานี่ ตอบแทนความต้องการของลูกค้าแบบนี้เหรอ ? ”
เยี่ยเทียนแสดงความไม่พอใจ และพูดแข็ง ๆ ว่า “ขอแค่ลูกค้ายอมแจ้งราคา ผมคิดว่าไม่มีสิ่งของใดขายไม่ได้หรอกมั้ง จิออร์จิโอ อาร์มานี่ ขายของแบบนี้เหรอครับ ? ”
ภาษาอังกฤษที่เยี่ยเทียนพูดออกมาเมื่อกี้ ก็คือชื่อผู้ก่อตั้งแบรนด์ อาร์มานี่ คนชื่อ อาร์มานี่ คนนี้เขาเคยเจอบนเรือสำราญควีนอลิซาเบธ เวลาพูดค่อนข้างมีความมั่นใจสูง
“ช่วยรายงานให้ จิออร์จิโอ อาร์มานี่ ว่า ผมชื่อรูดอล์ฟ ดูสิว่าจะขายเข็มให้ผมมั้ย ? ”
เยี่ยเทียนยื่นธนบัตรหนึ่งร้อยดอลล่าร์ออกมาปึกหนึ่ง ท่าทางเป็นธรรมชาติมาก สองสาวที่อยู่ตรงนั้นถึงกับตะลึง
“โอเค…โอเคค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปหยิบให้ค่ะ ! ”
ไม่รู้ว่าทำไม คำพูดของเยี่ยเทียนจึงมีพลังงานบางอย่างที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ผู้หญิงคนหนึ่งถึงกับวิ่งไปด้านหลัง และหยิบเข็มกับด้ายออกมา
“ก็แค่นี้แหละ นั่นเงิน 3000 ดอลล่าร์ คุ้มกว่าขายเสื้อผ้าอีก ! ”
หลังจากได้รับเข็มกับด้ายมาแล้ว เยี่ยเทียนไม่ได้เก็บเงินปึกนั้น แต่ผลักประตูออกไปอย่างภาคภูมิใจ
“แอนนาตาเซีย ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย ? ” หลังจากเงาของเยี่ยเทียนหายไปหลายนาที ผู้หญิงคนหนึ่งก็ร้องขึ้นมามองเงินปึกนั้นแบบทำอะไรไม่ถูก
“วาลาเรีย รีบรายงานให้ผู้จัดการทราบ ! ” ผู้หญิงอีกคนค่อนข้างเป็นคนตรง หลังจากเก็บเงินปึกนั้นเสร็จ ก็พูดว่า “เขาบอกว่า เขาชื่อรูดอล์ฟ พวก…พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดใช่มั้ย ? ”
ไม่พูดถึงความตกใจของพนักงานบริการสองคนนั้นอีก เยี่ยเทียนเลี้ยวโค้งเดินหลบกล้องวงจรปิดได้พอดี เขาเปิดประตูรถและขึ้นรถไป
“ท่านเยี่ย ท่านเปลี่ยนหน้ากลับมาได้มั้ย ? ”
อาหวารู้สึกขนลุกเมื่อเห็นหน้าของรูดอล์ฟ ภายใต้หน้าของเยี่ยเทียนผ่านกระจกหลัง เขาทำหน้ากลัว ๆ พูดว่า “ท่านเยี่ย นี่มันน่ากลัวมากเลยนะครับ ! ”
“เราต้องพึ่งใบหน้านี้นะ”
เยี่ยเทียนได้ยินก็ขำก๊าก สาเหตุที่ทำแบบนี้ก็เพื่อที่จะสร้างความอึดอัดใจให้กับผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งก็คือรูดอล์ฟ ถึงแม้จะไม่สามารถไปจัดการรูดอล์ฟถึงลาสเวกัสได้ แต่เยี่ยเทียนก็จะทำให้พวกมันกัดกันเอง
เยี่ยเทียนขี้เกียจอธิบายให้อาหวาฟัง เมื่อมองนาฬิกาตอนนี้หกโมงกว่าแล้ว เขาพูดว่า “เอาน่า ไปที่จุดที่ห่างจากตรงนี้ใกล้สุดตามแผนที่ก็แล้วกัน ! ”
“ได้เลยครับ ! ”
อาหวาพยักหน้า หมุนพวงมาลัย และขับไปยังเขตเมืองสีเขียวมอสโคว ที่นี่อยู่ใกล้ ๆ กับใจกลางเมือง มีประชากรหนาแน่นที่สุดเขตหนึ่ง เมื่อก่อนเป็นของต่งเซิงไห่ และเป็นที่ตั้งของสนามมวยใต้ดินมอสโควด้วย
“ท่านเยี่ย ตรงนั้นครับ สนามมวยอยู่ชั้นใต้ดินชั้นสาม วันนี้ไม่น่าจะมีการแข่งขัน ! ”
ก่อนจะขับมาถึงตึกสูงสามชั้นที่มีบริเวณกว้างขวาง อาหวาชี้ไปที่ตึก ๆ หนึ่งพูดว่า “ที่นี่เคยเป็นที่ของสมคมหงเหมิน ผมเคยมาครั้งหนึ่ง ข้างในมีกล้องติดอยู่ทุกมุม ท่าน…ท่านเยี่ย นี่ท่านจะทำอะไร ? ”
พอพูดถึงตรงนี้ อาหวาอึ้งไปเลย ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจจุดประสงค์การเปลี่ยนหน้าเป็นชาวยุโรปของเยี่ยเทียนแล้ว ก็เลยตกใจกับสิ่งที่เห็น เสียงที่พูดก็มีอาการสั่น
“คุณขับรถออกไปหนึ่งกิโลเมตร ไปรอผมที่นั่น ! ” เยี่ยเทียนมองอาหวาและพูดอีกว่า “สิ่งที่ไม่ควรถามก็ไม่ต้องถาม ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็ดี ! ”
“ครับ ท่านเยี่ย ! ” สายตาที่เยี่ยเทียนมองมาทำให้อาหวาถึงกับตัวเกร็ง พอเยี่ยเทียนลงจากรถ เขาก็ขับรถออกไปตามคำสั่ง
“ไอ้พวกนี้มันอิสระจริงนะ หืม ? มีนักมวยผู้หญิงหรือ ? ”
หลังลงจากรถ เยี่ยเทียนสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เดินไปที่ตึกตรงนั้นอย่างมั่นอกมั่นใจ ระหว่างนี้ อาคารทั้งตึกตั้งแต่ภาคพื้นดินและใต้ดินอีกสามชั้น ถูกจิตของเยี่ยเทียนครอบคลุมไว้หมดแล้ว
ด้านนอกของตึกสามชั้น มีบริเวณกว้าง เดิมทีเป็นที่จอดรถ แต่ตอนนี้มีรถจอดอยู่แค่สองสามคัน จึงดูโล่ง ๆ
ใกล้ ๆ ประตูใหญ่ มีผู้ชายคนนึง มือซ้ายถือขวดเหล้าวอดก้ากำลังป้อนเข้าปาก มือขวาขยับยุกยิกไม่หยุดใต้เอว ส่วนตานั้นจ้องมองโปสเตอร์ภาพเปลือยของชารอน สโตน
“เมนซัค แกกินเหล้าให้มันน้อยหน่อย เจ้านายบอกแล้วไง ช่วงนี้ไม่ค่อยสงบ พวกคนจีนอาจจะมาแก้แค้นได้ !”
ผู้ชายในห้องนอนอีกคน ถึงแม้จะมองโปสเตอร์เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ลืมคำสั่งของเจ้านาย ส่วนตาก็มองประตูใหญ่เป็นระยะ ๆ
“โอ้ว สุดยอด ! ”
ผู้ชายที่ชื่อเมนซัค เปล่งเสียงอึดอัดออกมา วอดก้าที่ดื่มหมดแล้วถูกโยนไว้ข้าง ๆ ส่วนมือขวาเช็ดบนตัว และพูดด้วยเสียงไม่สนใจว่า “โอกิเนส แกจะกลัวทำไม นี่มันถิ่นของเรานะ พวกลิงผิวเหลืองไม่กล้ามาหรอก ! ”
“ระวังไว้หน่อยก็ดี ไม่ใช่ไม่เคยเสียเปรียบให้กับพวกคนจีน”
โอกิเนสส่ายหัว ถ้าไม่ใช่เจ้านายรวบรวมอำนาจหลายกลุ่มเอาไว้ ตอนนี้พวกเขาอาจจะถูกพวกมาเฟียจีนกดขี่อยู่ทางเหนือหรือตะวันตกแน่ ๆ ไม่มีทางมาถึงเขตเศรษฐีตรงนี้หรอก
“พวกนั้นจะเก่งแค่ไหน ก็ถูกฉันจัดการไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ ? ”
เมนซัคเบะปาก แล้วเขาก็เห็นเงาของคนตรงประตูใหญ่ สติกลับมาทันทีและพูดว่า “โอกิเนส ฉันออกไปดูก่อนนะ เดี๋ยวฉันเข้าไปข้างในเลย บัดซบ พวกมันมีสิทธิอะไรได้ใกล้ชิดกับสาวพวกนั้น แล้วให้พวกเราได้แค่เฝ้าประตู”
เมนซัคหมายถึงนักมวยหญิงในสนาม นี่เป็นโครงการใหม่ของฟรุสตั้งแต่รับสนามมวยมอสโควมาดูแล เมื่อเทียบกับการต่อสู้เอาเป็นเอาตายของผู้ชายแล้ว เศรษฐีเหล่านั้นชอบดูผู้หญิงต่อสู้กันมากกว่าอีก
แต่สถานะของผู้หญิงพวกนั้นต่ำกว่าผู้ชายเท่าไหร่ก็ไม่รู้ นอกจากเป็นแค่ผู้เข้าแข่งขันบนเวทีมวยแล้ว ปกติก็เป็นได้แค่ของเล่นเฝ้าประตูเท่านั้นแหละ
“เฮ้ ไอ้หนุ่ม มาจากไหนเหรอ นี่ไม่ใช่ที่ ๆ แกควรอยู่นะ ! ” เมนซัคโซซัดโซเซมองเยี่ยเทียนที่เดินเข้ามาข้างใน มือขวาที่ลื่น ๆ มีการจับปืนที่เอวด้วย
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เมื่อไหร่ที่เขาทำท่าอย่างนี้ คนพวกนั้นจะตกใจจนหนีเตลิด และนี่ก็เป็นสิ่งที่เมนซัคชอบทำมากที่สุดเรื่องหนึ่ง
“บัดซบเอ้ย นี่มันมาเฟียรัสเซีย ? ”
จิตของเยี่ยเทียนไม่สามารถปิดการกระทำของเมนซัคเมื่อครู่ได้ มันเลยทำให้เยี่ยเทียนแทบจะอ้วก ในใจคิดว่า โชคดีมากที่ซื้อเข็มกับด้ายมาก่อน ไม่งั้นมือของเขาคงสกปรกเป็นแน่
ตอนที่ 745 กวาดล้าง (3)
“ที่นี่ก็ไม่ใช่ที่แกควรอยู่ ! ”
เยี่ยเทียนยิ้ม และประโยคนี้เขาใช้ภาษาจีนพูดมันออกมา ชายหน้าฝรั่งพูดภาษาจีน เมนซัคถึงกับอึ้งไปทีเดียว
แอลกอฮอล์ทำให้การตอบสนองของคนเราช้าลง ทฤษฎีนี้ถูกพิสูจน์อีกครั้งบนตัวของเมนซัค ผ่านไปหลายวินาที เขาเพิ่งจะคิดได้ว่ามันคือภาษาจีนที่เขาเกลียด
เมนซัคยังไม่ทันชักปืนออกมา เขาก็รู้สึกว่าบริเวณหัวใจของเขาเย็นวาบ กำลังทั้งหมดเหมือนถูกดึงออกไปหมด และรองรับร่างกายของตัวเองไม่ไหว
คอของเมนซัคเปล่งเสียง “โฮ ๆ ” ออกมา ทั้งตัวของเขาอ่อนระทวยลงไปกองกับพื้น สายตาของเขาเหม่อลอยช้า ๆ และกระตุกเล็กน้อย จากนั้นก็นิ่งไปเลย
“สนุกดีมั้ย ! ”
เยี่ยเทียนขยะแขยงเมนซัค จึงเดินอ้อมร่างของเขาไปอีกทาง เข็มที่ออกมาจากมือของเยี่ยเทียนแทงเข้าหัวใจของเมนซัคอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะไม่มีเลือดไหลออกมาสักหยด แต่มันสามารถทำลายชีวิตของเขาได้เลย
“บ้าเอ้ย เมนซัค ดื่มเยอะอีกแล้วละสิ ! ”
ตอนที่เยี่ยเทียนเดินเข้าใกล้ โอกิเนสที่อยู่ในห้อง เห็นหน้าเยี่ยเทียนแล้วว่าไม่ใช่คนจีน การระวังตัวของเขาก็ลดลง ตอนนี้มอสโควมีศัตรูเพียงแก๊งค์เดียวเท่านั้นก็คือสมาคมหงเหมิน
แล้วเยี่ยเทียนก็ยืนห่างจากเมนซัคประมาณสี่ห้าเมตร เขาสองคนแทบจะไม่ได้ใกล้กันเลย โอกิเนสจึงคิดว่าเมนซัคล้มลงไปเพราะเมา
“แกเป็นใคร ? ห้ามเข้ามาใกล้ที่นี่ ! ” โอกิเนสเหล่ตามองเยี่ยเทียน และก้มลงไปพยุงเมนซัค แต่เขารู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ
ร่างกายของคนเป็นจะมีความอ่อนและยืดหยุ่น แต่ร่างของคนตายจะแข็งกว่า ถึงแม้เมนซัคจะเพิ่งตาย แต่กล้ามเนื้อของเขาเริ่มตึงแล้ว พอดึงปุ๊ป โอกิเนสก็รู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที
การตอบสนองของโอกิเนสเร็วกว่าเมนซัคมาก เขาไม่กล้ายืนขึ้นด้วยซ้ำ แต่หันไปคว้าปืนทันที และเปล่งเสียงตะโกนออกมา
แต่การกระทำของโอกิเนสหยุดไว้เพียงเท่านี้ ปากที่อ้าค้างไว้ไม่ทันเปล่งเสียงออกมา ทั้งตัวของเขาเหมือนถูกสะกดเอาไว้ และล้มใส่ร่างของเมนซัคอย่างจัง
ตรงระหว่างคิ้วของโอกิเนส มีจุดสีแดงปรากฏขึ้น ซึ่งแทบจะดูไม่ออกด้วยซ้ำ และจุดนั้นก็คือเข็มเหล็กที่เยี่ยเทียนเสียบเข้าไปและดึงออกมา เพื่อทำลายประสาทส่วนสมองของเขาทั้งหมด
“พุบ พุบ ! ” เยี่ยเทียนเตะศพคนทั้งสองคนละที
เขาใช้แรงทั้งหมด ยกศพสองศพเข้าไปในห้อง คนหนึ่งจับวางไว้ด้านหลังของโซฟา อีกคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้น ภาพนั้นเหมือนคนสองคนกำลังนอนพักผ่อน
หลังจากจัดการเสร็จ เยี่ยเทียนเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้กับกล้องบันทึกภาพในห้อง ใบหน้าของรูดอล์ฟน่ากลัวมากเป็นพิเศษในค่ำคืนนี้
“มาเฟียก็คือมาเฟีย เลวทรามจริง ๆ ! ”
ในความคิดของเยี่ยเทียน เขาสามารถเห็นคนสิบกว่าคนที่อยู่ในอาคารนี้อย่างชัดเจน นอกจากสิบคนที่เล่นพนันอยู่ด้านนอก ที่เหลือล้วนแต่อยู่ในท่าดั้งเดิมกับพวกผู้หญิง
“โห นี่ทำไรกันวะเนี่ย ? ”
ความคิดของเยี่ยเทียนเลี้ยวเข้าห้องหนึ่ง พบว่า ผู้ชายสองคนที่อยู่ในห้องกล้องวงจรปิดดุเดือดยิ่งกว่า ภาพที่เขาเห็นเมื่อครู่แทบจะทำให้เขาอ้วกออกมา
ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นจากความคิด เขาไม่กล้าคิดเลยว่า ผู้ชายที่แข็งแกร่งขนาดนั้น จะคลานอยู่บนโซฟาเหมือนกับผู้หญิง แล้วยอมให้ผู้ชายอีกคนทำแบบนั้นได้
เยี่ยเทียนส่ายหัว เดินขึ้นไปชั้นสามของอาคาร การเคลื่อนไหวของเขาก็ไม่เร็วเท่าไหร่ แต่ก้าวแค่ก้าวเดียว เขาก็หายไปจากประตูกระจกในระยะ 20 เมตรแล้ว
ห้องโถงใหญ่ของชั้นหนึ่ง มีผู้ชายสิบกว่าคนนั่งล้อมวงกันกำลังเล่นพนันกันอย่างดุเดือด แทบจะไม่มีคนทันสังเกตเลยว่าเยี่ยเทียนเข้ามา เยี่ยเทียนเดินมาใกล้พวกเขาก็ไม่มีใครถามอะไร
“บัดซบ จะหมดตัวแล้ว ฉันจะไปสูบบุหรี่ก่อน ” ผีพนันที่อยู่ข้าง ๆ เยี่ยเทียนบ่น เหมือนจะแพ้พนัน เขาถอยหลังออกมา “เฮ้ ขอยืมไฟแช็กหน่อย ! ”
ตาของเขาไม่เห็นเยี่ยเทียน และยื่นปากเข้าไปใกล้ เพื่อให้เยี่ยเทียนจุดไฟให้เขา เห็นได้ชัดเลยว่าเขาน่าจะเป็นหัวโจกคุมตรงนี้
“บัดซบ เร็ว ๆ สิ ! ” รออยู่ตั้งนาน เขาเพิ่งจะพบว่าเยี่ยเทียนไม่ได้สนใจเขาเลย จนเขาเร่งอีกรอบ จึงมีมือข้างหนึ่งยกขึ้นมาตรงหน้าเขา
เป็นมือที่ว่างเปล่า ไม่มีไฟแช็คตามที่เขาต้องการ และตอนที่เขากำลังจะต่อว่าคน ๆ นั้น มือข้างนั้นก็ยื่นเข้าใปใต้คางของเขา “แคร่ก” เสียงแคร่กดังเข้าไปในสมองของเขา
“เสียงอะไร ? ” หัวโจกอึ้ง จากนั้นก็พบว่า หัวของเขาห้อยลงมาถึงตรงอก แสงไฟสว่างวิบวับของห้องโถง มืดสนิทในทันใด
“คนแบบนี้นะเหรอจะขับไล่สมาคมหงเหมินออกจากมอสโคว ? ”
หลังจากหักคอของชายคนนี้จนแหลก เยี่ยเทียนส่ายหัวอย่างผิดหวัง เพราะพวกผีพนันที่กำลังเล่นพนันกันอย่างเมามัน ไม่มีใครทันสังเกตเลยว่าเกิดอะไรขึ้นรอบ ๆ ตัวของพวกเขาบ้าง
ไม่แปลกเลยที่ต่งเซิงไห่สามารถคุมสนามมวยใต้ดินมอสโคว์ได้ถึงสิบยี่สิบปี เพราะมาเฟียที่ไม่มีองค์กร ไม่มีกฏระเบียบพวกนี้ ยังไม่ใช่คู่ปรับของสมาคมหงเหมิน
“ช่างเถอะ ประหยัดเข็มหน่อยดีกว่า ! ”
เยี่ยเทียนคิดไปคิดมา สุดท้ายก็เลือกเก็บเข็มกลับไป ถึงแม้เขาจะนำเข็มมาด้วยหนึ่งห่อ มีเข็มมากถึงหนึ่งร้อยสองร้อยเล่ม แต่จุดรวมตัวแต่ละจุด มีคนมากถึงสิบกว่าคน เยี่ยเทียนต้องเหลือเอาไว้ใช้บ้าง
เยี่ยเทียนปรากฏตัวขึ้น เดินวนไปหนึ่งรอบ สองมือเร็วปานฟ้าผ่า ตบเข้าท้ายทอยของทุกคนคนละหนึ่งที เดิมทีเสียงที่ดังกึกก้องอยู่จู่ ๆ ก็เงียบกริบ
“เอวาล เสียงด้านนอกหายไปไหน ? ”
ชายหนุ่มร่างใหญ่สองคนที่กดทับผู้หญิงเอาไว้คนละคน อยู่ในห้องข้างห้องโถง พวกเขารู้สึกไม่คุ้นชินกับเสียงด้านนอกที่หายไป
“ไม่รู้สิ เดี๋ยวฉันจะออกไปดู ! ”
เอวาลส่ายหัว ถอนตัวออกจากผู้หญิงที่คุกเข่าอยู่ เขาตบเข้าสะโพกอย่างแรงเสร็จ จึงลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอกแบบเปลือยเปล่า
พอประตูเปิดออก ยังไม่ทันคุ้นเคยกับแสงไฟด้านนอก จู่ ๆ ระหว่างคิ้วก็รู้สึกด้านชา และสูญเสียการรับรู้ไปในทันที
ขณะเดียวกัน ผู้ชายอีกคนที่กำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะอย่างเมามันในห้องนอน กำลังนำร่างที่หนักกว่า 150 กิโลทับลงบนตัวของผู้หญิงที่อยู่ด้านล่าง
“เงียบ ๆ กันก่อนเถอะ ! ”
เมื่อเห็นผู้หญิงสองคนที่ดูเหมือนกำลังจะตะโกน เยี่ยเทียนทำท่าดีดนิ้วเบา ๆ จากนั้นปราณชีวิตแท้ก็พุ่งเข้าขมับของผู้หญิงสองคนนั้นแล้วก็สลบไป
เยี่ยเทียนเหมือนปีศาจแห่งความตายที่มากับความมืดมิด กำลังเดินเร่ร่อน จากห้องหนึ่งมาโผล่อีกห้องหนึ่ง และเอาชีวิตของคนพวกนั้นคนแล้วคนเล่า
สิบกว่านาทีอันสั้นผ่านไป ตั้งแต่ชั้นสามจนถึงชั้นใต้ดินอีกสามชั้น ไม่มีผู้รอดชีวิตอีกต่อไป สองคนที่อยู่ในห้องบันทึกภาพก็ตายไป ๆ พร้อมกันกับความตื่นเต้นและความเร้าใจ
“พอถึงระดับโฮ่วเทียน ไม่ต้องถูกสวรรค์ผูกมัดเอาไว้ แต่ที่ตรงนี้ไร้ประโยชน์แล้ว ต่อไปก็คงเอามาทำเป็นสนามมวยไม่ได้อีก ! ”
เยี่ยเทียนใช้ความคิดเดินท่องไปทั่วตึกรอบหนึ่งเสร็จ เขาพบว่าพลังพิฆาตของศพเหล่านั้นถูกปราณแท้ของตนปกป้องเอาไว้ ไม่มีพลังไหนสามารถซึมเข้าร่างของเขาได้เลย
แต่ว่าพอเยี่ยเทียนเปิดตาแห่งสวรรค์ เขาพบว่าอาคารที่กินพื้นที่บริเวณไม่ใหญ่ทั้งด้านนอกและด้านในแห่งนี้ กลับถูกครอบงำไว้ด้วยปราณแห่งความตาย
พลังพิฆาตของคนที่แผ่ออกมาจากคนที่เพิ่งตาย มันผสมกับพลังพิฆาตจากสนามมวยชั้นใต้ดินทั้งสามชั้น จนทำให้ฮวงจุ้ยของที่นี่แปรเปลี่ยนไปในทันที
พวกฝรั่งไม่รู้จักเชิญซินแสมาทำพิธี สถานที่แบบนี้ อีกสิบปีข้างหน้าก็ยังไม่เหมาะที่จะเอามาทำเป็นที่อยู่อาศัยหรือตึกทำงานอีก ไม่เช่นนั้นจะต้องพบเจอแต่โชคไม่ดีและเจ็บป่วยเป็นแน่
เยี่ยเทียนหันกลับไปมองสถานที่ที่อบอวลไปด้วยพลังแห่งความตาย จากนั้นร่างของเยี่ยเทียนก็หายวับเข้าไปในความมืด
“ท่านเยี่ย ท่านกลับมาแล้ว ไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ ? ”
อาหวาจอดรถไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นนึง รู้สึกถึงการสั่นของรถยนต์ ร่างของเยี่ยเทียนปรากฏขึ้นตรงเบาะหลัง อาหวาจึงรีบหันไปมอง
ไม่มีเสียงปืน ไม่มีเสียงตะโกนฆ่าฟัน อาคารที่อยู่ไกล ๆ ตรงนั้นยังคงมีไฟเปิดอยู่ อาหวารู้สึกสงสัยอย่างที่สุด เขาไม่รู้ว่าเยี่ยเทียนเข้าไปทำอะไรในนั้นบ้าง ?
“ไม่เป็นอะไร ไปกันเถอะ ไปอีกจุดนึง”
เยี่ยเทียนเลียปาก มันมีพลังจิตสังหารที่ไม่อาจบังคับได้เกิดขึ้นในใจของเขา ตาสีแดงที่ผิดปกติ ทำให้เขาเหมือนเป็นปีศาจ อาหวาที่เห็นภาพนั้นถึงกับขนลุกซู่
“แก๊ง ! ” เสียงกระดิ่งดังฟังชัดดังขึ้นภายในใจของเยี่ยเทียน เสียงนั้นมีผลต่อความคิดของเยี่ยเทียนทันที เพราะจิตสังหารเมื่อครู่หายไปแล้ว
“ฉัน…ฉันเป็นอะไรไป ? ”
เสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นทำให้เยี่ยเทียนตื่นจากจิตสังหาร เยี่ยเทียนถึงกับตกใจจนเหงื่อไหลท่วมตัว เมื่อครู่เขาไม่รู้สึกว่ามีพลังพิฆาตซึมเข้าร่างกาย แล้วพลังอะไรที่ควบคุมความคิดของเขาอยู่ ?
“หรือฆ่าคนเยอะเกินไป ? แต่ตอนที่อยู่พม่า ฉันฆ่ามากกว่านี้อีกนะ ! ” เยี่ยเทียนจับกระดิ่งซานซิง มีแรงเย็นส่งออกมา จิตสังหารที่ไม่สามารถควบคุมได้ จู่ ๆก็หายไปทั้งหมด
“ท่านเยี่ย ท่าน…ท่านเป็นอะไรไปครับเมื่อครู่ ? ”
หลังจากจิตสังหารบนตัวเยี่ยเทียนหายไปหมด อาหวาเพิ่งจะกล้าพูดออกมาแต่ก็ยังติดอ่าง สายตาที่เขามองเยี่ยเทียนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เพราะเมื่อครู่เยี่ยเทียนเหมือนเทพแห่งความตายที่กระหายเลือด
“ไม่เป็นไร อาหวา ไปต่อเลย รีบไปนะ วันนี้เราจะยุ่งกันมาก ! ”
เยี่ยเทียนจิตใจแน่วแน่ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จะไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อเขาแน่นอน เพราะกระดิ่งซานซิงจะเป็นตัวช่วยให้มีสติ ถ้ากวาดล้างเส้นทางมาเฟียในมอสโควเสร็จ ค่อยว่ากันอีกที
“ครับท่าน ท่านจับแน่น ๆ นะครับ ! ”
หลังจากได้ยินเยี่ยเทียนพูดแบบนั้น อาหวารู้สึกขนลุก เขารู้ว่าในคำพูดของเยี่ยเทียนแฝงจิตสังหารเอาไว้ และความคิดที่ว่าเยี่ยเทียนไปเดินเล่นในอาคารหนึ่งรอบ มันได้หายไปแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น