หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา 740-743
บทที่ 740 การเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์!
เสียงที่หวังเป่าเล่อเลือกใช้นั้นแหบพร่าเล็กน้อยแถมยังแฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่งเกินควบคุม ชายหนุ่มพยายามเลียนเสียงต้นไม้ยักษ์ เสียงสนั่นของเขาดังก้องไปทั่วเรือบินรบ ก่อนจะมีเสียงกัมปนาทดังกึกก้องอยู่ในศีรษะของผู้ฝึกตนที่อยู่บนเรือ ทุกคนดูเหมือนว่าหูจะดับ พากับนั่งใบ้เบื้อด้วยสีหน้าตื่นตะลึงกันไปหมด
ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในไม่อาจทานทนเสียงของหวังเป่าเล่อได้ โลหิตไหลบ่าออกจากทุกรูบนใบหน้าของพวกเขา จิตใจปั่นป่วน แถมพลังปราณยังถูกยับยั้งเอาไว้ ส่วนผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณที่มีพลังมากขึ้นมาหน่อยก็ยังได้รับบาดเจ็บแม้จะน้อยกว่า ใจของพวกเขาอื้ออึง ก่อนจะบ้วนเลือดออกมากองใหญ่ พวกเขาซวนเซและต้องคว้ากำแพงที่ใกล้ที่สุดเอาไว้เพื่อไม่ให้ล้ม
มีเพียงผู้อาวุโส ที่มีระดับพลังปราณสูงสุดเท่านั้นที่สามารถรับมือกับเสียงของหวังเป่าเล่อได้ ถึงกระนั้น ก็ยังมีเลือดไหลซึมออกมาตรงมุมปาก ใบหน้าของเขาซีดขาว มีประกายความตื่นกลัวฉายชัดอยู่ในแววตา
ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นก่อนที่หวังเป่าเล่อจะปรากฏกายด้วยซ้ำ ชายหนุ่มยังคงหายตัวอยู่ในร่างมายา และใช้เพียงเสียงกระแทกใส่คนอื่นๆ ราวกับเป็นปีศาจร้าย จนทำให้ทุกคนแทบจะเสียสติไป ทุกสิ่งทุกอย่างนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา!
ในวินาทีต่อมา ก่อนที่ใครจะตั้งตัวได้ติด ปราณมืดก็เริ่มไหลบ่ามาจากกำแพงและพื้นของเรือบินรบ เรือบินรบทั้งลำถูกปกคลุมไปด้วยควันสีดำซึ่งเปี่ยมไปด้วยพลังน่าสะพรึงกลัว ควันดังกล่าวมีอำนาจกัดกร่อนซึ่งหลอมละลายทุกอย่างที่มันสัมผัส
ภายในพริบตา ปราณมืดก็เข้าปกคลุมเรือบินรบและพุ่งไปยังผู้ฝึกตนทุกคนบนนั้น ทุกคนต่างก็ไร้กำลังที่จะต่อต้านควันสีดำ ควันเข้าไปในกายของพวกเขา ม้วนตัวเข้าไปในกระเป๋าคลังเก็บและสมบัติเวทต่างๆ ของคนเหล่านี้ก่อนจะจากไปทันที
สมบัติเวทบางชิ้นเป็นจี้ที่ห้อยอยู่บนคอของผู้ฝึกตนเหล่านี้ บ้างก็เป็นสมบัติภายในกายที่พวกเขาหล่อเลี้ยงอยู่เสมอ ไม่มีชิ้นใดหลุดรอดไปได้ ทุกๆ ชิ้นถูกปราณมืดช่วงชิงเอาไป พลังปราณมืดหอบกระเป๋าคลังเก็บและสมบัติเวทมารวมกันอยู่บนอากาศตรงหน้าของทุกคน ก่อนจะแปรสภาพสิ่งของเหล่านี้ให้กลายเป็นร่างเงาพร่าเลือน!
ร่างเงานั้นมีใบหน้าไม่ชัดเจน และถูกห้อมล้อมไปด้วยกลุ่มของหมอกควันที่ขยับเคลื่อนย้ายหดเล็กและขยายใหญ่อยู่ไปมา ช่างเป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวยิ่ง จู่ๆ แสงไฟสีโลหิตสองดวงก็ส่องสว่างขึ้นบนใบหน้าของร่างนั้น ก่อนจะหันไปทางบรรดาผู้ฝึกตนที่เพิ่งถูกชิงสมบัติไป
ดวงตามายาทั้งสองเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างในวินาทีนั้น สายตาที่จับจ้องมาทำให้ทุกคนตื่นกลัวจนใกล้สิ้นสติ
สายลมเย็นเริ่มหมุนวน ก่อนที่ความเย็นเยียบน่าสะพรึงกลัวจะชำแรกเข้ามาภายในเรือบินรบ ความเย็นนั้นทำให้กายเนื้อเย็นเยียบแต่กลับแผดเผาดวงวิญญาณให้ร้อนเร่า บรรดาผู้ฝึกตนต่างรู้สึกราวกับว่าวิญญาณของพวกเขาถูกเปลวไฟเผาไหม้ ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงนี้เข้าปกคลุมผู้ฝึกตนทุกคนบนเรือบินรบ ช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกแปร่งและน่าสะพรึงกลัว ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในไม่อาจทานทนได้อีกจึงหมดสติไปทันที
ผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณก็ประสบความยากลำบากเช่นกัน พวกเขาพยายามปลดปล่อยพลังปราณออกมาจนสุดเพื่อต่อต้านความเจ็บปวดที่สัมผัสได้ทั้งบนร่างกายและในจิตวิญญาณ ผู้อาวุโสบ้วนเลือดออกมาอีกกองใหญ่ขณะที่ซวนเซไปจับเก้าอี้ซึ่งวางอยู่ใกล้ๆ จากนั้นเขาก็ละล่ำละลักพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกลัว
“พวกเขาเป็นศิษย์สำนักพันวิญญาณ ผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเราคือกงซุนโหว ผู้อาวุโสผู้ทรงเกียรติ…”
“หุบปาก!” ร่างที่ก่อขึ้นมาจากควันสีดำตะโกนแทรกก่อนที่ผู้อาวุโสจะพูดจบ เสียงนั้นดังราวกับเป็นเสียงฟ้าผ่าที่ฟาดสนั่นลงมาในศีรษะของทุกคน ผู้อาวุโสขั้นจุติวิญญาณไม่อาจทานทนได้อีก จึงพ่นโลหิตออกมาอีกหลายครั้ง ร่างปริศนายกมือขวาขึ้นกวาดไปในอากาศ
พลังปริศนาพลันปรากฏขึ้น พายุหมุนก่อตัวขึ้นภายในเรือบินรบนั้นและขยายออกไปจนถึงงภายนอก ก่อนจะดึงดูดทุกสิ่งไปหาด้วยพลังอันรุนแรง มันลากทุกคนบนเรือบินรบเข้าไปหาด้วยความตั้งใจที่จะกลืนพวกเขาเข้าไปทั้งหมด
ผู้ฝึกตนทุกคนมาปรากฏตัวอีกครั้งด้านนอกเรือบินรบในชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์ สายลมรุนแรงฟาดฟันเข้าใส่ เสียงสายฟ้าฟาดดังเปรี้ยงปร้างอยู่ในหู ทั้งหมดตัวสั่นเทา แม้จะเกรงกลัวแต่ก็โล่งใจที่ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาทำได้เพียงเฝ้ามองเรือบินรบของตนปลดปล่อยความเร็วสูงสุดออกมาและพุ่งตัวไปในความเวิ้งว้าง!
การปล้นครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว บรรดาเหยื่อของการกระทำต่างก็ตัวสั่นอยู่ในสายลมหนาวเหน็บ หลายคนต่างมีสีหน้าสับสน ทุกคนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น พวกเขาเป็นโจวสลัดแห่งจักรวาลที่เพิ่งจะเดินทางกลับมาจากการปล้นซึ่งสำเร็จอย่างล้นหลาม แต่ก่อนที่จะได้กลับสู่ดาวเคราะห์บ้านเกิด พวกเขากลับถูกคนอื่นปล้นไปเสียฉิบ!
ผู้อาวุโสที่เป็นผู้นำกลุ่มยืนนิ่งขึงตะลึงอยู่นับสิบวินาทีก่อนจะส่งเสียงโหยหวนเจ็บปวดออกมา ดวงตาของเขาแดงก่ำ ก่อนจะเมินบรรดาศิษย์ร่วมสำนักและใช้ความเร็วเต็มที่พุ่งตัวลงไปยังพื้นดินทันที!
ขณะที่พุ่งตัวออกไปนั้น เขาก็ยกมือขวาขึ้นทุบอกอย่างแรงโดยที่ไม่มีใครทันเห็นเพื่อเพิ่มอาการบาดเจ็บให้ตนเอง ชายชรามีสภาพดูไม่ได้ เลือดไหลซึมออกมาจากปากไม่หยุดหย่อนขณะที่ร่วงหล่นผ่านชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์ลงไป เขากำลังมุ่งหน้าไปยังจุดที่ได้นัดหมายกับคนของสำนักเอาไว้
ชายชราปรากฏกายตัวออกมาจากชั้นบรรยากาศก่อนจะมาถึงจุดนัดหมาย ผู้ฝึกตนนับสิบจากสำนักที่มาเพื่อรับกลุ่มของเขาโผล่เข้ามาในคลองจักษุ พอเห็นดังนั้นผู้อาวุโสก็รีบส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดทันที
“ท่านเจ้าสำนัก ข้าทำภารกิจล้มเหลว ข้าพยายามเต็มที่และต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสเสียจนไม่อาจจะรักษาเรือบินรบของเราเอาไว้ได้ เรือบินรบของเรา…เรือบินรบของเรา…ถูกขโมยไปขอรับ!”
ผู้อาวุโสแค่นคำพูดเหล่านั้นออกมาจากปาก ก่อนจะกระอักเลือดออกมากลางอากาศ เขาดูราวจะบาดเจ็บสาหัสจนเหาะเหินต่อไปไม่ไหวและร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ผู้ฝึกตนร่วมสำนักที่เดินทางมาไกลเพื่อมาต้อนรับกลุ่มของเขาต่างก็พากันตกใจที่ได้เห็น รีบทะยานขึ้นไปรับร่างที่ร่วงหล่นลงมาก่อนจะรักษาบาดแผลให้ พลางถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในบรรดาคนเหล่านั้นมีผู้ฝึกตนวัยกลางคนอยู่คนหนึ่ง สีหน้าของเขาตื่นตะลึงเมื่อได้ฟังเรื่องที่ผู้อาวุโสเล่า เขาหยิบแผ่นหยกออกมาและส่งข้อความเสียงทันที
วินาทีต่อมาท้องฟ้าก็เริ่มแปรเปลี่ยน สายลมหมุนวน ก้อนเมฆเคลื่อนคล้อย ร่างๆ หนึ่งปรากฏขึ้นจากที่ไกลๆ การมาของเขาสังเกตเห็นได้จากพายุหมุนรุนแรงที่ปรากฏอยู่รอบกาย ผู้ฝึกตนที่เห็นการปรากฏตัวของร่างนั้นต่างก็พากันตื่นตะลึง วินาทีถัดมา ผู้มาใหม่ก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าผู้อาวุโสซุน เขาเป็นบุรุษร่างสูงใหญ่ที่สูงกว่าคนทั่วไปอยู่หลายช่วง มีรัศมีพลังปราณขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นต้นแผ่ออกมาจากกาย ชายผู้นี้คือผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักพันวิญญาณ กงซุนโหวนั่นเอง!
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” บุรุษร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงขึงขัง สายตาของเขาเปล่งประกายกล้าด้วยความมีอำนาจ
ผู้อาวุโสซุนตัวสั่นเพราะการปรากฏตัวของผู้อาวุโสสูงสุด ก่อนจะละล่ำละลักเล่าเหตุการณ์การปล้นออกมา สายตาอาฆาตปรากฏขึ้นในแววตาของกงซุนโหวเมื่อได้ฟังจนจบ เส้นผมของผู้อาวุโสสูงสุดสั่นไหวอยู่ไปมาแม้อากาศจะนิ่งงัน เห็นได้ชัดว่าเขาเกิดโทสะขึ้นอย่างแรงกล้า
“ใครกันช่างกล้าปล้นเรือบินรบของสำนักพันวิญญาณ เบื่อจะมีชีวิตแล้วหรือไร” กงซุนโหวยกมือขวาขึ้นกำหมัดแน่น สายฟ้าพุ่งจากสรวงสวรรค์มารวมกับกำปั้นของเขา ก่อนจะแปรสภาพเป็นไฟฟ้าลูกกลมที่ส่งเสียงแตกเปรียะน่าสะพรึง เขาเหวี่ยงกำปั้นออกไปข้างหน้า ไฟฟ้านั้นก็พุ่งออกไปในชั้นบรรยากาศก่อนจะระเบิดกลายเป็นทางเดิน
กงซุนโหวผู้เกรี้ยวกราดย่างกรายไปบนทางเดินนั้นก่อนจะเริ่มแผ่สัมผัสสวรรค์ออกไป เขาสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ จนจับตำแหน่งเรือบินรบของสำนักได้ จากนั้นก็รีบติดตามไปทันที!
ขณะที่ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักพันวิญญาณกำลังติดตามมาอย่างกราดเกรี้ยวนั้น หวังเป่าเล่อกำลังยืนอยู่ภายในเรือบินรบของสำนักซึ่งห่างออกมาจากผู้อาวุโสสูงสุดอยู่ประมาณหนึ่ง ชายหนุ่มปรากฏตัวในรูปลักษณ์ของจั่วอี้เซียน จ้องมองกระเป๋าคลังเก็บที่เพิ่งเปิดเมื่อครู่ ดวงตาลุกโพลงเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น
“ศิลาดารามายา!”
“ข้ารวยแล้ว!” หวังเป่าเล่อกล่าวอย่างลิงโลดใจ ลืมเจ้าลาข้างกายที่กำลังเลียริมฝีปากอย่างใจจดใจจ่อไปเสียสนิท ชายหนุ่มโบกมือหนึ่งครั้งเพื่อเก็บกระเป๋าคลังเก็บเหล่านั้นไว้ทั้งหมด จากนั้นสายตาก็หยุดอยู่ที่เรือบินรบเป็นเป้าหมายต่อไป เขาควบคุมเรือบินรบไว้ได้ง่ายดายพอสมควร
ต้องมีตัวส่งสัญญาณซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งบนเรือบินรบนี้แน่…แต่ข้าจะยอมเสียมันไปไม่ได้ มันน่าเสียดายเกินไป… หวังเป่าเล่อหรี่ตาลงก่อนจะเริ่มต้นทำงาน
ความชำนาญด้านอาวุธเวทและประสบการณ์การทำงานที่สั่งสมมาเป็นเวลาหลายเดือนเป็นประโยชน์ทันทีที่หวังเป่าเล่อเริ่มแยกชิ้นส่วนเรือบินรบ เขาไม่มีเวลาหลอมหุ่นเชิดเพิ่มเลยในช่วงหลายเดือนมานี้ ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแยกชิ้นส่วน เขาจึงใช้กระบวนท่าสารัตถะสร้างร่างอวตารที่มีพลังน้อยกว่าขึ้นมาอีกหลายร่างเพื่อช่วยกันทำงาน
ส่วนแรกที่หวังเป่าเล่อเข้าไปรื้อถอนคือวัตถุเวทที่อยู่ใจกลางเรือบินรบ จากนั้นจึงเป็นแหล่งกำเนิดดาราที่เป็นตัวให้พลังงาน แล้วก็เป็นระบบป้องกันและโจมตี ด้วยความช่วยเหลือของบรรดาร่างอวตาร หวังเป่าเล่อจึงสามารถชำแหละเรือบินรบออกเป็นชิ้นๆ ได้อย่างรวดเร็ว เป้าหมายของเขาคือการแยกส่วนมันออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยให้ความสำคัญกับส่วนที่สามารถถอดออกมาได้ง่ายๆ และมีมูลค่าสูงสุดก่อน
“แหวนสื่อวิญญาณเช่นนั้นหรือ ขอรับไปละนะ!”
“เครื่องยนต์หรือ ของดีนี่ เป็นของข้าเสียเถิด!
“ชิ้นส่วนที่ทำมาจากศิลาผนึกหมอก ของหายาก เอามาด้วยก็แล้วกัน!”
หวังเป่าเล่อยิ่งรู้สึกสนุกขึ้นเรื่อยๆ ขณะกำลังฉีกทึ้งเรือบินรบอยู่ไม่หยุด เจ้าลาก็เริ่มรู้สึกเช่นเดียวกัน ความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างการแยกชิ้นส่วนนั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ชิ้นส่วนที่เสียหายเหล่านั้นกลายมาเป็นอาหารอันโอชะของเจ้าลา มันเคี้ยวเศษชิ้นส่วนอยู่ตุ้ยๆ ข้างกายชายหนุ่ม…
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ในช่วงเวลานี้ กงซุนโหวยังคงเร่งความเร็วอย่างบ้าคลั่งข้ามดาวเคราะห์มา ขณะเดียวกัน เรือบินรบก็ลดขนาดลงถึงหนึ่งในสามจากการแยกส่วนของหวังเป่าเล่อและการขบเคี้ยวของเจ้าลาคู่ใจ!
ในที่สุดหวังเป่าเล่อก็สามารถควบคุมความโลภของตนเอาไว้ได้ ชายหนุ่มอัดของใส่ในกระเป๋าคลังเก็บที่ขโมยมาจนเต็ม จากนั้นจึงหยุดรื้อค้นเรือบินรบด้วยความเสียดาย เขากอดเจ้าลาไว้แน่นก่อนจะหายตัวไปอีกครั้ง ทั้งคู่ทะลุผ่านเรือบินรบและหนีไปทันที เรือบินรบที่เสียชิ้นส่วนไปถึงหนึ่งในสาม รวมถึงแหล่งพลังงานค่อยๆ ชะลอตัวลง มันหลุดจากวงโคจรของดาวเคราะห์ก่อนจะเริ่ม…ทิ้งดิ่งลงไปยังพื้นดินราวกับเป็นดาวหางที่กำลังพุ่งชนโลกก็ไม่ปาน!
บทที่ 741 ขโมยปลาในน้ำขุ่น!
เรือบินรบลำสูญเสียแหล่งพลังงานไปและร่วงลงมาจากชั้นบรรยากาศของดวงดาว มันพุ่งตรงสู่พื้นดินกำลังจะพุ่งเข้าชนทิวเขา กงซุนโหว ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักพันวิญญาณ กำลังติดตามเรือบินรบลำนี้มาอย่างขะมักเขม้น เขามุ่งหน้าออกไปยังชั้นบรรยากาศรอบนอก โดยอาศัยกระบวนเวทสายฟ้าของตนในการติดตามตำแหน่งของเรือบินรบ วินาทีนั้นเองนัยน์ตาของชายร่างสูงใหญ่ก็กระตุก
คุณสมบัติเฉพาะตัวของชั้นบรรยากาศบนดาวดวงนี้ทำให้กงซุนโหวไม่อาจเจาะจงตำแหน่งของเรือบินรบได้ เขารู้เพียงตำแหน่งคร่าวๆ ของมันเท่านั้น แต่เมื่อเรือบินรบร่วงลงมาจากชั้นบรรยากาศ เขาก็สามารถสัมผัสถึงตำแหน่งของมันได้ในทันที กงซุนโหวพุ่งตัวออกมาจากชั้นบรรยากาศและเคลื่อนย้ายตำแหน่งของตนโดยไม่รอช้า
เรือบินรบสำนักพันวิญญาณอยู่ตรงหน้าเมื่อกงซุนโหวปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง มันกำลังพุ่งลงไปสู่ดิน เสียงแหลมสูงหวีดแทงอยู่ในอากาศ ฟังดูคล้ายเสียงสายลมแปรปรวนที่อยู่รอบกายเขา
“ไม่นะ!”
ใบหน้าของกงซุนโหวซีดเผือด ไม่มีเวลาคิดไตร่ตรองแล้ว เขาปล่อยพลังปราณออกมาเต็มที่ขณะพุ่งตรงไปหาเรือบินรบ เพื่อจะหยุดการชนให้ได้!
แม้ว่าสำนักพันวิญญาณจะร่ำรวยกว่าสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์หลายเท่าตัว แต่ก็มีเรือบินรบเพียงสามลำเท่านั้นที่สามารถเดินทางข้ามจักรวาลได้ การที่ลำใดลำหนึ่งถูกทำลายไปย่อมเป็นความเสียหายใหญ่หลวงต่อสำนัก
ด้วยเหตุนี้กงซุนโหวจึงต้องเร่งความเร็วจนสุด เขามาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเรือบินรบที่กำลังจะตกถึงพื้น จากนั้นจึงยกมือทั้งสองขึ้นก่อนจะประกบฝ่ามือทั้งคู่ลงบนเรือบินรบ บุรุษร่างสูงใหญ่ผู้นี้พยายามจะหยุดเรือบินรบไม่ให้ตกถึงพื้นด้วยพลังปราณของตนเอง
เสียงสายฟ้าดังสนั่นเลื่อนลั่นอยู่ในอากาศ ใบหน้าของกงซุนโหวซีดขาว เส้นเลือดบนแขนเกร็งแข็งปูด ส่วนเส้นเลือดบนใบหน้าก็ผุดขึ้นมาเห็นได้ชัดเจน เขาปลดปล่อยพลังปราณออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่ถูกน้ำหนักของเรือบินรบกดทับให้ถอยหลังลงมาเรื่อยๆ ในที่สุดเท้าของกงซุนโหวก็สัมผัสพื้น ทำเอาแผ่นดินเลื่อนลั่นและแตกออกจากกัน รอยแยกนั้นเริ่มจากตรงที่กงซุนโหวลงมาลากยาวออกไปร่วมหลายพันเมตร ไม่นานนัก แผ่นดินก็ทนรับแรงกดดันจากกงซุนโหวไม่ไหวจนยุบลงไปตรงใต้เท้าเขา
ผู้อาวุโสสูงสุดส่งเสียงคำรามเมื่อน้ำหนักที่ตัวเขารับเอาไว้เริ่มคลายลง ในที่สุดเขาก็สามารถควบคุมเรือบินรบเอาไว้ได้ด้วยพลังปราณอันแข็งแกร่ง กงซุนโหวค่อยๆ วางเรือบินรบไว้ข้างกาย ก่อนจะใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบความเสียหายทั้งๆ ที่ยังหอบหายใจอยู่ แม้ว่าจะทำใจมาบ้างแล้วว่าจะได้เห็นสิ่งใด แต่เมื่อได้มาเห็นจริงๆ ตัวของกงซุนโหวก็ยังสั่นเทิ้มด้วยแรงโทสะ
ด้านในของเรือบินรบพังเละเทะ เห็นได้ชัดว่ามีชิ้นส่วนหายไปมากมาย และมีบางส่วนที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนที่หายไปนั้นเป็นส่วนที่มีราคาแพงที่สุดของเรือบินรบทั้งสิ้น มีกระทั่งรอยกัดอยู่บนส่วนที่เหลืออยู่ ภาพนั้นทำเอากงซุนโหวปวดใจเป็นอย่างยิ่ง
สำนักภายใต้การนำของเขาบดขยี้อารยธรรมมานับไม่ถ้วน แถมยังคร่าชีวิตสรรพสิ่งไปมากมาย เขาใช้ทรัพยากรที่ปล้มสะดมและสะสมมานานนับปีอย่างจำกัดจำเขี่ย จนกระทั่งสำนักสามารถสร้างเรือบินรบขึ้นมาได้สามลำ มาบัดนี้…หนึ่งในเรือบินรบล้ำค่าของเขากลับถูกรื้อแยกชิ้นส่วนอย่างน่าสะพรึง กงซุนโหวรู้สึกหายใจติดขัด โดยเฉพาะ…เมื่อคิดว่าศิลาดารามายาล้ำค่าถูกขโมยไปจนสิ้น ความเจ็บปวดที่รู้สึกอยู่ตอนนี้ละม้ายคล้ายกับการถูกฉีกร่าง พลังปราณหมุนวนอย่างบ้าคลั่งอยู่ในอก ใบหน้าของกงซุนโหวเกรี้ยวกราดสุดประมาณ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองฟ้าและคำรามลั่นออกมา
“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าเป็นใคร สำนักพันวิญญาณจะตามหาเจ้าจนพบ เราจะป่นกระดูกเจ้าให้เป็นผงและทำลายทั้งร่างกายและวิญญาณของเจ้าให้สูญสิ้น!”
น้ำเสียงของเขาสะท้อนก้องถึงชั้นบรรยากาศจนไปเข้าหูหวังเป่าเล่อ ผู้ที่ยังไปได้ไม่ไกลนัก
มีแต่เจ้าคนเดียวหรืออย่างไรที่ปล้นอารยธรรมอื่นได้ คนอื่นปล้นเจ้าบ้างไม่ได้หรือ หวังเป่าเล่อจ้องเขม็งและหยุดนิ่งอยู่กับที่ ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าควรจะกลับไปสอนมารยาทให้เจ้าผู้ฝึกตนคนนี้สักหน่อยดีหรือไม่ จากนั้นจึงคิดถึงผลที่จะตามมาหากเขาทำเช่นนั้น ผลกระทบของมันอาจทำให้ยากต่อการวางแผนปล้นครั้งที่สอง เขาจึงทำเพียงพ่นลมออกจากจมูกและตัดสินใจเมินคำขู่ของผู้ฝึกตนคนนั้นเสีย ก่อนจะหันหลังมุ่งหน้ากลับไปยังสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์
หวังเป่าเล่อแอบย่องเข้าไปให้เขตหวงห้ามเมื่อกลับมาถึง ชายหนุ่มกลับไปยังห้องนอน นั่งลง และเริ่มสำรวจดูสมบัติที่เก็บมาได้ ยิ่งเห็นข้าวของเยอะเท่าใดดวงตาของเขาเป็นประกายกล้ามากขึ้นเท่านั้น
ม้าจะอ้วนได้หากได้ลอบเล็มหญ้าอย่างลับๆ ในยามค่ำคืน ภาษิตนั้นจริงอยู่ไม่น้อย ของที่ข้าได้มาในคืนนี้มากพอๆ กับที่สำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ประมูลไปในคราวที่แล้วเลย!
หวังเป่าเล่อเริ่มการหลอมเรือบินรบของตนเองด้วยความรื่นเริงใจยิ่ง ชายหนุ่มมีทรัพยากรมากเพียงพอแล้วในตอนนี้ ในช่วงหลายวันต่อมา หวังเป่าเล่อจึงจมจ่อมอยู่กับการหลอมชิ้นส่วนต่างๆ ให้เรือบินรบของตนเอง โดยไม่ได้สนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอกสักเท่าใดนัก
ชายหนุ่มยังวิตกกังวลกับผลพวงจากการปล้นของเขาอยู่บ้าง แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังเชื่อว่าตนได้จัดการเรื่องนี้อย่างรอบคอบที่สุดแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้เชี่ยวชาญการปล้นการนัก แต่หวังเป่าเล่อก็รู้ดีว่าสำนักมองเรื่องการปล้นกับการปล้นฆ่าต่างกันอย่างสิ้นเชิง สิ่งแรกเป็นเพียงการเสียทรัพย์ แม้จะเจ็บปวดแต่ก็มีเพียงชื่อเสียงของสำนักเท่านั้นที่เสียหาย แต่อย่างหลังนั้นเท่ากับเป็นการประกาศสงครามก็ว่าได้
คนนอกก็คงจะมองคล้ายๆ กัน ระดับความอาฆาตมาดร้ายน่าจะแตกต่างกันอย่างชัดเจน หากใครสักคนได้ยินว่าเพื่อนบ้านถูกปล้นชิงสิ่งมีค่าไป พวกเขาก็คงจะระมัดระวังตัวมากขึ้น แต่กลับกัน หากได้ยินว่าเพื่อนบ้านถูกสังหาร ปฏิกิริยาของพวกเขาก็คงไม่ได้มีเพียงการเพิ่มความระมัดระวังตัวแน่นอน
ผลพวงการปล้นของหวังเป่าเล่อเป็นไปตามที่ชายหนุ่มได้คาดการณ์ไว้ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปกปิดว่าเรือบินรบของสำนักพันวิญญาณถูกปล้น ยิ่งไปกว่านั้นสำนักก็มีศัตรูอยู่หลายกลุ่ม ไม่นานนักเรื่องการปล้นเรือบินรบก็เป็นที่พูดถึงไปทั่วดาว ข่าวแพร่ไปไวไม่ต่างจากไฟลามทุ่ง
ทุกสำนักไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ต่างก็พูดถึงเรื่องนี้ กระทั่งบรรดาศิษย์ในสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ก็ยังพูดคุยกัน พวกเขาเลือกใช้ถ้อยคำกันอย่างระมัดระวัง แต่ก็ยังไม่วายมีน้ำเสียงเยาะเย้ยความสูญเสียของผู้อื่น
“เจ้าได้ยินข่าวหรือยัง เรือบินรบของสำนักพันวิญญาณที่ขนขุมทรัพย์กลับมาเพียบถูกปล้น ไม่เพียงแต่ของที่ถูกขโมยเท่านั้น ชิ้นส่วนเรือบินรบจำนวนมากยังถูกแยกออกไปด้วย!”
“เรื่องเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้วนา…”
“สำนักพันวิญญาณหยิ่งยโสเหลือเกิน ใครจะไปคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกับพวกเขา ฮะฮ่า ข้าไปถามข่าวมาแล้ว ได้ยินมาว่าพวกเขาทำลายอารยธรรมเล็กๆ หนึ่งลงและชิงศิลาดารามายามาได้เป็นภูเขาเชียว พวกเขาลงแรงไปหนักมาก แต่สุดท้ายก็มีคนชุบมือเปิบเอาศิลาไปเสียง่ายๆ!”
หวังเป่าเล่ออาจกำลังมุ่งมั่นกับการหลอมเรือบินรบของตน แต่ก็ยังออกไปข้างนอกบ้างและยังทำหน้าที่ซ่อมแซมเรือบินรบของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์อยู่ เขาได้ยินการพูดคุยของบรรดาศิษย์อยู่เนืองๆ แล้วก็มักจะขมวดคิ้วตอบอยู่เสมอ
“สำนักพันวิญญาณอยู่ในกลุ่มสำนักแนวภูเขาที่ห้า แม้ว่าพวกเราจะไม่สามารถยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือพวกเขาที่ถูกปล้นได้ แต่ก็ควรจะต้องระมัดระวังและพูดถึงการปล้นครั้งนี้ภายในอาณาเขตของสำนักของเราเท่านั้น เราต้องพูดจาอย่างระมัดระวังเมื่ออยู่ภายนอก ในเวลาเดียวกัน เราก็ต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้นเพื่อจะได้ไม่ประสบเหตุเช่นเดียวกันนี้!”
หวังเป่าเล่อมีสีหน้าเคร่งขรึมขณะที่พูดอย่างจริงจัง บรรดาศิษย์ที่คุยเรื่องนี้อยู่แอบตัวสั่นอยู่เบาๆ พวกเขาหลุบศีรษะลงต่ำก่อนจะพึมพำเห็นด้วย ผู้อาวุโสสูงสุดก็เห็นด้วยกับสิ่งที่หวังเป่าเล่อพูดเช่นกัน อันที่จริงแล้ว เขาถึงกับเรียกรวมบรรดาผู้อาวุโสทั้งเจ็ดเพื่อพูดคุยปรึกษาเรื่องนี้กันอย่างละเอียด
“ผู้อาวุโสสูงสุด ข้าน้อยมีเรื่องอยากจะเสนอ พวกเราควรไถ่ถามสำนักพันวิญญาณว่าพวกเขาต้องการความช่วยเหลือในการตามหาตัวผู้ก่อการหรือไม่ ไม่สำคัญว่าเราจะเต็มใจช่วยจริงๆ หรือเพียงพูดไปอย่างนั้นเอง เพราะมันอาจช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้ขึ้นกับสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ของเราในภายภาคหน้าได้” หวังเป่าเล่อกระแอมกระไอก่อนจะพูดออกมาอย่างขึงขังระหว่างการประชุม ราวกับว่าชายหนุ่มเป็นห่วงสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์อย่างแท้จริง
ผู้อาวุโสสูงสุดยิ้มพลางบอกปัดข้อเสนอของหวังเป่าเล่อ
“ข้าติดต่อสหายเต๋ากงซุนทันทีที่ได้ยินข่าว แต่กงซุนโหวดูเหมือนจะสงสัยทุกคนในตอนนี้ เขาจึงปฏิเสธความช่วยเหลือของข้า”
“เราจะโทษเขาก็ไม่ได้ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างอับอายอยู่พอสมควร…โจรสลัดจักรวาลที่ควรเป็นผู้ปล้น ตอนนี้กลับถูกปล้นเสียเอง” ผู้อาวุโสอีกคนยิ้มอ่อนขณะกล่าว
“เป็นไปได้สูงว่ามีใครบางคนในสำนักนั้นลอบปล่อยข้อมูลเรื่องเรือบินรบที่กำลังจะกลับมา มีเรือบินรบจำนวนมหาศาลเดินทางกลับมายังดาวบ้านเกิดทุกๆ วัน อธิบายไม่ได้เลยว่าทำไมเรือบินรบของพวกเขาจึงตกเป็นเป้า” หวังเป่าเล่อพยักหน้าก่อนจะวิเคราะห์สถานการณ์ที่ฟังดูฉลาดเฉลียว
ความคิดเห็นของหวังเป่าเล่อไปพ้องกับสิ่งที่สำนักอื่นๆ คาดเอาไว้เช่นกัน นานมากแล้วที่เกิดการปล้นเรือบินรบขึ้นในดาวเคราะห์ดวงเนตรสวรรค์ อีกทั้งเป้าหมายนั้นยังเฉพาะเจาะจงเป็นอย่างยิ่ง ราวกับผู้ก่อเหตุรู้ว่าเรือบินรบลำนั้นมีของมีค่าอยู่มากที่สุดก็ไม่ปาน
เรื่องน่าขบขันที่โจรสลัดจักรวาลถูกปล้นกลายมาเป็นเรื่องชวนหัวในบรรดาสำนักที่เป็นศัตรูกับสำนักพันวิญญาณ โดยเฉพาะสำนักหลอมวารี ซึ่งพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะโหมไฟให้เรื่องนี้ลุกลามขึ้นไปอีก
หลังจากนั้นสำนักพันวิญญาณก็กลายมาเป็นสำนักที่น่าอดสูที่สุด พวกเขาเสียของที่ลงแรงปล้นมาอย่างยากลำบาก เรือบินรบก็ถูกแยกชิ้นส่วน แถมยังต้องอดทนกับการถูกล้อเลียนจากสำนักเช่นสำนักหลอมวารีอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าพวกเขาจะสืบสวนอย่างหนักเพียงใด ก็ไม่พบร่องรอยหลักฐานที่อธิบายการปล้นหรือชี้ตัวผู้ก่อการได้แม้แต่น้อย ด้วยโทสะอันแรงกล้า กงซุนโหวถึงกับสอบปากคำพี่น้องในสำนักของตนเอง ทว่าสุดท้ายก็ไร้ผล…
กงซุนโหวรำคาญใจเป็นอย่างยิ่ง เขาสงสัยว่าสำนักหลอมวารีจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล้นในครั้งนี้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานมายืนยันข้อสงสัย สุดท้ายเขาจึงเตรียมที่จะสืบสวนอย่างลับๆ เรื่องนี้ดูราวกับว่าไม่มีทางจะสิ้นสุดลงไปได้ หนึ่งเดือนผ่านไป หวังเป่าเล่อซึ่งนั่งอยู่ภายในห้องของตนก็ผงกศีรษะขึ้นมาอย่างฉับพลัน นัยน์ตาของชายหนุ่มส่องประกาย เขาเลียริมฝีปาก
ข้าใช้วัตถุดิบหมดเกลี้ยงแล้ว…
บทที่ 742 ถ้าไม่เล่นใหญ่ก็กลับบ้านไป!
ข้ามาแล้ว!
หวังเป่าเล่อกระแอมกระไอ ก่อนจะยืนขึ้นและหายตัวไปจากห้องลับแล้วมาโผล่อยู่บนท้องฟ้าในอีกชั่วอึดใจ จากนั้นก็พุ่งขึ้นมาอยู่ในชั้นบรรยากาศด้วยการก้าวเพียงก้าวเดียว เขาแปรสภาพกลายเป็นจั่วอี้เซียนอีกครา
การปลอมตัวไม่ค่อยมีผลเท่าใดนักในการปล้นครั้งที่แล้ว แต่หวังเป่าเล่อก็จดจำอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานระดับสูงได้ดี ชายหนุ่มจำได้ว่ามีประโยคหนึ่งสอนเรื่องการบ่มเพาะนิสัยที่ดีเพื่อเป็นการชดเชยให้กับข้อด้อยเรื่องบุคลิกภาพหรือความเคยตัวอื่นๆ
ยังมีอันตรายอีกมากในระบบดาวเคราะห์ดวงเนตรสวรรค์แห่งนี้ที่อาจเอาชีวิตข้าไปได้…การแปรสภาพเป็นควันเป็นการป้องกันตัวชั้นแรก หากถูกจับได้ ข้าก็จะยังมีหน้าตาเหมือนจั่วอี้เซียน ซึ่งเป็นการป้องกันตัวชั้นที่สอง
หวังเป่าเล่อยกมือขึ้นแตะหน้า พลางคิดว่าระวังตัวให้มากสักหน่อยคงไม่เสียหาย ตอนนี้เขาแปลงกายเป็นจั่วอี้เซียน จากนั้นจึงแปรสภาพเป็นควันสีดำอีกรอบ ก่อนจะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว เพียงชั่วเสี้ยววินาทีก็มาปรากฏอยู่ที่ขอบบนของชั้นบรรยากาศ หวังเป่าเล่อซ่อนตัวอยู่ในตำแหน่งที่มิดชิด ชายหนุ่มจ้องมองออกไปในอวกาศและเฝ้าดูเรือบินรบลอยเข้าออกดวงดาวอยู่อย่างนั้น พร้อมปล่อยเจ้าลาออกมาด้วย
เพื่อเป็นการหยุดไม่ให้มันส่งเสียงร้อง หวังเป่าเล่อจึงโยนเศษเหล็กชิ้นหนึ่งที่เหลือจากเรือบินรบสำนักพันวิญญาณไปให้ ก่อนจะฉีกยิ้ม
“ไอ้ลูกชาย ขอเหมือนเดิมเลย!”
ลาดำกินเศษเหล็กหมดภายในไม่กี่คำ นัยน์ตาของมันส่องประกายกล้าขณะที่แลบลิ้นเลียริมฝีปาก ดูเหมือนเอร็ดอร่อยกับขนมและนึกถึงรสชาติของเศษเหล็กที่เพิ่งกินไปเมื่อเร็วๆ นี้ขึ้นมาได้ มันยกศีรษะขึ้นอย่างรื่นเริง และด้วยแรงผลักดันอยากกินอาหารจากภายใน เจ้าลาจึงจ้องไปที่บรรดาเรือบินรบที่ลอยผ่านหน้าอยู่ไปมา สายตาที่กำลังจับจ้องของมันนั้นเทียบเท่าได้กับสัมผัสสวรรค์ของผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งเลยทีเดียว
ช่างน่าเสียดายที่สมาชิกสำนักพันวิญญาณมีแต่พวกขี้ขลาด พวกเขาดันประกาศออกมาว่าจะงดการเดินทางข้ามอวกาศชั่วคราว ในเวลาเช่นนี้ ควรฉวยโอกาสวางกับดัก อัดเรือบินรบให้แน่นด้วยสมบัติเพื่อล่อให้ผู้ก่อการปรากฏตัวไม่ดีกว่าหรือ…หวังเป่าเล่อทอดถอนใจ ด้วยตำแหน่งผู้อาวุโสในสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ เขาจึงสามารถเข้าถึงข้อมูลการเคลื่อนไหวของสำนักพันวิญญาณได้ แม้ข้อมูลที่ได้รับมาจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็เพียงพอ ชายหนุ่มรู้ว่ากงซุนโหวสั่งให้หยุดการเดินทางออกจากระบบดาวเคราะห์เป็นการชั่วคราวจนสิ้นปี
สำนักพันวิญญาณคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ หวังเป่าเล่อโคลงศีรษะ ชายหนุ่มกำลังจะคิดไตร่ตรองให้ลึกลงไปถึงจุดมุ่งหมายอันแท้จริงของสำนักพันวิญญาณ แต่เจ้าลาก็ตัวสั่นขึ้นมาเสียก่อน มันหันมาส่งเสียงใส่หวังเป่าเล่อ
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น ก่อนจะหันศีรษะมองไปทางที่เจ้าลาชี้ นัยน์ตาของเขาเป็นประกายพลางเลียริมฝีปาก หลังจากนั้นพักใหญ่ หวังเป่าเล่อก็เก็บเจ้าลาไปและแปรสภาพเป็นควันสีดำจางหายไปในทันที
ไม่นานนักเรือบินรบของสำนักหลอมวารีที่เพิ่งจะกลับมาก็พุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ เสียงครั่นครืนที่เกิดจากการเดินทางสะท้อนก้องไปในอากาศ…
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสำนักพันวิญญาณส่งผลให้สำนักอื่นๆ ต่างพากันระแวดระวังอย่างหนัก พวกเขาตระเตรียมการเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นเดียวกันเกิดขึ้นกับตนเอง แต่สำนักพันวิญญาณก็ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของการถูกปล้นทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้น สำนักอื่นๆ ก็คิดไปว่าต้นเหตุของการถูกปล้นคือการที่สำนักถูกปล่อยข้อมูล พวกเขาต่างพากันคิดว่าเป็นการทรยศหักหลังกันเองภายใน ยิ่งไปกว่านั้น ในระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมาก็ยังไม่มีเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้เกิดขึ้น ดังนั้นทุกคนจึงเริ่มผ่อนคลายลงบ้างแล้ว
ไม่นานนักผู้ฝึกตนสำนักหลอมวารีในเรือบินรบก็ได้ยินเสียงน่าสะพรึงกลัวที่ผู้ฝึกตนบนเรือบินรบสำนักพันวิญญาณได้ยินมาก่อนหน้านี้
“ทุกคนหยุด นี่คือการปล้น!”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักหลอมวารีรีบรุดนำคนของเขาไปยังหุบเขาห่างไกล พวกเขาก็ได้พบภาพเรือบินรบของสำนักที่เสียหายหนักและพุ่งชนหุบเขา บรรดาผู้ฝึกตนต่างก็โมโหเกรี้ยวกราดไปตามๆ กัน
เมื่อตรวจสอบก็พบว่า เรือบินรบเสียชิ้นส่วนไปกว่าครึ่ง แม้ว่าศิษย์บนเรือบินรบจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่สมบัติที่ปล้นชิงมาก็ถูกขโมยไปทั้งหมด ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักหลอมวารีที่เป็นสตรีโกรธเสียจนแทบจะกระอักเลือดออกมา
“ตรวจสอบเรื่องนี้! จะตั้งค่าหัวก็ได้ข้าไม่สน ข้าต้องการให้หาเจ้าโจรชั่วให้พบ แล้วข้าจะฉีกมันเป็นชิ้นๆ ด้วยมือนี้ทีเดียว!”
เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้นในสำนักหลอมวารี พวกเขาเป็นหนึ่งในสำนักที่ทรงอิทธิพลที่สุดในแนวภูเขาที่ห้า ทั้งชื่อเสียงและพลังอำนาจเทียบเคียงได้กับสำนักพันวิญญาณ มีศิษย์ในสำนักหลายหมื่นคน ไม่นานข่าวการควานหาตัวผู้ที่ปล้นสำนักจนแทบพลิกแผ่นดินก็แพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว
การปล้นสองครั้งเกิดขึ้นในระยะเวลาไม่กี่เดือน ข่าวการปล้นครั้งที่สองปะทุขึ้นในทันที ทุกสำนักต่างก็ตื่นตะลึงเมื่อได้ยิน!
การปล้นสำนักพันวิญญาณนั้นอาจถือได้ว่าเป็นเหตุที่เกิดขึ้นครั้งเดียว แต่ขณะนี้สำนักหลอมวารีก็ตกเป็นเหยื่อเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่สามารถโทษเรื่องหนอนบ่อนไส้ในสำนักได้อีกต่อไป ดูเหมือนว่าจะมีนักโจรกรรมต่อเนื่องอยู่ที่นี่เสียแล้ว!
อาชญากรที่มีคำว่า “ต่อเนื่อง” ห้อยท้ายย่อมต้องสร้างความโกลาหลขึ้นอย่างแน่นอน หลายสำนักในดาวเอกระบบดาวเคราะห์ดวงเนตรสวรรค์จึงพากันระวังตัวแจทันที พวกเขารู้สึกถูกคุกคาม จึงเททรัพยากรทั้งหมดที่มีไปกับการปกป้องเรือบินรบของตน
ในขณะที่สำนักต่างๆ พากันแตกตื่น ศิษย์สำนักพันวิญญาณก็ต่างพากันหัวร่องอหาย โดยเฉพาะกงซุนโหวที่หัวเราะเสียงดังลั่นอยู่คนเดียว เขาไม่ได้ปล่อยข้อมูลการปล้นเรือบินรบของสำนักออกไปทั้งหมดเพื่อรักษาชื่อเสียงที่ยังเหลืออยู่เอาไว้ ทั้งยังย้อนรอยการปล้นอย่างละเอียดและพยายามจำลองมันขึ้นมาใหม่ด้วย ผลที่ได้คือกงซุนโหวตระหนักได้ว่ากำลังต่อกรกับคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยากยิ่ง และไม่คิดปล่อยข้อมูลนี้ออกไป ยิ่งไปกว่านั้น เขาเองก็เฝ้ารอที่จะ…ได้เห็นสำนักอื่นต้องอับอายเช่นเดียวกัน!
“พวกเขาเยาะเย้ยว่าพวกเราสำนักพันวิญญาณเป็นโจรสลัดจักรวาลที่ดันถูกปล้นเสียเองไม่ใช่หรือ สำนักหลอมวารีเองก็ดูจะมีความสุขไม่น้อยที่ได้ล้อเลียนพวกเรา แล้วตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า”
สำนักพันวิญญาณยังคงล้อเลียนความสูญเสียของสำนักอื่นด้วยความปรีดิ์เปรม การสืบสวนของสำนักหลอมวารีดำเนินไปกว่าสองสัปดาห์ แต่ก็ไม่มีวี่แววเบาะแสแม้ว่าพวกเขาจะตั้งรางวัลเอาไว้สูงลิบก็ตาม เมื่อนั้นเอง การปล้นครั้งที่สามก็เกิดขึ้น ทำเอาบรรดาสำนักต่างๆ ตกตะลึงไปตามๆ กัน!
ครั้งนี้ เป้าหมายไม่ใช่สำนักจากแนวภูเขาที่ห้า แต่เป็นหลากหลายสำนักจากทั้งแนวภูเขาที่หก เจ็ด และแปด!
ภายในคืนเดียว ในชั่วระยะเวลาสองชั่วโมง เรือบินรบสิบเจ็ดลำของสำนักในแนวภูเขาที่หกถึงแปดถูกปล้น เป้าหมายของโจรมิใช่ทรัพยากรที่เรือบินรบเหล่านั้นมีอยู่แต่เป็นชิ้นส่วนของเรือบินรบ!
ความวุ่นวายเข้าปกคลุมดาวเอกแห่งระบบดาวเคราะห์ดวงเนตรสวรรค์ไปสิ้น ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักหลอมวารีตกตะลึงกับขนาดของการปล้นที่เกิดขึ้น หลังจากที่ใคร่ครวญอยู่พักใหญ่ นางก็ติดต่อไปยังกงซุนโหวซึ่งเป็นคู่แค้น ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาพูดคุยอะไรกัน แต่เพียงวันเดียวหลังจากการพูดคุยนั้น ทั้งสองสำนักใหญ่ก็ออกประกาศเชิญชวนให้สำนักจากแนวภูเขาที่ห้าถึงแปดมาเข้าร่วมการสืบสวนพร้อมๆ กัน พวกเขาให้คำมั่นจะหาตัวผู้ก่อการการปล้นชิงอย่างอุกอาจและหน้าไม่อายนี้ให้พบ!
การสืบสวนครั้งใหญ่เกิดขึ้นทั่วตั้งแต่แนวภูเขาที่ห้าถึงแปด ดูราวกับว่าเรื่องนี้จะยืดยาวออกไปไม่สิ้นสุด แม้จะมีความยุ่งเหยิงวุ่นวายเกิดขึ้นมากมาย แต่สามสำนักใหญ่ที่ตั้งอยู่ในบริเวณแนวภูเขาที่สองถึงสี่ก็ดูจะไม่อนาทรร้อนใจแต่อย่างใด ความแตกต่างด้านอำนาจของสำนักใหญ่ทั้งสามกับบรรดาสำนักที่เหลือนั้นมากมายเกินไป สำหรับพวกเขาแล้ว การมองดูความเดือดเนื้อร้อนใจนี้ก็ไม่ต่างจากการจ้องมองเด็กร้องไห้เพราะของเล่นหักพังแต่อย่างใด
การควานหาครั้งใหญ่ยังไม่ได้ผลตามที่บรรดาสำนักหมายมั่นเอาไว้ ในช่วงเวลานี้ เรือบินรบของสำนักในแนวภูเขาที่หกถึงแปดยังถูกปล้นต่อไป เจ้าหัวขโมยยิ่งย่ามใจ ขณะนี้มีคนเสียชีวิตจากเหตุการณ์ถูกปล้นแล้ว และไม่ใช่แค่ส่วนของเรือบินรบที่ถูกขโมยไป ตอนนี้กระทั่งเรือทั้งลำก็ยังหายไปสิ้น!
สิ่งนี้ทำให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ มีเสียงเรียกร้องให้หาตัวคนผิดให้พบและประหารชีวิตดังมาจากทุกๆ สำนัก เมื่อได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น หวังเป่าเล่อเองก็โกรธมากเช่นกัน
ไอ้โจรใจทราม! ใครบังอาจใช้ข้าเป็นแพะรับบาปให้ความผิดบาปของพวกมันกัน หวังเป่าเล่อไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง การปล้นครั้งสุดท้ายที่เขาทำคือการปล้นเรือบินรบทั้งสิบเจ็ดลำ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่ใช่ฝีมือเขาแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่า…คนๆ เดียวไม่มีทางขโมยเรือบินรบทั้งลำได้ มีเพียงสำนักเท่านั้นที่จะทำเช่นนั้นได้
แม้ว่าคนอื่นอาจจะเดาได้เช่นกัน แต่หวังเป่าเล่อก็แน่ใจว่ามีบางสำนักกำลังฉกฉวยโอกาสและพยายามหากำไรจากสถานการณ์ที่ยังไม่แน่นอนนี้
ชายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจจะตามหาความจริงว่าสำนักใดกันที่ทำเรื่องเช่นนี้ ประกายเย็บเยียบฉายวาบขึ้นในแววตาของหวังเป่าเล่อเมื่อเขาผุดแผนหนึ่งขึ้นมาได้
ในเมื่อมีคนใจกล้าพอที่จะโยนความผิดให้ข้า แล้วคนผู้นั้นจะกล้าพอยอมรับผลที่ตามมาด้วยหรือไม่ หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง ซ่อนแววตาเยียบเย็นเอาไว้ภายใน ชายหนุ่มพุ่งตัวออกจากห้องและใช้กระบวนท่าสารัตถะพุ่งตัวขึ้นฟ้าไปอย่างลับๆ การปล้นครั้งต่อไปของเขาจะเป็นการปล้นครั้งใหญ่ ชายหนุ่มยังขาดทรัพยากรชุดสุดท้ายอยู่ และเขาจะหยุดหลังจากการปล้นครั้งนี้สำเร็จลุล่วง
ยิ่งไปกว่านั้น หวังเป่าเล่ออยากให้เกิดความวุ่นวายขึ้น ชายหนุ่มต้องการให้สำนักชั้นสูงสังเกตเห็นเหตุการณ์และเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
หวังเป่าเล่อมีความสามารถพอที่จะทำตามแผนที่วางไว้ให้สำเร็จลุล่วง และเขาก็กล้าพอที่จะทำอีกด้วย ชายหนุ่มมีกระบวนท่าสารัตถะที่จะช่วยเขาพรางตัว จึงไม่จำเป็นต้องกลัวการสืบสวนใดๆ แต่สำนักที่คิดจะใช้เขาเป็นแพะรับบาปนั้น…ควรกลัว เพราะทันทีที่พวกเขาถูกเปิดโปงว่ามีส่วนในการปล้น ความเกรี้ยวกราดของสำนักชั้นสูงและสำนักอื่นๆ ที่โดนปล้นจะต้องพุ่งเข้าใส่คนเหล่านั้นราวกับเป็นกำปั้นเหล็ก พวกเขาจะแก้ต่างว่าเคยทำเพียงครั้งเดียวก็ย่อมได้ แต่คงไม่มีใครเลือกที่จะเชื่อ
เพราะ…แม้การหาตัวคนร้ายจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันก็ไม่ได้สลักสำคัญถึงเพียงนั้น สิ่งเดียวที่สำคัญในโลกซึ่งให้ค่าผลกำไรมากกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด และวางรากฐานการพัฒนาอารยธรรมของตนด้วยการรุกรานรวมถึงปล้นชิงอารยธรรมอื่นๆ คือการหาตัวคนที่จะชดเชยให้พวกเขามากกว่าสิ่งที่พวกเขาสูญเสียไปชนิดทบทวีคูณ ซึ่งเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ดังนั้นเมื่อเวลามาถึง ต่อให้ใครสักคนมองแผนของหวังเป่าเล่อออก ก็คงเลือกที่จะนิ่งเฉยเสีย
“เราจะได้เห็นกันว่าใครกันแน่ที่จะเป็นแพะรับบาปตัวสุดท้าย” หวังเป่าเล่อยิ้มเยาะก่อนจะแปรสภาพเป็นหมอกควันและเร่งความเร็วจากไป
บทที่ 743 พวกเขาไม่ใช่คนในตระกูล ข้าไ...
สามสำนักอันยิ่งใหญ่ยึดครองอำนาจสูงสุดในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ พวกเขามีอิทธิพลที่จะชักจูงและควบคุมราชวงศ์ดวงเนตรสวรรค์ได้ประมาณหนึ่ง สำนักทั้งสามเหล่านี้ได้แก่ สำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ สำนักผนึกผังดาวหกแฉก และสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ!
สำนักชั้นสูงทั้งสามมีอำนาจมากและมีอิทธิพลแพร่หลาย และยังถูกมองว่าเป็นผู้นำของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ตัวสำนักใหญ่ของทั้งสามนั้นสร้างแยกกันอยู่บนดวงดาวคนละดวง และยังมีสำนักสาขาที่ตั้งอยู่บนดาวเอกของดาวเคราะห์ดวงเนตรสวรรค์อีกด้วย สำนักต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตแนวภูเขาที่สอง สาม และสี่ ต่างก็อยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักใหญ่ทั้งสามนี้
ผู้ฝึกตนจากสามสำนักใหญ่ที่อยู่เฝ้าดาวเอกอาจไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด แต่หน้าที่ของพวกเขาก็สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ความสำคัญของการมีสำนักสาขาอยู่บนดาวเอกนั้นไม่น้อยเลย และนี่ก็เป็นสาเหตุว่าเหตุใดจึงมักมีผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นปลายคอยรักษาที่มั่นอยู่ ณ สำนักสาขาบนดาวเอกอยู่เสมอ
ตัวสำนักใหญ่จะส่งทรัพยากรไปยังสำนักสาขาบนดาวเอกทุกๆ เดือน ตามข้อตกลงระหว่างสามสำนักใหญ่และราชวงศ์แล้ว ทรัพยากรส่วนหนึ่งจะต้องถูกส่งไปให้ราชวงศ์ด้วย ส่วนที่เหลือจึงจะถูกปล่อยไปยังสำนักสาขาเพื่อให้สมาชิกของสำนักใช้ในการฝึกตนต่อไป
สำนักใหญ่ทั้งสามมีทรัพยากรในมือมากมาย ส่งผลให้บรรดาศิษย์พากันหมดเปลืองทรัพยากรปริมาณมากไปกับทั้งการฝึกตนและในชีวิตประจำวัน ซึ่งเกินหน้าศิษย์ธรรมดาๆ ของสำนักที่เล็กกว่ามากมายนัก ทรัพยากรที่สำนักใหญ่ส่งกลับมายังดาวเอกมีมูลค่าสูงยิ่ง มากพอที่จะทำให้สำนักอื่นๆ ในแนวภูเขาที่ห้านัยน์ตาลุกวาวด้วยความอิจฉา
แต่ไม่ว่าจะอิจฉาสักเพียงใด ก็ไม่มีใครกล้าลงมือทำการอะไรที่จะเสี่ยงยั่วโมโหสำนักใหญ่ทั้งสาม สำนักใหญ่ทั้งสามย่ามใจถึงขนาดที่ไม่ได้ติดตั้งระบบป้องกันมากมายเอาไว้บนเรือบินรบ พวกเขาปล่อยให้เรือบินรบล่องลอยไปมาอยู่ภายในระบบดาวเคราะห์ดวงเนตรสวรรค์มานานนับปี แค่สัญลักษณ์ของสำนักที่ประทับอยู่ข้างเรือบินรบก็ถือเป็นการป้องกันที่แน่นหนาเพียงพอ
ณ เวลานี้เรือบินรบขนาดยาวหลายร้อยเมตรลำหนึ่งกำลังเดินทางอยู่ในอวกาศ รัศมีที่แผ่ออกมาจากเรือบินรบนั้นทรงอำนาจยิ่ง ขณะที่กำลังมุ่งตรงไปยังดาวเอกดวงเนตรสวรรค์ เรือบินรบอื่นๆ ที่ขวางทางอยู่ถึงกับต้องหลีกถอยหนี ไม่มีลำใดกล้าขวางทางเรือบินรบลำยักษ์เลยสักลำ
เรือบินรบลำนั้นมีสีม่วงเข้มและรูปร่างละม้ายคล้ายปลาคุนนกเผิง ปลายสุดของเรือบินรบมีมณีขนาดมหึมาที่ส่องแสงสีม่วงกล้าและเปล่งรัศมีอันทรงพลังออกมาพร้อมๆ กัน
มณีขนาดยักษ์และสีของเรือบินรบทำให้ผู้ฝึกตนทุกคนเพียงมองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าเรือบินรบนี้เป็นของสมบัติของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ!
ตัวถังที่รูปร่างเหมือนปลาคุนนกเผิงของเรือบินรบลำนี้แสดงให้เห็นว่ามันเป็นสมบัติของกองทหารปลาคุนนกเผิง หนึ่งในกองทหารเก้าอสูรศักดิ์สิทธิ์ของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำนั่นเอง!
กองทหารปลาคุนนกเผิงไม่ใช่กองทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ ถึงกระนั้น พลังอำนาจการรบของกองทหารนี้ก็ยังแข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้ผู้คนหวาดกลัวและยำเกรง ผู้บัญชาการของกองทหารนี้อยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์และยังมีผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณที่แข็งแกร่งอยู่ใต้บังคับบัญชาอีกนับสิบ กองทหารนี้เลื่องชื่อลือชาในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เป็นอย่างยิ่ง แถมการรุกรานอย่างดุเดือดของพวกเขายังทำให้ชื่อเสียงก้องไกลไปถึงอารยธรรมต่างดาวอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้…แม้ว่าเรือบินรบจะเดินทางอย่างโดดเดี่ยวในฐานะเรือขนส่งสินค้าโดยไม่มีเรือบินรบอื่นๆ คอยนำทาง แต่ก็ยังส่งความน่าเกรงขามออกไปยังผู้ฝึกตนและเรือบินรบที่อยู่ใกล้เคียงอยู่ดี
เรือบินรบที่รายล้อมอยู่ต่างก็เคลื่อนที่แหวกเป็นทางให้เรือบินรบของกองทหารปลาคุนนกเผิง มันเคลื่อนตัวตรงเข้ามาราวกับเป็นเชื้อพระวงศ์ที่เดินผ่านประชาชนทั่วไป มุ่งหน้าไปยังดาวเคราะห์ดวงเนตรสวรรค์ผ่านเส้นทางที่ปลอดโปร่ง ไม่ได้ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย เรือบินรบของกองทหารปลาคุนนกเผิงพุ่งทะลุชั้นบรรยากาศและมุ่งหน้าไปยังแนวภูเขาที่สามทันที
เป็นไปได้ว่าเพราะพวกเขาไม่มีศัตรูมาเป็นเวลานาน จึงมั่นใจเกินควรและประมาทเลินเล่อ ทั้งเรือบินรบและผู้ฝึกตนภายในจึงไม่มีใครสัมผัสได้ถึงตัวตนของควันสีดำที่ลอยเข้ามาประชิดตัวทันทีที่ทะลุผ่านชั้นบรรยากาศลงมา ควันสีดำมุ่งตรงไปยังเรือบินรบและมาปรากฏอยู่ด้านข้างในชั่วอึดใจ ก่อนที่เรือบินรบจะได้ส่งสัญญาณเตือน ควันสีดำ หรือก็คือหวังเป่าเล่อที่พรางตัวอยู่ ก็พุ่งเข้าใส่เรือบินรบราวกับเป็นคนหื่นกามที่เห็นสาวงามกระนั้น
ไม่กี่วินาทีต่อมา เรือบินรบก็เบนเข็มออกจากเส้นทางเดิม มุ่งหน้าไปยังแนวภูเขาที่แปดแทน
ชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์เป็นคลื่นรบกวนตามธรรมชาติที่ส่งผลต่อระบบสื่อสารของเรือบินรบ เพราะเหตุนั้น ผู้ฝึกตนบนเรือบินรบจึงไม่อาจติดต่อสำนักได้ว่าเรือบินรบกำลังเบนเข็มออกนอกเส้นทาง ครึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อเรือบินรบที่ขนทรัพยากรทั้งเดือนของสำนักยังไม่ไปถึงสำนัก บรรดาผู้ฝึกตนที่เฝ้ารออยู่จึงสัมผัสได้ว่าอาจจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล
แต่ถึงกระนั้น สำนักก็ยังไม่ได้ใส่ใจกับการล่าช้ามากนัก ความหยิ่งยโสของการเป็นสำนักชั้นสูงซึ่งถูกปลูกฝังลงไปในจิตใจของศิษย์ทุกคน ทำให้พวกเขาไม่แม้แต่จะฉุกคิดว่าอาจเกิดเหตุร้ายขึ้นกับเรือบินรบส่งของ
ภัยคุกคามเดียวที่สำนักใหญ่ทั้งสามหวั่นเกรงก็คือพวกเขากันเอง ความตึงเครียดระหว่างพวกเขาเห็นได้ชัดในการประกวดประขันที่มีต่อกันอยู่ตลอด ทั้งสามสำนักต่างจึงไม่กล้าปล้นชิงกันเองนัก
เป็นเหตุให้…ต้องใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมงกว่าที่สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำซึ่งไม่เห็นเรือบินรบมาถึงเสียทีจะรู้ตัวว่าเกิดปัญหาขึ้นแล้ว แม้จะรู้ตัวช้า แต่เมื่อรู้ตัวแล้วพวกเขาก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ภายในสามสิบวินาที ทั้งสำนักก็ลุกฮือขึ้นทันที เรือบินรบกว่าสามสิบลำพุ่งทะยานขึ้นจากแนวภูเขาที่สามเพื่อไปตามหาเรือบินรบที่หายไปทันที ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณหกคนเคลื่อนย้ายออกไปอย่างฉับพลัน ขณะที่ผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณนับร้อยและขั้นกำเนิดแก่นในอีกมหาศาลตามหลังไปติดๆ
เป็นภาพที่สั่นสะเทือนไปทั้งดวงดาว ทุกสำนักต่างก็คาดเดาถึงสิ่งที่เกิดขึ้น สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำค้นหาอย่างใหญ่โตก่อนจะพบเรือบินรบที่หายไปอยู่ในบริเวณแนวภูเขาที่แปด!
สานุศิษย์ทุกคนของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำถึงกับตาเบิกโพลงปากอ้าค้างเมื่อมองเห็นสภาพของเรือบินรบลำนั้น สายตาของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เรือบินรบนั้นเปลี่ยนไปจนแทบจำไม่ได้
เรือบินรบ…แทบไม่เหลือเค้าเดิม ผู้ฝึกตนที่อยู่บนเรือไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่ต่างก็สลบไสลไม่ได้สติเพราะถูกโจมตีทางวิญญาณ กลับกัน เรือบินรบนั้น…แทบไม่มีถ้อยคำมาบรรยายสภาพได้ถูก
มณีบนยอดเรือบินรบหายไป หลงเหลือไว้เพียงรูขนาดใหญ่ วัตถุเวทบนส่วนหลักของเรือบินรบถูกถอดออกและขโมยไป ตัวถังเรือบินรบก็ถูกถอดส่วนที่มีค่าไปเสียหมด พื้นผิวของเรือบินรบราวร้อยละสามสิบหายสาบสูญ…
ภาพนั้นช่างบาดตาบาดใจ ทำเอาผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณที่ได้มาเห็นพากันตะลึงงันไปเสียสิ้น ผู้อาวุโสที่กุมอำนาจสำนักสาขาบนดาวเอกอยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ ชายชราถึงกับต้องออกจากการถือสันโดษและมาที่หุบเขาด้วยตนเอง
ผู้อาวุโสผู้นี้มีผมหงอกขาวและหลังงองุ้ม เขาดูแก่ชรายิ่งนัก ความตายฉาบเคลือบอยู่บนดวงตาสีเทาขุ่น เขาดูเหมือนเพิ่งคลานออกมาจากหลุมฝังศพของตนเองกระนั้น แต่ทันทีที่ชายชราที่ดูทั้งแก่และเหนื่อยอ่อนมาถึงหุบเขา พืชพรรณทั้งหลายในบริเวณก็เหี่ยวเฉาลงไปทันตา!
ผู้อาวุโสจ้องมองไปยังซากเรือบินรบ ขณะที่ผู้ฝึกตนคนอื่นๆ หลุบศีรษะลงต่ำ ชายชราหัวเราะออกมาเบาๆ
“เรื่องนี้เป็นผลมาจากความเลินเล่อของพวกเจ้า หรือมีใครสักคนอยากทดสอบว่าข้าทั้งแก่และอ่อนแออย่างตาเห็นจริงหรือไม่กันแน่” ขณะที่เขาพูด ชายชราก็ยกมือที่เหี่ยวย่นออกมาคว้าผู้ฝึกตนที่หมดสตินับสิบภายในเรือบินรบเอาไว้ ก่อนที่พวกเขาจะทันตื่นขึ้น ร่างกายของพวกเขาก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรงก่อนที่จะแห้งเหี่ยวไปในพริบตา ทั้งเลือดและเนื้อรวมไปถึงวิญญาณ ต่างก็หลุดลอยออกมาจากร่างและมุ่งเข้าไปหาผู้อาวุโส ก่อนที่ฝ่ายหลังจะสูดหายใจกลืนกินเข้าไปทั้งหมดในคราเดียว!
ชายชราเริ่มเคี้ยวช้าๆ ก่อนจะหลับตาลง ดูราวกับว่าเอร็ดอร่อยกับสิ่งที่เพิ่งกินเข้าไปขณะใช้คาถาค้นวิญญาณรูปแบบหนึ่งไปพร้อมๆ กัน ผู้ฝึกตนที่รายล้อมอยู่ตัวสั่นด้วยความกลัวพลางจ้องมองตาไม่กะพริบ พวกเขารู้นิสัยของผู้อาวุโสที่อยู่บนดาวหลักของดาวเคราะห์ดวงเนตรสวรรค์เป็นอย่างดี ความบ้าคลั่งและกระหายเลือดของเขาเป็นที่รู้กันไปทั่วทั้งอารยธรรมนี้!
ผ่านไปอึดใจใหญ่กว่าที่ผู้อาวุโสจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง ความกระหายเลือดสะท้อนกล้าอยู่ภายใน ชายชราพูดอย่างเย็นชา “หลายปีมาแล้วที่ไม่มีใครกล้าท้าทายสำนักใหญ่ ข้าอนุญาตให้พวกเจ้าเริ่มสืบสวนได้ ให้เวลาสามวันจงไขคดีให้ได้ หากทำไม่ได้ ข้าจะเริ่มกินพวกเจ้าวันละคน” เมื่อพูดจบ ผู้อาวุโสก็หันหลังกลับและอันตรธานไป
ร่างของชายชราหายไปแล้ว แต่ถ้อยคำของเขายังสะท้อนอยู่ในหูของผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นต้นทั้งหก สีหน้าของพวกเขาซีดเซียวลงถนัดตา ลมหายใจหอบถี่ ก่อนจ้องมองกันไปมาด้วยดวงตาแดงก่ำ พวกเขาไม่รอช้า รีบส่งคำสั่งออกไปยังผู้ฝึกตนในฝ่ายของตนให้เริ่มค้นหาเต็มที่ทันที
“ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ต้องทำ พวกเจ้ามีเวลาสามวัน หาเจ้าโจรชั่วให้พบ!”
ขณะที่ผู้ฝึกตนทั้งหกของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำเริ่มการค้นหาอย่างบ้าคลั่ง หวังเป่าเล่อก็กลับไปยังสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์อย่างปลอดภัย ชายหนุ่มนั่งอยู่ในห้อง ดวงตาเป็นประกาย
สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำต้องรวยมากจริงๆ! พวกเขาใช้ศิลาสุญฉับพลันชิ้นเบ้อเริ่มในการแสดงอำนาจ!
ไหนจะวัตถุดิบที่ใช้หลอมเรือบินรบนั่นอีกเล่า ทองคำเพลิงม่วงเชียวนะ! หวังเป่าเล่อสูดลมหายใจเข้าลึก ทรัพยากรที่เขาสั่งสมมาจากการปล้นชิงครั้งก่อนๆ นั้นเทียบกันไม่ได้เลยกับมูลค่าของเรือบินรบลำนี้ เขานึกย้อนกลับไปถึงการปล้นที่เพิ่งผ่านมาเพื่อยืนยันว่าตนไม่ได้ทิ้งหลักฐานใดๆ ที่จะมัดตัวเองเข้ากับความผิดได้ จากนั้นหวังเป่าเล่อจึงหรี่ตาลง มีประกายเย็นเยียบสะท้อนอยู่ด้านใน
อารยธรรมแห่งนี้ใช้เชื้อโรคร้ายทำลายชีวิตมนุษย์บนดาวเคราะห์ไปทั้งดาว เป็นอารยธรรมที่ดำรงอยู่ได้ด้วยการรุกรานและปล้นชิงอารยธรรมอื่นๆ หวังเป่าเล่อไม่รู้สึกเห็นอกเห็นใจอารยธรรมนี้แม้แต่น้อย ชายหนุ่มไม่สนใจด้วยซ้ำว่ามันจะดำรงอยู่ต่อไปหรือจะดับสูญ
พวกเขาไม่ใช่คนตระกูลข้า จะใส่ใจทำไมกัน ดูเหมือนจะมีปัญหาใหญ่มาเยือนดาวเคราะห์ดวงเนตรสวรรค์เสียแล้ว!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น