หมอดูยอดอัจฉริยะ 728-729
ตอนที่ 728 ลงทุน
ถึงแม้ว่าราคาซื้อจะแตกต่างจากราคาที่แท้จริงของเหมืองทองคำกว่าเท่าตัว แต่เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นตัวแทนของรัฐบาล เป็นที่รู้กันว่าชาวบ้านไม่ควรมีปัญหากับข้าราชการ เฉินสี่ฉวนจึงรับปากว่าจะพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
หลังจากที่อีกฝ่ายจากไป เฉินสี่ฉวนก็ไปหาเส้นสายจำนวนหนึ่ง ขอให้สืบสาวประวัติของบริษัทแห่งนั้น การตรวจสอบครั้งนี้กลับทำให้เฉินสี่ฉวนยิ่งโมโหเดือดดาล
เพราะว่าถึงแม้บริษัทแห่งนั้นจะอยู่ภายใต้หน่วยงานของรัฐซึ่งกำกับควบคุมรัฐวิสาหกิจ แต่ก็ไม่ได้ทำกำไรใดๆ ให้กับหน่วยงาน หมายความว่าเป็นบริษัทที่ลงทุนด้านทรัพยากรทองคำและถ่านหินโดยเอกชนตั้งแต่ต้นจนจบ
บริษัทแห่งนี้มีอิทธิพลกว้างขวางอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่ผูกขาดแร่ทรัพยากรที่ปราศจากเหล็กประเภททองคำและถ่านหิน ลงทุนในทวีปแอฟริกาและอเมริกาใต้เป็นจำนวนมหาศาล มีอำนาจยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เฉินสี่ฉวนจะเทียบเคียงได้
แต่ว่าตอนที่เฉินสี่ฉวนไปศึกษาที่ซินเจียง ได้เป็นกองทหารอาสาสมัครอยู่สองปี มีความกล้าหาญและซื่อตรงในสายเลือด
ฝ่ายตรงข้ามต้องการจะซื้อเหมืองทองคำแแห่งนี้ของเขาโดยอ้างชื่อรัฐบาลยังไม่เท่าไหร่ แต่คิดจะใช้เส้นสายมากดขี่ข่มเหง กลับเป็นเรื่องที่ไม่ว่าอย่างไรเฉินสี่ฉวนก็ยอมรับไม่ได้ หลังจากคิดคำนวณตั้งแต่ต้นจรดปลายแล้ว วันต่อมาเขาก็ปฏิเสธเจตนาซื้อของอีกฝ่าย
ทว่าเฉินสี่ฉวนคาดไม่ถึงว่าหลังจากที่เขาปฎิเสธอีกฝ่ายไปแล้ว เรื่องราววุ่นวายกลับตามหลังมาติดๆ
ก่อนหน้านี้เพื่อเป็นการระดมทุน เฉินสี่ฉวนได้นำเอาเหมืองอันอุดมสมบูรณ์ไปจำนอง กู้เงินมาเป็นจำนวนสามพันล้านหยวน แต่ว่าเงินจำนวนนี้ถูกจ่ายมาทีละทอด เฉินสี่ฉวนจึงได้รีบเพียงพันล้าน
ตอนที่เฉินสี่ฉวนไปเจรจากับธนาคาร ให้จ่ายเงินก้อนจำนวนที่สองนั้น กลับถูกฝั่งธนาคารแจ้งว่า ขั้นตอนการกู้เงินของเขาฝ่าฝืนกฎข้อตกลง ไม่เพียงจะไม่ได้รับอีกสองพันล้านที่เหลือ แต่เงินอีกหนึ่งพันล้านที่อยู่ในมือของเขาแล้ว ก็ต้องส่งกลับคืนภายในสามเดือน
เรื่องนี้ทำให้เฉินสี่ฉวนที่เงินตึงมือเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางแจ้ง อย่างไรก็ตามสามารถกู้ยืมเงินจำนวนมหาศาลขนาดนั้นได้ ใช่ว่าเฉินสี่ฉวนจะไม่มีเส้นสายภายใน พอสืบสาวราวเรื่องแล้ว ก็พบว่าคนที่รับผิดชอบตรวจสอบและอนุมัติเงินจำนวนนี้ให้กับเขา กลับถูกสั่งให้ออกจากธนาคารแห่งนั้นไปแล้ว
พอเป็นอย่างนี้ ใจของเฉินสี่ฉวนก็กระจ่างแจ้ง ว่านี่ต้องเป็นการเล่นสกปรกของบริษัทแห่งนั้นแน่ แต่ตอนที่เขากู้เงินนั้น ก็มีจุดที่ฝ่าฝืนกฎข้อตกลงอยู่จริง จึงได้แต่อ้ำอึ้งกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เงินของธนาคารก็จำเป็นต้องคืน ไม่อย่างนั้นเหมืองถ่านหินของเขาทั้งสองแห่งจะถูกยึด ซึ่งความเสียหายนั้นหนักหนาเกินกว่าพันล้านหยวน
แต่เพราะเงินก้อนนั้นเฉินสี่ฉวนนำเอาไปจ่ายให้ทางรัสเซียแล้ว ในช่วงเวลาสั้นๆ เขาจึงไม่อาจนำเงินก้อนนี้ออกมาได้
มิตรสหายข้างกายของเฉินสี่ฉวน ล้วนแนะนำเขาให้ยอมสงบสยบอารมณ์ เอาเหมืองทองแห่งนั้นยกให้กับฝ่ายตรงข้ามไป เพื่อจะได้เงินทุนเดิมคืนกลับมา แล้วยังได้กำไรอีกเล็กน้อยด้วย
เฉินสี่ฉวนเองก็ไม่ใช่คนดื้อรั้นขนาดคิดเอาไข่ไปชนกับหิน หลังจากคิดวิเคราะห์อยู่สองสามวัน ก็เห็นด้วยกับคำแนะนำของเพื่อน ดำเนินการติดต่อกลับไปยังบริษัทแห่งนั้น
แต่ที่ทำให้เฉินสี่ฉวนโมโหก็คือ อีกฝ่ายกลับผิดคำพูด ลดราคาซื้อต่ำลงไปจนเหลือแค่หกพันล้าน น้อยกว่าราคาที่เคยเสนอตอนแรกลงมากว่าครึ่ง
กำหนดคืนเงินธนาคารคือภายในสามเดือน แต่ว่าพอถึงเดือนที่สาม ขณะที่อีกฝ่ายรอดูธนาคารยึดเหมืองถ่านหินทั้งสองแห่งนั้นเอง เฉินสี่ฉวนกลับสามารถนำเงินจำนวนพันล้านหยวนมาคืนให้กับธนาคารได้อย่างเหนือความคาดหมาย
ที่แท้ กลางเดือนที่สาม เฉินสี่ฉวนติดต่อผู้ซื้อรายใหญ่จากต่างประเทศรายหนึ่ง ตกลงขายปุยฝ้ายและโรงงานของเขาทั้งหมด รวมแล้วเป็นจำนวนเงินถึงพันล้านหยวน
หลังจากได้รับรู้ข่าวนี้ บริษัทแห่งนั้นก็นึกเสียดายเช่นกัน เมื่อปีก่อนจึงส่งคนมาเจรจากับเฉินสี่ฉวนอีกครั้ง แต่กลับถูกเฉินสี่ฉวนไล่ไป การกระทำเหมือนอุจจาระรดหัวกันอย่างนี้ ใครๆ ก็คงทนรับไม่ได้!
“ลุงเฉิน เรื่องนี้ปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้างครับ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของเฉินสี่ฉวนแล้ว เยี่ยเทียนก็เอ่ยปากถาม เขาไม่ใช่คนชอบจัดการอะไรทุกอย่างด้วยตัวเองอย่างเฉินสี่ฉวน แต่เมื่อช่วยคนแล้วก็ต้องช่วยให้สุด เขาไม่รู้ว่าที่เฉินสี่ฉวนมาหาตัวเองคราวนี้ เพราะต้องการความช่วยเหลือเรื่องอะไร
เฉินสี่ฉวนแค่นยิ้มออกมา ถอนหายใจกล่าวว่า “จะเป็นยังไงได้ล่ะ เรื่องราวก็ลากยาวมากว่าครึ่งปีแล้ว ฉันเซ็นสัญญากับทางรัสเซียไว้เป็นเวลาหนึ่งปี ภายในระยะเวลาหนึ่งปี เงินต้องถึงมือเขา…”
ที่แท้ ถึงแม้เฉินสี่ฉวนจะคืนเงินกู้จำนวนหนึ่งพันล้านได้ แต่ก็ยังติดหนี้ทางรัสเซียอีกพันล้าน อีกทั้งหากต้องการขุดเหมืองทองได้อย่างราบรื่น อย่างน้อยเขาจำเป็นต้องลงทุนเพิ่มอีกห้าร้อยถึงพันล้าน
ทว่าธุรกิจโรงงานที่เขาอาศัยสร้างเนื้อสร้างตัวขายทิ้งไปแล้ว เหมืองถ่านหินทั้งสองแห่งก็มีมูลค่าไม่เพียงพอ ภายใต้แรงกดดันอันไร้รูปร่าง กระทั่งตลาดค้าถ่านหินเองก็ยังเกิดปัญหา เขาจึงไม่มีเงินทุนที่จะลงทุนอีกต่อไป
จึงสรุปได้ว่า ตอนนี้เฉินสี่ฉวนได้รับแรงกดดันจากทั้งภายในและภายนอก
หากไม่มีเงินสูบฉีดเพียงพอ อย่าว่าแต่เงินลงทุนจำนวนหนึ่งหมื่นหนึ่งพันล้านที่เขาลงทุนในรัสเซียจะสลายไปเป็นน้ำ กระทั่งค่าใช้จ่ายในทุกๆ เดือนสำหรับเหมืองถ่านหินสองแห่งในประเทศของเขา ก็คงไม่สามารถสานต่อไปได้ ได้แต่รอวันล้มละลายเพียงเท่านั้น
“เยี่ยเทียน เธอสนิทกับท่านผู้เฒ่าถังในฮ่องกง ที่ฉันมาหาเธอวันนี้ ก็เพื่อ…”
ในที่สุดเฉินสี่ฉวนก็เอ่ยเจตนาของตัวเองออกมา เวลานี้ที่เขาขาดแคลนที่สุดก็คือเงินทุน ขอเพียงมีเงินทุน เมื่อขุดทองคำในเหมืองทองที่รัสเซียออกมาได้ แรงกดดันที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่ก็จะสลายหายไปราวกับเมฆหมอก
คราวก่อนตอนอยู่ที่รีสอร์ท เฉินสี่ฉวนเห็นท่าทีของถังเหวินหย่วนที่มีต่อเยี่ยเทียนอย่างชัดเจน ดังนั้นตอนนี้เมื่ออับจนหนทาง จึงไม่มีทางเลือกนอกจากมาหาเยี่ยเทียน ด้วยหวังจะได้เงินทุนจำนวนหนึ่งจากถังเหวินหย่วน
แม้ว่าหลังจากเห็นซ่งเฮ่าเทียนแล้ว เฉินสี่ฉวนจะรู้ว่า ขอเพียงผู้เฒ่าคนนั้นเอ่ยปากสักสองสามคำ ปัญหาทุกอย่างที่เขามีก็คงจะจัดการได้โดยง่าย แต่ว่าเฉินสี่ฉวนก็ยังมีศักดิ์ศรีของตัวเอง เขาเพียงอยากจะจัดการเรื่องนี้ด้วยการเจรจาทางธุรกิจ
หลังจากเฉินสี่ฉวนพูดประโยคนี้ออกมา กลับพบว่าเยี่ยเทียนเพียงมองที่เขา เขาอดลูบใบหน้าตนเองไม่ได้ กล่าวว่า “อ้าวเยี่ยเทียน เธอเอาแต่มองหน้าฉันทำไมกัน? ได้หรือไม่ได้ก็บอกมาสิ ถ้าไม่ได้ก็ถือว่าฉันไม่ได้พูดก็แล้วกัน!”
“ลุงเฉิน คุณนี่ไม่เลวเลย!”
เยี่ยเทียนมองเฉินสี่ฉวนแล้วยิ้มออกมา ยื่นมือไปยกกาทองแดงที่ต้มจนเดือด ล้างถ้วยให้เขาจนสะอาด หลังจากเติมชาจนเต็มถ้วยแล้ว ก็กล่าวว่า “ดื่มชาสิครับ เรื่องนี้ผมจะช่วยลุงเอง ลุงคิดจะจัดการอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น!”
เยี่ยเทียนไม่ใช่คนดีมากมายอะไร ถ้าหากเฉินสี่ฉวนบอกว่าจะให้เขาไปพูดกับซ่งเฮ่าเทียน อย่างมากสุดวันนี้เขาก็จะไปช่วยเกริ่นให้กับถังเหวินหย่วน แต่ว่าจะคุยกันไปถึงไหนนั้น เขาเองก็คงไม่เข้าไปถามให้มากความ
แต่เฉินสี่ฉวนเป็นเพื่อนที่ดี จึงไม่ขอร้องให้เยี่ยเทียนไปหาซ่งเฮ่าเทียนเพียงเพราะตัวเองไร้หนทางไป เรื่องนี้ทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกโล่งใจอย่างมาก และพิสูจน์ได้ว่าเขามองคนไม่ผิด!
“จริง…จริงหรือ?” พอได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว มือที่ถือถ้วยชาของเฉินสี่ฉวนก็สั่นเทาขึ้นมา
ช่วงเวลาที่ผ่านมาเฉินสี่ฉวนไปขอความช่วยเหลือจากคนมาไม่น้อย มีเจ้าของธุรกิจในแวดวงการค้า คนมีชื่อเสียงในวงการธนาคาร ในอดีตคนพวกนี้ล้วนนับเฉินสี่ฉวนเป็นพี่เป็นน้อง หรืออย่างน้อยก็มีความคิดในแนวทางเดียวกัน
แต่หลังจากคนเหล่านี้รู้ต้นสายปลายเหตุแล้ว ไม่มีสักคนที่คิดจะร่วมมือกับเฉินสี่ฉวน บางคนถึงขั้นปิดประตูใส่ไม่ยอมมาพบ จนเฉินสี่ฉวนได้ลิ้มรสถึงความอบอุ่นและความหนาวเหน็บในสังคมโลก
วันนี้เฉินสี่ฉวนมาหาเยี่ยเทียน เพียงหอบความหวังมาอย่างเลือนรางเท่านั้น แต่เขากลับไม่คาดคิดเลยว่า พอเล่าเรื่องจบ เยี่ยเทียนกลับตัดสินใจทันที
ถ้าหากเป็นตอนก่อนพบเจอซ่งเฮ่าเทียน บางทีเฉินสี่ฉวนอาจยังสงสัยในคำสัญญาของเยี่ยเทียน แต่ว่าเวลานี้ เขารู้ว่าเยี่ยเทียนมีคุณสมบัติเพียงพอจะพูดประโยคนั้นออกมาจริงๆ!
“ลุงเฉิน ทำไมผมจะต้องล้อลุงเล่นด้วยล่ะ? เรื่องนี้ผมจะช่วยเอง ลุงบอกขั้นตอนออกมาเลย!”
เห็นเฉินสี่ฉวนมีท่าทีกระตือรือร้น เยี่ยเทียนก็อดถอนหายใจอยู่ภายในไม่ได้ คนที่ทำธุรกิจการค้าได้ระดับเฉินสี่ฉวนล้วนต้องประสบความคับแค้นใจอย่างนี้ ถูกคนกดขี่จนแทบจะไร้หนทางเดิน เพียงเพราะเป็นประชาชนธรรมดาไม่มีอำนาจหรืออิทธิพลใดๆ
เพียงแต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่เยี่ยเทียนจะจัดการได้ เหล่าชนชั้นอภิสิทธิ์ในประเทศ ล้วนมีมาแต่โบราณไม่เคยเสื่อมสลาย สิ่งที่เขาทำได้ มีเพียงไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับมิตรสหายและครอบครัวตัวเอง
เฉินสี่ฉวนสูดลมหายใจเข้าลึก ข่มอาการตื่นเต้นในใจของตัวเองลง เอ่ยปากบอกว่า “เยี่ยเทียน ขอเพียงเธอทำให้ ถังเหวินหย่วนยอมรับปากลงเงินทุนก็พอแล้ว ฉันมีเส้นสายอยู่ทางรัสเซีย ทางนั้นจัดการได้ไม่ยากหรอก!”
“ทำไมต้องไปหาถังเหวินหย่วนด้วยล่ะครับ?” เยี่ยเทียนโบกไม้โบกมือ กล่าวว่า “ลุงเฉิน ในมือผมก็มีเงินอยู่นิดหน่อย ลุงต้องการเท่าไหร่ ผมให้ลุงยืมเรื่องก็จบแล้วไม่ใช่หรือ?”
แม้ว่าตอนอยู่ที่นิวยอร์ค เยี่ยเทียนจะเอาบัตรใบนั้นให้กับซ่งเวยหลัน แต่ว่าซ่งเวยหลันก็คืนให้กับลูกถึงสองร้อยล้านดอลลาร์อเมริกา เยี่ยเทียนจึงมีเงินใช้ไม่ขาดมือ
“เยี่ยเทียน แบบนั้นจะดีหรือ?” เฉินสี่ฉวนคิดอยู่สักครู่ แล้วบอกว่า “ถ้ายังไง ฉันจะถือว่าเธอร่วมหุ้นก็แล้วกัน ถึงเวลานั้นพวกเรามาร่วมพัฒนาทำเหมืองทองกัน!”
“อย่าเลยครับ ผมไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอก ลุงบอกมาเลยว่าต้องการเงินเท่าไหร่ก็พอแล้ว!”
เยี่ยเทียนรีบส่ายหน้า พูดเป็นเล่นไป สินทรัพย์จำนวนสามหมื่นล้านดอลลาร์อเมริกาของซ่งเวยหลันเขายังไม่อยากรับไว้ ที่ไหนเลยจะมาพูดถึงเหมืองทองคำจำนวนแค่สามหมื่นล้านหยวน
ยิ่งด้วยสภาพจิตและการฝึกฝนของเยี่ยเทียนในปัจจุบัน ทำให้เขาเพียงอยากใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างสงบสุขกับครอบครัว ถ้าหากมีเวลาว่างขนาดนั้น สู้เอาไปฝึกฝนจิตใจในป่าเขาลึกห่างไกลผู้คนยังดีกว่า
“ประ…ประมาณสองพันล้านล่ะมั้ง?”
เห็นท่าทางยืนกรานของเยี่ยเทียนแล้ว เฉินสี่ฉวนก็คิดคำนวณอยู่ในใจครู่หนึ่ง แล้วบอกตัวเลขออกมา นอกจากจ่ายเงินจำนวนพันล้านให้กับทางรัสเซียแล้ว เขายังจำเป็นต้องใช้เงินตั้งต้นต่ออีกอย่างน้อยหนึ่งพันล้าน
“สองพันล้านหรือครับ? เงินของผมไม่พอจริงๆ ด้วยสิ ขาดไปนิดเดียวเท่านั้น” เยี่ยเทียนได้ยินแล้วส่ายหน้า ลุกขึ้นยืนบอกว่า “ลุงเฉิน ลุงรอก่อนนะ ผมจะไปหาคนที่มีเงินให้ลุง!”
“เยี่ยเทียน พวกเธอคุยธุระกัน แล้วดึงตัวแม่มาทำไมน่ะ?”
ยังไม่ทันถึงห้านาที เยี่ยเทียนก็ดึงตัวแม่มาเรือนหลังบ้าน หลังจากซ่งเวยหลันแนะนำตัวกับเฉินสี่ฉวนแล้ว ก็มองไปทางลูกชายอย่างงงงวย
เยี่ยเทียนไม่พูดอ้อมค้อม เอ่ยปากตรงๆ ออกมาว่า “แม่ครับ ผมแนะนำธุรกิจให้กับแม่ แม่สนใจจะลงทุนเหมืองทองคำหรือเปล่า?”
ตอนที่ 729 จ้างงาน
“รัฐบาลควบคุมการลงทุนทรัพยากรทองคำอย่างจริงจังไม่ใช่หรือคะ? เอกชนลงทุนทำเหมืองทองคำได้ด้วยเหรอ?”
ซ่งเวยหลันได้ยินก็มองลูกชายอย่างแปลกๆ เท่าที่เธอรู้ กระทั่งการซื้อขายเงินและทองคำในระดับเอกชนรัฐบาลยังไม่อนุญาต แล้วจะยอมให้บริษัทเอกชนขุดเหมืองทองได้อย่างไร?
เยี่ยเทียนส่ายหน้า บอกว่า “แม่ครับ ผมไม่ได้บอกว่าเป็นทองคำภายในจีนซะเมื่อไหร่ ที่รัสเซียน่ะ ลุงเฉินเขามีธุรกิจอย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าไม่เลว ลงทุนไม่มากด้วย…”
“รัสเซียเหรอ? เงินทุนเท่าไหร่?”
ว่ากันตามตรง ซ่งเวยหลันไม่ได้มีความสนใจด้านธุรกิจทางนี้เท่าไหร่นัก แต่เพราะเห็นเยี่ยเทียนออกปากมาเป็นครั้งแรก เลยต้องไว้หน้าลูกชายสักหน่อย
พอได้ยินคำถามของซ่งเวยหลัน เฉินสี่ฉวนก็รีบลุกขึ้นยืน บอกว่า “คุณหญิงซ่งครับ มีเงินทุนทองคำทั้งหมดสามหมื่นล้าน คงจะขุดออกมาได้ห้าถึงสิบปี!”
ถึงแม้ตอนเข้ามาในบ้าน เฉินสี่ฉวนจะเห็นซ่งเวยหลันเป็นแค่แม่บ้านสวมผ้ากันเปื้อน แต่เขาก็ไม่กล้าทำเย็นชาใส่แม้แต่น้อย
“ทองคำสามหมื่นล้านดอลลาร์อเมริกา? นับว่าไม่น้อยเลยนี่?” ซ่งเวยหลันตกตะลึง เหมืองทองคำใหญ่ขนาดนี้มีให้เห็นบนโลกไม่มากนัก
“แหะๆ สามหมื่นล้านหยวนครับ”
เฉินสี่ฉวนรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย แต่กลับรู้สึกเชื่อใจในซ่งเวยหลันขึ้นหลายเท่า สามารถพูดถึงเงินจำนวนหลายหมื่นล้านดอลลาร์อเมริกาได้อย่างสบายๆ สมแล้วที่มาจากครอบครัวตระกูลใหญ่
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง แล้วคุณเฉิน ต้องการความร่วมมืออย่างไรคะ?”
ซ่งเวยหลันนั่งลงตรงข้ามกับเฉินสี่ฉวน หยิบถ้วยชาที่ลูกชายลวกทำความสะอาดแล้วมาชงชาให้ตัวเองถ้วยหนึ่ง พอจิบเข้าไปหนึ่งคำ ก็ถลึงตามองเยี่ยเทียน บอกว่า “ลูกไปเอาใบชาของคุณตาออกมาอีกแล้วหรือ? คราวก่อนเขาก็โกรธแม่แทบแย่!”
“แม่ ท่านผู้เฒ่านั่นเขามีเยอะจะตาย อยากดื่มชาเมื่อไหร่ก็มีคนเอามาถวาย”
เยี่ยเทียนจีบปากจีบคอ เห็นว่าแม่ทำท่าจะดุต่อ ก็รีบบอก “แม่ครับ แม่คุยกับลุงเฉินไปก่อนนะ เรื่องนี้ได้หรือไม่ได้ยังไงแม่ก็ลงทุนไปก่อนก็แล้วกัน ผมยังติดธุระอยู่ เดี๋ยวกลับมานะครับ!”
พูดพลาง เยี่ยเทียนก็ถอยฉากออกมาอย่างว่องไว เขาเบื่อหน่ายจะฟังเรื่องการลงทุนธุรกิจพวกนี้ที่สุด อีกทั้งเยี่ยเทียนก็ยังมีเรื่องที่ต้องไปจัดการจริงๆ
“เยี่ยเทียน เย็นนี้จะมีแขกอยู่กินข้าวด้วยใช่ไหม?” เยี่ยตงจู๋ที่เพิ่งออกมาจากบ้าน ถือตะกร้าใส่ผักในมือมาด้วย
“มีครับ ไม่ใช่คนอื่นไกล ป้าใหญ่ไม่ต้องทำมากมายหรอกครับ”
เหลือบมองตะกร้าผักในมือของป้าใหญ่แล้ว เยี่ยเทียนก็กล่าวว่า “แล้วป้าก็จ้างคนมาช่วยเถอะ ไม่ต้องทำเองหรอกครับ พี่โจวเองก็จะมาช่วยด้วย”
พี่โจวที่เยี่ยเทียนพูดถึงก็คือคุณแม่ของโจวเซี่ยวเทียนนั่นเอง เธอเองก็ย้ายตามลูกชายมาอยู่ที่นี่ เข้ากันกับป้าและอาของเยี่ยเทียนได้เป็นอย่างดี จนตอนนี้กลายเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันแล้ว
สิ่งเดียวที่ทำให้เยี่ยเทียนรู้สึกอึดอัดก็คือ ไม่ว่าอย่างไรคุณนายโจวก็ไม่ยอมให้เยี่ยเทียนเรียกเธอว่าคุณน้าโจว เพราะคิดจะรอให้ตนเองรับโจวเซี่ยวเทียนเป็นลูกศิษย์อย่างเป็นทางการเสียก่อน ซึ่งเยี่ยเทียนเองก็รับปากตกลง
“เยี่ยเทียน จะให้จ้างคนมาช่วยทำไมล่ะ เดี๋ยวถ้าพวกเราว่างไม่มีอะไรทำ ก็อึดอัดแย่น่ะสิ”
คุณนายโจวยิ้มพลางผลักเยี่ยเทียน บอกว่า “เธอไปทำธุระเถอะ ฉันกับพี่เยี่ยจะไปทำกับข้าวแล้ว เดี๋ยวจะเรียกพวกเธอเอง!”
“ก็ได้ครับ พวกคุณเลยเหนื่อยตลอดเลย”
เยี่ยเทียนยิ้มพลางส่ายหน้า หลังจากกลับมาคราวนี้ เขาก็ใช้ปราณแท้ช่วยทะนุบำรุงร่างกายคนในครอบครัวอยู่หลายครั้งหลายครา ทำให้ป้าๆ ทั้งหลายร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์อย่างมาก
พอเข้ามาในห้องรับแขกแล้ว เยี่ยเทียนก็คิดอยู่สักพัก หยิบโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมา
“ฮัลโหล? ฉันไม่สนว่าแกเป็นใคร แต่วางสายเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นแกตายแน่!”
หลังจากกดเบอร์โทรศัพท์ไปแล้ว ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็มีเสียงด่าภาษาอังกฤษดังมาจากปลายสายชุดหนึ่ง เยี่ยเทียนได้ยินอย่างชัดเจนว่า ข้างๆ เหมือนมีเสียงหอบหายใจของหญิงสาวอยู่ด้วย
“บ้าเอ๊ย ช่วงนี้มีความสุขเหลือเกินนะ อยู่ที่ไหนเนี่ย?”
มุมปากของเยี่ยเทียนหยักโค้งขึ้น ใบหน้ามีรอยยิ้ม เมื่อก่อนตอนเขาคบหากับมาลาไกย์ พวกเขาดูซีเรียสจริงจังมาก นึกไม่ถึงว่าก็มีปัญหาอย่างผู้ชายทั่วไปเหมือนกัน
“คุณเยี่ย? บอสส์ ทำไมเป็นคุณไปได้?”
เสียงตกใจดังมาจากปลายสาย เยี่ยเทียนเหมือนจะได้ยินมาลาไกย์ ไล่ผู้หญิงคนนั้นออกไป เพราะว่าผู้หญิงคนนั้นใช้คำด่า มาลาไกย์ ออกมาอย่างสนิทสนม
หลังจากผ่านไปสามถึงสี่นาที ปลายสายโทรศัพท์ก็มีเสียงของมาลาไกย์ ดังขึ้นอีกครั้ง “บอสส์ ทางฝั่งผมเป็นเวลากลางคืน คุณรบกวนจังหวะผมพอดี ถ้าหากผมหดไปเพราะสาเหตุนี้ คุณต้องรับผิดชอบนะ!”
แม้ว่าจะยกเลิกความสัมพันธ์ฉันนายจ้างกับเยี่ยเทียนแล้ว แต่ในใจของมาลาไกย์ ก็ยังคงมีความเคารพเยี่ยเทียนบางอย่างชนิดอธิบายไม่ถูก โดยเฉพาะหลังจากไปพม่าคราวนั้นแล้ว ในใจเขาเห็นเยี่ยเทียนเปรียบเสมือนกับพระเจ้าก็ไม่ปาน
“ช่างเถอะ เหล่าหม่า ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?” เยี่ยเทียนไม่มีเวลามาคุยเล่นกับเขา
“ผมอยู่ที่ฮาวายครับ คุณโทรมามีธุระอะไรหรือ?” มาลาไกย์เองก็เลิกคุยเล่น เขารู้ว่าเยี่ยเทียนโทรมาครั้งนี้จะต้องมีเรื่องจริงจังแน่นอน
“มีเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย อยากจะใช้กองกำลังทหารรับจ้างของคุณมาช่วยจัดการ คุณรับงานหรือเปล่า?”
เยี่ยเทียนเอ่ยปากตรงๆ “ผมมีเพื่อนคนหนึ่งถูกชาวรัสเซียลักพาตัวไป ตำแหน่งตอนนี้น่าจะอยู่ที่ไซบีเรีย ชื่อของเขาคือต่งต้าจ้วง เป็นหลานชายของเจ้าของสนามมวยใต้ดินในมอสโคว…”
“บอสส์ ทำไมต้องเป็นที่ไซบีเรียด้วยล่ะ? คุณรู้ไหมว่าที่นั่นทำให้ไข่แข็งจนหลุดได้เชียวนะ?”
พอได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว มาลาไกย์ก็ร้องโอดโอยจากในโทรศัพท์ หลังจากที่เขาได้รับเงินจำนวนสามสิบล้านดอลลาร์อเมริกากับทองคำจากเยี่ยเทียนแล้ว ตอนนี้เขาก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไร้กังวล
แน่นอนว่า บางครั้งมาลาไกย์ ก็หวนนึกถึงชีวิตอันน่าตื่นเต้นระทึกขวัญเมื่อในอดีตเช่นกัน และพวกพ้องของเขาสามคนนั้น ก็ยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการทหารรับจ้าง
“สามสิบล้านดอลลาร์อเมริกา รับหรือเปล่า?”
เยี่ยเทียนไม่พูดพล่ามทำเพลง เอ่ยปากออกไปตรงๆ ว่า “ผมไม่สนว่าคุณจะใช้วิธีซื้อตัวคนนี้มาจากฝ่ายตรงข้ามหรือว่าจะช่วงชิงมา ขอเพียงพาเขามาที่ปักกิ่ง ผมจะจ่ายให้คุณสามสิบล้านดอลลาร์อเมริกา ว่ายังไงล่ะ?”
หลังจากได้รับเงินมาจากจู้เหวยเฟิงและต่งเซิงไห่หลายพันล้านดอลลาร์อเมริกา ทว่าตอนนี้ทั้งสองคนกลับสูญเสียกระทั่งสนามมวย เยี่ยเทียนก็รู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่นัก ถ้าหากไม่มีเรื่องการฝึกวิชามาจำกัดกรอบตัวเองเอาไว้ ไม่แน่เขาอาจไปด้วยตัวเองแล้วจริงๆ
แต่เยี่ยเทียนเชื่อมั่นว่ามาลาไกย์จะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ และพวกเขายังเป็นกองทหารรับจ้างที่เก่งกาจที่สุดในโลก คงรับมือพวกนอกวงการสนามมวยใต้ดินได้โดยไม่มีข้อผิดพลาด
“รับครับ! แต่ผมต้องการข้อมูลละเอียดกว่านี้ ไม่อย่างนั้นผมจะไปหาคนคนนี้ ในไซบีเรียอันกว้างขวางขนาดนั้นจากที่ไหนล่ะ?”
เสียงผิวปากดังมาจากทางโทรศัพท์ มาลาไกย์รับปากอย่างง่ายดาย บนโลกนี้ไม่มีใครรังเกียจเงินจำนวนมหาศาล อีกทั้งภารกิจนี้ของเยี่ยเทียน ก็ดูจะจัดการได้อย่างไม่ยากลำบากนัก
“ดี เดี๋ยวผมจะให้ที่อยู่ละเอียดยิบกับคุณ แล้วจะแฟกซ์ไปหา”
เยี่ยเทียนครุ่นคิดสักครู่แล้วว่าต่อ “อีกอย่างผมมีเพื่อนอยู่ที่นั่น คุณสามารถติดต่อเขาได้ เขามีวิธีจัดการมากมายที่นั่น!”
คนที่เยี่ยเทียนพูดถึงก็คืออันเดรวิช หลังจากถอนตัวออกจากสนามมวยใต้ดินแล้ว เขาก็แต่งงานแล้วปลีกตัวออกจากสังคมอาศัยอยู่กับลูกเมียในเขตไซบีเรีย
เพื่อสลัดชีวิตในอดีตทิ้งไป กระทั่งต่งเซิงไห่ยังไม่รู้ที่อยู่ใหม่ของอันเดรวิช แต่ที่อันเดรวิชกลับบอกที่อยู่ให้เขานั้นเป็นเพราะต้องการแสดงออกถึงความขอบคุณและแสดงความเชื่อใจ
เพื่อที่จะส่งแฟกซ์ไปหามาลาไกย์ เยี่ยเทียนจึงวางสาย ควักเอาเหรียญทองแดงสองสามเหรียญที่มักหยิบเล่น วางบนโต๊ะเพื่อทำการทำนาย
พอฝึกวิชาถึงขั้นระดับเซียนเทียน ความสามารถในการมองเห็นลิขิตสวรรค์ก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ใช้เพียงสัญลักษณ์กว้าทำนายเพียงชุดเดียว เขาก็สามารถทำนายตำแหน่งปัจจุบันของต่งต้าจ้วงออกมาได้
ยื่นมือไปคว้ากระดาษแล้ว เยี่ยเทียนก็วาดแผนที่ลงไป ภายในบ้านเขาไม่มีแผนที่ประเทศรัสเซีย เรื่องการเปรียบเทียบจึงให้มาลาไกย์เป็นคนจัดการ ถึงอย่างไรเงินสามสิบล้านก็ไม่ได้ให้ไปเปล่าๆ นี่นา?
“เหล่าหม่า ตอนนี้คนคนนั้นยังไม่ได้รับอันตรายใดๆ ดังนั้นต้องพาเขากลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้ล่ะ!”
ตอนที่แฟกซ์ให้มาลาไกย์ เยี่ยเทียนก็กำชับเขาอีกสองสามคำ ถ้าหากต่งต้าจ้วงเกิดเป็นอะไรขึ้นมา เกรงว่าเหล่าต่งคงไร้ซึ่งกำลังใจจะมีชีวิตอยู่ต่อ
“บอสส์ วางใจเถอะ ที่ไซบีเรียนั่นมีพวกพ้องของพวกเราอยู่ไม่น้อย เอาล่ะ ไม่คุยกับคุณมากแล้ว ผมจะไปหาไอ้พวกเวรนั่นล่ะ!!”
ดูเหมือนมาลาไกย์จะเข้าสู่โหมดการทำงานแล้ว จึงรีบร้อนคุยกับเยี่ยเทียนไม่กี่คำแล้วก็วางสายไป
จัดการเรื่องของต่งต้าจ้วงเรียบร้อยแล้ว เยี่ยเทียนก็โล่งอกขึ้นมาหลายส่วน ท่าทางน่าเวทนาของต่งเซิงไห่นั้น ทำให้ใจเขารับไม่ค่อยไหวจริงๆ
“แม่ครับ พวกแม่คุยกันเสร็จหรือยัง?”
พอกลับมาถึงเรือนหลังแล้ว เยี่ยเทียนก็พูดกับเฉินสี่ฉวนว่า “เดี๋ยวกับข้าวก็จะทำเสร็จแล้ว เรามาดื่มกันสักสองสามแก้วนะ ผมยังมีเหล้าเหมาไถที่ท่านผู้เฒ่าให้มาอีก เป็นของปี 82!”
“เจ้าเด็กคนนี้ ขนาดของพ่อตัวเองยังไม่เว้น!”
ซ่งเวยหลันมองลูกชายอย่างจะร้องไห้หรือหัวเราะก็ไม่ออก ความจริงเหล้าเหมาไถนั่นเป็นตัวเธอเอามาจากพ่อ ทีแรกตั้งใจจะให้สามี แต่กลับถูกลูกชายย้ายเอาไปเก็บในห้องตัวเอง
“ของของพ่อก็เป็นของของผมไม่ใช่เหรอ?” เยี่ยเทียนได้ยินแล้วก็หัวเราะออกมา ถามว่า “แล้วพวกแม่คุยกันเสร็จหรือยังล่ะ?”
เฉินสี่ฉวนพยักหน้า กล่าวว่า “เยี่ยเทียน คุยกันเรียบร้อยแล้วล่ะ คุณหญิงซ่งจะลงเงินทุนสองพันล้าน แบ่งหุ้นส่วนยี่สิบเปอร์เซนต์!”
“แม่ก็ ใจไม่ถึงเลย ยี่สิบเปอร์เซนต์ก็แค่หกพันล้าน ขายเปลี่ยนมือไปก็ได้กำไรแค่สี่พันล้านเนี่ยนะ?” เยี่ยเทียนมองหน้าแม่อย่างไม่ค่อยพอใจนัก ทีแรกเขาตั้งใจให้แม่ให้เงินทุนเฉินสี่ฉวนยืม
“เจ้าเด็กคนนี้ จะเอื้อเฟื้อมากไปได้ยังไงกัน?” ซ่งเวยหลันถลึงตามองลูกชาย หุ้นส่วนนี้ใช่ว่าเป็นเธอที่ต้องการซะเมื่อไหร่
“น่า ไม่เป็นไรหรอก เยี่ยเทียน ส่วนแบ่งนี่เป็นฉันยืนกรานเอง ถ้าคุณหญิงซ่งไม่ต้องการ เงินลงทุนนี้ฉันก็ไม่เอาเหมือนกัน!”
พอได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว เฉินสี่ฉวนก็รีบร้อนอธิบายไป ตอนนี้เขาแทบไม่มีหนทางไปแล้ว ขอเพียงซ่งเวยหลันรับปากยอมลงทุน ถึงต้องแบ่งสี่สิบเปอร์เซนต์เขาก็ยอม
“เอาเถอะครับ ผมไม่เข้าใจการทำธุรกิจ พวกคุณจัดการตามใจชอบก็แล้วกัน!”
เยี่ยเทียนส่ายหน้า ถามต่อว่า “จริงสิ ลุงเฉิน แล้วบริษัทใจคดที่ใช้วิธีกลั่นแกล้งบีบบังคับคนนั่น คือบริษัทอะไรครับ?”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น