ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 722-731
บทที่ 722 มีผีอยู่ในเรืออับปาง
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากส่งพลังโพไซดอนลงไปในน้ำ สิ่งที่เจอทันทีก็คือก๋วยเตี๋ยวทะเล
ก๋วยเตี๋ยวทะเลความจริงแล้วก็คือไข่ที่กระต่ายทะเลวางไว้นั่นเอง เนื่องจากว่าไข่พวกนี้จะใช้ของเหลวเหนียวเหมือนกาวในการเกาะติดกันเป็นเส้นยาวๆ เส้นหนึ่ง พอมากองรวมกันก็จะเหมือนกับเส้นก๋วยเตี๋ยวที่พันกันไปมา ทำให้ได้ชื่อเรียกที่แปลกประหลาดแบบนี้มา
ที่น่าแปลกประหลาดยิ่งกว่าก็คือ เส้นก๋วยเตี๋ยวทะเลที่กระต่ายทะเลตัวเล็กๆ ไข่ออกมานั้นมีความยาวอย่างน้อย 5-6 เมตร ที่ยาวที่สุดมีขนาดถึง10 กว่าเมตร และในการวางไข่หนึ่งครั้งของพวกมันนั้นสามารถนำมาต่อกันได้ยาวถึงหลายร้อยเมตรเลย แน่นอนว่า ไข่พวกนี้ไม่ได้เกิดจากกระต่ายทะเลแค่ตัวเดียว พวกมันชอบขยายพันธุ์กันเป็นฝูง
หลังเจอก๋วยเตี๋ยวทะเลแล้วก็จะต้องเจอกระต่ายทะเล พลังโพไซดอนล่องลอยอย่างอิสระ แล้วไปพบเข้ากับกระต่ายทะเลตัวน้อยสีเขียวสามสี่สิบตัวที่กำลังเรียงตัวกันอยู่
พอได้เห็นภาพนี้แล้ว ฉินสือโอวก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เขาได้เปิดโลกกว้างอีกแล้ว ที่ได้มาเห็นการผสมพันธุ์หมู่ในตำนานนี้
กระต่ายทะเลน่าจะเป็นสัตว์ที่ชอบการผสมพันธุ์หมู่ที่สุดในโลก การผสมพันธุ์ของพวกมันนั้นแปลกประหลาดอย่างมาก เจ้าพวกนี้มีสองเพศในตัวเดียว หรือก็คือในตัวของกระต่ายทะเลหนึ่งตัวจะมีอวัยวะเพศอยู่สองอัน
ปกติพอถึงช่วงเวลาผสมพันธุ์ อย่างเช่นฤดูร้อน ฝูงกระต่ายทะเลจะมารวมตัวกัน จากนั้นกระต่ายทะเลตัวหน้าสุดจะใช้อวัยวะเพศเมียผสมพันธุ์กับอวัยวะเพศผู้ของตัวที่สอง ส่วนกระต่ายทะเลตัวที่สองก็จะใช้อวัยวะเพศเมียผสมพันธุ์กับอวัยวะเพศผู้ของตัวที่สาม ใช้อวัยวะคนละชนิดผสมพันธุ์กับทั้งตัวที่อยู่ข้างหน้าและข้างหลังไปเรื่อยๆ …
ใช่แล้ว สุดเหวี่ยงกันแบบนี้แหละ!
ที่สุดเหวี่ยงที่สุดก็คือ ทุกคนคงเคยได้ยินนิทานเกี่ยวกับจิ้งจกยอมเสียหางเพื่อเอาชีวิตรอดกับปลาหมึกยอมสละหนวดเพื่อจะสู้ต่อมาแล้ว แต่กระต่ายทะเลยอดเยี่ยมกว่านั้นมาก เพราะสิ่งที่พวกมันเสียไปคืออวัยวะสืบพันธุ์เพศผู้ในตัว!
หลังจากการผสมพันธุ์เสร็จทุกครั้ง เจ้าตัวเล็กพวกนี้จะยอมสละอวัยวะสืบพันธุ์เพศผู้ที่ใช้ไปแล้ว แล้วค่อยสร้างอวัยวะตัวนี้ขึ้นมาใหม่ภายในหนึ่งวัน เพื่อใช้ในการผสมพันธุ์ครั้งต่อไป อะไรที่เรียกว่าบริสุทธิ์? นี่แหละที่เรียกว่าบริสุทธิ์! อะไรที่เรียกว่าเผด็จการ? นี่แหละที่เรียกว่าเผด็จการ!
นอกเหนือจากนี้ กระต่ายทะเลยังเป็นสัตว์ทะเลที่ร้ายกาจมากด้วย มีสายพันธุ์มากกว่า 3000 สายพันธุ์ มีอยู่ในทะเลทั่วโลก รวมไปถึงทะเลเขตร้อน ขั้วโลกใต้ และขั้วโลกเหนือ แม้ว่าจะดูนุ่มนิ่มอ่อนแอ แต่ว่ามีพลังในการปรับตัวสูงมาก
กระต่ายทะเลส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในเขตน้ำอุ่นของน่านน้ำเขตร้อน กระต่ายทะเลที่อาศัยอยู่ที่แบบนั้นจะมีสีสันสวยงาม เป็นสิ่งมีชีวิตที่สวยงามมากในมหาสมุทร ส่วนกระต่ายทะเลของเกาะน้ำแข็งอัคคีนั้นจะเป็นสีเขียว มองไปไม่สวย แต่ว่ามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
ฉินสือโอวเคยอ่านข้อมูลของมันมาก่อน กระต่ายทะเลสีเขียวแบบนี้เป็นสัตว์ที่ได้รับความนิยมในการทดลองของนักชีววิทยาในแต่ละประเทศ เพราะว่าพวกมันสามารถนำมาทำการสังเคราะห์แสงได้ เป็นสัตว์ชนิดแรกที่มนุษย์ค้นพบว่าสามารถสังเคราะห์แสงสีเขียวได้
เช่นเดียวกับพืช ในตัวกระต่ายทะเลสีเขียวแบบนี้มีคลอโรฟิลล์ สามารถนำมาสังเคราะห์แสงเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องพึ่งอาหารในการให้พลังงานอีกต่อไป นี่คงเป็นเหตุผลที่พวกมันสามารถดำรงชีวิตอยู่ในขั้วโลกเหนือที่ขาดแคลนอาหารนี้ได้
สำหรับกระต่ายทะเลสีเขียวพวกนี้ ฉินสือโอวก็ถือว่าได้ทำความรู้จักมันมาพอสมควร เมื่อเห็นว่าน่านน้ำรอบๆ ก็มี เขาจึงเข้าไปสำรวจดู
พวกกระต่ายทะเลสีเขียวพากันอยู่ที่ใต้ท้องทะเลกันอย่างประปราย กำลังค่อยๆ เคลื่อนตัวเพราะตามหาสาหร่ายทะเลอยู่ เคยมีนักวิชาการคิดว่าสารคลอโรฟิลล์ในตัวของพวกกระต่ายทะเลนั้นได้มาจากสาหร่าย แต่หลังจากนั้นพอมีเทคโนโลยีฉายรังสีเพื่อการวิเคราะห์เชิงลึกแล้ว จึงได้รู้ว่าสารคลอโรฟิลล์ในตัวของพวกกระต่ายทะเลนั้นเป็นสารที่ผลิตออกมาเอง แล้วยังสามารถถ่ายทอดให้กับรุ่นหลังได้อีกด้วย
แต่ว่าสาหร่ายทะเลนั้นเป็นอาหารที่กระต่ายทะเลขาดไม่ได้เลย ก่อนที่พวกมันจะกินสาหร่ายให้มากพอที่จะกักตุนสารคลอโรฟิลล์ที่จำเป็นนั้น พวกมันจะไม่สามารถทำการสังเคราะห์แสงได้เลย
การได้เห็นกระต่ายทะเลพวกนี้รวมตัวกันเป็นวงเหมือนพวงมาลัยเพื่อทำเรื่องอย่างว่าแล้ว ฉินสือโอวรู้สึกว่าการกระทำแบบนี้ควรค่าแก่การให้กำลังใจ จึงแผ่พลังโพไซดอนบางส่วนให้ จากนั้นก็พุ่งตรงไปสู่น่านน้ำลึกต่อไปอย่างอารมณ์ดี
สิ่งที่ฟาร์มปลาเกาะน้ำแข็งอัคคีถูกทำลายไปนั้นไม่ใช่แค่ทรัพยากรของปลาที่ถูกจับจนหมดเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงโครงสร้างของสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลด้วย เขตน้ำตื้นยังดีหน่อย แต่น้ำที่ลึกกว่าห้าสิบเมตรนั้น ทั้งจำนวนของสาหร่ายใต้ท้องทะเล กับหญ้าทะเลก็ลดลงไปอย่างมาก
การจะทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ก็คือโครงสร้างระบบนิเวศที่พังแล้วเท่านั้น การเติบโตของสาหร่ายทะเลไม่ได้พึ่งเพียงแค่แสงอาทิตย์เท่านั้น ยังต้องพึ่งสารอาหารด้วย
เหล่าชาวประมงเห็นเพียงว่าพวกกุ้งปลากินหญ้าทะเล แต่กลับมองไม่เห็นว่ากุ้งกับปลานั้นใช้อุจจาระตัวเองเป็นสารอาหารให้กับหญ้าทะเล ทั้งสองฝ่ายไม่เคยอยู่ในสถานะล่าอาหารที่เรียบง่ายแบบนั้นอยู่แล้ว แต่อยู่ในสถานะพึ่งพาอาศัยกันอย่างลับๆ ต่างหาก
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฉินสือโอวโดยตรง อย่างไรเสียที่นี่ไม่ใช่ที่ของเขา เขายังส่งผลกระทบไม่ถึงที่นี่
ฉลามหางยาวโดดเดี่ยวตัวหนึ่งว่ายเข้ามา ฉลามชนิดนี้มีหางที่ยาวเป็นพิเศษ เพราะด้วยเหตุนี้จึงเป็นเป้าหมายหลักของเรือล่าฉลามด้วย เพราะหางของพวกมันแค่อันเดียวก็สามารถทำซุปหูฉลามได้หลายชามแล้ว
น่านน้ำรอบๆ ไม่มีปลาตัวใหญ่ให้มันล่าอาหาร ระหว่างที่ฉลามหางยาวว่ายไปมาอยู่นั้น ในที่สุดก็ได้เจอเข้ากับปลาอลาสก้าพอลล็อคที่หลุดรอดจากการจับมาได้ตัวหนึ่ง แต่ปลาค็อดตัวนี้มีขนาดเพียงแค่สี่สิบกว่าเซนติเมตรเท่านั้น ถือว่าตัวค่อนข้างเล็ก หากว่าเป็นที่ฟาร์มปลาต้าฉินแล้วล่ะก็ พวกเฮยป้าหวังไม่มีทางสนใจเจ้าตัวเล็กแบบนี้หรอก เสียหน้าแย่!
แต่ว่าในที่ที่รกร้างแห่งนี้ ปลาค็อดแบบนี้ก็ถือว่าเป็นอาหารชั้นเลิศแล้ว หางของฉลามหางยาวสะบัดทีหนึ่งแล้วว่ายเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่ได้อ้าปากเพื่อล่าอาหาร มันเพียงแค่ว่ายผ่านปลาค็อดไป ใช้หางที่ยาวและเต็มไปด้วยพลังของมันฟาดไปน้ำทะเลรอบๆ ปลาค็อดแทน
ไม่นาน น้ำทะเลสั่นไหว ปลาค็อดที่แม้ว่าจะไม่ได้โดนฉลามหางยาวฟาดโดนตรงๆ แต่ก็ถูกน้ำทะเลที่สั่นไหวทำเอามันเวียนหัว
ฉลามหางยาวหันหัวกลับมา คว้าโอกาสตอนนี้ว่ายเข้าไป อ้าปากทีเดียวก็ทำการกลืนปลาค็อดที่กำลังมึนงงตัวนี้เข้าไปในปาก มันเม้มปากอย่างมีความสุข จากนั้นก็ว่ายออกไปตามหาอาหารต่อ
ฉินสือโอวกำลังรีบตามหาเรือที่จมอยู่ในก้นทะเล เมื่อมีฉลามหางยาวอยู่ งั้นเขาก็ไม่ต้องหาเองแล้ว ความเร็วของฉลามหางยาวนั้นไม่เลวเลย จึงปล่อยพลังโพไซดอนไปที่ตัวมัน แล้วบังคับให้ฉลามตัวนี้เริ่มการมุดไปมาที่ใต้ท้องทะเล
แน่นอนว่า เขาไม่ได้ให้มันทำงานฟรี ระหว่างทางพอเจอปลาน้อยใหญ่ เขาจะใช้พลังโพไซดอนบังคับไว้ให้ฉลามตัวนี้กิน
เรือที่จมลงในทะเลเขตนี้มีไม่น้อยเลย ลงทะเลได้ครึ่งชั่วโมง ก็เจอถึงห้าหกลำแล้ว แต่ว่าเรือพวกนี้ล้วนเป็นเรือหาปลาลำเล็กที่จมเท่านั้น ในเรือแบบนี้ไม่มีสิ่งของที่มีค่าอะไร ฉินสือโอวเข้าไปสำรวจดู เจอก็เพียงแค่เศษเหล็กที่ขึ้นสนิมแล้วเท่านั้น
ใต้ท้องทะเลที่กว้างไกล ยิ่งลงไปลึกเท่าไรก็ยิ่งว่างเปล่า สิ่งที่โผล่ให้เห็นใต้ท้องทะเลตอนนี้ล้วนเป็นแต่โขดหินที่รูปร่างแปลกประหลาดทั้งนั้น
เสียดายที่คนทั่วไปไม่สามารถดำน้ำลงมาลึกขนาดนี้ได้ ฉินสือโอวได้เห็นโขดหินหลากหลายรูปแบบ มีทั้งที่สง่างาม สวยงาม และแปลกประหลาด ภายใต้การกัดเซาะจากกระแสน้ำใต้ทะเล ทำให้โขดหินพวกนี้มีรูปร่างที่หลากหลาย
เพราะฉลามหางยาว ทำให้ฉินสือโอวไม่ได้เจอกับปลาที่ทำให้เขารู้สึกสนใจเลย ตอนแรกเหมือนจะเห็นปลาทูน่าครีบเหลืองรางๆ แต่สุดท้ายเพราะเจ้าตัวนั้นเห็นฉลามหางยาวแต่ไกล จึงรีบว่ายหนีออกไปทันที!
วนเวียนอยู่ใต้ท้องทะเลมาสองชั่วโมงกว่า ฉินสือโอวเริ่มเหนื่อยขึ้นมาแล้ว แต่ในที่สุดก็ได้พบกับเรือที่น่าจะมีค่าลำหนึ่ง
เรือลำนั้นเอียงตัวติดอยู่กับขอบร่องลึกที่ก้นมหาสมุทร ดูจากรูปแบบของเรือแล้วเป็นเรือใบที่มีหลายเสากระโดงของศตวรรษที่สิบหกถึงสิบเจ็ด มีความยาวห้าสิบกว่าเมตร ด้านข้างลำตัวเรือมีรูใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดมากกว่าสองเมตรอยู่ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะรูใหญ่รูนี้แหละที่ทำลายมันให้จมลง
เมื่อได้เห็นเรือลำนี้แล้ว ฉินสือโอวก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที เรือใบแบบนี้มักจะถูกใช้เป็นเรือลำเลียงทรัพย์สมบัติของประเทศอังกฤษและสเปน ถ้าหากว่าข้างในมีพวกทองคำหรือทองคำขาวแล้วล่ะก็ ถือว่ารวยเละกันเลย
เมื่อคิดแบบนี้แล้ว ฉินสือโอวจึงดึงพลังโพไซดอนออกจากฉลามหางยาว แล้วพุ่งเข้าไปทางเรือใหญ่อย่างดีอกดีใจ
ในตอนที่เขาเพิ่งเสียการควบคุมฉลามหางยาวนั้น เจ้านักฆ่าที่ดุดันของมหาสมุทรแอตแลนติกตัวนี้ก็สะบัดตัวขึ้นมาอย่างรุนแรง มันส่ายหางขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งแล้วว่ายไปทางผิวน้ำ เหมือนกับว่าเรืออับปางลำนี้มีผีอย่างนั้นแหละ!
บทที่ 723 ปีศาจยักษ์ในทะเลอาร์กติก
โดย
Ink Stone_Fantasy
เรืออับปางลำนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ แค่ฉินสือโอวเห็นปฏิกิริยาของฉลามหางยาวก็สามารถรู้ได้แล้ว
เพราะพลังโพไซดอนเป็นเหตุ ตอนที่พลังออกไปจากตัวของสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตที่เคยได้รับพลังโพไซดอนไปแล้วนั้น จะค่อนข้างอ่อนไหวต่อพลังนี้ พวกมันจะยังคงวนเวียนอยู่น่านน้ำรอบๆ เพื่อหวังว่าจะสามารถดูดรับพลังนี้ที่ทำให้พวกมันแข็งแกร่งขึ้นได้ต่อ
ยิ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่ และมีไอคิวสูงเท่าไร ก็จะยิ่งอ่อนไหวต่อพลังโพไซดอนเท่านั้น
แม้ว่าฉลามหางยาวจะไม่มีสมอง ไม่ได้ฉลาดเหมือนกับฉลามเสือหรือฉลามวาฬ แต่อย่างไรเสียก็เป็นเจ้าตัวใหญ่ที่มีความยาวลำตัวถึงห้าเมตรครึ่ง คงจะไม่โง่ไปกว่าปลาทูน่าครีบน้ำเงินหรอก?
และถึงแม้ว่าจะโง่กว่าปลาทูน่าครีบน้ำเงิน แต่ถึงมันจะสัมผัสไม่ถึงพลังโพไซดอน ก็ไม่เห็นต้องรีบหนีหัวซุกหัวซุนขนาดนี้เลยนี่นาใช่ไหม?
ใช่แล้ว หนีหัวซุกหัวซุน เป็นการหนีหัวซุกหัวซุนจริงๆ!
นัยน์ตาของฉลามหางยาวได้เปล่งประกายความตกใจกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด หางที่ยาวนั้นกลายเป็นเหมือนใบพัดเรือที่หมุนสะบัดอย่างรวดเร็ว พยายามว่ายขึ้นผิวน้ำอย่างไม่คิดชีวิต
ฉินสือโอวไม่เชื่อว่าจะมีอะไรสามารถต้านทานพลังโพไซดอนได้ เขาใช้พลังควบคุมเรืออับปางลำนี้ จากนั้นก็ทำการสำรวจตั้งแต่หัวเรือจนท้ายเรืออย่างรวดเร็วรอบหนึ่ง ก็ไม่เจออะไรที่สามารถทำให้ฉลามหางยาวตกใจกลัวได้อยู่เลย!
ในตอนนี้นี่เอง ที่น้ำด้านบนของร่องลึกที่ก้นมหาสมุทรได้หมุนตัวขึ้นมาอย่างแรง ตามมาด้วยงูเหลือมทะเลตัวยาวที่โผล่ออกมาจากร่องลึกอย่างรวดเร็ว ราวกับปืนที่ยิงขึ้นไปบนฟ้า กำลังเคลื่อนตัวออกไล่ตามฉลามหางยาวอย่างอุกอาจ
ฉินสือโอวตกตะลึงไปชั่วขณะ ไม่น่าเป็นไปได้ น่านน้ำที่นี่อยู่ใกล้น่านน้ำกรีนแลนด์ เป็นมหาสมุทรเขตหนาวเย็นอย่างไม่ต้องสงสัย ทำไมถึงมีสิ่งมีชีวิตประเภทงูทะเลอาศัยอยู่ได้กัน?
งูทะเลแทบจะทั้งหมดจะอาศัยอยู่ทะเลเขตร้อนทั้งนั้น ในเขตน้ำอุ่นจะพบได้น้อย ในเขตน้ำเย็นนั้นจะไม่มีเลย เพราะว่าอุณหภูมิของน้ำในทะเลเขตหนาวนั้นต่ำเกินไป!
และถึงแม้จะเป็นงูทะเลที่ถูกพลังโพไซดอนทำให้แข็งแกร่งขึ้นแล้ว ก็ยังอาศัยอยู่ที่น่านน้ำในเกาะแฟร์เวลได้ไม่ได้ดีนักเลย ตอนฤดูหนาวพวกมันก็ยังต้องไปพักอาศัยตรงน่านน้ำบริเวณที่มีกระแสน้ำอุ่นของเม็กซิโกไหลผ่าน
แต่ราวกับว่างูเหลือมอยากจะท้าทายกับความรู้ที่เขามีอย่างนั้นแหละ หลังจากมีงูทะเลสีน้ำตาลโผล่พรวดออกมาแล้ว ก็มีงูทะเลอีกตัวพุ่งตามหลังมา ตามด้วยตัวที่สามที่ยาวกว่า ดุดันกว่า และตามด้วยตัวที่สี่ ตัวที่ห้า…
ฉินสือโอวมองดูอย่างตกตะลึง การได้เห็นงูทะเลที่หน้าตาและรูปร่างเหมือนกันออกมาพร้อมกันหลายตัว ทำให้เขาสะกิดใจ เข้าใจในทันทีว่าเจ้าพวกนี้คือตัวอะไร
ตอนที่เจ้าสัตว์ประหลาดตัวสีน้ำตาลแดงออกมานั้น เพราะออกมาอย่างกะทันหันและรุนแรง บวกกับฉินสือโอวที่กำลังตกใจอย่างมาก จึงไม่ได้มองเห็นหน้าตาพวกมันได้ชัดเจน แล้วคาดเดาไปเองต่างๆ นานา
แต่ว่าพอตอนนี้ได้ดูอย่างละเอียดแล้ว เจ้าสัตว์ประหลาดพวกนี้ไม่ใช่งูเหลือมทะเล เพราะว่าพวกมันมีรูปร่างส่วนบนที่เรียวส่วนปลายอ้วน ยิ่งลงไปช่วงปลายก็จะยิ่งมีขนาดใหญ่ ส่วนด้านบนไม่มีตา แต่เต็มไปด้วยปาก ปากแต่ละอันมีขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ปากที่ใหญ่มีเส้นผ่าศูนย์กลางสิบสี่ถึงสิบห้าเซนติเมตร เหมือนกับขนาดของอ่างเล็กๆ ไม่มีผิด
ในความจริงแล้วนี่ก็ไม่ใช่ปาก แต่เป็นจานดูด ใช่แล้ว ฉินสือโอวรู้แล้ว นี่น่ะคือหนวดที่ยื่นออกมาของหมึกกระดองยักษ์นั่นเอง!
แต่ว่าเจ้าหนวดนี่ก็ทำเอาคนใจหายใจคว่ำเสียจริง หนวดสองเส้นที่สั้นที่สุดก็ยังมีความยาวอย่างน้อยสิบห้าเมตร หน้าตาน่ากลัว จานดูดที่ใหญ่ยักษ์นั้นก็ขยับไปมา ราวกับปากของปีศาจร้าย น่าสยดสยองเป็นที่สุด!
หนวดยักษ์ใหญ่สิบกว่าเส้นได้ผลัดกันพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยหัวและร่างกายที่มหึมาของหมึกกระดองตัวนี้ที่โผล่ออกมาจากร่องลึกนั้น…
ฉินสือโอวหมดคำจะเปรียบเทียบแล้ว เขารู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นไม่ใช่แค่สิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นขีปนาวุธข้ามทวีปสีน้ำตาลลูกหนึ่งต่างหาก!
หนวดปลาหมึกขนาดใหญ่สิบเส้นได้ตบไปที่ชายฝั่งของร่องลึกอย่างแรงทีหนึ่ง หมึกกระดองยักษ์ได้ใช้ตาดวงโตราวกับโคมไฟจ้องไปที่ฉลามหางยาวด้านบนอย่างเยือกเย็น จากนั้นมันได้ใช้ครีบรูปสามเหลี่ยมที่อยู่ด้านหลังตัวของมันทำท่าสะบัดไปมาเหมือนคลื่น ผิวหนังที่หุ้มส่วนกลางลำตัวของมันได้ยืดหดอย่างรวดเร็ว ท่อพ่นน้ำที่อยู่บริเวณท้องส่วนหน้าได้พ่นหมึกออกมาทันที…
นี่เป็นเหตุผลที่ฉินสือโอวรู้สึกว่ามันเหมือนกับขีปนาวุธข้ามทวีป ภาพตอนที่หมึกกระดองยักษ์พ่นน้ำหมึกออกไปในน้ำนั้นก็เหมือนกับขีปนาวุธที่ถูกจุดแล้วและได้ปล่อยควันโขมงออกมา ท่าทางของมันที่พุ่งตัวแหวกน้ำทะเลออกไปนั้น ไม่ต่างอะไรกับขีปนาวุธข้ามทวีปที่พุ่งทะยานไปบนฟ้าเลย!
ฉลามหางยาวสะบัดหางไปมาอย่างบ้าคลั่งเพื่อจะหนีเอาชีวิตรอด ความเร็วของมันนั้นถือว่าเร็วใช้ได้แล้ว แต่ว่าแค่เวลาสิบกว่าวินาทีเท่านั้น หมึกกระดองยักษ์ตัวนี้ก็ไล่ตามทันแล้ว หนวดยาวๆสองเส้นที่เหมือนกับแส้นั้น ได้ฟาดออกไปอย่างรวดเร็วทำเอาอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว!
ราวกับจะรู้ว่าความเร็วตัวเองหนีไม่พ้นฝ่ายตรงข้ามแน่ หางของฉลามหางยาวจึงเปลี่ยนทิศทางการสะบัด ลำตัวมันเอียงไปด้านข้างเพื่อจะหนีต่อไป แต่หนวดที่ตามหลังอยู่นั้นได้ไล่มาทันแล้ว หนวดหมึกไม่ได้ฟาดไปที่มันแต่อย่างไร แต่หลังจากสัมผัสโดนตัวฉลามหางยาวแล้วกลับรัดตัวมันไว้เหมือนกับงูเหลือมแทน
ฉลามหางยาวสะบัดตัวอย่างบ้าคลั่ง สะบัดหางออกไปทั้งซ้ายและขวาเพื่อตีหนวดของหมึกกระดอง แต่ว่าทั้งสองฝ่ายต่างกันเกินไป เมื่ออยู่ต่อหน้าหมึกกระดองยักษ์ตัวนี้ หางของมันก็เหมือนกับเชือกเล็กๆ เส้นหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
หลังจากหนวดได้รัดไปบนตัวฉลามหางยาวแล้ว หมึกกระดองยักษ์ก็ลากมันกลับมา หนวดที่เหลือก็ตามไปรัดโดยทันที และพันตัวฉลามหางยาวไปทั่วตัวจนเหมือนกับมัมมี่อย่างรวดเร็ว
ฉินสือโอวมองอยู่ข้างๆอย่างตกตะลึง เจ้าตัวใหญ่นี่ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว แม้แต่ฉลามหางยาวที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักฆ่าของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือเอง เมื่ออยู่ต่อหน้ามันแล้วกลับไม่มีแม้แต่แรงต่อต้านเลยสักนิด ไม่เสียแรงที่เป็นเจ้าถิ่นที่เคยปรากฏอยู่ในตำนานเทพนิยาย
คราเคน! สัตว์ประหลาดยักษ์แห่งทะเลขั้วโลกเหนือ!
จักรพรรดิแห่งหมึกกระดอง!
ใช่แล้ว เจ้าหมอนี่ก็คือหมึกยักษ์ที่ทำให้กะลาสีเรือและชาวประมงทุกคนในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือแค่ได้ยินชื่อก็พากันหน้าถอดสี นั่นก็คือคราเคนที่เคยปรากฏในตำนานแห่งทะเลนอร์เวย์ของทวีปยุโรปเหนือและต้นแบบของสัตว์ประหลาดยักษ์แห่งทะเลเหนือในเทพนิยายกรีก เป็นนักล่าผู้ยิ่งใหญ่ในมหาสมุทรแอตแลนติก และยังเป็นราชาของห่วงโซ่อาหารในทะเลลึกอีกด้วย
เมื่อเห็นเจ้าหมึกยักษ์กำลังจะรัดฉลามหางยาวตาย ฉินสือโอวรู้สึกทนดูไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ฉลามหางยาวก็คงไม่โง่ว่ายมาแถวร่องลึกนี้ ดูจากท่าทางของมันเมื่อกี้ก็รู้ได้ ว่ามันรู้ว่าที่นี่เป็นที่ที่อันตรายแค่ไหน
ดังนั้นฉินสือโอวจึงรีบใช้พลังโพไซดอนควบคุมหมึกยักษ์ตัวนี้ เพื่อบังคับให้มันปล่อยฉลามหางยาวไป
แต่ว่าเรื่องที่ทำให้ฉินสือโอวตกตะลึงใจได้เกิดขึ้นอีกแล้ว เจ้าหมึกยักษ์ตัวนี้กลับมีจิตสำนึกอยากจะต่อต้านขึ้นมา นี่ไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นสัตว์ไอคิวสูงแต่อย่างไร แต่เพราะมันมีสัญชาตญาณดิบที่แท้จริง เป็นสัญชาตญาณดิบที่ปฏิเสธการถูกควบคุม
ฉินสือโอวเพิ่งเคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก ความรู้สึกอยากเอาชนะและกลัวได้เกิดขึ้นพร้อมกันในใจ
อยากเอาชนะเพราะว่ายังไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรสามารถปฏิเสธการควบคุมของเขาได้มาก่อน ที่รู้สึกกลัวก็เพราะการที่ตัวเองเสียการควบคุมไปนี่แหละ เขาคิดมาตลอดว่าพลังโพไซดอนสามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรแอตแลนติกได้ทุกชนิด แต่หากว่าไม่ใช่อย่างนั้นแล้วล่ะก็ ถือว่าเป็นการทำลายความมั่นใจของเขาลงไปได้มากเลยทีเดียว
ดีที่ว่าจิตสำนึกการต่อต้านของหมึกยักษ์นั้นเป็นเพียงสัญชาตญาณของมันเท่านั้น หากฉินสือโอวยังคงพยายามควบคุมต่อไป และหลังจากที่มันหมดแรงจะต่อต้านแล้ว ก็ถูกยอมให้ควบคุมได้ในที่สุด
หลังจากบังคับหมึกยักษ์ได้แล้ว ฉินสือโอวก็บงการให้มันปล่อยฉลามหางยาวไป
ในเวลาอันสั้น ฉลามหางยาวได้ถูกรัดจนมึนงงเพราะขาดอากาศแล้ว หลังจากที่ถูกปล่อยตัวออกมาเจ้าหมอนี่คงคิดว่าตัวเองได้ไปอยู่บนสวรรค์แล้ว มันจึงไม่คิดหนี กะพริบตาปริบๆไม่ขยับไปไหน และจมลงไปสู่ใต้ทะเลราวกับท่อนไม้อย่างไรอย่างนั้น
ตัวมันจมลงไปเรื่อยๆ จนชนเข้ากับโขดหินใต้ทะเล ฉลามหางยาวรู้สึกเจ็บ ถึงได้เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น มันจ้องไปที่หมึกยักษ์อย่างโกรธแค้นทีหนึ่ง แล้วรีบส่ายหางว่ายเลียบไปตามทางใต้ทะเลแล้วหนีไป
ฉินสือโอวควบคุมหมึกยักษ์โดยเต็มไปด้วยความฉงนใจ เขาว่ายไปด้านหน้าของเรืออับปางลำนั้น หนวดที่ทั้งใหญ่และแข็งแรงนั้นได้ฟาด ‘ฟั่บ’ ลงไปอย่างแรง ความรุนแรงนั้นราวกับเทพโพไซดอนเหวี่ยงตรีศูลอย่างไรอย่างนั้น เห็นเพียงแค่น้ำทะเลแหวกออกราวกับถูกสายฟ้าฟาด จากนั้นอีกส่วนของเรืออับปางลำนั้นก็ถูกแบะออกไปทันที!
แน่นอนว่า ตัวเรือที่อับปางลำนี้ได้ถูกทำให้น้ำทะเลเน่าเฟะอยู่แล้ว แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็สามารถเห็นได้ถึงความน่ากลัวของหมึกยักษ์อยู่ดี เป็นพลังที่ไร้คู่ต่อสู้จริงๆ!
บทที่ 724 เฮอร์ริเคนจะมาแล้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy
การที่ได้ตัวหมึกยักษ์มา ฉินสือโอวก็เหมือนกับได้ของเล่นเด็กที่ฝันมานาน เมื่อคืนเขาควบคุมเจ้าหมึกยักษ์ทำเรื่องอันธพาลทุกรูปแบบ แม้ว่าภายใต้ท้องทะเลจะไม่มีสิ่งมีชีวิตมาร่วมเล่นด้วย แต่เขาก็ยังเล่นได้อย่างมีความสุข
สุดท้ายหลังจากฉินสือโอวดึงพลังโพไซดอนกลับ เขาได้ถ่ายทอดพลังโพไซดอนให้กับหมึกยักษ์จำนวนมาก เขาถ่ายเทไปมากจนกระทั่งเขารู้สึกเหนื่อยล้า จึงจะหลับตาเพื่อนอนหลับ
ก่อนหน้านี้ เขาได้ตั้งชื่อให้หมึกยักษ์แล้ว ชื่อว่าปีศาจยักษ์ ชื่อว่าจอมอำนาจก็จำได้ง่าย แต่ว่าเนื่องจากในเรื่องเล่าก็เรียกมันว่าปีศาจยักษ์แห่งอาร์กติกอยู่แล้ว
หลังจากฟ้าสางแล้ว ฉินสือโอวเปลี่ยนเป็นชุดออกกำลังกายแล้วออกไปวิ่งเลียบแถวชายทะเล
บัคเคอร์ก็ออกมาออกกำลังกายด้วย ตอนที่ทั้งสองเจอกันบัคเคอร์มองไปที่ฉินสือโอวทีหนึ่งแล้วเบะปาก เป็นสายตาแบบที่ฉันไม่แคร์นาย แต่ก็ไม่กล้าไปหาเรื่องฉินสือโอว อารมณ์ที่รุนแรงของคนหนุ่มคนนี้ได้ฝังลึกอยู่ในใจเขา ในตอนนั้นเซอร์จิโอถูกเขาเล่นในอุ้งมืออย่างกับเด็กเลยเชียว
ฉินสือโอวเห็นบัคเคอร์ที่เต็มไปด้วยท่าทีหยิ่งผยองนั้นแล้ว รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมา ให้ตายเถอะตอนนี้ฉันเป็นคนที่ได้หมึกยักษ์มาครองเชียวนะ ถ้าทำให้ฉันไม่พอใจเดี๋ยวพ่อก็ผิวปากทีหนึ่ง จะให้นายได้รับบทเรียนในชีวิตในชั่วพริบตาเลย
ในนิทานเทพนิยายนั้น วิธีที่จะบังคับเจ้าปีศาจยักษ์แห่งอาร์กติกได้ก็คือเสียงเป่าขลุ่ยที่ได้ถูกเรียกว่าเป็นเสียงแห่งเทพโพไซดอน หลังจากเป่าออกไปแล้วสามารถเรียกมันออกมาได้ ภาพยนตร์เรื่อง ‘ไพเรทส์ ออฟ เดอะ แคริบเบียน’ เองก็ได้ใช้เรื่องนี้ในการเขียนบทด้วย เดวิด โจนส์กัปตันเรือฟลายอิงดัตช์แมนก็ใช้วิธีนี้ในการควบคุมสัตว์ประหลาดแห่งท้องทะเลเช่นกัน
เพราะได้ลูกน้องที่แข็งแกร่งตัวใหญ่อย่างเจ้าหมึกยักษ์มาอยู่ในมือแล้ว ฉินสือโอวอารมณ์ดีขึ้นมาก เขาทานข้าวเช้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทำเอาพาลีที่มองดูอยู่ก็ดีใจมากด้วยเช่นกัน นึกว่าฉินสือโอวได้เกิดชอบเกาะเล็กๆ นี้ขึ้นมาแล้ว
ฉินสือโอวจะชอบได้อย่างไร? เกาะน้ำแข็งอัคคีไม่เลว แต่ถ้าจะให้เทียบกับเกาะแฟร์เวลนั้นยังห่างกันอยู่มาก โดยเฉพาะสภาพอากาศตอนเช้าที่ไม่ดีเอาเสียเลย ท้องฟ้ามืดครึ้ม เมฆก้อนใหญ่ก้อนแล้วก้อนเล่าได้ปกคลุมไปทั่วฟ้า ทำให้คนรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก
ความรู้เกี่ยวกับทะเลของเหล่าเจ้าของฟาร์มปลานั้นถือว่ารู้ลึกรู้เยอะเหมือนกัน การได้เห็นสภาพอากาศแบบนี้ก็สามารถเดาได้ทันที ว่าสภาพอากาศกำลังจะเลวร้าย
ฮับเบิลได้โทรไปยืนยันกับกรมอุตุวิทยานิยมทางทะเลของนิวฟันด์แลนด์มาแล้ว เห็นว่าจะมีพายุหมุนมาจากทางใต้ของมหาสมุทรแอตแลนติกกำลังมุ่งไปทางเหนือ ระหว่างทางได้พัดเข้าไปทางไมอามีช่วงหนึ่ง และได้เกิดเป็นพายุเฮอร์ริเคนขนาดเล็กขึ้นมาด้วย
หลังจากได้รับข่าวแบบนี้แล้ว แมทธิวจึงไม่รีบร้อนอีกต่อไป ความเร็วของพายุหมุนกึ่งเขตร้อนไม่เหมือนกับพายุหมุนกึ่งเขตหนาวที่พัดมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ความเร็วของมันจะค่อนข้างช้า การจะมามหาสมุทรแอตแลนติกฝั่งเหนือจากทางใต้นั้น ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสี่ถึงห้าวัน
อากาศแบบนี้เหมาะที่จะตกปลาเป็นที่สุด พายุหมุนพัดมาจากทางใต้ของมหาสมุทรแอตแลนติก ก็เหมือนกับคนเลี้ยงแกะไล่ต้อนฝูงแกะ ที่ไล่ต้อนปลาจำนวนมากมาด้วย
ส่วนความเร็วในการเคลื่อนตัวของพวกปลาทะเลนั้นจะเร็วกว่าพายุหมุนมาก ภายใต้แรงกดอากาศของพายุหมุน ทำให้พวกมันออกเดินทางกันอย่างเอาเป็นเอาตายโดยไม่หยุดพัก
ก็เหมือนกับคน แม้ความกลัวในมหาสมุทรเองก็สามารถแพร่กระจายไปด้วยเช่นกัน ฝูงปลาพากันว่ายมาจากฝั่งใต้กันอย่างตื่นกลัว แม้แต่ฝูงปลาท้องถิ่นที่เจอพวกมันก็กลัวขึ้นมาด้วยเช่นกัน เพราะการว่ายไปทางเหนือแบบนี้ แม้ฝูงปลาของน่านน้ำมหาสมุทรทางตอนเหนือก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน
กิจกรรมเยี่ยมชมในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการมาเที่ยวเล่นเท่านั้น เหล่าเจ้าของฟาร์มปลาจะต้องรับทราบในหลายๆ เรื่อง รับรู้เรื่องการเปลี่ยนไปของเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของชาวเมืองในช่วงก่อนและหลังที่ฟาร์มปลาจะเสียหาย
แน่นอนว่าฉินสือโอวไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมกิจกรรมนี้เลย เพราะระดับการลงทุนที่เขาทำกับฟาร์มปลาของเขานั้นมากที่สุด เจ้าของฟาร์มปลากว่าห้าสิบกว่าคนที่นี่รวมกันก็ไม่แน่ว่าจะลงทุนมากกว่าเขา ดังนั้นครั้งนี้เขาก็เพียงแค่เป็นเพื่อนเรียนขององค์รัชทายาทเท่านั้น จึงสามารถออกไปเที่ยวเล่นได้ตามใจ
เหล่าชาวประมงในเมืองถือโอกาสที่อากาศดีแบบนี้เพื่อออกทะเลไปหาปลา ฉินสือโอวไม่มีอะไรทำ จึงถามชาวประมงเก่าแก่ที่เป็นหัวหน้าการออกทะเลในครั้งนี้ว่าเขาไปด้วยได้ไหม
ชาวประมงชายกว่าอายุราวเจ็บสิบกว่าปีแล้ว แต่ร่างกายกลับแข็งแรงกำยำใช้ได้ เขามองไปที่มือของฉินสือโอว เมื่อเห็นว่ามีตาปลาบนมือเขา จึงพยักหน้ายอมให้เขาขึ้นเรือ
เรือที่พวกเขาใช้ลำนี้เป็นเรือหาปลาขนาดร้อยตันที่ใช้ทั่วไป ตรงหางเรือสามารถแกะเครื่องยนต์ออกหลายชิ้น เพื่อเปลี่ยนเป็นอวนลาก อวนล้อมหรืออวนติดตาได้ เป็นหนึ่งในเรือหาปลาที่ใช้ดีมากลำหนึ่ง
เรือหาปลาเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ฉินสือโอวพูดคุยกับชายชาวประมงแก่ จึงได้รู้ว่าเขาชื่อไลเทค เป็นคนที่เกิดและโตบนเกาะน้ำแข็งอัคคีนี้ เขาเริ่มจากตามคุณพ่อออกไปจับปูราชินีตั้งแต่อายุสิบสอง จนถึงวันนี้ก็เท่ากับว่าอยู่ในวงการประมงมาเกือบจะหกสิบปีแล้ว
นอกจากไลเทคแล้ว บนเรือยังมีชาวประมงสูงอายุอีกสี่คน ทุกคนล้วนมีอายุหกถึงเจ็ดสิบปีกันทั้งนั้น พวกเขาอายุมากแล้ว ไม่สามารถออกทะเลจับปลาคนเดียวได้ จึงพากันรวมกลุ่มกันออกทะเล
ชาวประมงสูงอายุคนหนึ่งถือปล้องสูบไปป์ ชายชราที่ชื่อว่าวิลเลียมส์ถามเขาว่า “ผมได้ยินมาว่าคุณเป็นเจ้าของฟาร์มปลาที่เก่งมากเหรอ? ขอโทษนะหนุ่มน้อย ผมไม่ได้ดูข่าวหรืออ่านหนังสือพิมพ์มานานแล้ว จึงไม่รู้จักคุณ ไม่ทราบว่าตอนนี้ฟาร์มปลาของคุณขาดคนอยู่หรือเปล่าครับ?”
เมื่อได้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของชาวประมงสูงอายุคนนี้แล้ว ฉินสือโอวรู้สึกปวดใจขึ้นมา เขารู้ว่าชายแก่คนนี้หมายความว่าอะไร ก็คือเขาอยากจะไปทำงานที่ฟาร์มปลาของเขา แต่เขาไม่คิดว่าชายแก่คนนี้จะสามารถช่วยเหลือฟาร์มปลาของเขาได้ จึงตอบไปอย่างอ้อมค้อมว่า “ฟาร์มปลาของผมอยู่ที่เกาะแฟร์เวล คุณยินดีที่จะไปจากที่นี่เหรอครับ?”
ชาวประมงสูงอายุถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วพูดพึมพำว่า “ไม่ ผมไม่พร้อมที่จะไปจากบ้านเกิดของผมหรอกครับ แต่ว่าอย่างไรเสียก็ต้องหาเงินเพื่อประทังชีวิตนี่นะ”
ในประเทศจีน ทุกคนมักคิดว่าระบบสวัสดิการของแคนาดานั้นสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ แต่ความจริงแล้วแม้จะเป็นคนท้องที่ที่เกิดและโตในประเทศ ก็ยังไม่สามารถได้รับสวัสดิการอีกมากมาย
ยกตัวอย่างเช่นเหล่าชาวประมงพวกนี้ เพราะว่าเมื่อก่อนพวกเขามักจะเลี่ยงและหนีภาษีกันมามาก ทำให้ตอนนี้ไม่สามารถได้รับสวัสดิการเงินบำนาญตอนเกษียณ และยังต้องทำงานหนักต่ออีกแม้ว่าจะอยู่ในช่วงบั้นปลายชีวิตแล้วก็ตาม
ฉินสือโอวบอกว่า “แล้วคุณยินดีจะย้ายออกจากที่นี่ไหมครับ? ผมคิดว่าถ้าหากพวกคุณยอมรับการย้ายไปยังเกาะฝั่งตรงข้ามตามที่รัฐบาลจัดสรรให้ จากนโยบายของรัฐแล้ว คุณยังสามารถได้รับเงินชดเชยอีกสามแสนกว่าดอลลาร์แคนาดานะครับ”
ชาวประมงสูงอายุถอนหายใจอีกรอบ แล้วพูดว่า “ไม่ครับ ผมไม่อยากทำแบบนั้น พ่อหนุ่ม คุณไม่รู้อะไร รัฐบาลไม่ใช่แค่ให้พวกเราย้ายไปที่อื่นเท่านั้น แต่จะให้แยกกันอยู่ด้วย ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราที่ต้องจากบ้านเกิดแล้ว ยังต้องจากเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่รู้จักกันมานานอีก แล้วจะมีความหมายอะไร?”
หลังชะงักไปชั่วครู่ ชาวประมงสูงอายุก็พูดอีกว่า “อีกอย่างรัฐบาลก็ใช่ว่าจะให้เงินก้อนกับพวกเราเลยซะทีเดียว นั่นก็เหมือนกับล็อตเตอรีของนิวฟันด์แลนด์ ยากที่จะเดาผลได้นะพ่อหนุ่ม ถ้าหากว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาไม่ให้เงินพวกเราล่ะ? ถึงตอนนั้นพวกเราได้แยกกับเพื่อนแล้ว บ้านก็ถูกรื้อแล้ว จะกลับมาอยู่ต่อได้อย่างไร?”
เรื่องนี้ได้สะท้อนถึงปัญหาอีกอย่างหนึ่งของแคนาดาด้วย นั่นก็คือความเชื่อใจที่มีต่อรัฐบาลลดลง จุดนี้ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมาก เพราะที่ประเทศจีนก็มีปัญหานี้เหมือนกัน แต่ว่าที่แคนาดานั้นรุนแรงกว่า เพราะว่าประเทศนี้มีชาวอพยพเยอะเกินไป ไม่ว่าผู้คนจะอพยพมาที่นี่ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ที่แน่ๆ พวกเขาไม่มีทางเห็นว่าที่นี่เป็นบ้านเกิดอย่างแน่นอน
ชาวประมงแก่ใจดีมาก หลังเขารู้ว่าฉินสือโอวไม่ค่อยได้มาน่านน้ำเขตเหนือมากนัก จึงอาสาพาเขาไปเกาะโขดหินเกาะหนึ่ง แล้วแนะนำให้ฟังว่า “นั่นคือเกาะฮิลล์ บนนั้นมีแมวน้ำมากมายเลย พวกเราจะพาคุณไปดูเอง มีทั้งแมวน้ำเครา แมวน้ำเทา แมวน้ำวงแหวน และแมวน้ำริบบิ้น มีหมดแทบทุกสายพันธุ์”
เกาะฮิลล์อยู่ห่างจากเกาะน้ำแข็งอัคคีประมาณสี่สิบกว่ากิโลเมตร และยังต้องไปทางเหนือต่ออีก เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร มีพื้นที่ประมาณหกเจ็ดสิบกว่าตารางกิโลเมตร บนนั้นมีแมวน้ำอาศัยอยู่มากมาย
ไลเทคพูดแนะนำกับฉินสือโอวว่า ตอนช่วงฤดูหนาวนั้นน้ำทะเลรอบๆ จะกลายเป็นน้ำแข็ง น้ำแข็งจะเชื่อมเกาะนี้กับผืนดินฝั่งตะวันตกไว้ ถึงตอนนั้นพวกแมวน้ำก็จะสามารถขึ้นฝั่งได้ แน่นอนว่าปกติพวกมันก็สามารถว่ายน้ำข้ามทะเลไปขึ้นฝั่งได้เหมือนกัน แต่ว่าพวกแมวน้ำนั้นขี้เกียจมาก ปกติจึงไม่ค่อยไปกัน
บทที่ 725 แมวน้ำน้อยผู้กล้าหาญ
โดย
Ink Stone_Fantasy
เรือหาปลาขับเข้าใกล้เกาะฮิลล์ เป็นจริงอย่างว่า มีแมวน้ำมากมายปรากฏแก่สายตาของฉินสือโอว
ไลเทคถามฉินสือโอวว่ามีความรู้เกี่ยวกับแมวน้ำบ้างไหม และหลังจากที่รู้ว่าเขาไม่มีความรู้ ก็ทำหน้าที่เป็นไกด์แนะนำให้เขาฟังว่า
“ดูเจ้าตัวใหญ่พวกนั้นนะ ใช่แล้ว ตัวที่ยาวถึงสองเมตรกว่านั่นแหละ ใช่แล้ว พวกมันก็คือแมวน้ำเครา ถ้าหากว่าคุณมีตาที่เฉียบคมเหมือนกับอินทรีแล้วล่ะก็ งั้นคุณก็จะเห็นว่าที่ปากของพวกมันจะมีหนวดเส้นใหญ่และแข็งอยู่ ดังนั้นจึงมีคนเรียกพวกมันว่าแมวน้ำหนวด”
“ที่เยอะที่สุดจะเป็นแมวน้ำวงแหวน เพราะว่าอาหารที่พวกมันกินนั้นมีหลากหลายรูปแบบ พวกมันกินทั้งเนื้อและหญ้า พวกมันสามารถกินปลาทะเลได้ทุกรูปแบบ และยังกินสัตว์ชั้นเซฟาโลพอด (สัตว์จำพวกปลาหมึก) และสัตว์มีเปลือกอีกด้วย ถ้าหากว่าไม่สามารถหากินของพวกนี้ได้ พวกมันก็ไม่รังเกียจที่จะกินพวกหญ้าทะเล”
“เห็นแมวน้ำตัวใหญ่ที่สวยงามตัวนั้นไหม? นั่นก็คือตัวที่มีขนสีน้ำตาลครามตัวนั้น คุณโชคดีมากเลยนะครับ พวกมันก็คือแมวน้ำริบบิ้น เพราะว่ารอบคอพวกมันมีเส้นวงแหวนที่ขาวใหญ่คาดอยู่ด้วย แมวน้ำประเภทนี้มีจำนวนค่อนข้างน้อย อีกอย่างพวกมันไม่ชอบการอยู่กันเป็นฝูงด้วย”
เกาะที่ขนาดไม่ใหญ่มากจะมีแมวน้ำอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก มีหลากหลายสายพันธุ์ เจ้าตัวอ้วนท้วมพวกนี้ส่วนมากจะนอนอาบแดดอยู่บนเกาะ อาบจนขนบนตัวเปล่งประกายแวววาวออกมา จนเหมือนกับว่าทาน้ำมันอยู่อย่างไรอย่างนั้น
มีลูกแมวน้ำตัวอ้วนหลายตัวกำลังเล่นหยอกล้อกันอยู่ พวกมันมีขนาดเท่ากับสุนัขตัวเล็กเท่านั้น ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยไขมันที่กระเพื่อมไปมา กลมราวกับลูกบอล
เจ้าตัวเล็กพวกนี้ตะโกนร้อง ‘อาวๆ ’ ออกมาสุดเสียง ตอนเล่นกันอยู่นั้นดูเหมือนกับลูกบอลกลิ้งอยู่ มีลูกแมวน้ำที่ดูไม่ออกว่าสายพันธุ์ไหนตัวหนึ่งขึ้นไปข่วนแมวน้ำที่ตัวโตขึ้นมาหน่อยทีหนึ่ง สุดท้ายโดนแมวน้ำที่ตัวโตกว่านั้นสะบัดตูดไปข้างหลังทีหนึ่ง ทำให้ลูกแมวน้ำกลิ้งลงไปราวกับลูกบอล…
“เฮ้ย เจ้าตัวเล็กนี้น่ารักจริงๆ” ฉินสือโอวยิ้มออกมา
“น่ารัก? ไม่นะ พวกเราไม่มีใครรู้สึกแบบนี้เลย” วิลเลียมส์พูดออกมาอย่างไม่พอใจ “ความคุ้มครองที่รัฐบาลมีให้กับเจ้าขี้เกียจพวกนี้นั้นมากกว่าพวกเราอีก ในปีหนึ่งจะมีกี่วันเชียวที่พวกเราจับปลาได้ แต่พวกมันล่ะ? จับได้ตลอดทุกเวลาเลย”
“คุ้มครอง? คุณบอกว่ารัฐบาลแคนาดาคุ้มครองพวกมันเหรอครับ?” ฉินสือโอวถามกลับ
แม้ว่าเขาไม่อยากจริงจังและก็ไม่อยากโต้เถียง แต่สิ่งที่แคนาดาทำกับแมวน้ำนั้นไม่ถือว่าเป็นการคุ้มครองเลยสักนิด การที่ยอมให้มีการตามล่าแมวน้ำจำนวนมากในทุกปี ยังถือว่าเป็นการคุ้มครองอีกเหรอ?
การล่าแมวน้ำของแคนาดานั้น เป็นรองแค่กิจกรรมล่าแมวน้ำของญี่ปุ่นกับ ’ประเพณีล่าวาฬ’ ของหมู่เกาะแฟโรที่อยู่ในเขตปกครองของเดนมาร์กเท่านั้น
หลังจากได้ฟังคำพูดของฉินสือโอวแล้ว มีชาวประมงคนหนึ่งไม่เห็นด้วย จึงพูดกลับไปว่า “ใช่แล้ว มีคนมาฆ่าพวกมัน ทางรัฐบาลไม่ได้มาคุ้มครองพวกมันเหรอไง? ไม่เลย รัฐบาลออกกฎมาแล้วว่าในหนึ่งปีสามารถออกล่าพวกมันได้สิบห้าวันในช่วงฤดูใบไม้ผลิ แถมยังมีการจัดสรรงบประมาณให้พวกมันอีก นี่ยังไม่เรียกว่าคุ้มครองอีกเหรอ?”
“พ่อหนุ่ม คุณเป็นเจ้าของฟาร์มปลา คงไม่สามารถรับรู้ถึงความปวดใจของพวกเราคนจนได้หรอก ใครจะอยากไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิตกัน? แต่ว่าตอนที่คุณไม่สามารถหาวิธีหาเงินได้แล้ว การไปปล้นธนาคารก็ดูเหมือนเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว”
“พ่อหนุ่ม คุณเคยฆ่าหมูป่าบ้างไหม? ทางรัฐบาลก็ไม่ได้มีการคุ้มครองหมูป่า แต่ทำไมถึงไม่มีคนไปประท้วงล่ะ? ง่ายมาก เพราะหมูป่าสามารถทำลายพืชผลในไร่นา แต่ว่าแมวน้ำไม่สามารถทำลายปลาในฟาร์มปลาหรืออย่างไรกัน? พวกนั้นนี่แหละที่ชอบกินปลาค็อดเป็นที่สุด!”
ฉินสือโอวยักไหล่ แล้วพูดว่า “จุดนี้ไม่มีอะไรให้ต้องเถียงเลย ทุกท่าน ทุกคนต่างก็มีจุดยืนที่แตกต่างกัน ความคิดจึงไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกเราควรจะทำอย่างไร”
คนที่โตแล้วจะพูดถึงแต่ผลประโยชน์ ส่วนเด็กจะสนใจแต่ผิดหรือถูก แต่สำหรับเรื่องนี้แล้ว ฉินสือโอวจำเป็นต้องกลายเป็นเด็กคนหนึ่ง เขายังคงยืนกรานว่ารัฐบาลแคนาดาไม่ควรอนุญาตให้ประชาชนทำการล่าแมวน้ำจำนวนมากแบบนี้
ใช่แล้ว รัฐบาลอนุญาตให้ฆ่าหมูป่าได้ แต่มีตอนไหนกันที่มีคนรวมกลุ่มกันเพื่อพากันล่าหมูป่า?
แต่การล่าแมวน้ำนั้น กลับเป็นการกระทำแบบรวมกลุ่มกันเพื่อการตามล่าเลย
ไลเทคเห็นว่าทุกคนกำลังอารมณ์พลุ่งพล่าน จึงกระทืบเท้าแล้วตะโกนว่า “เฮ้ เพื่อนฝูง ฉันว่านะ พวกเรามาตกปลากันเถอะ ไม่ได้เข้าร่วมการแข่งโต้วาทีเรื่องการคุ้มครองสัตว์เสียหน่อย อีกอย่างพวกเราจะมาเถียงเรื่องนี้กันทำไม? พวกเราก็ไม่เคยฆ่าแมวน้ำเสียหน่อยใช่ไหม? และในนี้ก็ไม่มีใครมาที่เกาะฮิลล์เพื่อฆ่าแมวน้ำด้วยไม่ใช่เหรอ?”
เหล่าชาวประมงพากันยิ้มแล้วพยักหน้า ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าเมื่อกี้ตัวเองออกจะทำตัวเด็กไปหน่อย เขาจะมาโต้เถียงกับพวกคนแก่พวกนี้ทำไมกัน?
เหล่าแมวน้ำหัวกลมตัวอ้วนพากันกระโดดลงน้ำตู้มๆ มุดลงไปในน้ำเพื่อหาอาหาร เหล่าลูกแมวน้ำยังคงเล่นหยอกกันอย่างไร้เดียงสา บนเกาะโขดหินเต็มไปด้วยภาพบรรยากาศที่สุขสันต์
แต่ทว่าความน่ากลัวได้คืบคลานเข้ามาอย่างเงียบๆ ไลเทคยื่นมือไปดึงเสื้อของฉินสือโอว ทำท่าทางให้เขามองไปทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะโขดหิน
เรือหาปลาจอดอยู่ค่อนข้างใกล้ ฉินสือโอวเพ่งตามองไปตรงผิวน้ำใกล้ๆ กับเกาะโขดหิน เห็นมีสัตว์ตัวใหญ่ตัวหนึ่งกำลังโผล่ออกมาช้าๆ
นี่เป็นปลาตัวใหญ่ตัวหนึ่ง หัวสีดำเทาที่โผล่ออกมานั้นมีขนาดใหญ่มาก ฉินสือโอวปล่อยพลังโพไซดอนออกไป ได้รู้ว่าปลาตัวนี้มีความยาวประมาณห้าเมตรกว่า หน้าตาน่าเกลียด ท่าทางดูเทอะทะและเชื่องช้า แม้ว่ามีปากอันใหญ่ยักษ์ แต่มองไปแล้วดูหน้าตาซื่อบื้อ
เมื่อได้เห็นหน้าตาปลาตัวนี้อย่างชัดเจนแล้ว ฉินสือโอวนึกชื่อมันขึ้นมาได้ จึงพูดด้วยเสียงเบาว่า “ฉลามสลีปเปอร์?”
ฉลามสลีปเปอร์มีอีกชื่อหนึ่งว่าฉลามกรีนแลนด์ ทั้งสองชื่อต่างบ่งบอกถึงคุณลักษณะพิเศษทั้งสองอย่างของมัน อย่างแรกคือมันอาศัยอยู่ในน่านน้ำเขตกรีนแลนด์ ส่วนอีกอย่างก็คือท่าทีที่เชื่องช้าราวกับกำลังนอนหลับอยู่ของมัน
ฉลามสลีปเปอร์ตัวนี้ท่าทางเชื่องช้า จากที่มันโผล่ออกมาจากผิวน้ำจนเข้าใกล้เกาะโขดหิน ที่มีระยะสั้นๆ เพียงแค่หนึ่งร้อยกว่าเมตรนั้น มันใช้เวลาว่ายนานถึงห้านาทีเลย
ฉินสือโอวรู้ว่าฉลามสลีปเปอร์ไม่ได้ว่ายช้าเพราะกลัวว่าจะทำให้แมวน้ำที่นอนอาบแดดอยู่ตกใจกลัว แต่ว่ามันว่ายช้าแบบนี้เป็นปกติอยู่แล้ว ในหนึ่งนาทีสามารถว่ายได้ยี่สิบเมตรก็ถือว่าดีแล้ว
แต่ทว่าการเป็นแบบนี้ก็มีข้อดีอยู่ข้อหนึ่ง นั่นก็คือพวกแมวน้ำที่ชะล่าใจพวกนี้ไม่รู้ว่ากำลังมีอันตรายเข้าใกล้ ตัวที่หยอกเล่นกันยังคงเล่นกันอยู่ ตัวที่อาบแดดก็ยังคงอาบแดดต่อไป ส่วนตัวที่กำลังหลับก็ยังคงนอนหลับอยู่
หลังจากฉลามสลีปเปอร์เข้าใกล้เกาะโขดหินแล้ว ก็มีแมวน้ำเทาตัวอ้วนตัวหนึ่งกำลังนอนอาบแดดอยู่ในน้ำ สุดท้ายเมื่อฉลามสลีปเปอร์ค่อยๆ ว่ายเข้าไปใกล้มันแล้ว ก็อ้าปากที่ใหญ่นั้น ‘หมับ’ คำเดียวกัดไปบนตัวของแมวน้ำ!
แมวน้ำที่ได้รับความเจ็บปวดนั้นกรีดร้องออกมา ตามด้วยฉลามสลีปเปอร์ที่ว่ายลงไปในน้ำ และลากเจ้าแมวน้ำตัวนี้ลงไปในน้ำด้วย เหลือไว้แต่รอยเลือดจางๆ ที่สั่นไหวไปมาพร้อมกับคลื่นน้ำ
ฉากนี้ทำเอาพวกแมวน้ำตกตะลึง ความขี้เกียจในตัวของพวกมันก็หายไปด้วยอย่างรวดเร็ว พวกลูกแมวน้ำถูกแม่แมวน้ำคาบไว้แล้วหนีไป เหล่าแมวน้ำตัวผู้ได้ออกมายืนล้อมไว้ทั่วทุกทิศรอบเกาะอย่างกล้าหาญ จากนั้นก็เหมือนกับเกี๊ยวน้ำ กระโดด ‘ตู้ม’ ‘ตู้ม’ ลงไปในน้ำกันทีละตัว
“มีฉากเด็ดให้ดูแล้ว” ไลเทคพูดพร้อมกอดอกแล้วหัวเราะฮ่าๆ ออกมา เหล่าชาวประมงคนอื่นก็พากันชะโงกหน้าลงไปดู ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าลุ้นระทึก
ฉลามสลีปเปอร์มีอีกฉายาหนึ่งว่า ‘จระเข้ในทะเล’ เหตุผลก็คือพวกมันจะเข้าใกล้เหยื่ออย่างเชื่องช้าจากนั้นก็กัดไปที่เหยื่ออย่างแรงแล้วค่อยลากเหยื่อลงไปทรมานในน้ำให้ตายแล้วค่อยกิน พวกมันมีลำตัวค่อนข้างใหญ่ ตัวโตเต็มวัยสามารถโตจนมีความยาวถึงเจ็ดเมตร บวกกับนิสัยที่โหดร้ายดุดัน จึงทำให้มีคู่ปรับในน้ำไม่มากนัก
ช่างโชคร้าย แมวน้ำที่ฉลามสลีปเปอร์ชอบกินเป็นอาหารมากที่สุดนั้น กลับเป็นหนึ่งในคู่ปรับของพวกมัน
อย่าคิดว่าแมวน้ำที่ดูอ้วนท้วมราวกับลูกหมูที่เห็นบนผืนดินนั้นจะไม่ได้เรื่องนะ อย่างไรเสียก็มีคำว่า ‘เสือดาว’ อยู่ในชื่อ (ชื่อในภาษาจีนของแมวน้ำคือเสือดาวทะเล) นอกจากพวกมันจะมีรูปร่างคล้ายเสือดาวแล้ว ยังมีลักษณะนิสัยที่เหมือนกับเสือดาวอีกด้วย
เมื่อได้ลงน้ำแล้ว แมวน้ำทะเลก็คือเสือดาวแห่งท้องทะเลอย่างแท้จริง!
บทที่ 726 สอนปีศาจยักษ์ล่าเหยื่อ
โดย
Ink Stone_Fantasy
เหล่าแมวน้ำตัวผู้ลงไปในน้ำ ฉินสือโอวก็ส่งพลังโพไซดอนไปยังตำแหน่งที่อยู่ใกล้กับฉลามกรีนแลนด์ รอชมศึกใหญ่ครั้งนี้
ความเร็วในการว่ายน้ำของฉลามกรีนแลนด์ยังคงช้าเหมือนเดิม ไม่มีท่าทีดุดันและไร้พ่ายของเผ่าพันธุ์ฉลามเลยสักนิด นั่นก็เพราะอุณหภูมิเฉลี่ยของน้ำทะเลในมหาสมุทรเหนือเส้นศูนย์สูตรนั้นมีเพียงแค่หนึ่งถึงสององศาเท่านั้น ฉลามกรีนแลนด์ที่ต้องทำการปรับอุณหภูมิร่างกาย จำเป็นต้องใช้พลังงานจำนวนมาก พอเป็นแบบนี้พลังงานที่ใช้จะค่อนข้างน้อย ดังนั้นจึงเคลื่อนตัวช้าแบบนี้
ผิดกลับแมวน้ำที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าตัวหน่อมแน้มแห่งท้องทะเล แม้ว่าตอนบนเกาะพวกมันจะมีท่าทีเงอะงะ แต่หลังจากลงน้ำแล้วนั้นแค่พุ่งตัวออกไปทีก็สามารถพุ่งไปได้ไกลเลย ขาทั้งสี่ของพวกมันได้แปรเปลี่ยนไปเป็นไม้พายเรือเหมือนกับเต่ามะเฟือง ที่ขยับทีก็พุ่งออกไปได้อย่างรวดเร็ว
ฉลามกรีนแลนด์ที่คาบแมวน้ำอ้วนที่โชคร้ายตัวนั้นไว้ในปาก ได้ว่ายไปพลางเคี้ยวไปพลาง ท่าทางสบายใจเป็นที่สุด
แมวน้ำเคราที่มีหนวดเล็กๆ ขึ้นอยู่รอบปากได้พุ่งเข้าไปที่หลังของมันเป็นตัวแรก หัวอันกลมมนของมันหดกลับเข้ามา ราวกับทุ่นระเบิด ที่พอระเบิดน้ำทะเลที่เป็นอุปสรรคออกแล้วก็พุ่งชนไปที่ท้องด้านข้างของฉลามกรีนแลนด์
แมวน้ำตัวอื่นก็ตามมาด้วย พากันอ้าปากเผยฟันที่แหลมคมนั้นไล่งับฉลามกรีนแลนด์ ไล่งับเหมือนกับงับกระดูกแท่งใหญ่อย่างไรอย่างนั้น ไม่นานก็กัดผิวหนังที่ด้านหนาของฉลามหลุดออกมาได้
เส้นประสาทรับความรู้สึกของฉลามกรีนแลนด์นั้นไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นปกติเวลาที่เห็นพวกมัน จะพบว่าตัวของพวกมันเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย
แม้ว่ากำลังเจอกับการโจมตีของพวกแมวน้ำ แต่ฉลามกรีนแลนด์ตัวนี้กลับวางมาด ‘อยากทำอะไรก็ทำฉันยังคงกินของฉันต่อ’ ในปากยังคงเคี้ยว ‘หมับๆ ’ ต่อไป ไม่นานก็กัดจนแมวน้ำในปากขาดออกเป็นสองท่อน
เมื่อเห็นแบบนี้ พวกแมวน้ำก็ยิ่งโกรธ เจ้าพวกตัวที่ลงน้ำทีหลังสุดก็พุ่งเข้าไปบ้าง พวกมันพากันล้อมรอบฉลามกรีนแลนด์ไว้แล้วโจมตีพร้อมกัน
เมื่อเป็นแบบนี้ฉลามกรีนแลนด์ไม่สามารถอยู่นิ่งได้แล้ว การที่ร่างกายถูกโจมตีพร้อมกันหลายจุดแบบนี้ แม้ว่าประสาทรับความรู้สึกจะแย่แค่ไหน ก็คงรู้สึกเจ็บสุดจะทนแล้ว มันจึงหันตัวกลับมาอย่างช้าๆ อ้าปากที่ใหญ่ของมันแล้วออกแรงดูด มีแมวน้ำตัวหนึ่งที่ถูกดูดเข้าไปในปากของมันพร้อมกับน้ำทะเลด้วย
ดูเหมือนจะช้าแต่กลับเร็วกว่าที่คิด แมวน้ำเคราที่ดูเหมือนจะต้องจบชีวิตลงในปากของฉลามเป็นแน่แล้วนั้น กลับมีแมวน้ำที่อยู่ข้างๆ ว่ายเข้ามา ชนไปที่ท้องของเพื่อนร่วมฝูงราวกับเดาะบอล มันชนไปที่ข้างลำตัวของเพื่อนจนสามารถหลุดออกไปได้
ฉินสือโอวอดไม่ได้อยากจะปรบมือให้ ช่างเป็นเจ้าตัวเล็กที่ฉลาดเสียจริง
ฉลามกรีนแลนด์ยังไม่รู้ตัว เพราะว่าพวกมันเคลื่อนไหวช้า ทำให้เกิดปรสิตบนตัวได้ง่าย ส่วนตาก็เป็นส่วนที่ปรสิตโจมตีเป็นส่วนหลัก ในส่วนนี้จะมีปรสิตจำพวกโคพีพอดอย่างเช่นหมัดน้ำประเภทต่างๆ อาศัยอยู่เต็มไปหมด
การอาศัยอยู่ของหมัดน้ำจะทำให้ฉลามกรีนแลนด์สูญเสียการมองเห็น ฉลามกรีนแลนด์ตัวนี้มองไม่เห็นรูปร่างของพวกแมวน้ำได้ชัดเจน ส่วนแมวน้ำรอบตัวก็มีเยอะเกินไป จึงทำให้การดมกลิ่นและการสัมผัสที่เป็นเลิศที่พวกมันพึ่งพามาตลอดไม่มีประโยชน์ ทำให้เสียเปรียบในการสู้รบกับแมวน้ำอย่างไม่ต้องสงสัย
ตอนแรกพวกแมวน้ำได้โจมตีจนฉลามกรีนแลนด์หมดท่าแล้ว แต่ว่าไม่นาน ได้มีเงาใหญ่ออกมาจากทั้งสี่ทิศ ฝูงฉลามกรีนแลนด์ปรากฏตัวแล้ว!
ที่ฉลามกรีนแลนด์ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นจระเข้แห่งมหาสมุทร ไม่ใช่เพียงเพราะพวกมันชอบลากอาหารไปกินในน้ำเท่านั้น แต่เพราะพวกมันชอบอยู่กันเป็นฝูงด้วย และชอบส่งตัวแทนออกไปล่อเหยื่อ รอจนเหยื่อเข้ามาในกับดักแล้ว ค่อยเข้าไปล่าเหยื่อกันทั้งฝูงเหมือนกับจระเข้
เหล่าแมวน้ำรับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากล จึงรีบขยับขาทั้งสี่อย่างรวดเร็วเพื่อหนี พวกมันช่างฉลาดมากนัก
ฝูงฉลามกรีนแลนด์เคลื่อนตัวช้าเกินไป จึงยากที่ล้อมพวกแมวน้ำไว้ได้ แต่ว่าพวกมันถนัดในการวางกับดักที่ค่อนข้างรอบคอบ ก็คือทำการปิดทางกลับไปยังเกาะฮิลล์ของพวกแมวน้ำทะเลไว้ เพื่อเป็นการปิดกั้นทางหนีของอาหารบางส่วนไว้
ตำแหน่งของเกาะฮิลล์ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ มันก็เหมือนกับยอดเขาที่โผล่ขึ้นมาจากใต้ท้องทะเล น้ำทะเลรอบๆ ถือว่าลึกพอสมควร จะมีก็เพียงโขดหินแค่ชิ้นเดียวที่โผล่ออกมาจากผิวน้ำ
สภาพภูมิประเทศของมหาสมุทรแบบนี้นั้นหาได้ยากจากที่อื่น แต่รอบๆ เกาะกรีนแลนด์นั้นกลับเต็มไปด้วยเกาะแบบนี้ เพราะว่านี่เป็นเกาะโขดหินที่ถูกสร้างขึ้นโดยภูเขาไฟที่ดับแล้ว และเขตพื้นที่ของมหาสมุทรเขตเหนือที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรนั้น ก็เต็มไปด้วยภูเขาไฟ!
ดังนั้น ที่ที่พวกแมวน้ำและฉลามกรีนแลนด์สู้รบกันนั้น น้ำทะเลลึกมากพอดู
ฉินสือโอวสะกิดใจขึ้นมา จึงเรียกปีศาจยักษ์ที่หิวมาหลายวันแล้วออกมา
เมื่อได้รับคำสั่ง ปีศาจยักษ์ได้เคลื่อนตัวลุกออกมาจากที่ซ่อนตัวอย่างช้าๆ ปลาที่อยู่รอบๆ ต่างก็ตกใจจนพากันหนีเอาชีวิตรอด น้ำทะเลสั่นไหว หินทรายใต้ท้องทะเลพากันปลิวว่อน ในตอนนี้หมึกยักษ์ได้เผยความยิ่งใหญ่ของมันออกมาแล้ว
ฉินสือโอวถ่ายทอดพลังโพไซดอนไปให้บางส่วน ปีศาจยักษ์เหมือนกับลูกขีปนาวุธที่ถูกยิงออกไป หนวดของมันขยับไปมาพร้อมกับพ่นน้ำออกมาจากท่อพ่นน้ำ แล้วตามมาอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าจะห่างกันไกล แต่ฝูงแมวน้ำและฉลามกรีนแลนด์ได้เริ่มตื่นกลัวกันขึ้นมา นี่ก็คือสัมผัสที่หกของสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทร พวกมันมีน้ำทะเลเป็นตัวส่งสัญญาณให้ จึงอ่อนไหวมากกว่าสัตว์บนผืนดินมาก
ฝูงแมวน้ำไม่สนใจการแก้แค้น ฝูงฉลามกรีนแลนด์ก็ไม่สนเรื่องล่าอาหารแล้ว พวกมันต่างก็เลือกทิศทางหนีของตัวเอง แล้วหนีไปทางนั้นอย่างหัวซุกหัวซุน
ปีศาจยักษ์ที่ตามมาทีหลัง ยื่นมือที่ราวกับงูเหลือมทะเลนั้นออกไป ไม่นานก็รัดเข้าไปที่ตัวของฉลามกรีนแลนด์ที่เริ่มการโจมตีตัวนั้น
ฉลามกรีนแลนด์ออกแรงต่อต้านสุดฤทธิ์ แต่ว่าไม่มีผลเลยสักนิด ท่อดูดบนหนวดของปีศาจยักษ์ได้ดูดตัวของฉลามไว้ ตามด้วยขยับหนวดไปมาเพื่อรัดมันเอาไว้
หมึกยักษ์มีฟันก็จริง แต่ว่าได้เสื่อมไปหมดแล้ว เหลือไว้ก็เพียงแต่กระดูกที่แข็งแรงในปากเท่านั้น หมึกยักษ์ล่าอาหาร ปกติจะใช้หนวดอุดไปที่ส่วนจมูกและกรามของปลา เพื่อให้พวกมันขาดอากาศตาย หรือไม่ก็ใช้หนวดที่เต็มไปด้วยพลังนั้นรัดจนกระดูกสันหลังของปลาจนแหลก
แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ก็ค่อนข้างลำบาก ดังนั้นหมึกยักษ์ที่ถึงแม้จะมีร่างกายที่สามารถครองใต้ทะเลลึกได้นั้น กลับไม่เคยครองทะเลได้เลย กลับกันกลับมีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ
ฉินสือโอวมองดูปีศาจยักษ์ที่กำลังต่อสู้อยู่กับฉลามกรีนแลนด์อย่างกินแรงก็ถอนหายใจออกมา แล้วตามไปสอนวิธีการสู้รบให้กับปีศาจยักษ์ด้วยตัวเอง ใช้หนวดแค่สี่เส้นรัดไปที่ตัวของฉลาม เหลือให้ส่วนหัวออกมา จากนั้นก็ทุบไปที่โขดหินใต้ท้องทะเลเต็มแรง ทุบแค่ไม่กี่ที ก็ทำให้หัวของฉลามก็แตกจนตายแล้ว
เหล่าชาวประมงบนเรือมองไม่เห็นสถานการณ์ใต้ท้องทะเล เห็นเพียงแค่มีเลือดโผล่ขึ้นมาไม่หยุด พวกเขาเต็มไปด้วยสีหน้าสงสัย เดาไม่ออกว่าใต้ทะเลนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
แต่ว่าบนเรือพวกเขามีเครื่องโซนาร์สำหรับหาปลาอยู่ ตอนที่พวกฉลามว่ายขึ้นมาจากใต้ทะเลนั้น เครื่องโซนาร์ก็หาตัวพวกมันเจอแล้ว
“อ้อ เชอะ ฉลามกรีนแลนด์เยอะขนาดนี้เลยเหรอ?! ทำไมปลาค็อดถึงสูญพันธุ์ แต่เจ้าตัวประหลาดพวกนี้กลับมีมากแบบนี้เสมอเลยนะ?” วิลเลียมส์ชาวประมงสูงวัยบ่น**ออกมา
ฉลามกรีนแลนด์เหมือนกับปลาทูน่าขาว ต่างก็เป็นปลาทะเลที่พวกชาวประมงเกลียดที่สุด ในตัวปลาทูน่าขาวนั้นมีสารประกอบอินทรีธรรมชาติชนิดหนึ่งที่ชื่อว่าสคอมโบรท็อกซิน เจ้าสารนี้มนุษย์ไม่สามารถย่อยได้ ทำให้ไม่สามารถนำมากินได้
ส่วนฉลามกรีนแลนด์นั้นยิ่งแย่กว่า ในเนื้อของพวกมันมีสารพิษอยู่ มนุษย์ไม่สามารถกินได้ แถมยังมีกลิ่นเหม็นเหมือนฉี่อีกด้วย แม้ว่าจะอยากกินก็กินไม่ลง แน่นอนว่าหมึกยักษ์ไม่สนใจเรื่องนี้ แม้ว่ามันจะกินก้อนหินเข้าไปก็คงย่อยได้อยู่แล้ว
ฉลามกรีนแลนด์ความยาวห้าเมตรกว่านั้นถือได้ว่าเป็นอาหารมื้อใหญ่เลย หมึกยักษ์กินไปได้ไม่ถึงครึ่งก็อิ่มแล้ว มันโยนหัวปลาทิ้งไป แล้วว่ายเลียบใต้ทะเลจากไป
เหล่าชาวประมงเตรียมจะจากไป แต่หัวปลาได้โผล่ออกมาบนผิวน้ำอย่างรวดเร็ว สีหน้าของไลเทคดีใจขึ้นมา แล้วใช้ให้คนใช้ตะขอปลาลากมันขึ้นมา
ฉินสือโอวถามว่านี่จะเอาไปทำอะไรได้ ไลเทคหัวเราะฮ่าๆ ออกมา แล้วพูดว่า “รอวันที่พวกคุณกลับ จะให้ของขวัญชิ้นเล็กกับพวกคุณแล้วกันนะ”
ไปฟาร์มปลาต้องแล่นไปทางตะวันออกเฉียงใต้อีก พวกเหล่าชาวประมงเริ่มพากันหว่านแห ฉินสือโอวเองก็เขาไปช่วยด้วยอย่างขะมักเขม้น เหล่าชาวประมงไม่มีแรงกันแล้ว แรงของเขาคนเดียวทำงานมากกว่าพวกเขาสี่คนรวมกันเสียอีก และยังไม่บ่นอีกด้วย ทำให้ได้ใจพวกเหล่าประมงสูงอายุมามากโข
บทที่ 727 ยิ้มเดียวสยบทั้งบุญคุณและแรงแค้น
โดย
Ink Stone_Fantasy
จากระเบียบการ เหล่าเจ้าของฟาร์มปลาต้องหยุดพักที่เกาะน้ำแข็งอัคคีเป็นเวลาสามวัน ตอนนี้ถึงเวลาต้องเตรียมกลับกันแล้ว
ช่วงเวลาสามวันมานี้ เหล่าเจ้าของฟาร์มปลาได้ลิ้มรสความลำบากกันทุกรูปแบบ เพราะในเกาะเล็กๆ แห่งนี้ของขาดแทบจะทุกอย่าง พวกเขาอยากดื่มเบียร์เย็นๆ ยังต้องขับเรือออกไปซื้อถึงเกาะฝั่งตรงข้าม
จุดนี้ก็เป็นสิ่งลำบากอีกอย่างที่เกาะเล็กๆ นี้กำลังเผชิญอยู่เช่นกัน พวกเขาเพียงแค่อยากจะซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันเท่านั้นยังต้องนั่งเรือข้ามฟากออกไปนอกเกาะ ทุกอย่างยุ่งยากเกินไป แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นอยู่ที่ตัวรัฐบาล เพื่อที่จะรักษาให้ชาวเมืองสามารถใช้ชีวิตที่ปกติต่อไปได้ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องจัดแจงเรือข้ามฟากให้วันละสองรอบ
สิ่งที่เรือผลาญไปก็คือน้ำมัน!
สำหรับคุณลุงคุณป้าในเมืองเล็กแห่งนี้แล้ว สามวันนี้นับว่าไม่เลวเลย พวกเขาชอบความครึกครื้น การมาถึงของเหล่าเจ้าของฟาร์มปลากับพวกนักข่าวได้ทำให้เมืองเล็กที่ตายไปแล้วกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
เหล่าชาวเมืองดูจะต้อนรับพวกนักข่าวมากกว่า ไม่กี่วันมานี้พวกเขามักจะพูดคุยกับพวกนักข่าวไม่หยุด เพื่อเล่าเกี่ยวกับความยากลำบากของพวกเขาให้ฟัง หวังว่านักข่าวจะช่วยพวกเขาได้บ้าง
สุดท้ายตอนจากกัน ไลเทคยังดึงตัวนักข่าวจาก ‘หนังสือพิมพ์ใบเมเปิลออตตาวา’ ไว้แล้วพูดว่า “ความจริงพวกเขาต่างก็ไม่อยากจากที่นี่ไป ในสายตาพวกคุณ ที่นี่แย่มาก แต่ว่าสำหรับคนแก่อย่างพวกเราแล้ว ที่นี่ก็คือบ้านนะครับ! เพราะน้ำและปลาจากเกาะพังๆ นี่แหละที่เลี้ยงชีวิตพวกเรามา!”
“พวกเราไม่ต้องการอะไรมากมาย ดูสิ แค่พวกเรายกส้นเท้าขึ้นมาก็สามารถสัมผัสกับบันไดสวรรค์แล้ว จะให้คนแก่อายุเจ็ดแปดสิบปีหวังอะไรอีกล่ะ? ขอแค่มีของใช้ในชีวิตประจำวัน มีขนมปัง มีน้ำดื่ม มีไฟฟ้า พวกเราก็พร้อมจะใช้ชีวิตที่นี่ต่อไปแล้ว”
หลังจากได้ฟังคำพูดที่เศร้าและหมดหนทางของเหล่าคนแก่แล้ว พวกเจ้าของฟาร์มปลาก็พากันก้มหน้าลงอย่างเงียบๆ จุดนี้พวกเขาให้ความช่วยเหลือคนสูงอายุพวกนี้ไม่ได้
สิ่งที่ฉินสือโอวทำได้ ก็คือเชิญท่านนายกสภาพาลีไปเป็นแขกที่เกาะแฟร์เวล เพื่อดูว่าจะสามารถหาไอเดียที่จะมาพัฒนาเมืองเล็กๆ นี้ได้หรือเปล่า
ตอนที่พวกเขาเตรียมจะขึ้นเรือ คุณลุงวิลเลียมส์วิ่งมา เขาสะพายกระเป๋าสำหรับปีนเขามาด้วยใบหนึ่ง โบกมือแล้วตะโกนว่า “เฮ้ เพื่อน อย่าเพิ่งรีบไป ดูสิ พวกเราได้เตรียมของขวัญเล็กๆ ไว้ให้กับพวกคุณด้วย ไม่รู้ว่าพวกคุณจะชอบหรือเปล่า”
พอเปิดกระเป๋าเป้ออก ข้างในเต็มไปด้วยมีดพกที่สวยงามประณีต
มีดพกพวกนี้ด้ามที่ยาวที่สุดยาวถึงยี่สิบห้าถึงยี่สิบหกเซนติเมตร สั้นที่สุดคือห้าถึงหกเซนติเมตร ด้ามมีดใช้ด้ายไนลอนสีเขียวอ่อนกับเอ็นตกปลาใสพันเอาไว้ ส่วนฝักมีดนั้นทำมาจากหนังฉลาม นิ่มแต่ดูเฉียบคม
มีดพกที่ฉินสือโอวได้เป็นมีดที่มีความยาวสิบห้าเซนติเมตร หลังจากเขาดึงมีดออกจากฝัก พบว่าใบมีดคมกริบ มีร่องเลือดสวยเหมือนดอกไม้บาน แต่วัสดุที่ทำแปลกมาก เหมือนจะเป็นแผ่นกระดูก
“นี่คือ?” ฉินสือโอวเดาออกไปว่า “นี่ทำมาจากฟันของฉลามกรีนแลนด์ใช่ไหมครับ?”
“ใช่แล้ว” คุณลุงวิลเลียมส์พูดพร้อมหัวเราะออกมาอย่างตื่นเต้น “ยังจำหัวฉลามกรีนแลนด์ที่พวกเราเก็บได้บนทะเลได้ไหมครับ? พวกเราจับได้มาอีกตัว จากนั้นก็เลาะฟันของพวกมันออก เอามาทำเป็นมีดพก”
คุณลุงไลเทคก็หัวเราะด้วยแล้วพูดว่า “วัสดุที่ทำอาจไม่ดีเท่าไร แต่ว่าเป็นของขึ้นชื่อในเมืองของพวกเรา เป็นทักษะที่เรียนมาจากชาวอินูเปียต ในการตีมีดนั้นจะใช้น้ำมันเดือดเผา ดังนั้นความคมจึงไม่เลวเลย”
เซอร์จิโอได้รับมีดพกเล่มที่ยาวที่สุด คนอินเดียนแดงชอบอะไรแบบนี้ ดังนั้นพวกชาวประมงจึงให้ด้ามที่ดีที่สุดให้กับเขา
ระหว่างลูบมีดเล่มนี้อยู่ ใบหน้าของเซอร์จิโอได้เผยความตื่นเต้นดีใจออกมา จากนั้นก็ขบฟันไปมาแล้วพูดว่า “เพื่อนผู้สูงอายุทั้งหลาย พวกเรารู้ถึงความลำบากของพวกคุณบนเกาะดี ถ้าหากพวกคุณไม่คาดหวังอะไรสูงแล้วล่ะก็ งั้นผมจะกลับไปเตรียมการ แล้วมาลงทุนเปิดบ่อนพนันที่เมืองของพวกคุณ! ผมคิดว่าถึงตอนนั้นให้พวกคุณทำมาหากินกับนักพนัน คงจะหาเงินได้บ้าง!”
ที่แคนาดากับอเมริกาการพนันไม่ผิดกฎหมาย แต่ว่ารัฐบาลรู้ถึงความเสียหายที่การพนันจะนำมาให้ จึงได้ออกกฎห้ามพื้นที่ที่มีคนมากกว่าจำนวนหนึ่งจะไม่สามารถเปิดบ่อนได้ บ่อนใหญ่ๆ จึงมักจะตั้งอยู่พื้นที่ไกลปืนเที่ยงเสียมากกว่า
ยกตัวอย่างเช่นลาสเวกัสที่มีชื่อเสียงโด่งดังนั้น ก็ได้ตั้งอยู่ใจกลางพื้นที่อ้างว้างไกลผู้คนเช่นกัน แต่ว่าเหล่านักพนันไม่ได้สนใจจุดนี้ สิ่งที่พวกเขาต้องการก็แค่สถานที่สำหรับเล่นพนัน แม้ว่าระยะทางจะยากลำบากราวกับไปหาพระไตรปิฎกที่ชมพูทวีป แต่พวกนักพนันก็สามารถไปได้
ฉินสือโอวมองดูเซอร์จิโอ ในใจรู้สึกดีกับเขาขึ้นมา ความจริงแล้วพวกเจ้าของฟาร์มปลาพวกนี้ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เขาคิด พวกเขาก็เป็นคนเหมือนกัน แค่ว่ามีความขัดแย้งสะสมกับพวกเจ้าของฟาร์มปลาดั้งเดิมไว้มากเกินไป จึงทำให้มีความอคติกับเขาเต็มไปหมด
บัคเคอร์ถอดแว่นกันแดดออกพูดด้วยว่า “ผมทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร เดี๋ยวผมจะเปิดร้านขนมปังเล็กๆ ไว้บนเกาะ แบบนี้ตอนทุกคนอยากกินขนมปังอบใหม่ ก็ไม่ต้องไปไกลขนาดนั้นแล้ว”
เหล่าเจ้าของฟาร์มปลาล้วนก็มีธุรกิจหลักกันทั้งนั้น การจะช่วยเหลือเมืองเล็กเมืองนี้นั้นง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ อย่างเช่นบัคเคอร์เปิดร้านขนมปัง ก็แค่ส่งช่างทำขนมปังกับอุปกรณ์การอบมา ที่นี่มีบ้านเรือนเต็มไปหมด อย่างมากก็แค่ขาดทุนปีละไม่กี่หมื่นดอลลาร์ สำหรับเขาแล้วไม่ถือว่าได้รับผลกระทบอะไรเลย
แต่พวกเขาได้ทำเรื่องดีๆ นี่สิถึงจะควรค่าแก่การนับถือ
แต่กลับเป็นพวกของเจ้าของฟาร์มปลาดั้งเดิมแทนที่ไม่สามารถให้ความช่วยเหลืออะไรได้เลย เพราะความจริงพวกเขาเองก็เป็นชาวประมงเช่นกัน
สุดท้ายแล้ว เพราะพวกของเซอร์จิโอให้ความช่วยเหลือเมืองเล็กแห่งนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของเจ้าของฟาร์มปลาทั้งสองฝ่ายมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ก่อนหน้านี้ที่พวกของแอนดรูว์แค้นเคืองพวกเจ้าของฟาร์มปลาพักร้อนพวกนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะพวกเขาไม่ยอมพัฒนาฟาร์มปลา แต่เพราะมีความแค้นเศรษฐีอยู่ในใจด้วย
ทำไมถึงแค้นใจเศรษฐี? เพราะว่าเหล่าเจ้าของฟาร์มปลาดั้งเดิมคิดว่า เศรษฐีพวกนี้มีเงินแต่ขาดคุณธรรม เป็นไอ้สารเลวที่เลวตั้งแต่หัวจรดเท้า!
แต่เรื่องราวหลังจากนั้นได้พิสูจน์แล้วว่าความจริงไม่ใช่อย่างนั้น พวกเขาทั้งสองฝ่ายก็เพียงแค่เข้าใจผิดกันเท่านั้น
ออกจากเกาะน้ำแข็งอัคคี ก็เท่ากับจบกิจกรรมการเยี่ยมชม ความจริงยังต้องไปที่คาบสมุทรแลบราดอร์เพื่อเยี่ยมชมฟาร์มปลาอีก แต่ทางกรมอุตุทางทะเลบอกว่าพายุหมุนเขตร้อนกำลังมุ่งหน้าไปทางเหนือ และได้เข้าใกล้ทะเลเขตนิวฟันด์แลนด์แล้ว ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน พวกเขาจึงตัดสินใจเดินทางกลับ
สิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนได้เกิดขึ้น นั่นก็คือความสัมพันธ์ของเหล่าเจ้าของฟาร์มปลานั้นดีขึ้นมา ถึงขั้นว่าแอนดรูว์ยอมไปเล่นไฟฟ์การ์ดสตัดกับพวกบัคเคอร์ แล้วก็ชาร์ลส
ภาพนี้เอาทำคนมองรู้สึกอุ่นใจ แต่คนที่จัดกิจกรรมเยี่ยมชมนี้อย่างแมทธิวไม่ได้จัดขึ้นเพื่อสานความสัมพันธ์พวกเขา
สุดท้ายตอนที่ใกล้จะถึงเซนต์จอห์น เขาได้เรียกให้เจ้าของฟาร์มปลาทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องอาหารด้านบนสุดของเรือยอชต์ แล้วพูดว่า “พวกคุณเห็นแล้วใช่ไหม เพื่อน? ดูสิว่าถ้าฟาร์มปลาล่มสลาย เศรษฐกิจของพื้นที่นั้นจะกลายเป็นอย่างไร หลังจากพวกคุณได้รู้ถึงจุดนี้แล้ว คงเข้าใจถึงความตั้งใจของทางสภาการประมงแล้วใช่ไหม? ถ้าหากมีใครปล่อยปละละเลยฟาร์มปลาของตัวเอง งั้นเชื่อผมได้เลย เขาต้องเสียใจแน่นอน!”
เหล่าเจ้าของฟาร์มปลาเงียบไม่ส่งเสียง ครั้งที่แล้วที่แมทธิวพูดคำพูดพวกนี้ ยังมีพวกเขาบางคนที่ไม่สนใจ แต่ตอนนี้ต่างก็พาทำตัวอยู่เรียบร้อยขึ้นมา เพราะว่าสำหรับพื้นที่ที่ต้องพึ่งพาอาศัยทะเลนั้น การที่ฟาร์มปลาล่มสลายเป็นเรื่องที่น่ากลัวจริงๆ
เมื่อได้เห็นว่าทั้งเจ้าของฟาร์มปลาดั้งเดิมหรือเจ้าของฟาร์มปลาพักร้อนต่างก็พากันทำตัวเรียบร้อยอยู่ในความสงบ แมทธิว จินก็ยิ้มอย่างพอใจออกมา การเยี่ยมชมครั้งนี้น่าจะถือว่าจบได้อย่างสวยงาม
ตอนที่เรือยอชต์จอดเทียบท่าเซนต์จอห์นแล้ว ที่ท่าเรือนั้นเต็มไปด้วยเรือนับไม่ถ้วนเทียบท่าอยู่ ตอนนี้บนทะเลเริ่มมีลมแรงพัดมาแล้ว หลังพายุหมุนเขตร้อนมาถึงน่านน้ำเขตนิวฟันด์แลนด์แล้วเจอเข้ากับอากาศเย็นก็เริ่มออกอาการขึ้นมา เฮอร์ริเคนกำลังจะมาแล้ว
ฉินสือโอวพาแมทธิวกับพาลีขึ้นไปบนเรือลาดตระเวนนางนวล เรือเล็กขับไปได้ครึ่งทาง ลมทะเลได้พัดแรงขึ้น น้ำฝนเม็ดโตได้เท ‘ซู่ๆ ’ ลงมาที่หน้าต่างกระจก แรงราวกับเป็นลูกเห็บตกลงมา แรงจนน่าตกใจ
บทที่ 728 ความน้อยใจของบุช
โดย
Ink Stone_Fantasy
หากว่าเป็นตอนที่เพิ่งมาถึงแคนาดา ฉินสือโอวคงกลัวกับสภาพอากาศแบบนี้ แต่หลังจากได้ผ่านประสบการณ์ลมพัดคลื่นซัดมาแล้ว ทำให้เขาในตอนนี้มีหัวใจที่ใหญ่มากดวงหนึ่งแล้ว
ข้างนอกมีคลื่นลมแรงซัดสาดอยู่ แต่ฉินสือโอวที่อยู่ในห้องบังคับการกลับสงบนิ่งเกินใคร เขาดื่มกาแฟร้อนแล้วถามว่า “ช่วงที่ฉันไม่อยู่ ในบ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง?”
“ไม่มีอะไรครับ ก็แค่จำนวนเรือที่มาขโมยปลานั้นนับวันยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ ไอ้เลวพวกนั้น พวกมันไม่กลัวตายกันจริงๆ นะครับ พวกเราได้ทำการออกคำเตือนออกไปแล้ว ว่าฟาร์มปลาของพวกเรามีอาวุธจำพวกจรวดดับเพลิงด้วย แต่ว่าไอ้พวกสารเลวพวกนั้นก็ยังไม่กลัว!”
สีหน้าของนีลเซ็นเต็มไปด้วยหมดหนทาง การปกป้องฟาร์มปลาทำให้พวกเขาปวดหัวหนักมาก แต่ว่าผลลัพธ์กลับไม่ใช่อย่างที่คิด
เหตุผลที่ฉินสือโอวเชิญแมทธิวไปเป็นแขกที่ฟาร์มปลาก็เพราะเรื่องนี้ หลังได้ยินคำพูดของนีลเซ็นฉินสือโอวไม่ได้ออกท่าทีอะไร ยังคงดื่มกาแฟไปพลางมองไปที่ท่านประธานไปพลาง
คนแก่ม้าเก่งมักเจ้าเล่ห์ กระต่ายแก่มักหนีเหยี่ยวได้
แมทธิวแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เขายืนอยู่ที่หน้าต่างมองดูคลื่นน้ำที่ถูกพายุเฮอร์ริเคนทำให้ปั่นป่วน เขามองออกไปอย่างตั้งใจ แถมยังทำสีหน้าและทำเสียงตกใจเป็นครั้งคราวอีกด้วย ทำเอาฉินสือโอวรู้สึกคารวะจากใจ นี่แหละคือนักการเมืองของแท้เลย
แต่ว่าฉินสือโอวมีวิธีจัดการกับแมทธิว เขาถามออกไปตรงๆ เลยว่า “ดูสิ รัฐบาลมักกระตุ้นให้เจ้าของฟาร์มปลาทำการพัฒนาฟาร์มปลา แต่ถึงพวกเราพัฒนาไปจะมีประโยชน์อะไร? เพื่อทำงานให้กับพวกโจรขโมยปลาเหรอ? ถ้าเป็นแบบนี้ ใครที่ยังพัฒนาอีกคนนั้นก็เป็นคนโง่แล้ว!”
จุดนี้เป็นปมของแมทธิว เขาหันตัวกลับมาพูดว่า “ผมเข้าใจสถานการณ์ของคุณ ฉิน แต่ไม่ใช่ว่าทุกฟาร์มปลาจะพบกับปัญหาขโมยปลาที่หนักแบบนี้ มีแต่ที่คุณเท่านั้นที่แจ้งตำรวจบ่อยที่สุด เพราะจากที่ตำรวจไต่สวนพวกโจรขโมยฟาร์มปลาแล้ว พวกเขาบอกว่าที่คุณมีปลาเยอะที่สุด ทำเงินได้ดีที่สุด!”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะครับ?” ฉินสือโอวยิ้มเจื่อนออกมา “นี่มันเป็นหลักการโจรแบบไหนกัน? เพราะว่าบ้านผมมีเงิน ดังนั้นผมจึงสมควรโดนขโมยปล้นเหรอครับ?!”
แมทธิวตบบ่าฉินสือโอว พูดว่า “ได้ข่าวว่าฟาร์มปลาของคุณกำลังทำเรื่องขออนุญาตให้ที่พักอาศัยกับเต่ามะเฟืองใช่ไหมครับ? ผมช่วยคุณแน่นอน สภาการประมงไม่ใช่ศาล สิ่งที่ทำได้จึงมีเพียงเท่านี้”
การคุยกับคนฉลาดช่างง่ายอะไรอย่างนี้ ฉินสือโอวได้รับการยืนยันแบบนี้ก็พอใจแล้ว นี่ก็เป็นจุดประสงค์ของเขาด้วยเช่นกัน เพราะว่าเขารู้ว่าแมทธิวไม่สามารถไปจัดการเรื่องที่ฟาร์มปลาถูกขโมยปลาได้จริงๆ
หลังจากกลับถึงท่าเรือแล้ว วินนี่ได้ยืนกางร่มรออยู่ที่ท่าเรือ ลมทะเลที่บ้าคลั่งกำลังฉีกกัดไปที่ร่มคันนั้น วินนี่กำลังต้านแรงลมด้วยความยากลำบาก สายฝนที่ไหล ‘ซู่ๆ ’ ลงมาได้ทำให้เสื้อผ้าของแอร์โฮสเตสสาวเปียกชุ่มไปทั้งตัว
พวกเจ้าตัวเล็กอย่างหู่เป้าฉงหลัวก็รออยู่ที่นั่นเหมือนกัน บนตัวพวกมันได้ใส่เสื้อกันฝนที่ทำพิเศษไว้อย่างบิดๆ เบี้ยวๆ ฉงต้าอ้วนเกินไป เสื้อกันฝนจึงเล็กเกินไปสำหรับมัน สุดท้ายจึงกันได้แค่ครึ่งเดียว ปล่อยให้ก้นที่อ้วนท้วมนั้นเปียกโชกอยู่กลางสายฝน
ฉินสือโอวเดินต้านแรงลมลงเรือ หู่จือกับเป้าจือลากเสื้อกันฝนแล้ววิ่งเข้ามาอย่างดีใจ พวกมันได้เปล่งเสียงที่ชัดแจ๋วออกมา หางก็สะบัดไปมาจนเสื้อกันฝนถูกเหวี่ยงไปมา หลังจากเข้าใกล้ฉินสือโอวแล้วก็แลบลิ้นออกมาเลียเขา
“เด็กดี เป็นเด็กดีจริงๆ !” ฉินสือโอวนั่งลงเกาเบาๆ ไปที่คอของหู่จือกับเป้าจือ จากนั้นก็พาพวกมันเดินกลับไป ตอนเดินผ่านวินนี่เขากอดเธอไว้ ยิ้มเบาๆ แล้วพูดว่า “ดูสิ ผมกลับบ้านแล้ว”
วินนี่ยิ้มเบาๆ เช็ดน้ำฝนบนเสื้อของเขาออกด้วยท่าทีอ่อนโยนแล้วพูดว่า “ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ ที่รัก”
“ช่างน่าอิจฉาจริงๆ ใช่ไหมครับ” แมทธิวพูดกับพาลี
พาลียิ้มแล้วพูดว่า “แน่นอนครับ คนหนุ่มสาวก็แบบนี้ ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุด นอกจากขนมปังกับเงินดอลลาร์แล้วอะนะ”
เมื่อกลับถึงบ้านพัก ฉินสือโอวจัดแจงห้องพักให้กับแมทธิวกับพาลี จากนั้นก็นั่งอยู่ใต้หลังคาดูฝนตกพร้อมกันกับเจ้าตัวเล็กทั้งหลาย
บุชกับเชสเตอร์ วิลเลี่ยม นิมิตส์พอเห็นฉินสือโอวก็ตื่นเต้นมากมาย พากันยืนอยู่บนไหล่ฉินสือโอวซ้ายตัวขวาตัว พาลีเห็นนกอินทรีหัวขาวกับนกโจรสลัดปรากฏตัวพร้อมกันก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก จึงยื่นมือออกไปอยากจะจับ บุชจึงจิกออกไปทันที ฉินสือโอวรีบตะโกนออกไปว่า “ทำตัวดีๆ !”
ตอนนี้ ปากของบุชได้แตะโดนไปที่มือของพาลีพอดี มันใช้ปากที่เย็นชืดนั้นแตะๆ ไปบนมือ จากนั้นก็หดหัวกลับเข้ามา ใช้หางตาที่ดุดันมองไปทางพาลีทีหนึ่ง เป็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์อย่างมาก
พาลีหัวเราะออกมาสุดเสียง มองไปที่บุชอย่างระมัดระวังแล้วถามว่า “นี่คือนกอินทรีหัวขาวหรือเปล่าครับ?”
ฉินสือโอวอุ้มบุชไว้ในอ้อมกอด ใช้มือสางเอาขนสีน้ำตาลเทาที่ร่วงลงมา แล้วพูดว่า “ใช่ครับ มันชื่อว่าบุช เป็นเด็กที่น่ารักคนหนึ่ง แต่ว่านิสัยค่อนข้างรุนแรง”
บางทีอาจเป็นเพราะพลังโพไซดอน ทำให้บุชเติบโตได้อย่างรวดเร็ว มันอายุยังไม่ถึงขวบ แต่ว่าตา นัยน์ตา ปากกับขาล้วนกลายเป็นสีเหลืองอ่อนแล้ว ขนตรงส่วนหัว คอกับส่วนหางก็เริ่มผลัดขนจนเป็นสีขาว มองดูแล้วสวยงามตระการตามาก
สำหรับนกอินทรีหัวขาวโดยทั่วไปแล้ว การจะโตให้ได้แบบบุชนั้น อย่างน้อยต้องใช้เวลาสี่ถึงหกปี การที่นกอินทรีหัวขาวจะโตเต็มวัยนั้นต้องใช้เวลานานมาก แน่นอนว่า เมื่อพวกมันโตเต็มวัยแล้ว พวกมันก็จะกลายเป็นเจ้าแห่งท้องฟ้าเหนือมหาสมุทร!
ราวกับเข้าใจว่าฉินสือโอวกำลังชมตัวเองอยู่ บุชจึงส่ายหัวไปมาอย่างได้ใจ ร้องกาๆ ออกมาสองที กางปีกทั้งสองออกแล้วใช้ปากจัดการขนของตัวเอง
ตอนที่บุชกำลังจัดการขนของตัวเองอยู่นั้น ก้นของมันจะโด่งไปมา มองไปแล้วน่าหัวเราะมาก ราวกับว่าเจ้าหมอนี่กำลังแสดงโชว์ให้ดูอยู่
ฉินสือโอวสังเกตเห็นแล้ว จึงตบมันไปหนึ่งที ด่าว่า “อายุแค่นี้กลับไม่รู้จักเรียนเรื่องดีๆ ?”
เขานึกว่าการที่บุชทำแบบนี้เพราะอยากจะดึงดูดความสนใจของนกอินทรีหัวขาวเพศเมีย สัตว์ประเภทนกก็อย่างนี้ ท่าทางการหาคู่ของพวกมันนั้นค่อนข้างแปลกประหลาด
บุชงุนงงเล็กน้อย มันร้องกาๆ สองที กระโดดไปมาบนไหล่ฉินสือโอว หมุนหางออก แล้วเริ่มกระดกก้นขึ้นลงไปมา ก้นน้อยๆ นั้นกระดิกไปมาจนน่าหมั่นไส้
ฉินสือโอวจับบุชไว้ให้มันยืนดีๆ บุชมองไปที่ฉินสือโอวอย่างน้อยใจ ยืดคอออกร้องกาๆ สุดเสียง อย่างกับกำลังฟ้องอยู่อย่างไรอย่างนั้น
วินนี่รีบเดินเข้ามา ถามว่า “อะไรกันๆ ทำไมบุชถึงน้อยใจแบบนี้ละคะ?”
ฉินสือโอวชี้ไปที่มันแล้วพูดว่า “ไม่รู้ว่าใครสอนมัน เจ้าสารเลวนี่ทำท่าอวดตัวเองไม่หยุด ส่ายก้นไปมา ช่างน่าโมโหจริงๆ ”
วินนี่มองไปที่ฉินสือโอวด้วยสีหน้าอึ้ง แล้วถามว่า “แค่เพราะเรื่องนี้เหรอคะ?”
ฉินสือโอวทำท่าทางแทบคลั่งออกมา “นี่ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกเหรอ? คุณเคยบอกไม่ใช่เหรอ ว่าควรจะตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ควรให้เด็กๆ ติดนิสัยแย่ๆ …”
“แต่นี่เป็นวิถีของนกอินทรีหัวขาวนะ! ส่วนหางของพวกมันมีต่อมพิเศษอยู่ ต่อมตัวนี้ตอนได้รับแรงกดดันจะปล่อยของเหลวเหมือนน้ำมันออกมา บุชจำเป็นต้องพึ่งน้ำมันพวกนี้ในการทาไปบนขนของมัน แบบนี้ถึงจะช่วยให้ขนกันน้ำแล้วก็รักษาความเป็นระเบียบของขนได้!” วินนี่จ้องมองฉินสือโอวอย่างเอาเรื่องเช่นกัน
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?” ตอนนี้ถึงตาฉินสือโอวอึ้งบ้างแล้ว
วินนี่อุ้มบุชที่กำลังร้องกาๆ อยู่บนพื้นขึ้นมาอย่างปวดใจ ใช้มือกดเบาๆ ไปที่ก้นของเจ้าตัวน้อยนี้ หลังจากเธอปล่อยเจ้าตัวน้อยลงแล้ว บุชก็เริ่มส่ายก้นไปมาอีก จากนั้นก็หันหัวใช้ปากเลียน้ำมันที่กำลังไหลลงไปตามแนวเส้นขน เลียไปทุกที่ที่ปากสามารถสัมผัสถึงได้
ฉินสือโอวรีบใช้มือถือหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต มีเรื่องแบบนี้จริงๆ ด้วย เป็นเขาที่ไม่รู้เรื่องเองจริงๆ ด้วย…
หลังบุชจัดการกับขนเรียบร้อยแล้ว มันกางปีกทั้งสองข้างสะบัดไปมาอย่างแรง จากนั้นก็สะบัดตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ขนทั่วตัวส่งเสียง ‘พรึ่บๆ’ ออกมา มันรีบกลับไปที่เดิม พอเป็นแบบนี้แล้วทำให้ดูเหมือนว่ามันกำลังใส่เสื้อเกราะขนสัตว์สีดำอย่างไรอย่างนั้น
สง่างาม! มีอำนาจ! วางมาด!
บทที่ 729 ลูกไม้การเมือง
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากทำเรื่องน่าอายลงไป ฉินสือโอวรู้สึกแย่ขึ้นมา เขารีบเอาปลามาให้บุชตัวหนึ่งเพื่อถือเป็นการไถ่โทษ
บุชรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของตัวเองได้รับความเสียหาย จึงชูคอไว้ไม่ยอมรับ กางปีกออกบินไปหาวินนี่แทน
วินนี่เอาปลาซาบะตัวเล็กมาตัวหนึ่ง บุชงับเข้าปากไปในคำเดียว ชูคอขึ้นมาแล้วกลืนลงไป จากนั้นก็มองไปที่ฉินสือโอวอย่างวางอำนาจ
พาลีมองดูจนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา พูดว่า “พระเจ้า เจ้าตัวนี้ช่างน่ารักจริงๆ มันฉลาดขนาดนี้เลยเหรอครับ! ผมกล้าพนันเลยว่า มันต้องฟังที่พวกเราพูดเข้าใจแน่เลย!”
บุชยังคงมองเหยียดพาลี เรื่องที่ชัดเจนขนาดนี้ยังต้องพนันอีกเหรอ? มนุษย์คนนี้ช่างโง่จริง!
ฝนยิ่งตกหนักมากขึ้น ราวกับมีคนกำลังเปิดก๊อกน้ำอยู่บนฟ้า และราวกับมีเครื่องพ่นน้ำเทอร์โบนับไม่ถ้วนกำลังยิงไปที่ท้องฟ้าด้านบนเกาะ น้ำที่มากมายได้ไหลลงมาไม่ขาดสาย สุดท้ายฉินสือโอวต้องถึงกับพาพวกชาวประมงไปช่วยกันวักน้ำออกจากบ้านพักด้วย
หู่จือกับเป้าจือยังคงพร้อมเล่นเสมอไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน ฝนกำลังตกลงมาอย่างแรง เจ้าสองตัวนี้กลับวิ่งออกไป นอนกลิ้งเล่นกันในโคลนที่อยู่บนพื้นหญ้า ขนสีทองที่สง่างามนั้นเปื้อนไปด้วยน้ำโคลนอย่างรวดเร็ว ส่วนพวกมันกลับเล่นกันอย่างสนุกสนาน
วินนี่ยิ้มแล้วไปเตรียมน้ำสำหรับอาบให้ หู่จือกับเป้าจือตอนนี้ก็เหมือนกับเด็กอายุเจ็ดแปดขวบ เป็นช่วงวัยกำลังซน พวกมันกำลังอยู่ระหว่างวัยเด็กกับวัยโต ช่างเป็นช่วงที่น่ารำคาญใจเสียจริง
คนที่ดีใจที่สุดก็คือมาสเตอร์ เต่าอัลลิเกเตอร์ สแนปปิ้งที่แท้จริงคือเต่าน้ำจืด เพราะชอบน้ำเป็นพิเศษ ปกติแล้วเต่าตัวเมียจะออกจากน้ำไปขึ้นฝั่ง ก็แค่ตอนที่จะวางไข่เท่านั้น
แต่ว่าบ้านพักอยู่ห่างกับแม่น้ำระยะหนึ่ง พวกมาสเตอร์มักไม่ชอบขยับตัว จะให้พวกมันคลานไปที่แม่น้ำทุกวันนั้นเป็นเรื่องที่ลำบากเกินไป วินนี่จึงจำเป็นต้องวางอ่างน้ำขนาดใหญ่ให้กับมัน ปกติมันจึงคลานไปอยู่ในนั้นแทน
แต่ว่าอย่างไรเสียอ่างน้ำที่มนุษย์สร้างขึ้นก็ไม่มีทางสบายเท่ากับน้ำไหลในแม่น้ำได้ น้ำฝนที่ตกมาจากฝนที่ตกหนักนี้ก็เทียบกับแม่น้ำที่ไหลอยู่ไม่ได้เช่นกัน แต่ก็ยังดีกว่าอ่างน้ำฝีมือมนุษย์มากอยู่ดี
เกาะแฟร์เวลมีสภาพแวดล้อมที่ดี มลภาวะแทบจะเป็นศูนย์ น้ำฝนจึงสะอาดบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก แม้แต่น้ำค้างบนพื้นก็ยังคงสะอาดมากเช่นกัน
มาสเตอร์หาหลุมบนพื้นมาหลุมหนึ่งแล้วคลานเข้าไป หัวหดเข้าไปในกระดอง หลับตาแล้วเริ่มดื่มด่ำทันที
หู่จือกับเป้าจือวิ่งไล่กันไปมา พวกมันพากันกลิ้งไปมาในน้ำโคลนต่างๆ นานา หู่จือไม่ทันระวังได้กระโดดไปบนหลังของมาสเตอร์
มาสเตอร์กระดิกหัวไปมา เมื่อเห็นว่าเป็นหู่จือกับเป้าจือแล้ว ก็ปิดปากที่แหลมราวกับเหยี่ยวที่เพิ่งอ้าออก และเริ่มปรือตาเพื่อดื่มด่ำกับความรู้สึกที่ถูกลมพัดฝนซัดต่อไปด้วยท่าทีที่เกียจคร้าน
ฝนตกหนักมักมาเร็วและไปเร็ว ตอนช่วงพลบค่ำลมฝนก็เริ่มหยุดแล้ว แต่ว่าท้องฟ้ายังคงมืดครึ้มดังเดิม ผืนมหาสมุทรเบื้องหน้าที่กว้างสุดลูกหูลูกตา กลับไม่มีแม้เพียงเสี้ยวลมพัดมา
ฉินสือโอวยืนมองดูมหาสมุทรตรงนอกประตู ในใจรู้สึกเป็นกังวล การที่พายุหมุนเขตร้อนพัดขึ้นฝั่งทางตอนเหนือครั้งนี้ เกรงว่าคงจะทำความเสียหายไว้ไม่น้อยเลย
เหล่าชาวประมงก็รู้ถึงจุดนี้ พวกเขายังคงดูแลเรือที่จอดเทียบท่าที่ท่าเรือไว้ ใช้โครงสำหรับปลูกสาหร่ายทะเลมัดรวมกันไว้อย่างแน่นหนา พากันดูแลเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง
ฉินสือโอวนวดไปที่หน้าผากเบาๆ พูดออกมาอย่างปวดหัวว่า “ภูเขาไฟใต้ทะเลเพิ่งจะระเบิดไปนานแค่ไหนเชียว? พายุบ้านี่ก็มาอีก? หรือว่าปีนี้จะเป็นปีชงของฟาร์มปลาของเรากัน?”
“ปีชง หมายความว่าอะไรครับ?” ชาร์คถามด้วยความสงสัย
ฉินสือโอวเผลอหัวเราะออกมา ปัดมือไปมาแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร ฉันแค่พูดไปเรื่อยน่ะ”
เพราะการมาถึงของลมพายุ ทำให้การท่องเที่ยวบนเกาะปิดตัวลงชั่วคราว วินนี่ที่ไม่มีอะไรทำจึงอยู่บ้านดูแลเจ้าตัวน้อยทั้งหลาย เธอพาหลัวปอเดินออกมา พูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงว่า “ฉิน ถ้าหากพายุหมุนพัดขึ้นมาบนฝั่งของเกาะแฟร์เวล งั้นเกรงว่าสวนองุ่นของเราคงจะเสียหายแน่เลย”
ต้นกล้าองุ่นโตได้ชื่นใจคนมาก ภายใต้การบำรุงของพลังโพไซดอนทำให้โตได้ค่อนข้างแข็งแรง แต่ว่าไม่เพียงพอที่จะต้านกับลมพายุหมุนที่พัดขึ้นฝั่งมาได้อย่างแน่นอน
ฉินสือโอวเองก็หมดปัญญา พ่อตายแล้วแม่แต่งงานใหม่ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนแล้วกันนะ
ผ่านไปสักพัก ชาร์ควิ่งเข้ามาอย่างดีอกดีใจ พูดว่า “ไม่ครับ บอส นี่ไม่ใช่ปีชงของฟาร์มปลาของเราครับ ปีนี้เป็นปีที่ฟาร์มปลาก่อตั้งมาแล้ว 64 ปี ไม่ใช่ตัวประกอบของสิบสองปีครับ”
ฉินสือโอวหมดคำจะพูด เขารู้ว่าชาร์คนั้นวิ่งไปถามเออร์บักอย่างจริงจังถึงความหมายของคำว่า ‘ปีชง’ ดังนั้นจึงอธิบายอย่างคร่าวๆ ให้ฟังว่า ปีชงไม่ได้นับแค่เวลา แต่ยังรวมไปถึงโชคร้ายด้วย
ชาร์คพูดด้วยเสียงจริงจังว่า “นี่อาจะไม่ใช่โชคร้ายนะครับ ขอแค่พวกเราเตรียมตัวดีๆ พายุหมุนลูกนี้ถือว่าดีต่อฟาร์มปลานะครับ”
พายุหมุนลมร้อนมุ่งหน้าไปทางเหนือ นำพามาแต่การเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศ ความกดอากาศสามารถเปลี่ยนกระแสของน้ำในมหาสมุทรได้ แล้วพัดพาพวกสารอาหารต่างๆ จากเขตร้อนและเขตอบอุ่นมาด้วย ดังนั้นทุกครั้งที่พายุหมุนลมหนาวร้อนผ่านไป ฟาร์มปลาจึงมักมีผลผลิตที่มากโข
พาวเวลล์กับพวกเด็กๆ ไม่ได้ไปโรงเรียน เมื่อเห็นที่บ้านมีคนมากันเยอะแบบนี้ พวกเขาจึงทำไอศกรีมกับน้ำผลไม้กันที่บ้านเครื่องดื่ม แล้วนำมาเสิร์ฟให้กับทุกคนดื่มกัน
โทรศัพท์ของเออร์บักดังขึ้นมา เขามองดูทีหนึ่ง ยิ้มแล้วพูดว่า “แฮมเล็ตโทรมาน่ะ ดูท่าเขาจะยังคงไม่ตายใจแฮะ”
ฉินสือโอวกินไอศกรีมแล้วถามออกไปว่า “ไม่ตายใจเรื่องอะไรครับ?”
ฉงต้าลุกขึ้นยืนยื่นอุ้งเท้าออกไปพาดไว้ที่ไหล่เขา ดวงตาคู่เล็กนั้นกำลังจ้องมองไปที่ไอศกรีมตาเป็นมัน พร้อมร้องเสียงอือๆ อูๆ ออกมา
หมีสีน้ำตาลสนใจกับของหวานทุกชนิด ยิ่งไปกว่านั้นไอศกรีมไม่เพียงแต่หวานแถมยังเย็นอีกด้วย ตอนนี้อากาศร้อนอบอ้าวเกินไป วินนี่เองยังคิดจะตัดขนให้กับเจ้าตัวน้อยพวกนั้นเลย
วินนี่ตบไปที่ก้นของฉงต้าทีหนึ่ง แต่ก็ยังคงยื่นไอศกรีมในมือให้กับมัน ฉงต้านั่งลงบนพื้นอย่างดีใจ ตาคู่น้อยนั้นปรือจนเป็นเส้นเดียว แล้วใช้ลิ้นเลียไอศกรีมเข้าปาก
ต้าป๋ายก็มาร่วมวงด้วยแล้วใช้สายตาที่ไร้เดียงสานั้นจ้องไปที่มัน ฉงต้าถือได้ว่าดูแลเพื่อนตัวเองได้ดีทีเดียว มันลังเลสักพักแล้วถุยโคนไอศกรีมออกมาจากปากชิ้นหนึ่ง ต้าป๋ายใช้เล็บหยิบขึ้นมา เอาเข้าปากแล้วกลืนลงไปเลย
เออร์บักออกไปรับโทรศัพท์แล้ว นีลเซ็นที่อยู่ข้างๆ จึงอธิบายว่า “เป็นเรื่องการเลือกตั้งครับ คุณแฮมเล็ตเชิญให้คุณเออร์บักไปเข้าร่วมกับทีมระดมความคิดของเขา แต่คุณเออร์บักไม่ได้สนใจครับ”
ตั้งแต่ตอนอยู่ที่ท่าเรือเซนต์จอห์น ฉินสือโอวก็ได้รู้ว่าบรรยากาศการเลือกตั้งในเมืองนั้นกำลังเข้มข้นอย่างมาก ที่ท่าเรือได้แปะป้ายหาเสียงของแฮมเล็ตไว้ ด้านบนได้เขียนสโลแกนหาเสียงไว้ด้วย ในเมืองนั้นมีมากยิ่งกว่า ไม่ว่าที่ไหนก็เต็มไปด้วยป้ายหาเสียงหมด
หลังเออร์บักกลับมา ฉินสือโอวถามเขาว่ามีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง คุณชายสูงอายุถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วพูดว่า “พลังของพรรคประชาธิปัตย์ใหม่ในนิวฟันด์แลนด์นั้นอ่อนแรงเกินไป ทีมระดมความคิดที่ถูกส่งมาช่วยในการแข่งขันก็ไม่ได้มีความเข้าใจในนโยบายท้องถิ่นกับวิถีชีวิตของประชาชนที่นี่มากนัก ผลลัพธ์ของการเลือกตั้งของแฮมเล็ตก็ไม่ได้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้”
ใจของฉินสือโอวตื่นตระหนกขึ้นมาทันที เขาลงทุนไปตั้งห้าสิบล้านเลยนะ ถ้าหากว่าแฮมเล็ตแพ้การเลือกตั้งขึ้นมา งั้นก็คือความซวยอย่างแท้จริงแล้ว
แต่ท่าทีของเออร์บักนั้นสบายๆ มาก เขาพูดว่า “ไม่ต้องห่วงครับ การเลือกตั้งครั้งนี้แฮมเล็ตมีโอกาสชนะที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ที่เขาขาดก็แค่คนที่จะมาช่วยเหลือเท่านั้น แม้ว่าผมไม่ไปช่วย ความจริงเขาก็ชนะได้นะครับ เพียงแต่ว่าแรงกดดันจะมากเป็นพิเศษเท่านั้น”
เขาหยุดไปสักพัก แล้วก็พูดเสริมต่ออีกว่า “อีกอย่าง ผมต้องไปช่วยเขาอยู่แล้ว”
ฉินสือโอวเข้าใจแล้ว ที่เออร์บักปฏิเสธมาตลอด ก็เพื่อเป็นการยกคุณค่าในตัวเอง และยังเป็นการเพิ่มแรงกดดันไปให้กับทีมระดมความคิดด้วย หากไม่ถึงจุดที่จำเป็นต้องพึ่งเขาจริงๆ เขาจะไม่ไปเข้าร่วมด้วยแน่นอน
แรงกดดันของแฮมเล็ตในตอนนี้ถือว่าหนักมากแล้ว ทางอ็อกเฟอร์กรุ๊ปนั้นได้ประกาศความฝันที่เลื่อนลอยออกมาเป็นจำนวนมาก ทั้งลดภาษี การลงทุน เสริมสร้างเพื่อเพิ่มโอกาสการจ้างงาน ทำให้ได้ใจของพวกนักธุรกิจชนชั้นกลางไปมาก และพลังเหล่านี้แหละที่เป็นแกนหลักของการชนะการเลือกตั้งของเซนต์จอห์นในครั้งนี้
ทางพรรคประชาธิปัตย์ใหม่ยังหาจุดเปลี่ยนไม่เจอ ในคืนนั้นเองที่แฮมเล็ตฝ่าฝนที่ตกกระหน่ำมายังฟาร์มปลา เพื่อมาเชิญเออร์บักไปออกโรงด้วยตัวเอง
บทที่ 730 การต่อสู้ของพี่ใหญ่แห่งฟาร์มปลา
โดย
Ink Stone_Fantasy
แฮมเล็ตพูดออกมาด้วยความเข้าใจอย่างสุดซึ้งในฐานะแขก การที่เขามาที่ฟาร์มปลาในครั้งนี้ เขาได้นำของขวัญมาด้วยจำนวนหนึ่ง แน่นอนว่ามันเป็นของง่ายๆ อย่างพวกผลไม้แช่อิ่ม และหมูแผ่นอะไรพวกนั้น นอกจากนี้ยังมีมูสเค้กที่พึ่งอบเสร็จใหม่ๆ ด้วยอีกหนึ่งก้อน
“เค้กก้อนนี้ภรรยาผมพึ่งจะอบเสร็จใหม่ๆ เธอรู้ว่าผมจะมาที่นี่ จึงตั้งใจให้ผมเอามาให้พวกเด็กๆ ได้ชิม” ในขณะที่แฮมเล็ตส่งของขวัญให้วินนี่เขาก็พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม
ฉินสือโอวแอบมุ่ยปากอยู่ในใจ แฮมเล็ตที่ชอบขอความช่วยเหลือจากคนอื่นที่มาในครั้งนี้แตกต่างออกไป เขารู้จักกับแฮมเล็ตมาปีครึ่งแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับของขวัญจากนายกเทศมนตรีคนนี้
แต่ว่าเมื่อได้รับของขวัญเหล่านี้ ฉินสือโอวรู้สึกเป็นสุขจริงๆ เขายื่นมือออกมารับของ แล้วรีบเอ่ยให้แฮมเล็ตนั่งลง จากนั้นก็รินชาและจุดบุหรี่ให้
เออร์บักนั่งอยู่บนโซฟาอ่านหนังสือพิมพ์ของเขาไปเงียบๆ หลังจากที่อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับนี้จบ เขาก็พับหนังสือพิมพ์ลงช้าๆ ด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย แล้วจากนั้นก็ส่งให้หู่จือเพื่อให้มันคาบเอาหนังสือพิมพ์ลงไปวางไว้ที่ชั้นล่าง ส่วนเขานั้นก็นั่งอยู่ข้างๆแฮมเล็ตและฉินสือโอว
ที่แฮมเล็ตมาวันนี้ไม่ได้มาเพื่อต้องการขอบคุณนักลงทุนอย่างฉินสือโอว แน่นอนว่า อย่างน้อยเขาต้องถือโอกาสนี้มาขอบคุณด้วยเหมือนกัน แต่ว่าจุดประสงค์หลักของเขาคือการมาขอเออร์บักให้ช่วยเรื่องการเลือกตั้งของเขา
โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่า ตอนนี้สถานการณ์ของนายกเทศมนตรีคนนี้ในตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก
เนื่องจากมันไม่เกี่ยวกับเขา ฉินสือโอวจึงได้ปลีกตัวออกมา นีลเซ็นเตรียมเก้าอี้นวมยาวไว้ให้แล้ว เขาจึงออกมานั่งรับลมข้างนอก
หู่จือ เป้าจือ ฉงต้า และหลัวปอพากันเดินลิ้นห้อยตามฉินสือโอวออกมา พวกมันเดินตามมาด้วยท่าทางเกียจคร้าน อากาศนี่ก็ร้อนเป็นบ้า
วินนี่หยิบกรรไกรและมีดของตัวเองเดินตามมาด้วยเช่นกัน เมื่อหู่จือและเป้าจือได้ยินเสียงที่ตามมาทางด้านหลัง มันก็ขยับขาเตรียมจะวิ่งหนี ปรากฏว่าเมื่อได้ยินวินนี่เรียกชื่อของตัวเอง พวกมันทั้งสองตัวหันกลับมาพร้อมกับฉีกยิ้ม จากนั้นพวกมันก็นั่งลงบนพื้นหญ้าเพื่อรอตัดขนอย่างว่าง่าย
สัตว์ป่าไม่ชอบให้คนมาตัดขน นั่นก็เพราะว่านี่เป็นหนึ่งในอาวุธสำหรับป้องกันตัวของพวกมัน โดยเฉพาะหมีสีน้ำตาล
แต่ว่า ฉงต้านั้นเป็นสัตว์ขี้ร้อน วิ่งก็วิ่งอย่างขี้เกียจ หากพวกมันชอบที่จะนอนลงตรงไหนมันก็จะนอนลงตรงนั้นเลย
เมื่อครู่ฝนพึ่งตกลงมา แต่ว่าอากาศก็ยังคงร้อนระอุ ฉินสือโอวนอนถอดเสื้ออยู่บนเก้าอี้นวมยาว ส่วนจิตสำนึกโพไซดอนก็ดำดิ่งลงฟาร์มปลาไป เพื่อไปดูสถานการณ์ของฟาร์มปลา
ราชาปีศาจหมึกกระดองอย่างคราเคนก็ตามมาอยู่ที่ฟาร์มปลาด้วยเช่นกัน การเคลื่อนไหวของมันไม่ได้เชื่องช้าเลย ฉินสือโอวได้ถ่ายพลังโพไซดอนให้มันไปจำนวนหนึ่ง ปรากฏว่าเจ้าหมึกตัวนี้ไม่ได้โดนเรือสำราญทิ้ง แต่มันว่ายมาที่นี่ด้วยตัวเอง
การปรากฏตัวของคราเคนตัวนี้สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ฟาร์มปลา ท่าทีของกุ้งหอยปูปลาที่อยู่ที่นี่เปลี่ยนไป เมื่อคราเคนว่ายน้ำผ่านพวกมัน เหล่าปลาพวกนั้นก็พากันหลบหนีไปยังก้นทะเลด้วยความหวาดกลัว พวกมันจะกล้าเผยตัวออกมาได้อย่างไรกัน?
ยังดีที่คราเคนไม่ชอบอาศัยอยู่บริเวณน้ำตื้น เมื่อมาถึงฟาร์มปลามันก็สำรวจรอบๆ ฟาร์มปลาหนึ่งรอบ จากนั้นก็ว่ายน้ำลงบริเวณน้ำลึกไป
ฉลามแมวทั้งเจ็ดตัวว่ายตามลงไปในบริเวณน้ำลึกอย่างกล้าหาญ พวกมันรู้สึกว่าในฟาร์มปลานี้พวกมันถูกเอาเปรียบเป็นอย่างมาก เฮยป้าหวังรังแกพวกมัน งูเหลือมทะเลก็รังแกพวกมัน พวกไอซ์สเกตก็รังแกพวกมัน สวรรค์มีความเมตตาต่อพวกเขาบ้างหรือไม่?
พอมาคิดดูแล้ว ขนาดของพวกมันก็ไม่ได้เล็กมาก ตัวยาวถึงสองเมตรกว่า อีกทั้งพวกมันก็ได้รับพลังโพไซดอนไปไม่น้อยแล้ว พวกมันแต่ละตัวมีขนาดตัวที่ใหญ่และหางที่ยาว หากเทียบกับมนุษย์พวกมันตัวโตและมีแรงมากกว่าเยอะ
นอกจากนี้ พวกมันยังต่อสู้รวมกันเป็นกลุ่ม แม้ว่าพวกมันทั้งเจ็ดตัวจะทะเลาะกันบ้าง แต่พวกมันก็ยังคงเป็นพี่น้องที่รักใคร่กัน เมื่อต่อสู้กับเสือมีเพียงพี่น้องเท่านั้นที่จะช่วยเหลือกันได้ แต่ใต้ทะเลไม่มีเสือมีเพียงฉลามเสือเท่านั้น เช่นนั้นพวกมันทั้งเจ็ดตัวจะร่วมกันสู้กับฉลามเสือก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรหรอกใช่ไหม?
เช่นนั้นทำไมพวกเขาจะต้องยอมปล่อยให้ตัวเองโดนรังแกด้วยล่ะ? หลังจากที่พี่น้องทั้งเจ็ดช่วยกันคิดวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน ทั้งหมดเกิดจากความกล้าของพวกมันที่ไม่ได้มีมากมายนัก พวกมันจึงไม่กล้าที่จะต่อสู้กับศัตรูที่จัดการได้ยาก ดังนั้นพวกมันจึงรวบรวมความกล้าทั้งหมดแล้วกัดฟันว่ายไปยังบริเวณน้ำลึกของฟาร์มปลาและว่ายวนบริเวณนั้นหนึ่งรอบ
หลังจากที่พวกมันทั้งเจ็ดตัวกลับมาจากการเผชิญหน้ากับพายุหมุนเขตร้อนบริเวณทะเลลึกในมหาสมุทรแอตแลนติก พี่น้องฉลามทั้งเจ็ดตัวก็กลับมาอย่างองอาจ พวกมันต้องการที่จะตอบโต้! ต้องการที่จะปกครองฟาร์มปลา! ต้องการครอบครองฟาร์มปลาแห่งนี้ให้กลายเป็นพื้นที่อาศัยของพวกมัน! พวกมันต้องการลบล้างความอัปยศให้ได้!
เมื่อพวกมันทั้งเจ็ดว่ายน้ำกลับมายังฟาร์มปลา พวกมันก็เห็นเหตุการณ์ในฟาร์มปลาที่กำลังชุลมุนวุ่นวายอยู่ ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าทำให้พวกมันสงสัยว่า ที่นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
พวกสัตว์ทะเลไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่ไม่มีสมอง อันที่จริงแล้วพวกมันมีความคิดที่เรียบง่าย อีกทั้งวาฬเพชฌฆาตและโลมาก็เป็นสัตว์ที่ค่อนข้างฉลาดอีกด้วย พวกมันสามารถมีไอคิวได้เท่ากับมนุษย์ที่มีอายุสิบสี่สิบห้าปี
ฉลามหางยาวสะบัดหางของมันเพื่อส่งข้อความให้แก่พี่น้องทั้งเจ็ดว่า มีหมึกกล้วยน่ากลัวตัวหนึ่งอยู่ที่นี่!
พี่น้องทั้งเจ็ดต่างพากันหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เจ้าพวกบ้านนอก แน่นอนว่าไม่มีทางที่เวลาไปยังบริเวณน้ำลึกแล้วจะไม่เจอหมึกกล้วยเช่นนี้! หมึกกล้วยงั้นหรือ? แม่เอ๊ย ฉันมักจะกินเจ้าพวกนี้เป็นอาหาร แต่พวกแกกลับกลัวมันงั้นหรือ?
พวกมันตะโกนออกมาว่า ‘อย่ารังแกหนุ่มสาวที่ไม่มีทางสู้’ จากนั้นหางของฉลามทั้งเจ็ดก็สะบัดไปมา พวกมันก็พุ่งตัวไปยังบริเวณน้ำลึกด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยไอสังหาร
ฉินสือโอวที่ส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงมาบังเอิญเห็นเหตุการณ์นี้พอพดี เขาสังเกตการณ์ฉลามหางยาวพวกนี้อย่างละเอียด ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยจังนะ เจ้าพวกนี้คงไม่ใช่เหล่าฉลามที่เจอที่แหลมเซนต์ชาร์ลส์หรอกใช่ไหม? ทำไมพวกมันถึงมาที่นี่ด้วยล่ะ?
ใช่แล้ว ฉลามหางยาวก็มาที่นี่ด้วยเช่นกัน ฉลามสายพันธุ์นี้มีแรงแค้นที่รุนแรง พวกมันถูกหลบหนีไปเพื่อเอาตัวรอดจากการถูกหมึกยักษ์ทำร้าย หลังจากที่พวกมันมักจะโดนคู่ต่อสู้ทำร้าย พวกมันก็คิดที่จะแก้แค้นอยู่ตลอดเวลา
หลังจากฉลามหางยาวทั้งเจ็ดว่ายไปมา ไม่นานพวกมันก็เจอเข้ากับคราเคนตัวใหญ่ที่กำลังกินปลาค็อดอยู่เต็มปาก
อันที่จริงแล้วคราเคนนั้นเจอตัวได้ง่ายมาก เวลาที่มันลอยอยู่บนน้ำ ตอนนั้นเงาอันมหึมาของมันก็จะปรากฏขึ้นและปกคลุมไปทั่วบริเวณนั้น!
เมื่อมองดูเงาที่อยู่ตรงหน้าอย่างดีแล้ว สีหน้าท่าทางอาฆาตของฉลามทั้งเจ็ดตัวก็เปลี่ยนมาเป็นหน้าซีดเพราะความกลัวทันที พวกมันจ้องมองไปยังสัตว์ประหลาดขนาดยาวราวกับงูเหลือมขนาดใหญ่ตรงหน้า ในใจของพวกมันคิดเหมือนกันว่า นี่ใช่หมึกกล้วยที่เป็นอาหารของพวกมันจริงเหรอ?!
ฉลามพี่น้องทั้งเจ็ดตัวรู้สึกเหมือนกำลังถูกกลั่นแกล้ง พวกมันว่ายกลับไปหาฉลามหางยาวด้วยอารมณ์ที่ต้องการล้างแค้น แต่ทันใดนั้นเอง ดวงตากลมโตราวกับโคมไฟดวงใหญ่ก็เห็นพวกมันเสียก่อน หลังจากนั้น มันก็ค่อยๆหันหัวมาทางฉลามทั้งเจ็ดตัว
ฉลามทั้งเจ็ดตัวสูดลมหายใจเขาลึกเพราะความกลัว!
โชคดีที่ฉินสือโอวอยู่รอบๆ เขาไม่สามารถที่จะมองดูฉลามโง่ทั้งเจ็ดตัวโดนคราเคนกินไปจนหมดได้ เขาเข้าไปเอาใจคราเคนตัวนั้น เพื่อทำให้มันสงบลงอีกครั้ง
เมื่อสบโอกาส ฉลามทั้งเจ็ดตัวไม่ปล่อยให้โอกาสที่มาถึงนี้หลุดลอยไป พวกมันรีบปิดฉากเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตั้งมั่น โดยการค่อยๆ สะบัดหางของตัวเองหนีออกไป
ฉลามหางยาวมองดูพี่น้องฉลามทั้งเจ็ดที่หนีออกมาอย่างขี้ขลาด แม้ว่าจะไม่ได้ฉลาดมากนักแต่มันก็รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ขี้เกียจจะสนใจฉลามโง่ทั้งเจ็ดนี้แล้ว รีบหนีดีกว่า
การปรากฏตัวของพี่น้องทั้งเจ็ดตัวนี้ทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้น แต่เจ้าของฟาร์มปลาที่แท้จริงนั้นยังอยู่ที่หลังม่านอยู่เลย
การที่คราเคนว่ายน้ำมาไกลขนาดนี้ แสดงว่ามันต้องหิวเป็นอย่างมาก เมื่อมันเข้ามาในฟาร์มปลามันก็เริ่มหาอาหารทันที ตั้งแต่บริเวณน้ำตื้นไปจนถึงน้ำลึก พายุแห่งการนองเลือดก็แพร่กระจายไปทั่ว
ฝีมือของมัน ทำให้ราชาทั้งสี่แห่งฟาร์มปลานั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก
หลังจากผ่านช่วงเวลาอันวุ่นวายมาได้ ฟาร์มปลาแห่งนี้ก็มีการตั้งกฎระเบียบขึ้น และถือเป็นการกำเนิดของราชาทั้งสี่
ราชาองค์แรกคือฉลามขาวตัวใหญ่อย่างเฮยป้าหวัง มันมีความกล้าที่บรรดาปลาทั้งหมด ณ ที่แห่งนี้ไม่มี ทั่วทั้งทะเลลึกแห่งนี้ไม่มีศัตรูหน้าไหนทำร้ายมันได้ มันจึงได้กลายเป็นพี่ใหญ่แห่งบริเวณทะเลลึก
ราชาองค์ที่สองคือพันธมิตรทั้งสามอย่าง บอลหิมะ ไอซ์สเกตและบีน พวกมันเป็นลูกรักของฉินสือโอว พวกมันอยู่ในฐานะของลูกผู้ลากมากดี งานของมันคือการปกครองแนวปะการังอันอุดมสมบูรณ์ ช่างเป็นงานที่สบายเสียจริง
ราชาองค์ที่สามคือพวกที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม นั่นก็คือกั้งตั๊กแตนเจ็ดสี ตอนนี้กั้งพวกนั้นไม่ใช่กั้งตัวอ้วนกลมเล็กๆ ที่น่ากลั่นแกล้งเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ภายใต้การบำรุงโดยจิตสำนึกแห่งโพไซดอน พวกมันโตจนมีน้ำหนักถึงสามสิบกิโลกรัมแล้ว เมื่อพวกมันทุบกล้ามลงไปยังปะการัง เหล่าปะการังพวกนั้นก็อาจเกิดรอยแตกร้าวได้!
ราชาองค์ที่สี่ก็ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง นั่นก็คือพวกงูทะเลที่มีความดุร้ายมากขึ้นไปอีกขั้น พวกมันคือเจ้าแห่งวงการป่าสาหร่ายสีน้ำตาล และยังเป็นผู้ปกครองป่าสาหร่ายนี้ที่บริเวณน่านน้ำทางทิศตะวันตกอีกด้วย ไม่ว่าศัตรูจะมาแบบฉายเดี่ยวหรือมาเป็นฝูง พวกมันก็ไม่หวาดกลัวเลยสักนิด
เมื่อคราเคนมาถึง ฟาร์มปลาแห่งนี้ก็เกิดความบ้าคลั่งขึ้นมา เหล่าราชาทั้งสี่ก็เกิดโมโหขึ้นมาทันที!
บทที่ 731 ราชาแห่งสงคราม
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฝูงกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีเป็นพวกแรกที่รับไม่ได้กับเหตุการณ์นี้ นั่นก็เพราะว่าพวกมันเป็นราชาบริเวณชายฝั่ง บริเวณน้ำตื้นทั้งหมดเป็นที่อยู่อาศัยของพวกมัน หลังจากที่ฉินสือโอวกลับมาจากฟาร์มปลาแกธเธอริง เขาก็ได้นำพวกมันกลับมาด้วย
หลังจากที่ฝูงกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีได้รับพลังโพไซดอน พวกมันก็ฉลาดขึ้นมาเล็กน้อย พวกมันเริ่มยึดอาณาเขต และแบ่งที่อยู่กันตามแนวบริเวณน้ำตื้น
ปรากฏว่าโชคไม่ดี คราเคนนั้นชอบกินพวกแพลงก์ตอน หลังจากที่มาถึงที่ฟาร์มปลามันก็กลืนกินล็อบสเตอร์ไปทันทีหนึ่งคำ อีกทั้งยังมีกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีผู้โชคร้ายตัวหนึ่งปะปนเข้าไปในนั้น ทำให้ล็อบสเตอร์และกั้งตัวนั้นโดนกินไปจนไม่เหลือซาก!
เอาล่ะ เหล่ากั้งตั๊กแตนเจ็ดสีโมโหแล้ว!
พวกมันสัมผัสได้ถึงการบุกรุกของศัตรูได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกมันก็มารวมตัวกัน แล้วพากันว่ายน้ำไปยังบริเวณน้ำลึกอย่างยิ่งใหญ่
กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีมักจะอาศัยอยู่บริเวณก้นทะเลที่มีอุณหภูมิค่อนข้างอบอุ่นไปจนถึงร้อน การที่พวกมันชอบอาศัยอยู่ตามชายฝั่ง ไม่ได้หมายความว่าพวกมันไม่สามารถไปยังบริเวณน้ำลึกได้ โดยเฉพาะเมื่อหลังจากที่ได้รับพลังโพไซดอนแล้วด้วย
อันที่จริงแล้ว แม้ว่าหมึกยักษ์ตัวนั้นจะไม่ได้กินกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีเข้าไป สงครามนี้ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อยู่ดี นั่นก็เพราะว่าอาณาเขตของกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีนั้นแข็งแกร่ง อีกทั้งนิสัยของพวกมันยังดุร้าย เมื่อคราเคนเข้ามาในบริเวณน้ำตื้น สัญชาตญาณการต่อสู้ของพวกมันจึงถูกปลุกขึ้น
นี่คือสาเหตุที่กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีที่สวยงามเหล่านี้ ทำให้ผู้ที่รักสัตว์ทะเลยอมที่จะไม่เพาะเลี้ยงพวกมัน หากว่าพวกมันไปอยู่ในตู้ปลา นั่นหมายความว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่อยู่ในตู้ปลาจะตายทันที
ไม่ว่าจะเป็นกุ้งหอยปูปลา ขอเพียงแค่อยู่ร่วมบริเวณเดียวกันกับกั้งตั๊กแตน รับรองได้ว่าพวกมันได้ถูกกำจัดไม่เหลือซากแน่!
โดยเฉพาะเมื่อตอนนี้เหล่ากั้งตั๊กแตนเจ็ดสีตัวโตขนาดนี้แล้ว โดยธรรมชาติแล้วพวกมันจะมีขนาดที่ยาวได้มากสุดถึงสิบเซนติเมตร แต่ฝูงกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีพวกนี้ เฉลี่ยแล้วมีขนาดยาวยี่สิบเซนติเมตร กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีตัวที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดยาวถึงสามสิบกว่าเซนติเมตร ในสายตาของกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีผู้หยิ่งยโส พวกมันไม่กลัวใครทั้งนั้น!
แต่มีเรื่องที่น่าเสียดายอยู่เรื่องหนึ่ง กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีที่มีจิตใจกล้าหาญ มีเกราะที่แข็งแรง มีก้ามที่แหลมคม จนไม่มีใครหน้าไหนสามารถมาเทียบเคียงได้ แต่พวกมันมีขาที่สั้น ทำให้เดินออกมาจากก้นทะเลได้ช้า…
เหตุการณ์นี้ ทำให้ผู้ที่เข้าไปปะทะกับคราเคนเป็นคนแรกคือเฮยป้าหวัง
ทะเลลึกเป็นที่ของใครกัน? เฮยป้าหวังน่ะสิ! หลังจากการมาถึงของคราเคนผู้ไม่รู้จักกาลเทศะ และยังเข้ามากินอาหารในพื้นที่ของมันอย่างตะกละตะกลามอีกต่างหาก เมื่อเฮยป้าหวังได้ยินถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันก็รีบปรากฏตัวออกมาทันที
ปกติแล้วฉลามมักจะกลัวหมึกยักษ์ แต่เฮยป้าหวังนั้นกลับไม่กลัว
ตอนนี้เฮยป้าหวังถือว่าเป็นหนึ่งในฉลามขาวที่มีขนาดที่ใหญ่อยู่ในอันดับต้นๆ ขนาดตัวของมันยาวราวสิบเอ็ดเมตร ร่างกายอันใหญ่โตมโหฬารของมัน เต็มไปด้วยรอยแผลเป็น ดวงตาของมันดุดันราวกับสายฟ้า เวลาที่แหวกว่ายไปมาในทะเล มันเหมือนกับเรือดำน้ำนิวเคลียร์ ถือได้ว่าเป็นผู้ครองโลกได้เลย!
คราเคนนั้นมีความยาวสิบเจ็ดสิบแปดเมตร ที่สำคัญคือหนวดที่ยาวของมัน เมื่อเทียบกับเฮยป้าหวังแล้ว เฮยป้าหวังถือว่าตัวเล็กกว่าค่อนข้างเยอะ แน่นอนว่าคราเคนตัวนี้ยังไม่ได้โตจนถึงขีดจำกัดของตนเอง หมึกยักษ์สามารถยาวได้มากสุดถึงสามสี่สิบเมตร!
เมื่อได้ประจันหน้ากัน เฮยป้าหวังก็อ้าปากกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคนอันน่ากลัวสยดสยอง มันสะบัดหางไปมา แล้วพุ่งโจมตีราวกับกระทิงบ้าคลั่ง มันว่ายไปรอบๆ คราเคนพลางมองด้วยสายตาดุดัน
คราเคนใช้สายตาอันเย็นชามองตอบกลับเฮยป้าหวัง มันคลายหนวดที่กำลังจับปลาค็อดกิน จากนั้นก็ชิงลงมือโจมตีฝ่ายตรงข้ามก่อน
สงครามระหว่างราชาแห่งทะเลน้ำลึก ได้เปิดฉากขึ้นแล้ว
เนื้อเยื่อที่อยู่ด้านนอกของคราเคนค่อยๆ ขยายตัว ทำให้น้ำทะเลจำนวนมากถูกดูดเข้าไปในเนื้อเยื่อเหล่านั้น จากนั้นมันก็ปลดสลักตัวเองออก เนื้อเยื่อที่อยู่ด้านนอกรวมเข้ากับอวัยวะด้านในปิดกั้นการเข้าถึงอย่างแน่นหนา การทำแบบนี้จะทำให้น้ำทะเลไม่สามารถไหลทะลักออกมาจากเนื้อเยื่อได้
หลังจากนั้นมันก็หดกล้ามเนื้อเนื้อเยื่อด้านนอกนั้นอีกครั้ง น้ำทะเลจำนวนมากที่ได้รับแรงดันถูกพ่นออกมาจากทางช่องว่างตามร่างกาย กระแสน้ำที่พ่นออกมานั้นมีความเร็วสูงเป็นอย่างมาก ทำให้ตอนนี้มันเหมือนกับจรวดที่ถูกปล่อยออกมา
ผลจากปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้คราเคนขนาดใหญ่ตัวนี้ระเบิดพลังออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ภายในเวลาไม่กี่วินาที ร่างของมันก็พุ่งไปข้างหน้าไกลถึงห้าสิบกว่าเมตรแล้ว ฉินสือโอวที่มีจิตสำนึกแห่งโพไซดอนยังคงสามารถสัมผัสถึงคราเคนตัวนี้ได้ หากไม่มีจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไม่แน่ว่าเขาอาจจะไม่สามารถเห็นการเคลื่อนไหวของคราเคนได้อย่างชัดเจนขนาดนี้!
ราวกับว่ามันใช้ความสามารถในการเทเลพอร์ตเพื่อเคลื่อนย้ายร่างกายของมันได้ในชั่วพริบตา ร่างมันวาวของคราเคนได้พุ่งเข้าไปตอนนี้ระยะห่างระหว่างมันกับเฮยป้าหวังนั้นใกล้ขึ้น หนวดนับสิบเส้นของมันกวัดแกว่งไปมา ราวกับงูเหลือมรูปร่างประหลาดกำลังออกมาจากหลุม หนวดพวกนั้นเข้าไปล้อมรอบเฮยป้าหวังจากทุกทิศทาง
เฮยป้าหวังยังคงครองสติได้อย่างดี มันสะบัดหางอันใหญ่โตของมันฟาดกลับหนวดพวกนั้นอย่างรุนแรง แทนที่จะถอยหนีแต่มันกลับอ้าปากกว้างแล้วพุ่งเข้าไปหาคราเคนที่อยู่ตรงหน้า ฟันอันแหลมคมที่ถูกแสงกระทบลงมาจนส่องประกายเหล่านั้น พร้อมที่จะกัดเข้าไปยังหัวของคราเคนอย่างดุเดือด
ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็ได้ปะทะกัน หนวดของคราเคนหดกลับมาตั้งเป็นตาข่ายรองรับอย่างรวดเร็ว ตาข่ายหนวดนั้นจับเฮยป้าหวังได้ทันถ่วงที จากนั้นหนวดเหล่านั้นก็เข้าห่อร่างของเฮยป้าหวังไว้อย่างรวดเร็ว
การโจมตีแบบนี้สามารถใช้ได้กับฉลามขาวทั่วไป แต่กลับเฮยป้าหวังถือว่าแค่นี้ยังไม่พอ นั่นก็เพราะว่าเฮยป้าหวังมีแรงเยอะมหาศาล แม้ว่าเฮยป้าหวังจะถูกหนวดของคราเคนพันร่าง แต่มันก็ยังคงพุ่งไปข้างหน้าทั้งที่มีหนวดพันตัวอยู่ ปากใหญ่กัดเข้าไปยังหนวดเหล่านั้นอย่างบ้าคลั่ง เมื่อคราเคนไม่ทันได้ระวังตัว มันก็ถูกกัดเข้าเต็มแรง!
แต่คราเคนก็ไม่ได้สนใจ หมึกกล้วยมีความสามารถเช่นเดียวกันกับจิ้งจก แขนขาที่ถูกทำลายสามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้ หนวดของมันที่ขาดก็งอกขึ้นมาใหม่ ดังนั้นมันจึงยังคงพันหนวดที่ร่างของเฮยป้าหวังอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่มันไม่ยอมให้ศัตรูเข้าใกล้หัวของมัน…หัวเมื่อขาดไปแล้วไม่สามารถงอกออกมาใหม่ได้นะ!
เมื่อเห็นว่าทั้งสองฝ่ายต่างต่อสู้กันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ฉินสือโอวก็ถอนหายใจออกมา จากนั้นก็รีบส่งพลังโพไซดอนเข้าไปทำให้ทั้งสองฝั่งสงบลง
เมื่อสงครามได้ปะทุขึ้น แววตาของทั้งสองฝ่ายต่างเต็มไปด้วยความอาฆาต แล้วแบบนี้พวกมันจะยอมแยกจากกันง่ายๆ ได้อย่างไร?
พวกมันมักซึมซับพลังโพไซดอนอยู่บ่อยๆ ทำให้พลังของพวกมันนับวันก็ยิ่งมีมากขึ้น ความอาฆาตที่มีนับวันก็ยากที่จะทำให้สงบลง
ฉินสือโอวทำได้เพียงส่งพลังโพไซดอนไปให้พวกมันทั้งสองตัว แล้วควบคุมพวกมัน เพราะแบบนี้เลยทำให้ปากเฮยป้าหวังปิดลง คราเคนก็ดึงหนวดของตัวเองกลับ ในที่สุดบรรยากาศรอบๆ ก็กลับมาสงบลง
แต่เมื่อฉินสือโอวเรียกพลังโพไซดอนกลับ ทั้งสองตัวก็เปิดฉากต่อสู้อีกครั้ง เฮยป้าหวังก็อ้าปากเผยฟันอันแหลมคมราวกับมีดสั้นออกมาอีกครั้ง ส่วนคราเคนก็ปล่อยหนวดออกมาอย่างบ้าคลั่ง ทั้งสองฝ่ายเริ่มโจมตีกันอีกครั้ง
ฉินสือโอวสบถออกมาในใจ แล้วเข้าควบคุมร่างกายของพวกมันทั้งสองตัวอีกครั้ง ครั้งนี้เขาได้บังคับให้เฮยป้าหวังว่ายน้ำออกไปไกลมากขึ้น หลังจากที่เรียกพลังโพไซดอนคืนมาเขาก็ได้ปลูกฝังจิตสำนึกบางอย่างกับพลังโพไซดอนไว้ที่ตัวของมันด้วยเล็กน้อย สิ่งที่ปลูกฝังให้มันคือการรู้จักที่จะรัก ความใจกว้าง ความเป็นมนุษยธรรม โดยจิตสำนึกพวกนี้ก็ได้ส่งให้คราเคนด้วยเช่นกัน
อีกด้านหนึ่ง เขาก็ได้พาคราเคนออกมายังแนวปะการังน้ำลึกที่อยู่ทางทิศตะวันตก
เมื่อเห็นว่าคราเคนปรากฏตัว งูเหลือมทะเลตัวหนึ่งที่คอยดูแลแนวปะการังก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็สะบัดหางที่เหมือนกับใบพัดว่ายไปมา ปากเล็กเผยอขึ้นจนเห็นเคี้ยวที่โผล่ออกมา ราวกับฆาตกรที่แอบซุ่มโจมตีอย่างเงียบๆ
ให้ตายเถอะ ตอนนี้ตัวเองได้กลายเป็นป้าข้างบ้านที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ที่ต้องมาจัดการความขัดแย้งพวกนี้เสียแล้ว! ฉินสือโอวยังคงสบถออกมาในใจ จิตสำนึกแห่งโพไซดอนบอกกับงูเหลือมทะเล หน้าที่นี้ของมันสำเร็จแล้ว ต่อไปไม่จำเป็นต้องคอยดูแลแนวปะการังพวกนี้แล้ว
งูเหลือมทะเลผู้จงรักภักดีตัวนั้น น้อมรับคำสั่ง แล้วจ้องมองไปยังคราเคนเขม็ง จากนั้นก็ว่ายกลับไปยังป่าสาหร่ายด้วยความร้อนใจ คาดว่ามันน่าจะนำข่าวไปบอกกับหัวหน้าของตน
ฉินสือโอวให้คราเคนอยู่ที่นี่เพื่อดูแลแนวปะการังน้ำลึก ประจวบกับห่างไปไม่ไกลที่ก้นทะเลมีภูเขาไฟใต้น้ำอยู่ด้วย ภูเขาไฟลูกนี้หยุดการปะทุไปแล้ว ภูเขาไฟเย็นตัวจนตอนนี้กลายเป็นเกาะขนาดใหญ่อยู่ที่ก้นทะเล คราเคนสามารถที่จะใช้ที่นั่นเป็นที่อยู่ของตัวเองได้
เกาะแนวปะการังพวกนี้ทำหน้านี้กั้นคลื่นใต้น้ำ พวกมันทำให้กระแสน้ำสูงขึ้น แบบนี้เมื่อตอนที่กระแสน้ำสูงขึ้นมันก็พาสารอาหารต่างๆ ที่ก้นทะเลลอยขึ้นมาด้วย อาหารพวกนั้นดึงดูดปลาจำนวนมากให้มาหาอาหารที่นี่ คราเคนก็สามารถหาอาหารได้จากเรื่องนี้ ถือว่าเป็นเรื่องดีทีเดียว
เมื่อแก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้ว ระหว่างที่ฉินสือโอวกำลังกลับ เขาก็บังเอิญพบกับฝูงงูเหลือมทะเลที่มีรังสีอาฆาตอยู่รอบตัว คาดว่าเหล่าน้องชายผู้จงรักภักดีและชอบช่วยเหลือเหล่านี้จะคิดว่าแนวปะการังน้ำลึกถูกรุกราน จึงตั้งใจรวมตัวกันเพื่อทำสงคราม
ฉินสือโอวทำให้เพียงโน้มน้าวพวกมัน จัดการให้พวกมันไม่เข้ามาใกล้บริเวณปะการังน้ำลึกอีกต่อไป จากนั้น เขาที่กำลังจะถึงน่านน้ำบริเวณชายฝั่งก็บังเอิญเจอเข้ากับฝูงกั้งตั๊กแตนเจ็ดสี….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น