หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา 706-711
บทที่ 706 ศึก ณ ดาวศุกร์!
คำสั่งของโยวหรันกระจายไปทั่วฐานทัพบนดาวพุธ เหล่าผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาล คนจากตระกูลไม่รู้สิ้นที่แอบแฝงกายคอยควบคุมผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลก็ทำตามคำสั่งในทันที เพราะผลประโยชน์และความหิวกระหาย สงครามใหญ่ครั้งที่สองก็อุบัติขึ้นในอารยธรรมสหพันธรัฐ!
ศึก ณ ดาวศุกร์ได้เปิดฉากขึ้นแล้ว!
ตระกูลไม่สิ้นและสำนักวังเต๋าไพศาลดูจะมั่นใจในชัยชนะของตน พวกเขาเชื่อมั่นว่าต้องชนะสงครามครั้งนี้แน่นอน เรื่องเดียวที่เป็นกังวลคือจะทำเช่นไรจึงจะสูญเสียน้อยที่สุดแต่ได้มาซึ่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ระเบิดต้านทานวิญญาณของสหพันธรัฐทำให้พวกเขาระแวดระวังเป็นอย่างมาก
พวกเขาตระหนักถึงพลังของระเบิดต้านทานวิญญาณ รวมถึงการที่สหพันธรัฐ…พร้อมเสี่ยงทุกอย่างในสงครามครั้งนี้!
ยกตัวอย่างเช่น…การระเบิดดาวเคราะห์ทั้งดวงเพื่อสังหารศัตรู!
กลยุทธ์ทำลายตนเองที่สร้างความเสียหายให้กับทั้งฝ่ายของตนและฝ่ายของศัตรูสร้างความหงุดหงิดรำคาญใจให้สำนักวังเต๋าไพศาลและตระกูลไม่รู้สิ้น
ซึ่งก็เป็นเหตุผลว่าเหตุใดโยวหรันถึงไม่ได้โจมตีดาวศุกร์อย่างเต็มกำลังในทันทีแม้จะยึดดาวพุธมาได้ เขารอจนเรือบินรบเต๋ามรณะฟื้นฟูสภาพจนถึงจุดที่สามารถเอาชนะพลังระเบิดตัวเองของดาวศุกร์ได้ก่อน จึงค่อยเปิดฉากโจมตี
สหพันธรัฐเองก็รู้ว่าต้องเป็นเช่นนี้ เป้าหมายหลักของศึกครั้งนี้คือหาทางระเบิดดาวศุกร์ให้ได้ และสร้างความเสียหายต่อสำนักวังเต๋าไพศาลให้ได้มากที่สุด
เป็นเรื่องยากที่จะทำเช่นนั้น แม้จะเตรียมการมาพร้อมสรรพแต่พวกเขาก็ยังไม่มั่นใจว่าจะทำได้สำเร็จ หากระเบิดเร็วเกินไป พลังทำลายตัวเองอาจกลายเป็นของสูญเปล่า แต่ถ้าช้าเกินไป…ก็อาจเสียโอกาสในการสั่งระเบิดไปเลยก็เป็นได้
เพราะเหตุนี้หลี่ซิงเหวินและต้วนมู่ฉีจึงเรียกปราการดวงจันทร์มาเพื่อต้านเรือบินรบของโยวหรันและเปิดโอกาสให้ระเบิดดาวศุกร์
ทางสหพันธรัฐรายงานให้หวังเป่าเล่อทราบทันทีที่พบการเคลื่อนไหวของกองทัพสำนักวังเต๋าไพศาลและตระกูลไม่รู้สิ้น พวกเขาเร่งชายหนุ่มเพื่อให้มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะมาถึงได้ทันเวลา
หลี่ซิงเหวิน ต้วนมู่ฉี และผู้นำคนอื่นๆ สั่งให้ผู้ฝึกตนสหพันธรัฐและเรือบินรบทั้งหมดถอยกลับมาตั้งแนวป้องกันรอบดาวศุกร์ แนวป้องกันที่แข็งแกร่งเก้าแถวตั้งเรียงรายรอฟังคำสั่งต่อไป กลไกทุกอย่างเปิดทำงาน วงแหวนปราณและวัตถุเวททางการทหารขนาดใหญ่จำนวนมากเปิดทำงานเตรียมไว้เช่นกัน
กลุ่มย่อยมากมายของผู้ฝึกตนนับหมื่นกระจายอยู่ในห้วงอวกาศรอบดาวศุกร์ พวกเขาคือดาบแรกในศึกครั้งนี้ โดยมีประมุขสำนักสวีจากสำนักรุ่งสางจักรพิภพและต้นไม้ยักษ์เป็นคนนำทัพ
เหล่าผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณมีหน้าที่คุมเหล่ากลุ่มย่อย หลี่ซิงเหวินรับผิดชอบการเปลี่ยนแนวป้องกัน ส่วนต้วนมู่ฉีคอยคุมจังหวะการรบ
นอกจากนี้ยังมีเฟิ่งชิวหรันที่เป็นผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณเพียงคนเดียวประจำอยู่ในฐานทัพ หลังจากพักผ่อนอยู่นาน พลังปราณของนางก็ฟื้นฟูจนเกือบจะครบสมบูรณ์ ภารกิจของนางคือใช้พลังเสริมจากระบบสุริยะและเคล็ดวิชาของตนเองสร้างร่างแยกจำนวนมากออกมาต่อกรกับเหล่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณของตระกูลไม่รู้สิ้น!
เป็นหน้าที่อันหนักอึ้งที่สุดแสนจะสำคัญ!
ขณะที่ดาวศุกร์ตั้งแนวรับเต็มกำลัง กองทัพสำนักวังเต๋าไพศาลก็เคลื่อนทัพออกจากดาวพุธ เหล่ากองทัพมารวมพลและตั้งเป็นแนวโจมตีมุ่งหน้าตรงไปยังดาวศุกร์ วันที่ทั้งสองกองกำลังจะเข้าปะทะกันเริ่มใกล้เข้ามา ในห้วงอวกาศระหว่างโลกและดาวศุกร์ หวังเป่าเล่อกำลังคุมปราการดวงจันทร์มุ่งหน้าไปหาดาวศุกร์ เขาต้องเผชิญกับเรื่องที่ยากจะตัดสินใจได้
“เจ้าเมืองหวัง ด้วยความเร็วของดวงจันทร์ในตอนนี้ พวกเราต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสัปดาห์ถึงจะเข้าไปใกล้แนวป้องกันของดาวศุกร์ได้!”
“ถึงจะยอมเสี่ยงทุกอย่างและเร่งเครื่องจนเกินกำลังก็ร่นระยะลงมาเต็มที่ได้แค่สิบวันถ้าทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น การใช้เครื่องยนต์อย่างหนักมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เครื่องไม่เสถียร…ถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมา ดวงจันทร์อาจทลายลงได้ขณะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง”
หวังเป่าเล่อที่อยู่ในศูนย์บัญชาการมีสีหน้าเคร่งเครียดขณะฟังการรายงาน
หลี่ซิงเหวินบอกเขาว่าให้มาถึงภายในสองสัปดาห์ แต่ชายหนุ่มก็รู้ดีว่าในสนามรบนั้นไม่สามารถคาดการณ์อะไรได้ ถ้าโชคดีก็คงไม่เกิดสิ่งไม่คาดคิด แต่ถ้าสำนักวังเต๋าไพศาลและตระกูลไม่รู้สิ้นมาถึงเร็วกว่าที่คาดไว้และเริ่มโจมตีก่อนที่ปราการดวงจันทร์จะไปถึง สหพันธรัฐจะต้องตกที่นั่งลำบากแน่
พวกเราต้องไปถึงให้เร็วที่สุด… หวังเป่าเล่อหรี่ตาที่ฉายแสงแห่งความมุ่งมั่น เขารีบสั่งให้เตรียมพร้อมรับมือกับการเร่งเครื่องยนต์เกินขีดจำกัด กลุ่มผู้ฝึกตนในศูนย์บัญชาการดูลังเลใจเมื่อได้ยินคำสั่งแต่ก็เลือกที่จะทำตาม ดวงจันทร์ที่กำลังเคลื่อนผ่านห้วงอวกาศพลันสั่นไหวเมื่อเครื่องยนต์ถูกเร่งพลังเพิ่มอีกครั้ง ก่อนหน้านี้มันเคลื่อนที่ไปด้วยแรงส่งที่ปล่อยออกมาเป็นครั้งคราว แต่ตอนนี้ได้แรงส่งอย่างต่อเนื่องพาขับเคลื่อนไปด้านหน้า
เสียงกัมปนาทดังสนั่นทั่วดวงจันทร์เมื่อความเร็วเพิ่มสูงขึ้นทวีคูณ คลื่นพลังงานพัดกระจายไปไม่หยุดขณะดวงจันทร์พุ่งตรงไปหาดาวศุกร์
เวลาผ่านไป ประชาชนชาวสหพันธรัฐต่างจับจ้องไปยังดาวศุกร์ไม่วางตา ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่บนโลกหรือดาวอังคารล้วนพุ่งความสนใจไปที่การต่อสู้ ณ ดาวศุกร์ที่กำลังจะเกิดขึ้น พวกเขาเฝ้ามองด้วยความทุกข์ที่ซุกซ่อนความหวังอยู่ภายใน
หกวันบนโลกผ่านไป ในวันที่เจ็ด ศึก ณ ดาวศุกร์ก็เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ!
วังวนขนาดใหญ่นับสิบวงปรากฏขึ้นเหนือแนวป้องกันดาวศุกร์ ในวังวนมีสีสันหลากหลาย เรือบินรบสำนักวังเต๋าไพศาลเคลื่อนตัวออกมาจากแสงสีที่ส่องสว่างเหล่านั้น!
กองทัพกลุ่มแรกของตระกูลไม่รู้สิ้นและสำนักวังเต๋าไพศาลคือกองทัพเรือบินรบเต๋าไพศาล พวกมันพุ่งเข้าไปหาแนวป้องกันที่เก้าที่อยู่ด้านนอกสุด
ดาวศุกร์ที่รายล้อมด้วยเรือบินรบสหพันธรัฐจำนวนมากดูพร่ามัวไปจากลำแสงที่พุ่งมาจากวงแหวนปราณและประกายแสงของวัตถุเวท การต่อสู้เปิดฉากขึ้นทันทีที่กองทัพชุดแรกของสำนักวังเต๋าไพศาลมาถึง!
เป็นการต่อสู้อันดุดันและเดือดจัดขึ้นจนถึงขีดสุดเมื่อกองกำลังทั้งสองเข้าปะทะกัน กลุ่มต่อสู้ที่นำโดยต้นไม้ยักษ์และประมุขสำนักสวีเผชิญภัยอันตรายครั้งยิ่งใหญ่ เรือบินรบที่ขนาบสองข้างส่งเสียงดังสนั่นเมื่อเปิดฉากยิง กองทัพผู้ฝึกตนจากสำนักวังเต๋าไพศาลพุ่งออกมาจากเรือบินรบ ความกระหายอยากได้แต้มการรบสั่งการให้พวกเขาเข้าโจมตี เสียงปะทะกันดังก้องไปทั่วอวกาศ บริเวณแนวป้องกันที่เก้าเกิดการระเบิดสนั่นหวั่นไหวหลายระลอก
กองทัพสำนักวังเต๋าไพศาลเป็นเหมือนตั๊กแตนที่กัดกินแนวป้องกันของสหพันธรัฐ พวกเขาไม่ต่างจากคลื่นยักษ์ที่ผลักสหพันธรัฐให้ล่าถอยออกไปเรื่อยๆ แนวป้องกันชั้นที่เก้าตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง แม้ฝั่งสหพันธรัฐจะคอยปรับเปลี่ยนรูปแบบกองกำลังอย่างต่อเนื่องก็ไม่สามารถต้านพลังที่เหนือชั้นกว่าอย่างเห็นได้ชัดได้ แนวป้องกันชั้นที่เก้าเริ่มจะทลายลง
พลังจากวงแหวนปราณและอาวุธเวทยังถูกปลดปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง คลื่นคาถายิงแหวกผ่านห้วงอวกาศ ลำแสงเจิดจ้ามากมายระเบิดขึ้นกลางสนามรบ ผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐบางคนเลือกระเบิดพลีชีพตัวเอง จำนวนผู้เสียชีวิตพุ่งสูงขึ้นภายในระยะเวลาสั้นๆ ตั้งแต่การต่อสู้เปิดฉาก
ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณคนหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในร่างของผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลปรากฏตัวขึ้น เขาคือหนึ่งในผู้ฝึกตนในกลุ่มที่เข้าโจมตีหวังเป่าเล่อและหนีไปได้เพราะโยวหรันมาช่วยไว้ได้ทันเวลา การปรากฏตัวของเขาเป็นเหมือนลูกธนูแหลมคมที่พุ่งผ่านแนวป้องกันที่เก้าเข้ามา และขณะที่กำลังจะพุ่งผ่านไปได้ เฟิ่งชิวหรันซึ่งได้รับคำสั่งมาก็สร้างร่างแยกทะยานออกไปปะทะกับผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณจากตระกูลไม่รู้สิ้นคนนั้น ทั้งสองเปิดฉากต่อสู้กันในทันที!
การต่อสู้ปะทุเดือดจนถึงขั้นสุด ทันใดนั้นวังวนนับสิบก็ปรากฏเพิ่มในห้วงอวกาศ กองทัพสำนักวังเต๋าไพศาลชุดที่สองเดินทางมาถึง สถานการณ์ในสนามรบเปลี่ยนไปอีกครั้ง!
ต้วนมู่ฉีเห็นภาพรวมของสถานการณ์ทั้งหมดผ่านวงแหวนปราณระบบสุริยะ ผู้ฝึกตนในสนามรบที่อยู่ทัพหน้าและในกลุ่มย่อยไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ภาพรวมเป็นอย่างไร รู้เพียงแค่ว่า…ต้องสู้ต่อไป!
เจ้าเยี่ยเหมิง หลี่อู๋เฉิน กงเต๋า และคนอื่นๆ อาจไม่ได้ร่วมต่อสู้ในทัพหน้า เพราะอยู่ในกองกำลังช่วยเหลือ แต่พวกเขาต่างก็ตาแดงก่ำด้วยความคลั่งขณะคอยสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง สนามรบเต็มไปด้วยเสียงปะทะดุดันที่ไม่มีทีท่าว่าจะจบลง
ระหว่างที่การต่อสู้กำลังคุกรุ่น หวังเป่าเล่อก็มุ่งหน้าไปยังสนามรบด้วยความเร็วสูงสุด สิทธิ์การเข้าถึงที่มีทำให้ชายหนุ่มทราบว่าศึก ณ ดาวศุกร์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว หัวใจของเขาเต้นถี่ด้วยความกังวล เหล่าผู้ฝึกตนในปราการดวงจันทร์ได้คำนวณดูแล้วว่าจะต้องใช้เวลาอีกสี่วันจึงจะไปถึงสนามรบได้ด้วยความเร็วในปัจจุบัน
สี่วัน…จะทันไหม หวังเป่าเล่อเงียบไปครู่หนึ่ง แสงแห่งความมุ่งมั่นฉายขึ้นในดวงตา เขารออีกสี่วันไม่ได้ ไม่อยากจะเสี่ยงว่าดาวศุกร์จะทนรับมือต่อไปได้สี่วัน
หากเกิดอะไรไม่ดีขึ้นในสนามรบ ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป เขาจะต้องไปถึงสนามรบให้เร็วที่สุดและใช้พลังปราการดวงจันทร์พร้อมกับพลังของตนเข้าต่อสู้ นี่คือทางที่ดีที่สุดที่จะสร้างความได้เปรียบให้สหพันธรัฐ
ทุกคนในศูนย์บัญชาการประจำปราการดวงจันทร์เห็นความมุ่งมั่นในแววตาของหวังเป่าเล่อก็พอจะเดาได้ว่าชายหนุ่มคิดอะไรอยู่ ผู้ฝึกตนคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้นด้วยสีหน้าบูดเบี้ยว
“เจ้าเมืองหวัง นี่คือแรงขับเคลื่อนเต็มกำลังของปราการดวงจันทร์แล้ว…”
“ไม่จริง!” หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้น ในตาฉายแสงแปลกไป เขาหายวับไปท่ามกลางสายตาตื่นตกใจของฝูงชน ก่อนจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งกลางอากาศ ชายหนุ่มมองไปยังที่พำนักของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรี จากนั้นก็กุมมือโค้งคำนับพร้อมกับพึมพำขึ้น “ศิษย์พี่เฉินโม่เฟิง…ข้าขออภัยที่ต้องรบกวนการพักผ่อนของท่าน!”
หวังเป่าเล่อปลดปล่อยพลังเมล็ดดูดกลืนเต็มกำลังอย่างไม่ลังเลใจ ดอกบัวสีเขียวในกายกวัดแกว่งไปมาอย่างรุนแรง เมล็ดบัวเมล็ดหนึ่งจากนับร้อยพลันระเบิด!
ทันใดนั้น ลึกลงไปในถ้ำของดวงจันทร์ ราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีที่กำลังหลับใหลอยู่…ก็ลืมตาตื่นขึ้น!
บทที่ 707 ควบคุมศพ!
หวังเป่าเล่อเคยใช้เมล็ดดอกบัวควบคุมราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีมาก่อน ระหว่างการต่อสู้ในเขตจันทราเวท ชายหนุ่มบังเอิญใช้เมล็ดดอกบัวสั่งการให้ราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีสังหารเฉินหุย ศิษย์สำนักรุ่งสางจักรพิภพภายในชั่วพริบตา!
สหพันธรัฐเองก็สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ บางคนคิดว่าน่าจะต้องเกี่ยวข้องกับหวังเป่าเล่อ แต่ก็ไม่พบหลักฐานใดๆ อีกทั้งชายหนุ่มยังไม่ได้เป็นที่สนใจมากเหมือนในตอนนี้
นั่นคือครั้งแรกที่หวังเป่าเล่อเข้าควบคุมราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีได้สำเร็จ ส่วนครั้งที่สองนั้นเพิ่งจะผ่านไปได้ไม่นาน ความสำเร็จทั้งสองครั้งทำให้เขารู้สึกมั่นใจว่าเมล็ดดอกบัวมีพลังในการควบคุมราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรี
เขาวางแผนเอาไว้ว่าเมื่อไปถึงสนามรบจะใช้พลังเมล็ดดอกบัวในจังหวะที่สำคัญที่สุด เพื่อจะได้ช่วยสหพันธรัฐให้ได้เปรียบในการต่อสู้ แต่…เหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่สามารถทนรอได้อีกต่อไป
หลังจากพิจารณาตัวเลือกต่างๆ ในที่สุดหวังเป่าเล่อก็เลือกปลดปล่อยพลังควบคุมราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีอย่างไม่ลังเลใจ เขาบีบเมล็ดดอกบัว พลันราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีก็ลืมตาตื่น เสียงกัมปนาทดังขึ้นจากอสูรที่หลับใหลอยู่ ส่งดวงจันทร์ทั้งดวงสั่นสะเทือน
แม้ดวงจันทร์จะกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด แต่มันก็สั่นไหวไปเล็กน้อยเพราะเสียงคำราม เหล่าผู้ฝึกตนบนดวงจันทร์ต่างตื่นตกใจ หัวใจพวกเขาเต้นถี่รัวด้วยความหวั่นเกรง
ยังไม่ทันจะหายตกใจ ผืนดินใต้เท้าก็สั่นไหวอีกครั้ง ลึกลงไปในถ้ำของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรี มือขนาดมหึมาที่หลังมือมีผนึกสีเขียวมากมายประทับอยู่กำลังเอื้อมออกมาจับขอบถ้ำ ผืนดินเริ่มยุบตัวลงด้วยแรงกดจากฝ่ามือดังกล่าว ร่างขนาดใหญ่ยักษ์ของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีโผล่ออกมาจากถ้ำและพุ่งขึ้นสู่ท้องนภา!
เขาพุ่งขึ้นไปได้ไม่ไกลนัก เสียงโซ่ก็ดังก้องไปทั่ว ราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีหยุดชะงักกลางอากาศจากโซ่ตรวนที่ล่ามตรึงไว้ ดวงตาเริ่มแดงก่ำ เขาเงยหน้าขึ้นฟ้าพร้อมกับร้องคำรามอย่างเกรี้ยวกราด
เสียงคำรามกึกก้องพัดกระจายไปทั่วท้องฟ้า หวังเป่าเล่อลอยอยู่กลางศูนย์บัญชาการ เหล่าผู้ฝึกตนที่กำลังตื่นตกใจได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังขึ้น
“ฟังคำสั่ง ปรับอัตราส่วนแรงผลักและเปลี่ยนจุดแรงขับเคลื่อนไปยังด้านมืดของดวงจันทร์ เตรียมตัวส่งแรงผลักอีกครั้ง!”
กลุ่มผู้ฝึกตนส่งเสียงฮือฮาเมื่อทราบว่าหวังเป่าเล่อกำลังจะทำอะไร คลื่นความรู้สึกถาโถมเข้าสู่ดวงใจจนต้องโพล่งออกมาด้วยความตื่นตะลึง
“เขาพยายามจะใช้ราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีเป็นตัวขับเคลื่อนดวงจันทร์หรือ”
“เจ้าเมืองหวังสามารถควบคุมราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีได้จริงๆ ด้วย!”
ท่ามกลางเสียงฮือฮา หวังเป่าเล่อก็บีบเมล็ดดอกบัวอีกเมล็ดอย่างไม่ลังเลใจและส่งคำสั่งที่สองไปยังราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรี!
เมื่อส่งผ่านคำสั่งไป ชายหนุ่มก็รู้สึกเหมือนกับว่าตนได้กลายร่างเป็นราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรี คำสั่งเมื่อครู่คือสิ่งที่คิดอยู่ในหัว ทันทีที่ความคิดนั้นถูกส่งผ่านออกไป ราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีที่กำลังร้องโหยหวนอยู่ก็ตัวสั่นเทิ้ม ดวงตาเริ่มฉายแสงผิดแปลกไป
แสงดังกล่าวเป็นเหมือนดวงตาอีกคู่ที่กำลังมองผ่านดวงตาของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรี…ดวงตาอีกคู่ที่ว่าเป็นของหวังเป่าเล่อ!
ราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีขยับร่างไปมา ก่อนจะคำรามลั่นพร้อมพุ่งทะยานขึ้นฟ้าด้วยความเร็วเต็มพิกัด พละกำลังของเขาถูกฉุดรั้งไว้ด้วยโซ่ตรวนที่ล่ามอยู่ พลังของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีเคลื่อนผ่านโซ่ตรวนลงไปสู่ดวงจันทร์ ฉุดกระชากดวงจันทร์ด้วยพลังที่เทียบเท่ากัน
ดวงจันทร์ปรับแรงส่งพร้อมกันภายใต้คำสั่งของหวังเป่าเล่อ แรงขับเคลื่อนเต็มพิกัดผสานเข้ากับแรงดึงของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีก่อให้เกิดเสียงกัมปนาทก้องไปทั่วพื้นที่ ผืนดินสั่นไหวและเริ่มปริแตก ดาวบริวารดวงนี้กำลังจะทลายออกเป็นเสี่ยงๆ ทันใดนั้น ปราการดวงจันทร์ก็ปะทุความเร็วขึ้นทันใด!
ความเร็วที่ปะทุขึ้นนั้นสูงกว่าความเร็วตั้งตนของดวงจันทร์หลายเท่า ดวงจันทร์พุ่งไปในห้วงอวกาศ ราวกับมีผีนักซิ่งเป็นคนขับเคลื่อน!
ราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีกลายเป็นเหมือนมังกรขนาดยักษ์ครึ่งเป็นครึ่งตายที่ถูกโซ่ล่ามเอาไว้ เขากำลังลากดวงจันทร์…พุ่งแหวกจักรวาลไป!
ดวงจันทร์เดินทางข้ามอวกาศด้วยความเร็วเทียบเท่ากับความเร็วเต็มพิกัดของผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณ เกือบจะเทียบชั้นได้กับผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะเลยด้วยซ้ำ สิ่งที่ต้องแลกมาคือเมล็ดดอกบัวที่ถูกบีบทำลายไปเมล็ดแล้วเมล็ดเล่า
ทุกคนบนดวงจันทร์สัมผัสได้ถึงความเร็วนี้ ถึงแม้จะไม่สามารถเห็นได้ด้วยตา แต่ก็พอจะนึกภาพออก ภาพที่ปรากฏในหัวเป็นภาพสุดตื่นตะลึงที่พวกจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต!
ผู้ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้คือหวังเป่าเล่อ…เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ชายหนุ่มดูลึกลับและควรค่าแก่การยกย่องในสายตาของฝูงชนบนดวงจันทร์มากขึ้นไปอีก!
ผืนจักรวาลได้รับผลกระทบจากเสียงคำรามและการฉุดดึงดวงจันทร์ของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรี คลื่นพลังพัดกระจายไปทั่วจักรวาล เปลี่ยนห้วงอวกาศให้กลายเป็นทะเลที่มีคลื่นไหวกระเพื่อมอย่างต่อเนื่อง การเดินทางที่ต้องใช้เวลาถึงสี่วัน บัดนี้ลดทอนเหลือเพียงวันเดียวเท่านั้น!
หนึ่งวันอาจจะดูสั้นสำหรับใครหลายคน แต่สำหรับเหล่าผู้ฝึกตนสหพันธรัฐที่กำลังต่อสู้อยู่ในสนามรบ ณ ดาวศุกร์กลับเป็นช่วงเวลาอันทุกข์ทรมานที่ดูเหมือนไม่มีวันจบสิ้น แนวป้องกันที่เก้าพังลงเมื่อหนึ่งวันก่อน แนวป้องกันที่แปด เจ็ด หก และห้ากำลังต่อกรกับกองทัพสำนักวังเต๋าไพศาลที่ไหลหลากเข้ามาไม่หยุดหย่อน
สหพันธรัฐกำลังตกที่นั่งลำบากในสงคราม ระเบิดต้านทานวิญญาณและการเตรียมตัวมาอย่างดีไม่ได้ทำให้การต่อสู้เป็นไปในทิศทางที่พวกเขาต้องการสักเท่าไหร่ ทำได้เพียงต้านศัตรูไว้และยื้อเวลาออกไป ขณะที่เบื้องหน้ามีความพ่ายแพ้ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้คอยท่าอยู่
วัตถุเวทมากกว่าครึ่งถูกทำลายทิ้ง วงแหวนปราณจำนวนมากใช้การไม่ได้ จำนวนคนตายเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ สำนักวังเต๋าไพศาลเองก็ต้องพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่เช่นกัน แต่สถานการณ์ที่เป็นรองในตอนนี้ทำให้สหพันธรัฐเริ่มท้อแท้ใจขึ้นเรื่อยๆ
ทุกคนกำลังเฝ้ารอ ไม่ได้รอให้หวังเป่าเล่อมาถึง แต่รอต้วนมู่ฉีสั่งระเบิดดาวศุกร์ ซึ่งคือจุดมุ่งหมายของศึกครั้งนี้ ทว่า…คำสั่งนั้นก็ยังไม่มาสักที
ต้วนมู่ฉีพร้อมออกคำสั่ง แต่ก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ตั้งแต่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น…ผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลกว่าสามร้อยคนได้พุ่งเข้ามาปะทะกับแนวป้องกันของดาวศุกร์พร้อมด้วยเรือบินรบอีกนับไม่ถ้วน ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณห้าถึงหกคนรวมเมี่ยเลี่ยจื่อเข้าร่วมวงปะทะด้วยเช่นกัน ศัตรูรายล้อมอยู่ทั่วดาวศุกร์ ทว่า…โยวหรันกลับยังไม่ปรากฏตัว!
การที่โยวหรันยังไม่ปรากฏตัวหมายความว่าศัตรูยังไม่ได้ปลดปล่อยพลังเต็มที่ ดังนั้นต้วนมู่ฉีจึงยังไม่สามารถสั่งระเบิดดาวศุกร์ได้ เขาได้บทเรียนจากดาวพุธแล้ว ในตอนนั้น โยวหรันและเรือบินรบเต๋ามรณะอันน่าพรั่นพรึงสามารถจัดการกับการระเบิดดาวเคราะห์ได้อย่างง่ายดาย
“เราจะรอจนกว่าศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันจะปรากฏตัว เมื่อเขาปรากฏตัว เราจะใช้วงแหวนปราณระบบสุริยะจับเขาไว้ จากนั้นจึงค่อยระเบิดดาวศุกร์!” ต้วนมู่ฉีจ้องหน้าจอตาไม่กะพริบ ภาพสถานการณ์ในสนามรบฉายอยู่บนหน้าจอมากมายและสะท้อนอยู่ในดวงตาอันแดงก่ำของเขา ความเครียดที่ต้องแบกรับนั้นหนักหนาเกินจะรับได้ไหวแล้ว
แนวป้องกันที่สี่ทลายลงขณะที่พวกเขาเฝ้าคอยอยู่อย่างนั้น เฟิ่งชิวหรันสร้างร่างมายาห้าตนออกไปต้านศัตรูขั้นเชื่อมวิญญาณห้าคนไว้อย่างสุดความสามารถ ถึงร่างกายจะฟื้นฟูกลับมาจนมีสภาพสมบูรณ์ แต่การต่อกรกับศัตรูห้าคนก็ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถอยู่มาก นางยอมเอาตัวไปเสี่ยงเพื่อต้านศัตรูไว้และกันไม่ให้พวกเขาปลดปล่อยพลังได้เต็มขั้น
เหล่าผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณของสำนักวังเต๋าไพศาลควรจะเป็นกลุ่มที่ทำให้ฝ่ายตนเองได้เปรียบในศึกครั้งนี้ แต่ทางสหพันธรัฐก็วางแผนเล็งกลุ่มนี้เป็นหลัก ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในที่เป็นผู้นำกลุ่มต่อสู้ย่อยได้ปล่อยระเบิดต้านทานวิญญาณตอนเริ่มศึก ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณต้องมาปวดหัวกับการรับมือระเบิด การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป กลุ่มช่วยเหลือที่นำโดยเจ้าเยี่ยเหมิงและคนอื่นๆ ต้องเผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่มีใครมีเวลาให้ได้พักหายใจ เจ้าเยี่ยเหมิงกับกงเต๋าจะใช้ตำแหน่งของตนเองเลือกประจำอยู่ที่ฐานทัพอันปลอดภัยก็ได้ แต่สุดท้ายทั้งสองกลับเลือกที่จะเข้าไปร่วมสู้กับทัพหน้า
บรรดากลุ่มช่วยเหลือที่มีหลี่อู๋เฉินร่วมอยู่ด้วยต้องสูญเสียสหายร่วมรบไปมากมายตลอดสองสามวันที่ผ่านมา ทุกคนเริ่มเหนื่อยอ่อนและต้องดึงพลังออกมาใช้จนถึงขีดสุด บาดแผลบนร่างกายเพิ่มพูนขึ้น อาการบาดเจ็บเริ่มทรุดหนัก ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่ยอมถอย!
กลุ่มต่อสู้ยังคงต่อกรกับศัตรูอย่างดุเดือด พวกเขาไม่มีวันทิ้งสหายและถอยหนีไป!
ดาวศุกร์คือหนึ่งในสองปราการหลักของสหพันธรัฐ มีความสำคัญต่อความเป็นอยู่ของสหพันธรัฐ ไม่มีทางที่พวกเขาจะยอมแพ้และถอยหนีไปเด็ดขาด!
“อดทนไว้!” เจ้าเยี่ยเหมิงกัดฟันแน่นและพุ่งไปด้านหน้า นางช่วยสหายคนหนึ่งไว้ได้ และสกัดการโจมตีจากผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในของสำนักวังเต๋าไพศาลไว้ นางดูจะรู้จักผู้ฝึกตนคนนั้น เขาเองก็เหมือนจะจำเจ้าเยี่ยเหมิงได้จึงรีบถอยไปตั้งหลัก
กงเต๋าตามหลังเจ้าเยี่ยเหมิงไปไม่ห่าง แผลตรงอกของเขาเป็นรูลึกจนมองเห็นกระดูก ชายหนุ่มสูดหายใจ กัดฟันแน่น และโยนโอสถให้ผู้ฝึกตนที่ทั้งสองเพิ่งจะช่วยชีวิตเอาไว้
ผู้ฝึกตนคนนั้นมีบาดแผลมากมายอยู่ทั่วร่าง ใบหน้าของเขาซีดเผือด ริมฝีปากเปรอะไปด้วยเลือดสีแดงฉาน เขายิ้ม กำลังจะอ้าปากพูดบางอย่าง ทันใดนั้นม่านแสงคุ้มกันของแนวป้องกันที่สี่ก็…ทลายลง!
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก สหพันธรัฐที่กำลังตกที่นั่งลำบากต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ซึ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก มีผู้ฝึกตนคนหนึ่งพุ่งออกมาจากกองทัพผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาล เขาปรากฏตัวพร้อมลงมือโจมตีวงแหวนปราณที่คอยคุ้มกันแนวป้องกันที่สี่ในทันที พลังขั้นเชื่อมวิญญาณปะทุขึ้นพร้อมกับแนวป้องกันที่สี่ทลายลง
ผู้ฝึกตนที่เพิ่งปรากฏตัวคือ…เมี่ยเลี่ยจื่อนั่นเอง!
เขาพังแนวป้องกันที่สี่ หลบร่างมายาของเฟิ่งชิวหรัน และพุ่งไปยังแนวป้องกันที่สาม เมี่ยเลี่ยจื่อตั้งใจจะทำลายวงแหวนปราณทั้งหมดในพื้นที่และบังคับให้สหพันธรัฐต้องควักไพ่ตายออกมาใช้เร็วขึ้น!
“หยุดเมี่ยเลี่ยจื่อเอาไว้ให้ได้!” เสียงร้องคำรามของหลี่ซิงเหวินดังก้องทั่วแนวป้องกันที่สาม เขาพุ่งไปหาเมี่ยเลี่ยจื่ออย่างรวดเร็ว ประมุขสำนักสวีรีบพุ่งตามไปเช่นกัน แต่เหมือนว่าทั้งสองจะช้าไป
แนวป้องกันที่สามกำลังจะทลายลง…ทันใดนั้นเสียงตะโกนหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลังกองทัพตระกูลไม่รู้สิ้นและสำนักวังเต๋าไพศาล กลบความโกลาหลทั้งหมดบนสนามรบไปสิ้น!
ปราการดวงจันทร์มุ่งหน้าตรงมาจากห้วงอวกาศพร้อมส่งเสียงกัมปนาทกึกก้องไปทั่วบริเวณ!
บทที่ 708 การมาครั้งยิ่งใหญ่!
ดวงจันทร์อาจเล็กเมื่อเทียบกับดาวศุกร์ แต่ก็ยังถือเป็นตัวตนหนึ่งในจักรวาล เมื่อดวงจันทร์เคลื่อนผ่าน คลื่นพลังก็พวยพุ่งไปรอบบริเวณส่งผลให้ผืนอวกาศดูบิดเบี้ยว
เหล่าผู้ฝึกตนทั้งในและนอกดาวศุกร์ต่างตื่นตกใจกับการมาถึงของดวงจันทร์
สิ่งที่ทำให้ภาพตรงหน้าน่าตื่นตะลึงขึ้นไปอีกคือยักษ์หน้าตาดุร้ายขนาดมหึมาที่อยู่ด้านหน้าดวงจันทร์ ยักษ์ตนนั้นสวมชุดเกราะ ผิวหนังเต็มไปด้วยผนึก รอบตัวปกคลุมไปด้วยรัศมีแห่งความตาย โซ่ตรวนขนาดใหญ่ล่ามยักษ์เอาไว้กับดวงจันทร์ เขากำลังฉุดลากดวงจันทร์ไปข้างหน้าพร้อมคำรามก้อง!
ภาพที่เห็นนั้นดูไม่น่าเชื่อและน่าหวั่นเกรงเป็นอย่างยิ่ง และยิ่งขับดันให้การมาถึงของดวงจันทร์ดูทรงพลังขึ้นไปอีก ทุกสายตาจับจ้องไปยังร่างๆ หนึ่งที่ยืนอยู่บนบ่าของราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรี เขาผู้นั้นก็คือหวังเป่าเล่อนั่นเอง!
ชุดคลุมและเส้นผมพัดปลิวไสว โครงหน้าหล่อเหลา หุ่นผอมเพรียว และดวงตาเย็นชาส่งให้เขาดูแปลกไม่คุ้นตา นอกจากนี้ยังเปล่งพลังทรงอำนาจ ทำให้ผู้อื่นไม่กล้าเข้ามาลองดี!
แม้ราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีจะตัวใหญ่ยักษ์เพียงใดแต่ก็เป็นเพียงมดปลวกเมื่อมาอยู่ต่อหน้าดาวเคราะห์ หวังเป่าเล่อไม่สามารถใช้คาถาขยายขนาดราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีได้ แต่ก็สามารถสร้างภาพมายาของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีได้!
และ…ก็ได้ผลดีทีเดียว เหล่าผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลและตระกูลไม่รู้สิ้นต่างตื่นกลัวเมื่อได้เห็นร่างใหญ่ยักษ์ของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรี พวกเขาเป็นเหมือนมดปลวกที่เข้าเผชิญหน้ายักษ์ใหญ่ แรงกดดันมหาศาลจากราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีทำให้พวกเขากลัวจนขนหัวลุก!
ผู้ฝึกตนมีอายุบางคนจากสำนักวังเต๋าไพศาลจำชายผู้นี้ได้ พวกเขาร้องขึ้นด้วยความตื่นตกใจ “เฉินโม่เฟิง!”
ขณะที่เหล่าผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลกำลังตื่นตกใจกันอยู่ คลื่นพลังวิญญาณจากดวงจันทร์ที่พุ่งเข้ามาก็พัดกระจายไปทั่ว วังวนนับสิบพลันปรากฏขึ้นพร้อมกองทัพสำนักวังเต๋าไพศาลชุดใหม่ พวกเขาพุ่งตรงไปหาดวงจันทร์ หมายจะหยุดยั้งมันเอาไว้
เรือบินรบเหล่านี้ซ่อนตัวจากสนามรบเป็นเวลานาน เป้าหมายของกองเรือบินรบนี้คือคอยซุ่มโจมตีกองกำลังเสริมของสหพันธรัฐและซ่อนพลังที่แท้จริงของสำนักวังเต๋าไพศาลไว้ไม่ให้ศัตรูรู้ เมื่อถึงเวลา กองเรือบินรบก็จะเผยตัวตนและเข้าร่วมกับกองทัพเพื่อกำจัดดาวศุกร์ด้วยชุดการโจมตีอันแข็งแกร่ง
กองกำลังที่ซ่อนตัวจากสนามรบอยู่นานมีจำนวนไม่น้อยทีเดียว คลื่นพลังวิญญาณพัดกระจายไปทั่วจักรวาล พริบตาเดียว วังวนนับสิบก็ปรากฏขึ้นอีก ทำให้ในตอนนี้มีวังวนเกินร้อยหมุนวนอยู่ทั่วห้วงอวกาศ กองเรือบินรบสำนักวังเต๋าไพศาลพุ่งออกมาจากวังวน พวกมันเข้าไปล้อมดวงจันทร์ แสงคาถามากมายระเบิดขึ้นเปลี่ยนทั่วบริเวณให้กลายเป็นทะเลแสง ดวงจันทร์และราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีถูกแสงถาโถมใส่ในทันใด
หากเป็นดาวเคราะห์อื่นของสหพันธรัฐที่เข้ามาเสริมทัพ มันก็อาจทนการดักซุ่มโจมตีนี้ได้ แต่คงเลี่ยงความเสียหายที่เกิดจากการปะทะไม่ได้ ทำได้ดีที่สุดแค่ช่วยแบ่งกำลังพลของสำนักวังเต๋าไพศาลออกมาและลดแรงกดดันที่ดาวศุกร์กำลังแบกรับ แต่ไม่สามารถช่วยดาวศุกร์ได้อย่างเต็มที่
ทว่าที่มาเสริมทัพคือปราการดวงจันทร์ที่มีราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีอยู่ใต้บัญชา การโจมตีเหล่านี้ไม่สามารถทำอะไรปราการนี้ได้ หวังเป่าเล่อหรี่ตามองทะเลแสงที่ปกคลุมทั่วพื้นที่ จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นชี้นิ้ว
เสียงคำรามดังขึ้นจากราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรี ฟังดูคล้ายเสียงกรีดร้องของพายุ ร่างมหึมาของเขาพุ่งผ่านทะเลแสง ลากดวงจันทร์ผ่านตรงไปหาทัพศัตรู ไม่สนใจเรือบินรบที่เข้าขวางทาง!
กองเรือบินรบคืออาวุธสุดแข็งแกร่งที่ไม่ควรเข้าไปลองดี แต่คู่ต่อสู้ที่ต้องเผชิญหน้าคือราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีและดวงจันทร์ พวกเขาจึงดูอ่อนแอเมื่อต้องประมือกับคู่ต่อสู้ดังกล่าว ทะเลแสงอาจจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะต้านดวงจันทร์ไว้ได้!
กองเรือบินรบไม่สามารถหลบได้ทันจึงปะทะเข้ากับคลื่นพลังงานจากดวงจันทร์และกระเด็นออกไป จากนั้นก็ถูกดวงจันทร์ที่เคลื่อนผ่านบดขยี้!
เสียงปะทะดังก้องเมื่อเหล่าเรือบินรบถูกบดขยี้ ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน ผู้ฝึกตนหลายคนพยายามหลบหนีออกจากเรือบินรบ แต่ก็ทำได้แค่มองคลื่นพลังพุ่งเข้ามาหาตนเองอย่างสิ้นหวัง ดวงจันทร์ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในสายตา ก่อนจะบดขยี้พวกเขาและช่วงชิงลมหายใจไป!
ผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลถูกสังหารหมู่ เสียงคำรามของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีดังก้องห้วงอวกาศขณะกำลังฉุดลากดวงจันทร์ ตัวตนมหึมาทั้งสองพุ่งผ่านทัพศัตรูเข้าไปใจกลางสนามรบ!
เรือบินรบสำนักวังเต๋าไพศาลมากมายระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเมื่อราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีพุ่งผ่าน ดวงตาของหวังเป่าเล่อฉายแสงเย็นเยียบขึ้นขณะที่เอ่ยออกคำสั่งให้ผู้ฝึกตนทุกคนบนปราการดวงจันทร์เปิดใช้งานวัตถุเวทที่มี ดวงจันทร์ฉายไปด้วยแสงสีแดงในทันที วัตถุเวททุกชิ้นบนดวงจันทร์ถูกเปิดใช้งาน ลำแสงจ้านับไม่ถ้วนยิงพุ่งแหวกอากาศจากทุกองศาของปราการดวงจันทร์
ลำแสงสีแดงแต่ละเส้นอาจไม่แข็งแกร่งนัก แต่…เมื่อมารวมกันก็มีจำนวนเกินแสนๆ เส้น คลื่นพลังวิญญาณพัดกระจายไปทั่วจักรวาล ลำแสงนับสิบยิงพุ่งผ่านอากาศชุดแล้วชุดเล่าไม่มีหยุดพัก!
ลำแสงสีแดงนับล้านเส้นสาดซัดทั่วสนามรบ เรือบินรบสำนักวังเต๋าไพศาลทุกลำในระยะโดนลำแสงสีแดงนับร้อยถล่ม ผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลที่พุ่งออกจากเรือบินรบก็ไม่สามารถหลบได้พ้น เสียงเรือบินรบระเบิดและเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของเหล่าผู้ฝึกตนดังก้องไปทั่วพื้นที่ เหมือนดังบทเพลงแห่งความทรมานที่ไม่มีวันจบสิ้น!
หวังเป่าเล่อบีบทำลายเมล็ดดอกบัวเรื่อยๆ เพื่อควบคุมราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีที่กำลังอ้าแขนกวัดแกว่งไปทั่วจักรวาล พายุพุ่งแหวกอากาศทำลายทุกสิ่งที่ขวางทางทุกครั้งที่แขนพาดผ่าน หวังเป่าเล่อพุ่งเข้าไปหาผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณจากตระกูลไม่รู้สิ้นทั้งห้าที่ร่างมายาของเฟิ่งชิวหรันกำลังต่อกรด้วยอยู่ เขาไม่ได้โลภมาก จึงเลือกจัดการแค่สามคนที่อยู่ใกล้สุดเท่านั้น
ร่างอวตารเดินแยกออกจากร่างชายหนุ่ม มันไม่ได้พุ่งเข้าไปโจมตี แต่ยังคงเกาะอยู่บนไหล่ของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรี!
การมาของหวังเป่าเล่อเป็นดังฝันร้ายสำหรับเหล่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณจากตระกูลไม่รู้สิ้น พวกเขาทราบเรื่องเหตุการณ์การต่อสู้ครั้งก่อน รวมถึงกระบวนเวทประหลาดที่ชายหนุ่มปลดปล่อยจากดวงตาปีศาจที่ลอยอยู่ด้านหลัง ซึ่งเป็นสาเหตุการตายของผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณนับสิบ
ทันทีที่หวังเป่าเล่อปรากฏตัว เหล่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณก็ถอยห่างออกไป
“ผู้อาวุโสชิวหรัน!” ชายหนุ่มร้องขึ้นเมื่อเห็นศัตรูกำลังจะหลบหนี ดวงตาปีศาจปรากฏขึ้นด้านหลังพร้อมลืมตาตื่นทันที!
เฟิ่งชิวหรันและหวังเป่าเล่อเคยร่วมศึกด้วยกันหลายหน เฟิ่งชิวหรันคุมร่างมายาให้เข้าไปขวางทางเหล่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณที่กำลังจะหนี นางพร้อมเสี่ยงทุกอย่างไม่ให้พวกเขาหนีไปได้ สิ่งที่รอคอยพวกเขาอยู่…คือฝันร้ายที่ไม่เคยพบพานมาก่อน!
เสียงกัมปนาทดังก้องจักรวาล พลังประหลาดพวยพุ่งออกมาจากดวงตาปีศาจสีดำที่ลืมตาตื่น หวังเป่าเล่อเข้าจู่โจมอย่างไม่ลังเลใจและสังหารผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณคนหนึ่งได้ทันที เฟิ่งชิวหรันใช้โอกาสนี้ร่วมมือกับหวังเป่าเล่อฆ่าผู้ฝึกตนอีกคนและฝากบาดแผลไว้กับคนที่สาม!
โชคดีของผู้ฝึกตนคนที่สามที่สามารถเอาชีวิตรอดไปได้ เขาคือผู้ฝึกตนเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจากการต่อสู้กับหวังเป่าเล่อครั้งก่อน ความกลัวที่ฝังรากลึกสั่งให้เขารีบหนีไปทันทีที่เห็นชายหนุ่มเข้าสู่สนามรบ ชายผู้นี้จึงสามารถรักษาชีวิตของตนเองเอาไว้ได้
พริบตาเดียวที่หวังเป่าเล่อมาถึง สนามรบดาวศุกร์ก็ตกอยู่ในความโกลาหลจากแสงสีแดงนับล้านที่พวยพุ่งออกมาจากปราการดวงจันทร์ และเสียงร้องคำรามอันน่าสะพรึงกลัวของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรี!
ผู้ฝึกตนของสหพันธรัฐทุกคนตื่นตะลึงไปเมื่อได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า บางคนไม่สามารถเก็บงำความตื่นเต้นเอาไว้ได้จึงร้องออกมาเสียงดัง “หวังเป่าเล่อนี่! ราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีก็มาด้วย!”
สหพันธรัฐนั้นคุ้นเคยกับชื่อราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีมากกว่า ‘เฉินโม่เฟิง’ คนทั่วไปในสหพันธรัฐอาจไม่ค่อยรู้เรื่องราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรี แต่ผู้ฝึกตนทุกคนในสหพันธรัฐล้วนต้องเคยได้ยินตำนานของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีมาก่อน!
และตอนนี้…พวกเขาก็ได้พบร่างที่แท้จริงของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีซึ่งตื่นจากการหลับใหล อีกทั้งยังได้เห็นพลังที่แท้จริงของหวังเป่าเล่อ ทั้งสองทำให้ผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐตื่นตกใจเป็นอย่างมาก แม้แต่หลี่ซิงเหวินและต้วนมู่ฉีก็ยังตกตะลึงไปด้วย เมี่ยเลี่ยจื่อก็ถึงกับตัวสั่นเทิ้มไปครู่หนึ่ง การปรากฏกายของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีได้ปลุกบางอย่างภายในให้ตื่นขึ้นมา ความทรงจำมากมายโหมเข้าใส่หัว ดวงตาของเขาเปล่งแสงสลัว ราวกับว่ากำลังต่อสู้กับตนเองอยู่
เขามุ่งหน้าไปยังแนวป้องกันที่สามได้ช้าลง การปรากฏตัวของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีทำให้เมี่ยเลี่ยจื่อสูญเสียความเร็วก่อนหน้านี้ไป หลี่ซิงเหวินและกลุ่มของเขาจึงเข้าไปขวางไว้ก่อนที่เมี่ยเลี่ยจื่อจะถึงแนวป้องกันที่สาม
แน่นอนว่าตอนนี้…ทุกคนต่างจับจ้องไปที่ราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีกับดวงจันทร์ รวมถึงการโจมตีของหวังเป่าเล่อ ไม่มีใครสังเกตเห็นหลี่อู๋เฉินที่อยู่ในกลุ่มช่วยเหลือว่าเขาดูสับสนเมื่อได้เห็นราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรี
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลี่อู๋เฉินได้เห็นราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรี แต่เป็นครั้งแรกที่ภาพแปลกประหลาดฉายขึ้นในหัวเมื่อได้พบราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรี เขาไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไร สัมผัสได้เพียงความรู้สึกที่แสนคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาดขณะมองราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรี
ยังไม่ทันที่หลี่อู๋เฉินจะได้ตรวจสอบภาพที่ปรากฏขึ้นในหัวและสัมผัสอันแสนคุ้นเคยที่รู้สึก เสียงแค่นจมูกไร้อารมณ์ก็ดังก้องไปในอวกาศ ราวกับเสียงของทวยเทพลงมายังสนามรบก็ไม่ปาน แสงสีดำปรากฏขึ้นก่อนจะพุ่งแหวกอากาศผ่านสนามรบตรงไปหาหวังเป่าเล่อ!
แสงนั้นรวดเร็วมาก เหมือนดังลูกธนูพุ่งแหวกอากาศสร้างคลื่นพลังวิญญาณพัดกระจายไปทั่วบริเวณ คลื่นพลังวิญญาณพัดกระจายไปไกล สูบเอาพลังของผู้ฝึกตนที่โชคร้ายถูกพุ่งเข้าปะทะ ก่อนที่ร่างและวิญญาณจะดับสิ้นไป!
หวังเป่าเล่อหรี่ตามอง เขาสลับที่กับร่างอวตารโดยไม่ลังเลใจทันใดที่สัมผัสได้ถึงสัญญาณอันตราย ชายหนุ่มปรากฏตัวอีกครั้งบนดวงจันทร์ นั่งขัดสมาธิอยู่บนไหล่ของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรี ดอกบัวสีเขียวภายในเมล็ดดูดกลืนกวัดแกว่งรุนแรง เขาบีบทำลายเมล็ดดอกบัวอีกห้าเมล็ดเพื่อเสริมแรงคำสั่งที่ส่งผ่านไปยังราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรี!
ชายหนุ่มรู้ว่าตนต้องตื่นตัวและทำให้ดวงวิญญาณของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีตื่นอยู่ตลอด มิเช่นนั้นพลังที่แท้จริงของร่างนี้จะถูกดวงวิญญาณที่เกิดใหม่กดให้หลับใหลไป หวังเป่าเล่อรู้ว่าพลังที่แท้จริงของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีนั้นไม่ได้อยู่ในขั้นขั้นเชื่อมวิญญาณแต่เป็นพลังกายที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน!
ราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีตัวสั่นเทิ้มเมื่อเมล็ดดอกบัวถูกขยี้เป็นผุยผง แสงสีแดงในตาเปล่งประกายราวกับดวงดารา เขาเงยหน้าขึ้นร้องคำราม จากนั้นก็ยกมือขวากำหมัดชกเข้าใส่แสงสีดำที่กำลังพุ่งเข้ามาหา!
บทที่ 709 โยวหรันมาถึงแล้ว!
หมัดนั้นกระแทกเข้าไปในจักรวาลและสร้างพายุหมุนรุนแรงขึ้นมาในพริบตา พายุหมุนพวยพุ่งเข้าใส่แสงสีดำที่พุ่งเข้ามาและปะทะกันอย่างจัง แสงสีดำปลดปล่อยพลังเต็มขั้นก่อนจะระเบิด!
แรงสั่นสะเทือนกระจายออกมาราวกับเป็นคลื่นคลั่ง ดึงร่างราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีลงไป ร่างยักษ์สั่นสะท้านและซวนเซถอยหลังภายใต้แรงสะท้อนกลับรุนแรง เขาไม่ได้ล้มลงใส่ดวงจันทร์แต่เซไปในอีกทิศทางหนึ่ง
ท่ามกลางเสียงระเบิดดังสนั่น โซ่ที่ล่ามราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีเอาไว้ก็ส่งเสียงครั่นครืนเพราะพลังของแสงสีดำ มันส่งเสียงเอียดอาดก่อนจะแกว่งอย่างรุนแรง ดวงจันทร์สั่นคลอนก่อนจะไถลออกไปหลายร้อยเมตร
ความรุนแรงของการโจมตีมากล้นเสียจนผู้ฝึกตนทุกคนในบริเวณนั้นกลัวขึ้นมาจับใจ ทั้งผู้ฝึกตนจากสำนักวังเต๋าไพศาลและสหพันธรัฐต่างก็มองเห็นภาพนั้นพร้อมๆ กัน และต่างใจเต้นโครมคราม ความคิดตื้อตึงไปหมด
ใจของหวังเป่าเล่อหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม หากเป็นเขา คงต้านทานการโจมตีนั้นได้ยากเต็มกลืน และถึงแม้จะสกัดไว้ได้ ก็คงจะบาดเจ็บสาหัสและอาเจียนออกมาเป็นโลหิตเป็นแน่ ชายหนุ่มรีบหันไปมองราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีทันทีเพื่อตรวจดูสภาพของอีกฝ่าย
พลันชายหนุ่มก็มีสีหน้าแปลกประหลาด ราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีถูกผลักถอยหลังไปจนเสียหลัก แต่วินาทีถัดมา เขาก็เงยหน้าขึ้นอย่างดุร้ายอีกครั้งร่างกายไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน!
เมื่อเห็นเช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็ค่อยคลายใจ ชายหนุ่มหรี่ตาลงก่อนจะจ้องมองออกไปไกลยังทิศทางที่แสงสีดำมุ่งหน้ามา เรือบินรบขนาดมหึมาสร้างจากแผ่นกลมสามแผ่นดูคุ้นตาปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากที่ล่องหนอยู่ก่อนหน้านี้!
บนเรือบินรบมีคนยืนอยู่คนหนึ่ง ดูเล็กจ้อยเมื่อเทียบกับความใหญ่ยักษ์ของเรือบินรบ แต่เห็นได้ชัดว่าบุคคลผู้นี้คือแก่นของเรือบินรบลำนี้!
เป็นภาพที่หวังเป่าเล่อรู้สึกคุ้นตานัก…
ร่างกายกำยำ มีสามศีรษะและหกแขน แผ่ปราณวิญญาณระดับน่าสะพรึงกลัวออกมา รัศมีที่เปล่งออกมานั้นรุนแรงราวกับว่าจะสามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้ พลังที่ไหลบ่าออกมาจากร่างของคนผู้นั้นเหมือนกำลังประกาศอำนาจบารมีเหนือทุกสิ่งทุกอย่างในบริเวณใกล้เคียง!
เขาดูไม่เหมือนศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันแม้แต่น้อย แต่ดูเหมือนชุดคลุมออกศึกที่อาบชุ่มไปด้วยของเหลววิญญาณบนเรือบินรบที่หวังเป่าเล่อทำลายไปมากกว่า!
แต่เมื่อสายตาของหวังเป่าเล่อจับจ้องไปยังเสื้อคลุมออกศึกที่กลายสภาพไป ชายหนุ่มก็รู้ได้ทันทีว่า…นั่นคือศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน!
“รวมร่างกันอย่างนั้นสินะ…” หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง ไม่มีความกลัวหรือความคิดที่จะล่าถอยอยู่ในสายตาคู่นั้นแม้แต่น้อย มันฉายประกายกล้าที่เต็มไปด้วยความกระหายการต่อสู้ซึ่งพิ่มพูนขึ้นทุกขณะ เส้นปราณสีโลหิตปรากฏขึ้นรอบกายพร้อมๆ กับเกราะจักรพรรดิที่ส่งเสียงโครมครามขณะประกอบกันขึ้นรอบกายเขา อาวุธเวทบนแขนขวาส่องประกายกล้า ดวงตาปีศาจสีดำสนิทที่ล่องลอยอยู่ด้านหลังหวังเป่าเล่อก็ใช้จังหวะนี้ขยายตัวขึ้น ดวงตานั้นเผยอลืมขึ้นก่อนจะจับจ้องเขม็งไปยังศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน!
ขณะที่ดวงตานั้นจับจ้องไป ประกายสีเทาจางก็ปรากฏขึ้นบนนัยน์ตาของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเช่นกัน ลึกลงไปภายในดวงตาคู่นั้นมีผลึกไร้รูปทรงขนาดเท่าเล็บมนุษย์ซุกซ่อนอยู่ ตัวตนของมันอยู่ระหว่างความจริงและภาพลวงตา พลางส่องแสงสีดำและขาวที่ผสมกันกลายเป็นสีเทามัวๆ ขึ้นในตาของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน!
นัยน์ตาของชายชราส่องประกายสีเทาอ่อน และเมินเฉยกับการจับจ้องของดวงตาปีศาจด้านหลังหวังเป่าเล่อ ชายชราก้าวลงมาจากเรือบินรบก่อนจะเหยียบย่างลงบนท้องฟ้าเกลื่อนดาว แล้วแปรสภาพกลายเป็นภาพพร่ามัว ความเร็วของเขาทำเอาระยะที่ห่างไกลลิบๆ นั้นดูราวกับว่าห่างออกไปเพียงเอื้อมมือ!
จิตสังหารของชายชรามาถึงก่อนตัวตนของเขาเสียอีก!
โยวหรันยกฝ่ามือทั้งสองประกบเข้าหากันเป็นผนึกฝ่ามือ ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์มากมายปรากฏขึ้นรอบกายชายชราก่อนจะกระจายตัวออกไป พลางส่องแสงสว่างราวกับเป็นดาวฤกษ์ แล้วจึงค่อยๆ จัดเรียงตัวกลายเป็นแผนที่จักรวาลขนาดย่อม!
ภายในแผนที่มีดวงอาทิตย์เก้าดวงและดวงจันทร์นับร้อย รวมไปถึงดาวดวงเล็กดวงน้อยนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายไปทั่ว แผนที่นี้ไม่ใช่แผนที่ระบบสุริยะ แต่เป็นส่วนหนึ่งของฟากฟ้าที่ไม่ปรากฏอยู่ในโลกความเป็นจริง พลังอันยิ่งใหญ่อุบัติขึ้นทันทีที่แผนที่ปรากฏออกมา มันรุนแรงราวกับจะพัดพาให้ทุกสิ่งพังพินาศ เสียงทุ้มต่ำของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันดังขึ้นพร้อมๆ พลังที่ซัดสาดใส่หวังเป่าเล่อ!
“จับตัวมันเอาไว้!” จักรวาลสั่นสะเทือนและไหวกระเพื่อม บรรดาดวงดาวก็ดูราวจะอับแสงไป แผนที่ที่โยวหรันเรียกออกมานั้นขณะนี้กลายมาเป็นจุดกำเนิดแสงสว่างเพียงแห่งเดียวขณะที่มันพวยพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ ราวกับว่าศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันกำส่วนหนึ่งของจักรวาลเอาไว้ในมือและใช้มันเพื่อเอาชนะหวังเป่าเล่อก็ไม่ปาน!
แต่นั่นอาจเป็นการอธิบายเกินจริงไปเสียหน่อย อันที่จริงแล้ว พลังที่แท้ของคาถาอาจไม่ได้ยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับที่อธิบายไป แต่ถึงกระนั้น ความยิ่งใหญ่ของคาถาและความรู้สึกเมื่อได้เห็นก็ยังน่าตื่นตะลึงอยู่เช่นเดิม!
ความมุ่งร้ายที่แปรเปลี่ยนกลายเป็นจิตสังหารรุนแรงขนาดที่หวังเป่าเล่อไม่เคยสัมผัสมาก่อนปะทุขึ้นในใจของชายหนุ่มราวกับเป็นประกายสายฟ้านับแสน สัญญาณเตือนในศีรษะชายหนุ่มดังขึ้นพร้อมกัน หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้นเพราะความรุนแรงของการโจมตีที่กำลังใกล้เข้ามา หวังเป่าเล่อรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา วิญญาณเริ่มสั่นไหว ชายหนุ่มไม่อาจจะหลบการโจมตีนั้นได้ ไม่มีเวลาชั่งใจว่าเหตุใดจู่ๆ ดวงตาปีศาจก็สูญสิ้นพลังไปเสียเฉยๆ ชายหนุ่มที่ดวงตาแดงก่ำทำได้เพียงใช้ทุกสิ่งที่มีเพื่อสั่งงานดวงตาปีศาจเบื้องหลังให้ได้อีกครั้ง!
ต้องทำให้โยวหรันหยุดชะงักและขัดขวางแผนที่ดวงดาวให้ได้ เป็นวิธีเดียวที่จะโต้ตอบการโจมตีของอีกฝ่ายและหลีกเลี่ยงความตายได้!
“ข้าสังหารเจ้ามาแล้วครั้งหนึ่ง ทำไมจะทำอีกครั้งไม่ได้!” แววตาบ้าคลั่งปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหวังเป่าเล่อ วิญญาณจุติดวงดาราลืมตาขึ้นก่อนจะปลดปล่อยพลังปราณทั้งหมดออกมาสนับสนุนดวงตาปีศาจ ซึ่งลืมตาตื่นอย่างเต็มที่ในอีกอึดใจต่อมา มีเส้นเลือดสีแดงก่ำปรากฏขึ้นทั่วม่านตา พลังมหาศาลที่ก่อตัวขึ้นเป็นผนึกเข้าไปปิดล้อมศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเอาไว้!
ผลึกในดวงตาของโยวหรันส่องแสงออกมาเลือนลาง แต่ก่อนที่เขาจะทำอะไรได้ หวังเป่าเล่อก็ตะโกนท่องบทสวดอยู่ในศีรษะ พลังอันทรงอำนาจที่เดินทางมาจากส่วนลึกสุดของอวกาศแผ่ลงมาจากเบื้องบนของพวกเขา และปะทุอยู่รอบกายของทั้งคู่!
เสียงกัมปนาทดังสนั่นขึ้นภายในศีรษะของผู้ฝึกตนทุกคนเมื่อพลังนั้นมาถึง ตอนนั้นเอง ดวงตาปีศาจสีดำก็ปลดปล่อยพลังออกมาเต็มขั้น สุดท้ายสีหน้าของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันก็เปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก ทั้งตัวเขาและแผนที่ดวงดาวอันน่าเกรงขามชะงักไปชั่วอึดใจ
แสงจากผลึกรูปร่างแปลกประหลาดที่อยู่ลึกลงไปในดวงตาของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันอ่อนลงไปมาก ราวกับว่าประกายกล้าของมันเมื่อครู่ถูกพลังงานจากภายนอกที่เข้าปกคลุมสะกดทับเอาไว้ ก่อนจะกักขังประกายของมันเอาไว้ด้านใน!
หวังเป่าเล่อรีบฉวยโอกาสทันทีอย่างไม่รอช้า เขาทิ้งร่างอวตารไว้ข้างหลังก่อนจะพุ่งตัวออกไป ร่างกายภายในเกราะจักรพรรดิยกแขนขวาขึ้น แสงที่ส่องออกมาจากอาวุธเทพแรงกล้าราวกับเป็นดวงตะวัน เขาเล็งอาวุธเทพไปทางโยวหรันแล้วฟันทันที!
คลื่นพลังวิญญาณไหลบ่าไปทั่วจักรวาล แรงที่ฟันลงไปนั้นปรากฏเป็นสายรุ้งทอดยาว เคลื่อนที่ผ่านความเวิ้งว้างอันมืดมิดไปโผล่อยู่ตรงหน้าศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันทันที มันเลี่ยงแผนที่ดวงดาวแล้วพุ่งเข้าใส่โยวหรันโดยตรง
ตอนนั้นเอง ผลึกในดวงตาของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันก็หลุดออกมาได้ ดวงตาปีศาจของหวังเป่าเล่อสั่นสะท้าน ขณะที่ตัวชายหนุ่มเองก็บ้วนเอาเลือดออกมากองใหญ่ ผลึกนั้นปลดปล่อยพลังออกมาเต็มที่ได้อีกครา
ประสาทสัมผัสของหวังเป่าเล่อรู้สึกถึงอันตรายและความบ้าคลั่งที่ขยับเข้ามาพร้อมๆ กัน ชายหนุ่มไม่ได้ล่าถอย แต่กลับยืนปักหลักตั้งมั่นและส่งแรงฟันไปข้างหน้าต่อไป!
ฝ่ายโยวหรันเองก็เพิ่งขยับตัวได้อีกครั้ง ชายชราไม่ได้พยายามหลบการโจมตีของหวังเป่าเล่อแต่อย่างใด กลับกัน เขาประกบฝ่ามือสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ ด้วยจิตสังหารแรงกล้า แล้วเหวี่ยงแผนที่ดวงดาวเข้าไปสกัดกั้นการโจมตี แผนที่ดวงดาวและอาวุธเทพของหวังเป่าเล่อปะทะกันทันที!
“สลายไปเสีย!” หวังเป่าเล่อคำราม ก่อนจะฟาดอาวุธเวทลงไปอย่างแรง ฟาดฟันแผนที่ดวงดาวจนแหลกเป็นชิ้นๆ!
เสียงกัมปนาทดังสนั่นสะท้อนไปทั่วจักรวาล คลื่นพลังวิญญาณไหลบ่ากระจายออกไปราวกับเป็นคลื่นขนาดมโหฬาร แรงสะท้อนกลับกระแทกเข้าใส่ผู้ฝึกตนทั้งสองฝ่าย หลายต่อหลายคนถึงกับกระอักเลือดก่อนจะรีบซวนเซหลีกให้พ้นทาง
เลือดไหลซึมออกมาจากปากของหวังเป่าเล่อเช่นกัน พลังมหาศาลพวยพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มทันทีที่แผนที่ดวงดาวแหลกสลาย แม้จะมีการป้องกันของเกราะจักรพรรดิอยู่ก็ไม่อาจปกป้องเขาจากอาการบาดเจ็บได้ แรงสะท้อนกลับรุนแรงเสียจนเกราะจักรพรรดิแตกร้าวไปทั่ว หวังเป่าเล่อกระเด็นถอยหลังไป ประสาทสัมผัสของชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงอันตรายทันทีที่เห็นมือของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเอื้อมออกมาจากด้านหลังแผนที่ดวงดาวที่แหลกสลายนั้น
มือข้างนั้นเปี่ยมไปด้วยพลังประหลาด ผลึกที่อยู่ในดวงตาของชายชราบัดนี้มาปรากฏอยู่บนฝ่ามือที่ยื่นมา หมายมั่นจะจับตัวหวังเป่าเล่อเอาไว้ให้ได้!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากชายหนุ่มถูกจับได้ ทั้งร่างกายและวิญญาณคงถูกทำลายจนสิ้นซาก เขาไร้ซึ่งพลังจะตอบโต้ โชคยังดีที่หวังเป่าเล่อเป็นนักสู้มากประสบการณ์ ขณะที่เงื้อมมือมัจจุราชกำลังจะถึงตัว ชายหนุ่มก็รีบสลับที่กับร่างอวตารทันที
ร่างจริงของหวังเป่าเล่ออันตรธานหายไป มีร่างอวตารมาปรากฏอยู่แทนที่ ร่างนั้นระเบิดทันทีที่เงื้อมมือของโยวหรันคว้ามันไว้ได้ แรงระเบิดสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งจักรวาลและพุ่งเข้ากระแทกมือนั้นอย่างแรง
ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันส่งเสียงฮึ่มอยู่ในลำคอ ก่อนจะแปรสภาพเป็นสายรุ้งเส้นยาว และพุ่งทะลุเศษแผนที่ดาวที่แหลกสลายตรงไปยังร่างจริงของหวังเป่าเล่อซึ่งยืนอยู่บนไหล่ของราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีทันที
ชายชราเคลื่อนที่รวดเร็วจนร่างของเขากลายเป็นเพียงภาพพร่าเลือนที่พุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะจบการต่อสู้นี้ลงโดยเร็วที่สุด โดยไม่ยอมให้โอกาสหวังเป่าเล่อได้ตั้งตัวและตอบโต้ แต่ดูเหมือนชายชราจะดูถูกปฏิกิริยาตอบสนองอันว่องไวของหวังเป่าเล่อเกินไป ทันทีที่ชายหนุ่มสลับตำแหน่งกับร่างอวตาร เขาก็ทุบเมล็ดบัวอีกสิบเมล็ดอย่างแน่วแน่ ราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีที่อยู่ภายใต้การควบคุมของหวังเป่าเล่อคำรามและพุ่งตัวออกไปทันที ก่อนจะยกหมัดขวาขึ้นต่อยออกไปข้างหน้า!
ราวกับว่าหวังเป่าเล่อและศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันลงมือพร้อมกัน ทั้งคู่พุ่งเข้าใส่กันก่อนจะปะทะกันในที่สุด ราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีซวนเซถอยหลังจากการปะทะรุนแรง ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันก็กระดอนกลับไปหลายร้อยเมตร ก่อนจะหยั่งเท้าและหยุดตัวเองได้ ชายชราเงยใบหน้าถมึงทึงเปี่ยมด้วยโทสะขึ้นจ้องมองไปยังบ่าของราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีตรงที่หวังเป่าเล่อยืนอยู่
มีเลือดซึมออกมาจากมุมปากของชายหนุ่ม เขาเองก็เงยหน้าขึ้นมองโยวหรันเช่นกัน การต่อสู้ของทั้งคู่เพิ่งเริ่มมาได้ไม่กี่อึดใจ และเห็นได้ชัดว่าหวังเป่าเล่อเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ชายหนุ่มก็ยืนหยัดรับมือได้ด้วยไหวพริบและบรรดาเคล็ดวิชาเฉพาะตัว
บทที่ 710 หลอมดาวศุกร์!
“หวังเป่าเล่อ พวกเราเปิดใช้งานระเบิดต้านทานวิญญาณบนดาวศุกร์แล้ว พร้อมจะจุดชนวนทุกเมื่อ จงพยายามล่อให้ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันปล่อยพลังของเรือบินรบเต๋ามรณะออกมา เพราะเขาจะต้องเพ่งสมาธิทั้งหมดไปควบคุมมัน และไม่อาจต้านพลังทำลายตนเองของดาวศุกร์ได้!” ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังจ้องตากับศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันอยู่นั้น เสียงเกรี้ยวกราดของหลี่ซิงเหวินก็ดังขึ้นในหูเขาจากวงแหวนปราณระบบสุริยะ
หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง ก่อนจะยกมือขวาขึ้นชี้หน้าศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน ทันใดนั้น นัยน์ตาของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีก็ลุกโชนด้วยเปลวไฟแดงก่ำ ก่อนที่เขาจะส่งเสียงร้องลั่นและพุ่งตัวไปข้างหน้าตรงไปหาศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน โซ่ที่ล่ามเขาเอาไว้ตึงแน่น ดวงจันทร์แทบจะดึงรั้งเขาเอาไว้ไม่อยู่
มีแสงสว่างจ้าส่องออกมาจากดวงจันทร์ ก่อนที่วัตถุเวทของดวงจันทร์จะเริ่มทำงานอย่างสมบูรณ์ มันไม่ได้โจมตีเปะปะไปทั่วอย่างเมื่อครู่ หากแต่สับเปลี่ยนเป้าหมายไปยังตำแหน่งเดียวแทน แสงสีแดงนับแสนเส้นเล็งไปยังเป้าหมายเดียว ก่อนจะยิงใส่ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันพร้อมๆ กัน
นัยน์ตาของชายชราส่องประกาย ก่อนที่จะประกบมือเข้าหากันเพื่อสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ ลำแสงสีดำและขาวพวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือเขา ก่อนจะผสานกันกลายเป็นแสงสีเทาที่พุ่งเข้าสกัดแสงสีแดงและกำปั้นของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีพร้อมกัน
เสียงกัมปนาทดังสนั่นจักรวาล หวังเป่าเล่อเรียกร่างอวตารออกมา และส่งมันออกไประเบิดตัวเองทันที!
สีหน้าของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเปลี่ยนไปทันที ชายชราบินถลาถอยกลับท่ามกลางเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว เขาเป็นบุรุษเดียวที่กำลังประมืออย่างขันแข็งอยู่กับทั้งพลังรบของปราการดวงจันทร์ ราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรี และร่างอวตารของหวังเป่าเล่อที่ระเบิดตัวเอง
ชายชราดูไม่เต็มใจที่จะนำเรือบินรบมรณะเข้ามาร่วมต่อสู้ด้วย ขณะที่กำลังล่าถอยนั้น แขนทั้งหกก็ขยับอย่างว่องไวเป็นผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ ดอกไม้กลีบสีขาวที่มีใจกลางสีดำปรากฏขึ้นข้างกาย ก่อนจะผลิบาน แล้วโปรยกลีบดอกออกไปในจักรวาล กลีบดอกสีขาวนวลเหล่านั้นล่องลอยไปปกคลุมร่างของราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีเอาไว้
ราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีคำราม ก่อนจะกวัดแกว่งแขนอย่างรุนแรง ชุดเกราะของเขาแยกออกจากตัวก่อนจะหลุดเป็นชิ้นๆ หวังเป่าเล่อกระโจนขึ้นไปและฟันอาวุธเวทลงมาอย่างเด็ดขาด ดวงจันทร์สั่นสะท้าน บรรดาผู้ฝึกตนบนดวงจันทร์ต่างก็ส่งพลังออกไปเต็มที่ กระทั่งต้นกำเนิดดาราภายในปราการดวงจันทร์ก็ยังหมุนวนรุนแรง กระแสของลำแสงสีแดงแปรเปลี่ยนเป็นมือสีแดงขนาดยักษ์ที่พุ่งทะลุกลีบดอกสีขาวและเอื้อมไปคว้าศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเอาไว้
คลื่นพลังงานกระจายไปทั่วจักรวาลอีกครั้ง ราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีตัวสั่น เลือดซึมออกมาจากปากของหวังเป่าเล่อ พลังประสานของทั้งคู่ขจัดกลีบดอกไม้ไปได้ ก่อนจะผสานพลังกันพุ่งเข้าใส่ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันอีกครา
ประกายเด็ดขาดสว่างวาบขึ้นในดวงตาของโยวหรัน ชายชรายกแขนขวาขึ้นชี้ไปยังเรือบินรบเต๋ามรณะ น้ำเสียงแหบพร่าแผดสนั่นดังลั่นจักรวาล
“ผนึก!”
แผ่นวงแหวนทั้งสามบนเรือบินรบเต๋ามรณะปลดปล่อยแสงสีฟ้าออกมาทันทีที่คำสั่งนั้นดังขึ้น ทะเลแสงที่เย็นเยียบระเบิดทะลักออกมา แช่แข็งทุกสิ่งที่มันสัมผัส!
ทะเลแสงสีฟ้าไหลบ่าออกมาจากเรือบินรบในพริบตา เมื่อเห็นเช่นนั้น นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อก็มีแสงจางสะท้อนอยู่ ชายหนุ่มดูเหมือนกำลังครุ่นคิดและวิตกกังวลไปพร้อมๆ กัน ก่อนจะล่าถอยอย่างไม่รอช้าด้วยความเร็วสูงสุด แต่ก็สายเกินไป ดวงจันทร์ทั้งดวง ราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรี และหวังเป่าเล่อถูกทะเลแสงไหลเข้าท่วมทันที ก่อนจะถูกแช่แข็งเอาไว้!
ภาพนั้นทำเอาผู้ฝึกตนทั้งจากสำนักวังเต๋าไพศาลและสหพันธรัฐผงะด้วยความตกตะลึง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นพลังของเรือบินรบเต๋ามรณะ การทำลายดาวพุธไม่สัมฤทธิ์ผลเพราะเรือบินรบเต๋ามรณะได้ใช้การโจมตีที่คล้ายกันนี้หยุดพลังของระเบิดต้านทานวิญญาณเอาไว้ มันแช่แข็งดาวพุธทั้งดวงและกลบพลังของระเบิดต้านทานวิญญาณไปเสียสิ้น ทำให้ภารกิจทำลายดาวพุธล้มเหลวโดยสิ้นเชิง!
การโจมตีเช่นเดิมกลับมาอีกครั้ง ทว่าเป้าหมายของมันไม่ใช่ดาวเคราะห์อีกต่อไป แต่เป็นราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรี ปราการดวงจันทร์…และหวังเป่าเล่อ!
ใบหน้าของเจ้าเยี่ยเหมิงซีดเผือด ร่างกายสั่นสะท้าน กงเต๋าเองก็ตัวสั่น แต่เป็นเพราะความโกรธและจิตวิญญาณการต่อสู้ในกายที่แผดเผาขึ้นอย่างรุนแรง ขณะที่มิตรสหายคนอื่นๆ ของหวังเป่าเล่อต่างก็ทั้งตกใจและกังวลด้วยกันทั้งสิ้น
หลี่ซิงเหวินและต้วนมู่ฉีกัดกรามแน่น พวกเขาเฝ้ารอโอกาสนี้มานาน หลี่ซิงเหวินเปิดวงแหวนปราณระบบสุริยะเพื่อเคลื่อนย้ายผู้ฝึกตนสหพันธรัฐออกให้พ้นรัศมี ขณะที่ต้วนมู่ฉีก็เปิดใช้งานระบบทำลายตัวเองของดาวศุกร์ทันที!
พวกเขาไม่ได้ทำการบุ่มบ่ามหรือบ้าบิ่นแม้แต่น้อย ทั้งคู่กังวลว่าครั้งนี้อาจจะเป็นกับดักของศัตรู แต่…หากพลาดโอกาสนี้ไป โชคชะตาของดาวศุกร์อาจจะเป็นเช่นเดียวกับดาวพุธก็เป็นได้ เป็นเหตุให้…พวกเขาตัดสินใจลองเดิมพัน แม้ว่าจะติดกับก็ตามที!
โชคไม่ดี…ที่พวกเขาแพ้การเดิมพัน!
ในขณะที่กลไกทำลายตัวเองของดาวศุกร์กำลังทำงาน และระเบิดต้านทานวิญญาณที่ฝังลึกอยู่ภายในกำลังจะระเบิดออกมา ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันก็ระเบิดเสียงหัวเราะ ก่อนจะยกมือขวาขึ้นแล้วกำหมัดแน่น!
แสงที่ส่องออกมาจากเรือบินรบเต๋ามรณะแปรเปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีดำในบัดดล ทะเลสีดำทะมึนกว้างไกลกว่าทะเลสีฟ้าถูกปลดปล่อยออกมาจนท่วมจักรวาล กระแสทะเลสีดำสนิทไหลบ่าผ่านผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลและสหพันธรัฐทุกคน ผ่านแนวป้องกันต่างๆ ไปปรากฏอยู่ตรงดาวศุกร์พอดิบพอดี ก่อนจะแปรสภาพเป็นผนึกขนาดมโหฬารที่คลุมดาวศุกร์ทั้งดวงเอาไว้ และหล่นลงไปทับอย่างรุนแรง!
ดาวศุกร์สั่นสะเทือนอย่างหนัก ระเบิดต้านทานวิญญาณถูกแรงกดดันมหาศาลจากผนึกสะกดเอาไว้จนหยุดระเบิดกลางคัน!
ต้วนมู่ฉีตัวสั่นเทา แววบ้าคลั่งปรากฏขึ้นบนดวงตาของชายชรา ก่อนที่ทั้งเขาและหลี่ซิงเหวินจะสร้างผนึกฝ่ามือร่วมกันเพื่อเปิดใช้ไพ่ตายใบสุดท้ายของดาวศุกร์!
ลึกลงไปภายใต้พื้นผิวของดาวศุกร์ มีคุกที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มยุคกำเนิดวิญญาณ มันเป็นสถานที่คุมขังนักโทษที่กระทำผิดมหันต์ตั้งแต่เริ่มต้นยุค หญิงชราจากสำนักรุ่งสางจักรพิภพก็เป็นหนึ่งในนั้น และมีอสูรจำนวนหนึ่งจากบนโลกถูกคุมขังอยู่ที่นี่ด้วย!
อสูรส่วนมากอยู่ในขั้นกำเนิดแก่นในและไม่ได้เป็นอันตรายเท่าใดนัก แต่ต้วนมู่ฉีได้ส่งคำสั่งลับให้เจ้าผินฟาง บิดาของเจ้าเยี่ยเหมิง ให้ปรับแต่งระเบิดต้านทานวิญญาณที่สามารถซุกซ่อนเอาไว้ในกายของนักโทษเหล่านี้ได้ ระเบิดต้านทานวิญญาณเหล่านี้มีต้นกำเนิดดาราเป็นแก่น ดังนั้นแรงระเบิดก็จะรุนแรงเทียบเท่ากับการจู่โจมจากผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณเลยทีเดียว มีวงแหวนปราณถูกหลอมขึ้นมารายล้อมนักโทษเหล่านี้ด้วย โดยที่เมื่อนักโทษร้อยคนมารวมตัวกันก็จะได้วงแหวนปราณขนาดย่อมขึ้นมา และเมื่อวงแหวนปราณขนาดย่อมมารวมตัวกันก็จะเป็นวงแหวนปราณขนาดใหญ่ยักษ์!
วงแหวนปราณนี้…เชื่อมต่อโดยตรงกับต้นกำเนิดดาราของดาวศุกร์ ดังนั้นการระเบิดตัวเองของบรรดานักโทษจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ที่จะทำลายต้นกำเนิดดาราและทำให้ดาวศุกร์ล่มสลาย!
นี่คือแผนการรบสองชั้นที่สหพันธรัฐได้เตรียมเอาไว้!
เมื่อวงแหวนปราณถูกเปิดใช้งาน นักโทษไร้สติทุกคนในเรือนจำแห่งดาวศุกร์ก็ตัวสั่นอย่างรุนแรง มีลำแสงส่องสว่างออกมาจากกายของพวกเขาทุกคน ก่อตัวเป็นคลื่นพลังทำลายล้างที่จะส่งผลต่อต้นกำเนิดดารา จากนั้นดาวศุกร์ก็จะสั่นสะท้านราวกับว่าจะระเบิดขึ้นอีกคราหนึ่งกระนั้น!
“นี่หรือไพ่ตายของพวกเจ้า!” ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันหัวเราะอยู่ในลำคอ ก่อนจะยกมือขวาขึ้นสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆแล้วชี้ออกไป ผนึกสีดำสนิทที่ปกคลุมอยู่เหนือดาวศุกร์ปล่อยเปลวเพลิงสีดำออกมาทันที เปลวเพลิงนั้นแผดเผาโชติช่วง ก่อนจะกระจายตัวออกห้อมล้อมดาวศุกร์เอาไว้ราวกับเป็นสายลมคลั่ง ดาวศุกร์ทั้งดวงถูกห้อมล้อมด้วยเปลวไฟซึ่งกลายเป็นผนึกชั้นที่สอง กดทับจนไพ่ตายของสหพันธรัฐล้มไม่เป็นท่า ขณะที่เปลวไฟเผาไหม้ มันก็เริ่มหลอมดาวศุกร์ทั้งดวงไปด้วย!
แนวป้องกันที่สามบนดาวศุกร์พังครืนลงมาในพริบตา พร้อมๆ กับแนวป้องกันที่สองที่กำลังละลายลงไปอย่างรวดเร็ว!
โทสะไหลเวียนอยู่ในกายของต้วนมู่ฉีขณะที่ชายชราอาเจียนเอาเลือดออกมากองใหญ่ นัยน์ตาของเขาแดงก่ำ ความขมขื่นกัดกินอยู่ในใจ หลี่ซิงเหวินเองก็อยู่ในสภาพคล้ายกัน เขาตัวโงนเงน ใบหน้าซีดขาว ผู้ฝึกตนของสหพันธรัฐคนอื่นๆ ต่างก็นิ่งเงียบกันไปหมด!
“หากข้าไม่คิดใช้พวกเจ้าระเบิดดาวศุกร์ เพื่อที่ว่าต้นกำเนิดดาราของมันจะได้เผยออกมาให้ข้าเก็บสะสมได้ง่ายๆ ข้าคงจะหลอมพวกเจ้าทุกคนไปเสียนานแล้ว” ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม เป้าหมายของเขาไม่ใช่เพียงการทำลายดาวศุกร์ หากแต่ต้องการหลอกล่อให้สหพันธรัฐปลุกต้นกำเนิดดาราให้ตื่นขึ้น มันไม่เพียงจะทำให้การหลอมของเขาสมบูรณ์เท่านั้น แต่ต้นกำเนิดดารายังเป็นแหล่งพลังงานอันยิ่งใหญ่ที่จะช่วยซ่อมแซมเรือบินรบเต๋ามรณะที่ชายชราผสานรวมกายของตนเองเข้าไปได้อย่างดีอีกด้วย
โยวหรันแสร้งทำเป็นหลังพิงฝา จนต้องนำเรือบินรบเต๋ามรณะมาช่วยรับมือกับทั้งหวังเป่าเล่อ ปราการดวงจันทร์ และราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรี แต่ความจริงมันเป็นกับดัก เป้าหมายที่แท้จริงคือการล่อให้สหพันธรัฐระเบิดดาวศุกร์นั่นเอง
“หวังเป่าเล่อ ข้าอยากให้เจ้ามองดูดาวเคราะห์ที่เจ้าพยายามจะรักษาเอาไว้ถูกกลืนกินเข้าไปอย่างช้าๆ และกลายมาเป็นสารอาหารให้เรือบินรบของข้า” ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเงยหน้าขึ้นมองฟ้าก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังสนั่น สายตาของเขาจับจ้องไปยังหวังเป่าเล่อ ผู้ซึ่งยังติดอยู่ในน้ำแข็งบนไหล่ของราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรี
หวังเป่าเล่อถูกแช่แข็งนิ่งอยู่กับที่แต่ยังไม่ตาย ไม่มีใครรู้ว่าชายหนุ่มคิดสิ่งใดอยู่ แต่ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันมองเห็นความวิตกกังวลในสายตาของชายหนุ่มได้ชัดเจน
“มาเริ่มงานเลี้ยงกันเถิด!” ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันกล่าวอย่างลิงโลดใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำได้เพียงมองดูด้วยสายตากลัดกลุ้ม ชายชราหัวเราะออกมาอีก ก่อนจะโบกมืออีกครั้ง ทะเลเพลิงที่ล้อมรอบดาวศุกร์อยู่ก็ทะลุผ่านแนวป้องกันที่สองเข้าไปได้ วงแหวนปราณป้องกันเริ่มแตกร้าว ศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาลทุกคนนิ่งงันไปเพราะพลังอันยิ่งใหญ่ที่พวกเขากำลังประสบ แต่ความโลภก็เข้าเกาะกุมจิตใจ หลังจากที่รู้ว่าเปลวไฟสีดำทำอันตรายพวกเขาไม่ได้ ต่างก็รีบรุดผ่านเปลวไฟและเริ่มต่อสู้อีกครั้ง
ระบบทำลายตัวเองล้มเหลว และแนวป้องกันของดาวศุกร์กำลังจะล่มสลาย ดูเหมือนว่าจะไม่มีวิธีใดที่ช่วยหลีกหนีความพ่ายแพ้ได้อีก ต้วนมู่ฉีหัวเราะอย่างขมขื่น เขากำลังจะออกคำสั่งให้สละดาวศุกร์และสั่งกองทัพให้ถอนกำลังไปยังดาวอังคารโดยใช้วงแหวนปราณระบบสุริยะ และพวกเขาจะไปจัดตั้งกองกำลังกันที่นั่นแทน
ตอนนั้นเองที่หวังเป่าเล่อ ผู้ซึ่งติดอยู่ในน้ำแข็งบนไหล่ของราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรี จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน เปลวไฟสีดำปะทุขึ้นมาจากร่างของชายหนุ่ม แม้จะดูคล้ายกันกับเปลวไฟสีดำที่โยวหรันใช้หลอมดาวศุกร์อยู่ในขณะนี้ แต่แก่นของมันกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง เปลวไฟนั้นผ่านทะลุน้ำแข็งออกมา และทำให้น้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว เสียงของหวังเป่าเล่อระเบิดสนั่นขึ้นก้องจักรวาล
“แปลว่าตอนนี้เจ้าเองก็ไม่มีไพ่ตายใดๆ เก็บเอาไว้อีกแล้วสินะ”
บทที่ 711 เฉินโม่เฟิง!
เปลวไฟสีดำในกายหวังเป่าเล่อปะทุออกมาอย่างรุนแรงหลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบ ก่อนจะแพร่กระจายออกไปจากไหล่ของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีอย่างบ้าคลั่ง!
น้ำแข็งสีฟ้าที่กักขังราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีเอาไว้พลันเปลี่ยนสีไปทันที
เปลวไฟจากร่างของชายหนุ่มคือเปลวไฟสีดำในกายของเขานั่นเอง!
ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันอาจมีความรู้เรื่องสำนักแห่งความมืดที่เคยห้ำหั่นกับตระกูลไม่รู้สิ้นอย่างดุเดือดอยู่บ้าง แต่ด้วยระดับในตระกูลไม่รู้สิ้นของตัวเขาบวกกับระดับพลังปราณ ทำให้โยวหรันจำแนกไม่ได้ในทันทีว่ามันคือเปลวไฟสีดำของสำนักแห่งความมืด แต่กระนั้น ชายชราก็รู้ถึงอันตรายที่ไม่อาจบรรยายได้ ทำให้มีสีหน้าตื่นตกใจขึ้นมาในบัดดล
เปลวไฟสีดำแพร่ออกจากกายหวังเป่าเล่อ น้ำแข็งที่กักขังเขาเอาไว้เริ่มสลายไปอย่างรวดเร็ว!
มันไม่ใช่ละลายหายไปธรรมดา แต่อันตรธานไปเสียสิ้น!
การละลายหมายความว่าชั้นน้ำแข็งกลายเป็นน้ำเพราะสัมผัสกับเปลวไฟที่มีอุณหภูมิสูงกว่า ส่วนการสลายไปนั้น…มีความหมายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
อุณหภูมิเป็นสิ่งสัมพัทธ์ น้ำแข็งสีฟ้าของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันอาจดูเหมือนมีอุณหภูมิต่ำ แต่หากได้สัมผัสกับบางสิ่งที่เย็บเยียบเสียยิ่งกว่า น้ำแข็งก็จะไม่เป็นน้ำแข็งอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นไฟที่เยียบเย็นกว่าเดิม
น้ำแข็งสีฟ้ากำลังสลายไป หากสังเกตจากที่ไกลๆ จะเห็นว่าน้ำแข็งนั้นระเหิดหายไปในจักรวาล ปลดปล่อยผู้ที่ถูกจองจำอยู่ด้านใน ได้แก่ราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีและหวังเป่าเล่อออกมา ขณะที่เปลวไฟสีดำแพร่กระจายออกไปนั้น น้ำแข็งสีฟ้าที่ยึดปราการดวงจันทร์เอาไว้ก็เริ่มสลายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ภาพนั้นทำเอานัยน์ตาของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันกระตุก
เปลวไฟนั้นทำมาจากอะไรกัน หัวใจของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเต้นระรัวขณะที่ร่างของชายชราผงะถอยหลังด้วยความตื่นตะลึง ผู้ฝึกตนบนสนามรบต่างก็ตื่นตกใจกันไปหมด ดาวศุกร์ที่เหมือนกับว่าจะต้องแตกสลายไปอย่างแน่นอนแล้วเมื่อไม่กี่วินาทีเริ่มมองเห็นประกายความหวังอีกครั้ง!
แต่หวังเป่าเล่อก็แอบลอบถอนหายใจอยู่อย่างลับๆ เพราะระดับพลังปราณของเขายังอ่อนแอเกินไป หากชายหนุ่มแข็งแกร่งมากพอและสามารถใช้เปลวไฟสีดำได้อย่างยิ่งใหญ่และอลังการกว่านี้ การต่อสู้ครั้งนี้…คงจะจบลงไปตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว
วินาทีนั้นเองความเด็ดเดี่ยวก็ฉายชัดอยู่ในแววตาของหวังเป่าเล่อ หลังจากที่ได้เอ่ยถ้อยคำเหล่านั้นออกมาและมอบประกายแสงแห่งความหวังให้สหพันธรัฐแล้ว ชายหนุ่มก็เอื้อมมือเข้าไปหาเมล็ดบัวนับสิบในเมล็ดดูดกลืนอย่างไม่รอช้าก่อนจะ…ขยี้พวกมันจนแตกละเอียด!
ราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีตัวสั่นอย่างรุนแรง ก่อนที่ประกายสีแดงในดวงตาจะลุกโชติช่วงขึ้นมาอีกครั้ง ดูราวกับตะเกียงเจ้าพายุสองดวงที่สาดแสงสว่างอาบไปทั่วสนามรบทั้งหมด ดวงจิตที่กำลังหลับใหลดูจะดิ้นรนอย่างรุนแรง ไม่ต่างจากคนนอนหลับที่ถูกเขย่าตัวปลุกอย่างแรงและกำลังจะตื่นขึ้น!
จุดมุ่งหมายในการใช้เปลวไฟสีดำและขยี้เมล็ดบัวนั้นไม่ใช่ใดอื่น…หวังเป่าเล่อต้องการปลุกวิญญาณที่แท้จริงของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีขึ้นมานั่นเอง!
หวังเป่าเล่อคิดจะปลุกวิญญาณที่แท้จริงของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีขึ้นมาและใช้พลังที่แท้จริงของอีกฝ่ายปราบศัตรู มันเป็นไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดใบสุดท้ายของชายหนุ่มแล้ว!
สัญญาณอันตรายใหญ่หลวงทำให้ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันตกตะลึง ประกายแสงรุนแรงฉาบเคลือบอยู่ในแววตา ไม่มีเวลามามัวกังวลเรื่องดาวศุกร์แล้ว ชายชรายกมือขึ้นสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ ทำให้แผ่นวงแหวนทั้งสามบนเรือบินรบเต๋ามรณะของตระกูลไม่รู้สิ้นฉายแสงแรงกล้าออกมา แทนที่จะระเบิดแสงสีฟ้าออกมาอีกครั้ง คราวนี้แผ่นวงแหวนเหล่านั้นกลับเรียกผนึกที่เหมือนอันที่ปกคลุมดาวศุกร์เอาไว้ออกมาอีกผนึกหนึ่ง ผนึกนั้นลอยมาปรากฏอยู่เหนือศีรษะหวังเป่าเล่อ พลางปล่อยเปลวไฟสีดำสนิทออกมาโดยหวังจะหยุดและหลอมชายหนุ่มไปเสีย!
“ไม่มีใครขวางทางข้าได้หรอก!” ดวงตาของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันส่องประกาย ผนึกรูปร่างประหลาดที่อยู่ภายในส่องแสงจ้า ชายชราก้าวออกไปข้างหน้าหนึ่งก้าวก่อนจะปล่อยพลังปราณทั้งหมดออกมา และพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่ออย่างรวดเร็วราวกับเป็นศรที่ออกจากแล่ง!
ในที่สุดโยวหรันก็เข้าใจ การทำลายสหพันธรัฐแม้จะยากแต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ มีเพียงหวังเป่าเล่อเท่านั้นที่เป็นตัวปริศนาที่สุดในสงครามครั้งนี้ หากชายหนุ่มยังอยู่ การตัดสินใจผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวก็อาจทำให้ผลลัพธ์ของการรบครั้งนี้ออกมาต่างไปอย่างสิ้นเชิง!
“ข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้!”
ขณะที่ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ จู่ๆ ชายหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นยืนตระหง่านอยู่บนไหล่ของราชาของเผ่าพันธุ์อมตะราตรี นัยน์ตาส่องประกายกล้า แขนทั้งสองก็ยืดกางออกไป เปลวไฟสีดำภายในกายพวยพุ่งออกมาอีกครั้ง พร้อมกับพลังของวิชาหัตถ์สื่อวิญญาณ พลังของทั้งสองประกอบกับพลังของดอกบัวในกายหวังเป่าเล่อแปรสภาพเป็นพลังของวิชาแห่งศาสตร์มืด พลังที่ดูราวจะดูดกลืนเอาวิญญาณเข้าไปได้ หวังเป่าเล่อพูดออกมาเนิบๆ “เฉินโม่เฟิง!”
เสียงติดสำเนียงแปลกแปร่งของชายหนุ่มดังสะท้อนก้องไปในอวกาศ ก่อนจะพาให้ราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีตัวสั่น แล้วส่งเสียงคำรามออกมาน่าสะพรึงกลัว
“วิญญาณ จงกลับมาเถิด!” หวังเป่าเล่อกล่าว เสียงของชายหนุ่มเหมือนจะมีอำนาจควบคุมวิญญาณได้ ราวกับว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นวาจาสิทธิ์ ชายหนุ่มประกบมือเข้ามาหากันเป็นผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ ก่อนจะแยกออกจากกันคล้ายการแยกกันของหยินและหยาง การเป็นอิสระจากชีวิตและความตาย ในที่สุดวิญญาณที่หลับไหลอยู่…ก็ตื่นขึ้น!
ราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีเงยศีรษะขึ้นมองฟ้าแล้วคำรามออกมาอีกครั้ง โทสะของเขาดังสนั่นสะท้อนก้องไปทั่วทั้งสนามรบ ส่งเอาความกลัวและตื่นตะลึงเข้าไปอยู่ในทุกหัวใจที่เต้นระรัว เสียงคำรามกลบเสียงของหวังเป่าเล่อไปสิ้น ส่งคลื่นพลังวิญญาณกระเพื่อมออกไปในจักรวาล รัศมีอันน่าสะพรึงกลัวปะทุออกมาจากร่างของราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรี!
รัศมีที่ปรากฏออกมานั้นเหนือชั้นกว่าทุกคนในสนามรบ ผู้ฝึกตนทุกคน ไม่ว่าจะจากสำนักวังเต๋าไพศาลหรือสหพันธรัฐ ต่างก็ตัวสั่นเทิ้มไปตามๆ กัน!
กระทั่งศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันก็ยังตัวสั่นเทาทั้งๆ ที่ยังพุ่งเข้าหาอยู่ ชายชราถอยกรูดตามสัญชาตญาณ และตื่นกลัวเกินกว่าจะเข้าใกล้ราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรี รอยสีแดงปรากฏขึ้นบนหน้าผากของโยวหรัน ดูเหมือนว่าตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่ามีรอยนั้นอยู่ ลึกลงไปในเรือบินรบเต๋ามรณะของตระกูลไม่รู้สิ้น สตรีนางหนึ่งที่นั่งอยู่บนหน้าผาเริ่มผงกศีรษะขึ้นช้าๆ นางจ้องมองออกไปยังโลกภายนอกเรือบินรบ คลื่นอารมณ์อันปั่นป่วนฉาบเคลือบอยู่ในแววตา
วินาทีเดียวกันนั้นเอง แสงสีแดงในนัยน์ตาของราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือแสงสลัวลุ่มลึกที่ดูจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปเป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและงุนงง
สนามรบเงียบสงัด ไม่มีใครพูดอะไรทั้งสิ้น ต่อให้ตื่นเต้นเพียงใด เฟิ่งชิวหรันก็ยังพูดไม่ออกเพราะแรงกดดันอันมหาศาลที่ส่งมาจากราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรี ไม่มีใครสังเกตเห็นหลี่อู๋เฉินในตอนนั้น ชายหนุ่มตัวสั่นเทา ผนึกที่อยู่ในดวงตาทั้งสองเหมือนจะแตกสลายไป ทำให้ความทรงจำมากมายไหลกลับคืนมาในศีรษะ ในดวงตาปรากฏแววตเวทนาเมื่อชายหนุ่มจ้องมองไปยังราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรี
“เฉินโม่เฟิง…”
ท่ามกลางความตื่นตกใจของทุกคน เฉินโม่เฟิงก็ก้มศีรษะลงมองผนึกต้องสาปบนเนื้อหนังของตนเองอย่างงุนงง ก่อนจะหันไปมองโซ่ตรวนที่ล่ามเขาเอาไว้ จากนั้นก็หันศีรษะไปมองหวังเป่าเล่อที่อยู่บนไหล่อย่างเงียบเชียบ ราวกับว่าสายตาของเขากวาดผ่านหวังเป่าเล่อไป โชคไม่ดีนักที่เมื่อเขาตื่นขึ้น ความคิดอ่านทั้งหลายยังไม่ตื่นตามเขาไปด้วย ทำให้เฉินโม่เฟิงยังตกอยู่ในความสับสน
ใบหน้าของหวังเป่าเล่อซีดขาว ชายหนุ่มยืนอยู่บนบ่าของเฉินโม่เฟิง พร้อมรับรัศมีอันรุนแรงของอีกฝ่ายเข้าไปเต็มๆ เขาต้องใช้พลังของวิญญาณจุติดวงดารา เกราะจักรพรรดิ เปลวไฟสีดำ และความเกี่ยวโยงกันระหว่างดอกบัวเขียวกับราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรี จึงสามารถยืนต่ออยู่ได้ หวังเป่าเล่อหันไปสบตาราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรี ชายหนุ่มยกมือขึ้นอย่างยากเย็นพลางประกบมือและก้มศีรษะคารวะต่ำ
“ข้า หวังเป่าเล่อ เป็นศิษย์น้องของท่านและศิษย์แห่งสำนักวังเต๋าไพศาล ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันทรยศหักหลังสำนักและส่งสำนักวังเต๋าไพศาลไปสู่อันตราย ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปลุกท่านผู้อาวุโสขึ้นมา ข้าน้อยขอร้องให้ท่านช่วยเหลือและสังหารผู้ทรยศศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันผู้นี้ด้วยเถิด!”
ดูเหมือนว่าเฉินโม่เฟิงจะไม่ได้ยินหวังเป่าเล่อเลยแม้แต่น้อย เขาถอนสายตาสับสนที่จ้องมองหวังเป่าเล่อไปกวาดดูสนามรบ หยุดจับจ้องหลี่อู๋เฉินอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะเคลื่อนต่อไปหยุดนิ่งอยู่ที่ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันซึ่งตัวสั่นเทา ขนหัวลุกตั้ง เฉินโม่เฟิงมองเห็นรอยบนหน้าผากศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน ซึ่งดูเหมือนจะกระตุ้นบางอย่างในตัวขึ้นมา ชายในร่างยักษ์ดูราวกับกำลังต่อสู้กับความสับสนของตัวเอง
หวังเป่าเล่อเริ่มโมโหที่เฉินโม่เฟิงเมินตนอย่างสิ้นเชิงหลังจากตื่นขึ้นมา ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าพลังของเมล็ดบัวที่ถูกขยี้ไปนั้นจางหายไปอย่างรวดเร็วพร้อมๆ กับการตื่นขึ้นของเฉินโม่เฟิง และจะหายไปสิ้นภายในอีกสิบลมหายใจ จากนั้นเฉินโม่เฟิงจะกลับไปหลับไหลอีกครั้ง ด้วยความวิตกกังวล ชายหนุ่มจึงตะโกนเรียกเฉินโม่เฟิงอีกรอบ
“ได้โปรดเถิด ผู้อาวุโสผู้ทรงเกียรติ โปรดช่วยข้าสังหารชายผู้นี้ด้วย!” หวังเป่าเล่อเขย่าดอกบัวสีเขียวในกายอย่างรุนแรงขณะที่พูด พลางปลดปล่อยเปลวไฟสีดำไปด้วย เฉินโม่เฟิงตัวสั่นน้อยๆ ก่อนจะมีจิตสังหารปรากฏขึ้นบนแววตา พาให้ยกมือขวาใหญ่ยักษ์ขึ้นช้าๆ
บรรดาวิญญาณจันทรา เผ่าพันธุ์อมตะราตรี และแมลงจันทราบนดวงจันทร์ต่างก็ตัวสั่นเทาเมื่อเห็นท่าทางนั้น มีพลังปริศนาบางอย่างกำลังฉุดรั้งพวกมัน ในที่สุดพวกมันก็สลายกลายเป็นดวงไฟเล็กจ้อยที่ล่องลอยไปสู่จักรวาล
ดวงไฟเหล่านั้นมีจำนวนนับแสนๆ ดวง พวกมันขึ้นไปรวมตัวกันบนจักรวาลราวกับว่าเป็นส่วนหนึ่งของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรีมาโดยตลอด ก่อนจะแปรสภาพเป็นสายน้ำแห่งแสงที่ไหลอยู่ข้างกายราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรี ขณะที่มือขวาของราชาเผ่าพันธุ์อมตะราตรียกขึ้นจนเต็มที่ สายน้ำแห่งแสงก็ไหลไปยังมือข้างที่ยกอยู่ก่อนจะแปรสภาพกลายเป็นนิ้วมายา!
นิ้วนั้นช่างเล็กจ้อยหากเทียบกับขนาดดวงจันทร์ เล็กประมาณหนึ่งในสิบเท่านั้น แต่การปรากฏขึ้นของมันก็ทำให้ทุกคนที่รายล้อมอยู่ถึงกับตื่นตะลึง นิ้วพุ่งเข้าหาศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันอย่างรวดเร็วปานฟ้าผ่า!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น