หมอดูยอดอัจฉริยะ 704-709

 ตอนที่ 704 เกิดเรื่องแล้ว

หูหงเต๋อไม่โกหกเยี่ยเทียน ในเมื่อเขาอยากตามหาหยกอ่อนสีดำมากขนาดนี้ แสดงว่ามันต้องมีความลับที่เขายังไม่รู้ซ่อนไว้อยู่ จึงตั้งใจคิดทบทวนในความทรงจำดู


ไม่นานหูหงเต๋อส่ายหัวอีกรอบ “สถานที่ที่จะมีของแบบนั้นได้ จะต้องเป็นสถานที่หนาวจัด เขาฉางไป๋ซานอากาศเย็นตลอดทั้งปี คิดไม่ออกเลยว่านอกจากบึงน้ำมังกรดำนั้นแล้วยังมีสถานที่อื่นที่มีหยกแบบนี้อีกไหม?”


“ช่างเถอะ ไปที่บึงน้ำมังกรดำก่อนก็แล้วกัน ดูสิว่าจะได้อะไรกลับมาบ้าง?”


เยี่ยเทียนถอนหายใจ ตอนแรกตกลงผูกมิตรกับมังกรดำ มันถึงยอมมอบหยกอ่อนสีดำชิ้นเล็กเท่าหัวนิ้วก้อยให้ แค่นี้ก็รู้ว่ามังกรดำเห็นหยกอ่อนสีดำเป็นของล้ำค่า ไม่แน่ว่าจะมีมากชิ้น


หูหงเต๋อพยักหน้าเห็นด้วย “ได้ ฉันไปเตรียมตัวก่อน อีกเดี๋ยวพวกเราจะเข้าไปที่สถานีป่าไม้ค้างสักคืน พรุ่งนี้เช้าค่อยขึ้นเขา!”


หลังจากพักอยู่ที่ปักกิ่งกับฮ่องกงระยะหนึ่ง หูหงเต๋อยังไม่ได้กลับขึ้นไปอยู่บนเขา ดังนั้นรถม้าของเขายังคงทิ้งไว้ที่สถานีป่าไม้ หูเสี่ยวเซียนขับรถพาเขาทั้งสองไปส่ง


“ปู่หู ไม่ได้พบท่านมาระยะหนึ่งแล้ว!”


รถยนต์ขับไปถึงสถานีป่าไม้ หัวหน้าซ่งก็ออกมาต้อนรับ เมื่อเห็นผู้ที่ลงจากรถเป็นเยี่ยเทียนจึงตกใจ “แขกพิเศษนี่เอง เสี่ยวเยี่ยเป็นแขกพิเศษของเรา!”


“หัวหน้าซ่ง เกรงใจเกินไปแล้ว วันนี้ต้องรบกวนคุณด้วยครับ!”


เยี่ยเทียนจับมือกับหัวหน้าซ่ง แล้วขนสัมภาระลงจากท้ายรถสองลัง “อากาศหนาวอย่างรุนแรง ผมเลยซื้อเหล้ามาเผื่อคุณด้วย!”


“โอ้โห มาอย่างเดียวก็พอ เกรงใจทำไม?” หัวหน้าซ่งยิ้มแก้มปริรับขวดเหล้าไป “ยังไงผมก็ชอบของแบบนี้ เมื่อวานเหล่าหลิวล่าหมูป่ามาตัวหนึ่ง คืนนี้เราก่อไฟกินเนื้อย่างกัน!”


“ดีสิ หนูอยากกินเนื้อแพะย่างด้วย!” หูเสี่ยวเซียนได้ยินเข้าร้องอย่างดีใจ เธอเติบโตขึ้นมากับป่าผืนนี้ คนที่อาศัยในสถานีป่าไม้แถวนี้เป็นเหมือนญาติของเธอทั้งนั้น


“ได้ เสี่ยวเซียนกินขาแพะ ฉันจะกลับไปฆ่าแพะมาตัวหนึ่ง!” หัวหน้าซ่งหัวเราะอย่างเปิดเผย แล้วเรียกพวกเยี่ยเทียนเข้าไปนั่งพักในบ้าน ส่วนตัวเองออกไปจัดการของกิน


ก่อนเดินเข้าบ้าน หูหงเต๋อแหงนหน้ามองฟ้าทีหนึ่ง เมื่อเข้าไปถึงในห้องแล้วปลดผ้าคลุมไหล่ส่งให้เยี่ยเทียนบอกว่า “เยี่ยเทียน พรุ่งนี้เธอใช้ผ้าคลุมหนังจิ้งจอกแดงผืนนี้ไป น่าจะมีหิมะตก!”


“ไม่น่าหรอก? นี่เพิ่งจะห้าโมงเย็น ฟ้ายังสว่างจ้าอยู่เลย หิมะจะตกได้อย่างไร?” เดือนธันวาคมของตงเป่ย บ่ายสี่โมงเย็นฟ้าก็มืดแล้ว แต่วันนี้ถือว่าอากาศดีไม่น้อย


“หิมะครั้งนี้ไม่เบาเลย พรุ่งนี้เธอก็รู้!”


หูหงเต๋อส่ายหัว มีแววของความกังวล เขารู้ว่าเยี่ยเทียนเพิ่งได้รับบาดเจ็บอย่างหนักมาไม่นาน พลังลมปราณในร่างกายแทบจะหมดสิ้น เกรงว่าจะทนกับสภาพอากาศหนาวเหน็บติดลบในหุบเขาไม่ไหว


การมาเยือนของหูหงเต๋อ หลานสาวและเยี่ยเทียนทำให้สถานีป่าไม้นี้คึกคักขึ้น ปาร์ตี้รอบกองไฟสนุกสนานกันถึงห้าทุ่มทุกคนจึงแยกย้าย หูหงเต๋อและเยี่ยเทียนดื่มไปไม่น้อย


“เหล่าหู คุณนี่ปากอีกาจริงๆ!”


วันรุ่งขึ้นเยี่ยเทียนดันประตูออกไปดึงม่านขึ้น ปุยหิมะเย็นเฉียบขนาดเท่าฝ่ามือเด็กลอยเข้ามาปะทะหน้าเยี่ยเทียน หิมะกำลังตกหนัก ทำให้เขามองไม่เห็นทางเบื้องหน้าในรัศมีสามเมตร


“ปีนี้หิมะมาช้าไปหน่อย อย่างน้อยน่าจะตกสักสามวันห้าวัน!”


หูหงเต๋อกำลังจุดบุหรี่สูบอยู่หน้าเตาผิง ประตูถูกเยี่ยเทียนดันเปิดออก ลมหนาวโถมพัดเข้ามาจนตัวสั่น หันมาบอกเยี่ยเทียนว่า “หยกนั่นถ้าไม่รีบ เรารออีกครึ่งเดือนค่อยขึ้นเขาเถอะ?”


ตัวเขาเองไม่ได้กลัวอะไร แต่กังวลว่าร่างกายของเยี่ยเทียนหากไปอยู่ท่ากลางหิมะหนาวเหน็บบนเขา เขาจะต้องดูแลเยี่ยเทียนอย่างยากลำบาก


“ไม่เป็นไร พวกเรารีบไปให้ถึงบึงน้ำมังกรดำดีกว่า”


เยี่ยเทียนส่ายหัว เมื่อได้ใช้หยกอ่อนสีดำฝึกวิชาแล้ว หากยังมีความเป็นไปได้ เยี่ยเทียนก็อยากจะตามหาหยกอ่อนสีดำเพิ่ม แค่มีหยกชิ้นเล็กนิดเดียวก็สามารถประหยัดเวลาการฝึกวิชาลงไปได้หลายปี


“ก็ได้ พอถึงบึงน้ำมังกรดำแล้วที่นั่นอากาศอุ่นกว่านี้มาก” หูหงเต๋อพยักหน้า รู้จักกันมานาน เขารู้ว่าเยี่ยเทียนเมื่อได้ตัดสินใจลงไปแล้วไม่มีใครเปลี่ยนใจเขาได้


“ปู่หู เสี่ยวเยี่ย หิมะตกหนักขนาดนี้ วันนี้คุณทั้งสองอยู่ที่นี่ก่อนเถอะ”


ตอนที่ทั้งสองกำลังคุยกัน หัวหน้าซ่งเดินถือหม้อซุปร้อนๆเปิดผ้าม่านเข้ามา “กินอะไรร้อนๆก่อน มื้อเที่ยงวันนี้เราจะต้มน้ำซุปกระดูกแพะ”


หูหงเต๋อเหลือบมองเยี่ยเทียนแล้วพูดว่า “เสี่ยวซ่ง ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเราก็จะขึ้นเขากันแล้ว ในหุบเขายังวางกับดักไว้ด้วย!”


“ปู่หู หิมะตกหนักขนาดนี้ พวกคุณยังจะขึ้นเขาอีกหรือ?” หัวหน้าซ่งอึ้งไป


หูหงเต๋อยิ้มตอบ “ไม่เป็นไร อยู่แค่แถวกระท่อมของฉันแถวนั้นเอง ฉันกลัวว่าหิมะจะกลบมันหมดเสีย ยังไงก็ต้องไปโกยหิมะออกบ้าง!”


“ครับ งั้นทั้งสองท่านระวังตัวด้วย”


หัวหน้าซ่งพยักหน้าไม่ได้ห้ามปรามต่อ ในรอบรัศมีร้อยกิโลเมตรรอบเขาฉางไป๋ซาน มีใครไม่รู้จักชื่อตาเฒ่าหูบ้าง สำหรับหูหงเต๋อแล้ว เขาคุ้นเคยกับที่นี่ราวกับสวนหลังบ้านของตัวเองทีเดียว


รับประทานข้าวต้มร้อนๆไปสองถ้วยแล้วหูหงเต๋อกับเยี่ยเทียนก็ออกเดินทางไปท่ามกลางหิมะที่ปกคลุมหนา นี่เพิ่งตกไปได้ไม่กี่ชั่วโมง ความหนาของหิมะก็สูงเท่าหัวเข่าแล้ว


โดยเฉพาะตอนเดินขึ้นเขา ก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งถูกลมพัดถอยหลังมาสองก้าว แม้จะห่อหุ้มร่างกายอย่างแน่นหนาแค่ไหนยังรู้สึกได้ว่าลมหนาวพัดผ่านผิวหนังเสียดแทงเข้าไปถึงกระดูก


ครั้งที่แล้วที่เยี่ยเทียนมา ทั้งสองใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เดินมาถึงกระท่อมไม้ของหูหงเต๋อแล้ว แต่ครั้งนี้ใช้เวลามากถึงชั่วโมงกว่าจึงจะมาถึง


“เยี่ยเทียน ไม่เป็นไรใช่ไหม? ไหวหรือเปล่า?” เข้าไปในกระท่อมแล้ว หูหงเต๋อรีบก่อเตาไฟในบ้าน นี่เป็นแค่การเริ่มต้น ถ้าเดินลึกเข้าไปในป่าทึบ ยิ่งเดินยากกว่านี้หลายเท่า


“ไม่มีปัญหา เหล่าหู คุณดูถูกกำลังผมเกินไปนะ?”


เยี่ยเทียนส่ายหัว ถอดหมวกออก ควันขาวพ่นออกมาจากปากตามจังหวะการพูด มองผ่านๆเหมือนมีไอร้อนพ่นออกมาจากหัว


ตลอดทางเยี่ยเทียนใช้พลังจิตดั้งเดิมปิดกั้นรูขุมขนเอาไว้ ทำให้พลังงานความร้อนในร่างกายไหลออกไป ดังนั้นถึงไม่มีพลังเดิมแท้ปกป้องร่างกายก็ยังทนได้อยู่


แต่วิธีการนี้มันทำลายจิตดั้งเดิมอย่างรุนแรง เยี่ยเทียนคิดว่าอย่างมากอดทนทั้งวันก็จะได้พักผ่อนแล้ว โชคดีที่พลังปราณวิเศษในหุบเขาเข้มข้น ไม่ต้องกลัวว่าพลังจะไม่ฟื้นฟู


พักผ่อนอยู่ในกระท่อมไม้สองชั่วโมงกว่า แล้วทั้งคู่ก็มุ่งหน้าสู่เขาฉางไป๋ซาน ทางเดินขึ้นเขาเปิดรอยยาวเป็นเส้นจากรอยเท้าของคนทั้งสองได้เพียงชั่วครู่ก็ถูกหิมะหนาปิดกลบซ้ำอีก


เข้าถึงป่าลึกแล้ว ลมกรรโชกสงบลงมาก ทำให้ทั้งสองเดินทางต่อได้ง่ายขึ้น ตอนเย็นมาถึงบริเวณที่คราวก่อนมาเก็บหญ้าคืนวิญญาณ


หูหงเต๋อรู้จักสถานที่บริเวณนี้เป็นอย่างดี เขาพาเยี่ยเทียนมาถึงถ้ำตรงเนินเขา ที่นี่มีท่อนฟืนเก็บไว้อยู่ ตกดึกใช้ก่อไฟให้ความอบอุ่นขับไล่ความหนาวได้


เมื่อไม่มีพลังปราณชีวิตแท้ปกป้องร่างกาย ผ่านมาครึ่งค่อนวันเยี่ยเทียนสิ้นเปลืองพลังงานไปมาก หลังจากกินอาหารเล็กน้อยเขานั่งลงทำสมาธิโคจรลมปราณฝึกวิชาต่อทันที


จิตดั้งเดิมที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเยี่ยเทียนในตอนนี้รูปร่างเว้าแหว่งหลุดลุ่ย แต่เมื่อเขาเดินลมปราณแล้ว จิตดั้งเดิมเหมือนเกิดหลุมลึกอยู่ตรงกลางดูดกลืนพลังฟ้าดินจากธรรมชาติเข้าไปเป็นระลอก


“ใช้พลังงานไปจนหมด ผลจากการฝึกจิตดั้งเดิมกลับทำให้ดีขึ้นมาก?”


เช้าวันรุ่งขึ้น เยี่ยเทียนลืมตาตื่นจากสมาธิ พลังงานในร่างกายฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ ทั้งจิตดั้งเดิมของเขาหนักแน่นมั่นคงขึ้นกว่าเดิมหลายส่วน


หูหงเต๋อตื่นตาตื่นใจกับผลของการฝึกวิชาของเยี่ยเทียน เมื่อวานตอนเริ่มนั่งสมาธิเยี่ยเทียนเหนื่อยจนลิ้นห้อย วันนี้กลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน


หิมะตกเบาลงแล้ว ทั้งสองรีบออกเดินทางให้เร็วขึ้น โดยเฉพาะเยี่ยเทียนที่รู้สึกถึงการฟื้นฟูพลังจากการฝึกวิชา ยิ่งอยากจะใช้พลังงานให้สิ้นเปลืองมากกว่าเดิม


การเดินทางที่เดินๆหยุดๆแบบนี้ปกติใช้เวลาสามวัน แต่ทั้งสองกลับใช้เวลาถึงห้าวัน ในที่สุดก็มาถึงบึงน้ำมังกรดำในป่าลึกจนได้


ป่าแถบนี้เป็นพื้นที่ทึบยาวติดต่อกันหลายลี้ เป็นบริเวณที่หลงป่าได้ง่ายที่สุด ถ้าไม่ได้หูหงเต๋อนำทาง เยี่ยเทียนคงหาบึงน้ำมังกรดำไม่พบ


เยี่ยเทียนเห็นหูหงเต๋อควักเอาขวดเหล้าออกมาจากกระเป๋าขวดหนึ่ง เดินไปที่ต้นไป๋ฮว่าต้นหนึ่ง เยี่ยเทียนถามอย่างสงสัย “เหล่าหู คุณทำอะไร?”


“พวกเขาหลายคนถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ต้นนี้”


ตอนนั้นหลังจากฝังร่างของไอ้บอดเมิ่ง เพราะกลัวว่าคนนอกมาพบเข้าแล้วเรื่องราวใหญ่โต หูหงเต๋อจึงเผาร่างของคนพวกนั้นแล้วนำเถ้าถ่านมาฝังรวมกันไว้ตรงเขตชายป่าห่างจากบึงน้ำมังกรดำสองร้อยกว่าเมตรโดยไม่ได้ตั้งป้ายหลุมศพ แต่ได้ทำสัญลักษณ์เอาไว้บนต้นไม้


“เจ้าเมิ่งบอด นายกับฉันสู้กันมาทั้งชีวิต พอนายตายแล้วหนี้แค้นทั้งหลายก็จบลง ฉันขอใช้เหล้านี้คารวะนาย!” หูหงเต๋อเปิดขวดเหล้าเทลงบนพื้น


“ทำความชั่วไว้มาก ผมกรรมตามสนอง!”


นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นในป่าแห่งนี้ เยี่ยเทียนส่ายหัวเดินเข้าไปตบบ่าหูหงเต๋อเบาๆ “เขาได้รับผลกรรมที่ทำไว้แล้ว อย่าคิดมากเลย ทำของกินนิดหน่อยไปเซ่นเจ้ามังกรดำดีกว่า”


“ฉันไม่เข้าไปหรอก ฉันจะรอเธออยู่ข้างนอก!”


หูหงเต๋อพูดพลางทำตัวสั่น สัตว์ประหลาดนั้นมีดวงตาที่ไร้แววความรู้สึก เขาไม่อยากเข้าไปเผชิญหน้ากับมัน


“มันเป็นเพื่อนบ้านของคุณนะ ผูกมิตรกันไว้ไม่ดีกว่าหรือ!”


เยี่ยเทียนได้ยินก็หัวเราะ ตอนที่กำลังเตรียมข้าวของจะทำอาหารอยู่นั้น ได้ยินเสียงหวีดยาวลอยมา


“เป็นเสียงเจ้ามังกรดำ หรือมันจะรู้ว่าฉันมา?”


เยี่ยเทียนได้ยินชัดเจนว่าเป็นเสียงของมังกรดำแน่นอน แต่แล้วสีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที เพราะเสียงหวีดนั้นปนด้วยความเจ็บปวดทรมาน แล้วยังมีความโกรธแฝงอยู่ด้วย


“ไม่ใช่ว่า เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!” เยี่ยเทียนหยิบกระดิ่งสามอันขึ้นมา วิ่งไปตามต้นเสียง


“เยี่ยเทียน เจ้านั่นเป็นราชาแห่งหุบเขา ใครจะทำอะไรมันได้?”


เมื่อเห็นว่าเยี่ยเทียนหน้าเปลี่ยนสี หูหงเต๋อรีบตามไป เขาวิ่งพลางหยิบปืนกลรุ่นหกห้าที่พาดบ่าไว้ออกมา แล้วบรรจุกระสุนลงราง


ตอนที่ 705 ต่อสู้

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเจ้ามังกรดำถึงโกรธขนาดนี้?”


เยี่ยเทียนฟังออกว่าเป็นเสียงคำรามที่เกิดจากความเจ็บปวดและความโกรธ ราวกับกำลังถูกบางสิ่งทำร้าย ทำให้เยี่ยเทียนทั้งร้อนใจทั้งหวั่นใจ


เยี่ยเทียนฝึกวิชาจนถึงขั้นหลอมปราณสู่เป็นจิตได้ ยังดูไม่ออกว่ามังกรดำมีเขาที่งอกขึ้นมาบนหัวมีฤทธ์มากแค่ไหน แต่มีความรู้สึกว่าถ้าเจ้ามังกรดำอยากจะฆ่าเขาคงไม่ต้องใช้แรงอะไรเยอะ


ต่อมาเมื่อได้พบกับวานรขาวที่เสินหนงเจี้ย แม้วานรขาวจะมีอิทธิฤทธิ์มากกว่ามังกรดำ แต่เยี่ยเทียนคิดว่าถ้าทั้งสองฝ่ายมาปะทะกัน ผู้แพ้น่าจะเป็นวานรขาวแน่นอน


แต่ตอนนี้มังกรดำกำลังเผชิญภัย เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าภัยนี้เกิดจากสัตว์ประเภทเดียวกันกับเจ้ามังกรดำหรือเกิดจากมนุษย์ผู้กำลังฝึกบำเพ็ญเต๋า?


ในใจเยี่ยเทียนร้อนรนมาก แต่หิมะที่ตกติดต่อกันหลายวันทำให้แต่ละก้าวเป็นไปอย่างยากลำบาก หิมะท่วมสูงระดับเอว ระยะห่างเพียงไม่กี่ลี้ต้องใช้เวลาเดินถึงครึ่งชั่วโมง


เสียงร้องคำรามของมังกรดำยิ่งดังขึ้น ในน้ำเสียงมีความเศร้าสร้อยและทำอะไรไม่ถูก


“เยี่ยเทียน มีเรื่องอะไร? เกิดอะไรขึ้น?”


หูหงเต๋อแบกปืนวิ่งตามเยี่ยเทียนมาติดๆ เสียงคำรามดังกึกก้องจนหูแทบดับได้ยินแล้วหนาวเหน็บเข้าไปถึงก้นบึ้งหัวใจ มองดูหมอกพิษที่ปกคลุมไปทั่วหุบเขาแล้วหูหงเต๋อมีสีหน้าประหวั่นพรั่นพรึง


“เหล่าหู เบาๆหน่อย” เยี่ยเทียนกดเสียงให้เบา ดึงหูหงเต๋อไปซ่อนที่หลังต้นไป๋ฮว่า


เจ้ามังกรดำเป็นสัตว์ในตำนานที่มนุษย์ไม่เคยรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของมัน ตอนนี้ด้านในกำลังมีการต่อสู้อย่างดุเดือด ท่าจะเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกัน เยี่ยเทียนรู้ว่าตนกับหูหงเต๋อไม่อาจสู้ฝ่ายตรงข้ามได้


“ดูเหมือนเจ้ามังกรจะเสียท่าอยู่นะ?” หูหงเต๋อได้ยินมังกรดำร้องเสียงแหลมอย่างเจ็บปวดทุรนทุราย กระซิบถามเบาๆว่า “เยี่ยเทียน พวกเราจะทำยังไงดี?”


เยี่ยเทียนคิดเล็กน้อยแล้วตอบว่า “ผมจะเข้าไปดูข้างใน!”


เมื่อก่อนเคยผูกสัมพันธ์กับมังกรดำหรือจะเป็นตอนที่มังกรดำมอบหยกอ่อนสีดำให้ เยี่ยเทียนต้องเข้าไปดูให้รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่


ส่วนเรื่องจะลงมือช่วยหรือไม่ เขายังไม่มีความคิดนั้น คู่ต่อสู้ไม่ใช้ผู้ที่เขาจะต้านทานได้


หูหงเต๋อตะลึง รีบดึงแขนเยี่ยเทียนไว้ “อย่าล้อเล่นน่า นี่…ในหุบเขามีแต่หมอกพิษ เธอเข้าไปอาจจะถูกพิษจนตายได้!”


บึงน้ำมังกรดำอยู่หลังปากทางเข้าหุบเขา มีซากศพของสารพัดสัตว์กองทับถมอยู่ ถ้ามีใครเผลอหลงเข้าไปในนั้น สูดเอาไอพิษเข้าไป ยังไม่ทันจะวิ่งหนีออกมาก็ถูกไอพิษรมจนตายก่อน


เยี่ยเทียนกัดฟัน “เหล่าหู คุณป้องกันให้ผมที ไม่ว่าจะเป็นคนหรือวัตถุอะไรเข้าใกล้ ยิงทิ้งให้หมด อย่าได้ใจอ่อน!”


“ป้องกัน? เธอจะทำอะไร?” หูหงเต๋อส่ายหัว มองดูเยี่ยเทียนปลดกระเป๋าเป้ลงวางที่พื้น นั่งลงไปเต็มก้น เดาไม่ถูกว่าเขาจะทำอะไร


“ไป!” เยี่ยเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พ่นลมหายใจออกทางปาก มีเงาสีขาวที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าลอยออกมาจากกลางหว่างคิ้วของเยี่ยเทียน ลอยสูงเหนือศีรษะประมาณสามศอก


นี่คือจิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียน ที่เมื่อเปรียบเทียบกับหลายวันก่อน จิตดั้งเดิมก่อตัวเป็นรูปร่างมั่นคงดี มีแขนขาเล็กๆมองเห็นได้อย่างชัดเจน


ที่สำคัญกว่านั้น จิตดั้งเดิมที่ไม่เป็นรูปร่าง ตอนนี้กลับรู้สึกราวกับจับต้องได้ ปรากฏเป็นเงากลมๆลอยอยู่กลางอากาศ หูหงเต๋อที่นั่งอยู่ข้างๆมองเห็นเต็มตา


“โอ้โห นี่มันอะไรกัน?”


เห็นภาพแบบนี้แล้วหูหงเต๋อมองตาค้าง บ่นพึมพำออกมาไม่รู้ตัว ยังดีที่เขารู้ตัวเร็วทันเอามืออุดปากตัวเองไว้


เสียงร้องของมังกรดำฟังดูทุรนทุรายมากขึ้น เยี่ยเทียนไม่ทันได้อธิบายอะไรมาก จิตดั้งเดิมกุมเอากระดิ่งทั้งสามสะบัดเบาๆ ลอยเข้าไปในม่านหมอกพิษ


เป็นไปตามที่เยี่ยเทียนคาดไว้ หมอกพิษนี้มีผลแต่กับร่างกายที่มีเลือดเนื้อ ไม่ทำอันตรายดวงจิตที่ไม่มีตัวตน ภายในชั่วระยะเวลาหนึ่งลมหายใจ เยี่ยเทียนก็ลอยเข้าไปสู่ใจกลางหุบเขา


เยี่ยเทียนรู้วิชาของตนยังไม่เก่งกล้า เข้าไปถึงระยะห่างสามสิบกว่าเมตร ดวงจิตของเขาหยุดลงแอบไปหลบอยู่หลังแท่นหินมองไปทางบึงน้ำมังกรดำ


เมื่อมองออกไปภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้เยี่ยเทียนเกือบควบคุมดวงจิตไม่ได้ กระดิ่งสามอันใกล้หล่นตกพื้น


ร่างของมังกรดำยาวขนาดเจ็ดแปดเมตรขึ้นมาอยู่บนพื้นดินข้างสระน้ำ


เกล็ดสีดำวาววับทั้งตัวของมันถูกเชือกเส้นใหญ่สีทองเรืองแสงมัดไว้ มัดแน่นจนมันแทบขยับตัวไม่ได้ ทำได้เพียงเปล่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา อ้าปากคราวหนึ่งก็พ่นควันพิษออกมาครั้งหนึ่ง


ห่างจากสระน้ำไปยี่สิบเมตรมีนักพรตสวมชุดคลุมสีเขียวตัวยาวคนหนึ่งยืนอยู่ รูปร่างผอมเพรียว รอบกายเขาปกคลุมด้วยเกราะสีขาวป้องกันควันพิษของมังกรดำไม่ให้เข้าใกล้ตัว


ปลายเชือกด้านหนึ่งอยู่ในมือซ้ายของนักพรต แต่ดูท่าทางนักพรตไม่ได้ควบคุมมันง่ายดายนัก ใบหน้ามีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นทั่ว มือขวาข้างที่ว่างอยู่วาดยันต์กลางอากาศแล้วส่งไปที่ตัวเชือก


“เป็นคนของลัทธิเต๋าจริงๆด้วย?” เห็นแบบนี้แล้วเยี่ยเทียนคิดลังเลขึ้นมา เขาไม่นึกไม่ฝันว่าในเหตุการณ์แบบนี้จะได้พบกับนักพรตผู้ฝึกวิชา?”


ถ้าอยู่ในสถานการณ์อื่น เยี่ยเทียนอาจจะออกไปแสดงตัวทำความเคารพ แต่เจ้ามังกรดำได้เคยมอบหยกอ่อนสีดำให้เขา จนกลายเป็นสหายกัน เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าควรจะเลือกทำอย่างไรดี


“แกมันสารเลว ฉันหวังดีให้แกเป็นสัตว์วิเศษปกปักษ์คุ้มครองหุบเขา สอนวิชาบำเพ็ญเพียรให้แก แกก็ฝึกได้ดี แต่นี่แกไม่รู้ผิดชอบชั่วดี…..”


ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังไตร่ตรองอยู่นั้น นักพรตจู่ๆก็ตะโกนด่าว่ามังกรดำยกใหญ่ “ในเมื่อแกไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ฉันจะใช้แส้ฟาดมังกรนี้เฆี่ยนแกให้หนัก!”


“โฮก!”


มังกรดำได้ยินที่นักพรตต่อว่ายิ่งดิ้นแรงขึ้น พร้อมกับอ้าปากพ่นลำแสงพุ่งเข้าใส่ตัวของนักพรต ในช่วงฉุกเฉินนั้นกลับกลายเป็นเม็ดพลัง เน่ยตัน ที่ยังไม่สมบูรณ์ดีถูกพ่นออกมา แสดงว่ามันต้องการสู้สุดชีวิต


ถ้าเป็นเรื่องของการฝึกฝนบำเพ็ญเพียร มันอยู่ห่างจากขั้นที่จะตกผลึกแตกหน่อเพียงแค่ก้าวเดียว หลังจากแตกหน่อแล้วมันจะกลายเป็นมังกร เหมือนกับการฝึกวิชาจินตันของมนุษย์


ส่วนวิชาของนักพรตคนนี้สูงแค่ขั้นกลางของระดับเซียน ยังห่างจากขั้นตกผลึกจินตันอีกไกล แต่ต่างจากมังกรดำที่ฝึกวิชาด้วยตัวเอง นักพรตได้รับการสืบทอดเคล็ดลับวิชาที่สมบูรณ์มาจากอาจารย์ วิชาที่ว่านี้เจ้ามังกรดำไม่อาจสู้ได้


อีกทั้งเชือกที่ผูกมัดมังกรดำอยู่เป็นของล้ำค่าของสำนักวิชา มีอิทธิฤทธิ์มากล้น ไม่ว่าจะคนหรือปีศาจ ถ้าได้ลองถูกเชือกเส้นนี้ผูกไว้ไม่มีทางหนีรอดไปได้ง่ายๆ


แต่เชือกนี้ต้องใช้พลังจิตดั้งเดิมคอยควบคุม นักพรตใช้พลังจิตทั้งหมดควบคุมเชือกให้ผูกมัดมังกรดำอย่างแน่นหนา ตอนนี้ไม่มีทางแบ่งพลังออกไปเพื่อสังหารมังกรดำได้


จู่ๆมังกรดำก็คายเม็ดพลัง เน่ยตัน ออกมาเพื่อต่อสู้ ทำให้นักพรตคาดไม่ถึง ในระยะเวลาชั่วพริบตา นักพรตป้องกันเบื้องหน้าได้ทันก่อนที่เม็ดพลัง เน่ยตัน จะพุ่งเข้าใส่ร่าง


เสียงดัง “ปัง” สนั่นหวั่นไหว


เกราะกำบังเบื้องหน้านักพรตเปราะบางเหมือนกระดาษ เม็ดพลังเน่ยตันเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งตัดผ่านเกราะกำบังเข้าใส่ตัวนักพรต นักพรตถูกพลังกระทบอย่างจังจนตัวปลิวไปด้านหลังเจ็ดแปดเมตร


“แค่ก….แค่กแค่ก!”


นักพรตกระอักเลือดสดๆออกมาระหว่างที่ยังลอยอยู่กลางอากาศ เมื่อตกถึงพื้นร่างถลาไปด้านหลังอีกหลายก้าวถึงจะหยุดยืนได้มั่นคง แต่เม็ดพลังเน่ยตันของมังกรดำสีอ่อนลงมาก ส่องแสงวูบวาบลอยกลับไปหาเจ้าของ


“ปล่อยออกมาแล้ว ก็อย่าได้เก็บกลับไปอีกเลย!”


นักพรตหน้าเหลืองช้ำ มุมปากมีเลือดไหล ยิ้มเยาะด้วยความสะใจ มือซ้ายโบกกลางอากาศเกิดเป็นลำแสงสีขาวพุ่งออกไปกลายเป็นรูปมือใหญ่ลอยเข้าหาเม็ดพลังเน่ยตันนั้น


“จิตออกจากร่าง?”


เยี่ยเทียนที่แอบดูอยู่ห่างๆหวั่นใจแทน แสงรูปมือของนักพรตคนนั้นดูราวกลับมีเลือดเนื้อเหมือนของจริง แข็งแกร่งกว่าจิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนหลายเท่า?


จิตดั้งเดิมเคลื่อนไหวรวดเร็ว ไม่ทันรอให้เม็ดพลังเน่ยตันลอยคืนสู่เจ้าของ ก็ถูกมือใหญ่ของนักพรตรวบเอาไป เจ้ามังกรดำส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา สำรอกเอาพลังปราณแท้ที่พากเพียรฝึกมาหลายร้อยปีออกมา ส่งเข้าไปที่เม็ดพลังเน่ยตันนั้น


ครู่เดียวเม็ดพลังเน่ยตันก็เรืองแสงขึ้น มีกำลังขัดขืนมือใหญ่มากขึ้น นักพรตแม้จะจับเม็ดพลังเน่ยตันไว้ได้ แต่ไม่อาจควบคุมดึงเม็ดพลังเน่ยตันกลับไปได้


“สารเลว ฉันอุตส่าห์ใช้การฝึกวิชาของฉันเข้าแลกเพื่อจัดการกับแก พอถึงเวลาฉันจะเอาเม็ดพลังเน่ยตันของแกกลับไปฝึกวิชาต่อ!”


นักพรตยิ้มอย่างโหดเหี้ยม แล้วอ้าปากปล่อยเอาพลังที่แท้จริงของตัวเองออกมาพร้อมกับใช้มือขวาวาดยันต์เพื่อสั่งให้เชือกที่ผูดมัดเจ้ามังกรดำอยู่นั้นรัดแน่นยิ่งขึ้น


เกล็ดของมังกรดำแข็งแกร่งฟันแทงไม่เข้า เชือกที่รัดอยู่ไม่ทราบว่าทำจากวัสดุอันใดจึงสามารถบาดลึกลงไปบนเกล็ดของมันได้ เลือดสดสีม่วงดำไหลซึมหยดลงสู่น้ำในสระ


เจ้ามังกรดำรู้ตัวว่าไม่น่ารอดแน่ จึงออกแรงสุดกำลังโดยไม่เกรงกลัวความเจ็บปวดทางเนื้อหนัง ใช้พลังที่หลงเหลืออยู่อัดเข้าใส่เม็ดพลังเน่ยตันเพื่อยืนหยัดต่อสู้กับนักพรตร้าย ในชั่วระยะเวลาหนึ่งทั้งคนทั้งมังกรยังทำอะไรกันไม่ได้


ร่างกายและเม็ดพลังเน่ยตันของมังกรดำบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะเลือดสดที่ไหลรินไม่หยุด ทำให้มันสูญเสียพลังมาก ตอนนี้นักพรตเป็นต่อมากกว่า


นักพรตแสดงสีหน้ายินดี ร่างทั้งร่างของมังกรดำล้วนมีคุณค่า อีกทั้งสิ่งของในสระน้ำ ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่ออาการบาดเจ็บของตน


“ให้ตายเถอะ ขโมยเม็ดพลังของคนอื่นมาเพื่อฝึกวิชา ใช้อวัยวะของคนอื่นมาทำเป็นของวิเศษ คนแบบนี้หรือที่จะฝึกวิชาของลัทธิเต๋า?” เยี่ยเทียนได้ยินที่นักพรตพูด เขาเข้าใจถึงที่มาที่ไปของเหตุกาณ์นี้ทันที บังเกิดโทสะขึ้นในใจ


เจ้ามังกรดำอาศัยอยู่กลางป่าลึก ไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยกับโลกภายนอก ด้วยความโลภโมโทสันของคนบางคนถึงกับต้องฆ่าแกงกัน เจ้านักพรตนี่จิตใจหยาบช้าไร้ความปรานี


แต่เยี่ยเทียนหยุดยั้งความคิดที่จะลงมือ ด้วยวิชาอาคมของนักพรตนั้นเหนือกว่าตนหลายเท่า หากเกิดพลาดพลั้งจะได้รับอันตรายถึงชีวิต


“มังกรดำ ฉันคือเยี่ยเทียน เมื่อปีก่อนเราได้รู้จักกัน ยังจำฉันได้ไหม?”


เยี่ยเทียนเปล่งเสียงออกมาในความคิด จิตดั้งเดิมเกิดเป็นคลื่นสั่นไหวเข้าไปสู่สมองของเจ้ามังกรดำ นี่เป็นวิธีการสื่อสารที่เจ้าวานรขาวสอนให้กับเยี่ยเทียน


เยี่ยเทียนสื่อสารออกไปแล้ว มังกรดำที่กำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอดสงบลงทันที หันหัวมองทั้งสี่ทิศเพื่อมองหาเยี่ยเทียน


ตอนที่ 706 สิ้นหวัง

มังกรดำได้ยินเสียงของเยี่ยเทียน ก็ไม่ได้แสดงความดีอกดีใจออกมาเลย นัยน์ตาของมันปรากฏแววความลนลาน มันจำเยี่ยเทียนได้แน่ แต่มันคิดว่าเยี่ยเทียนก็เหมือนกับนักพรตที่มันกำลังต่อสู้อยู่ด้วย ไม่ได้เป็นสัตว์ประเภทเดียวกันกับมัน


ถ้าไม่ใช่สัตว์ประเภทเดียวกัน ย่อมมีความคิดความหวังแตกต่างกัน ไม่ได้มีแค่มนุษย์เท่านั้นที่เข้าใจ มังกรดำมีชีวิตมาหลายร้อยปี สติปัญญาไม่ได้ด้อยกว่ามนุษย์เดินดิน


ถ้าเป็นในเวลาปกติ ความสามารถของเยี่ยเทียนไม่อาจเทียบได้กับเจ้ามังกรดำ แต่ตอนนี้มันกำลังสู้ตายกับนักพรต ถ้าเยี่ยเทียนโดดมาร่วมวงด้วย อาจจะกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้มังกรดำล้มลง


คิดได้ดังนี้เจ้ามังกรดำจึงอาละวาดหนักกว่าเดิม มันต้องการปลดพันธนาการเชือกนี้ให้หลุดออกไป เพียงได้กลับลงไปอยู่ในสระน้ำ มันจะได้ไม่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ


ยิ่งดิ้นเชือกก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น เลือดพุ่งออกมาจากบาดแผลหลายจุด แต่ก็ทำให้นักพรตต้องใช้พลังมากขึ้น


“ให้ตายสิ ฉันจะต้องถลกหนังดึงเส้นเอ็นของแกออกมาให้ได้” นักพรตพ่นคำพูดพร้อมกับเลือดสดจากปาก พละกำลังถดถอยลงไปเรื่อยๆ


การบำเพ็ญเพียรของเจ้ามังกรดำสูงส่งกว่านักพรต ถึงจะใช้เวทมนต์ ของวิเศษและเล่ห์กลบางอย่าง แต่นักพรตแทบไม่เหลือพลังให้ขับเคลื่อนอีกแล้ว ตอนนี้เขาเกือบจะเข้าใกล้เส้นตายเข้าไปทุกที


“มังกรดำ ฉันมาเพื่อช่วยแก”


เยี่ยเทียนเห็นว่ามังกรดำตกอยู่ในอันตราย จึงส่งกระแสจิตบอกว่า “ถ้าแกเชื่อฉัน ต้องเก็บเอาหมอกพิษกลับไปให้หมด!”


อาศัยเยี่ยเทียนเพียงลำพังไม่อาจต่อกรกับนักพรตได้ เขาคิดวิธีบางอย่างออก แต่เจ้ามังกรดำต้องให้ความร่วมมือ


มังกรดำแหงนหน้าขึ้นร้องคำรามเสียงดัง สายตามองไปทิศที่ดวงจิตของเยี่ยเทียนซ่อนอยู่เบื้องหลังแผ่นหิน ราวกับว่ายังตัดสินใจไม่ได้


ควันพิษที่มังกรดำพ่นออกมา แม้จะไม่อาจทำอันตรายนักพรตได้ แต่ก็พอจะทำให้นักพรตสูญเสียพลังไปไม่น้อย


ถ้าเก็บกลับคืนหมด พลังของนักพรตที่ใช้บังคับเชือกพันธนาการจะยิ่งหนาแน่นขึ้น มังกรดำก็ยิ่งดิ้นรนลำบากมากขึ้น


ดูท่าทางมังกรดำลังเล เยี่ยเทียนบอกต่อว่า “การฝึกวิชาของฉันสู้นักพรตคนนี้ไม่ได้ ถ้าแกไม่ตัดสินใจ ฉันจะกลับล่ะ!”


นักพรตคนนี้จิตใจอำมหิต การกระทำโหดร้าย ถ้าจับได้ว่าเยี่ยเทียนแอบซ่อนอยู่ใกล้ๆ เกรงว่าชีวิตของตนกับหูหงเต๋อจะหนีไม่รอด


แต่ถ้ามังกรดำไม่เก็บเอาไอพิษกลับไป เยี่ยเทียนคงได้แต่จากไป หลีกให้ไกลเท่าไหร่ยิ่งดี


มังกรดำได้ยินดังนั้น แววตาจึงปรากฏแววเด็ดขาด หากฝืนสู้ต่อไป มันจะต้องตายอย่างแน่นอน ทำไมไม่ลองเชื่อเยี่ยเทียนดูสักครั้ง


มันอ้าปากขึ้นอีกครั้ง เม็ดพลังเน่ยตันในมือใหญ่ของนักพรตเกิดหมุนวนไม่หยุด พร้อมกับเปล่งแสงออกมา


ในหุบเขาจู่ๆก็เกิดลมพัดแรงขึ้น ลมแรงกวาดเอาไอพิษของมังกรดำเข้าสู่ภายในเม็ดพลังเน่ยตัน ภายในเวลาชั่วครู่ไอหมอกพิษในหุบเขาก็สลายไปสิ้น


“เอ๋? นี่มันอะไรกัน?”


หูหงเต๋อที่เฝ้าร่างของเยี่ยเทียนเอาไว้เห็นว่าหมอกพิษในหุบเขาหายไปหมดก็ตกใจ ตอนนี้เขามองเห็นสถานการณ์ภายในหุบเขาเบื้องหน้าอย่างชัดเจน เบิ่งตามอง


“โอ้โห นั่นมีเทวดามาจากไหนกัน มาปราบปีศาจหรืออย่างไร?”


หูหงเต๋อเห็นชัดแล้วว่าผู้ที่สู้กับมังกรดำอยู่เป็นนักพรต เขาขยี้ตามองแล้วมองอีก ถ้าไม่ได้เห็นกับตา เขาไม่อยากเชื่อเลยว่ามีคนกล้ามาทำร้ายสัตว์วิเศษถึงที่นี่?


ตอนที่หูหงเต๋อกำลังตะลึงอ้าปากค้าง เยี่ยเทียนที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ลืมตาขึ้นพูดว่า “เหล่าหู ใช้ปืนยิงใส่นักพรตคนนั้น ต้องยิงให้ถูกที่สำคัญ!”


“ยิง…ยิงคนนั้น?” หูหงเต๋อส่ายหน้า มองเยี่ยเทียนอย่างไม่อยากเชื่อ “เธอไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่ไหม? พวกเราควรจะช่วยนักพรตคนนั้น ทำไมถึงจะช่วยมังกรดำเล่า?”


“ช่วยนักพรต? พอฆ่ามังกรดำเสร็จแล้ว พวกเราก็ไม่รอดเหมือนกัน!”


เยี่ยเทียนไม่ได้ลุกขึ้นยืน แต่ด้วยเสียงร้อนรนว่า “เหล่าหู คุณต้องเชื่อผม ทำตามที่ผมบอก ไม่อย่างนั้นคุณกับผมได้ตายอนาถแน่!”


เยี่ยเทียนถนัดด้านการผูกกว้าทำนาย สัญชาตญาณบอกเขาว่านักพรตได้รู้ถึงการมาของเขาแล้ว แต่ที่ยังแกล้งเฉยอยู่นั้นเพราะซ่อนความคิดชั่วร้ายบางอย่างไว้


“ทำไมเป็นอย่างนี้?” หูหงเต๋อสมองสับสนไปหมด ด้วยความเชื่อมั่นในตัวเยี่ยเทียน เขาจึงยกปืนไรเฟิลในมือขึ้น


“นับถึงห้าแล้วคุณยิงได้เลย จำไว้นะ ต้องยิงให้ตาย!” เยี่ยเทียนสั่งเสร็จก็ส่งจิตดั้งเดิมออกจากร่างอีกครั้ง นำเอากระดิ่งสามอันไปด้วยหลบอยู่หลังแท่นหินใหญ่อันเดิม


ควันพิษหายไปจากหุบเขาหมดแล้ว ทำให้มังกรดำมีอานุภาพมากขึ้น


แต่นักพรตก็ดึงพลังกลับเช่นกัน พลังของนักพรตเข้าสู่ตัวเชือกทันที มังกรดำที่บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วยิ่งอาการหนักขึ้น จนไม่อาจพ่นพลังใส่เม็ดพลังเน่ยตันได้อีก ทั้งคนทั้งมังกรยังตัดสินแพ้ชนะไม่ได้


“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า!” หูหงเต๋อพึมพำนับเลขเบาๆ แล้วยกปืนขึ้นเล็งไปที่ศีรษะของนักพรตที่ห่างออกไปร้อยกว่าเมตร แล้วสบถพึมพำออกมา “บ้าเอ๊ย ฉันจะเชื่อแกครั้งนี้ครั้งเดียว!”


มีหัวหน้าเป็นหัวหน้ากองโจรผู้เหี้ยมโหดอย่างหูอวิ๋นเป้า หูหงเต๋อก็ไม่ได้ดีกว่ากันสักเท่าไหร่ ทั้งยังเป็นคนไม่ไตร่ตรองรอบคอบ ถึงฆ่าคนผิด เขาก็ไม่ได้รู้สึกผิดแต่อย่างใด


การต่อสู้ของเจ้ามังกรดำกับนักพรตกำลังอยู่ในขั้นดุเดือด เลือดของมังกรดำไหลนองไม่หยุด ร่างมหึมาบิดพันอย่างเจ็บปวด เรี่ยวแรงลดน้อยลงเรื่อยๆ


ส่วนนักพรตก็หมดแรงเช่นกัน มือใหญ่ที่เกิดจากจิตดั้งเดิมเริ่มอ่อนแสงลง จากเมื่อครู่ที่ถูกเม็ดพลังเน่ยตันของมังกรดำโจมตีอย่างรุนแรง อาการบาดเจ็บภายในสาหัสกระอักเลือดออกมาเป็นระยะ แสดงว่านักพรตกำลังฝืนกำลังตัวเองอยู่


“ปัง…ปังปัง!”


ณ ตอนนั้นเองเสียงปืนดังขึ้นสามนัดติดกัน ทำลายเกราะกั้นระหว่างมังกรกับนักพรต


หูหงเต๋อเล่นปืนมาทั้งชีวิต สามนัดที่ยิงออกไปต่างทำให้ถึงแก่ชีวิตทั้งนั้น กระสุนสามลูกถูกยิงออกจากลำกล้องพุ่งเข้าใส่นักพรตตรงๆ เป้าที่เล็งไว้คือตำแหน่งกลางหน้าผากของนักพรตและดวงตา


เมื่อได้ยินเสียงปืน จิตดั้งเดิมของเยี่ยเทียนที่หลบอยู่หลังแท่นหินเครียดเขม็ง ถ้าอาวุธปืนสามารถสยบนักพรตลงได้ก็ดีไป แต่ถ้าไม่ได้เขายังมีแผนสำรอง


ตอนที่เสียงปืนดัง นักพรตชักมีดสั้นขนาดสามนิ้วออกมาด้วยมือขวา นำมีดมาบังตรงบริเวณดวงตา


“แต๊ง…แต๊งแต๊ง!”


เสียงเหล็กกระทบกันดังสะท้อน กระสุนทั้งสามเม็ดถูกมีดสกัดไว้ ตกลงพื้นข้างๆตัวนักพรต


“คิดลอบทำร้ายฉันเหรอ พวกแกยังฝีมือห่างไกลนัก!”


นักพรตดึงตะขออันหนึ่งออกมาจากปาก ใบหน้าฉายแววชั่วร้าย ตอนที่มังกรดำเก็บเอาควันพิษกลับไปนั้น นักพรตรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล รู้สึกถึงอันตรายบางอย่าง


มือใหญ่ที่สร้างจากจิตดั้งเดิมอ่อนแอลงเพราะนักพรตแบ่งพลังจากจิตดั้งเดิมไปสืบเสาะด้านนอกโดยรอบ นอกหุบเขาหลังต้นไปฮว่ามีชายสองคนคือเยี่ยเทียนกับหูหงเต๋อซ่อนตัวอยู่ นักพรตรู้ได้ตั้งแต่แรก


นักพรตฝึกวิชามาถึงขนาดนี้ ถึงไม่รู้วิชาศาสตร์แห่งการทำนาย แต่สัญชาตญาณต่อภัยอันตรายนั้นว่องไวเฉียบคมนัก จุดประสงค์จะปลิดชีวิตตนของเยี่ยเทียนและพวก เขารับรู้ได้นานแล้ว


แต่นักพรตกำลังต่อสู้กับมังกรร้ายอย่างเข้าด้ายเข้าเข็ม ค้นพบทั้งสองคนแล้วยังไม่ทันตรวจสอบให้ชัดเจน จึงดึงพลังจิตดั้งเดิมกลับคืนก่อน ในสายตาของเขาปืนของหูหงเต๋อก็เหมือนมดตัวหนึ่งที่ไม่อาจทำอันตรายใดๆได้


ยิ่งเป็นแบบนี้ ลูกกระสุนที่หูหงเต๋อยิงปืนออกไปทั้งสามนัดถูกนักพรตกันไว้ได้หมด แรงอัดปะทะของกระสุนไม่อาจทำให้ร่างกายของเขาสั่นคลอนได้แม้แต่น้อย


“นี่…นี่เขายังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?”


หูหงเต๋อผู้หลบอยู่นอกหุบเขามองดูอย่างตะลึง ระยะห่างร้อยกว่าเมตร เป็นระยะห่างที่ปืนกลทำงานได้รุนแรงที่สุด แต่เจ้านักพรตนั่นกลับแค่โบกมือเล็กน้อย ก็ปัดเอาลูกกระสุนกระเด็นออกหมด


“เห้ย ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะหลบกระสุนของฉันได้สักกี่น้ำ?”


หูหงเต๋อเกิดใจอำมหิตขึ้นมา นิ้วชี้ข้างขวาลั่นไกปืนรัวๆ เสียงปืนดังกึกก้องไปทั่วทั้งหุบเขา แรงสั่นสะเทือนทำให้หิมะที่เกาะตามยอดไม้หล่นลงมา


“บ้าเอ๊ย แบบนี้ก็ได้เหรอ?” เห็นภาพตรงหน้าแล้วหูหงเต๋อเบิ่งตาค้าง


นักพรตที่ยืนอยู่ในหุบเขาไม่ขยับร่างกายเลยสักนิด มือขวาโบกสะบัดไปมาเร็วมากจนมองตามไม่ทัน เหมือนกำลังเต้นระบำอยู่ กระสุนทุกเม็ดร่วงลงบนพื้นข้างตัว


ภาพตรงหน้าทำให้หูหงเต๋อที่ยิงจนกระสุนหมดลืมเปลี่ยนกระสุนใหม่ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนปัดป้องลูกกระสุนได้ หรือว่าคำร่ำลือที่ว่ามีดปืนฟันแทงไม่เข้าจะเป็นอย่างนี้นี่เอง?


“พวกแกมันรนหาที่ตาย!”


แม้ตัวมีดสั้นจะเปี่ยมด้วยพลังดั้งเดิมของนักพรต แต่ทุกครั้งที่ลูกกระสุนกระทบเข้ามือของนักพรตเกิดความชาตามมา เขาคำรามในคอ อาศัยจังหวะที่เสียงปืนเงียบลง สะบัดมือขวาอย่างแรง


“ไป!”


ตามเสียงร้อง มีดสั้นบินไปทางทิศที่หูหงเต๋ออยู่ ความเร็วไม่ได้ช้ากว่าลูกกระสุนเท่าใด ในพริบตามีดบินมาถึงตำแหน่งที่หูหงเต๋อซ่อนตัวอยู่


“ให้ตายสิ เทพกระบี่เหรอนี่?”


หูหงเต๋อยืนมองดูมีดที่เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย รีบหดหัวหลบไปด้านหลังต้นไปฮว่า


เขาคาดไม่ถึงว่ามีดสั้นจะมีฤทธิ์ มันบินวนรอบต้นไป๋ฮว่าได้ด้วย ลำต้นต้นไป๋ฮว่าหนาเท่าบั้นเอวถูกมีดตัดเหมือนก้อนเต้าหู้จนหักโค่นลงมา


ต้นไป๋ฮว่าล้มขวางทาง มีดสั้นยังคงบินไปหาศีรษะของหูหงเต๋อแบบกัดไม่ปล่อย เขาหนีไม่พ้น ได้แต่ยกปืนในมือขวาขึ้นป้องกัน


ปืนไรเฟิลทำจากเหล็กกล้า แต่มีดสั้นอันเล็กนี้ยังร้ายกาจมากกว่า ลำแสงตัดผ่านแว้บเดียว ตัวปืนขาดเป็นสองท่อนพร้อมกับฝ่ามือข้างซ้ายด้านนอกของหูหงเต๋อถูกตัดขาดด้วย


“ไม่คิดว่าฉันที่เก่งกาจมาทั้งชีวิต จะมาตายอย่างไม่เป็นธรรมที่นี่?”


ตอนนี้หูหงเต๋อไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดจากฝ่ามือแล้ว เพราะว่าพลังของมีดสั้นที่พุ่งเข้าใส่ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวัง เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม


ตอนที่ 707 แกล้งตาย

หูหงเต๋อรู้ดีว่า การที่มีดสั้นจะตัดถูกหัวของเขาย่อมไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย


ในสมองเขาปรากฏภาพตัวเองที่หัวขาดออกจากตัว ลำคอมีเลือดแดงสดพุ่งขึ้นเหมือนน้ำพุ นึกถึงตอนที่บิดาของเขาจัดการกับผีร้ายด้วยการตัดหัวออกกับมือแบบนี้เหมือนกัน


“ชีวิตของฉันใช้คุ้มแล้ว!”


หูหงเต๋อไม่กล่าวโทษเยี่ยเทียน เขาหลับตาลงยอมรับในโชคชะตา ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาฆ่าคนไปมากมาย แต่มีอยู่สิบกว่าชีวิตที่สมควรชดใช้คืนให้


ตอนที่หูหงเต๋อหลับตาเชิดคอน้อมรับความตายนั้นเอง รออยู่หลายวินาทียังไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดบนร่างกาย มีดสั้นที่ร่อนไปมาอยู่ตอนแรกหายไปเฉย


“นี่มันอะไรกัน?” หูหงเต๋อลืมตาขึ้น กลับพบว่าหิมะบนพื้นเบื้องหน้าเขาละลายไปหมด มีดสั่นนั้นเสียบคาอยู่บนพื้นหิมะ


“ให้ตายสิ นี่ฉันยังไม่ตาย?” หูหงเต๋อเข่าอ่อน ทรุดนั่งลงบนพื้น เข้าไปเดินวนรอบประตูยมบาลมารอบหนึ่ง ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลชุ่ม


“โอ๊ย เจ็บจังเลย!”


จนถึงตอนนี้หูหงเต๋อรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เสียดแทง ก้มหน้าลงมอง มืออาบไปด้วยเลือดแดงฉาน นิ้วก้อยกับนิ้วนางหายไปพร้อมกับฝ่ามือบริเวณนั้นด้วยถูกมีดสั้นคมกริบตัดขาด


ภายใต้อุณหภูมิติดลบสิบกว่าองศา แผลบาดเจ็บบนมือซ้ายเริ่มแข็งตัว เนื้อเปลี่ยนเป็นสีม่วงเขียว เลือดก็หยุดไหลแล้ว


ไม่ต้องคิดอะไรต่อหูหงเต๋อฉีกชายแขนเสื้อออกข้างหนึ่ง นำมาห่อมือไว้ ถึงเขาจะเป็นคนร่างกายแข็งแรง แต่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้เมื่อได้รับบาดเจ็บเข้า อีกไม่นานมือข้างซ้ายของเขาจะแข็งตายไป


หูหงเต๋อเป็นคนใจกล้า เขาจัดการกับบาดแผลของตัวเอง เขาเพิ่งคิดถึงการต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้นในหุบเขาจึงรีบหันกลับไปซุ่มดูต่อ


“เหล่าหู คุณได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?”


ยังไม่ทันโผล่ศีรษะออกไปดูให้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในหุบเขา หูหงเต๋อได้ยินเสียงกระดิ่งดังขึ้น ไม่รู้เยี่ยเทียนยืนขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่


“ไม่เป็นไร บาดเจ็บนิดหน่อย เยี่ยเทียน เกิดอะไรขึ้น?” หูหงเต๋อส่ายหัว จนถึงตอนนี้เขายังไม่ทันรู้ตัวว่าทำไมอยู่ดี ๆ นักพรตนั่นถึงปล่อยเขาไป?


“เดี๋ยวผมค่อยอธิบายให้ฟัง ไป เข้าไปในหุบเขากัน!”


เยี่ยเทียนโบกมือ มือซ้ายถือกระดิ่งสามอันไว้ มือขวาชักเอาดาบออกมาจากกระเป๋าที่พิงอยู่ตรงโคนต้นไม้


“เยี่ยเทียน การต่อสู้จบลงแล้วหรือ? เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”


หูหงเต๋อเดินตามเยี่ยเทียนมาด้านหลัง ตอนนี้เขาสับสนไปหมดว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในหุบเขา เจ้ามังกรดำไม่รู้หายไปไหน นักพรตที่ยืนอยู่ในตอนแรก ตอนนี้ทำไมนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นโดยไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย


“เหล่าหู ฉันประมาทเกินไป ไม่คิดว่าเจ้านักพรตจะร้ายกาจขนาดนี้?”


เยี่ยเทียนหันมามองมือซ้ายที่บาดเจ็บของหูหงเต๋อแล้วแสดงสีหน้าละอายใจ


เยี่ยเทียนประเมินวิชาของนักพรตไว้สูงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่านักพรตจะซัดมีดสั้นออกมาในระยะร้อยกว่าเมตรจนเกือบเอาชีวิตหูหงเต๋อ


พอนึกถึงเหตุกาณ์เมื่อครู่ เยี่ยเทียนยังกลัวไม่หาย ถ้าเขาลงมือช้าไปนิดเดียว ป่านนี้หูหงเต๋อคงกลายเป็นศพไปแล้ว


ย้อนเวลากลับไปเมื่อสามนาทีก่อน ตอนที่มีดสั้นถูกซัดออกไป ใบหน้าของนักพรตส่อแววชั่วร้าย


ถึงจะบอกว่าการซัดมีดไกลระยะร้อยกว่าเมตรปลิดชีวิตคนนั้นดูเกินจริง แต่นักพรตเชื่อว่า ภายในหนึ่งร้อยเมตร จิตดั้งเดิมของเขาสามารถสั่งการมีดสั้นได้ และใช้สังหารคนที่ยิงปืนใส่เขาได้อย่างแน่นอน


แต่นักพรตยังต้องแบ่งพลังจิตออกไปควบคุมมีดสั้นอีก พร้อมกันนั้นยังต้องต่อสู้กับเม็ดพลังเน่ยตันของมังกรดำ ถึงเขาจะมีวิชาแข็งกล้า แต่การโจมตีจากสองทางพร้อมกันของหูหงเต๋อกับเจ้ามังกรดำ ทำให้เขาเปลืองแรงและเสียสมาธิ


ตอนนี้เองที่เยี่ยเทียนลงมือ เยี่ยเทียนรวบรวมพลังจิตดั้งเดิมของตนทั้งหมดให้กระทบกับกระดิ่งทั้งสาม


วินาทีถัดมา คลื่นพลังที่ไร้เสียงถูกสั่นขึ้น โจมตีใส่จิตดั้งเดิมของนักพรตที่กำลังต่อสู่อยู่


เยี่ยเทียนครอบครองกระดิ่งนี้ได้ระยะหนึ่งแล้ว จากการสืบทอดวิชาเขาได้ค้นพบคุณประโยชน์ของกระดิ่งเพิ่มขึ้น คือมันช่วยให้รวบรวมดวงจิตให้มั่นคงขึ้นเสริมการฝึกวิชา ขณะเดียวกันก็เป็นอาวุธที่มีอานุภาพการโจมตีสูงด้วย


เมื่อจิตดั้งเดิมถูกกระตุ้น กระดิ่งทำให้เกิดพลังงานคลื่นกระทบกับประสาทของฝ่ายตรงข้าม ถ้าหนักเข้าส่งผลให้เสียชีวิตคาที่ ถ้าเบาทำให้จิตดั้งเดิมว้าวุ่น เสียสติฟั่นเฟือน


แต่เยี่ยเทียนไม่เคยใช้กระดิ่งเป็นอาวุธมาก่อน ตอนนี้ได้แต่ลองเสี่ยงดูสักครั้ง ตามวิธีการใช้ที่ได้รับการสืบทอดมาคือส่งกระแสคลื่นสังหารเข้าไปสู่ประสาทสมองของนักพรต


นักพรตไม่มีทางรู้เลยว่า ที่นี่ยังมีอีกคนซ่อนอยู่ ทั้งเป็นคนที่ใช้อาวุธเป็นคลื่นเสียงสังหารซึ่งหาได้น้อยมาก


ถึงนักพรตจะฝึกวิชามาขั้นสูงแค่ไหน จิตดั้งเดิมแข็งแกร่งเกินใคร แต่เมื่อถูกคลื่นสังหารถ่ายทอดเข้าสู่ประสาทแล้ว ทำให้จิตดั้งเดิมกระเจิดกระเจิง หลุดรุ่ยขาดร่วงไม่เหลือชิ้นดี


ส่วนเม็ดพลังเน่ยตันที่มังกรดำพากเพียรฝึกมานานไม่ได้มีไว้เพื่อดูเล่น ขณะที่มือใหญ่ของนักพรตจางหายไปนั้นเอง เม็ดพลังเน่ยตันของเจ้ามังกรดำก็ปล่อยลำแสงออกมาแล้วพุ่งชนหน้าอกของนักพรตอย่างแรง


การปะทะในครั้งนี้ นักพรตไม่ทันได้ป้องกันตัว เม็ดพลังเน่ยตันทะลุผ่านร่างของนักพรตออกไป ทำให้เกิดรูโหว่ตรงกลางลำตัวของเขาจนช่วงเอวเกือบจะขาดออกเป็นสองท่อน


แม้จะบรรลุระดับเซียนแล้ว การฝึกฝนสามารถเปลี่ยนกายเนื้อให้เป็นดวงจิตได้


แต่ระดับเซียนยังอ่อนแอเกินไป ทั้งดวงจิตและเลือดเนื้อต้องพึ่งพาอาศัยกัน ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ทั้งจิตดั้งเดิมจะต้องลงสิงสู่ที่ความรู้สึกตัวของร่างกาย ถ้าร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส จิตดั้งเดิมก็ไม่อาจอยู่ได้โดยลำพัง


ยิ่งกว่านั้นเม็ดพลังเน่ยตันของมังกรดำได้โจมตีตรงตำแหน่งตันเถียนล่างของร่างกายนักพรตพอดี พอชนเข้าไปแล้วทำให้วิชาที่บำเพ็ญมาเกือบร้อยปีสูญสลายไป


เชือกที่ใช้รัดมังกรดำไว้เมื่อไม่มีดวงจิตอันเข้มแข็งควบคุมจึงหลุดหลวมออก เจ้ามังกรดำเองก็ไม่ได้มีเมตตาอารีย์ต่อศัตรูนัก มันอ้าปากดูดเม็ดพลังเน่ยตันของตัวเองกลับคืนพร้อมกันกับดูดกินจิตดั้งเดิมของนักพรตเข้าไปในปากจนหมด


ด้วยเหตุนี้ นักพรตจึงบาดเจ็บสาหัส ไม่มีกำลังควบคุมมีดสั้นอีกต่อไป หูหงเต๋อถึงรอดชีวิตมาได้


เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในระยะเวลาแค่อึดใจเดียว เมื่อเยี่ยเทียนพบกับหูหงเต๋อนั้นถึงคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงกับทำให้เขาตกใจจนเหงื่อกายแตกไปทั้งตัว หูหงเต๋อเกือบเอาชีวิตไปทิ้งเพราะคำพูดของตัวเองแล้ว


เรื่องราวมีเหตุก็ต้องมีผล เยี่ยเทียนไม่ได้หยุดฝีเท้าลง เขาเดินไปตรงกลางสมรภูมิเมื่อครู่


ร่างของนักพรตกระเด็นห่างออกไปไกลจากสระน้ำสิบกว่าเมตร อวัยวะภายในช่องท้องและช่องอกทะลักออกมา รอยเลือดแดงฉานเป็นวงย้อมสีหิมะ ดูท่าน่าจะไม่เหลือลมหายใจแล้ว


“แล้วเจ้ามังกรดำเล่า?”


หูหงเต๋อเหลือบมองร่างไร้วิญญาณของนักพรตแล้วเดินหลีกห่างออกไปหลายก้าวด้วยความหวาดกลัว เขาโวยวายขึ้นมา “เรามาช่วยแกนะ แกนี่สิ หนีหายไปไหนไม่รู้?”


“มันได้รับบาดเจ็บหนัก กลับลงสระน้ำไปแล้ว ไม่ต้องตะโกนหรอก”


เยี่ยเทียนหยุดเดิน ยังคงจับจ้องร่างไร้วิญญาณนั้นอยู่ไม่ละสายตา เมื่อห้ามปรามหูหงเต๋อแล้ว เยี่ยเทียนพูดขึ้น “อย่าเสแสร้งเลย ฉันรู้ว่าแกยังไม่ตาย ลืมตาขึ้นมาเถอะ!”


“อะไรนะ? ยังไม่ตาย? เยี่ยเทียน เธออย่าล้อฉันเล่น?”


ฟังเยี่ยเทียนพูดจบหูหงเต๋อถอยกรูดไปด้านหลังหลายก้าวราวกับเห็นผี แล้วพิจารณาดูร่างของนักพรตที่เริ่มจะแข็ง ส่ายหัวไปมาเอ่ยว่า “เยี่ยเทียน เขาตายแล้วจริงๆ ต่อให้เขาเก่งกว่านี้ก็ไม่รอดหรอก”


อวัยวะภายในของนักพรตไหลออกมากองอยู่ข้างนอก เลือดสดเหมือนไหลจนหมดตัว สภาพแบบนี้ยังมีชีวิตอยู่ได้คงมีแค่เหตุผลเดียวคือร่างตรงหน้านี้ไม่ใช่คน


เยี่ยเทียนแค่นหัวเราะเสียงเย็น “เหล่าหู ผมจะตัดหัวของเขาออกมา ถือเป็นการแก้แค้นให้คุณก็แล้วกัน!”


“เจ้าหนุ่ม แกรังแกฉันมากเกินไป!” พอเยี่ยเทียนพูดจบ ศพบนพื้นจู่ๆก็เปล่งเสียงออกมา


กายเนื้อกับจิตดั้งเดิมถูกโจมตีเสียหาย นักพรตคิดว่าจะแกล้งตายไปก่อน รอจนเยี่ยเทียนเผลอ สบโอกาสเมื่อไหร่เขาจะส่งจิตออกนอกร่างเพื่อหาร่างของคนอื่นแทน แต่ไม่คิดว่าจะถูกเยี่ยเทียนมองออก เมื่อรู้ว่าปิดบังไม่อยู่แล้วจึงลืมตาขึ้น


นักพรตบำเพ็ญเพียรฝึกวิชามาเป็นร้อยปี แม้ร่างกายจะแตกดับ แต่ชีวิตยังไม่จบสิ้น จิตดั้งเดิมสามารถกักเก็บไว้ในห้วงแห่งการรับรู้ของร่างกาย


หากเยี่ยเทียนเกิดตัดหัวเขาออกมาจริง จิตเดิมแท้ที่เหลืออยู่ของเขาคงไม่มีที่ให้อยู่อีก กลายเป็นแค่ดวงจิตดวงหนึ่งที่หลุดลอยท่องไปสามโลก


“โอ้โห ศพฟื้นคืนชีพ?” หูหงเต๋อเห็นดังนั้นก็ตกใจสะดุ้งโหยง


“แกทั้งสองคนร่วมมือกันช่วยเหลือเจ้าสัตว์เดรัจฉานนั่นทำร้ายฉันไปเพื่ออะไรกัน?”


นักพรตยันตัวลุกขึ้นนั่ง ตอบอย่างโกรธเคืองว่า “พวกแกไม่กลัวว่าศิษย์อาจารย์สำนักเดียวกับฉันจะไปตามแก้แค้นหรือ ไม่กลัวนักพรตทั่วหล้าโจมตีหรือ?”


นักพรตรู้สึกอัดอั้นตันใจ ชื่อของเขาคือเก๋อข่าย ด้วยเหตุที่คนในตระกูลทางโลกของเขามีปัญหา เขาถึงละทางธรรมกลับเข้าสู่ทางโลกอีกครั้งในรอบห้าสิบกว่าปี


แต่คิดได้ว่าเมื่อก่อนเคยค้นพบต้นโสมต้นหนึ่งที่มีอายุเป็นพันปี นักพรตจึงออกเดินทางมาที่นี่เพื่อเก็บโสมไปจัดการธุระทางโลก ใครจะไปคิดว่าการตัดสินใจฉับพลันกลับทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้


ด้วยพลังของนักพรตมองออกทันทีว่าเยี่ยเทียนยังฝึกวิชาไม่ถึงระดับเซียน ส่วนอีกคนเป็นเพียงแค่นักสู้ธรรมดา จิตดั้งเดิมของเขาเสียหาย แต่ยังสามารถเข้าแย่งร่างกายของคนอื่นได้อยู่


เป็นเพราะกระดิ่งที่เยี่ยเทียนถืออยู่ต่างหากที่ทำให้เขาคับแค้นใจไม่หาย เขาอยากจะใช้วาจาตำหนิติเตียนเยี่ยเทียนที่ลงมือโดยพลการ ทำให้จิตดั้งเดิมของเขาที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างดีถูกดูดกลืนไปหมด


“เจ้ามังกรดำไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด แกเป็นถึงผู้อาวุโสจะถลกหนังดึงเอ็นมัน จะไม่ผิดศีลธรรมไปหน่อยหรือ?”


เยี่ยเทียนยิ้มออกมา เดินเข้าไปใกล้นักพรต “ฉันก็กลัวว่าศิษย์สำนักของแกจะมากล่าวโทษเอา ดังนั้น….แกไปตายเสียเถิด!”


ตอนที่ 708 สิ่งที่ได้รับ (1)

เห็นรอยยิ้มที่อบอุ่นเหมือนอากาศในฤดูใบไม้ผลิของเยี่ยเทียนแล้ว เก๋อข่ายเบาใจลง ถึงเขาจะบาดเจ็บหนัก แต่ยังไม่ได้ลงมือทำอะไร แค่ให้พอมีเวลาได้พักหายใจ การจะแย่งชิงกายเนื้อของเยี่ยเทียนมานั้นมีโอกาสเป็นไปได้สูง


ตอนนี้เองที่เยี่ยเทียนกลับคำทันใด มือขวาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ความเย็นเฉียบตัดผ่าน ศีรษะของเก๋อข่ายลอยกระเด็นหลุดออก


“ไม่นะ!”


ตอนที่ศีรษะลอยกระเด็นขึ้น ในดวงตาของเก๋อข่ายยังตกตะลึงไม่หาย เขาคิดไม่ถึงเลยว่าด้วยการฝึกวิชาถึงขั้นนี้จะทำให้เขาต้องมาจบชีวิตลงในมือของผู้ที่เขามองว่าเป็นเพียงมดเล็กๆตัวหนึ่ง


ฝ่ายตรงข้ามลงมืออย่างเฉียบขาด ยังไม่ทันได้ถามถึงที่มาที่ไปของเขาเลยก็ลงมือฆ่าทันควัน จิตดั้งเดิมที่บาดเจ็บของเก๋อข่ายยังไม่ได้หลุดออกจากห้วงแห่งความรู้สึกตัว ความคิดความรู้สึกดับวูบลงสู่ความมืดมิด


ในเมื่อเยี่ยเทียนยื่นมือเข้ามาแล้วจะต้องจัดการให้สิ้นซาก หลังจากใช้ดาบตัดศีรษะของนักพรตออกแล้ว มือซ้ายสะบัดเล็กน้อย กระดิ่งสั่นไหวตาม ส่งเอาคลื่นพลังที่ไร้รูปไร้สีออกมาแผ่ปกคลุม


เยี่ยเทียนกลัวว่าจิตดั้งเดิมของนักพรตจะหลบหนีไป ถ้าเขามีศิษย์ร่วมสำนักจริงจะต้องนำความเดือดร้อนมาสู่เยี่ยเทียน ตอนฟันดาบนั้น จิตดั้งเดิมของนักพรตถูกดูดลงไปในกระดิ่งเรียบร้อยแล้ว


แต่เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บของเก๋อข่ายหนักหนาเกินเยียวยา และจิตดั้งเดิมของเขาถูกมังกรดำโจมตี ไม่เช่นนั้นจากการทักทายกันเมื่อครู่นักพรตคงละทิ้งร่างกายอันผุพังไม่เหลือชิ้นดีมาแย่งร่างเยี่ยเทียนไปแล้ว


“นี่….นี่ฆ่ากันอย่างนี้เลยเหรอ?”


ไม่เพียงแต่เก๋อข่ายคนเดียวที่คิดไม่ถึง แม้แต่หูหงเต๋อที่ยืนอยู่ข้างๆยังไม่อยากเชื่อสายตา เยี่ยเทียนไม่ทันได้คุยอะไรกับฝ่ายตรงข้ามมาก ในความคิดของหูหงเต๋อ เขาควรจะถามถึงที่มาของนักพรตก่อน?


“เหล่าหู คนฝึกวิชาเต๋านั้นเจ้าเล่ห์เพทุบายเกินกว่าที่คุณกับผมจะรับมือไหว!”


เยี่ยเทียนส่ายหน้า “เมื่อครู่คุณก็เห็นแล้ว มังกรดำยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย ผมกลัวว่าเหตุการณ์จะบานปลายถึงได้รีบลงมือให้จบสิ้น!”


“จะว่าอย่างนั้นก็จริง เจ้านี่ไม่ใช่คนจริงๆ!”


หูหงเต๋อพยักหน้าอย่างเห็นด้วย นึกถึงมีดสั้นที่เกือบเอาชีวิตเขาแล้วยังเสียวสันหลังวาบอยู่เลย ถ้าตอนนั้นนักพรตไม่ได้ต่อสู้กับมังกรดำอยู่ เกรงว่าตนคงไปเฝ้ายมบาลแล้ว


หูหงเต๋อไม่รู้เลยว่า การที่นักพรตพ่ายแพ้นั้นเป็นฝีมือของเยี่ยเทียน อย่าว่าแต่เจ้ามังกรดำเลย เขาทั้งสองคนอาจจะถูกนักพรตฆ่าตาย


“เหล่าหู ไม่ไหวแล้ว ผมต้องพักสักหน่อย!”


การต่อสู้เมื่อครู่เยี่ยเทียนใช้กระดิ่งในการโจมตีเก๋อข่าย แต่ก็สูญเสียพลังไปมากทั้งยังเจอความกดดันจากการต่อสู้ทำให้เยี่ยเทียนเข่าอ่อน ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น


“เยี่ยเทียน เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”


หูหงเต๋อวิ่งเข้ามาหา เขามีพลังชีวิตปกป้องคุ้มครอง บาดแผลที่มือเลือดหยุดไหลนานแล้ว นอกจากความปวดแผล ก็ไม่มีอันตรายอย่างอื่น


“ไม่เป็นไร เหล่าหู ทำให้คุณต้องลำบากไปด้วย!”


เยี่ยเทียนมองหูหงเต๋ออย่างรู้สึกผิด เขาไม่คิดว่าการขึ้นเขาครั้งนี้จะเกิดเรื่องอันตราย ถ้าหากเป็นเพราะเขา ทำให้หูหงเต๋อเป็นอะไรไป เยี่ยเทียนคงเสียใจไปตลอดชีวิต


“ฝ่ามือที่ขาดไปหากลับคืนมาได้ไหม? อากาศแบบนี้เนื้อยังไม่เน่าตาย เรารีบไปโรงพยายาลกันเผื่อจะยังต่อได้?” เยี่ยเทียนคิดอย่างรวดเร็ว ด้วยความดีใจ


“ช่างมันเถอะ นิ้วขาดไปแค่สองนิ้วเอง”


หูหงเต๋อส่ายหัวอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันคงถึงคราวเคราะห์น่ะ ขาดแล้วก็ขาดไป ถ้าต่อติดแล้วใช้ไม่ดียิ่งไม่สบายเข้าไปอีก เยี่ยเทียน อย่าคิดมากเลย!”


หูหงเต๋อเดิมทีเป็นคนจิตใจกว้างขวาง เหตุการณ์เสี่ยงตายเมื่อครู่ไม่ถึงแก่ชีวิตเขาก็ดีใจมากแล้ว บาดเจ็บแค่เล็กน้อยเขาไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ


“คุณนี่นะ เสร็จธุระนี่แล้ว คุณไปฮ่องกงหาพวกศิษย์พี่เถอะ…”


เยี่ยเทียนส่ายหน้า ครั้งนี้เขาติดหนี้หูหงเต๋อ แต่ชีวิตเหล่าหูมีพร้อมทุกอย่างแล้ว มีเพียงให้เขาไปอยู่ฝึกวิชาที่ฮ่องกงจนบรรลุขั้นเปลี่ยนพลังเป็นจิตถึงจะทดแทนบุญคุณของเขาในครั้งนี้ได้


“ใช่แล้ว เยี่ยเทียน เมื่อครู่เธอบอกว่าคนฝึกวิชาพวกนั้นมาทำอะไรกันแน่?”


หูหงเต๋อนึกถึงคำพูดของเยี่ยเทียนเมื่อครู่ ตีหน้าสงสัยตั้งคำถาม “หรือว่าในโลกนี้มีคนที่ฝึกวิชาจนบรรลุเป็นเซียนจะมีอยู่จริง?”


“ใช่แล้ว ก็คนๆนี้อย่างไรเล่า?”


เยี่ยเทียนพยักหน้า เงียบไปพักหนึ่งเอ่ยต่อว่า “คุณก็รู้ การฝึกวิชาเหนือขั้นเปลี่ยนพลังเป็นจิตนั่นก็คือขั้นเปลี่ยนจิตเป็นความว่าง ในสายตาของคนทั่วไปนี่เป็นจุดสูงสุดแล้ว แต่สำหรับพวกนักพรตนั้นเป็นแค่การเริ่มต้น….”


การฝึกฝนของหูหงเต๋อขาดอีกก้าวเดียวก็จะขึ้นสู่ขั้นเปลี่ยนพลังเป็นจิตจึงมีสิทธิ์จะรับรู้เรื่องพวกนี้ เยี่ยเทียนได้ถ่ายทอดสิ่งที่เจ้าวานรขาวบอกให้หูหงเต๋อฟัง


“เห้ย ถ้าเป็นอย่างที่เธอว่า ที่พวกเราฆ่าไปเป็นเซียนเลยหรือ?”


ฟังเยี่ยเทียนอธิบายจบแล้ว ต่อให้หูหงเต๋อใจกล้าท้าทายขนาดไหน ก็ยังตกใจกลัวจนพูดไม่ออก มองดูร่างไร้หัวนั้นด้วยความหวั่นเกรง


“เซียนก็สร้างจากคนธรรมดานี่แหละ มีอะไรน่ากลัว?”


ร่างกายของเยี่ยเทียนฟื้นฟูได้ระดับหนึ่งแล้ว จึงยืนขึ้นเดินไปที่ร่างไร้วิญญาณนั้น “นักพรตบอกว่าเขามีศิษย์ร่วมสำนัก ไม่รู้ว่ามีของวิเศษอะไรบ้าง?”


เยี่ยเทียนฆ่าคนมานับไม่ถ้วน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาฆ่าคนเพื่อหวังชิงของมีค่า


“เอ๋ ชุดนักพรตนี่ไม่เลวเลย เสียดายขาดวิ่นหมดแล้ว”


มือของเยี่ยเทียนไปสัมผัสชุดคลุมสีกากีของนักพรตแล้วรู้สึกแปลกประหลาด ชุดคลุมนี้ไม่รู้ว่าทำจากวัสดุอะไร เนื้อสัมผัสนุ่มลื่น แต่ลองใช้สองมือฉีกออกกลับฉีกไม่ขาด


“เม็ดพลังของมังกรดำนั้นร้ายกาจ”


แม้เยี่ยเทียนจะกำลังอ่อนแออยู่ แต่สองมือของเขายังสามารถรับน้ำหนักได้ถึงหลายร้อยกิโลกรัม ชุดคลุมนี้เขาฉีกมันไม่ขาด แต่เม็ดพลังของเจ้ามังกรดำกลับทำให้ชุดเสียหายเป็นรูได้ แสดวงว่าฤทธิ์เดชต้องไม่ธรรมดา


เยี่ยเทียนรู้สึกมีความหวังขึ้นมา เสื้อผ้าของนักพรตยังมีค่ามากขนาดนี้ แสดงว่าในตัวเขายังต้องมีของวิเศษซ่อนอยู่อีก?


“ดีที่เม็ดพลังไม่ได้โดนเข้าที่หน้าอกตรงๆ ไม่อย่างนั้นของในกระเป๋าจะเสียหายหมด”


คราบเลือดที่เปรอะบนชุดนักพรตแห้งแข็งตามอากาศ เยี่ยเทียนไม่ได้รังเกียจใช้มือล้วงเข้าไปในอกเสื้อหยิบของบางสิ่งออกมา เป็นห่อผ้าแบนเล็กห่อหนึ่ง


“เยี่ยเทียน ข้างในมันมีอะไรหรือ?” หูหงเต๋อเข้ามามุงดู สิ่งของของเซียนใครๆต่างอยากรู้อยากเห็น


“เปิดออกดูก็รู้แล้ว?”


เยี่ยเทียนไม่ลังเล เปิดห่อผ้าที่พับเป็นสี่เหลี่ยมออกดู ด้านในมีกล่องสีเหลี่ยมทำจากหยกขาวแบนๆอันหนึ่ง


“นี่มันของอะไร? แค่หยกแค่นี้เหรอ?”


ไม่ต้องรอเยี่ยเทียน หูหงเต๋อเอื้อมมือไปหยิบกล่องหยกขาวมาเปิดออก เห็นสิ่งที่อยู่ด้านในรู้สึกผิดหวัง เขาคิดว่าจะมีเม็ดยาอายุวัฒนะบรรจุอยู่เสียอีก


ในกล่องบรรจุหยกสามชิ้น สองชิ้นทางขวาเป็นแผ่นหยกแขวนเอวที่ไม่ได้ผ่านการแกะสลักใดๆ ส่วนหยกด้านซ้ายมีขนาดแค่หัวนิ้วก้อย สีหมองคล้ำไม่สดใสดูไม่เข้าตา หูหงเต๋อดูแล้วถึงไม่ชอบ


“หยก…? เหล่าหู ของสิ่งนี้ใช้เงินเท่าไหร่ก็แลกมาไม่ได้!”


เยี่ยเทียนถึงจะไม่ได้สัมผัสมันกับมือ แค่ดูด้วยตาเปล่า จิตดั้งเดิมของเขาก็สั่นไหวขึ้น ราวกับว่าหยกนี่ดึงดูดจิตดั้งเดิมของเขา


เยี่ยเทียนไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบหยกชิ้นที่ไม่สวยที่สุดชิ้นนั้นขึ้นมาวางบนมือ ใช้พลังตรวจสอบดู แล้วนำหยกห่อเก็บไว้เหมือนเดิม


“นี่..นี่มันพลังวิเศษอะไรกัน? หรือว่า…หรือว่าจะเป็นพลังชีวิต?” ตอนที่หยกถูกวางลงบนฝ่ามือ ใบหน้าของเยี่ยเทียนแสดงความประหลาดใจ แล้วตามมาด้วยความปีติยินดี


เยี่ยเทียนรู้สึกอย่างชัดเจนว่า ในหยกชิ้นนี้มีพลังวิเศษแผ่ออกมา ด้วยการชักนำของจิตดั้งเดิมนำเอาพลังวิเศษนั้นเข้าสู่ร่างกาย


ตั้งแต่ตันเถียนถูกทำลาย เส้นลมปราณขาดเสียหาย ด้วยการหล่อเลี้ยงของพลังวิเศษนี้ทำให้เส้นลมปราณที่ขาดแหว่งเชื่อมต่อกันใหม่ กระดูกสันหลังที่เสียหายก็ได้รับการซ่อมแซมอย่างรวดเร็ว


“วานรขาวนั่นไม่ได้บอก ขอแค่จิตดั้งเดิมเป็นรูปร่างถึงจะซ่อมแซมเส้นลมปราณในร่างกายได้?”


เยี่ยเทียนมองดูหยกในมืออย่างตกตะลึง สมองของเยี่ยเทียนว่างเปล่า เมื่อมีของสิ่งนี้อาจจจะไม่ต้องรอนานขนาดนั้น


“เยี่ยเทียน เป็นอะไรไป?” หูหงเต๋อดูท่าทางของเยี่ยเทียนแล้วใช้แขนดันสะกิดเยี่ยเทียนเข้าทีหนึ่ง


“ไม่ใช่แค่มีประโยชน์นะ? ถ้าให้ผมเอาสมบัติทั้งหมดมาแลก ผมก็ยอม!”


เยี่ยเทียนถูกหูหงเต๋อเรียกสติกลับคืนมา ก้มลงมองบาดแผลของหูหงเต๋อแล้วเอ่ยว่า “เหล่าหู คุณลองเอาหยกนี่วางไว้ในมือแล้วกระตุ้นพลังเดิมแท้ ดูซิว่าจะเกิดอะไรขึ้นไหม!”


เยี่ยเทียนแน่ใจว่าหยกชิ้นนี้มีพลังวิเศษ จะต้องรักษาอาการบาดเจ็บของหูหงเต๋อได้แน่ แต่จิตดั้งเดิมของเขายังไม่บังเกิด ไม่รู้ว่าจะดูดซับพลังวิเศษเข้าไปได้หรือไม่


แม้จะรู้ว่าหยกชิ้นนี้สำคัญกับตัวเองมาก แต่หูหงเต๋อบาดเจ็บก็เพราะตัวเอง ต่อให้เขาดูดกลืนพลังวิเศษจากหยกเข้าไปหมด เยี่ยเทียนก็ไม่เสียดาย


“ระวังหน่อย อย่าให้หยกนั่นเสียหาย!”


เยี่ยเทียนยัดหยกใส่มือของหูหงเต๋อแล้วอดสั่งเสียไม่ได้ ตัวเขาเองก็ไม่รู้ที่มาที่ไปของมัน หากไม่ระวังทำหยกเสียหาย เยี่ยเทียนคงจะร้องไห้ไม่ออก


“กระตุ้นพลังเดิมแท้? ทำยังไงหรือ?” หูหงเต๋อถือหยกไว้ในมือแล้วไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ


เยี่ยเทียนเตือน “ด้วยการฝึกวิชาของคุณปล่อยพลังออกมาได้แล้ว คุณปล่อยพลังออกมานิดหน่อยใส่หยกก็พอ?”


“เอ๋? รู้สึกสบายมากเลย!”


หูหงเต๋อทำตามที่เยี่ยเทียนบอก ค่อยๆปล่อยพลังออกมาทีละนิดอย่างระมัดระวัง เมื่อพลังสัมผัสถูกชิ้นหยก พลังความร้อนแผ่ออกมาสู่ฝ่ามือของเขาไหลซึมเข้าไปตามผิวหนัง


ความร้อนไหลแทรกซึมไปทั้งร่าง หูหงเต๋อรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด รู้สึกเหมือนนอนแช่อยู่ในน้ำพุร้อนห้าสิบองศาสุขสบายจนเขาครางออกมา


ขณะเดียวกันหูหงเต๋อรู้สึกว่าบริเวณบาดแผลแสบๆคันๆ อดไม่ได้ปลดผ้าพันแผลออกมา


“สร้างเลือดเนื้อขึ้นใหม่เหมือนตายแล้วฟื้น?” พอปลดผ้าพันแผลออก เยี่ยเทียนกับหูหงเต๋อถึงกับตะลึงตาค้าง!


ตอนที่ 709 สิ่งที่ได้รับ (2)

บาดแผลบนมือของหูหงเต๋อไม่ใช่น้อยๆเลย มีดสั้นของนักพรตได้ตัดเอานิ้วนางกับนิ้วก้อยทั้งยังฝ่ามือเบื้องล่างของทั้งสองนิ้วออกไปด้วย พอดึงผ้าพันแผลออกแล้ว เลือดสดๆเริ่มซึมออกมา


แต่ตอนที่เลือดซึมออกมานั้น เนื้อเยื่อบริเวณบาดแผลค่อยๆฟื้นคืนราวกับถูกกระตุ้นด้วยพลังงานบางอย่างให้แผลประสานขึ้นอย่างรวดเร็ว


เลือดที่ซึมออกมากลายเป็นแผลตกสะเก็ด ภายในชั่วพริบตาจากแผลสดกลายเป็นแผลตกสะเก็ดแล้ว ไม่กี่นาทีต่อมาสะเก็ดแข็งบนแผลเริ่มหลุดลอกออก เป็นเนื้อสีอมชมพูเหมือนปกติ


ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าทำให้เยี่ยเทียนกับหูหงเต๋อตะลึงอ้าปากค้างเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลง ในใจไม่อาจอธิบายความรู้สึกออกมาได้


“เยี่ย…เยี่ยเทียน เธอ…เธอหยิกฉันดูสิ!” หูหงเต๋อเงยหน้าขึ้น สีหน้าสับสน


“เหล่าหู คุณแน่ใจนะ?” เยี่ยเทียนไม่เกรงใจ ยื่นมือขวาออกไปกำบริเวณบาดแผลเดิมที่นิ้วหายไปสองนิ้วของหูหงเต๋อ


“โอ๊ย เจ็บ!”


หูหงเต๋อร้องออกมาเสียงดังรีบสะบัดมือของเยี่ยเทียนออก มือซ้ายของเขาแผลเพิ่งสมานดี ทนถูกเยี่ยเทียนบีบไม่ได้


“น่าเสียดาย สองนิ้วที่ขาดไปงอกออกมาใหม่ไม่ได้!”


เยี่ยเทียนถอนหายใจ “เหล่าหู คุณอย่าหยุดสิ เดินลมปราณต่อ เผื่อจะลบล้างอาการเจ็บป่วยเดิมๆออกไปได้อีก?”


เมื่อก่อนหูอวิ๋นเป้ามีฉายาว่าราชากรงเล็บอินทรีย์ขาว ฝึกวิชากังฟูนอกรีตจนถึงขั้นสูงสุด วิชานอกรีตแบบนี้ทำลายศัตรูได้สิบส่วน แต่ตัวเองบาดเจ็บไปแปดส่วน อย่างไรก็เหลือบาดแผลเก่าที่หลงเหลือไว้อยู่บ้าง


อีกทั้งช่วงบั้นปลายของหูอวิ๋นเป้าได้ใช้ชีวิตอยู่ในป่าลึก ฤดูหนาวทุกปีต้องอยู่บนเขาฉางไป๋ซานในสภาพอุณหภูมิติดลบหลายสิบองศา แต่ยังไม่อาจฝึกวิชาจนบรรลุถึงขั้นเปลี่ยนพลังเป็นจิตได้ พออายุเจ็ดสิบกว่าปีก็จากโลกไป


หูหงเต๋อได้รับการสืบทอดวิชาจากบิดา เริ่มจากการฝึกกังฟูนอกรีต แม้ว่าในร่างกายมีร่องรอยบาดเจ็บสะสมมานาน แต่เมื่ออายุมากขึ้นดูแลรักษาจนดีแล้วถึงมีอายุยืนได้จนถึงวันนี้


แต่หูหงเต๋อต้องการฝึกวิชาเต๋าเข้าขั้นเปลี่ยนพลังเป็นจิต จำเป็นต้องฝึกกำลังภายในให้เพียบพร้อม จัดการกำจัดอาการบาดเจ็บเก่าเก็บให้หมดไปเสียก่อน เยี่ยเทียนจึงอยากอาศัยโอกาสครั้งนี้ช่วยเขาให้ฝึกวิชาก้าวหน้าขึ้น


“ได้ ฉันจะลองดู แต่เยี่ยเทียน ฝึกวิชาที่นี่เลยหรือ?”


เมื่อฟังเยี่ยเทียนพูดจบ หูหงเต๋อได้มองไปทางสระมังกรดำที่เปลี่ยนเป็นสีดำด้วยเลือดมังกร แล้วเอ่ยต่อว่า “ไม่รู้ว่าเจ้านั่นเป็นอย่างไรบ้าง เดี๋ยวไม่ใช่ออกมาอาละวาดอีกนะ!”


เยี่ยเทียนส่ายหัว ตอบว่า “ไม่เป็นไร มังกรดำบาดเจ็บหนัก ภายในครึ่งชั่วโมงนี้ไม่ออกมาอีก วางใจได้เลย ไม่มีใครมารบกวนคุณหรอก”


ก่อนที่มังกรดำจะลงสู่สระน้ำเคยสื่อสารทางจิตกับเยี่ยเทียน เยี่ยเทียนก็เชื่อว่าเจ้ามังกรดำไม่มีทางทรยศบุญคุณของพวกเขาแน่ บางครั้งสัตว์เดรัจฉานมีความรู้คุณมากกว่ามนุษย์เสียอีก


“ช่างเถอะ ฉันหลบไปให้ไกลหน่อยดีกว่า…”


อากาศหนาวเหน็บรอยเลือดบนพื้นแข็งเป็นน้ำแข็ง แต่กลิ่นคาวเลือดยังลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ หูหงเต๋อมองสำรวจรอบด้าน เดินห่างจากสระน้ำออกไปสามสิบกว่าเมตรตรงที่มีแท่นหินอยู่นั่งลงทำสมาธิ


“หยกเทาชิ้นนั้นสามารถสร้างเลือดเนื้อขึ้นจากจากความตายได้ แต่หยกแขวนเอวที่เหลืออีกสองชิ้นไม่รู้มีไว้ทำอะไร?”


รอจนหูหงเต๋อปลีกตัวออกไป เยี่ยเทียนหันมาสนใจหยกที่เหลืออีกสองชิ้นในกล่อง เขาใช้พลังจิตสำรวจสรรพคุณของหยกแล้วรู้สึกแปลกใจ


“อืม ไม่มีพลังวิเศษเลย?” ยื่นมือไปหยิบชิ้นหยกขึ้นมา เยี่ยเทียนชักนำดวงจิตให้น้อมลงสู่ชิ้นหยก ดวงหน้ามีแววผิดหวัง หยกชิ้นนี้ไม่มีปฏิกิริยาใด


“เก็บหยกไว้ด้วยกัน หยกชิ้นนี้น่าจะเป็นของมีค่ามาก?”


เยี่ยเทียนหงุดหงิดใจ จึงใช้จิตดั้งเดิมเข้าครอบคลุมหยก ครั้งนี้ถึงจะเกิดความเปลี่ยนแปลง บังเกิดตัวอักษรบางอย่างลอยจากหยกขึ้นมาสู่ดวงจิตความรับรู้ของเยี่ยเทียน


“เป็นวิชาบทหนึ่งหรือนี่?”


เยี่ยเทียนส่ายหัวเรียกจิตดั้งเดิมกลับมา ตั้งใจอ่านอักษรที่ปรากฏขึ้นอย่างละเอียด ในนั้นบันทึกการฝึกวิชาไว้บทหนึ่ง เพียงแต่วิชาที่ว่านี้ค่อนข้างแปลกประหลาดไปหน่อย


“เม็ดพลังเน่ยตัน?” เมื่ออ่านถึงกลางบท เยี่ยเทียนมองเห็นคำสองคำแล้วตาค้าง “หรือว่านี่จะเป็นการฝึกวิชาของสัตว์ปีศาจ?”


ลัทธิเต๋าแม้จะฝึกวิชาเน่ยตัน แต่กลับถูกเรียกว่าจินตัน ดังนั้นจึงก่อกำเนิดวิชาจินตันขึ้นมา ก่อนเข้าถึงวิชาจินตันจะต้องฝึกถึงระดับเซียนเทียนก่อน ส่วนคำว่าเน่ยตันใช้เรียกการฝึกวิชาปีศาจของเหล่าสัตว์เดรัจฉาน


อ่านมาถึงตรงนี้ เยี่ยเทียนถอนหายใจ เป็นวิชาปีศาจจริงๆด้วย เนื้อหานอกจากจะอธิบายถึงการแตกหน่อเน่ยตันแล้ว ยังมีการฝึกวิชาปีศาจให้เป็นเซียนด้วย ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไรกับเยี่ยเทียนเลย


“เจ้ามังกรดำมีโชคอยู่ไม่น้อย ผ่านเคราะห์หนักครั้งนี้ไปแล้ว กลับได้เคล็ดวิชามาแทน” เยี่ยเทียนส่ายหน้า เก็บหยกลงกล่อง แล้วหยิบหยกแขวนเอวชิ้นสุดท้ายขึ้นมา


ป้ายหยกรูปแบบนี้ เยี่ยเทียนเคยเห็นมาก่อนในหน้าตำราเต๋าไคหยวนที่เคยได้ครอบครอง ที่กล่าวถึงการแกะสลักความทรงจำด้วยดวงจิตลงบนเนื้อหยก ซึ่งผู้ที่ฝึกวิชาเต๋ามักใช้จิตดั้งเดิมสอบทานดู


ถ้าเทียบกับตำรากระดาษโบราณ วิธีการนี้สะดวกง่ายดายกว่ามาก ทั้งยังเก็บข้อมูลได้อย่างมิดชิด นอกจากผู้ที่ฝึกวิชาเต๋าแล้ว ต่อให้วิทยาศาสตร์ปัจจุบันก้าวหน้าไปมากแค่ไหน ก็ไม่อาจตรวจหาถึงเนื้อหาที่บันทึกอยู่ในหยกนี้ได้


เยี่ยเทียนมีแนวความคิดว่า “ไม่รู้ว่าจะต้องฝึกวิชาถึงขั้นไหนถึงจะแกะสลักความทรงจำลงบนเนื้อหยกได้?”


หยกแขวนเอวชิ้นนี้เหนือชั้นกว่าข้อมูลที่เยี่ยเทียนได้รับมาจากตำราหน้านั้นเสียอีก เพราะว่าเนื้อหาในหยกนี้เขาสามารถอ่านทบทวนได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่เหมือนกับบันทึกของนักพรตที่อ่านเพียงครั้งเดียวก็หายไป


จากการคาดเดาของเยี่ยเทียน ระดับการฝึกวิชาของผู้ที่ถ่ายทอดข้อความลงบนหยกนี้จะต้องสูงกว่าผู้ที่บันทึกลงในกระดาษ


แต่เยี่ยเทียนเดาผิด ที่เนื้อหาในหยกอยู่ทนทานกว่านั้นเป็นเพราะเนื้อวัสดุที่ต่างกัน


ชิ้นหยกในโลกของลัทธิเต๋าเรียกว่าบันทึกหยก ใช้สำหรับเก็บบันทึกความคิดความทรงจำ จำเป็นต้องกระทำด้วยวิธีเฉพาะ เมื่อบันทึกลงแล้ว หากเยี่ยเทียนอยากจะบันทึกความคิดของตัวเองลงไปในพื้นที่ว่างก็ยังทำได้ไม่ยากเย็น


“ดูซิว่าข้างในพูดถึงอะไร?” สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วส่งจิตดั้งเดิมลงตรวจสอบในชิ้นหยก ใบหน้าฉายแววเคร่งเครียด


เขาฆ่านักพรตคนนั้นอย่างฉับไวแต่ในใจกลับรู้สึกถึงภาระหนักหน่วง สิ่งที่เขาอยากได้มากที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่เคล็ดวิชา แต่อยากรู้ถึงที่มาที่ไปของนักพรต


รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เยี่ยเทียนได้แต่สืบหาเบาะแสที่หลงเหลืออยู่จากโลกลัทธิเต๋า หากชื่อของเยี่ยเทียนได้ขึ้นบัญชีดำ วันหน้าอาจจะไม่ได้โชคดีแบบครั้งนี้


“เป็นเคล็ดวิชาจริงด้วย?”


หลังจากใช้จิตดั้งเดิมตรวจทานในหยกเสร็จก็ต้องผิดหวังมาก ในหยกชิ้นนี้ได้บันทึกเคล็ดวิชาไว้เหมือนกัน เยี่ยเทียนดูซ้ำอีกรอบเนื้อหาน่าจะกล่าวถึงการใช้ธาตุไฟในการสร้างของวิเศษ


“เอ๋? มีแผนที่ด้วย?”


เยี่ยเทียนตาลุกวาว เพราะนอกจากเคล็ดวิชาแล้ว ยังปรากฏแผนที่ภูเขาแห่งนี้ ตรงกลางแผนที่มีสัญลักษณ์สีทองบ่งบอกตำแหน่งสำคัญ


“ดินแดนแห่งทวยเทพ? อยู่ที่ไหนกัน?”


เยี่ยเทียนไม่ค่อยมีความรู้เรื่องภูมิศาสตร์ ดูสัญลักษณ์บนแผนที่อยู่นาน เขาเข้าใจเพียงคำสี่คำที่ปรากฎอยู่เท่านั้น


“หรือว่าตอนนั้นที่เกิดฟ้าดินตาลปัตร ผู้ฝึกเต๋าทั้งหมดหนีเข้าไปอยู่ในดินแดนนี้หมดแล้ว?” เยี่ยเทียนดำดิ่งลงสู่ห้วงความคิด “แต่ดินแดนแห่งนี่อยู่ที่ใด? ทำไมถึงไม่มีใครรู้จัก?”


วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าสุดโต่งจนทำให้มนุษย์สามารถไปเดินเล่นบนดวงจันทร์ได้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว บนท้องฟ้ามีดาวเทียมจำนวนนับไม่ถ้วน


เยี่ยเทียนคิดไม่ถึงเลยว่า พวกนักพรตเหล่านั้นหลีกหนีจากสายตาชาวโลกได้อย่างไร หลบไปอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีคนรู้ ที่นั่นเป็นสถานที่แบบไหนกันนะ?


“เฮ้อ น่าเสียดาย ได้เจอกับผู้รู้เข้าแล้ว แต่เขากลับเป็นคนจิตใจหยาบช้า….”


เยี่ยเทียนถอนใจยาว ในสมองมีแต่คำสี่คำนั้น เขาคาดเดาความจริงยากมาก พิจารณาอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันไปสนใจเคล็ดวิชานั้นแทน


“โห ทำยังไงถึงจะฝึกถึงระดับเซียนได้ นี่ไม่ได้แกล้งกันใช่ไหม?”


อ่านเคล็ดวิชาอย่างละเอียดอีกรอบแล้ว เยี่ยเทียนสบถออกมา เพราะในเนื้อหากล่าวถึงการสร้างของวิเศษอย่างหยาบขึ้น โดยใช้จิตดั้งเดิมกระตุ้นธาตุไฟ ซึ่งการจะทำแบบนี้ได้ต้องฝึกถึงระดับเซียนก่อน


“หอประดิษฐ์วิเศษ อยู่ที่ไหนกัน? เป็นตึกอาคารหรือ?”


ในวิธีการฝึกเอ่ยถึงชื่อสถานที่แห่งนี้หลายครั้ง จึงดึงดูดความสนใจของเยี่ยเทียน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเคล็ดวิชาดังกล่าวได้ถูกเขียนขึ้นที่หอประดิษฐ์วิเศษ


“ให้ตายเถอะ ไม่คิดแล้ว รีบเก็บกวาดให้เรียบร้อยแล้วไปจัดการเรื่องสำคัญดีกว่า!”


เยี่ยเทียนสั่นหัว เก็บหยกทั้งสองชิ้นลงกล่อง แล้ววางไว้บนมือซ้ายชูขึ้นสูงเหนือหัว แล้วออกแรงตีไปที่กล่องหยก


ฝ่ามือของเยี่ยเทียนมีแรงมากถึงหลายร้อยกิโลกรัม เสียงตีดัง “เพี๊ยะ” กล่องหยกอย่างดีถูกตีจนแตกกระจุย แม้แต่หยกทั้งสองชิ้นที่อยู่ด้านในก็แหลกไปด้วย


ถึงหยกแขวนเอวจะเป็นเรื่องรางชนิดหนึ่ง ใช้สืบทอดพลังวิชาความคิด แต่ไม่ได้มีประโยชน์ด้านฤทธิ์คุ้มกันภัย ไม่ต่างอะไรจากหยกธรรมดาทั่วไป


เยี่ยเทียนไม่รู้ว่าผู้ฝึกเต๋านั้นสามารถติดต่อกันได้ดีแค่ไหน เกรงว่าถ้ามีนักพรตคนอื่นสัมผัสได้ถึงพลังในหยกแขวนเอวสองชิ้นนี้แล้วจะสืบเสาะตามหาจนถึงเหตุที่เกิดขึ้นกับนักพรตใจหยาบคนนั้น เอาเป็นว่าเนื้อหาใจความในชิ้นหยกเยี่ยเทียนจำได้หมดแล้ว ทำลายทิ้งไปก็ไม่เป็นไร


เยี่ยเทียนเข้าไปยกเอาร่างของนักพรตขึ้นเตรียมลากไปโยนลงสระมังกรดำ มีธนบัตรจำนวนมากหลุดร่วงออกมาจากแขนเสื้อชุดคลุม


“เอ๋? นี่มันเงินสมัยไหนกัน? ไม่เคยเห็นมีคนใช้เลย?”


เยี่ยเทียนก้มลงไปเก็บขึ้นมาดูหลายใบแล้วตกตะลึง เพราะธนบัตรในมือมีมูลค่าสามหยวน บนนั้นลงไว้ว่าปี 1955 ตั้งแต่จำความได้ เยี่ยเทียนไม่เคยเห็นธนบัตรแบบนี้มาก่อน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)