ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 702-709
ตอนที่ 702 เจอคนที่ไม่อยากเจอ
สองปีนี้เหยียนซินหย่าเองก็เปลี่ยนไปมาก ฝีมือการวาดรูปของเธอดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ระยะนี้กลับมาจับดินสอวาดรูปใหม่อีกครั้งก็เริ่มคล่องมือขึ้นเรื่อยๆ นานวันเข้าเริ่มมีชื่อเสียงในวงการศิลปะ ปีนี้ยังจัดนิทรรศการศิลปะที่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จถึงสองครั้ง นับว่าเป็นดาวดวงใหม่แห่งวงการศิลปะ
อีกทั้งเหยียนซินหย่ายังเขียนข่าวให้สำนักหนังสือพิมพ์อันโด่งดัง พรสวรรค์ด้านศิลปะของเธอได้มาจากคุณพ่ออาจารย์เหยียนไม่มีผิดเพี้ยน ใช้คำได้สละสลวยและเขียนบทความได้มีจุดเด่นเป็นของตัวเอง จนถึงขั้นตีพิมพ์ฉบับรวมทุกบทความ ทั้งยังมีนามแฝงนักเขียนมาอีกคน!
เหยียนซินหย่าที่มีทั้งอาชีพนักวาดและนักเขียนใช้ชีวิตทุกวันได้อย่างเต็มอิ่ม ดูอ่อนแอน้อยลงและกระฉับกระเฉงมากขึ้น แต่ยังคงความสวยงามไว้เฉกเช่นปกติ
“แม่คะ เราจะไปห้างกันเหรอ?” เหมยเหมยถาม
“อื้ม ไปห้างกันก่อน”
เหยียนซินหย่ากับเหมยเหมยปั่นจักรยานคนละคัน มุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้า ไม่นานก็มาถึง พอทั้งคู่เก็บรถเสร็จก็เดินเข้าไปในห้าง กลับเจอบุคคลสองคนที่คาดไม่ถึง
อู่เจิ้งซือกับเหมยซูหานที่กำลังเตรียมออกจากห้าง ท่าทางเพิ่งซื้อของเสร็จเพราะมีถุงเล็กถุงใหญ่เต็มไปหมด มิหนำซ้ำอู่เจิ้งซือได้เปลี่ยนแปลงตัวเองสลัดคราบมอซอเมื่อสองปีก่อนทิ้งไปแล้ว กลับมาดูสง่าภูมิฐานเหมือนเคย
อู่เจิ้งซือกับเหมยซูหานเดินไปคุยไปอย่างออกรส เมื่อเห็นสองแม่ลูกเหยียนซินหย่าก็ตะลึงงัน รอยยิ้มค้างอยู่บนใบหน้า
เหมยซูหานเองก็ชะงักชั่วครู่ รีบยิ้มทักทาย “คุณน้า เหมยเหมย มาซื้อของเหมือนกันเหรอ!”
เหยียนซินหย่าพยักหน้าให้เหมยซูหานเล็กน้อยด้วยสีหน้าเย็นชา เธอเคยเจอเหมยซูหานหลายครั้ง เด็กคนนี้ดีกับลูกสาวมาก แต่เธอกลับไม่ชอบเด็กผู้ชายคนนี้ ไม่ใช่ว่าเหมยซูหานไม่ดีพอ เด็กคนนี้ก็โดดเด่นไม่แพ้เหยียนหมิงซุ่นเป็นลูกรักของสวรรค์
แต่มีจุดหนึ่งของเหมยซูหานที่ไม่ดีเลย เขาใกล้ชิดกับอู่เจิ้งซือมากเกินไป!
อีกอย่างเธอคิดว่าความคิดของเหมยซูหานเจ้าเข้าถึงยากเกินไป เหยียนหมิงซุ่นเองก็มีความคิดที่เข้าถึงยากเช่นกัน แต่เธอไม่รู้สึกต่อต้านเพราะเหยียนหมิงซุ่นทำดีกับเหมยเหมยอย่างไม่คิดจะปิดบัง เธอเห็นได้ชัดเจน แน่นอนว่าเหมยซูหานก็ดีกับเหมยเหมยเช่นกันแต่ประเด็นสำคัญคือ–
ลูกสาวไม่ชอบเหมยซูหาน!
เหมยเหมยไม่คิดจะปิดบังความรำคาญที่มีต่อเหมยซูหานสักนิด เหยียนซินหย่าย่อมต้องเคารพการตัดสินใจของลูกสาว
เหมยเหมยมุ่นคิ้วน้อยๆ วันนี้ออกจากบ้านลืมดูปฏิทินหรือไร ทำไมถึงเจอสองคนนี้ได้?
เธอไม่ตอบแค่อมยิ้มกลับพอเป็นมารยาท ไม่อยากแม้แต่จะยิ้มฉาบหน้าแล้วด้วยซ้ำ นับตั้งแต่รู้ว่าเหมยซูหานยอมออกเงินค่าผ่าตัดเพื่อรักษาเยื่อแก้วหูให้อู่เยวี่ย
ติดต่องานให้อู่เจิ้งซือก็ช่างในเมื่ออู่เจิ้งซือดีกับเหมยซูหานมากจริงๆ เป็นปกติที่เขารู้กตัญญูรู้จักตอบแทน แต่เพราะเขาออกเงินค่าผ่าตัดให้อู่เยวี่ย หลังจากที่เธอได้ฟังเรื่องนี้จากเจินหวานหว่านก็รู้สึกสะอิดสะเอียนใจแทบแย่
เป็นเหมือนชาติที่แล้วไม่มีผิด สองคนนี้เริ่มพัวพันกันอีกแล้ว แต่เธอจะไม่ใช่คนโง่อย่างในชาติที่แล้วอีกต่อไป!
เธอในตอนนี้เป็นผู้รับชม จะรอดูว่าสองคนนี้จะมีจุดจบอย่างไร!
เหมยซูหานย่อมรู้สึกได้ถึงความเย็นชาของเหมยเหมย เขายิ้มอย่างขมขื่นและรู้สึกแย่
เขารู้ว่าทำไมเหมยเหมยถึงโกรธ แต่เขาใจร้ายไม่ลง สองปีนี้ความฝันของเขามีฉากอื่นโผล่มา แต่กลับปรากฏตัวอู่เยวี่ยออกมา!
ในฝันเขากับอู่เยวี่ยกำลังทำบางสิ่งที่มีเพียงคนรักกันเท่านั้นถึงทำด้วยกัน เขาชักแปลกใจ ทั้งที่คนรักเขาคือเหมยเหมยแต่ทำไมในฝันเขากลับสนิทชิดเชื้อกับอู่เยวี่ยมากกว่า คนรักของเขาคือใครกันแน่?
เหมยซูหานที่ฉงนปนไม่สบายใจแม้ใจจะเชื่อว่าเหมยเหมยต่างหากที่เป็นคนรักของเขา แต่ขณะที่เขาเผชิญหน้ากับอู่เยวี่ยกลับใจร้ายไม่ลง เขาที่มีนิสัยลังเลอยู่แล้วจะปฏิเสธอู่เยวี่ยได้ลงที่ไหนกันล่ะ!
………………………….
ตอนที่ 703 อู่เจิ้งซือที่โกรธเคือง
ขณะนี้อู่เจิ้งซือยิ่งรู้สึกแย่ สองคนตรงหน้า หนึ่งคนคือหญิงสาวที่เขาเคยรักและตอนนี้ทั้งรักทั้งเกลียด อีกคนเคยเรียกเขาว่าคุณพ่อแต่ยามนี้กลับกลายเป็นเพียงคนแปลกหน้า
พบเจอแต่กลับจำกันไม่ได้ ยืนอยู่ตรงหน้าแต่กลับเอื้อมไม่ถึง!
นอกจากความสูญเสีย อู่เจิ้งซือกลับรู้สึกโกรธแค้นเสียมากกว่า ความโกรธแค้นที่มีต่อเหยียนซินหย่า ความโกรธแค้นที่มีต่อจ้าวเหมย
เขาแค่เคยทำผิดเรื่องเดียวเท่านั้น แต่กลับกลบสิ่งที่เขาเคยทำให้ในอดีตไปทั้งหมด บุญคุณที่เขาเคยช่วยเหลือเหยียนซินหย่า บุญคุณที่เคยชุบเลี้ยงจ้าวเหมย สิ่งเหล่านี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน
หากเมื่อนั้นเขาไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเหยียนซินหย่าที่อับจนหนทาง อย่าว่าแต่จะคลอดลูกได้อย่างปลอดภัย แม้แต่ชีวิตเธอเองก็คงไม่เหลือ พูดได้เลยว่าเขาเป็นคนให้ชีวิตสองแม่ลูกของจ้าวเหมย หากไม่มีเขาอู่เจิ้งซือ สองแม่ลูกคู่นี้คงไม่มีวันนี้ ถ้าอย่างนั้นเขาผิดอะไรที่ขโมยตัวจ้าวเหมยมางั้นเหรอ?
ต่อให้เขามีความผิดจริง แต่เขาได้ชุบเลี้ยงจ้าวเหมยจนเติบใหญ่และเลี้ยงดูได้ดีขนาดนี้ ร้องเพลงได้เต้นรำเป็น หน้าตาและความสามารถครบครัน หรือนี่ไม่ใช่คุณงามความดีของเขางั้นหรือ?
ครอบครัวนี้ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ แต่กลับปฏิเสธคุณงามความดีของเขาทั้งหมดเพียงเพราะความผิดอันเล็กน้อย ทำให้เขาต้องเสียงานคุณครูที่เขารักและโดนจับกุมคุมขัง นี่เป็นจุดแปดเปื้อนที่เขาไม่มีวันชะล้างออก นอกจากจะถูกคนนินทาลับหลังแล้วยังทำให้เขาหางานไม่ได้
หึ ครอบครัวเนรคุณนี้คิดจะเอาเขาถึงตาย!
แล้วพ่อแม่พี่น้องของเขา พวกเขามีความผิดอะไร?
ต้องพลอยติดร่างแหไปกับเขาด้วย พี่ใหญ่ผู้เป็นถึงศาตราจารย์มหาวิทยาลัยจินที่ผู้คนเคารพนับถือกลายเป็นเพียงคุณครูตำแหน่งธรรมดา การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ทำให้พี่ใหญ่ที่ดูแลตัวเองให้สง่าตลอดเวลาต้องอาศัยเหล้าย้อมใจ ถอนหายใจไปวันๆ จวบจนกลายเป็นคุณลุงวัยกลางคนธรรมดาที่อ้วนลงพุง เหลือคราบศาตราจารย์มหาวิทยาลัยจินที่เคยเฉิดฉายคนนั้นเสียที่ไหนกันล่ะ!
แล้วก็น้องสาว ถึงอารมณ์ดุร้ายไปหน่อยแต่เธอมีความผิดอย่างไรต่อจ้าวเหมย?
ถูกตระกูลจ้าวโยกย้ายตำแหน่งงานจากโรงเรียนมัธยมชั้นนำในเมืองไปอยู่โรงเรียนมัธยมธรรมดาแถบชานเมือง เด็กนักเรียนที่มีความประพฤติย่ำแย่ ครูบาอาจารย์ไร้ความศรัทธาในการสอน แต่นั่นก็ช่างมันไป เจิ้งหงเธอต้องเสียเวลาห้าถึงหกชั่วโมงต่อวันในการเข้างานและออกงาน ตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง พระจันทร์ลอยค้ำฟ้าถึงก้าวเข้าประตูบ้าน เหนื่อยสายตัวแทบขาด
แล้วพ่อแม่ของเขาล่ะ พวกท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ เดิมทีควรเป็นช่วงวัยที่ใช้เวลาหลังเกษียณอย่างสุขสบาย แถมผู้คนให้ความนับถือ มากมายไปด้วยลูกศิษย์ แต่แก่จนอายุปูนนี้แล้วยังถูกทางโรงเรียนหยามเหยียดเพราะเขา หนีจากมหาวิทยาลัยจินไปเช่าบ้านอยู่ข้างนอก ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง
ทุกครั้งที่พ่อแม่เขาพูดถึงเรื่องนี้ต่างก็ถอนหายใจยาว เจ้าของบ้านพวกเขาเคยพูดเป็นนัยๆ บอกเขาหลายครั้งว่าต้องคอยระมัดระวัง จะปล่อยให้คนแก่ตายคาบ้านของเขาไม่ได้ ไม่เป็นมงคล!
ทุกครั้งที่อู่เจิ้งซือได้ยินเช่นนี้ก็มักเกิดอารมณ์โกรธเคืองขึ้นมาจนอยากลงไม้ลงมือ แต่เขาทำไม่ได้ สองปีนี้พวกเขาย้ายบ้านทั้งหมดห้าครั้งแล้ว ทุกทีที่ย้ายบ้านจะมีคนคอยนินทาตามหลัง
บอกว่าพ่อแม่ของเขาไร้ความสามารถ อายุปูนนี้แล้วยังไม่หาบ้านเป็นของตัวเองอีก บอกว่าเขาไร้ความสามารถยิ่งกว่า ปล่อยให้พ่อแม่ที่ผมหงอกเต็มหัวต้องมาทนลำบากไปด้วย
ครั้นได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ เหมือนใจของเขาถูกมีดคมกรีด ในฐานะลูกหลานไม่อาจให้พ่อแม่ใช้ช่วงเวลาบั้นปลายของชีวิตได้อย่างสงบสุข กลับเป็นต้นเหตุให้พวกท่านต้องทุกข์ยากตรากตรำไปด้วย เขามันอกตัญญูจริงๆ!
แต่ต้นเหตุทุกอย่างนี้ก็คือตระกูลจ้าว!
ต่อให้เขามีความผิด ลงโทษเขาคนเดียวก็พอ เหตุใดต้องเดือดร้อนคนในครอบครัวเขาด้วย?
เขาเกลียดสองแม่ลูกเหยียนซินหย่ากับจ้าวเหมยที่สุด เพราะเขามีบุญคุณต่อพวกเธอแต่สองคนแม่ลูกกลับเนรคุณ นอกจากไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณแล้วยังตอบแทนคุณด้วยความแค้น ปล่อยให้จ้าวอิงหัวทำร้ายครอบครัวเขา น่าแค้นใจที่สุด!
………………
ตอนที่ 704 คนแปลกหน้า
อู่เจิ้งซือที่ผ่านฝันร้ายมาตลอดสองปีทำให้เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์มากขึ้นและรู้จักตีสองหน้าเก่งขึ้น ต่อให้ตอนนี้เขาเกลียดชังสองแม่ลูกเหยียนซินหย่าจนเข้ากระดูกดำ แต่เขาก็ไม่แสดงออกทางสีหน้า ทั้งยังยิ้มให้อีกฝ่าย
“ซินหย่า เหมยเหมย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!”
เหยียนซินหย่ามุ่นคิ้ว เธอไม่เคยคิดเลยว่าอู่เจิ้งซือจะทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทักทายเธอได้อย่างใจเย็นเป็นปกติ หรือเขาคิดว่าเธอยอมยกโทษกับความผิดในอดีตที่เขาเคยทำไว้แล้ว?
ไม่ ชีวิตนี้เธอไม่มีวันยกโทษให้ผู้ชายที่มือถือสากปากถือศีลคนนี้เด็ดขาด!
เหมยเหมยเองก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ เธอเกลียดอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมาเฉกเช่นเดียวกับเหยียนซินหย่าไม่ได้ เธอไม่ได้รู้สึกต่ออู่เจิ้งซืออย่างที่รู้สึกกับอู่เยวี่ยกับเหอปี้อวิ๋น สองคนนั้นเธอจะไม่มีทางปรานีและออมมือให้แน่นอน
ในเมื่อเธอเคยได้รับความอบอุ่นจากอู่เจิ้งซือบ้างในช่วงระยะสั้น ๆ ถึงแม้จะมีผลประโยชน์แอบแฝงก็ตาม แต่กลับเป็นสิ่งล้ำค่ามากพอสำหรับเธอที่กระหายความอบอุ่นในยามนั้น
สิ่งสำคัญที่สุดอย่างมากอู่เจิ้งซือเพียงแสดงสีท่าเย็นชาเมินเฉยใส่เธอ แน่นอนว่ามันไม่ดี ทว่าเทียบกับเหอปี้อวิ๋นแล้วเขากลับมีความ ‘เมตตา’ กว่ามากแล้ว
ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอู่เจิ้งซือที่เธอเคยเรียกว่าคุณพ่อมาตลอดสองชาติ ภายในใจเหมยเหมยกลับสับสนเหลือเกิน
อู่เจิ้งซือเห็นสองแม่ลูกเหยียนซินหย่าไม่ได้ตอบรับ ดวงตาฉายแววเยือกเย็นชั่ววูบแต่ใบหน้ากลับแสดงออกถึงความเจ็บปวด หัวเราะเยาะตัวเอง “ฉันไม่รบกวนพวกเธอแล้ว ซูหาน เราไปกันเถอะ!”
เหมยซูหานกลับอาลัยอาวรณ์ที่จะอยู่ เขามีเรื่องมากมายอยากคุยกับเหมยเหมย เขาอยากอธิบายว่าทำไมเขาถึงช่วยเหลืออู่เยวี่ย และอยากมอบของขวัญวันเกิดที่เขาตั้งใจเตรียมไว้ให้เหมยเหมย เขาจำได้ว่าวันเกิดเหมยเหมยอยู่ในช่วงเดือนนี้ น่าจะอีกไม่กี่วันแล้ว
เขายังมีเรื่องที่อยากคุยกับเหมยเหมยอีกมากแต่เขากลับไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหน!
เหมยซูหานที่กำลังสับสนปนหนักใจ หลายครั้งที่อ้ำๆ อึ้งๆ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเพียงเสียงถอนลมหายใจยาว แล้วพูดขึ้น “เหมยเหมย เราไปก่อนนะ!”
เหมยเหมยพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะลากเหยียนซินหย่าเดินไปทางชั้นสอง เธอไม่มีสิ่งใดที่อยากพูด สำหรับสองคนนี้แล้วถึงเธอจะทำใจไม่ให้เกลียดชังโกรธแค้น แต่ก็ไม่อยากเข้าไปพัวพันด้วยอีก ชาตินี้ให้เป็นเพียงคนแปลกหน้าต่อกันเถอะ!
แต่เธอกลับไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยากเป็นเพียงคนแปลกหน้ากับเธอ!
อู่เจิ้งซือเห็นความสับสนและลังเลของเหมยซูหานชัดเต็มสองตา จงใจถามขึ้นมา “ซูหานชอบเหมยเหมยใช่มั้ย?”
ใบหน้าหล่อเหลาของเหมยซูหานขึ้นสีระเรื่อและยิ้มอย่างเคอะเขิน ไม่ได้ปฏิเสธหรือยอมรับ อู่เจิ้งซือผู้เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน แค่เห็นท่าทีของเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องเป็นอย่างไร
“เธอสนิทกับเยวี่ยเยวี่ยมากกว่าไม่ใช่เหรอ?” อู่เจิ้งซือค่อนข้างสงสัย
ที่ผ่านมาเขาคิดว่าเหมยซูหานคบหากับอู่เยวี่ยมาตลอด ไม่เคยเห็นเหมยซูหานคุยกับจ้าวเหมยมากเท่าไร แต่กลับเห็นนั่งสอนการบ้านกับอู่เยวี่ยอยู่บ่อยครั้ง พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน อีกทั้งสองปีนี้ไม่เคยขาดการติดต่อกัน ช่วงก่อนหน้านี้ยังออกเงินค่าผ่าตัดให้อู่เยวี่ยอีกด้วย!
เหมยซูหานรีบส่ายหน้าอธิบาย “ผมกับเยวี่ยเยวี่ยเป็นแค่เพื่อนกัน คุณครูเข้าใจผิดแล้วครับ”
“ถ้างั้นเธอไม่ชอบเยวี่ยเยวี่ยเหรอ?” อู่เจิ้งซือขมวดคิ้วแน่นอย่างฉงน
แม้เขาไม่ชอบลูกสาวคนนี้มากแต่ก็เป็นลูกสาวแท้ๆ ของเขาอยู่ดี ส่วนเหมยซูหานเป็นลูกศิษย์ที่เขาภาคภูมิใจ หากมาเป็นลูกเขยเขาคงดีไม่น้อย
เช่นนี้แล้วการที่เขาใช้สถานะพ่อตาไปช่วยดูแลจัดการร้านของเหมยซูหานก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง
แต่หากเหมยซูหานชอบจ้าวเหมย นอกจากจะไม่มีส่วนช่วยเขาเลยสักนิด แถมยังอาจสร้างความเดือดร้อนให้เขาได้ด้วย
เด็กเนรคุณอย่างจ้าวเหมย ถ้าคบกับเหมยซูหานจริงๆ ต้องยุยงให้ซูหานไม่อนุญาตให้เขาทำงานที่ร้าน วันหน้าคงไม่ให้เงินช่วยเหลือแก่เขาอีกแน่ๆ
จะปล่อยให้เรื่องกลายเป็นแบบนี้ไม่ได้ เขาต้องประสบความสำเร็จ ต้องเป็นเจ้าคนนายคน เหมยซูหานเป็นแรงหนุนที่ดีที่สุด เขาต้องหาทางให้เหมยซูหานตัดใจจากจ้าวเหมยแล้วจับคู่กับอู่เยวี่ยเสีย!
……………………..
ตอนที่ 705 คนโลภ
อู่เจิ้งซือวางแผนอย่างแยบยล ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะพรากเหมยซูหานกับจ้าวเหมยแยกออกจากกัน แต่ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าสักน้อย ยังแสร้งถอนหายใจยาวตัดพ้อว่า “เยวี่ยเยวี่ยเสียคนเพราะแม่เธอแถมไม่ดีเท่าเหมยเหมย ซูหาน เธอเลือกไม่ผิดหรอก!”
เหมยซูหานรีบตอบ “ครูครับอย่าพูดอย่างนี้ เยวี่ยเยวี่ยก็เป็นเด็กผู้หญิงที่ดีมาก เพียงแต่เรื่องของหัวใจมันควบคุมกันไม่ได้ ผมมองเยวี่ยเยวี่ยเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่ง”
อู่เจิ้งซือแค่นยิ้มในใจ เห็นเป็นน้องสาว?
คิดว่าหลอกเด็กสามขวบหรือ?
อย่าคิดว่าเขาดูความสัมพันธ์ที่คลุมเครือระหว่างเหมยซูหานกับอู่เยวี่ยไม่ออก !
ลูกศิษย์ของเขาคนนี้ไม่ใช่คนซื่อสัตย์เช่นนั้น เป็นพวกเหยียบเรือสองแคม ตัดความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงกับอู่เยวี่ยไม่ได้ แต่ก็ยังคิดถึงจ้าวเหมยไม่ขาด ปากก็พร่ำบอกแต่ว่าเป็นเพียงพี่น้องกัน!
อู่เจิ้งซือถอนหายใจอีกครั้ง “ฉันเข้าใจได้ เรื่องความรักมันพูดยากจริงๆ ซูหานเธอไม่ผิด แต่ว่าฉัน…”
อู่เจิ้งซือหยุดเว้นช่วงชั่วขณะเมื่อพูดถึงตรงนี้ พลางทำหน้าลำบากใจจนเหมยซูหานรีบพูดขึ้น “ถ้าครูมีอะไรบอกผมได้เลย ถ้าผมช่วยได้จะช่วยอย่างถึงที่สุด”
เหมยซูหานพูดอย่างจริงใจ อู่เจิ้งซือเป็นครูผู้มีบุญคุณต่อเขา หากไม่มีความห่วงใยและทุนสนับสนุนจากอู่เจิ้งซือเป็นครั้งเป็นคราว เขาคงผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากเหล่านั้นไม่ได้ ตอนนี้ครูผู้มีบุญคุณกลับตกระกำลำบาก การที่เขาจะยื่นมือให้ความช่วยเหลือย่อมเป็นเรื่องธรรมดา
อู่เจิ้งซือได้ใจกับท่าทีนอบน้อมของเหมยซูหานอย่างมาก โลกนี้ไม่มีทางตัน ขณะที่เขาตกอับเหมยซูหานฉุดเขาไว้ ให้งานที่มีหน้ามีตาแก่เขา เงินเดือนของเขาทวีเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าของงานอาชีพครูที่เขาเคยทำ จุดนี้เขาต้องขอบคุณเหมยซูหาน
แต่อะไรที่ควรวางแผนก็ต้องวางแผน!
หลังผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต อู่เจิ้งซือก็ได้เข้าใจสิ่งสำคัญเรื่องหนึ่งว่าคนเราอย่าใจดีเกินไป เมื่อไรที่ควรโหดก็ต้องโหด!
หากครั้งนั้นเขาจะใจเหี้ยมอีกสักนิด ยอมทิ้งหรือส่งต่อเหมยเหมยในผ้าอ้อมให้คนอื่นไป ตอนนี้จะเกิดเป็นเรื่องวุ่นวายมากมายขนาดนี้หรือ?
ไม่แน่เหยียนซินหย่ากับจ้าวอิงหัวจะขอบคุณเขาด้วยซ้ำ!
ตอนนั้นเพราะมีจิตใจเมตตาเลยเลี้ยงเด็กเนรคุณอย่างจ้าวเหมยไว้เอง ชุบเลี้ยงเธอให้เติบใหญ่อย่างลำเค็ญแต่ผลสุดท้ายกลับโดนลอบกัดแถมยังเดือดร้อนไปถึงคนในครอบครัว!
อู่เจิ้งซือที่ผ่านความเจ็บปวดนั้นมาก็เข้าใจแล้วว่าความเมตตาเป็นแค่เพียงลมปาก คนดีชีวิตไม่ยั่งยืน ส่วนคนเลวกลับอายุยืนยาว นับจากนี้ไปเขาอู่เจิ้งซือจะเป็นคนชั่ว เมื่อไรที่ต้องวางแผนชั่วร้ายก็จะไม่ยอมอ่อนข้อให้เด็ดขาด ไม่ว่าคู่กรณีเป็นใครก็ตาม
ทุกคนก็ต้องทำเพื่อตัวเองกันทั้งนั้นแหละ!
อู่เจิ้งซือที่แสดงละครยิ้มออกมาอย่างขมขื่นกล่าวขึ้นว่า “ซูหานเธอเองก็รู้ว่าฉันตอนนี้ไม่มีบ้านไม่มีที่ยืนในสังคม และไม่มีความสามารถจะให้ชีวิตที่ดีกับเยวี่ยเยวี่ยได้ อีกอย่างลูกสาวอยู่กับแม่น่าจะสบายกว่าหน่อย ฉันไปดูแลเยวี่ยเยวี่ยบ่อยๆ ไม่ได้ ถ้าเธอสะดวกล่ะก็ช่วยดูแลเยวี่ยเยวี่ยแทนฉันด้วยนะ เฮ้อ!”
เหมยซูหานรีบตอบกลับ “ครูสบายใจได้ครับ เรื่องนี้ต่อให้ครูไม่ฝากฝังผมก็จะไปเยี่ยมหาเยวี่ยเยวี่ยบ่อยๆ อยู่แล้ว เธอสบายดี ตอนนี้หูดีขึ้นมากแล้ว แต่ต้องผ่าตัดอีกครั้ง วันข้างหน้าถึงจะกลับมาได้ยินเช่นเดิมถึงแม้จะไม่เต็มร้อยก็ตาม”
อู่เจิ้งซือพยักหน้าอย่างดีใจ “งั้นก็ดี ลำบากซูหานแล้ว เงินผ่าตัดซูหานก็หักจากเงินเดือนของฉันเลยนะ!”
“ครูพูดแบบนี้ไม่ถูกนะครับ ผมบอกแล้วว่าเห็นเยวี่ยเยวี่ยเป็นน้องสาว ก็ควรออกค่าใช้จ่ายผ่าตัดให้เธอ วันหลังครูไม่ต้องพูดถึงเรื่องเงินแล้วนะครับ” เหมยซูหานว่าอย่างไม่ชอบใจ
เป็นไปตามที่อู่เจิ้งซือต้องการพอดี แสร้งพูดอย่างซาบซึ้งใจว่า “ขอบคุณซูหานจริงๆ นะ เพราะฉันไร้ความสามารถถึงทำให้เธอต้องเดือดร้อน”
“ครูอย่าดูถูกตัวเองไปเลยครับ ครูมีการศึกษามีความสามารถ อนาคตจะต้องประสบความสำเร็จแน่ๆ!”
“เฮ้อ งั้นขอให้สมพรปากเธอแล้วกัน!”
…………………..
ตอนที่ 706 พ่อแม่ที่น่าขนลุก
ไม่นานก็ถึงวันเดินทาง เหยียนซินหย่าเตรียมของฝากไว้เต็มกระเป๋า ส่วนใหญ่เป็นของกินพื้นบ้านอย่างหน่อไม้ตากแห้ง ผักตากแห้งหรือไก่แดดเดียวจากบ้านโม่คราวก่อนและขนมหวานที่ซื้อมาจากห้างสรรพสินค้า คุณยายจ้าวชอบทานขนมหวานของก้วนเซิงหยวน เหยียนซินหย่าเหมามาหลายกล่องเก็บเอาไปด้วย
“แม่คะ แม่ไปกับเราด้วยกันสิ ได้มั้ยคะ?”
ก่อนจะออกเดินทางเหมยเหมยกอดเหยียนซินหย่าแล้วออดอ้อน คุณแม่ไม่ต้องไปทำงานสักหน่อย น่าจะไปด้วยกันกับพวกเธอ
เหยียนซินหย่าทำหน้าลังเล บอกตามตรงว่าเธออยากไปเที่ยวเมืองหลวงมาก มีเพื่อนหลายคนที่รู้จักผ่านบทความและงานศิลปะต่างอยู่ที่เมืองหลวง เมื่อก่อนติดต่อผ่านโทรศัพท์กันทั้งนั้น หากได้ไปเยี่ยมเยียนหาด้วยตัวเองคงดี
แต่ว่า–
จ้าวอิงหัวที่กำลังช่วยเช็คของให้ลูกสาวหูผึ่ง รีบกระชากภรรยามาไว้ในอ้อมแขนแล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไปไปไป ลูกกับพี่ชายไปเที่ยวเมืองหลวงไป ทำไมต้องมาหลอกล่อเมียของพ่อด้วย ลูกใจดำจริงๆ พวกลูกอยู่ดีกินดีแถมไม่ต้องไปโรงเรียน ทิ้งพ่ออยู่เฝ้าห้องคนเดียวที่นี่อย่างน่าสงสาร ลูกไม่เห็นใจบ้างเหรอ?”
เหยียนซินหย่าตบสามีไปหนึ่งทีด้วยความโกรธปนเขิน เถรตรงจริงๆ ที่กล้าพูดทุกอย่างต่อหน้าลูก!
พูดออกมาได้ว่าอยู่เฝ้าห้องคนเดียว ลูกๆ โตขนาดนี้แล้วจะไม่เข้าใจได้อย่างไร?
จ้าวอิงหัวไม่สนใจ เขาไม่ได้พูดผิดตรงไหน นานทีจะถีบหัวส่งเจ้าลูกสองคนให้ออกไปได้ เพื่อที่เขาจะได้จู๋จี๋กับภรรยาสองคนอย่างมีความสุขโดยไม่ต้องกังวล เขาจะปล่อยให้ภรรยาไปเมืองหลวงด้วยได้อย่างไร?
เหมยเหมยเบะปากใส่ แลบลิ้นใส่จ้าวอิงหัวที่นับวันก็ยิ่งหน้าด้านขึ้นเรื่อยๆ จงใจพูดขึ้นว่า “พ่อ งั้นหนูกับพี่ไม่อยู่กวนโลกส่วนตัวของพ่อกับแม่แล้วก็ได้ พ่อกับแม่น่าขนลุกจริงๆ อายุปูนนี้แล้วยังพลอดรักต่อหน้าหนูกับพี่อีก หนูขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย!”
จ้าวเสวียหลินเองก็ขยิบตาใส่พลางกล่าวว่า “พ่อ หรือว่าให้ผมซื้อเหล้าดองกลับมาให้พ่อด้วย พี่สามมีของอยู่ในมือพอดี ถ้าดื่มแล้วรับรองว่าพ่อ…โอ๊ย!”
จ้าวอิงหัวตบกบาลฉาดใหญ่อย่างขุ่นเคือง ตวาดใส่ “ไม่เห็นหรือไงว่าน้องสาวแกยังอยู่นี่ ไม่รู้จักระวังปาก พูดอีกเดี๋ยวตบให้ตาย!”
เหยียนซินหย่าเองก็สาดคำด่าทอไปว่า “ยิ่งโตยิ่งไม่รู้จักกาลเทศะ รอกลับมาค่อยสั่งสอน!”
เหมยเหมยที่อยู่ข้างๆ แอบหัวเราะโดยไม่เห็นใจพี่ชายตัวเองสักนิด ถึงเธอไม่คิดว่าสิ่งที่จ้าวเสวียหลินพูดจะผิดตรงไหน เธอไม่ใช่เด็กจริงๆ สักหน่อย ระดับนี้เธอรับไหวอยู่หรอกน่า!
จ้าวเสวียหลินโดนพ่อแม่ตนอบรมจนเถียงไม่ออก เห็นน้องสาวที่ป้องปากแอบขำก็ถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจ น้องสาวยิ่งโตยิ่งไม่น่ารัก ต้องเรียนรู้มาจากเหยียนหมิงซุ่นแหงๆ
คนขับรถของจ้าวอิงหัวพาไปรับสยงมู่มู่ก่อนจะพาไปส่งที่สนามบิน อู่เชาบอกว่าเขาเลือกที่จะไปสนามบินเลยเพราะบ้านที่เขาพักอาศัยอยู่ไม่ห่างจากสนามบินเท่าไร รถเมล์ป้ายเดียวก็ถึง
สองสามีภรรยาจ้าวอิงหนานเองก็ไม่ไปเมืองหลวง สองคนนี้รู้จักใช้เวลาส่วนตัวยิ่งกว่า วางแผนท่องเที่ยวในวันหยุดไว้ล่วงหน้าเตรียมจะไปใช้เวลาสองต่อสองกันที่ต่างประเทศ ไม่มีก้างขวางคอแล้ว พวกเขาเที่ยวได้อย่างเต็มที่แน่นอน!
เจ้าอ้วนน้อยอู่เชารออยู่สนามบินก่อนแล้ว คนที่มาส่งเขาคือเว่ยชิวเยวี่ยกับลูกชายคนโตอู่เจี๋ย อู่เจี๋ยเริ่มเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยจินเหมือนชาติที่แล้วไม่มีผิด ชีวิตของเขาไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร
เว่ยชิวเยวี่ยซูบผอมลงมากโข ไม่ได้อวบอิ่มเหมือนอย่างเคย สองปีนี้เธอมีแรงกดดันพอสมควร จนถึงตอนนี้อู่เจิ้งเต้าที่เศร้าหมองก็ยังไม่สดชื่นขึ้นมา งานนอกบ้านในบ้านต่างมีเพียงเธอคนเดียวที่คอยจัดการดูแล ไหนจะเรื่องการงานอีก ไม่ผอมลงสิแปลก
เว่ยชิวเยวี่ยที่ผอมลงกลับดูเด็กลงไม่น้อย เสื้อเชิ้ตสีขาวเข้าคู่กับกระโปรงสั้นสีเทา ผมที่เกล้าอยู่ด้านหลังและแต่งหน้าอ่อนๆ เป็นการแต่งกายที่ดูกระฉับเฉงตามฉบับหญิงสาวผู้มีการศึกษา
……………………
ตอนที่ 707 ต่างก็อยากหาเงิน
เว่ยชิวเยวี่ยอมยิ้มพลางกล่าวทักทายสองสามีภรรยาจ้าวอิงหัวด้วยถ้อยคำสุภาพ เพราะต้องฝากลูกชายคนเล็กอยู่บ้านคนอื่นตลอดช่วงปิดเทอมแหนะ!
เว่ยชิวเยวี่ยยกสองแขนสองขาเห็นด้วยกับแผนเที่ยวในช่วงปิดเทอมครั้งนี้ของอู่เชา ตระกูลจ้าวเป็นใคร คนธรรมดาทั่วไปเฉียดโดนขอบประตูบ้านไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ลูกชายของเธอจะไปเป็นแขกที่นั่นนานเสียด้วย เป็นความมั่งคั่งในชีวิตที่ใช้เงินซื้อไม่ได้ เธอต้องสนับสนุนอยู่แล้ว!
เพื่อที่ไม่ให้ลูกชายคนเล็กดูยาจกเกินไป นับตั้งแต่เว่ยชิวเยวี่ยรับรู้ว่าลูกชายคนเล็กจะไปเมืองหลวง เธอก็ตรากตรำทำงานโต้รุ่งหลายคืนเพื่อแปลบทความหลายบท แถมขอเบิกเงินค่าต้นฉบับล่วงหน้า คงมีสักร้อยกว่าหยวนได้ ให้ลูกชายคนเล็กไปจนหมด
ส่วนค่าตั๋วเครื่องบินเธอยอมรับไว้อย่างหน้าด้านๆ แล้วกัน แต่เธอจะให้ลูกชายคนเล็กไปเที่ยวแล้วยังต้องใช้เงินเหมยเหมยอีกไม่ได้ แบบนี้วันข้างหน้าเสี่ยวเชาของเธอจะยืดอกภาคภูมิใจได้อีกหรือ?
อู่เจี๋ยมีหน้าตาที่คล้ายคลึงกับอู่เจิ้งเต้ามากราวกับเป็นอู่เจิ้งเต้าในวัยหนุ่ม คอยมองลูกพี่ลูกน้องคนนี้ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงด้วยความรู้สึกที่พิลึกอย่างบอกไม่ถูก
น้องสาวคนนี้ของเขาคือซินเดอเรลล่าในชีวิตจริง ไม่สิ โชคดีกว่าซินเดอเรลล่าเสียอีก ซินเดอเรลล่ายังต้องอาศัยบารมีของเจ้าชายถึงจะเป็นที่อิจฉาของคนนับหมื่น ราวกับดวงจันทร์ที่พออยู่ห่างพระอาทิตย์ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่จ้าวเหมยกลับไม่ใช่ เพราะเธอเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยที่มีออร่าเฉิดฉายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
หลังส่งพวกเหมยเหมยขึ้นเครื่องไปแล้ว สองสามีภรรยาจ้าวอิงหัวก็ขอตัวกลับก่อนอย่างมีมารยาทโดยไม่พูดอะไร เว่ยชิวเยวี่ยเองก็ยิ้มตอบอย่างมีมารยาท ไม่มีการตามตื๊อใดๆ สองสามีภรรยาจ้าวอิงหัวประทับใจกับการกระทำของเธอไม่น้อย
อู่เจี๋ยนั่งสลดอยู่อย่างนั้น เว่ยชิวเยวี่ยรู้ดีว่าทำไมเขาถึงไม่ร่าเริงจึงพูดปลอบ “แผนเที่ยวปิดเทอมของลูกเลื่อนออกไปอีกหน่อยนะ พ่อของลูกใกล้เงินเดือนออกแล้ว”
ที่แท้อู่เจี๋ยนัดกับกลุ่มเพื่อนไว้ว่าจะไปเที่ยวที่โม่เก้าคูช่วงปิดเทอม แต่เพราะเจ้าอ้วนน้อยจำต้องเปลี่ยนแผนฉับพลัน เว่ยชิวเยวี่ยบอกว่าต้องให้อู่เชาไปปักกิ่งให้ได้ก่อนจึงเอาเงินทั้งหมดที่บ้านให้เจ้าอ้วนไป
เพื่อนๆ อู่เจี๋ยไม่ได้รอเขาและออกเดินทางไปยังโม่เก้าคูก่อน ทำให้ความหยิ่งในศักดิ์ศรีของอู๋เจี๋ยทนรับไม่ไหว ในเมื่อตั้งแต่เด็กจนโตเขาไม่เคยต้องห่วงเรื่องเงินมาก่อนเลยสักครั้ง!
“ไม่ต้องหรอกครับแม่ ผมไม่ไปเที่ยวแล้ว ผมฝากเพื่อนติดต่องานสอนพิเศษตามบ้านไว้แล้ว พรุ่งนี้ทำงานวันแรก หนึ่งชั่วโมงสี่หยวน ถ้าผมสอนดีอาจจะได้เพิ่มอีกหลายบ้าน แม่ครับ แม่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้อีก”
อู่เจี๋ยพูดอย่างจริงใจ เขารู้ถึงความเหน็ดเหนื่อยตลอดสองปีนี้ของเว่ยชิวเยวี่ยเป็นอย่างดี คุณพ่อพึ่งพาไม่ได้ ภาระในบ้านทั้งหมดตกอยู่ที่แม่คนเดียว เขาในฐานะลูกชายคนโตถึงเวลาแล้วที่ต้องออกแรงเพื่อครอบครัว
เว่ยชิวเยวี่ยมองลูกชายคนโตอย่างปลื้มใจ น้ำตาคลอเบ้า ในที่สุดลูกชายก็โตสักที ความเหน็ดเหนื่อยของเธอได้รับการตอบแทนที่ดีที่สุด
เจ้าอ้วนน้อยที่นั่งอยู่บนเครื่องบินดูไม่ค่อยมีความสุขนักราวกับมะเขือม่วงที่ถูกต่อยจนช้ำ เงินหนึ่งร้อยกว่าหยวนในอ้อมแขนเปรียบดั่งแผ่นเหล็กเผาที่ประทับลงกลางใจเขา ความรู้สึกแสบร้อนนั่นเรียกให้เขาทำใจใช้เงินก้อนนี้ไม่ลง
“นายทำหน้าเศร้าทำไม? ไม่อยากไปเที่ยวหรือไง?” สยงมู่มู่ที่นั่งข้างๆ ตบเขาฉาดหนึ่ง พลางหยิบโค้กสองกระป๋องจากพี่แอร์โฮสเตสก่อนจะโยนให้เจ้าอ้วนหนึ่งกระป๋อง
เห็นโค้กอันแสนอร่อยเข้าเจ้าอ้วนน้อยก็ตาลุกวาวทันที ดื่มโค้กไปก็ระบายความในใจให้เพื่อนฟังไป “ฉันอยากหาเงินได้เยอะๆ จัง แบบนี้แม่ของฉันจะได้ไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้ แต่ฉันคิดไม่ออกว่าจะหาเงินยังไง!”
ประโยคนี้กระทบจิตใจสยงมู่มู่เช่นกัน เขาลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ฉันก็อยากหาเงินได้เหมือนกันแต่ฉันก็จนปัญญา เฮ้อ ทำไมถึงไม่มีทองหล่นมาจากฟ้าบ้างนะ!”
เหมยเหมยที่นั่งข้างหน้าได้ยินเข้าก็หลุดขำออกมา เธอลุกยืนพลางกระดิกนิ้วให้สองคนนี้เป็นเชิงให้เอียงหูเข้ามา แล้วกระซิบพูด “ฉันมีวิธีหาเงิน แต่พวกนายต้องฟังฉันนะ”
……………………..
ตอนที่ 708 มีอะไรก็ขายอันนั้น
จ้าวเสวียหลินที่นั่งหูผึ่งตลอดรีบลุกพรวด อยากฟังว่าเหมยเหมยมีความคิดอะไรดี ๆ จะว่าไปแล้วเขาเองก็อยากหาเงินเหมือนกันนะ ลูกผู้ชายอกสามศอกแต่กลับใช้เงินน้องสาวเรื่อยมา เสียหน้าจะตายชัก!
เหมยเหมยกระแอมเสียง แล้วพูดเสียงเบาว่า “หาเงินง่ายจะตาย มีอะไรก็ขายอันนั้น สยงมู่มู่ นายชมตัวเองอยู่บ่อยครั้งไม่ใช่หรือไงว่าเป็นอัจฉริยะด้านดนตรีน่ะ นายก็เขียนเพลงสิ เสี่ยวเชานายเขียนนิยายเก่งไม่ใช่เหรอ ก็ขายนิยายสิ เขียนบทความส่งสำนักพิมพ์ดู ถ้านายเขียนดี ค่าต้นฉบับได้ไม่น้อยแน่ ๆ”
ชาติที่แล้วเจ้าสองคนนี้หากินกับความสามารถสองด้านนี้ หนึ่งคนขายนิยาย อีกคนขายเพลง เธอในตอนนี้แค่ช่วยปรับเวลาให้พวกเขาได้ขายไวขึ้นไม่กี่ปีเท่านั้นเอง
สยงมู่มู่กับอู่เชาตาลุกวาว นั่นสิ ทำไมพวกเขาถึงคิดไม่ถึงกันนะ?
“เป็นวิธีการที่ดี ฉันจะแต่งทำนองตอนนี้เลย เจ้าอ้วนนายแต่งเนื้อเพลงให้ฉัน เสร็จแล้วให้ลูกพี่ลูกน้องฉันช่วยติดต่อบริษัทให้” สยงมู่มู่พูดอย่างตื่นเต้น
เจ้าอ้วนน้อยพูดอุบอิบว่า “ฉันไม่ว่างขนาดนั้นหรอกนะ ฉันต้องเขียนบทความ”
สยงมู่มู่ตบเขาอีกฉาดอย่างไม่สบอารมณ์ สองพี่น้องอยู่ด้วยกันไม่สนใจโค้กอีกต่อไป มัวแต่กระซิบกระซาบคุยเรื่องหาเงิน
จ้าวเสวียหลินได้ยินแล้วเกาหัว เขาเขียนเพลงไม่เป็นและเขียนบทความไม่ได้ เขาจะขายอะไรล่ะ? หรือว่าขายเนื้อ?
“เหมยเหมยว่าพี่ขายอะไรได้บ้าง?” จ้าวเสวียหลินยิ้มเอาใจ
เหมยเหมยซบไหล่จ้าวเสวียหลินอย่างสนิทสนม พูดยออีกเล็กน้อย “พี่มีหนูไง เงินของหนูก็คือเงินของพี่ อนาคตพี่จะเป็นถึงผู้บัญชาการเชียวนะ จะให้ของชั้นต่ำอย่างเงินมาแปดเปื้อนมือพี่ไม่ได้ เรื่องหาเงินปล่อยให้เป็นหน้าที่หนูเอง!”
จ้าวเสวียหลินฟังแล้วรู้สึกสดชื่นปลอดโปร่งไปทั้งร่างกาย อบอุ่นใจเหลือเกิน ในใจของน้องสาวเขายังเป็นคนพิเศษ เหยียนหมิงซุ่นเทียบเขาไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว
แต่จะให้ใช้แต่เงินน้องสาวก็ไม่ถูกต้องนี่นา!
จ้าวเสวียหลินไม่ได้ถามเหมยเหมยอีก ตัดสินใจไปถามจ้าวเสวียเอ๋อร์ พี่สามเป็นคนที่หาเงินเก่งที่สุดในบ้านรองจากน้องสาว เขาเองไม่ได้คิดโลภอะไร ขอแค่หาเงินได้เล็กๆ น้อยๆ พี่สามจะต้องหาทางช่วยได้แน่นอน
คนที่มารับพวกเขาคือจ้าวเสวียเอ๋อร์ เขามาพร้อมกับสมุนของท่านผู้เฒ่าจ้าวที่มายืนรออยู่โถงกลางตั้งนานแล้ว
อีกหนึ่งปีจ้าวเสวียเอ๋อร์จะเรียนจบจากมหาวิทยาลัย วันเวลาสองปีที่ผ่านไปทำให้เขาดูสุขุมภูมิฐานมากขึ้น บุคลิกสง่างาม แต่มีเพียงคนสนิทถึงรู้ว่าเจ้าหมอนี่คือหมาป่าที่หุ้มหนังแกะ เจ้าเล่ห์สุดในบ้านคงไม่พ้นเขาอยู่แล้ว
“พี่สาม นี่เพื่อนของหนูเองอู่เชา จะมาอยู่บ้านเราช่วงปิดเทอม”
เหมยเหมยแนะนำให้พวกเขารู้จัก เจ้าอ้วนน้อยกลับยิ้มแหย่ด้วยความกลัว ไม่ได้เป็นกันเองเหมือนอย่างเคย
จ้าวเสวียเอ๋อร์รู้ความสัมพันธ์ของอู่เชากับลูกพี่ลูกน้องคนนี้ของเขาดี เผยรอยยิ้มอ่อนโยนใจดี “ยินดีต้อนรับเสี่ยวเชา เธอคิดซะว่าเป็นบ้านตัวเองก็แล้วกัน อย่าเกรงใจนะ!”
รอยยิ้มแหย่ด้วยความกลัวของอู่เชาถูกรอยยิ้มเป็นกันเองของจ้าวเสวียเอ๋อร์ปัดเป่าจนหายวับ เดิมทีเขามีนิสัยร่าเริงใจกว้างอยู่แล้ว ไม่นานนักความคึกคักบนท้องถนนของเมืองหลวงก็ดึงดูดความสนใจให้มองอย่างไม่ละสายตา
“เจ้าอ้วนรีบดู นั่นคือเคเอฟซีที่ฉันพูดให้นายฟังบ่อยๆ รสชาติไม่เลวเลย พรุ่งนี้ฉันจะพานายไปกินเอง”
สยงมู่มู่ชี้ไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามแล้วกลืนน้ำลายดังอึก
เจ้าอ้วนได้ยินสยงมู่มู่พูดถึงเคเอฟซีที่รสชาติแสนอร่อยมานานแล้ว พอตอนนี้ได้เห็นร้านอาหารเองกับตาก็เหมือนดั่งได้เห็นบ๊วยดับกระหาย น้ำลายในปากไหลเป็นสายทำเอาเขาหิวเหลือเกิน
จ้าวเสวียเอ๋อร์กลับไม่เห็นด้วย “เคเอฟซีแค่อาหารขยะของชาวตะวันตกเท่านั้น ไม่มีประโยชน์สักนิดไหนจะขายแพงอีกต่างหาก คนสมองไม่ดีถึงจะไปกินกัน!”
“แต่อร่อยจริงๆ นี่นา!”
เหมยเหมยกับสยงมู่มู่พูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียง แม้อาหารจีนจะเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก แต่กินทุกวันก็ต้องมีเลี่ยนกันบ้าง สลับไปกินอาหารจานด่วนของชาวตะวันตกบ้างก็ไม่แย่ทีเดียว!
………………………
ตอนที่ 709 อาหารขยะของชาวตะวันตก
เห็นสภาพน้ำลายไหลเป็นสายของเจ้าอ้วนกับสยงมู่มู่แล้ว เหมยเหมยก็ป้องปากหัวเราะ แล้วเรียกให้บอดี้การ์ดจอดรถข้างทาง ส่วนจ้าวเสวียเอ๋อร์ที่ขี้ระแวงกลับคิดไปไกล “เหมยเหมยอยากเข้าห้องน้ำใช่มั้ย? เรากลั้นไว้อีกสักแป๊บนะ ใกล้จะถึงบ้านแล้ว”
“พี่สิจะเข้าห้องน้ำ พี่ต่างหากที่เป็นต่อมลูกหมากอักเสบ!”
เหมยเหมยทั้งอายทั้งโกรธก่อนจะถลึงตาใส่ จ้าวเสวียหลินและบอดี้การ์ดที่นั่งอยู่แถวหน้าปากกระตุก พยายามไม่ให้หลุดเสียงหัวเราะออกมา
เธอรอรถจอดก็ลากตัวสยงมู่มู่และเจ้าอ้วนวิ่งแจ้นไปยังร้านเคเอฟซี จ้าวเสวียเอ๋อร์ถึงเข้าใจพลางลูบจับจมูกป้อยๆ น้องสาวในวัยเด็กน่ารักกว่าที่คาดไว้เสียอีก!
น้องสาวเมื่อสองปีก่อนรู้จักโรคต่อมลูกหมากอักเสบที่ไหนกัน?
“เจ้าหก คราวหลังระวังคำพูดต่อหน้าเหมยเหมยหน่อย ปากเหมือนท่อน้ำเสียเลยนะ ของสกปรกของเหม็นเข้าได้หมด!” จ้าวเสวียเอ๋อร์วางท่าพี่สาม ตำหนิจ้าวเสวียหลินผู้บริสุทธิ์ไปยกหนึ่ง
จ้าวเสวียหลินถูกตำหนิอย่างงุนงง กำลังจะโต้กลับพวกเหมยเหมยก็กลับมาแล้วพร้อมของกินเต็มแขน ทั้งมันฝรั่งแท่งทอดกรอบ ทั้งแฮมเบอร์เกอร์ น้ำโค้ก ปีกไก่ทอดกับเนื้อไก่ทอด มันบด ไอศกรีมเป็นต้น ซื้อมาแทบจะทุกเมนู
“เหมยเหมยซื้อมาเยอะขนาดนี้ทำไม?” จ้าวเสวียหลินเห็นแล้วก็ขำพลางหยิบไอศกรีมแท่งหนึ่งมาทาน
ถึงเขาไม่ค่อยชอบทานอาหารขยะของชาวตะวันตกแต่กลับโปรดปรานไอศกรีม โดยเฉพาะวันอากาศร้อนๆ อย่างฤดูร้อน วันๆ หนึ่งเขาทานได้หลายแท่งเชียวล่ะ
“ก็เอามากินสิ เรามีกันตั้งหลายคน ดูเหมือนเยอะแต่พอกินก็มีไม่เท่าไหร่ ไหนจะเอากลับไปให้คุณปู่คุณย่าอีก แค่นี้ไม่เห็นเยอะเลย!”
เหมยเหมยเลียไอศกรีมอย่างเอร็ดอร่อย สยงมู่มู่กับเจ้าอ้วนยิ่งไม่มีใครเกิน สองมือถือไอศกรีมเลียฝั่งขวาทีฝั่งซ้ายที ทำเอาจ้าวเสวียเอ๋อร์หิวตาม
“ยังมีไอศกรีมอีกมั้ย? ไม่ให้พี่สามบ้างล่ะ!”
จ้าวเสวียเอ๋อร์ไม่รอคำตอบจากเหมยเหมยตัดสินใจลงมือค้นดูในถุงเอาเอง แล้วก็หาเจอตามคาด หยิบมาหนึ่งแท่งแล้วเริ่มเลีย เลียอย่างมีความสุขยิ่งกว่าใครๆ
ขณะที่เดียวกันฉิวฉิวกับฉาฉาเจ้าสองตัวนี้ก็กำลังเลียไอศกรีมอย่างเอร็ดอร่อยเช่นเดียวกัน ฉิวฉิวใช้มือสองข้างประคองไอศกรีมไว้ขณะที่ฉาฉาใช้หางพันรอบไอศกรีม อาหารเครื่องดื่มที่กินเข้าไปตลอดสองปี ไม่ได้ช่วยให้เจ้าตัวเล็กตัวโตขึ้นมาสักเท่าไร ขนาดตัวพอๆ กับเมื่อสองปีก่อน เพียงแค่ดูแล้วจ่ำม่ำขึ้นเล็กน้อย เห็นแล้วก็อยากจะบีบสักที
ต่อให้เห็นสัตว์เลี้ยงของน้องสาวมาตลอดสองปีแต่จ้าวเสวียเอ๋อร์ยังคงไม่ชินกับการต้องอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับสัตว์เลื้อยคลานเลือดเย็นตัวนี้ แถมยังอยู่ห่างกันไม่ไกล ถึงสัตว์ตัวนี้จะสวยแค่ไหนก็ทนรับไม่ได้อยู่ดี
เขาลูบแขนไปมาพลางมองฉาฉาอย่างรังเกียจแวบหนึ่งก่อนจะเขยิบไปข้างๆ พูดไม่ออกกับความชื่นชอบของน้องสาวคนนี้เสียจริง มิน่าถึงเข้ากับปีศาจน้อยของตระกูลเซียวนั่นได้ เพราะเจอคนประเภทเดียวกันนี่เอง
“อ้อ หลายวันก่อนพี่เห็นเซียวเซ่อ ยังถามพี่อยู่เลยว่าเธอจะมาตอนไหน!” จ้าวเสวียเอ๋อร์พูดขึ้น
เหมยเหมยตาวาว เซียวเซ่องั้นหรือ!
ไม่ได้เจอเธอตั้งนาน!
“พรุ่งนี้หนูจะไปหาเซ่อเซ่อ หนูซื้อหมวกใบสวยให้ท่านไทเฮาของเธอด้วยแหนะ!” เหมยเหมยพูดอย่างดีอกดีใจ
นับตั้งแต่ได้ทำความรู้จักกับเซียวเซ่อที่งานประกาศรางวัลเมื่อสองปีก่อนพวกเธอก็เริ่มติดต่อกันทางจดหมายเป็นประจำ คุยถูกคอกันมาก หลังจากนั้นช่วงปิดเทอมเธอก็ได้ไปเป็นแขกของตระกูลเซียวถึงเห็นสัตว์เลี้ยงของเซียวเซ่ออันแสนเลื่องชื่อ
แม้สัตว์เลี้ยงแต่ละประเภทของเซียวเซ่อจะทำให้ขนหัวลุก แต่ความจริงกลับสวยงามและแสนเชื่อง ต่อให้เป็นไทเฮาที่มีขนาดตัวยักษ์ใหญ่—งูเหลือมทองที่ขนาดตัวห้าถึงหกเมตรแสนเชื่อง ต่อให้ขี่อยู่บนตัวมันก็ไม่โกรธ
…………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น