เจาะเวลาสู่ต้าถัง ส่วนที่ 7 ตอนที่ 7-8
[ส่วนที่ 7 น้ำนิ่งคลื่นน้...
ตอนที่ 7 คนงาม
ไม่ได้นึกถึงข้าวมาทั้งวัน เวลานี้เพิ่งเงียบ หลี่เฉิงเฉียนก็รู้สึกท้องว่างเปล่าหิวจนทนไม่ไหว เห็นอวิ๋นเยี่ยกำลังกินข้าวต้มอยู่ก็เลยตักให้ตัวเองหนึ่งชาม นั่งตรงข้ามอวิ๋นเยี่ยคีบไชโป๊ชิ้นหนึ่งกินกับข้าวต้ม ขันทีกับทหารคุ้มกันต่างเดินออกไปเฝ้าข้างนอกอย่างรู้งาน ในลานคงมีพวกเขาเพียงสองคนกินข้าวกันอยู่
“เยี่ยจื่อ ตามข้ากลับวังเถอะ เสด็จแม่มีเรื่องจะถามเจ้า”
“ไม่ไปหรอก เขาเคลียร์ถนนกันแล้ว เวลานี้ข้าคนหนุ่มเข้าวังคนเดียวเดี๋ยวจะเกิดข้อครหา”
“ครหากะผี เจ้าเข้าไปน้อยครั้งหรือ พี่สาวข้ายังโดนเจ้าทำท้องโตในวัง ยังจะมาทำเป็นซื่อใสบริสุทธิ์อีก ว่าไปแล้ว พอเสด็จแม่ถามจบเจ้าก็กลับตงกงกับข้า ใครจะให้เจ้าค้างในวังหลัง”
“อย่าเลย เดี๋ยวจะเห็นฉากโรแมนติกเจ้ากับนักดนตรีใหม่ในตงกง”
“ใครพูดอะไรชุ่ยๆ ข้าจะไปถอนลิ้นมันทิ้งเดี๋ยวนี้ จริงอยู่ อาอ๋องเพิ่งส่งนักดนตรีชื่อเชิงซินให้ข้าคนหนึ่ง หลายวันนี้ข้ามัวแต่รวบรวมเงินเลยยังไม่ทันได้เจอ อยู่ดีๆจะมีเรื่องไม้ป่าเดียวกันได้อย่างไร”
หลี่เฉิงเฉียนได้ยินที่อวิ๋นเยี่ยพูด คล้ายกระต่ายต้องธนูกระโดดขึ้นมาทันที ลูกผู้ชายพอได้ยินเรื่องชอบไม้ป่าเดียวกันไม่มีคนไหนทนได้ ดูแล้วเจ้านี่คงไม่ได้มีจิตวิปริต
“แกล้งทำไปเลย ข้าหลบไปสอนหนังสือในอวี้ซันยังอุตส่าห์ได้ยิน เจ้ายังว่าไม่เคยเห็นอีก ข้าได้ยินว่าเชิงซินคนนี้ใบหน้างามราวดอกเถาฮวา ลำตัวอ่อนช้อยราวต้นหลิว ลมหายใจราวกลิ่นกล้วยไม้เพราะภายในซ่อนของดีไว้ ตอนอาแปดเจ้าคุยให้ข้าฟังยังน้ำลายยืดยาวบอกว่าเคยพบที่วังฮั่นอ๋อง สาวงามสุดของฉางอันยังทาบไม่ติด พักนี้เจ้ามักไม่ได้มาพักผ่อนที่อวี้ซันดูเหมือนยุ่งมาก คงจะสุขสราญบานใจทุกค่ำทุกคืน จนไม่รู้ร้อนหนาวภายนอกเป็นที่อิจฉาริษยาของผู้คน”
“วันนี้ข้าไปดูกับเจ้าด้วยกันว่าเป็นคนงามขนาดไหนกัน ที่ทำให้ทุกคนถึงกับไม่รู้ลืมเลือน ฆ่าเสียด้วยกระบี่เดียว ใครชื่นชอบก็ส่งศีรษะนางงามให้ไป กล้ามาหัวเราะเยาะข้า แค้นใจนัก”
“เจ้าไม่ต้องเข็นข้า ข้าเดินเองได้ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าเอาเรื่องเจ้ากับเชิงซินมาเรียบเรียงใหม่ใส่กบาลข้า ข้าจะต้องไปโดดน้ำตาย น่าสะอิดสะเอียนจัง ทำไมเจ้าจึงชอบผู้ชาย เฉิงเฉียน ข้ายังไม่ได้เห็นโหวเหลียนเอ๋อร์แต่ฟังเสียงก็รู้ว่าเป็นสาวงามแน่นอน มีสาวงามไม่รู้จักทนุถนอม เรื่องหาผู้ชายหรือ อาแปดเจ้าชอบกันนักเจ้าคงไม่เอาอย่างเขา โอยปล่อยมือ ข้าจะโดนเจ้าบีบคอตายแล้ว”
รถม้าเบาเวลานี้ฮิตมากในฉางอัน คุณชายทั้งหลายหากไม่มียี่ห้อฉางอันสักคันต้องอายจนไม่กล้าพบใคร ม้างามสูงใหญ่แหงนคอยกเท้าสูง ไม่ต้องดูคน แค่เห็นม้าก็รู้แล้วว่าโอ่อ่าขนาดไหน
เหล่าทหารคุ้มกันออกันพร้อมรถม้าหลี่เฉิงเฉียนเข้าประตูจูเชวี่ย เจ้าหน้าที่ประตูยังไม่ทันทำความเคารพก็ถูกหลี่เฉิงเฉียนใช้แซ่ตีให้หลบไป ไม่ได้สนใจกฎระเบียบห้ามควบม้าในพระราชวังเลย
เรื่องเช่นนี้ย่อมต้องมีคนทูลฮ่องเต้กับฮองเฮา หลี่ซื่อหมินกำลังดื่มสุราฟังแล้วยิ้ม ยังคงถือถ้วยสุราดื่มต่อ จะต้องมีเรื่องประหลาดอะไรเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นรัชทายาทกับอวิ๋นเยี่ยจะไม่ก่อความวุ่นวายขี่ม้าเข้าวังแล้วยังวิ่งเตลิดอีก
“มีเรื่องอะไรกันแน่ เล่าให้ละเอียด รัชทายาทกับอวิ๋นเยี่ยทำไมจึงโต้แย้งกัน” จั่งซุนวางตะเกียบถามขันทีของรัชทายาท
“ข้าได้ยินเพียงอวิ๋นโหวหัวเราะเยาะรัชทายาทที่ชอบผู้ชายชื่อเชิงซิน รัชทายาทโกรธจัด ว่าไม่มีเรื่องนี้เด็ดขาด อวิ๋นโหวพูดเรื่องประหลาดที่ทำให้รัชทายาทโมโห ตอนนี้รัชทายาทกำลังจะไปสังหารคนที่ชื่อเชิงซิน จับอวิ๋นโหวไปเป็นพยาน”
สุราที่อมอยู่ในปากหลี่ซื่อหมินพ่นพรวดออกไป หัวเราะจนหายใจไม่ทัน โบกให้ขันทีถอยไปแล้วบอกฮองเฮาว่า “เป็นอย่างไร ข้าพูดผิดหรือไม่ สองวันก่อนเจ้ายังห่วงว่ารัชทายาทจะโดนมอมเมา ข้าว่าถ้ามีอวิ๋นเยี่ยอยู่แล้วยอมปล่อยให้มีเรื่องเช่นนี้สิแปลก เรื่องส่วนตัวพวกนี้ เจ้ากับข้าออกหน้าลำบาก ทำอย่างไรก็ยุ่งยาก ไม่แน่ว่าอาจทำให้รัชทายาทเกิดความรู้สึกต่อต้านด้วยซ้ำ มีเพียงอวิ๋นเยี่ยออกโรงจึงจะไม่มีเรื่องราว เขาหัวเราะเยาะได้ตักเตือนได้ข่มขู่ได้ มีทางเลือกมากมาย ด้วยความเป็นเพื่อน จิตใจเฉิงเฉียนจะไม่เกิดปมอะไรเด็ดขาด ดังนั้นจึงพูดว่าบางเรื่องนั้นให้เพื่อนไปเตือนดีกว่าพวกเราลงมือสักร้อยเท่า เวลานี้อวิ๋นเยี่ยเลือกการหัวเราะเยาะ ต่อให้เฉิงเฉียนเสียดายก็ต้องกำจัดเด็กวิปริตคนนั้น หยวนชาง เรื่องที่เจ้าทำยิ่งวันยิ่งเหิมเกริมแล้ว”
ส่วนหน้ายังพูดเป็นเล่นแต่ส่วนหลังฟังดูเ**้ยมเกรียม จั่งซุนถอนใจ ยืนอยู่ด้านหลังนวดคอให้หลี่ซื่อหมิน
วิ่งกันเตลิดเปิดเปิงไปถึงตงกง ก่อนลงรถหลี่เฉิงเฉียนถามอวิ๋นเยี่ยกะทันหัน “อยู่ดีๆข้าก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา ไม่ว่าข้าทำอย่างไรก็ราวกับไม่ถูกต้อง อาอ๋องส่งนักดนตรีมาให้หนึ่งคนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่พอคนไปเล่าเรื่องเป็นสาวประเภทสองก็ไม่ถูกเรื่องแล้ว เรื่องส่วนตัวข้าเจ้าไม่เคยยุ่งไม่เคยถาม ทำไมครั้งนี้จึงได้หัวเราะเยาะข้าอย่างแรง ต้องมีเหตุผลอะไรแน่”
“เป๊าะๆๆ”เสียงอวิ๋นเยี่ยตบมือดังออกมาจากในรถ โดดลงจากรถม้าแล้วบอกหลี่เฉิงเฉียนว่า “ข้ายังนึกว่าต้องถึงพรุ่งนี้เจ้าจึงนึกออก ไม่นึกว่าเจ้ามีข้อสงสัยตั้งแต่ตอนนี้ ดีเลย ที่ฝ่าบาทลงทุนคิดเรื่องเจ้ามาสองปีนี้ไม่เสียเปล่า ในเมื่อมีข้อสงสัยก็ต้องหาคำตอบเอาเอง ข้าจะไปห้องครัว เมื่อครู่นี้เพิ่งกินช้าวต้มชามเดียวยังหิวอยู่เลย”
“เจ้าไม่ไปดูคนงามที่ใบหน้าราวดอกเถาฮวา เอวอ่อนช้อยราวกิ่งหลิวหรือ” หลีเฉิงเฉียนแยกขี้ยวยิ้มให้อวิ๋นเยี่ย
“หากเป็นผู้หญิงข้าจะสนใจมาก แต่ถ้าเป็นผู้ชายข้าเกลียดผู้ชายทุกคนที่หล่อเหลากว่าข้า สาวประเภทสองชนิดนั้นข้าเห็นแล้วจะอาเจียนออกมา เพื่อเห็นแก่กระเพาะข้าอย่าให้เห็นดีกว่า เจ้าไปดูเองไม่แน่ว่าอาจจะเป็นรักแรกพบ หากรักกันจริงข้าขอให้พวกเจ้าดังนกบินคู่กอดคอพัวพัน ก่อนที่พวกเจ้าเตรียมจะขึ้นเตียงด้วยกัน อย่าลืมหาห้องเก็บฟืนที่ห่างพวกเจ้ามากที่สุดให้ข้าแค่คืนเดียวก็พอ”
พูดจบก็หัวเราะแฮะๆวิ่งตรงเข้าห้องครัว วังรัชทายาทสำหรับเขาแล้วคุ้นเคยยิ่งกว่าอะไร ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเชิงซินเป็นเรื่องส่วนตัวของหลี่เฉิงเฉียน อวิ๋นเยี่ยจะไม่เข้าไปยุ่งด้วยอย่างโง่ๆ ทุกคนล้วนแต่มีสิทธิ์ในเรื่องส่วนตัวอย่างเต็มที่ การบอกหลี่เฉิงเฉียนถึงความคิดเห็นของตัวเองเนื่องในฐานะความเป็นเพื่อน ส่วนจะทำอย่างไรต่อไปเป็นการเลือกของหลี่เฉิงเฉียนเอง อวิ๋นเยี่ยไม่เชื่อจริงๆว่าพี่น้องที่อยู่กับชายแท้เช่นตัวเองมานามนมเนเช่นนี้จะไปชอบผู้ชาย หลี่เฉิงเฉียนเปลี่ยนเป็นคนละคนไป หลี่หยวนชางยังใช้อุบายในประวัติศาสตร์ไปหลอกล่อ นี่ไม่ใช่หาเรื่องใส่ตัวหรือ นึกถึงจั่งซุนกับหลี่ซื่อหมินแล้วอวิ๋นเยี่ยยังรู้สึกโศกเศร้าแทนหลี่หยวนชางด้วยซ้ำ การตกอยู่ในน้ำมือของสองยมบาลตัวเป็นๆนี้ ถ้าสามารถเหลือผิวหนังที่ดูดีสักชิ้นก็ถือว่าเขาโชคดีแล้ว
โอย บอกแล้วว่าไม่ให้เที่ยวฆ่าวัว ห้องครัวรัชทายาทมีเนื้อวัวสดที่เพิ่งปรุงสุกออกมา เลือกเนื้อเอ็นชิ้นใหญ่ที่ดีที่สุดสองชิ้น ให้คนครัวห่อขึ้นมาเตรียมเอากลับบ้านพรุ่งนี้ โอ้โฮ ไม่เคยเห็นปูผังเซี่ยตัวโตเท่าชาม ไม่เลว คายดินโคลนออกหมดแล้วพ่นฟองอากาศอยู่ในน้ำปล่อยทิ้งไปไม่ได้ให้นึ่งก่อนสองตัว เตะก้นคนครัวหนึ่งทีให้รีบเตรียมขิงป่นกับน้ำส้มสายชู ไม่เห็นหรือว่าโหวเหยียน้ำลายไหลออกมาแล้ว
คนครัวตงกงมีภูมิคุ้มกันต่อโหวเหยียที่มักจะขลุกอยู่ในครัวคนนี้มานานแล้ว ได้ยินคำสั่งโหวเหยียก็รีบเอาใบบัวห่อเนื้อวัวล้างขิงเตรียมทำขิงป่น อู้ฮู กุ้งใหญ่ทะเลปั๋วไห่มีทั้งอ่าง แล้วที่ตัวดำๆอยู่ใต้อ่างอีกเป็นอะไรกัน โอ้สวรรค์ เป็นปลิงทะเลเป็นๆด้วย ใครนะมีฝีมือขนาดขนปลิงทะเลเป็นๆมาถึงฉางอัน ตัวพวกนี้ทั้งไส้แตกทั้งหนังหลุด ไม่มีเครื่องบินทำได้อย่างไร
นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สำคัญที่คืนนี้ได้กินปลิงทะเลผัดต้นหอม พรุ่งนี้ซินเย่ว์มีปลิงทะเลกินบำรุงได้ คนครัวอ้วนฝีมือใช้มีดชั้นเยี่ยม หั่นเนื้อวัวได้บางจนเห็นแสงด้านหน้าผ่านชิ้นเนื้อวัวได้
ต้นหอมซอยจนบางเป็นระเบียบ มัดปูผังเซี่ยแล้วใส่ในรังถึงนึ่งเพียงครู่เดียวก็เปลี่ยนเป็นสีแดง หั่นปลิงทะเลเป็นชิ้นๆผัดกับต้นหอมที่หั่นเป็นท่อนๆพลิกเพียงไม่กี่ทีก็เสร็จหากไม่แล้วก็จะดูไม่สด หมั่นโถวที่เพิ่งนึ่งเสร็จทาน้ำมันหมูแล้วโรยเกลือรสอร่อยมากจนไม่อยากบอกคนอื่น ดูดน้ำลายรอคนครัวยกของอร่อยขึ้นมา วันนี้จะต้องกินกันให้เต็มที่
รู้สึกมีอะไรผิดปกติด้านหลังพอหันไปดูก็ไม่ชอบใจไม่ใช่เพราะอะไร จั่งซุนยืนอยู่ข้างหลัง พวกราชวงศ์เสียตรงนี้ เวลาเดินไม่มีเสียง อยู่กับหลี่เฉิงเฉียงสองคนดูอวิ๋นเยี่ยวุ่นวายทำโน่นทำนี่อย่างเงียบกริบ รอจนเตรียมจะกินก็มาปรากฏตัว
“อย่าไม่พอใจ นี่เป็นบ้านข้า ข้ากับเสด็จแม่กินของอร่อยในบ้านตัวเองคงไม่ต้องดูสีหน้าเจ้า” หลี่เฉิงเฉียนไม่ได้ไปจัดการเชิงซิน แต่วิ่งมาห้องครัวดูว่าอวิ๋นเยี่ยทำอะไรกัน อาหารอร่อยมื้อนี้ย่อมสำคัญกว่าเชิงซินแน่นอน
“ท่าทางเหมือนผีอดโซมาเกิด ความเก่งกาจร้อยแปดพันประการของอาจารย์เจ้าไม่ได้หัดให้เก่งสักอย่าง รู้แค่ใช้ปากพูดมากทั้งวัน คงเป็นเช่นนี้ ความโชคร้ายของต้าถัง ของอะไรที่ดีๆพอมาถึงต้าถังต้องโดนหักส่วนลดตลอด ให้อัจฉริยะมาสักคนก็เหมือนกัน ครั้งหน้าไปศาลเจ้าเหล่าจวิงกวนจะต้องขอบรรพบุรุษดีๆให้คนที่ไม่ปากมาก”
ความคิดให้จั่งซุนชมเชยอวิ๋นเยี่ยสิ้นหวังนานแล้ว ตัวเองนั่งอยู่ที่โต๊ะโกยปลิงทะเลมองดูหายไปแล้วครึ่งหนึ่ง เนื้อวัวก็เอา? เกินไปแล้ว มีปูผังเซี่ยสองตัวเลือกตัวโตใส่กล่องอาหารบอกว่าส่งให้ฮ่องเต้เป็นมื้อค่ำ ระยะนี้ตรวจฎีกาจนดึกดื่น ร่างกายผ่ายผอมจนคนกังวลต้องบำรุง ไม่ได้เป็นจริงซักอย่าง ความเห็นอวิ๋นเยี่ยคือหลี่ซื่อหมินสมควรลดน้ำหนัก พุงยื่นออกมาแล้วยังจะบำรุงอีก?
จั่งซุนใบหน้าเปี่ยมสุข ให้ก้ามปูใหญ่อวิ๋นเยี่ยกับหลี่เฉิงเฉียนคนละก้าม ตัวเองใช้ช้อนควักมันปูกิน ไม่กี่วันก่อนยังแสดงท่าทีเหมือนพระโพธิสัตว์กวนอินเที่ยวรับซื้อเสบียงเหลือจากราษฎรตามสถานที่ต่างๆ ทั้งตัวเองยังสุ่มตรวจตามที่รับซื้อเสบียงอาหารว่ามีการทุจริตหรือไม่ จับคนเน่ยหู่โง่เง่าได้คนหนึ่งสั่งโบยสามสิบทีในสถานที่นั้นทันที ทำเอาราษฎรต่างซาบซึ้งจนน้ำตานองหน้าราวกับเห็นมารดาตัวเอง
เวลานี้ราวกับราชินีที่หยิ่งผยอง แบ่งก้ามปูให้รุ่นหลังสองคนคนละก้ามก็ถือเป็นบุญคุณใหญ่หลวงแล้ว ปลิงทะเลที่ดูดำมืดน่ากลัวหลังจากกินชิ้นเล็กไปแล้วก็ใช้ตะเกียบคีบไม่หยุด น้ำองุ่นหมักก็ดื่มติดๆกันสามถ้วยโดยไม่มีอาการอะไรทั้งใบหน้าก็ไม่เปลี่ยนสี บอกเพียงว่าปีนี้ผลเก็บเกี่ยวดีมาก สมควรฉลอง
[ส่วนที่ 7 น้ำนิ่งคลื่นน้...
ตอนที่ 8 วิทยายุทธการเคลื่อนย้าย
ต่อหน้าจั่งซุนแล้วหลี่เฉิงเฉียนไม่เอ่ยถึงเชิงซินแม้แต่คำเดียว จั่งซุนก็ไม่พูด ทั้งสามคนดื่มน้ำองุ่นหมักทั้งกินอาหารจนหมดเกลี้ยงแล้วจั่งซุนจึงถือกล่องอาหารกลับวังไท่จี๋
หลี่เฉิงเฉียนสบายใจมาก อยู่กับอวิ๋นเยี่ยสองคนกินหมั่นโถวร้อนที่ทาน้ำมันหมูกินพลางคุยพลาง คนหนึ่งนั่งอยู่บนพื้นอีกคนเอนกายบนต้นไม้ จากเรื่องร้านค้าเงินวันนี้จนถึงเมฆฝนนอกด่าน ถือโอกาสเดาว่าหลี่อันหลานสามารถทำรายได้สักเท่าไรกันแน่ กัดฟันด่าพวกศักดินาที่โลภไม่รู้จบว่าต้องการเงินมากมายไว้ฝังพร้อมตัวเองหรืออย่างไร
คนหนุ่มอยู่ด้วยกันมักมีเรื่องใหม่ๆที่คุยเท่าไรก็ไม่หมด คำพูดหลี่เฉิงเฉียนมีแต่เรื่องที่สืบค้นความจริงของโหวเหลียนเอ๋อร์ บอกว่าตัวเองยังไม่เคยเห็นเลย ถ้าแต่งงานแล้วพบว่าหลี่เหลียนเอ๋อร์มีแต่รอยแผลเป็นเต็มหน้าจะทำอย่างไร
“ไม่ต้องมาสืบข้าก็ไม่ได้เห็น ขณะที่ข้าไปลั่วหยางตระกูลโหวก็ไม่ให้นางพบใคร ขนาดพวกเราคุ้นเคยกันทั้งบ้านยังไม่ได้แจอ ได้เพียงเห็นตอนนางเอาค้อนขว้างเฉิงฉู่มั่วดูมีแรงเยอะมาก ฟังเสียงเป็นสาวงามชั้นเยี่ยมแน่ เฉิงฉู่มั่วก็ว่าตอนเด็กเคยเห็นเหลียนเอ๋อร์สวยมากดูมารดานางก็รู้ ถ้าไม่สวยคงแปลกมาก
คำพูดนี้ยิ่งทำให้หลี่เฉิงเฉียนกังวลมากขึ้น การเดาเป็นสิ่งที่เชื่อถือไม่ได้เลยพลาดนิดเดียวห่างกันเป็นโยชน์ก็คือการเดา ในโลกแห่งการวาดฝันแม่หมูก็กลายเป็นเตียวเสี้ยนได้ เขาไม่เคยเห็นด้วยกับมาตรฐานความงามของเฉิงฉู่มั่วตลอดมา
“ต่อให้ดูแย่หน่อยก็ถือว่าเจ้าอุทิศตัวเพื่อแผ่นดินตระกูลหลี่แล้วกัน หลายปีมานี้เหล่าโหวบุกเบิกแผ่นดินให้ต้าถังแล้วมากมายคุ้มค่าที่เจ้าอุทิศตัว ไม่ใช่ยังมีสาวน้อยตระกูลโซวอีกหรือ ได้ยินว่าเป็นระดับสุดยอดของตระกูลไม่ว่าด้านความงามและกริยาทั้งอุปนิสัยและการเจรจา ไม่รู้เจ้าเคยเห็นแล้วยัง” มองดูใบหน้าสุดแสนขมขื่นของหลี่เฉิงเฉียนแล้วอวิ๋นเยี่ยแน่ใจได้เลยว่าเขายังไม่เคยเห็นภรรยาทั้งสองของเขา
“หากพรุ่งนี้ไปเยี่ยมซูเฉิง เจ้าว่าเขาจะให้ข้าพบบุตรสาวของเขาไหม”
“เป็นไปไม่ได้ ตระกูลซูไม่มีทางให้นางพบผู้ชายคนไหนเด็ดขาดในระหว่างนี้ อีกอย่างหนึ่งถ้าเจ้าไปดูข้าไม่ไว้ใจเลย” หลี่เฉิงเฉียนนอนบนกิ่งไม้พูดอย่างเหนื่อยหน่าย
“ข้าดูเหมือนพวกบ้ากามหรือ” นั่งบนเก้าอี้ถามหลี่เฉิงเฉียน
“ใช่บ้ากามหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่ที่ท้องพี่สาวข้าโตขึ้นมานั้นหนีไม่พ้นเจ้าอยู่แล้ว เจ้ายืนบนฝั่งแม่น้ำฮวงโหโบกมือให้ขบวนเรือทั้งร้องทั้งกระโดด พี่สาวข้ายังตัดผมออกมาโปรยกลางสายลม ความอาลัยรักเช่นนี้ทำให้ผู้คนอิจฉาริษยา ต่อให้พวกเจ้าแต่งงานกันไม่ได้ มีแค่ส่วนนี้ก็เหลือกินแล้ว”
“หนอยแน่ เจ้าถึงขนาดตามสืบข้า” อวิ๋นเยี่ยอายจนโมโห อายมากกว่าไม่ใช่โมโห หากตามสืบจริงก็คงไม่บอก
“ข้าส่งทหารคุ้มกันให้พี่สาวหกคน ใครจะรู้ว่ามีคนหนึ่งไม่ทันถึงลั่วหยางก็โดนก้อนหินลูกน้องเจ้าพุ่งชนจนฟันร่วงหมดปากไม่กลับมาไม่ได้ หากไม่มีฟันไปหลิ่งหนานเท่ากับรนหาที่ตาย กลับมาร้องไห้บอกข้าว่าเจ้าเป็นคนทำ”
“ไอ้เบื๊อกนั่นอยู่ไหน ข้าจะตัดลิ้นมันออกมาด้วย” อวิ๋นเยี่ยกระโดดขึ้นมาจะไปหาเรื่องคนนั้น
“เอาเถอะ เจ้านั่นฟันหายหมดปากแล้วเสียบุคลิกหมด ข้าสั่งไปอยู่ในกองทหารหาประสบการณ์แล้ว เจ้าเราะฟันเขาจนหมดปากต่อไปกินได้แต่ข้าวต้มยังจะทำอะไรเขาอีก ช่วยข้าคิดหาวิธีให้เข้าท่าหน่อยว่าทำอย่างไรจึงจะได้เห็นภรรยาข้า”
“คนหนึ่งเป็นผู้สืบทอดของจักรวรรดิอีกคนเป็นโหวเหยียที่สง่างาม ปรึกษากันในยามวิกาลว่าทำอย่างไรจึงจะได้เห็นหน้าผู้หญิงที่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนจะเหมาะสมหรือ เวลานี้ในสถานการณ์เช่นนี้พวกเราควรปรึกษากันว่าทำอย่างไรที่จะให้คนหลงกลเราโดยไม่รู้ตัวจึงจะสมฐานะพวกเรา”
“เจ้าจะไปหรือไม่ไป ไม่ต้องมาพูดมาก” หลีเฉิงเฉียนชักรำคาญ หมอนี่ขาดความอดทนจริงๆ
“ทำเรื่องเช่นนี้ต้องมีสายภายใน พวกเราทั้งคู่ต่างเข้าบ้านโซวไม่ได้ ไม่เช่นนั้นภารกิจจะถูกเปิดเผย จะต้องส่งสายเข้าไป ล่อให้คุณหนูตระกูลโซวออกมา พวกเราจึงจะลงมือได้” อวิ๋นเยี่ยคลำคางพูด
“ใครเหมาะที่จะเป็นสายหรือ” หลี่เฉิงเฉียนพยายามคิดหาตัวเลือกคนนี้
คิดกันอยู่นานก็ยังหาคนเหมาะสมไม่ได้ มองไกลๆเห็นองค์หญิงฉางเล่อมีนางกำนัลติดตามมาที่วังตงกง อวิ๋นเยี่ยดันหลี่เฉิงเฉียนว่า “ดูๆ สายมาแล้ว ฉางเล่อเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด เจ้าบอกฉางเล่อให้ไปบ้านโซวบอกว่าอยากร่วมกับคุณหนูโซวไปนมัสการวัดฉืออันซื่อ ไม่ใช่จะมีโอกาสได้เห็นนางแล้วหรือ” ออกอุบายเสร็จ อวิ๋นเยี่ยรู้สึกตัวเองออกจะเหมือนพวกแม่เล้าหาแขก
“เจ้าไม่ใช่ไม่รู้จักนิสัยฉางเล่อ เรื่องบ้าบอเช่นนี้นางจะร่วมมือหรือ นิสัยนางแค่โกหกยังไม่เป็น จะทำได้อย่างไร” หลี่เฉิงเฉียนรู้จักนิสัยน้องสาวตัวเอง ไม่เชื่อว่าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้
“เฉิงเฉียน เจ้ารู้จักผู้หญิงน้อยไปแล้ว ผู้หญิงเกิดมาก็โกหกเป็น ยิ่งพวกคนซื่อๆโกหกได้แนบเนียนที่สุด อีกอย่างหนึ่งข้ารู้ว่าองค์หญิงฉางเล่อหลงเสน่ห์ลูกบอลอบร่ำเครื่องหอมของเจ้ามานานแล้ว ถ้าหากเจ้ายอมสละได้ เรื่องที่เจ้าจะได้เห็นภรรยาตัวเองว่าหน้าตาเป็นอย่างไรไม่ใช่เรื่องยากนักหรอก”
ขณะที่ทั้งคู่กำลังวางแผน ฉางเล่อก็เดินมาถึงทำความเคารพหลี่เฉิงเฉียนอย่างมีมารยาท พร้อมกับทักอวิ๋นเยี่ยแล้วพูดว่า “พี่ชายใหญ่ เสด็จแม่ว่าพรุ่งนี้ท่านยังต้องตามเฝ้าร้านค้าเงินให้ดีๆทำผิดพลาดไม่ได้ จึงส่งน้องมาเตือนให้ท่านรีบเข้านอน”
พูดจาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลมาก เด็กสาวทั้งสวยงามทั้งเรียบร้อยเช่นนี้ต้องตกเป็นของเศษมนุษย์เช่นจั่งซุนชง อวิ๋นเยี่ยดูอย่างไรก็เสียดายแทนฉางเล่อ จั่งซุนชงเป็นพวกซุปเปอร์บ้ากามมีความเจ้าชู้เป็นสันดานประจำตัวมีความสัปดนแต่กำเนิด สามารถน้ำลายยืดได้ต่อรูปนางฟ้าในผนังโบสถ์ของวัดก็มีเขาคนเดียวเท่านั้น
ในเวลาเช่นนี้มักจะต้องเป็นกุนซือกะล่อนเปิดปากก่อน “ฉางเล่อเอ๋ย เมื่อครู่นี้ข้าปรึกษาเรื่องงานแต่งงานกับพี่ชายเจ้าช่างน่าสงสารมาก ภรรยาตัวเองหน้าตาเป็นอย่างไรก็ยังไม่เคยเห็น ตอนแต่งงานเขาเอาสาวใช้มาเปลี่ยนตัวก็ยังไม่รู้เลย”
ฉางเล่ออ้าปากค้างตกใจมาก ใครกล้าเปลี่ยนตัวภรรยารัชทายาทไม่คิดมีชีวิตต่อหรือ เรื่องเช่นนิยายนี้เคยปรากฏในชีวิตจริง อวิ๋นเยี่ยเคยเล่าเรื่องสาวใช้เปลี่ยนตัวเจ้านาย ทำให้ฉางเล่อที่อ่อนประสบการณ์รู้สึกแปลกประหลาดมากทั้งยังมีความตื่นเต้นเล็กน้อย
อีกทั้งเห็นพี่ชายจ้องมองดวงจันทร์ด้วยอาการหดหู่สิ้นหวังแล้วอดเป็นห่วงพี่ชายไม่ได้
“แล้วจะทำอย่างไรดี หากพี่สาวบ้านโซวหนีไปยุ่งแน่เลย จะต้องโดนตัดศีรษะทั้งตระกูล” ฉางเล่อทั้งกังวลแทนพี่ชายทั้งกังวลแทนตระกูลโซวเกรงว่าจะเกิดเลือดไหลนองเป็นทางน้ำ
“หากว่าอีกสองวันเจ้าสามารถนัดพี่สาวโซวของเจ้าไปนมัสการที่วัดฉืออันซื่อด้วยกันได้ แล้วข้ากับพี่ชายเจ้าก็บังเอิญผ่านไปแถวนั้น ไม่ใช่จะได้เห็นพี่สะใภ้ในอนาคตของเจ้าหรือ เช่นนี้แล้วตระกูลโซวก็ไม่สามารถนำสาวใช้มาเปลี่ยนแทนได้ ทุกคนล้วนยินดีด้วยกันจะดีมากขนาดไหน พี่ชายเจ้ายังว่าเจ้าเป็นน้องสาวที่เขารักมากที่สุด ถ้าเจ้าไม่ช่วยเขาแล้วใครจะช่วยเขาได้ เจ้าดูรัชทายาทแม้แต่ลูกบอลอบร่ำเครื่องหอมที่แสนรักยังมอบให้เจ้า เขารักเจ้ามากจริงๆเลยนะ”
หลี่เฉิงเฉียนเล่นบทประกอบอย่างเข้ากันรีบผูกลูกบอลร่ำเครื่องหอมที่เอวน้องสาวให้ แล้วตบไหล่น้องสาวแสดงความใกล้ชิด
“ได้เลย วันมะเรื่องนี้ข้าออกจากวังชวนพี่สาวโซวไปนมัสการด้วยกัน พวกท่านเองก็อย่าลืมไปด้วย เกิดคลาดกันก็อดไม่ได้เจอหน้ากัน” พูดจบยังกอดหลี่เฉิงเฉียนหนึ่งทีเป็นการปลอบขวัญพี่ชายตัวเอง แล้วนำนางกำนัลกลับไป
หลี่เฉิงเฉียนครึ้มอกครึ้มใจจนฮัมเพลงเถียนมี่มี่ที่หัดมาจากอวิ๋นเยี่ยออกมา
“อย่าลืมว่าเจ้ายังมีข่าวลือเรื่องไม้ป่าเดียวกันที่ยังไม่ได้ขจัดทิ้งนะ” อวิ๋นเยี่ยทนดูอารมณ์ดีใจของเขาไม่ได้เลยสาดน้ำเย็นเข้าใส่
“เรื่องยุ่งยากนั้นไม่ได้เป็นของข้าแล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับข้าอีก” หลี่เฉิงเฉียนพูดอย่างไม่แคร์ ราวกับเรื่องนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาจริงๆ
“ไม่เข้าใจ ไม่ใช่เรื่องเจ้า แล้วเป็นเรื่องข้าหรืออย่างไร”
“เจ้าพูดถูกต้อง ตั้งแต่นี้ไปนางก็คือเรื่องยุ่งยากของเจ้าไม่ใช่ของข้า ขณะที่เว่ยเจิงสอนข้าได้ยกเคสตัวอย่างที่ประหลาดมาก เขาว่าเรื่องยุ่งยากใจเช่นนี้ความจริงแล้วเป็นสิ่งที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ หากตัวเองแก้ไขไม่ได้ก็ผ่องถ่ายเรื่องยุ่งยากใจนี้ไปให้คนที่แข็งแกร่งกว่า มักทำให้ความยุ่งยากใจเช่นนี้แก้ไขได้ ตัวเองจะได้จิตใจโปร่งโล่ง เขาว่าขณะที่พลังตัวเองจำกัดพยายามแล้วก็ยังทำไม่ได้ สำหรับพวกที่แข็งแกร่งแล้วบางทีอาจเพียงแค่กระดิกตัวก็สำเร็จลุล่วง ข้าเชื่ออย่างจริงจังจึงตัดสินใจยกเชิงซินให้เจ้าต่อแล้วบอกคนภายนอกว่า ข้าตั้งใจขอเชิงซินจากอาอ๋องมาให้เจ้าเองจะได้ทำให้ข้าตัวเบาโปร่งโล่ง เจ้าเห็นเป็นอย่างไร”
“หลี่เฉิงเฉียนข้าจะฆ่าเจ้า” อวิ๋นเยี่ยที่รู้สึกตัวว่าจะโดนกลั่นแกล้งก็โผขึ้นไปจะอัดเขา หลีเฉิงเฉียนเตรียมตัวอยู่แล้ววิ่งก่อนทันที วิ่งพลางร้องพลางว่า “ไหนๆเจ้าก็ชอบนอนกอดแตงเถียนกวา เพิ่มสาวประเภทสองอีกคนจะเป็นไรไป…”
เรื่องต่างๆมักเป็นเช่นนี้ ขณะที่เจ้าสมใจมากที่สุดมักจะเกิดเหตุหักมุม แต่เวลาดวงตกเช่นโดนหลี่เฉิงเฉียนกลั่นแกล้ง ดวงจะไม่ใช่ตกเพียงครั้งเดียว แต่จะตกต่ำซ้อนหลายครั้ง
ฉางเล่อเป็นเด็กซื่อบริสุทธิ์ อวิ๋นเยี่ยลืมไปว่าเด็กซื่อบริสุทธิ์จะมีโรคประจำตัวคือมักพูดเรื่องจริงให้ผู้ใหญ่รู้ เช่นฉางเล่อเวลานี้กำลังเล่าความจริงทั้งหมดให้หลี่ซื่อหมินกับจั่งซุนฟังด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
จั่งซุนใบหน้าโกรธเกรี้ยว “เจ้าอวิ๋นเยี่ยไม่เคยสอนเรื่องดีๆ การแอบดูภรรยาในอนาคตจะนับว่าแน่อะไรกัน เสียมารยาทเสียประเพณี กำลังจะแต่งงานอยู่แล้ว ถ้าใครรู้เข้าจะกลายเป็นเรื่องน่าทุเรศมาก”
หลี่ซื่อหมินหัวเราะฮ่าๆ “อวิ๋นเยี่ยทำถูกแล้ว การชี้แนะให้รัชทายาทไปดูหน้าคู่หมั้นตัวเองแม้จะไม่อยู่กับร่องกับรอย แต่เทียบกับเรื่องสาวประเภทสองแล้วก็กลายเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว เด็กหนุ่มสนใจเด็กสาวเป็นหลักการที่ถูกต้องของฟ้าดินเป็นเส้นทางที่ถูกต้องของมนุษย์ ข้าไม่เห็นว่าจะมีอะไรไม่เหมาะสม อนาคตสามีภรรยาพูดถึงขึ้นมา ก็เป็นเรื่องน่ารื่นรมย์ ต่อให้รู้ไปถึงข้างนอก ทั่วราชสำนักก็คงแค่หัวเราะเฉยๆ ใครเลยที่จะไม่เคยผ่านวัยหนุ่มที่ปล่อยตัวปล่อยใจ ปล่อยให้พวกเขาทำตามใจเถอะเจ้าไม่ต้องเป็นฟืนเป็นไฟ ให้ฉางเล่อช่วยพี่ชายเขาสักครั้งก็แล้วกัน”
“ต่ำช้า ทำเช่นนี้ได้อย่างไร ไม่ทันแต่งงานก็นัดพบกันเอง อวิ๋นเยี่ย ข้าไม่ให้อภัยเจ้า” ความจริงจั่งซุนให้ความสำคัญเรื่องมารยาทพิธีการมากที่สุด ตำราสอนหญิงหนี่เจี้ยที่ชื่อเสียงโด่งดังก็เป็นของนางเอง ย่อมไม่ยอมให้รัชทายาทกับอวิ๋นเยี่ยเล่นมั่วซั่วให้เสียหาย
“กวนอินปี้ เจ้านึกว่าก่อนพวกเราแต่งงานข้าไม่เคยแอบดูเจ้าหรือ” หลี่ซื่อหมินยิ้มพิลึกพูดกับจ่างซุน
จั่งซุนอ้าปากกว้าง มองดูหลี่ซื่อหมินว่า “ท่านเห็นข้าก่อนหรือ”
“แน่นอน ตอนที่เจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยซ้ำ” หลี่ซื่อหมินแหงนหัวเราะลั่น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น