เจาะเวลาสู่ต้าถัง ส่วนที่ 7 ตอนที่ 2-3
[ส่วนที่ 7 น้ำนิ่งคลื่นน้...
ตอนที่ 2 ความหวังยิ่งใหญ่
“อวิ๋นโหว ในโลกนี้ไม่เพียงมีแค่ทรัพย์สินเงินทองเท่านั้นที่ทำให้จิตใจคนหวั่นไหว ใจของท่านไม่ได้อยู่กับทรัพย์สินเงินทองแล้วทำไมจึงต้องการให้โลกนี้มีแต่กลิ่นเงินเหรียญ ตัดขาดระบบศีลธรรมที่เหล่านักปราชญ์สร้างมาแต่ครั้งบรรพกาล ทำเพื่ออะไรหรือ สัญญาที่ตระกูลอวิ๋นร่างขึ้นมา ข้าพิจารณาไปสิบสองชนิดเห็นว่าล้วนแต่มาจากฝีมือท่าน ภายในนั้นไม่มีความเป็นมนุษย์เหลืออยู่แม้เพียงน้อยนิด มีแต่ตัวเลขและสัญญาที่เย็นเฉียบแต่ละข้อกำหนดไว้อย่างชัดเจน หากเกิดข้อโต้แย้งไม่ต้องให้ทางการพิจารณาเลยด้วยซ้ำ สามารถตัดสินได้เลยตามข้อกำหนด อวิ๋นโหว ราษฎรต้าถังนิสัยซื่อตรง ดีงาม สู้อุบายท่านไม่ได้ อวิ๋นโหวท่านรู้จักเห็นใจราษฎรช่วยคิดแทนพวกเขาทุกทาง หรือท่านหวังให้คนทั้งหมดมีความคิดและความรู้มากเท่าท่านหรือ
ข้าสาบานต่อฟ้าได้ว่าไม่เคยนึกอะไรเกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทองของตระกูลอวิ๋นเลย เพียงแต่เกิดความกังวลจึงได้เอ่ยปากในราชสำนัก ข้าเป็นห่วงว่าหากหนังสือสัญญาของท่านแพร่หลายออกมา ความเชื่อถือทุกอย่างในโลกนี้จะสูญหายไปทั้งหมด เวลานี้พวกเราเชื่อถือคำพูดคนอื่นได้ เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในโลกนี้เป็นคนดี เชื่อถือคำพูดของราชสำนัก อาจารย์ของท่านเขียนคัมภีร์ซันจื้อจิงขึ้นต้นด้วย เริ่มเป็นคนนั้นเป็นคนดี แต่ทำไมท่านจึงกลับมีทัศนคติว่า เริ่มเป็นคนนั้นเป็นคนเลวเล่า หรือท่านไม่เกรงกลัวแม้แต่ฟ้าดินหรือ
ข้าเห็นกับตาที่สุยราชวงศ์ที่แล้วล่มสลายเห็นซีอ๋องหลี่เจี้ยนเฉิงตาย ในใจไม่มีความคิดอื่นใดคิดเพียงใช้ร่างกายข้าปกป้องดูแลราษฎรที่บริสุทธิ์เหล่านี้ไม่ให้พวกเขาถูกทำร้ายมากจนเกินไป นิสัยของเจ้ามีการหลอกลวงที่รุนแรง ความร่ำรวยเพียงชั่วครู่ชั่วยามนำมาซึ่งความล่มสลายของศีลธรรม ข้าคิดว่าไม่สมควร ดังนั้นจึงได้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา
อวิ๋นโหวตัดสินใจเด็ดขาดทิ้งเงินหมื่นก้วนได้ทันทีโดยไม่ลังเลแม้เพียงนิดเดียว สถานการณ์แปรเปลี่ยนเพียงชั่วคืน กลุ่มขุนนางฝ่ายบุ๋นเป็นเป้าถูกโจมตี ตระกูลอวิ๋นท่านได้โอกาสที่สามารถดิ้นหลุดจากตระกูลอื่นๆที่พัวพัน แผนการยอดเยี่ยมคำนวณยอดเยี่ยม ข้าไม่รู้จริงๆเลยว่าภายใต้ผิวหนังที่หนุ่มแน่นของท่านมีวิญญาณปิศาจเช่นไรอาศัยอยู่
ทุกคนต่างพูดว่าท่านบันดาลโทสะหรือท้อแท้ถอยหนีแต่ข้ารู้ว่าไม่ใช่ การถอยของท่านครั้งนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะมีคลื่นรุนแรงเท่าไรที่โหมกระหน่ำพัดกลับคืน ข้าโง่เขลาเดาไม่ถูก แต่ข้ารู้ว่าการตีคืนของท่านจะทำให้บรรดาขุนนางฝ่ายบุ๋นถูกถล่มจมดินหมดสิทธิ์ที่จะแสดงฝีปากในราชสำนักอีกต่อไป อวิ๋นโหว ท่านเชื่อว่าหากทั้งราชสำนักมีแต่เหล่าศักดินา เป็นเรื่องที่ดีหรือ
ข้าร้องขออวิ๋นโหวขอให้ทำเกษตรอย่างสบายใจเช่นนี้จะได้ไหม โปรดเก็บไฟแค้นและจิตใจเหิมเกริมของท่านเสีย ท่ามกลางฝูงแกะไม่เหมาะสมที่มีสุนัขป่าปรากฏอยู่ด้วย เมื่อครู่นี้ข้ายืนอยู่กลางสายฝนมองดูท่านนำเหล่าน้องสาวทำการเกษตร เกิดความหวังจากก้นบึ้งของหัวใจอยากให้ฉากนี้สามารถรักษาไว้ได้ตลอดไป
ผมของเว่ยเจิงเริ่มเป็นสีดอกเลา เป็นคนที่น่าเคารพนับถือมาก อย่างน้อยจิตใจของเขาบริสุทธิ์ อวิ๋นเยี่ยสามารถรับรู้ได้ คำพูดเหล่านี้เกิดจากอารมณ์ความรู้สึกภายในอย่างแท้จริง ไม่ใช่คำพูดที่สรรแต่งขึ้นมาของบรรดานักพูด
ใครจะรู้ดีมากกว่าตัวเองว่าสภาพการณ์เป็นอย่างไรหลังระบบศีลธรรมล่มสลาย หลังจากที่เจ้าช่วยคนแล้วโดนใส่ความว่าเป็นฆาตกร เมื่อเจ้าเห็นคนชราล้มลงพื้นแล้วไม่กล้าพยุงขึ้นมา เห็นขอทานแล้วไม่สามารถบริจาดได้ กระทั่งว่าเจ้าช่วยเขาจนตัวตายแล้ว ซากศพของตัวเองยังถูกคนเอามาค้ากำไร ท่านจะรับความรู้สึกนี้ได้อย่างไร
คำพูดเว่ยเจิงไร้เหตุผลหรือ ไม่เลย มีเหตุผลมาก อย่างน้อยอวิ๋นเยี่ยก็ไม่อยากเห็นราษฎรต้าถังที่ถูกคลื่นลมทางเศรษฐกิจซัดสาดแล้วกลายเป็นเช่นคนปัจจุบัน ต้าถังไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ที่ใช้ข่มขู่ได้ หากแม้แต่ความกล้าหาญที่ถูกต้องเหล่านี้ยังสูญหายไป แล้วจะให้ชาติสืบทอดต่อไปรุ่นต่อรุ่นเพื่ออะไรกัน
เมื่อวานนี้ยังขำที่ซ่านอิงวุ่นวายกับปัญหา เวลานี้ดูแล้วคำพูดของเว่ยเจิงไม่ผิดเลยแม้แต่นิด ตัวเองคือสุนัขป่าหิวโหยในกลุ่มแกะ โจรชั่วที่ถูกตัดศีรษะทิ้งกลางตลาดยังก่อภัยให้ต้าถังไม่เท่าตัวเอง
เดิมเข้าใจเพียงว่าราษฎรนั้นแค่ให้กินอิ่มนอนอุ่นก็เพียงพอแล้ว ลืมคิดไปว่ามนุษย์มีการเปลี่ยนแปลง ใช้เวลาสามปีฝึกให้ทำความดีแต่เพียงสามชั่วยามก็ฝึกให้เลวได้ ข้ามาเพื่อเพิ่มความสุขสบายให้ต้าถังไม่ใช่มาเพื่อปลูกฝังภัยแฝงต่อไปอีกนับพันปี
เงินทองไม่ได้เป็นของดีนักหรอก ก่วนจ้งสร้างแคว้นฉีให้มั่งคั่งแต่แคว้นฉีหลังหวนกงแล้วไม่ได้ดีขึ้นอีก แม้แต่แคว้นเล็กๆอย่างแคว้นเอี้ยนยังเกือบทำให้ล่มสลายได้ สหพันธ์เวนิสที่มั่งคั่งก็เช่นกัน สุดท้ายแล้วก็ล่มสลายในสายธารอันยาวนานของประวัติศาสตร์
มนุษย์พอรู้หนังสือก็เริ่มกังวล พอฐานะสูงขึ้นเรื่องใช้ความคิดก็มากขึ้น อวิ๋นเยี่ยตกอยู่ในฐานะที่คนยุคปัจจุบันเรียกว่าผู้สร้างกฏเกณฑ์คนหนึ่ง ไม่ใช่คนหัวเดียวกระเทียมลีบชนิดที่อิ่มคนเดียวเท่ากับอิ่มทั้งตระกูล ความเคลื่อนไหวทุกอย่างล้วนมีคนเลียนแบบ ทุกวิธีการที่ใช้ล้วนแต่มีคนชื่นชม โดยเฉพาะพ่อค้าเป็นนักเลียนแบบตัวยง การยืนกรานที่แม้ตายก็ไม่แก้ไขจะไม่มีวันปรากฏท่ามกลางพ่อค้า ต่อให้เจ้ามีวิธีใหม่ที่ทำให้กำไรมากกว่าข้าหนึ่งเหรียญทองแดง พรุ่งนี้ข้าก็จะมีวิธีใหม่ของเจ้า วิธีจดบัญชีของตระกูลอวิ๋นได้แพร่หลายออกไปตามเส้นทางธุรกิจนานแล้ว ได้ยินว่าคนที่มาจากประเทศญี่ปุ่นวอกั๋วก็ใช้วิธีการของตระกูลอวิ๋น ทำให้อวิ๋นเยี่ยมีโมโหไม่น้อย
หากคิดจะร่ำรวยแล้วยังจะให้คนจิตใจใสซื่อ ในโลกนี้มีเรื่องดีเช่นนี้ด้วยหรือ เพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมผู้ปกครองชั้นสูงในยุคหลังจึงต้องโฆษณาให้มีทั้งการสร้างเศรษฐกิจกับศีลธรรมจรรยาให้ไปด้วยกันอย่างแข็งขัน เป็นเรื่องที่มีเหตุผลไม่ใช่ทำแบบผักชีโรยหน้า หากศีลธรรมจรรยาล่มสลายต่อให้มีเงินทองมากเท่าไร โลกมนุษย์จะมีแต่เสื่อมถอยไม่ก้าวหน้าอีกต่อไป ผลสุดท้ายมีเพียงอย่างเดียวคือล่มสลายด้วยตัวเอง
ลุกขึ้นมาดึงหญ้าเส้นหนึ่งคาบไว้ในปากไม่มีบุหรี่นี่รู้สึกไม่ไหวเลย เดินวนไปมารอบเพิงเห็นกระถางไม้ขวางทางอยู่จึงเตะทีเดียวกระเด็น ไอ้กระถางชั่วนิ้วเท้าเจ็บถึงใจใบหน้าเจ็บปวดยิ่งนัก
พอเห็นอวิ๋นเยี่ยหงุดหงิดแล้วเว่ยเจิงกลับผ่อนคลายลง อวิ๋นเยี่ยคว้าลูกสนบนโต๊ะค่อยๆแทะ เว่ยเจิงมองตามอวิ๋นเยี่ยราวกับลาที่โม่แป้งหมุนไปรอบๆ เต็มไปด้วยความปลื้มปิติ
เวลานี้สิ่งที่เขากลัดกลุ้มกลายเป็นความกลัดกลุ้มของอวิ๋นเยี่ย สิ่งที่ตัวเองไม่มีปัญญาแก้ไขต้องดูว่าอวิ๋นเยี่ยมีปัญญาแก้ไขหรือไม่ ที่แท้ความกลัดกลุ้มสามารถเปลี่ยนถ่ายกันได้
เผยอวี้นำเด็กสาวที่ทำงานเสร็จกลับบ้านไปแล้ว ราวกับรื่นเริงกันมาก เดินกระโดดโลดเต้นกันกลางสายฝน วันนี้อวิ๋นเยี่ยสั่งคนครัวทำอาหารอร่อยเป็นพิเศษให้พวกเขา
“นี่แทบจะเป็นปัญหาที่แก้ไขอะไรไม่ได้เลย เว่ยกง พวกเรานอกจากเร่งส่งเสริมทางการศึกษาแล้วก็ไม่มีทางอื่นที่จะทำได้ ความยากจนไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่สมควรของยุคทอง ราชวงศ์เราเพิ่งจะเริ่มยุคทอง เป็นไปไม่ได้ที่จะสูญสลายภายใต้คำพูดเพียงไม่กี่คำของพวกท่าน พวกเรามีแต่ต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่งยิ่งๆขึ้นจึงจะถูก หากไม่เช่นนั้นจะหนีไม่พ้นที่เกิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง ราษฎรต้องแตกแยกทนทุกข์ยากกันอีก
อย่าพูดเรื่องศีลธรรมจรรยาอู่เต๋อไร้สาระกับข้า การเปลี่ยนแปลงทุกครั้งล้วนมีสาเหตุ เอี่ยนโจวหลอกชาวโลกพันปี หากทำตามที่เขาว่าต้าถังเราก็ไม่สามารถรอดพ้นชะตากรรมล่มสลายเหมือนกัน ข้าไม่เคยเชื่อสวรรค์เชื่อแต่ตัวเอง สวรรค์ไม่มีความมหัศจรรย์อะไรต่อข้าเลย เคยขึ้นฟ้าไปแล้วนอกจากเมฆขาวแล้วก็ไม่มีอะไรอื่นอีก
เดิมข้าคิดจะเปลี่ยนแปลงสภาพเกษตรกรจากความร่ำรวยที่เพิ่มขึ้น หมู่บ้านตระกูลอวิ๋นเป็นตัวอย่างชัดเจนที่จับต้องได้ การเป็นกึ่งเกษตรกรกึ่งกรรมกรแล้วพวกเขาจะร่ำรวยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เวลานี้ดูแล้วพวกเขายังไม่ได้โดนเงินทองปิดบังสายตายังคงซื่อใสบริสุทธิ์อยู่ ดูจากที่พวกเขาช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติเห็นได้ว่าจิตใจมนุษย์นั้นยังเป็นทองคำอยู่
ข้าสามารถยกเลิกการแก้แค้นต่อเหล่าขุนนางบุ๋นทั้งหลาย หรือพูดได้ว่าข้าไม่เคยเห็นพวกเขาอยู่ในสายตา ปีที่แล้วภาษีการค้าเป็นสามในสิบส่วนของภาษีทั้งแผ่นดินนี่เป็นความก้าวหน้าที่สูงจัด ท่านไม่ต้องกังวลหรอกทุกๆราชวงศ์ล้วนมีฉากศีลธรรมเสื่อมโทรมอย่างหนีไม่พ้น ไม่เช่นนั้นพวกเราลองอะไรใหม่ๆดูจะดีไหม
ท่านลองคิดดูว่าหากภาษีการค้ายังคงได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเป็นสี่หรือห้าส่วน หลังจากฝ่าบาทบุกเบิกพื้นที่ตะวันตกซีอวี้แล้วข้ากล้าฟันธงได้เลยว่าภาษีการค้าจะเพิ่มขึ้นเป็นแปดในสิบส่วน หากมีปรากฏการณ์เช่นนั้นแล้วเป็นอย่างไร
เกษตรกรอาศัยสวรรค์กินข้าว มีผลผลิตเบาบางทั้งยังโดนภัยธรรมชาติบั่นทอน หลายพันปีนี้พวกเขาเป็นเสาหลักของการจ่ายภาษีให้สังคมพวกเรานี้ คนจนจ่ายภาษีคนร่ำรวยกลับไม่ต้องจ่ายภาษี ผลที่เกิดขึ้นคือคนจนยิ่งยากจนคนรวยยิ่งร่ำรวย ไม่ก่อการกบฏจึงจะแปลก ท่านกับข้าหากถึงวันที่ไม่มีข้าวกินก็จะก่อกบฏด้วย นี่เป็นสัจธรรม
การก่อกบฏที่ไม่มีเกษตรกรร่วมด้วยสมควรเรียกได้เพียงก่อความวุ่นวาย ไม่เคยได้ยินว่ามีการก่อความวุ่นวายที่ปราบไม่ได้ แต่หากวันใดเกษตรกรกบฏแล้วแสดงถึงว่าราชวงศ์นั้นถึงกาลล่มสลาย อะไรหนักอะไรเบาเว่ยกงพอจะรู้ไหม”
เว่ยเจิงคายเม็ดสนออกจากปาก รินน้ำชาจากกาชาบนโต๊ะใส่ถ้วยดื่มแล้วพูดกับอวิ๋นเยี่ยว่า “อวิ๋นโหว ที่ท่านพูดมีเหตุผลมาก ข้าไม่เคยบินขึ้นฟ้าแต่เคยขึ้นยอดเขาสูงพบเมฆหมอก ขณะที่ข้าบำเพ็ญเต๋าก็เคยชอบเดินท่ามกลางเมฆหมอก แม้ที่ท่านพูดอาจมีเหตุผล แต่ที่ท่านบอกว่าภาษีการค้าจะขึ้นสูงถึงแปดส่วนของภาษีแผ่นดินทั้งหมดนั้นมีความเป็นไปได้เช่นนี้หรือ”
อวิ๋นเยี่ยก็คว้าเม็ดสนกำหนึ่ง โยนเม็ดหนึ่งใส่ปากแล้วพูดอย่างคลุมเครือว่า “เดือนหน้าข้าเตรียมงานประมูลไว้งานหนึ่ง เว่ยกง ให้เตรียมเงินทองไว้ งานประมูลนี้จะต้องมีของที่ทำให้ท่านสนใจ ถึงเวลานั้นแล้วจะให้ท่านได้เห็นว่าข้าทำอย่างไรจึงสามารถหากำไรครึ่งหนึ่งของคลังแผ่นดินได้ในเวลาเพียงสิบกว่าวัน แล้วท่านจะได้รู้ว่าเศรษฐีต้าถังความจริงแล้วมีอยู่มากมาย พวกคนหูเหล่านั้นก็มีเงินกันมากมาย”
“อวิ๋นโหวคุยโม้ไปแล้วกระมัง ปีที่แล้วต้าถังเก็บภาษีได้สามล้านหกแสนก้วน ถึงแม้ท่านมีสมญานามว่าเทพเจ้าเงินตรา ข้าก็ยังไม่เชื่อว่าท่านจะหากำไรได้ถึงสองล้านก้วนในเวลาสั้นๆ ต้าถังไม่มีเงินมากมายขนาดนั้นหรอก”
“เว่ยกง ข้าไม่ท้าพนันกับท่านเพราะท่านมีชื่อเสียงด้านถังแตก ข้าเพียงแค่อยากบอกท่านว่า เหตุผลที่ข้าค้ากำไรเงินมากมายเช่นนี้เพราะต้องการบรรลุเป้าหมายสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ เกษตรกรไม่ต้องจ่ายภาษี หากเกษตรกรแม้แต่ภาษียังไม่ต้องเสียแล้วข้าไม่เชื่อว่าจะมีการก่อกบฏเกิดขึ้นได้อีก”
ลูกสนในมือเว่ยเจิงหล่นกระจายเต็มพื้น มุมปากยังมีเปลือกลูกสนที่ไม่ทันถ่มออก อวิ๋นเยี่ยคาดอยู่แล้วว่าจะเห็นฉากนี้ รินน้ำชาถ้วยหนึ่งบ้วนปาก เพิ่งกินลูกสนที่เสียไปเม็ดหนึ่งขมปากชะมัดยาด
นี่เป็นข้ออ้างเดียวที่อวิ๋นเยี่ยสามารถทำให้จ่างซุนยินยอม คนโง่เง่าก็ยังรู้ว่าเป้าหมายของเกษตรกรไม่ต้องเสียภาษีนั้นเป็นอย่างไร
ทั่วหล้าเสมอภาค ทะเลสงบธารน้ำใส ฮ่องเต้ปราดเปรื่อง โลกในอุดมคติตั้งแต่ครั้งโบราณกาล หากหลี่ซื่อหมินสามารถทำให้เกษตรกรไม่ต้องเสียภาษี เขาจะเป็นฮ่องเต้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์หัวเซี่ย ในโลกนี้ไม่มีใครต้องการล้มตระกูลที่ทำให้เกษตรกรไม่ต้องเสียภาษี ราชวงศ์พันปีจะไม่เพียงแค่การฝันหวานเท่านั้น
นี่คือไพ่ตายที่ทำให้อวิ๋นเยี่ยกล้าหาญชาญชัยเสี่ยงภัยมหันต์ถึงขนาดกล้ามองข้ามขุนนางราชสำนักทั้งปวง เวลานี้มีเพียงภาษีการค้าที่เพียงพอจะทำให้ภาษีของเกษตรกรลดลง การมาถึงของสังคมธุรกิจเต็มรูปแบบจะทำให้เกษตรกรไม่ต้องเสียภาษีไม่ใช่ฝันหวานที่เป็นไปไม่ได้อย่างแท้จริง
[ส่วนที่ 7 น้ำนิ่งคลื่นน้...
ตอนที่ 3 ต่างยินดีด้วยกัน
การคุยน่าเบื่อหน่าย คุยกับเว่ยเจิงยิ่งน่าเบื่อหน่ายมากๆ ไม่กล้าออกจากบ้านเพราะกลัวก้อนหินตกจากท้องฟ้า?หมู่บ้านอวิ๋นถึงอย่างไรก็ต้องร่ำรวย หรือพูดได้เลยว่าหมู่บ้านอวิ๋นเวลานี้เป็นหมู่บ้านที่รวยสุดอยู่แล้ว ฝนตกลงมาเพียงครู่เดียวก็หยุดตกเพียงแต่ยังมืดครึ้มอยู่ หลังเขามีเมฆดำทะมึนที่ต่ำกว่ากำลังโผมา หนีไม่พ้นต้องเจอฝนหนักแน่นอน
ความจนเป็นโรคชนิดหนึ่ง เป็นโรคที่เกิดมาคู่กับราชวงศ์ยุคโบราณ ไม่ว่าจะเป็นยุคทองอย่างไรก็ไม่เคยรักษาโรคนี้หาย พูดให้ถึงแก่นเลยก็คือรับภาระหนักมากเกินไป ไม่ว่าฮ่องเต้ ขุนนาง ศักดินา นักปราชญ์ ล้วนแต่ต้องให้พวกเขาเลี้ยงดู หากไม่มีอะไรมาเลี้ยงดูพวกเขาก็จะดูดเลือด อวิ๋นเยี่ยพยายามหาเป้าดูดเลือดใหม่ให้พวกเขาเช่นพ่อค้ากับคนต่างเผ่าเป็นสองเป้าที่ไม่เลวเลย
เวลานี้ยังบอกเว่ยเจิงไม่ได้ การแสดงออกของเจ้านี่ไม่สู้ตรงกับที่ประวัติศาสตร์บันทึก หากพูดอะไรมากเกินไป ชื่อเสียงที่เป็นสุนัขป่าภายใต้หนังแกะต้องกลายเป็นของแน่นอนไปเลย ไม่อยากเพิ่มสุนัขป่าอวิ๋นเยี่ยต่อจากสุนัขป่าจงซานที่มีชื่อเสียง ปล่อยให้คนก่นด่านับพันปี
เถียนฝูเดินแบกคันไถผ่านพื้นที่ไร่ข้าวโพดที่อวิ๋นเยี่ยปลูกไว้นี้ วางคันไถลงแล้วพิจารณาดูรูปร่างการเจริญเติบโตของข้าวโพด พลิกใบดูด้านล่างไม่พบหนอนจึงตบมืออย่างวางใจแล้วเตรียมตัวจากไป แหงนหน้าเห็นเมฆดำบนเขาจึงเอาจอบที่อวิ๋นเยี่ยวางพิงอยู่ข้างเพิงขุดไม่กี่ทีกลายเป็นทางน้ำเล็กๆแล้วบอกอวิ๋นเยี่ยว่า “โหวเหยีย ฝนจะตกหนักแล้วในที่นาไม่มีรางระบายน้ำคงไม่ไหว ข้าวโพดแบบนี้ข้าไม่เคยปลูกแต่พืชไร่ล้วนกลัวน้ำท่วม ให้มีรางระบายไว้จะดีกว่า”
“เหล่าเถียน เจ้าปลูกพืชไร่ด้วยวิธีโบราณ เจ้าคอยดูอีกสองปีพวกเราทุกคนต้องปลูกของสิ่งนี้กัน มีมันแล้วพวกเราจะไม่ปลูกข้าวฟ่างอีก กินแล้วติดคอไม่ว่าผลผลิตก็มีนิดเดียวเท่านั้นเสียงานเสียคนได้ไม่คุ้มเสีย ตอนนี้ปลูกพ่อพันธุ์ไว้ก่อน เจ้าต้องช่วยหน่อยข้าปลูกพืชไร่ไม่เป็น เว่ยกงมาข้าเลยแค่แกล้งทำท่าทำทางเท่านั้น”
ชาวหมู่บ้านตระกูลอวิ๋นคุยกับอวิ๋นเยี่ยได้ตามสบาย เขาเองก็ชอบวิธีการเช่นนี้ เห็นๆอยู่ว่ายืนคุยกันได้สบายๆกลับต้องให้เอวทรุดลงไปทั้งท่อนเหลวไหลสิ้นดี การพูดด้วยท่าทางเช่นนั้นนอกจากเหนื่อยแล้วยังไม่ได้ยินเรื่องจริงอีก
เถียนฝูราวกับไม่เห็นเว่ยเจิงเท้าเปล่านั่งยองๆบนคันนาดูข้าวโพดอย่างทนุถนอมเต็มทน ใบสีเขียวอ่อนวาดผ่านผิวที่หยาบกร้าน เต็มไปด้วยความหวังต่อพืชไร่ชนิดใหม่นี้อย่างเต็มที่ ตระกูลอวิ๋นแจกมันฝรั่งหลายลูกให้ชาวหมู่บ้านทุกครัวเรือน ทุกคนต่างเก็บไว้ในห้องใต้ดินราวกับเป็นของวิเศษ ปีนี้เลือกที่นาที่ดีที่สุดปลูกมันฝรั่งนี้ อีกสองเดือนก็โตแล้ว ได้ยินว่าที่หนึ่งหมู่มีผลผลิตหลายสิบหาบ เพื่อไม่ให้มันฝรั่งถูกคนขโมยไป ทหารคุ้มกันกับชาวหมู่บ้านผลัดกันเฝ้ายามกลางคืน หากมีใครกล้าขโมยให้ตีตายได้
“โหวเหยีย ได้ยินคนแก่ในหมู่บ้านบอกว่า ข้าวโพดก็มีผลผลิตหลายสิบหาบต่อหนึ่งหมู่? พืชไร่นี้โตราวกับต้นไม้เล็กๆ ต้องมีผลผลิตมากแน่ๆ”
“มั่วแล้ว มันฝรั่งเป็นทั้งผักทั้งอาหารหลักมีผลผลิตสูงหน่อยนั้นไม่แปลก ข้าวโพดเป็นอาหารหลักแท้ๆข้าประเมินว่าได้ห้าหกหาบต่อหนึ่งหมู่ก็นับว่าดีมากแล้ว ได้ยินว่ามีผลผลิตสิบหาบด้วยแต่ไม่รู้ว่าต้องปลูกอย่างไร ข้าทำไม่ได้ แต่ได้ห้าหกหาบก็คุ้มกว่าข้าวสาลีแล้วน่าจะพอใจ ปีหน้าแบ่งให้ทุกครัวเรือนปลูกกันเช่นนี้แหละ ส่วนต้องปลูกอย่างไรจึงจะดีที่สุดให้พวกเจ้าคลำหาวิธีกันเอง มาถามข้าที่ทำนาไม่เป็นคงไม่ได้เรื่อง”
การคุยของชาวหมู่บ้านก็เป็นเช่นนี้เองพอถามกันรู้เรื่องแล้วก็หมดเรื่องคุยกัน เถียนฝูแบกคันไถบอกลาอวิ๋นเยี่ย แล้วเดินสาวเท้ายาวกลับบ้าน ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้สนใจเว่ยเจิงเลยแม้แต่นิด
เว่ยเจิงนั่งอยู่ที่นั่นฟังอวิ๋นเยี่ยคุยกับชาวหมู่บ้าน มองเห็นเมฆดำปกคลุมก็ไม่รีบร้อน ยิ้มรอให้พวกเขาคุยกันเสร็จ ตัวเองวิ่งไปไร่ข้าวโพดพิจารณาข้าวโพดอีกแล้วหันถามอวิ๋นเยี่ยว่า “อวิ๋นโหวมีของวิเศษเช่นนี้ทำไมไม่ถวายให้ราชสำนัก”
“ไม่ต้องเลย ถวายมันฝรั่งได้ศักดินาเล็กๆมา จนพวกเจ้าอยากกลืนข้าลงไปทั้งเป็น มันฝรั่งร่วมสี่ปีแล้วนอกจากพวกผู้ยิ่งใหญ่ไม่กี่คนที่อื่นยังไม่เคยได้เห็น หากรอพวกท่านเผยแพร่ข้ายังไม่รู้เมื่อไรจึงจะได้กินอาหารดังอย่างสเต็กเนื้อวัวมันฝรั่ง ให้ข้าทำเองดีกว่า รอให้มีผลผลิตเยอะๆแล้วค่อยส่งให้ฝ่าบาทก็เหมือนกัน เตือนพวกท่านไว้ก่อนว่าของสองอย่างนี้ห้ามออกจากแผ่นดินต้าถัง ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าข้าจะทำอะไรดีๆให้ราชสำนักอีก จะบอกท่านให้ นาข้าวปีละสามรอบปีหน้าจะต้องทำให้เห็นได้ ถึงเวลานั้นแผ่นดินหลิ่งหนานที่พวกท่านดูถูกดูแคลนก็จะเป็นแผ่นดินแห่งพืชพรรณธัญญาหาร เป็นเพราะท่านเหล่าเว่ยข้าจึงบอก ถ้าเป็นคนอื่นข้าไม่สนใจหรอก
บางเรื่องต้องบอกให้เว่ยเจิงเข้าใจ ความเข้าใจระหว่างกันเป็นเรื่องใหญ่ ความเข้าใจผิดมากมายเกิดจากความไม่เข้าใจกัน ในสายตาของเขาอวิ๋นเยี่ยเป็นคนที่ชอบทำเงินอย่างบ้าระห่ำ ควรจะต้องให้เขารู้ถึงสิ่งที่ตัวเองเตรียมการไว้บ้าง
“เมื่อครั้งเจินกวนปีที่สอง ทั้งราชสำนักต่างพูดกันว่าเฝิงอั้งก่อกบฏ มีเพียงข้าที่คัดค้านคนอื่นพูดแก้แทนเขา เป็นเช่นนั้นจริง ไม่ถึงสองเดือนเขาส่งบุตรชายเข้าราชสำนักให้เห็นความจริงใจ หลิ่งหนานไม่ต้องเกิดการรบพุ่งได้อยู่อย่างสงบ การเคลื่อนไหวใหญ่ของอวิ๋นโหวจะมีผลกระทบไปถึงเฝิงอั้งหรือไม่”
เรื่องพืชผลเกษตรเว่ยเจิงไม่กล้าพูดมาก มันฝรั่งโดนฮ่องเต้เก็บซ่อนไว้จั่งซุนซ่อนไว้อย่างมิดชิดแม้แต่รัชทายาทก็อาจยังไม่รู้ ผู้หญิงมักชอบซ่อนของดีๆที่ตัวเองชอบไว้จั่งซุนก็ไม่ได้ยกเว้น วันนี้กว่าจะได้เจออวิ๋นเยี่ยก็ไม่ง่ายนักย่อมต้องพูดเข้าใจกันให้ถ่องแท้ ทั้งคู่เดินพลางคุยพลางในถนนเล็กๆริมท้องนา
“เฝิงอั้งเวลานี้คุ้มตัวเองยังยากเขาจะเอาอะไรมาก่อกบฏ ทหารเก่าสามพันคนเข้าหลิ่งหนานรับทรัพย์หากใครกล้าขัดขวางจะถือเป็นศัตรูคู่อาฆาต ข้างหลังยังมีเหล่าศักดินานัยน์ตาแดงที่อิจฉาอีกนับไม่ถ้วน แม้จะเกิดเรื่อง เหล่าเว่ยเชื่อหรือไม่ว่าภายใต้แรงฮึดจากเงินทอง ทหารเก่าเหล่านั้นจะมีขีดความสามารถในการรบเพิ่มขึ้นสิบเท่า แต่ละคนมีอาวุธยุทโธปกรณ์พรั่งพร้อมดีเยี่ยมจนข้าเองยังอิจฉา อาจารย์ซุนเตรียมยาทั้งป้องกันมาเลเรียป้องกันยุงให้ไปด้วย เป็นชุดที่ไร้เทียมทานท่านไม่ต้องกังวล ครอบครัวของหงเฉิงกับพวกทหารเก่าต่างอยู่ที่ฉางอันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะก่อกบฏ แต่ละคนเพียงไปหลิ่งหนานหารายรับกันจนพอใจแล้วก็กลับมาเสวยสุขให้เต็มที่ จากนั้นเราก็ส่งสุนัขป่าตาแดงหิวโซไปอีก ไปๆมาๆสักสี่ห้าเที่ยว ไม่แน่ว่าเฝิงอั้งเองอาจต้องวิ่งกลับฉางอันมาลี้ภัยด้วยซ้ำ”
“การใช้ผลประโยชน์หลอกล่อ โดยเฉพาะผลประโยชน์สูงหลอกล่อแล้วดูอวิ๋นโหวช่ำชองนัก ได้ยินว่าท่านให้พวกเขาคนละสามร้อยก้วน เพื่อเงินสามร้อยก้วนข้ายังฆ่าคนได้ด้วยซ้ำไม่ต้องพูดถึงพวกเขา ส่งไปสี่ห้าชุดหลิ่งหนานจะต้องกลายเป็นขุมนรกบนโลกนี้อย่างแน่นอน”
“มีผลประโยชน์สามในสิบส่วนคนย่อมหวั่นไหว หากมีถึงสิบส่วนคนรับผลประโยชน์ย่อมไม่สนใจกฎหมาย หากได้ผลประโยชน์สามเท่าตัวการฆ่าคนยังจะห่วงอะไรอีก พูดไปแล้วหลิ่งหนานไม่เคยเป็นของราชสำนักอย่างแท้จริง หากไม่ใช้กำลังแล้วจะควบคุมได้อย่างไร เหล่านักรบไปแดนไกลได้ทรัพย์สินจากถิ่นต่างเผ่ามีอะไรไม่สมควรหรือ ดีกว่าปล่อยไว้เป็นภัยราษฎรในถิ่นจงหยวน”
ความจริงแล้วเว่ยเจิงก็ไม่ได้เป็นคนดีสักเท่าไร พออวิ๋นเยี่ยแบไต๋ออกมาก็เริ่มคุยผลประโยชน์ทันที สภาพมนุษย์สูงส่งที่ห่วงกังวลบ้านเมืองราษฎรเมื่อครู่นี้หายไปหมดเกลี้ยง คิดๆดูแล้วก็ใช่ ประวัติศาสตร์บันทึกว่าเขาเป็นคนเสนอให้ใช้กำลังกับคนต่างเผ่า เขาไม่ได้เห็นคนต่างเผ่าเป็นคนด้วยซ้ำ ขอเพียงไม่มีภัยต่อราษฎรตัวเอง เขาไม่สนใจว่าเงินนั้นเปื้อนเลือดมากน้อยแค่ไหน
การเจรจาราบรื่นมาก เว่ยเจิงได้รับคำมั่นจากอวิ๋นเยี่ยว่าจะไม่เล่นงานขุนนางฝ่ายบุ๋นทั้งไม่ทำให้เหล่าพ่อค้าเดือดร้อนแล้ว ก็ต่างกำมือร่ำลากันที่ปากทางก่อนที่ฝนหนักจะมาถึง ดูคล้ายต่างเข้าใจซึ่งกันและกัน
อวิ๋นเยี่ยยืนกลางสายฝนที่ตกหนักโดยเหล่าจวงกางร่มให้ ยืนบนเนินเขาเห็นภาพเว่ยเจิงไกลๆที่มัวซัวคลุมเสื้อฝนเดินไปอย่างรวดเร็วทั้งยิ้มอย่างดูเลือดเย็น เหล่าจวงเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากเห็นโหวเหยียที่ตัวเองเคารพมีรอยยิ้มที่น่ากลัวเช่นนี้จริงๆ อดไม่ได้ที่เศร้าใจแทนเว่ยเจิงที่จากไป แหย่ใครไม่ว่ามาแหย่โหวเหยีย โหวเหยียเป็นคนที่เจ้าแหย่ไหวหรือ ฝ่าบาทอัดโหวเหยียไปแล้ว ยังกินปลาหลีฮื้อที่อร่อยไปมื้อหนึ่ง เจ้านับว่าเป็นอะไรหรือจึงกล้าทำ
นั่งหงอยอยู่คนเดียวในห้องหนังสือ สือสือโดนเสี่ยวอู่ลากไปกับเสี่ยวยาสามคนหลบอยู่ในห้องคุยกันไม่จบ ท่านอากับพี่สาวต่างโดนท่านย่าเอาไปหมดแต่รำคาญพวกเด็กเสียงดังจึงไม่เอาไปเลย หากไม่ใช่อี้เหนียงยังอยู่อวี๋นเยี่ยก็อยากหนีไปแล้ว
ไม่รู้อี้เหนียงมัวแต่พลอดรักจนลืมเตรียมอาหารให้อวิ๋นเยี่ยหรืออย่างไร งานแต่งงานของรุ่นเหนียงก็แน่นอนแล้วคือฉินเหล่าเอ้อร์ เวลานี้กำลังปักชุดแต่งงาน เริ่มมีแววสาวผู้ดีบ้างแล้ว ไม่กี่วันก่อนฟุบอยู่ที่หลังอวิ๋นเยี่ยออเซาะอยากรู้ว่าตัวเองมีสมบัติแต่งงานมากน้อยแค่ไหน โดนอวิ๋นเยี่ยด่าไปชุดใหญ่ ยังไม่ทันแต่งออกไปก็ห่วงแต่เรื่องที่จะขนสมบัติออกไปจากบ้าน ไม่มีสมบัติให้หรอก อย่างมากก็ให้เอาหมูอ้วนของเสี่ยวยาไปด้วย เบื่อหมูอ้วนตัวนั้นมากแล้ว
อวิ๋นเยี่ยกินข้าวพลางฟังเสียงรุ่นเหนียงร้องไห้พลางว่าไม่มีใครรักนาง ปิดหน้าพักใหญ่เห็นพี่ชายไม่ได้ใส่ใจจึงวางมือลง จริงดังนั้นไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว กระทืบเท้าแล้วก็วิ่งออกไปด้วยความแค้น
วันก่อนยังมีรุ่นเหนียงมาส่งข้าว วันนี้แม้แต่รุ่นเหนียงก็ไม่มา ช่างเป็นโหวเหยียที่น่าขายหน้ามาก กำลังลังเลว่าจะเรียกสาวใช้ให้ไปเอาข้าวที่ห้องครัว ยังดีที่ต้ายาผลักประตูเข้ามาแล้ววางอาหารหลายอย่างในกล่องข้าวไว้บนโต๊ะ ชามใหญ่ใส่เนื้อแพะเมี่ยนเพี่ยนแผ่นบางใส่พริก น้ำส้ม อร่อยแน่นอน สุรากาเล็ก กับแกล้มสองอย่างหนึ่งชอหนึ่งเจเข้ากันได้อย่างดี ห่างไกลจากอาหารฝีมือหยาบๆของรุ่นเหนียงที่จะเทียบเคียงได้
ชมเชยต้ายาอย่างแรงไปหลายคำแล้วยกชามใหญ่ขึ้นมากิน อาหารของเด็กคนนี้ยิ่งทำยิ่งดี ของดีเช่นนี้ต้องเก็บไว้อีกหลายปี ส่วนซ่านอิงช่างเขาปะไร สุนัขเห็นเครื่องบิน ฝันไปแล้ว ไส้หมูพวงเดียวเอามาเป็นของหมั้นแล้วจะแต่งต้ายาไป คิดได้อย่างไรกัน
เด็กคนนี้เงียบเกินเหตุ รับความแค้นเคืองแค่ไหนก็ไม่พูด ของขวัญที่ตัวเองให้นางไปยังโดนเสี่ยวยาหลอกเอาไป เปิดกล่องเครื่องประดับมีแต่ความว่างเปล่า ทั้งตัวดูเหมือนลูกนกที่พร้อมตกใจกลัว พอมีเรื่องก็วิ่งมาหลบข้างตัวอวิ๋นเยี่ย ราวกับว่าพี่ชายสามารถปิดกั้นลมฝนได้ทั้งหมด สามีของนางจะต้องเป็นลูกผู้ชายที่แข็งแกร่งไม่เช่นนั้นจะรับลมฝนภายนอกไม่ไหว ดูไปดูมาคนข้างตัวที่รู้จักก็มีแต่ซ่านอิงเหมาะสม เจ้าเบื๊อกที่พูดคำไหนคำนั้นหากทิ้งนิสัยเสี่ยงหม่าได้จะเป็นคนที่เหมาะสมมากที่สุด
เห็นพี่ชายกินๆแล้วหยุดไปยังเข้าใจว่าอาหารที่ตัวเองทำไม่ถูกปาก ต้ายาดันจานเนื้อแพะไปที่หน้าอวิ๋นเยี่ยอีก จึงคีบเนื้อแพะยัดเข้าปากแล้วคิดต่อ
ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะมีเป้าหมายอะไรใหญ่โต ข้าจะสร้างน้องเขยที่สมบูรณ์แบบ ลำบากมาตั้งแต่เล็กยังต้องรับความคับแค้นต่อจะถูกต้องหรือ ซ่านอิง เจ้ารอการสั่งสอนก่อน เพิ่งจะเริ่มเวลานี้เอง เด็กหนุ่มดีๆที่ทั้งวันคิดเป็นแต่เรื่องปล้นชาวบ้านต้องให้การศึกษาดีๆ
คิดตกแล้วอารมณ์ดีขึ้น อารมณ์ดีก็เจริญอาหาร แผ่นหมี่เมี่ยนเพี่ยนชามใหญ่ลงท้องไป หน้าตาสดใสขึ้นมาทันที หันไปเห็นต้ายาทำท่าจะพูดแต่ไม่พูดแล้วก็สงสัย เด็กคนนี้ไม่เคยเรื่องมาก ไม่เคยเอ่ยปากอยากได้ของ ยากที่จะอ้าปาก ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ต้องตกลง
“ต้ายา มีอะไรทำไมไม่บอกพี่ชายดีๆ อยากได้ปิ่นปักผม หรือกำไล ผ้าลายดอกของตลาดตะวันตกหากต้องการพี่ชายจะพาเจ้าไปซื้อกลับมา”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น