ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 694-701

 ตอนที่ 694 ห้ามตัดต้นไม้


เหยียนหมิงซุ่นพาพวกเขาไปยังภูเขาละแวกใกล้บ้าน บนภูเขาเต็มไปด้วยไร่ชา ต้นพีแคนและต้นไผ่ ทั้งสามอย่างนี้ล้วนเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่และเป็นแหล่งรายได้หลักของชาวบ้านในพื้นที่


“เราไปขุดหน่อไม้กัน หน่อไม้ชนิดนี้เอาไปต้มน้ำซุปรสชาติดีมาก เหมยเหมยต้องชอบกินแน่ๆ” เหยียนหมิงซุ่นเอาจอบติดตัวมาด้วยเพราะตั้งใจจะไปขุดหน่อไม้บนภูเขา


“ฤดูร้อนแล้วยังมีหน่อไม้ให้ขุดอีกเหรอ?” เหมยเหมยสงสัย แม้เธอไม่เคยใช้ชีวิตอยู่ชนบท แต่รู้ว่าสี่ฤดูในหนึ่งปีมีเพียงฤดูหนาวกับฤดูใบไม้ผลิที่มีหน่อไม้


หน่อไม้ฤดูหนาว หน่อไม้ฤดูใบไม้ผลิ ไผ่บงหวาน ไผ่รวกเป็นต้น ไม่ว่าจะสดใหม่หรือตากแห้งล้วนเป็นอาหารรสเลิศทั้งนั้น แต่หน่อไม้ฤดูร้อนเธอไม่เคยได้ยินมาก่อนจริงๆ


 เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะ “มีสิ แค่ปริมาณไม่มาก ส่วนใหญ่ชาวบ้านเอาไว้ขุดมากินเองที่บ้านไม่เอาไปขาย คนในเมืองเลยไม่รู้ว่าหน่อฤดูร้อนอร่อยที่สุด”


เหมยเหมยได้ยินแล้วคันยุบยิบในใจ รีบเร่งเร้าให้เหยียนหมิงซุ่นขุด เธออยากทานแทบอดใจไม่ไหวแล้ว


เหยียนหมิงซุ่นหาต้นไผ่ของบ้านโม่เจอก็เริ่มใช้จอบขุดลงไป ไม่นานเขาก็ขุดเจอหน่อไม้ต้นงามอย่างที่คาดไว้ ลักษณะเรียวยาวไม่เหมือนหน่อไม้ แต่กลับเหมือนหวายมากกว่า แถมท่อนล่างยังแข็งเป็นหินราวกับฟืน


“แก่ขนาดนี้จะกินยังไงเนี่ย?” เหมยเหมยเอะใจ นี่เคี้ยวแทบไม่ไหวเลยนี่นา!


เหยียนหมิงซุ่นชี้ไปที่หัวต้นหน่อพลางกล่าว “ต้นหน่อเอาไว้ผัดกับเนื้อ ส่วนตัวของมันไว้ต้มน้ำซุป ดื่มแค่น้ำซุป”


ฉิวฉิววิ่งพรวดจากไหล่ของเหมยเหมยโดยที่หางฟูสีเขียวพาดอยู่ เป็นฉาฉานี่เอง ไม่รู้ว่าเจ้าสองตัวนี้จะไปเพ่นพ่านที่ไหนอีก


“ฉาฉาอยากแทะใบชา ฉันจะพาเขาไปแก้กระหายสักหน่อย” เสียงฉิวฉิวดังแว่วมา


นับตั้งแต่กลับจากเมืองหลวงเมื่อสองปีก่อนฉิวฉิวก็สลบไปนานถึงเกือบครึ่งเดือน หลังจากฟื้นตัวขึ้นก็กัดเธอไปรอบหนึ่ง จนทำเอาเธอหวาดผวาแทบวิ่งแจ้นไปฉีดยากันบาดทะยัก แต่ไม่นานเธอก็พบว่าเธอเข้าใจสิ่งที่ฉิวฉิวพูด และยังอาศัยกระแสจิตในการสื่อสาร มันช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์เหลือเกิน


มีฉิวฉิวคอยเป็นล่ามอยู่ เธอจึงสามารถสื่อสารกับฉาฉาได้ สร้างสีสันให้แก่ชีวิตขึ้นมา และรู้ว่าเจ้าสองตัวที่เธอเลี้ยงอยู่นี้ต่างเป็นสัตว์วิเศษที่เก่งกาจอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงไม่ค่อยเป็นห่วงความปลอดภัยของฉิวฉิวกับฉาฉาขณะอยู่บนภูเขา ปล่อยให้พวกเขาไปตามสบาย


สยงมู่มู่กับอู่เชาพอได้ขึ้นเขาสักหน่อยก็เหมือนได้ปลดปล่อย เห็นอะไรก็รู้สึกแปลกหูแปลกตาไปหมด จับนู่นจับนี่ ถามนู่นถามนี่ไม่หยุด


“ทำไมพวกคุณต้องตัดต้นไม้กันด้วยล่ะ? ต้นไม้พวกนี้สวยจะตาย มันไปทำอะไรให้พวกนายไม่พอใจกันหะ !”


เสียงสยงมู่มู่ดังแว่วมาจากที่ห่างไกลออกไปเหมือนกำลังถกเถียงกับคนอื่น เหยียนหมิงซุ่นมุ่นคิ้วบอกกับเหมยเหมยว่า “เราไปดูกัน!”


สถานที่เกิดเหตุอยู่ไม่ห่างจากที่นี้มาก ซึ่งอยู่ติดกับสวนไผ่ของบ้านโม่ บนภูเขามีแต่ต้นไม้ใหญ่สูงขนาดเจ็ดถึงแปดเมตร บนต้นไม้มีผลไม้สีเขียวประดับอยู่เต็มต้น ชายร่างบึกบึนราวๆ สิบคนกำลังถือเลื่อยและขวานเตรียมตัดต้นไม้


สยงมู่มู่กับอู่เชาสองคนเพื่อนยากคอยขัดขวางคนอื่นโดยกอดต้นไม้คนละต้นแน่นเหมือนแม่ไก่กกลูกไก่ ส่งสายตาเคืองโกรธให้ชาวบ้านเหล่านี้


“พวกเธอเป็นใคร? ฉันตัดต้นไม้บ้านตัวเองเกี่ยวอะไรกับเด็กอย่างพวกเธอ รีบหลีกไปซะ อย่ามาเสียเวลาพวกฉัน!” ชายวัยกลางคนดูท่าทางอายุสี่สิบกว่าปีทำหน้าไม่สบอารมณ์ หากไม่เห็นว่าเด็กสองคนนี้ใส่เสื้อผ้าเนื้อดีผิดปกติเขาคงจับโยนไปทีละคนนานแล้ว


“ทุกคนมีส่วนรับผิดชอบในการปกป้องรักษาป่า ทำไมถึงไม่เกี่ยวกับเรา? กว่าต้นไม้พวกนี้โตได้ขนาดนี้มันง่ายเหรอ? พวกมันก็เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกัน พวกคุณทำใจฆ่าพวกเขาได้เหรอ?”


เจ้าอ้วนยืดคอตรงตวาดกลับ เขาเกลียดคนที่ชอบตัดต้นไม้เด็ดดอกไม้พวกนี้ที่สุด ทุกสรรพสิ่งล้วนมีชีวิต จะดีแค่ไหนถ้าให้พวกมันเติบโตอย่างมีความสุข ทำไมถึงต้องลิดรอนสิทธิ์ในการมีชีวิตของพวกมันไปล่ะ!


………………….


ตอนที่ 695 ต้นพีแคน


เหยียนหมิงซุ่นเดินเข้าไปแล้วตะโกนถาม “พี่ป๋อเฉียง เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”


ชายวัยกลางผู้นี้เองก็สกุลโม่เช่นกันและนับว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องญาติห่างๆ ของเหยียนหมิงซุ่น สกุลโม่เป็นนามสกุลคนส่วนมากในหมู่บ้านแห่งนี้ ชื่อหมู่บ้านเองก็มีชื่อว่าหมู่บ้านโม่ ชาวบ้านกว่าร้อยละแปดสิบถึงเก้าสิบมีสกุลโม่เหมือนกันหมด ส่วนที่เหลือคือสกุลอื่นที่ส่วนใหญ่หนีอพยพมาเมื่อนานมาแล้ว ซึ่งมีสถานะต่ำต้อยกว่าคนในหมู่บ้านจึงต้องคอยระมัดระวังตนอยู่บ่อยครั้ง


กลุ่มชายวัยกลางคนเห็นเหมยเหมยในชุดกางเกงเอี๊ยมยีนส์คู่กับเสื้อเชิ้ตขาวและรองเท้าผ้าใบสีขาวแววตาก็พลันเป็นประกายชั่วขณะ อาการหงุดหงิดหัวร้อนคลายลงไม่น้อย เด็กสาวทั้งหน้าตาสวยและสดใส แค่ได้เห็นก็ถือเป็นอาหารตาชั้นยอด


“ไม่รู้ว่าแขกของบ้านไหนหาว่าเราใจร้าย หมิงซุ่นดูสิ พวกเขาทำอย่างนี้จะให้ฉันตัดต้นไม้ได้อย่างไร ถ้ามัวแต่ชักช้างานวันนี้ก็สูญเปล่าสิ”


โม่ป๋อเฉียงพูดกระแทกเสียงด้วยความโมโห คนกลุ่มนี้เป็นคนที่เขาเรียกให้มาช่วยงานทั้งนั้น แม้ไม่ต้องให้เงินค่าจ้างแต่ต้องเลี้ยงอาหารกลางวันและอาหารเย็น ไหนจะติดหนี้บุญคุณ หากวันนี้ทำงานไม่เสร็จพรุ่งนี้เขาต้องเรียกคนกลุ่มนี้มาช่วยอีก ตอนนี้ทุกคนงานยุ่งจะตายไป ใครจะไปมีเวลาว่างมากมายมาช่วยเขาตัดต้นไม้กันเล่า


สยงมู่มู่พูดเสียงดัง “เหยียนหมิงซุ่น ห้ามให้พวกเขาตัดต้นไม้นะ ต้นไม้พวกนี้โตยาก ทำไมต้องฆ่าพวกมัน?”


“ใช่ ถ้าจะตัดต้นไม้ก็ต้องข้ามศพพวกเราไปก่อน ไม่อย่างนั้นฉันไม่มีทางหลบแน่!”


เจ้าอ้วนน้อยเสยหน้าขึ้นมาทำท่าเหมือนยินดีจะจบชีวิตพร้อมกัน กลุ่มคนโม่ป๋อเฉียงได้ยินแล้วมึนไปชั่วขณะ แค่ตัดต้นไม้เท่านั้นเอง เด็กสองคนนี้สมองถูกกระทบกระเทือนมาหรือไงกัน ?


โม่ป๋อเฉียงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “หมิงซุ่น พวกเขาคือแขกบ้านของเธองั้นเหรอ เธอรีบพาพวกเขากลับบ้านไปซะ อย่ามาทำให้ฉันเสียเวลาเลย !”


“ไม่กลับ เราจะปกป้องต้นไม้!” สยงมู่มู่กับอู่เชาตอบเป็นเสียงเดียวกัน


เหมยเหมยเองก็รู้สึกเสียดายต้นไม้ใหญ่เหล่านี้ โตได้ขนาดนี้สงสัยต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายสิบปี มันไม่ง่ายเลยจริงๆ จู่ ๆ จะตัดก็ตัดเลย  ไม่มีใครเสียดายบ้างหรืออย่างไรกัน !


อีกอย่างเธอรู้จักต้นไม้พวกนี้ เป็นต้นพีแคนอันโด่งดังนั่นเอง ทั้งยังออกดอกแล้วด้วย รออีกไม่กี่เดือนก็มีผลผลิตออกมาแล้ว หากตัดแต่ตอนนี้คงไม่คุ้มมั้ง!


“ต้นพีแคนใกล้ออกผลแล้ว ทำไมพวกลุงต้องตัดทิ้งด้วยคะ?” เหมยเหมยถาม


โม่ป๋อเฉียงยิ้มอย่างขมขื่นถอนหายใจพลางพูดขึ้นว่า “เก็บเกี่ยวผลแล้วมีประโยชน์อะไร ขายก็ไม่ออก เก็บไว้ที่บ้านจนเน่าก็ไม่มีใครเอา ต้นไม้พวกเป็นได้แค่ฟืนไว้ใช้ สู้ตัดไปแล้วปลูกต้นหม่อนยังดีกว่า ตอนนี้ไหมขายดี คนต่างชาติชอบ ขายได้ราคาดี”


เหมยเหมยก็เริ่มฉุกคิดได้ว่าชาติที่แล้วของว่างประเภทที่ทำจากพีแคนราคาแพง แต่นั่นก็เป็นเรื่องปลายยุคเก้าศูนย์แล้ว เหมือนลูกจันทร์เทศที่ยุคแปดศูนย์นั้นเป็นที่นิยม ขายไม่ได้ราคาเป็นเรื่องปกติ


มิน่าโม่ป๋อเฉียงถึงจะตัดต้นไม้พวกนี้ทิ้ง ในสายตาของชาวบ้านต้นไม้ที่เปลี่ยนเป็นเงินไม่ได้ก็มีค่าเท่ากับฟืน ไม่ตัดทิ้งมาใช้เป็นฟืนแล้วจะใช้ประโยชน์อะไรได้อีก?


ปัญหาคือต่อให้ผ่านไปอีกเจ็ดถึงแปดปีต้นพีแคนกับต้นหม่อนจะราคาตกเพราะคนปลูกมีมากเกินไป ทำให้ใบหม่อนล้นตลาดเลยขายไม่ได้ราคาดี เมื่อนั้นกลุ่มชาวบ้านที่แห่กันไปปลูกต้นหม่อนต่างก็ขาดทุนกลับมา กลับเป็นต้นพีแคนที่เริ่มมีแนวโน้มไปในทางที่ดี ราคาก็สูงขึ้นเรื่อยๆ


เหมยเหมยจำได้ว่าชาติที่แล้วมีครอบครัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ชั้นล่างบ้านเธอ เนื่องด้วยที่บ้านปลูกต้นพีแคนไว้หลายสิบต้น จึงมีเงินเข้าบัญชีนับแสนสองแสนทุกปี  จนได้ซื้อบ้านที่เมืองจิน  ชีวิตดีอย่าบอกใครเชียว!


“คุณลุงฟังหนูนะ อนาคตต้นพีแคนจะสร้างรายได้ให้ลุง ถ้าลุงตัดมันตอนนี้ อนาคตลุงต้องเสียใจแน่ๆ!” เหมยเหมยพูดเกลี้ยกล่อม


โม่ป๋อเฉียงระเบิดเสียงหัวเราะ ไม่เชื่อคำพูดของเหมยเหมยแต่อย่างใด เด็กสาวในเมืองจะไปรู้เรื่องอะไร เธอก็พวกเดียวกับเด็กหนุ่มสองคนนั้นแหละ จงใจโกหกไม่ให้เขาตัดต้นไม้อยู่ต่างหาก!


…………………


ตอนที่ 696 สมองพวกเขามีปัญหา


โม่ป๋อเฉียงไม่ฟังคำโน้มน้าวอะไรทั้งสิ้นยืนยันจะตัดต้นไม้ท่าเดียว ที่บ้านยังมีคนแก่และเด็กมากมายรอกินข้าวอยู่ เขาไม่มีเวลาว่างมากพอมาต่อล้อต่อเถียงกับเด็กในเมือง เดินตรงดิ่งไปกระชากสยงมู่มู่กับเจ้าอ้วนน้อยลงมาอย่างง่ายดาย


“หมิงซุ่น พาแขกกลับบ้านไปซะ !”


โม่ป๋อเฉียงโบกมือให้ชาวบ้านที่ยืนอยู่ด้านหลังแบ่งออกเป็นสองคนต่อหนึ่งกลุ่มเตรียมเลื่อยต้นไม้ เจ้าอ้วนน้อยมองอย่างปวดใจ โถมตัวเข้าไปอย่างไม่กลัวตาย ใช้แรงกระชากโม่ป๋อเฉียงพลางน้ำตาคลอเบ้า


“ขอร้องล่ะอย่าตัดเลย พวกมันเจ็บนะ ผมจะเอาเงินค่าขนมให้พวกคุณหมดเลย อย่าตัดเลย!”


เจ้าอ้วนน้อยล้วงกระเป๋าเสื้อทีปรากฏว่าล้วงได้ธนบัตรหน่วยสตางค์ที่ยับยู่ยี่กำหนึ่ง เป็นเงินค่าขนมที่เขาเก็บหอมรอมริบมาตลอดหนึ่งเทอม เงินทองทั้งหมดของเขาที่พกติดตัวน่าจะมีสักสี่ถึงห้าหยวนได้


“เงินของฉันก็ด้วย เจ้าอ้วนหยุดร้องไห้ได้แล้ว น่าอายจะตายชัก!”


สยงมู่มู่เองก็ล้วงเงินที่พกติดตัวของตนออกมาด้วยเช่นกันซึ่งมีมากกว่าเจ้าอ้วนเยอะ คงมีราวๆ สิบกว่าหยวน เขาพับเงินธนบัตรที่มีทั้งหมดยัดใส่มือโม่ป๋อเฉียงแล้วหันไปตบเจ้าอ้วนป๊าบหนึ่งอย่างนึกรังเกียจ


ลูกผู้ชายเสียเลือดห้ามเสียน้ำตา โดยเฉพาะต่อหน้าคนอื่น ร้องไห้ได้น่าเกลียดขนาดนี้ ขายหน้าบรรพบุรุษหมด!


เจ้าอ้วนเช็ดน้ำตาพลางพูดเสียงสะอึกสะอื้นว่า “ฉันรู้สึกแย่เลยทนไม่ได้!”


โม่ป๋อเฉียงมองเงินในมืออย่างทำตัวไม่ถูก นี่มันเรื่องอะไรกัน แต่เด็กที่มาจากเมืองสองคนนี้มีเงินจริงๆ น่าจะมีสักสิบกว่าหยวนได้!


“หมิงซุ่นเธอรีบเอาเงินไปแล้วพาแขกกลับไปด้วย แขกของเธอสมองไม่มีปัญหาแน่นะ? แค่ตัดต้นไม้เอง ทำไมร้องไห้เหมือนพ่อแม่ตายเลย ?”


โม่ป๋อเฉียงยัดเงินคืนให้เหยียนหมิงซุ่นอย่างอาวรณ์ เขาจะรับเงินของเด็กสองคนนี้ไม่ได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นขี้ปากชาวบ้าน


“พี่หมิงซุ่น พี่บอกพวกเขาอย่าตัดต้นไม้เลย ถ้าเงินไม่พอจากนี้ไปผมจะเอาเงินค่าขนมของผมให้พวกเขาทั้งหมด ฮือ ผมรู้สึกแย่ สู้ให้พวกเขามาตัดแขนผมดีกว่า!”


น้ำตาเจ้าอ้วนตัวน้อยที่หยุดไหลไปแล้วพรั่งพรูออกมาอีกครั้ง มองเหยียนหมิงซุ่นอย่างเว้าวอน หวังว่าเขาจะช่วยอ้อนวอนให้ไว้ชีวิตต้นไม้ได้


สยงมู่มู่พูดอย่างขุ่นเคือง “ถ้าพวกคุณจะตัดต้นไม้อยู่อีกผมจะโทรหากรมป่าไม้ว่าพวกคุณตัดไม้ทำลายป่า ถึงตอนนั้นพวกคุณต้องโดนปรับแน่ !”


“หุบปาก นี่ต้นไม้ที่คนเขาปลูกกันเองบนภูเขา นายจะโทรหากรมป่าไม้ทำซากอะไร ไสหัวไปอยู่เงียบๆซะ !”


เหยียนหมิงซุ่นตำหนิด้วยใบหน้าเย็นยะเยือก แม้สยงมู่มู่จะไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าท้วงอะไร ได้แต่นั่งยอง ๆ อยู่ข้างเจ้าอ้วนตัวน้อย อย่างไรเสียเขาก็คิดไว้แล้วว่าถ้าคนพวกนี้กล้าตัดต้นไม้อีก เขาจะโทรหากรมป่าไม้


ต้นไม้ของบ้านตัวเองแล้วอย่างไร ทำลายไม่ได้อยู่ดี!


“พี่ป๋อเฉียงอย่าถือสาเด็กเลย พวกเขาไม่รู้เรื่องอะไรก็พูดจาเหลวไหลไปอย่างนั้น”


เหยียนหมิงซุ่นพูดจาไกล่เกลี่ยได้ไม่กี่ประโยค  โม่ป๋อเฉียงก็มีสีหน้าดีขึ้น มั่นใจแล้วว่าสยงมู่มู่กับอู่เชาต้องผิดปกติแน่นอน หน้าตาก็ดูดีนะแต่กลับมีปัญหาที่สมอง น่าเสียดายจริง ๆ


เหมยเหมยดึงที่แขนเสื้อเหยียนหมิงซุ่น แล้วพูดด้วยเสียงอันเบาว่า “พี่หมิงซุ่น เราซื้อต้นไม้พวกนี้ไว้เถอะ ได้มั้ย?”


ในเมื่อคนพวกนี้ยืนกรานจะตัดต้นไม้ ถ้าอย่างนั้นก็ซื้อมันไว้ วันหลังทั้งช่วยหาเงินได้แล้วยังช่วยชีวิตต้นไม้เหล่านี้อีกด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว


เหยียนหมิงซุ่นก้มหน้ายิ้มปลอบประโลมเธอ “วางใจได้ ให้ฉันจัดการเองเถอะ”


เขาล้วงธนบัตรใบใหม่เอี่ยมสองใบยัดใส่มือโม่ป๋อเฉียงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “พี่ป๋อเฉียงพูดไม่ผิด สองคนนั้นไม่ค่อยปกติเท่าไหร่เลยเจอเรื่องกระทบกระเทือนใจมากไม่ได้ วันนี้ต้องขอโทษด้วยจริงๆ เงินยี่สิบหยวนนี้พี่ป๋อเฉียงเอาไปซื้อเหล้าซื้อเนื้อนะ ไว้ค่อยมาตัดต้นไม้วันหลังได้มั้ย?”


เหยียนหมิงซุ่นพูดภาษาถิ่นของที่นี่ซึ่งไม่ต่างจากภาษาเมืองจินเท่าไร แต่เหยียนหมิงซุ่นพูดเร็วกว่าปกติอยู่มากโขทำให้เหมยเหมยกับอู่เชาฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสยงมู่มู่ เขาพูดภาษาเมืองจินไม่ได้ด้วยซ้ำไป


……………………


ตอนที่ 697 ซื้อต้นไม้


ในยุคนี้เงินยี่สิบหยวนนับว่าเป็นเงินที่มีค่ามหาศาล โดยเฉพาะกับหมู่บ้านชนบทที่ล้วนปลูกผักปลูกข้าวทานเอง ปกติใช้ซื้อแค่น้ำมันเครื่องปรุงอาหารต่างๆ ดังนั้นเงินยี่สิบหยวนจึงใช้ได้หลายเดือน


โม่ป๋อเฉียงมองเงินยี่สิบหยวนอย่างลังเล เขาต้องยินดีกับข้อเสนอของเหยียนหมิงซุ่นอย่างเต็มใจอยู่แล้ว  แต่แค่รู้สึกเกรงใจ ไม่ว่าอย่างไรก็คนหมู่บ้านเดียวกัน รับเงินก้อนโตมาอย่างนี้มันน่าลำบากใจ !


“ฉันก็ว่าเด็กสองคนนี้แปลกๆ ชิ…เวรกรรมจริงๆ ก็ได้ วันนี้ฉันไม่ตัดต้นไม้แล้ว รอแขกบ้านเธอกลับไปค่อยมาตัดก็ได้ เธอให้เงินฉันสิบหยวนก็พอ ไว้ฉันจะเอาไปเลี้ยงข้าวเลี้ยงเหล้าพวกเขา”


โม่ป๋อเฉียงไม่กล้ารับเงินยี่สิบหยวนจึงหยิบมาเพียงใบเดียว เหยียนหมิงซุ่นกลับยัดเงินทั้งสองใบให้เขา ไม่รู้ว่าเขากระซิบกระซาบอะไรกัน  โม่ป๋อเฉียงถึงยอมรับไว้ พาคนทั้งกลุ่มเดินจากไปอย่างมีความสุข ขณะเดินผ่านพวกสยงมู่มู่ยังส่ายศีรษะถอนหายใจไปพลาง คนอื่นๆ ก็มีท่าทีไม่ต่างกัน


สยงมู่มู่เห็นว่าในที่สุดก็รักษาต้นไม้ไว้ได้จึงดีใจยกใหญ่ ขณะเดียวกันก็แปลกใจเช่นกันจึงถามเหยียนหมิงซุ่นว่า “คนพวกนั้นส่ายหัวถอนหายใจใส่เราทำไม? เป็นบ้าหรือไง!”


เหยียนหมิงซุ่นไม่สนใจเขา ตอบกลับด้วยเสียงบางเบาว่า “ลงเขาเถอะ จะไปมั้ย?”


พูดจบก็ยัดเศษเงินในมือใส่อ้อมแขนเจ้าอ้วน คร้านจะสนใจพวกเขาต่อเลยจูงเหมยเหมยเดินกลับไปเอาหน่อไม้และจอบเพื่อเตรียมลงจากเขา


สยงมู่มู่รีบเอาเงินตัวเองคืนจากอ้อมแขนเจ้าอ้วน ตบก้นปุๆ แล้ววิ่งตามไป อู่เชานับเงินของเขาพักหนึ่งก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อยแล้วรีบวิ่งตามไป “สยงมู่มู่ นายเอาเงินฉันเกินไปยี่สิบสตางค์ รีบคืนฉันมานะ!”


“เหลวไหล นี่ฉันเป็นถึงอัจฉริยะ จะนับเงินผิดได้ยังไง!”


“ก็มันผิดจริงๆ ฉันมีเงินทั้งหมดห้าหยวนกับอีกสี่สิบสตางค์ ตอนนี้มีแค่ห้าหยวนยี่สิบสตางค์ ถ้าไม่ใช่นายเอาผิดไปมันจะน้อยลงได้ยังไง?”


“ไม่มีทาง ฉันมีเงินทั้งหมดสิบเอ็ดหยวนยี่สิบสตางค์ นายเบิกตาดูให้ดี เอ่อ ติดมือมา ใครใช้ให้เงินของนายยับยู่ยี่ขนาดนั้นล่ะ มันเลยติดมากับมือฉันเอง”


สยบมู่มู่รีบคืนเงินยี่สิบสตางค์ที่เกินมาให้เจ้าอ้วนน้อยไปพลางลูบจมูกปอย ๆ อย่างรู้สึกผิด ไม่กล้าแค่นเสียงใส่อีก


“หึ โง่เองแล้วยังมีหน้ามาโทษเงินของฉัน!”


อู่เชาเก็บเงินห้าหยวนสี่สิบสตางค์ไว้อย่างดีแล้วรีบวิ่งตามหลังพวกเหมยเหมยไปติดๆ วันนี้เขาช่วยชีวิตต้นไม้ไว้หลายสิบต้น อารมณ์ดีชะมัด!


เหมยเหมยพูดขึ้นอีกว่า “พี่หมิงซุ่น เราซื้อต้นพีแคนเมื่อกี้ไว้กันเถอะ โตขนาดนั้นแล้วตัดไปน่าเสียดายออก !”


เธอไม่ได้บอกไปว่าต้นพีแคนจะกลายเป็นต้นเงินต้นทองในอนาคต พูดเรื่องนี้ไปตอนนี้ก็ไม่มีใครเชื่อ อ้อนเหยียนหมิงซุ่นแทนยังมีผลเสียกว่า เหยียนหมิงซุ่นต้องช่วยเธอแน่ๆ


“ได้ ฉันจะลองหาทางดู”


เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ปฏิเสธอย่างที่คิดไว้ แค่ต้นไม้ที่ไร้ค่าเท่านั้นเอง ในเมื่อเหมยเหมยสงสารมันล่ะก็  ถ้าอย่างนั้นก็ใช้เงินซื้อมันเสีย ในอดีตมีแต่บุรุษใช้เงินนับพันชั่งเพื่อแลกกับรอยยิ้มเดียวของหญิงงาม ตอนนี้กับแค่ต้นไม้ไม่กี่ต้น เขาต้องยอมจ่ายเงินนี้ได้


“พี่หมิงซุ่นดีจังเลย!” เหมยเหมยยิ้มอย่างดีใจ


เย็นนี้เหยียนหมิงซุ่นลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง ทั้งผัดหน่อไม้ใส่หมู ต้มหน่อไม้ใส่เนื้อชิ้น รสชาติเยี่ยมยอดสดใหม่หาใครเทียมไม่ได้ เหมยเหมยดื่มน้ำซุปไปสองถ้วยติดจนอิ่มแปร้


โม่จื้อหย่วนปรายตามองสยงมู่มู่และอู่เชาอย่างสงสัยอยู่หลายหน อ่ำอึ้งเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง  จนสุดท้ายทนไม่ไหวจึงยื่นหน้ามากระซิบถามเหยียนหมิงซุ่นว่า “เพื่อนสองคนของเธอไม่ปกติจริงๆ เหรอ? ทำไมฉันดูแล้วไม่เหมือนเลยล่ะ?”


ในหมู่บ้านชนบทเล็ก ๆ ไม่มีอะไรที่เป็นความลับได้หรอก เพิ่งผ่านไปไม่ถึงครึ่งวันเรื่องที่สยงมู่มู่กับเจ้าอ้วนน้อยสติไม่สมประกอบก็รู้กันไปทั่วทั้งหมู่บ้าน คุณตาโม่เองก็ได้ยินมาเช่นกัน


เหยียนหมิงซุ่นไม่แม้แต่จะเชยตามอง ตอบกลับว่า “หลอกพี่ป๋อเฉียงน่ะ ไม่งั้นคงไม่จบง่ายๆ!”


โม่จื้อหย่วนถึงบางอ้อ พูดต่ออย่างปวดใจ “ทำไมเธอให้เงินป๋อเฉียงตั้งยี่สิบหยวนล่ะ? มีเงินเยอะมากหรือไงกัน !”


เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้โต้ตอบบทสนทนานี้ ถามกลับเพียงว่า “ผมอยากซื้อต้นพีแคนของบ้านพี่ป๋อเฉียง พี่ช่วยพูดให้ผมหน่อยสิ ดูว่าต้องทำสัญญาอะไรมั้ย!”


………………….


ตอนที่ 698 เสียเงินร้อยเพื่อรอยยิ้มเดียวของสาวงาม


คนบ้านโม่ไม่เข้าใจความคิดที่จะซื้อต้นพีแคนของเหยียนหมิงซุ่น ต่างเกลี้ยกล่อมไม่ให้เขาทำเรื่องโง่ ๆ


“บ้านเรายังมีต้นพีแคนตั้งยี่สิบกว่าต้นถ้าเธออยากได้ก็จะให้ จะเสียเงินซื้อของคนอื่นทำไม?” คุณลุงโม่ใหญ่ฉีกกระดาษจากปฏิทินมาม้วนเป็นบุหรี่อย่างคล่องมือ เอาเข้าปากแล้วเริ่มสูบเสียงดัง


คุณลุงโม่สองก็พยักหน้าตาม ต้นไม้พวกนั้นไม่มีประโยชน์อะไรมาก อย่าว่าแต่โม่ป๋อเฉียงอยากตัดเลยแม้แต่เขายังอยากตัดไปปลูกต้นชาแทน อย่างน้อยก็ได้เงินหลายสิบหยวนต่อปี


เหยียนหมิงซุ่นไม่มีทางรับต้นไม้ของบ้านโม่อยู่แล้ว จึงตอบกลับว่า “ผมต้องใช้ครับ พี่แค่ช่วยผมไปเจรจา ดูว่าเท่าไหร่พี่ป๋อเฉียงจะยอมขาย”


โม่จื้อหย่วนจำต้องตอบตกลงบอกว่าหลังมื้ออาหารจะไปเจรจาให้ บ้านโม่ป๋อเฉียงอยู่ไม่ห่างจากบ้านโม่เท่าไรนัก เดินไม่กี่นาทีก็ถึง ไม่เกินครึ่งชั่วโมงโม่จื้อหย่วนก็กลับมาถึง


“ป๋อเฉียงเอาหกร้อยแล้วจะขายให้ทั้งภูเขาเลย!” โม่จื้อหย่วนรู้สึกเจ็บใจขณะที่พูดไปด้วย


เมื่อกี้เขาด่าโม่ป๋อเฉียงไปฉาดใหญ่ แค่ภูเขาบ้า ๆนี่ขายตั้งหกร้อยหยวน ทำไมไม่ไปปล้นธนาคารเอาล่ะ!


“หมิงซุ่นเธออย่าทำอะไรโง่ ๆเด็ดขาดเลยนะ เจ้าโม่ป๋อเฉียงไม่ใช่คน มันจงใจหลอกเธอ ภูเขาบ้า ๆนี่ขายตั้งหกร้อยหยวน ให้ตายเถอะ!” โม่จื้อหย่วนยิ่งพูดยิ่งโมโห คิดว่าเขาโง่หรือไง


ความจริงเหมยเหมยอยากบอกว่าถึงตอนนี้เงินหกร้อยหยวนก็นับว่าแพงแล้ว แต่สิบปีหลังจากนี้ต้องได้กำไรคืนมามากกว่าหกร้อยหลายเท่าตัว เป็นการค้าขายที่ได้เปรียบเห็น ๆ!


เหยียนหมิงซุ่นคิด ๆแล้วก็บอกไปว่า “พี่แค่บอกเขาว่าห้าร้อยได้มั้ย ถ้าได้พรุ่งนี้เราก็ไปทำสัญญากันที่ผู้ใหญ่บ้านเลย”


โม่จื้อหย่วนโมโหแทบตาย ลูกพี่ลูกน้องโดนลาถีบหัวมาหรือเปล่า ห้าร้อยหยวนก็แพงอยู่ดี ห้าสิบหยวนเขายังไม่ยอมเสียเงินซื้อด้วยซ้ำ ทั้งโม่จื้อหย่วนกับพวกคุณลุงต่างเกลี้ยกล่อมเขาอยู่พักใหญ่ เหยียนหมิงซุ่นไม่ยอมฟังคำโน้มน้าว เหมยเหมยชอบต้นไม้พวกนี้เขาก็ต้องซื้ออยู่แล้ว แค่ห้าร้อยหยวนเท่านั้นเอง!


เงินห้าร้อยหยวนก็ทำให้เหมยเหมยมีความสุขได้ คุ้มค่ามาก!


คนบ้านโม่ค้านเหยียนหมิงซุ่นไม่สำเร็จจำต้องไปเจรจาให้เขา เดิมทีโม่ป๋อเฉียงไม่ยอมขายในราคาห้าร้อยหยวน พอเขารู้ว่าเด็กที่สมองไม่ปกติจากเมืองกรุงสองคนนั้นอยากซื้อจึงเริ่มคิดแผนการในใจ คิดไว้ว่าคนกรุงมีฐานะ ต้องขายราคาสูง


แต่ภรรยาของเขาเป็นคนใจร้อน พอได้ยินว่าเหยียนหมิงซุ่นยอมจ่ายเงินห้าร้อยหยวนเธอจะไม่ยอมได้อย่างไร ก่นด่าโม่ป๋อเฉียงไปหนึ่งยกก็ตอบตกลงโม่จื้อหย่วนไป


เช้าวันต่อมาหญิงผู้นี้ได้เชิญผู้ใหญ่บ้าน เหรัญญิกรวมถึงผู้อาวุโสผู้มีหน้ามีตาในหมู่บ้านมาทั้งหมด ด้วยความกลัวว่าเรื่องนี้จะจบเห่และหากเงินห้าร้อยหยวนหลุดลอยไป เธอต้องปวดใจอยู่หลายปีแน่!


เหยียนหมิงซุ่นเตรียมเงินห้าร้อยหยวนไว้นานแล้ว พอเช้าตรู่ก็ขับรถแทรกเตอร์ไปซื้อบุหรี่ อผักสดในตลาดหมู่บ้านเพื่อเตรียมต้อนรับพวกผู้ใหญ่บ้าน เหรัญญิกเตรียมสัญญาโอนพลางอ่านเงื่อนไขต่อหน้าทุกคนหนึ่งรอบ เมื่อทั้งสองฝ่ายไม่มีใครคัดค้านก็เตรียมให้เซ็นชื่อรับรอง


เหมยเหมยคิดแล้วกระซิบพูดอยู่หลังเหยียนหมิงซุ่น “พี่หมิงซุ่น พี่บอกเหรัญญิกเพิ่มอีกประโยค บอกว่าอนาคตก็ห้ามเสียใจทีหลัง ห้ามโวยวาย”


โม่ป๋อเฉียงกับภรรยาของเขาดูท่าทางไม่ใช่คนซื่อสัตย์ อนาคตหากสถานการณ์ต้นพีแคนดีขึ้นสองสามีภรรยาคู่นี้ต้องมาหาเรื่องแหง ๆ ถึงจะไม่กลัวแต่ก็ตกลงกันไว้ก่อนดีกว่า


“สบายใจได้ ไม่เสียใจทีหลังแน่นอน!”


ภรรยาโม่ป๋อเฉียงยืนยันเสียงหนักแน่น เธอไม่ได้โง่ แค่ภูเขาธรรมดาลูกหนึ่งขายได้เงินห้าร้อยหยวนก็ขอบคุณฟ้าดินแล้ว ต้องโดนลาเตะหัวสิถึงจะเสียใจทีหลัง!


ชาวบ้านคนอื่นที่มามุงดูเพื่อความสนุก เห็นเงินธนบัตรเป็นปึกใหญ่บนโต๊ะต่างก็ตาลุกวาวทันที!


โอ้พระเจ้า คนเมืองกรุงรวยแท้!


ทุกคนต่างอิจฉาลาภลอยนี้ ทุกคนต่างอิจฉาโม่ป๋อเฉียงที่โชคหล่นทับหัวเสียจริง ลอบคิดในใจว่าเรื่องดี ๆแบบนี้ทำไมไม่เกิดขึ้นกับพวกเขาบ้างนะ!


………………………..


 ตอนที่ 699 ฉันมีเงิน


หนึ่งฝ่ายจ่ายเงินอีกฝ่ายมอบสินค้า เมื่อได้เงินและสินค้ามาอยู่ในมือ ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงป่าต้นพีแคนบนภูเขาของบ้านโม่ป๋อเฉียงก็ตกเป็นของเหยียนหมิงซุ่น สองสามีภรรยาโม่ป๋อเฉียงกอดเงินห้าร้อยหยวนกลับบ้านอย่างพึงพอใจ


มื้อเที่ยงผู้ใหญ่บ้านกับเหรัญญิกทานข้าวที่บ้านโม่ ผู้ใหญ่บ้านอายุราว ๆคุณลุงโม่ใหญ่ ดื่มเหล้าไปไม่กี่อึกก็เริ่มถอนหายใจและพร่ำบ่น


“หมิงซุ่นซื้อต้นไม้พวกนี้ไว้ก็ดี นั่นเป็นของที่บรรพบุรุษสืบทอดไว้ให้เรา คิดจะตัดก็ตัดทิ้งเลยได้อย่างไรกัน!”


ผู้ใหญ่บ้านถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ภายในหมู่บ้านไม่ได้มีเพียงบ้านโม่ป๋อเฉียงที่อยากตัดต้นไม้ วัยรุ่นสมัยนี้ใจร้อนเกินไปเพราะอยากได้เงินตรงหน้า ตาต่ำเห็นแค่ของที่อยู่ใต้เปลือกตาเท่านั้น


ต้นพีแคนเป็นสิ่งที่สืบทอดจากบรรพบุรุษ มันจะไม่มีประโยชน์ได้อย่างไร ตอนนี้ไม่มีประโยชน์ไม่ได้หมายความว่าอนาคตจะเป็นเช่นนั้น ไม่แน่อีกไม่กี่ปีต้นพีแคนอาจสร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำก็เป็นได้!


เหมยเหมยคอยฟังเสียงบ่นของผู้ใหญ่บ้านแล้วแอบทึ่งในใจ สมแล้วที่เป็นผู้เก่งกาจที่แฝงอยู่ในโลกมนุษย์ เธอรู้เพราะมีประสบการณ์จากชาติอดีต แต่ผู้ใหญ่บ้านผู้นี้กลับรู้เห็นอนาคตด้วยตัวเองจริง ๆ


“หมิงซุ่น เธอจะซื้อต้นไม้อีกมั้ย? ถ้าอยากได้ฉันจะติดต่อให้” จู่ ๆ ผู้ใหญ่บ้านก็ถามขึ้น


โม่จื้อหย่วนรีบสวนกลับ “ซื้ออะไรอีก ต้นไม้แพงขนาดนั้นซื้อครั้งเดียวก็พอ ซื้อกลับมามากมายก็กินแทนข้าวไม่ได้ ไม่ต้องซื้อ!”


เหมยเหมยถลึงตาด้วยความโกรธ โม่จื้อหย่วนคนนี้ก็คือคนประเภทตาต่ำเห็นแค่ของที่อยู่ใต้เปลือกตาตามความหมายของผู้ใหญ่บ้าน ป่าไม้บนภูเขาที่ซื้อกลับมาตอนนี้จะกลายเป็นต้นเงินต้นทองในภายภาคหน้าที่ต่อให้ใช้เงินมากเท่าไรก็หาซื้อไม่ได้


เหยียนหมิงซุ่นถามตอบ “มีคนอยากขายอีกหรือครับ?”


ผู้ใหญ่บ้านถอนหายใจอีกเฮือกหนึ่ง “คนในหมู่บ้านอิจฉาที่คนหมู่บ้านอื่นได้เงินจากการเลี้ยงตัวไหม มีหลายบ้านคิดจะตัดต้นไม้แล้วปลูกต้นหม่อนแทน ฉันพูดยังไงพวกเขาก็ไม่ฟัง แถมยังบอกว่าฉันขัดขวางเส้นทางเป็นเศรษฐีของพวกเขา เฮ้อ ฉันก็จนปัญญาแล้ว หมิงซุ่นถ้าเธอยังมีเงินก็ซื้อต้นไม้พวกนี้ไว้เถอะ ฉันรู้สึกไม่ดีเลยที่เห็นต้นไม้พวกนี้ถูกตัดไป! ”


ผู้ใหญ่บ้านว่าแล้วก็เริ่มปาดน้ำตา พรูลมหายใจเฮือกใหญ่


สยงมู่มู่โวยขึ้นโดยไม่ต้องคิด “ซื้อสิ ต้องซื้อ จะให้คนพวกนั้นตัดต้นไม้ไม่ได้!”


เจ้าอ้วนน้อยก็พยักหน้าตามรัว ๆ เขารู้สึกแย่ยิ่งกว่าผู้ใหญ่บ้านเสียอีก เขาเป็นคนที่เห็นต้นไม้ใบหญ้าหรือสัตว์เล็กถูกรังแกไม่ได้ แม้แต่ในละครก็ไม่ได้ แค่เห็นก็พาลน้ำตาจะไหลแถมยังรู้สึกอัดอั้นตันใจ


แม่ของเขาชอบล้อเขาว่ามีกายเป็นชายแต่ดันมีหัวใจเป็นหญิง!


โม่จื้อหย่วนตะคอกใส่พวกเขาด้วยความโมโห “เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าพูดเหลวไหล ซื้อซื้อซื้อ พวกเธอออกเงินหรือไง? ไม่รู้จักโตสักที!”


สยงมู่มู่ชี้ไปที่เหมยเหมย “น้องสาวผมมีเงิน ให้น้องสาวผมซื้อ!”


เหยียนหมิงซุ่นตวัดหางตามองสยงมู่มู่ก็ปิดปากทันทีไม่กล้าออกเสียงอีก ไม่รู้ทำไมเขาไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน แต่เห็นเหยียนหมิงซุ่นกลับขี้ขลาดเสียอย่างนั้น เกลียดตัวเองจะตายอยู่แล้ว!


ไม่ได้เรื่องเลย!


พอเหมยเหมยได้ยินว่ามีคนคิดจะขายต้นไม้อีกมากมายก็อดดีใจไม่ได้ มองตาแป๋วไปหาเหยียนหมิงซุ่นที่เห็นสายตาเธอก็รู้ได้ทันทีว่ายายเด็กคนนี้คิดจะซื้ออีกแล้ว


แม้ไม่รู้ว่าเหมยเหมยจะซื้อภูเขาไว้ทำไมมากมายแต่เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ถามต่อ ในเมื่อเหมยเหมยชอบก็ซื้อเถอะ ถึงตอนนั้นมาสร้างบ้านไม้หลังเล็กบนภูเขา เวลาว่างมาพักผ่อนบนภูเขาก็รู้สึกดีไปอีกแบบ


“ผมเอา แต่เรื่องราคาคงต้องวานคุณลุงช่วยเจรจาอีกที แพงไปเราคงจ่ายไม่ไหว” เหยียนหมิงซุ่นยิ้มตอบ


ผู้ใหญ่บ้านยิ้มร่า พยักหน้าให้รัว ๆ “ไว้ใจได้ ฉันจะไปคุยให้เดี๋ยวนี้เลย แต่หมิงซุ่นเธอมีเงินเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”


เงินตั้งหลายพันเชียวนา เจ้าเด็กเหยียนหมิงซุ่นเอาเงินมาจากไหนมากมาย?


เหยียนหมิงซุ่นชี้ไปที่เหมยเหมย “ผมไม่มีอยู่แล้ว แต่เพื่อนผมมี ภูเขาพวกนี้เธอเป็นคนอยากได้เอง ผู้ใหญ่บ้านไม่ต้องกังวลว่าเราจะไม่มีเงินจ่าย”


เหมยเหมยยืดอกโต้กลับอย่างมั่นใจ “ใช่ บ้านหนูมีเงินเยอะ เงินแค่ไม่กี่พันเอง ไม่พอหนูซื้อเปียโนด้วยซ้ำ!”


………………………


ตอนที่ 700 ปมในใจจากเคเอฟซี


ผู้ใหญ่บ้านกับคนตระกูลโม่ได้ยินแล้วพูดไม่ออก เงินไม่กี่พันยังซื้อเปียโนไม่ได้ เปียโนนี่ทำจากทองหรืออย่างไรถึงได้ขายแพงขนาดนี้!


ฝีมือการแสดงของเหมยเหมยถือว่าใช้ได้ทีเดียว  ถือเป็นการแสดงบทบาทคุณหนูเอาแต่ใจจากตระกูลร่ำรวยได้อย่างยอดเยี่ยม ผู้ใหญ่บ้านจะไม่เชื่อได้อย่างไร รีบวิ่งแจ้นไปติดต่อทันที


ช่วงบ่ายบ้านตระกูลโม่แออัดไปด้วยชาวบ้านที่อยากมาขายภูเขา ชาวบ้านเหล่านี้อิจฉาตาร้อนกันตั้งแต่ช่วงสายแล้ว ต่างคิดกันว่าจะไปถามบ้านโม่ว่าอยากซื้อภูเขาอีกไหม คาดไม่ถึงว่าผู้ใหญ่บ้านก็จะเอากับเขาด้วย จึงรีบตอบตกลงอย่างไม่ลังเลแล้วเร่งฝีเท้ามาที่บ้านโม่


ความจริงราคาไม่ได้ถูกไปกว่ากันเท่าไรนัก พอๆ กับบ้านโม่ป๋อเฉียง เหยียนหมิงซุ่นคร้านจะคิดเล็กคิดน้อยกับเงินแค่นี้ อย่างไรเสียก็คนหมู่บ้านเดียวกันแถมส่วนใหญ่ยังเป็นผู้อาวุโสรุ่นลุงของเขาอีกต่างหาก ถือว่าให้เป็นกำไรแก่ชาวบ้านพวกนี้แล้วกัน!


น่าจะได้ภูเขามาสักสิบลูกได้อีกทั้งยังมีเนื้อที่กว้างขวาง และด้วยความที่เนื้อที่กว้างใหญ่ชาวบ้านพวกนี้ถึงรู้สึกแย่ที่ไม่มีรายได้จากตรงส่วนนี้ คิดไปคิดมาก็ช่างมันเถอะ แค่ภูเขาลูกเล็กต้นไม้ไม่กี่ต้นเท่านั้น ปล่อยช่างมันไปเถอะ


ภูเขาทั้งหมดตกอยู่ในภายใต้ชื่อเหยียนหมิงซุ่น ทำให้คนบ้านโม่รู้สึกไม่ค่อยดีนัก  ในเมื่อเงินมาจากเด็กสาวทั้งนั้น ไม่เขียนชื่อของเด็กสาวคงไม่สมเหตุสมผล คุณตาโม่จึงเรียกเหยียนหมิงซุ่นไปคุยไม่กี่ประโยคแต่เหยียนหมิงซุ่นกลับตอบเพียงประโยคเดียวว่า


“ผมกับเหมยเหมยไม่ต้องแยกกันชัดเจนขนาดนั้นก็ได้ครับ ยังไงวันหน้าก็ต้องรวมกันอยู่ดี!”


ประโยคเดียวทำเอาคุณตาโม่ใบ้กินพูดอะไรไม่ออก ลูกหลานย่อมมีบุญวาสนาของลูกหลานเอง ตาแก่อย่างเขาไปยุ่งอะไรไม่ได้แล้ว!


สยงมู่มู่กลับไม่เห็นด้วย กระชากเหมยเหมยไปกระซิบกระซาบที่หลังบ้าน “เหยียนหมิงซุ่นกำลังคิดเอาเปรียบเธออย่างน่าไม่อาย เงินพวกนี้ของเธอนะ ทำไมไม่เขียนชื่อของเธอ? เรื่องนี้จะทำแบบนี้ไม่ได้!”


เหมยเหมยที่ซาบซึ้งใจหน่อยๆ ตัดสินใจบอกความจริงไป “ไม่ใช่เงินของฉัน เป็นของพี่หมิงซุ่น เขาไม่อยากให้คนในหมู่บ้านรู้ว่าเขามีเงินถึงได้บอกว่าเป็นเงินของฉัน”


สยงมู่มู่เบิกตาโต พูดด้วยเสียงตกตะลึงว่า “เหยียนหมิงซุ่นเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ? เขาไปปล้นธนาคารมาเหรอ?”


“นายสิปล้นธนาคารมา พี่หมิงซุ่นสุดยอดจะตายไป หาเงินเองได้ตั้งนานแล้ว จะเหมือนใครบางคนที่โตป่านนี้แล้วยังแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่เลย แล้วยังคุยโม้ไปวันๆ ว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะหนึ่งเดียวในโลก”


เหมยเหมยพูดชมเหยียนหมิงซุ่นไประลอกหนึ่งแล้วพูดกระแนะกระแหนใครบางคนไปด้วย สยงมู่มู่เริ่มทำหน้าตาบูดบึ้งแต่กลับเถียงไม่ได้ เขาโตป่านนี้แล้วแต่ยังแบมือขอเงินพ่อแม่ไม่มีผิด เมื่อก่อนคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรให้ต้องรู้สึกเขินอาย ทว่าตอนนี้กลับถูกเปรียบเทียบกับเหยียนหมิงซุ่นจนกลายเป็นเศษขี้เลื่อยแทบหาที่ยืนไม่ได้


“ก็แค่หาเงินไม่ใช่หรือไง คนอย่างพี่หาได้สบายๆ อยู่แล้ว เรื่องแค่นี้เอง!”


สยงมู่มู่ไม่ยอมแพ้ แพ้ได้แต่ห้ามเสียหน้า ต่อหน้ายายนี่จะเสียหน้าไม่ได้เด็ดขาด


เหมยเหมยกลอกตาใส่เขาแวบหนึ่ง แล้วจงใจพูดจาถากถางใส่เขาว่า “อย่าเก่งแต่ปาก ลองหาเงินได้สักร้อยหนึ่งค่อยมาพูด แค่พูดใครพูดไม่เป็นบ้าง!”


“เธอรอดูเลยนะ พี่เป็นถึงอัจฉริยะ เงินหนึ่งร้อยแค่แป๊บเดียวก็หาได้ เชอะ!”


“งั้นฉันจะรอ เงินหนึ่งร้อยนายมาเลี้ยงเคเอฟซีฉันนะ!”


เหมยเหมยตัดสินใจการใช้เงินหนึ่งร้อยนี้อย่างมีความสุข เมื่อปีที่แล้วมีเคเอฟซีมาเปิดเป็นร้านแรกในเมืองหลวงของประเทศจีน แม้มีเมนูอาหารที่ไม่หลากหลายแต่รสชาติอร่อยเหาะ เหมยเหมยต้องไปทานทุกครั้งเมื่อไปเมืองหลวง


เมืองจินต้องรอปีหน้าถึงจะมีเคเอฟซี ตั้งอยู่ที่ร้านอาหารตงเฟิง เธอจำได้ว่าช่วงวัยเด็กเหอปี้อวิ๋นมักพาอู่เยวี่ยไปทานที่นั่นอยู่บ่อยครั้ง  โดยที่เธอไม่เคยได้ทานเลยสักครั้งเดียว ทุกครั้งที่อู่เยวี่ยทานเสร็จก็จะกลับมาจะโอ้อวดต่อหน้าเธอเหมือนจงใจ


เคเอฟซีจึงกลายเป็นปมในใจในสมัยวัยเยาว์ทั้งสองชาติของเธอ ไม่ว่าจะอดีตชาติหรือชาตินี้เธอก็โปรดปรานมันมาก ต่อให้ทานเท่าไรก็ไม่เบื่อ!


……………………


 ตอนที่ 701 รักเขาก็ต้องรักของเขาด้วย


อยู่หมู่บ้านโม่สามวันพวกเขาถึงเตรียมตัวกลับเมืองจิน สยงมู่มู่กับอู่เชาต่างอาลัยอาวรณ์ไม่อยากกลับ คาดว่าให้พวกเขาพักที่นี่อีกหนึ่งเดือนก็ไม่มีปัญหา เด็กเมืองกรุงเห็นอะไรในชนบทก็แปลกตา ราวกับคนที่เพิ่งเคยได้เปิดหูเปิดตา


คุณยายโม่ถือคติว่าหากรักเขาก็ต้องรักของเขาด้วย หากหลานรักใครชอบใครเธอก็จะชอบไปด้วย  ดังนั้นจึงปฏิบัติกับเหมยเหมยเป็นอย่างดี พอรู้ว่าพวกเขาจะกลับยังอุตส่าห์บดแป้งจากข้าวหนึ่งถังและต้มถั่วแดงเละๆ หนึ่งหม้อเพื่อทำขนมข้าวถั่วแดงกับคุณป้าสะใภ้ใหญ่ข้ามคืน


ของว่างชนิดนี้ไม่ใช่ของว่างขึ้นชื่อของหมู่บ้านโม่แต่อย่างใด  แต่เป็นของดีประจำบ้านเกิดของคุณยายโม่และคุณป้าสะใภ้ใหญ่ หรือบ้านเกิดของหนึ่งในสี่สาวงามซีซือ สถานที่ขึ้นชื่อเรื่องสาวงาม มีของกินเล่นขึ้นชื่อมากมาย  ขนมข้าวถั่วแดงก็เป็นหนึ่งในนั้น


หนึ่งสัปดาห์ก่อนถึงงานเทศกาลผีหรือวันสารทจีนทุกปี คนในพื้นที่จะบดข้าวและต้มถั่วแดงเพื่อทำขนมข้าวถั่วแดงแสนอร่อยไว้เซ่นไหว้บรรพบุรุษ และเป็นของฝากประจำเทศกาลไว้สำหรับบรรดาญาติมิตร แต่ภายหลังเริ่มกลายเป็นของว่างอันเป็นเอกลักษณ์ที่มีคนทำทุกฤดูกาลตลอดทั้งปี หาซื้อได้แม้แต่กับร้านอาหารเช้า


แต่ยุคสมัยนี้ขนมข้าวถั่วแดงกลับเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากไปแล้ว  โดยปกติเป็นคนทั้งครอบครัว ช่วยกันนึ่ง หนึ่งคนก่อไฟ หนึ่งคนนึ่งขนม รองผ้ากรองไว้บนตะกร้าไผ่ก่อนจะเทแป้งลงหนึ่งช้อนเพื่อนึ่งเป็นแผ่นแป้งด้วยไฟแรงสูง ก่อนจะเทถั่วแดงที่ต้มเละชั้นหนาๆ แล้วนึ่งอีกสักพัก จากนั้นเทแป้งลงอีกหนึ่งช้อน แล้วค่อยใช้ไฟแรงนึ่งจนสุกถ้วนดี เท่านี้ก็เอาออกจากหม้อได้


ขนมที่สำเร็จแล้วมีขนาดเทียบเท่ากะละมังล้างหน้าที่มีความหนาขนาดหนึ่งนิ้ว ชั้นบนชั้นล่างถูกห่อหุ้มด้วยแผ่นแป้งจากข้าวสีขาวเนียน ตรงกลางเป็นถั่วแดงสีเข้ม กัดลงไปให้ความรู้สึกเหนียวหนึบ รสชาติหวานและถั่วแดงเนื้อหยาบ รสชาติดีมากจริงๆ


คุณยายโม่นึ่งอยู่ประมาณยี่สิบกว่าชิ้น วุ่นอยู่ในครัวถึงกลางดึก อาหารเช้าก็คือขนมข้าวถั่วแดง สยงมู่มู่กับอู่เชาทานไปคนละสองชิ้นถ้วน ระหว่างทางกลับปล่อยเรอออกมาไม่หยุด


เหมยเหมยที่รู้สึกเกรงอกเกรงใจสบโอกาสที่ทุกคนไม่สนใจหยดน้ำยาวิเศษลงในน้ำที่คุณยายโม่ดื่มสามหยด หวังว่าคุณยายจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างสุขสบาย


เพราะคุณยายดีกับเหยียนหมิงซุ่น เธอถึงยอมทำดีกับคุณยาย


คุณยายโม่เหลือไว้ให้ครอบครัวตัวเองเพียงไม่กี่ชิ้น ให้พวกเหมยเหมยพกส่วนที่เหลือกลับไปสิบกว่าชิ้นจนเต็มตะกร้าอย่างหนักอึ้ง เปรียบดั่งความรักที่คุณยายมีต่อเหยียนหมิงซุ่น


คุณยายส่งพวกเขาขึ้นรถแทรกเตอร์ด้วยดวงตาแดงก่ำ เหยียนหมิงซุ่นเองก็ตาแดงบ้างเล็กน้อยเพราะกลับไปครั้งนี้เขาจะไม่ได้กลับมาอีกสักพักใหญ่


คุณตาคุณยายอายุมากแล้ว โอกาสที่ได้พบเจอกันน้อยลงทุกที!


เหมยเหมยกระซิบปลอบเขาข้างหู “พี่หมิงซุ่นอย่าเศร้าไป คุณตาคุณยายพี่อายุยืนนับร้อยปีแน่ๆ”


เหยียนหมิงซุ่นยิ้มแต่ไม่ได้เก็บมาคิดมาก คิดว่าเหมยเหมยแค่พูดเป็นมงคลเท่านั้น


เหมยเหมยเองก็ไม่ได้พูดพร่ำเพรื่อ  ในเมื่อความจริงมักเห็นผลกว่าการถกเถียง รออนาคตคุณตาโม่กับคุณยายโม่อายุร้อยปี เหยียนหมิงซุ่นไม่เชื่อคงไม่ได้


เหมยเหมยที่กลับถึงบ้านถูกจ้าวเสวียหลินด่ากราดใหญ่อย่างเดือดพล่าน “พี่บอกกับเธอว่าไง ให้เธอนอนคืนเดียวก็กลับมา แต่เธอไปอยู่ตั้งสามวัน นี่สนุกจนลืมไปเลยหรือไง!”


เหมยเหมยรู้ตัวดีว่าเป็นฝ่ายผิดจึงไม่เถียงกลับแม้แต่คำเดียว ปล่อยให้เขาด่าไป จ้าวเสวียหลินด่าไปไม่กี่ประโยคก็ทำใจด่าไม่ลง แต่ไฟโทสะต้องหาที่ระบายใช่ไหมล่ะ สยงมู่มู่กับอู่เชาซวยล่ะสิ


จ้าวเสวียหลินด่าพวกเขาทางโทรศัพท์จนสองคนเริ่มสงสัยในตัวเอง ไม่กล้าปริเสียงให้ได้ยินสักนิดเดียว


กำหนดวันไปเมืองหลวงไว้แล้วเป็นวันที่สิบเดือนเจ็ด อีกสามวันก็ออกเดินทาง วันนี้เหยียนซินหย่าพาเหมยเหมยไปเดินซื้อของเพื่อเตรียมของฝากประจำถิ่นกลับไปให้คุณปู่คุณย่าเหมยเหมย


……………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)