ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 69-80
บทที่ 69 การประท้วง
โดย
Ink Stone_Fantasy
เวลาครึ่งเดือนนั้นถ้าจะบอกว่าเร็วก็เร็ว แต่ถ้าหากจะบอกว่านานมันก็นาน
ผ่านไปแป๊บเดียววันหยุดพักร้อนของวินนี่ก็ใกล้จะหมดลงแล้วอย่างไม่รู้ตัว ฉินสือโอวลองนับวันดู ที่แท้ตัวเองก็กลับจากบ้านมาที่ฟาร์มปลาได้ครึ่งเดือนแล้ว ช่างเร็วอะไรปานนี้
ในตอนเช้าวินนี่ก็ได้เก็บข้าวของ เธอพับกระโปรงตัวหนึ่งและวางลงไปในกระเป๋าเดินทาง
ฉินสือโอวยืนพิงอยู่ที่ประตูและมองดูเธออย่างเงียบๆ เขารู้สึกมหัศจรรย์มาก เสื้อผ้าเยอะขนาดนี้ พอวินนี่จับพับก็สามารถเอาพวกมันยัดใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็กได้แล้ว อีกทั้งยังเหลือที่ว่างให้ใส่สิ่งของอย่างอื่นอีกเล็กน้อย อย่างเช่นของที่ฉินสือโอวได้เตรียมไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นพวกน้ำเชื่อมเมเปิลหรือปลาย่างแห้ง
เมื่อเก็บกระเป๋าเสร็จแล้ว วินนี่จึงตบลงไปที่กระเป๋าเดินทางใบเล็กสีชมพู เธอยิ้มและพูดขึ้นว่า “โอเค เสร็จหมดแล้ว”
ฉินสือโอวจึงพูดออกมา “ฮาย เพิ่มวันพักร้อนไปอีกหน่อยไม่ได้เหรอ?”
วินนี่ยักไหล่และพูดขึ้น “คุณก็รู้นี่ฉิน มันเป็นงาน ไม่สามารถหยุดนานได้ และอีกอย่างถึงแม้ว่าฉันจะเพิ่มวันลาพักร้อนแต่มันก็ต้องมีวันที่วันหยุดจะหมดลง งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ไม่ใช่เหรอ?”
วินนี่เปลี่ยนใส่ชุดกระโปรงสีส้มตัวนั้นเหมือนกับวันที่เธอมา ขาเธอเรียวเล็กขาวใส ดูงดงามและมีสง่าผ่าเผย
“ถ้าอย่างนั้นวันหยุดพักร้อนครั้งหน้า คุณยังจะมาเป็นแขกที่นี่อีกไหม?” ฉินสือโอวเอ่ยถาม
วินนี่ขมวดคิ้วใส่เขาและพูดขึ้นว่า “ต้องดูว่าคุณจะต้อนรับฉันไหม ถ้าคุณไม่รังเกียจ ฉันก็อยากจะมารบกวนอีกบ่อยๆ นะ”
เมื่อมองไปที่สีหน้าอันยิ้มแย้มสงบเสงี่ยมของวินนี่ ในใจของฉินสือโอวก็สั่นเครือ เขาโผเข้าไปกอดวินนี่ไว้ สองมือโอบกอดไปที่เอวบางเล็กของเธอและสูดดมกลิ่นอ่อนๆของน้ำหอมที่อยู่บนตัวเธอลึกๆหนึ่งที จากนั้นจึงเอ่ยออกมา “จริงๆแล้วคุณไม่ต้องไปทำงานก็ได้นะ”
วินนี่โอบกอดเขาไปเองโดยธรรมชาติ ใบหน้าอันสวยงามแนบชิดไปกับหน้าอกของเขา เงียบไปสักครู่เธอจึงพูดออกมาด้วยเสียงเบาๆ “ไม่ฉิน นี่เป็นงานและเป็นหน้าที่ของฉัน มันก็เหมือนกับที่คุณอยากที่จะทำให้ฟาร์มปลาที่ไม่มีอะไรเลยได้ฟื้นคืนกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง ฉันเองก็อยากที่จะเป็นหัวหน้าพนักงานต้อนรับนะ”
เมื่อกอดกันได้สักครู่ ฉินสือโอวจึงรู้สึกดีขึ้นมามาก เขาก็พูดไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรกับวินนี่
ความรักเหรอ? เขาไม่รู้ว่าความรักมันเป็นความรู้สึกอย่างไร แต่เขาสามารถยืนยันได้ว่า สิ่งที่วินนี่ดึงดูดเขาไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามและไม่ใช่รูปร่างที่ดูเซ็กซี่ หรือไม่ใช่สิ่งเหล่านี้ ตอนแรกที่เธอจับมือปลอบโยนเขาอย่างนุ่มนวลในวันที่เขามีอาการของโรคกลัวความสูงกำเริบ เขาก็รู้สึกดีกับวินนี่แล้ว
แต่ก็ต้องยอมรับว่าความสวย ความเซ็กซี่ ความเก่งและความมีสง่าของวินนี่ได้ดึงดูดเขาไปขั้นหนึ่งแล้ว
หลังจากที่คลายอ้อมกอดแล้ว ฉินสือโอวจึงยกกระเป๋าหนังเดินทางของวินนี่ขึ้นเรือ ในวันนี้เขาจะใช้เรือลาดตระเวนที่ก่อนหน้านี้ซื้อมาแล้วแต่ยังไม่เคยได้ใช้ บังเอิญที่ความหมายของชื่อเรือลำนี้คือ “การบอกลา” พอดี ช่างเข้ากับบรรยากาศจริงๆ
ก่อนที่จะออกไป สิ่งที่วินนี่อาลัยอาวรณ์มากที่สุดกลับไม่ใช่ฉินสือโอว แต่เป็นเจ้าหู่จือและเป้าจือสองตัวนี้
ในขณะที่เธอเดินขึ้นไปที่ท่าเรือ เจ้าแลบราดอร์สองตัวยังคิดว่าวินนี่กำลังจะมาเล่นกับพวกมัน มันจึงรีบส่ายหางเล็กๆของมันและโผเข้าหาตัววินนี่
ฉินสือโอวอดไม่ได้จึงพูดออกมา “ไม่อย่างนั้นเธอเอาพวกมันกลับไปด้วยไหม?”
เมื่อวินนี่ได้ยินดังนี้จึงหัวเราะออกมาทั้งน้ำตาและเอ่ยขึ้นว่า “แบบนั้นก็แย่สิ ฉันก็จะได้กลายเป็นแอร์โฮสเตทคนแรกในประวัติศาสตร์ที่จูงสุนัขบนเครื่องบิน และแน่นอน ข้อเสนอแรกก็ยังคงเป็นการที่พวกมันจะไม่กลัวความสูงเหมือนนาย”
วินนี่อยู่เล่นเป็นเพื่อนกับหู่จือและเป้าจือสักครู่ จากนั้นก็ขึ้นไปบนเรือแฟร์เวลอย่างอาลัยอาวรณ์
เรือแฟร์เวลมีขนาดความยาวของลำ 58 ฟุตซึ่งก็คือขนาดประมาณเกือบยี่สิบเมตร ตัวลำจะคล้ายกับกระสวยเล็กน้อย ด้านหน้าจะเป็นดาดฟ้าที่เปิดโล่ง ส่วนครึ่งด้านหลังจะเป็นห้องโดยสารแบบปิด ด้านในมีห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัวและห้องอาบน้ำ และแน่นอนพื้นที่ของแต่ละห้องนั้นเล็กมาก เทียบกับเรือยอชต์ที่โอ่อ่าหรูหราไม่ได้เลย
จริงๆแล้วเรือเร็วลาดตระเวนเป็นเรือยอชต์ที่หรูหราสำหรับคนรากหญ้า มันมีความเร็วที่ว่องไวและปราดเปรียวมากขึ้น
นีลเซ็นค่อยๆขับเรือลาดตระเวนออกจากท่าเรือช้าๆ
เมื่อเห็นวินนี่ยืนอยู่ที่บนดาดฟ้าของเรือและโบกมืออย่างต่อเนื่อง หู่จือและเป้าจือที่ยืนอยู่บนท่าเรือก็เหมือนจะเข้าใจขึ้นมาแล้วว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เจ้าสองตัวนั้นจึงส่งเสียงเห่าหอน‘โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง’ ดังออกมาอย่างไม่ยอมหยุด
ไม่เพียงแค่เห่าหอนออกมา แต่เป้าจือยังกระโดดลงไปในน้ำ เรือลาดตระเวนได้ทำให้น้ำทะเลหมุนขึ้นลงไปมาเพียงแค่เจ้าสุนัขน้อยกระโดดลงไปก็ถูกคลื่นซัดจมลงไปในน้ำแล้ว
วินนี่ตกใจจึงร้องกรี๊ดขึ้นมา เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ดี ฉินสือโอวจึงใช้จิตสำนึกโพไซดอนลงน้ำไปตามหาเป้าจือก่อน จากนั้นตัวเขาก็กระโดดลงไปในน้ำเช่นกัน เมื่อตามหาเป้าจือพบแล้วเขาจึงงมมันขึ้นมา
เป้าจือสำลักน้ำทะเลไปหลายอึก หลังจากที่พ้นน้ำขึ้นมาและได้สติ มันก็ยังคงส่งเสียงเห่าให้กับวินนี่ไม่หยุด
ฉินสือโอวไม่รู้จะทำอย่างไรจึงต้องเอาเจ้าสุนัขทั้งสองตัวขึ้นเรือลาดตระเวนไปด้วย พวกมันต้องคลอเคลียอยู่ในอ้อมอกของวินนี่ถึงจะสงบลง
เมื่อส่งวินนี่ถึงสนามบินเซ็นจอห์นส์แล้ว ฉินสือโอวก็ยักไหล่อย่างจนปัญญาและเอ่ยขึ้นว่า “ส่งกันพันลี้ สุดท้ายก็ต้องจากกัน”
วินนี่พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรน่า พักร้อนคราวหน้าฉันจะไปที่แฟร์เวลอีก……”
สีหน้าของฉินสือโอวจึงเต็มไปด้วยความดีใจ วินนี่ได้พูดต่อว่า “มาเยี่ยมเยือนลูกๆพวกนี้ของฉันไง” เธอนั่งยองๆลงไปลูบคลำคางของหู่จือและเป้าจือ เจ้าสองตัวนั้นรีบเอาจมูกคลอเคลียไปที่หน้าและลงไปนอนม้วนตัวจนปรากฏให้เห็นหน้าท้องที่ขาวนุ่ม
ขณะที่กำลังจะแยกกัน ฉินสือโอวได้ดึงมือวินนี่ไว้และพูดขึ้น “ฮาย สาวน้อย ผมยังมีของขวัญที่ยังไม่ได้ให้คุณ หลับตาก่อน โอเคไหม?”
วินนี่หลับตาจากนั้นก็เงยหน้าขึ้น ริมฝีปากอันแดงสดของเธอค่อยๆเปิดออกเล็กน้อย เหมือนกับดอกท้อที่เบ่งบาน
ฉินสือโอวมีของขวัญที่อยากจะให้เธอจริงๆ แต่ว่าเมื่อดูจากท่าทางของวินนี่แล้วจึงเห็นได้ชัดว่าเธอกำลังเข้าใจผิด หากเขาเป็นคนโง่ก็สามารถดูออกว่านี่คือจังหวะของการที่อยากจะจูบลา
ของขวัญของฉันไม่ใช่การจูบลา ฉินสือโอวอยากที่จะอธิบายสักหน่อย แต่ถ้าหากเขาอธิบายภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นั่นก็คือคนที่โง่จริงๆ
ฉินสือโอวไม่พูดพร่ำทำเพลงจึงเข้าไปจูบวินนี่ไว้……
อืม กลิ่นดีมาก ยังมีกลิ่นหอมสดชื่นของดอกแพโกดาอีกด้วย
ช่างเหมือนกับตลอดไปจริงๆ ฉินสือโอวจูบเธอไว้นานถึงหนึ่งนาที สุดท้ายวินนี่ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงผลักเขาออกและแสร้งพูดด้วยความโกรธ “พระเจ้า คุณอยากจะให้ฉันไม่มีอากาศหายใจตายเลยรึไง?”
ฉินสือโอวอยากจะลองดูอีกสักครั้งจึงพูดขึ้นมาว่า “อีกทีสิ ที่รัก ผมจะแบ่งลมหายใจให้คุณเอง ความจุอากาศของปอดผมสูงมากนะ”
ในขณะที่พูดฉินสือโอวจึงเอามือที่อยู่ด้านหลังมาไว้ข้างหน้า จากนั้นก็มีโหลเลี้ยงปลาพลาสติกขนาดเท่ากำปั้นปรากฏอยู่กลางฝ่ามือของเขา ข้างในโหลเลี้ยงปลาไม่มีน้ำ มีเพียงทรายทะเลที่เปียกชื้น และบนทรายก็มีสิ่งมีชีวิตเล็กๆสีฟ้านอนคว่ำอยู่สองตัว สิ่งมีชีวิตเล็กๆสองตัวนี้ด้านนอกเป็นสีฟ้าเข้มทั้งตัว มีความยาวไม่ถึงสองเซนติเมตร รูปร่างอ้วนพี มีรูปทรงเหมือนกับหลอด สองข้างมีอุ้งเท้าสามอันเรียงกันจากใหญ่ไปเล็ก อุ้งเท้าของพวกมันสวยมาก เหมือนกับดอกเบญจมาศที่กำลังเบ่งบาน
“ว้าว สวยมากเลย นี่คืออะไรเหรอ?” วินนี่พูดด้วยความแปลกใจ
ฉินสือโอวยิ้มตาหรี่และพูดขึ้น “ปลิงทะเลที่อยู่ในนิยาย น่ารักใช่ไหม? ผมคิดว่คุณจะต้องชอบ ผมให้นะ คุณจะแอบเอาขึ้นเครื่องก็ได้ ระวังอย่าให้ถูกจับได้ก็พอแล้ว”
ชื่อทางวิชาการของเจ้าตัวเล็กๆนี้คือ Glaucus atlanticus ซึ่งมีอีกชื่อหนึ่งคือมังกรน้ำเงิน ชื่อเล่นของมันคือปลิงทะเล เพราะว่ารูปลักษณ์ภายนอกของมันเหมือนกับเทพเจ้าแห่งทะเลองค์หนึ่งในตำนานเทพเจ้ากรีก
ซึ่งมีชื่อว่า Gaucus นี่คือเทพเจ้าแห่งทะเลที่ซีมอนสเตอร์และนีลเซ็นได้พูดถึงหลังจากที่ดูกระดุมสีฟ้าเมื่อวาน
ในตำนานเทพเจ้ากรีก เป็นเพราะว่าเทพเจ้าแห่งทะเล Gaucus ได้กินหญ้าวิเศษเข้าไปจึงทำให้กลายเป็นอมตะ แต่มือทั้งสองข้างกลับยาวเหมือนครีบปลา ขาทั้งสองข้างก็กลายเป็นหางซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับเจ้าตัวนี้มาก
มังกรน้ำเงินจะอาศัยอยู่ในน่านน้ำเขตร้อนและเขตอบอุ่น มักจะอยู่ร่วมกันกับกระดุมสีฟ้า(สัตว์น้ำที่ไม่มีกระดูกสันหลัง)และแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส จะพบเห็นพวกมันได้ทางฝั่งอเมริกาในอ่าวเม็กซิโก
ในแคนาดาพบเห็นเจ้าตัวนี้ได้น้อยมาก มังกรน้ำเงินคู่นี้ฉินสือโอวได้มาจากบนตัวกระดุมสีฟ้าตอนที่ออกทะเลไปงมมันขึ้นมาก่อนหน้านี้ คาดว่าน่าจะพัดมาตามกระแสน้ำอุ่นของอ่าวเม็กซิโก
มังกรน้ำเงินเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในน้ำ สามารถขึ้นฝั่งได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่เนื่องจากไม่สามารถนำของเหลวขึ้นเครื่องบินได้ ดังนั้นฉินสือโอวจึงใส่ทรายทะเลที่เปียกชื้นไว้ในโหลปลาเล็กๆนี้
นอกจากนี้ ฉินสือโอยังใช้พลังควบคุมสัตว์ปรับปรุงสุขภาพร่างกายของมังกรน้ำเงินให้แข็งแรงขึ้นมาก ถึงแม้จะไม่มีน้ำ ขอเพียงแค่มีทรายทะเลที่เปียกชื้นพวกมันก็สามารถมีชีวิตอยู่อย่างแข็งแรง
เมื่อมองตามวินนี่เข้าไปในอาคารผู้โดยสารแล้ว ฉินสือโอวฝืนใจที่จะก้าวเท้ากลับไปที่ฟาร์มปลา ครั้งนี้หู่จือและเป้าจือไม่ร้องออกมาแล้ว ทั้งสองตัวนั่งอยู่บนที่นั่งข้างคนขับด้วยความหมดอาลัยตายอยาก เหมือนกับรู้แล้วเช่นกันว่าคงอีกนานที่จะไม่ได้เจอแม่วินนี่
ฉินสือโอวรู้สึกทุกข์ใจเล็กน้อยจึงขับรถวนนครเซนต์จอห์นอยู่สองรอบ ทันใดนั้นชาร์คก็ได้โทรศัพท์เข้ามา
“บอส วันนี้ที่เมืองมีการประท้วง คุณอยากกลับมาร่วมด้วยไหม?”
“การประท้วงอะไร?”
“ก็ไปประท้วงที่หน้าประตูโรงงานสารเคมีสองแห่งนั้นไง ก่อนหน้านี้ได้ทำมาแล้ว แต่ไม่ได้ผลอะไร ให้ตายเถอะ ไอ้ลูกหมาพวกนั้นหน้าด้านจริงๆ”
“ไม่ได้ผลแล้วยังจะไปทำอีกเหรอ”
“พวกเราต้องแสดงทัศนคติของพวกเราออกมาให้เขาเห็น ไม่งั้นพวกเขาจะคิดว่าพวกเราไม่ไม่กล้าทำอะไร! และอีกอย่าง คนที่ล่าเจ้าเต่าบึงเหลืองสองตัวนั้นก็เป็นคนงานของโรงงานสารเคมีนี้ ตำรวจเอาเรื่องที่พวกมันไปล่าเต่าบึงเหลืองและถือปืนไปคุกคามคุณที่ฟาร์มปลาไปบอกคนอื่นแล้ว คนในเมืองต่างก็โกรธแค้นกันหมด พวกเขาก็ต้องการคำอธิบายเพื่อคุณเหมือนกัน”
เมื่อได้ยินดังนี้ฉินสือโอวจึงไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้ เขาจึงรีบกลับไปให้ทันเวลา ครั้งนี้สามารถพูดได้ว่าเขาคือคนจุดชนวนให้เกิดเรื่องการประท้วงนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องแสดงอะไรออกมาสักอย่าง
เมื่อเรือแฟร์เวลมาถึงฟาร์มปลา ชาร์คกำลังรอฉินสือโอวอยู่ ทันทีที่เห็นเขาชาร์คก็ได้พูดขึ้นว่า “ซีมอนสเตอร์ไปที่นั่นแล้ว พวกเราก็ไปเถอะ”
ในเขตพื้นที่อเมริกาเหนือสามารถพบเห็นการประท้วงได้เป็นประจำ เพียงแค่รัฐบาลหรือธุรกิจขนาดใหญ่ทำเรื่องอะไรให้ประชาชนไม่พอใจเล็กน้อย ประชาชนก็จะไปประท้วงในกลุ่มสหภาพแรงงาน
ฟาร์มปลาของฉินสือโอวอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองแฟร์เวล แต่โรงงานสารเคมีทั้งสองแห่งนี้อยู่ทางตะวันตก ตรงกลางคือเมืองแฟร์เวลและฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ พื้นที่ทางเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือคือเทือกเขาคาบ็อกซ์
รถคาลดิลแลควันขับไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ โรงงานสารเคมีทั้งสองแห่งอยู่ห่างออกไปประมาณสิบกว่ากิโลเมตร มีพื้นที่แต่ละโรงงานประมาณสามหมื่นกว่าตารางเมตร การประท้วงครั้งนี้จัดขึ้นที่หน้าประตูโรงงานสารเคมีสตีเฟน เมื่อฉินสือโอวมาถึง ด้านนอกโรงงานสารเคมีก็ได้มีคนมารวมกันแล้วประมาณสี่ห้าร้อยคน
…………………………………………………………………….
บทที่ 70 ให้ผมจัดการกับเขา
โดย
Ink Stone_Fantasy
คนมากมายมารวมกันที่หน้าประตูโรงงานสารเคมีสตีเฟนซึ่งเหมือนกับการไปเที่ยวตลาดนัดไม่มีผิด ประตูใหญ่ทางเข้าของโรงงานได้ปิดไว้ไม่มีคนเข้าไป มีแต่สุนัขตัวใหญ่ที่ยืนเห่าเสียงดังอยู่หลังประตูอย่างบ้าคลั่ง
กลุ่มคนประท้วงมีความชื่นมื่นและความปรองดอง เรียกได้ว่าคนเยอะจนเบียดเสียดยัดเยียดกันแน่น คนด้านนอกก็ได้มีการยกธง ยกป้ายกระดาษและป้ายไม้ที่ประดิษฐ์ด้วยตัวเอง ซึ่งด้านบนได้เขียนคำพูดคัดค้านไว้ด้วยทั้งหมด ดังเช่น
”โรงงานสารเคมีซาตาน ไสหัวไปจากสวนหลังบ้านของพระเจ้าซะ!”
“แม้แต่ผียังต้องสาปแช่งพวกคุณ!”
“ถ้าไม่ออกไปจากเมืองแฟร์เวลด้วยตัวเองก็จะใช้รถขนศพลากออกไป!”
“มนุษย์ที่อัปยศอดสู ปีศาจใจดำ นักลงทุนสกปรก!”
พวกธงหรือป้ายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่ของใหม่ เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้พวกมันก็เป็นสมาชิกในทีมการประท้วงเก่า
เมื่อฉินสือโอวเดินเข้ามาก็มีคนทักทายเขาอย่างไม่ไม่ขาดสาย
“ฉิน เป็นยังไงบ้าง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ผมสบายดีมาก ขอบคุณ”
”ได้ยินมาว่าไอ้ลูกหมาพวกนี้ถือปืนไปคุกคามคุณเหรอ? คุณควรจะแหกสมองพวกมันซะ! ถ้าคุณไม่มีปืนก็บอกผมได้ ผมจะแถมลูกกระสุนไปให้ด้วย!”
“คุณคาร์ล คุณใช้คำว่า ‘พวกมัน’ แล้วดีมากเลย ถ้าอย่างนั้นก็คงจะเป็นพวกกลุ่มสัตว์เดรัจฉาน แต่ว่าตัวผมเองก็มีปืนเหมือนกัน ครั้งหน้าถ้าพวกมันกล้าเข้ามาในฟาร์มปลาผมอีก ผมจะแหกสมองพวกมันให้กระจุยเลย!”
” เรื่องที่พวกเขาทำถูกต้องที่สุดคือการไม่ได้ทำร้ายนาย ฉิน รับประกันเลยว่าถ้าไอ้พวกเลวนั่นทำอะไรนาย พวกเราจะไม่ยอมวางมือยุติเรื่องราวง่ายๆแน่!”
“คุณลุงฮิคสัน ผมเชื่อในคำพูดคุณ! ขอบคุณทุกคนมากๆที่รักและปกป้องผม ผมไม่เป็นไร พวกมันทำอะไรผมไม่ได้หรอก”
ซีมอนสเตอร์ได้พูดเสียงออกลำโพงขึ้นว่า “คนอเมริกาไสหัวออกไปจากแคนาดาซะ! กลับไปเปิดโรงงานกำจัดขยะแบบนี้ที่ประเทศเฮงซวยอย่างอเมริกาโน่น! สมควรตาย เปิดประตูสิ ฉันจะฆ่าพวกแก! ยังไงก็จะไม่ยอมให้พวแกอยู่ทำของเฮงซวยมีสารพิษพวกนี้ที่บ้านเกิดของพวกเราหรอก!”
ในโรงงานมีปล่องควันใหญ่สองอัน ซึ่งมีควันมืดครึ้มเป็นลำพุ่งขึ้นและลอยตัวในอากาศอย่างต่อเนื่อง แค่มองไปที่ควันหนาแน่นพวกนั้น ฉินสือโอวก็รู้สึกไม่ค่อยสบาย
ฉินสือโอวเดินกอดอกไปที่ด้านหน้าของผู้ชุมนุม เมื่อฮิวจ์เห็นเขาจึงเดินเข้ามา ขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า “ไอ้สัตว์พวกนี้ แม่ง ตอนนี้พวกมันผลิต CPL เพิ่มอีกแล้ว ก่อนหน้านี้มีปล่องควันแค่อันเดียว”
หู่จือและเป้าจือก็ตามมาด้วย เจ้าสองตัวนี้ตัวเล็กแค่นิดเดียวแต่กลับมีความกล้าหาญมาก ด้านหลังประตูโรงงานมีพวกสุนัขที่ดุร้ายอย่างเยอรมัน เชพเพิร์ดและฟิล่า บราซิเลียโรกำลังเห่าหอนอยู่ แต่พวกมันก็ไม่รู้สึกกลัวแม้แต่นิดเดียว กะพริบตาดวงเล็กมองดูอยู่ครู่หนึ่ง พวกมันต้องการที่จะมีส่วนร่วมจึงพุ่งเข้าไปที่หน้าประตูด้านนอกและเห่าเข้าใส่กลุ่มสุนัขดุร้ายเหล่านั้น
“โฮ่ง! “ “โฮก!”
“โฮ่งโฮ่ง!!” “โฮกโฮก!!”
“โฮ่งโฮ่งโฮ่ง!!!” “โฮกโฮกโฮก!!!”
ขณะที่กำลังเผชิญหน้ากับพวกสุนัขดุร้ายอยู่นั้น พลังของเหล่าเจ้าตัวเล็กก็ไม่ตกเลยแม้แต่นิดเดียว ขนสีทองของพวกมันฟูฟ่องขึ้น หูใบใหญ่รวบไปทางด้านหลัง ตาดวงโตจ้องมองอย่างโกรธแค้นและออกแรงเห่าจนปรากฏให้เห็นเขี้ยวฟันขาวใส
ช่างน่าเสียดายที่เหล่าเจ้าตัวเล็กยังอ่อนวัย เสียงที่เห่าออกไปจึงยังคงเป็นเสียงของลูกสุนัขอยู่เล็กน้อย ไม่ค่อยมีความน่าเกรงขาม
แต่ว่าด้วยเหตุนี้ทำให้กลุ่มคนประท้วงรู้สึกถึงความฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น สุนัขตัวเล็กสองตัวยังกล้าที่จะท้าทายกับผู้มีอำนาจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเหล่านั้นที่เป็นผู้ใหญ่?
เด็กวัยรุ่นที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะก็มากันหลายคน แต่ว่าพวกเขารู้สึกไม่เหมือนกับรุ่นพ่อแม่ กลุ่มเด็กๆเปลี่ยนสถานที่ตรงนี้เป็นจุดนัดพบกันและเล่นกันอย่างเอะอะเสียงดังซึ่งคาดไม่ถึงว่าจะเล่นการอย่างสนุกสนานเพียงนี้
เมื่อเห็นสุนัขแลบราดอร์สองตัว พวกเด็กๆจึงชื่นชอบกันเป็นอย่างมาก เจสลูกชายของชาร์ควิ่งออกมาอย่างดีใจอยากที่จะไปลากเจ้าสองตัวนั้นมาเล่นด้วย
“ไปเล่นเอง ไม่เห็นเหรอว่าหู่จือกับเป้าจือกำลังทำงานใหญ่อยู่? พูดไม่ฟัง!”
เดาว่าเจสคงจะถูกชาร์คดุจนลงไปนอนกลิ้งไปกลิ้งมาจนเคยชิน หลังจากที่นอนเอาขาถีบฟ้าอยู่สักครู่ เมื่อไม่มีใครสนใจ เขาจึงลุกขึ้นมาและเดินยิ้มหัวเราะไปเล่นกับลูกของซีมอนสเตอร์
ฉินสือโอวมาได้ไม่นานก็มีรถบรรทุกยี่ห้ออีซูซุคันหนึ่งขับเข้ามา บนหัวของรถคันนี้ได้พิมพ์คำว่า “โรงงานสารเคมีสตีฟ” เห็นได้ชัดว่าเป็นรถของโรงงานแห่งนี้ เมื่อเห็นประตูทางเข้าของโรงงานถูกล้อมไว้ จึงรีบกลับรถและอยากที่จะขับออกไป
“ขวางมันไว้” ฮิวจ์ตะโกนขึ้น
ฉินสือโอวจึงรีบเดินไปที่หน้ารถคาลดิลแลควันของตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็สตาร์ทรถใส่เกียร์และเหยียบคันเร่ง เสียงคำรามของสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่เป็นเลิศของรถคาลดิลแลคได้พุ่งตรงออกไป อยากที่จะไล่ตามให้รถบรรทุกคันนั้นหยุดลง
คนขับรถบรรทุกอีซูซุได้เผชิญหน้ากับรถคาลดิลแลควันคันนี้ก็รู้สึกหวาดกลัว เขารู้ราคาของรถคันนี้จึงไม่กล้าที่จะชน ถ้าหากว่ารถคาลดิลแลควันเป็นอะไรขึ้นมา แค่ชดใช้ค่าเสียหายก็ต้องชดใช้จนเขาสิ้นเนื้อประดาตัว
ฮิวจ์จึงพาคนมาล้อมไว้ คนขับรถอีซูซุและพนักงานยกของเป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมลงจากรถ ประชาชนในเมืองก็ไม่ได้จะทำร้ายใคร เพียงแค่อยากจะหาของที่พวกเขาต้องการในตู้ท้ายรถเท่านั้น
ภายในตู้ท้ายรถนั้นว่างเปล่า แต่ก็ยังคงเหลือแผ่นพลาสติกและถุงพลาสติกกระจัดกระจายอยู่บ้างเล็กน้อย
ฮิวจ์หยิบถุงพลาสติกและแผ่นพลาสติกสามสี่ชิ้นขึ้นมาดูและพูดอย่างทุกข์ใจออกมา “ของพวกนี้ต่างก็มีสารพิษ ให้ตายสิ ไอ้พวกข้าราชการของนครเซนต์จอห์นในสมองมีแต่ขี้หมาเหรอ? ของพวกนี้ผลิตมาได้ยังไง!”
ฉินสือโอวเข้าไปดูใกล้ๆ ฮิวจ์กลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจจึงอธิบายขึ้นว่า “การจะแยกว่าของพวกนี้มีสารพิษไหมนั้นง่ายมาก คุณดู ใช้แรงสะบัดถุงพลาสติก ถ้ามีเสียงใสๆออกมานั่นคือไม่มีสารพิษ แต่ถ้ามีเสียงต่ำและฝืดก็แสดงว่ามีสารพิษ”
และก็เป็นไปอย่างที่คิดไว้ แค่เขาสะบัดถุงพลาสติกก็มีเสียงที่ต่ำมากดังออกมา และก็ยังมีคนหาถุงพลาสติกจากในรถมาสะบัดอีก และเสียงใสๆ ‘ก๊องแก๊ง’ ก็ดังออกมา
“อีกทั้งยังสามารถจุดไฟเพื่อตรวจสอบพลาสติกเหล่านี้ดูได้ พลาสติกโพลิธีนที่ไม่มีสารพิษจะเผาไหม้ได้ง่าย ขณะที่เผาไหม้จะล่วงลงมาเหมือนกับน้ำตาเทียน ถ้าพลาสติกCPLที่มีกลิ่นขี้ผึ้งพาราฟีน เขม่าดำและมีสารพิษจะเผาไหม้ได้ยากมาก เมื่อไม่มีไฟเผาก็ดับลง เมื่อจุดไฟก็จะมีกลิ่นกระตุ้นของกรดไฮโดรคลอริคออกมา”
ขณะที่พูดฮิวจ์ได้หยิบไฟแช็กขึ้นมาทดลองเล็กน้อย แผ่นพลาสติกที่อยู่ในมือเขาแทบจะจุดไม่ติดจริงๆ ยากลำบากมากกว่าที่จะจุดได้ จากนั้นก็ปรากฏกลุ่มควันสีดำที่ส่งกลิ่นกรดไฮโดรคลอริคออกมา
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ แล้วทำไมรัฐบาลไม่ลงโทษโรงงานพวกนี้ล่ะ?” ฉินสือโอวเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ ตอนที่เขาอยู่ในประเทศของตัวเองได้ยินว่ารัฐบาลของประเทศแคนาดานั้นค่อนข้างสุจริต ทำงานมีประสิทธิภาพสูง ดูแล้วตอนนี้ก็เหมือนจะมีเรื่องอื้อฉาวของการสมรู้ร่วมคิดระหว่างหน่วยงานรัฐบาลและภาคธุรกิจเช่นกัน
ฮิวจ์พูดออกมาด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด “ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้ฝ่าฝืนกฎหมาย ตามข้อกำหนดของกฎหมายแล้ว โรงงานประเภทนี้เพียงแค่ตั้งให้ห่างออกไปจากเมืองมากกว่าห้าสิบกิโลเมตรก็ได้แล้ว ก็คือสามารถสร้างในชนบทได้ เพียงแต่พวกเราไม่อยากให้เขามาสร้างที่เกาะแฟร์เวล”
”เมื่อก่อนนี้เกาะแฟร์เวลก็เคยมีโรงงาน แต่ก็ไม่มีอะไร เพราะว่าอย่างมากพวกเขาก็แค่ปล่อยก๊าซเสียออกมาบ้างเล็กน้อย แต่ว่าโรงงานสารเคมีแบบนี้มันน่ากลัวเกินไป น้ำเสียที่พวกเขาปล่อยออกมาล้วนแต่มีสารพิษในปริมาณที่สูง ถ้าปล่อยลงน้ำทะเลโดยตรง ฟาร์มปลาก็ถูกทำลายหมด!” ฮิวจ์ผู้น้องพูดด้วยความโกรธ
เมื่อฉินสือโอวได้ฟังมาถึงตรงนี้ ในใจก็โมโหมากเช่นกัน เขาเอ่ยถามขึ้นว่าท่อน้ำเสียของโรงงานแห่งนี้อยู่ที่ไหน ฮิวจ์ผู้น้องชี้ไปทางด้านหลังของโรงงานและพูดออกมาว่า “อยู่ตรงนั้นหมดเลย แม่ง อยู่ในน้ำ ใช้แรงดันปั๊มระบายน้ำเสียลงสู่ทะเลโดยตรง ดังนั้นถ้าคิดอยากจะเก็บน้ำเสียของพวกเขาไปเป็นหลักฐานนั้นยากมาก”
เมื่อรู้ว่าท่อน้ำเสียได้อยู่ในน้ำทั้งหมด ใจของฉินสือโอวก็เต้น ดูเหมือนจะมีวิธีบ้างแล้ว
“การประท้วงแบบนี้มีประโยชน์ไหม?” ฉินสือโอวเอ่ยถามขึ้น
“มีประโยชน์กับผีน่ะสิ” ฮิวจ์ผู้น้องพูดด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก “ก็ได้แค่พูดออกไปเท่านั้น ยังไงฟาร์มปลาก็ไม่มีปลาแล้ว ปกติทุกคนก็ไม่มีงานทำ”
ฉินสือโอวยิ้มขึ้นมา เขาตบไปที่ไหล่ของฮิวจ์ผู้น้องและพูดขึ้น “ผมจะบอกทุกคนไว้เลยนะ ว่าผมจะต้องแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างแน่นอน เชื่อผมเถอะ มากสุดหนึ่งอาทิตย์ผมจะทำให้โรงงานนี้หยุดการผลิต และมากสุดหนึ่งเดือนผมจะทำให้พวกเขาไสหัวออกไปจากเกาะแฟร์เวล!”
ฮิวจ์ผู้น้องแบะปากและพูดขึ้น “ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย จะเป็นไปได้ยังไง พวกเราลองทำทุกวิถีทางแล้วก็ไม่มีประโยชน์”
ฉินสือโอวไม่ได้อธิบายใดๆเพียงแต่พูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็คอยดู ถ้าไม่เชื่อ พวกเรามาพนันกันก็ได้ ของเดิมพันคุณเป็นคนกำหนด”
เห็นได้ชัดว่าฮิวจ์ผู้น้องที่แต่งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าเป็นคนที่ชอบเล่นอะไรไร้สาระ เมื่อได้ยินว่าพนันได้ เขาจึงรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที จากนั้นจึงพูดออกมา “ถ้าอย่างนั้นก็มาพนันกันสักรอบ ถ้าคุณทำไม่ได้อย่างที่คุณรับปากไว้ คุณต้องเอาเรือยอชต์ทรอลเลอร์ลำที่คุณพึ่งซื้อมาใหม่มาให้ผมยืมขับเล่นสักหนึ่งอาทิตย์”
“ได้” ฉินสือโอวพูดออกมาอย่างง่ายๆ “แต่ถ้าผมชนะล่ะ”
ฮิวจ์ผู้น้องเกาหัวและพูดออกมา “เหมือนว่าผมจะไม่มีของที่คุณอยากจะได้…..แหะ ผมมีวิธีแล้ว ผมเห็นครั้งนั้นที่ไปร้านเหล้าคุณพาสาวสวยคนหนึ่งไปด้วย คุณชอบสาวสวยๆมากสินะ? ไม่ต้องปฏิเสธหรอก ผู้ชายด้วยกันหมด ผมเข้าใจ! เอาแบบนี้ไหม ถ้าคุณชนะ ผมจะแนะนำให้คุณรู้จักสาวสวยๆสักคน รับรองว่าผู้หญิงที่คุณพาไปครั้งที่แล้วสวยสู้ไม่ได้แม้แต่นิดเดียว!”
ฉินสือโอวคิดอยากที่จะให้เขาเปลี่ยนของเดิมพัน แต่จริงๆแล้วฮิวจ์ผู้น้องไม่มีของอะไรที่สามารถโอ้อวดได้เลย สุดท้ายจึงมองหน้าเขาและพูดออกมาอย่างสงสัย ”คุณไม่ได้อยากที่จะใช้ของเดิมพันเป็นสิ่งผลักดันผมเหรอ? ถ้าผมไม่ได้ของเดิมพันก็พนันกับคุณไม่ได้แล้ว”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ใช้สาวสวยของคุณเป็นของเดิมพันเถอะ” ฉินสือโอวพูดหัวเราะ
เมื่อถึงเวลากลางวัน คุณลุงฮิคสันก็มาหาฉินสือโอว เขายกแฮมเบอร์เกอร์ปลาค็อดและไก่ทอดสูตรลับที่อยู่ในมือขึ้นมาและพูดว่า “ฮาย มากินอะไรหน่อยสิ”
ฉินสือโอวถามด้วยความมึนงง “พวกคุณพกอาหารมาประท้วงด้วยเหรอ?”
ฮิวจ์จึงพูดเน้นย้ำความแน่นอนออกมา “แน่นอนอยู่แล้ว การประท้วงต้องใช้เวลาหนึ่งวัน ถ้าไม่กินอะไรแล้วจะมีแรงได้ยังไง?”
ในรถคาลดิลแลควันมีตู้เย็นอยู่เครื่องหนึ่งซึ่งข้างในมีไอซ์ไวน์อยู่พอดี ฉินสือโอวจึงนำออกมา ทางด้านคุณลุงฮิคสันก็ได้นำแฮมเบอร์เกอร์มาด้วยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแฮมเบอร์เกอร์ปลาค็อด แฮมเบอร์เกอร์หมูสัน แฮมเบอร์เกอร์เนื้อแกะฉีก แฮมเบอร์เกอร์ปลาแซลมอนและแฮมเบอร์เกอร์ซอสปลาแฮร์ริ่ง
นอกจากนี้คุณลุงฮิคสันยังเอาของอร่อยอย่างไก่ทอดสีเหลืองทอง แผ่นเนื้อปลาช่อนสีน้ำตาลมาอีกด้วย สำหรับฮิวจ์ก็ได้สนับสนุนอาหารโดยการเอา โดนัท เฟรนช์ฟรายทอดและไส้กรอกทอดมาให้ด้วย คนกลุ่มหนึ่งขยับเข้าใกล้ๆกันซึ่งเหมือนกับไปเที่ยวนอกบ้านและเอาอาหารมารับประทานด้วยกัน
บริเวณอื่นก็เป็นแบบนี้เช่นเดียวกัน คนสามสี่ครอบครัวรวมเข้าด้วยกันแล้วกินดื่มไปพูดคุยหัวเราะไปซึ่งบรรยากาศเหมือนกับการไปเที่ยวเป็นหมู่คณะมากกว่า
ฉินสือโอวชอบกินไก่ทอดของคุณลุงฮิคสันมาก เนื้อไก่พวกนี้ก่อนนำไปทอดได้ผ่านการหมักมาอย่างดีแล้ว รสชาติจึงลึกเข้าไปในแต่ละเส้นใยของเนื้อไก่ นอกจากความหอมของเนื้อแล้วยังมีกลิ่นหอมสดชื่นของแยมผลไม้อีกด้วย ยิ่งขบเคี้ยวรสชาติก็ยิ่งอร่อย ทำให้ต่อมสัมผัสรสชาติในปากอร่อยจนแทบระเบิดอารมณ์ออกมา
ตัวเองกินเนื้อไก่และเอากระดูกอ่อนที่ผ่านการหมักแล้วยื่นให้กับหู่จือและเป้าจือ หนึ่งคนกับสุนัขสองตัวขยับเข้าใกล้กัน ฉันหนึ่งชิ้นแกหนึ่งชิ้น ยัดกินกันอย่างตะกละมูมมาม
…………………………………………………………………….
บทที่ 71 สำรวจยามค่ำคืน
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวกินอิ่มแล้ว หู่จือกับเป้าจือก็ไม่ต่างกัน ท้องของเจ้าสองตัวนูนกลม มันแลบลิ้นเลียปาก ประกบออดอ้อนฉินสือโอวซ้ายขวา พริ้มตาเหมือนยังเคลิบเคลิ้มกับความอร่อยของไก่นักเก็ต
“ช่างเป็นแลบราดอร์ที่น่ารักจริงๆ” ฮิวจ์ยิ้มอยากลูบๆมัน หู่จือหันมาพองขนใส่ ร่างเกร็งโก่งตัว จ้องฮิวจ์อย่างดุร้าย ถึงไม่ได้แยกเขี้ยวขู่ แต่ใครก็สัมผัสได้ทั้งนั้น ว่าเจ้าเด็กพวกนี้ไม่ยินดีให้คนนอกมาลูบจับ
“ใจเย็น หู่จือ เขาเป็นเพื่อน ทำตัวเป็นมิตรหน่อยสิ” ฉินสือโอวกล่าวยิ้มๆพลางใช้นิ้วลูบขนนุ่มสีทองบนหัวหู่จือ
เขาพูดจบ หู่จือก็เลียปาก ค่อยๆยอมสงบลง เดินเตาะแตะไปนั่งข้างฮิวจ์ ยื่นจมูกดมๆ เหมือนพยายามทำความคุ้นเคยฮิวจ์
คนรอบข้างต่างประหลาดใจกับเหตุการณ์นี้ ลุงฮิคสันหัวเราะเสียงดัง “แปลกจริงนะ ฉิน ไม่อยากจะเชื่อเลย เจ้าลูกหมาฟังที่นายพูดออกด้วยหรือเนี่ย?”
ฉินสือโอวลูบหัวเล็กๆของเป้าจือ พูดทั้งรอยยิ้ม “เจ้าเด็กสองตัวนี้ฉลาดนะ ไม่ใช่แค่ฟังที่ผมพูดออก ยังฟังที่พวกคุณคุยกันรู้เรื่องด้วย พวกมันเลยเข้าใจคำนินทาที่พูดต่อหน้าพวกมันได้”
คนอื่นๆไม่เห็นด้วย ลูกหมาเข้าใจภาษาคนเนี่ยนะ? ล้อเล่นชัดๆ แต่หมาน้อยสองตัวนี้ก็ทำตัวคล้ายคนอยู่เหมือนกัน
ภายในโรงงานมีคนออกมาให้อาหารสุนัข ทำให้ในที่สุดเหล่าหมาดุร้ายอย่างเยอรมัน เชพเพิร์ดกับฟิล่า บราซิเลียโรก็เงียบเสียงลงเพื่อไปกินอาหาร
หู่จือและเป้าจือเห็นดังนั้น จึงรีบพุ่งเข้าไปอย่างเจ้าเล่ห์ พอวิ่งถึงหน้าประตูก็เริ่มเห่า ‘โฮ่งๆๆ’ ใส่
ไม่ใช่แค่เยอรมัน เชพเพิร์ดแม้แต่ฟิล่า บราซิเลียโร ล้วนเป็นหมาดุร้ายความอดทนต่ำ พอถูกหมาแลบราดอร์ล้อเลียนเช่นนี้ พวกมันจึงเลิกสนใจข้าว แล้วหันกลับไปยังประตู แยกเขี้ยวเห่าตอบไม่หยุด
เป้าจือสะดุ้งตกใจ ถอยไปสองก้าว หู่จือไม่เกรงกลัว ร่างเล็กๆของมันราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ที่เตรียมระเบิด มันไม่ถอยแต่กลับก้าวเข้าหา กางเล็บพิฆาตจิกพื้น ตาโตจ้องเขม็งขู่กลับ
แสดงอำนาจ ไร้ซึ่งความกลัว!
ก่อนจะได้พบฉินสือโอว หู่จือและเป้าจือเป็นหมาจรจัด และยังเป็นแค่ลูกหมา ไปที่ไหนก็โดนรังแก ทั้งผู้คนที่ทารุณพวกมัน หรือหมาจรจัดตัวใหญ่ แม้แต่แมวจรจัดต่างก็ทำร้ายพวกมัน
เมื่อตกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น ย่อมต้องการเอาชีวิตรอด โดยการทำตัวให้ดุร้ายเพียงพอ! และดุดันอย่างไม่กลัวตาย!
“เจ้าหนูนี่พอโตไปคงน่าเกรงขามทีเดียว” นายกเทศมนตรีแฮมเล็ตเอ่ยชมขณะมองหู่จือ “เขาจะเป็นผู้ช่วยที่ดีให้นายได้ ฉิน ฉันพนันได้เลยว่า เขาต้องกลายเป็นยอดชายชาตรี”
ฉินสือโอวยิ้มตอบ “แน่นอนอยู่แล้วครับ พ่อเป็นอย่างไรลูกก็เป็นอย่างนั้น ลูกชายผมทั้งสองจะเป็นพวกขี้ขลาดไปได้อย่างไรกัน?”
เขาผิวปาก หู่จือไม่จ้องกับพวกหมาดุในลานโรงงานต่อ แล้วเดินเอื่อยๆกลับมาพร้อมเป้าจือ ทว่ารอจนเหล่าหมาเตรียมจะกินอาหารกัน พวกมันก็พุ่งเข้าไปเห่าอีกรอบ เป็นอย่างนี้วนไป แกล้งเหล่าหมาดุไปได้ชั่วโมงกว่าจนมันกินอาหารไม่เสร็จเสียที
ชาวเมืองแฟร์เวลพลันตระหนักว่า ผู้คนมากมายที่มาประท้วงวันนี้ ดูจะไม่เด่นเท่าหมาสองตัวนี้ไปเลย
การประท้วงดำเนินต่อไปถึงบ่ายสี่โมง ดวงอาทิตย์เคลื่อนไปทางทิศตะวันตก ฝูงคนจึงเริ่มแยกย้าย
ฉินสือโอวขับรถกลับฟาร์มปลา โดยด้านหลังมีรถโตโยต้า คัมรี่คันหนึ่งตามหลัง นายกเทศมนตรีแฮมเล็ตออกมาพร้อมชายผิวขาววัยกลางคนอายุราวสี่สิบปีกับวัยรุ่นอายุสิบหกสิบเจ็ดปีอีกคน
“ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับ แฮมเล็ต ลมอะไรพัดให้คนสำคัญอย่างคุณมาที่นี่กันครับ?” ฉินสือโอวกล่าวทั้งรอยยิ้ม
แฮมเล็ตแปะมือกับฉินสือโอว จากนั้นแนะนำชายผิวขาววัยกลางคนข้างตัว “นี่คือเพื่อนร่วมงานเก่าของฉัน เขาชื่อดอน แพ็ตตัน ส่วนนี่ลูกชายเขา อลัน แพ็ตตัน”
“สวัสดีครับ ดอน สวัสดี อลัน” ฉินสือโอวจับมือทั้งสองคน
เขาพอเดาได้ว่าจุดประสงค์ของคนพวกนี้คืออะไร ดอนกับอลันต่างสวมเสื้อยีน หมวกกันแดด ในกระเป๋ายีนยังมีถุงมือไนลอน และสวมรองเท้าลุยน้ำ แต่งตัวเต็มยศแบบคนตกปลาอย่างนี้ ย่อมต้องการมาจับปลาที่ฟาร์มเขานั่นเอง
ดังคาด แฮมเล็ตพูดว่า “ดอนเป็นคนรักการตกปลาน่ะ ตอนมาเยี่ยมฉันที่เมืองรอบนี้ บังเอิญเขาอยากหาที่ตกปลาเสียหน่อย ฉิน นายก็รู้ว่าตอนนี้เมืองแฟร์เวลกำลังวิกฤต ขืนให้เขาไปตกปลาสุ่มสี่สุ่มห้า ให้ถึงเย็นก็คงจับอะไรไม่ได้ ฉันจึงให้พวกเขามาที่ของนาย จะได้ตกจนหนำใจเลย”
ฟาร์มปลาของฉินสือโอวก้าวหน้าไปมาก คนในเมืองแฟร์เวลล้วนรู้เรื่องนี้ดีทั้งนั้น มีทั้งสาหร่าย ทั้งลูกปลาค็อด ฟาร์มปลาต้าฉินตอนนี้ถือเป็นเวนิสแห่งเมืองแฟร์เวลเลยทีเดียว
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ แต่ทางผมยังไม่มีปลาตัวใหญ่มากนัก พวกคุณขับเรือผมออกไปตรงโซนทะเลลึกอีกหน่อยก็แล้วกันครับ ถ้าโชคดีอาจได้เจอปลาทูน่ากับปลากระโทงร่ม ปลากระโทงดาบ และปลากระบอกเทาตัวใหญ่ก็ได้ครับ” ฉินสือโอวกล่าวแนะนำ
ชาวต่างชาติไม่ได้มีความสุภาพเท่าคนจีน ซึ่งการพูดของฉินสือโอวก็ตรงตามความคิดพวกเขาพอดี ดอนเอ่ยอย่างซาบซึ้ง “ยอดเยี่ยมมากเลย ฉิน ถ้าไปตกปลาตรงทะเลลึกได้ ฉันว่าวันนี้พวกเราคงได้อะไรติดไม้ติดมือมาแน่นอน”
“พวกคุณจะขับเรือลาดตระเวนหรือเรือยอชต์ทรอลเลอร์ดีครับ?” ฉินสือโอวพูดขึ้น
แฮมเล็ตเอ่ยยิ้มๆ “ไม่จำเป็นหรอก พวกนายชาวจีนมีคำกล่าวว่าเชือดไก่ให้ลิงดูอยู่ไม่ใช่เหรอ? พวกเราเป็นเพียงนักตกปลาเล็กๆ ยืมใช้แค่เรือหัวกว้างของนายก็เพียงพอแล้ว”
ฉินสือโอวไม่ได้สุภาพ เขาตั้งใจจะให้ยืมเรือใหญ่สองลำนั้นจริงๆ เพราะเป้าหมายที่จะไปตกในทะเลลึกนั้นปกติก็หนึ่งเมตรขึ้นไปแล้ว ถ้านั่งเรือเล็กไป เจอปลาใหญ่สี่ห้าร้อยปอนด์เข้า ได้โดนลากจนเรือคว่ำแน่
“ขับเรือลาดตระเวนเถอะครับ พวกคุณวางแผนจะตกปลากลางคืนด้วยไม่ใช่เหรอ?” ฉินสือโอวกล่าว
ดอนเอ่ยอย่างยินดีว่า “นั่นยิ่งเยี่ยมไปเลย ฉิน นายไม่มาด้วยเหรอ? การตกปลาเป็นหนึ่งในเรื่องที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยนะ ลองคิดดูสิ กลางทะเลอันกว้างใหญ่ พวกเราที่ดิ้นรนต่อสู้กับเหล่าเจ้าแห่งท้องทะเล น่าตื่นเต้นดีออก”
ฉินสือโอวโบกมือปฏิเสธ “เอาไว้คราวหลังดีกว่าครับ เย็นนี้ผมมีธุระอื่น คงร่วมด้วยไม่ได้”
เย็นนี้เขามีธุระอื่นจริงๆ ก็คือไปสำรวจปัญหาท่อระบายน้ำของโรงงานทั้งสองแห่ง และรีบแก้ไขให้เร็วที่สุด
พวกแฮมเล็ตกับดอนเตรียมอาหารเย็นและของว่างยามดึก แล้วขับเรือออกทะเลไป ดอนเองก็ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญการออกทะเลเหมือนกัน มีกระทั่งใบขับขี่เรือยอชต์ การขับเรือลาดตระเวนจึงไม่ใช่ปัญหา
ฉินสือโอวเตรียมอาหารเย็นเอง พอไม่มีวินนี่บ้านก็ค่อนข้างเงียบเหงา เขาเดินไปในครัว ยังได้กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกแพโกดาบนตัววินนี่อยู่
ก่อนหน้านี้ วินนี่เป็นคนเตรียมอาหารเย็นทั้งหมด ส่วนเขาได้โชว์ฝีมือเป็นครั้งคราว
หู่จือกับเป้าจือหมอบอยู่ตรงประตู พอกระรอกเสี่ยวหมิงกระโดดลงมาจากหน้าต่าง ทั้งสองตัวก็หันไปมองเป็นตาเดียว เมื่อรู้ว่าเจ้าสิ่งที่เล็กกว่าพวกมันนี้คงแกล้งด้วยไม่สนุก จึงพร้อมใจกันกลับไปนอน ทำเป็นไม่เห็นมัน
เสี่ยวหมิงปีนไต่ขาของฉินสือโอวขึ้นไปบนไหล่อย่างคล่องแคล่ว เจ้านักปีนน้อยเล่นหางตัวเองพลาง รอให้เขากินเสร็จ ฉินสือโอวหันมามอง ผลไม้ในบ้านกินหมดแล้ว เขาเลยหยิบผลฮาเซลนัทสองลูกให้เสี่ยวหมิงแทน
มันรับฮาเซลนัทมาไว้ในมือ แต่เสี่ยวหมิงไม่กิน เพียงส่งเสียง ‘จิ๊ดๆ’ สองครั้ง
ฉินสือโอวถอนหายใจ ตอบว่า “ไม่มีผลไม้แล้ว กินรองท้องไปก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันซื้อผลไม้มาให้”
เสี่ยวหมิงกระโดดลงมาบนโต๊ะทั้งหงอยๆ ฟันแทะ ‘กรุบ’ เปิดเปลือกฮาเซลนัท กินเมล็ด แล้วโยนเปลือกทิ้งลงไปโดนหัวหู่จือและเป้าจือ
หู่จือกับเป้าจือเริ่มโกรธแล้ว ไอ้เวรนี่ พ่อไม่เอาเรื่องหน่อยแกก็คิดว่าพวกข้าเป็นไก่อ่อนเลยหรือ? พวกมันพองขนคอขู่ตามสัญชาตญาณ ทว่าโต๊ะนั้นสูงเกินไป ด้วยร่างเล็กๆของทั้งสองตัว เลยไม่สามารถขึ้นไปหาเจ้ากระรอกได้ จำต้องตัดใจอย่างหงุดหงิด
ตอนเย็นหนึ่งทุ่มครึ่ง ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำไปทางภูเขาตะวันตก หมู่ดาวพร่างพรายเต็มฟ้า ราวกับเพชรพลอยที่กระจัดกระจายบนผ้าแพรสีดำ ระยิบระยับ
ฉินสือโอวเรียกชาร์คและนีลเซ็นมา เตรียมออกทะเล ขณะยืนบนท่าเรือเขาเงยมองไปยังฟ้ากระจ่าง พูดว่า “ถ้าเกิดไม่มีมลภาวะ ท้องฟ้ากลางคืนจะสวยกว่านี้ไหมนะ?”
ชาร์คตอบอย่างโกรธเคือง “ถ้าไม่มีไอ้มลภาวะบ้านี่นะ พระเจ้า เกาะแฟร์เวลจะกลายเป็นสรวงสวรรค์บนดินเลย บอส คุณจินตนาการไม่ออกหรอกว่ามันเคยสวยขนาดไหน!”
“งั้นพวกเรายิ่งต้องไล่ไอ้โรงงานพวกนั้นออกไปให้ได้!” ฉินสือโอวสตาร์ทเจ็ทสกี ขับนำออกไป
นีลเซ็นซ้อนกับชาร์ค ขับไปตามชายฝั่งเกาะแฟร์เวล เจ็ทสกีสองลำพุ่งสู่ทิศตะวันตก
มีลมกลางคืนพัดผ่านเบาๆ คลื่นทะเลซัดสาด เสียงน้ำทะเลกระทบทรายกลบเสียงมอเตอร์เจ็ทสกีที่คำราม หากไม่มีไฟหน้าซีนอนสาดแสงขาวใส่ การจะหาตัวพวกฉินสือโอว ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลย
ฟาร์มปลาต้าฉินตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะแฟร์เวล ส่วนโรงงานตัวการสองที่นั้นอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ ดังนั้นมันจึงค่อนข้างห่างกันมา และเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉินสือโอวไม่ได้เข้าไปแก้ปัญหาตั้งแต่แรก เพราะเขามองไม่เห็นมลภาวะ เลยไม่ได้สนใจ
เมื่อมาถึงเกาะฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ ก็เห็นตึกโรงงานขนาดใหญ่สองแห่งข้างชายฝั่ง ตึกโรงงานสองตึกในความมืดช่างคล้ายกับสัตว์ประหลาดร่างยักษ์ และแสงไฟสีเทาเหลืองก็คือดวงตาของพวกมัน
พอเข้าไปใกล้เขตโรงงาน น้ำทะเลก็ส่งกลิ่นแปลกๆ ทั้งเหม็นเปรี้ยวเหม็นฉุน ถ้าเป็นตอนกลางวัน คงจะมองเห็นสีน้ำทะเลที่เปลี่ยนไปได้ชัดเจนกว่า
จิตสำนึกโพไซดอนของฉินสือโอวตามกวาดล้างไปตลอดทาง ยิ่งเข้าใกล้ตัวโรงงาน ยิ่งสัมผัสถึงพลังชีวิตในทะเลยากขึ้น ในน้ำทางเกาะตะวันตกยังพอมีปลาแฮร์ริ่ง และสิ่งมีชีวิตน้ำจืด ทว่าเมื่อมาถึงทางตะวันตกเฉียงเหนือ กลับไม่มีสาหร่ายแม้แต่น้อย ท้องทะเลโล่งเตียน มีแต่ความตาย!
“ต้องย้ายโรงงานสองตึกนี้ออกไปให้ได้” ฉินสือโอวตั้งปณิธาน
เมื่อใกล้ถึงโรงงาน นีลเซ็นดับไฟเจ็ทสกีลง ค่อยๆขับไปด้านหน้าฉินสือโอวเอ่ยพลางทอดถอนใจ “ที่นี่แหละ บอส ดับไฟเถอะ เกิดไอ้บ้าในโรงงานพวกนั้นเห็นเข้าได้ยุ่งยากแน่”
………………………………………………………………..
บทที่ 72 สาหร่ายสีน้ำตาล
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ท่อปล่อยน้ำเสียอยู่แถวนี้แหละ พวกเราเคยใส่ชุดดำน้ำลงมาดูก่อนแล้ว โรงงานเคมีสตีฟมีท่อปล่อยน้ำเสียอยู่ทั้งหมดสิบสองท่อ เส้นผ่าศูนย์กลางยาวครึ่งเมตร ช่วงฤดูใบไม้ผลิโรงงานเคมีใช้ถึงสิบท่อ แถมเส้นผ่าศูนย์กลางยังยาวกว่าเดิมอีก!” ชาร์คพูดทั้งสีหน้าหม่นหมอง
ท่อระบายน้ำเสียว่าหนาแล้ว ยังใช้ปั๊มน้ำแรงดันปล่อยน้ำเสียลงใต้น้ำโดยตรงอีก พวกเขาไม่มีทางเลือกนัก ถึงอยากแอบไปอุดเองก็คงไม่ได้ ต่อให้ทำได้แล้วอย่างไรล่ะ? การที่พวกเขาไปอุดท่อระบายน้ำของโรงงานเคมีคนอื่นโดยพลการ ก็ผิดกฎหมายอยู่ดี
จิตสำนึกโพไซดอนเข้าควบคุมทะเลโดยรอบ เกาะแฟร์เวลฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือนั้นไม่มีทราย มีแค่ผาชัน และโรงงานที่ตั้งอยู่ด้านบน หลุมตรงพื้นด้านล่างสามารถสร้างท่อส่งลงไปใต้ทะเลได้โดยตรง
ดูท่าการประท้วงเมื่อกลางวันจะส่งผลต่อการผลิตของโรงงานไม่น้อย ตกกลางคืนยามนี้ โรงงานจึงยิ่งเร่งทำงานล่วงเวลา สิ่งที่ยืนยันเรื่องนี้คือ ท่อระบายน้ำเสียสิบสองท่อใต้น้ำที่ฉินสือโอวเห็น มีหกท่อที่กำลังระบายน้ำจากโรงงานอย่างบ้าคลั่ง!
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเหมือนจะไม่ถูกกับน้ำเสียโรงงาน เมื่อไปโดนมัน ฉินสือโอวก็พลันรู้สึกไม่สบายตัว แต่โพไซดอนมีความสามารถในการฟื้นฟูน้ำทะเล ซึ่งเขาเองก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองมีความสามารถนี้อยู่ด้วย
พอน้ำเสียเข้ามาในอาณาเขตควบคุมของโพไซดอน สารพิษก็ถูกขับออกอย่างรวดเร็ว แต่โพไซดอนก็เสียพลังไปมากทีเดียว
ฉินสือโอวไม่อยากคอยชำระล้างทั้งสองโรงงาน ตอนเขาอยู่ประเทศตัวเองก็ไม่ได้เป็นเหลยเฟิง[1]ถึงมาแคนาดาคงจะเป็นบุคคลแบบอย่างไม่ไหว
ส่วนกรณีโรงงานสองแห่งนี้ เขาเตรียมแผนไว้แล้ว
เขายื่นมือไปดึงถุงด้านหลังเจ็ทสกีออกมา ข้างในคือหญ้ากล่องเล็กๆ
ฉินสือโอวดับเครื่องเจ็ทสกี เปลี่ยนเป็นชุดดำน้ำที่ได้มาเป็นของแถมตอนซื้อเรือยอชต์ พูดกับชาร์คว่า “ลงมือเลย เอากล่องใส่เมล็ดสาหร่ายลงไปวางด้านล่าง”
ชาร์คพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “บอส คุณคงไม่ได้คิดจะปลูกสาหร่ายมากำจัดสารพิษที่นี่หรอกใช่ไหม? ไม่ได้ผลหรอก สาหร่ายอยู่ที่นี่ไม่รอดแน่ หรือต่อให้รอด ไอ้โรงงานเวรนั่นก็จะมากวาดล้างพวกมันอยู่ดี เพื่อไม่ให้มันขยายพันธุ์จนอุดตันท่อ”
นีลเซ็นเคยเป็นทหารมาก่อน จึงเชื่อฟังคำสั่งโดยธรรมชาติ เอ่ยว่า “บอสให้นายทำอะไรนายก็ทำตามนั้นเถอะ คิดหรือว่าเขาจะไม่นึกถึงตรงนี้ด้วย?”
ทั้งสองหยิบเมล็ดสาหร่ายออกมาเพิ่มจากหลังเจ็ทสกี ถุงสี่ใบมีกล่องเล็กทั้งหมดยี่สิบสี่กล่อง รวมกันได้ราวห้าสิบกิโลกรัม
ทั้งสามกระโดดลงน้ำ ต่างคนต่างหาท่อระบายน้ำก่อน วางกล่องเมล็ดสาหร่ายลงบริเวณปากท่อ
น้ำเสียที่ไหลออกจากท่อระบายอย่างบ้าคลั่ง ดูเหมือนภายในคลื่นใต้น้ำ กลิ่นเหม็นของสารเคมี ที่แม้จะสวมหน้ากากไว้ ฉินสือโอวก็ยังได้กลิ่น
เมื่อจัดการเรื่องเมล็ดเสร็จ ทั้งสามก็กลับไปยังเจ็ทสกี ฉินสือโอวหยิบขวดไอซ์ไวน์ที่เตรียมไว้ก่อนหน้าออกมา กล่าวยิ้มๆกับอีกสองคน “รู้ไหมว่านี่คืออะไร?”
ชาร์คและนีลเซ็นส่ายหน้าพร้อมกัน ฉินสือโอวทำประหนึ่งว่าชีวิตนั้นคือการแสดง และนี่ถือเป็นบททดสอบการแสดงของเขา เขากระแอมทีหนึ่ง แล้วพูดเสียงเข้มจริงจัง “นี่คือฮอร์โมนพืชที่จะช่วยเร่งการเจริญเติบโตของพืชอย่างรวดเร็ว ที่ฉันได้มาจากการกลับประเทศครั้งนี้ไงล่ะ!”
“อย่าดูถูกฮอร์โมนพืชเชียว แค่มิลลิลิตรเดียวก็มีผลทำให้น้ำทะเล ตะไคร่น้ำ และสาหร่ายในหนึ่งตารางเมตรเจริญเติบโตไวขึ้น จนพวกนายต้องไม่เชื่อแน่!”
“มีของแบบนี้อยู่ด้วยหรือ?” ชาร์คทั้งซื่อ ทั้งบื้อ
นีลเซ็นตอบ “มันคือพลังของเทคโนโลยี ตอนผมอยู่ในกองทัพก็เคยเห็นของน่าเหลือเชื่อมาเหมือนกัน”
ว่าไปฉินสือโอวก็ก่อร่างสร้างตัวมานานพอสมควร พลังโพไซดอนสามารถเร่งการเติบโตของตะไคร่ สาหร่ายและปลา และยังช่วยพัฒนาเรื่องการขยายพันธุ์ได้ด้วย หลังจากที่เขาใช้พลังโพไซดอนกับสิ่งมีชีวิตในฟาร์มปลา ชาร์คที่เป็นชาวประมงเก่าย่อมสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง
ดังนั้น เมื่อฉินสือโอวบอกว่าจะใช้เจ้าสิ่งที่เรียกว่า ‘เทคโนโลยีเร่งฮอร์โมนพืชขั้นสูง’ ก็พอช่วยอธิบายเหตุผลการเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมาของฟาร์มปลาได้ แต่ไม่นึกว่าเหตุผลมันจะเกินคาดขนาดนี้
ถึงชาร์คจะซื่อ แต่ก็ไม่ได้โง่ เขาถามอย่างไม่แน่ใจ “บอส คุณเอาของเหลวขึ้นเครื่องบินไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? แล้วคุณเอามาได้ยังไง?”
ฉินสือโอวจำต้องอธิบาย “ฉันไม่ได้เอาขึ้นเครื่องบินมา แต่ให้ไปรษณีย์ส่งมาให้ต่างหาก เมื่อวานตอนฉันไปส่งวินนี่ มันก็มาถึงเซนต์จอห์นพอดี”
ชาร์คกับนีลเซ็นกระจ่างทันที แล้วมอง ‘เทคโนโลยีเร่งฮอร์โมนพืชขั้นสูง’ ไม่ต่างจากเด็กที่ได้ของเล่นใหม่
เขายังคงทำประหนึ่งว่าชีวิตคือการแสดงต่อไป หยิบขวดไอซ์ไวน์เทกระจายลงไปในทะเลอย่างเคร่งขรึม
โพไซดอนอัดพลังเข้าไปยังบรรดากล่องตรงปากท่ออย่างดุเดือด เมล็ดหญ้าดูดซับพลังเอาไว้แล้วแตกหน่อด้วยความรวดเร็ว สักพักก็ผุดขึ้นมาจากกล่องที่อ่อนยวบพร้อมฟองอากาศ พันเกี่ยวเข้าด้วยกัน จนเริ่มเลื้อยไปตามความยาวของท่อ
เมล็ดสาหร่ายพวกนี้ก็คือเมล็ดสาหร่ายสีน้ำตาลชื่อก้องโลกนั่นเอง ฉินสือโอวซื้อมาเยอะเป็นพิเศษ จุดประสงค์เดิมไม่ใช่เพื่อเอามาจัดการกับโรงงานสองแห่งนี้ แต่เพื่อเตรียมเอามาทำป่าใต้ทะเลที่ฟาร์มปลาต่างหาก
สาหร่ายสีน้ำตาลเรียกได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยอดเยี่ยมในทะเลอันลี้ลับ พวกมันเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม สาหร่ายสีน้ำตาลหนึ่งต้นสามารถเติบโตได้วันละ 30-60 เซนติเมตร โดยยังสามารถโตได้เรื่อยๆทั้งปี จนสูง 60 กว่าเมตรได้สบายๆ
ช่วงฤดูใบไม้ผลิร้อน ขอแค่อุณหภูมิน้ำเหมาะสม สาหร่ายสีน้ำตาลจะสามารถโตได้วันละ 2 เมตรโดยประมาณ ทุกๆ 16-20 วันแทบใหญ่ขึ้นเป็นเท่าตัว
สิ่งมีชีวิตนี้พบเห็นได้ทั่วไปในทวีปอเมริกาชายฝั่งทะเลแปซิฟิก ประเภทสาหร่ายน้ำเย็น ที่แคนาดาก็มีเยอะเช่นกัน แต่ไม่ได้อยู่ในทะเลแอตแลนติกที่ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์
แน่นอนว่า เมื่อมีพลังจากโพไซดอน สาหร่ายสีน้ำตาลก็สามารถอยู่ในดินแอลคาไล(ดินเค็ม)ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่ฟาร์มปลาต้าฉิน
ด้วยยีนที่เติบโตอย่างรวดเร็วบวกกับพลังที่เร่งการเจริญเติบโตขั้นสูงสุด จนรวมกันกลายเป็นความน่าสะพรึงกลัว
หากมีคนอยู่ในน้ำ คงจะมองเห็นฉากดังนี้ เวลาในน้ำราวกับดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ไม่ต่างจากการลากเมาส์ในคอมพิวเตอร์ สาหร่ายสีน้ำตาลโตขึ้นอย่างบ้าคลั่ง จากเมล็ดเล็กๆไม่กี่วินาทีก็แตกหน่อออกมา แล้วโตขึ้นทุกๆวินาที แทบมองเห็นความเร็วเหล่านั้นได้ด้วยตาเปล่า!
โพไซดอนยังส่งพลังต่อไม่หยุด แก่นของลำต้นสาหร่ายสีน้ำตาลแตกหน่อนับไม่ถ้วน ตามลำต้น เริ่มออกกิ่งก้านเล็กๆกว่าร้อยก้าน และแตกใบน้อยๆ เมื่อใบเริ่มใหญ่ขึ้น จะมีความยาว 1 เมตรกว่า และความกว้าง 10 กว่าเซนติเมตร
ตามใบของสาหร่ายสีน้ำตาลมีถุงอากาศอยู่ เมื่อสร้างถุงอากาศจนเพียงพอก็สามารถพาใบหรือแม้แต่ทั้งต้นของมันลอยไปได้ พวกมันจึงดูเหมือนงูทะเลที่พันกันยุ่งเหยิง ด้วยการนำของจิตสำนึกโพไซดอน ทำให้มันเติบโตไปจนถึงภายในท่อ
แน่นอนว่า ด้านนอกท่อที่มีสาหร่ายขึ้นมากมาย ได้ถูกปกคลุมไปทั่วแล้ว
“นี่ไม่ใช่พลังของเทคโนโลยีแล้ว แต่เป็นพลังของพระเจ้า!” ฉินสือโอวตะลึงกับการเติบโตของสาหร่ายสีน้ำตาลทั้งหมดนี้ เขาไม่คิดมาก่อนว่า ที่แท้พลังของตัวเองจะน่ากลัวขนาดนี้
เขาเตรียมเมล็ดมาเยอะเกินไป ที่จริงถ้าเขารู้ว่าสาหร่ายสีน้ำตาลจะเพิ่มจำนวนได้จนน่าสะพรึงเช่นนี้ เอาเมล็ดไปแค่กล่องเดียว ก็แทบอุดท่อได้ทั้งโรงงานแล้ว
แม้จะยังอุดท่อไม่หมด แต่ถ้าสาหร่ายยังต่อไปโตเรื่อยๆ ก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว
“ไปกันเถอะ ไปโรงงานเคมีชุนเทียนต่อกัน!” ฉินสือโอวโบกมือนำ
“แบบนี้ได้ผลใช่ไหมครับ บอส?” ชาร์คถามด้วยความกังวล
ฉินสือโอวพูดอย่างมั่นใจว่า “เชื่อฉันเถอะ ชาร์ค โรงงานนี่มันจบเห่แล้ว!”
จิตสำนึกโพไซดอนพุ่งออกไปได้ราวสิบไมล์ มีงูทะเลหลากสีกลุ่มหนึ่งคอยอยู่ตรงนอกแนวปะการัง ราวกับกองทัพที่รอเตรียมออกรบ
งูทะเลพวกนี้ ก็คืองูแสมรังเหลืองลายคราม ที่ฉินสือโอวเคยเจอมาก่อนนั่นเอง ตอนแรกมีแค่ยี่สิบกว่าตัว แต่หลายวันก่อนฉินสือโอวลองหาดูรอบๆทะเลแล้ว ก็พบอีกสี่สิบห้าสิบตัว
เขาใช้พลังโพไซดอนเพิ่มพลังกับให้งูทะเล กลายเป็นว่าตอนนี้พวกมันดูน่ากลัวกว่าเดิม ทำเอาต้องแก้ความเข้าใจของผู้คนที่มีต่อพวกมันเรื่อง งูทะเลปกติจะมีความยาวไม่เกินสองเมตร ตอนนี้แม่งูตัวหนึ่งที่อยู่หัวแถวทัพ มีขนาดถึงห้าเมตรได้ จะตัวใหญ่เกินไปแล้ว!
จิตสำนึกของฉินสือโอวลอยผ่านไป พวกงูทะเลต่างว่ายสะบัดหางงุนงง จุดหมายคือที่ตั้งท่อระบายน้ำเสียของโรงงานเคมี
เมื่อมาถึงบริเวณโรงงานเคมีชุนเทียน ก็ใช้วิธีเดิม นำเมล็ดสาหร่ายไปวางแถวปากท่อระบายน้ำ แล้วสำแดงพลังโพไซดอน
คราวนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่นกว่า เพราะโรงงานเคมีชุนเทียนไม่ได้รับผลกระทบจากการประท้วง จึงเลิกงานตอนเย็น ท่อระบายน้ำก็ไม่ได้ปล่อยน้ำเสียออกมา
ท่อระบายน้ำโรงงานนี้เจ้าเล่ห์ยิ่งกว่า พวกเขาวางท่อไว้ใต้พื้นทะเล หากมีคนมาหาคงหาเจอได้ยากมาก ด้วยเหตุนี้ ทำให้ง่ายต่อการเพิ่มจำนวนท่อ
สำหรับท่อระบายน้ำเสีย สาหร่ายสีน้ำตาลก็เปรียบเสมือนศัตรูตามธรรมชาติโดยกำเนิด พวกมันชอบเกิดตามโขดหินใต้ทะเลลึกที่มีกระแสน้ำเชี่ยว ซึ่งท่อน้ำที่มีปั๊มแรงดันกับโขดหินใต้ทะเลกระแสน้ำเชี่ยวนั้นมีความคล้ายกันมาก
นอกจากนี้ ถิ่นอาศัยของสาหร่ายสีน้ำตาลปกติจะกระจายอยู่ตามระดับน้ำ 5 ถึง 20 เมตร และท่อระบายน้ำก็อยู่ที่ความลึกประมาณสิบกว่าเมตรของพื้นทะเล…
พูดง่ายๆคือ ไม่ต่างจากการลงทัณฑ์ของพระเจ้า ที่แม้แต่พระองค์ยังไม่อยากเห็นสวนของตัวเองโดนโรงงานเคมีพวกนี้ทำลายไป
………………………………………………..
[1] ชื่อทหารชาวจีนคนหนึ่งที่อุทิศตนจนเสียชีวิตในช่วงสงคราม แล้วได้รับการยกย่อง
บทที่ 73 ไม่ทำมันแล้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy
รุ่งเช้า เจ้าของโรงงานเคมีชุนเทียน คาคา ซันนี่สาวเท้าไปยังคฤหาสน์หลังเล็กที่ตั้งอยู่ในโรงงานของตัวเอง
เพิ่งถึงหน้าประตู โทรศัพท์ก็แผดเสียงขึ้น เขาเห็นว่าเป็นเบอร์เพื่อนเก่าอย่างเคลวิน สตีฟจึงรับสาย
“ไงเพื่อนยาก เคลวิน นึกยังไงถึงโทรมาหาฉันเนี่ย? จะมาอวดรายชื่อของชิ้นใหญ่อะไรที่นายได้มาอีกเหรอ? ฮ่าๆ เพื่อน ฉันรู้น่า ฉันไม่อิจฉาหรอก…อะไรนะ?”
“เวรแล้วไง เคลวิน เงียบก่อน! ฟังนะ ฉันขอถามหน่อย ท่อระบายน้ำเสียที่โรงงานเคมีนายไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม? ท่อน้ำฉันโดนอุดหมดแล้ว!” เสียงตะโกนเจ้าของโรงงานสตีฟดังทะลุโทรศัพท์เข้าเต็มหู
คาคาชะงัก ก่อนเอ่ยอย่างกระวนกระวาย “ท่อนายโดนอุดหมดเลยเหรอ? งั้นคงต้องขุดลอกท่อแล้วล่ะ ว่าแต่นายโทรมาหาฉันทำไมเนี่ย?”
“ท่อระบายทั้งสิบสองท่อโดนอุดหมดเลยไงเล่า ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติแน่ เว้นแต่จะเกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเล! ฉันโทรหานาย ก็เพื่อจะถามว่านายมีปัญหาอะไรหรือเปล่าเท่านั้น”
คาคาตอบ “ไม่ๆ ทางฉันไม่มีปัญหาอะไร ถ้ามี ผู้จัดการโรงงานคงรายงานให้ฉันรู้ไปแล้ว ไม่ต้องคิดมาก เพื่อน หรือใต้ทะเลจะแผ่นดินไหวจริงๆกันนะ ฮ่าๆ ไปขุดลอกท่อเถอะ ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดี”
แม้เบื้องหน้าจะเป็นเพื่อนกัน แต่เบื้องหลัง คาคากับเคลวินก็ถือเป็นคู่แข่ง ถึงอย่างไรบนเกาะแฟร์เวลก็มีโรงงานเคมีตั้งสองแห่ง ที่หนึ่งคือโรงงานเคมีชุนเทียนของเขา อีกที่คือโรงงานเคมีสตีฟของเคลวิน เทคโนโลยีการผลิตไม่ต่างกันมาก ลึกๆแล้วความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีเท่าไร
พอได้รู้ว่าโรงงานคู่แข่งเกิดเรื่องวุ่นขึ้น คาคาก็อารมณ์ดีมีความสุขมากทีเดียว แต่ความรู้สึกนี้ก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อมาถึงห้องทำงาน เขาเห็นเดวิสผู้จัดการโรงงานของตัวเองกำลังยืนรอด้วยความร้อนรน
“มีอะไร?” คาคารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
“บอส ผมไม่รู้ว่าควรพูดยังไงดี ดูเหมือนท่อระบายน้ำเสียเราจะโดนอุดครับ ทั้งสิบท่อเลย!” เดวิสกล่าว
คาคาร้อนใจทันที เขาโมโหพูดว่า “ในเมื่อมันตัน แกยังไม่รีบไปจัดการอีก มารออะไรตรงนี้? อยากโดนด่าหรือไง? ไอ้โง่!”
เดวิสจำต้องอธิบาย “ผมใช้ปั๊มแรงดันขั้นสุดแล้ว แต่ก็ยังล้างไม่ได้เลยครับ รอบนี้คงต้องจัดให้คนไปทำความสะอาดใต้ทะเลแล้ว”
ได้ฟังดังนั้น คาคาก็สบถเสียงดัง “บ้าเอ๊ย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? จัดให้คนไปทำความสะอาดใต้ทะเลเหรอ? แกไม่รู้เหรอว่ามันแพงแค่ไหน! ดี ดูเหมือนชาวเมืองแฟร์เวลจะเริ่มลงมือกันแล้วสินะ ไอ้พวกหมูตอน ฉันคงต้องสั่งสอนพวกเขาเสียหน่อย ฉันจะจัดการพวกมันแน่!”
เดวิสรอจนหัวหน้าระบายความโกรธเสร็จ จึงอธิบายต่อว่า “บอส ผมเกรงว่ามันจะไม่ใช่กรณีนั้น จากการตักของที่ตันในท่อออกมาดูกองหนึ่ง สิ่งที่ตันท่อระบายน้ำอยู่มันคือสาหร่ายครับ…”
“นี่แกล้อฉันเล่นหรือไง? ท่อระบายน้ำโดนสาหร่ายอุดเนี่ยนะ? สาหร่ายบ้าอะไรจะอยู่รอดในน้ำเสียโรงงานได้?!” คาคาคำรวมด้วยความโกรธ “ไป เอามาให้ฉันดูซิ ว่ามันเป็นอะไรกันแน่!”
เมื่อมาดูศูนย์บำบัดน้ำเสียของโรงงาน ความเดือดดาลของคาคาก็ถูกแทนที่ด้วยความตกตะลึง ที่แท้ สิ่งที่อุดตันท่อไว้ก็คือสาหร่ายจริงๆ เพราะยามนี้มีใบสาหร่ายโผล่ขึ้นมาจากปากท่อบำบัดน้ำ
ใบสาหร่ายสีเขียวเข้มมีชีวิตชีวา ดูมีความสดใสกว่าเมื่อเทียบกับสีเทาดำของน้ำเสีย ตัวใบพลิ้วไหวราวกับกำลังทักทายเยาะเย้ยคาคา
พอเห็นใบสาหร่ายพวกนี้ เดวิสก็ยิ่งตกใจ “พระเจ้า นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมพวกมันถึงโตเร็วขนาดนี้! เมื่อเช้าตอนผมไปตรวจสอบดู ใบมันยังไม่ขึ้นมาด้วยซ้ำ!”
คาคาอดหงุดหงิดไม่ได้ กล่าวว่า “รีบส่งคนลงน้ำไปดูที่ปากท่อสิ”
คนงานในชุดประดาน้ำกลุ่มหนึ่งลงน้ำไป แล้วกลับมาพร้อมข่าวที่ทำให้คาคาต้องอ้าปากค้าง ไม่สามารถหาตัวท่อเจอได้ เพราะทะเลทั่วบริเวณนั้นถูกสาหร่ายสีน้ำตาลกลืนไปหมดแล้ว!
“สาหร่ายสีน้ำตาล? สาหร่ายสีน้ำตาลมาจากไหนกัน?” คาคาพึมพำ “เมื่อวานตอนเลิกงานก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแท้ๆ ทำไมจู่ๆในน้ำถึงมีสาหร่ายสีน้ำตาลมากมายขนาดนี้ได้ เป็นไปไม่ได้ ไม่เป็นวิทยาศาสตร์เอาเสียเลย…”
พึมพำสักพัก โทรศัพท์เขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นเบอร์ของเคลวิน สตีฟเช่นเดิม เขารับสาย เสียงปลายสายของเคลวินไม่ค่อยสู้ดีนัก
“เพื่อน นายพอจะรู้จักบริษัทที่รับจัดการสาหร่ายบ้างหรือเปล่า? ฉันจะให้พวกเขามาช่วยจัดการไอ้พวกสาหร่ายสีน้ำตาลเวรนี่ ท่อระบายน้ำในทะเลฉันโดนสาหร่ายอุดหมดแล้ว!”
“ของฉันก็โดนเหมือนกัน เคลวิน” คาคาพูดอย่างหดหู่
“อะไรนะ? นี่มันเรื่องอะไรกัน? หรือพวกเราโดนคนปั่นหัวเข้าแล้ว?”
“แน่นอนเลย แต่เกิดอะไรขึ้นกับสาหร่ายสีน้ำตาลพวกนี้? เกาะแฟร์เวลมีสาหร่ายตั้งแต่เมื่อไร? แล้วก็ ทำไมมันถึงโตเร็วขนาดนั้น? ต้องสืบ ยังไงก็ต้องตามสืบเรื่องนี้ให้ได้! ฉันจะให้ไอ้ตัวการเบื้องหลังได้ชดใช้!”
“ตอนนี้สิ่งสำคัญคือการเปิดท่อระบายน้ำให้ได้ เวรเอ๊ย ฉันเพิ่งเซ็นสัญญาไปฉบับหนึ่ง PCV ห้าสิบตัน สิ้นเดือนนี้ต้องส่งแล้ว ถ้าเกิดส่งไม่ได้ขึ้นมา ได้ขาดทุนย่อยยับแน่!”
ใช่ สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือกำจัดสาหร่ายสีน้ำตาลออกจากท่อระบายน้ำเสียก่อน คาคาอับจนหนทาง เครื่องปั๊มแรงดันก็ไร้ประโยชน์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแรงงานคน แถมยังเข้าไปในปากท่อได้จำกัดอีก ต้องหาเครื่องมือมาช่วยกำจัด แต่ไม่น่าไหว ท่อตั้งยาว…
“บอส ผมคิดวิธีได้อย่างหนึ่ง ถ้าสิ่งที่อุดตันท่อคือสาหร่ายสีน้ำตาล งั้นเราแค่ตัดรากมันออกก็ได้นี่ครับ แบบนี้ก็น่าจะแก้ปัญหาได้ทั้งหมดแล้ว?” เดวิสเสนอแนะ
คาคาได้ฟังตาก็เป็นประกาย เขายื่นมือไปตบบ่าเดวิสแรงๆทีหนึ่ง เอ่ยว่า “พูดได้ดี เดวิส พ่อคนฉลาด! รู้อยู่แล้วว่า ฉันเลือกผู้จัดการโรงงานอย่างนายได้ไม่ผิดจริงๆ เร็ว พาคนไป…ไม่สิ ฉันจะพาคนไปถอนรากถอนโคนไอ้พวกสาหร่ายเวรนั่นเอง!”
การลงไปใต้น้ำสิบเมตรสำหรับกะลาสีเก่าบอกได้เลยว่าโซอีซี่ คาคาสวมชุดประดาน้ำ ถือเครื่องตัดใต้น้ำแล้วลงไปในน้ำ พร้อมคนงานแข็งแรงที่เขาเลือกมาอีกสิบกว่าคน
หลังลงน้ำมา คาคาว่ายไปพลางมองผ่านแว่น แล้วก็ต้องตื่นตะลึง
ใต้ทะเลก่อนหน้านี้ยังเป็นที่รกร้างเหมือนทะเลทรายซาฮาร่า มาตอนนี้กลับกลายเป็นเหมือนป่าอเมซอนไปแล้ว ถ้าตัดท่อระบายน้ำตามเส้นฝั่งทะเลออก ทะเลก็จะสะพรั่งไปด้วยสาหร่ายสีน้ำตาล แกนของสาหร่ายทั้งหมดมีความหนา 20 กว่าเซนติเมตร พูดง่ายๆคือเหมือนต้นไม้หนาๆต้นหนึ่ง หนาจนน่าตกใจ
กิ่งก้านสาหร่ายเกี่ยวพันเข้าด้วยกัน ราวกับแหขนาดใหญ่ ล้อมรอบป้องกันใต้ทะเล อย่าว่าแต่ท่อระบายน้ำเลย ทางผ่านก็โดนมันปิดตายไปหมด!
“บ้าเอ๊ย!” คาคาพึมพำ “เป็นไปได้ยังไง แค่คืนเดียวทำไมถึงงอกออกมาเยอะขนาดนี้? คงไม่ใช่ว่าเมื่อวานโรงงานปล่อยปุ๋ยเคมีออกมาหรอกนะ?”
พึมพำสักพัก คาคาก็ปลุกใจตัวเอง แกว่งเครื่องตัดใต้น้ำเข้าไปใกล้สาหร่ายเริ่มตัดแกนพวกมัน แค่ตัดรากมันเท่านั้น พวกมันก็ตายแล้ว
แกนสาหร่ายสีน้ำตาลเต็มไปด้วยความหนา และความเหนียว เครื่องตัดใต้น้ำก็ไม่คมพอจะตัดเข้า ดังนั้นจึงต้องใช้แรงในการตัดมาก
ขณะที่คาคากำลังกัดฟันตัด ทันใดสาหร่ายยาวๆเส้นหนึ่งก็ลอยมาทางเขา เขาใจชื้นขึ้น พึมพำว่า “เจ้าหนุ่มคนไหนตัดได้เร็วขนาดนี้กัน?”
เขาตัดไปมองไป ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง จึงเพ่งมองดีๆอีกครั้ง จนเห็นหางของงูแสมรังเหลืองลายครามตัวหนึ่งเต็มๆ “อ๊าก!! พระเจ้า งูทะเล! แม่งเอ๊ย เวร! แม่งเป็นงูทะเลนี่หว่า!!”
เมื่อเห็นตัวที่ยาวถึงสี่ห้าเมตร ตัวใหญ่หนา และลายขาวดำสวยงามบนร่างของงูยักษ์ คาคาก็รู้สึกร้อนๆในกางเกง เขากลัวจนฉี่แตกแล้วนั่นเอง!
ขณะเดียวกัน มีงูทะเลอีกสิบกว่าตัวว่ายโผล่ออกมาจากจุดต่างๆ คนงานที่กำลังทำงานต่างหวาดผวา โยนเครื่องตัดในมือทิ้งขึ้นน้ำหนีเอาตัวรอดกัน ใช้ทั้งมือทั้งเท้าว่าย ขอบารมีพ่อแม่ช่วยมอบกำลังให้แก่มือเท้าสองคู่
แม้ผู้เชี่ยวชาญจะรายงานว่าไม่มีงูทะเลในทะเลแอตแลนติก แต่ชาวประมงในพื้นที่ล้วนรู้ดีว่ามันไร้สาระ ผู้เชี่ยวชาญพวกนั้นก็แค่พูดพล่อยๆ ชาวประมงเกาะแฟร์เวลรู้ว่า ต้องระวังงูทะเลช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะตามโขดหินแถวชายฝั่ง มักมีงูทะเลซ่อนอยู่
ทว่า ถ้าว่ากันตามปกติงูทะเลไม่ได้ดุร้าย ตราบใดที่ไม่ไปรบกวนพวกมันก่อน มันก็จะไม่กัด ต่อให้ว่ายผ่านพวกมันไป ก็ไม่ทำอันตรายอะไร
แต่ว่ายามนี้ พวกงูทะเลที่กำลังว่ายไปมานั้นสำหรับมนุษย์มันเกินจะรับไหวจริงๆ มาบอกว่าไม่ดุร้าย ใครเชื่อก็โง่แล้ว!
คนส่วนใหญ่รู้ดีทั้งนั้น ว่างูทะเลมีพิษ และยังร้ายแรงมากด้วย
เหล่าผู้ช่วยรีบว่ายตาลีตาเหลือก ซึ่งคนที่โดนทิ้งท้ายสุดก็คือหัวหน้าที่ไม่ค่อยออกกำลังกายนั่นเอง งูทะเลไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็เข้ารัดตัวคาคา
คาคายกมือยอมแพ้ เจอแบบนี้ไม่ใช่แค่กลัวจนฉี่ราดแล้ว แต่แทบอึราดตามเลยทีเดียว!
เมื่องูทะเลยักษ์รัดตัวคาคาได้ ก็อ้าปากกว้างน่ากลัว แล้วกัดคอเขาอย่างโหดร้าย จากนั้นพอเห็นว่าเขาตายแล้ว มันจึงปล่อยแล้วว่ายต่อ ไล่ตามคนอื่นๆ
คาคาก็คิดว่าตัวเองคงตายแน่ พิษงูทะเลเลยนะ แต่หลังจากที่เขาโดนกัด กลับไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่สัมผัสได้ถึงหยดเมือกเหนียวเย็นๆตรงคอ
ในเมื่อไม่ตายก็หนีต่อ คาคาตะเกียกตะกายมือเท้าจนในที่สุดก็ว่ายถึงผิวน้ำ พอขึ้นหาดมาได้ เขาก็ทนไม่ไหว ปล่อยโฮเสียงดัง…
เดวิสที่กำลังรอรีบเข้ามาช่วยเขาถอดชุดดำน้ำออก กลิ่นของเสียลอยเข้าหน้าเต็มๆ แทบทำคนที่เดินผ่านอาเจียน
คาคาคว้าเดวิส ลากคอมาถามไปร้องไห้ไป “รีบดูเร็ว รีบดูที ฉันโดนงูพิษกัดไปหรือยัง!”
เดวิสตรวจดูอย่างละเอียด ก่อนเอ่ยยืนยัน “ไม่มีครับ บอส คุณยังไม่โดนงูกัดครับ!”
“โกหก!” คาคาทั้งโล่งใจทั้งโมโห เขาลากชุดดำน้ำมา มองหารอยกัดตรงคอ ก็ดันปรากฏรอยฟันเล็กๆสี่ซี่
เดวิสกระจ่างทันที เอ่ยว่า “บอส พระเจ้าทรงคุ้มครอง งูพิษนั่นกัดโดนแค่ชุดประดาน้ำของคุณ มันเข้าใจว่าปล่อยพิษใส่ร่างคุณไปแล้ว แต่ที่จริงไม่ใช่ มันกัดแค่ชุดดำน้ำคุณไปเท่านั้นเอง…”
คาคาปล่อยโฮเสียงดังอีกรอบ ครั้งนี้เขาหนีจากความตายมาได้ เขาเพิ่งรอดจากเงื้อมมือซาตานมา ร้องจนพอใจแล้ว เขาก็ยันตัวขึ้นกล่าวว่า “ช่างโรงงานมันแล้ว ไม่ทำแม่งแล้ว! พ่อจะหนีไปจากไอ้โลกนรกนี่!”
ณ ท่าเรือฟาร์มปลาต้าฉิน ฉินสือโอวควบคุมให้งูทะเลกลับไปซ่อนในส่วนลึกของป่าสาหร่ายสีน้ำตาล ตอนนี้เขาเหนื่อยมากทีเดียว เขาต้องควบคุมงูทะเลให้หลอกคนพวกนั้นจนกลัว และแกล้งกัดชุดประดาน้ำผ่านๆโดยไม่ทำให้พวกเขาบาดเจ็บอีก งานที่ต้องละเอียดขนาดนี้จะเหนื่อยเกินไปแล้ว…
……………………………………………….
บทที่ 74 ตกปลา
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังแกล้งหลอกพวกคนจากโรงงานเคมีชุนเทียนและโรงงานเคมีสตีฟที่จะมาถอนรากสาหร่ายสีน้ำตาล ฉินสือโอวก็เรียกจิตสำนึกโพไซดอนกลับมา แล้วเริ่มกระจายพลังโพไซดอนเป็นวงกว้างในทะเลบริเวณฟาร์มปลาต้าฉิน
ถ้ารู้แต่แรกว่าพลังโพไซดอนสามารถเพิ่มสาหร่ายสีน้ำตาลจนสร้างเป็นป่าได้ เขาจะได้ขยายพันธุ์สาหร่าย เป็นอาหารให้พวกปลา และดึงดูดแพลงก์ตอนกับกุ้งมา
เขาแผ่พลังโพไซเป็นวงกว้าง ปกติจะไม่เห็นผลทันทีในระยะสั้น แต่ด้วยอัตราการเจริญเติบโตสาหร่ายที่เพิ่มขึ้นไม่น้อย โดยเฉพาะสาหร่ายสีน้ำตาล ที่ค่อยๆโตขึ้นทันทีหลังฝังราก แล้วโตอย่างรวดเร็วจนหนึ่งเมตรกว่า
หญ้าปลาไหลที่กำลังโตก็เป็นชนิดเดียวกับสาหร่ายสีน้ำตาล นอกจากนี้ยังมีสาหร่ายทุ่น สาหร่ายที่มีลักษณะยาว มีแค่พวกมันที่ลอยได้
สาหร่ายทุ่นเป็นสาหร่ายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของฟาร์มปลาในนิวฟันด์แลนด์ พบเห็นได้ยากมากในแถบอเมริกาเหนือ เนื่องจากพวกมันมักอาศัยในเขตร้อนและเขตอบอุ่น ส่วนใหญ่อยู่ตามอ่าวเม็กซิโก และฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ เพราะมีกระแสน้ำอุ่นในอ่าวเม็กซิโกนั่นเอง
พูดง่ายๆ สาหร่ายส่วนใหญ่ที่ฟาร์มปลาเป็นประเภทสาหร่ายสีน้ำตาล ส่วนประเภทสาหร่ายสีเขียวและสีแดง แม้อุณหภูมิน้ำจะไม่ถึงเกณฑ์ และมีมลพิษในน้ำทะเล แต่ด้วยความช่วยเหลือของพลังลึกลับบางอย่าง สาหร่ายพวกนี้จึงยังเติบโตอยู่ได้
เช่นเดียวกับพวกแพลงก์ตอนพืชที่ลอยไปมาในน้ำทะเล ตามกระแสน้ำและคลื่นน้ำแล้วตั้งถิ่นฐานทุกหนแห่ง สิ่งมีชีวิตต่างๆที่อยู่ตามพื้นทะเล โดยเฉพาะตามโขดหิน เริ่มเห็นสาหร่ายงอกงามขึ้นมา สีสันสดใสของพืชน้ำทำให้โลกใต้ทะเลดูตระการตาขึ้น
แน่นอนว่า สาหร่ายที่มากขึ้นทำให้มองไม่เห็นพวกสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ผู้ที่เป็นเจ้าของฟาร์มปลาดั้งเดิม ที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น กระจัดกระจายอยู่ในทุกส่วนของน้ำทะเล นับไม่ถ้วน
ตามสถิติพืชเซลล์เดียวพวกนี้ สามารถยึดครองพื้นที่ถึง 90%ของพืชทะเลทั่วไปในฟาร์มปลา ผ่านกระบวนการสังเคราะห์แสงอินทรีย์
สาหร่ายถือเป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในทะเล และมีส่วนช่วยให้ปลา กุ้ง หอย ปูเจริญเติบโต พูดง่ายๆคือเป็นเหมือนหญ้าเลี้ยงปศุสัตว์นั่นเอง
เมื่อเห็นสาหร่ายที่กำลังเติบโตกันอย่างมีชีวิตชีวา ฉินสือโอวก็ถอนหายใจโล่งอก ฟาร์มปลาดำเนินไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว พอสาหร่ายโตเต็มที่ ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องจะไม่มีปลากุ้งมาที่ฟาร์มปลา มีต้นอู๋ถง(ต้นเมเปิลจีน)ในบ้าน ก็เหมือนมีหงส์(สัตว์มงคล)เป็นของตัวเอง สาหร่ายที่ไม่มีอะไรดึงดูดสายตากลับเป็นเหมือนต้นอู๋ถงของฟาร์มปลาไปได้
ในใจรู้สึกยินดี ขณะฉินสือโอวยืนบิดขี้เกียจ เรือลาดตระเวนแฟร์เวลก็ปรากฏขึ้น เข้ามายังท่าเรืออย่างรวดเร็ว
แฮมเล็ตกับดอนต่างเดินพูดคุยหัวเราะกันระหว่างลงจากเรือ ด้านหลังมีอลันที่เดินนวดตาด้วยความมึนออกมาจากห้องโดยสาร
“เป็นยังไงบ้างครับ?” ฉินสือโอวเอ่ยยิ้มๆ
ดอนพูดอย่างเบิกบานว่า “ไม่เลวเลย เกินคาดทีเดียว ฉิน นายขึ้นเรือไปดูสิ ว่ามีของอะไรที่นายชอบไหม?”
การตกปลาทะเลกับการตกปลาทะเลสาบนั้นต่างกัน ส่วนใหญ่ปลาที่ตกได้จะมีขนาดยี่สิบเซนติเมตรขึ้นไป ถ้าได้ปลาตัวเล็กก็สามารถปล่อยกลับลงทะเลหรือนำมาทำเป็นเหยื่อได้ จนในที่สุด ก็ได้มาแต่ปลาครึ่งเมตรขึ้นไปทั้งนั้น สุดท้ายปลาก็ถูกเก็บไว้ในห้องแช่แข็งในเรือประมง
ห้องแช่แข็งเรือลาดตระเวนอยู่ใต้ดาดฟ้า ฉินสือโอวลงไปดู ก็พบว่าการผจญภัยของทั้งสามคนรอบนี้ถือว่าโชคดีทีเดียว ปลาใหญ่ครึ่งเมตรสิบกว่าตัวแขวนไว้ มีปลาค็อด ปลาจานแดง และปลาเทราต์ รวมถึงปลากระโทงร่มขนาด 70 เซนติเมตร ช่างยอดเยี่ยมไปเลย
ยังมีปลาขนาดเล็กอื่นๆอีกเพียบ ส่วนใหญ่เป็นปลาแฮร์ริ่งแอตแลนติก กับปลากระบอกเทาที่พบเห็นได้บ่อยในทางเหนือ ไม่มีอะไรน่าสนใจ
แต่ก็ไม่อยากปฏิเสธความหวังดี ฉินสือโอวจึงเลือกปลาค็อดยาวครึ่งเมตรตัวหนึ่ง แล้วเอ่ยทั้งรอยยิ้มว่า “เดี๋ยวผมไปเชิญคุณลุงฮิคสันมาทำปลาค็อดอร่อยๆนะครับ พอถึงเวลาพวกคุณมาจะชิมด้วยกันก็ได้”
พอเห็นฉินสือโอวเลือกปลาใหญ่ไปตัวหนึ่ง สองพ่อลูกดอนและอลันกลับไม่ดีใจ เพราะพวกเขาทั้งใช้เรือของฉินสือโอว โดนออกเงินค่าเรือค้างแรมดีๆแทนให้ ซึ่งต้องไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันดอลลาร์แคนาดาแน่ แล้วยังใช้น้ำมันของตัวเองอีก
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงรู้สึกไม่ดี ถ้าฉินสือโอวไม่อยากได้ปลาของพวกเขา คราวหน้าพวกเขาคงไม่กล้ามายืมเรือแล้ว พอตอนนี้ฉินสือโอวยังเลือกปลาธรรมดาไปแค่ตัวเดียวอีก เหมือนไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่คนอื่นใช้เรือตัวเองเลย
ดอนรู้สึกผิด แต่ก็ยังพูดออกไปว่า “ฉิน ขอบคุณเรื่องเรือของนายมากเลยนะ มันเป็นดาวนำโชคเลย พวกเรา…คือขอโทษจริงๆ เย็นนี้พวกเรายังอยากไปออกทะเลกันอีกรอบ…”
“งั้นใช้เรือลำนั้นก็ได้นี่ ไม่ต้องเกรงใจหรอก เพื่อน” ฉินสือโอวมองความลำบากใจของดอนออก เลยเอ่ยยิ้มๆ “ถ้าพวกคุณคิดว่าผมจะเป็นคนขี้เหนียวล่ะก็ คิดผิดแล้ว”
แฮมเล็ตทำให้เป็นทางการโดยเอ่ยเชิญไปตรงๆ “ฉิน เย็นนี้นายยังมีธุระอีกไหม? ถ้าไม่มีก็ไปเที่ยวทะเลกับพวกเราสิ เชื่อเถอะ มันไม่เลวเลย ตกปลากลางคืนเป็นความสนุกอย่างหนึ่งในชีวิตเชียวนะ”
เรื่องโรงงานสองแห่งจัดการไปได้เยอะแล้ว ฉินสือโอวครุ่นคิดที่จริงตอนเย็นก็ไม่มีธุระอะไร จึงตอบอย่างยินดี “ได้ครับ เดี๋ยวเย็นนี้ผมไปหาพวกคุณดีไหม?”
ได้ฟังดังนั้น ดอนก็ตื่นเต้น ตบบ่าเขาพูดว่า “เย็นนี้ต้องสนุกแน่ แต่ตอนนี้พวกเราคงต้องขอตัวไปพักก่อน”
ในฟาร์มปลาลูกปลาแฮร์ริ่งกับลูกปลาค็อดยังอยู่รอดดี ชาร์คแนะนำให้ฉินสือโอวซื้อลูกปลามาปล่อยในบ่อเพาะพันธุ์เพิ่ม ฉินสือโอจึงตัดสินใจซื้อปลาค็อดห้าล้านตัวและปลาแฮร์ริ่งแปดล้านตัว
นอกจากนี้ เขายังนำเข้าปลาเทราต์แอตแลนติกตัวใหญ่มา หรือก็คือแซลมอน ปลาเศรษฐกิจสายพันธุ์หนึ่งที่สำคัญของอเมริกาเหนือนั่นเอง
แต่ปลาพวกนี้บอบบางมาก ไม่เหมือนกับปลาค็อดที่ทนทานกว่า ฉินสือโอวจึงเลือกมาแค่หนึ่งล้านตัวก่อน
ชาร์คกับซีมอนสเตอร์รู้สึกว่าเขารีบร้อนเกินไป แต่ฉินสือโอวค่อนข้างมั่นใจ เพราะมีแค่เขาที่รู้ว่า สภาพแวดล้อมของสาหร่ายที่ฟาร์มปลาตอนนี้อยู่ในขั้นดีแค่ไหน
ตกเย็น แฮมเล็ตกับดอนขับคาเมโรมาอีกครั้ง ฉินสือโอวชวนชาร์คกับซีมอนสเตอร์ และนีลเซ็น ซึ่งมีแค่นีลเซ็นที่ยอมไปตกปลากลางคืนด้วย อีกสองคนอยากกลับไปหาครอบครัวมากกว่า เขาไม่ได้บังคับอะไร แล้วทั้งคนห้าคนขึ้นเรือไป
ตอนนี้เป็นเวลายามพระอาทิตย์ตกดิน เรือลาดตระเวนมุ่งหน้าสู่ทิศใต้ไปอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวนั่งบนดาดฟ้ามองสีแดงส้มของสนธยา ลมทะเลพัดผ่าน ใจนิ่งสงบ
หู่จือกับเป้าจือนอนพิงเขาซ้ายขวา พลางแข่งกันแทะกระดูกยางชิ้นหนึ่งในปาก
แฮมเล็ตเป็นคนเอาพวกกระดูกยางมาให้วันนี้ เขามีประสบการณ์เลี้ยงหมามาก่อน จึงสอนเคล็ดลับการเลี้ยงแลบราดอร์ให้ฉินสือโอว การป้อนอาหารขบเคี้ยวบ่อยๆก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
ของขบเคี้ยวหมาใช้แผ่นเนื้อวัว เนื้อหมูและขี้เลื่อย อาหารหมาที่นำมาผสมกัน อุดมไปด้วยโปรตีน ไขมัน แคลเซียมและน้ำ เวลาที่น้องหมากัดแทะจะช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้ฟันแข็งแรง ลดกลิ่นปาก และป้องกันโรคอ้วน
โดยเฉพาะการทำความสะอาดช่องปาก แลบราดอร์เป็นโรคในช่องปากได้ง่าย การเคี้ยวยางจะช่วยลดการอักเสบของเหงือกและสิ่งสกปรกอื่นๆ
สำหรับฉินสือโอว ของขบเคี้ยวก็เป็นของเล่นที่ดี
ดาดฟ้าของเรือแฟร์เวลยาวแปดเมตร เขาผิวปาก เรียกหู่จือกับเป้าจือมาด้านหน้า แล้วโยนของขบเคี้ยวไป เห็นดังนั้น เจ้าเด็กสองตัวก็พุ่งไปงับตามสัญชาตญาณอย่างรวดเร็ว คราวนี้ ฉินสือโอวส่งสัญญาณมือให้พวกมันคาบกลับมา
เห็นดังนั้น แฮมเล็ตก็กล่าวยิ้มๆว่า “ฉิน นายฝึกพวกมันเร็วไปแล้ว ถึงแลบราดอร์จะฉลาด แต่พวกมันก็เป็นแค่หมาไม่ใช่…หา บ้าน่า นายทำให้ที่ฉันพูดดูไร้สาระไปเลย!”
ฉินสือโอวทำมือ หู่จือกับเป้าจือก็วิ่งเตาะแตะกลับมาวางของขบเคี้ยวบนมือทันที แฮมเล็ตเคยเลี้ยงหมาซื่อบื้อ เคยเห็นหมาฉลาด แต่ไม่เคยเห็นหมาที่ฉลาดแบบลูกสุนัขพวกนี้มาก่อน
ฉินสือโอวปาของขบเคี้ยวไปอีกรอบ คราวนี้ไม่ทำมือ เด็กสองตัวสองตัวก็พุ่งไปคาบกลับมาวางบนมือเขาอีก
“พระเจ้า พวกมันฉลาดพอๆกับเด็กเลย” แฮมเล็ตตะลึง “นายไปเอาเจ้าสองตัวนี้มาจากไหนกัน? ฉิน พอจะยกให้ฉันเลี้ยงสักตัวได้ไหม?”
ฉินสือโอวลูบหัวเล็กๆของหู่จือกับเป้าจืออย่างอ่อนโยน กล่าวว่า “พวกมันอาจไม่ใช่เด็กฉลาด แต่ยังไงก็เป็นลูกผม ผมคงไม่อาจหาตัวไหนที่น่ารักเท่าที่เด็กพวกนี้มอบให้ผมได้อีกแล้ว ต้องขอโทษด้วย”
หู่จือและเป้าจือแลบลิ้นเลียมือฉินสือโอว ตาดำโตจ้องผู้เป็นนายอย่างจดจ่อ
อาทิตย์ตกสู่ลำน้ำ ทะเลหลอมตะวันให้ดูกลม
ฉินสือโอวกำลังจ้องมอง ตะวันสีส้มร่วงลงสู่ทะเลเบื้องล่าง เดือนเข้าขึ้นครองหมู่ดารา จันทร์แขวนเด่นบนท้องฟ้า ดวงดาวค่อยๆเผยกายออกมา
เพราะมลพิษของโรงงานสองแห่งที่มีผลกระทบต่อเกาะแฟร์เวล ทำให้ท้องฟ้าดำมืดยิ่งกว่าทะเล ฉินสือโอวเอนนอนลงบนดาดฟ้ามองไปยังฟ้ามืดแต่ดาวพร่างพราย แล้วรู้สึกว่าชีวิตช่างสวยงามเหลือเกิน
ดอนขึ้นมาส่งสเต็กปลากระบอกเทาทอดให้ ฉินสือโอวขอบคุณแล้วกัดไปคำหนึ่ง ซอสเกรวี่สีขาวผสมกับน้ำมันมะกอกสีทองอย่างลงตัว ความอร่อยของเนื้อปลาสดใหม่ที่กระแทกเข้ากับต่อมรับรส ทำเอาเขาต้องยกนิ้วโป้งให้เลย
ดอนไม่รู้จะพูดอะไร เขาจึงยิ้มมองฉินสือโอวกินอย่างดีใจ แล้วหาเรื่องคุย “ที่จริงฉันมาตามคำขอของแฮมเล็ตให้มาตรวจสอบฟอสซิลฟันฉลามกินซู(Ginsu Shark) แต่ไม่นึกว่าจะได้มีโอกาสมาขับเรือลาดตระเวนแบบนี้”
เมื่อได้ยินดอนพูดว่าฟอสซิลฟันฉลามกินซู ฉินสือโอวก็นึกถึงของที่ตัวเองเจอในทะเลสาบเฉินเป่า “ฟอสซิลนั้นคือฟันของฉลามกินซูใช่ไหมครับ? แล้วฉลามกินซูคืออะไรกันแน่ครับ?”
ตอนที่แนะนำตัวก่อนหน้านี้แฮมเล็ตบอกว่าเขาเป็นนักวิจัยฟอสซิลของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแคนาดา เขาไม่ได้สนใจเท่าไร ที่แท้อีกฝ่ายก็วิจัยเรื่องฟอสซิลนี่เอง
เมื่อพูดเกี่ยวกับสาขาวิชาของตัวเอง ดอนก็กลายเป็นคนช่างคุยทันที “มันก็คือฉลามดึกดำบรรพ์ มีชีวิตอยู่ในยุคเครเทเชียส(Cretaceous Age) เมื่อหนึ่งร้อยล้านปีก่อน แล้วสูญพันธุ์ไปประมาณแปดพันสี่ร้อยล้านปีก่อน”
“ฉลามพันธุ์นี้มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cretoxyrhina เป็นนักล่าชั้นสูงในทะล ที่ล่าไดโนเสาร์…ไม่ว่าโมซาซอรัส เพลสิโอซอร์ และมันยังถูกเรียกว่า ‘ยุทธศาสตร์แห่งเครเทเชียส'”
“‘งั้นมันคงเป็นที่น่าเกรงกลัวมากเลยสินะครับ” ฉินสือโอวช่วยพูดอย่างมีส่วนร่วม
ดอนกลับส่ายหัวตอบว่า “ไม่ๆ พวกมันไม่ได้ตัวใหญ่หรอก ตัวพอๆกับฉลามขาวปัจจุบันเลย ปกติลำตัวยาวไม่ถึงสิบเมตร”
“งั้นมันล่าไดโนเสาร์ได้ยังไงครับ?” ฉินสือโอวไม่เข้าใจ
“เพราะพวกมันมีนิสัยดุร้ายป่าเถื่อน กระหายเลือดมากไงล่ะ แน่นอน การที่มันล่าเพลสิโนซอร์ได้เพราะพวกนั้นมันเชื่องเกินไป และการล่าโมซาซอรัสก็ไม่ต่างจากล่ามังกรเล็ก แต่เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น การวิวัฒนาการของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่นี่ก็ช่างลึกลับเสียจริง โมซาซอรัสเริ่มวิวัฒนาการจนตัวใหญ่ขึ้น และกลายเป็นว่ามันเริ่มล่าฉลามกินซูแทน” ดอนอธิบาย
………………………………………………
บทที่ 75 ผลลัพธ์ที่ไม่เลว
โดย
Ink Stone_Fantasy
“พวกนายคุยอะไรกันอยู่?” แฮมเล็ตถือจานอาหารเดินเข้ามา หลังจากนั้นก็ยกแก้วเหล้าให้แก่ฉินสือโอว “ขอบคุณสำหรับวิสกี้ ตู้เก็บเหล้าของนายนี่มีหมดทุกอย่างจริง ๆ ”
ฉินสือโอวยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นมาแล้วชนกับแก้วของแฮมเล็ตไกล ๆ ที่จริงแล้วตู้เก็บเหล้าของเขานั้นไม่มีเหล้าดี ๆ เลย ของทั้งหมดนี้เขาให้นีลเซ็นไปซื้อไวน์และเหล้าขาวแบบยกลังมาจากตลาด
ดอนพูดกลั้วหัวเราะว่า “พวกเรากำลังพูดเรื่องฟอสซิลที่อาจจะมีในเมืองของพวกนายอยู่ เช่นพวกฉลามปลาทู หรือโมซาซอรัสพวกนั้น ”
พูดถึงเรื่องนี้ แฮมเล็ตก็ถอนหายใจออกมา พลางพูดว่า “ฉันนึกว่าจะหาฟอสซิลพวกนี้เจอเสียอีก ถ้าหากมีพิพิธภัณฑ์ฟอสซิลตั้งอยู่ในเมืองล่ะก็ ก็จะสร้างรายได้ให้แก่เมืองนี้ได้”
ดอนพูดออกมาว่า “อย่าพึ่งหมดกำลังใจ ฉันคิดว่าในเมื่อเราเจอฟอสซิลฟันของฉลามปลาทูที่นี่ ร่างฟอสซิลของมันทั้งหมดก็ต้องอยู่ที่นี่ แต่ฉลามปลาทูอยู่ในวงศ์ฉลามสายพันธุ์เครทอกเกอร์ไรนา แมนเทลลี (Cretoxyrhina mantelli) ที่ค่อนข้างตัวเล็ก ดังนั้นพวกมันจึงออกล่าเป็นกลุ่ม เมื่อเราเจอฟอสซิลของฉลามปลาทูหนึ่งตัวเราก็จะต้องเจออีกทั้งฝูง ปกติแล้วฉลามปลาทูมักจะอาศัยอยู่บริเวณเดียวกันกับที่มีไดโนเสาร์อาศัยอยู่ แบบนี้ พวกนายก็ตามรอยเส้นทางนี้ไป ไม่แน่ว่าอาจจะเจอฟอสซิลของไดโนเสาร์จำนวนหนึ่งด้วยก็ได้”
“หวังว่านะ” แฮมเล็ตยิ้มออกมา “แต่ว่าตอนนี้อย่าพึ่งคิดเรื่องพวกนี้เลย มาตกปลากันดีกว่า เวลาดี ๆ กำลังเริ่มขึ้นแล้ว”
ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้ว นีลเซ็นเดินไปเปิดไฟที่ท้ายเรือและหน้าเรือ ทันใดนั้นเอง ลำแสงสว่างจ้าก็ตัดผ่านความมืดของท้องฟ้าออกจากกันราวกับมีดเล่มหนึ่ง แสงนั้นส่องเข้าไปในน้ำทะเล ความสว่างของมันนั้นรุนแรงมาก!
หลอดไฟล่อปลาพวกนี้ทำจากหลอดฮาโลเจน ความสว่างของมันนั้นรุนแรงมาก แต่ว่าความเข้มข้นของแสงไม่เท่ากับหลอดเอชไอดี แสงจากหลอดไฟล่อปลาสามารถดึงดูดสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลได้เป็นอย่างดี
เมื่อเปิดหลอดไฟล่อปลาแล้ว หลอดไฟที่อยู่บริเวณรอบใต้ท้องเรือทั้งหมดก็สว่างขึ้นเกิดเป็นวงกลม ทำให้เรือลำนี้ดูเหมือนเรือยอชต์ลาดตระเวนที่สวมกระโปรงแวววาวอยู่
ผลของการใช้ไฟล่อปลาแบบวงกลมนี้ค่อนข้างดี มันสามารถดึงดูดสาหร่ายทะเลและปลาตัวเล็ก ๆ ที่อยู่รอบ ๆ เรือได้และจากนั้นปลาตัวใหญ่ก็จะเข้ามาล่าเหยื่อพวกนี้ เป็นการล่อให้พวกมันเข้าใกล้เรือมากขึ้น
อลัน ลูกชายของดอนเอาโคมไฟไล่แมลงออกมาแขวน ฉินสือโอวส่ายหัวไปมา ชาวต่างชาติให้ความใส่ใจในการตกปลามากเกินไป ถ้ากลัวยุงกัด ก็ซื้อยาหม่องน้ำมาสักสองขวดก็พอแล้ว มันช่วยให้สุขภาพดีด้วยนะ โคมไฟไล่แมลงอันนี้ทำให้บรรยากาศการตกปลาดูดีมีระดับมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วเมื่อสารระเหยโทลูอีนถูกปล่อยออกมา มันก็ทำร้ายร่างกายมนุษย์ได้เช่นกัน
ที่ท้ายเรือและหัวเรือยอชต์ลาดตระเวนลำนี้มีตู้เก็บเบ็ดตกปลาอยู่ ฉินสือโอวใช้ที่คันเบ็ดยี่ห้อเคฟล่าห์ที่มีแรงดึงค่อนข้างยืดหยุ่น คันเบ็ดตกปลาคันนี้แพงมาก เขาได้แถมมาตอนที่ไปซื้อเรือลำนี้ คันเบ็ดตกปลาอันนี้มีน้ำหนักที่เบาแต่ความคงทนสูง
เส้นเอ็นตกปลาที่ใช้คือ เส้นPE เบอร์ 1.2 นอกจากนี้มันยังสามารถผสมเข้ากับเชือกไนลอนและสายฟูโรคาร์บอนได้ด้วย เส้น PE นี้เป็นเส้นเอ็นตกปลาที่ค่อนข้างแข็งแรงและยืดหยุ่นชนิดหนึ่ง เส้นเอ็นเบอร์ 1.2 สามารถรองรับน้ำหนักได้มากกว่าหนึ่งร้อยปอนด์ สามารถเอามาใช้ตกฉลามขนาดเล็กได้ แน่นอนว่า การตกปลาในตอนกลางคืนก็เพื่อที่จะตกปลาตัวใหญ่ ดังนั้น ฉินสือโอวจึงเลือกแบบนี้
เขานำเบ็ดตกปลามาตรวจสอบความเรียบร้อยของรอกตกปลาและสายคล้องมือ แฮมเล็ตหันมายิ้มให้แล้วพูดกับเขาว่า “อุปกรณ์ระดับมืออาชีพมากเลยนะ ดูเหมือนว่าคืนนี้นายจะเล็งปลาตัวใหญ่ไว้ล่ะสิ”
ในมือของแฮมเล็ตนั้นคือคันเบ็ดตกปลาแบบไม้ ซึ่งดูเก่ามากแล้ว น่าจะเป็นของตกทอดมาจากพ่อของเขา
แม้คันเบ็ดตกปลาจะทำจากไม้แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณภาพของมันจะแย่กว่าคันเบ็ดไฟเบอร์กลาสหรือคันเบ็ดคาร์บอนไฟเบอร์ คันเบ็ดตกปลาที่ทำจากไม้นั้นมักจะถูกรมควันมาอย่างดี ความแข็งแรงและยืดหยุ่นของมันดีกว่าคันเบ็ดที่ทำขึ้นจากโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไปเสียอีก
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินสือโอวมาตกปลาทะเล ดังนั้นจึงได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง แฮมเล็ตกับดอนก็เป็นศาสตราจารย์ผู้สอนทุกอย่างให้เขาเช่นกัน
“ตกปลากลางคืนต้องใช้เบ็ดตกปลาแบบมือธรรมดากับแบบมีรอก สองแบบนี้เท่านั้น แต่ว่าในตอนกลางคืนบรรยากาศค่อนข้างเงียบ พวกปลามักกล้าที่จะออกมากินอาหารเวลานี้ พวกเราอาจจะมีโอกาสเจอปลาตัวใหญ่มากมาย ดังนั้นพวกเราต้องใช้อุปกรณ์ที่มีแรงดึงค่อนข้างเยอะพวกนั้น นายเลือกใช้เส้นเอ็น PE ก็ถูกต้องแล้ว”
“แน่นอนว่าการเลือกอุปกรณ์และวิธีการตกปลานั้นต้องสัมพันธ์กัน ถ้าหากนายเลือกใช้คันเบ็ดตกปลาแบบมือธรรมดาล่ะก็ ต้องเลือกคันเบ็ดที่แข็งแรง และต้องประกอบเข้ากับเส้นเอ็นที่หนากว่าปกติ ตะขอเกี่ยวปลาก็ต้องใหญ่ขึ้นด้วย และทุ่นลอยน้ำก็ต้องใช้เป็นทุ่นลอยน้ำติดไฟที่ใช้ในการตกปลาตอนกลางคืน”
“ถ้าหากนายเลือกใช้คันเบ็ดฟลาย ก็ต้องเลือกใช้แบบที่แข็งแรงและยาว ประกอบเข้ากับรอกแรงดันสูง แบบนี้ถ้าเจอเข้ากับปลาตัวใหญ่ นายก็จะสามารถจัดการมันได้”
เรือแฟร์เวลเป็นเรือยอชต์ลาดตระเวนที่หรูหราอย่างมาก บนเรือมีเครื่องแขวนเบ็ดตกปลาอยู่ บนเครื่องมีพื้นที่ไว้สำหรับวางรอกตกปลาและคันเบ็ด เมื่อเครื่องรับรู้ถึงแรงดึงที่เส้นเอ็นเครื่องก็จะทำการประมวลค่าแรงดึงเบื้องต้นอัติโนมัติ เนื่องจากการตอบสนองที่ค่อนข้างละเอียด ดังนั้นทำให้ผลการจับปลาในช่วงแรกนั้นจึงเป็นไปได้ด้วยดี เครื่องนี้อาจจะไม่สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของแรงหรือความยืดหยุ่นได้ดีเท่ามนุษย์ ดังนั้นหลังจากที่รู้ว่าตกปลาได้แล้ว ก็ยังคงต้องเป็นมนุษย์ที่มาจัดการต่อ
ฉินสือโอวไม่คิดที่จะใช้จิตสำนึกโพไซดอนในการกลั่นแกล้งปลา ตกปลาน่ะนะ สิ่งที่ต้องใช้คือสภาวะของจิตใจและอารมณ์ เขาไม่สนใจว่าตัวเองจะตกปลาได้มากน้อยแค่ไหน ดังนั้นจึงไม่ได้ใช้เครื่องแขวนเบ็ดตกปลา เขาใช้มือทั้งสองข้างจับคันเบ็ดตกปลาด้วยตัวเองอยู่ที่หัวเรือ แล้วเหวี่ยงเบ็ดลงไปในน้ำ
เมื่อเทียบกับฉินสือโอวที่เป็นคนมุทะลุแล้วนั้น ดอนและแฮมเล็ตมีฝีมือมากกว่าเยอะ ในตอนที่พวกเขาเหวี่ยงเบ็ดพวกเขาไม่ได้เหวี่ยงลงไปแบบสุ่มสุ่มห้า และพวกเขาใช้ตะขอเกี่ยวปลารุ่นที่เป็นตะขอเกี่ยวปลายุง
ตะขอเกี่ยวปลายุงนั้นได้ชื่อว่าเป็นตะขอเกี่ยวปลาที่เต็มไปด้วยความสวยงามทางด้านศิลปะการตกปลา เหยื่อล่อที่ใช้เป็นเหยื่อล่อที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษ เมื่อผู้ที่มีประสบการณ์โยนเหยื่อล่อชนิดนี้ออกไป มันก็จะค่อย ๆ กระจายตัวลอยลงน้ำราวกับขนนกที่ลอยอยู่ในอากาศ
จากตรงนี้สามารถบ่งบอกได้ว่า คนที่สามารถใช้เหยื่อล่อนี้ได้แน่นอนว่าจะต้องเป็นคนที่มีทักษะฝีมือดี ดังนั้นวิธีการใช้เหยื่อล่อชนิดนี้มักจะเป็นสิ่งที่นักตกปลาอาชีพใช้กันบ่อย ๆ ในการแข่งขันตกปลา
ฉินสือโอวใช้เหยื่อล่อแบบที่ที่ไม่ได้ทำขึ้น เขาใช้เหยื่อล่อที่เป็นเหยื่อจริง ๆ ข้างบนตะขอทาด้วยน้ำมันที่ทำจากน้ำมันกานพลู เม็ดยี่หร่า และน้ำมันงาผสมกัน ตามที่ดอนเคยพูดไว้ว่า นี่เป็นสูตรเฉพาะของครอบครัวของเขา เหยื่อล่อที่ได้รับการดัดแปลงเช่นนี้เป็นเหยื่อที่ล่อพวกปลาได้ดีเป็นพิเศษ
ในความเป็นจริง หลังจากที่โยนเหยื่อล่อลงไป ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไฟล่อปลาหรือว่าเหยื่อล่อสูตรพิเศษของดอนกันแน่ที่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกถึงแรงดึงที่ตะขอ
ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสุข ฉินสือโอวรีบจับคันเบ็ดด้วยมือทั้งสองข้างอย่างมั่นคงแล้วดึงคันเบ็ดขึ้นมาท่าทางราวกับไม่ใช่นักตกปลามือใหม่เลยสักนิด พลังของมันไม่เยอะมาก น่าจะเป็นปลาตัวเล็ก ๆ แบบนี้เขาพอคำนวณได้
เขาผ่อนรอกเบ็ดลงเพื่อให้ปลาได้ดึงเอ็นไปข้างหน้าประมาณสิบกว่าเมตร หลังจากนั้นก็ดึงรอกกลับ เขาเริ่มกดดันมัน โดยการดึง ๆ ผ่อน ๆ หลังจากเอ็นเบ็ดโดนลากไปราวสิบเมตร ฉินสือโอวก็รู้สึกถึงแรงดึงที่เอ็นที่ลดลงไปอย่างมาก ท่าทางแบบนี้บ่งบอกได้ว่าตอนนี้ปลาตัวนี้หมดสนุกแล้ว
แบบนี้ก็ไม่มีอะไรต้องพูดต่อแล้ว ฉินสือโอวเริ่มดึงตะขอเกี่ยวปลาขึ้นมา สิ่งที่ตกมาได้ทำให้เขาตะลึง ที่ปลายตะขอเกี่ยวปลานั้นว่างเปล่า ปลาได้หนีไปแล้ว!
“เฮ้อ ฉันละเชื่อนายเลย!” ฉินสือโอวพึมพำออกมาด้วยความหดหู่ นีลเซ็นที่หัวเราะเสียงดังอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นมาว่า “เจ้านาย ดูเหมือนว่าคืนนี้เจ้านายจะโชคไม่ดีเลยนะ”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ตะขอเกี่ยวปลาที่ดอนเก็บขึ้นมา ก็มีปลาค็อดตัวหนึ่งขนาดความยาวประมาณสิบห้าเซนติเมตรติดขึ้นมาด้วย เขาหัวเราะพลางแกะมันออกจากตะขอแล้วโยนกลับไปในทะเล หากมองจากมุมมองของนักตกปลาทะเลมืออาชีพแล้ว ปลาเล็ก ๆ พวกนี้ไม่ค่อยมีค่าเท่าไร
ฉินสือโอวโยนตะขอเกี่ยวปลาลงไปอีกครั้ง ครู่หนึ่งเขาก็รู้สึกไม่มีแรงจูงใจในการตกปลา แม้แต่อลันน้อยก็ยังโชคดี ตกปลาครั้งแรกก็ตกได้ปลาหัวเมือกมหาสมุทรแอตแลนติกแล้ว
ทั้งตัวของปลาหัวเมือกมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นสีส้มแดง ตัวยาวประมาณครึ่งเมตร แต่ก็ไม่ได้เป็นปลาตัวเล็ก ๆ ดอนมีความสุขอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเขาภูมิใจในตัวลูกชายมากแค่ไหน เมื่อตอนที่อลันน้อยดึงปลาขึ้นมา เขาก็หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปรัว ๆ
สำหรับเด็กอายุสิบห้าปี ที่สามารถตกปลาทะเลที่มีขนาดยาวครึ่งเมตรขึ้นมาได้นั้นไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่าย ๆ
ดอนเอาปลาไปใส่ไว้ในถังน้ำแข็ง ในตอนที่เขาเดินกลับมาเขาได้พูดออกมาว่า “ที่อเมริกาเหนือคงจะเจอปลาหัวเมือกได้น้อยสินะ? ปลาชนิดนี้มักจะอาศัยอยู่ในทะเลเขตร้อน กระแสน้ำอุ่นและกระแสน้ำเย็นมาบรรจบกันที่นี่พอดี ทำไมวันนี้เราถึงมาตกอยู่ในสภาพนี้กันได้นะ?”
“เพราะความโลภเป็นบาปของมนุษย์น่ะสิ” ฉินสือโอวส่ายหัวไปมาพลางพูดว่า “ถ้าหากว่าตอนนั้นพวกเราปล่อยปลาค็อดและปลาแฮร์ริ่งพวกนั้นให้กลับไปมีชีวิต วันนี้ ณ ที่แห่งนี้จะต้องกลายเป็นฟาร์มปลาที่มีขนาดใหญ่และชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในโลกเป็นแน่”
ด้วยสัญชาตญาณของเขา ฉินสือโอวรู้สึกว่าเอ็นเบ็ดตกปลาของเขากระตุกอีกครั้ง ครั้งนี้เขาจะไม่ปล่อยให้การต่อสู้ยืดเยื้อ เขาจะใช้พลังของตัวเอง ดึงเบ็ดกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วดึงตะขอเกี่ยวปลาขึ้นมาในทันที
เขาเห็นเพียงเงาปลาที่สะท้อนขึ้นมาจากดวงไฟล่อปลาเท่านั้น ในที่สุดมันก็เผยใบหน้าออกมา ความยาวของมันประมาณสามสิบห้าสามสิบหกเซนติเมตร ลำตัวอวบอ้วน ทั้งตัวเต็มไปด้วยสีสันสดใส สีที่สดใสเป็นพิเศษคือสีฟ้าที่ตัดกับลวดลายสีเขียว ที่ตัวของมันมีจุดสีขาวทั่วร่างกาย หน้าท้องก็เป็นสีขาวเช่นกัน คงจะขายได้ราคาดีมากแน่ ๆ
ฉินสือโอวนำปลามาวางไว้ที่ดาดฟ้าเรือ แล้วหันไปพูดกับแฮมเล็ตและดอนด้วยสายตาเปล่งประกายว่า
“ฉันโชคดีมากเลย นี่เป็นปลานกแก้วราชินี การจะตกมันขึ้นมาได้นี่ไม่ง่ายเลยนะ!”
“คืนนี้มันยังไงกันนะ ปลาตัวแรกที่ตกได้คือปลาหัวเมือก…. ตัวที่สองก็เป็นปลานกแก้วราชินี ต่อไปเราคงจะตกฉลามได้ล่ะมั้ง? ฮ่าฮ่า”
เมื่อเห็นปลานกแก้วราชินี ฉินสือโอวก็รู้ทันทีว่าทำไมปลาตัวเมื่อครู่ถึงสามารถหนีไปได้ในวินาทีสุดท้าย ถ้าหากเขาเดาไม่ผิด ปลาตัวนั้นก็คือปลานกแก้วราชินีเหมือนกัน
ปลาตัวนี้เป็นที่รู้จักกันดี เพราะว่าพวกมันเป็นปลาสายพันธุ์ที่อยู่รวมกันเป็นฝูงและจะคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้ยากในปลาประเภทเดียวกัน ดังนั้นชาวโรมันและกรีกโบราณจึงได้เคารพบูชาพวกมัน และปฏิบัติต่อพวกมันราวกับเป็นของล้ำค่า
ในตอนที่ตกปลานั้น หากว่าปลานกแก้วตัวหนึ่งโชคไม่ดีถูกตะขอเกี่ยวที่ปาก ในช่วงเวลาวิกฤตนั้น เพื่อนของมันก็จะรีบมาช่วยอย่างรวดเร็ว…ฉินสือโอวคาดการว่าปลาตัวก่อนหน้านี้ก็คงจะถูกเพื่อนช่วยไปเช่นกัน และไม่ได้หนีไปได้ด้วยตัวเองแน่นอน เพราะว่าตอนนั้นเขาสังเกตเห็นว่าปลาตัวนั้นเริ่มอ่อนแรงลง
ถ้าหากว่าในตาข่ายจับปลามีปลานกแก้วอยู่ในนั้นด้วย เพื่อน ๆ ของมันก็จะใช้ฟันกัดหางของกันและกัน เพื่อช่วยกันดึงเพื่อนออกมาจากรูตาข่ายอย่างสุดชีวิต ดังนั้น ชาวประมงทั่วไปจึงจับปลาชนิดนี้ได้ยาก
ฉินสือโอวจับปลานกแก้วขึ้นมาแล้วหันไปพูดกับนีลเซ็นว่า “รีบเตรียมถังใส่ปลาเร็วเข้า ฉันจะเอามันใส่ลงไป”
ในฟาร์มปลาของเขามีปลานกแก้วอยู่ฝูงหนึ่ง ปลานกแก้วตัวนี้เขาจะเอากลับไปด้วย พวกมันสามารถกินโพลิปที่ตายแล้วได้และทำให้บริเวณบริเวณนั้นกลายเป็นทะเลทราย พวกมันมีประโยชน์มากสำหรับการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของก้นทะเล
เขาปล่อยปลาลงแก้วลงถัง ฉินสือโอวโยนเบ็ดลงไปในน้ำอีกครั้ง ตอนนี้ประโยชน์การของใช้หลอดไฟล่อปลากำลังถูกแสดงออกมา ปลาตัวเล็ก ๆ ที่อยู่รอบ ๆ เริ่มปรากฏตัวขึ้น นั่นหมายความว่าแนวโน้มที่จะมีปลาตัวใหญ่ปรากฏตัวก็มากขึ้นตามไปด้วย เพราะว่าปลาตัวใหญ่พวกนั้นจะไล่กินปลาเล็ก ๆ พวกนี้เป็นอาหาร
หลังจากที่จับปลากระบอกยลขนาดกลางได้สองสามตัว ฉินสือโอวก็เปลี่ยนเหยื่อล่อ เขากรีดเนื้อจากปลากระบอกยลสด ๆ แล้วโยนลงไปเป็นเหยื่อทั้ง ๆ ที่เลือดของมันยังไหลอยู่ หลังจากนั้น เหยื่อล่อที่อยู่ในน้ำก็สั่นไปมาสองสามครั้ง ฉินสือโอวเห็นว่าเส้นเอ็นของเบ็ดนั้นจู่ ๆ ก็ตึงขึ้นมา และทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงแรงดึงอันมหาศาล!
…………………………………………………
บทที่ 76 ปลาทูน่าครีบเหลือง
โดย
Ink Stone_Fantasy
“เฮ้ ทางผมเหมือนจะมีตัวใหญ่มาตัวหนึ่ง” ฉินสือโอวดึงรอกตกปลาไว้แล้วพูด ดอนกับแฮมเล็ตรีบวางคันเบ็ดในมือ รีบมาช่วยเขาอยู่ข้างๆ
นีลเซ็นหยิบฉมวกจับปลาที่อยู่ข้างตัวขึ้นมา แล้วพูด “บอส สู้กับความอดทนของมันแล้วหาโอกาสลากขึ้นมา ให้ผมสั่งสอนมันเป็นบทเรียนสักหน่อย”
ฉินสือโอวอดกลั้นความปรารถนาที่จะใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปสังเกตการณ์ในทะเล ฉินสือโอวดึงคันเบ็ดไว้แล้วปล่อยสลิงตกปลา
สลิงตกปลาตึงทันทีที่ปล่อย นึกไม่ถึงเลยว่าคันเบ็ดเคฟล่าร์ที่ทำจากไฟเบอร์จะถูกดึงจนโค้ง พลังแบบนี้ของฉินสือโอว ยังรู้สึกว่าคันเบ็ดในมือจะลื่นออกไปอย่างรุนแรง นั่นแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวใหญ่ที่อยู่ใต้น้ำดุดันเพียงใด
ฉินสือโอวปล่อยสลิงตกปลาต่อไม่หยุด ดึงไปข้างหลังเรื่อยๆเพื่อลดกำลังของปลาใหญ่ใต้น้ำ คันเบ็ดด้านหน้าโค้งราวกับพระจันทร์เต็มดวง ถ้าเขาไม่ได้ใช้สลิงแบบที่หนึ่ง สลิงตกปลาPEแบบที่สองคงขาดไปตั้งนานแล้ว
หู่จือและเป้าจือที่ง่วงงุนก่อนหน้านี้ก็ตื่นตัวขึ้นมา เจ้าตัวน้อยทั้งสองตัวกระโดดโลดเต้นร้องคำรามราวกับกำลังให้กำลังใจฉินสือโอวอยู่ ร้องคำรามไปสักพักเมื่อเห็นว่าเจ้าของยังดึงปลาขึ้นมาไม่ได้ก็งับขากางเกงของเขาข้างซ้ายทีข้างขวาทีลากไปข้างหลัง
“เป็นเจ้าหนูที่ฉลาดจริงๆ ผมก็อยากได้สักตัวนะพ่อ” อลันมองหู่จือกับเป้าจืออย่างชื่นชม ไม่ได้สนใจเจ้าปลาตัวใหญ่ในทะเลนั่นแม้แต่น้อย
ตอนที่เริ่มมีการเลี้ยงสุนัขพันธ์แลบราดอร์ คือชาวประมงในท้องถิ่นอยากจะหาผู้ช่วยให้ตัวเอง พอโตขึ้นสุนัขพันธ์แลบราดอร์จะช่วยเจ้าของลากตาข่าย เก็บตาข่าย ไล่ต้อนปลา เพียงแต่ว่าในตอนที่มันยังเล็กนั้นไม่ได้ฉลาดขนาดหู่จือกับเป้าจือ
รู้สึกถึงความร้อนรนของหู่จือและเป้าจือฉินสือโอวก็หัวเราะออกมา นีลเซ็นเร่งความเร็วเรือยอชต์ช้าๆ ใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงเต็ม ฉินสือโอวเริ่มเก็บตาข่ายอย่างช้าๆ ต่อสู้กับเจ้าปลาใหญ่ขั้นเด็ดขาดเป็นครั้งสุดท้าย
สามารถยืนหยัดต่อพลังของฉินสือโอวได้ถึงครึ่งชั่วโมง เจ้าปลาใหญ่ในน้ำตัวนั้นควรจะรู้สึกเป็นเกียรติ ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่หุ่นยนต์ปลา ในตอนที่ความอดทนของมันหมดลงในที่สุดก็ถูกฉินสือโอวค่อยๆลากเข้ามาใกล้
เจ้าปลาตัวใหญ่ขึ้นมาถึงผิวน้ำตามสลิงตกปลาที่หด พอเห็นคลื่นน้ำที่มันยกขึ้น ดอนก็พูดขึ้นอย่างจริงจัง “ฉิน สู้ๆ ตามประสบการณ์ของฉันเจ้าตัวนี้อย่างน้อยก็สี่ฟุตได้ เป็นตัวใหญ่อย่างแน่นอน!”
“ไม่ใช่แค่สี่ฟุต บางทีอาจจะห้าฟุต” แฮมเล็ตเอ่ย “อีกอย่างดูจากที่มันโผล่ออกมาแวบหนึ่งเมื่อครู่ นี่อาจจะเป็นปลาทูน่าครีบเหลืองแห่งมหาสมุทรแอตแลนติก!”
นีลเซ็นคว้าฉมวกจับปลายืนขึ้นข้างๆเตรียมพร้อมที่จะขว้าง ฉินสือโอวหดสลิงตกปลาจนเหลือยี่สิบเมตร หดเข้ามาอีกครึ่งหนึ่งก็สามารถลอบฆ่าแล้วจับมันได้แล้ว
ได้ยินแฮมเล็ตพูดว่าเป็นปลาทูน่าครีบเหลือง นีลเซ็นก็เปลี่ยนทิศทางที่เตรียมจะขว้างทันที สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังยิ่งกว่าดอนเสียอีก
ปลาทูน่าครีบเหลืองถือว่าเป็นปลาที่มีมูลค่าสูงชนิดหนึ่ง เนื่องจากมักว่ายอยู่ในทะเลลึกด้วยความเร็วสูงจึงไม่ได้รับมลพิษสิ่งแวดล้อม คุณค่าทางโภชนาการสูงมากทั้งตัวไม่มีส่วนไหนที่ไม่สามารถนำไปทำอาหารได้ เป็นชั้นสูงสุดในหมู่ปลาทูน่าและมีฉายาว่าราชาแห่งปลาทูน่า เป็นที่ชื่นชอบของนักกินและอุดมไปด้วยกรดไขมันอิ่มตัวที่มีดีเอชเอ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องคอเลสเตอรอลเวลากินเยอะ เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของซาซิมิ
ปลาทูน่าครีบเหลืองขนาดใหญ่ที่รักษาสภาพไว้ได้อย่างสมบูรณ์ตัวหนึ่งถ้าส่งไปเข้าร่วมการประมูลที่ประเทศญี่ปุ่น ราคาประมูลหนึ่งพันหยวนต่อหนึ่งกิโลกรัมนั้นไม่ใช่ปัญหาเลย เช่นนี้หากปลาขนาดใหญ่ที่หนักหนึ่งร้อยกิโลกรัมก็สามารถประมูลได้ถึงหนึ่งแสนหยวน พูดว่ามันเป็นดังทองคำแห่งท้องทะเลอาจจะพูดเกินจริงไปหน่อย แต่ถ้าพูดว่ามันคือเงินขาวแห่งท้องทะเลก็ไม่มีปัญหา
หลังจากนั้น ฉินสือโอวหดสลิงตกปลากลับเข้าไปข้างหลังอีก เจ้าตัวใหญ่ก็เริ่มกระโดดอยู่ที่ผิวน้ำ แสงไฟสว่างจ้าจนสามารถมองเห็นครีบสีทองทั้งสองด้านของมัน หลังสีน้ำเงินเข้ม ลำตัวอีกฝั่งมีริ้วสีทองยาว
ฉินสือโอวฉวยโอกาสดึงสลิงอย่างแรงไปทางตรงข้ามทุกครั้งที่มันกระโดด อีกนิดเดียวก็จะทำให้มันหมดกำลังได้ หลังจากดึงไปไม่กี่ครั้งเจ้าตัวใหญ่ก็ล้าจนทนไม่ไหวโผล่ออกมาเต็มตัว
“ที่แท้ก็เป็นปลาทูน่าครีบเหลืองจริงๆ!” ดอนอุทานด้วยความตกใจ “ตัวใหญ่ดีเสียด้วย ฉิน อีกประเดี๋ยวนายก็จะรวยแล้ว!”
แฮมเล็ตพูดกับนีลเซ็น “ระวังอย่าให้ฉมวกของนายไปโดนท้องมันเข้า ไม่อย่างนั้นนี่จะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่เลยทีเดียว”
ปลาทูน่าครีบเหลืองมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่าปลาเยลโลว์ฟินโมจาร์ราเป็นชนิดที่มีมูลค่าที่สุดในตระกูลปลาทูน่าชนิดหนึ่ง มีค่าทั้งตัว ส่วนหลังคือมัตสึซากะแห่งไต้หวัน รู้สึกได้ถึงความนุ่มชุ่มฉ่ำเมื่อกินเข้าไปราวกับเนื้อมัตสึซากะ ส่วนคางเหมาะกับการนำไปย่าง หัวปลาใช้เคี่ยวน้ำซุปหรือนึ่ง กระดูกหัวสามารถนำไปทำให้กรอบทำเป็นก้างปลาแห้งรสเผ็ด
อย่างไรก็ตาม ส่วนที่มีมูลค่ามากที่สุดของปลาทูน่าครีบเหลืองคือส่วนท้อง ส่วนนี้เป็นเนื้อส่วนที่ดีที่สุดในซาซิมิซึ่งภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าโอโทโร่ เนื้อชุ่มฉ่ำไปด้วยไขมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในซาซิมิของญี่ปุ่น เพราะเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ชื่นชอบทางนี้ราคาเลยเเพงขึ้นไปเป็นธรรมดา
ฉินสือโอวเคยได้ยินมาแต่ยังไม่เคยได้กิน ว่ากันว่าเนื้อส่วนท้องของปลาทูน่าครีบเหลืองนั้นละลายในปากราวกับไอศกรีม
หลังจากระบุตัวตนของปลาตัวนี้เขาก็ไม่ได้ดึงมันขึ้นอีกต่อไป การต่อสู้เดินทางมาถึงจุดสุดท้ายแล้วมองด้วยตาก็รู้ว่าเขาจะได้ชัยชนะ
ในสายตาเหลือเชื่อของแฮมเล็ตและดอน ฉินสือโอวหยิบมีดเล็กข้างๆตัดสายตกปลาพีอีขาด
สายสลิงตกปลาขาดเช่นนี้ ปลาทูน่าที่เดิมทีเหนื่อยล้าแทบจะสิ้นลมหายใจสุดท้ายก็พุ่งลงน้ำอย่างแรงแล้วหายลับไป
“โอ้พระเจ้า บ้าไปแล้วเหรอพวก? บ้าไปแล้วเหรอ?!” ดอนพวกอย่างไม่อยากจะเชื่อ “นายปล่อยมันไปแล้ว? นายปล่อยเจ้าตัวใหญ่มูลค่ามหาศาลไป?”
ฉินสือโอวมองทั้งสี่คนอย่างเรียบเฉยแล้วพูด “ตัวเมื่อครู่คือปลาทูน่าครีบเหลืองใช่ไหม”
“แน่นอน ขอแค่เป็นชาวประมงก็ระบุได้ทั้งนั้น” แฮมเล็ตพูดพลางถอนหายใจ
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูด “แล้วตอนนี้เดือนอะไร? เดือนห้าใช่ไหม? ตามกฎคุ้มครองการทำประมงของแคนาดา ตอนนี้ดูเหมือนจะยังไม่ถึงฤดูล่าปลาทูน่าครีบเหลืองใช่ไหมครับ?”
เนื่องจากมีราคาสูงปลาทูน่าครีบเหลืองจึงถูกล่าอย่างกว้างขวางจนเกือบสูญพันธุ์ทั้งในมหาสมุทรแปซิฟิกและแอตแลนติก ประเทศต่างๆจึงจัดเป็นสัตว์คุ้มครอง เพราะช่วงเดือนมีนาคมถึงมิถุนายนของทุกปีเป็นฤดูวางไข่ของปลาทูน่าครีบเหลือง ดังนั้นประเทศแคนาดาจึงกำหนดให้สามารถล่าปลาทูน่าครีบเหลืองได้ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายนเท่านั้น การล่าในช่วงอื่นถือว่าผิดกฎหมาย
แน่นอนว่าด้วยผลตอบแทนเป็นสิบล้านจึงไม่ค่อยมีใครทนทำตามกฎหมายได้ อย่างไรเสียเพียงจับแช่เเข็งแล้วส่งตลาดมืด ไม่ช้าก็สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ ทางประเทศไม่สามารถตรวจพบได้
ได้ยินฉินสือโอวพูดแบบนี้ แฮมเล็ตและดอนก็อึ้งเป็นไก่ตาแตก ชาวประมงทั้งสองมองหน้ากันแล้วสายหัวอย่างเสียดาย แต่พวกเขากลับมองฉินสือโอวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความยกย่อง “เยี่ยมจริงๆฉิน นายทำได้ดี ทำได้ดี!”
ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวพูดถึงการล่มสลายของฟาร์มปลาที่นิวฟันด์แลนด์ทำให้เห็นความโลภของมนุษย์ ในตอนนี้ทั้งสองยังไม่เห็นด้วยเท่าไร ตอนนี้กลับเห็นความสำคัญกับคำพูดของเขาขึ้นมา ในสายตาของเขาฉินสือโอวช่างเป็นสุภาพบุรุษที่แท้จริง
แต่ถ้าฉินสือโอวเป็นสุภาพบุรุษที่แท้จริง อย่างนั้นก็ซวยแล้ว!
หลังพวกเขาเห็นว่านั่นเป็นปลาทูน่าครีบเหลืองก็คิดไปถึงสิ่งอื่นๆ เช่น เอาปลาตัวนี้กลับไปที่ฟาร์มของตัวเอง ถึงเวลานั้นค่อยหาวิธีเอาปลาทูน่าครีบเหลีองตัวเล็กๆมาให้เจ้าตัวใหญ่เลี้ยงเพื่อเพาะพันธุ์ปลาทูน่าครีบเหลือง… …
ดังนั้นก่อนที่สลิงตกปลาจะขาดเขาได้ใช้อำนาจของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนระงับโทสะของเจ้าปลาทูน่าครีบเหลืองยักษ์ แล้วใช้พลังแห่งโพไซดอนรักษาปากที่ฉีกขาดจากการดิ้นรนจนชนะใจมันและทำให้มันยอมอยู่ใต้อำนาจ
ในตอนที่แฮมเล็ตและดอนกำลังมองฉินสือโอวด้วยความชื่นชมอยู่นั้น คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้ปลาทูน่าครีบเหลืองตัวนั้นจะเริ่มว่ายไปทางฟาร์มปลาของฉินสือโอว
เพราะชิงไหวชิงพริบกับปลาทูน่าครีบเหลืองปลาที่ไหว้อยู่รอบเรือยอชต์ต่างถูกพลิกกลิ้งไปทั่ว นีลเซ็นทำได้แค่เปลี่ยนแหล่งน้ำ ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงครึ่งถึงได้มีปลาให้ได้เริ่มตกกัน
แหล่งน้ำที่ใหม่มีปลาแมคเคอเรลอยู่ฝูงหนึ่ง หลังจากนั้นขบวนก็เริ่มได้ปลาทะเลชนิดนี้ตั้งแต่ขนาดยี่สิบเซนติเมตรจนถึงครึ่งเมตร
หลังจากตกได้ปลาแมคเคอเรลได้สี่ตัวอย่างต่อเนื่อง ในตัวที่ห้าฉินสือโอวก็ตกได้ปลากะพงตัวใหญ่ ปลาตัวนี้ทำเขาเสียพลังไปเยอะทีเดียวใช้ไม้บรรทัดวัดได้แปดสิบสองเซนติเมตรเต็มๆน้ำหนักเกือบหนึ่งร้อยกิโลกรัม
“คืนนี้นายโชคดีจริงนะ” แฮมเล็ตพูดพลางยิ้ม “ได้ปลากะพงตัวนี้มาก็นับว่าคืนนี้ไม่เสียเปล่า”
พอถึงเที่ยงคืนแสงของไฟก็สว่างขึ้นอย่างชัดเจนทำให้ปลาทะเลมาเยอะขึ้น
ปลาที่มูลค่าสูงที่สุดที่ขบวนตกได้คือปลากุเลาสี่หนวดที่ดอนตกได้ ปลาตัวนี้สั้นกว่าปลากะพงที่ฉินสือโอวตกได้แค่สี่เซนติเมตรแต่ราคาของมันสูงกว่าปลากะพงถึงห้าเท่า ถ้าไปขายที่ตลาดปลาตัวนี้ขายได้ถึงสี่ถึงหกพันหยวนเลยทีเดียว!
สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างดอนแล้ว นี่ไม่ใช่เงินน้อยๆเกือบเท่ากับเงินเดือนทั้งเดือนของเขา เห็นได้จากพวกเขาเหล่านี้ชอบตกปลาตอนกลางคืนไม่ใช่เพียงแค่ความสนใจแต่ที่สำคัญกว่านั้นคือสิ่งที่ได้รับ
แน่นอนว่าจะสามารถได้แบบนี้ถือว่าพบได้น้อย คืนหนึ่งตกได้ปลาใหญ่ขนาดเกือบหนึ่งเมตรหนึ่งตัวกับปลาทูน่าครีบเหลืองมูลค่าสูงความยาวกว่าหนึ่งเมตรครึ่งอีกหนึ่งตัวที่ถูกปล่อยไป จะว่าไปดวงของฉินสือโอวคืนนี้ถึงขนาดว่าซื้อสลากก็คงถูกรางวัล
ไปทางข้างหลังปลาที่พวกเขาตกได้ก็ไม่มีความยาวถึงครึ่งเมตรอีกเลย มีปลาจะละเม็ดขาวในวงศ์ปลาจะละเม็ดหักประมาณสิบกิโลกรัมสองตัว ปลาสองตัวนี้ค่อนข้างมีมูลค่า สีขาวทั้งตัว ความกว้างและความยาวไม่ต่างกันเท่าไร แรงเยอะตกได้โดยแฮมเล็ตและนีลเซ็นคนละตัว ตอนที่ตกได้คันเบ็ดในมือของทั้งสองเกือบถูกลากออกไป
ปลาอื่นๆ อย่างปลาค็อด ปลาแซลมอนแปซิฟิก ปลาแดงนิวฟันด์แลนด์ ปลาแฮลิบัตกรีนแลนด์ก็ตกขึ้นมาได้ไม่น้อย ทั้งห้าคนได้เพิ่มมาอีกมากมายคืนนี้ได้ปลาเกือบหนึ่งร้อยตัว
ตกปลาคนเยอะๆเป็นอะไรที่ครึกครื้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีเจ้าหมาน้อยสองตัวคอยหยอกเย้า เมื่อคืนพวกแฮมเล็กตกปลาถึงตีสองครึ่งก็เข้านอนยังตกได้ทั้งหมดแค่สี่สิบตัว ที่ยาวเกินห้าสิบเซนติเมตรก็มีแค่ ปลากระโทงร่มตัวเดียว
คนนี้ทั้งห้าคนอยู่ด้วยกัน พวกเขายุ่งกันถึงตีสี่ พระอาทิตย์ใกล้จะขึ้นแล้วเพิ่งจะเก็บคันเบ็ดกลับห้องนอนไปนอน
นอนถึงเจ็ดโมงครึ่งฉินสือโอวก็ตื่นขึ้นมา เห็นคนอื่นๆยังหลับกันอยู่ก็ขับเรือเตรียมจะกลับ
พอเห็นว่าเขาตื่นนอนแล้วหู่จือและเป้าจือก็หาวแล้วปีนขึ้นมากับเขาอยู่ด้านซ้ายและขวาของเขาผู้พิทักษ์ที่จงรักภักดี
ฉินสือโอวไม่มีใบอนุญาตขับเรือยอชต์ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเขาจึงใช้คอมพิวเตอร์ในการขับและรักษาความเร็วไว้ต่ำกว่าสิบสี่นอตเพื่อความปลอดภัย
หลังจากที่เรือแล่นไปหนึ่งชั่วโมงคนอื่นๆก็ทยอยกันตื่น พอนีลเซ็นควบคุมการขับเรือ ความเร็วก็เริ่มเพิ่มขึ้น อย่างไรเสียเรือแฟร์เวลก็เป็นเรือลาดตระเวนความเร็วสูงไม่ใช่เรือประมง
พอใกล้ถึงท่าจอดเรือฉินสือโอวมองเห็นที่ชายหาดของฟาร์มปลาดูเหมือนจะมีคนอยู่ไม่น้อย เขาไม่รู้ว่าที่บ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงรีบหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาดูแต่ยิ่งดูก็ยิ่งสับสน คนพวกนี้ต่างเป็นคนแปลกหน้าแถมเป็นวัยรุ่นทั้งหมด แต่ละคนแต่งตัวกันอย่างเย็นสบาย…
……………………………………………………….
บทที่ 77 บาร์บีคิวของเหล่านักศึกษา
โดย
Ink Stone_Fantasy
เรือแฟร์เวลสีขาวสง่าแล่นเข้าจอดที่ท่าเรือ หนุ่มสาวบนชายหาดต่างก็จับจ้องไปที่เรือ มีหลายคนยังหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปกันใหญ่
ฉินสือโอวไม่รู้ว่าคนพวกนี้มาทำอะไร พอลงจากเรือเขาจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “สวัสดี ทุกท่าน…”
แต่ไม่รอให้เขาถาม ก็มีผู้หญิงผมทองคนหนึ่งเดินมาถามเขาว่า “พี่ชายคนหล่อ พี่ก็มาเล่นที่นี่ด้วยเหรอ? นี่เป็นเรือของพี่เหรอ ไม่เลวเลย มันชื่อว่าอะไรเหรอ?”
“เรือแฟร์เวลเป็นเรือลาดตระเวนน่ะ” ฉินสือโอวตอบ พอพูดจบก็รู้สึกแปลกๆ จึงรีบเอ่ยถาม “พวกเธอมาทำอะไร? ฉันไม่ได้มาเที่ยวนะ ที่นี่เป็นฟาร์มปลาของฉัน”
ผู้หญิงคนนั้นอึ้งเล็กน้อยหลังได้ยินที่เขาพูดแล้วพูดว่า “ที่นี่เป็นฟาร์มปลาของพี่? ฟาร์มปลานี่ไม่มีคนไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวยิ้มแห้งๆ เขามองไปยังคนกลุ่มนี้ที่กางร่มกันแดดบนชายหาด วางเก้าอี้พิงแล้ว น่าจะมาเที่ยวพักผ่อน แต่เที่ยวพักผ่อนก็มาเที่ยวยังพื้นที่ส่วนบุคคลของเขาไม่ได้สิ
แฮมเล็ตเดินออกมาจากข้างหลัง เห็นคนเหล่านี้จึงเอ่ยถาม “พวกเธอเรียนที่มหาวิทยาลัยอะไร? มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น? มหาวิทยาลัยอนุสรณ์นิวฟันด์แลนด์?”
เด็กสาวคนนั้นยักไหล่แล้วพูดว่า “พวกเราเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยโทรอนโต นักศึกษาแลกเปลี่ยนของมหาวิทยาลัยอนุสรณ์นิวฟันด์แลนด์คนหนึ่งพาพวกเรามาเที่ยว เขาบอกว่าฟาร์มปลาที่นี่ไม่มีคนมานานหลายปีแล้ว ขอแค่พวกเราช่วยทำความสะอาดก็สามารถเที่ยวพักผ่อนที่นี่ได้”
ฉินสือโอวแบมือกับแฮมเล็ต เอ่ยถามขึ้นว่า “นี่มันเรื่องอะไร?”
แฮมเล็ตอธิบายว่า “ฉันไม่รู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ในนิวฟันด์แลนด์มีฟาร์มปลาที่ถูกทิ้งร้างหลายที่มีหาดทรายที่สวย ดังนั้นมักจะมีคนไปเที่ยวเล่นที่สถานที่พวกนั้น ขอเพียงแค่ช่วยเจ้าของรักษาความสะอาดให้ดี ปกติแล้วก็จะไม่ถูกเอาความ”
“คุณเป็นเจ้าของฟาร์มปลาที่นี่เหรอ?” ตอนนี้มีชายหนุ่มรูปร่างสูงผอมคนหนึ่งเดินมา “อ้อ นายท่าน ต้องขออภัยอย่างยิ่ง เป็นอย่างนี้ครับ เมื่อก่อนคนในมหาวิทยาลัยพวกเราเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้ว แน่นอนว่าผมก็เคยตามมาด้วย ในตอนนั้นที่นี่มีคนคนหนึ่งที่ชื่อคุณเออร์บัก ชาร์คแมนเป็นคนดูแล เขาอนุญาตให้พวกเรามาเที่ยวที่นี่ได้ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ฟาร์มปลามีเจ้าของใหม่อีกแล้ว ต้องขออภัยจริงๆ…”
ฉินสือโอวเองก็รู้สึกไม่ดีถ้าโกรธนักศึกษาพวกนี้ ยิ่งไม่สามารถไล่คนอื่นออกไป แม้ว่าคนพวกนี้จะทำให้หาดทรายวุ่นวายไปหน่อย แต่ก็รักษาความสะอาดได้ดี และยังมีนักศึกษาหลายคนกำลังใช้คราดเพื่อทำความสะอาดก้อนหินและเศษเปลือกหอยบนหาดทราย
เขาโทรศัพท์หาเออร์บัก ถึงได้เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก็เหมือนอย่างที่ชายหนุ่มคนนั้นบอกนั่นแหละ เพราะว่าฟาร์มปลาต้าฉินมีหาดทรายสีทอง ดังนั้นเมื่อก่อนจึงมีนักศึกษามาเปิดปาร์ตี้ปิ้งย่างบาร์บีคิวกันที่นี่
จิตสำนึกของนักศึกษาพวกนี้ค่อนข้างสูง พวกเขาเล่นอยู่แค่ที่หาดทรายเท่านั้น เวลานอนก็ตั้งแคมป์อยู่บนหาดทราย ก่อนจะจากไปยังช่วยทำความสะอาดบ้านพักด้วย ดังนั้นเออร์บักจึงได้อนุญาตให้พวกเขาเที่ยวเล่นที่นี่ได้ ครั้งนี้ก็คงจะเป็นแบบนั้นอีก
ฉินสือโอวเองก็ผ่านวัยนักศึกษามาก่อน ตอนนี้เขายังคงคิดถึงชีวิตนักศึกษาอยู่เลย หลังจากนักศึกษากลุ่มนี้รู้ว่าฟาร์มปลามีเจ้าของแล้ว ต่างก็มองเขาด้วยสีหน้าน่าสงสาร เขาจะไล่คนพวกนี้ไปได้ยังไง?
อีกอย่าง การปฏิสัมพันธ์ของชายหนุ่มรูปร่างสูงผอมคนนั้นดีมาก เห็นลักษณะสีผิวและเชื้อชาติของฉินสือโอวก็ใช้ภาษาจีนถามอย่างคล่องแคล่วว่า “สวัสดีเพื่อน นายเป็นคนจีน? คนเชื้อสายจีนใช่ไหม?”
ฉินสือโอวยักคิ้ว ชายหนุ่มคนนั้นยิ้ม “พวกเราเป็นนักศึกษาคณะศิลปศาสตร์เอกภาษาจีนมหาวิทยาลัยโทรอนโต นี่ช่างเป็นพรหมลิขิตจริงๆ! มหาวิทยาลัยของเราก็มีสถาบันขงจื่อ พวกเราเป็นนักศึกษาของที่นั่น”
นี่เป็นพรหมลิขิตจริง ฉินสือโอวยักไหล่แล้วเอ่ยว่า “อย่างนั้นก็ได้ พวกนายก็ทำตามกฎเดิม พวกนายสามารถเล่นบนหาดทรายนี้ได้ ปิ้งย่าง งานเลี้ยง ออกกำลังกาย เปิดปาร์ตี้ ทำได้หมดแต่เวลาจะกลับต้องรักษาความสะอาดให้ดี”
“ไชโย!” กลุ่มนักศึกษาดีใจจนโห่ร้องออกมา
“พวกเราจะช่วยคุณรักษาความสะอาดเอง อย่างเช่นช่วยทำความสะอาดห้องให้คุณ” ชายหนุ่มรูปร่างสูงผอมคนนั้นยิ้มตอบ
ฉินสือโอวโบกมือเอ่ยว่า “เรื่องนั้นไม่เป็นไร พวกนายดูแลแค่หาดทรายให้ดีก็พอแล้ว”
เขายืนมองดูหาดทรายของตัวเองจากท่าเรือ ก่อนหน้านี้ไม่ได้สังเกตเห็นว่าหาดทรายของฟาร์มปลาตัวเองคุณภาพไม่เลวเลย ตลอดครึ่งหนึ่งของพื้นที่ชายฝั่งทะเลของฟาร์มปลา ชายแดนประมาณห้าหกกิโลเมตรล้วนเป็นหาดทรายที่มีความกว้างไม่เท่ากัน และทายยังค่อนข้างละเอียดเป็นสีทองสม่ำเสมอกัน เป็นชายหาดทองคำของจริง
“บางทีฉันอาจจะพัฒนาโครงการท่องเที่ยวนี้ได้” ฉินสือโอวพูดกับตัวเอง
นีลเซ็นไปเปิดห้องเย็นของฟาร์มปลา เขาเรียกชาร์คและซีมอนสเตอร์มา นำปลาบนเรือลงไป
เห็นปลาใหญ่แช่แข็งพวกนั้น พวกนักศึกษาอยู่ไม่เป็นสุขแล้ว โทรอนโตไม่ใช่เมืองท่าปลา พวกเขาเคยเห็นปลาใหญ่พวกนี้ที่ไหนกัน
ฉินสือโอวมองดูเหล่านักศึกษาที่ตื่นเต้นกันใหญ่ รู้สึกว่าเป็นหนุ่มดีจริง ถ้าเขาเอาปลาทูน่าครีบเหลืองกลับมาด้วย พอเห็นปลาทูน่าครีบเหลืองที่ใหญ่เมตรครึ่งกว่า ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นจะมีปฏิกิริยายังไงอีก?
คิดถึงปลาทูน่าสีดำ จิตสำนึกแห่งโพไซดอนของเขาก็หันเหไป ขอเพียงเป็นสิ่งมีชีวิตที่เคยรับพลังโพไซดอน จิตสำนึกของเขาก็สามารถตามหาพวกมันได้ในทันที
ปลาทูน่าสีดำเป็นปลาทะเลน้ำลึก ชอบแหวกว่ายในทะเลน้ำลึก แม้ว่าจะสามารถเห็นในเขตน้ำตื้นได้ แต่เพราะว่าแรงดันในร่างกายพวกมันจึงจะไม่อาศัยในเขตทะเลน้ำตื้นนาน
หลังจากดูดซับพลังโพไซดอน ปลาทูน่าสีดำมีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ความเร็วในการว่ายเร็วขึ้น อาศัยในเขตทะเลน้ำตื้นก็ไม่มีความดันอะไรอีก ตอนนี้ปลาทูน่าสีดำจึงมาอยู่แถวปะการัง และกำลังต่อสู้กับเกล็ดหิมะ
หนึ่งดำหนึ่งขาว ล้วนมีความยาวเมตรครึ่งกว่า ทั้งสองตัวจ้องถมึงทึงตาโตในระยะห่างกันสิบกว่าเมตร
หลังจากจิตสำนึกโพไซดอนมาถึง เกล็ดหิมะรู้สึกตัวก่อน ว่ายขึ้นไปทันที เสมือนว่ากำลังฟ้องร้องก็ไม่ปาน ร้องไม่หยุด
ปลาทูน่าสีดำส่ายหางอย่างเบื่อหน่าย จากนั้นก็ออกจากแนวปะการังว่ายไปยังพื้นที่ที่ลึกขึ้นหน่อย ระหว่างทางเจอเข้ากับปลาค็อด ปลาแฮร์ริ่งต่างๆก็อ้าปากจัดการหมด!
ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกโพไซดอนปลอบประโลมเกล็ดหิมะ แล้วใช้พลังโพไซดอนถ่ายไปในร่างปลาทูน่าสีดำ จากนั้นก็สั่งให้มันสามารถกลับไปยังน่านน้ำทะเลลึกที่ตัวเองชื่นชอบ เขาวางแผนจะติดตามปลาทูน่าสีดำ จะดูว่าสามารถได้ปลาชนิดนี้ได้ไหม จากนั้นก็ผสมพันธุ์เทียม
ราคาปลาทูน่าสีดำค่อนข้างสูง ถ้าได้มาสักสิบตัวเลี้ยงให้ได้สองสามร้อยกิโลกรัมแล้วขาย ครั้งเดียวก็สามารถทำกำไรได้เป็นหมื่น!
วนในฟาร์มปลาครู่หนึ่ง ไม่พบปัญหาอะไร ฉินสือโอวจึงดึงจิตสำนึกกลับคืน
ครั้งนี้นักศึกษาที่มายังฟาร์มปลาของเขามียี่สิบกว่าคน น่าจะเป็นเพื่อนห้องเดียวกัน กำลังเตรียมการเตาย่าง เตรียมเครื่องดื่ม เห็นชัดว่ากำลังจะเปิดงานปิ้งย่างบาร์บีคิวแล้ว
ฉินสือโอวเห็นว่าในห้องแช่แข็งมีปลาค็อด ปลาทะเลตัวแบนและปลาเเซลมอนแปซิฟิกที่ยาวสามสี่สิบเซนติเมตรประมาณหนึ่ง จึงไปถาม “สวัสดีพวกนาย ฉันมีปลาหลายตัวไม่เลว สดมาก พวกนายอยากจะได้ไปปิ้งกินไหม?”
“แน่นอนครับบอส เราหวังว่าจะได้ชิมปลาจากฟาร์มปลาของคุณ” ชายหนุ่มรูปร่างสูงผอมพูดอย่างเกรงใจ เขาได้ยินพวกนีลเซ็นต่างก็เรียกฉินสือโอวว่าบอส ดังนั้นจึงได้เรียกแบบนี้ตาม
ฉินสือโอวโบกมือแล้วเอ่ยว่า “ไม่ต้องเรียกฉันว่าบอส ฉันแซ่ฉิน เรียกฉันอย่างนี้ก็พอแล้ว”
เขาพาชายหนุ่มสองคนขึ้นเรือ เอาปลาค็อดต่างๆที่แช่แข็งแล้วยื่นให้พวกเขา
เหล่านักศึกษาเองก็ซื้อปลามาปิ้งย่างเหมือนกัน แต่ว่าความสดเทียบกับปลาพวกนี้ของฉินสือโอวไม่ได้เลย โดยเฉพาะปลาค็อด ปลาที่ฉินสือโอวตกได้คือปลาค็อดลายดำ ตัวปลาแม้ว่าจะเป็นสีเทา แต่ก็มีประกายแสงอย่างหนึ่ง ปลาค็อดที่เหล่านักศึกษาซื้อมากลับเป็นสีเทาด้านซึ่งเห็นความต่างชั้นได้ชัดเจน
หลังชายหนุ่มรูปร่างสูงผอมขอบคุณฉินสือโอวแล้วก็ถาม “พวกเราสร้างความรำคาญให้คุณหรือเปล่า?”
ฉินสือโอวยิ้มตอบ “ไม่เป็นไร พวกนายสนุกสนานแบบนี้ก็ดี บอกเพื่อนๆของนายด้วย ฉันยังสามารถสนับสนุนเหล้าให้พวกนายนิดหนึ่งด้วย อีกสักครู่จะมีคนส่งมาให้พวกนายนะ”
ผู้ชายผมทองรูปร่างอ้วนถ้วนอีกคนหนึ่งก็ร้องออกมา “อ้อ ฉิน คุณเป็นเหมือนเพื่อนที่พระเจ้าส่งมาให้กับพวกเราเลย! จริงนะ ได้รับการช่วยเหลือจากนายคุณเยอะมากเลย พวกเราเกรงใจหมดแล้ว”
ฉินสือโอวพูดเล่นว่า “ไม่ต้องเกรงใจ บางทีฉันอาจจะมีความต้องการอย่างอื่นอยู่ อย่างเช่น ฉันอาจจะให้เพื่อนนักเรียนของพวกนายระวังตัวหน่อย”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงผอมหัวเราะว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณสนใจคนไหนล่ะ บอกพวกเราได้นะ พวกเราแนะนำให้คุณได้”
ฉินสือโอวพาพวกเขาลงจากเรือระหว่างที่พูดเล่นกัน ปรากฏว่าแฮมเล็ตวิ่งมาทางเขาอย่างรีบร้อน วิ่งไปด้วยตะโกนไปด้วยว่า “พระเจ้า ฉิน ฉันจะบอกข่าวดีนายเรื่องหนึ่ง! เป็นข่าวดีที่ทำให้นายดีใจได้แน่ๆ! นายเดาออกไหม?
ฉินสือโอวยิ้มตอบ “ให้ผมเดาหน่อยนะ มีสาวสวยคนไหนสนใจผมใช่ไหม และคุณจะเป็นแม่สื่อให้?”
“เรื่องนี้กับผีสิ!” แฮมเล็ตที่มักจะรักษาภาพลักษณ์สุภาพบุรุษตลอดกลับพ่นคำหยาบออกมา เห็นชัดว่าเขาในตอนนี้มีความสุขแค่ไหน “โรงงานเคมีใต้ดินนรกสองแห่งนั้นต่างหาก ฉันได้ข่าวมาว่าโรงงานเคมีสองแห่งนั้นกำลังจะย้ายออก พวกเขากำลังทำเรื่องย้ายโรงงานออก!“
เห็นแฮมเล็ตดีใจขนาดนี้ ฉินสือโอวเดาได้ว่าน่าจะเป็นข่าวเรื่องนี้ แต่ไม่กล้าฟันธง เพราะว่าเขาไม่เชื่อว่าโรงงานทั้งสองจะตัดสินใจย้ายออกเลยทันทีหลังจากปากท่อระบายถูกอุด
คิดเขาคิดคือโรงงานทั้งสองแห่งอาจจะสู้ตาย อย่างเช่นให้บริษัททำความสะอาดมาเปิดปากท่อระบาย หรือบางทีก็เปลี่ยนปากท่อระบายใหม่ เขาเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ในระยะยาวแล้ว ใครจะคิดว่าเจ้าของของโรงงานทั้งสองจะไร้น้ำยาแบบนี้!
เขาไม่รู้ว่างูทะเลตัวใหญ่ซ่อนอยู่ในดงสาหร่ายสีน้ำตาลเป็นภัยคุกคามที่น่ากลับแค่ไหนต่อคนงาน คนพวกนั้นกลัวหัวหดหมดแล้ว อาการคาคา ซันนี่แย่ยิ่งกว่า เมื่อวานปืนขึ้นบก เขาก็ถูกส่งไปยังโรงพยาบาลทันที
อีกอย่าง วันก่อนกิจกรรมต่อต้านของคนในหมู่บ้านก็ออกเป็นข่าวในหลายๆช่องของนิวฟันด์แลนด์ เพราะว่าปีนี้รัฐบาลของแคนาดาค่อนข้างให้ความสนใจกับหัวข้อการฟื้นฟูของฟาร์มปลา ดังนั้นเรื่องของโรงงานเคมีทั้งสองแห่งที่สร้างมลพิษให้กับฟาร์มปลาบนเกาะแฟร์เวลถูกช่องโทรทัศน์ตีแผ่อย่างมาก สร้างความไม่พอใจให้กับทั้งฝ่ายรักษ์สิ่งแวดล้อมและฝ่ายการประมง
เคลวิน สตีฟเองก็อยากจะยื้ออีกสักนิด เมื่อวานเขาใช้เงินจำนวนมากเชิญนักทดสอบทางเคมีมาบริษัทหนึ่ง อยากจะตรวจให้รู้ปัญหาที่เกิดขึ้นของสาหร่ายสีน้ำตาล
ห้องทดสอบจะหาสาเหตุเจอได้ยังไงกัน? สุดท้ายแล้วเหตุผลที่พวกเขาให้ออกมาคือ น้ำเสียที่โรงงานเคมีทั้งสองแห่งปล่อยออกมาทำให้สาหร่ายสีน้ำตาลเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นถึงได้เติบโตจนใหญ่ขนาดนี้ สำหรับเรื่องของสาหร่ายสีน้ำตาลอยู่ๆก็ปรากฏขึ้นภายในคืนเดียว เรื่องแบบนี้พูดออกไปใครจะเชื่อกันล่ะ?
เคลวินทำตัวเอง ปัญหามลพิษของโรงงานเคมีของเขาถูกผู้สื่อข่าวรายงานออกมา บอกว่าน้ำเสียทำให้สาหร่ายสีน้ำตาลเกิดการเปลี่ยนแปลง คราวนี้เรื่องใหญ่เลย มลพิษก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางดีเอ็นเอของพืชพันธุ์ ในพื้นที่อเมริกาเหนือถือเป็นปัญหาที่ร้ายแรงอย่างมาก
……………………………………………
บทที่ 78 ตกหมึก
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวจับปลานกแก้วราชินีที่อยู่ในถังจับปลาขึ้นมา พวกมันเป็นปลาที่โตได้ที่ ตัวใหญ่มีขนาดสามสิบห้าสามสิบหกกิโลกรัมส่วนตัวเล็กมีขนาดยี่สิบห้ายี่สิบหกกิโลกรัม สีสันสดใสและมันเงาเป็นประกาย ตัวหนึ่งสีน้ำเงินอีกตัวหนึ่งสีเขียว เป็นตัวผู้หนึ่งตัวตัวเมียหนึ่งตัวเป็นคู่รักกันได้พอดี
ปลานกแก้วราชินีถือว่าเป็นดาราในหมู่ปลาสวยงาม พอเห็นพวกมันกลุ่มนักศึกษาที่อยู่รอบๆ ก็ล้อมวงกันเข้ามา แล้วเด็กผู้น่ารักจิ้มลิ้มคนหนึ่งก็ถามอย่างน่าเอ็นดูขึ้น “คุณลุง นี่ปลาอะไรเหรอคะ สวยมากเลย”
“ของสวยงามต่างก็มีพิษทั้งนั้น พวกเธอก็ระวังกันด้วยล่ะ อย่าไปโดนมันเข้าให้ล่ะ” ผู้ชายคนหนึ่งขู่ขวัญเด็กสาวพวกนั้น
ฉินสือโอวก้มหน้าแล้วจับปลานกแก้วราชินีโยนลงทะเล เด็กสาวคนนั้นก็ถามขึ้นอีกว่า “คุณลุง ทำไมโยนพวกมันลงทะเลล่ะคะ เลี้ยงไว้เองไม่ดีกว่าเหรอ?”
“คุณลุงทำไมไม่พูดกับพวกเราเลยล่ะ?”
ฉินสือโอวหันกลับมาอย่างงงๆ แล้วถามขึ้น “เดี๋ยวนะ ที่พวกเธอเรียกลุงๆ เนี่ย เรียกฉันเหรอ?”
เด็กพวกนี้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยโทรอนโตสาขาภาษาต่างประเทศ ไม่มากก็น้อยที่สามารถพูดจีนได้ เด็กสาวพวกนี้เอาแต่เรียกเขาว่า ‘คุณลุง’(ในภาษาจีน) ตั้งแต่ฉินสือโอวมาแคนาดาเขาก็ไม่ได้ยินคำนี้อีกเลยก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก จึงเป็นเหตุให้เขาเพิ่งจะตอบสนอง
กลุ่มนักศึกษาพยักหน้าพร้อมกัน ทำเอาฉินสือโอวมึนไปเลย ฉันเนี่ยแก่กว่าพวกเธอก็จริงอยู่แต่ฉันเพิ่งจะจบจากมหาลัยได้สี่ปีเองทำไมถึงกลายเป็นลุงแก่ไปได้ล่ะ?
เขาควักโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดกล้องดู เห็นได้ชัดเลยว่าคนที่อยู่ในนั้นยังดูหนุ่มกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาจะตาย เพียงแค่ออกทะเลไปเดือนกว่าๆ เองผิวก็คงโดดแดดจนดำไปหมดแต่ดูไปดูมาแก่ขึ้นมานิดนึงนะเนี่ย
“โอเค ฉันเป็นลุงนั่นแหละ”ฉินสือโอวถอนหายใจแล้วพูดขึ้น“ เวลาผ่านไปไวจริงๆ ฉันเนี่ยแป๊บเดียวก็กลายเป็นคุณลุงไปแล้ว!”
เมื่อไม่มีอะไรให้ดูแล้วพวกนักศึกษาก็พากันแยกย้าย จากนั้นก็มีคนเอาคันเบ็ดออกมาแล้วนั่งยองๆ ตกปลาที่ตรงท่าเรือ
ฉินสือโอวมองดูคนพวกนี้แล้วก็รู้สึกว่าพวกเขาช่างหัวดีกันจริงๆ มาเที่ยวเล่นที่ฟาร์มปลาของเรา แถมยังจะมาตกปลาของเราอีกเหรอ? แย่จริง เด็กพวกนี้ไม่มีมารยาทอะไรขนาดนี้เนี่ย
ประเด็นก็คือรอบๆ ท่าเรือเป็นเขตพื้นที่น้ำตื้น จึงเลี้ยงเพียงปลาเล็กๆ เท่านั้นไม่ได้เลี้ยงปลาใหญ่ไว้ ดังนั้นปกติแล้วที่นี่จะไม่อนุญาตให้ตกปลา
เขาเรียกซีมอนสเตอร์มา จากนั้นซีมอนสเตอร์ก็รีบวิ่งหน้าตั้งมาอย่างน่าเกรงขามจนถึงท่าเรือแล้วตะโกนถามพวกเด็กๆ ว่า “เฮ้ย พวกเด็กๆ พวกนายมีใบอนุญาตตกปลารึเปล่า? ถ้าไม่มีล่ะก็ ระวังโดนตำรวจลาดตะเวนชายฝั่งจับเอานะเว้ย!”
แคนาดาเหมือนกับอเมริกาตรงที่ถ้าจะตกปลาที่เกิดตามธรรมชาติจะต้องมีใบอนุญาตตกปลา แต่จริงๆ แล้วถ้าตกที่ท่าเรือไม่ต้องมีก็ได้ ซีมอนสเตอร์ก็แค่ขู่พวกเขาไปก็เท่านั้น
อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลแคนาดามีมาตรการป้องกันที่เข้มมากสำหรับฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ เพราะหลังจากเกิดปัญหาการระเบิดมลพิษอย่างรุนแรงของโรงงานอุตสาหกรรมเคมีทั้งสอง จึงเป็นเหตุให้ทางรัฐบาลต้องจัดการลงโทษทั้งสองโรงงานโดยตรง
แล้วเมื่อก่อนผู้คนที่อยู่อาศัยในเมืองแฟร์เวลเคยได้จัดการประท้วงถึงการทำงานที่ล่าช้าและไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งสืบเนื่องมาจากพวกเขาหาหลักฐานในการปล่อยมลพิษไม่ได้ เพราะสิ่งปฏิกูลนั้นถูกปล่อยผ่านปั๊มแรงดันลงสู่ใต้ทะเล เมื่อเก็บตัวอย่างของสิ่งปฏิกูลได้มันก็เจือจางไปจนหมดแล้ว
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเก่า เพราะสตีฟ เจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมเคมีเป็นคนรนหาที่ตายเอง เขาได้เชิญทางห้องแล็บมาตรวจสอบสิ่งปฏิกูลขั้นต้น พอตรวจสอบก็พอสิ่งปฏิกูลจำนวนมหาศาล เมื่อทางห้องแล็บทำการร้องเรียนต่อรัฐบาลตามกฎหมาย รัฐบาลจึงรีบสั่งปิดโรงงานพวกเขาทันที
และนี่จึงเป็นผลสะท้อนในการตกปลา ที่ทำให้รัฐบาลควบคุมการตกปลาในฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์อย่างเคร่งครัด
เมื่อปี 1992 ทางรัฐบาลแคนาดาได้มีคำสั่งลงไปยังฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์แถบชายฝั่งทะเลให้หยุดการจับปลา เพื่อเป็นการลดโควต้าการจับปลาหิมะจำนวนมาก ฟาร์มปลาทุกที่ของนิวฟันด์แลนด์ยกเว้นฟาร์มส่วนตัวก็ไม่สามารถจับปลาและออกทะเลได้จนถึงปี 2003
แต่ว่าการสั่งห้ามจับปลาในระยะเวลาสิบเอ็ดปี น่านน้ำนิวฟันด์แลนด์ก็ยังคงตายซาก เพราะนอกจากจะไม่มีการฟื้นฟูจำนวนปลาหิมะแล้วนั้นกลับกันยิ่งลดจำนวนลงเรื่อยๆ และภายใต้สถานการณ์นี้ทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการประมงจำเป็นต้องประกาศปิดอ่าวการประมงตามชายฝั่งของนิวฟันด์แลนด์และเซนต์จอห์นอย่างถึงที่สุดจนถึงปัจจุบัน
เมื่อพวกเด็กนักศึกษารู้ถึงข้อนี้ ดังนั้นเมื่อชาร์คตะโกนเสียงดังลั่น พวกเขาก็พากันเก็บคันเบ็ดลงไปด้วยสีหน้าเหยเก และก็รู้สึกไม่ดีถ้าจะตกปลาที่นี่ต่อ
ที่จริงแล้วฉินสือโอวอยากจะพากลุ่มนักศึกษาไปยิงปลาที่ทะเลสาบเฉินเป่าแต่พอคิดแล้วมันต้องใช้พวกธนูกับลูกศร แต่ถ้าเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นจะทำอย่างไร? จากนั้นฉินสือโอวก็เม้มปากแล้วลากเก้าอี้นอนมาหนึ่งตัวพลางเอนตัวนอนอาบแดดแล้วดูพวกเด็กๆ เล่นวอลเลย์บอลชายหาด เล่นบาสเกตบอลชายหาดกัน
พอเขาเอนหลังลงได้สักพัก ก็มีนักศึกษาผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่งขาเรียวยาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วเดินเข้ามา
“ไฮ สวัสดี ฉันชื่อดาญ่า รัสลัน ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” นักศึกษาสาวเดินมาตรงหน้าฉินสือโอวโค้งตัวเล็กน้อยแล้วยื่นมือออกไป และในตอนที่โค้งตัวนั้นเองเสื้อชั้นในผ้าฝ้ายก็หย่อนลงทันที เผยให้เห็นถึงร่องหน้าที่อกลึกและเรียบเนียนของเธอ
ฉินสือโอวลุกขึ้นจากเก้าอี้นอนแล้วจับมือกับดาญ่าอย่างเป็นมิตรแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันฉินนะ ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน ดื่มอะไรสักหน่อยไหม? ชา กาแฟ น้ำส้ม น้ำสาลี่ น้ำแบล็คเบอร์รี หรือจะเป็นน้ำแอปเปิลดี”
เขาชี้มือไปยังแก้วพวกนั้น และข้างในก็เพิ่งจะคั้นน้ำแล็คเบอร์รีเสร็จพอดี เปรี้ยวๆ หวานๆ อร่อยแถมยังช่วยดับไข้ได้ด้วย
“น้ำแอปเปิลแล้วกัน ขอบคุณค่ะ” ดาญ่ายิ้มขึ้น ตอนแรกเธอคิดว่าฉินสือโอวคงจะไปหยิบให้เธอด้วยตัวเอง แต่ไม่รู้เลยว่าเขาแค่ผิวปากหมาน้อยที่หมอบอยู่ข้างๆ เขาก็ไปคาบโทรศัพท์มาให้เขา แล้วเขาก็โทรหานีลเซ็นโดยตรงแล้วพูดว่า “นีลเซ็น น้ำแอปเปิลหนึ่งแก้ว”
จากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มรูปร่างแข็งแรงกำยำก็เดินออกจากคฤหาสน์พร้อมกับมือหนึ่งถือแก้วน้ำแอปเปิลส่วนอีกมือถือเก้าอี้นอนอีกตัวออกมา
“บอส ต้องการร่มกันแดดด้วยไหมครับ?” นีลเซ็นถามขึ้น ในขณะที่ดาญ่าทำสายตาปริบๆ เขาก็คิดว่าฉินสือโอวคงจะอยากจู๋จี๋กับสาวมหาลัยเซ็กซี่คนนี้แน่ๆ
ฉินสือโอวขี้เกียจจะอธิบาย เขาแค่เหงาเฉยๆ ไม่ได้คิดอยากจะจับเธอเลย และอีกอย่างเขาก็ได้หมายปองวินนี่ไว้แล้ว เขาส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “อาบแดดก็ดีอยู่แล้วน่ะ”
พูดจบเขาก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและรู้สึกว่านับวันท้องฟ้ายิ่งดูสดใสขึ้นกว่าเดิม นับตั้งแต่สองโรงงานเคมีนั้นถูกปิดไปสภาพแวดล้อมก็ดีขึ้น
พอดาญ่าจิบน้ำแอปเปิลไปหนึ่งอึก เธอก็ถามขึ้นอย่างสนอกสนใจว่า “คุณเป็นคนเชื้อสายจีนเหรอ? นามสกุลฉินก็น่าจะเชื้อสายจีนใช่ไหม? ฉันได้สัมผัสกับพวกวัฒนธรรมตะวันออกของค่อนข้างน้อย เลยไม่ค่อยชัดเจนเท่าไรน่ะ”
“ใช่แล้ว เป็นคนจีนน่ะ เพิ่งมาอยู่ที่นิวฟันด์แลนด์ได้ไม่นานนี้เอง เธอล่ะชื่อกับนามสกุลเธอดูไม่เหมือนกับเป็นคนแคนาดาเลย” ฉินสือโอวพูดขึ้น
จริงๆ แล้วที่นายพูดอย่างนี้ก็ไม่ค่อยมืออาชีพเท่าไรนะ แคนาดาเป็นประเทศผู้อพยพแม้แต่ภาษาทางราชการก็ไม่มีเป็นของตัวเอง ใช้ภาษาอังกฤษก็ดีหรือจะภาษาฝรั่งเศสก็ได้ และถ้าจะให้พูดถึงชื่อและชาติพันธุ์ยิ่งแล้วใหญ่เลย
“ยูเครนค่ะ ฉันเกิดและโตที่เคียฟ แล้วเพิ่งจะมาแลกเปลี่ยนที่แคนาดาเมื่อปีก่อนนี่เอง” ดาญ่าอธิบายให้เขาฟัง
ฉินสือโอวยิ้มและพูดขึ้นว่า “มิน่าล่ะเธอถึงสวยขนาดนี้ แถมผิวพรรณก็ดีอีก ที่แท้ก็เป็นสาวยูเครนนี่เอง และเคียฟก็ยังถือว่าเป็นสถานที่ ที่ดีสถานที่หนึ่ง เพราะในช่วงสมัยสงครามกองทัพแดงของกลุ่มเคียฟได้ต่อสู้ด้วยความกล้าหาญเป็นอย่างมากแถวๆ แม่น้ำนีเปอร์”
ดาญ่าพูดต่ออีกว่า “นั่นก็เป็นเพราะว่าตอนนั้นกองทัพเคียฟได้รับความอัปยศอย่างมาก กองกำลังทั้งสี่ของทัพฝั่งตะวันตกเฉียงใต้โดนโจมตีทั้งหมด ไหนจะกองทัพฝั่งไบรแวนส์ กองทัพฝั่งใต้และกองทัพแดงที่สูญเสียกำลังคนไปมากกว่าล้านคน และทหารแดงผู้ซึ่งทะนงตนต้องยอมรับกับความพ่ายแพ้นี้ อย่างนี้จะไม่กล้าหาญได้ยังไงล่ะ?”
เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกอึ้งเล็กน้อย ผู้หญิงที่สามารถพูดถึงกองทัพแดงและยุทธการเคียฟได้มีไม่มากนักต่อให้นั่นจะเป็นบ้านเกิดของเธอก็ตาม ยกตัวอย่างเช่น ไปถามสาวเซี่ยงไฮ้ว่ายุทธการเซี่ยงไฮ้จีนส่งกองกำลังสำคัญไหนไป จะมีสักกี่คนที่จะรู้?
แล้วฉินสือโอวก็เพิ่งตระหนักได้ว่าการที่มาคุยเรื่องการรบกับสาวสวยที่มาอาบแดดก็ดูจะไม่เหมาะ เขาเลยถามเรื่องอื่นขึ้น “แล้วทำไมเธอถึงไม่ไปเล่นกับพวกเพื่อนๆ แต่มานั่งคุยกับลุงอย่างฉันล่ะ?”
ดาญ่าถอนหายใจแล้วตอบกลับ “ฉันเล่นวอลเลย์เล่นบาสไม่เป็นน่ะ ถ้าเล่นไพ่ฉันก็ไม่เข้าใจกฎของมันอีก ตอนแรกฉันอยากมาตกปลาแต่สุดท้ายเขาห้ามตก เลยหาคนคุยด้วยฆ่าเวลาไปก็แล้วกัน”
ฉินสือโอวคิดตามแล้วถามขึ้นว่า “เธอชอบตกปลาเหรอ? งั้นเธอเคยตกหมึกไหม? ที่ฟาร์มไม่อนุญาตให้ตกปลาเพราะเพิ่งจะเลี้ยงลูกปลาน่ะ แต่ถ้าหมึกล่ะก็ตกได้นะ”
เขาเองก็ยังไม่เคยตกหมึกมาก่อน เคยเห็นแต่ชาร์คกับซีมอนสเตอร์ทำให้ดู ตอนที่ออกเรือและเมื่อวานนี้ก็ตกได้ประมาณสองสามตัว และดอนยังเก็บไว้ให้เขาเอามาย่างกินตั้งหนึ่งตัว ยิ่งทาซอสมะเขือเทศหรือซอสพริกไปด้วยแล้วยิ่งอร่อย
“ตกหมึกเหรอ? อ้อ ฉันเคยเห็นแค่ปลาหมึกแต่ยังไม่เคยตกมันมาก่อนเลย”ดาญ่าพูดอย่างดีใจ
ฉินสือโอวลุกขึ้นแล้วไปหยิบเส้นเอ็นกับเบ็ดตกปลาและเตรียมเหยื่อไปพร้อม เขาพาดาญ่าเดินไปที่ท่าเรือ ระหว่างทางพวกเด็กนักศึกษาก็ถามว่าพวกเขาจะทำอะไรกัน เขาจึงพูดขึ้นว่า “ฉันว่าจะไปตกหมึกน่ะ ถ้าพวกเธอสนใจจะไปด้วยกันก็ได้นะ เดี๋ยวอีกสักหน่อยก็เอามาย่างกินกัน”
ตอนแรกเด็กพวกนี้ก็ตั้งใจมาตกปลากันแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ตก แต่ไปตกหมึกก็ถือว่าไม่เลว สามารถมาทดแทนความรู้สึกเสียดายของพวกเขาได้อยู่ แล้วพวกเขาเจ็ดแปดคนก็โยนลูกบาสในมือไป
ตกหมึกนั้นจะไม่ใช้เบ็ดตกปลาทั่วไป แต่จะใช้สายเอ็นมือ เส้นเอ็นตกปลากับตะขอเกี่ยวปลา กิ๊บ ตะกั่วเหล็กและลำไม้ไผ่จากนั้นเอาทั้งหมดมาประกอบเป็นอุปกรณ์ตกปลา
ในระหว่างที่ประกอบอุปกรณ์ตกปลา ตะขอตกหมึกคือสิ่งสำคัญ ฉินสือโอวใช้ตะขอที่ทำเองของชาร์ค จากนั้นก็หากระบอกไม้ไผ่ทรงกระบอกมาทำเป็นด้าม และนำตะขอเดี่ยวยี่สิบอันเสียบไว้ด้านบนอย่างเท่าๆ กันแล้วใช้ลวดบางๆ มัดให้ พอแน่นแล้วมันจะคล้ายร่ม รูปร่างคร่าวๆ ก็จะประมาณนี้
และตอนตกหมึก ให้นำลวดบางๆ มัดตะขอไว้กับสายเบ็ดของอีกฝั่งไว้ให้แน่น และตรงปลายของลำไม้ไผ่นำตะกั่วเหล็กใส่เข้าไป จากนั้นสายเบ็ดของอีกฝั่งให้ติดกิ๊บวงล่างเข้าไป ส่วนปลายของสายเอ็นมือก็ติดกิ๊บวงบนเข้าไป และขั้นตอนพื้นฐานก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ช่วงนี้ฉินสือโอวจะคลุกตัวอยู่กับกลุ่มชาวประมงอยู่ตลอด จึงค่อยๆ ซึมซับและได้เรียนรู้ไปแบบไม่รู้ตัวตั้งหลายอย่าง ถึงแม้นี่จะเป็นการตกหมึกครั้งแรก แต่ก็ได้เรียนรู้เทคนิคมาอย่างชำนาญแล้ว และเวลาอธิบายก็อธิบายได้อย่างชัดเจน
เมื่อพวกเด็กนักศึกษาฟังจนเข้าใจแล้วต่างก็มองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก เพราะอุปกรณ์ตกปลาที่อยู่ในมือพวกเขาตอนนี้กลับใช้ไม่ได้
จากนั้นฉินสือโอวก็หยิบถังเล็กๆ มา ข้างในใส่น้ำมันกานพลูเอาไว้ เขาเอาเหยื่อพลาสติกอันหนึ่งลงไปคลุกๆ จากนั้นเอาไปห้อยไปกับตะขอเบ็ดแล้วโยนลงน้ำ และเขาก็หันมาพูดให้ดาญ่าฟังอีกว่า “ตอนนี้เหยื่อปลอมแบบนี้จะเอามาใช้ตอนตกหมึกบ่อยที่สุด แต่ฉันรู้สึกว่าก็ยังใช้ไม่ดีเท่ากับเหยื่อจริง เพราะฉะนั้นนะ พออีกสักหน่อยได้เหยื่อจริงแล้ว ฉันแนะนำให้เธอใช้เหยื่อจริงจะดีกว่า”
“แต่ตอนนี้คุณตกหมึกอยู่ไม่ใช่เหรอ? แล้วอีกสักหน่อยจะมีเหยื่อจริงได้ยังไง?” ดาญ่าจ้องเขาและถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
ฉินสือโอวยิ้มและพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวอีกหนึ่งนาทีหลังจากนั้น ฉันค่อยจะบอกคำตอบเธอ”
……………………………………….
บทที่ 79 การต่อสู้
โดย
Ink Stone_Fantasy
คำตอบเฉลยออกมาทันที ฉินสือโอวรู้สึกว่าตะขอเกี่ยวปลาในมือของเขาจมลง เขาจึงค่อยๆดึงสลิงตกปลาขึ้นมา เมื่อดึงจนตะขอเกี่ยวปลาพ้นน้ำ กลุ่มคนก็ส่งเสียงร้องดีใจขึ้นทันทีที่เห็นเขาตกปลาหมึกขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือได้ตัวหนึ่ง
ปลาหมึกเป็นสัตว์ที่โลภมากในมหาสมุทร หลังจากที่มันกินเหยื่อได้มันจะใช้หนวดของมันรัดเหยื่อไว้แน่น ดังนั้นเมื่อตกปลาหมึก เพียงแค่ตกได้มันก็จะไม่หลุดมือและวิ่งหนีไปไหนได้
หลังจากที่ตกหมึกตัวนี้ได้ฉินสือโอวผ่ามันด้วยมีดแล้วนำเครื่องในทิ้ง จากนั้นเขานำตัวปลาหมึกแขวนไว้ที่ตะขอเกี่ยวปลาแล้วอธิบายเพิ่ม “ปลาหมึกโดยธรรมชาติของมันชอบกลิ่นคาวจำพวกเดียวกัน แต่ปลาหมึกตัวผู้จะมีกลิ่นคาวที่เฉพาะตัว โดยทั่วไปชาวประมงมักจะใช้ปลาหมึกตัวผู้ตัวเล็กเป็นเหยื่อล่อปลาหมึกตัวใหญ่”
หลังจากเกี่ยวเหยื่อเสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็นำสลิงตกปลาให้กับดาญ่า เพื่อให้เธอลองตกดู นักศึกษาคนอื่นๆเห็นจึงอยากจะลองบ้าง ฉินสือโอวจึงให้นีลเซ็นหาตะขอเกี่ยวปลามาอีกสักสองสามอันเพื่อเกี่ยวกับเส้นเอ็นตกปลา แล้วแจกจ่ายให้กับนักศึกษาให้พวกเขาผลัดกันตกปลาหมึก
เมื่อกลับมาถึงท่าเรือ ฉินสือโอวรู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อยเขาจึงกลับไปนอนพัก จนถึงตอนเช้าเขานอนยังไงก็นอนไม่หลับ
เขารู้สึกตัวแบบนี้มาสองชั่วโมงกว่าแล้ว หลังจากตื่นขึ้นมาเขาพบว่ามีนักศึกษาไม่กี่คนอยู่บนชายหาด ดาญ่าเองก็อยู่ที่นั่นเธอกำลังอ่านหนังสือ ฉินสือโอวจึงเดินเข้าถามไถ่ เธอบอกว่าพวกเพื่อนผู้ชายเจอแป้นบาสที่อยู่ในเมืองจึงไปเล่นกัน
หลายปีมานี้เศรษฐกิจของเมืองแฟร์เวลไม่ค่อยจะดี จึงไม่มีงบพอที่จะสร้างโรงยิมมีเพียงแป้นบาสที่ตั้งอยู่มุมถนนเท่านั้น ชาวแคนาดาชอบกีฬาอย่างฮอกกี้น้ำแข็ง คริกเก็ตและรักบี้ ในเมืองแฟร์เวลไม่มีตลาดชาวอเมริกันจำนวนมากจึงชอบมาเล่นบาสเกตบอลที่นี่เพราะกีฬานี้มีข้อจำกัดในการใช้สถานที่ไม่มากนัก
ฉินสือโอวก็ชอบเล่นบาสเกตบอล เมื่อตอนที่เขาอยู่มหาวิทยาลัยเขาเป็นกองหลังทีมคณะ แน่นอนว่าเขาเป็นตัวสำรอง
เมื่อก่อนอากาศที่นี่จะหนาวเย็น มีไม่กี่คนที่จะออกมาเล่นบาสเกตบอล แต่ในเวลานี้เหล่านักศึกษาวิทยาลัยสนุกสนานมีชีวิตชีวาตามธรรมชาติ ฉินสือโอวนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็ไม่ได้เล่นบาสเกตบอลมานานแล้ว เขาจึงขับรถเข้าไปในเมือง
บนมุมถนนถัดจากร้านสะดวกซื้อของฮิวจ์ มีหลายสิบคนล้อมรอบอยู่ใต้แป้นบาสจริงๆด้วย มีสองทีมกำลังแข่งขันกันที่สนาม และยังมีอีกสองทีมรอลงสนาม
ฉินสือโอวจึงเบียดเข้าไปดูการแข่งขันของสองทีมที่อยู่ในสนามรูปแบบการเล่นแบ่งเป็นทีมละสามคน มีทีมหนึ่งเป็นคนในพื้นที่ หัวหน้าทีมคือฮิวจ์ อีกทีมคือนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยโทรอนโต
ฮิวจ์มีมาตรฐานในการควบคุมลูกได้ดี เขาสวมเสื้อยืดสไตล์ฮิปฮอปและกางเกงขาสั้น ลูกบาสสีส้มที่กำลังเด้งอย่างรวดเร็วในมือเขาราวกับเป็นปีศาจ แม้ว่าลูกบาสจะซุกซนแต่มันก็ไม่สามารถหนีออกจากการควบคุมของฮิวจ์ได้
เพื่อนร่วมทีมของฮิวจ์เป็นชายหนุ่มสองคนที่สูงประมาณ 180 เซนติเมตร สองคนนี้จะเป็นคนชู้ตบาส ฮิวจ์ยังคงบุกอย่างต่อเนื่องจากนั้นเขาก็ส่งลูก ชายสองคนกระโดดรับส่งลูกอย่างรวดเร็วจนทำให้ทีมนักศึกษาสับสน จากนั้นทีมของฮิวจ์ก็ชนะสองเซต
ฉินสือโอวกอดอกแล้วส่ายหัว เขาคิดว่าทักษะการเล่นบาสเกตบอลของนักศึกษาต่างชาติจะดีมาก แต่ดูท่าแล้วก็ธรรมดาๆ ระดับของเด็กเหล่านี้ก็ไม่เท่าไร อีกทั้งยังไม่ให้ความร่วมมือกันอีกด้วย
ถึงจะแพ้เสมอแต่ทีมนักศึกษาก็ไม่สนใจ ฉินสือโอวจึงอยากลองเล่นดู ฮิวจ์มองสีหน้าเขาออก จึงหัวเราะเยาะเขา “มาสิ ฉิน มาเล่นกันเถอะ ฉันรับรองว่าจะออมมือให้ จะไม่ให้นายแพ้อย่างน่าเกลียดหรอก”
ฉินสือโอวหัวเราะขึ้น “นี่ ไม่ต้องมาแหย่ฉันหรอก เมื่ออยู่ในสนาม ฉันน่ะเปลี่ยนไปจนแม้แต่ตัวฉันเองยังกลัวเลย”
ฮิวจ์โยกตัวไปมา เขย่าเสื้อผ้าฮิปฮอปของเขาพักหนึ่ง แล้วแกล้งทำเป็นร้องตะโกนด้วยความกลัว “ฉิน ฉันกลัวมาก ปล่อยฉันไปเถอะ ไว้ชีวิตฉันเถอะ ฮ่าๆๆ”
ฉินสือโอวเคลื่อนตัวลงสนาม เขาเลือกชายหนุ่มตัวสูงสองคนจากค่ายของมหาวิทยาลัยออกมา พวกเขากลัวการพ่ายแพ้มาก่อน พวกเขามองฉินสือโอวก็ดูธรรมดาๆไม่น่าจะเก่งอะไรจึงกลัวที่จะแพ้อีก ดังนั้นจึงไม่ยอมลงแข่ง
ฮิวจ์รักษาน้ำใจด้วยการส่งลูกให้ฉินสือโอว ให้อีกฝ่ายได้เสิร์ฟลูกก่อน เขายื่นมือออกไป “5ลูก แค่ 5ลูกก็พอนะ! “
จากการสังเกตของฉินสือโอว มาตรฐานของฮิวจ์แข็งแกร่งมาก แม้ว่าเขาจะมีท่าทางที่ผิดกติกาและน่าสงสัยอยู่บ้าง แต่นี่ก็แค่ข้างถนน ใครจะสนใจ? ท่าทางของเขาพลิกแพลงได้มากมาย ทั้งการเปลี่ยนทิศทางและการเปลี่ยนมือของเขามันยอดเยี่ยมมาก เห็นได้ชัดจากการควบคุมลูกบาสของเขาแสดงถึงความทุ่มเทกับมันมาก
บังเอิญที่ฉินสือโอวก็เป็นกองหลังที่คอยกันลูกมาก่อน ดังนั้นเขากับฮิวจ์จึงเป็นคู่แข่งที่เหมาะกันมาก
นับตั้งแต่ที่เขามีจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ฉินสือโอวก็สามารถรู้สึกได้ถึงพลังภายในของร่างกายตัวเอง พละกำลังของแข็งแรงขึ้นจนผิดปกติ ระดับความรวดเร็วของเขาก็เร็วที่สุดในโลก พลังที่เกิดขึ้นอย่างล้ำเลิศนี้ บางครั้งมันแสดงออกมาให้เห็น จนทำให้เขากลัวตัวเองเข้าแล้วจริงๆ
นานมาแล้วที่เขาไม่ได้จับลูกบาสเลย ความรู้สึกตอนจับก็ไม่คุ้นเคยเหมือนเมื่อก่อน อีกอย่างการเปลี่ยนแปลงของพลังภายในร่างกายที่ยังไม่ได้ถูกรวมเข้ากับทักษะการเล่นบาสเกตบอลอีกด้วย ดังนั้น ตอนนี้การเติบโตของพลังภายในจึงไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับเขา
โชคดีที่มีทักษะพื้นฐานยังมีอยู่ ฉินสือโอววิ่งไปสองก้าวเพื่อควบคุมลูกและรู้สึกว่ายังพอใช้ได้ จึงเริ่มก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
ฮิวจ์ยืนไม่ระวังในเขตโทษ เขาหัวเราะเยาะและโบกมือใส่ฉินสือโอวไม่หยุด “มาๆๆ ฉิน มาบุกฉันสิ…”
ฉินสือโอวได้เห็นมาก่อนแล้วว่าฮิวจ์มีมือที่รวดเร็วการควบคุมลูกของเขาทำให้นักศึกษาสนใจ ฉินสือโอวรู้มาตรฐานของตัวเองดี เขาอยากจะเอาชนะฮิวจ์ด้วยฝีมือของเขา แต่มันคงจะเป็นไปไม่ได้
แต่เขาก็มีเทคนิคบางอย่างเพื่อจัดการกับคนประเภทนี้
ฉินสือโอวโบกมือให้นักศึกษาทั้งสองคนที่แยกออกไปข้างนอก “เข้ามา พวกนาย มาอยู่ในตำแหน่งที่ตัวเองชอบ…”
ว่าแล้ว ฉินสือโอวก็ก้าวเข้าไปเหยียบในเขตโทษ ดังนั้นคนเลยคิดว่าเขากำลังจะส่งลูก ฮิวจ์จึงไม่กล้าเข้าไปแย่งลูก เขาจึงถอยกลับอย่างระวังและกางแขนออกเพื่อเตรียมขวางลูก
ผลลัพธ์คือ…
เมื่อคว้าโอกาสได้ ฉินสือโอวสะบัดแขนโยนลูกไปกระดานหลังห่วงบาสเกตบอล ในขณะเดียวกันขาทั้งสองข้างของเขาย่อลงอย่างมั่นคง พลังและความเร็วของเขาตอนนี้ถูกเชื่อมเข้าด้วยกันอย่างสวยงาม ฮิวจ์รู้สึกตาลายและผู้คนก็ค่อยๆหายไปต่อหน้าเขา
“ให้ตายสิ!” ฮิวจ์สบถเป็นฟืนเป็นไฟและหันกลับไปไล่ตาม
ไม่มีใครอยู่ในเขตโทษในเวลานี้ เพื่อนร่วมทีมของฮิวจ์สองคนเดินตามคู่ต่อสู้ไปยังแนวด้านนอก ฉินสือโอวก้าวพรวดพราดเข้าไปพื้นราบตรงหน้า ลูกบาสก็เด้งกลับมาพอดี เขาจึงกระทืบขาทั้งสองข้าง ยกตัวสูงขึ้น ยื่นมือทั้งสองข้างออกไปรับลูกที่เด้งกลับมาได้พอดี
“เขาจะทำอะไร?” กลุ่มแฟนบาสเกตบอลที่ดูอยู่อุทานขึ้นด้วยความตกใจ
ฉินสือโอวคิดแค่ว่าจะรับลูกให้ได้แค่นั้น แต่หลังจากที่เขากระโดดด้วยแรงทั้งหมดก็พบว่า ที่แท้ห่วงบาสเกตบอลมันเตี้ยมาก….
ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่พูดมาก มือทั้งสองเลี้ยงลูกไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ เสียงของลูกบาสกระทบกับพื้น ‘ตุ้ม ตุ้ม’ มือทั้งสองก็กระทุ้งลงที่ห่วง ทุ่มแรงยัดลูกบาสลงไป
เสียงแห่งความประหลาดใจในสนามแห่งนี้ ทำให้ฮิวจ์เริ่มหน้าซีด มุมปากกระตุกไม่หยุด “ให้ตายสิ ให้ตายเถอะ นี่มันบ้าไปแล้วแน่ๆ แค่เป็นลูกครึ่งเชื้อสายจีนทำไมถึงมีพลังภายในขนาดนี้? เขาไม่ใช่คาร์เตอร์ ไม่ใช่คาร์เตอร์!”
มือทั้งสองข้างของฉินสือโอวจับห่วงอยู่แล้วค่อยๆคลายออก จากนั้นก็หล่นลงพื้น แม้ว่ามือทั้งสองข้างที่ดังก์ลงห่วงจะเริ่มปวด แต่ในใจของเขากลับรู้สึกฮึกเหิมเป็นอย่างมาก เขาตะโกนขึ้น “ เห็นไหม? นี่คือการดังก์ (การทำแต้มโดยการจับลูกบาสยัดลงไปในห่วง) แบบมืออาชีพ!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาดังก์บาสเกตบอล อีกทั้งก่อนจะดังก์ เขาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะทำได้ถึงจุดนี้!
สำหรับแฟนบาสเกตบอลแล้ว ความฝันคือการดังก์ ฉินสือโอวคิดไม่ถึงเลยว่าด้วยความสูง 185 ของเขาจะสามารถดังก์ได้! อีกอย่างคือมือทั้งสองข้างของเขาทุ่มลงหนัก
นักศึกษาสองคนนั้นส่งเสียงร้องด้วยคามดีใจ วิ่งเข้าไปตบมือกับเขา นักศึกษาคนหนึ่งร้องขึ้น “เฮ้ เถ้าแก่ฟาร์มปลา คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะมีฝีมือในการเล่นบาสเกตบอล”
ตัวฉินสือโอวเองก็คิดไม่ถึง แต่ตอนนี้เขาต้องแกล้งทำว่าตัวเองเก่ง ดังนั้นช่วงเวลาของชีวิตก็เหมือนกับเกม การแสดงกลับมาอีกครั้ง เขาแผ่มืออกอย่างไม่สนใจ “ลืมบอกพวกเธอ ฉันเคยเป็น MOP ลีกวิทยาลัยของประเทศของเราด้วย ดังนั้น เราไปสนุกกับงานเลี้ยงบาสเกตบอลกันเถอะ!”
“พระเจ้า MOP เลยเหรอ!” เพื่อนร่วมทีมของฮิวจ์อุทานขึ้นอย่างตกตะลึง “เราแย่แล้ว”
ในศัพท์เฉพาะทางของกีฬาบาสเกตบอล MOP เป็นการเขียนอักษรย่อจากคำว่า Most-Outstanding-Player มีความหมายว่า ผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุด โดยปกติมักจะมอบให้กับผู้เล่นที่ดีที่สุดของทีมแชมป์ในลีกบาสเกตบอลวิทยาลัย ใน NBA ชื่อเสียงที่คล้ายกันก็คือ MVP
ฉินสือโอวดังก์ได้สำเร็จ ตามกติกาแล้ว สิทธิ์ในการจับลูกยังคงเป็นของพวกเขา นักศึกษาคนหนึ่งส่งลูกให้เขาแล้วร้องตะโกนขึ้น “เถ้าแก่ฟาร์มปลา ดังก์อีกรอบ!”
ฉินสือโอวค่อยๆเลี้ยงลูกไปทางปีกขวาในพื้นที่ยิงประตู 3 คะแนนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ตอนนี้แรงกดดันในใจเขาได้หายไปอย่างสมบูรณ์แล้วถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกฮึกเหิมและความกล้าอย่าสบายใจ
แรงกดดันกลับมาอยู่ที่ฝั่งฮิวจ์แทน เขาก้มลงและเปิดแขน วิ่งก้าวเล็กๆตามฉินสือโอว สายตามองคู่ต่อสู้ตาเขม่น
ฉินสือโอวมองฮิวจ์อย่างระวังแล้วเขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่นะนาย ฉันไม่ได้ต้องการแบบนี้ ฉันก็แค่…”
ไม่ทันไรเขาเริ่มทำการเท้าซ้ายก้าวไปทางขวาอย่างรวดเร็ว บิดไหล่และโน้มตัวไปในทิศทางเดียวกัน
ฮิวจ์ตกใจ รีบย้ายไปทางซ้ายเพื่อที่จะขวางฉินสือโอว แต่ด้วยความเร็วของฉินสือโอวที่แสดงออกมาก็ทำให้เขาหวาดกลัว
ในขณะที่เขากำลังเคลื่อนย้าย ฉินสือโอวก็ดึงหัวเข่ากลับมา ตัวเอนไปข้างหน้าแล้วหยุดชั่วคราวจากนั้นเท้าซ้ายของเขาเหยียบลงบนสนามและถอยกลับอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันมือขวาที่ถือลูกบาสก็ส่งไปด้านหลัง ลูกบาสอยู่บนพื้นเด้งไปทางซ้าย
จากนั้นจุดศูนย์กลางของขาขวาอยู่ๆก็มีแรงขึ้นมา มือซ้ายกระโดดรับลูกบาส ไหล่ของเขาเคลื่อนไหวไปมาอีกครั้งและผู้เล่นทั้งหมดบุกไปทางซ้าย
“เลี้ยงลูกอย่างชำนาญมาก”
แฟนบาสเกตบอลที่เข้าชมก็อุทานด้วยความดีใจอีกครั้ง ฮิวจ์กำลังร้องไห้ นี่คือทักษะความสามารถที่เขาอยากฝึกฝนมาโดยตลอด ซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอกของอัลเลน ไอเวอร์สัน ซูเปอร์สตาร์ระดับ NBA ด้วยการใช้กลอุบายนี้ ไอเวอร์สันได้กวาดล้างทุกหนทุกแห่งใน NBA จนกระทั่งบุกเข้าไปในยุคของจอร์แดนเทพเจ้าแห่งนักบาสเกตบอล
การเลี้ยงลูกอย่างชำนาญ คือ ผู้ที่ถูกคัดเลือกจะต้องฝึกฝนจนมีฝีมือที่ยอดเยี่ยม ฮิวจ์เล่นได้ไม่เลว แต่ความเร็วและพลังของเขายังมากไม่พอ ดังนั้น เมื่อใช้วิธีนี้จะซับซ้อนและจะทำให้เสียพลังไปมาก
แต่ฉินสือโอวต่างจากนั้น ความเร็วและพลังของเขาดูท่าจะดีกว่าระดับสูงสุดของไอเวอร์สัน หลังจากฮิวจ์เปลี่ยนทิศทางแล้วตัดเข้าไปในเขตจุดโทษ นักศึกษาคนหนึ่งช่วยเขาขวางคู่ต่อสู้ไว้ เขาจึงรีบวิ่งไปที่ห่วงอย่างรวดเร็ว และคว้าลูกบาสด้วยมือขวา จากนั้นก็ดังก์ลูกเข้าห่วงได้อย่างสบายๆ
แต่ว่าเขาตัดเข้าจุดโทษอย่างรวดเร็ว แรงจากข้อมือที่ส่งไปจึงทำให้การควบคุมลูกไม่ดี ลูกบาสจึงเด้งออกจากขอบห่วง เพื่อนร่วมทีมของฮิวจ์จึงฉวยโอกาสบุกต่อ
เมื่อเห็นสถานการณ์ทันใดนั้นฮิวจ์ก็ตื่นเต้นและตะโกนออกมา “เอาลูกมาให้ฉัน”
ชายคนนั้นส่งบอลให้กับฮิวจ์อย่างไม่ลังเลใจ ฉินสือโอวรีบวิเคราะห์สถานการณ์ หลังจากลูกบอลถูกแย่งไป เขาจ้องไปที่คู่ต่อสู้ ชายคนนั้นยกมือขึ้นส่งบอล ฉินสือโอวจึงโผเข้าใส่ ทันใดนั้นก็กระโดดและโยนลูกส่งต่อ
นี่คือความได้เปรียบที่ได้จากพลังภายใน บาสเกตบอลเป็นเกมอัจฉริยะ เมื่อเผชิญหน้ากับแรง ความเร็วและการกระโดดของฉินสือโอว ถ้าคู่ต่อสู้ของเขามีแรงต้านก็แปลกแล้ว
ในขณะที่ฉินสือโอวกำลังรู้สึกพอใจ อยู่ๆโทรศัพท์ของเขาก็เสียงดังขึ้น จึงมีคนเอาโทรศัพท์มาให้เขา หลังจากที่เขารับโทรศัพท์ เสียงร้องตกใจของผู้หญิงคนหนึ่งจากไมโครโฟน “เถ้าแก่ฟาร์มปลา คุณต้องรีบกลับมานะ ที่นี่เริ่มจะต่อสู้กันแล้ว…”
…………………………………………………
บทที่ 80 ไก่บ้าอำนาจ
โดย
Ink Stone_Fantasy
โทรศัพท์ที่รับคนโทรมานั้นไม่มีการกล่าวถึงต้นสายปลายเหตุ ฉินสือโอวตกใจถามกลับไปว่า “สู้กัน? ใครสู้กัน? ไม่มีปืนใช่ไหม? แจ้งตำรวจแล้วหรือยัง?”
คำพูดของเขาทำให้ปลายสายสับสนขึ้นมา “ทำไมต้องแจ้งความ? เป็นลูกไก่และลูกหมูในฟาร์มของคุณต่อสู้กัน….ก็คือสัตว์ที่คุณเลี้ยงกำลังต่อสู้กัน!”
ฉินสือโอวแทบจะขว้างโทรศัพท์ทิ้ง เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับเขา เรื่องแบบนี้ยังต้องโทรศัพท์มาหาเขาอีกเหรอ? สัตว์เลี้ยงสู้กันแล้วยังไง ให้พวกมันสู้กันไปสิ!
พูดปลอบใจแบบส่งเดชไปสองสามประโยค ฉินสือโอวก็กลับมาลงสนามแข่งขันต่อ
ก่อนหน้านี้ที่ฉินสือโอวแย่งลูกได้สำเร็จ เสียงร้องของฮิวจ์หยุดลงกะทันหัน เหมือนมีใครไปบีบคอเอาไว้อย่างนั้น
การส่งลูกที่เส้นขอบสนาม ฉินสือโอวยังคงเป็นตัวบุกหลัก
เขาถือลูกบอลอยู่ในจุดโทษ ฉินสือโอวเปลี่ยนการกระทำอย่างฉับพลันในเวลาอันสั้น กล้ามเนื้อขาเกิดพลัง พุ่งขึ้นเหมือนกระสวยอวกาศก่อนสแลมดังก์
ภายใต้สมรรถภาพร่างกายที่ด้อยกว่าโดยสิ้นเชิง ฮิวจ์และเพื่อนร่วมทีมไม่มีโอกาสทำแต้มเลยแม้แต่น้อย ฉินสือโอวบุกไปข้างหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ว่าจะเป็นการเลย์อัพหรือการดังก์ พวกเขาช้าเกินกว่าจะทำผิดกติกา เฝ้ามองฉินสือโอวทำคะแนน 5 ลูกติดต่อกัน
บอลลูกสุดท้าย ฉินสือโอวเลิกคิ้วมองฮิวจ์ และแกล้งทำเป็นพูดอย่างจนใจว่า “เพื่อน นายช่วยมอบบทเรียนให้ฉันได้ไหม ฉันเกลียดการเล่นบาสที่ไม่มีคู่แข่งที่สุด”
เขาคิดว่าฮิวจ์จะโกรธไม่ก็ท้อ แต่หมอนี่กลับดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ เมื่อการแข่งขันจบลงแล้ว เขาคว้าตัวฉินสือโอว พร้อมตะโกนว่า “สุดยอดเลย ฉิน คิดไม่ถึงเลยว่านายจะเล่นบาสเก่งขนาดนี้ แค่มีนาย การแข่งขันบาสเกตบอลซัมเมอร์คัพปีนี้ พวกเราเมืองแฟร์เวลต้องเข้ารอบรองชนะเลิศได้อย่างแน่นอน !”
“ซัมเมอร์คัพอะไร?” ฉินสือโอวถาม
จากนั้นฮิวจ์ก็อธิบายให้เขาฟังเล็กน้อย ที่เรียกว่าการแข่งขันบาสเกตบอลซัมเมอร์คัพ เป็นการแข่งขันบาสเกตบอลพื้นเมืองที่จัดขึ้นโดยรัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ซึ่งเป็นรายการมีอิทธิพลมากต่อที่นี่ จะจัดขึ้นในเดือนสิงหาคมของทุกปีโดยแต่ละเมืองจะส่งทีมตัวแทนเข้าแข่งขัน
เมืองแฟร์เวลเข้าร่วมทุกปี แต่พวกเขาไม่มีความสามารถมากพอ ผลการแข่งที่ดีที่สุดยังไม่เคยเข้าถึง 6 ทีมสุดท้ายด้วยซ้ำ
เข้าใจว่าการแข่งขันซัมเมอร์คัพเป็นเพียงการแข่งขันของมือสมัครเล่น ฉินสือโอวสะบัดมือ พูดอย่างหยิ่งผยองว่า “ตอนนี้มีฉันแล้ว จะมาเข้ารอบรองชนะเลิศอะไร? พวกเราต้องคว้าแชมป์การแข่งขันเท่านั้น!”
นั่นเป็นการดังก์ครั้งแรกในชีวิตเขา แถมยังสแลมดังก์ซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำเอาฮิวจ์ผู้ที่แต่ก่อนถูกมองว่าเป็นเจ้าแห่งสตรีทบาสเกตบอลถึงกับแพ้ยับเยิน เขาในตอนนี้มีความมั่นใจเปี่ยมล้น
หลังจากนี้ก็ยืนยันได้แล้ว ด้วยสมรรถภาพทางกายที่แข็งแกร่ง เขาสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้บนสนามได้ เพียงแค่เขาร่วมมือกับเพื่อน 2 คน ก็เล่นได้สบายๆ ทั้งบุกเข้าไปดังก์และเลย์อัพ ทั้งบล็อกและแย่งลูก จัดการคู่ต่อสู้จนพูดไม่ออก
เล่นไป 4-5 รอบ ฉินสือโอวเป็นผู้นำทีมในสนามตลอด ทั้งร่างเหงื่อไหลเต็มไปหมด เรียกได้ว่ารู้สึกดีสุดๆ ไปเลย
รถคาดิลแลควันคันใหญ่วนกลับมาพร้อมเสียงดังสนั่นของเครื่องยนต์ ก่อนเคลื่อนตัวออกไป ด้านหลังมีรสมินิบัสของนักเรียนเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ
พวกนักศึกษามองไปยังรถเอสยูวีหรูอย่างอิจฉา บางคนถอนหายใจ “การศึกษาดีก็ไม่ดีเท่ามีพ่อที่ดี ดูเจ้าของฟาร์มปลาคนนี้สิ อายุแค่นี้ก็ได้ดูแลฟาร์มปลาแล้ว ขับรถหรูมาเล่นบาส นังดาญ่านั่นตาถึงนัก…..”
รถคาดิลแลควันขับกลับฟาร์มปลา ฉินสือโอวกระโดดลงจากรถสภาพเปลือยท่อนบนพาดเสื้อกีฬาไว้บนบ่า ส่งผลให้สายตาของผู้หญิงหลายคนที่มองมายังเขาส่องประกาย
ความสูง 185 เมตรถือเป็นเรื่องธรรมดาในประเทศแคนาดา แต่สัดส่วนร่างกายของฉินสือโอวดีมาก ดูแกร่งและแข็งแรง แขนขาเรียวยาว กล้ามอกแข็งแกร่งไม่เกินจริง กล้ามเนื้อท้องแน่นราวกับหินแปดก้อน ผิวเป็นสีทองเพราะลมและแสงแดด ดูหล่อและอบอุ่น
ฉินสือโอวทักทายพวกนักศึกษาและตั้งใจจะไปอาบน้ำ ผลคือดาญ่าพูดกับเขาว่า “คุณควรไปดูพวกสัตว์ที่คุณเลี้ยงไว้ก่อนจะดีที่สุด พวกมันสู้กันรุนแรงมาก…”
ฉินสือโอวเกาหัวก่อนถือเสื้อเดินไปฟาร์มสัตว์เลี้ยงตามธรรมชาติ ระยะทางนั้นไม่ไกล แค่ 1 กิโลเมตรจากวิลล่า
ที่ฟาร์ม ฉินสือโอวมองไปยังชาร์คกับนีลเซ็น พร้อมรอยยิ้มและถามว่า “พวกนายมาทำอะไรอยู่ที่นี่? อยากกินไก่ย่างหรือหมูหันไหม?”
ชาร์คตอบอย่างจนใจ “ถ้าคุณยังไม่คิดหาวิธีล่ะก็ ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงว่าจะได้กินไก่ย่างหรือหมูหันหรือไม่ เพราะถึงอย่างไรหลังจากนี้ก็ไม่มีให้กินแล้ว”
ฉินสือโอวเดินไปดูความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในฟาร์ม สนามหญ้าที่เคยดีมาก ตอนนี้ถูกอึและปัสสาวะของพวกมันทำให้สกปรกไปหมด สภาพอากาศก็ร้อน จนเกิดการหมักหมมและส่งกลิ่นเปรี้ยว ฉินสือโอวในเวลานั้นแทบจะฉี่ราด
นอกจากนี้บนพื้นยังมีขนไก่และขนเป็ดอยู่เป็นจำนวนมาก บนร่างของลูกหมูหลายตัวยังมีเลือดไหล ราวกับมีอะไรบางอย่างมาจิกกัดพวกมันอย่างนั้น
ไก่และเป็ดแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มด้วยกัน มีเพียงไก่ตัวผู้หงอนแดงยืนตระหง่านอยู่ตรงกลางฟาร์ม มันเชิดคอยืนขาเดียวบางครั้งส่งเสียงร้อง “เกอ เกอ” ออกมา ดูแล้วช่างสง่าน่าเกรงขามและยโสโอหังมาก
สิ่งที่แปลกก็คือ ทั้งหู่จือและเป้าจือก็อยู่ในฟาร์มด้วย ทั้งสองตัวต่างจ้องมองไปยังไก่ตัวนั้นอย่างไม่ละสายตา
“เกิดอะไรขึ้น?” ฉินสือโอวถาม
นีลเซ็นอธิบายว่า “ให้ตายเถอะ ไก่ตัวนี้ไม่รู้ว่ากินยาผิดหรือเกิดอะไรขึ้น ข่มขู่ไก่และเป็ดไปทั่ว ต่อมาไม่เพียงแต่ไก่และเป็ด มันยังไปจิกหมูพวกนั้นด้วย มันทำให้ไก่บินเตลิดเป็ดวิ่งพล่าน สุดท้ายพวกเราจึงปล่อยให้หู่จือและเป้าจือเข้ามาคอยเฝ้าไก่บ้านี่”
ไก่ตัวผู้โตเร็วมาก ตอนแรกก่อนที่จะขึ้นเครื่องบิน ฉินสือโอวกลัวว่าพวกมันจะไม่รอด จึงตั้งใจใช้พลังแห่งโพไซดอนเปลี่ยนพวกมัน แบบนี้พวกมันยิ่งโตเร็วขึ้น
นอกจากนี้ ที่ฟาร์มปลาอาหารที่ไก่และเป็ดเหล่านี้กินล้วนเป็นปลาตัวเล็ก กุ้งตัวเล็ก และปลาหมึกที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทำให้เดิมทีไก่และเป็ดจะโตได้ภายในหนึ่งเดือน แต่ที่มากกว่านั้นคือการใช้พลังแห่งโพไซดอนเพื่อปรับเปลี่ยนอีกทั้งการกินอาหารทะเล ไก่และเป็ดเหล่านี้จึงโตเร็วกว่าปกติ
ในบรรดาไก่และเป็ด ไก่ตัวเมียที่โตเร็วที่สุดบางตัวมีน้ำหนัก 2-3 ปอนด์ ไก่ตัวผู้ตัวนั้นก็มีน้ำหนักมากกว่า 2 ปอนด์ กระดูกใหญ่ ขนสวยสุขภาพดี เนื้อน้อย ดังนั้นมองดูแล้วมันมีขนาดใหญ่กว่าไก่เพศเมียและเป็ด
ฉินสือโอวไม่รู้ถึงความร้ายกาจของมันเห็นแต่มันดูสงบลงแล้ว จึงเรียกให้หู่จือและเป้าจือออกมา
ผลคือเดินออกไปได้ไม่กี่เมตร ในคอกสัตว์แม่ไก่ส่งเสียงร้องแหลมคมออกมากับเสียงเป็ดร้อง “ก๊าบก๊าบ” เขารีบกลับไปดู เห็นว่าไก่ตัวผู้ตัวนั้นกำลังไล่จิกแม่ไก่และเป็ดอย่างดุร้าย ขนหลุดลอยอยู่เต็มไปหมด ทำเอาฝูงแม่ไก่และเป็ดวิ่งอลวนไม่มีทางหนี
สัตว์ที่โชคร้ายที่สุดคือหมูพวกนั้น หมูเติบโตช้า อาหารที่กินคือผลไม้ หญ้าป่า ถั่วเหลืองและอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารที่ทำให้อ้วนขึ้น จึงเจริญเติบโตช้ากว่ามากไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับตอนมาถึง
แบบนี้เมื่อหมูสู้กับไก่ตัวผู้ กลับไม่ใช่ฝ่ายที่ได้เปรียบ ความจริงหมูก็ไม่ได้ไปหาเรื่องกับไก่ตัวผู้ตัวนั้น เพียงแต่ตอนที่มันไล่จิกแม่ไก่และเป็ดหากมีหมูเข้าไปขวางทางก็จะถูกมันโจมตีทันที
“บัดซบ ไก่ตัวนี้มันจองหองจริง!” ฉินสือโอวไม่มีวิธี เปิดประตูเข้าไปคิดจะเตะไก่ตัวนั้น ผลคือไก่ตัวผู้กระพือปีกบินขึ้นตรงมา และใช้จะงอยปากที่ทั้งยาวและแหลมจิกเข้าที่ขาของฉินสือโอว
ฉินสือโอวตกตะลึง เขาไม่คิดว่าไก่ตัวนี้จะกำแหงเช่นนี้
อย่างรวดเร็ว หู่จือวิ่งตามเข้ามาในคอกสัตว์กระโดดลอยตัวใช้หัวพุ่งชนไก่ตัวนั้นกระแทกมันออกไป นี่เป็นการช่วยฉินสือโอวจากสถานการณ์เลวร้าย
ในเวลานี้ฉินสือโอวไม่กล้าประมาทไก่ตัวนี้อีก ตอนนี้ใจเขาสับสนว่าทำไมถึงมีไก่ตัวผู้อยู่ในกลุ่มของแม่ไก่? เขาขอให้ชาร์คไปหาเข็มขัดเก่ามาเส้นหนึ่ง โดยเขาคิดจะผูกขาไก่ไว้กับรั้วตามวิธีของบ้านเกิด
ไก่ตัวนี้ความคล่องตัวว่องไว ภายในคอกสกปรกมาก มันบินไปทางซ้ายกระโดดไปทางขวา ฉินสือโอวไม่สามารถแม้แต่จะแตะขนของมันได้
สุดท้ายหู่จือและเป้าจือก็ถูกส่งไป ใช้ลูกเล่นเก่า ๆ หู่จือไล่ต้อนจากด้านหน้า เป้าจือไล่ต้อนจากด้านหลัง ทั้งสองตัวไล่ต้อนไก่ตัวผู้ไปที่อีกมุมของคอกสัตว์ และกระโจนตะครุบมัน
ฉินสือโอวฉวยโอกาสใช้เข็มขัดผูกอุ้งเท้าไก่ หลังจากนั้นหาเสาไม้แข็ง ๆ ผูกไว้ เป็นการแก้ไขปัญหาครั้งนี้
ไก่ตัวผู้ยังไม่สำนึก ส่งเสียงร้อง “กู๋กู๋” ทั้งกระโดดทั้งกระพือปีกเพื่อจะหลุดออกจากเข็มขัดที่ผูกไว้ แต่มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น
ครั้งนี้แม่ไก่และเป็ดเงียบสงบลง ชาร์คอธิบายให้ฉินสือโอวฟังว่า “ไก่ตัวนี้ดุร้ายมาก มันคงพยายามปกป้องพื้นที่ของมัน ไม่ต้องการให้แม่ไก่หรือเป็ดตัวไหนมาอยู่ในพื้นที่ของมัน”
“บ้าเอ๊ย ไก่ตัวนี้มันจะบ้าอำนาจเกินไปแล้ว พื้นที่ทั้งหมดเป็นของฉัน กลายไปเป็นของมันตั้งแต่เมื่อไร? หาโอกาส รอให้มันอ้วนขึ้นกว่านี้หน่อยก็ย่างมันกินเลย!” ฉินสือโอวกระทืบเท้าพูด รองเท้าผ้าใบคู่งามเต็มไปด้วยขี้ไก่ ฉี่หมูและอื่น ๆ จนมีกลิ่นเหม็น
ชาร์คโบกมือ “มันเป็นไปไม่ได้หรอก บอส ผมแนะนำว่าอย่าทำแบบนี้ ผมดูมาแล้วในนี้มีไก่มากกว่า 20 ตัว แต่มีไก่ตัวผู้แค่ 1 ตัว ยังต้องใช้มันในการผสมพันธุ์อีก ไม่อย่างนั้นกินไก่พวกนี้หมดก็ไม่มีเหลือแล้ว”
นีลเซ็นพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ในเมืองมีไก่งวง เนื้อก็เยอะ ไม่รู้ว่าทำไมบอสถึงต้องเอาไก่และเป็ดพวกนี้มาจากบ้านเกิดด้วย”
“รสชาติไม่เหมือนกัน รอเข้าฤดูใบไม้ร่วงไก่พวกนี้ก็อ้วนแล้ว จะให้นายลองชิมรสชาติไก่โง่พวกนี้” ฉินสือโอวพูดพลางคิดถึงกลิ่นตอนทำซุปไก่ตุ๋นในหม้ออัดความดัน ท้องเขาร้องจนต้องกลืนน้ำลายอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากถูกล่ามไว้ ไก่ตัวผู้ก็เริ่มสงบลง มันส่งเสียงร้อง “กู๋กู๋” สุดท้ายหาพื้นที่สะอาดได้ก่อนนอนหมอบลง ราวกับมันรู้สึกผิดมาก
ฉินสือโอวสำรวจสุขอนามัยของคอกสัตว์อย่างทนไม่ได้อีกต่อไป “หาเวลาทำทางน้ำดึงน้ำจากลำธารป่าด้านนั้นให้ไหลมาที่นี่ แบบนี้พอมีน้ำไหลคอกสัตว์จะได้สะอาดหน่อย”
ชาร์คส่ายหัว ตอบกลับว่า “ไกลเกินไปหน่อยครับ”
จุดประสงค์หลักคือเพื่อป้องกันไม่ให้มีสัตว์ป่าภายในป่าออกมากินไก่ เป็ดและหมู ดังนั้นตำแหน่งของคอกสัตว์จึงอยู่ห่างจากป่าเล็กน้อย และแม่น้ำที่ไหลลงจากภูเขาก็อยู่ในป่า การจะชักน้ำมาจากยอดเขาจึงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก
นีลเซ็นตัดสินใจพูดว่า “ถ้าต้องการแค่สร้างคูน้ำผ่านคอกสัตว์ มันจะดีกว่าถ้าพวกเราสร้างบ่อน้ำไว้ด้านข้าง หลังจากนั้นติดตั้งปั๊มน้ำ ใช้กำลังคนสูบน้ำมาเพื่อสร้างแม่น้ำสายเล็ก”
“ปริมาณน้ำจะเพียงพอไหม?” ฉินสือโอวถามกลับ
นีลเซ็นตอบกลับอย่างมั่นใจ “เรื่องนี้คุณวางใจได้เลย พอแน่นอน! แคนาดาเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีทรัพยากรน้ำอุดมสมบูรณ์ที่สุดของโลก และรอบ ๆ เกาะของพวกเราก็เป็นทะเล ด้านในยังมีทะเลสาบเฉินเป่า มีแหล่งน้ำเหลือเฟือ”
ค่าน้ำและไฟฟ้าในแคนาดาถูกมาก เดิมทีนั่งเครื่องบินตอนที่บินอยู่บนท้องฟ้า ฉินสือโอวก็พบว่าเกือบทุกเมืองสว่างตลอดเพราะแสงไฟจำนวนมาก ราวกับไม่มีค่ำคืนอย่างนั้น แน่นอนว่าแคนาดาเป็นประเทศยามค่ำคืนที่ไม่มืดมิด เหตุผลว่าทำไมแสงไฟถึงเยอะแบบนี้ เป็นเพราะกำลังไฟฟ้ามีมากเกินไป จึงตั้งใจเปิดไฟไว้เพื่อผลาญปริมาณไฟฟ้า
ที่แห่งนี้กับประเทศจีนเป็นขั้วตรงข้ามกัน หมดทางสู้ ประเทศจีนมีคนเยอะทรัพยากรน้อย แต่แคนาดาตรงกันข้าม ทรัพยากรน้ำและไฟฟ้าอุดมสมบูรณ์ ประชากรน้อย บริโภคก็น้อย
ฉินสือโอวชั่งน้ำหนักดูเล็กน้อย รู้สึกว่าวิธีนี้ก็ไม่เลว “ดี อย่างนั้นพรุ่งนี้เริ่มทำเลย!”
…………………………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น