ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ 688-699

 ตอนที่ 688 ป้ายอาญาสิทธิ์สีเทา

โดย

Ink Stone_Fantasy

ภายใต้เสียงคำรามของเมฆสายฟ้าสีม่วง มันก็กลายเป็นสายฟ้าสีม่วงจำนวนมากฟาดฟันลงมา และกะพริบหายไปในแขนของหลิ่วหมิงทั้งหมด


หลิ่วหมิงเอามือทั้งสองมาถูกันอีกครั้ง พอแยกออกจากกันก็เกิดเสียงดัง “ตู๊ม!” สายฟ้าขนาดเท่าปากถ้วยที่มีสีเงินปะปนกับสีม่วงพุ่งยิงออกมา มันกะพริบแค่ทีเดียวก็ทะลุร่างหมาป่ายักษ์ไป


หมาป่ายักษ์ส่งเสียงร้องโหยหวนแล้วสลายไป จากนั้นก็กลายเป็นดาบบินหนึ่งคู่กับมุกกลมๆ ร่วงลงจากฟ้า


ผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวมีสีหน้าดูไม่ได้เป็นอย่างมาก พอโบกสะบัดแขนเสื้อ ต้นแบบอาวุธเวททั้งสองชิ้นก็ถูกเก็บกลับมา แต่หลังจากหายใจเข้าลึกๆ แล้ว ก็แหงนหน้าแผดเสียงร้อง ร่างของเขาขยายใหญ่อย่างบ้าคลั่งจนเสื้อผ้าบนตัวขาด จากนั้นก็กลายเป็นตัวประหลาดที่มีหัวเป็นอาชา ร่างเป็นหมาป่า และมีปีกทั้งคู่อยู่บนหลัง


ปีศาจอสูรตัวนี้เพียงแค่กระพือปีกบนหลัง มันก็พร่ามัวหายไปจากที่เดิม


หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ปล่อยกำปั้นออกไปด้านหลังโดยไม่ต้องคิด


“ตู๊ม!”


ปีศาจอสูรหัวอาชาที่เพิ่งปรากฎตัวด้านหลังหลิ่วหมิง ถูกกำปั้นโจมตีจนกระเด็นออกไป


ขณะนั้นเอง ร่างของหลิ่วหมิงกลับเคลื่อนไหวกลายเป็นเงาร่างสามเงาก่อนพุ่งออกไป


ตัวประหลาดหัวอาชาเห็นเช่นนี้ ก็อ้าปากโดยไม่รอให้ตนเองทรงตัวได้ก่อน จากนั้นแสงสีม่วงกลุ่มหนึ่งก็พุ่งใส่เงาทั้งสาม


“ปัง!” “ปัง!” เงาร่างสองเงาถูกแสงสีม่วงโจมตีสลายไปในพริบตา เหลือแค่เงาร่างที่สามเท่านั้น พอบิดเอวก็หลบแสงสีม่วงไปได้อย่างเหลือเชื่อ และหลังจากพร่ามัวอีกครั้ง ก็มาปรากฏตัวตรงหน้าตัวประหลาดหัวอาชาราวกับปีศาจ และชกกำปั้นออกมาด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก


กำปั้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีม่วงดำชกเข้ามายังไม่ทันถึง ก็เกิดเสียงดัง “ฟู่!” จากนั้นมังกรหมอกดำตัวหนึ่งก็พุ่งออกมาพร้อมพลังมหาศาล


ตัวประหลาดหัวอาชามีสีหน้าดุร้ายขึ้นมา พอมันอ้าปากอีกครั้ง มุกสีเหลืองก็ถูกพ่นออกมา ขณะเดียวกันกรงเล็บคู่หน้าก็เคลื่อนไหวจนกลายเป็นเงาแน่นขนัด และตะกุยใส่ฝ่ายตรงข้าม


เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นอีกครั้ง!


มังกรหมอกดำปะทะกับมุกสีเหลืองก่อนที่จะสลายตัว ส่วนมุกสีเหลืองก็กระเด็นออกไป


แต่หลังจากกำปั้นสีม่วงพร่ามัวไปโจมตีเงากรงเล็บโดยตรง ก็ถูกกรงเล็บขาหน้าทั้งสองต้านทานไว้


ครั้งนี้เป็นเพราะปีศาจอสูรตัวนี้ได้เตรียมการไว้ก่อน นอกจากร่างของมันจะสั่นไหวเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่ถูกกำปั้นโจมตีจนกระเด็นแต่อย่างใด


อสูรประหลาดเผยแววตาโหดร้ายออกมา พอกระพือปีกทั้งคู่เล็กน้อย มันก็คิดจะใช้วิธีการโจมตีกลับที่รุนแรงกว่าเดิม


ขณะนั้นเอง กำปั้นสีม่วงที่ถูกมันต้านทานไว้กลับส่งเสียงดังเบาๆ “ฟู่!” ไอดำกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมา หลังจากหมุนติ้วๆ รวมตัวกันแล้ว ก็กลายเป็นศีรษะชายผู้หนึ่ง มันสะบัดหัวแค่ทีเดียว ผมสีเขียวเต็มศีรษะก็พุ่งออกไปราวกับสายฟ้าแลบ และกลายเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ปกคลุมลงมา


มันคือหัวบินนั่นเอง


ไม่รู้ว่าหลิ่วหมิงแอบปล่อยหัวปีศาจออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งยังแอบอยู่ในแขนเสื้อตั้งแต่แรกแล้ว และเพิ่งถูกปล่อยออกมาในตอนนี้


วิธีการแปลกประหลาดเช่นนี้ อสูรหัวอาชาย่อมนึกไม่ถึงอย่างแน่นอน และภายในระยะใกล้เช่นนี้ คิดจะหลบหลีกก็ไม่ทันแล้ว มันจึงถูกตาข่ายปกคลุมในทันที และถูกรัดอย่างแน่นหนา


อสูรประหลาดส่งเสียงคำรามด้วยความตกใจ พออ้าปาก ไอสีม่วงก็พวยพุ่งรอบตัว และคิดจะแหวกตาข่ายหลบหนี


แต่หลิ่วหมิงที่อยู่ห่างเพียงแค่ลัดมือเดียว ไหนเลยจะเปิดโอกาสให้มัน หลังจากส่งเสียงหัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้ว กำปั้นข้างหนึ่งก็ส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆ สายฟ้าสีเงินปรากฏบนพื้นผิวเป็นชั้นๆ พอสะบัดข้อมือ ก็พร่ามัวมาปรากฏตรงด้านหลังของอสูรหัวอาชา และโจมตีไอสีม่วงบนหลังของมันอย่างโหดเหี้ยม


“ปัง!” ไอสีม่วงหนาแน่นสลายไปในพริบตา และมีเสียงกระดูดแตกหักดังออกมา


หลิ่วหมิงในขณะนี้มีพลังจำนวนมาก ต่อให้จะเป็นเขาลูกเล็กๆ ก็สามารถชกให้ระเบิดในกำปั้นเดียวได้ นับประสาอะไรกับกายเนื้อเล่า


แม้ว่าตัวประหลาดหัวอาชาจะมีกายเนื้อแข็งแกร่ง แต่ก็กระอักเลือดออกมาในทันที ในเลือดยังเต็มไปด้วยเศษเครื่องในจำนวนไม่น้อย ร่างของเขาร่วงลงมากระแทกพื้นอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่


อสูรประหลาดส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา หลังจากไอสีม่วงบนพื้นผิวสลายไปแล้ว ก็กลับมาเป็นร่างของผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวอีกครั้ง


ผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวในขณะนี้ ไม่เพียงแต่เสื้อผ้าบนตัวขาดรุ่งริ่งเท่านั้น ใบหน้าก็ซีดขาวไร้ซึ่งโลหิต แม้ว่าจะพลิกตัวลุกขึ้นมายืนได้ แต่กระดูกสันหลังหักไปแล้ว ซี่โครงก็หักไปหลายซี่ เขาจึงมีสภาพจะล้มมิล้มแหล่


เกิดเสียงดังขึ้นบริเวณหลุม ไหมสีดำสิบกว่าเส้นพุ่งออกมาโดยไม่มีลางบอกเหตุมาก่อน


ผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวคิดจะหลบหลีกด้วยความตกใจ แต่กลับรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่าง การเคลื่อนไหวก็ช้าลงกว่าครึ่งหนึ่ง


หลังจากไหมดำเหล่านั้นกะพริบผ่านไปแล้ว ก็จมเข้าไปในขาของเขา


ผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวตบพื้นบริเวณนั้นหนึ่งทีด้วยความโมโห


“ตู๊ม!”


เศษดินกระเด็นไปทั่วทิศ แมงป่องกระดูกสีเงินที่มีขนาดเท่าฝ่ามือพุ่งออกมาจากในนั้น หลังจากพร่ามัวหนีออกไปสิบกว่าจั้งแล้ว ถึงหันมาจ้องมองผู้ฝึกฝนปีศาจ


ผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวกลับไม่ได้สนใจแมงป่องกระดูกเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ก้มหน้าลงก็มองเห็นรูเลือดสีดำสิบกว่ารูบนขา เลือดพิษสีดำไหลออกมา ขณะเดียวกันความรู้สึกชาก็ขยายออกจากปากแผล และกระจายไปทั่วร่าง


ผู้ฝึกฝนปีศาจผู้นี้ทั้งตกใจและโมโห เขารวบรวมพลังเวทในร่างให้ระงับพิษไว้ชั่วคราว


แต่ขณะนั้นเอง เงาดำก็เปล่งประกายด้านหลัง หลิ่วหมิงปรากฏตัวออกมาราวกับปีศาจ เพียงแค่สะบัดแขนเสื้อ แสงสีดำกลุ่มใหญ่ก็ม้วนตัวออกจากหลัง และปกคลุมผู้ฝึกฝนปีศาจไว้ในนั้น


ผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวรู้สึกแค่ว่าภาพตรงหน้าพร่ามัว จากนั้นก็มาปรากฏตัวในพื้นที่สีดำแห่งหนึ่ง ขณะที่กำลังจะมีท่าทีตอบสนองด้วยความตกใจนั้น หนวดสัมผัสสีดำสิบกว่าเส้นก็พุ่งเข้ามาจากทั่วทิศ มันโบกสะบัดแค่ทีเดียวก็รัดพันเขาไว้อย่างแน่นหนา


“ฟิ้ว!”


หลิ่วหมิงมาปรากฏตัวด้านข้างอย่างไร้สุ้มเสียง ขณะเดียวกันเงากระบี่สีทองขาดๆ หายๆ ก็ทะลุผ่านหน้าผากเขาไป


“เจ้า…” ผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวเผยสีหน้าที่ดูเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก ครู่ต่อมาก็มีรูขนาดเท่าหัวแม่มือปรากฏบนหน้าผากของเขา โลหิตไหลทะลักออกมา วิญญาณของเขายังไม่ทันจะหนีไป ก็ถูกปราณกระบี่ปั่นจนดับไป


ผู้ฝึกฝนปีศาจผู้นี้จ้องมองหลิ่วหมิง และแววตาที่มีชีวิตก็ดับมืดลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นล้มโครมลงพื้น


หลิ่วหมิงมองดูผู้ฝึกฝนปีศาจตรงหน้า และส่ายหน้าไปมา พอสะบัดแขนเสื้อ แสงสีดำที่ปกคลุมเต็มฟ้าก็สลายไป และเผยให้เห็นหลุมขนาดใหญ่อีกครั้ง


จะว่าไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าพลังของผู้ฝึกฝนปีศาจผู้นี้ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ทั้งสองที่เขาต่อสู้ในก่อนหน้านั้นจะสามารถเปรียบเทียบได้ ไม่แน่อาจจะแข็งแกร่งกว่าชายวัยกลางคนที่ใช้แส้ขั้นหนึ่ง


แต่ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามอาจจะมีความสัมพันธ์กับปีศาจสายฟ้า ทั้งยังลงมือรุนแรงกับเขาในทันทีที่พบเห็น เขาย่อมไม่รักษาพลังไว้แต่อย่างใด


หลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองอยู่ในใจ พอโบกมือข้างหนึ่ง ดาบบินสีม่วงสองเล่มกับมุกอู้ชวีเม็ดนั้น ก็ถูกดูดเข้ามาในมือ เขาโยนมันเข้าไปในแหวนย่อส่วนโดยไม่ทันได้มองอย่างละเอียด จากนั้นก็หยิบกำไลเก็บของจากเอวของผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวมาวงหนึ่ง หลังจากมองดูแบบผ่านๆ แล้วก็ควักป้ายอาญาสิทธิ์สีเทาสลัวๆ ออกมาหนึ่งอัน


เขาหรี่ตาทั้งคู่สังเกตดูของสิ่งนี้อย่างละเอียด


ป้ายอาญาสิทธิ์นี้มีขนาดเท่ากำปั้น มีไอศาจแผ่คลุมอยู่ ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งของของเผ่าปีศาจ ด้านหน้ามีภาพปีศาจ ‘สี่ไม่คล้าย’ สลักอยู่ และด้านหลังก็เป็นภาพร่างคร่าวๆ


หลิ่วหมิงมองดูอยู่ครึ่งค่อนวัน ถึงมองออกว่านี่คือแผนที่คร่าวๆ ของแดนลึกลับแห่งนี้ แต่ว่ามีเครื่องหมายบนนั้นน้อยมาก วาดขึ้นมาจากลายเส้นเพียงไม่กี่เส้น ไม่อาจดูเข้าใจในระยะเวลาสั้นๆ ได้


หลังจากเขาขมวดคิ้วขึ้นมาแล้ว ก็ลองใช้พลังจิตเข้าไปตรวจสอบในนั้น ทันใดนั้น แสงสีเทาก็เปล่งประกาย และกีดกั้นจิตรับรู้ของเขาไว้ ทำให้ไม่อาจสำรวจดูความลี้ลับภายในได้เลยแม้แต่น้อย


หลิ่วหมิงถือป้ายอาญาสิทธิ์นี้เล่นอยู่ในมือ และจมดิ่งลงไปในความเงียบทันที


ของสิ่งนี้คงเป็นสิ่งของยืนยันบางอย่างอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังอาจจะเกี่ยวข้องกับปีศาจสายฟ้าด้วย ส่วนจะใช้ทำอะไรนั้น ไม่อาจพูดได้


อาจจะเป็นป้ายประจำตัว หรืออาจจะเป็นกุญแจชั้นจำกัดบางอย่าง…


หลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็ส่ายหน้า และเก็บป้ายอาญาสิทธิ์เข้าไป หลังจากเก็บอสูรเลี้ยงทั้งสองเข้าไปแล้ว ก็เข้าไปในถ้ำอีกครั้ง เขานั่งขัดสมาธิลงไป และนำโอสถจินหยวนออกมาทานหนึ่งเม็ด ในมือก็ถือหินจิตวิญญาณไว้เพื่อทำการฟื้นฟูพลังเวทโดยเร็ว


การรับมือกับผู้ฝึกฝนปีศาจที่ร้ายกาจในก่อนหน้า ทำให้เขาสูญเสียพลังเวทไปไม่น้อย


ครึ่งวันต่อมา พลังเวทในร่างหลิ่วหมิงก็ฟื้นฟูมาพอประมาณแล้ว เขารีบจัดเสื้อผ้าในทันที จากนั้นก็เดินออกจากถ้ำ และทะยานฟ้าพุ่งไปยังทิศทางบางแห่ง


ขณะนี้อยู่ห่างจากเวลาที่เขาวาดภาพสัญลักษณ์ราวๆ ยี่สิบวัน เพียงแค่มีพลังของภาพเชอฮ่วนบนไหล่ซ้าย ระดับการฝึกฝนของเขาก็สามารถเก็บซ่อนไว้ได้ กลิ่นไอบนตัวก็ถูกเก็บจนยากจะค้นพบ เพียงแค่ระวังให้มากหน่อย ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ต่างเผ่าลอบโจมตีแต่อย่างใด


สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้ก็คือ รีบหาทางออกของแดนลึกลับให้ไวที่สุด มิเช่นนั้นหากถึงเวลาที่ปีศาจวายุต้องการกำจัดพวกเขาที่ถูกขังอยู่ในแดนลึกลับล่ะก็ ทุกอย่างคงจะสายไปเสียแล้ว


หนึ่งวันต่อมา ขณะที่ผ่านเทือกเขาสีดำแห่งหนึ่งนั้น แสงหลบหลีกสีเหลืองลำหนึ่งก็พุ่งทางเขา


ด้านหลังแสงหลบหลีกสีเหลือง คือเงาร่างสีเขียวที่ตามไล่ล่าอยู่ไม่หยุด และพ่นเปลวไฟสีเขียวออกมาเป็นระยะๆ


พอแสงหลบหลีกสีเหลืองหยุดชะงักลง ก็เผยให้เห็นร่างของผู้ฝึกฝนหญิงที่สวมชุดสีเหลือง พอนางยกมือข้างหนึ่ง เปลวไฟสีทองกลุ่มหนึ่งก็พุ่งยิงออกไป


“ตู๊ม!” หลังจากเปลวไฟสีทองปะทะกับเปลวไฟสีเขียวกลางอากาศ พวกมันก็ระเบิดออกมา และสั่นสะเทือนจนเงาร่างสีเขียวต้องร่นถอยออกไป


พอหญิงสาวละสายตากลับมา ก็ดูเหมือนจะค้นพบหลิ่วหมิงเข้า นางจึงรีบกระตุ้นแสงหลบหลีกให้พุ่งเข้ามาทันที


หลิ่วหมิงขมวดคิ้วขึ้นมา เขาย่อมไม่อยากยุ่งเรื่องของคนอื่น จึงหมุนตัวเพื่อหลบออกไปทันที


แต่ขณะนั้นเอง เงาร่างสีเขียวด้านหลังก็หยุดชะงัก จากนั้นก็กลายเป็นหมาป่ายักษ์สีเขียว และแหงนคอแผดเสียงดุร้ายออกมา


“ตู๊ม!”


หัวหมาป่ายักษ์สีเขียวปรากฏขึ้นกลางอากาศในทันที มันมีขนาดหนึ่งหมู่กว่าๆ พออ้าปากขนาดใหญ่ ก็เผยให้เห็นคมเขี้ยวอันแหลมคม และงับออกไปเพื่อจะกลืนกินหญิงชุดเหลืองกับหลิ่วหมิงลงไปพร้อมกัน


ตอนที่ 689 หวงอิ๋งกับหมาป่ายักษ์

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลิ่วหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา เขาขยับตัวโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ทันใดนั้นไอดำก็พวยพุ่งออกมาทันที แขนข้างหนึ่งปล่อยกำปั้นออกไปอย่างรุนแรง


“ตู๊ม!” มังกรหมอกดำตัวหนึ่งส่งเสียงคำรามออกมา และปะทะกับหัวหมาป่ายักษ์พอดี พริบตาเดียวก็ระเบิดออกมาเป็นแสงทรงกลดสีดำ


คลื่นอากาศสั่นสะเทือนไปทั่วทิศ มังกรหมอกกับหัวหมาป่าสลายไปพร้อมกัน


“ขอบคุณสหายที่ยื่นมือเข้าช่วย” หญิงชุดเหลืองนำดาบเล็กสีทองอร่ามออกมาทำท่าป้องกันไว้ พอเห็นหลิ่วหมิงโจมตีสำเร็จในกำปั้นเดียว นางก็กล่าวด้วยความดีใจ


ขณะนี้หมาป่ายักษ์ตรงหน้าก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นกลับกระโดดขึ้นมาด้วยความโมโห และกระโจนเข้าใส่หลิ่วหมิงทั้งสอง


หลิ่วหมิงทำเสียงฮึดฮัดทันที พอร่างของเขาเคลื่อนไหว เงาร่างสามเงาก็พุ่งยิงออกไป ภายใต้การเคลื่อนไหวกลางอากาศอย่างรวดเร็ว ทำให้ทิ้งเงาพร่ามัวไว้จำนวนมาก พริบตาเดียว ร่างจริงของเขาก็มาปรากฏตัวด้านข้างหมาป่าสีเขียว และปล่อยสายฟ้าขนาดเท่าปากถ้วยออกไป


เดิมทีหมาป่ายักษ์สีเขียวก็ถูกการเคลื่อนไหวแปลกประหลาดของหลิ่วหมิงทำให้เวียนหัวอยู่แล้ว พอเห็นสายฟ้าโจมตีเข้ามา ก็รีบบิดตัวอย่างรวดเร็วจนหลบการโจมตีไปได้อย่างหวุดหวิด และคว้ากรงเล็บมาทางหลิ่วหมิงทันที


หลิ่วหมิงเลิกคิ้วขึ้นมา หลังจากร่างของเขาพร่ามัวแล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย


ครู่ต่อมา มีเงาร่างสีดำเคลื่อนไหวรอบตัวหมาป่ายักษ์สีเขียวในระยะสองสามจั้ง จากนั้นสายฟ้าสีเงินก็ปกคลุมเข้ามาเต็มฟ้า และพุ่งเข้ามาจากมุมต่างๆ อย่างหนาแน่น


หลิ่วหมิงนำวิชาเงาร่างสามส่วนมาประกอบกับวิชาสายฟ้าสวรรค์ได้อย่างยอดเยี่ยม คล้ายกับว่าใช้ไหมสายฟ้าสร้างลูกกลมๆ สีเงินล้อมรอบหมายักษ์สีเขียวในระยะสามสี่จั้งไว้


หมาป่ายักษ์ส่งเสียงคำรามออกมาทันที แรงกดดันจิตวิญญาณมหาศาลระเบิดออกมาจากชิ้นส่วนในลูกสายฟ้าสีเงิน จากนั้นเงาสีเขียวก็กะพริบออกจากไหมสายฟ้าสีเงินที่หลิ่วหมิงสร้างขึ้น


“ใช้ต่อสู้กับศัตรูครั้งแรก ยังไม่ค่อยคุ้นชินมากนัก” หลิ่วหมิงวางแขนลงและพูดพึมพำออกมา


ที่เขาใช้ในเมื่อครู่คือ วิชาถักทอสายฟ้าสวรรค์ที่ต้องฝึกฝนวิชาสายฟ้าสวรรค์จนถึงขั้นสมบูรณ์แบบถึงจะแสดงออกมาได้ สามารถใช้ไหมสายฟ้าสีเงินที่เกิดจากสายฟ้าสวรรค์มาถักทอเป็นรูปแบบต่างๆ ที่ต้องการ เช่นรูปแบบตาข่าย หรือไม่ก็เป็นรูปแบบง่ายๆ อย่างอื่น หรือไม่ก็เป็นสิ่งของอย่างอื่น เพียงแต่ว่าอานุภาพของมันไม่แข็งแกร่งเหมือนการกระตุ้นวิชาสายฟ้าสวรรค์โดยตรง ยิ่งไปกว่านั้น มันใช้ในการตรึงหรือผลลัพธ์พิเศษบางอย่าง และเมื่อเวลาผ่านไปพลังของไหมสายฟ้าเหล่านี้ ก็จะสูญเสียไปอย่างรวดเร็ว


หลังจากหมาป่ายักษ์สีเขียวหนีออกจากลูกสายฟ้าที่ถักทอมาจากสายฟ้าสีเงินได้ ดวงตาทั้งคู่ของมันก็จ้องมองหลิ่วหมิงด้วยท่าทีเดือดดาล และส่งเสียงคำรามเบาๆ แต่กลับไม่ทำการโจมตีอยู่ชั่วขณะหนึ่ง


หลิ่วหมิงก็ยกมือข้างหนึ่งไปแตะระหว่างคิ้ว ภายใต้การเปล่งประกายของแสงสีทอง กระบี่เล็กสีทองเล่มหนึ่งก็พุ่งออกมา “ฟิ้ว!” ขณะเดียวกันไอกระบี่มหาศาลก็พุ่งตามมา


พอเขาชี้มือข้างหนึ่งไปกลางอากาศ กระบี่เล็กสีทองอร่ามก็หยุดอยู่บริเวณหน้าอกเล็กน้อย จากนั้นก็พุ่งไปทางหมาป่ายักษ์สีเขียว


พอหมาป่ายักษ์สีเขียวเห็นการปรากฏตัวของกระบี่บินพลังจิตวิญญาณ มันก็เผยแววตาหวาดกลัวออกมา ทันใดนั้นลวดลายจิตวิญญาณสีเขียวก็เปล่งประกายบนตัว ทันทีที่หันตัวกลับมา มันก็กลายเป็นแสงสีเขียวพุ่งออกไปด้านข้าง


หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็อึ้งไปทันที แต่ก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว พอโบกมือข้างหนึ่ง กระบี่เล็กสีทองก็หมุนตัวพุ่งกลับมา


พลังของปีศาจตัวนี้ไม่ได้อ่อนแอ ในเมื่อมันยอมถอยออกไปเอง เขาย่อมไม่คิดตามไปตัดสินความเป็นความตายกับมันอีก


จากนั้นร่างของเขาก็เปล่งประกายพุ่งกลับไปตรงหน้าหญิงสาวชุดเหลือง


“ข้าน้อยหวงอิ๋ง ขอบคุณสหายที่ยื่นมือเข้าช่วย” หญิงชุดเหลืองเห็นหลิ่วหมิงร่อนลงมา นางก็รีบคารวะด้วยรอยยิ้ม


หลิ่วหมิงไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด แต่กลับหรี่ตาสังเกตดูหญิงสาวเผ่าหมานที่ยิ้มอย่างเป็นมิตรผู้นี้อย่างละเอียด


หญิงสาวมีรูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ดวงตางดงามทั้งคู่เปล่งประกายแวววาว ชุดกระโปรงสีเหลืองโบกสะบัดตามลมเบาๆ ผิวหนังที่โผล่ออกมามีสีคล้ำเล็กน้อย แลดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบหนึ่ง


“เจ้าเป็นใคร เหตุใดถึงถูกปีศาจตัวนี้ไล่ล่า?” หลิ่วหมิงกระแอมไอเบาๆ และถามอย่างราบเรียบ


“สหาย ข้าน้อยคือผู้อาวุโสชนเผ่าตันเก๋อ ก่อนหน้าข้าได้รับคำสั่งจากหัวหน้าเผ่าให้พาคนในเผ่าระดับผลึกหลายคนออกไปทำภารกิจด้วยกัน ในระหว่างทางได้พบกับกลุ่มผู้ฝึกฝนปีศาจที่เป็นลูกน้องของเลี่ยเจิ้นเทียนเข้า และพูดจาไม่ถูกคอกันจึงเกิดการต่อสู้ในทันที แต่ขณะนั้นเอง เลี่ยเจิ้นเทียนก็ปรากฏตัวออกมาพอดี ทั้งยังสังหารคนในเผ่าทั้งหมดโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง แต่กลับจับข้าน้อยไว้เป็นเชลยเพียงคนเดียว และนำมาทิ้งไว้ในแดนลึกลับแห่งนี้” หญิงสาวเสื้อเหลืองอธิบายให้หลิ่วหมิงฟัง พอพูดถึงตอนท้ายนางกลับมีสีหน้าเศร้าหมองเล็กน้อย


“ตามที่เจ้าพูดมา ในแดนลึกลับคงมีสหายระดับแก่นแท้จำนวนไม่น้อยจริงๆ” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยสีหน้าสงบ


“ข้าน้อยเข้าแดนลึกลับมาไม่ถึงครึ่งเดือนกว่า แต่กลับเผชิญกับการถูกลอบโจมตีอยู่หลายครั้ง ในนั้นนอกจากจะมีเผ่าปีศาจหนึ่งคนแล้ว ยังมีเผ่าหมานอีกหลายคน แต่ดีที่ว่ามีการฝึกฝนระดับเดียวกัน จึงมีแพ้บ้างชนะบ้าง แม้ว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ แต่ข้าน้อยก็สามารถเอาตัวรอดได้ พลังของปีศาจหมาป่ายักษ์สีเขียวที่เจอในวันนี้แข็งแกร่งเกินไป หากไม่ใช่ว่าสหายยื่นมือเข้าช่วย เกรงว่าคงต้องเสียชีวิตในสถานที่แห่งนี้แล้ว” ขณะที่พูด หญิงสาวชุดเหลืองก็มองหลิ่วหมิงด้วยสีหน้าซาบซึ้ง


“สหายไม่ต้องมากพิธี หากไม่ใช่ว่าปีศาจหมาป่าตัวนั้นคิดจะม้วนตัวข้าผู้แซ่หลิ่วเข้าไปด้วยล่ะก็ ข้าจะไม่ลงมืออย่างแน่นอน” หลิ่วหมิงกล่าว


“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หากไม่มีพี่หลิ่ว ข้าน้อยคงผ่านด่านเคราะห์ครั้งนี้ไปได้ยาก ไม่รู้ว่าคนในแดนลึกลับนี้เป็นอะไรกัน พอเจอกันถ้าไม่หลบไปไกลๆ ก็จะทำการโจมตีคนอื่นๆ อย่างบ้าคลั่ง พี่หลิ่วเป็นผู้ฝึกฝนคนแรกที่ข้าน้อยได้เชื่อมสัมพันธ์ด้วย ดูท่าปีศาจวายุจับพวกเรามาทิ้งไว้ที่นี่ จะต้องมีจุดประสงค์อื่นอย่างแน่นอน” หญิงสาวชุดเหลืองได้ยินกลับถอนหายใจเบาๆ ก่อนกล่าวออกมา


“ที่นี่ขาดแคลนทรัพยากร คนที่ถูกขังมานานเหล่านั้นเลี่ยงไม่ได้ที่จะสังหารผู้อื่นแย่งชิงสมบัติมา เพื่อไม่ให้ระดับการฝึกฝนของตนเองลดลง แต่ว่าที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ต้องรีบหาทางออกหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นพอเวลานานเข้า หินจิตวิญญาณที่พกมาหมดลง เกรงว่าเจ้ากับข้าก็คงเป็นเหมือนพวกเขาไม่มีผิด” หลิ่วหมิงกล่าว


“สหายกล่าวได้ถูกต้องที่สุด ข้าน้อยก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน ไม่สู้พวกเราทั้งสองร่วมมือกันหาทางออกดีหรือไม่?” หวงอิ๋งพยักหน้าเห็นด้วย


นางได้ปล่อยจิตออกไปตรวจสอบระดับการฝึกฝนของฝ่ายตรงข้ามอย่างเงียบๆ ตั้งแต่แรกแล้ว แต่กลับไม่รับรู้ถึงกลิ่นไอใดๆ เลย ขณะเดียวกันก็ทำการคาดเดาอยู่ในใจ ทันใดนั้นนางก็คิดว่าหลิ่วหมิงคงมีระดับการฝึกฝนเหนือกว่าระดับแก่นแท้ขั้นกลางขึ้นไป นางจึงมีท่าทีเคารพเป็นอย่างมาก


หลิ่วหมิงได้ยินก็ครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าตอบรับ


อย่างไรซะนางผู้นี้ก็เป็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้คนหนึ่ง หากมีนางร่วมเดินทางด้วย ก็เป็นผู้ช่วยที่ไม่เลว เขาจึงไม่คิดปฏิเสธแต่อย่างใด


และหลังจากผ่านการแลกมือกับระดับแก่นแท้มาหลายครั้ง ตอนนี้หลิ่วหมิงก็รับรู้ถึงระดับพลังของตนเองได้ชัดเจนขึ้น ต่อให้นางผู้นี้จะมีความคิดอื่น เขาก็มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมได้ภายในพริบตา


หวงอิ๋งได้ยินคำตอบรับของหลิ่วหมิง นางย่อมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก


เวลาต่อมา หลิ่วหมิงกับนางผู้นี้ก็แลกเปลี่ยนเกี่ยวกับเขตพื้นที่ที่เดินทางผ่านมาในก่อนหน้านั้น หลังจากนำมาผนึกกับแผนที่หยาบๆ ด้านหลังป้ายอาญาสิทธิ์แล้ว ในที่สุดก็หาตำแหน่งที่ทั้งสองอยู่ได้


ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ทั้งสองหารือกันหนึ่งรอบแล้ว ก็ตัดสินใจเดินทางไปยังใจกลางแดนลึกลับตามที่แผนที่บอก


ในระหว่างทาง แม้ว่าทั้งสองจะเผชิญกับผู้ฝึกฝนต่างเผ่าที่มีใบหน้าเป็นสีแดง แต่พอฝ่ายตรงข้ามเห็นหลิ่วหมิงกับหวงอิ๋ง ก็ต้องหันหน้าหลบหนีไปไกลๆ ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที


หลิ่วหมิงทั้งสองย่อมไม่คิดจะตามไปอย่างใด


สองวันต่อมา ขณะที่ทั้งสองกำลังหลับตานั่งสมาธิพักผ่อนอยู่ตรงตีนเขาเล็กๆ ลูกหนึ่งนั้น พลันมีเสียงแผดร้องอันคุ้นเคยดังเข้ามา


พอหลิ่วหมิงได้ยินก็ลืมตาทั้งคู่ขึ้นมาทันที


หวงอิ๋งที่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ ก็ตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ และถามด้วยความสงสัย


“หากข้าฟังไม่ผิดล่ะก็ เสียงนี้ดูเหมือนจะ…”


“คงจะเป็นปีศาจหมาป่าตัวนั้นไม่มีผิด ช่างน่าสนใจซะแล้วสิ!” หลิ่วหมิงกล่าวอย่างราบเรียบ ดวงตาทั้งคู่จ้องไปทางที่มาของเสียงอย่างไม่กะพริบ


ผ่านไปสักพัก มีเสียงดังก้องเข้ามาไม่ไกล เงาสีเขียวบางอย่างปรากฏตัวเหนือยอดเขาที่อยู่ห่างจากทั้งสองไม่มากนัก ดวงตาทั้งคู่ของมันจ้องมาทางหลิ่วหมิงทั้งสอง


หลิ่วหมิงขยับตัวไปหลบอยู่ด้านหลังก้อนหินสีดำอย่างไร้สุ้มเสียง


หวงอิ๋งเห็นเช่นนี้ก็พุ่งไปอยู่ข้างหลิ่วหมิงอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็จับตามองทุกความเคลื่อนไหวของเงาร่างสีเขียว


เงาร่างสีเขียวก็คือหมาป่ายักษ์สีเขียวที่หลิ่วหมิงพบเจอเมื่อหลายวันก่อน แต่เห็นได้ชัดว่าบนตัวของมันเต็มไปด้วยคราบเลือด กลิ่นไอก็อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด


ที่หลิ่วหมิงรีบซ่อนตัวเร็วเช่นนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะปีศาจหมาป่าตัวนี้ แต่เป็นเพราะกลิ่นไอแข็งแกร่งอีกแบบที่กำลังพุ่งมาทางหมาป่ายักษ์อย่างรวดเร็ว


“ฟู่!” ไฟปีศาจสีแดงขนาดใหญ่พุ่งเข้ามาจากที่ไกลๆ และปะทะใส่ยอดเขาเล็กๆ ที่หมาป่ายักษ์อยู่อย่างรวดเร็ว


หมาป่ายักษ์สีเขียวกระโดดเซไปเซมา


“ตู๊ม!”


แสงไฟลุกพรึบบนยอดเขาทันที ก้อนหินขนาดเท่าแผ่นโม่กระเด็นไปทั่วทิศ


ขณะนั้นเอง แสงสีขาวก็เปล่งประกายตรงขอบฟ้า แสงหลบหลีกเจิดจ้าลำหนึ่งพุ่งเข้ามาในพริบตา มันกะพริบแค่ทีเดียวก็กลายเป็นชายชุดคลุมสีขาวที่ดูสุภาพเรียบร้อยคนหนึ่ง และจ้องมองหมาป่ายักษ์สีเขียวที่อยู่ไม่ไกลด้วยแววตาโหดเหี้ยม


พอหลิ่งหมิงเขม้นตาดู ก็มองเห็นชายชุดคลุมสีขาวผู้นี้อย่างชัดเจน แม้ว่าจะมีหน้าตาสวยสดงดงาม แต่กลิ่นไอที่แผ่ออกมาอย่างหนาแน่น เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นผู้ฝึกฝนปีศาจที่แข็งแกร่งผู้หนึ่ง


ดีที่ว่าผู้ฝึกฝนปีศาจผู้นี้มีการฝึกฝนแค่ระดับแก่นแท้ขั้นต้น และดูเหมือนว่ายังไม่ถึงขั้นกลาง สิ่งนี้ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง แต่ในใจยังคงรู้สึกเคร่งเครียดเล็กน้อย


แค่ผู้ฝึกฝนปีศาจระดับแก่นแท้ขั้นต้นผู้หนึ่ง ก็มีกลิ่นไอแข็งแกร่งเช่นนี้แล้ว นี่ก็หมายความว่าฝ่ายตรงข้ามย่อมไม่ธรรมดา เกรงว่าคงจะแข็งแกร่งกว่าระดับแก่นแท้ขั้นต้นที่เขาพบเจอในก่อนหน้านั้นมาก


“เฮ่อๆ! วิ่งหนีได้เร็วดีนี่ แต่ว่าหมาแก่อย่างเจ้าคงต้องจบชีวิตลงในสถานที่แห่งนี้แล้ว” ชายชุดคลุมสีขาวหัวเราะด้วยสีหน้าครึมอึม พอทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง แสงสีแดงก็เปล่งประกายบนตัว ทันใดนั้นลูกไฟปีศาจสีแดงแต่ละลูกก็ปรากฏออกมาอย่างหนาแน่น พริบตาเดียวก็มีเกือบร้อยลูก


ชายชุดคลุมสีขาวเพียงแค่ชี้นิ้วไปกลางอากาศ ลูกไฟปีศาจทั้งหมดก็สั่นสะท้านและพุ่งเข้าใส่หมาป่ายักษ์สีเขียว


ตอนที่ 690 สังหารปีศาจแรด

โดย

Ink Stone_Fantasy

หมาป่ายักษ์ส่งเสียงคำรามออกมา ทันใดนั้นมันก็เคลื่อนตัวกลางอากาศอย่างรวดเร็ว และพ่นเปลวไฟสีเขียวออกไปต้านทานเป็นระยะๆ


แต่เห็นได้ชัดว่าหมาป่าตัวนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ พลังเวทยืนหยัดต่อไปไม่ไหว ขณะที่หลบหลีกคลื่นลูกไฟปีศาจติดต่อกันหลายลูก ในที่สุดก็ถูกหนึ่งในนั้นโจมตีลงบนหลัง


“ตู๊ม!” เปลวไฟคุโชนบนหลังของมันทันที


พอหมาป่ายักษ์หันหน้ากลับมา มันก็อ้าปากดูดไฟปีศาจบนหลังจนหมดสิ้น


แต่ภายใต้สถานการณ์ที่มันได้รับบาดเจ็บสาหัส กลิ่นไอของมันก็อ่อนแอลงอีกเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับชายเผ่าปีศาจผู้นั้นแล้ว


และในขณะนั้นเอง ภายใต้การกระตุ้นของชายที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ไฟปีศาจจำนวนมากก็พวยพุ่งเข้ามา


หมาป่ายักษ์เผยแววตาหวาดกลัวออกมา ทันใดนั้นมันก็หันกลับไปทันที และพุ่งไปทางที่หลิ่วหมิงทั้งสองซ่อนตัวอยู่ ทั้งยังตะโกนออกมาเป็นภาษามนุษย์อย่างรวดเร็ว


“ท่านทั้งสองยังไม่รีบลงมืออีก เจ้าเด็กนี่คือศิษย์ที่มาทดสอบปีศาจสวรรค์ในแดนลึกลับในครั้งนี้ มีเพียงแค่สังหารเขาและได้สิ่งของยืนยันมา พวกเราถึงจะมีโอกาสหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้ และก็มีแต่ข้าที่รู้ความลับทั้งหมดในแดนลึกลับแห่งนี้”


เดิมทีหลิ่วหมิงก็ยืนดูฉากการต่อสู้กลางอากาศอย่างเงียบๆ พอได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกอึ้งอย่างช่วยไม่ได้


“พี่หลิ่ว คนผู้นี้ปลิ้นปล้อนยิ่งนัก ก่อนหน้านั้นยังตามล่าข้า ตอนนี้ยังมาบอกว่ามีแต่เขาที่สามารถพาพวกเราออกจากแดนลึกลับได้ เกรงว่าคำพูดนี้คงเป็นการหลอกลวง!” หวงอิ๋งที่อยู่ด้านข้างได้ยินเช่นนี้ ก็รีบส่งเสียงให้หลิ่วหมิงด้วยความประหลาดใจและฉงนสนเท่ห์


“ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ ไปช่วยเขาก่อนแล้วค่อยว่ากัน หากคำพูดของเขาเป็นเท็จ ข้าจะต้องทำให้เขารู้สึกเสียใจในภายหลังอย่างแน่นอน” หลิ่วหมิงครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ตอบกลับไปอย่างราบเรียบ


พอทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง ไอหมอกดำก็พวยพุ่งออกจากตัว เกิดเสียงดังเปรี๊ยะๆ ภายในร่าง พริบตาเดียวแรงกดดันที่ไม่ด้อยไปกว่าระดับแก่นแท้ก็พุ่งออกมา จากนั้นเขาก็กระทืบเท้าพุ่งขึ้นฟ้าราวกับลูกธนูในทันที


พอมีเงาร่างเคลื่อนไหว เขาก็มายืนอยู่กลางอากาศระหว่างหมาป่ายักษ์กับชายชุดคลุมสีขาวแล้ว พอแขนทั้งสองสั่นสะท้าน มังกรหมอกดำสี่ตัวก็ถูกปล่อยออกไป และสะบัดหัวสะบัดหางไปปะทะกับไฟปีศาจทั้งหมด


เกิดเสียงระเบิดดังก้องขอบฟ้าอยู่พักหนึ่ง!


นอกจากจะมีสีแดงกับสีดำบนอากาศแล้ว ก็ดูเหมือนจะไม่มีสีอื่นๆ อีกเลย


ชายชุดคลุมสีขาวเห็นเช่นนี้ก็ค่อยๆ หดรูม่านตาลง เขายังไม่ทันได้มีท่าทีตอบสนองใดๆ ก็มีเงาร่างเคลื่อนไหวท่ามกลางหมอกควันสีแดงดำ จากนั้นหลิ่วหมิงก็พุ่งออกมาอย่างรวดเร็วราวกับปีศาจ และชกกำปั้นออกไปกลางอากาศหนึ่งที


ชายชุดคลุมสีขาวทำเสียงฮึดฮัดทีหนึ่ง จากนั้นก็ขยับแขนชกออกไปกลางอากาศโดยตรง


เกิดเสียงดัง “ตู๊ม!” เงาร่างสีดำกับสีขาวพุ่งถอยออกไปพร้อมกัน


“เจ้าเป็นใครกัน บังอาจมาลอบโจมตีข้า!”


พอชายชุดคลุมสีขาวทรงตัวได้ ก็ก้มหน้ามองดูกำปั้นที่รู้สึกชาเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนถามหลิ่วหมิงด้วยแววตาดุร้าย


หลิ่วหมิงไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่กลับกวาดสายตาดูกำปั้นของตนเองทีหนึ่ง บนง่ามระหว่างหัวแม่มือกับนิ้วชี้มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อยจนเขาต้องหรี่ตาลงอย่างอดไม่ได้


ด้วยกายเนื้อที่แข็งแกร่งของเขา เพียงแค่โจมตีผ่านอากาศก็ถูกสะเทือนจนได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ ดูท่ากายเนื้ออันแข็งแกร่งของผู้ฝึกฝนปีศาจผู้นี้ คงไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกฝนปีศาจที่เขาพบเจอในก่อนหน้านั้นจะสามารถเปรียบเทียบได้


ขณะนี้หวงอิ๋งก็มาปรากฏตัวอยู่ห่างจากด้านหลังของชายชุดคลุมสีขาวไปไม่ไกล เปลวไฟสีทองกลุ่มหนึ่งก่อตัวขึ้นบนมือ และลอยออกไปเบาๆ หลังจากมีเสียงดัง “ตู๊ม!” มันก็กลายเป็นลูกไฟขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ และพุ่งเข้าหาชายชุดคลุมสีขาวจากทั่วทิศ


“ฮึ! ลูกไม้กระจอกๆ!”


ชายชุดคลุมสีขาวไม่หันหน้ากลับมาแต่อย่างใด เพียงแค่มีสีหน้าเคร่งขรึมลง ไอปีศาจก็พุ่งขึ้นฟ้า พริบตาเดียวร่างของเขาก็ขยายใหญ่หลายเท่าจนมีขนาดสูงใหญ่เจ็ดแปดจั้ง เสื้อผ้าบนตัวฉีกขาดออกมา เผยให้เห็นผิวหนังสีเทาที่อยู่ในนั้น และตรงหน้าผากของเขาก็มีนอสีดำงอกออกมาหนึ่งอัน ดวงตาทั้งคู่ก็ขยายใหญ่หนึ่งเท่ากว่าๆ จนมีขนาดราวๆ กระดิ่งทองแดง ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว มันคือปีศาจแรดตัวหนึ่ง


ปีศาจแรดนับว่าเป็นปีศาจที่มีกายเนื้อแข็งแกร่งในเผ่าปีศาจ พลังป้องกันทั่วตัวของมันเมื่อเทียบกับเผ่าปีศาจอื่นๆ แล้ว มันแข็งแกร่งกว่ามาก


ครู่ต่อมา ลูกแสงสีทองก็ปะทะลงบนตัวปีศาจแรด และระเบิดออกมาเป็นกลุ่มแสงสีทอง


แต่หลังจากแสงสีทองสลายไป ปีศาจแรดยังคงยืนอยู่ไกลๆ โดยที่ไม่เป็นอะไรเลย พอดวงตาของมันเผยแววดุร้ายออกมา เปลวไฟสีแดงก็ลอยออกจากนอตรงหัว และท่ามกลางเปลวไฟก็มีอักขระสีแดงจางๆ พวยพุ่งอยู่ไม่หยุด


หวงอิ๋งเห็นฉากเช่นนี้ก็เผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา


ขณะนั้นเองหลิ่วหมิงกลับลงมืออีกครั้งแล้ว หลังจากร่างของเขาเคลื่อนไหวเบาๆ ก็พร่ามัวหายไปจากที่เดิม


ครู่ต่อมา เขาก็มาปรากฏตัวเหนือร่างปีศาจตัวนี้ พอมือทั้งสองทำท่ามือ สายฟ้าสีเงินเล็กๆ ก็ฟาดฟันลงไป


ปีกศาจแรดเหลือบตาขึ้นมองด้านบน และเปลวไฟสีแดงบนนอก็พุ่งยิงไปทางหลิ่วหมิงโดยตรง


เกิดเสียงดังขึ้น!


ไม่รู้ว่ามีอานุภาพใดๆ ซ่อนอยู่ในนั้น สายฟ้าสีเงินถึงถูกโจมตีจนสลายไป


แต่หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็ไม่ได้รู้สึกลนลานเลยแม้แต่น้อย พอโบกแขนเสื้อ มุกพลังวารีเม็ดหนึ่งก็ร่วงลงในมือ หลังจากปล่อยพลังเวทเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง มันก็กลายเป็นม่านวารีสีดำหนาๆ ปกคลุมร่างของตนเองไว้


“ตู๊ม!”


เปลวไฟปะทะลงบนม่านวารี พริบตาเดียวก็ประสานเข้ากับไอน้ำ ภายใต้ความร้อนที่แผดเผา ไอน้ำก็ค่อยๆ กลายเป็นไอหมอกสีขาว


พอหลิ่วหมิงสะบัดไหล่ มังกรหมอกดำสี่ตัวก็พุ่งออกจากหลัง มันแค่หมุนวนหนึ่งรอบ ก็ก่อเกิดเป็นพายุสีดำม้วนเอาเปลวไฟสีแดงไปทั้งหมด


หลิ่วหมิงส่งเสียงคำรามออกมา มือข้างหนึ่งกำมุกพลังวารีไว้ และชกลงด้านล่างอย่างรุนแรง


หลังจากไอดำพวยพุ่งรวมตัวกัน มังกรหมอกดำทั้งสี่กับพยัคฆ์หมอกอีกสี่ก็ปรากฏออกมา และแยกเขี้ยวยิงฟันพุ่งลงไป


“เอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง”


ปีศาจแรดเห็นเช่นนี้ก็พูดประชดอย่างเยือกเย็น นอบนหัวส่งเสียงดัง “ฟู่!” จากนั้นเปลวไฟสีแดงก็ปรากฏออกมาอีกครั้ง แต่หลังจากหมุนติ้วๆ แล้ว มันก็กลายเป็นทะเลเพลิงสีแดงไปทั้งแถบในพริบตา และปกคลุมอากาศกว่าครึ่งหนึ่งไว้


มังกรหมอกสี่ตัวกับพยัคฆ์หมอกสี่ตัวพุ่งเข้าไปในทะเลเพลิง ทันใดนั้นหมอกดำก็ประสานไปมากับเปลวไฟสีแดง และส่งเสียงดังโครมครามแปลกประหลาด


หวงอิ๋งที่อยู่ด้านหลังเห็นเช่นนี้ ก็รีบนำผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองออกมาผืนหนึ่ง หลังจากโยนมันไปกลางอากาศ ก็ชี้ออกไปติดต่อกัน


ผ้าเช็ดหน้าหมุนตัวติ้วๆ กลางอากาศ จากนั้นก็กลายเป็นวิหคยักษ์ขนาดหนึ่งจั้งกว่าๆ ที่มีลวดลายสีทองแปลกประหลาดปกคลุมเต็มตัว หลังจากส่งเสียงร้องดังกังวานออกมา ก็พุ่งเข้าใส่ปีศาจแรดอย่างรวดเร็ว


ปีศาจแรดกลับรับรู้ตั้งแต่แรกแล้ว พอหันหน้ากลับมา มันก็พ่นไอหมอกสีเทาออกไปรับมือกับวิหคยักษ์


พอวิหคยักษ์กระพือปีกทั้งสอง ก็มีแสงสีทองจำนวนมากพุ่งออกมาทันที แต่พอสัมผัสกับไอหมอกสีดำ ต่างก็จมหายไปในนั้นอย่างไร้ร่องรอย


 และไอหมอกสีเทาก็พวยพุ่งขึ้นมาปกคลุมวิหคยักษ์สีทองไว้


แม้ว่าวิหคตัวนี้จะกระพือปีกแหลมคมทั้งคู่ และทำการดิ้นรนอยู่ไม่หยุด แต่กลับไม่อาจพุ่งออกจากไอหมอกสีเทาได้


ขณะนั้นเอง พลันเกิดเสียงฟ้าร้องเหนือเมฆอัคคี จากนั้นสายฟ้าขนาดใหญ่เจ็ดแปดเส้นก็กะพริบลงมา คิดไม่ถึงว่ามันจะแทงทะลุเมฆอัคคีไป และฟาดเข้าใส่หัวของปีศาจอย่างรุนแรง


ปีศาจแรดส่งเสียงคำรามยาวด้วยความตกใจ เกราะสีเทาบนตัวแต่ละแผ่นตั้งขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง แสงสีเทาบนตัวก็เปล่งประกายอยู่ไม่หยุด


“ตู๊มๆ!”


วิชาสายสวรรค์ที่หลิ่วหมิงปล่อยออกมาฟาดลงไปบนหลังปีศาจแรดอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กลายเป็นไหมสายฟ้าสีเงินจำนวนมาก และโบกสะบัดไปมาบนตัวปีศาจแรด ทั้งยังส่องเสียงระเบิดออกมาตลอดเวลา


ร่างของปีศาจตัวนี้ชาไปครู่หนึ่ง พลังเวทในร่างก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่งเช่นกัน


พริบตานั้น ไม่ว่าจะเป็นเพลิงอัคคีเหนือศีรษะ หรือไอหมอกสีดำที่กักขังวิหคยักษ์สีทองไว้ ต่างก็มีอานุภาพลดลงอย่างรวดเร็ว


หวงอิ๋งเห็นเช่นนี้ ก็ปล่อยพลังเวทใส่วิหคยักษ์สีทองที่อยู่ไม่ไกลด้วยความดีใจ


พอวิหคตัวนี้ส่งเสียงดังกังวานออกมา แสงสีทองก็เปล่งประกายบนตัว ร่างของมันขยายใหญ่ในพริบตาจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมา


มันแค่กระพือปีกเบาๆ พายุบ้าระห่ำสีทองก็ก็ม้วนตัวออกมาจนทำให้ไอหมอกสีเทาที่อยู่บริเวณนั้นแตกกระจาย


“ฟู่!” วิหคยักษ์กลายเป็นแสงสีทองพุ่งยิงออกไป มันกะพริบแค่ทีเดียว กรงเล็บคู่หนึ่งก็คว้าไปยังไหล่หนาๆ ทั้งสองด้านของปีศาจแรดอย่างโหดเหี้ยม


เกิดเสียงดังราวกับโลหะเสียดสีกัน กรงเล็บยักษ์ที่ดูแหลมคมอย่างหาที่เปรียบมิได้  กรีดไหล่ของปีศาจแรดสีเทาจนเกิดเป็นประกายไฟอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่อาจทำลายผิวของมันได้เลยแม้แต่น้อย


หวงอิ๋งรู้สึกตกตะลึงในทันที


ปีศาจแรกกลับเผยสีหน้าดุร้ายออกมา พอแขนทั้งสองเคลื่อนไหว มันก็คว้าปีกทั้งสองของวิหคสีทองไว้ หลังจากส่งเสียงคำรามออกมา วิหคยักษ์ก็ถูกฉีกทึ้งจนกลายเป็นสองส่วน


วิหคยักษ์ส่งเสียงร้องอย่างเวทนา ศพทั้งสองส่วนแตกสลายกลายเป็นจุดสีทอง และกลับมาเป็นผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองสองชิ้น


พริบตาที่ของล้ำค่าถูกทำลายไปนั้น หวงอิ๋งที่อยู่ไม่ไกลก็มีสีหน้าซีดขาว และกระอักเลือดออกมาในทันที


ปีศาจแรดเห็นเช่นนี้ก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง และขยับเท้าจะพุ่งเข้าไป


แต่ขณะนั้นเองพลันมีเสียงฟ้าร้องกลางอากาศ จากนั้นสายฟ้าสีเงินขนาดใหญ่ก็พุ่งลงมาจากเมฆอัคคี ทำให้มันรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก แต่ก็ขยับตัวหลบหลีกการโจมตีนี้ไปได้


ขณะนั้นเอง มีเสียงดังขึ้นที่ด้านหลัง ลูกเปลวไฟสีเขียวกลุ่มหนึ่งพุ่งยิงเข้ามา หมาป่ายักษ์สีเขียวตัวนั้นฝืนอาการบาดเจ็บปล่อยอานุภาพเข้ามากดดันด้วยเช่นกัน


หวงอิ๋งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นมา จากนั้นดาบสั้นสีทองอร่ามก็ปรากฏออกมาอีกครั้ง


ปีศาจแรดเห็นเช่นนี้ สีหน้าของมันก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปในที่สุด หลังจากกรอกลูกตาไปมาแล้ว แสงสีเทาก็เปล่งประกายบนตัว และกลายเป็นแสงหลบหลีกพุ่งขึ้นฟ้า


ปีศาจตนนี้ฉลาดมาก พอเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีก็คิดจะหลบหนีในทันที


แต่ขณะนั้นเอง พลันมีเงาร่างเคลื่อนไหวตรงหน้า และหลิ่วหมิงก็ปรากฏตัวออกมาอย่างไร้สุ้มเสียง เพียงแค่สะบัดแขนเสื้อ แสงสีดำก็ม้วนตัวออกไปปกคลุมปีศาจตัวนี้ไว้อย่างรวดเร็ว


จากนั้นหลิ่วหมิงก็หายวับเข้าไปในนั้นอย่างไร้ร่องรอย


ครู่ต่อมา เกิดเสียงดังโครมครามอยู่ด้านในไม่หยุด และมีปราณกระบี่อันน่าตกใจพุ่งออกมาเป็นสายๆ ทำให้อากาศบริเวณนั้นเกิดเป็นรอยสีทองจางๆ


หวงอิ๋งกับหมาป่ายักษ์สีเขียวเหาะเข้ามา แต่พอเห็นฉากเช่นนี้ต่างก็มองหน้ากันอย่างอดไม่ได้


“ตู๊ม!” พอเกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น และปราณกระบี่สีทองอันเจิดจ้าพุ่งขึ้นฟ้า เสียงทั้งหมดก็เงียบหายไปในฉับพลัน


จากนั้นแสงสีดำก็ค่อยๆ ม้วนตัวสลายไป หลิ่วหมิงหิ้วหัวขนาดใหญ่เดินออกมา นอกจากเขาจะมีสีหน้าซีดขาวเล็กน้อยแล้ว บนตัวก็ไม่มีบาดแผลใดๆ เลย


ตอนที่ 691 โลหิตปีศาจสวรรค์

โดย

Ink Stone_Fantasy

ปีศาจแรดไร้หัวยังคงยืนทื่ออยู่ด้านหลังหลิ่วหมิง แต่บริเวณหน้าอกกลับมีรูเลือดขนาดใหญ่ หัวใจด้านในว่างเปล่า คิดไม่ถึงว่าจะถูกกำปั้นชกจนแตกกระจุยไปแล้ว


หวงอิ๋งกับปีศาจยักษ์เห็นฉากเช่นนี้ ต่างก็จ้องมองจนตาค้างเล็กน้อย


ความแข็งแกร่งของกายเนื้อปีศาจแรดนั้น ทั้งสองต่างก็รับรู้ดี แม้แต่วิหคยักษ์ที่กลายร่างมาจากผ้าเช็ดหน้าของหวงอิ๋งผืนนั้น ยังไม่อาจทำลายมันได้เลยแม้แต่น้อย ตอนนี้กลับถูกกำปั้นเจาะทะลุจุดสำคัญไป ถ้าอย่างนั้นเจ้าของกำปั้นผู้นี้จะต้องมีกายเนื้อแข็งแกร่งระดับใด ถึงจะทำเรื่องเช่นนี้ได้


พอหลิ่วหมิงออกมาจากข้างตัวปีศาจแรด ร่างไร้หัวของมันก็ร่วงลงพื้นลงอย่างรุนแรง


พอเขาขยับแขนอีกที หัวขนาดใหญ่ในมือก็ถูกโยนออกไปอย่างไม่ใส่ใจ และยังมีลูกเปลวไฟสองกลุ่มพุ่งออกจากแขนเสื้อ พริบตาเดียว ศพปีศาจแรดก็กลายเป็นขี้เถ้า


หวงอิ๋งเห็นเช่นนี้ดวงตาของนางก็เคลื่อนไหวเล็กน้อย แต่ก็เดินเข้าไปกล่าวด้วยรอยยิ้ม


“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพลังของพี่หลิ่วจะยอดเยี่ยมเช่นนี้ อาศัยแค่พลังของตัวเอง ก็สังหารศัตรูแข็งแกร่งผู้นี้ได้แล้ว ดูท่าหากมีคนหนีออกไปจากแดนลึกลับได้จริงๆ ก็คงมีแต่พี่หลิ่วเท่านั้นที่สามารถทำได้”


“ในสายตาของปีศาจสายฟ้า ผู้มีพลังต่ำกว่าระดับดาราพยากรณ์อย่างพวกเราจะมีความแตกต่างอันใด แต่ข้ากลับได้ของน่าสนใจจากตัวของปีศาจตัวนี้ คิดว่าสหายคงจะไขข้อข้องใจให้ข้าได้ว่ามันคือสิ่งของอันใด?” หลิ่วหมิงกล่าวอย่างราบเรียบ พอพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ป้ายอาญาสิทธิ์สีเทาสองอันที่มีลักษณะเหมือนกันไม่มีผิดก็ปรากฏอยู่ในมือ จากนั้นเขาก็จ้องมองหมาป่ายักษ์สีเขียวที่อยู่บริเวณนั้นด้วยสีหน้าสงบ


ป้ายอาญาสิทธิ์หนึ่งในนั้น เขาเพิ่งค้นมาจากกำไลเก็บของบนตัวปีศาจแรด


และในขณะนี้ หลิ่วหมิงดูเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด แต่ความจริงแล้วเขาใช้พลังในคุกมืดติดต่อกัน และก่อนปีศาจแรดจะตาย เขาก็ถูกมันโจมตีบริเวณหน้าอกหนึ่งทีเหมือนกัน หากไม่ใช่ว่ามีโล่เก้ากะโหลกกับเกราะอสูรคอยต้านทานไว้ เกรงว่าคงเกิดฉากที่บอบช้ำทั้งสองฝ่ายแล้ว


แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตอนนี้ร่างกายภายในของเขาก็บอบช้ำไม่น้อย ดีที่ว่ากายเนื้อแข็งแกร่ง และฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ภายนอกจึงดูเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ดังนั้นในสายตาของหวงอิ๋งกับหมาป่ายักษ์ เขาจึงดูลึกล้ำจนยากจะคาดเดาได้


ขณะนี้ ไม่ได้มีแต่หวงอิ๋งที่คิดว่าหลิ่วหมิงเป็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้เท่านั้น แม้แต่หมาป่ายักษ์ก็ไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย


มีแต่ระดับแก่นแท้ขั้นกลางขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะมีพลังน่ากลัวในการบดขยี้ผู้ฝึกฝนระดับผลึกขั้นต้นได้อย่างง่ายดาย


ภายใต้สถานการณ์ที่หมาป่ายักษ์สีเขียวรู้สึกตกใจระคนดีใจนั้น มันก็หันมาตอบด้วยสีหน้าเคารพอย่างรวดเร็ว


“ในเมื่อท่านมีพลังระดับนี้ เพียงแค่พวกเราร่วมมือกัน ก็จะมีโอกาสหนีไปจากแดนลึกลับได้มากขึ้น แต่ก่อนอื่นไปหาสถานที่รักษาอาการบาดเจ็บแล้วก่อนอธิบายอย่างละเอียด”


“ไม่มีปัญหา” หลิ่วหมิงเพียงแค่ลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็ตกปากรับคำทันที ทั้งยังนำขวดเล็กสีฟ้าออกมา และโยนโอสถสีเหลืองออกไปหนึ่งเม็ด


“โอสถเสริมจิตวิญญาณ” หมาป่ายักษ์สีเขียวเห็นเช่นนี้ ก็หลุดปากออกมา จากนั้นก็อ้าปากกลืนลงด้วยความดีใจ


โอสถเสริมจิตวิญญาณนี้ เป็นโอสถรักษาอาการบาดเจ็บที่ไม่ค่อยพบเห็นในตลาด แม้ว่าจะไม่สามารถฟื้นฟูพลังเวทได้ แต่ว่าค่อนข้างมีผลต่อการรักษาอาการบาดเจ็บทั้งภายใน และภายนอกอย่างน่ามหัศจรรย์ ตั้งแต่ระดับของเหลวจนถึงระดับแก่นแท้ เมื่อรับประทานเข้าไปต่างก็เห็นผลอย่างรวดเร็ว แต่ว่ามูลค่าของมันไม่ใช่น้อยๆ โดยทั่วไปเม็ดหนึ่งจะมีมูลค่าหลายแสนหินจิตวิญญาณ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกฝนทั่วไปจะสามารถซื้อได้


หลังจากหมาป่ายักษ์สีเขียวกลืนโอสถที่หลิ่วหมิงมอบให้แล้ว ไอสีเขียวบนตัวก็ค่อยๆ หนาแน่นขึ้นมา ประกายตาทั้งคู่ก็ค่อยๆ สว่างขึ้นมาด้วย


จากนั้นทั้งสามก็เหาะขึ้นฟ้า หลังจากเดินทางไปได้หนึ่งชั่วยาม ก็ร่อนลงในหุบเขาเล็กๆ แห่งหนึ่ง


หลิ่วหมิงหาที่นั่งขัดสมาธิหลับตาพักผ่อนโดยไม่พูดอะไรมาก


หวงอิ๋งเห็นเช่นนี้ ก็ยิ่งไม่พูดอะไรออกมา เพียงแค่ใช้ดวงตางดงามจ้องมองหมาป่ายักษ์สีเขียวที่นอนหมอบอยู่บนพื้นบริเวณนั้น ซึ่งไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่


ผ่านไปราวๆ หนึ่งถ้วยชา เปลวไฟสีเขียวบนพื้นก็ม้วนตัวออกไป


หมาป่ายักษ์สีเขียวบนพื้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย และถูกแทนที่ด้วยชายชุดคลุมสีเขียวที่มีอายุราวๆ สามสิบกว่าปี


บุคลิกลักษณะสุภาพภูมิฐาน จอนผมหยิกๆ ย้อยลงมาจากบริเวณหูทั้งสองข้าง ดูสะดุดตาเป็นพิเศษ


หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปทันที ดีที่ว่ามีหน้ากากวานรยักษ์ปิดบังไว้ คนอื่นจึงดูไม่ออกเลยแม้แต่น้อย


คนผู้นี้ก็คือผู้อาวุโสขุยมู่จากหุบเขาปีศาจสวรรค์ เขาพบเจอในตอนที่ทำการทดสอบในวังมายานภาหยกเสร็จสิ้น และหมาป่ายักษ์ในเมื่อครู่ถึงเป็นร่างที่แท้จริงของเขา


“ข้าน้อยขุยมู่ ก่อนหน้านั้นล่วงเกินไปมาก หวังว่าสหายทั้งสองจะให้อภัย” หลังจากผู้อาวุโสขุยมู่นั่งเข้าฌานไปรอบหนึ่งแล้ว ก็ลืมตาทั้งคู่ขึ้นมา พอกวาดสายตามองออกไป ก็รีบลุกขึ้นมากุมมือคารวะหลิ่วหมิงกับหวงอิ๋ง


“ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโสขุยมู่จากหุบเขาปีศาจสวรรค์ ข้าน้อยช่างเสียมารยาทจริงๆ” ภายใต้หน้ากาก หลิ่วหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนกับยิ้ม


หวงอิ๋งได้ยินชื่อหุบเขาปีศาจสวรรค์ กลับมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย


“อ๋อ พี่หลิ่วจำข้าได้หรือ?” ผู้อาวุโสขุยมู่ได้ยิน ก็กล่าวด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย


“เฮ่อๆ! ในปีนั้นได้มีวาสนาพบเจอกับสหายครั้งหนึ่งจริงๆ” หลิ่วหมิงตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ


แต่พอคำพูดนี้หลุดออกไป กลับทำให้ผู้อาวุโสขุยมู่ทำการคาดเดาในใจอยู่ครู่หนึ่ง เขาเริ่มนึกถึงบรรดาผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ที่เขาพบเจอ และดูว่าคนไหนที่ดูคล้ายกับคนสวมหน้ากากตรงหน้า


“ฮึ! ในเมื่อท่านเป็นคนของหุบเขาปีศาจสวรรค์ ทั้งยังไม่ใช่ศิษย์ที่สมัครคัดเลือกของเผ่าปีศาจ เหตุใดต้องลอบโจมตีข้าด้วย” หวงอิ๋งเงียบไปครู่หนึ่ง และสอบถามด้วยแววตาเยือกเย็น


“ข้าคิดว่าท่านเซียนก็เป็นศิษย์ทดสอบปีศาจสวรรค์ ดังนั้นถึงได้ลงมือไป หากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ ในมือสหายก็มีป้ายปีศาจสวรรค์อยู่อันหนึ่งใช่หรือไม่?” ผู้อาวุโสมู่ขุยได้ยินก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น


“เอ๊ะ! ท่านรู้ได้อย่างไร? ป้ายอาญาสิทธิ์นี้ข้าได้มาจากผู้ฝึกฝนปีศาจที่ลอบโจมตีข้าในก่อนหน้านั้นไม่นาน หากข้าไม่ยอมสูญเสียอาวุธที่เป็นท่าไม้ตายชิ้นหนึ่งล่ะก็ เกรงว่าคนที่ตายในตอนนั้นคงจะเป็นข้าแล้ว” หวงอิ๋งได้ยินก็มองดูหลิ่วหมิงทีหนึ่ง และควักป้ายอาญาสิทธิ์สีเทาออกมาจากตัว


“ง่ายมาก ผู้ที่พกป้ายอาญาสิทธิ์เหล่านี้ติดตัว ล้วนเป็นศิษย์ที่เข้าร่วมทดสอบ เพียงแค่อยู่ห่างกันภายระยะที่จำกัด ย่อมสามารถหาฝ่ายตรงข้ามได้” ผู้อาวุโสขุยมู่ถอนหายใจแล้วก็หยิบป้ายอาญาสิทธิ์สีเทาออกมาหนึ่งอัน


“น่าสนใจดี ตอนนี้สหายขุยบอกหน่อยสิว่าป้ายปีศาจสวรรค์กับผู้ฝึกฝนปีศาจระดับแก่นแท้เหล่านี้ มีที่มาอย่างไรกันแน่ เหตุใดปีศาจสายฟ้าถึงส่งพวกเขาเข้าแดนลึกลับ รวมถึงวิธีการออกไปจากที่นี่ด้วย” หลิ่วหมิงยิ้มบางๆ ก่อนถามออกมา


“พี่หลิ่วไม่ต้องร้อนใจไป ฟังข้าอธิบายอย่างละเอียดไปพลางๆ ก่อน ท่านทั้งสองไม่รู้เรื่องการทดสอบปีศาจสวรรค์ แต่ข้าเกิดในหุบเขาปีศาจสวรรค์ ย่อมต้องรู้อยู่บ้าง” ขุยมู่กล่าวอย่างไม่รีบร้อน


“หุบเขาปีศาจสวรรค์ เป็นถึงกลุ่มอิทธิพลใหญ่อันดับหนึ่งของเผ่าปีศาจในแผ่นดินจงเทียน ไหนเลยจะไม่มีใครรู้ จะว่าไปมันก็แปลก พี่ขุยเป็นคนหุบเขาปีศาจสวรรค์ เหตุใดถึงมาดินแดนป่าเถื่อนแห่งนี้เพียงลำพัง?” หวงอิ๋งกรอกลูกตาไปมา และถามด้วยความสงสัย


สายตาหลิ่วหมิงเปล่งประกายสองสามที แม้จะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ก็แสดงท่าทีอยากฟังเช่นกัน


“จะว่าไปแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องเมื่อหลายปีก่อน ปีนั้นหุบเขาเรา สืบข่าวคราวมาได้จำนวนหนึ่ง ข่าวนี้บอกว่าในดินแดนทางตอนใต้นี้ มีคนต้องการจะสืบสานปีศาจสวรรค์ที่เป็นของหุบเขาปีศาจสวรรค์เรามาโดยตลอด ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงรับคำสั่งให้มาตรวจสอบเหตุการณ์ในสถานที่แห่งนี้ น่าเสียดาย! ขณะที่ข้าสืบพบเบาะแสบางอย่าง และรู้ว่านี่เป็นเรื่องที่เกิดจากความร่วมมือของปีศาจสายฟ้ากับปีศาจเหล็กนั้น มันก็สายไปเสียแล้ว พวกเขาทั้งสองไม่เพียงแต่รวบรวมโลหิตเผ่าปีศาจมาเป็นตัวล่อจำนวนมาก ทั้งยังไม่รู้ว่าได้หยดโลหิตปีศาจสวรรค์ที่ตกทอดมาแต่บรรพกาลมาจากไหน” ขุยมู่หยุดไปครู่หนึ่ง และกล่าวด้วยท่าทีลังเลเล็กน้อย


“โลหิตปีศาจสวรรค์ นี่คือสิ่งใดกัน?” หลิ่วหมิงถามด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที


“ในใต้หล้านี้ มีเผ่าปีศาจนับหมื่นนับพันชนิด และพูดได้ว่าโลหิตปีศาจสวรรค์เป็นโลหิตดั้งเดิมที่เกิดจากการรวมตัวกันของพลังสายเลือดปีศาจนับหมื่น พอได้โลหิตนี้มาก็อาจจะสำเร็จปีศาจสวรรค์ได้ แต่ต้องทนรับพลังล้างไขกระดูกหมื่นปีศาจ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสามารถทำได้ หลังจากข้าสืบข่าวเรื่องนี้แล้ว ก็ค้นพบว่าเหตุการณ์มันไม่ชอบมาพากล จึงคิดจะไปจากดินแดนทางตอนใต้ แต่กลับถูกปีศาจสายฟ้าที่จับตาดูตั้งแต่แรกแล้ว จับตัวมาทิ้งไว้ในแดนลึกลับแห่งนี้ หากข้าคาดเดาไม่ผิดล่ะก็ ในเมื่อปีศาจสายฟ้าและคนอื่นๆ ส่งศิษย์นำป้ายอาญาสิทธิ์เข้ามาในแดนลึกลับ ก็แสดงว่าการทดสอบปีศาจสวรรค์เพื่อแย่งชิงโลหิตปีศาจสวรรค์ได้เริ่มขึ้นแล้ว” ขุยมู่ถอนหายใจเบาๆ หนึ่งทีก่อนกล่าวออกมา


“หากเป็นเช่นนี้ล่ะก็ ท่านและพวกเราต่างก็เป็นแค่นักโทษที่ถูกขังอยู่ในนี้เท่านั้น การไปจากที่นี่ตามที่ท่านได้กล่าวไว้ในก่อนหน้า คงไม่ได้หลอกพวกเราหรอกนะ” หวงอิ๋งฟังจบกลับสูดหายใจเข้าด้วยความรู้สึกเย็นสะท้าน แต่พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงถามด้วยความสงสัย


“ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ ความจริงแล้ว วิธีการไปจากที่นี่มันง่ายมาก ก็คือรวบรวมป้ายอาญาสิทธิ์บนตัวของศิษย์ที่มารับคัดเลือกปีศาจสวรรค์ จากนั้นก็นำมารวมเข้าด้วยกัน ถึงจะเปิดชั้นจำกัดตรงทางออกของใจกลางแดนลึกลับได้” ขุยมู่อธิบายออกมา


“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าทางออกของแดนลึกลับจะต้องอยู่ที่นั่น” หวงอิ๋งยังคงรู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง


“เพราะว่าปีศาจสายฟ้าและคนอื่นๆ ขโมยข้อมูลสืบสานปีศาจสวรรค์บรรพกาลจากหุบเขาของเรา ทางออกแดนลึกลับจะต้องติดตั้งอยู่ในชั้นจำกัดตรงใจกลางแดนลึกลับอย่างไม่ต้องสงสัย มิเช่นนั้นพอเกิดการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ก็อาจจะกระทบต่อพิธีสืบสานทั้งหมดได้ พวกปีศาจสายฟ้าจะต้องไม่กล้าเสี่ยงอย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสขุยมู่กล่าวโดยไม่ต้องคิด


หวงอิงเพิ่งจะมีสีหน้าเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย หลิ่วหมิงกลับเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามด้วยแววตาเยือกเย็น


“หากที่สหายพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ศิษย์ที่เข้าร่วมคัดเลือกปีศาจสวรรค์เหล่านี้ต่างก็จะสังหารกันเองเพื่อรวบรวมป้ายอาญาสิทธิ์ สุดท้ายก็จะมีแค่คนเดียวที่สามารถไปถึงชั้นจำกัดตรงใจกลางแดนลึกลับได้ ถ้าอย่างนั้นทางออกนี้ ก็อาจจะให้ออกไปได้แค่คนเดียว ขณะเดียวกันด้านนอกก็อาจจะมีปีศาจสายฟ้าเฝ้ารออยู่ หากข้าดาดเดาไม่ผิดล่ะก็ หลังจากรวบรวมป้ายอาญาสิทธิ์เปิดชั้นจำกัดออกมาแล้ว ก็คงจะได้โลหิตปีศาจขวดนั้นด้วยใช่หรือไม่”


หวงอิ๋งได้ยินก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง


ผู้อาวุโสขุยมู่กลับเผยสีหน้าลังเลเล็กน้อย แต่ก็กัดฟันตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน


“พี่หลิ่วไม่รู้อะไร ในมือข้ามียันต์เคลื่อนย้ายระยะไกลที่พบเจอได้น้อยอยู่ผืนหนึ่ง เพียงแค่ทางออกตรงใจกลางแดนลึกลับเปิดออกมา ข้าสามารถอาศัยความเร็วที่เร็วที่สุดในการใช้ยันต์ผืนนี้เคลื่อนย้ายพวกเราทั้งสามไปยังสถานที่อีกแห่งในโลกภายนอกพร้อมกันได้ ซึ่งมันจะอยู่ห่างจากพวกปีศาจสายฟ้าโดยสิ้นเชิง”


ขณะที่พูด ขุยมู่ก็หยิบยันต์สีทองอร่ามออกมาจากแขนเสื้อ


ตอนที่ 692 ร่วมมือ

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลิ่วหมิงมองดูยันต์สีทองในมือขุยมู่ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมาในทันที


หวงอิ๋งที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนี้ กลับเผยสีหน้าดีใจออกมา


“ยันต์เคลื่อนย้ายระยะไกล ข้าเคยได้ยินยันต์ในตำนานชนิดนี้มาก่อน คิดไม่ถึงว่ายันต์ลึกลับที่ล้ำค่าเช่นนี้ พี่ขุยยังสามารถหามาได้ เช่นนี้ล่ะก็พวกเราก็มีความมั่นใจในการหนีไปจากที่นี่มากขึ้นแล้ว”


“ยันต์ลึกลับนี้ แม้แต่หุบเขาเราก็มีแค่ไม่กี่ผืน ดังนั้นมีเรื่องหนึ่งที่ข้าต้องพูดกับทั้งสองให้ชัดเจน สหายทั้งสองต่างก็ไม่ใช่คนเผ่าปีศาจเรา ต่อให้จะได้โลหิตปีศาจสวรรค์มา ก็ไม่ค่อยมีประโยชน์มากนัก หากว่ารวบรวมป้ายอาญาสิทธิ์ทั้งหมดมาได้จริงๆ และเปิดชั้นจำกัดแล้ว ไม่สู้มอบมันให้ข้าดีหรือไม่ พอถึงเวลานั้นข้าไม่เพียงแต่จะใช้ยันต์ลึกลับส่งพวกเราไปจากที่นี่ รอออกไปแล้วจะมอบหินจิตวิญญาณให้คนละหลายสิบล้าน และยังมีสมบัติล้ำค่าให้แลกเปลี่ยนหลายชิ้น” ผู้อาวุโสขุยมู่หยุดไปพักหนึ่งแล้วค่อยๆ กล่าวออกมา


หวงอิ๋งได้ยินเช่นนี้ก็เผยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย แต่หลังจากมองดูหลิ่วหมิงแล้วกลับไม่พูดอะไรออกมา


หลิ่วหมิงได้ยินก็ลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็ตกปากรับคำไป


เพราะโลหิตปีศาจสวรรค์เป็นสิ่งที่หุบเขาปีศาจสวรรค์จะต้องได้มาให้ได้ อาจจะมีประโยชน์เฉพาะเผ่าปีศาจก็เป็นไปได้


เผ่ามนุษย์อย่างเขาไม่ได้รู้สึกสนใจมากนัก


อีกอย่างสำหรับเขาแล้ว การหาวิธีการไปจากพื้นที่ที่ไม่มีทางรอดแห่งนี้ ถึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด


หวงอิ๋งเห็นหลิ่วหมิงตอบรับแล้ว นางก็อ้าปากค้างอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ได้แต่พยักหน้าอย่างไม่มีทางเลี่ยง


“ในเมื่อทั้งสองต่างก็เห็นด้วยแล้ว เรื่องนี้ไม่อาจชักช้าได้ พวกเราออกเดินทางไปหาสถานที่อำพรางอีกแห่งก่อน ให้ข้าได้รักษาอาการบาดเจ็บจนหายดี แล้วค่อยไปตามหาศิษย์ทดสอบปีศาจสวรรค์เหล่านั้น เพราะการต่อสู้ในก่อนหน้า ก่อให้เกิดคลื่นพลังจิตวิญญาณในบริเวณนี้ไม่น้อย เกรงว่าอีกไม่นานคงมีคนอื่นๆ มาอีก” ขุยมู่เห็นเช่นนี้ก็เสนอแนะด้วยความดีใจ


หลิ่วหมิงตอบตกลงในทันที พอกระตุ้นเคล็ดวิชา เมฆดำก็ก่อตัวตรงใต้เท้าและพาเขาทะยานขึ้นฟ้า


หวงอิ๋งมองดูขุยมู่ทีหนึ่ง จากนั้นก็กระทืบเท้า และกลายเป็นแสงสีเหลืองแวววาวพุ่งตามหลิ่วหมิงไป


ขุยมู่ถอนหายใจยาวๆ ออกมาทีหนึ่ง จากนั้นก็กลายเป็นแสงสีเขียวพุ่งขึ้นฟ้า


……


บนพื้นราบโล่งกว้างขวางแห่งหนึ่งในแดนลึกลับ แสงหลบหลีกสีดำลำหนึ่งกำลังพุ่งหลบหนีไปทางทิศตะวันตกอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ


ห่างจากด้านหลังไปร้อยกว่าจั้ง ผู้ฝึกฝนปีศาจหัวอสรพิษร่างมนุษย์ที่อยู่ท่ามกลางไอหมอกสีม่วง กำลังไล่ตามมาอย่างไม่รีบร้อน


“คิดไม่ถึงว่าในแดนลึกลับจะยังมีผู้ฝึกฝนระดับผลึกอยู่ด้วย ยังดีที่พบเจอแค่คนเดียว ไม่อย่างนั้นอาศัยเพียงพลังวิญญาณของผู้ฝึกฝนระดับผลึกในการเพิ่มระดับการฝึกฝน มันคงช้าเกินไป” ผู้ฝึกฝนปีศาจหัวอสรพิษพูดพึมพำออกมา ทันใดนั้น เขาก็เพิ่มความเร็วขึ้น พริบตาเดียวกลุ่มหมอกสีม่วงก็กลายเป็นแสงสีม่วงม้วนตัวไปปรากฏอยู่ตรงหน้าแสงหลบหลีกสีดำ


“เจ้า…”


แสงหลบหลีกสีดำหยุดชะงักในทันที เผยให้เห็นมนุษย์ผู้ฝึกฝนระดับแก่นเสมือนที่ทั้งเตี้ยและผอม แต่ขณะนี้จะเห็นว่ามีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากของเขา และมองดูเผ่าปีศาจผู้นี้ด้วยสีหน้าซีดขาว


“อาหารเรียกน้ำย่อยควรจะสิ้นสุดได้แล้ว” ผู้ฝึกฝนปีศาจหัวงูแลบลิ้นเลียริมฝีปาก


ผู้ฝึกฝนได้ยินเช่นนี้ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก พอกัดฟัน ยันต์สีเงินแวววาวก็ถูกนำออกมาขยี้จนแตกกระจาย แรงกดดันระดับแก่นแท้พุ่งออกมาทันที ลูกธนูสีเงินลูกหนึ่งก่อตัวขึ้นมา และพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มหัวอสรพิษ


นี่คือยันต์ป้องกันตัวที่ผู้อาวุโสในนิกายมอบให้เขา อานุภาพของมันเทียบเท่ากับการโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของระดับแก่นแท้ขั้นต้น


“ตู๊ม!”


หมอกควันของผู้ฝึกฝนปีศาจหัวอสรพิษพวยพุ่งออกมารอบๆ อย่างหนาแน่น


ผู้ฝึกฝนร่างผอมเตี้ยรีบควักยันต์สีดำออกมา จากนั้นก็กลายเป็นแสงหลบหลีกพุ่งไปยังทิศทางตรงกันข้าม


ผ่านไปแค่ชั่วครู่ หมอกควันอันพวยพุ่งก็สลายไป หัวอสรพิษกลับปรากฏออกมาโดยที่ไม่เป็นอะไรเลย


หลังจากเขาทำเสียงฮึดฮัดแล้ว ก็ทำท่ามือทันที จากนั้นก็กลายเป็นไอหมอกสีม่วงพวยพุ่งไปทางผู้ฝึกฝนร่างผอมเตี้ยอีกครั้ง


ผ่านไปราวๆ ครึ่งถ้วยชา เกิดเสียงร้องอย่างน่าเวทนาดังออกมาจากขอบฟ้าที่อยู่ไกลๆ มันดังอยู่พักหนึ่ง ก็หยุดชะงักลงและไม่มีสุ้มเสียงใดๆ ดังเข้ามาอีก


……


อีกด้านหนึ่งของแดนลึกลับ ภายในถ้ำที่ค่อนข้างกว้างขวางแห่งหนึ่ง


ภายในถ้ำมืดไปทั้งแถบ ชายสวมชุดเผ่าหมานผู้หนึ่งกำลังก้าวเดินอย่างระมัดระวัง


“เมื่อครู่โชคดีที่ไหวตัวเร็ว ถึงหลบการไล่ล่าจากปีศาจพยัคฆ์ตัวนั้นได้ ไม่สู้พักอยู่ที่นี่สักระยะแล้วค่อยหาวิธีไปต่อ”


ในที่สุดชายผู้นี้ก็หยุดฝีเท้าลง และพูดพึมพำออกมา


พอเขาสะบัดแขนเสื้อ ก็หยิบแผ่นค่ายกลส่งเสียงออกมา และเอามือวาดบนนั้นหนึ่งรอบ


“ที่แท้สถานที่แห่งนี้ไม่สามารถส่งสารออกไปได้ หากไม่สามารถติดต่อคนอื่นได้ เกรงว่าการรับมือกับผู้ฝึกฝนปีศาจเหล่านั้น คงจะมีโอกาสชนะอย่างริบหรี่แล้ว” ชายผู้นี้ถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิลงบนก้อนหินใหญ่


แต่ทว่าผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม พลันมีเสียงคำรามทุ้มต่ำดังสะท้อนภายในถ้ำ


“รีบออกมารับความตายซะ ไอ้ตุ่นเผ่าหมาน”


ชายเผ่าหมานได้ยินเช่นนี้ ก็ยังฟื้นฟูพลังเวทต่อโดยที่ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย


แต่ว่าไม่นาน ภายในถ้ำก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง


จากนั้นเกิดเสียง “ตู๊ม!” ดังเข้ามา ผนังหินภายในถ้ำเริ่มพังทลายลง ก้อนหินขนาดใหญ่พากันร่วงลงมา


ชายเผ่าหมานมีสีหน้าอึมครึมทันที หลังจากกระตุ้นพลังแล้ว ก็พุ่งหลบหนีไปทางปากถ้ำทันที ขณะเดียวกัน ไม่รู้ว่ามียันต์สีม่วงจางๆ ปรากฏอยู่ในเมือตั้งแต่เมื่อไหร่


หากเขาไม่ออกไป เกรงว่าคงจะถูกขังตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้


พอเขาออกจากปากถ้ำ กลับค้นพบว่ารอบด้านยังคงมืดไปทั้งแถบ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันได้ขยี้ยันต์ในมือ แรงกดดันจิตวิญญาณอันมหาศาลก็อัดเข้ามาจากทั่วทิศ ทำให้ร่างของเขาหยุดชะงักลง


หัวขนาดใหญ่ราวกับหอปรากฏออกมาท่ามกลางไอดำ และอ้าปากงับไปทางชายผู้นี้


……


ครึ่งวันต่อมา หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ ก็ร่อนลงจากอากาศมาอยู่ใต้หน้าผารูปน้ำเต้า


หน้าผาทั้งแถบถูกต้นไม้สูงใหญ่ปิดบังไว้จนมิด


“สถานที่แห่งนี้นับว่าไม่เลว สหายขุยมู่รักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่นี่เถิด พวกข้าเองก็จะนั่งเข้าฌานด้วย” หลิ่วหมิงบยืนอยู่ด้านล่างของหน้าผา หลังจากกวาดจิตดูบริเวณนั้น และไม่ค้นพบว่ามีอะไรผิดปกติแล้ว เขาก็กล่าวออกมา


หวงอิ๋งพยักหน้าโดยที่ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด


“ข้าพกอาวุธวางค่ายกลมาจำนวนหนึ่ง สามารถปิดบังคลื่นพลังเวทได้ จะได้นำออกมาใช้พอดี” ผู้อาวุโสขุยมู่ก็ค่อนข้างพอใจกับสถานที่แห่งนี้มาก เขากล่าวด้วยสีหน้าสบายใจ


สามารถฟื้นฟูพลังเวทได้เร็วที่สุด ย่อมเป็นเรื่องที่เขาต้องการเป็นอย่างยิ่ง


“ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนสหายขุยมู่แล้ว” หลิ่วหมิงพยักหน้าในทันที


แม้ว่าบนตัวเขาจะพกอาวุธประเภทนี้อยู่ แต่ในเมื่อผู้อาวุโสขุยมู่ก็มีเหมือนกัน ด้วยการฝึกฝนระดับแก่นแท้อย่างเขา ย่อมมีคุณภาพที่ดีกว่ามาก


อีกอย่างด้วยความร่วมมือของทั้งสามในขณะนี้ เขาก็ไม่ต้องกลัวว่าผู้อาวุโสขุยมู่จะลงไม้ลงมือแต่อย่างใด


พอผู้อาวุโสขุยมู่เห็นว่าหลิ่วหมิงไม่มีข้อคัดค้านใดๆ เขาก็เอามือลูบไปบนเอวทันที จากนั้นแผ่นค่ายกล และธงค่ายกลสีเขียวจางๆ ก็ปรากฏอยู่ในมือปึกหนึ่ง


เขายกมืออีกข้างขึ้นอีกครั้ง แสงสีเขียวเจ็ดแปดลำพุ่งออกไปทั่วทิศ จากนั้นก็กะพริบหายไปในพื้นบริเวณรอบๆ อย่างไร้ร่องรอย


เสียงร่ายคาถาดังออกมาจากปาก นิ้วมือปล่อยพลังออกไปติดต่อกัน


“โครมคราม!” เกิดเสียงดังขึ้นจากใต้ดิน!


ตามด้วยลำแสงสีเขียวเจ็ดแปดลำพุ่งออกมาจากจุดที่ธงค่ายกลหายไป จากนั้นม่านแสงกลมๆ สีเขียวจางๆ ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางหลายสิบจั้งก็ปรากฏออกมา


มีอักขระแปลกประหลาดขนาดเล็กจำนวนมากไหลวนอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็หายไปพร้อมกับม่านแสงสีเขียวจางๆ


พอขุยมู่ทำทุกอย่างนี้เสร็จ สีหน้าก็ซีดขาวกว่าเดิมเล็กน้อย หลังจากประสานมือคารวะหลิ่วหมิงแล้ว ก็เดินเข้าไปนั่งขัดสมาธิบนหินก้อนหนึ่งในบริเวณนั้นก่อน จากนั้นม่านแสงสีเขียวก็ปกคลุมร่างของเขา


ประจักษ์ชัดว่าขุยมู่วางค่ายกลอีกชั้นไว้รอบๆ ตัว


หลังจากหลิ่วหมิงกวาดสายตามองดูแล้ว ก็เดินเข้าไปหาสถานที่สะอาดๆ แล้วนั่งลงไปอย่างไม่สะทกสะท้าน


หวงอิ๋งเห็นเช่นนี้ก็เดินไปนั่งเข้าฌานอยู่ห่างจากหลิ่วหมิงไม่ไกล


แม้ว่าทั้งสามจะตกลงร่วมมือกันชั่วคราว แต่ดูจากตำแหน่งการนั่งแล้ว ยังคงตรึงกำลังกันอยู่


ขณะนี้ไอสีเขียวพุ่งออกจากร่างของผู้อาวุโสขุยมู่ ขณะเดียวกันใบหน้าก็เผยความเจ็บปวดออกมาเล็กน้อย


……


เวลาสามวันผ่านไปในพริบตา


ช่วงตอนกลางวัน ผู้อาวุโสขุยมู่ที่นั่งขัดสมาธิอยู่มีควันสีเขียวลอยวนขึ้นเหนือศีรษะราวกับว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิต ประจักษ์ชัดว่าการรักษาอาการบาดเจ็บเข้าสู่ช่วงสำคัญแล้ว


ขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงที่นั่งหลับตาขัดสมาธิอยู่ไม่ไกล พลันลืมตาแล้วลุกขึ้นมาทันที


“พี่หลิ่วเกิดอะไรขึ้น?” หวงอิ๋งได้ยินเสียงก็รีบลุกขึ้นมาด้วยความตกใจ


หลิ่วหมิงเขม้นตามองนอกถ้ำโดยไม่พูดอะไรออกมา


แต่ทว่าไม่นานก็มีเสียงแผดร้องดังก้องเข้ามาจากที่ไกลๆ อย่างชัดเจน ดูจากน้ำเสียงเห็นได้ชัดว่าพุ่งตรงมาทางถ้ำที่พวกเขาอยู่


หวงอิ๋งก็พอจะคาดเดาอะไรได้ลางๆ สีหน้าของนางจึงเปลี่ยนไปทันที


ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ก็มีเสียงดัง “ตู๊ม!” ม่านแสงสีเขียวจางๆ เปล่งประกายออกมา แต่พอแสงสีฟ้าเปล่งประกาย มันก็ถูกอะไรบางอย่างโจมตีจนพังทลาย


ขณะที่หลิ่วหมิงหรี่ตามองไปด้านหน้านั้น เงาร่างสูงชะลูดสีฟ้าก็ปรากฏออกมา


คนผู้นี้สวมชุดคลุมยาวสีม่วงเหมือนกับผู้ฝึกฝนปีศาจหน้ายาวที่หลิ่วหมิงสังหารในก่อนหน้านั้นไม่มีผิด ภายใต้ผมสีฟ้า ดวงตาแหลมยาวคู่หนึ่งกำลังกวาดมาทางหลิ่วหมิงทั้งสาม


“ทำไมถึงมีตั้งสามคน?” เงาร่างชายผมฟ้าเห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย


หลิ่วหมิงได้ยินก็ยกแขนทั้งสองโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง นิ้วทั้งสิบดีดออกไปติดต่อกัน


“ฟิ้วๆ!” ปราณกระบี่สีทองสิบสายม้วนตัวออกไปปกคลุมเงาร่างสีฟ้าไว้


หวงอิ๋งที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนี้ แสงสีเขียวก็เปล่งประกายบนมือทันที ขลุ่ยหยกสีเขียวปรากฏออกมาหนึ่งเลา หลังจากสะบัดเล็กน้อย ก็เสียงเสียงดังกังวานอยู่พักหนึ่ง ขณะเดียวกันแสงสว่างก็พุ่งขึ้นฟ้า ภายใต้การขานรับกันกับเสียงที่ดังก้องกังวาน มันก็ก่อตัวเป็นอสรพิษยักษ์สีเขียวหยกที่ยาวสิบกว่าจั้ง และพุ่งเข้าใส่เงาร่างสีฟ้าในทันที


ผู้อาวุโสขุยมู่ที่เดิมทีนั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่ ก็พลันลืมตาทั้งคู่ขึ้นมา เพียงแค่โบกแขนทั้งสองหนึ่งที เปลวไฟปีศาจสีเขียวก็พวยพุ่งออกไป…


ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าวผ่านไป ก็มีศพสภาพไม่สมบูรณ์ที่ไหม้เกรียมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ปรากฏอยู่บนพื้น


หลังจากผู้อาวุโสขุยมู่ค้นไปหนึ่งรอบแล้ว ก็ได้ป้ายอาญาสิทธิ์สีเทาอันที่ห้ามา


ตอนที่ 693 วิชาพฤกษาแห้งพบหยาดพิรุณ

โดย

Ink Stone_Fantasy

แม้ว่าผู้ฝึกฝนปีศาจผมสีฟ้าจะมีพลังไม่อ่อนแอเลย แต่ภายใต้สถานการณ์ที่หลิ่วหมิงทั้งสามรวมตัวกัน กลับถูกสังหารไปอย่างง่ายดาย แม้กระทั่งร่างของมันยังถูกผู้อาวุโสขุยมู่ใช้ไฟศาจเผาจนไหม้เกรียม


หลิ่วหมิงที่อยู่ไม่ไกล กลับใช้มือข้างหนึ่งประคองลูกแสงสีเขียวจางๆ ที่มีไอดำลอยวนอยู่ ในนั้นมีเงาร่างสีฟ้าที่ดูคล้ายกับตะขาบอยู่ในนั้น มันกำลังดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่กลับไม่สามารถพุ่งออกจากหมอกดำได้


มันคือวิญญาณของผู้ฝึกฝนปีศาจผมฟ้านั่นเอง พริบตาที่มันหลบหนีออกจากกายเนื้อที่ถูกทั้งสามสังหาร ก็ถูกหลิ่วหมิงใช้เคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬจับตัวไว้ได้


“บอกมาเถอะ! เจ้าหาพวกข้าเจอได้อย่างไร รีบพูดมาตามตรง ข้าจะให้วิญญาณของเจ้าได้มีโอกาสไปเกิดใหม่ มิเช่นนั้นพวกข้าจะใช้วิธีค้นวิญญาณอย่างไม่ลังเล และทำให้วิญญาณของเจ้าแตกสลายเป็นเถ้าธุลี” หลิ่วหมิงจ้องมองวิญญาณปีศาจในมือแล้วถามอย่างไม่สะทกสะท้าน


“อย่าดีใจเร็วไปหน่อยเลย…สุดท้ายแล้วพวกเจ้าก็เป็นแค่เหยื่อล่าของพวกเราเท่านั้น…พวกเจ้าหนีออกไปไม่ได้หรอก…ฮ่าๆ…” วิญญาณปีศาจผมสีฟ้าพยายามดิ้นรนไปมา ทันใดนั้น มันก็ตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง


“สหายขุยมู่ ข้าไม่เชี่ยวชาญวิชาค้นวิญญาณ เรื่องนี้มอบให้ท่านดีหรือไม่?” หลิ่วหมิงได้ยินก็เลิกคิ้วขึ้น ทันใดนั้นนิ้วทั้งห้าก็ออกแรงบีบจนวิญญาณปีศาจในมือร้องออกมาอย่างน่าเวทนา จากนั้นก็หันไปกล่าวกับผู้อาวุโสขุยมู่ที่อยู่ไม่ไกล


จะว่าไปแล้ว ต่อให้กายเนื้อและพลังของเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ในความเป็นจริงแล้วก็มีการฝึกฝนแค่ระดับผลึกขึ้นกลางเท่านั้น และผู้ฝึกฝนปีศาจคนนี้กลับเป็นระดับแก่นแท้อย่างแท้จริง ดังนั้นเรื่องค้นวิญญาณยังต้องให้คนอื่นมาแสดง ถึงจะเหมาะสมกว่า


“ไม่มีปัญหา ข้าน้อยเชี่ยวชาญวิชาค้นวิญญาณอยู่บ้าง พี่หลิ่วมอบให้ข้าก็พอ” ผู้อาวุโสขุยมู่มองวิญญาณปีศาจในมือหลิ่วหมิงทีหนึ่ง ทันใดนั้นก็หัวเราะก่อนกล่าวออกมา และถือโอกาสเก็บป้ายอาญาสิทธิ์ในมือเข้าไป


วิชาค้นวิญญาณไม่ใช่วิชาล้ำลึกอะไรมากนัก เพียงแต่ก่อนหน้านั้นผู้อาวุโสขุยมู่อาสาวางค่ายกลปิดกั้นจิตรับรู้ด้วยตนเอง แต่ผ่านไปไม่นานก็ถูกคนอื่นค้นพบร่องรอยจนได้ สิ่งนี้ทำให้เขาค่อนข้างรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้พอได้ยินคำพูดของหลิ่วหมิง ก็รีบตกปากรับคำทันที


หลิ่วหมิงได้ยินย่อมพยักหน้าด้วยความพอใจ


ผู้อาวุโสขุยมู่หายวับมาปรากฏตัวด้านข้างหลิ่วหมิง และรับวิญาณปีศาจมาไว้ในมือ จากนั้นไอหมอกสีเขียวก็พวยพุ่งออกมาเต็มตัว แสงสีเขียวเปล่งประกายระหว่างนิ้วทั้งห้าอย่างบ้าคลั่ง ขณะเดียวกันก็มีเสียงร่ายคาถาดังเป็นช่วงๆ


“เจ้า…เจ้าจะทำอะไร หยุดเดี๋ยวนี้นะ อ๊ากกก…”


วิญญาณปีศาจบิดตัวไปมาในมือของผู้อาวุโสขุยมู่ และส่งเสียงคำรามอยู่ไม่หยุด ดูเหมือนว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นอย่างมาก”


แต่ผู้อาวุโสขุยมู่ก็ทำราวกับไม่ได้ยิน เอาแต่กระตุ้นวิชาค้นวิญญาณของตัวเองเท่านั้น


หลังจากวิญญาณปีศาจส่งเสียงร้องอย่าน่าเวทนา มันก็หดตัวลงเป็นก้อนและกระตุกอยู่ไม่หยุด


ผ่านไปไม่นานก็มีเสียงดัง “ปัง!” วิญญาณปีศาจแตกสลายคามือขุยมู่จนกลายเป็นเป็นจุดสีฟ้า และหายไปจากโลกนี้โดยสมบูรณ์


และผู้อาวุโสขุยมู่กลับเคลื่อนไหวมาปรากฏตัวด้านข้างศพในก่อนหน้านั้นด้วยสีหน้าอึมครึม ขณะเดียวกัน พอโบกมือข้างหนึ่ง กำไลเก็บของก็พุ่งออกจากเอวหนึ่งวง และถูกเขาคว้าเอาไว้ในมือ พอกระตุกหนึ่งที ก็มีสิ่งของร่วงออกมาจำนวนมาก


มีโอสถ อาวุธจิตวิญญาณ หินแร่ สมุนไพรจิตวิญญาณเป็นต้น แต่สายตาของผู้อาวุโสขุยมู่กลับตกอยู่บนอาวุธจิตวิญญาณขนาดเท่าฝ่ามือที่มีรูปร่างคล้ายแผ่นคล้ายกล


“ท่านทั้งสอง ดูท่าพวกเราจะมีปัญหาแล้ว” พอผู้อาวุโสขุยมู่เห็นแผ่นค่ายกลนี้ กลับเงยหน้ากล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น


“สหายขุยมู่ คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร?” ดวงตาหลิ่วหมิงเป็นประกายสองสามที แต่กลับถามด้วยสีหน้าปกติ จากนั้นก็โบกมือไปทางแผ่นค่ายกลที่ถูกผู้อาวุโสขุยมู่จ้องมองในก่อนหน้านั้น “ฟิ้ว!” แผ่นค่ายกลพุ่งเข้ามา และร่วงลงบนมือเขาอย่างมั่นคง


“เมื่อครู่ที่เขาหาที่นี่พบ ข้าก็เกิดคำถามในใจแล้ว สถานที่ที่พวกเราซ่อนตัวเร้นลับเช่นนี้ ทั้งยังวางค่ายกลซ่อนกลิ่นไอที่เป็นค่ายกลเฉพาะของหุบเขาปีศาจสวรรค์เราไว้ ตามหลักแล้วระดับดาราพยากรณ์ลงมา จะไม่สามารถค้นพบร่องรอยของพวกเราได้ ต่อให้จะมีพลังสะท้อนของป้ายอาญาสิทธิ์ ก็ไม่ควรจะพบเจอได้ง่ายขนาดนี้” ผู้อาวุโสขุยมู่มองดูแผ่นค่ายกลในมือหลิ่วหมิงแล้วค่อยๆ กล่าวออกมา


“อ๋อ! หรือว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับแผ่นค่ายกลนี้?” หวงอิ๋งได้ยินก็มองดูแผ่นค่ายกลในมือหลิ่วหมิงทีหนึ่งแล้วถามออกมาอย่างอดไม่ได้


“ดูท่าคงจะไม่ผิด แผ่นค่ายกลที่คล้ายกันนี้ ข้าก็ค้นพบบนตัวผู้ฝึกฝนปีศาจอีกสองคนที่ข้าสังหารเช่นกัน” หลิ่วหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พอพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง แผ่นค่ายกลที่มีลักษณะเหมือนกันไม่มีผิดก็ปรากฏออกมา


“ที่ท่านทั้งสองคาดเดานั้นไม่ผิด จากข้อมูลที่ข้าค้นวิญญาณในเมื่อครู่ ผู้ฝึกฝนปีศาจที่เข้ามาในแดนลึกลับแห่งนี้  ล้วนเป็นศิษย์ของปีศาจสายฟ้ากับปีศาจเหล็ก ดูเหมือนว่าจะมีทั้งหมดสิบกว่าคน แต่ละคนต่างก็มีแผ่นค่ายกลนี้ และบนตัวของพวกเราที่ถูกนำมาทิ้งไว้ในแดนลึกลับ ต่างก็ถูกเขาแอบทำสัญลักษณ์บางอย่างไว้ ศิษย์ที่ทดสอบปีศาจสวรรค์เหล่านี้ ไม่เพียงแต่จะมีการโต้ตอบกันผ่านป้ายอาญาสิทธิ์ ทั้งยังฝสามารถใช้แผ่นค่ายกลเหล่านี้ค้นหาที่ซ่อนตัวของพวกเราได้ ดังนั้นไม่ว่าพวกเราจะหลบซ่อนอย่างไร วางค่ายกลปิดกั้นจิตรับรู้ไว้ระดับไหน ก็ไม่อาจหลบพ้นศิษย์ที่สมัครรับคัดเลือกเหล่านี้ไปได้” ผู้อาวุโสขุยมู่ถอนหายใจเบาๆ แล้วกล่าวออกมา


“พูดเช่นนี้ก็สมเหตุสมผลมาก หรือว่าพวกเราจะกลายเป็นเหยื่อล่าของคนเหล่านี้?” หวงอิ๋งได้ยินก็มีสีหน้าดูไม่ได้ในฉับพลัน


ทั้งสามเงียบไปในทันที ประจักษ์ชัดว่าสถานการณ์ในตอนนี้ ไม่เป็นผลดีต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก เกรงว่าแผนการที่เดิมทีจะให้ผู้อาวุโสขุยมู่ฟื้นฟูพลังก่อน คงจะต้องคว้าน้ำเหลวแล้ว


มีแผ่นค่ายกลเหล่านี้คอยบ่งชี้ เกรงว่าคงจะมีศิษย์ทดสอบปีศาจสวรรค์ตามหาที่นี่มากขึ้น


“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราไม่ลองใช้แผนซ้อนแผน รอให้พวกเขามาที่นี่แล้วค่อยๆ สังหารทีละคนเถอะ! เพียงแต่ไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บของสหายขุยมู่เป็นอย่างไรบ้าง?” หลิ่วหมิงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามขึ้นมาทำลายความเงียบ


“ไม่เป็นไร ข้ามีวิธีทำให้ฟื้นฟูโดยไวที่สุด ต้องขอให้สหายทั้งสองคุ้มครองสักครู่ ให้เวลาข้าอีกเล็กน้อย” ผู้อาวุโสขุยมู่ฟังคำพูดหลิ่วหมิงจบ ก็กล่าวด้วยแววตาเฉียบขาด


“ไม่มีปัญหา หากสหายมีวิธีฟื้นฟูโดยเร็ว ย่อมเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างยิ่ง” หลิ่วหมิงพยักหน้ากล่าวอย่างไม่ลังเล


จากนั้นผู้อาวุโสขุยมู่ก็พลิกฝ่ามือหยิบโอสถสีเขียวมรกตออกมา หลังจากอ้าปากกลืนลงไปแล้ว ก็นั่งขัดสมาธิลงที่เดิม


หวงอิ๋งรอคอยอยู่บริเวณนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น


ผ่านไปสักพัก จุดแสงสีเขียวก็เปล่งออกจากตัวผู้อาวุโสขุยมู่ หลังจากอักขระสีเขียวเปล่งประกาย เถาวัลย์จำนวนมากที่เต็มไปด้วยพลังชีวิต ก็งอกออกมาอย่างรวดเร็ว ภายใต้การพันสลับกันไปมา พริบตาเดียวก็ปกคลุมร่างของเขาไว้ในนั้น


พอเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ หลิ่วหมิงก็ค่อยๆ หรี่ตาทั้งคู่ลงด้วยสีหน้าประหลาดใจ


หวงอิ๋งก็เบิกตาทั้งคู่ขึ้นมา นางดูเหมือนไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า


ขณะที่การร่ายคาถายิ่งกระชั้นชิดขึ้น เถาวัลย์ที่ปกคลุมผู้อาวุโสขุยมู่ก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ และประสานกันไปมาอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นต้นไม้ยักษ์เขียวชอุ่ม ทำให้ร่างของขุยมู่จมอยู่ในนั้นอย่างสมบูรณ์


ต้นไม้ยักษ์นี้สูงสามสิบกว่าจั้ง ไม่เพียงแต่ปกคลุมไปด้วยกิ่งก้าน เต็มไปด้วยใบไม้สีเขียวขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ทั้งยังมีกลิ่นไอพลังชีวิตที่ยากจะพรรณนาออกมา


ผ่านไปหนึ่งชั่วยามเต็มๆ เมื่อขุยมู่คำรามเสียงต่ำๆ ออกมาด้วยความเจ็บปวดนั้น ต้นไม้ยักษ์ก็แห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็กลายเป็นจุดแสงสีเขียวก่อนสลายไป และเผยให้เห็นร่างของผู้อาวุโสขุยมู่อีกครั้ง


ตอนนี้เขาถูกไอหมอกสีเขียวอันเข้มข้นห่อหุ้มร่างไว้ กลิ่นไอบนตัวก็พุ่งขึ้นมาอย่างน่าตกใจ


“สหายขุยมู่ ท่านไม่เป็นอะไรแล้ว!” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็ถามด้วยตาที่เป็นประกาย


“ไม่ปิดบังสหายทั้งสอง เมื่อครู่คือเคล็ดวิชาพฤกษาแห้งพบหยาดพิรุณของหุบเขาปีศาจสวรรค์เรา สามารถใช้อายุขัยของตนเองมาเป็นค่าตอบแทนได้ ทำให้ร่างกายฟื้นคืนสู่สภาพที่สมบูรณ์ที่สุดอย่างรวดเร็ว ในเมื่อวันนี้พวกเราอาจจะเผชิญกับกับศัตรูตัวกาจได้ตลอดเวลา ข้าก็ได้แต่แสดงวิชานี้แล้ว” ผู้อาวุโสขุยมู่สูดหมอกเขียวบนตัวเข้าไปในปาก จากนั้นถึงกล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น


“อาศัยโอกาสที่คนอื่นยังไม่มาหา พวกเราลงมือวางกับดักค่ายกลจำนวนหนึ่งไว้ก่อนเถอะ!” หวงอิ๋งถอนหายใจเบาๆ แล้วกล่าวออกมา


หลิ่วหมิงกับขุยมู่สบตากันทีหนึ่ง พวกเขาย่อมไม่มีข้อคัดค้านแต่อย่างใด


เวลาต่อมา หลิ่วหมิงขุดถ้ำในหน้าผาบริเวณนี้มาหนึ่งแห่ง หลังจากวางค่ายกลลี้ลับและกับดักอื่นๆ แล้ว ก็นั่งขัดสมาธิรอคอยอยู่ด้านในอย่างเงียบๆ


สถานการณ์ในตอนนี้ แม้ว่าการนั่งรอกระต่ายให้มาหาเช่นนี้ จะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่จะต้องเป็นวิธีการที่เชื่อถือได้ที่สุดอย่างแน่นอน


……


ท่ามกลางป่าที่เขียวชอุ่มเป็นดงแห่งหนึ่งในแดนลึกลับ ขณะนี้กำลังเกิดฉากการต่อสู้อย่างดุเดือด


จะเห็นว่ามีผู้ฝึกฝนรูปร่างผอมกะหร่องก่องสองคน ใบหน้าคล้ายคลึงกัน ดูคล้ายกับเป็นผู้ฝึกฝนสายปีศาจที่เป็นฝาแฝดกัน ขณะนี้ทั้งสองต่างก็กำลังถือดาบปีศาจสีดำคนละเล่ม และทำการต่อสู้กับผู้ฝึกฝนปีศาจที่สวมชุดคลุมสีม่วงอยู่ไม่หยุด


ผู้ฝึกฝนปีศาจชุดม่วงถือขวานสองคมสีแดงเพลิงด้ามหนึ่ง และโบกสะบัดจนพอที่จะต้านทานการโจมตีจากทั้งสองไว้ได้แต่ขณะนั้นเอง ร่างของผู้ฝึกฝนสายปีศาจสองคนก็พร่ามัวหายไปร่างไร้ร่องรอย


ขณะที่ผู้ฝึกฝนปีศาจชุดม่วงกำลังอึ้งอยู่นั้น ผู้ฝึกฝนสายปีศาจสองคนก็กะพริบออกมา ดาบปีศาจในมือเปล่งประกายออกไปประสานกันตรงหน้าทันที แสงดาบที่แผ่ไอดำออกมาถูกวางตัดสลับกัน และกดลงด้านล่างด้วยอานุภาพอันน่าตกใจ


และผู้ฝึกฝนปีศาจชุดม่วงก็เป็นผู้ที่ผ่านศึกมานับร้อย ไม่ใช่ผู้ที่สามารถรับมือได้โดยง่าย ดูเหมือนว่าพริบตาที่ทั้งสองปรากฏตัวออกมา ขวานสองคมสีเพลิงในมือก็หลุดออกไปรับแสงดาบสีดำแล้ว ขณะเดียวกันร่างของเขาก็เคลื่อนไหวกลายเป็นแสงสีม่วงพุ่งถอยออกไปด้านหลัง


แต่ทว่าผู้ฝึกฝนสายปีศาจสองคนกลับยิ้ม อย่างโหดเหี้ยมพร้อมกัน ขณะที่แสงดาบสีดำปะทะกับขวานสองคมสีเพลิงนั้น ร่างของพวกเขาก็พร่ามัวหายไปจากที่เดิม ครู่ต่อมาก็ไม่รู้ว่ามาปรากฏอยู่ตรงหน้าแสงหลบหลีกสีม่วงได้อย่างไร ดาบปีศาจในมือตัดสลับกันอีกครั้ง


“ฟิ้ว!”


ผู้ฝึกฝนปีศาจชุดม่วงหยุดแสงหลบหลีกไม่ทัน จึงถูกฟันออกเป็นหลายส่วน เกราะในที่เขาใช้ป้องกันตัวก็ถูกฟันเป็นชิ้นๆ โดยที่ไม่อาจต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย


พริบตาเดียว โลหิตบริสุทธิ์พร้อมกับชิ้นส่วนของศพก็ร่วงลงมาเต็มพื้น


“เฮ่อๆ! บังอาจลงมือกับปีศาจคู่แห่งกลองสวรรค์อย่างพวกเรา ช่างไม่รู้จักประมาณพลังของตนเองเลยจริงๆ” ผู้ฝึกฝนสายปีศาจที่อยู่ทางด้านซ้ายหัวเราะ แบบและกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น


“ฮึ! ผู้ฝึกปีศาจในที่นี่ก็แค่นี้ ในเมื่อไม่ยอมให้พวกเราออกไป พวกเราก็จะเปิดฉากสังหารที่นี่ ดูสิว่าปีศาจเหล็กจะทำอะไรพวกเราได้!” ผู้ฝึกฝนสายปีศาจทางด้านขวาก็หัวเราะก่อนกล่าวออกมา


แต่ทว่าทั้งสองดีใจได้ไม่นาน ก็พลันมีเสียงดัง “สวบสาบ!” มาจากป่าทางด้านหลัง พอมีเงาสีม่วงเคลื่อนไหว ชายหนุ่มชุดม่วงสองคนก็ปรากฏตัวตรงด้านหลังของทั้งสอง


ตอนที่ 694 เฝ้ารอปีศาจ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ชายหนุ่มชุดม่วงสองคนมีใบหน้าเหมือนกันไม่มีผิด รูปร่างล้วนผอมแห้งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ คนหนึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยลวดลายสีม่วงแปลกประหลาด อีกคนก็มีลวดลายจิตวิญญาณสีแดงอยู่บนหน้า ลูกตาดำเป็นสีเขียวแวววาว ดวงตาทั้งสี่ที่ดูราวกับดวงตาของอสรพิษเปล่งประกายอย่างเยือกเย็น


“พวกเจ้าฆ่าเขา…ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายซะเถอะ!” ชายหนุ่มชุดม่วงทั้งสองกวาดสายตามองดูศพที่มีสภาพไม่สมบูรณ์บนพื้นแล้วกล่าวออกมาพร้อมกัน น้ำเย็นเยือกเย็นอย่างถึงขีดสุด ราวกับว่าเป็นคนคนเดียวกัน


พอน้ำเสียงสิ้นสุดลง ไอสีม่วงบนหน้าชายหนุ่มชุดม่วงทั้งสองก็หนาแน่นขึ้นมา คนหนึ่งในนั้นอ้าปากพ่นพายุหมุนสีม่วง ส่วนอีกคนก็พ่นเมฆอัคคีขนาดใหญ่ พอทั้งสองผสานเข้าด้วยกันก็กลายเป็นเสาเพลิงขนาดใหญ่พุ่งขึ้นฟ้า และพวยพุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้าม


ผู้ฝึกฝนสายปีศาจทั้งสองหมุนตัวพุ่งถอยออกไปด้วยความตกใจ ดาบปีศาจในมือฟันแสงดาบสีดำสิบแปดเจ็ดสิบแปดลำออกไปภายในพริบตา


ชายหนุ่มชุดม่วงทั้งสองยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน  และไม่คิดจะหลบหลีกเลยแม้แต่น้อย


ครู่ต่อมา แสงดาบสีดำสิบเจ็ดสิบแปดลำก็พากันฟันลงบนเสาเพลิงวายุ


หลังจากเกิดเสียงดังเปรี๊ยะๆ อยู่ครู่หนึ่ง เสาเพลิงวายุยังคงม้วนตัวออกไป แต่แสงดาบสีดำฟันก็ถูกสั่นสะเทือนจนค่อยๆ แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ


“เป็นผู้ฝึกฝนปีศาจระดับแก่นแท้ขั้นกลาง!” ผู้ฝึกฝนสายปีศาจทั้งสองเห็นเช่นนี้ ต่างก็หลุดปากออกมา หลังจากสบตากันทีหนึ่งแล้ว ก็หันหน้าพุ่งหนีออกไปไกลๆ ทันที


ขณะนั้นเอง ชายหนุ่มชุดม่วงทั้งสองก็ร่ายคาถาออกมาพร้อมกัน แขนทั้งที่ยกขึ้นมาทันที และตบออกไปกลางอากาศติดต่อกันสามที


จะเห็นว่าเสาเพลิงวายุสีแดงม่วงกลางอากาศขยายใหญ่สิบเท่าในฉับพลัน หลังจากม้วนตัวไปหนึ่งที ก็ห่อหุ้มผู้ฝึกฝนสายปีศาจทั้งสองไว้ในนั้น


ท่ามกลางเสาวายุ คมวายุสีม่วงที่แหลมยาวจำนวนมากและลูกเปลวไฟสีแดงพากันพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียวก็ทำลายอาวุธจิตวิญญาณคุ้มกันกับเสื้อเกราะบนตัวผู้ฝึกฝนสายปีศาจทั้งสองจนแตกกระจาย ส่วนทั้งสองก็ถูกขังตายอยู่ในเสาวายุ โดยไม่อาจกระดิกตัวได้เลยแม้แต่น้อย ทำได้แค่พยายามกระตุ้นปราณแกร่งฝืนต้านทานไว้เท่านั้น


ครู่ต่อมา เงาสีม่วงก็เปล่งประกายด้านหลังผู้ฝึกฝนสายปีศาจทั้งสอง ชายหนุ่มชุดม่วงทั้งสองปรากฏออกมาทางซ้ายขวา ขณะเดียวกันก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา นิ้วทั้งสิบแหลมคมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และเล็บสีดำก็ยาวออกมาหลายชุ่น


ในระหว่างที่เงาดำเคลื่อนไหว ชายหนุ่มชุดม่วงทั้งสองก็ใช้แขนเจาะทะลุหน้าอกของผู้ฝึกฝนสายปีศาจทั้งสองไป และควักหัวใจออกมาขยี้จนแตกละเอียด


ตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งสองต่างก็ทำท่าทางเหมือนกัน และการกระทำก็เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ


ท่ามกลางเสาวายุ เสียงร้องอย่างน่าเวทนาของผู้ฝึกฝนสายปีศาจทั้งสอง ถูกพัดจนสั่นคลอน โลหิตที่พุ่งออกจากบริเวณหน้าอกก็ ถูกเงาวายุม้วนหายไปจนหมดสิ้น


ชายหนุ่มชุดม่วงทั้งสองเห็นเช่นนี้ ก็ยกแขนเสื้อขึ้นมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เสาวายุค่อยๆ หยุดลง และสลายไปอย่างรวดเร็ว ผู้ฝึกฝนสายปีศาจทั้งสองร่วงลงจากท้องฟ้าในพริบตา


ขณะนั้นเอง ชายหนุ่มชุดม่วงทั้งสองก็ชี้ไปกลางอากาศอีกครั้ง เปลวไฟแปลกประหลาดม้วนตัวออกไป พริบตาเดียว คนทั้งสองที่ยังมีชีวิตก็ถูกเผาจนกลายเป็นขี้เถ้า ทิ้งไว้เพียงวิญญาณที่สั่นสะท้านอยู่กลางอากาศสองดวง


ชายหนุ่มชุดม่วงทั้งสองเห็นเช่นนี้ ก็ทำท่ามือด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก ขณะเดียวกันก็อ้าปากพ่นแสงสีม่วงออกมา และม้วนเอาวิญญาณทั้งสองดวงเข้าไปในปาก


ขณะนั้นเอง ทั้งสองถึงยิ้มให้กันทีหนึ่งแล้วเผยสีหน้าพอใจออกมา หลังจากร่างของพวกเขาพร่ามัว ก็รวมกันเป็นหนึ่งท่ามกลางแสงสีม่วง


ชายหนุ่มชุดม่วงที่รวมร่างเป็นหนึ่งมีลักษณะเหมือนเดิมไม่มีผิด เพียงแต่ใบหน้าข้างหนึ่งถูกปกคลุมไปลวดลายจิตวิญญาณสีม่วง อีกด้านหนึ่งกลับถูกปกคลุมด้วยลวดลายจิตวิญญาณสีแดง


จากนั้นแสงสีม่วงก็เปล่งประกายบนตัว และกลายเป็นแถบสีม่วงพุ่งออกไปไกลๆ


……


ขณะเดียวกัน ภายในถ้ำใต้ดินที่อยู่ห่างจากสถานที่ที่พวกหลิ่วหมิงอยู่หลายหมื่นลี้


“ฟู่!” พลันมีเสียงดังขึ้นเบาๆ


ไอปีศาจสีดำปะทุขึ้นจากปากหลุมเหนือพื้นโดยตรง ตามมาด้วยผู้ฝึกฝนปีศาจชุดดำที่เห็นได้ชัดว่าเป็นศิษย์ที่เข้ามาทดสอบของปีศาจเหล็ก เขากระโดดออกจากในนั้นด้วยสีหน้าหวาดกลัว และกลายเป็นแสงหลบหลีกสีดำพุ่งออกไป


แต่เพิ่งจะพุ่งออกไปได้ไม่กี่จั้ง แสงสีดำก็พุ่งออกจากหลุมตามไปอย่างรวดเร็ว และเจาะทะลุหลังของเขาไป


เนื่องจากความเฉื่อยของศิษย์ชุดดำบวกกับแรงช่วยผลักดันของแสงสีดำ ภายใต้ความเร็วที่เพิ่มขึ้นของแสงสีดำ ทำให้มันชนใส่หินผนังก้อนหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า


“โครมคราม!” เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น!


ก้อนหินกระเด็นไปทั่วทิศราวกับสายฝน


ผู้ฝึกฝนปีศาจชุดดำที่มีหัวใหญ่แปลกประหลาดนี้ ถูกดาบยาวที่มีลักษณะเหมือนกับเขาโคตรึงไว้กับผนังที่ถูกทำลายไปครึ่งหนึ่ง โลหิตจำนวนมากเปื้อนลงบนผนังจนกลายเป็นสีแดง


“ฟู่!” เงาร่างขนาดมหึมาร่อนลงด้านข้างศิษย์ชุดดำ


ที่แท้ก็เป็นชายฉกรรจ์หัวล้านรูปร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่ง ผิวเป็นสีดำ มีเงาสีดำโค้งงออยู่บนศีรษะหนึ่งคู่


เขาสวมชุดสีดำทั้งตัว ซึ่งก็เป็นผู้เข้าร่วมทดสอบของปีศาจเหล็กเช่นกัน แต่กลิ่นไอบ้าระห่ำอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ พอปรากฏตัว อากาศบริเวณนั้นก็สั่นสะท้าน


ชายฉกรรจ์หัวล้านยื่นมือสีดำข้างหนึ่งออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง และคว้าคอผู้ฝึกฝนปีศาจชุดดำที่หมดสติไว้ หลังจากหัวเราะอย่างโหดเหี้ยมแล้ว นิ้วทั้งห้าก็บีบแน่นขึ้นมา


“แคล่ก!” คอของผู้ฝึกฝนปีศาจชุดดำหักงอลงไปอย่างแปลกประหลาด


ชายฉกรรจ์หัวล้านดึงป้ายอาญาสิทธิ์สีเทาออกจากเอวแล้วเก็บเข้าไป จากนั้นไอปีศาจสีดำก็ปรากฏบนใบหน้าอย่างหนาแน่น ศีรษะกลายเป็นหัวโคสีดำขนาดใหญ่ และอ้าปากกลืนศีรษะผู้ฝึกฝนปีศาจไป


พอไอปีศาจสีดำเปล่งประกายบนศีรษะขนาดใหญ่ของชายฉกรรจ์ มันก็กลับคืนเป็นศีรษะมนุษย์อีกครั้ง และยื่นมือไปดึงดาบยาวรูปเขาโคที่ตรึงอยู่บนผนัง หลังจากสะบัดเอาเลือดที่ติดอยู่บนนั้นออกแล้ว ก็เสียบลงบนเอวอย่างไม่ใส่ใจ


หลังจากทำทุกอย่างนี้เสร็จ เขาก็พลิกฝ่ามือหยิบแผ่นค่ายกลขึ้นมา ขณะที่เขาร่ายคาถา ม่านแสงที่มีรูปร่างคล้ายจานกลมๆ ก็ปรากฏบนแผ่นค่ายกลทันที


ท่ามกลางม่านแสง นอกจากจุดแสงทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ที่กะพริบระยิบระยับแล้ว ก็ไม่มีปรากฏการณ์อื่นอีก


ชายฉกรรจ์หัวล้านค่อยๆ กวาดสายตามองบนนั้น ทันใดนั้น เขาก็เผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมออกมา แสงสีดำเปล่งประกายบนตัว และกลายเป็นแสงหลบหลีกพุ่งขึ้นฟ้า จากนั้นก็หมุนวนหนึ่งรอบก่อนพุ่งไปทางทิศตัววันออกเฉียงใต้ พริบตาเดียวก็หายไปตรงขอบฟ้า


……


ภายในถ้ำแห่งหนึ่ง หลิ่วหมิงทั้งสามยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ ขณะนั้นขุยมู่กำลังถือแผ่นค่ายกลขนาดเล็กในมือ และหลับตารับรู้อยู่


หลิ่วหมิงกับหวงอิ๋งแยกกันนั่งคนละฝั่ง และพากันสอดส่องสายตาไปนอกถ้ำอยู่ตลอดเวลา


นับดูแล้วตั้งแต่ทั้งสามวางค่ายกลมาจนถึงตอนนี้ เวลาก็ผ่านไปสามวันแล้ว ในระหว่างนี้ก็ไม่มีผู้ฝึกฝนปีศาจมาเลยแม้ตาคนเดียว


ทั้งสามต่างก็เป็นผู้ที่สงบใจได้อยู่แล้ว จนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย


จากการค้นวิญญาณของผู้อาวุโสขุยมู่ พลังของศิษย์ที่เข้าร่วมคัดเลือกปีศาจสวรรค์เหล่านี้ ล้วนเป็นผู้ที่โดดเด่นในบรรดาผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ขั้นต้น มิเช่นนั้นจะไม่ถูกเลือกเข้าร่วมทดสอบปีศาจสวรรค์ แม้กระทั่งในนั้นยังมีระดับแก่นแท้ขั้นกลางสองคนด้วย ว่ากันว่าความสามารถลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดาได้ พลังเข้าใกล้ผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ขั้นปลายโดยทั่วไปแล้ว การเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับนี้ ต้องร่วมมือกันเท่านั้น ถึงมีโอกาสเอาชนะได้


“นับๆ เวลาดูแล้ว ศิษย์ของปีศาจสายฟ้ากับปีศาจเหล็กได้เข้าแดนลึกลับมากว่าครึ่งเดือนแล้ว ดูเหมือนว่าจะห่างจากเวลาที่ข้าถูกจับมาไม่มากนัก ในเมื่อบนร่างของพวกเราต่างก็ถูกประทับตราไว้ คิดว่าคงมีคนโชคดีหลบเคราะห์ครั้งนี้ไปได้น้อยมาก และการสืบสานปีศาจสวรรค์ ก็มีแค่คนเดียวที่ได้ไปเท่านั้น ไม่แน่ตอนนี้ปีศาจทั้งสองฝ่ายต่างก็เข่นฆ่ากันเองแล้วก็เป็นไปได้” หลิ่วหมิงเอ่ยออกมาอย่างราบเรียบ


“ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ มีโอกาสเป็นอย่างที่พี่หลิ่วพูดจริงๆ หากเป็นเช่นนี้ล่ะก็ หรือว่าพวกเราจะเริ่มลงมือก่อนเอง หากเจอกับคนอื่นก็ยังดีอยู่หรอก แต่หากพบกับระดับแก่นแท้ขั้นกลางสองคนนั้น ก็จะมีอันตรายเล็กน้อยแล้ว” หวงอิ๋งขมวดคิ้วกล่าว


“ไม่สู้พวกเรารออีกสักวัน หากยังไม่มีคนมาล่ะก็ พวกเราก็จะไปจากที่นี่” ผู้อาวุโสขุยมู่คิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กัดฟันกล่าวออกมา


“ดี! ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้” หลิ่วหมิงตัดสินใจในทันที


หวงอิ๋งได้ยินย่อมไม่มีข้อคัดค้านใดๆ


ในบรรดาพวกเขาทั้งสาม ผู้อาวุโสขุยมู่กับนางผู้นี้ต่างก็มองหลิ่วหมิงเป็นผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ขั้นกลาง ย่อมแอบให้เขาเป็นหัวหน้าเป็นธรรมดา


แน่นอนว่าทั้งสามต่างก็ไม่ทราบว่า หลังผ่านการฆ่าฟันมานานขนาดนี้ ผู้ฝึกฝนเผ่าต่างๆ ที่ถูกขังอยู่ที่นี่ต่างก็ถูกศิษย์เหล่านี้สังหารไปพอประมาณแล้ว


และศิษย์ที่สมัครคัดเลือกต่างก็เข่นฆ่ากันเองจนเหลืออยู่ไม่กี่คนแล้ว และก็มีผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ทั้งสองอยู่ในนั้นด้วย


ขณะที่ทั้งสามรอคอยอย่างเงียบๆ นั้น ผู้อาวุโสขุยมู่พลันสะบัดแผ่นค่ายกล และลุกขึ้นกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ


“ด้านนอกมีคนมาแล้ว!”


หลิ่วหมิงกับหวงอิ๋งได้ยินเช่นนี้ ต่างก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที


ผู้อาวุโสขุยมู่วางค่ายกลตรวจสอบขนาดเล็กไว้บริเวณหน้าผาไม่น้อย และใช้แผ่นค่ายกลในมือควบคุม เพียงแค่มีคนเข้ามาก็รู้ได้ในทันที


“ทำตามแผนที่วางไว้!”


หลิ่วหมิงดวงตาเป็นประกายและกล่าวอย่างไม่ลังเล


ผู้อาวุโสขุยมู่พยักหน้า และทำท่ามือโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง จากนั้นก็ปล่อยพลังออกไปหลายสาย


“ฟิ้วๆ!” แสงจิตวิญญาณอันน่าตกใจพุ่งออกจากแผ่นค่ายกล หลังจากแสงแวววาวหมุนวนบนพื้นผิวแล้ว มันก็แลดูโปร่งใสขึ้นมา


ไอหมอกสีขาวปรากฏออกมาจากสถานที่ต่างๆ ของถ้ำ พวกหลิ่วหมิงทั้งสามเข้าไปรวมตัวในหมอกขาวอย่างรวดเร็ว


ผู้อาวุโสขุยมู่โบกแขนอีกครั้ง ไอหมอกในถ้ำหายไปอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่หลิ่วหมิงกับหวงอิ๋งก็หายไปจากที่เดิมราวกับว่าไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน


ในถ้ำทั้งหลังมีผู้อาวุโสขุยมู่เพียงคนเดียวเท่านั้น


และเมื่อเขาทำทุกอย่างนี้เสร็จสิ้นไม่นาน ก็มีเสียงดังก้องมาถึงนอกปากถ้ำ


ภายใต้การเปล่งประกายของแสงสีดำ เผยให้เห็นร่างชายฉกรรจ์หัวล้านที่สวมชุดดำผู้หนึ่ง เขาสูงถึงสองจั้ง ผิวหนังที่โผล่ออกมาจากเสื้อเป็นสีดำ บนศีรษะมีเขาโค้งงอสีดำอยู่หนึ่งคู่


ชายฉกรรจ์หัวล้านกวาดสายตามองดูด้านใน ทันใดนั้นเขาก็เผยใบหน้าดุร้ายออกมา และชกกำปั้นผ่านอากาศในทันที


“ฟู่!” เงากำปั้นยักษ์กลุ่มหนึ่งกะพริบหายเข้าไปในถ้ำ


เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น!


ถ้ำทั้งหลังรวมถึงหน้าผาครึ่งหนึ่งสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และพากันพังทลายลงมา


ตอนที่ 695 ศึกอันดุเดือด

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังจากชายฉกรรจ์หัวล้านปล่อยกำปั้นโจมตีออกไปแล้ว เขากลับยืนมองหน้าผาที่พังทลายโดยไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย


“ที่แท้ก็เป็นสหายระดับแก่นแท้ขั้นกลาง” ครู่ต่อมา พลันมีน้ำเสียงทุ้มต่ำดังมาจากซากหน้าผา “ฟู่!” คนผู้หนึ่งพุ่งออกมาท่ามกลางเศษหินที่กระเด็นไปทั่วทิศ เขาก็คือผู้อาวุโสขุยมู่นั่นเอง


แต่ขณะนี้ สายตาที่เขามองดูชายฉกรรจ์หัวล้านเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม


“ทำไมมีแค่คนเดียว อีกสองคนล่ะ? ให้พวกเขาไสหัวออกมาเถอะ!” พอชายฉกรรจ์หัวล้านเห็นผู้อาวุโสขุยมู่แค่คนเดียว เขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงดุร้าย


ประจักษ์ชัดว่าปีศาจตัวนี้ได้ตรวจสอบผ่านค่ายกลแล้วว่า ที่นี่ไม่ได้มีแค่คนเดียว


“ในเมื่อเจ้ารู้ว่าพวกเราทั้งสามอยู่ที่นี่ ยังกล้ามาคนเดียวอีก ดูค่าคงจะป็นผู้มากฝีมือที่ใจกล้าไม่เบา” ผู้อาวุโสค่อยๆ หดรูม่านตาลง และกล่าวอย่างไม่ยอมอ่อนข้อแต่อย่างใด


“ฮึ! เอาคำพูดไร้สาระมาจากไหนกัน ในเมื่อพวกเขาทั้งสองไม่ยอมออกมา ก็มอบวิญญาณของเจ้าให้ข้าก่อนเถอะ” ชายฉกรรจ์หัวล้านได้ยินก็ทำเสียงฮึดฮัดทีหนึ่ง จากนั้นควันดำก็ถูกพ่นออกมาทางจมูก แสงสีดำเปล่งประกายบนตัว และกลายเป็นเงาร่างพุ่งออกไป พริบตาเดียวก็มาอยู่ห่างจากผู้อาวุโสขุยมู่ไม่กี่จั้ง


แต่ขณะนั้นเอง เกิดเสียงดัง “ปัง!” “ปัง!” อักขระหลากสีเปล่งประกายบนพื้นบริเวณนั้นทันที และระเบิดออกมาภายในพริบตา ไอหมอกสีขาวสลัวๆ พวยพุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียวก็ก่อตัวเป็นทะเลหมอกอันหนาแน่นปกคลุมชายฉกรรจ์ไว้


“ค่ายกล?”


ชายฉกรรจ์หัวล้านเห็นเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะหยุดชะงักลง แต่กลับเผยแววตาดุร้ายและอ้าปากในฉับพลัน ลำแสงสีดำลำหนึ่งถูกพ่นออกมา หลังจากกะพริบผ่านไปแล้ว ก็เจาะทะลุหมอกขาวตรงหน้าจนเกิดเป็นรูขนาดใหญ่ และโจมตีลงบนตัวผู้อาวุโสขุยมู่ที่อยู่ไม่ไกลพอดี


“ตู๊ม!”


โล่ไม้สีเขียวปรากฏออกมาตรงหน้าผู้อาวุโสขุยมู่ แต่พริบตาเดียวก็ถูกลำแสงสีดำโจมตีจนแตกกระจาย ทำให้เขาจำต้องเอาไม้เท้าในมือมาตั้งขวางไว้ตรงหน้า ภายใต้การปล่อยแสงสีเขียวเป็นระยะๆ ถึงต้านทานอานุภาพของลำแสงที่เหลือได้


ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ของหุบเขาปีศาจสวรรค์ผู้นี้ ก็ต้องร่นถอยออกไปสองก้าว


ผู้อาวุโสขุยมู่รู้สึกหวาดกลัวอย่างช่วยไม่ได้ ทันใดนั้น เขาก็ตะโกนออกมาอย่างไม่ลังเล


“สหายทั้งสอง ปีศาจตนนี้ได้ตกอยู่ค่ายกลแล้ว หากยังไม่ลงมือในตอนนี้ จะรอจนถึงเมื่อไหร่เล่า”


พอน้ำเสียงสิ้นสุดลง หมอกขาวก็แยกออกมา หลิ่วหมิงกับหวงอิ๋งปรากฏตัวทั้งด้านพร้อมกัน ทั้งสามยืนเป็นมุมสามเหลี่ยมปิดล้อมชายฉกรรจ์หัวล้านไว้


หวงอิ๋งตะคอกออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เงาสีเขียวเปล่งประกายบนมือ ขลุ่ยหยกสีเขียวปรากฏออกมาอีกครั้ง พอมันสั่นไหวก็มีเสียงขลุ่ยดังกังวาน แสงสีเขียวบนพื้นผิวหลุดออกมา พริบตาเดียวก็กลายเป็นอสรพิษหยกสิบกว่าตัวที่มีขนาดหลายจั้ง และกระโจนเข้าใส่ชายฉกรรจ์หัวล้าน


หลิ่วหมิงตาเป็นประกาย ไอดำพวยพุ่งออกจากร่าง แขนทั้งสองยื่นออกไปด้านหน้าทันที เกิดเสียงมังกรร้องพยัคฆ์คำรามดังอยู่พักหนึ่ง จากนั้นมังกรหมอกดำสี่ตัวกับพยัคฆ์หมอกดำสี่ตัว ก็พุ่งออกไปข้างหน้าพร้อมกัน


ผู้อาวุโสขุยมู่พลิกฝ่ามือทั้งสองข้าง จากนั้นธงเล็กสีขาวก็ปรากฏบนมือข้างละอัน พอมีเสียงร่ายคาถาต่ำๆ ดังออกมา ธงเล็กในมือทั้งสองก็สะบัดไปซ้ายขวา แสงสีขาวค่อยๆ เปล่งประกายออกจากธง และเข้าไปรวมกับค่ายกล


ไอหมอกสีขาวพวยพุ่งภายในค่ายกลทั้งสองด้านทันที ชายฉกรรจ์หัวล้านรู้สึกถึงคลื่นสั่นสะเทือนรอบด้าน พลังมหาศาลกดดันเข้ามาจากทั่วทิศ


ชายฉกรรจ์หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายสั่นสะท้านอย่างรุนแรง อักขระสีดำปรากฏบนพื้นผิวเป็นชั้นๆ พริบตาเดียวก็ต้านทานพลังรอบด้านไว้ได้ จากนั้นก็อ้าปากพ่นดาบเล็กที่มีรูปร่างคล้ายเขาโคออกมา มันขยายใหญ่ตามแรงลมจนมีขนาดหนึ่งจั้งกว่าๆ และพร่ามัวฟันออกไปทั่วทิศ


แสงดาบสีดำม้วนตัวขึ้นมา


“ฟิ้ว!” “ฟิ้ว!” เกิดเสียงดังติดต่อกัน!


อสรพิษหยกสิบกว่าตัวสัมผัสกับแสงดาบเพียงเล็กน้อย ก็ถูกฟันจนกลายเป็นชิ้นๆ


มังกรหมอกกับพยัคฆ์หมอกที่ตามมาถึงทีหลัง รับมือกับแสงดาบสีดำได้เพียงครู่เดียว ก็ระเบิด “ตู๊ม!” กลายเป็นไอดำอันพวยพุ่ง


หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกใจเย็นสะท้าน พอดีดนิ้วทั้งสิบออกไป ปราณกระบี่สีทองก็ม้วนตัวออกมาต้านทานการโจมตีของแสงดาบไว้ได้


หวงอิ๋งรีบโบกสะบัดขลุ่ยหยกด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที จากนั้นมันก็กลายเป็นเงาร่างวิหคสีเขียว ที่พอจะต้านทานแสงดาบสีดำที่โจมตีเข้าหานางไว้ได้อย่างยากลำบาก


ผู้อาวุโสขุยมู่กลับคำรามเสียงต่ำออกมา ธงเล็กในมือถูกโยนออกไปด้านหน้า และดีดนิ้วทั้งสิบออกไปอีกครั้ง


พอหมอกขาวรอบด้านม้วนตัว มันก็กลายเป็นคลื่นยักษ์สีขาวพุ่งใส่ชายฉกรรจ์หัวล้านที่อยู่ตรงกลาง


อานุภาพน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง!


ชายฉกรรจ์หัวล้านเห็นเช่นนี้ก็หัวเราะฮ่าๆ! พอเอามือทั้งสองถูกัน กลุ่มแสงสีเขียวก็พุ่งขึ้นฟ้า และหมุนติ้วๆ กลายเป็นคลื่นน้ำวนสีดำ


แรงดึงดูดอันน่าเหลือเชื่อม้วนตัวออกมา


หมอกขาวที่โจมตีเข้ามารอบด้านถูกแรงดึงดูดมหาศาลนี้ดูดเข้าไป และค่อยๆ จมหายไปในนั้นอย่างไร้ร่องรอย


ผู้อาวุโสขุยมู่เห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าซีดขาวโดยไม่รู้ตัว


ขณะนี้ชายฉกรรจ์หัวล้านทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง คลื่นน้ำวนสีดำเหนือศีรษะขยายใหญ่ขึ้นมาในฉับพลัน


หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ รู้สึกถึงร่างกายที่สั่นสะท้าน และก็ถูกแรงดึงดูดนี้ลากไปตรงหน้าชายฉกรรจ์โดยตรง


หลิ่วหมิงทำเสียงฮึดฮัดในทันที เกิดเสียงดังกรอบแกรบภายในร่าง จากนั้นร่างของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นเท่าตัว และทรงตัวไว้ได้อย่างมั่นคง


ผู้อาวุโสขุยมู่กับหวงอิ๋งก็พากันทำท่ามือ จากนั้นแสงหลากสีก็เปล่งประกายบนตัวอย่างบ้าคลั่ง และหลุดพ้นจากแรงดึงดูดนี้ได้


ขณะนี้ ไอหมอกสีขาวถูกคลื่นน้ำวนสีดำดูดไปจนหมดสิ้นแล้ว คลื่นน้ำวนที่เคยเป็นสีดำก็เริ่มซีดลงเล็กน้อยแล้ว


ชายฉกรรจ์หัวล้านหัวเราะเฮ่อๆ! พอก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว ชุดดำบนตัวก็สะบัดตามแรงลม ขณะเดียวกันก็ชี้มือข้างหนึ่งขึ้นฟ้า และตะโกนคำว่า “ระเบิด!” ออกมา


“ตู๊ม!”


คลื่นน้ำวนสีดำระเบิดออกมาในพริบตา จากนั้นก็กลายเป็นกลุ่มแสงสีดำสองกลุ่มที่มีขนาดเท่าล้อรถ และพวยพุ่งไปทางหลิ่วหมิงทั้งสาม


หลิ่วหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา ไอดำพุ่งออกจากแขนเสื้อ และหมุนติ้วๆ กลายเป็นโล่กระดูกสีดำอันหนึ่ง มันขยายตัวตามแรงลมจนมีขนาดจั้งกว่าๆ และต้านทานไว้ตรงหน้า


“ตู๊ม!”


กลุ่มแสงสีดำระเบิดตัวบนโล่กระดูกจนกลายเป็นแสงทรงกลดเจิดจ้า พลังมหาศาลทะลักเข้ามาอย่างรวดเร็ว


หลิ่วหมิงทำเสียงฮึดฮัดทีหนึ่ง ร่างกายของเขาสั่นสะเทือนจนต้องร่นถอยออกไปครึ่งก้าว


ขณะเดียวกัน หลังจากแสงสีดำเปล่งประกายผ่านทั้งสองด้านของเขาไป มันก็ระเบิดอานุภาพอันน่าตกใจออกมา และผสมคละเคล้าด้วยเสียงร้องอย่างเวทนา


พอหลิ่วหมิงเหลือบตามอง ก็รู้สึกหนักใจขึ้นมาทันที


ผู้อาวุโสขุยมู่กระเด็นออกไปสิบกว่าจั้ง ร่างกายของเขาโซเซและทรงตัวได้ใหม่อีกครั้ง ไม่รู้ว่ามีง่ามสีเหลืองที่มีลวดลายจิตวิญญาณสีเงินปกคลุมเป็นชั้นๆ ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ใบหน้าซีดขาวผิดปกติ หน้าอกก็กระเพื่อมขึ้นลงอยู่ไม่หยุด


อีกด้านหนึ่ง หวงอิ๋งกึ่งคุกเข่าอยู่กลางหลุมยักษ์แล้ว ขลุ่ยหยกสีเขียวถูกฟันเป็นชิ้นๆ ร่วงอยู่ด้านข้าง


มือขวาที่เคยถือขลุ่ยหายไปอย่างไร้ร่องรอย โลหิตกำลังพุ่งออกจากบาดแผลตรงไหล่ราวกับน้ำพุ


กลุ่มแสงสีดำในเมื่อครู่รวดเร็วมากจริงๆ นางคิดจะใช้ขลุ่ยหยกในมือต้านทาน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าอานุภาพของแสงกลุ่มนี้จะน่าตกใจเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะทำลายขลุ่ยหยกไปเท่านั้น แม้แต่แขนของนางก็ถูกสั่นสะเทือนจนกลายเป็นหมอกโลหิต


ภายใต้ความรู้สึกเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส นางยังไม่ทันได้ใช้มือข้างที่เหลือนำยันต์ออกมารักษาบาดแผล ก็มีเสียงดัง “ฟิ้ว!” พอเงาดำเคลื่อนไหวผ่านตรงหน้า ร่างขนาดมหึมาของขายฉกรรจ์หัวล้านก็ปรากฏออกมา


“ข้าเกลียดคนเผ่าหมานอย่างพวกเจ้าที่สุด ไปตายซะเถอะ!” ชายฉกรรจ์เผยแววตาโหดเหี้ยมออกมา พอคว้ามือข้างหนึ่งออกไป ดาบรูปเขาโคก็ปรากฏออกมาในมือ เพียงแค่สะบัดเล็กน้อย มันก็กลายเป็นคมดาบสีดำจำนวนมาก และฟันลงมาทันที


หญิงสาวที่มีกลิ่นไออ่อนแออย่างถึงขีดสุดรู้สึกใจสั่นสะท้าน แต่ก็กัดฟันเอามือข้างที่มีสภาพสมบูรณ์คว้าไปยังบาดแผล


“ฟู่!” แถบสีเลือดถูกดึงออกจากแขนข้างที่ขาด หลังจากรวมตัวกันกลางอากาศแล้ว ก็กลายเป็นคมดาบสีเลือดเล่มหนึ่ง


“ตู๊ม!” คมดาบโลหิตปะทะกับคมดาบยักษ์ แม้ว่ามันจะแตกกระจายออกมาเป็นหมอกโลหิต แต่ก็ทำให้คมดาบยักษ์ที่ร่วงมาหยุดชะงักเล็กน้อย


หวงอิ๋งถือโอกาสนี้บิดตัวกลายเป็นเงาร่างพุ่งออกไปด้านหลัง


เห็นได้ชัดว่าชายฉกรรจ์คิดไม่ถึงว่านางจะยังมีไม้นี้อยู่ จึงรู้สึกอึ้งเล็กน้อย แต่ก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว และนำคมดาบยักษ์ในมือมาตั้งขวางไว้ จากนั้นก็ฟันออกไปเรียบๆ


ขณะนั้นเอง เกิดคลื่นสั่นสะเทือนตรงหน้าชายฉกรรจ์ จากนั้นหลิ่วหมิงก็ปรากฏตัวออกมาราวกับปีศาจ และยกมือข้างหนึ่งปล่อยสายฟ้าสีเงินขนาดใหญ่ออกไป ขณะเดียวกันแขนอีกข้างก็พร่ามัวขึ้นมา กำปั้นที่ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีม่วงชกออกไปอย่างบ้าคลั่ง เงากำปั้นขนาดเท่าอ่างล้างหน้าพุ่งออกไปพร้อมเสียงแผดร้อง


เกิดเสียงดังขึ้นมา!


ชายฉกรรจ์หัวล้านตะคอกด้วยความโมโห ดาบยักษ์ในมือยังคงฟันออกไป จนทำให้เงากำปั้นสีดำถูกผ่าจากตรงกลาง แต่ว่าพลังอันน่าตกใจที่พุ่งออกจากกำปั้นทำให้แขนของเขารู้สึกร้อนขึ้นมา


ครู่ต่อมา เกิดเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น


พอแสงสายฟ้าเปล่งประกาย สายฟ้าสีเงินก็โจมตีลงบนดาบยักษ์ และกลายเป็นไหมเล็กละเอียดพุ่งออกมาจำนวนมาก


ชายฉกรรจ์รู้สึกแค่ว่ามือที่จับดาบอยู่ชาขึ้นมาทันที ร่างกายครึ่งหนึ่งหยุดชะงักลงโดยไม่รู้ตัว


ขณะนั้นเอง หวงอิ๋งที่พุ่งถอยออกไปกลับร่ายคาถาออกมา และชี้มือข้างหนึ่งไปทางชายฉกรรจ์


“ฟิ้ว!” หมอกโลหิตที่เกิดจากการแตกกระจายของดาบโลหิตม้วนตัวกลับไปทันที และกลายเป็นโซ่โลหิตพันรอบตัวชายหัวล้านไว้ในพริบตา และพยายามรัดแน่นยิ่งขึ้น


ชายฉกรรจ์รู้สึกว่าตัวแน่นขึ้นมา บวกกับอานุภาพการโจมตีของวิชาสายฟ้าสวรรค์ยังคงเหลืออยู่ จึงไม่สามารถหลุดออกมาได้ชั่วขณะหนึ่ง ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก


“ฟู่!” เงาร่างจางๆ กะพริบผ่านด้านข้างชายฉกรรจ์ราวกับพายุ และมาปรากฏอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ซึ่งเขาก็คือผู้อาวุโสขุยมู่นั่นเอง


ชายฉกรรจ์หัวล้านส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนา ทันใดนั้นแขนทั้งสองก็ออกแรงสลัดจนหลุดออกจากโซ่โลหิตไปได้ แต่ร่างของเขากลับโซเซจนเกือบล้มลงพื้น


บนไหล่ของเขามีง่ามบินสีเหลืองที่จมเข้าไปครึ่งหนึ่ง


ขณะนี้ ผู้อาวุโสขุยมู่ที่หันหน้ากลับมาไม่มีสีหน้าดีใจเลยแม้แต่น้อย สายตาที่มองดูชายฉกรรจ์กลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว


ผู้ฝึกฝนปีศาจคนนี้แข็งแกร่งมาก ขณะที่ถูกโซ่โลหิตพันอยู่ ยังสามารถบิดตัวในช่วงเวลาสำคัญจนหลบพ้นจุดสำคัญไปได้ อีกอย่างกายเนื้อก็แข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า ง่ามบินที่นับว่าเป็นต้นแบบอาวุธเวทก็ไม่อาจแทงทะลุได้


ขณะนั้นเอง เกิดเสียงดังก้องฟ้า เงากระบี่สีทองจางๆ พุ่งยิงเข้ามา จากนั้นก็พร่ามัวพุ่งยิงไปทางหน้าผากของชายฉกรรจ์อย่างรวดเร็ว


การกระทำรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ!


ในที่สุดชายฉกรรจ์หัวล้านก็เผยสีหน้าตกใจออกมา หลังจากส่งเสียงคำรามออกมา แสงสีดำแวววาวจำนวนมากก็พุ่งออกจากตัว ขณะเดียวร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้นมา


ตอนที่ 696 ปีศาจโคดำ

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ตู๊ม!”


เสื้อผ้าของชายฉกรรจ์หัวล้านระเบิดออกมา ครู่เดียวก็กลายสภาพเป็นครึ่งปีศาจ ร่างกายส่วนบนเต็มไปด้วยขนแผงสีดำ มีเงาโค้งงอสีดำอยู่บนศีรษะ จมูกมีขนาดใหญ่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ร่างเดิมของมันคือโคดำตัวหนึ่ง


ดวงตาของปีศาจโคดำที่กลายร่างเป็นปีศาจครึ่งตัวเปล่งประกาย แขนซ้ายดึงง่ามบินสีเหลืองบนไหล่ขวาออกมาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ และโยนออกไปด้านหน้าอย่างรุนแรงเพื่อรับมือกับแสงกระบี่สีทองที่ปะทะเข้ามา


“เต๊ง!”


พอง่ามเล็กสีเหลืองปะทะกับแสงกระบี่สีทอง ก็เกิดเสียงโลหะปะทะกันดังแปลกประหลาด ทันใดนั้น ง่ามเล็กสีเหลืองก็ร่วงลงมาพร้อมเสียงโหยหวน


เงากระบี่สีทองก็กระเด็นออกไปเช่นกัน


ครู่ต่อมา พอปีศาจโคดำก้มหน้าเล็งเขาโค้งงอทั้งคู่ไปทางหลิ่วหมิงนั้น ร่างของมันก็พร่ามัวกลายเป็นเงาดำพุ่งยิงออกไป


หลิ่วหมิงรู้สึกแค่ว่ามีพายุพัดรุนแรงตรงหน้า จากนั้นปีศาจโคดำก็พุ่งมาถึง ทันใดนั้น เขาคิดจะหลบหนีด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่ทันการณ์แล้ว ทำได้แต่สูดหายใจเข้าอย่างรวดเร็ว และแขนทั้งสองก็ขยายใหญ่ขึ้นมา เกล็ดสีม่วงปรากฏออกมาเป็นชั้นๆ เขาคิดจะเอาแขนทั้งสองมาตั้งสลับไว้ตรงหน้า เพื่อรับมือกับการโจมตีโดยตรง


“ฟู่!”


แสงสีเขียวเปล่งประกายตรงช่องว่างระหว่างหลิ่วหมิงกับปีศาจโคดำ ทันใดนั้นเถาวัลย์หลายเส้นที่มีขนาดใหญ่เท่าแขนก็ปรากฏออกมา หลังจากมันหมุนวนตัดสลับกันไปมา ก็ก่อกลายเป็นกำแพงเถาวัลย์หนาๆ ขวางอยู่ตรงหน้า


ห่างออกไปไม่ไกล ไม้เท้าสีเขียวในมือผู้อาวุโสขุยมู่กำลังเปล่งแสงสีเขียวมาทางกำแพงเถาวัลย์อยู่ และเขาก็ร่ายคาถาออกมา


ส่วนหวงอิ๋งที่ฝืนกระตุ้นพลังแก่นโลหิตรัดพันปีศาจโคดำในก่อนหน้า ก็โซเซล้มลงพื้นที่อยู่ไกลๆ ภายใต้การเผชิญกับพลังเวทที่สะท้อนกลับเช่นนี้ ทำให้นางไม่อาจลุกขึ้นมาได้ชั่วขณะ


“ตู๊ม!”


กำแพงเถาวัลย์ต้านทานได้เพียงอึดใจเดียว ก็ถูกเขาแหลมคมบนหัวปีศาจโคดำโจมตีจนแตกกระจาย!


จากนั้นปีศาจโคดำยังคงพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิงต่อ โดยที่พลังไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย


แต่ในช่วงระหว่างนั้นเอง หลิ่วหมิงก็พุ่งถอยออกไปด้านหลัง ขณะเดียวกัน มือข้างหนึ่งก็ชี้ไปทางอากาศที่อยู่ไม่ไกล


หลังจากเกิดเสียงดังกังวาน กระบี่กลางอากาศก็สั่นสะท้าน และกลายเป็นแสงสีทองสิบกว่าจั้งม้วนตัวกลับมา


ด้วยความดุร้ายของปีศาจโคดำ พอเห็นอานุภาพของแสงกระบี่สีทอง ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที เขาหยุดฝีเท้าในฉับพลัน และหมุนตัวฟันดาบยักษ์ในมือใส่แสงกระบี่อย่างรุนแรง


แสงดาบสีดำม้วนตัวออกไป


“ตู๊ม!” แสงสีดำประสานเข้ากับแสงสีทอง แต่ก็ไม่มีใครตกเป็นรองใครอยู่ชั่วขณะหนึ่ง


หลังจากปีศาจโคดำส่งเสียงคำรามออกมา ดาบยักษ์ในมือก็ฟันออกไปหลายครั้งภายในอึดใจเดียว แสงสีดำอันพวยพุ่งปกคลุมแสงกระบี่สีทองไว้ภายในพริบตา


“เต๊ง!”


กระบี่กลางอากาศส่งเสียงดังออกมา จากนั้นก็กลายเป็นกระบี่เล็กๆ ก่อนกระเด็นออกไป


หลิ่วหมิงมีสีหน้าอึมครึมขึ้นมา แต่ก็กระตุ้นเคล็ดกระบี่แล้วชี้ไปทางกระบี่เล็กที่อยู่ไกลๆ


“ฟู่!” กระบี่เล็กสีทองพร่ามัวหายไปอย่างไร้ร่องรอย


ครู่ต่อมา แสงสีทองเปล่งประกายตรงหน้าหลิ่วหมิง กระบี่กลางอากาศปรากฏออกมาอีกครั้ง


ปีศาจโคดำถือโอกาสนี้หันไปมองผู้อาวุโสขุยมู่ด้วยสายตาเยือกเย็นในทันที และร่างของเขาก็พร่ามัวขึ้นมา


ผู้อาวุโสขุยมู่รู้สึกแค่ว่ามีเงาดำเปล่งประกายตรงหน้า ทันใดนั้นปีศาจโคดำก็ปรากฏออกมา ทั้งยังโบกสะบัดดาบยักษ์ในมือจนกลายเป็นเงาดาบสีดำ และพุ่งใส่ผู้อาวุโสขุยมู่ราวกับสายฝน


ผู้อาวุโสขุยมู่หลบหลีกไม่ทัน จึงรีบร่ายคาถาออกมาอย่างรวดเร็ว พริบตานั้นกิ่งก้านเถาวัลย์สีเขียวจำนวนมาก ก็ทะลักออกจากไม้เท้าสีเขียวอย่างบ้าคลั่ง และก่อตัวเป็นกำแพงเถาวัลย์ต้านทานการโจมตีของเงาดาบสีเงินไว้


แต่ทว่าพอเถาวัลย์ก่อตัวสำเร็จ ก็ถูกแสงสีดำฟันเป็นชิ้นๆ ราวกับเต้าหู้


ดาบยักษ์รูปเขาโคนี้จะต้องเป็นต้นแบบอาวุธเวทอย่างแน่นอน แม้กระทั่งอานุภาพของมัน อาจจะเข้าใกล้อาวุธเวทที่แท้จริงแล้วก็เป็นไปได้ มันถึงมีอานุภาพที่ไม่อาจต้านทานได้เช่นนี้


หลิ่วหมิงเลิกคิ้วขึ้นมา พอสะบัดแขนเสื้อ ไอดำกลุ่มหนึ่งก็พุ่งออกไป และกะพริบหายไปในดินอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นเขาก็กระทืบเท้าพุ่งยิงออกไปราวกับลูกธนู ในระหว่างทางก็ทำท่ามือกระตุ้นเกราะหนังสีเงินบนตัวไปด้วย


ไอดำทะลักออกจากร่าง และควบแน่นเป็นเงามังกรกับพยัคฆ์อย่างละสี่ตัว


“ฟู่!” เขามาปรากฏตัวด้านหลังปีศาจโคดำ พอมือซ้ายกำอากาศ สายฟ้าสีเงินก็เปล่งประกาย และมือขวาที่ถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดก็กางนิ้วทั้งห้าออก จากนั้นมันก็กลายเป็นมือยักษ์สีดำคว้าไปด้านหลังของปีศาจโคดำ


เห็นได้ชัดว่าปีศาจโคดำค้นพบการเคลื่อนไหวของหลิ่วหมิงแล้ว มันส่งเสียงดังออกมา และฟันใส่ผู้อาวุโสขุยมู่จนถอยออกไปสองสามก้าว จากนั้นก็หันกลับมาอย่างรวดเร็ว แสงสีดำเปล่งประกายบนมือ และพุ่งไปรับมือกับมือยักษ์สีดำ


“ตู๊ม!”


พอแสงสีดำปะทะกับมือยักษ์สีดำ คลื่นอากาศก็ม้วนตัวออกไปอย่างบ้าคลั่ง หลิ่วหมิงกับปีศาจโคดำต่างก็ถูกสั่นสะเทือนจนร่นถอยออกไปหลายก้าว


ขณะนั้นเอง พื้นดินก็ค่อยๆ สั่นไหว “ฟิ้ว!” “ฟิ้ว!” เส้นสีดำพุ่งออกมาจำนวนมาก และพุ่งยิงใส่ขาของปีศาจโคดำ


ปีศาจโคดำรู้สึกตกใจมาก แต่ก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว พอเขาส่งเสียงคำราม อักขระสีดำก็เปล่งประกายบนขา และขยายใหญ่ขึ้นมาเท่าตัว ขณะเดียวกัน แสงแวววาวราวกับทองคำก็ปรากฏบนพื้นผิว


พอเส้นสีดำโจมตีลงบนนั้น ก็ส่งเสียงดังราวกับโลหะเสียดสีกัน และค่อยๆ กระเด็นออกไป


ปีศาจโคดำยกแขนขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มอันดุร้าย ดาบยักษ์รูปเขาโคตวัดลงพื้นพร้อมเสียงแผดร้อง


“ฉับ!”


หินบนพื้นถูกแสงดาบสีดำฟันหลุดไปส่วนหนึ่ง


แมงป่องกระดูกก็ม้วนตัวออกมาพร้อมก้อนหินขนาดใหญ่ ร่างกายส่วนหนึ่งถูกแสงดาบโจมตีจนแตกกระจาย สุดท้ายก็กระเด็นออกไปเจ็ดแปดจั้ง และร่วงลงพื้นบริเวณนั้นด้วยลมหายที่รวยริน


หนังตาหลิ่วหมิงกระตุกอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาเผยแววเฉียบขาดออกมา ร่างของเขาเคลื่อนไหวไปอยู่ด้านหน้าปีศาจโคดำ


ปีศาจตนนี้หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง กระบี่ยักษ์ในมือกลายเป็นแสงสีดำฟันหลิ่วหมิงตรงหน้าออกเป็นสองส่วน


“ตู๊ม!”


ร่างทั้งสองส่วนของหลิ่วหมิงสลายตัวเป็นไอดำในทันที ขณะเดียวกันอากาศบริเวณนั้นก็สั่นสะเทือน เงาร่างอีกสามเงาปรากฏออกมา และหมุนวนรอบตัวปีศาจโคดำเพื่อขังมันไว้ในนั้น ขณะเดียวก็ปล่อยกำปั้นออกไปอย่างรุนแรง


ปีศาจโคดำมีสีหน้าอึมครึมทันที ดาบยักษ์ฟันใส่เงาร่างทั้งสามอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ


เกิดเสียงดังขึ้นอีกครั้ง


เงาร่างสองเงาถูกแสงสีดำโจมตีจนดับไป ส่วนเงาร่างที่สามก็โจมตีแสงดาบที่พุ่งเข้ามาจนแตกกระจาย หลังจากก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว ก็ชกกำปั้นออกไปอีกครั้ง ขณะเดียวกัน มังกรหมอกดำสี่ตัวกับพยัคฆ์หมอกดำสี่ตัวก็กระโจนออกจากด้านหลังของเขา


ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งหมาป่ายักษ์ที่สูงหลายจั้งก็กระโจนเข้ามาท่ามกลางเปลวไฟสีเขียวที่พวยพุ่ง


มันคือผู้อาวุโสขุยมู่ที่ถือโอกาสกลับคืนร่างเดิม และพุ่งเข้าไปในวงต่อสู้


ปีศาจโคดำสะบัดดาบยักษ์ด้วยความโมโห แสงสีดำขนาดใหญ่ม้วนตัวออกมา ขณะเดียวกัน มืออีกข้างก็กลายเป็นมือยักษ์สีดำขนาดใหญ่สั่นสะเทือนจนหมาป่ายักษ์ร่นถอยออกไป


มังกรหมอกดำทั้งสี่กับพยัคฆ์หมอกดำทั้งสี่ ถูกแสงดาบปั่นจนแตกกระจาย แต่กำปั้นที่ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีม่วงกลับทะลวงแสงดาบไปได้ และโจมตีไปยังหัวของปีศาจโคดำ


ปีศาจโคดำหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง มันก้มหน้าลงและใช้เขาสีดำขนาดใหญ่ทั้งสองทิ่มออกไป


หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็เผยแววตาประหลาดใจออกมา กำปั้นที่โจมตีออกไปหดกลับมาทันที และกางนิ้วทั้งห้าปล่อยไอดำออกมากลุ่มหนึ่ง


“ฟิ้วๆ!” ไหมสีเขียวจำนวนมากพุ่งออกจากไอดำ และห่อหุ้มหัวของปีศาจโคดำไว้


ด้วยระยะห่างอันใกล้บวกกับเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเช่นนี้ แม้ว่าปีศาจโคดำจะแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบมิได้ ก็ต้องตกใจจนหน้าถอดสี มือซ้ายคว้าไปบนหัวทันที และโยนออกไปอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นเงาสีเขียวกลุ่มหนึ่งก็ถูกดึงออกจากไอดำ และถูกกระแทกลงบนพื้น


“ตู๊ม!”


เกิดหลุมขนาดใหญ่ขึ้นบนพื้นบริเวณนั้น ศีรษะผมเขียวที่นอนอยู่ในนั้นไม่ขยับเขยื้อนก็คือหัวบินนั่นเอง


หัวปีศาจมีใบหน้าบิดเบี้ยว กลิ่นไอก็อ่อนลงอย่างถึงขีดสุด


และในระหว่างเวลานั้น สายฟ้าสีเงินขนาดใหญ่ก็เปล่งประกาย และฟาดลงบนตัวปีศาจโคดำอย่างรุนแรง ทำให้ปราณแกร่งคุ้มร่างของมันถูกโจมตีจนแตกกระจายภายในพริบตา


เกิดเสียงดัง “เปรี๊ยะๆ!”


ปีศาจโคดำรู้สึกแข็งไปทั้งตัว เส้นสายฟ้าสีเงินจำนวนมากเปล่งประกายออกมา ร่างกายเริ่มกระตุกเล็กน้อย


จากนั้น แสงสีทองเปล่งประกายบนอากาศบริเวณนั้น แสงกระบี่สีจางๆ ม้วนตัวออกมาราวกับปีศาจ มันกะพริบผ่านลำคอปีศาจโคดำโดยไม่เปิดโอกาสให้มันได้ตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย


ปีศาจโคดำมีสีหน้าแข็งทื่อในทันที หัวขนาดใหญ่พุ่งขึ้นฟ้า เสาโลหิตพุ่งออกจากลำคอในพริบตา กลิ่นคาวเลือดอันเข้มข้นโชยออกมา


ฉากอันน่าประหลาดใจได้บังเกิดขึ้นแล้ว!


หัวโคที่หลุดออกจากร่างพลันส่งเสียงร้องออกมา จากนั้นมันก็พุ่งขึ้นฟ้าเพื่อคิดจะหลบหนี


หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกตกใจมาก แต่ก็ชี้มือข้างหนึ่งไปกลางอากาศอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าเคร่งขรึม


“ฟิ้ว!”


พริบตาเดียวแสงกระบี่สีทองก็ตามทัน และเจาะทะลุหัวโคไป จากนั้นก็หมุนติ้วๆ ระเบิดปราณกระบี่ออกมาปั่นหัวโคจนกลายเป็นหมอกโลหิต วิญญาณปีศาจโคดำที่อยู่ในนั้นก็ส่งเสียงร้องอย่างเวทนาก่อนดับสลายไป


ในที่สุดผู้ฝึกฝนปีศาจระดับแก่นแท้ขั้นกลาง ก็ถูกหลิ่วหมิงสังหารจนเสียชีวิต


หลังจากทำทุกอย่างนี้เสร็จ หลิ่วหมิงก็ถอนหายใจยาวออกมา และรีบนำโอสถจินหยวนออกมาทานอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โบกมือปล่อยไอดำสองสายม้วนเอาแมงป่องกระดูกับหัวบินที่หายใจรวยรินอยู่บริเวณนั้นขึ้นมา และเก็บเข้าไปในถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณอย่างระมัดระวัง เพื่อให้พวกมันได้พักฟื้นอยู่ด้านในอย่างเงียบๆ


สำหรับการรับมือกับระดับแก่นแท้ พลังของแมงป่องกระดูกกับหัวบินอ่อนแอจนเกินไป พอถูกปีศาจโคดำโจมตีแค่ทีเดียวก็มีสภาพเช่นนี้แล้ว


ครั้งนี้ทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัส หากไม่ทำการฟื้นฟูเป็นเวลาเจ็ดแปดปี เกรงว่าคงไม่อาจฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้


“พี่หลิ่ว…” ผู้อาวุโสขุยมู่ที่อยู่อีกข้างก็คืนร่างเป็นมนุษย์ และค่อยๆ เดินเข้ามา


ทางด้านหวงอิ๋งก็ฟื้นฟูพลังมาเล็กน้อยแล้ว นางก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาเช่นกัน เพียงแต่ว่าใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น


ทั้งสองดูน่าเวทนาอย่างถึงที่สุด บริเวณหน้าอกของผู้อาวุโสขุยมู่มีคราบเลือดเปรอะเปื้อน มุมปากก็มีรอยเลือดไหลออกมา มีสภาพเหมือนสูญเสียพลังไปมาก


และหวงอิ๋งก็แขนขวาขาด ใบหน้าซีดขาวเป็นอย่างถึงขีดสุด


“สหายหวง แขนของท่าน…” หลิ่วหมิงลุกขึ้นมา สายตาของเขาตกอยู่บนแขนที่ขาดของผู้ฝึกฝนหญิง


“ไม่เป็นไร! อีกสักครู่หลังจากทานโอสถกระดูกเข้าไป ก็สามารถงอกออกมาใหม่ได้ ครั้งนี้ต้องขอบคุณพี่หลิ่วมาก มิเช่นนั้นลำพังแค่พวกเราสองคนล่ะก็ เกรงว่าคงจะเสียชีวิตในสถานที่แห่งนี้ไปแล้ว” หวงอิ๋งรีบกล่าวออกมา


“ไม่เลว! แม้ว่าปีศาจโคดำตนนี้จะมีการฝึกฝนระดับแก่นแท้ขั้นกลาง แต่เกรงว่าพลังที่แท้จริง คงเข้าใกล้ระดับแก่นแท้ขั้นปลายแล้ว หากไม่มีพี่หลิ่วลงมือด้วยตัวเองล่ะก็ ผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ขั้นต้นโดยทั่วไปสามสี่คน ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันอย่างนี้แน่นอน” ผู้อาวุโสขุยมู่ยิ้มมุมปากแล้วกล่าวด้วยสีหน้าที่ดูเคารพ


ตอนที่ 697 ผู้ฝึกฝนปีศาจชุดม่วง

โดย

Ink Stone_Fantasy

“หากไม่ใช่ว่าท่านทั้งสองช่วยกันตรึงมันไว้ ไหนเลยข้าจะสามารถลงมือได้โดยง่าย” หลิ่วหมิงส่ายหน้ากล่าวออกมา


แม้ว่าการต่อสู้ในครั้งนี้จะใช้เวลาไม่มาก แต่ระดับความรุนแรงก็ไม่ใช่เรื่องน้อยๆ


นอกจากหลิ่วหมิงจะไม่เป็นอะไรแล้ว หวงอิ๋งกับผู้อาวุโสขุยมู่ต่างก็ได้รับบาดเจ็บไม่เบา แมงป่องกระดูกกับหัวบินยิ่งได้รับบาดเจ็บอย่างถึงขีดสุด


แต่พอเขาปราดตามองศพปีศาจโคดำที่อยู่ไม่ไกลแล้ว ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบเดินเข้าไปทันที


‘เชอฮ่วน’ เคล็ดวิชาภาพสัญลักษณ์ที่เขาวาดขึ้นมา จำเป็นต้องใช้โลหิตปีศาจโคที่มีระดับการฝึกฝนยิ่งสูงก็ยิ่งดี และโลหิตของของปีศาจโคดำระดับแก่นแท้นี้ ก็เป็นสิ่งที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง


เขายืนอยู่ตรงหน้าศพปีศาจโคดำ พอพลิกฝ่ามือ ขวดหยกสีขาวขนาดใหญ่ก็ปรากฏออกมา พอโบกมือข้างหนึ่งออกไป แถบโลหิตก็พุ่งออกจากคอ และถูกดูดเข้าไปในขวดหยกบนมือเขา


ไม่นาน เขาก็รวบรวมโลหิตปีศาจโคดำมาได้หนึ่งขวดใหญ่


ผู้อาวุโสขุยมู่กับหวงอิ๋งเห็นฉากเช่นนี้ ต่างก็มองหน้ากันทีหนึ่ง แต่ก็รู้ว่าอะไรควรไม่ควร จึงไม่ได้ซักถามอะไรให้มากความ


หลิ่วหมิงมองดูโลหิตบริสุทธิ์ในมือ และพยักหน้าด้วยความพอใจ หลังจากเก็บมันเข้าไปแล้ว ก็ถือโอกาสหยิบยันต์เก็บของบนเอวปีศาจโคดำขึ้นมา พอไอดำสายหนึ่งแตะลงไป สิ่งของทั้งหมดที่อยู่ด้านในก็เทออกมา


โอสถ อาวุธจิตวิญญาณ และอื่นๆ ไม่ต้องพูดถึง ในนั้นยังมีป้ายอาญาสิทธิ์สีเทาสลัวๆ อยู่สี่อัน


“ดีมาก! ได้ป้ายอาญาสิทธิ์มาอีกสี่อัน ครั้งนี้พวกเรามีโอกาสหนีไปจากแดนลึกลับแห่งนี้ไม่น้อยแล้ว” ผู้อาวุโสขุยมู่เห็นเช่นนี้ก็หัวเราะเฮ่อๆ! ก่อนกล่าวออกมา


“บวกกับป้ายอาญาสิทธิ์ในตอนนี้ ในมือข้ามีทั้งหมดแปดอันแล้ว” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยแววตาที่เป็นประกาย ขณะเดียวกันก็ยกแขนเสื้อเก็บสิ่งของตรงหน้ารวมถึงดาบยาวรูปเขาโคที่หล่นอยู่ข้างๆ เข้าไปในแหวนย่อส่วนอย่างไม่เกรงใจ


ผู้อาวุโสขุยมู่มองดูดาบรูปเขาโคด้วยแววตาเร่าร้อน สีหน้าเขาดูเหมือนอยากจะพูดอะไรออกมาแต่ก็หยุดไว้เช่นนั้น เขาย่อมอยากได้มันเป็นธรรมดา แต่ก็ทำท่าทีเมินเฉยไว้


“ดูจากข้อมูลที่ได้มาจากผู้ฝึกฝนปีศาจผมฟ้าผู้นั้น ศิษย์ของปีศาจสายฟ้ากับปีศาจเหล็กที่เข้ามาในแดนลึกลับมีทั้งหมดสิบสี่คน ถ้าอย่างนั้นก็ยังขาดป้ายอาญาสิทธิ์อีกหกอัน” ผู้อาวุโสขุยมู่กล่าวด้วยสีหน้าลังเล


“เห็นได้ชัดว่าปีศาจโคดำเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของปีศาจเหล็ก ตอนนี้ในบรรดาศิษย์ที่เข้ามาในนี้ ยังมีผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ขั้นกลางของปีศาจสายฟ้าผู้นั้น ดูจากสถานการณ์ที่พวกเรารอคอยอยู่ที่นี่ในหลายวันมานี้ มีความเป็นได้ว่าจะเหลือเขาแค่คนเดียวแล้ว” หวงอิ๋งได้ใช้ยันต์หลายผืนมาห้ามเลือดบนแขนขวาตั้งนานแล้ว ตอนนี้นางกล่าวด้วยใบหน้าซีดขาว


“ท่านเซียนหวงวิเคราะห์ได้ไม่ผิด มีความเป็นไปได้ว่าในแดนลึกลับนี้ นอกจากพวกเราสามคนแล้ว ผู้ฝึกฝนต่างเผ่าคนอื่นๆ อาจจะเสียชีวิตไปหมดแล้วก็ได้” ผู้อาวุโสขุยมู่ได้ยินก็พยักหน้ากล่าว


“ในเมื่อพูดเช่นนี้ ศัตรูตัวฉกาจของเราในตอนนี้ ก็จะเหลือแค่ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของปีศาจสายฟ้าผู้นั้นแล้ว หากเราทั้งสามรวมพลังกันล่ะก็ คงจัดการเขาได้ไม่ยาก ภารกิจเร่งด่วนในตอนนี้ พวกท่านทั้งสองรีบฟื้นฟูอาการบาดเจ็บให้ไวที่สุด จากนั้นก็รอให้เขาเข้ามาหาถึงที่” หลิ่วหมิงกวาดสายตามองดูทั้งสองแล้วกล่าวออกมา


ผู้อาวุโสขุยมู่กับหวงอิ๋งได้ยินเช่นนี้ ย่อมไม่มีข้อคัดค้านแต่อย่างใด แม้ว่าเมื่อครู่จะเสี่ยงอันตรายเอาชนะปีศาจโคดำได้ แต่พอทั้งสามนึกถึงเรื่องที่จะต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ขั้นกลางผู้หนึ่ง พวกเขาย่อมไม่กล้าชักช้าแต่อย่างใด


หลังจากผ่านศึกในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่พวกเขาทั้งสองที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น หลิ่วหมิงเองก็สูญเสียพลังเวทไปไม่น้อย


เวลาต่อมา ทั้งสามก็พักผ่อนฟื้นฟูพลังของตัวเอง


เพื่อฟื้นฟูพลังเวทของตนเองให้ได้ไวที่สุด ผู้อาวุโสขุยมู่ไม่เสียดายอายุขัยเลยแม้แต่น้อย เขาใช้เคล็ดวิชาพฤกษาแห้งพบหยาดพิรุณอีกครั้ง ระยะเวลาเพียงแค่ครึ่งวันก็ฟื้นฟูสู่สภาพที่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว จากนั้นก็วางค่ายกลจำนวนมากโดยไม่รอรี


ทางด้านหวงอิ๋งก็ทานโอสถไม่ทราบชื่อชนิดหนึ่ง หลังจากนั่งสมาธิไปสามวันสามคืน แขนขวาที่ขาดไปก็งอกออกมาใหม่อีกครั้ง


และเคล็ดวิชาภาพสัญลักษณ์บนตัวหลิ่วหมิงก็ใกล้จะหมดอายุแล้ว เขาจึงใช้โลหิตปีศาจโคระดับต่ำมาวาดใหม่อีกรอบ


แม้ว่าจะได้โลหิตของปีศาจโคระดับแก่นแท้มา แต่การวาดภาพสัญลักษณ์ที่แท้จริงต้องใช้เวลาไม่น้อย สถานการณ์ของแดนลึกลับในตอนนี้ ไม่เหมาะที่จะทำเรื่องเช่นนี้


พริบตาเดียว เวลาก็ผ่านไปห้าหกวันแล้ว


แต่ทว่าในระหว่างเวลานั้น กลับไม่มีผู้ฝึกฝนปีศาจหรือผู้ฝึกฝนต่างเผ่าคนใดมาปรากฏตัวเลย ด้วยเหตุนี้ทั้งสามจึงได้ใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่ช่วงหนึ่ง และฟื้นฟูพลังมาได้พอประมาณแล้ว


ภายในถ้ำในขณะนี้ ผู้อาวุโสขุยมู่กำลังใช้สองมือประคองแผ่นค่ายกลอยู่ มีแสงสีเขียวไหลวนอยู่บนนั้นอย่างไม่ขาดสาย


“หลังจากสังหารปีศาจโคดำ พวกเราก็รออยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว แต่กลับไม่เห็นคนผู้นั้นมาปรากฏตัวเลย เป็นไปได้ไหมว่าจะเกิดเรื่องที่คาดไม่ถึง?” หวงอิ๋งขมวดคิ้วแล้วกล่าวด้วยสีหน้าไม่สบายใจ


“เป็นไปได้ว่าคนผู้นั้นอาจจะจับตาดูพวกเราแล้ว แม้กระทั่งอาจจะค้นพบว่าพวกเราสังหารปีศาจโคดำไป ด้วยเหตุนี้จึงรอคอยจังหวะอย่างเงียบๆ โดยที่ยังไม่ปรากฏตัวออกมา” ผู้อาวุโสขุยมู่จ้องมองแผ่นค่ายกลสีเขียวในมือ และขมวดคิ้วกล่าวออกมาเช่นกัน


“แต่หากจะเข้าแดนต้องห้าม ก็ต้องได้ป้ายอาญาสิทธิ์ทั้งหมดก่อน บนตัวคนผู้นี้มีมากสุดก็คงไม่เกินหกอัน ในเมื่อตอนนี้ไม่ยอมปรากฏตัวออกมา พวกเราก็เป็นคนลงมือก่อนเถอะ เพราะหากยืดเวลานานเข้า เฒ่าประหลาดที่อยู่ด้านนอกอาจรับรู้ถึงสถานการณ์ในนี้ และยื่นมือเข้ามาสอดแทรกได้” หลิ่วหมิงเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นถึงค่อยๆ กล่าวออกมา


“ข้าเห็นด้วยกับคำพูดของสหายหลิ่ว แม้ว่าในตอนนี้ที่นี่จะเงียบสงบมาก แต่ก็ไม่อาจอยู่นานได้ เพื่อหลีกเลี่ยงเวลาที่ยาวนานอุปสรรคก็จะยิ่งมาก ไม่สู้พวกเราไปดูที่ใจกลางแดนลึกลับจะดีกว่า” ผู้อาวุโสขุยมู่เงยหน้าขึ้นมากล่าว


“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ออกเดินทางกันเร็วหน่อยเถอะ!” หวงอิ๋งคิดไปคิดมาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นมาปรับสภาพให้คุ้นชิ้นกับแขนขวาอันใหม่เล็กน้อย และนางก็เห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของหลิ่วหมิง


ดังนั้นหลังจากทั้งสามหารือกันเล็กน้อยแล้ว ก็ออกจากถ้ำหลังเวลาหนึ่งมื้อข้าวผ่านไป และทะยานฟ้าไปยังใจกลางแดนลึกลับ


ในระหว่างทางไม่พบผู้ฝึกฝนต่างเผ่าคนใดเลย การเดินทางค่อนข้างราบรื่นเป็นอย่างมาก


สองวันต่อมา ท่ามกลางเทือกเขาทอดยาวบางแห่งที่ตั้งอยู่ใกล้กับใจกลางแดนลึกลับ หลิ่วหมิงทั้งสามกำลังเหินเวหาแบบต่ำๆ และสำรวจดูความเคลื่อนไหวรอบด้านอยู่ตลอดเวลา


ตามแผนที่บ่งชี้บนป้ายอาญาสิทธิ์ สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากใจกลางแดนลึกลับไม่มากแล้ว ด้วยเหตุนี้ทั้งสามจึงลดความเร็วในการเหินเวหาลง


หลิ่วหมิงที่เหินเวหาอยู่ตรงหน้าสุดพลันหยุดชะงักลง และตะโกนออกมาเบาๆ


“ช้าก่อน! มีคน!”


ผู้อาวุโสขุยมู่กับหวงอิ๋งได้ยิน ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ทันใดนั้นพวกเขาก็หยุดชะงักลงเช่นกัน และกวาดจิตสำรวจดูรอบด้าน แต่กลับดูเหมือนว่าไม่ค้นพบความผิดปกติแต่อย่างใด จึงมองหลิ่วหมิงด้วยสีหน้างุนงงอย่างอดไม่ได้


ขณะนั้นเอง ด้านข้างก้อนหินยักษ์ที่อยู่ห่างจากตรงหน้าทั้งสามไปไม่ไกล พลันมีคลื่นสั่นสะเทือนขึ้นมา จากนั้นเงาร่างผอมบางสีม่วงก็ค่อยๆ ปรากฏออกมา เขาเป็นชายหนุ่มร่างผอมที่สวมชุดสีม่วงผู้หนึ่ง


คนผู้นี้กำลังเอามือกอดอกยืนพิงอยู่ข้างก้อนหินยักษ์ ใบหน้าและหน้าผากเต็มไปด้วยลวดลายแปลกประหลาด และกำลังจ้องมองทั้งสามอย่างเย็นชา


“คิดไม่ถึงว่าจะค้นพบข้าได้ ดูท่าที่พวกเจ้าทั้งสามมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ คงไม่ได้อาศัยดวงเพียงอย่างเดียว!” ชายผู้นี้กวาดสายตามองดูพวกเขาทั้งสาม และก็มาหยุดอยู่บนตัวหลิ่วหมิงด้วยท่าทีสนใจ


ผู้อาวุโสขุยมู่กับหวงอิ๋งมีสีหน้าดูไม่ได้ขึ้นมาทันที


เห็นชัดๆ ว่าคนผู้นี้ซ่อนตัวอยู่ตรงหน้าไม่ไกล พวกเขาทั้งสองกลับไม่ค้นพบเลยแม้แต่น้อย หากหลิ่วหมิงไม่เตือน แล้วพวกเขาเดินเข้าไปเช่นนี้ ก็ไม่เท่ากับว่าถูกลอบโจมตีจังๆ หรอกหรือ


“ระวัง! คนผู้นี้แปลกประหลาดมาก ดูจากกลิ่นไอเยือกเย็นที่แผ่ออกมาจากตัว ระดับการฝึกฝนจะต้องไม่ด้อยไปกว่าปีศาจโคดำอย่างแน่นอน คิดว่าคงเป็นศิษย์ที่เข้าร่วมทดสอบคนสุดท้ายแล้ว” ผู้อาวุโสขุยมู่มองดูคนผู้นี้ด้วยสีหน้าอึมครึม และส่งเสียงเตือนหลิ่วหมิงกับหวงอิ๋งเบาๆ


“เอ๋! คิดไม่ถึงว่าผู้ที่มาในตอนท้ายจะเป็นคนจากเผ่าอื่น ดูท่าเจ้าโง่ชิงหลัวคงจะตายในเงื้อมมือของพวกเจ้าแล้ว ช่างน่าผิดหวังเสียจริง!” เงาร่างชายชุดม่วงบิดตัวแปลกประหลาด จากนั้นก็มาปรากฏตัวกลางอากาศที่อยู่ห่างจากทั้งสามไปไม่ไกล หลังจากมองดูคนทั้งสามทีหนึ่งแล้ว ก็กล่าวอย่างทระนงตน


พอเห็นฉากเช่นนี้ พวกเขาทั้งสามก็สบตากันทีหนึ่ง จากนั้นก็แยกตัวออกไปพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย


หลิ่วหมิงเขม้นตามองด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เมื่อครู่ท่าร่างของคนผู้นี้แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่จะเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังรวดเร็วเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกราวกับว่าไม่มีน้ำหนักเลยแม้แต่น้อย ดูท่าวิชาที่ฝึกฝนคงจะค่อนข้างพิเศษ


“หากรู้ตัวว่าควรจะทำเช่นไรล่ะก็ รีบมอบป้ายอาญาสิทธิ์บนตัวพวกเจ้าออกมาซะโดยดี! ข้าอาจจะให้พวกเจ้าไปเกิดใหม่ก็ได้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ เฮ่อๆ!…” ชายชุดม่วงยิ้มมุมปาก และเผยให้เห็นฟันสีขาวโพลน


“มาดในการพูดของท่านไม่เบานิ! พวกข้ามีตั้งสามคน คิดจริงๆ หรือว่าจะสามารถเอาชนะได้?” ผู้อาวุโสขุยมู่หัวเราะอย่างเยือกเย็นขัดจังหวะพูดของชายชุดม่วง จากนั้นก็นำหลาวสีเหลืองออกมาเล่มหนึ่ง


“ฮึ! เตือนด้วยความหวังดีก็ไม่ฟัง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะเอาวิญญาณของพวกเจ้ามาเอง!” ชายชุดม่วงได้ยินเช่นนี้ ก็มีสีหน้าอึมครึมลง ชุดสีม่วงบนตัวโบกสะบัดไปมา


หลิ่วหมิงดวงตาเป็นประกาย ไอดำรอบตัวพวยพุ่งออกมานานแล้ว พอร่างของเขาพร่ามัว ก็มาปรากฏตัวอยู่ห่างจากด้านหลังของชายชุดม่วงไปไม่ไกล พอขยับแขนทั้งสองข้าง ไอดำสองสายที่ดูคล้ายกับมังกรว่ายน้ำ ก็พวยพุ่งเข้าหาชายชุดม่วงอย่างโหดเหี้ยม


หวงอิ๋งก็ขยับปากเล็กน้อย ไม่รู้ว่ามีวงแหวนที่เป็นอาวุธจิตวิญญาณคู่หนึ่งปรากฏอยู่บนมือตั้งแต่เมื่อไหร่ วงหนึ่งเป็นทองคำ อีกวงเป็นหยก จะเห็นมือขวาของนางถือวงแหวนทองคำกระทบกับวงแหวนหยกบนมือขวาเบาๆ พอทั้งสองปะทะกัน ก็เกิดเสียงดังกังวานออกมา


แสงสีทองเปล่งประกายขึ้นฟ้า คลื่นเสียงสีทองอร่ามพุ่งเข้าใส่ชายชุดม่วงโดยตรง


ขณะเดียวกัน หลาวของผู้อาวุโสขุยมู่ก็พุ่งเข้าใส่ชายชุดม่วงตรงหน้าอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นเงาพุ่งตามมาติดๆ


ทั้งสามเคยต่อสู้กับปีศาจโคดำด้วยกันมาก่อน จึงเข้าขากันได้อย่างลงตัว


ชายชุดม่วงเห็นเช่นนี้ ก็เผยแววตาเยือกเย็นออกมา มือทั้งสองพลิกขึ้นมาอย่างว่องไว และทำท่ามือรูปดอกบัวอยู่ตรงหน้า ดอกบัวสีม่วงขนาดเท่าจันทราสีเงินเบ่งบานในพริบตา แต่พอเขาเปลี่ยนท่ามือ ดอกบัวสีม่วงก็หมุนตัวกลางอากาศ กลีบดอกแต่ละกลีบค่อยๆ หลุดออกมา และกลายเป็นคมวายุสีม่วงสิบกว่าสาย พริบตาเดียวก็พุ่งออกไปรับมือกับหลาวสีเหลืองของผู้อาวุโสขุยมู่พร้อมเสียงแผดร้อง


“ฉับๆ!” เกิดเสียงดังอยู่ไม่หยุด!


คมวายุสีม่วงฟันลงบนหลาวสีเหลืองอย่างต่อเนื่อง แต่พอแสงสีเหลืองสลายไป หลาวสีเหลืองก็กระเด็นกลับมา และคมวายุสีม่วงก็พุ่งเข้าหาผู้อาวุโสขุยมู่โดยที่อานุภาพของมันไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย


ขณะเดียวกัน เกิดเสียงดังเข้ามาเบาๆ “ฟู่!” มังกรหมอกดำที่หลิ่วหมิงปล่อยออกมาเจาะทะลุชายชุดม่วงไป แต่ร่างกายของเขากลับกลายเป็นจุดแสงสีม่วงสลายไปในอากาศ ที่แท้มันก็เป็นแค่เงาร่างเท่านั้น


ด้วยเหตุนี้หลังจากเกิดเสียงดัง “ตู๊ม!” คลื่นเสียงสีทองก็ปะทะกับมังกรหมอกของหลิ่วหมิงเข้าอย่างจัง ทันใดนั้นลูกหมอกสีทองกับดำสองสี ก็ระเบิดตัวกลางอากาศ!


หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็หดรูม่านตาลงทันที


ตอนที่ 698 อสรพิษสองหัว (1)

โดย

Ink Stone_Fantasy

ขณะที่หลิ่วหมิงกับหวงอิ๋งต่างก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมานั้น คมวายุอีกด้านก็พุ่งมาถึงด้านหน้าผู้อาวุโสขุยมู่แล้ว


“ฮึ!” ผู้อาวุโสขุยมู่ทำเสียงฮึดฮัดออกมา พอมือขวาโยนออกไปกลางอากาศ ไม้เท้าสีเขียวที่ยาวราวๆ สี่ฉื่อ ก็วางขวางอยู่เหนือศีรษะ ภายใต้การร่ายคาถา แสงสีเขียวก็เปล่งประกายบนไม้เท้า จากนั้นเถาวัลย์สีเขียวจำนวนมากก็เลื้อยออกมา และก่อตัวเป็นกำแพงขวางอยู่ด้านหน้าสามชั้น


“ปัง!” “ปัง!”


คมวายุสีม่วงโจมตีกำแพงไปได้สองชั้น ส่วนกำแพงชั้นที่สามยืนหยัดได้ไม่นานก็สลายไป


ขณะเดียวกัน เงาสีม่วงก็มาปรากฏตัวเหนือศีรษะของหวงอิ๋งอย่างน่าประหลาดใจ มันเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับประกายไฟ


ครู่ต่อมาพอแขนข้างหนึ่งของเขาพร่ามัว คมวายุสีม่วงก็ก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง และฟันไปทางศีรษะของหวงอิ๋ง


“สหายหวงอิ๋ง ระวัง!” พอผู้อาวุโสขุยมู่เห็นเงาสีม่วงเปลี่ยนทิศทางไปโจมตีหวงอิ๋ง เขาก็รีบตะโกนออกไปด้วยความตกใจ


หวงอิ๋งคิดไม่ถึงว่าชายชุดม่วงจะโจมตีคนที่ยืนอยู่ไกลที่สุดอย่างนาง ทันใดนั้นนางก็ส่งเสียงออกมา และโยนวงแหวนทองคำกับหยกขึ้นไปเหนือศีรษะ ทันใดนั้น แสงทรงกลดสีทองกับสีเขียวก็ตัดสลับกลางอากาศ จากนั้นก็ขยายใหญ่อย่างบ้าคลั่ง และหมุนวนขึ้นฟ้า


แสงเงาที่เกิดจากการหมุนตัวของวงแหวนคู่ผสานเข้าด้วยกันอยู่ไม่หยุด และก่อเกิดเป็นรังไหมแสงสีทองหยกหนึ่งลูก ภายใต้แสงสีทองที่เปล่งประกาย มันก็กลายเป็นเกราะป้องกันสีเขียวปกคลุมหวงอิ๋งไว้ด้านใน


“เพล้ง!”


คมวายุสีม่วงโจมตีลงบนรังไหมแสงสีทองหยก ทำให้เกราะป้องกันเปล่งประกายอย่างบ้าคลั่ง ดีที่ว่ามันไม่ได้แตกกระจายออกมา


หวงอิ๋งเผยสีหน้าดีใจออกมาแวบหนึ่ง ขณะที่กำลังจะเก็บวงแหวนทองคำกับหยกนั้น


“ระวัง!” หลิ่วหมิงส่งเสียงเข้ามาทันที


หญิงนางนี้ได้ยินก็รู้สึกอึ้งเล็กน้อย พอเหลือบตามอง ก็ต้องมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที


ไม่รู้ว่าชายชุดม่วงอีกคนมาอยู่ด้านหลังของนางตั้งแต่เมื่อไหร่ เพียงแต่ว่าทั่วทั้งใบหน้าของเขาล้วนเต็มไปด้วยลวดลายจิตวิญญาณสีแดง ขณะนี้กำลังชี้นิ้วสีแดงออกมาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ และจมเข้าไปในช่องว่างระหว่างวงแหวนทองคำและหยกที่ตัดสลับกันพอดี


เกิดเสียงดัง “แคล็กๆ!” ภายใต้การสั่นสะท้านของวงแหวนคู่ รังไหมแสงสีทองหยกก็สลายไปในพริบตา และเผยให้เห็นร่างของหวงอิ๋งที่อยู่ด้านใน


จากนั้น เงาร่างชายชุดม่วงก็ยกแขนอีกข้างปล่อยกำปั้นพร่ามัวเข้ามา พอเงากำปั้นสีแดงขนาดเท่าล้อรถแผดเสียงโจมตีเข้ามา อากาศบริเวณนั้นก็บิดเบี้ยวอยู่ครู่หนึ่ง


หวงอิ๋งรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ขณะที่คิดจะหลบหลีกนั้น มันกลับสายไปเสียแล้ว นางได้แต่กัดฟันตัวเอง จากนั้นแสงจิตวิญญาณก็เปล่งประกายตรงด้านหลัง ค่ายกลสีเหลืองจางๆ ปรากฏออกมา และหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง


“ตู๊ม!”


พริบตาที่ค่ายกลถูกเงากำปั้นโจมตีจนแตกกระจายนั้น หวงอิ๋งก็ถูกเงากำปั้นที่เหลือโจมตีตรงหลัง ทันใดนั้นก็เซไปด้านหน้าและกระอักเลือดออกมา ร่างของนางร่วงลงไปในพริบตา


ชายชุดม่วงที่อยู่ตรงหน้า ยกมือข้างหนึ่ง ปล่อยคมวายุสีม่วงเจ็ดแปดสายไปฟันหวงอิ๋ง


ประจักษ์ชัดว่า เขามองออกตั้งแต่แรกแล้วว่าหวงอิ๋งอ่อนแอสุดในบรรดาคนทั้งสาม ด้วยเหตุนี้พอลงมือ ก็คิดที่จะกำจัดไปคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว


ขณะนั้นเอง แสงกระบี่สีทองลำหนึ่งก็กวาดเข้ามาถึง


ภายใต้การเปล่งประกายติดต่อกับของแสงสีทอง ทำให้คมวายุทั้งหมดถูกโจมตีจนแตกกระจาย ขณะเดียวกัน เมฆดำก้อนหนึ่งก็พยุงร่างหวงอิ๋งที่หมดสติไว้ และม้วนตัวไปยังก้อนหินยักษ์ที่อยู่ไม่ไกล


ซึ่งก็คือหลิ่วหมิงที่ตามมาทันนั่นเอง


ตอนนี้เผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ มีคนเยอะขึ้นหนึ่งคนก็ยิ่งมีโอกาสชนะมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เขาถึงรีบยื่นมือเข้าช่วย


แต่ดูจากสภาพในตอนนี้แล้ว หวงอิ๋งคงไม่อาจเข้าร่วมการต่อสู้ในระยะเวลาสั้นๆ ได้


ชายชุดม่วงเห็นเช่นนี้ ก็แสดงสีหน้าโมโหออกมา ขณะที่กำลังจะลงมือนั้น ก็มีเงาดำเคลื่อนไหวตรงหน้า และหลิ่วหมิงก็ปรากฏตัวออกมาขวางไว้


ขณะเดียวกัน หลิ่วหมิงก็ยกแขนทั้งสองขึ้นด้านบน จากนั้นหัวพยัคฆ์สีดำสี่หัวก็ปรากฏออกมาพร้อมกัน ท่ามกลางเสียงแผดร้องของพยัคฆ์ เขาก็ชกกำปั้นออกไปอย่างรุนแรง


อีกด้านหนึ่ง ผู้อาวุโสขุยมู่ก็โบกไม้เท้าสีเขียวใส่ชายชุดม่วงคนที่สองไปสองที


คนผู้นี้นอกจากจะมีลวดลายจิตวิญญาณสีแดงเต็มหน้าแล้ว  ส่วนอื่นๆ ก็เหมือนกับชายชุดม่วงคนแรกไม่มีผิด แม้แต่กลิ่นไอก็ไม่แตกต่างกันเลยแม้แต่น้อย พอยกแขนทั้งสองขึ้น ก็มีลูกเปลวไฟสีแดงพุ่งออกมาราวกับสายฝนกระหน่ำ


ผู้อาวุโสขุยมู่หยุดชะงักลง ทำให้แค่โบกสะบัดไม้เท้าอย่างรีบร้อน จากนั้นมันก็กลายเป็นแสงสีเขียวเพิ่มการต้านทานไว้


ขณะนี้ เมื่อชายชุดม่วงที่อยู่อีกด้านเผชิญกับการโจมตีของหลิ่วหมิง ดวงตาของเขาก็ดูประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นก็ยกแขนอย่างไม่รีบร้อน และใช้มือขวากดไปยังอากาศด้านหน้า


จุดสีม่วงพุ่งออกจากฝ่ามือของเขา จากนั้นก็หมุนติ้วๆ จนกลายเป็นพายุบ้าระห่ำสีม่วงที่มีขนาดหลายจั้ง และพุ่งออกไปรับมือกับเงากำปั้นหัวพยัคฆ์ทั้งสี่ของหลิ่วหมิงพอดี


พริบตาเดียว เงากำปั้นกับก็ปะทะกับพายุบ้าระห่ำสีม่วงอย่างรุนแรง


พอทั้งสองปะทะกัน มันกลับไร้ซึ่งสุ้มเสียงใดๆ!


ดูเหมือนว่าหัวพยัคฆ์ทั้งสี่ที่ส่งเสียงคำรามท่ามกลางพายุบ้าระห่ำสีม่วง จะหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศไม่ขยับเขยื้อน แต่ทันใดนั้น เงาหัวพยัคฆ์ทั้งสี่ก็ระเบิดออกมา พายุหมุนสีม่วงดำปรากฏขึ้นมาทันที และกลายเป็นใบพัดกลมๆ ม้วนออกไปทั่วทิศ


หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกใจสั่นสะท้าน พอสะบัดแขนเสื้อ โล่สีดำกลมๆ ก็พุ่งออกมา หลังจากขยายตัวตามแรงลมจนมีขนาดหลายจั้ง มันก็ต้านทานไว้ตรงหน้า ขณะเดียวกัน ร่างของก็พุ่งถอยออกไปอย่างรวดเร็ว


“เพล้ง!” “เพล้ง!” เกิดเสียงดังขึ้นติดต่อกัน!


พื้นผิวของโล่เก้ากะโหลกเปล่งประกายแวววาวอยู่พักหนึ่ง เสียงโลหะกระทบกันดังออกมา “เต๊งๆ!”


ขณะเดียวกัน พอก้อนหินยักษ์กับหน้าผาที่อยู่บริเวณนี้ สัมผัสกับคมวายุที่พุ่งออกไปทั่วทิศ มันก็สลายตัวกลายเป็นผุยผงในทันที


แต่หลิ่วหมิงที่อยู่ด้านหลังโล่เก้ากะโหลกกลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย


ชายหนุ่มชุดม่วงเห็นเช่นนี้ ก็หัวเราะอย่างเยือกเย็น มือทั้งสองทำท่ามือขึ้นมา พายุแปลกประหลาดหลายลูกม้วนตัวออกไปอีกครั้ง และม้วนตัวเข้าหาหลิ่วหมิงด้วยอานุภาพดุดัน


หลิ่วหมิงตาเป็นประกาย หลังจากเก็บโล่เล็กสีดำเข้าไปแล้ว ไอดำรอบตัวก็พวยพุ่งออกมา และพร่ามัวกลายเป็นเงาร่างสามเงา จากนั้นก็พุ่งออกไปรับมือกับคมวายุสีม่วงของชายชุดม่วงอย่างรวดเร็ว


เกิดเสียงดัง “ฟู่!” “ฟู่!” อยู่พักหนึ่ง เงาร่างสองในนั้นถูกคมวายุสีม่วงพุ่งยิงจนระเบิดออกมาเป็นไอดำ


ร่างจริงของหลิ่วหมิงอาศัยจังหวะนี้พุ่งออกมาจากไอดำ พริบตาเดียวก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าชายชุดม่วง และกำปั้นข้างหนึ่งที่มีไอดำพวยพุ่ง ก็ทุบออกไปพร้อมเสียงแผดร้อง!


ชายชุดม่วงเห็นเช่นนี้ ก็ชกกำปั้นกลับมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงเช่นกัน


เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว!


หลิ่วหมิงรู้สึกแค่ว่ามีพลังมหาศาลพุ่งเข้ามาตรงหน้า หลังจากเขาครุ่นคิดอย่างรวดเร็วแล้ว ก็พุ่งถอยกลับไปโดยตรง เมื่อถอยออกไปได้เจ็ดแปดจั้ง เขาถึงหยุดชะงักลง และชายชุดม่วงก็ร่นถอยออกไปหลายก้าวด้วยเช่นกัน


ดวงตาของชายชุดม่วงฉายแววประหลาดใจออกมา จากนั้นก็ดูเคร่มขรึมเป็นอย่างมาก พอเขาร่ายคาถา ลวดลายจิตวิญญาณสีม่วงที่ปกคลุมเต็มหน้าก็เปล่งประกาย แสงสีม่วงชั้นหนึ่งปกคลุมร่างของเขาไว้


หลิ่วหมิงเลิกคิ้วและเอามือข้างหนึ่งแตะหน้าผาก ภายใต้แสงสีทองที่เปล่งประกาย กระบี่เล็กสีทองเล่มหนึ่งก็พุ่งออกมา มันขยายตัวตามแรงลมจนมีขนาดสิบจั้งในพริบตา และฟันออกไปด้านหน้า


ทันใดนั้น แสงกระบี่สีทองลำหนึ่งก็ฟันลงมา!


ชายชุดม่วงขยับแขนทั้งสองด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก แสงสีม่วงม้วนออกจากตัว และก่อตัวเป็นเงาอสรพิษยักษ์ที่มีขนาดสิบกว่าจั้ง มันหมุนวนรอบตัวหนึ่งรอบ จากนั้นก็อ้าปากพ่นเสาวายุขนาดเท่าแผ่นโม่ออกมา และมันก็ขยายใหญ่อย่างบ้าคลั่ง


หลิ่วหมิงชี้ไปกลางอากาศด้วยสีหน้าเฉียบขาด


แสงกระบี่สีทองที่ฟันออกไปส่งเสียงดัง “เพล้ง!” จากนั้นก็กลายเป็นปราณกระบี่สีทองสิบกว่าสายพุ่งยิงออกไป ภายใต้การตัดประสานกันไปมา ทำให้เสาวายุสีม่วงเหล่านี้ถูกปั่นจนละเอียด และกลายเป็นไอสีม่วงกลุ่มหนึ่ง


แต่ทว่าหลิ่วหมิงยังไม่ทันได้เผยสีหน้าดีใจออกมา ชายชุดม่วงก็แสดงรอยยิ้มแปลกๆ ตรงมุมปากของเขา


“แย่แล้ว!” หลิ่วหมิงรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาทันที


กำปั้นสีแดงโจมตีเข้ามาด้านหลังพร้อมกับเปลวไฟอันร้อนแรง ชายที่มีลวดลายจิตวิญญาณสีแดงบนใบหน้าที่แลกมือกับผู้อาวุโสขุยมู่อยู่นั้น ปล่อยลูกเปลวไฟสีแดงสิบกว่าลูกออกมาโจมตีในฉับพลัน


“ไอ้ระยำ!”


ผู้อาวุโสขุยมู่รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก


ชายที่มีลวดลายสีแดงแลกมือกับเขาไปด้วย ขณะเดียวกันยังสามารถลอบโจมตีหลิ่วหมิงได้ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขามีสีหน้าดูไม่ได้ได้อย่างไร


หลิ่วหมิงรีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว มือขวาโหมพลังปล่อยกำปั้นโจมตีออกไป ไอดำพวยพุ่งไปรับมือกับเปลวไฟสีแดง ทำให้เกิดควันไฟพุ่งขึ้นฟ้าจนบดบังแสงอาทิตย์ไปชั่วขณะหนึ่ง


ชายชุดม่วงถือโอกาสนี้ทำให้ร่างพร่ามัวขึ้นมา และเข้าประชิดหลิ่วหมิงด้วยความเร็วแปลกประหลาด ภายใต้แสงสีม่วงที่หมุนวนรอบตัว ทำให้ก่อเกิดเป็นพายุบ้าระห่ำสีม่วงลูกแล้วลูกเล่า


เขาเคลื่อนไหวแค่ทีเดียว ก็มาอยู่ตรงหน้าหลิ่วหมิงราวกับปีศาจ


หลิ่วหมิงรีบกระตุ้นเกราะอสูรด้วยความตกใจ เกราะหนังสีเงินจางๆ ปรากฏขึ้นบนตัวภายในพริบตา ขณะเดียวกันก็มีเกล็ดหนาๆ ปรากฏออกมาบริเวณหน้าอกเป็นชั้นๆ แขนทั้งสองก็ตั้งตัดสลับกันไว้ตรงหน้า


“ตู๊ม!” กำปั้นที่เปล่งแสงสีม่วงโจมตีลงบนแขน


หลิ่งหมิงรู้สึกร้อนที่แขนทั้งสอง ร่างของตนเองราวกับถูกภูเขาลูกเล็กๆ กระแทก พอรู้สึกหวานที่ลำคอ เขาก็กระอักเลือดออกมา ภายใต้การครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว เขากลับกระตุ้นเคล็ดวิชาในทันที และอาศัยพลังนี้พุ่งถอยออกไป และกะพริบออกจากพื้นที่กักขังของพายุบ้าระห่ำ


หลังจากเขาเคลื่อนไหวแค่ทีเดียว ก็มาปรากฏตัวอยู่ห่างออกไปสิบกว่าจั้ง มือข้างหนึ่งซ่อนไว้ด้านหลัง ส่วนอีกข้างก็เรียกกระบี่บินกลับมา สายตาที่จ้องมองฝ่ายตรงข้ามดูเคร่งขรึมอย่างหาที่เปรียบมิได้


ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของปีศาจสายฟ้าผู้นี้ ดูจากสถานการณ์ที่เขาไม่ได้นำอาวุธจิตวิญญาณและยันต์ใดๆ ออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกอนุรักษ์นิยมผู้หนึ่งในเผ่าปีศาจ ทั้งยังอาศัยพลังของวายุแปลกประหลาดสีม่วงเพียงอย่างเดียว ในการทำการโจมตีรูปแบบต่างๆ


ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าปีศาจโคดำในก่อนหน้านั้นเลยแม้แต่น้อย ลำพังแค่พลังการฝึกฝนเฉพาะตัวก็มีอานุภาพระดับนี้ ทำให้หลิ่วหมิงนึกถึงวิชาพื้นฐานที่เขาประทับวิชาในตอนที่อยู่ระดับศิษย์จิตวิญญาณอย่างอดไม่ได้


ขณะนั้นเอง ลวดลายจิตวิญญาณบนใบหน้าของชายชุดม่วงก็เปล่งประกาย และเขาก็เริ่มร่ายคาถาออกมา ขณะเดียวกันกลิ่นไออันน่าตกใจก็พุ่งขึ้นฟ้า และค่อยๆ คว้ามือไปทางหลิ่วหมิงอย่างช้าๆ


“ฟู่!” ฝ่ามือแสงสีม่วงขนาดหนึ่งหมู่กว่าๆ ปรากฏตัวเหนือศีรษะหลิ่วหมิง พอนิ้วทั้งห้ากางออกมา มันก็ค่อยๆ คว้าลงมาอย่างโหดเหี้ยม


หลิ่วหมิงรู้สึกว่าอากาศรอบด้านอัดแน่นเข้ามา ทำให้หายใจลำบากเป็นอย่างมาก ทันใดนั้น เขาก็แผดร้องด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และคว้ากระบี่เล็กสีทองไว้แน่น หลังจากขยายตัวตามแรงลมแล้ว มันมีขนาดยาวสองฉื่อกว่าๆ


เขาปล่อยพลังเวททั้งหมดลงในกระบี่บินว่างเปล่าอย่างบ้าคลั่ง พอสะบัดข้อมือไปกลางอากาศ แสงกระบี่สีทองที่ยาวสามสิบกว่าจั้ง ก็พุ่งเข้าไปรับมือกับมือยักษ์สีม่วง


ตอนที่ 699 อสรพิษสองหัว (2)

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ตู๊ม!” แสงกระบี่สีทองฟันลงบนมือยักษ์สีม่วงอย่างรุนแรง ทันใดนั้นแสงสีทองก็เปล่งประกายเจิดจ้า ไอสีม่วงก็พวยพุ่งออกมา


แสงสีม่วงกับแสงสีทองประสานเข้าด้วยกันในพริบตา ทำให้เกิดเสียงดังบนอากาศบริเวณนั้นอยู่ไม่หยุด เกิดเหตุการณ์ที่ต่างก็ไม่มีใครตกเป็นเบี้ยล่าง


“เร็ว!”


หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็เปลี่ยนท่ามือโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง และตะโกนด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น


แสงกระบี่สีทองสว่างขึ้นมาทันที ปราณกระบี่สีทองบางส่วนแยกตัวออกไป และม้วนตัวเข้าหาชายชุดม่วงโดยตรง


ชายชุดม่วงมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที พอโบกมือข้างหนึ่ง กำแพงวายุสีม่วงก็ต้านทานอยู่ตรงหน้า เกิดเสียงดัง “เต๊งตั๊งๆ!” อยู่ไม่หยุด ปราณกระบี่สีทองที่โจมตีเข้ามาถูกต้านทานไว้ได้ทั้งหมด


ในขณะเดียวกัน หลิ่วหมิงก็กระทืบเท้าอย่างไร้สุ้มเสียง จากนั้นร่างของเขาก็พร่ามัวพุ่งเข้าใส่ชายชุดม่วง


ชายชุดม่วงเผยสีหน้าโหดร้ายออกมา มือข้างหนึ่งคว้าไปกลางอากาศในฉับพลัน พายุบ้าระห่ำสีม่วงรวมกันจนเกิดเป็นหอกวายุสีม่วงจางๆ ที่ยาวจั้งกว่าๆ และถูกเขวี้ยงออกไปอย่างไม่ลังเล


“ฟิ้ว!”


หอกวายุสีม่วงกะพริบจมเข้าใปในร่างของหลิ่วหมิง และทะลุออกจากบริเวณหน้าอก


ครู่ต่อมา หลิ่วหมิงก็สลายตัวเป็นไอดำ ที่แท้มันก็เป็นแค่เงาร่างเท่านั้น


ชายชุดม่วงรู้สึกอึ้งไปทันที แต่ก็ได้สติและชกกำปั้นโต้กลับไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเงาร่างที่สองของหลิ่วหมิงก็ถูกโจมตีจนแตกกระจาย และสลายไปอีกครั้ง


แต่ขณะนั้นเอง พายุเย็นยะเยือกก็โจมตีมาจากด้านหลัง เงาร่างที่สามปรากฏออกมา ซึ่งก็คือร่างจริงของหลิ่วหมิงนั่นเอง


พอร่างจริงของหลิ่วหมิงปรากฏ เพียงแค่สะบัดไหล่ ไอดำก็พวยพุ่งรอบตัว แสงสีเงินเปล่งประกายใต้ซี่โครง แขนสีเงินอีกสองข้างงอกออกมา หลังจากแขนทั้งสี่พร่ามัว มังกรหมอกดำกับพยัคฆ์หมอกดำต่างก็หมุนวนออกมา และพุ่งใส่หลังชายชุดม่วงพร้อมกันอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ


นี่คือวิชาเปลี่ยนแปลงในเกราะอสูรที่หลิ่วหมิงเพิ่งจะสามารถพลิกแพลงได้เมื่อไม่นานมานี้


ครั้งนี้เขาปรากฏตัวราวกับปีศาจ การโจมตีของแขนทั้งสี่ก็รวดเร็วประดุจสายฟ้าฟาด


แม้ว่าชายชุดม่วงจะมีพลังอันน่าตกใจ แต่ก็หันมาต้านทานไม่ทัน ทำได้แต่กระโดดขึ้นมาอย่างฉับพลัน ทันใดนั้นร่างกายก็สั่นสะท้าน ปากของเขาร่ายคาถาลึกลับออกมา ลวดลายจิตวิญญาณสีม่วงปกคลุมไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว


ลวดลายแปลกประหลาดที่ปกคลุมเต็มตัวเปล่งประกายแสงสีม่วงสว่างไสว ราวกับว่ามันถูกปักอยู่บนตัว และคล้ายกับว่ามีชีวิตขึ้นมาจริงๆ


“เพล้ง!”


เงาร่างมังกรพยัคฆ์โจมตีลวดลายจิตวิญญาณบนตัวชายชุดม่วง แสงทรงกลดสีม่วงแผ่กระจายไปปะทะกับไอปีศาจสีดำ จากนั้นก็กลายเป็นเมฆหมอกสีม่วงดำกลุ่มหนึ่ง และค่อยๆ สลายไป


ชายชุดม่วงรับพลังมหาศาลจากกำปั้นของหลิ่วหมิงโดยตรง จึงทำให้ร่างกระเด็นออกไปสิบกว่าจั้ง จากนั้นถึงพยายามทรงตัวไว้ได้


ขณะนี้ เขามีเลือดหยดตรงมุมปาก ชุดสีม่วงบนตัวถูกเงากำปั้นมังกรพยัคฆ์โจมตีจนขาดไม่มีชิ้นดี ภายใต้พายุที่พัดเข้ามา เศษสีม่วงก็หลุดลอยออกไป เผยให้เห็นหน้าอกที่มีเกล็ดปกคลุมไปทั่ว มีรอยกำปั้นปรากฏอยู่บนนั้นอย่างชัดเจน และมีเลือดซึมออกจากช่องว่างระหว่างเกล็ดอยู่รำไร


ด้วยความแข็งแกร่งของกายเนื้อหลิ่วหมิงในตอนนี้ ภายใต้การโจมตีซึ่งๆ หน้าด้วยเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬ ต่อให้จะเป็นผู้ฝึกร่างระดับแก่นแท้ธรรมดา ก็ไม่อาจแบกรับการโจมตีนี้ได้ อีกอย่างภายใต้สถานการณ์ที่มีสี่แขนเช่นตอนนี้ ชายชุดม่วงกลับได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย มันทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่เผยสีหน้าผิดปกติออกมา เพียงแค่ค่อยๆ วางแขนทั้งสี่ลงเท่านั้น


“ไอ้มนุษย์หยาบช้า! บังอาจทำข้าบาดเจ็บถึงเพียงนี้!” แสงเยือกเย็นเปล่งประกายในดวงตาของชายชุดม่วง หลังจากแหงนหน้าส่งเสียงคำรามออกมา กลิ่นไออันดุเดือดก็พุ่งขึ้นฟ้า ลวดลายจิตวิญญาณสีม่วงบนใบหน้าเปล่งประกายอย่างบ้าคลั่ง แสงสีม่วงแผ่ขยายออกไป และก่อตัวเป็นคลื่นน้ำวนขนาดใหญ่


ชายชุดม่วงพร่ามัวเข้าไปใจกลางคลื่นน้ำวน หลังจากม้วนตัวท่ามกลางแสงสว่างแล้ว ก็กลายเป็นพายุหมุนสีม่วงพุ่งขึ้นฟ้า


ขณะเดียวกัน ชายชุดม่วงอีกคนที่บีบจนผู้อาวุโสขุยมู่ต้องร่นถอยเป็นระยะๆ ก็หยุดชะงักลงในฉับพลัน ลวดลายจิตวิญญาณสีแดงบนใบหน้าเปล่งประกายเจิดจ้า เปลวไฟสีแดงอันร้อนแรงพุ่งออกจากระหว่างคิ้ว และถือโอกาสแผ่ขยายไปทั่วร่าง


จากนั้นชายผู้นี้ก็กลายเป็นแสงเปลวไฟสีแดง และพุ่งไปหาพายุหมุนสีม่วงในพริบตา


ผู้อาวุโสขุยมู่คิดจะลงมือขัดขวางด้วยความตกใจ แต่กลับช้าไปครึ่งก้าว


“ตู๊ม!” แสงเปลวไฟสีแดงกับพายุหมุนสีม่วงผสานกันอยู่ไม่หยุด ทำให้ท้องฟ้าในขณะนั้นประเดี๋ยวกลายเป็นพายุสีม่วง ประเดี๋ยวกลายเป็นเปลวไฟขนาดใหญ่


ทั้งสองผสมปนเปเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นพายุสีม่วงและเปลวไฟสีแดงแผ่ขยายไปในพื้นที่ระยะยี่สิบกว่าจั้ง ขณะเดียวกัน กลิ่นไออันแข็งแกร่งก็ม้วนตัวไปทั่วทิศ


หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็ยื่นแขนทั้งสี่ออกไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง มังกรหมอกสี่ตัวกับพยัคฆ์หมอกสี่ตัวกระโจนออกไปด้านหน้าท่ามกลางไอดำที่พวยพุ่ง


ผู้อาวุโสขุยมู่มองดูเปลวไฟแดงกับวายุม่วงที่อยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าตกใจเช่นกัน ทันใดนั้น เขาก็โยนไม้เท้าสีเขียวไปด้านหน้า และทำท่ามือในทันที


อักขระไหลวนบนผิวไม้เท้าอยู่ครู่หนึ่ง หนามสีเขียวจำนวนมากพุ่งออกมาจากบนนั้นพร้อมกับเสียงที่ดังก้องฟ้า จากนั้นก็กลายเป็นแสงสีเขียวพุ่งเข้าใส่ไอสีม่วงที่พวยพุ่ง


ฉากที่พวกเขาทั้งสองคาดไม่ถึงได้ปรากฏขึ้นแล้ว!


ไม่ว่าจะเป็นมังกรพยัคฆ์หมอกที่ส่งเสียงคำราม หรือว่าหนามสีเขียวที่แน่นขนัด พอพวกมันจมเข้าไปในเปลวไฟวายุม่วง ต่างก็ถูกไฟวายุจำกัดไปอย่างไร้ร่องรอย!


ขณะเดียวกัน ท่ามกลางไฟวายุยังคงมีเสียงดังออกมาราวกับเสียงอสรพิษ จากนั้นกลิ่นไออันน่าหวาดกลัวที่ทำให้รู้สึกหายใจอึดอัด ก็ม้วนตัวออกมา


หลิ่วหมิงกับผู้อาวุโสขุยมู่เห็นเช่นนี้ ก็สบตากันทีหนึ่ง และต่างก็มองเห็นสีหน้าเคร่งขรึมอย่างถึงขีดสุดของอีกฝ่าย


พอลมเย็นพัดผ่านไปพักหนึ่ง ไอหมอกสีม่วงที่พวยพุ่งก็กระจายออกไปทั่วทิศ เผยให้เห็นอสรพิษอัปลักษณ์สองหัวที่ยาวสามสิบกว่าจั้งตัวหนึ่ง


หัวของอสรพิษตัวนี้ หัวหนึ่งเป็นสีม่วง อีกหัวเป็นสีแดง หัวสีม่วงถูกปกคลุมไปด้วยลายวายุสีม่วง ส่วนหัวสีแดงก็ถูกปกคลุมไปด้วยลายเปลวไฟสีแดง ดวงตาทั้งสองคู่ต่างก็แผ่คลื่นสีทองออกมา มันดูไม่มีความรู้สึกเลยแม้แต่น้อย


ทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกอกสั่นขวัญหายอย่างอดไม่ได้


“ร่างเดิมก็คืออสูรกลายพันธุ์!” พอผู้อาวุโสขุยมู่มองเห็นหัวทั้งสองของอสรพิษยักษ์ ก็รู้สึกหน้าดำในทันที……


แต่ครู่ต่อมา หัวทั้งคู่ของอสรพิษก็บิดตัวอย่างแปลกประหลาด ร่างของมันยืดยาวและพุ่งยิงออกไป พริบตาเดียวก็มาถึงตรงหน้าผู้อาวุโสขุยมู่แล้ว


ผู้อาวุโสขุยมู่รีบยกไม้เท้าขึ้นเหนือศีรษะด้วยความตกใจ ภายใต้การร่ายคาถา แสงสีเขียวก็เปล่งประกายบนไม้เท้า พริบตาเดียวเถาวัลย์ก็งอกออกมาหลายเส้น


อสรพิษสองหัวพุ่งลงด้านล่าง หัวสีแดงอ้าปากขนาดใหญ่พ่นลูกเปลวสีแดงที่มีขนาดหลายจั้งออกมาหนึ่งลูก พอตกลงบนกำแพงเถาวัลย์ ก็ลุกไหม้อย่างรุนแรง จากนั้นหัวสีม่วงก็อ้าปากพ่นเงาร่างยาวๆ สีแดงพุ่งทะลุเปลวไฟอันคุโชนไป


พอผู้อาวุโสขุยมู่รู้สึกว่ามีแสงสีแดงเปล่งประกายตรงหน้า ก็มีกลิ่นคาวโชยเข้ามา แขนขวาและไม้เท้าสีเขียวในมือถูกอะไรบางอย่างรัดพันเป็นชั้นๆ จากนั้นก็ถูกพลังมหาศาลลากออกไปด้านนอก แขนขวาของถูกเงาแดงฉีกออกมาพร้อมกับไม้เท้าสีเขียว


และทุกอย่างนี้เกิดขึ้นในชั่วเวลาเพียงอึดใจเดียวเท่านั้น!


ขณะนั้นเอง แสงกระบี่สีทองขนาดสิบกว่าจั้ง ก็ฟันเข้าใส่อสรพิษยักษ์จากด้านข้าง หลิ่วหมิงมาถึงในช่วงวิกฤตสำคัญพอดี


เงาแดงในปากอสรพิษยักษ์สีม่วงบิดตัวทีหนึ่ง และกลืนไม้เท้าสีเขียวกับแขนขวาของผู้อาวุโสขุยมู่ลงไป จากนั้นก็หมุนตัวสะบัดหางไปด้านหน้าอย่างรุนแรง


พอหางอสรพิษยักษ์ปะทะกับแสงกระบี่สีทอง ก็เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น “ตู๊มต๊าม!”


หลิ่วหมิงร่นถอยไปหลายจั้ง แสงกระบี่สีทองแตกกระจายไปทันที!


ประจักษ์ชัดว่าอสรพิษยักษ์ตรงหน้า ประเมินพลังของกระบี่บินว่างเปล่าต่ำเกินไป สภาพของมันจึงไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่!


หางอสรพิษดีดกระเด็นกลับมา ทั้งยังมีรอยกระบี่ลึกๆ ที่ยาวหลายจั้งปรากฏอยู่บนนั้น ประจักษ์ว่ามันถูกทำร้ายไม่เบา


ผู้อาวุโสขุยมู่ถือโอกาสนี้พุ่งถอยออกไปหลายจั้ง และนำยันต์ผืนหนึ่งออกมาห้ามเลือดบนแขนที่ขาด หลังจากกลืนโอสถลงไปหนึ่งเม็ด สีหน้าสีซีดขาวถึงดูดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่ในใจยังคงรู้สึกหวาดผวาอยู่พักหนึ่ง


อสรพิษสองหัวนี้เคลื่อนไหวรวดเร็วมาก ซึ่งเร็วกว่าตอนที่กลายร่างเป็นมนุษย์หลายเท่า!


อสรพิษยักษ์สองหัวส่งเสียงร้องอยู่ไม่หยุด ประจักษ์ชัดว่าความร้ายกาจของกระบี่ว่างเปล่าในเมื่อครู่ เหนือความคาดหมายของมันไปมาก


แต่หลังจากดวงตาสีทองทั้งสี่ของมันเปล่งประกายออกมา แสงทรงกลดสีม่วงก็เปล่งประกายบนหางที่มีบาดแผลพร่ามัว ทำให้บาดแผลสมานกันอย่างรวดเร็ว


ขณะเดียวกัน พอร่างของมันพร่ามัว หัวสีแดงก็อ้าปากขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาหลิ่วหมิงอย่างโหดเหี้ยม


พอหัวสีม่วงอ้าปาก คมวายุสีม่วงสิบกว่าสายก็พุ่งเข้าหาหลิ่วหมิงพร้อมเสียงดังหวึ่งๆ และหัวสีแดงอีกหัวก็แลบลิ้นออกมา


หลิ่วหมิงเขม็งตามอง และพุ่งถอยออกไปด้านหลังอย่างรุนแรง และพยายามรักษาระยะห่างกับทั้งสองไว้ พอกระตุ้นกระบี่ว่างเปล่าในมือ แสงกระบี่สีทองก็ม้วนตัวออกไปจำนวนมาก และฟันคมวายุที่พุ่งเข้ามาถึงจนแตกกระจาย ส่วนอีกข้างก็หดเข้าไปในแขนเสื้ออย่างเงียบๆ


ผู้อาวุโสขุยมู่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ประกายโหดร้ายก็ฉายผ่านแววตาของเขา พอแสงเย็นสะท้านเปล่งประกายบนมือ กริชสีดำแปลกประหลาดเล่มหนึ่งก็ปรากฏออกมา


กริชเล่มนี้ยาวประมาณสามชุ่น ด้ามของมันเป็นหัวมังกรสีดำที่ไม่ทราบชื่อชนิดหนึ่ง แลดูมีสภาพเสื่อมโทรมเล็กน้อย


บนตัวกริชมีร่องโลหิตที่เปล่งแสงสีแดงแปลกประหลาดอยู่


จะเห็นว่าผู้อาวุโสขุยมู่ถือกริชกรีดไปทางไหล่อีกข้าง และร่ายคาถาออกมา โลหิตไหลตามร่องโลหิตไปยังหัวมังกร จากนั้นแสงโลหิตก็เปล่งประกายในดวงตาตามังกรสีดำที่อยู่บนด้ามกริช และค่อยๆ สั่นสะท้านราวกับมีชีวิต


ผู้อาวุโสขุยมู่ส่งสียงเบาๆ และโยนกริชสีดำออกไป หลังจากมีคลื่นสั่นสะเทือนอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย


ครู่ต่อมา หัวมังกรยักษ์ทั้งสองก็บิดตัวกลางอากาศอยู่พักหนึ่ง กริชสีดำพร้อมด้วยแสงสีแดงฉานเปล่งประกายออกมา และปักลงบนหางของอสรพิษยักษ์สองหัว


ประกายแห่งความกระหายเลือดฉายผ่านกริชสีดำ เลือดบริเวณบาดแผลของอสรพิษยักษ์ถูกดูดเข้าไปในร่องโลหิตอย่างต่อเนื่อง ชิ้นส่วนเล็ก ๆ ของหนังอสรพิษที่แห้งเหี่ยวปรากฏบนตัวอสรพิษสีม่วงอย่างรวดเร็ว


อสรพิษยักษ์ที่กำลังต่อสู้กับหลิ่วหมิงอยู่แหงนหน้าส่งเสียงคำรามด้วยความโมโห พอสะบัดหางอย่างรุนแรง กริชสีดำก็ถูกสะบัดจนกระเด็นออกไป ขณะเดียวกันก็หันตัวมาอย่างรวดเร็ว และอ้าปากทั้งสองพ่นเปลวไฟสีแดงกับคมวายุสีม่วงใส่ผู้อาวุโสขุยมู่

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)