ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 682-688

 บทที่ 682 ฉันจะรอดู

โดย

Ink Stone_Fantasy

เห็นเจี้ยนผานโฮ่วทำท่าจะร้องไห้ ฉินสือโอวจึงคิดว่าควรหยุดแกล้งเขาก่อน เลยเอ่ยว่า “นายมีปัญหาอะไรก็พูดให้ชัดเจนสิ ทำไมหวงเฮ่าเจียไปดูที่ร้านปืนแทนนายล่ะ?”


เจี้ยนผานโฮ่วถอนหายใจอีกครั้ง “ธุรกิจร้านปืนดีมาก พี่พอลแกเลยรู้สึกว่ามีแค่สองคนมันยุ่งเกินไป อยากจ้างพนักงานเพิ่ม ผมเลยแนะนำน้องภรรยาผมไป พี่พอลเลยเขามาสัมภาษณ์ดู แล้วคิดว่าไม่เลว ก็เลยให้เขาได้ลองฝึกงานครับ”


คุณพี่พอลคือพอล ซาโกร มีอำนาจในฐานะซีอีโอเต็มเปี่ยม ส่วนฉินสือโอวเป็นประธานกรรมการ ในเมื่อเป็นการตัดสินใจของซีอีโอ เขาก็คงพูดอะไรไม่ได้ ยังไงก็ควรแสดงความเคารพต่ออีกฝ่ายด้วย


“แล้วหวงเจียเจียทำไมเหรอ?” ฉินสือโอวถาม


เจี้ยนผานโฮ่วเกาหัวยุ่งๆของตัวเองพลางทอดถอนหายใจ “เจียเจียเป็นคนรักในฝันผมเลย พี่ฉิน พี่รู้หรือเปล่าว่าทำไมผมถึงต้องมาทำงานหนักที่เกาะแฟร์เวล?”


ฉินสือโอวส่ายหน้า ไม่ได้หมายความว่าไม่รู้ แต่มองไม่ออกต่างหาก นายขยันทำงานเหรอ? ตรงไหนกัน?


เจี้ยนผานโฮ่วยังคงอธิบายเรื่องของตัวเองต่อ “ก็เพื่อเจียเจียไงครับ! ผมอยากคู่ควรกับเขา! แล้วทำไมผมถึงลากน้องชายภรรยามาด้วยเนี่ย…”


“หวงเฮ่าเจียก็คือหวงเฮ่าเจีย ไม่เกี่ยวว่านายจะลากน้องชายอะไรมา ฉันสับสนแล้วเนี่ย ช่างเถอะ ฉันไม่ถามเรื่องซุบซิบนายแล้ว วันนี้มาที่บ้านฉันทำไมเหรอ?” ฉินสือโอวหันไปถาม


เจี้ยนผานโฮ่วกำลังจะตอบ ฉินสือโอวจู่ๆ ก็หัวเราะออกมา “ทางฉันเพิ่งจับปลาซิลเวอร์ไซด์มาได้หลายตัว อาหารตะวันออกเฉียงเหนือของนายมีวิธีทำอาหารจากปลาซิลเวอร์ไซด์ไหม?”


“ไม่มี! ผมกังวลจะบ้าตายอยู่นะ จะไปมีอารมณ์อยากกินปลาได้ยังไง” เจี้ยนผานโฮ่วตะโกนหงุดหงิด


“กังวลอะไร?”


“ความรู้สึกไง! ความรู้สึกน่ะ!” เจี้ยนผานโฮ่วทำหน้าเศร้า “พี่ฉิน พี่สนิทกับไอ้เวรลี่อะไรนั่นใช่ไหม? ผมเห็นเขาดูกลัวพี่อยู่ พี่ช่วยหาทางจัดการเขาหน่อยได้ไหม?”


“เวรลี่? หมายถึงบิลลี่น่ะเหรอ?” ฉินสือโอวถาม


เจี้ยนผานโฮ่วพยักหน้า ฉินสือโอวพอเข้าใจเรื่องราวแล้ว ก็คือตั้งแต่เย็นวันนั้นบิลลี่แสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่าจะตามจีบหวงเจียเจีย สองวันนี้เลยเกิดการปะทะกัน


เมื่อนึกถึงความสูงหล่อรวยของบิลลี่ แล้วมองสารรูปที่ทั้งตัวแสดงถึงกลิ่นอายขี้แพ้ของเจี้ยนผานโฮ่ว ฉินสือโอวก็ทำได้เพียงสมเพชเขาต่อไป แพ้ขาดลอย!


แต่ฉินสือโอวก็อยากช่วยเจี้ยนผานโฮ่ว เหตุผลง่ายๆ คือเขาเห็นเงาตัวเองในอดีตจากหมอนี่ พวกหล่อรวยสูงล้วนเป็นศัตรูของพวกขี้แพ้ทุกคน! ต้องช่วยสาวสวยขาวรวยจากมันให้ได้!


ด้วยเหตุนี้ฉินสือโอวจึงตบบ่าเจี้ยนผานโฮ่วด้วยความเห็นใจและตบอกตัวเอง “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง บิลลี่นี่ช่างเป็นก้างขวางคอจริงๆ ใช่ไหม?”


“ใช่เลยใช่เลย สมแล้วที่เป็นพี่ฉินคนโปรดของผม!” เจี้ยนผานโฮ่วซาบซึ้งจนจะร้องแล้ว


หลังส่งเจี้ยนผานโฮ่ว ฉินสือโอวก็โทรหาบิลลี่ ทว่ายังไม่ทันพูดอะไร บิลลี่ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงหดหู่ขึ้นก่อนว่า “นายอยู่บ้านหรือเปล่า? เดี๋ยวฉันไปหานะ”


เขามองสายโทรศัพท์ที่ตัดไป ฉินสือโอวกะพริบตาปริบๆ ทำไมถึงมีแต่คนอยากมาหาตัวเองกัน? เขาไม่ใช่สาวน้อยเสียน้อย ไม่ต้องมาสนใจกันขนาดนั้นก็ได้


ตอนบิลลี่มาถึง ฉินสือโอวกำลังแปรงขนให้หู่จือเป้าจืออยู่ แน่นอนว่าเขาก็เกาพวกมันบ้างเป็นบางครั้ง เจ้าสองตัวนี้ก็จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ส่งเสียงพึงพอใจกัน


ทันทีที่เงยหน้ามองบิลลี่ ฉินสือโอวพลันชะงัก ไม่ได้เจอกันไม่กี่วันกลิ่นอายคนหล่อรวยสูงกลับแปลกไป ทำไมผมสั้นสีทองมันยุ่งขนาดนั้นได้? ดวงตาสีมรกตก็ดูหม่นหมองอีก?


“นี่เมื่อคืนนายพี้ไปกี่ปล้องเนี่ย?” ฉินสือโอวถามอย่างระวัง “ให้ฉันทำซุปปลาเพิร์ชบำรุงร่างกายให้ไหม?”


บิลลี่ยิ้มเหมือนจะร้องไห้ เอ่ยว่า “ฉันกำลังมีความรักล่ะพวก”


“ไม่ใช่นายก็มีทุกวันอยู่แล้วเหรอไง?” ฉินสือโอวล้อ เจ้าหมอนี่มันก็แค่เสือผู้หญิงคนหนึ่ง เมื่อก่อนก็ชอบมาโม้เรื่องผู้หญิงให้ฟังที่ผับตั้งเยอะแยะ


บิลลี่คว้าแขนฉินสือโอวไว้แล้วเขย่าๆ เหมือนเด็กเอาแต่ใจ “พูดอะไรของนายน่ะ ตั้งแต่ทิฟฟานี่ที่นิวยอร์กคราวก่อนพอฉันได้แรงบันดาลใจมาจากนายกับวินนี่ ฉันก็ไม่ได้ยุ่งกับผู้หญิงคนไหนเลยนะ! จำที่ฉันบอกได้ไหม? ฉันเชื่อว่าพระเจ้าจะประทานผู้หญิงที่คู่ควรมาให้ฉัน และเธอก็มาแล้ว!”


ฉินสือโอวผลักบิลลี่ออกอย่างรังเกียจ เอ่ยเตือนว่า “ระวังคำพูดดีๆ ฉันภักดีกับวินนี่เท่านั้น นายอย่าคิดมาทำตัวแบบนี้ยั่วโมโหฉันเชียว!”


คิดว่างอแงแล้วจะได้ของที่ต้องการหรือไง!


แล้วฉินสือโอวก็เพิ่งรู้สึกว่าบิลลี่น่าจะหมายถึงอย่างอื่น “นายพูดถึงหวงเจียเจียเหรอ? นายแค่กินข้าวกับเขามื้อเดียวก็ชอบแล้วเหรอ? งั้นทำไมไม่ไปหาสาวๆ ในบาร์แทนล่ะ อย่างน้อยที่บาร์ก็มีสาวน้อยมากมายให้คุยเล่นได้”


บิลลี่โมโห “ฉันจริงจังต่างหากพวก จริงๆ นะ! รักแรกพบไงนายรู้จักไหม? นายก็รักแรกพบวินนี่เหมือนกันนั่นแหละ! ทันทีที่ฉันได้สบตาเธอ คิวปิดก็ได้ยิงศรปักหัวใจฉันแล้ว…”


“นายควรไปรักษาที่ไอซียูนะ” ฉินสือโอวไม่สนใจ ช่างรักแรกพบของนายสิ ช่างมันทั้งหมดนั่นแหละ


บิลลี่พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “นายไม่เชื่องั้นเหรอ?”


“ฉันไม่ได้โง่นะ จะเชื่อทำไม”


“ไม่ใช่ว่านายกับวินนี่ก็เป็นเหมือนกันเหรอ? ทำไมทีตอนเรื่องเกิดขึ้นกับนายถึงเชื่อล่ะ?” บิลลี่ตะโกนหงุดหงิด


ฉินสือโอวมองซ้ายขวาว่าไม่มีใคร มีแค่หู่จือเป้าจือที่หูชี้ตั้งใจฟังเรื่องนินทากัน เขาเตะไล่เจ้าสองตัวออกไป แล้วพูดเสียงเบากับบิลลี่ “ฉันอำนายเล่นต่างหากเล่า ที่จริงตอนเจอวินนี่ครั้งแรกก็แค่ประทับใจเฉยๆ ยังไม่ใช่ความรักเป็นความชอบ!”


ที่จริงก็ไม่ได้ถึงขนาดนั้น ตอนนั้นเขากำลังทรมานจากอาการกลัวความสูง และวินนี่ก็เข้ามาจับมือปลอบเขานั้น ช่างกระแทกใจที่อ่อนไหวของเขาเหลือเกิน


แต่ความรู้สึกของเขากับวินนี่เริ่มเพิ่มขึ้นหลังเธอมาเป็นแขกที่ฟาร์มปลา และความรักก็ก่อตัวขึ้นตามเวลา


เวลานั้นความรู้สึกของฉินสือโอวที่มีต่อวินนี่มีทั้งความประทับใจ หลงใหลและ** เอาแต่คิดถึงเนื้อขาเพรียวสวยของสาวแอร์โฮสเตส!


บิลลี่ไม่สนใจตะโกนว่า “แต่ของฉันรักแรกพบกับเธอจริงๆ นะ! เธอเป็นผู้หญิงแบบที่ฉันเฝ้าคอยจะแต่งงานด้วยเลย อ่อนโยน มีน้ำใจ สวย แถมยังมีกลิ่นทะเลอีก!”


ฉินสือโอวรู้สึกว่ามันออกจะเกินจริงไปหน่อย คนขาวรักแรกพบกับคนเหลืองเนี่ยนะ? หึหึ ขนาดเขายังไม่เคยมีอาการนั้นกับคนดำเลย


พอมาต่างประเทศเขาเพิ่งตระหนักถึงความร้ายแรงของการเหยียดเชื้อชาติ ที่แคนาดายังดีหน่อยเพราะเป็นประเทศสำหรับผู้ย้ายถิ่นฐาน หายากที่จะเกิดกรณีนี้ ที่อเมริกาการเหยียดเชื้อชาติยังคงเป็นปัญหาความขัดแย้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ


ถ้าอยู่ที่อเมริกา คนขาวผู้ชายมาบอกว่ารักแรกพบกับผู้หญิงผิวเหลืองหรือผิวดำ แปลว่าเขาอยากได้คู่นอนด้วย


บิลลี่สิ้นหวัง “นายไม่เชื่อจริงๆ เหรอ?”


ฉินสือโอวพยักหน้า แต่ในฐานะเพื่อนก็น่าจะควรปลอบสักหน่อย “การที่ฉันจะเชื่อไม่เชื่อไม่เห็นเกี่ยวเลย แค่สาวคนนั้นเชื่อก็พอแล้วนี่?”


“ก็เธอไม่เชื่อไงเล่า!” บิลลี่จะร้องไห้แล้ว


ฉินสือโอวพยักหน้าอีกรอบ อืม แม่สาวหวงเจียเจียก็ใช่ย่อย


“นายต้องช่วยฉันนะ ฉิน นายต้องช่วยฉันด้วยนะ! ฉันมีใจให้เธอจริงๆ นะ!” บิลลี่ดึงแขนเขามาเขย่าอย่างบ้าคลั่งอีกรอบ


ฉินสือโอวกระอักกระอ่วน เห็นท่าทางบิลลี่แล้วก็คงน่าจะเรื่องจริง แต่เขาสัญญากับเจี้ยนผานโฮ่วไปแล้วน่ะสิ จะช่วยยังไงดีเนี่ย?


บทที่ 683 สงครามภายในฉลามกบ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ช่วงบ่ายซาโกรโทรมาหาฉินสือโอวพร้อมแอบนินทาว่าเขาเพิ่งรู้ว่าโหวจื่อเซวียนนั้นมีแฟนแล้ว


อาจเพราะการที่เกาะแฟร์เวลเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอก คนบนเกาะจึงหาความบันเทิงโดยการซุบซิบเรื่องเผ็ดร้อนกัน เช่น ท่อโรงงานเคมีชุนเทียนถูกอุดด้วยฝีมือมนุษย์ แต่ปรากฏว่านั่นไม่ใช่ความจริง ตอนนี้ที่ในเมืองเล็กมีการสั่งห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวไปใกล้โรงงาน ก็เพราะมีผีดูดเลือดซ่อนตัวอยู่ต่างหาก…


ปกติซาโกรจะมีวิธีสื่อสารกับนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องมีกำแพงภาษานั่นก็คือ…ถือปืนไรเฟิลอย่างเย็นชาไว้ แต่เรื่องซุบซิบที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเขาก็คือประเด็นความโสดของโหวจื่อเซวียน จึงไม่น่าแปลกพอเขารู้เรื่องนี้แล้วจะรู้สึกสนใจมาก


ซาโกรทำการอธิบายให้ฉินสือโอวฟังอย่างภูมิใจว่าเขาไปรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง ฉินสือโอวก็จำต้องทนฟัง พอเห็นว่าพวกชาร์คมาหาเลยอ้างว่าต้องไปเติมลูกปลาในฟาร์มแล้ว จากนั้นก็วางสายโทรศัพท์


ได้ยินฉินสือโอวพูดดังนั้น ชาร์คก็ส่ายหน้าบอกว่า “บอสคุณจะไปเติมลูกปลาในฟาร์มปลาเหรอ? ไม่ต้องหรอกครับอัตราการรอดของปลาเศรษฐกิจหลักสูงพอที่จะอยู่รอดแข็งแรงครับ พวกมันยังประคองฟาร์มปลาไว้ได้”


ฉินสือโอวว่า “ไม่ต้องเพิ่มปลาซาบะกับปลาแฮร์ริ่งด้วยเหรอ? พวกมันเป็นอาหารให้ปลาหลายตัวเลยนะ”


ความเจริญอาหารในฟาร์มปลามีเยอะมาก ขนาดฉลามยังโผล่มาบ่อยๆ ปลาวาฬและปลาทูน่าก็มา อัตราการบริโภคปลาซาบะกับแฮร์ริ่งจึงสูงมาก


“เพิ่มปลาซาบะได้ครับ ส่วนปลาแฮร์ริ่งกับค็อดไม่ต้อง” ซีมอนสเตอร์นิ่งคิดก่อนพูดว่า “ปลาซาบะกับปลาค็อดขยายพันธุ์เองได้ ตราบใดที่มีจำนวนปลาพวกนี้โตเต็มวัยเพียงพอ เลยไม่ต้องกังวลเรื่องลูกปลาครับ”


โครงสร้างร่างกายของปลาซาบะกับปลาค็อดแตกต่างจากปลาส่วนใหญ่ พวกมันมีทั้งอวัยวะเพศชายและเพศหญิงอยู่สองฝั่งของร่างกาย โพรงด้านหนึ่งเป็นรังไข่และอีกด้านเป็นอัณฑะ เวลาที่ต้องขยายพันธุ์ก็สามารถทำด้วยตัวเองได้ทุกอย่าง


ฉินสือโอวรู้สึกว่าความสามารถนี้มันสุดยอดมาก แต่คนก็ยังสุดยอดกว่า ตรงที่ต่อให้ปลาสองชนิดนี้ขยายพันธุ์เองได้เป็นจำนวนมาก ก็ยังถูกมนุษย์จับฆ่าจนแทบสูญพันธุ์ได้อยู่ดี คำว่า ‘สุดยอด’ ยังอธิบายลักษณะพลังของมนุษย์ไม่พอด้วยซ้ำ


นอกจากปลาแฮร์ริ่ง ปลาค็อด และปลาจานสีเหลืองที่เป็นมาสเตอร์ในฟาร์มปลาแล้ว แน่นอนว่าแมงกะพรุนก็เป็นแนวนี้อีกด้วย


จำนวนผลผลิตของฟาร์มปลาค่อนข้างทรงตัว ขณะที่ผลิตภัณฑ์จากการจับปลาได้รับความสนใจมากกว่า ทุกวันพวกชาวประมงจะออกทะเลไปทำเครื่องหมายบอกตำแหน่งฝูงปลาไว้ เวลาจับปลาก็ไปตามเครื่องหมายได้ ไม่ใช่หว่านแหไปมั่วๆ


อากาศดี ทะเลใสสงบ เมฆขาวลอยล่อง คลื่นสีเขียว ฉินสือโอวถ่ายรูปแล้วเอาลงเวยป๋อ


วิดีโอสองอันก่อนหน้านี้ทำเงินและชื่อเสียงได้ไม่น้อยทีเดียว นอกจากเต่าเขายังลงวิดีโอตอนหู่จือเป้าจือฆ่าหมูป่าลงเวยป๋อด้วย แล้วได้รับผลตอบรับที่เกินคาด


เหล่าเพื่อนทางอินเทอร์เน็ตชื่นชอบหู่จือกับเป้าจือที่สวมหูกระต่ายและฆ่าหมูป่ากันมาก โดยเฉพาะพอรู้ทีหลังว่าชื่อพวกมันเป็นใกล้เคียงกับภาษาท้องถิ่นจีน


พวกชาวประมงแบ่งเป็นสองกลุ่มเพื่อออกทะเลสำรวจปลา ฉินสือโอวก็ขับเรือแฟร์เวลออกทะเล บนเรือขนค้อนหลายอันและของอื่นๆ ไปด้วย


เขาตั้งใจจะไปยังตำแหน่งเรืออับปางไททานิก รวบรวมข้าวของเงินทองและฝูงปลาหมึกขึ้นมา แล้วส่งค้อนให้พวกมัน


ออกทะเลมาปีกว่า ฉินสือโอวก็ขับเรือสินค้าได้แล้ว บนเส้นทางเดินเรือไม่มีหินโสโครกอยู่ เขาน่าจะขับได้ไม่มีปัญหา


ที่จริงถ้าใช้เรือแฟร์เวลจะได้เปรียบกว่า หลังออกจากท่าเรือมาสักพัก เขาก็ตั้งค่าให้ขับเองอัตโนมัติ ฉินสือโอวถือเบ็ดตกปลาไปบนดาดฟ้า จุ่มเหยื่อลงน้ำแล้วเริ่มตกปลา


เขาใช้ปลาหมึกตัวเล็กก่อน จากนั้นส่งพลังโพไซดอนผ่านน้ำลงไปส่วนหนึ่ง เพื่อให้หมึกน้อยกลายเป็นของน่าอร่อยในสายตาปลาใหญ่ ถ้าใช้วิธีนี้เวลาตกปลาปกติก็ถือว่าโกง กินเหยื่อรัวๆ


หย่อนหมึกน้อยลงไปได้ไม่นาน ฉลามกบเจ็ดพี่น้องที่อยู่บริเวณนั้นพอเห็นก็เข้ามารุมล้อม รีบตรงดิ่งไล่ตามหมึกทันที


ฉินสือโอวนึกว่าจอมตะกละพวกนี้น่าจะจู่โจมทันทีที่เห็นหมึก ปรากฏว่าทั้งเจ็ดกลับไม่โจมตีเพียงเข้าล้อมใกล้ๆ โดยไม่มีตัวไหนจับเหยื่อก่อน


เห็นดังนั้นฉินสือโอวก็ค่อนข้างพอใจ ฉลามกบเจ็ดพี่น้องนี้สมองน่าจะโตแล้ว ถึงรู้ว่าปลาหมึกที่ว่ายด้วยความเร็วขนาดนี้มันน่าสงสัย


ปลาที่มีประสบการณ์จะจับได้ยาก พวกมันสามารถแยกสายเบ็ดในน้ำทะเลได้ด้วยแสงที่ส่องกระทบ ถ้าเจอสายเบ็ดมันก็จะหนีไป


ฉินสือโอวจึงคิดว่าพี่น้องฉลามกบน่าจะเจอสายเบ็ดแล้ว เพราะฉลามกบมีสายตาดีมาก


ที่มาของชื่อฉลามกบนั้นก็มาจากดวงตาที่เรียวยาวแบบสัตว์ตระกูลแมว[1]นั่นเอง ตาคู่นี้ยังเป็นประกายเมื่อโดนแสงและมีความไวต่อแสงมาก มันจึงเป็นหนึ่งในนักล่าโซนแสงสลัวที่อันตรายที่สุด


แต่เมื่อมองดีๆ ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น พี่น้องทั้งเจ็ดที่ว่ายตามปลาหมึกล้วนน้ำลายสอกันหมด แต่ที่ยังไม่มีใครเริ่มก่อนเพราะพวกมันต่างหวาดกลัวที่จะเป็นตัวแรกนั่นเอง


สุดท้ายพี่คนโตผู้ตะกละก็ทนการล่อลวงไม่ไหว มันจ้องเตือนพี่น้องตัวอื่นๆ ก่อนเร่งว่ายไปยังปลาหมึก


เห็นดังนั้นพี่น้องทั้งหกย่อมไม่ยอม พวกมันร่วมมือกันอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ไปมุงล้อมพี่คนโตก่อนจะเริ่มกัดกันไปมา กระทั่งทนเจ็บไม่ไหวจนต้องหนีไปท้ายฝูงด้วยความหดหู่


จากนั้นเหตุการณ์ก็วนอยู่อย่างนั้น เมื่อไรที่มีตัวกล้าแสดงออกมากินปลาหมึกก็จะโดนอีกหกตัวรุมกัดโดยไม่ลังเล ในบรรดาพวกมันตัวพี่ใหญ่มักโหดที่สุด


ด้วยเหตุนี้ฉินสือโอวจึงตกปลาไม่ได้ ถึงจะเป็นฉลามขนาดเล็ก แต่ในชื่อก็ยังมีคำว่า ‘ฉลาม’ อยู่ แล้วฉลามกบเจ็ดตัวล้อมปลาหมึกอยู่อย่างนั้น ต้องมีความกล้าขนาดไหนถึงจะไปแย่งปลาจากปากเสือได้?


ฉลามกบเจ็ดตัวมักโหดร้ายกับคนของตัวเอง และโหดร้ายกับคนนอกยิ่งกว่า เลยไม่มีใครกล้ากวนพวกมัน


สุดท้ายนกกับหอยตีกันชาวประมงกลับมารวบเองไปหมด ขณะที่ฉลามกบเจ็ดพี่น้องตีกันอยู่ ปลากระโทงร่มสีน้ำเงินตัวหนึ่งที่เห็นปลาน่าอร่อยจึงฉวยโอกาสว่ายเข้ามาคว้าปลาหมึกไปอย่างรวดเร็ว


ฉลามกบเจ็ดพี่น้องถึงกับชะงัก พวกมันปล่อยน้องเล็กผู้โชคร้าย แล้วมองไอ้เวรที่มาแย่งอาหารที่พวกมันตามประกบไว้ไปกินหน้าตาเฉยอย่างอึ้งๆ


ปลากระโทงร่มสีน้ำเงินจะมีขนาดตัวพอๆ กับฉลามกบ คือยาวสามเมตร แต่ในสถานการณ์นี้มันตัวยาวแค่หนึ่งเมตรกว่า แถมยังหนักน้อยกว่าฉลามกบเจ็ดตัวนั้นมาก พอกินเสร็จก็ต้องรีบชิ่ง


ฉลามกบเจ็ดตัวโกรธมาก มากินอาหารข้าแล้วยังกล้าหนีอีกเหรอ? เอาตัวให้รอดก็แล้วกัน!


เดิมฉินสือโอวจะเข้าร่วมสงครามชักเย่อผ่านร่างปลากระโทงด้วย ปรากฏว่าปลากระโทงหนึ่งเมตรกลับมีพละกำลังไม่น้อยเลย พอเห็นฉลามกบเจ็ดตัวตามไล่กวดอย่างนั้น เขาพลันเกิดไอเดียขึ้นจึงใช้พลังใส่ปลากระโทงให้ว่ายมาทางเรือแทน


………………………………………………………


[1] ฉลามกบมีอีกชื่อว่าฉลามแมว Catshark


บทที่ 684 อัปเกรดเรือกำปั่น

โดย

Ink Stone_Fantasy

ด้วยการนำของฉินสือโอว หัวของปลากระโทงจึงถูกสายเบ็ดลากให้มาทางเรือ โดยมีฉลามกบตามติดอยู่ด้านหลัง มันทำได้เพียงไปตามสายเบ็ดเพื่อหนีเอาตัวรอดเท่านั้น


พอลากมันมาได้ภารกิจของฉินสือโอวก็ง่ายขึ้นแล้ว เขาควบคุมสายเบ็ดนำทางปลา ขณะที่ฉลามกบก็ยังตามหลัง ปลากระโทงไม่มีทางเลือกอื่นให้หนี ก็ต้องโดนดึงไปในน้ำแบบนั้น


ตอนนั้นเองฉินสือโอวก็เริ่มออกแรงดึงปลากระโทงขึ้นมา


พวกพี่น้องฉลามกบรู้ว่าปลากระโทงสามารถกระโดดขึ้นเหนือน้ำได้ และในฐานะที่พวกมันเป็นนักล่าในน่านน้ำอันดับต้นๆ เคยกินปลากระโทงมาไม่หนึ่งร้อยก็แปดสิบตัวได้ จึงมีประสบการณ์พอสมควร ทันทีที่เห็นปลากระโทงหายไปจากน้ำ พวกมันก็แยกย้ายไปเตรียมดักในวงกว้าง


ปลากระโทงไม่ใช่นกไม่สามารถบินเหนือน้ำได้เดี๋ยวก็ต้องร่วงลงมา พอลงมาพวกมันจะชะงักไปด้วยความมึนเล็กน้อย ซึ่งฉลามกบค่อยฉวยจังหวะนั้นเข้าโจมตี


แต่คราวนี้พี่น้องฉลามกบคำนวณพลาดไป พวกมันมองผิวน้ำอย่างกังวล ปลากระโทงนั่นไม่ร่วงลงมาเสียที…


ฉินสือโอวเอาปลากระโทงไปบนดาดฟ้าแล้ว ทำให้มันเลือดไหลก่อนใส่ถังน้ำแข็ง กลับไปจะทำบาร์บีคิวหรือเคี่ยวซุปก็อร่อยทั้งนั้น


ฉลามกบเจ็ดพี่น้องรอสักพักก็ยังไม่เห็นมันกลับมา ในที่สุดพวกมันก็รู้ตัวว่าคงไม่ได้กินปลาแล้ว จำต้องไปหาอาหารใหม่อีกรอบอย่างเซ็งๆ


เพราะเสียงดังกระหึ่มของเครื่องยนต์เรือแฟร์เวลบนผิวน้ำ ทำให้ปลาเล็กบริเวณนั้นตกใจหนีหายกันไปหมด ฉลามกบเจ็ดพี่น้องช่วยกันค้นหาอย่างเศร้าสร้อยแต่ก็ยังไม่เจอของโปรดเสียที มันมองหน้ากันก่อนจะทยอยหงายท้องลอยไปบนผิวน้ำ


แม้ผิวบางส่วนของฉลามกบจะมีสีอ่อน แต่ก็ยังเป็นสีเข้มทั้งตัว พวกมันแกล้งตายหงายท้องให้ลอยบนผิวน้ำจนดูเหมือนก้อนหิน


นกจมูกหลอดหางสั้นกับนกนางนวลบางตัวที่บินหาอาหารในอยู่ทะเล ความอดทนของพวกมันไม่ได้เหนือขั้นเท่านกฟรีเกตกับนกอินทรีหัวขาว บินไปสักพักก็เริ่มอยากพักบนโขดหิน


พี่น้องฉลามกบพากันหงายผิวสีเข้มตรงหน้าท้องให้ดูเหมือนโขดหิน นกจมูกหลอดหางสั้นหรือนกนางนวลที่ไม่ได้สังเกตก็มาหุบปีกลงเกาะตามความเคยชิน


ฉลามกบพี่ใหญ่ที่มีนกจมูกหลอดตัวหนึ่งเกาะอยู่ก็ค่อยๆ จมตัวลงไปในน้ำ เจ้านกที่ยังไม่รู้ถึงอันตรายพยายามกระโดดหนีห่างจากน้ำ แล้วขยับไปส่วนอื่นที่ยังไม่จม


เท้าของเจ้านกเหยียบเข้ากับส่วนหัวของฉลามกบพี่ใหญ่โดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นเองมันก็พลิกตัวอ้าปากงับกินนกจมูกหลอดทันที!


กลายเป็นว่ามีแค่พี่ใหญ่ที่ได้กินอาหารตัวเดียว โดยทำนกตัวอื่นๆ แตกตื่นหนีไปด้วย พี่น้องอีกหกตัวโมโหมาก ไม่ร่วมมือกับมันแล้ว ไอ้พี่เวร ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ พี่น้องทั้งหมดก็พร้อมใจเข้าไปรุมกระทืบทันที


ฉินสือโอวส่ายหัวอย่างจนใจ พี่น้องหกตัวนี้มันตลกได้ตลอดจริงๆ


จากนั้นเขาก็ตกปลาได้อีก เป็นปลากะพงแสมขนาดสี่สิบกว่าเซนติเมตร ปลาชนิดนี้ตัวแบน ตาโต ตัวสีเทาเงิน มีจุดดำเหนือครีบอกคล้ายกับปลาเพิร์ช เอาไปตุ๋นแล้วอร่อยมาก


ปลากะพงแสมมีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ จุดสีสดใสหรือเวลาบนตัวมัน ตอนที่มันตายจุดบนตัวก็จะหายไปด้วย ชาวเรือเก่าจึงใช้จุดเป็นตัวบอกเวลาตายของปลากะพงแสม ซึ่งแม่นยำแม้กระทั่งชั่วโมง


หลังตกปลารับลมทะเลจนเต็มอิ่มตลอดทาง ฉินสือโอวก็ใกล้ถึงน่านน้ำเรืออับปางแล้ว เขาพาอีวิลสันมาด้วย ซึ่งเป็นคนที่เขาเชื่อใจให้ทำงานแบบนี้มากที่สุด แถมยังเงียบขรึมพูดน้อย


ส่วนที่ฉินสือโอวชอบในตัวอีวิลสันมากที่สุดก็คือ คำนิยามของปากเขา เขาใช้ปากเพื่อกินไม่ใช่เพื่อพูดสิ่งต่างๆ ดังนั้นไม่ว่าเขาจะเห็นหรือรู้อะไร ตราบใดที่ฉินสือโอวสั่งห้ามพูด ต่อให้ใครถามเขาก็จะไม่บอก


เชือกพวนยาวหนาทอดลงไปยังก้นทะเล ปลายสุดด้านหนึ่งของเชือกพวนเชื่อมกับเครื่องยนต์ อีกด้านมัดอวนตาข่ายเส้นหนาไว้


ในอวนตาข่ายเต็มไปด้วยพวกเหยื่อปลา และค้อนเล็กจำนวนมาก เขาใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนควบคุมฝูงปลาหมึกให้หยิบเครื่องมือออกมา จากนั้นนำเงินทองเครื่องใช้ที่สีสันคละกันใส่อวนตาข่าย เครื่องยนต์หมุนรอกค่อยๆ ดึงขึ้นมา


รอจนอวนขึ้นมาพ้นผิวน้ำแล้ว ฉินสือโอวกับอีวิลสันจึงช่วยกันเอาของข้างในไปโยนไว้ในห้องเก็บของบนเรือ


หลังจัดการเสร็จเรียบร้อย ฉินสือโอวก็ตบหลังอีวิลสันเอ่ยเตือนว่า “พวก ห้ามบอกใครเรื่องที่เราทำวันนี้กันนะ โอเคไหม?”


อีวิลสันมองฉินสือโอวนิ่งๆ ก่อนเหยียดยิ้มแหยๆ “หิวแล้ว อีวิลสันหิวแล้ว อีวิลสันตกปลาทำกับข้าวมาได้”


ฉินสือโอวยิ้ม เขาหยิบปลากระโทงสีน้ำเงินที่จับได้ก่อนหน้านี้จากถังน้ำแข็งออกมา กล่าวว่า “งั้นฉันทำสเต๊กปลาทอดให้นายกินดีไหม? แล้วก็พายเนื้อปลากับข้าวต้มซีฟู้ด เป็นไง?”


“กิน!” อีวิลสันหัวเราะคิกคักต่อ


และแล้วเวลาก็ผ่านไปอีกหนึ่งวัน ตอนฉินสือโอวขับเรือกลับพระจันทร์ก็ขึ้นบนยอดไม้แล้ว เขาโทรเรียกบิลลี่ให้มาที่ท่าเรือ เดี๋ยวไปรับขึ้นเรือ


บิลลี่รีบวิ่งมาด้วยความยินดี พอขึ้นเรือมาก็ถามทันที “พวก มีข่าวดีอะไรแล้วใช่ไหม? คุณเจียเจียตกลงจะเป็นภรรยาฉันแล้วใช่ไหม?”


ฉินสือโอวนิ่งไปเพราะคำพูดเขา นายนี่จะความอดทนต่ำไปหน่อยไหม? ยังไม่ทันเริ่มจีบก็จะแต่งงานแล้ว? บิลลี่นี่นายล้อเล่นหรือไง?


พอฉินสือโอวนำเงินทองเครื่องใช้ของในเรืออับปางมาให้เขาดู บิลลี่ก็หดหู่ขึ้นมา ส่ายหน้ากล่าวว่า “บ้าที่สุด! ฉันนึกว่านายมีข่าวดีอะไรมาบอกฉันเสียอีก”


“ทำเงินได้ไม่ใช่ข่าวดีตรงไหน?” ฉินสือโอวพูดอย่างไม่พอใจ


บิลลี่ชกผนังข้างเรือเต็มแรง ตอบว่า “ฉันไม่ห่วงเรื่องเงินหรอก บัตรเครดิตฉันมีตั้งล้านกว่า เรื่องความรู้สึกต่างหากที่สำคัญที่สุด เข้าใจหรือเปล่า? ตอนนี้ฉันต้องคว้าโอกาสที่พระเจ้าประทานมาให้เอาไว้!”


ฉินสือโอวเข้าใจแล้ว สนามรักครั้งนี้ทำเจ้าตัวกลับใจจริงๆ แต่น่าเสียดายที่เขาช่วยอะไรไม่ได้ ให้ทำร้ายโหวจื่อเซวียนก็ไม่ใช่เรื่องดีเหมือนกันแหละ อีกฝ่ายเป็นลูกน้องที่มีปืนในมือ ถ้าวันหนึ่งโหวจื่อเซวียนรู้ว่าเขาทำอะไรจะไม่ถือปืนมายิงเขาทิ้งหรือไง ใครจะมาแก้ต่างให้เขาได้?


สุดท้ายบิลลี่ก็ยังรับผิดชอบจัดการเรื่องเงินทองเครื่องใช้ ของพวกนี้ไม่สามารถไปขายได้โดยตรง จำเป็นต้องทำการหลอมละลายก่อน ฉินสือโอวไม่มีคนรู้จักที่ทำอย่างนั้นได้


อย่าคิดว่าของที่ขุดขึ้นมาจะได้เยอะ ที่จริงก็ไม่มากเท่าไร บิลลี่เอ่ยว่า “ฉันหาเพื่อนที่มอนทรีออลมาช่วยนายได้ ไม่ต้องไปหาเบลคหรอก ของพวกนี้ไม่คุ้มพอให้นายไปหาเขาสักเที่ยว”


“แย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฉินสือโอวพูดด้วยความเสียดาย


บิลลี่โบกมือ กล่าวอย่างยุติธรรมว่า “มันไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก นายเป็นคนขุดมามันก็ต้องเป็นของนายอยู่แล้ว เดี๋ยวฉันช่วยจัดการเอง”


ฉินสือโอวรู้สึกซาบซึ้ง “ฉันจะขอบคุณนายยังไงดีเนี่ย เพื่อนรัก…”


“ช่วยฉันหาทางจีบคุณเจียเจียเป็นไง? ฉิน ฉันรักเขาจริงๆ นะ ช่วงนี้เวลาดำน้ำแล้วนึกถึงเขาทีไรจะรู้สึกเหมือนมีใครอยู่ด้วยตลอดเลย แต่ไม่ว่าฉันจะค้นหายังไงก็หาไม่เจอ..” บิลลี่เอ่ยอย่างตื่นเต้น


ฉินสือโอวเริ่มหลอนบรรยากาศ พูดทั้งตัวสั่นว่า “หยุดพูดเถอะ ยิ่งพูดยิ่งเหมือนเรื่องผีเลย…”


บทที่ 685 เรือกำปั่นรุ่น 2.0

โดย

Ink Stone_Fantasy

คลื่นซัดสาด ลมทะเลพัดผ่าน


ฉินสือโอวนั่งแอบกังวลใจอยู่บนชายหาด บ้าจริง นี่มันไฟไหม้ประตูเมืองลามไปถึงคูปลาในเมือง[1]ชัดๆ ตัวเขาที่กำลังไปได้ดีกับวินนี่แต่ละวันผ่านไปอย่างเป็นสุข ตอนนี้กลับต้องมาทุกข์ใจกับปัญหาความรักของบิลลี่กับโหวจื่อเซวียนอีก ยุ่งยากจริง


หู่จือเป้าจือเห็นเขาเศร้า จึงปีนขึ้นไปบนตัวเขาแล้วยื่นลิ้นจะเลียหน้าผาก ส่วนเป้าจือร้องหงิงหงิงอยู่ด้านหลัง ดึงเสื้อฉินสือโอวเบาๆ บอกให้เขามาเล่นด้วยกัน


ฉินสือโอวไม่มีอารมณ์ เขาลูบหัวทั้งสองตัวให้พวกมันไปเล่นเองก่อน เขาต้องคิดอะไรบางอย่างก่อน


จงเข้าใจในสถานการณ์และเข้าใจในตัวเองให้ดี ฉินสือโอวพิจารณาถึงสิ่งที่ตัวเองได้ประสบผ่านมา ถ้าต้องทำเงินก็แค่ใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเงินก็มาถึงมือแล้ว เขาคิดอยากจะหาเงินยังไงก็ทำได้หมด แต่พอเป็นเรื่องปัญหาความสัมพันธ์ เขากลับทำไม่ได้


ถึงจะน่าเศร้า แต่พอมองความกว้างใหญ่ของท้องทะเลแล้ว จิตใจของฉินสือโอวก็ค่อยๆ เปิดออก พ่อเสีย แม่แต่งงานใหม่…เอ๊ะ ไม่ถูกสิ ต้องเป็นต่อให้ฝนจะตกแม่ก็ยังอยากแต่งงานใหม่ต่างหาก อะไรจะเกิดก็เกิด เขาเป็นกลางคอยไกล่เกลี่ยระหว่างบิลลี่กับโหวจื่อเซวียนดีกว่า ขอแค่สองคนนั้นไม่ตีกันก็พอ


พอคิดได้ดังนั้น อารมณ์ฉินสือโอวก็ดีขึ้นเยอะ


หู่จือเป้าจือที่คอยประกบเขาซ้ายขวาอย่างกังวล พอเห็นรอยยิ้มปรากฏบนหน้าเขาก็กระโดดผลุงดีใจ หมุนตัวหันก้นใส่ฉินสือโอว แกล้งตะกุยอุ้งเท้าจนทรายกระเด็นใส่เขา


ฉินสือโอวยื่นมือไปผลักหู่จือจนมันล้มทิ่มบนทราย เป้าจือกระโดดโลดเต้นไปมาก่อนใช้ไหล่กระแทกหลังฉินสือโอว ทำเขาล้มหน้าทิ่ม หู่จือฉวยโอกาสลุกขึ้นแล้วกระแทกฉินสือโอวเล่นกับเป้าจือ


เล่นกันวุ่นวายพักหนึ่ง โทรศัพท์ฉินสือโอวก็ดังขึ้น เขาเห็นว่าเป็นเซี่ยงเฮ่าโทรมาจึงรับสาย


เซี่ยงเฮ่าเป็นนักธุรกิจที่ขายมิสไซล์ดับเพลิงให้ฉินสือโอว ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือผู้จัดการบริษัทCASIC [2]ตอนที่ทำธุรกิจเขาตกลงกับฉินสือโอวว่าจะให้มิสไซล์ดับเพลิงกับเขา และคราวนี้เขาก็มาทำตามที่สัญญาไว้


เดิมทั้งสองฝ่ายนัดหมายกันว่าให้เซี่ยงเฮ่ากลับประเทศไปรับวิศวกรและนักวางแผนมาที่เซนต์จอห์นเพื่อช่วยเขาปรับมิสไซล์ดับเพลิง ซึ่งน่าจะใช้เวลาสิบวัน


ปรากฏว่าผ่านไปครึ่งเดือนจนฉินสือโอวคิดว่าเขากลับลำไม่ยอมแล้ว ไม่นึกว่าเขาจะเป็นตัวร้ายที่มีจิตใจดีเสียอย่างนั้น


เซี่ยงเฮ่าโทรหาฉินสือโอวทันทีที่ถึงโทรอนโตแล้วบอกว่า “หัวหน้าฉิน ผมจองตั๋วเครื่องบินไปเซนต์จอห์นของคุณเรียบร้อยแล้ว มีทั้งหมดห้าคน วิศวกรสองคน ช่างสองคน เป็นวิศวะฝีมือดีทั้งหมดจากประเทศเราครับ คุณเตรียมรถมิสไซล์ไว้ เดี๋ยวจะให้มาปรับแก้ตอนคุณมาถึงนะครับ”


ฉินสือโอวยิ้มตอบ “ยินดีต้อนรับครับ ถึงเซนต์จอห์นเมื่อไรโทรบอกผมนะครับ เดี๋ยวผมส่งคนไปรับ”


หลังคุยกันอีกเล็กน้อย สุดท้ายเซี่ยงเฮ่าก็พูดอย่างมีลับลมคมในว่า “นอกจากพาคนตามที่คุณบอกมาแล้ว ผมยังเอาของชิ้นหนึ่งมาอีก รับรองว่าคุณต้องสนใจแน่ครับ”


ฉินสือโอวสงสัย หมอนี่เอาอะไรมากัน? ศุลกากรแคนาดาเข้มงวดนะ ที่อนุญาตก็เป็นพวกของใช้ทั่วไป ตัวเขาจะสนใจอะไรล่ะ?


นีลเซ็นขับเรือหัวกว้างสไตล์ไครเมียไปรับคน เรือหัวกว้างนั่นเร็วมากไม่นานก็ขับไปถึงท่าเรือแล้ว


เพื่อแสดงการให้เกียรติ ฉินสือโอวจึงไปต้อนรับที่ท่าเรือ เซี่ยงเฮ่าผู้คุ้นเคยเดินนำมาหา ด้านหลังเป็นคนวัยกลางคนอายุราวสี่สิบกว่าอีกสี่คน


ฉินสือโอวทำการจัดหาที่พักให้พวกเขาก่อน เขารู้ว่าพนักงานรัฐวิสาหกิจนั้นจู้จี้เรื่องการเตรียมการต้อนรับมาก แต่ตอนนี้เป็นยุคเศรษฐกิจแห่งเงินทุน พวกพนักงานรัฐวิสาหกิจก็ต้องคอยดูสีหน้าลูกค้าตอนกินข้าวด้วย พวกเซี่ยงเฮ่าดื่มชาเริ่มเตรียมทำงาน


หน้าที่ทั่วไปไม่เกี่ยวกับเซี่ยงเฮ่า เขาแบ่งหน้าที่เสร็จก็ลากฉินสือโอวมาที่มุมหนึ่ง ยิ้มลึกลับแล้วพูดว่า “เพื่อน ผมมีของดีอยู่ในมือ คุณอยากดูไหม?”


ได้ยินเซี่ยงเฮ่าพูดดังนั้น ฉินสือโอวมองเสื้อกับสีหน้าของเขาก็อดนึกถึงลุงที่ยืนขายหนังโป๊สมัยมหาวิทยาลัยไม่ได้ เอาเถอะ แต่มันก็เหมือนจริงๆ


แน่นอนว่าเซี่ยงเฮ่าไม่ใช่ลุงขายหนังโป๊ เขาเป็นผู้จัดการบริษัทวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมการบินและอวกาศของจีน ถ้าเขาบอกว่าของดีมันก็คงเป็นดีจริงๆ นั่นแหละ


ไม่รอให้ฉินสือโอวตอบ เซี่ยงเฮ่าก็เปิดถุงหยิบโมเดลรถคันเล็กชิ้นหนึ่งและหนังสือคู่มือเล่มหนึ่งให้ฉินสือโอวดู


รถโมเดลคันนี้เป็นรถยิงจรวด ทั้งคันทาสีเขียว ตัวรถติดตั้งท่อยิงจรวด เป็นงานฝีมือที่ละเอียดมาก ของดีจริงๆ


“นี่คือรถดับเพลิงขั้นสูงแบบพิเศษที่ทางวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมการบินแห่งที่สองของประเทศเราเพิ่งพัฒนา อย่างที่คุณเห็น รถคันนี้ติดตั้งจรวดสำหรับดับเพลิงไว้ สุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ” เซี่ยงเฮ่าเอ่ยอย่างเริงร่า


ฉินสือโอวมองรถคันเล็กแล้วดูหนังสือคู่มือ จริงอย่างที่เซี่ยงเฮ่าพูด รถแบบพิเศษนี้สุดยอดดังว่า


รถดับเพลิงแบบพิเศษคันนี้ใช้วิธีควบคุมจรวดดับเพลิงแบบระยะสั้น ลำกล้อง 173 MM รถคันหนึ่งบรรจุกระสุน 12 นัดต่อหนึ่งชุด ซึ่งจะมีคันละสองชุด ระบบตั้งเวลายิง 3 นาที ช่วงความสูงทั่วไปอยู่ที่ 100-300 เมตร ภายในกระสุนบรรจุสารเคมีดับเพลิงคุณภาพสูง วิถีกระสุนอยู่ที่ระยะห้าร้อยเมตร


หลังได้อ่านคำแนะนำฉินสือโอวก็แทบหุบยิ้มไม่อยู่ เขามองเซี่ยงเฮ่าพลางกล่าวว่า “ประเทศเราวางแผนจะทำอะไรกันแน่เนี่ย? ถังดับเพลิง มิสไซล์ดับเพลิง ตอนนี้ก็มารถยิงจรวดดับเพลิงอีก แค่ส่งอาวุธขายต่างประเทศก็น่าจะเพียงพอแล้วนี่ ทำไมถึงต้องสิ้นเปลืองขนาดนี้อีก?”


แม้ของพวกนี้จะใช้ชื่อว่าเป็นอุปกรณ์ดับเพลิงทั่วไป แต่ฉินสือโอวไม่ได้โง่ แค่มองก็รู้แล้วว่าประเทศตัวเองกำลังวางแผนขายอาวุธสงครามภายใต้ชื่ออุปกรณ์ใช้สอยทั่วไปอยู่


ไม่ว่าจะถังดับเพลิงหรือมิสไซล์ดับเพลิง ถ้าส่งมาปรับเปลี่ยนโดยเฉพาะ จากของใช้ทั่วไปก็จะกลายเป็นอาวุธได้ทันที


เซี่ยงเฮ่าหัวเราะแห้งๆ ก่อนตอบว่า “อาวุธสงครามนำเข้ามาในตลาดพลเรือนไม่ได้หรอกครับ ด้วยความสัตย์จริงนะเพื่อนฉิน พวกเราเองก็เป็นเพื่อนร่วมชาติกัน ไม่มีอะไรต้องปิดบังทั้งนั้น อย่างที่คุณรู้ตอนอยู่ต่างประเทศว่าจีนนั้นประสบปัญหาการโดนคว่ำบาตรสินค้าขนาดไหน ของหลายอย่างที่เราส่งออกไม่ได้แล้ว ได้แต่กล้ำกลืนขายแค่ในประเทศเท่านั้น”


ก็จริง ฉินสือโอวรู้ว่ามาตรการเศรษฐกิจของอเมริกาเข้มงวดกับจีนแค่ไหน พอเกิดอะไรขึ้นก็จะใช้การทุ่มตลาด[3]กับผูกขาดประจำ แคนาดาเป็นประเทศพี่น้องของอเมริกา ย่อมใช้นโยบายเดียวกัน


เซี่ยงเฮ่าอธิบายต่อว่า เพราะสนธิสัญญาบางอย่างระหว่างประเทศ อาวุธหลายอย่างของจีนจึงไม่สามารถส่งออกได้


เมื่อเป็นเช่นนี้ตามกฎหมายการตลาดแล้ว ถ้าอเมริกาและยุโรปครองตลาดทั่วโลกได้ ก็จะไม่มีทางรอดสำหรับสินค้าจีนในอนาคต ทุกคนต่างรู้ดีว่าหากคุ้นเคยกับสินค้าจากอเมริกากับยุโรปแล้ว ใครจะไปแทนที่สินค้าเป็นสินค้าจีนได้ง่ายๆ กัน? ไม่ใช่ว่าไม่อยากเปลี่ยน แต่เราทำไม่ได้ถ้าไม่มีเครื่องมือต่างหาก!


ด้วยเหตุนี้ทางประเทศจีนจึงใช้วิธีม้ามืด พวกเราจะไม่ส่งออกอาวุธสงครามแต่จะส่งออกของใช้พลเรือนที่ราคาถูกและดีแทน จากนั้นรอจนสนธิสัญญาถูกยกเลิกในอนาคต ด้วยการปูทางจากสินค้ากึ่งทหารกึ่งพลเรือนนี้ ทำให้สามารถนำอาวุธสงครามไปขายในตลาดได้นั่นเอง


หลังได้ฟังคำอธิบายฉินสือโอวก็กระจ่าง


เขาสนใจพาหนะแบบพิเศษพวกนี้อยู่แล้ว เพราะจำเป็นต้องใช้ในการป้องกันฟาร์มปลา ปืนฉีดน้ำไอพ่นรับผิดชอบการปะทะระยะใกล้ มิสไซล์ดับเพลิงดัดแปลงสามารถรับมือศัตรูระยะไกลได้ แต่ยังขาดอาวุธระยะกลางอยู่ซึ่งรถยิงจรวดดับเพลิงจะมาช่วยอุดช่องว่างนั้นได้


ถ้าเอามิสไซล์กับจรวดดับเพลิงมารวมกับเรือกำปั่นก็จะอัปเกรดเป็นเรือกำปั่น 2 .0 พลังมันต้องสุดยอดแน่ๆ


………………………………………………


[1] เหตุขัดแย้งที่ส่งผลถึงคนที่ไม่เกี่ยวข้อง


[2] China Aerospace Science and Industry Corporation บริษัทวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมการบินและอวกาศของจีน


[3] การกำหนดราคาเพื่อกำจัดคู่แข่ง


บทที่ 686 เลือกตั้งนายกเซนต์จอห์น

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวถามราคารถยิงจรวดคันนี้ เป็นสองแสนห้าหมื่นดอลลาร์แคนาดา หลักๆคือตัวรถที่แพง ส่วนเครื่องส่งจรวดระบบวิทยุราคาไม่ได้สูงมาก แถมตัวจรวดยังแค่ครึ่งหนึ่งของราคาไม่ถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นด้วยซ้ำ


ถึงจะเป็นจรวดดับเพลิงสำหรับพลเรือน แต่ตามกฎหมายก็ไม่ใช่ของที่ขายให้แบบส่วนตัวได้ ฉินสือโอวจึงโทรหาแฮมเล็ต ให้เขาช่วยเซ็นสัญญารับรองจากจีนในนามของเมืองแฟร์เวลห้าชุด


ห้าชุดนั้นคือข้อกำหนดมาตรการการต่อต้านการทุ่มตลาดระหว่างแคนาดากับจีน ในการติดตั้งเครื่องจักร ทำให้ส่งขายเครื่องจักรหนักทั้งห้าชุดทีเดียวได้


ใจจริงแฮมเล็ตไม่อยากทำเรื่องนี้นัก มันเสี่ยงเกินไป เขามาหาฉินสือโอวทั้งสีหน้ากล้ำกลืน หวังอย่าให้อีกฝ่ายเล่นกับไฟเลย แค่จะป้องกันฟาร์มปลาต้องทำเหมือนจะทำสงครามขนาดนี้เชียวเหรอ?


ฉินสือโอวยกเหตุการณ์การปะทะของฟาร์มปลาให้เขาดูอย่างใจเย็น “ใครๆ ก็รู้ว่าฟาร์มปลาของเกาะแฟร์เวลอยู่ในกำมือของชาวจีนคนหนึ่ง ซึ่งทุกคนต่างก็เข้าใจว่าคนจีนเป็นพวกหัวอ่อน ใครๆ เลยอยากมากอบโกยผลประโยชน์จากฟาร์มปลาของผมกัน งั้นคุณบอกหน่อยสิว่าผมต้องทำยังไง?”


แฮมเล็ตสบถด่า ‘เวรเอ๊ย’ แสดงว่าพวกชาวประมงคนขาวไปหาเรื่องตายกันดีๆ นี่เอง


ฉินสือโอวกล่าวอีกว่า “ถ้าทำได้ ผมก็อยากอยู่ร่วมกันแบบสงบสุขเหมือนกัน ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันทำไม่ได้ แต่ผมสัญญา แฮมเล็ตเพื่อนยาก ตราบใดที่ชาวประมงหัวขโมยพวกนั้นไม่ล้ำเส้น ผมก็จะไม่ใช้ของพวกนี้”


ตลอดเวลานั้น ฉินสือโอวเอาแต่เรียกพวกอุปกรณ์ดับเพลิงว่า ‘สิ่งของ’ ไม่ได้ใช้คำว่า ‘อาวุธ’ เลย


แฮมเล็ตไม่รู้จะพูดอย่างไร ชะตากรรมของเกาะแฟร์เวลและฟาร์มปลาฉินสือโอวล้วนเชื่อมโยงกัน ถ้าเกิดฟาร์มปลาล้มละลายลงอีกครั้ง อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ก็คงไปไม่รอดเช่นกัน หมายความว่า เขากับฉินสือโอวต่างอยู่ในสมรภูมิเดียวกันแล้วนั่นเอง


หลังคุยธุระเสร็จ แฮมเล็ตกลับยังไม่ไปไหน เขาลังเลเล็กน้อยก่อนเอ่ยว่า “ฉิน ไม่รู้ว่านายจะสนใจเรื่องการเมืองของแคนาดาไหม แต่เดี๋ยวจะเริ่มมีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองเซนต์จอห์นแล้ว นายสนใจเรื่องนี้หรือเปล่า?”


แคนาดาและอเมริกานั้นเหมือนกันตรงที่ตำแหน่งของนายกเทศมนตรีไม่ได้เกี่ยวกับประธานาธิบดี ผู้สำเร็จราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าการรัฐ แค่ได้รับการโหวตจากคนในเมืองเท่านั้น


ฉินสือโอวรู้ว่าปีนี้เป็นปีที่แต่ละเมืองในแคนาดาจะมีการเลือกตั้งครั้งใหญ่ แต่เขาค่อนข้างงุนงงเรื่องระบบการปกครองของประเทศนี้มาก เทียบกับระบบการเมืองทั่วโลกแล้วยังไม่ยุ่งยากเท่าแคนาดาเลย


ระบบการเมืองของแคนาดาสามารถสรุปได้ว่ามีทั้งราชาธิปไตย ระบอบสหพันธรัฐ และระบบรัฐสภา พูดง่ายๆคือรับเอาระบบการเมืองของทั้งยุโรปและอเมริกามาปรับใช้ และสุดท้ายก็กลายเป็นแบบหัวมังกุท้ายมังกร (ไม่เข้ากัน) ไป


ฉินสือโอวยังจำที่เรียนประวัติศาสตร์ตอนมัธยมปลายได้จนถึงทุกวันนี้ อาจารย์ประวัติศาสตร์พูดถึงระบบการเมืองยุโรปและอเมริกาว่า อังกฤษเป็นประเทศแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ อเมริกาเป็นระบอบสหพันธรัฐ ส่วนเยอรมนีดำเนินการระบบรัฐสภาแบบประชาธิปไตย แต่แคนาดาเป็นประเทศสหพันธรัฐแบบราชาธิปไตยและดำเนินด้วยระบบรัฐสภาแบบประชาธิปไตย ตามระบบสามอำนาจ…


ถ้าจะให้อธิบายอย่างละเอียดก็คงจะยุ่งยากเกินไป เพราะต้องเริ่มพูดไปถึงความเป็นมาของตัวระบบเลย


แต่ถ้าจะให้พูดคร่าวๆ ก็ไม่ยาก ผู้ปกครองเพียงในนามของแคนาดาคือสมเด็จพระราชินีนาถแห่งสหราชอาณาจักร ถึงพระนางจะปกครองประเทศแต่ก็ไม่ได้เป็นคนบริหาร แต่เป็นนายกรัฐมนตรีแคนาดากับคณะรัฐมนตรีที่บริหารประเทศแทน รวมถึงวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรด้วย แต่ฝ่ายที่บริหารพื้นที่จริงๆ คือนายกเทศมนตรีของแต่ละเมือง


พูดง่ายๆ คือระบบการปกครองส่วนกลางของแคนาดานั้นเหมือนอังกฤษ เพียงแต่แบ่งเป็นเขตเทศบาลตามแบบของอเมริกานั่นเอง


ดังนั้นนายกเทศมนตรีจึงได้รับการเลือกมาโดยคนในเมืองแบบเดียวกับอเมริกา พวกเขาจึงกำหนดนโยบายเศรษฐกิจได้โดยไม่ต้องใส่ใจส่วนกลางกับรัฐอื่นๆ แค่ทำการเลือกตั้งภายในขอบเขตของกฎหมายก็พอ


เมื่อพูดถึงตรงนี้ นายกเทศมนตรีเซนต์จอห์นคนปัจจุบันเดนนิส อ็อกเฟอร์นั้นได้ทำเรื่องไร้เหตุผลอย่างการเหยียดเชื้อชาติ ซึ่งดูได้จากสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อฉินสือโอว


ช่วงปีที่ผ่านมา ฉินสือโอวประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลจากฟาร์มปลาและบริจาครายได้ให้เซนต์จอห์นมากมาย อ็อกเฟอร์กลับเพียงเป็นเจ้าภาพให้ฉินสือโอวในงานแถลงข่าวมอบรางวัลฟื้นฟูเศรษฐกิจดีเด่น แต่ในเวลาอื่นแทบจะไม่ทักทายกันด้วยซ้ำ


ซึ่งเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อสำหรับที่อเมริกา ขนาดเมืองทรงอิทธิพลชั้นหนึ่งอย่างลอสแอนเจลิสกับชิคาโก ตัวนายกยังให้ความสำคัญกับอำนาจบารมีของฉินสือโอว เพราะเงินของเขานั้นไม่ได้อยู่ที่ธนาคารแต่มาจากการลงทุนนอก เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินรายใหญ่ดีๆ นั่นเอง


ฉินสือโอวเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรี ถ้าท่านนายกไม่สนใจตัวเอง งั้นตัวเขาก็ไม่จำเป็นต้องแยแส พวกเราต่างคนต่างอยู่กันเถอะ


หลังได้ยินคำถามของแฮมเล็ต ฉินสือโอวตอบว่า “ไม่ได้สนใจเท่าไร มีอะไรเหรอ?”


แฮมเล็ตมองเขาก่อนเอ่ยขึ้นช้าๆ “ฉันเดาว่านายคงไม่ค่อยรู้เรื่องระบบการเมืองของประเทศเรานัก งั้นฉันจะไม่พูดมากแล้วกัน ถึงยังไงก็เป็นพรรคการเมืองของฉันที่วางแผนจะช่วยสนับสนุนฉันในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเซนต์จอห์นอยู่ดี”


นี่ถือเป็นข่าวสำคัญทีเดียว ฉินสือโอวกระพริบตาปริบๆมองแฮมเล็ต ทำหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม ท่านผู้ว่าอยากจะเข้าร่วมการเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีด้วย? แบบนั้นไม่ทึกทักเอาเองไปหน่อยเหรอ?


แฮมเล็ตพอโดนฉินสือโอวมองแปลกๆ เขาก็ยักไหล่พลางยิ้มขมตอบ “ดูท่านายจะไม่รู้เรื่องการเมืองของเมืองเซนต์จอห์นเลยจริงๆ แบบนี้ไม่ได้นะฉิน นายเป็นถึงเจ้าของฟาร์มปลารายใหญ่ ควรใส่ใจเรื่องพวกนี้ด้วย”


ฉินสือโอวตอบ “เข้าใจแล้ว ทีหลังผมจะใส่ใจกว่านี้ แต่แฮมเล็ต ผมอยากรู้ว่าโอกาสที่คุณจะเลือกตั้งสำเร็จมีแค่ไหนกัน?”


เมื่อพูดถึงอนาคต ท่าทีแฮมเล็ตก็เคร่งขรึมขึ้น “คู่แข่งในการเลือกตั้งของฉันยังคงเป็นอ็อกเฟอร์ เขากำลังพยายามทำให้ได้รับเลือกต่ออีกสมัย ถ้าดูจากอัตราการสนับสนุน ตัวฉันในตอนนี้ค่อนข้างเสียเปรียบ เพราะพวกผู้ลงคะแนนไม่ได้รู้จักฉันกันเท่าไร”


“แต่ฉันก็ยังมีข้อได้เปรียบอยู่คือช่วงที่ฉันบริหาร เศรษฐกิจเมืองแฟร์เวลเราเติบโตจนนำลิ่ว แต่รัฐบาลเซนต์จอห์นที่อ็อกเฟอร์บริหารนั้น เศรษฐกิจตกต่ำตลอดปี และผู้ลงคะแนนบางส่วนโดยเฉพาะคนที่เพิ่งย้ายถิ่นมาก็ไม่พอใจเขาเท่าไร”


“ตามสถิติปัจจุบัน ผู้ลงคะแนนสนับสนุนที่ฉันนับได้มีประมาณ 28%”


แฮมเล็ตพูดรวดเดียวจบก่อนจะหดหู่ไม่น้อย อ็อกเฟอร์ยังคงได้เปรียบโดยสิ้นเชิง


ฉินสือโอวถาม “แล้วคุณยังพอมีโอกาสอยู่หรือเปล่า?”


แฮมเล็ตตอบ “มีสิ แค่ทำให้พวกเขารู้จักฉันก็พอ ฉันเชื่อว่าผลจากการทำงานในอดีตของฉันย่อมชนะแรงสนับสนุนผู้ลงคะแนนจำนวนมากได้แน่ ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาขาดไปคือความเข้าใจในตัวเรา”


คนฉลาดไม่จำเป็นต้องพูดมาก ฉินสือโอวไม่ใช่คนฉลาดแต่เขาก็ไม่ได้โง่ เมื่อแฮมเล็ตพูดถึงตรงนี้ เขาก็เข้าใจแล้วว่าต้องการสื่อถึงอะไร ผู้ลงคะแนนรู้จักแฮมเล็ตน้อย งั้นต้องทำอย่างไร? ก็โฆษณาไงล่ะ! แล้วจะโฆษณาจำเป็นต้องมีอะไร? เงินนั่นเอง!


“คุณขาดเงินเท่าไร?” ฉินสือโอวถาม


แฮมเล็ตเข้าประเด็น “พวกเราเริ่มโฆษณากันตอนเดือนมิถุนายน จนถึงตอนนี้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ที่ประมาณสิบห้าล้านดอลลาร์”


ค่าโฆษณาสิบห้าล้านดอลลาร์ไม่ถือว่าเยอะแต่ก็ไม่น้อย เพราะที่นี่คือแคนาดาไม่ใช่อเมริกา คือเซนต์จอห์นไม่ใช่โทรอนโต หรือออตตาวา และยิ่งไม่ใช่ลอสแอนเจลิสหรือนิวยอร์ก


บทที่ 687 รู้สึกเหมือนเกาะส่วนตัว

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวพยักหน้าเข้าใจ แฮมเล็ตรู้ว่าเขามีเงินจึงมาขอค่าโฆษณา


เขาไม่สนใจเรื่องนี้นัก เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่ตัวเองก็ไม่ได้ขาดแคลนเงิน จึงเอ่ยว่า “มาคุยกันแบบตรงไปตรงมาเถอะแฮมเล็ต ถ้าคุณได้เป็นนายกเทศมนตรีเซนต์จอห์นสำเร็จ แล้วผมช่วยสนับสนุนคุณ คุณก็จะให้ผลประโยชน์กับผมด้วยใช่ไหม?”


แฮมเล็ตตอบ “ตราบใดที่เป็นไปตาม ‘รัฐธรรมนูญ’ และ ‘กฎหมายจารีตประเพณี’ ฉันย่อมมอบผลประโยชน์ให้กับผู้ลงคะแนนอยู่แล้ว”


ช่างสมกับเป็นรัฐบุรุษ พูดจาได้รัดกุมมาก


ฉินสือโอวครุ่นคิด การออกทุนสนับสนุนแข่งเลือกตั้งให้แฮมเล็ตเป็นเรื่องจำเป็น แต่เขาไม่ควรรับปากส่งเดช เขาต้องไปขอคำปรึกษากับเออร์บักก่อน ดูว่าลงทุนเท่าไรถึงจะคุ้ม


แฮมเล็ตเข้าใจความหมายของฉินสือโอว จึงโบกมือลา


รอจนกระทั่งเขาไป ฉินสือโอวก็ไปหาเออร์บักซึ่งกำลังไถที่ดายหญ้าในแปลงผักอย่างขันแข็งเพื่อคุยเรื่องนี้


กฎหมายและการเมืองเป็นของคู่กัน แม้เออร์บักจะไม่เคยทำงานเกี่ยวกับการเมือง แต่เขาก็เคยทำงานทนายมากว่าครึ่งศตวรรษ และยังเคยเป็นประธานศาลสูงนิวฟันด์แลนด์อีก เกรงว่าทั้งนิวฟันด์แลนด์คงไม่มีใครรู้เรื่องการเมืองลึกไปกว่าเขาแล้ว


หลังได้ฟังฉินสือโอว เออร์บักที่ม้วนขากางเกงขึ้น โคลนเปื้อนเต็มเท้านั่งลงบนคันนา ไม่เหลือมาดของประธานศาลสูงเลย เหมือนชาวนามากกว่า


“ถ้าเป็นเมื่อสองปีก่อน แผนการแฮมเล็ตคงไม่มีประโยชน์ แต่ต้องขอบคุณคลื่นวิกฤตเศรษฐกิจโลกกับวิกฤตหนี้อเมริกา เศรษฐกิจของเซนต์จอห์นสองปีมานี้จึงประสบความเสียหายไม่น้อย ทว่าตั้งแต่ปีที่แล้วหลังอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฟื้นฟู เศรษฐกิจเมืองแฟร์เวลกลับเจริญขึ้นอย่างก้าวกระโดด”


เออร์บักทำการวิเคราะห์คร่าวๆ และโทรหาเพื่อนเก่าบางคน แล้วจึงบอกฉินสือโอวว่า “แฮมเล็ตเป็นหน้าใหม่ในแวดวงการเมืองของพรรคนิวเดโมแครตแห่งเมืองเซนต์จอห์นประเทศแคนาดา แต่เมืองนิวฟันด์แลนด์ไม่ได้อยู่ในอาณาเขตของพรรคนิวเดโมแครต พวกเขาไม่มีเงินกับเส้นสายที่นี่ ดังนั้นการแข่งขันเลือกตั้งของแฮมเล็ตครั้งนี้คงยากลำบากทีเดียว”


“ตอนนี้ดูแล้ว โอกาสชนะของแฮมเล็ตมองในแง่ดีที่สุดก็มีแค่ 40%”


ฉินสือโอวถาม “ถ้าเพิ่มระดับการโฆษณาล่ะ?”


“ถ้าโฆษณาได้ทรงพลังพอ จะให้หมาสักตัวเป็นประธานาธิบดีอเมริกาก็ยังได้” เออร์บักยกคำพูดยอดฮิตของประธานาธิบดีโรสเวลต์[1] ที่พูดเย้ยหยันคู่แข่งของเขาในปีนั้นขึ้นมาพูด ซึ่งยังคงเป็นวาทะดังในแวดวงการแข่งขันเลือกตั้งอีกด้วย


ฉินสือโอวถามโดยไม่อ้อมค้อม “ผมอยากให้แฮมเล็ตได้ตำแหน่ง อย่างที่คุณเห็น รัฐบาลที่บริหารเซนต์จอห์นในตอนนี้ไม่สนใจฟื้นฟูฟาร์มปลาเลย แฮมเล็ตจึงยิ่งเหมาะกับผลประโยชน์ของเรามากกว่า”


“งั้นทุนค่าโฆษณาก็จะถึงหลักสิบล้านดอลลาร์เลยนะ!” เออร์บักเอ่ยอย่างเคร่งขรึม


การเลือกตั้งทางการเมืองเป็นสิ่งที่ผลาญเงินที่สุด คนที่ไม่มีเงินก็ทำได้แค่คอยมองด้วยความตื่นเต้นเท่านั้น หลักสิบล้านอย่าไปพูดถึงเลย


ถ้าไม่มีโอกาสนี้ ฉินสือโอวก็คงไม่ได้มาเกี่ยวข้อง แต่แฮมเล็ตเข้าร่วมการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย ถ้าเขาสามารถข้ามขั้นจากนายกเมืองแฟร์เวลไปเป็นนายกเซนต์จอห์นได้ ทรัพยากรที่เขาจะได้ย่อมมหาศาล


เออร์บักไม่สามารถบอกฉินสือโอวได้ทันทีว่าแฮมเล็ตต้องการทุนอีกเท่าไร เขาต้องเข้าไปติดต่อเพื่อนเก่าที่อยู่วงใน จากนั้นถึงจะมาคำนวณตามข้อมูลต่างๆ ที่ได้


ฉินสือโอวใช้เวลาช่วงบ่ายในห้องหนังสือศึกษาการรณรงค์หาเสียงของเซนต์จอห์นปีนี้ ที่จริงเขาต้องพาเซี่ยงเฮ่าไปเดินเล่นรอบๆ แต่งานแบบนี้เขาให้นีลเซ็นทำแทนก็ได้


ท่าทางฉินสือโอวจะรู้เรื่องโลกภายนอกน้อยเกินไปจริงๆ ข่าวที่แฮมเล็ตบอกเขายังน่าตกใจขนาดนี้ แต่สำหรับคนอื่นๆ ในเมืองนี่อาจไม่นับเป็นข่าวด้วยซ้ำ ตั้งแต่ต้นปีแฮมเล็ตก็เข้าร่วมการประชุมกล่าวคำปฏิญาณของนายกเทศมนตรีเซนต์จอห์นแล้ว


แน่นอนว่าเวลานั้นฉินสือโอวอยู่ที่จีนเพื่อฉลองปีใหม่ การพลาดเหตุการณ์นี้จึงเป็นที่เข้าใจได้


ตกเย็น เออร์บักมาหาฉินสือโอวแล้วบอกว่า “จากการคำนวณของฉันและคำยืนยันของพวกเพื่อนเก่า ในเมื่อนายตั้งใจจะช่วยแฮมเล็ต ทุนของนายจะต้องมีถึงสี่สิบล้านดอลลาร์โดยประมาณ!”


ฉินสือโอวพยักหน้า เขาคาดไว้แล้ว


ก่อนมื้อเย็น ฉินสือโอวขับรถคาดิลแลควันเข้าไปยังวิลล่าเล็กของแฮมเล็ต


ภรรยาแฮมเล็ตทำอาหารพื้นเมืองของพวกเขามาเสิร์ฟให้ มีพวกเนื้อวัวย่างคู่กับยอร์คเชอร์ พุดดิ้ง (Yorkshire pudding) สเต๊กเนื้อวัวพายเนื้อไต แซลมอนรมควันสกอตแลนด์ ช่างเต็มไปด้วยความอบอุ่น


แฮมเล็ตเชิญฉินสือโอวนั่งและถามว่า “แล้วข้อสรุปที่นายคิดได้คือ?”


“นอกจากผมแล้ว คุณยังมีคนอยู่เท่าไร ใช้ทุนแค่ไหน?” ฉินสือโอวถาม เขาต้องการรู้สถานการณ์ ไม่งั้นพอแฮมเล็ตแพ้การเลือกตั้งขึ้นมาที่เขาลงทุนไปก็คงสูญเปล่า


เงินสนับสนุนหาเสียงเรียกอีกอย่างก็คือเงินมืด ซึ่งในสายตาคนทั่วไปถือเป็นเงินสกปรก เพราะมันก็คือสินบนนั่นเอง การหาเสียงและสินบนนั้นแทบไม่ต่างกันเลย


ดังนั้นแต่ละพรรคการเมืองและผู้หาเสียงมักเก็บเรื่องเงินสนับสนุนเป็นความลับ ถ้าทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้เข้าย่อมกลายเป็นเรื่องยุ่งยากแน่


การที่แฮมเล็ตไม่ได้ปิดบังฉินสือโอว ไม่ใช่เพราะเชื่อใจ แต่เพราะมีจำนวนคนและทุนน้อยเกินไป “ภายในเซนต์จอห์นไม่มีกลุ่มนายทุนหรือองค์กรขนาดใหญ่ ไตรมาสที่จะถึงนี้พวกเราเลยสามารถใช้ทุนได้อย่างมากก็ห้าสิบล้าน”


ฉินสือโอวถาม “ถ้าจะให้ได้คะแนนเสียงตามเป้าที่พรรคของพวกคุณคำนวณไว้ ทุนที่ต้องใช้ในการโฆษณาคือเท่าไร?”


“อย่างต่ำก็เก้าสิบล้านดอลลาร์แคนาดา!”


ฉินสือโอวพยักหน้า เออร์บักเป็นคนที่สุดยอดจริงๆ ที่เขาประมาณไว้ยังแม่นยำขนาดนี้ ความมั่นใจของฉินสือโอวจึงยิ่งเพิ่มมากขึ้น


เขามองแฮมเล็ตก่อนเอ่ยช้าๆ ว่า “ถ้าอย่างนั้น ผมจะให้คุณห้าสิบล้านดอลลาร์แคนาดา!”


มุมปากแฮมเล็ตพลันกระตุก คิ้วเขาเลิกขึ้นเกือบหลุดอุทานออกมา ห้าสิบล้านดอลลาร์แคนาดาเนี่ยนะ นั่นมันครึ่งร้อยล้านเลยนะ! ต่อให้เป็นเมืองใหญ่อย่างโทรอนโต ออตตาวาก็ยังถือเป็นจำนวนเงินลงทุนที่ใจกล้ามาก!


อย่าลืมว่านี่เป็นเพียงแค่การเลือกตั้งในเมืองเล็กๆ ไม่ใช่การเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา


ทว่าแฮมเล็ตก็ผ่านโลกมามาก เขาข่มความประหลาดใจแล้วถามว่า “ห้าสิบล้าน? นายจะให้ทุนฉันห้าสิบล้านจริงๆ เหรอ?”


ฉินสือโอวตอบ “ใช่ ห้าสิบล้าน คุณก็รู้ว่าผมต้องการอะไร ถ้าคุณได้เป็นนายกเทศมนตรี ผมก็หวังว่าจะไม่มีใครมาย้ายฟาร์มปลาผมได้อีก!”


แฮมเล็ตเงียบไปเล็กน้อยก่อนตอบเสียงเบา “ถ้าฉันได้เป็นนายก ฉันสามารถทำให้นายรู้สึกราวกับว่าเกาะแฟร์เวลเป็นเกาะส่วนตัวของนายได้เลย!”


เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างเชื่อใจกัน ก็เป็นการทำสัญญากับสปอนเซอร์ของผู้หาเสียง


สัญญานี้ไม่ใช่แค่เรื่องเล่นๆ บนโต๊ะเหล้า ถ้าผู้หาเสียงชนะการเลือกตั้งเขาต้องทำตามข้อตกลง ไม่งั้นในอนาคตเขาจะไม่ได้รับสักดอลลาร์แคนาดาเดียวจากผู้ให้ทุน


การเมืองก็เป็นแบบนี้ ดำมืด สกปรกทว่าเปิดเผย แต่ผู้ชายก็ยังอยากจะเป็นกัน


หลังทั้งสองกำหนดเงื่อนไขกันเรียบร้อย เรื่องธุรกิจก็เป็นอันตกลง ฉินสือโอวจะสนับสนุนการหาเสียงของแฮมเล็ตอย่างสุดกำลัง เพราะเงื่อนไขที่เขาเสนอมามันน่าดึงดูดใจเกินไป เกาะแฟร์เวลจะกลายเป็นอาณาเขตส่วนตัวของฉินสือโอวเชียวนะ


แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่แฮมเล็ตจะสามารถขายเกาะให้ฉินสือโอว พื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีประชากรอาศัยอยู่เช่นนี้ รัฐบาลแคนาดาย่อมไม่อนุญาตให้นำพื้นที่รัฐไปทำการซื้อขายเป็นของส่วนบุคคลแน่นอน


แต่ในเมื่อแฮมเล็ตสัญญาแบบนั้นไป เขาก็ต้องหาทางทำตามข้อตกลงให้ได้


ทั้งสองฝ่ายต่างพอใจแล้ว ขั้นต่อไปก็คือร่วมมือกันให้ไปถึงเป้าหมาย


………………………………………………………


[1] แฟรงกิน ดี. โรสเวลต์อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา


บทที่ 688 ปูก้ามดาบแปลกไป

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังกินอาหารเย็นสไตล์สกอตแลนด์จนอิ่ม ฉินสือโอวก็บอกลาคู่สามีภรรยาแฮมเล็ตแล้วเดินทางกลับ


เขายังมีกองทุนติดตัวอยู่อีกเกือบร้อยล้าน แต่เดิมฉินสือโอววางแผนจะซื้อเครื่องบิน แต่มันมีโอกาสใช้น้อยเกินไป ไม่ค่อยคุ้ม ตอนนี้พอมีเรื่องของแฮมเล็ตเงินทุนของเขาจึงได้ใช้ประโยชน์เสียที


ไม่คิดว่ารัฐบาลแคนาดาจะสามารถเล่นแบบนี้ได้ แฮมเล็ตที่เป็นผู้ว่าราชการกลับต้องไปเข้าร่วมการเลือกตั้งนายกเซนต์จอห์นครั้งใหญ่ด้วย สำหรับคนที่คุ้นเคยกับแวดวงการเมืองจีนที่เป็นระบบเลื่อนตำแหน่งย่อมรู้สึกน่าเหลือเชื่อ


ความจริงการเมืองแคนาดาจะเล่นกันแบบนี้ ถ้าฉินสือโอวเข้าร่วมกับพรรคอื่นที่มีอิทธิพลและสนับสนุนภายในพรรคจนชนะ เขาก็สามารถร่วมเป็นผู้สมัครได้เช่นกัน นอกจากนี้ตัวแฮมเล็ตเองก็ไม่ได้เป็นแค่ผู้ว่าราชการ แต่ยังเป็นหนึ่งในสมาชิก 25 คนที่ทางสภาเมืองเซนต์จอห์นแต่งตั้งมาอีกด้วย


ที่เซนต์จอห์น สภาเมืองจะมีอำนาจในการตัดสินและบริหาร กล่าวได้ว่าสภาเมืองก็คือศาลากลางนั่นเอง และสมาชิกสภาล้วนเป็นผู้บริหารอำนาจที่แท้จริงของรัฐบาล


ซึ่งเป็นอีกอย่างที่แคนาดาเหมือนกับอเมริกา เทศบาลใช้ระบบรัฐสภาที่สืบทอดมาจากอังกฤษ นับว่าพบเห็นได้น้อยมากในโลก


ข้อดีของระบบนี้คือช่วยลดความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานตัดสินกับหน่วยงานบริหาร และยังสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้อีก แต่สิ่งที่ขาดไปอย่างหนึ่งคือนายกเทศมนตรีที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการสั่งการทำงานให้กับแต่ละแผนก


ไม่ว่าอ็อกเฟอร์ในตอนนี้หรือแฮมเล็ตที่จะได้รับเลือกมาภายหลัง ถึงพวกเขาจะกลายเป็นนายกเทศมนตรีก็ไม่ได้มีอำนาจขนาดนั้น จะทำอะไรต้องผ่านการตรวจสอบจากสภาเมืองเสมอ แน่นอนว่าพวกเขาเป็นแค่ผู้บัญชาการสภาเมืองเพียงในนามเท่านั้น


ดังนั้นแฮมเล็ตจึงไม่มีอำนาจพอจะขายเกาะแฟร์เวลให้ฉินสือโอวได้ และฉินสือโอวเองก็ไม่มีเงินพอที่จะซื้อเกาะอยู่ดี


เมื่อก่อนรัฐควิเบกเพิ่งประมูลเกาะเล็กๆ เกาะหนึ่งชื่อ ‘คีนอค (Kenauk)’ เกาะนี้มีทั้งกระท่อมไม้ซุง 13 หลัง ทะเลสาบส่วนตัว 70 แห่งและเกาะน้อยอีก 5 เกาะ มีพื้นที่ประมาณ 26,305 เฮกตาร์[1] ขายในราคา 96 ล้านดอลลาร์แคนาดา!


ส่วนพื้นที่ของเกาะแฟร์เวลนั้นมีขนาดห้าเท่าของคีนอค ไหนจะประชากรที่อยู่ถาวร ราคาจะสักเท่าไร? ห้าร้อยล้าน? หนึ่งพันล้านหรือห้าพันล้าน?!


ทว่าฉินสือโอวจำที่แฮมเล็ตสัญญาไว้ได้ เขาบอกว่าถ้าได้เป็นนายกเทศมนตรี จะทำให้เขารู้สึกเหมือนเกาะแฟร์เวลเป็นเกาะส่วนตัวของเขาเลย แบบนั้นก็ไม่เลวนะ


เมื่อกลับถึงวิลล่า วินนี่กำลังกอดหลัวปอดูโทรทัศน์ในห้องรับแขกขณะรอเขา พอเขามาถึง วินนี่ก็เข้าห้องครัวไปอุ่นซุปแก้เมาค้างเทให้เขาชามหนึ่ง


ซุปแก้เมาค้างนี้วินนี่ได้เรียนมาจากแม่ฉินสือโอวช่วงปีใหม่ โดยใช้หัวปลาซ่งกับขิงเป็นส่วนผสมหลัก ใส่เต้าหู้เส้น ผักดองเส้น หน่อไม้เส้น เห็ดหอมเส้น แล้วผสมเข้ากับไข่ขาว รสเค็มๆ เผ็ดๆ ทั้งอร่อยและช่วยแก้เมาค้างได้ดี


ฉินสือโอวจิบคำหนึ่งก่อนยกนิ้วโป้งให้ ที่จริงเขาไม่ได้ดื่มเยอะเท่าไร แต่ก็ไม่อยากปฏิเสธความหวังดีของวินนี่


เมื่อก่อนเวลาที่ฉินสือโอวยุ่งกับงาน เขาจะรู้สึกว่าถ้ามีภรรยาแสนสวยสักคนคอยอยู่ข้างๆ ตอนดึกก็คงวิเศษไปเลย ซึ่งวินนี่ก็ทำหน้าที่นี้ได้อย่างยอดเยี่ยม เพียงแต่เขาไม่ได้ทำงานจนดึกแต่กลายเป็นเข้าสังคมจนดึกดื่นแทน ทุกครั้งที่กลับบ้านมาและเห็นวินนี่ทำอาหารมื้อดึกรอเขาไว้ให้ ก็มักรู้สึกเต็มตื้นในใจเสมอ


หลายวันต่อมา แฮมเล็ตแวะเวียนมาหาฉินสือโอวเรื่อยๆ เพื่อส่งใบเสร็จ เป็นบันทึกค่าใช้จ่ายของเขาและกลุ่มเขาจากการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งต้องให้ผู้ลงคะแนนทุกคนที่ให้เงินทุนสนับสนุนเขาได้ดูกัน


ทว่าสำหรับผู้ลงคะแนนทั่วไปจะได้รับแค่พัสดุกับจดหมายขอบคุณฉบับหนึ่ง โดยที่แฮมเล็ตไม่ต้องไปเยี่ยมด้วยตัวเอง


ฉินสือโอวคอยติดตามสถานการณ์การเลือกตั้ง แต่ความสนใจของเขาก็ต้องไปอยู่ที่อื่นแทน เพราะช่วงนี้ปูก้ามดาบที่ฟาร์มปลาค่อนข้างแปลกๆ


ปูก้ามดาบเป็นการเรียกรวมๆ ของปูชนิดต่างๆ โดยทั้งหมดมีร้อยกว่าชนิด ปูส่วนใหญ่ของฟาร์มปลาต้าฉินเป็นพวกปูก้ามดาบหาดแอตแลนติก ปูก้ามดาบโคลนแอตแลนติก ปูก้ามดาบยาว ปูก้ามดาบหลังกระโดง และปูก้ามดาบสั้น


เจ้าปูเล็กพวกนี้ดูน่าสนใจมาก พวกมันมีตาที่เหมือนกับก้านไม้ขีดยื่นออกมาหนึ่งคู่ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์มาก


สิ่งที่พิเศษอีกอย่างคือ ก้ามของปูตัวผู้ไม่ได้ใหญ่เท่ากัน โดยทั่วไปก้ามด้านขวาจะมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ส่วนด้านซ้ายก็มีขนาดเล็กมาก มันมักวางก้ามด้านขวาไว้ตรงหน้าอกคล้ายกับเกราะของนักรบ ดูน่าเกรงขาม ขณะที่ก้ามของตัวเมียกลับเล็กทั้งสองข้างอย่างน่าประหลาด


ปูก้ามดาบนั้นต่างจากปูเสฉวน ตามปกติพวกมันจะอาศัยอยู่ในหลุม ความลึกของหลุมขึ้นอยู่กับระดับน้ำและพื้นหลุมจำเป็นต้องเข้าถึงดินโคลนที่ชุ่มชื้นได้ด้วย


กองทรายเล็กๆ ที่นูนขึ้นมามากมายบนหาดของฟาร์มปลาคือตะกอนอาหารจากปูก้ามดาบ พวกมันกลืนขี้เลนทรายเข้าไปเพื่อดูดกินพวกสารประกอบอินทรีย์ ส่วนที่กินไม่ได้มันก็จะถ่มออกมานอกหลุม พอเวลาผ่านไปมันก็ค่อยๆ กองพะเนินสูงขึ้น


โดยทั่วไปพฤติกรรมของปูก้ามดาบจะขึ้นอยู่กับน้ำขึ้นน้ำลง เวลาน้ำขึ้นสูงก็จะซ่อนในหลุม พอน้ำลงจึงออกมาเดินหาอาหาร ซ่อมแซมหลุมบนชายหาด


แต่ช่วงไม่กี่วันมานี้ปูก้ามดาบในฟาร์มปลากลับเริ่มไม่ได้ใช้ชีวิตตามรูปแบบนั้น ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน น้ำขึ้นหรือน้ำลง ก็จะมีปูบางส่วนออกมาเดิน แถมยังดูท่าทางลังเลเหมือนกับอยากย้ายบ้านไปยังที่สูงกว่านี้กัน


ทีแรกยังไม่เยอะมาก แต่พอผ่านไปอาทิตย์หนึ่ง พวกปูก้ามดาบจู่ๆ ก็แทบแตกรัง ปูเล็กจำนวนมหาศาลผุดขึ้นจากหลุมรีบหนีไปทางหาดที่อยู่สูงทันที


เมื่อเห็นดังนั้น พวกชาวประมงเก่าอย่างชาร์คก็รีบไปบอกฉินสือโอว “บอส เดี๋ยวอาจจะมีน้ำขึ้นสูงก็ได้ พวกเราเตรียมตัวไว้ดีกว่า”


ความสามารถในการทำนายน้ำขึ้นลงของปูก้ามดาบนั้นแม่นมาก แม่นระดับไหนงั้นเหรอ? ไม่ว่าพวกมันกำลังทำอะไรอยู่ มันก็จะหยุดทุกอย่างแล้วรีบกลับเข้าหลุมตอนสิบนาทีก่อนน้ำขึ้นนั่นเอง


ไม่เพียงเท่านั้น กระดองของปูชนิดนี้ยังเปลี่ยนสีได้อีกด้วย ช่วงน้ำลงตอนกลางวันจะเปลี่ยนเป็นสีเข้ม และน้ำขึ้นตอนกลางคืนจะเปลี่ยนเป็นสีอ่อน ในบางพื้นที่เวลาของน้ำขึ้นน้ำลงมีการเลื่อนไปทุกๆ 50 นาทีของทุกวัน ซึ่งปูก้ามดาบในพื้นที่นั้นก็จะเลื่อนเวลาเปลี่ยนสีไป 50 นาทีเช่นกัน!


พวกชาวประมงเก่าต่างรู้เรื่องนี้ดี พวกเขาจึงใช้สีที่เปลี่ยนบนตัวของปูก้ามดาบในการตัดสินสถานการณ์น้ำขึ้นน้ำลง ซึ่งตอนนี้พวกปูก้ามดาบพากันย้ายบ้านไปอยู่หาดที่สูงกว่าเดิม แสดงว่าทะเลจะต้องมีน้ำขึ้นครั้งใหญ่แน่


ฉินสือโอวเองก็เข้าใจตรงนี้ แต่เขากลุ้มใจมาก เพราะเขาได้รับการยืนยันจากกรมอุตุนิยมวิทยาทางทะเลเซนต์จอห์นหลายครั้งแล้วว่าช่วงนี้ไม่มีมรสุมและกระแสน้ำขนาดใหญ่ผ่านมา วงโคจรการหมุนดวงดาวก็ปกติ ไม่น่าจะมีน้ำขึ้นครั้งใหญ่ได้


ท่าทางวิทยาศาสตร์กับสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตจะเกิดความขัดแย้งกันเสียแล้ว


สุดสัปดาห์เด็กๆ ไม่ต้องไปเรียน พอเห็นปูก้ามดาบมากมายที่โผล่บนหาด พวกเขาก็ไม่ไปเล่นบาร์เครื่องดื่มแล้ว วิ่งมาหยิบปูก้ามดาบไปเล่นต่อสู้แทน


พวกหู่เป้าฉงหลัวก็มาวิ่งวุ่นด้วย ฉงต้าก็สมกับฉายาจอมตะกละทำการวิ่งไปยัดปูเข้าปากไป ของอย่างนี้มันกินได้เพลินๆ เลย


ฉินสือโอวเองก็ตามไปที่ชายหาดเพื่อสังเกตพฤติกรรมแปลกๆ ของฝูงปูเช่นกัน


…………………………………………………


[1] 1 เฮกตาร์เท่ากับ 6 ไร่

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)