ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 660-669

 บทที่ 660 วิธีของหม่ามี๊

โดย

Ink Stone_Fantasy

พอเห็นฉงต้าแสดงอาการก้าวร้าวแบบนี้ วินนี่ก็เผยรอยยิ้มละมุน แต่คิ้วกลับขมวดเข้าหากันช้าๆ


เมื่อก่อนฉินสือโอวไม่เคยเข้าใจเลยว่าคนสมัยโบราณคิดสำนวนที่ว่า ‘คิ้วสาวสวยตั้งเป็นเส้นตรง’ ได้อย่างไร แต่หลังจากที่รู้จักวินนี่ เขาก็เข้าใจว่าคนสมัยโบราณไม่ได้ปั้นคำออกมา เพราะจริงๆ แล้วคิ้วของผู้หญิง ตอนที่ย่นหน้าผากเข้าหากันมันก็สามารถตั้งเป็นเส้นตรงขึ้นมาได้


เมื่อวินนี่แสดงสีหน้าออกมาแบบนี้ หลัวปอก็ตัวสั่นก่อนใคร เพราะมันอดไม่ได้ที่จะคิดถึงความสยองขวัญที่มันถูกสั่งสอนหลังจากที่ทั้งฉี่และอึเรี่ยราดไปหมดทั่วทั้งห้องในช่วงหลังปีใหม่ ตอนนั้นมันถูกหม่ามี๊วินนี่โยนทิ้งลงไปในทะเลเลยทีเดียว…


วินนี่ยิ้มแล้วเคาะไปที่ชามข้าว ก่อนยกไปไว้ตรงหน้าหู่จือและเป้าจือแล้วถามขึ้น “พวกแกจะกินหรือไม่กิน?”


หู่จือและเป้าจือโกรธมาก ฉงต้าปัดชามข้าวทิ้งแล้ว พวกเราก็ต้อง…พวกเราช่างมันละ พวกเราไม่ได้กล้าเหมือนฉงต้า ไม่ต้องปัดชามข้าวทิ้งหรอก ก็แค่ประท้วงโดยการปิดปากอดอาหารก็พอแล้ว


วินนี่เห็นหู่จือและเป้าจือไม่กินอะไรเลยก็พยักหน้าแล้วไม่เอ่ยอะไรออกมา หลังจากนั้นเธอก็มองไปที่หลัวปอน้อย


หลัวปอรู้สึกลำบากใจ มันไม่อยากทำให้หม่ามี๊โกรธ แต่ก็ทิ้งเพื่อนของมันไม่ได้ ไม่เช่นนั้นวันหลังมันจะโดนดูถูกได้ ดังนั้นมันจึงต้องอดอาหารอย่างช่วยไม่ได้


ฉินสือโอวทนดูต่อไปไม่ไหวจึงเข้าไปอธิบาย “ปลอบเจ้าพวกนี้มันหน่อยเถอะ พวกมันกำลังประท้วงที่พวกเราเลี้ยงมาสเตอร์อยู่น่ะ”


วินนี่โบกมืออย่างเย็นชาพร้อมบอกว่า “ลูกของฉัน ฉันจะจัดการสั่งสอนพวกมันเอง ดูเหมือนว่าเมื่อก่อนพวกเราจะโอ๋พวกมันมากไป ไอ้บ้าพวกนี้ไม่มีความเห็นใจเลยสักนิดเดียว!”


วินนี่พูดไปก็มองไปที่ปอหลัว ปอหลัวมองไปซ้ายขวาอย่างรู้สึกผิด หลังจากนั้นก็เอาหัวของมันมุดอยู่ระหว่างขาสองข้างเหมือนเป็นเต่าหัวหด เสี่ยวหมิงกับกระรอกดินทำตัวไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พวกมันเห็นว่าสถานการณ์ดูไม่ค่อยดีจึงไม่กินอะไรแล้วกลิ้งหลบหนีกระโดดออกไปทางหน้าต่าง


เห็นหลังของพวกกระรอกดิน กอร์ดอนด้านหนึ่งก็กินไก่ทอดเต็มปาก อีกด้านหนึ่งก็หัวเราะเสียงดัง “พี่วินนี่เผด็จการไปแล้ว ผมก็…”


สายตาเย็นเฉียบจ้องมาทางนี้ กอร์ดอนมองไปที่วินนี่แล้วก็ยิ้มแห้ง ก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าต่อไป


บุชและนิมิตส์กลัววินนี่น้อยที่สุด วินนี่จัดการกับพวกฉงต้าโดยให้อดข้าว แต่พวกมันบินได้ บางครั้งก็มีของกินในน้ำทะเลหรือตรงภูเขาด้วย


ดังนั้นตอนที่วินนี่เอาปลาของพวกมันมาวางตรงหน้า เจ้าสองตัวจึงเชิดหน้าอย่างหยิ่งยโสใส่ราวกับว่า ฉันดื้อมาก เธอจะตีฉัน แต่ฉันก็รู้ว่าเธอจะไม่ทำอะไรฉัน ดังนั้นฉันก็อยากจะเห็นตอนที่เธอโกรธซะหน่อย


วินนี่ยิ้มออกมาแล้วพูดกับฉินสือโอว “ปิดประตู ปิดหน้าต่างแล้วกินข้าวกันเถอะ”


“ทำไมถึงต้องปิดประตูกับหน้าต่างล่ะ?” ฉินสือโอวถาม “ให้อากาศ… โอเค ผมไปปิดก็ได้”


พอเขาเห็นวินนี่จะยิ้มละมุนให้ เขาก็ขมิบก้นแล้วไปปิดประตูหน้าต่างอย่างว่าง่าย


วันถัดมาเขาจึงรู้เหตุผลที่วินนี่ทำแบบนี้แล้ว พอประตูหน้าต่างถูกปิดหมด บุชกับนิมิตส์ก็น่าอนาถนัก พวกมันบินออกไปไม่ได้!


ใช่ ตรงหุบเขามีกระต่ายป่า ไก่ป่า แล้วก็ใช่อีกที่ในทะเลมีปลา มีกุ้ง แต่พวกมันบินไปที่นั่นไม่ได้ ต่อให้มีน้ำอมฤตแล้วจะมีประโยชน์อะไรเล่า?


วินนี่ถึงกับไม่ได้ไปทำงาน เธอโทรไปลาหยุดเพื่อที่จะคอยคุมเจ้าพวกนี้ทั้งวัน เธออธิบายชัดเจนตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว “ห้ามกิน ห้ามดื่มหนึ่งวันเต็มๆ นอกจากจะฉี่แล้ว ใครหน้าไหนก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านได้!”


บุชร้องแคว่กแคว่กๆ กระพือปีกหาจุดที่พอบินออกไปได้ แต่มันบินรอบบ้านแล้ว แม้แต่ร่องระบายอากาศเล็กๆ ก็ยังไม่มีเลย!


ฉินสือโอวยักไหล่ แม่เลี้ยงสอนลูก ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา


โรงงานที่ขายบ้านกระท่อมทำงานได้ดีมาก เพราะกลางวันของก็มาส่งถึงที่เรียบร้อย ถ้าฉินสือโอวไม่เห็นภาพอะไรบาดตาก็จะได้ไม่ต้องกังวลใจ เขาจึงรีบวิ่งออกไปสร้างบ้านกระท่อมเครื่องดื่มแช่เย็นทันที


การใช้ชีวิตบนเกาะเล็กๆ นั้นมีทิวทัศน์งดงามดั่งภาพวาด แต่ไม่สะดวกสบายเลยสักนิด โดยเฉพาะการซื้อของในยุคสมัยที่การซื้อของออนไลน์เฟื่องฟูขนาดนี้ ผู้ขายชาวแคนาดาจำนวนมากยังระบุบนเว็บไซต์อยู่เลยว่าหมู่เกาะนอกฝั่งไม่รวมค่าขนส่ง…


บ้านกระท่อมของเขาหลังนี้ก็ไม่รวมค่าส่งเช่นกัน ฉินสือโอวต้องออกค่าขนส่งเองโดยใช้บริการแบบด่วนที่สุด ดังนั้นแล้วโรงงานถึงทำงานได้มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม


คนที่มาส่งอุปกรณ์พวกส่วนประกอบของบ้านเป็นชายวัยกลางคนที่แข็งแรงและกำยำ หลังจากที่มาถึงฟาร์มปลาเขาก็เอารูปภาพที่แนะนำการประกอบบ้านให้กับฉินสือโอว “คุณผู้ชายครับ บ้านไม้หลังนี้คุณจะประกอบกับทางผม หรือคุณจะประกอบกับครอบครัวของคุณครับ? เพราะถ้าผมทำ พวกเราต้องลงมือตอนนี้จะได้เสร็จในวันเดียวกันครับ”


ฉินสือโอวไม่เคยทำของพวกนี้จึงถามกลับอย่างอ่อนน้อม “มันประกอบยากไหมครับ?”


หนุ่มร่างใหญ่หัวเราะ “ไม่ยากเลยครับ พวกเรามีรูปภาพประกอบ และยังมีคลิปวิดีโออีก พอถึงตอนนั้นก็แค่ประกอบตามก็เรียบร้อยแล้วครับ พอๆ กับการกองไม้เป็นกองๆ”


ฉินสือโอวคิดไปคิดมาก็ถูกต้อง กลุ่มลูกค้าของบ้านแบบนี้คือครอบครัว ถ้าคนธรรมดายังประกอบเองไม่ได้ แล้วจะขายให้ใครได้?


พอเป็นแบบนี้ฉินสือโอวจึงให้หนุ่มร่างใหญ่วางของแล้วกลับไปก่อน บ้านกระท่อมนี้ก็คงต้องรอวินนี่กับพวกเด็กๆ มาช่วยกันประกอบในวันพรุ่งนี้ นี่เป็นกิจกรรมสนุกสนานกันในครอบครัว พอดีกับพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์อาทิตย์ บวกกับวันนี้วินนี่คงไม่มีเวลาด้วย


หนุ่มร่างใหญ่พาเขามาเช็กของ พื้นบ้าน โครงบ้าน โต๊ะเก้าอี้ โถจ่ายเครื่องดื่ม เครื่องปรุงรส เป็นต้น แม้กระทั่งจำนวน นอต ลิ่มไม้ หมุด ก็นับให้ครบทุกชิ้น


คนแคนาดาทำอะไรจะตั้งใจมาก ซึ่งจุดนี้ต่างจากคนอเมริกา อาจจะเกี่ยวกับสภาพของแต่ละประเทศ ถ้ามีผู้อพยพจำนวนมากแล้วทำอะไรไม่จริงจังก็จะเกิดปัญหาได้ง่าย


พอมั่นใจว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว หนุ่มร่างใหญ่ก็กลับไปโดยทิ้งกองแผ่นไม้ โครงเหล็กและพวกเครื่องจักรจำพวกนั้นเอาไว้ ฉินสือโอวกำหมัดของเขาจนเกิดเสียงดัง ‘เปรี๊ยะ’ ในใจรอคอยฉากที่จะสร้างบ้านด้วยกันในวันพรุ่งนี้


ในตอนบ่ายเสียงครวญครางก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องในห้องโถงของวิลล่า ฉินสือโอวโผล่เข้าไปดู วินนี่นั่งอยู่ทางเข้าประตูพลางกินขนมไปอ่านนิยายไป ส่วนพวกเด็กๆ ก็หิวมากจนต้องร้องโอดครวญอยู่ข้างใน


“ไม่ก็ช่างมันดีไหม ผมเห็นว่าพวกเด็กๆ ก็มีความรู้สึกสำนึกผิดกันอยู่” ฉินสือโอวเข้าไปเกลี้ยกล่อม ท่าทางที่ดูน่าอนาถของพวกมันทำให้ฉินสือโอวปวดใจ


วินนี่ยิ้มให้แล้วพูดขึ้นมา “ไม่ได้ ฉิน การสอนเด็กไม่ควรที่จะกลับไปกลับมา ถ้าพูดแล้วต้องทำให้ได้ พอเป็นแบบนี้พวกมันก็จะได้เข้าใจว่ากฎของบ้านไม่ได้กำหนดออกมาไว้มอง แต่ต้องปฏิบัติตามด้วย”


ตอนพูดไป เธอก็รีบปิดประตูบานใหญ่อย่างรวดเร็ว บุชเห็นอยู่ว่าฉินสือโอวเปิดประตูเข้ามาจึงพยายามหาโอกาสบินออกไป ผลสุดท้ายพอมันบินมาด้านหน้า วินนี่ก็ปิดประตูทันทีจนทำให้มันติดอยู่ข้างใน


บุชร้องโอดโอยอย่างไม่พอใจ วินนี่ร้องฮึออกมา มันจึงทำได้แค่บินกลับไปอย่างเศร้าสร้อย


ฉงต้ากับต้าป๋ายมุดไปอยู่ในห้องครัว จมูกใหญ่สูดดมซ้ายขวา ได้กลิ่นหอมของอาหารที่อยู่ในห้องครัว แต่อาหารถูกวินนี่เก็บขึ้นไปหมดแล้ว ฉงต้าผู้โชคร้ายจึงยิ่งหิวเข้าไปใหญ่…


ต้าป๋ายเดินตามอยู่ด้านหลังอย่างหมดอาลัยตายอยาก ในเมืองเกิดไฟไหม้ทุกคนต่างไปเอาน้ำที่บ่อจนน้ำในบ่อหมด ปลาเลยตาย ซึ่งมันก็เหมือนปลาพวกนั้นที่โชคร้าย เมื่อวานเย็นมันไม่ได้เข้าร่วมการประท้วงอดอาหาร แต่มันท้องเสีย จึงอยู่ด้านนอกตลอด สุดท้ายก็เท่านั้น


หม่ามี๊วินนี่ไม่ใช่คนมีเหตุมีผล


แน่นอนว่าฉินสือโอวเคยเตือนพวกมันแล้ว คนที่คุยเหตุผลกับผู้หญิงมีอยู่สองประเภท ถ้าไม่งี่เง่า ก็คืองี่เง่าอยู่ดี


ที่ฉลาดที่สุดเห็นจะเป็นหู่จือและเป้าจือ มันสองตัวคลอเคลียกันอยู่บนโซฟาไม่ขยับไปไหน แบบนี้จะรู้สึกหิวช้ากว่า แต่ดูท่าแล้วก็คงหิวอยู่ดี


พอเห็นฉินสือโอวเข้ามาในบ้าน เจ้าสัตว์ทุกตัวต่างก็ส่งสายตาสุกสกาวอ้อนวอนให้เขาช่วย ฉินสือโอวยักไหล่อย่างหมดหนทาง เขาหันหลังกลับไปและทิ้งเบื้องหลังที่เดียวดายให้พวกมันก่อนจะถือคันเบ็ดตกปลาแล้ววิ่งไปที่ท่าเรืออย่างมีความสุข…


บทที่ 661 สร้างบ้านกระท่อมเล็ก

โดย

Ink Stone_Fantasy

ในบางครั้ง ผู้หญิงก็ใจแข็งและมีวิธีที่เด็ดขาดกว่าผู้ชายมาก


ถ้าเป็นฉินสือโอวสั่งสอนเจ้าพวกนี้ ขอแค่ความผิดที่พวกมันทำไม่ได้ใหญ่โตอะไร แค่ทำเป็นน่าสงสารก็คงผ่านไปได้


แต่วินนี่ไม่ใช่ บอกว่าต้องอดอาหารหนึ่งวันหนึ่งคืน ก็ต้องหนึ่งวันหนึ่งคืน!


นี่เป็นจุดต่างในการอบรมสั่งสอนระหว่างทางเอเชียและทางอเมริกาเหนือ ตอนที่ผู้ปกครองทางแถบอเมริกาเหนือทำให้ตัวเองดูเข้มงวดนั้น มีวิธีในการใจแข็งหลากหลายรูปแบบ ตอนที่ฉินสือโอวขอร้องวินนี่ เธอกลับย้อนถามเขาว่า “ตอนที่ต้องสั่งสอน แต่ถ้าพวกเราไม่ได้สั่งสอนพวกเด็กๆ อนาคตถ้าพวกเขาทำผิดอีก ถ้าอย่างนั้นควรจะโทษใครล่ะ? ฉันยอมให้พวกเขาลำบากตอนนี้หน่อย จำบทเรียนที่ได้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องทำความผิดใหญ่ในวันหลัง!”


อยู่ดีๆ ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าเขาไม่มีอะไรจะพูดอีก


จากเมื่อวานตอนเย็นจนถึงวันนี้ตอนเย็น รวมแล้ว 24 ชั่วโมงเต็มๆ พวกมันไม่ได้กินถูกน้ำสักหยด แถมตอนถึงเวลากินอาหาร วินนี่ก็จะไปป้อนข้าวให้กับมาสเตอร์ ถึงแม้ว่าเต่าอัลลิเกเตอร์พอกินเข้าไปหนึ่งมื้อแล้ว จะอยู่ได้เป็นครึ่งเดือนก็ตาม แต่มาสเตอร์ก็นอนราบอยู่ตรงทางเข้าประตู ถ้าวินนี่ให้อาหารมัน มันก็กิน ราวกับว่าตั้งใจทำให้พวกที่อยู่ในห้องโกรธอย่างไรอย่างนั้น


จริงๆ แล้วมาสเตอร์ไม่ได้ย่อยไวขนาดนั้น มันก็แค่ทำตัวกินปลาตัวสองตัวไปอย่างนั้น เพราะทุกครั้งก็จะเหลือปลาไว้ในปากเล่น


หู่จือ เป้าจือ ฉงต้า หลัวปอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบุชกับนิมิตส์ หรือแม้กระทั่งเจ้าตัวกินผักอย่างปอหลัวกับต้าป๋าย ต่างมองด้วยความอิจฉาจนทนไม่ไหว


พอถึงเวลาทานข้าวเย็น ฉงต้าหิวจนไม่ไหวแล้วจริงๆ ยื่นมือออกไปพยายามที่จะเลียมัน


ซึ่งการทำแบบนี้จะได้ผลกับหมีป่าสีน้ำตาลรัฐโคโลราโด แต่ไม่ได้ผลกับฉงต้า


อย่างที่รู้กันว่า ตอนที่หมีจำศีลในช่วงฤดูหนาว หากมันตื่นแล้วหิวมันก็จะดูดอุ้งตีนหมี มีคนบอกว่านี่เป็นเพราะอุ้งตีนหมีจะสามารถหลั่งไขมันหรือมีของเหลวจำพวกไขมันออกมา ด้วยเหตุนี้จึงสามารถเลียไปที่ไขมันที่ฝ่ามือได้เวลาหิว


จริงๆ แล้ววิธีการพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก เวลาหมีเลียฝ่ามือมันไม่ได้เลียทั้งหมด มันจะเลียแค่ฝ่ามือขวา น้อยครั้งที่จะเลียข้างซ้าย ดังนั้นแล้ว ฝ่ามือของหมีจึงมีคำพูดที่ว่า ‘ขวาดีซ้ายไร้ผล’ ถ้าหากฝ่ามือของหมีสามารถหลั่งสารอะไรออกมาได้ ก็เป็นไปไม่ได้ว่าจะหลั่งได้แค่อุ้งตีนฝั่งเดียว ดังนั้นพวกมันก็ไม่น่าจะเลียแค่ฝั่งขวามือ


เหตุผลที่แท้จริงสำหรับเรื่องนี้ก็คือ ปกติหมีจะชอบควักน้ำผึ้งหรือเด็ดผลไม้กิน แล้วหมีก็ไม่ได้ถนัดซ้าย พอพวกมันทำอะไรพวกนี้จึงใช้มือขวาตลอด ด้วยเหตุนี้มือขวาของหมีจึงสะสมพวกน้ำหวานบนฝ่ามือเป็นชั้นๆ


อีกอย่าง อุ้งตีนหมีมีความเหนียวสูงมาก ในบางครั้งจึงติดพวกเมล็ดหญ้าหรือถั่วพวกนั้นไปด้วย


ซึ่งของพวกนี้จะอุดมไปด้วยพลังงานมากมาย พอเป็นแบบนี้ในช่วงฤดูหนาวหมีที่หิวโหยก็จะเลียไปที่ฝ่ามือขวา ช่วยเสริมพลังงานได้ดี


วินนี่นานๆ ทีจะอาบน้ำให้กับฉงต้า อุ้งมือเจ้านี่สะอาดหมดจดเหมือนกับท้องของมัน เลียไปเลียมา มันจะเลียอะไรออกมาได้ นอกจากน้ำลายเต็มมือไปหมด


แต่ตอนนี้เมื่อไม่มีอะไรกินจริงๆ ฉงต้าจึงตั้งอกตั้งใจเลียอุ้งมือขวาของมันอย่างมุ่งมั่น ราวกับเด็กที่ดูดนิ้ว คาดว่าการปลอบใจตัวเองแบบนี้ก็สามารถระงับความหิวได้


ผลสุดท้ายหู่จือ เป้าจือ ต้าป๋ายและหลัวปอสังเกตเห็นฉงต้า พวกมันนึกว่าฉงต้าเจอของกินแล้ว ปีนเข้าไปหาฉงต้าแย่งกันเลียอุ้งมือขวาของฉงต้า ราวกับว่ากำลังแย่งของดีอะไรบางอย่างกันอยู่


ฉินสือโอวหยิบมือถือขึ้นมาอัดวิดีโอพร้อมกับหัวเราะไปด้วย ช่างทำให้เขาสุขใจจริงๆ เจ้าพวกนี้ช่างน่ารักอย่างไร้เดียงสา


ในที่สุดก็ถึงเวลาอาหารค่ำ วินนี่ทำหน้าเรียบนิ่งไปเตรียมกับข้าว พอฉินสือโอวเปิดประตู นิมิตส์กับบุชพยายามจะบินออกไปข้างนอกอย่างร้อนรน


แต่วินนี่รับเอาปลาตัวอวบอ้วนหลายตัวจากมือของฉินสือโอวที่ตอนบ่ายเขาไปตกมาได้ ยกขึ้นมาแกว่งไปแกว่งมา ทั้งนิมิตส์ บุช และฉงต้ารีบกระโจนเข้าไปหาอย่างไม่สนใจอะไร ทำหน้าเว้าวอนใส่วินนี่


วินนี่ป้อนปลาคนละสองตัวให้พวกมันทีละคน เจ้าพวกนั้นจึงค่อยสงบลงมา แล้วก็ไม่ได้หาเรื่องกับวินนี่ว่าอยากจะอดอาหารประท้วงอีก


จริงๆ แล้วเจ้าพวกนี้ก็ไม่ได้หิวมากมายขนาดนั้น แต่ด้วยความที่พวกมันเคยชินกับการกินอาหารตรงเวลาทุกวัน ถ้าไม่กินไม่ดื่มทั้งวัน ต้องควบคุมจิตใจให้ได้มากกว่าร่างกาย ตอนนี้พอได้กินอะไรหน่อย พวกมันจึงค่อยสงบสติลง


วินนี่ทอดสเต๊กจำนวนหนึ่ง พอสุกได้ 40-50% ก็แบ่งใส่จานให้พวกมันได้กิน หู่จือและเป้าจือดมกลิ่นเนื้ออันหอมหวน เดินวนรอบวินนี่ไปมา อดไม่ได้ที่จะร้องเรียกหม่าม๊าที่รักรีบลงมือกินข้าว


ยังมีเตรียมสลัดผัก ผลไม้จานใหญ่อีกด้วย วินนี่ให้พวกมันนั่งเรียงเตรียมลงมือกินข้าว


ครั้งนี้วินนี่เปลี่ยนสถานที่กินข้าวเป็นที่สนามหญ้าด้านนอก ให้แต่ละตัวนั่งติดกันให้เรียบร้อย แล้วจึงเรียกมาสเตอร์ให้มากินข้าวด้วยกัน


พอเห็นตัวก่อเรื่องที่ทำให้พวกมันต้องทรมานตัวเองมาทั้งวันใกล้เข้ามา ทันใดนั้นพวกมันก็รู้สึกโกรธขึ้นมา หู่จือและเป้าจือแยกเขี้ยวใส่ ฉงต้ายื่นฝ่ามือใหญ่ออกไป ปอหลัวโน้มเขาแข็งๆ บนหัวให้ต่ำลงมา บุชกับนิมิตส์ เตรียมบินเพื่อโจมตีจากด้านบน


หลัวปอยิ่งคึกคักกว่า กระโดดไปกระโดดมาเดี๋ยวเห่าหอนเดี๋ยวร้องเรียก เหมือนกับเป็นนักมวย


มีแค่ต้าป๋ายที่ยังนิ่งสงบ นั่งอยู่ที่พื้นค่อยๆ จัดขนของมันอย่างเนิบๆ


ส่วนมาสเตอร์ก็มีสไตล์ของผู้มากประสบการณ์ เจ้าเต่าใช้สายตามองไปที่พวกมันทีละตัวอย่างดูหมิ่น สีหน้าเรียบเฉยเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน พวกโง่พวกนี้ พ่ายแพ้แล้วยังจะกล้าหืออีกเหรอ?


วินนี่ถืออาหารออกมา พวกที่เย่อหยิ่งอวดดีเมื่อกี้เปลี่ยนเป็นเศร้าหงอยขึ้นมาทันที นั่งเรียงแถวอยู่หน้าชามข้าวตัวเองรอเวลาลงมือกินอย่างเชื่อฟัง


ไม่ได้กินไม่ได้ดื่มมาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ พอเจ้าพวกนี้เห็นอาหารเห็นน้ำที่อยู่ตรงหน้าก็โหยหาสุดๆ ใครจะไปมีเวลาสนใจเจ้ามาสเตอร์ศัตรูคนละชั้นกันเล่า? ฉงต้าจะมาแย่งอาหารพวกเพื่อนๆ กินอีก พวกมันภายในจึงเกิดศึกเล็กๆ กันขึ้นมา มาสเตอร์ยังคงมองไปที่พวกมันอย่างเย้ยหยัน มันใช้ชีวิตอยู่มานานจนอายุยังมากกว่าอายุที่พวกมันรวมกันเสียอีก ที่มาอยู่ด้วยกับคนอย่างพวกมันก็นับว่าไว้หน้ามากแล้ว!


พอได้รับบทเรียนจากวินนี่ ถึงแม้ว่าพวกมันจะยังอยากจัดการกับมาสเตอร์อยู่ในใจ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ากลับว่านอนสอนง่ายมากขึ้น บางครั้งยังแกล้งทำเป็นเล่นฉากพี่น้องแสนดีเพื่อตบตา


เช้าวันเสาร์ หลังจากฉินสือโอวตื่นนอนก็พบว่าพาวลิสและพวกเด็กๆ นั่งกันอยู่ในห้องรับแขกหมด เขาชี้ไปที่บ้านกระท่อมเครื่องดื่มเย็นแล้วถามขึ้นว่า “พวกหนูตั้งตารอคอยมากใช่ไหม?”


“สุดๆ เลยครับ” ชาร์คน้อยตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น “ผมให้พ่อผมซื้อให้หนึ่งหลัง แต่พ่อกลับตีผม! บ้านคุณยายเลยนะ ผมกล้าพูดได้เลยว่ามันเป็นสิ่งที่เยี่ยมที่สุดในโลก!”


บ้านคุณยายเป็นชื่อเรียกเล่นๆ ของบ้านที่เอามาประกอบกันแบบนี้ จริงๆ บ้านแบบนี้ก็เป็นของเล่นชิ้นใหญ่ที่เตรียมไว้ให้พวกเด็กๆ ไม่เช่นนั้นจะทำให้ดูน่ารัก หวานแหววขนาดนี้ไปทำไมกัน


แต่ของเล่นแบบนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ครอบครัวทั่วไปจะสามารถซื้อได้ ดังนั้นแล้วเด็กส่วนมากจึงได้แต่เล่นของชิ้นนี้ในความฝัน


ต่อให้รีบร้อนขนาดไหนก็ต้องรอกินข้าวเช้าเสร็จก่อนแล้วถึงเล่นได้ ด้วยเหตุนี้พวกเด็กๆ ตอนกินข้าวจึงรีบกลื่นรีบกินไปโดยอัตโนมัติ กินเรียบทุกอย่างภายในชั่วพริบตา พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกเขารีบกินไข่เจียว รีบดื่มนม น้ำผลไม้ แล้วรีบวิ่งออกมารออยู่ใต้ต้นเมเปิลที่ลานกว้าง ตั้งหน้าตั้งตารอฉินสือโอว


สถานที่ที่ฉินสือโอวเลือกไว้สำหรับตั้งบ้านเล็กนี้ก็คือใต้ต้นเมเปิล พอมีต้นชูการ์เมเปิลต้นใหญ่ช่วยบังแดดกันฝน บ้านกระท่อมก็ยิ่งดูงดงามขึ้น


วินนี่ได้ดาวน์โหลดวิดีโอการติดตั้งไว้ในไอแพดล่วงหน้าเรียบร้อย คนรวยก็มักจะเอาแต่ใจ บ้านของฉินสือโอวแต่ละคนจะมีไอแพดคนละหนึ่งเครื่อง พอวินนี่บันทึกวิดีโอไว้ในนั้น ทุกคนก็สามารถดูได้


ฉินสือโอวแกล้งทำเป็นเหมือนวิเคราะห์แบบ วินนี่ยิ้มแล้วไปคั้นน้ำผลไม้สดให้พวกเขาแก้กระหาย งานประกอบบ้านถือว่าเป็นงานที่ใช้กำลังมาก สักพักตอนที่มีเด็กๆ อยู่


พอเห็นวินนี่เอาน้ำผลไม้คั้นสดและขนมอบกรอบออกมาให้เด็กๆ ทาน บวกกับฉากที่เด็กๆ ก็สุมหัวกันคุยว่าจะเริ่มตรงไหนดีอย่างมีความสุข ทันใดนั้นฉินสือโอวก็เข้าใจขึ้นมาทันทีว่าทำไมเจ้าบ้านกระท่อมนี้ถึงขายดีมากในอเมริกาเหนือ


บทที่ 662 ดื่มเครื่องดื่มหนึ่งแก้วช่างยากเย็น

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมื่อดูซีรีส์อเมริกาก็จะรู้ว่า บ้านทางแถบอเมริกาเหนือไม่ได้สร้างเหมือนที่จีนที่เริ่มจากตอกเสาเข็มแล้วใช้อิฐค่อยๆ ก่อขึ้นมาทีละขั้น แต่เป็นการเอาผนังกับหลังคามาประกอบต่อเข้าด้วยกัน สามารถใช้รถลากลากไปได้ทุกที่


จริงๆ แล้วบ้านชนิดนี้จะมีไม่เยอะ เพราะมันก็เป็นเหมือนแบบขยายของบ้านกระท่อมเล็กที่ประกอบเข้าด้วยกันแบบนี้ คนที่เล่นบ้านประกอบขนาดใหญ่ถ้าไม่ใช่คนรวยก็เป็นคนจนไปเลย เหตุผลคิดว่าทุกคนคงจะเข้าใจ ประการแรกก็คือไว้เพื่อเล่นจริงๆ ส่วนอีกประการหนึ่งก็สำหรับการย้ายบ้านบ่อยๆ เพราะต้องเปลี่ยนที่ทำงาน


อย่ามองแค่ว่าบ้านกระท่อมเล็กพวกนี้ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนขนาดใหญ่หลายชิ้น แต่โครงสร้างของบ้านทั้งแข็งแรงและเบา ฉินสือโอวมองดูแล้วชิ้นส่วนของบ้านแต่ละชิ้นไม่ใช่ไม้ทั้งหมด แต่ยังมีที่เป็นเหล็กล้วนและโครงสร้างที่เป็นเหล็กเบาแบบปิดทึบด้วย


โครงสร้างพวกนี้ล้วนเป็นโครงสำหรับบ้านกระท่อมนี้ ซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านลมต้านแผ่นดินไหวรวมไปถึงต้านแรงกระแทกได้อย่างดีเยี่ยม พอใส่ล้อเข้าไปก็กลายเป็นรถบ้านฉบับคนจนเรียบร้อย


ส่วนประกอบของบ้านกระท่อมเป็นการออกแบบแบบบูรณาการ นอกจากผนังจะเป็นโครงเหล็กเบาแบบปิดทึบแล้วยังมีผนังแบบคอมโพสิตด้วย


ผนังพวกนี้มีความประณีตละเอียดมาก ประกอบไปด้วยส่วนชั้นด้านใน ชั้นกันชื้น ฉนวนกันร้อน ชั้นโครงสร้างและชั้นผิวภายนอก ซึ่งแน่นอนว่าพวกนี้ฉินสือโอวต้องช่วยเด็กๆ ในการประกอบให้สำเร็จ


แค่ผนังคอมโพสิตก็ยุ่งยากมากแล้ว ฉินสือโอวถูไปที่ขมับตัวเองแล้วก็มองไปที่ส่วนประกอบต่างๆ อย่าง แผ่นไม้ปูพื้น กระเบื้องปูพื้น สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ โคมไฟ สายไฟ สายเคเบิล ช่องรับสายโทรศัพท์และสายอินเทอร์เน็ต เขารู้สึกได้เลยว่ายังมีความวุ่นวายยุ่งยากอีกมาก


“แม่งเอ๊ย ฉันถูกหลอกแล้ว!” ฉินสือโอวทอดถอนใจออกมา ไอ้บ้าส่งของนั่นยังจะมาพูดอีกว่าสิ่งนี้ประกอบเข้าด้วยกันง่าย ต้องเป็นคนที่มีฝีมือคล่องแคล่วถึงจะกล้าพูดได้ว่ามัน ‘ง่าย’?


วินนี่ตบปากเขาไปทีหนึ่ง พูดอย่างงอนๆ ว่า “อย่าพูดคำหยาบต่อหน้าเด็กๆ สิคะ มาค่ะ ดื่มน้ำส้มสักแก้วนะ จุ๊บๆ สู้ๆ ไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ! ใช่ไหมฉงต้า?!”


ฉงต้านั่งอยู่บนฟูกอันหนึ่ง บนฟูกมีคุกกี้ที่เพิ่งอบเสร็จ ทาร์ตไข่อันเล็ก เค้กเนยจำพวกนั้นกองอยู่ กินอย่างสบายใจ


ไม่ได้พูดอะไรอีก ก็เริ่มทำงานต่อ ฉินสือโอวดูคลิปวิดีโอย้อนไปย้อนมาไม่ต่ำกว่า 10 รอบ จนเกือบจะท่องรูปภาพคู่มือการประกอบชิ้นส่วนได้ขึ้นใจ นี่ถึงค่อยรู้สึกสมเหตุสมผลขึ้นมาหน่อย


เริ่มแรกเริ่มจากติดตั้งฐานของบ้านกระท่อมก่อน ซึ่งส่วนนี้ทำจากเหล็กทั้งหมด ใช้ตัวกันชื้นที่เข้ากับอากาศแต่ละประเทศ ฉินสือโอวเลือกสนามหญ้าที่ราบเรียบ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะนำฐานของบ้านไปวางไว้บนสนามหญ้าได้เลย


พอนึกถึงสภาพอากาศที่หน้าร้อนฝนตกหนัก หน้าหนาวก็มีหิมะตกหนัก แล้วยังคำนึงถึงระบบการระบายน้ำของบ้านกระท่อมอีก ซึ่งก่อนอื่นเลย ฉินสือโอวขุดร่องระบายน้ำใต้บ้านกระท่อมนี้สักสองสามจุด ยังดีว่าบ้านนี้ไม่มีห้องน้ำ ไม่อย่างนั้นคงเจ็บใจน่าดู


พอขุดร่องเสร็จ ฉินสือโอวก็ใช้ปูนพอกเป็นชั้นหนึ่งชั้นอย่างระมัดระวัง พาวลิสหยิบเครื่องเป่าลมออกมาจากบ้าน เป่าให้ปูนแห้งสนิทและแข็งตัวอย่างรวดเร็ว


ด้วยวิธีนี้ก็จะสามารถวางฐานได้เลย หลังจากวางเรียบร้อยก็สามารถติดตั้งผนังสามด้านบนฐานต่อ ซึ่งเชื่อมผนังแต่ละด้านด้วยสลักเกลียว ดังนั้นจึงไม่ถือว่ายุ่งยากมากในการติดตั้ง วันหลังหากจะเคลื่อนย้ายบ้านกระท่อมไปที่อื่นก็แค่ถอดออกมา


จากคู่มือสินค้า อัตราการใช้ซ้ำของวัสดุอุปกรณ์ของบ้านสามารถใช้ได้สูงถึง 90% ขึ้นไป


ขาดแต่ผนังอีกหนึ่งด้านที่ยังติดตั้งไม่ได้ตอนนี้ เพราะผนังด้านนี้เสียบเข้ากับประตูและหน้าต่าง จึงต้องติดตั้งเป็นอย่างสุดท้าย


เริ่มติดตั้งผนังสามด้านก่อน จะได้ติดตั้งหลังคาบ้านได้ต่อ อันนี้ก็ไม่ยาก ฉินสือโอวไปหาชาร์คให้ช่วยกันเอาหลังคาไม้วางขึ้นไปก็เป็นอันเรียบร้อย


ที่ดูยุ่งยากก็คงจะเป็นแผ่นกันแดดที่ต้องเสียบฝังเข้าไป ซึ่งแผ่นพวกนี้มีความยาวถึง 7-8 เมตร กว้าง 20 กว่าเซนติเมตร แล้วต้องซ้อนทีละแผ่นขึ้นไป เหมือนกับเกล็ดปลาที่วางคลุมขึ้นไปจนถึงยอดของหลังคา


ฉินสือโอวไม่ได้มีความอดทนในการทำสิ่งนี้ เขาจึงให้มิเชลและลอเรนซ์ใส่เชือกนิรภัย ให้พวกเขาสองคนขึ้นไปวางเสียบทีละชั้น เพราะระหว่างแผ่นกับหลังคาจะมีช่องเสียบ แค่เสียบลงไปก็ได้แล้ว


อ่านในคู่มือ ฉินสือโอวเอาพวกเคาน์เตอร์ เครื่องทำน้ำเย็นและโต๊ะเก้าอี้ย้ายเข้าไปในบ้านกระท่อม


ซึ่งสิ่งนี้สามารถติดตั้งอย่างไรก็ได้ พอคิดว่านี่เป็นประเทศประชาธิปไตย เขาจึงให้เด็กๆ เป็นคนตัดสินใจ ดังนั้นอีกนิดเดียวพวกเด็กๆ ก็จะทะเลาะกันแล้ว


“ผมว่าเอาเคาน์เตอร์วางไว้ตรงมุมทางตะวันออกเฉียงเหนือดีที่สุด เพราะตรงนั้นจะดึงดูดสายตาคนมากที่สุด…”


“ชาร์คน้อย นายมันงี่เง่า สมองของนายเคยให้ตูดของฉงต้านั่งทับใช่ไหม ถึงมองจะพิการแต่ก็ต้องมีขีดจำกัดสิ เคาน์เตอร์ทำไมจะให้คนอื่นเห็นไม่ได้? ถ้าเป็นผม ผมคิดว่าไว้ตรงมุมทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ตรงนี้ใกล้กับประตู…”


“กอร์ดอนนายหุบปากไปเลย สมองของชาร์คน้อยเคยให้ตูดฉงต้านั่งทับ สมองของนายก็คงเคยถูกหลัวปอแทะกินใช่ไหม? พวกเราไม่ได้ทำธุรกิจกันจริงๆ สักหน่อย ทำไมต้องเอาเคาน์เตอร์ไปขวางประตูด้วย? มันเห็นชัดอยู่แล้วว่าต้องเอาวางไว้ทางทิศตะวันออกไม่ก็ตก…”


“อยู่กับพวกนายที่โง่เง่าไม่มีสมอง ฉันรู้สึกกดดันจริงๆ เลย ทำไมพวกเราถึงจะมีความคิดสร้างสรรค์หน่อยไม่ได้เหรอ? แขวนมันขึ้นไปเถอะ…”


“เดี๋ยวนะ กอร์ดอนนายพูดว่าใครโง่เง่านะ? นายบอกว่าสมองใครที่เคยถูกตูดฉงต้านั่งทับนะ? ฉันจะต่อยนาย!”


“ฉันกลัวจังเลย คราเคนน้อย เมื่อกี้นายก็ว่าฉันเหมือนกันใช่ไหม? พาวลิส ต่อยเขาซะ!”


ฉินสือโอวถามฟากฟ้าอย่างไร้คำพูดใดๆ เขาจึงทำได้เพียงยึดอำนาจประชาธิปไตยกลับคืนมา เป็นเผด็จการอีกครั้ง “เงียบให้หมดทุกคน! เอาเคาน์เตอร์กับเครื่องทำน้ำเย็นวางไว้กลางบ้าน แบบนี้พอถึงเวลาทุกคนก็จะได้ยืนล้อมรอบแล้วดื่มน้ำได้!”


ถึงเนื้อที่ในบ้านจะเล็ก แต่อุปกรณ์ต่างๆ ก็ครบครัน


บ้านสูงประมาณสามเมตร สามารถแบ่งเป็นสองชั้นชั้นบนกับชั้นล่างได้ เป็นคอนโดเล็กๆ แบบดูเพล็กซ์ ชั้นที่หนึ่งเป็นห้องทำเครื่องดื่มเย็น ส่วนชั้นที่สองมีผ้าห่มปูไว้บนพื้นจึงเป็นห้องสำหรับพักผ่อนได้ ซึ่งระหว่างทั้งสองชั้นถูกเชื่อมต่อด้วยบันได นอกจากนี้ชั้นสองยังมีรั้วที่เป็นลายสลักกั้นอยู่ด้วย


ฉินสือโอวเห็นในคู่มือแนะนำว่า แรงกดรับน้ำหนักบนชั้นสองสูงถึง 2,000 นิวตัน นั่นก็หมายถึงว่าสามารถวางของที่มีน้ำหนักได้ถึง 200 กิโลกรัม


สิ่งนี้ช่างน่าประทับใจมาก มิน่าบ้านกระท่อมถึงได้แพงขนาดนี้ ของภายในบ้านล้วนเป็นของที่ล้ำสมัย


สิ่งที่ล้ำสมัยยิ่งกว่าคือ ไฟในบ้านกระท่อม อันหนึ่งคือโคมแขวนในห้องโถง สามารถเปลี่ยนสีได้ห้าสี ส่วนอีกอันเป็นโคมไฟที่อยู่ด้านนอกตรงชายคา ซึ่งโคมอันนี้สามารถใช้เสียงควบคุมได้อย่างไม่น่าเชื่อ!


“แม่งเอ๊ย!” พอเห็นโคมไฟฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา


วินนี่ไม่พอใจมาก “เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้คุณพูดจาหยาบคาย?”


ฉินสือโอวอยากจะร้องไห้ “คุณผู้หญิงครับ คุณสามีรู้สึกทนไม่ได้จริงๆ นี่นา เพราะว่าผมเพิ่งรู้ว่า ผมลืมวางแนวสายไฟ ผนังทั้งสามด้านจะต้องรื้อออก แนวสายไฟจริงๆ แล้วต้องติดตั้งไว้ในชั้นกันชื้น!”


วินนี่กะพริบตาดวงโตของเธอ อ้าปากค้าง “แม่ง คุณมันโง่มาก!”


เด็กๆ แต่ละคนก็อ้าปากหวอเหมือนกัน บ้ามาก พวกเขารู้สึกเจ็บปวดใจ งานที่เมื่อกี้ทำมาทั้งหมดเสียเปล่า!


ช่วยไม่ได้ ทำได้แค่รื้อหลังคาลงมาก่อน แยกผนังออกมาแล้วเตรียมใส่สายไฟเข้าไปข้างใน


ซีมอนสเตอร์เดินมาถามทุกคนว่าทำไมสภาพมันถึงดูน่าสังเวชแบบนี้ คราเคนน้อยลูกชายที่รักของเขาอธิบายเรื่องราวให้เขาฟัง ซีมอนสเตอร์หัวเราะใหญ่ “ไม่ต้องรื้อผนังออกเลย ไม่ใช่แค่ติดตั้งสายไฟหรอกเหรอ? เดินสายแบบฝังก็ได้ ผมมาทำให้เอง ง่ายมาก!”


ทันใดนั้นพวกเด็กก็มองไปที่ซีมอนสเตอร์อย่างชื่นชม ชาร์คน้อยปรบมือแล้วพูดว่า “คุณลุงซีมอนสเตอร์เก่งจังเลยครับ”


“แน่นอนอยู่แล้ว เธอคิดว่าพ่อของฉันเป็นพ่อที่โง่เง่าเหมือนพ่อของเธอเหรอ?” คราเคนน้อยพูดอย่างภาคภูมิใจ


ชาร์คน้อยไม่พูดอะไรอีก หันกลับแล้วผลักเขาล้มลงไป ขี่อยู่บนตัวของคราเคนน้อยอย่างบ้ากระหน่ำ


ซีมอนสเตอร์ไม่ได้แม้แต่หันไปมอง ถึงแม้ว่าลูกชายตัวเองจะร้องคร่ำครวญอยู่ด้านข้าง เขาหยิบไขควงเตรียมที่จะเจาะช่องวางสายบนผนังไม้นั่น


ตอนนี้ฉินสือโอวถึงเพิ่งคิดได้ จริงๆ ด้วย ไม่จำเป็นต้องเอาสายไฟติดตั้งในผนังก็ได้ ชั้นกันความชื้นมีร่องอยู่ เพียงแค่เปิดช่องสองช่องที่อยู่ด้านบนสุดกับด้านล่างสุดแค่นั้นก็สามารถสอดสายไฟเข้าไปได้แล้ว


ทักษะการเรียนรู้ย่อมมีทิศทางของมันเอง!


บทที่ 663 ดื่มเบียร์ในบ้านกระท่อมเครื่องดื่มเย็น

โดย

Ink Stone_Fantasy

นอกจากซีมอนสเตอร์จะช่วยติดตั้งสายไฟแล้ว ยังอยู่ช่วยงานอื่นจนเสร็จครบทุกอย่าง


เป็นไปอย่างที่คาด พอมีซีมอนสเตอร์เข้ามาช่วยงานทุกอย่างก็ดูง่ายขึ้นมาทันที รวมถึงหน้าต่างที่ก่อนหน้าเขาติดตั้งยังไงก็ไม่ได้


หลังจากที่ซีมอนสเตอร์ดูหน้าต่างแล้ว ส่ายหน้าแล้วบอกว่ากรอบหน้าต่างมันเล็กไป ต้องใช้สว่านเจาะให้กว้างขึ้น หลังจากนั้นก็ ‘กึก กึก กึก’ อยู่ระยะหนึ่ง พอเอาหน้าต่างไปใส่ในกรอบอีกรอบ ขนาดพอดีเป๊ะ!


พอเห็นแบบนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกปวดเกร็งจนเกือบจะอุจจาระออกมา นี่มันมากไปหน่อยแล้วมั้ง? เขานึกว่าส่วนประกอบแต่ละชิ้นของบ้านจะมาแบบพอดีๆ ใครจะไปรู้ว่ายังต้องมานั่งปรับเองอีก


การประกอบบ้านกระท่อมจริงๆ แล้วไม่ถือว่ายากมาก โดยมีโครงสร้างหลักคือผนังสามด้านและหลังคา หลังจากนั้นก็เป็นการติดตั้งแนวสายไฟ จัดวางเครื่องทำน้ำดื่มเย็น วางร่องระบายน้ำ สุดท้ายก็คือจัดวางโต๊ะเก้าอี้ อุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร แค่นี้งานหลักๆ ส่วนมากก็เรียบร้อยแล้ว


เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังประกอบบ้านกระท่อมกันอยู่ วิลยืนยิ้มแล้วกอดอกมองไปที่พวกเขา ฉินสือโอวถามถึงฝ่ามือเขาว่าเป็นอย่างไรบ้าง วิลสะบัดมือแล้วบอกว่ามันแห้งหมดละ ตอนนั้นก็ถือว่าเจ้าเต่าอัลลิเกเตอร์ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายรุนแรงจริงๆ


พอพูดไป เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรอยู่ด้านหลัง พอหันไปก็เห็นหน้าดุร้ายของเจ้าเต่าอัลลิเกเตอร์


วิลตกใจจนหน้าซีดขาว แต่สุดท้ายมาสเตอร์ก็ไม่ได้สนใจเขา มันแค่มองไปที่คนส่วนหนึ่งที่กำลังสร้างบ้านอยู่ตรงนั้นอย่างสงสัยใคร่รู้ ดูไปสักพักรู้สึกไม่มีอะไรน่าสนใจก็คลานจากไปอย่างเงียบๆ


ฉินสือโอวเชิญให้วิลช่วยแนะนำเขาสักหน่อย พวกเด็กๆ พยักหน้าเห็นด้วยทันที วิลพูดขึ้น “บ้านกระท่อมแบบนี้ ไม่ว่าสุดท้ายแล้วจะสร้างออกมาเป็นแบบไหน แต่เราก็ต้องสร้างด้วยตัวเอง เพราะนี่เป็นน้ำพักน้ำแรงของทุกคน หลังจากนี้ตอนที่เข้าไปดื่มเครื่องดื่มในบ้านนี้ ความรู้สึกจะไม่เหมือนเดิมแน่นอน!”


ในเมื่อเป็นแบบนี้ งานที่เหลือฉินสือโอวก็ช่วยกันกับพวกเด็กๆ กันเอง ไม่ได้ให้ซีมอนสเตอร์ช่วยทำงานต่อด้วย


และแน่นอนว่า สิ่งที่บอกว่า ‘งานที่เหลือ’ ก็คือการเอาผนังด้านสุดท้ายติดตั้งให้เสร็จ


วิลยังช่วยเขาเล็กน้อย รอจนบ้านกระท่อมสร้างเกือบเสร็จเรียบร้อย เขาก็ช่วยจัดเรียงแนวสายไฟให้ใหม่ โดยเหลือช่องว่างไว้มุมหนึ่งในห้อง เปิดช่องตรงมุมบนผนังออกแล้วบอกว่า “เดี๋ยวติดตั้งแอร์ตัวเล็กตรงนี้สักเครื่อง แอร์ระบบอัจฉริยะสำหรับเด็ก ไม่อย่างนั้นตอนหน้าหนาวจะหนาวไป ส่วนหน้าร้อนก็ร้อนเกิน”


นอกจากนี้แล้ว วิลยังช่วยออกแบบมุ้งลวดที่ประตูและหน้าต่าง ป้องกันพวกแมลงและยุงได้


พอผ่านวันทั้งวันที่แสนยุ่ง บ้านกระท่อมก็ตั้งเรียบร้อยอยู่ใต้ต้นเมเปิล เหมาะพอดีกับวิลล่าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ด้านข้าง


พื้นที่ใช้สอยของบ้านกระท่อมมีประมาณ 60 กว่าตารางเมตร ทั้งสี่ด้านมีทางเดินวนรอบและมีราวกั้นอยู่รอบด้าน แค่วางเก้าอี้เล็กๆ สักตัวก็สามารถนั่งรับลมทะเลตรงนี้ได้ สบายสุดๆ


ในฐานะที่เป็นผลิตภัณฑ์ล้ำสมัย บ้านกระท่อมจึงใช้การออกแบบตามหลักการการยศาสตร์ ซึ่งทำให้อัตราการใช้ประโยชน์จากบ้านสูงถึง 90% ในขณะที่บ้านแบบดั้งเดิมอัตราการใช้ประโยชน์มากสุดก็มีเพียงประมาณ 80% ซึ่งจุดนี้ถือเป็นความก้าวหน้าอย่างหนึ่ง


ท่อน้ำและสายไฟที่อยู่ภายในบ้านทั้งหมดถูกติดตั้งอยู่ในคานและในผนัง ภายนอกดูสะอาดตา และยังเชื่อมต่อได้อย่างสะดวก ในบ้านกระท่อมนอกจากไม่มีห้องน้ำแล้ว ทุกอย่างล้วนมีหมด แม้แต่ตู้เย็นขนาดเล็กก็มี


แต่ฉินสือโอวรู้สึกว่าตู้เย็นอันนี้ไม่โอเค เขาอยากเปลี่ยนเป็นอันที่ดีกว่านี้


สไตล์การตกแต่งของบ้านกระท่อมนี้ เป็นสไตล์การตกแต่งแบบทะเลในแถบเขตร้อน ผนังด้านนอกวาดเป็นรูปต้นปาล์ม ต้นกล้วยแล้วยังมีพระอาทิตย์สีสันสดใส ราวกับเป็นบ้านพักที่อยู่บนพื้นทรายบนเกาะฮาวาย และด้วยสไตล์การวาดที่ทำให้บ้านกระท่อมกลายเป็นเหมือนของที่อยู่ในโลกของเด็กอย่างไรอย่างนั้น


พอเห็นผลงานออกมาด้วยหยาดเหงื่อของตัวเอง ถึงแม้ว่าฉินสือโอวจะเหงื่อท่วมเต็มตัวแต่กลับมีความสุขอย่างเหลือล้น นี่เป็นบ้านหลังแรกที่เขาลงมือสร้างด้วยตัวเองในชีวิตของเขา เป็นบ้านที่สมบูรณ์แบบมาก


บ้านสร้างไว้ก็เพื่อให้ใช้ ไม่ใช่แค่เชยชม พวกเด็กๆ จึงเข้าไปเล่นกันในบ้าน หลังจากที่ฉินสือโอวปิดประตู ถึงเพิ่งพบว่าบ้านหลังนี้มีคุณสมบัติในการเก็บเสียง และกันร้อนได้ดีมาก


ซึ่งจุดนี้ก็เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะผนังไม้ด้านนอกเป็นผนังแบบคอมโพสิต ซึ่งประกอบไปด้วยวัสดุ 7 ชนิดที่มีคุณสมบัติทั้งเป็นฉนวน กันชื้น กันร้อน


นอกจากนี้แล้วหลังคาวิลล่าและพื้นด้านล่างมีฉนวนกันความร้อน หน้าต่างไวนิลที่เป็นกระจกสองชั้นก็ยังช่วยเสริมคุณสมบัติในการกันความร้อน กันเสียงเพิ่มขึ้นไปอีก


จุดนี้สำคัญมาก วันหลังโยนพวกสารเลวที่น่ารำคาญพวกนี้เข้าไปในบ้านก็เรียบร้อย พอไม่เจอจิตใจก็จะได้ไม่วุ่นวาย เพราะอย่างไรข้างในบ้านก็สบาย


 สบายจริงๆ นั่นแหละ บ้านกระท่อมหลังเล็กแบบนี้ทำไมถึงมีราคาเกือบจะห้าหมื่นดอลลาร์แคนาดาได้? เพราะว่าวัสดุที่เขาใช้ล้วนเป็นวัสดุชั้นดี อย่างเช่นผนังกับตัวพื้น ใช้เป็นไม้ธรรมชาติแผ่นใหญ่ทั้งหมด ดีต่อสิ่งแวดล้อมไม่มีมลพิษ มีความต้านทานในความชื้นและระบายได้ดี หน้าหนาวกลับอบอุ่น หน้าร้อนกลับเย็นสบาย คำพูดนี้ไม่ถือว่าโอเว่อร์เกินไป


บ้านกระท่อมไม่ต้องมีการตกแต่งอะไร เพราะสไตล์ภายในบ้านก็ตกแต่งมาอย่างดีแล้ว ฉินสือโอวให้พวกเด็กๆ ช่วยกันทำความสะอาด หลังจากปล่อยให้ระบายดีแล้ว ก็เชิญวิลและซีมอนสเตอร์ “คุณผู้ชายทั้งหลาย ไม่เข้าไปเป็นแขกหน่อยเหรอครับ?”


วิลเห็นพวกเด็กๆ จึงจงใจแหย่พวกเขา “พวกเราต้อนรับไหมเนี่ย? บ้านหลังนี้เป็นหลังใหม่เอี่ยมอ่องเลยนะ”


 ปกติวินนี่กับฉินสือโอวจะเน้นคุณภาพในการปลูกฝังเด็กๆ เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงมีนิสัยการแบ่งปันที่ดี ไม่มีใครมีนิสัยตระหนี่ขี้เหนียว จึงเชิญชวนทุกคนให้เข้าบ้านดื่มน้ำเย็นอย่างกระตือรือร้น แต่ต้องถอดรองเท้าก่อนถึงเข้าไปได้


“นี่เป็นบ้านใหม่ของพวกเรานะ” เชอร์ลี่ย์พูดอย่างภาคภูมิใจ


ในบ้านมีเครื่องทำน้ำแข็งและเครื่องทำเครื่องดื่มเย็นอยู่ ทั้งหมดมีอยู่สองเครื่อง แบ่งออกเป็นเครื่องทำเครื่องดื่มเย็นกับร้อน


จริงๆ แล้วเครื่องทำเครื่องดื่มใช้ง่ายมาก ก็คือเครื่องที่ใช้เครื่องจักรคั้นเอาน้ำผลไม้และผักออกมากลายเป็นน้ำ ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องทำเครื่องดื่มร้อน เมื่อกี้ฉินสือโอวจึงประกอบแค่เครื่องทำเครื่องดื่มเย็นขึ้นมา


ไฟดึงมาใช้จากในวิลล่า สามารถใช้งานได้โดยตรง วิลล่าก็มีเครื่องทำน้ำพวกนี้อยู่ อีกทั้งยังมีตัวเลือกที่มากกว่าและครบครันกว่า เชอร์ลี่ย์ปกติจะช่วยวินนี่คั้นน้ำผลไม้ ใช้เครื่องนี้จนชำนาญแล้ว


ด้วยความช่วยเหลือของพาวลิส เชอร์ลี่ย์จึงขันตัวใบมีดเข้ากับตัวกรองแบบแรงเหวี่ยงก่อน หลังจากนั้นตัวกล่องที่ติดตั้งเครื่องกรองแบบแรงเหวี่ยงกับตัวใบมีดแล้วก็เอามาติดแน่นกับตัวฐาน พอเช็กดูแล้วไม่มีปัญหา เธอก็ตะโกนคำว่า ‘โอเค’ ในอินเตอร์คอมอย่างพึงพอใจ มิเชลก็เปิดแหล่งจ่ายไฟไฟในวิลล่าเลย


หลังจากไฟเข้าถึง ตัวเครื่องมอเตอร์ก็ส่งเสียงดัง หึ่งหึ่ง ชาร์คน้อยกับลอเรนซ์ต่างตื่นเต้นดีใจรีบเอาผลไม้ที่หั่นเป็นชิ้นๆ ใส่เข้าไปในเครื่อง


พอเห็นแบบนี้เชอร์ลี่ย์ก็พูดอย่างไม่ค่อยพอใจว่า “พวกเธอหั่นชิ้นใหญ่ไปแล้ว แล้วทำไมไม่ปอกเปลือกก่อน? เพราะแบบนี้มันจะทำให้ตัวใบมีดเสียหายได้ เป็นสาเหตุทำให้มอเตอร์ทำงานหนักไปได้ง่ายด้วย!”


พอเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของชาร์คน้อย พาวลิสเลยตบไหล่ของเขาเบาๆ ขมวดคิ้วใส่เชอร์ลี่ย์แล้วพูดว่า “อย่าทำแบบนี้สิ เชอร์ลี่ย์ เธอก็รู้ว่ามันไม่ใช่ปัญหาหรอก ตอนพวกเราทำน้ำผลไม้ครั้งแรก ไม่ใช่ว่าก็โยนแอปเปิลลงไปทั้งลูกหรอกเหรอ?”


พอพูดกับเชอร์ลี่ยแล้ว เขาก็พูดกับชาร์คน้อยและลอเรนซ์ต่อ “พวกเราเคยทำผิดมามากกว่านี้อีก แต่จะว่าไปจริงๆ แล้ว ถ้าเราหั่นผลไม้เป็นชิ้นเล็กๆ หน่อยก็จะคั้นได้น้ำผลไม้ที่อร่อยกว่า”


วิลกะพริบตาส่งซิกให้กับฉินสือโอว พูดเสียงเบาว่า “เจ้าหนุ่มนี่นิสัยไม่เลวเลย”


ฉินสือโอวยักไหล่พูดว่า “ฉันตอนนี้เป็นความภูมิใจของเมืองแฟร์เวล เขาก็จะเป็นความภูมิใจในอนาคตของเมืองแฟร์เวล”


“เชื่อสุดใจ” ซีมอนสเตอร์หัวเราะใหญ่


พอคั้นน้ำผลไม้ออกมา เชอร์ลี่ย์ถามคนจำนวนหนึ่งว่าอยากได้รสชาติแบบไหน ซีมอนสเตอร์บอกว่า “ผมอยากได้เบียร์ พวกคุณล่ะ?”


“ผมก็อยากดื่มเบียร์เหมือนกัน”


“เบียร์เย็นๆ เพิ่มน้ำแข็งมิ้นต์สองก้อน”


เชอร์ลี่ย์ ชาร์คน้อย พาวลิส ทุกคนต่าง “….”


บทที่ 664 ชุดดำน้ำรุ่นใหม่

โดย

Ink Stone_Fantasy

พอสร้างบ้านกระท่อมได้สำเร็จแล้ว ซีมอนสเตอร์ก็ถามว่าจะทาสีกันแมลงชั้นหนึ่งไหม เพราะว่าอยู่ใกล้ทะเล อากาศจึงชื้นมากเป็นพิเศษ วัสดุพวกไม้จึงง่ายที่จะก่อเกิดพวกแมลง ถ้าได้ทากันแมลงสักชั้นก็จะสามารถปกป้องตัวไม้ได้


ฉินสือโอวส่ายหน้าบอกว่าไม่จำเป็น เพราะอัตราส่วนผสมของน้ำในเนื้อไม้ถ้าน้อยกว่า 18% พวกแมลงก็จะตายหมด แล้วที่เขาเคยอ่านคู่มือ วัสดุไม้ของบ้านกระท่อมมีส่วนผสมของน้ำไม่เกิน 17% จึงกำจัดสภาวะที่จะทำให้พวกแมลงอยู่รอดไปได้


นอกจากนี้แล้ว บ้านกระท่อมที่เขาซื้อก็เป็นสินค้าคุณภาพดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นผนัง หลังคา วัสดุไม้ที่ใช้ทั้งหมดผ่านกรรมวิธีกันแมลงมาแล้วถึงสี่ขั้นตอน ส่วนประกอบที่ใช้ภายนอกอย่างรั้ว แผ่นไม้ตรงทางเดินก็ผ่านกรรมวิธีการป้องกันความชื้นเป็นพิเศษอีกด้วย


ด้วยเหตุนี้จึงไม่จำเป็นต้องจัดการเรื่องกันแมลง กันชื้นก็ไม่ต้องเช่นกัน


เหตุผลก็มีอยู่ว่า วัสดุพวกไม้เป็นวัสดุที่มักจะมีรูระบายอยู่มาก ดังนั้นจึงนำความร้อนต่ำ เป็นตัวนำความร้อนที่ไม่มีประสิทธิภาพ ส่วนประกอบภายในของมันเหมือนมีฟองน้ำ ที่สามารถดูดซึมหรือขับน้ำออกตามการเปลี่ยนแปลงของระดับความชื้นในสภาวะแวดล้อมข้างเคียง แล้วจึงปรับอุณหภูมิหรือระดับความชื้นของบ้านกระท่อมตามการเปลี่ยนแปลงนั้น


นี่ไม่ได้โฆษณาเกินจริง แล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ทำไมตอนนี้วิลล่ามีระดับถึงชอบใช้วัสดุไม้กันนะ? นั่นก็เพราะว่านักพฤกษศาสตร์มีการค้นพบว่า ไม้ที่มีรูพรุนสามารถปรับความชื้นในช่วงฤดูฝนได้ เมื่อความชื้นสูงเกินไป ไม้ก็จะดูดความชื้นโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าอากาศแห้ง ก็จะปล่อยความชื้นออกจากเซลล์ในตัวของมันเองออกมา ราวกับเป็นเครื่องปรับอากาศตามธรรมชาติ


ด้วยเหตุนี้ เมื่อสั่งสอนอบรมเด็กๆ ให้ดูแลรักษาทั่วไปเป็นประจำ ก็จะสามารถรับประกันให้บ้านกระท่อมปราศจากพวกแมลงและผุพังไปได้เป็นระยะเวลายาวนาน


ความรักของพวกเด็กๆ ต่อบ้านกระท่อมนี้มีอยู่เต็มเปี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะอย่างมาสเตอร์ที่ไม่ชอบวิลล่ายังยินดีที่จะมาเดินวนรอบบ้านกระท่อมไปมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหู่จือและเป้าจือ เจ้าเย่อหยิ่งพวกนั้นเลย


ซึ่งสิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นสิ่งหนึ่งว่า บ้านพักที่คนอาศัยอยู่สร้างจากไม้ดีที่สุด เพราะอย่างไรก็ตามวัตถุที่อยู่บนโลกใบนี้ ต้นไม้มีอายุยืนยาวมากที่สุด นอกจากนี้แล้วบ้านไม้ยังมีอากาศบริสุทธิ์อย่างธรรมชาติอยู่ภายในบ้าน ซึ่งสามารถปรับระบบการทำงานต่อมไร้ท่อของสิ่งมีชีวิตได้โดยไม่รู้ตัว


วันนั้นตอนเย็นพวกเด็กๆ ก็จะนอนอยู่ที่บ้านกระท่อม ฉินสือโอวไม่เห็นด้วย เพราะหนึ่งบ้านเพิ่งสร้างเสร็จยังไม่ได้ผ่านการใช้มายาวนาน จึงไม่รู้ว่ามันแข็งแรงขนาดไหน ประการที่สองวัสดุตกแต่งภายในบ้านเขาก็ไม่รู้ว่าพวกสารเคมีอย่างฟอร์มาลดีไฮด์หมดไปหรือยัง


ในเมื่ออาศัยอยู่ที่นี่ไม่ได้ พวกเด็กๆ จึงเล่นกันที่นี่จนถึงดึก วินนี่ต้องปิดเครื่องทำความเย็นและตู้กดน้ำเย็นให้กับพวกเขา เพราะพวกเขาดื่มเครื่องดื่มเย็นมากเกินไป ซึ่งมันไม่ดีมากๆ


ฉินสือโอวไม่รู้ว่าพวกเด็กๆ ไปนอนต่อกี่โมง แต่หลังจากที่เขาตื่นนอนแล้ว พวกเด็กๆ ยังคงหลับลึกอยู่เลย


ออกจากวิลล่ามองไปที่บ้านกระท่อมที่อยู่ไม่ไกลออกไป ฉินสือโอวยืนบิดขี้เกียจ รู้สึกได้ถึงความสดชื่นจริงๆ


ฟาร์มปลาในต้นฤดูร้อนไม่ว่าที่ไหนๆ ก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ให้ความรู้สึกของความลุ่มหลงที่ยากจะลืมเลือน


ส่วนสภาพแวดล้อมระบบนิเวศน์เดิมที่ฟาร์มปลาอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติพูดได้ว่าเป็นเหมือนจิตวิญญาณของทุกสิ่ง ไม่มีเหล็ก ไม่มีคอนกรีต ไม่มีก้อนอิฐ มีเพียงกลิ่นไอดินจากดอกไม้หอมๆ มีเพียงเสียงคลื่นทะเลดังซู่ซ่ากับท้องฟ้าสีฟ้าครามสะอาดตา ต่อให้แค่ยืนในฟาร์มปลาไม่ทำอะไรทั้งนั้น ก็ยังรู้สึกได้ว่าตัวเองเหมือนได้กลับไปอยู่กับธรรมชาติทั้งตัวและหัวใจ


ไม่น่าแปลกใจเลยที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในเกาะแฟร์เวลถึงเจริญรุ่งเรืองมาก นักท่องเที่ยวไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะมาสัมผัสกับบรรยากาศหมู่บ้านเล็กๆ ในอเมริกาเหนือ พวกเขาต้องการที่จะสงบจิตใจที่กังวลและผ่อนคลายร่างกายที่เหนื่อยล้า


เพียงเท่านี้ สำหรับคนในประเทศจีนหลายคนต่างรู้สึกว่า เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง


วันนี้คลื่นลมดูสงบเงียบ ฉินสือโอวเตรียมเวคบอร์ดไฟฟ้าไปเล่นที่ทะเลสักรอบ บิลลี่มาหาเขา ยิ้มแล้วพูดว่า “อากาศแบบนี้โต้เวคบอร์ดจะไปสนุกอะไร? เพราะการเล่นเวคบอร์ดกับเล่นสกีน้ำเป็นกิจกรรมสุดขั้วที่ท้าทายผืนทะเล อากาศดีเกินไปเล่นไม่สนุกหรอก”


ฉินสือโอวเบะปากแล้วถามว่า “โอเค นายก็พูดถูก ถ้าอย่างนั้นนายบอกฉันมาหน่อย อากาศแบบนี้ทำอะไรเหมาะ?”


“ดำน้ำไง ดำน้ำใต้ทะเล!” บิลลี่พูดอย่างมั่นใจ


ฉินสือโอวคิดอยู่พักหนึ่ง จริงด้วย คลื่นลมเงียบสงบแบบนี้เหมาะกับดำน้ำ เขาเคยแต่ดำน้ำในทะเลสาบเฉินเป่า ยังไม่เคยดำลงไปใต้ทะเลฟาร์มปลาแห่งนี้ วันนี้ดำลงไปดูก็ดีเหมือนกัน


พอตัดสินใจได้แบบนี้ เขาก็เรียกบิลลี่ไปนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปหาเรค บิ๊กฟุตที่เมืองเซนต์จอห์น บิลลี่ก็ถามว่าดำน้ำทำไมต้องไปที่เมืองเซนต์จอห์น ฉินสือโอวจึงบอกว่า “งี่เง่า ฉันไม่มีชุดดำน้ำ แน่ล่ะว่าต้องไปซื้อชุดดำน้ำ”


พอเจอฉินสือโอว เรคก็หัวเราะใหญ่ “ลมอะไรพานายมาถึงนี่กัน? ถ้าให้ฉันเดา นายน่าจะมาซื้ออะไรสักอย่าง? หรือว่ามาเอาลูกปลา?”


พอพูดถึงว่าซื้อลูกปลาเพิ่ม ฉินสือโอวก็คิดขึ้นมาว่าต้องซื้อสิ่งนี้จริงๆ ด้วย แต่ว่าสิ่งนี้ไม่ต้องถึงมือเรค เขาโทรหาบิลให้ช่วยซื้อลูกกุ้งแดง ลูกปลาแฮร์ริ่ง ปลาจำพวกลูกปลาซาบะ ล็อตหนึ่งเข้ามาในฟาร์มปลา


กุ้งแดงก็เป็นผลิตภัณฑ์ทางทะเลที่มีค่าชนิดหนึ่ง พอต้มไปสักพักก็จะมีรสชาติหวานออกมา ไม่ว่าจะกินแบบนั้นเลยหรือเอาไปต้มหม้อไฟ ล้วนแล้วแต่เป็นอาหารชั้นเลิศ นอกจากนี้แล้วกุ้งแดงดิบๆ ยังเป็นหน้าให้กับข้าวปั้นของญี่ปุ่นอีกด้วย


แต่สำหรับฟาร์มปลาแล้ว ประโยชน์ที่มากกว่าของกุ้งแดงคือเป็นอาหารของปลาที่สำคัญทางเศรษฐกิจที่ล้ำค่าจำนวนหนึ่ง ใช่แล้ว ราคาของกุ้งแดงก็ใช่ว่าจะถูก แต่ว่าหัวกุ้งชนิดนี้จะเล็ก เลี้ยงโตได้ไม่เท่าไร สู้เอามาเป็นอาหารให้พวกปลาเศรษฐกิจดีกว่า


ชนิดของปลาเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นปลาค็อด ปลาแซลมอนแปซิฟิก หรือว่าปลาทูน่า ต่างเป็นปลาที่เจริญเติบโตได้ดีมาก


พอโทรเสร็จ ฉินสือโอวก็พูดกับเรคว่า “เพื่อน ช่วยฉันเลือกชุดดำน้ำสักชุดหน่อย ฉันอยากไปดำเล่นใต้ทะเลแบบสนุกๆ สักหน่อย”


เรคหัวเราะฮิฮิ ถามว่า “เล่นแบบสนุกๆ ? ต้องสนุกแค่ไหน? น้ำตื้นหรือว่าน้ำลึก?”


”เริ่มจากน้ำตื้นก่อน” บิลลี่พูดแทรกขึ้นมา ถึงแม้ว่าตอนที่ดำน้ำครั้งที่แล้วที่ทะเลสาบเฉินเป่าฉินสือโอวจะดำเก่ง แต่เขาก็ยังคงมีความกังวลหน่อย เพราะฉินสือโอวเป็นเจ้าแห่งเงินทองสำหรับเขา จะเกิดเรื่องไม่ได้เด็ดขาด


“ถ้าอย่างนั้นจะเอาชุดดำน้ำแบบผ้าไนลอนหรือสแปนเด็กซ์?” เรคถามต่อ


ฉินสือโอวไม่เข้าใจอะไรพวกนี้จึงให้บิลลี่แนะนำ


บิลลี่ดำน้ำมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว เนื่องด้วยสภาวะแวดล้อมทางบ้าน เขาว่ายน้ำเป็นก่อนถึงค่อยเดินได้ ดำน้ำเป็นก่อนถึงค่อยขี่จักรยานเป็น เพราะฉะนั้นเรื่องอุปกรณ์เกี่ยวกับดำน้ำ จึงเป็นเรื่องที่ง่ายดายสำหรับเขามาก ไม่ต้องคิดมากอะไร


” ผ้าไนลอนกับผ้าสแปนเด็กซ์เป็นผ้าที่ใช้บ่อยในชุดดำน้ำตอนนี้ เนื้อผ้าที่สอดไส้ข้างในต่างเป็นโฟมยางทั้งคู่ ดังนั้นขอเพียงแค่ความหนาเท่ากัน ความสามารถในการเก็บอุณหภูมิของชุดดำน้ำของผ้าทั้งสองแบบก็จะให้ผลเหมือนกัน”


“แล้วมันต่างกันตรงไหนนะเหรอ? ก่อนอื่นเลยผ้าสแปนเด็กซ์ มีจำนวนเส้นด้ายต่อหน่วยพื้นที่มากกว่า ผ้าที่ทอออกมาจึงมีความหนาแน่นมากกว่า ดังนั้นจึงทนต่อการสึกหรอได้ดี นอกจากนี้แล้วเมื่อเทียบกับผ้าไนลอน ความยืดหยุ่นของผ้าสแปนเด็กซ์จะดีกว่า ชุดดำน้ำแบบนี้จะสามารถปรับไปตามสภาพแวดล้อมใต้น้ำที่ซับซ้อนได้ดีกว่า”


” ประการที่สอง คืออายุการใช้งานของผ้าทั้งสองชนิด ผ้าสแปนเด็กซ์จะใช้งานได้นานกว่าผ้าไนลอน”


” อีกประการหนึ่งก็เป็นเรื่องของระดับเลเวลแล้ว จำได้ไหม ชุดดำน้ำของฉันที่ใช้คราวที่แล้วเป็นสีเงินแต่ของนายเป็นสีเทา สีของผ้าสแปนเด็กซ์มีให้เลือกมากมาย แต่ผ้าไนลอนมีเพียงสีเทากับสีดำสองสีเท่านั้น”


บิลลี่ไม่ได้พูดถึงราคาของชุดดำน้ำที่ทำจากผ้าสองชนิดนี้ ความหนาเหมือนกัน อุปกรณ์เหมือนกัน แต่ชุดดำน้ำเนื้อผ้าสแปนเด็กซ์แพงกว่าผ้าไนลอนถึงสามถึงสี่เท่า


เขาคิดว่าในส่วนราคาตรงนี้คงไม่ต้องพูดถึง เพราะฉินสือโอวซื้อของยังจะมาสนใจเรื่องราคาอีกเหรอ?


“ถ้าอย่างนั้นนายจะเลือกชุดดำน้ำแบบไหนล่ะ? ต้องเป็นผ้าสแปนเด็กซ์แน่ๆ ใช่ไหม?” บิลลี่ถามอย่างกระตือรือร้น


ฉินสือโอวส่ายหน้าอย่างนิ่งๆ ชี้ไปที่ชุดที่เหมือนเกราะโลหะแล้วพูดว่า “ไม่ ฉันจะเอาตัวนี้!”


บิลลี่ “…”


เรคกลับหัวเราะออกมา เพราะว่าชุดนี้เป็นชุดดำน้ำรุ่นใหม่ที่แพงที่สุดในร้านเขาแล้ว!


บทที่ 665 หอยแมลงภู่ใต้ทะเล

โดย

Ink Stone_Fantasy

ชุดดำน้ำที่ฉินสือโอวมองอยู่นั้นค่อนข้างแปลกตา ตัวชุดกับส่วนตีนกบไม่มีอะไรมาก แต่ส่วนหัวกลับเป็นหน้ากากดำน้ำแบบโปร่งใสที่ปิดหมดทุกส่วน ในนั้นบรรจุของเหลวอยู่เต็ม ด้านหลังก็ต่อกับถังอยู่หนึ่งอัน มองดูแล้วแปลกๆ


เรคเห็นว่าเขาสนใจจึงแนะนำชุดนี้ให้เขาฟังสักหน่อย “คุณเคยดูหนังเรื่อง ‘ดิ่งขั้วมฤตยู’ ไหม เป็นหนังแนวแฟนตาซีที่กำกับโดยเจมส์ คาเมรอนในปี 1989 หนังพูดถึงช่วงที่มนุษย์ยังมีชีวิตอยู่ในอวกาศ ล้วนแต่ใช้วิธีหายใจด้วยของเหลวพิเศษ ใช่แล้วล่ะ ชุดดำน้ำนี้ก็ใช้วิธีแนวเดียวกัน ช่างแฟนตาซีจริงๆ !”


โดยปกติผู้คนมักจะคิดว่าสูดดมของเหลวเข้าไปในปอดจะหายใจไม่ออกแล้วก็ตาย ไม่เพียงแค่มนุษย์ที่คิดเช่นนี้ หนูขาวก็เช่นกัน เป็นเหมือนสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตบนบก


เคยมีคนทำการทดลอง เอาหนูไปไว้ในสภาพแวดล้อมที่เป็นของเหลว ตามสัญชาตญาณมันก็จะรีบดิ้นรนปีนป่ายขึ้นมาทันทีเพื่อให้อยู่รอด เพราะมันคิดว่ามันจะสูดเอาของเหลวเข้าไปแล้วทำให้มันหายใจไม่ออกแล้วถึงแก่ความตาย


ในความเป็นจริงเมื่อสัตว์บกจมลงไปในน้ำ สาเหตุที่ทำให้พวกมันตายไม่ใช่เพราะว่าน้ำไปทำลายอวัยวะหัวใจและปอด แต่เป็นเพราะพวกมันไม่สามารถรับออกซิเจนในน้ำได้จึงหายใจไม่ออกแล้วตายไป


สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตอนที่อยู่ในมดลูกของตัวแม่เป็นสภาพแวดล้อมที่เป็นของเหลว แต่ก็เช่นกันสามารถหายใจได้อย่างอิสระในนั้น เพราะทารกสามารถรับออกซิเจนจากน้ำคร่ำของแม่ได้ ซึ่งชุดดำน้ำนี้ก็ใช้หลักการเดียวกันในการออกแบบออกมา


จุดสำคัญของชุดดำน้ำแบบนี้คือตัวหน้ากากดำน้ำโปร่งใสแบบสุญญากาศ ของเหลวภายในคืออากาศเหลวซึ่งเป็นสารละลายพิเศษที่เต็มไปด้วยโมเลกุลออกซิเจน เพียงแค่นักดำน้ำสามารถเอาชนะความยากลำบากในการหายใจสูดเอาของเหลวพวกนี้ได้ เขาก็จะได้รับออกซิเจนและมีชีวิตอยู่ได้ตามปกติ


บุคคลที่ค้นพบชุดดำน้ำชุดนี้คือแพทย์ทางด้านปอดที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกาท่านหนึ่ง ชื่อว่าอาร์โนลด์ รันด์ เขาเกษียณอายุแล้ว เขาทำการวิจัยศึกษาปัญหาในการดำน้ำใต้ทะเลลึกมาโดยตลอด เพราะว่าโรคจากการลดความกดอากาศยังคงมีอยู่ ทุกครั้งที่มนุษย์ดำน้ำก็ยังเสียทั้งเวลาและแรงกำลังมหาศาลในการหลีกเลี่ยงโรคชนิดนี้


นูโน่ โกเมส ผู้เชี่ยวชาญด้านการดำน้ำในแอฟริกาใต้เคยสร้างสถิติโลกในปี 2548 คือการดำน้ำลึกถึง 318 เมตร โดยอยู่ในสภาวะมีของเหลวในปอด เขาใช้เวลาเพียง 14 นาทีในการดำดิ่งลงสู่ความลึกระดับนี้ จากนั้นกลับสู่ผิวพื้นน้ำในอีก 12 ชั่วโมง!


อาร์โนลด์ได้ทำการวิจัยเรื่องนี้ เขาค้นพบของเหลวชนิดหนึ่งที่สามารถละลายก๊าซจำนวนมากได้ ซึ่งก็คือฟลูออโรคาร์บอน


ของเหลวที่อยู่ในหน้ากากดำน้ำสุญญากาศของชุดดำน้ำรุ่นใหม่จะแทนที่อากาศทั้งหมดในปอด จมูกและหู มันจะ ‘กรอง’ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่อยู่ในกระแสเลือดผ่านเหงือกปลาที่ติดกับเส้นเลือดดำที่อยู่ตรงต้นขา ให้พลังชีวิตกับนักดำน้ำโดยสูบฉีดออกซิเจนเข้าไปในของเหลว


ด้วยวิธีนี้ นักดำน้ำจึงไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับความเจ็บปวดจากโรคที่เกิดจากการลดความกดอากาศอีกต่อไป เพราะว่ามนุษย์หากอยู่ภายใต้ความกดดันมากไปในน้ำลึก ไนโตรเจนจะละลายในเส้นเลือด เมื่อนักดำน้ำโผล่ขึ้นมาบริเวณผิวน้ำในทันที ไนโตรเจนจะถูกปลดปล่อยออกมาเป็นจำนวนมากเป็นสาเหตุให้เกิดโรคจากการลดความกดอากาศได้


ฉินสือโอวรู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่เลวเลย เขาสามารถควบคุมน้ำทะเลได้ แต่ตัวเขาเองกลับไม่สามารถเลี่ยงโรคที่เกิดจากการลดความกดอากาศที่เกิดกับร่างกายตอนเจอความดันน้ำได้ แต่ถ้าหากมีชุดดำน้ำแบบนี้ เขาก็สามารถดำไปบริเวณที่น้ำลึกกว่านี้ได้แล้ว เพราะอย่างไรเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเจอการโจมตีของสัตว์ประหลาดใต้ทะเล หลังจากฟังเรคแนะนำเรียบร้อย ฉินสือโอวก็ซื้อชุดดำน้ำชุดนี้เลย สำหรับการหายใจในของเหลวเขาไม่ได้กังวลต่อเรื่องนี้สักนิด เพราะว่าเมื่อก่อนเคยใช้จิตใต้สำนึกแห่งโพไซดอน เขาจึงมีความมั่นใจมากในการควบคุมของเหลว


ฟลูออโรคาร์บอนไม่ใช่น้ำ แต่ในเมื่อเป็นของเหลว เป็นสารแบบเดียวกันเพราะฉะนั้นก็สามารถปรับให้เข้ากันได้เหมือนกัน


ราคาของชุดดำน้ำทั้งชุดนี้คือ 11,000 ดอลลาร์แคนาดา แพงกว่าชุดดำน้ำจากผ้าสแปนเด็กซ์ถึง 2 เท่า และแพงกว่าชุดดำน้ำจากผ้าไนลอนถึง 5 เท่า!


บิลลี่ไม่สนใจในชุดดำน้ำประเภทนี้สักเท่าไร เขาบอกกับฉินสือโอวว่าเขาเคยใช้ ใช่ การหายใจแบบมีฟลูออโรคาร์บอนไม่ได้ทำให้คนตาย แต่ความรู้สึกนั้นทรมานยิ่งกว่าตายเสียอีก “นายจะรู้สึกอยากอาเจียน แม้แต่ขี้ของตัวเองก็ยังอยากจะอ้วกออกมา!”


ฉินสือโอวไม่แคร์ เขาก็ดื้อด้านแบบนี้ จะทำไม?


กลับไปที่ฟาร์มปลา ฉินสือโอวกำลังเตรียมเปลี่ยนชุดดำน้ำ แต่ผู้เชี่ยวชาญของทีมบาลซักเมื่อเจอหน้าเขาก็บอกว่าเรือวิจัยทางวิทยาศาสตร์กำลังจะออกจากฟาร์มปลาของเขาไปที่ขั้วโลกเหนือแล้ว ซึ่งพวกเขาจะดำเนินการวิจัยเกี่ยวกับสายพันธุ์ในขั้วโลกเหนือเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งปี


ฉินสือโอวยังคงชอบผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้เป็นอย่างมาก พวกเขามีอารยธรรมที่ดี ไม่ยุ่งสิ่งของในฟาร์มปลาของเขาตามอำเภอใจ อีกทั้งยังสามารถออกรายงานวิจัยฉบับต่างๆ ให้กับฟาร์มปลาของเขาได้อีกด้วย เช่น ปลาใต้ทะเลลึกในฟาร์มปลาของเขาอุดมไปด้วย DHA มากมายเป็นพิเศษ หรือว่าเนื้อปลาในฟาร์มปลาของเขาจะอุดมไปด้วยโปรตีนที่มากกว่า เป็นต้น


ดังนั้นพอรู้ว่าทีมบาลซักกำลังจะไป เขาก็รู้สึกเสียดายขึ้นมา พยายามชักชวนและโน้มน้าวให้พวกเขาอยู่เที่ยวต่อสักอีกหลายวัน


บาลซักปฏิเสธอย่างเสียดาย “ไม่ใช่ว่าไม่อยากอยู่ต่อนะครับ ฉิน ช่วงเวลาที่พวกเราอยู่ที่ฟาร์มปลาของคุณพวกเรามีความสุขมาก แต่ว่าพวกเราจำเป็นต้องไป พวกเราต้องไปโทรอนโตเติมเสบียงก่อน แล้วอาศัยจังหวะช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมที่น้ำแข็งบนเส้นทางขั้วโลกเหนือละลาย หาโอกาสไปที่ขั้วโลกเหนือ”


ในเมื่อพวกเขามีธุระที่ต้องทำ ฉินสือโอวจึงไม่สามารถโน้มน้าวให้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญอยู่ต่อได้ บาลซักก็รู้สึกดีต่อฉินสือโอวเช่นกัน ชวนเขาไปเที่ยวขั้วโลกเหนือเมื่อมีเวลาว่าง จะได้พาเขาไปชมทิวทัศน์ขั้วโลกเหนือที่แตกต่างออกไป


ตอนที่บาลซักจะไปเขาได้ให้รายงานไว้หนึ่งเล่มกับเขา เป็นรายงานเล่มหนาราวสองร้อยกว่าหน้า ซึ่งเต็มไปด้วยการวิจัยและการวิเคราะห์สายพันธุ์ปลาในฟาร์มปลาของเขา เรียกฟาร์มปลาของเขาว่าเป็นบริเวณน่านน้ำโซ่สิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่สุดในอเมริกาเหนือ


หลังจากที่ส่งทีมบาลซัก เมื่อเรือวิจัยทางวิทยาศาสตร์แล่นออกไปไกล ฉินสือโอวก็เปลี่ยนชุดดำน้ำเตรียมลงไปดำน้ำเช่นกัน


บิลลี่และซีมอนสเตอร์ช่วยกันใส่หน้ากากดำน้ำให้กับเขา หลังจากนั้นก็ฉีดใส่ฟลูออโรคาร์บอนเข้าไป


ตามคำแนะนำของเรค ฉินสือโอวสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกลั้นหายใจก่อน พอกลั้นไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงค่อยสูดลมหายใจเข้าไปให้ลึกที่สุดอย่างเต็มที่


เพียงแค่ลมหายใจเดียว ของเหลวเย็นก็ไหลไปตามโพรงจมูกเข้าไปที่ปอดของเขา พูดไม่ได้ว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหน แต่ฉินสือโอวรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่ไม่ได้มีอะไรที่ปรับไม่ได้ ไม่ได้รู้สึกถึงอาการอาเจียนที่บิลลี่พูด เขารู้สึกว่าเขาเหมือนออกกำลังกายยามเช้าตรู่ในฤดูหนาว ที่อากาศจะเย็นยะเยือก


บิลลี่ทำท่าทางถามถึงสถานการณ์ของฉินสือโอว ฉินสือโอวยิ้มแล้วยกนิ้วหัวแม่โป้งขึ้นมา แสดงให้เห็นว่าตัวเขาเองสบายดี สามารถออกไปทะเลได้แล้ว


การออกทะเลครั้งนี้ เป้าหมายของฉินสือโอวคือหอยงวงช้าง


ผลิตภัณฑ์ทางน้ำในฟาร์มปลาของฉินสือโอวเขากินอย่างมากมายมาโดยตลอด มีเพียงแค่หอยงวงช้างที่เขากินค่อนข้างน้อย


เพราะสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของหอยงวงช้าง พวกมันถือว่าเป็นสัตว์ ‘อาศัยในถ้ำ’ ใต้ทะเลลึก เวลาจะจับต้องให้นักดำน้ำดำลงไปใต้ทะเลลึกแล้วขุดเอาหอยงวงช้างออกมาจากถ้ำที่อยู่ลึกกว่าหนึ่งเมตร


โดยทั่วไปแล้ว หอยงวงช้างจะอาศัยอยู่บนพื้นทะเลในเขตน้ำขึ้นน้ำลงลึกกว่า 100 เมตร เป็นสัตว์ประเภทหอยกาบที่อาศัยในถ้ำที่มีอายุยืนยาวนาน และมีรูปร่างใหญ่มากที่สุดในโลก มันสามารถขุดและฝังตัวอยู่ในพื้นทรายใต้ทะเลที่มีความลึกกว่า 1 เมตรได้


ฉินสือโอวใช้พลังจิตสำนึกแห่งโพไซดอนหามันก่อนล่วงหน้า และพบแหล่งรวมตัวของหอยงวงช้างอยู่ในน่านน้ำของไหล่ทวีปลึกประมาณ 20 เมตร


เมื่อเรือลาดตระเวนแล่นไป ฉินสือโอวก้มลงไปแล้วกระโดดลงไปในน้ำ ออกห่างจากผิวน้ำดำดิ่งลงไป


แนวปะการังกระจายมาถึงตรงนี้แล้ว เขาว่ายอย่างรวดเร็วลงไปถึงพื้นใต้ทะเล ต่อมาก็เห็นแนวปะการังสวยสดงดงามมากมาย


บิลลี่ที่ตามเขามาติดๆ อยู่ด้านหลังไม่รู้มาก่อนเลยว่าฟาร์มปลาต้าฉินมีแนวปะการังแบบนี้ด้วย พอเห็นสิ่งมีชีวิตที่ล้ำค่าและน่ารักแบบนี้ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกประหลาดใจมาก!


บทที่ 666 บอลหิมะลูกกตัญญู

โดย

Ink Stone_Fantasy

เป็นเรื่องปกติที่ในทะเลจะมีหินปะการังอยู่ แนวปะการังก็จะพบได้น้อย แต่แนวปะการังในมหาสมุทรแอตแลนติกกลับหาได้ยากยิ่งกว่า!


เพราะว่าปะการังมีความต้องการสูงในเรื่องอุณหภูมิของน้ำทะเล เย็นมากไปหรือร้อนมากไปก็ไม่ได้ ดังนั้นจึงมักจะพบเจอได้บ่อยในเขตน่านน้ำออสเตรเลียหรือแถวเส้นศูนย์สูตรเท่านั้น สภาพแวดล้อมอย่างมหาสมุทรนิวฟันด์แลนด์ ปะการังอยู่ไม่ได้แน่นอน


พลังจิตใต้สำนึกแห่งโพไซดอนก็เจ๋งแบบนี้!


เดิมทีฉินสือโอวจะคอยหลบๆ ซ่อนๆ ไม่กล้าให้ใครรู้ว่าฟาร์มปลาของเขามีแนวปะการังบริเวณกว้างขนาดนี้ สำหรับเขาแล้วยังถือว่าแนวปะการังของฟาร์มปลายังใหญ่ไม่พอ แต่ถ้าในสายตาคนทั่วไปแล้ว แนวปะการังที่กว้างถึงสองตารางกิโลเมตร พื้นที่ที่ถูกครอบคลุมกว้างมากแล้ว


หนึ่งตารางกิโลเมตร ก็คือ 1,500 หมู่[1]!


ปีกว่ามานี้ พลังจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกว่าครึ่งถูกถ่ายให้กับแนวปะการังหมดเลย นี่มันไม่ใช่สวัสดิการของลูกชายแท้ๆ หรือลูกบุญธรรมแล้ว


บิลลี่มองไปที่แนวปะการังที่มีหลากสีสันตระการตาด้วยความตื่นตาตื่นใจ สีหน้าดูน่ากลัว ทั้งมือทั้งขาสะบัดไปมา ฟองอากาศพ่นออกมาจากปากของเขา ‘บุ๋มบุ๋ม’ ราวกับว่าอยากจะตะโกนอะไรออกมา


ฉินสือโอวไม่ได้สนใจ ดำลงไปใต้ทะเลเพื่อเตรียมหาหอยงวงช้าง เขาดูถูกบิลลี่ที่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ นี่เป็นแนวปะการังที่อยู่ขอบแดนแล้วนะ นี่ไม่รู้ว่าถ้าให้เขาเห็นแนวปะการังทั้งหมด หลอดเลือดในสมองจะแตกออกมาจนตายหรือเปล่า?


ใช่แล้ว บิลลี่คงเลือดออกจนตาย เพราะมันขัดกับสามัญสำนึกของเขาอย่างมาก


เพราะเคยคิดในแง่นี้ เมื่อก่อนฉินสือโอวถึงไม่กล้าเผยตัวฟาร์มปลาออกมาทั้งหมด แต่พอหลังจากที่อยู่กับพวกผู้เชี่ยวชาญทีมบาลซัก เขาก็รู้ว่าเขาคิดมากเกินไปแล้ว


ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีอะไรแอบแฝง


นอกจากนี้มหาสมุทรยังกว้างใหญ่ไพศาล ยิ่งผู้คนที่เข้าใจทะเลมากเท่าไร ปริศนาที่มีอยู่ก็จะคลี่คลายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น แค่ความผิดปกติเล็กน้อยในฟาร์มปลาก็อาจจะกลายเป็นข่าวได้ แต่ไม่ได้เป็นกระแสอะไรต่อโลก


แน่นอนว่าแนวปะการังมีผลต่อบิลลี่มาก ไอ้หนุ่มมันก็ถีบตีนกบว่ายมาทางนี้ ดึงฉินสือโอวอย่างร้อนรนเหมือนจะพูดอะไร


ฉินสือโอวกลอกตามองบน เขามาดำน้ำนะ ไม่ได้มาจีบใคร ต่อให้อยากจีบก็ไม่ใช่จีบกับนาย


ดังนั้น ฉินสือโอวจึงถีบบิลลี่ไปหนึ่งทีอย่างเต็มเหนี่ยว ให้เขาลอยออกไปไกล


ไอซ์สเกต บอลหิมะและบีนต่างก็ว่ายน้ำมา พวกเขารับรู้ได้ถึงพลังของโพไซดอนที่แข็งแกร่ง จงใจมาหาพ่อของพวกมัน


ฉินสือโอวไม่อยากให้บิลลี่ตกใจมากเกินไป ถ้าเกิดทำให้เขาตกใจจนตายคงลำบากไม่น้อย


เขาจำได้ว่า เขาเคยแนะนำบิลลี่ให้รู้จักกับบอลหิมะ ดังนั้นจึงเรียกบอลหิมะมา แล้วให้ไอซ์สเกตกับบีนเล่นกันไปก่อน


สีหน้าไอซ์สเกต เหมือนอมทุกข์ตลอด ฉินสือโอวรู้สึกว่าช่วงนี้ลูกบุญธรรมของเขาผอมไปหน่อย แต่บีนกลับยังร่าเริงเหมือนเดิม ยิ้มกว้างแล้วกดไอซ์สเกต ลงไปใต้ทะเล…


ฉินสือโอวทนดูต่อไปไม่ได้ จึงมุ่งสมาธิทั้งหมดไปเพื่อหาหอยงวงช้าง


คนที่เคยเห็นภาพหอยงวงช้าง ต่างก็รู้ว่ามันเติบโตหน้าตาน่าสังเวชขนาดไหน แต่เจ้าน่าสมเพชนี่กลับมาชื่อทางวิทยาศาสตร์ที่สูงส่งมาก ‘หอยเทพธิดาสง่างาม’…


แตกต่างจากหอยประเภทอื่น เพราะหอยงวงช้างจะขุดลงไปอาศัยอยู่ในโคลนทรายบนพื้นใต้ทะเล ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะจับมัน ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่อุตสาหกรรมหอยงวงช้างในแคนาดาไม่สามารถกวาดตลาดอาหารทะเลของทั้งโลกได้สักที


ในความเป็นจริงแล้ว หอยงวงช้างของประเทศแคนาดามีคุณภาพที่ดีมาก โดยเฉพาะในน่านน้ำรัฐ BC ซึ่งโดยส่วนมากจะเหมือนกับการไหลของกระแสน้ำเย็นในน่านน้ำของรัฐแคลิฟอร์เนีย กระแสน้ำเย็นจะเป็นตัวนำพาแพลงก์ตอนและการไหลของน้ำเย็นที่เสถียรภาพที่หอยงวงช้างต้องการในการเจริญเติบโต อีกทั้งมลพิษก็ยังน้อยอีกด้วย ช่วยกระตุ้นการผลิตของหอยงวงช้างที่มีคุณภาพ


แต่การเก็บหอยงวงช้างนั้นต้องใช้แรงงานคนมาขุดไป ซึ่งค่าแรงของคนงานที่รัฐ BC แพงมากๆ แต่พูดไปพูดมาค่าแรงที่รัฐนิวฟันด์แลนด์ก็ไม่ใช่ว่าถูก ถ้าฉินสือโอวต้องการคนงานมาเก็บหอย ก็คงยุ่งยากไม่น้อย


แต่นี่เป็นเรื่องที่ค่อยว่ากันทีหลัง เพราะตอนนี้ฉินสือโอวคิดแต่อยากจะขุดหอยขึ้นมาทำอาหารกิน


พอเท้าเหยียบลงไปบนก้นทะเล เขาเจอพวกหอยนางรมก่อนเลย ซึ่งสิ่งนี้มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก มีสมญานามว่า น้ำนมแห่งท้องทะเล แต่ว่าเปลือกของมันหนักมากพอๆ กับก้อนหินเลยทีเดียว ดังนั้นดำน้ำเก็บพวกมันจึงไม่ค่อยคุ้มเท่าไร


ฉินสือโอวสุ่มเลือกหอยนางรมสองสามตัวแล้วโยนลงไปในถุงตาข่าย หลังจากนั้นก็มองหารูของหอยงวงช้างต่อ ซึ่งไม่ได้เป็นการหายากอะไร เพราะโดยปกติพวกมันจะมีเหมือนท่อยาวๆ โผล่ออกมาจากโคลนที่มันซ่อนตัวอยู่ และค้นหาอาหารจากก้นทะเลเอา


แล้วก็พบจมูกยาวๆ ของหอยงวงช้างหนึ่งอันที่มีลักษณะเหมือนหางงูส่ายไปส่ายมา ฉินสือโอวคุกเข่าลงบนพื้นก้นทะเล ใช่จอบเล็กๆ ที่พกมาด้วยเขี่ยพวกโคลนทรายออก เพียงพริบตาเดียวหอยงวงช้างที่มีเปลือกหอยใหญ่กว่ากำปั้นของเขาถึงสองเท่าก็โผล่พ้นออกมาให้เห็นหนึ่งตัว


หยิบเอาหอยงวงช้างขึ้นมาล้างๆ หน่อยแล้วก็ใส่ลงไปในถุงตาข่าย บิลลี่ว่ายเข้ามาหา แล้วก็เห็นว่าเขากำลังขุดเก็บหอยงวงช้าง ยกนิ้วกลางให้เขา แล้วก็ขยับตีนกบว่ายไปทางแนวปะการัง เริ่มเส้นทางท่องใต้ทะเลของเขาเช่นกัน


ฉินสือโอวดำน้ำเพื่อหาของกิน เพราะเขาเป็นนักกิน แต่บิลลี่ดำน้ำเพื่อความเพลิดเพลิน เพราะเขาเป็นหนุ่มหล่อมีฐานะ


พอบิลลี่ไป บอลหิมะก็ว่ายมาหาเขาโดยบังเอิญ พอเห็นฉินสือโอวมันก็ปะทะชนไปที่ฉินสือโอวอย่างสนิทสนมทีหนึ่ง ปรากฏว่าโชคดี ที่ที่ฉินสือโอวตกลงไปมีหอยงวงช้างอยู่หนึ่งตัวตรงนั้นพอดี


ฉินสือโอวขุดหอยงวงช้างออกมา บอลหิมะตอนนี้ฉลาดมาก เขาว่ายเข้ามาดูใกล้ๆ แล้วจำลักษณะของหอยงวงช้าง หลังจากนั้นก็ใช้หางของมันกวาดตรงก้นทะเลไปมาอย่างขะมักเขม้น เหมือนกับกวาดพื้นไม่มีผิด พวกโคลนและทรายจึงคละคลุ้งไปหมด พริบตาเดียวก็เห็นหอยงวงช้างโผล่ออกมาเต็มไปหมด


พอเห็นแบบนี้ ฉินสือโอวไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ลูกชายช่างกตัญญูยิ่งนัก แต่ว่าทำแบบนี้ไม่ได้นะ


การประมงของแคนาดามีกฎระเบียบที่เข้มงวดเกี่ยวกับข้อกำหนดการจับขั้นต่ำ และการจับได้ในปริมาณที่น้อยกว่าข้อกำหนดขั้นต่ำจะต้องปล่อยพวกที่จับได้ลงสู่ทะเลตอนนั้น เช่น กุ้งมังกรตัวใหญ่ ปูหิมะ ปลาหิมะ รวมไปถึงปลาทูน่าที่เมื่อก่อนฉินสือโอวจับขึ้นมา


โดยเฉพาะปลาทูน่าครีบน้ำเงิน ถ้าไม่ถึง 1.2 เมตรก็จะไม่สามารถจับได้ ต่อให้จับขึ้นมาแล้วก็ต้องปล่อยคืนสู่ท้องทะเลไป


แต่สำหรับหอยงวงช้าง กรมประมงกลับไม่ได้กำหนดขั้นต่ำไว้ หอยงวงช้างที่นักดำน้ำเก็บขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะมากน้อยขนาดเท่าไรก็ต้องเอาขึ้นฝั่ง ไม่อนุญาตให้คืนกลับสู่ท้องทะเล


ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะเหรอ? เพราะว่าหอยงวงช้างเป็นสัตว์ทะเลอาศัยอยู่ในก้นทะเลที่อ่อนแอมาก พอ ‘ขุด’ออกมาจากรูของมัน แล้วทิ้งลงไปในทะเลก็จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้แล้ว เพราะว่าเตียงที่พวกมัน ‘ยอมรับ’ เป็นรูที่พวกมันได้เลือกไว้ตั้งแต่เริ่มแรกว่ามันจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต


ฉินสือโอวรู้สึกว่าการจัดการของกรมประมงแคนาดามีความล้ำหน้ามาก เห็นได้จากการจับหอยงวงช้างก็เช่นกัน เรื่องเฉพาะก็ดำเนินการต่างออกไป ไม่เหมือนประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศที่เอาทุกอย่างมาเป็นเรื่องเดียวกันเพียงเพื่อไม่ให้เรื่องมากความ


อย่างเช่นที่ประเทศเม็กซิโกก็มีทรัพยากรหอยงวงช้างอยู่ แต่กรมประมงของพวกเขากลับไม่มีข้อกำหนดตรงนี้ออกมา นักดำน้ำมักจะแค่เลือกเก็บแค่หอยงวงช้างคุณภาพกลาง แล้วทิ้งหอยงวงช้างที่ขายในตลาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นขนาดใหญ่ไปหรือเล็กไปลงไปในทะเลเหมือนเดิม ซึ่งเป็นนำไปสู่การเปลืองทรัพยากรเป็นอย่างมาก


พอเป็นแบบนี้ฉินสือโอวรีบออกคำสั่งกับบอลหิมะ จะมากวาดแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ รีบมาอยู่ข้างๆ พ่อของมันก็พอแล้ว


บอลหิมะเป็นลูกกตัญญูคนหนึ่ง นานแล้วที่ไม่ได้ช่วยพ่อทำงานจึงร้อนใจ แล้วก็ไม่ง่ายที่หาโอกาสได้แบบนี้จะให้ทิ้งไปได้อย่างไร จึงส่ายหน้าแล้วสะบัดหางยังจะกวาดก้นทะเลให้สะอาดเรียบ


ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงว่ายเข้าไปหามันลูบหัวที่ลื่นและกลมของมันเพื่อปลอบประโลม แล้วรับปากว่าจะเล่นกับมันที่ใต้ทะเลนี้


ครั้งนี้ที่เขาดำน้ำก็เพื่อจับหอยงวงช้างจำนวนหนึ่งไปเป็นอาหาร ในเมื่อบอลหิมะก็จัดการให้เขามีหอยงวงช้างที่เยอะมากพอแล้ว ถ้าเช่นนั้นเขาก็ไม่หาต่อแล้ว จึงว่ายไปดูแนวปะการังต่อ


……………………………………….


[1] 1 หมู่เท่ากับ 666.667 ตารางเมตร


บทที่ 667 เต่ามะเฟืองขี้โมโห

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวสำรวจดูน่านน้ำแนวปะการังเกือบทุกวัน นี่คือขุมทรัพย์ของเขาเลย สาหร่ายทะเลและพืชน้ำสามารถรักษาทรัพยากรปลาในฟาร์มปลาได้ ส่วนแนวปะการังก็สามารถเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับสายพันธุ์ของสัตว์ในท้องทะเลได้


แม่แต่นักเรียนระดับประถมอย่างเชอร์ลี่ย์และกอร์ดอนยังรู้เรื่องพวกนี้ ยิ่งมีความหลากหลายของสายพันธุ์มากเท่าไร ระบบนิเวศน์ก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าความหลากหลายของสายพันธุ์มีน้อยก็ยิ่งอ่อนแอ


 จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเห็นจนเคยชินแล้ว ฉินสือโอวรู้สึกว่าน่านน้ำในส่วนแนวปะการังก็เป็นเช่นนั้น สวยงามมาก ครั้งแรกที่เห็นจะรู้สึกประหลาดใจ แต่พอเห็นบ่อยๆ ก็จะไม่รู้สึกอะไรแล้ว


แต่พอได้เข้าไปในน่านน้ำใต้ทะเลที่มีแนวปะการังจริงๆ แล้ว ฉินสือโอวกลับยังคงรู้สึกตื่นเต้นและประหลาดใจ!


ครั้งที่แล้วที่ดำอยู่ใต้ทะเลสาบเขาก็รู้แล้วว่า การใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนมองสิ่งต่างๆ กับการที่ใช้สัมผัสทั้งห้ามองจริงๆ มันช่างแตกต่างยิ่งนัก เพราะแบบแรกก็จะเป็นเหมือนกับเวลาเราดูรูปบนคอมพิวเตอร์ เพียงแต่เป็นแบบสามมิติ ซึ่งนั่นเป็นแบบมุมมองแบบพระเจ้า แบบหลังถึงจะเป็นความรู้สึกที่สัมผัสโดยคนจริงๆ


การว่ายอยู่บนแนวปะการังไปเรื่อยๆ ฉินสือโอวมองไปรอบๆ ในน้ำเต็มไปด้วยสีสันสวยสดงดงาม สวยงามยิ่งกว่าชมดอกไม้ในสวนเสียอีก


การสร้างสรรค์ในทะเลไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอน พวกโพลิปทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง ทั้งเจริญเติบโต ขยายพันธุ์ หลั่งหินปูนอย่างบ้าคลั่งภายใต้แรงกระตุ้นจากพลังแห่งโพไซดอน


ถ้าพูดให้ถูกต้องแล้ว แนวปะการังของฟาร์มปลาต้าฉินไม่ใช่ ‘แนว’ แต่พูดได้แค่ว่าเป็นกลุ่มปะการัง เพราะพลังโพไซดอนที่ฉินสือโอวถ่ายเข้าไป สิ่งที่กระตุ้นก็คือการแทรกซึมแบบขยายของโพลิปไปรอบด้านไม่ใช่แบบรวมตัวเป็นกระจุก


 ปะการังส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างแนวปะการังนั้นเป็นแนวปะการังที่สร้างตามคำสั่งของปะการังแข็ง นอกจากนี้แล้วยังมีจำนวนน้อยที่เป็นพวกปะการังแผ่นที่อยู่ในไฮโดรซัว ฉินสือโอวก็แยกแยะไม่ออก แล้วก็ไม่มีความอดทนมากพอไปแยกแยะ จึงให้พลังโพไซดอนกับโพลิปทุกชนิดไปพร้อมๆ กัน


บนปะการังมีสาหร่ายหลากหลายชนิดที่เติบโตอยู่บนนั้น ฉินสือโอวว่ายไปข้างหน้าเพื่อมองดู เขาดูออกว่ามีสาหร่าย Porolithon สีแดงและสาหร่ายใบมะกรูด สาหร่ายพวกนี้จะมีสีสดใส แต่แคลเซียมคาร์บอเนตที่อยู่ในเซลล์มีปริมาณเยอะมาก มีถึง 90% ของน้ำหนักมันเอง


การสร้างแนวปะการังไม่ใช่แค่หน้าที่เดียวของโพลิป ยังรวมไปถึงสร้างแนวสาหร่ายด้วย


สิ่งมีชีวิตตรงน่านน้ำปะการังถือว่าเยอะมากที่สุดแล้ว พอจิตใต้สำนึกแห่งโพไซดอนแผ่ไปทั่ว ก็รับรู้ได้ถึงสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน แต่น่าเสียดายที่ส่วนมากเป็นสิ่งมีชีวิตระดับต่ำ จึงสัมผัสไม่ได้ถึงจิตใต้สำนึกของพวกมัน


ฉินสือโอวยังเจอเม่นทะเลจำนวนหนึ่งในแนวปะการังด้วย ซึ่งพวกนี้มีขนแหลมปกคลุมไปทั้งตัว อ้วนกลม ดูๆ แล้วก็เหมือนหนอนผีเสื้อฉบับน่ารัก แน่ล่ะว่าไม่ได้น่ารักอย่างที่เห็น เพราะพวกมันกินปะการัง มีส่วนอย่างมากในการทำลายแนวปะการัง


พอดีที่ฉินสือโอวพกจอบเล็กๆ มาด้วย พอเห็นเม่นทะเลพวกนี้จึงขุดแล้วโยนทิ้งไป วาฬเบลูกาสามารถกินอาหารพวกนี้ได้ ด้วยเหตุนี้เม่นทะเลที่ฉินสือโอวโยนทิ้งไปก็จะถูกบอลหิมะกินไปหมด


 ถ้าไม่ได้เป็นเพราะทำลายแนวปะการัง ฉินสือโอวก็ชอบเม่นทะเลไม่น้อย เพราะลักษณะดูบอบบางน่ารัก แล้วยังขี้ตกใจ เพียงแค่เจออะไรทำให้ตกใจกลัวก็จะวิ่งหนีไป น่าเสียดายก็คือพวกขาสั้นพวกนี้ขยับตัวไม่ได้เร็วมากนัก


สีของเม่นทะเลก็มีหลากหลายรูปแบบ โดยรวมแล้วก็จะเป็นสีเข้ม จากสีเขียวสว่างไปจนถึงสีเหลืองน้ำตาลจนไปถึงสีน้ำเงินเข้ม เกาะเป็นกลุ่มอยู่บนปะการัง ราวกับลูกบอลไหมพรม


ตอนที่ฉินสือโอวว่ายน้ำ ปลานกแก้วสีสันสดใสสองสามตัวก็แหวกว่ายมา พวกมันเคยได้รับความช่วยเหลือจากพลังแห่งโพไซดอน จึงรู้สึกกระตือรือร้นมาก ว่ายมาอยู่ด้านข้างฉินสือโอวราวกับเป็นผีเสื้อซ้ายขวาสลับกันไปมา หลังจากนั้นปลาพระจันทร์ก็ว่ายตามมาเช่นกัน พอพวกมันมาอาศัยอยู่ที่ฟาร์มปลาชีวิตก็ดีขึ้น กินอิ่มอุดมสมบูรณ์เป็นสีเงินแล้ว


 พอเห็นแบบนี้ นายใหญ่ฉินก็มีความสุขมากมายเหลือล้น พอเห็นเสน่ห์ของตัวเองแล้ว ช่างเหมือนกับสนมเสาวคนธ์แห่งท้องทะเลเสียจริง


น่าเสียดายที่บอลหิมะไม่ได้ตระหนักถึงความพยายามของเขา มันกินเม่นทะเลว่ายวนชนนั่นนี่ไปมาอย่างมีความสุข ปลานกแก้วกับปลาพระจันทร์ต่างตกใจ จึงรีบมุดไปที่ช่องแคบตรงแนวปะการังหลบซ่อน


บิลลี่ว่ายตามหลังมา มือถือกระบองไฟฟ้าที่มีลักษณะเหมือนปืนยาวของเขา ส่ายไปส่ายมาอยู่ด้านหน้าเหมือนคนตาบอดคลำทางอย่างไรอย่างนั้น


ฉินสือโอวว่ายไปหาอย่างรู้สึกแปลกใจ แล้วก็หัวเราะเยาะเย้ยในความโรคจิตของบิลลี่ฉีกยิ้มอยู่ในหน้ากากดำน้ำโปร่งใสนี้ บิลลี่ใส่แว่นดำน้ำและหน้ากากหายใจ พูดก็ไม่ได้แล้วยังแสดงสีหน้าอะไรไม่ได้ด้วย ทำได้แต่ถลึงตามองเขาอย่างขมขื่น


หลังจากนั้น บิลลี่ก็ว่ายห่างออกไป ทันใดนั้นก็พลิกตัวว่ายกลับมา ชี้กระบองไฟฟ้าไปที่ฉินสือโอวอย่างพึงพอใจ


ฉินสือโอวผงะ อยู่ดีๆ ก็มีแท่งยาวล้อมรอบไปด้วยแมงกะพรุนมาปรากฏต่อหน้าเขา แล้วยังอยู่ในทะเลอีก หวาดผวาจริงๆ


บิลลี่แกว่งแท่งกระบองเพื่อให้เขาเห็นแมงกะพรุนตัวนั้น พอเห็นแบบนี้ฉินสือโอวก็เข้าใจ แมงกะพรุนส่วนมากมีพิษ แล้วยังโปร่งใสแทบมองไม่เห็น ถือเป็นศัตรูใหญ่ของนักดำน้ำ ก่อนหน้านั้นที่บิลลี่ทำแบบนี้ก็เพื่อคลำทาง พอมีแมงกะพรุนต่อให้มองไม่เห็นพวกมันแต่ก็ยังช่วยกวาดล้างพวกมันออกไป


สำหรับมนุษย์แล้ว แมงกะพรุนคือศัตรูตัวฉกาจ แต่สำหรับเต่ามะเฟืองถือเป็นอาหารอันโอชะ


เต่ามะเฟืองที่มีขนาดฝาหม้อคลุมลงไปได้ว่ายจากผิวน้ำลงมาด้านล่างอย่างรวดเร็ว อย่ามองเพียงว่าตอนมันอยู่บนบกคืบคลานช้าๆ เหมือนคนแก่ เพราะอยู่ในน้ำเขาเรียกกันว่ายุทธวิธีที่แตกต่างเพื่อให้ได้มาซึ่งบางสิ่ง


หลังจากที่ปรากฏกาย แขนขาของเจ้าเต่าก็เหมือนกับเรือเคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว พุ่งเข้าหาบิลลี่อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าสายฟ้าฟาดจนฝ่ายตรงข้ามเตรียมตัวไม่ทัน ยื่นหัวกัดไปที่ปลายแท่งกระบองพร้อมกับแมงกะพรุนเอาเข้าไปในปากอย่างรวดเร็ว


ครั้งนี้ถึงกับทำให้บิลลี่ผงะ เต่ามะเฟืองตัวใหญ่มาก ฝาหม้อที่ฉินสือโอวพูดถึงไม่ใช่ฝาหม้อของหม้อเล็กๆ ที่ใช้กันอยู่ในครัวปัจจุบันแล้ว แต่เป็นฝาหม้อของหม้อเหล็กใบใหญ่ที่คนชนบทสมัยก่อนเขาใช้กัน


ในปากของเต่ามะเฟืองเป็นเหมือนหนามแหลมคม ส่วนปลายแท่งกระบองก็มีผิวขรุขระ ด้วยเหตุนี้จึงเกี่ยวรั้งเต่ามะเฟืองเอาไว้


อีกอย่าง เมื่อสักครู่ที่บิลลี่ตกใจจึงเปิดกระแสไฟไปโดยไม่รู้ตัว หลังจากที่เต่ามะเฟืองกัดลงไปที่แท่งกระบอง แขนขาของมันจึงกระตุกราวกับเต้นอยู่


พอฉินสือโอวเห็นก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที รีบว่ายเข้าไปหา พร้อมกับปล่อยจิตใต้สำนึกแห่งโพไซดอนถ่ายพลังโพไซดอนให้กับเต่ามะเฟืองตัวนี้


เต่ามะเฟืองตัวนี้กว่าจะโตได้ขนาดนี้ไม่ง่ายเลย คาดว่าคงอายุมากกว่าอายุของเขากับบิลลี่เอามารวมกันเสียอีก


หลังจากที่บิลลี่เห็นทุกอย่างชัดเจนแล้ว ก็รู้ว่าตัวเองทำพลาดไป จึงรีบปิดกระแสไฟฟ้าแล้วดึงมันออกมา


บนกระดองของเต่ามะเฟืองตัวใหญ่ยังมีเต่าขนาดเล็กขนาดประมาณชามใบใหญ่อยู่ตรงนั้น กระดองเต่าคือฉนวน เจ้าเต่าตัวเล็กจึงยังปลอดภัยดี มันถอนหายใจด้วยความโล่งอกจากความหวาดกลัว หลังจากนั้นก็จ้องมองไปที่บิลลี่อย่างกับจะจับกิน แล้วว่ายขึ้นไปที่ผิวน้ำอย่างรวดเร็ว


ยังโชคดีที่ฉินสือโอวถ่ายพลังโพไซดอนได้รวดเร็ว เต่ามะเฟืองจึงไม่ได้ตายเพราะกระแสไฟฟ้า เห็นตากะพริบๆ เหมือนจะไม่เป็นอะไร แต่แขนและขากลับกระตุกไม่หยุด


ฉินสือโอวทำเหมือนเมื่อก่อนที่เขาเคยปลอบเจ้าเต่าตัวใหญ่ ด้านหนึ่งก็ป้อนพลังงานโพไซดอนให้ อีกด้านหนึ่งก็เอามือลูบหัวปลอบประโลมมัน


เต่ามะเฟืองเป็นเต่าที่มีสติปัญญามันเอาหัวมันถูกับหน้ากากดำน้ำของฉินสือโอวด้วยความรักใคร่ แขนขาทั้งสี่เริ่มแหวกว่ายอีกครั้ง


บิลลี่ฝืนยิ้มทำท่าขอโทษฉินสือโอว ฉินสือโอวรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ จึงไม่ได้พูดอะไรมาก แค่ชูนิ้วกลางให้สักหน่อย


ฉินสือโอวไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ แต่พวกเต่าใส่ใจเรื่องนี้


สองสามนาทีต่อมา อยู่ดีๆ ก็มีเงาทะมึนใหญ่ปรากฏอยู่ตรงผิวน้ำ บิลลี่เงยหน้าขึ้นไปมองด้วยความประหลาดใจ แล้วก็เห็นอย่างน้อยมีเต่ามะเฟืองประมาณ 20-30 ตัวพุ่งเข้ามาหาด้วยความดุร้ายอย่างรวดเร็ว


หัวของหัวหน้าเต่ามะเฟืองยังใหญ่กว่าตัวเมื่อกี้เสียอีก ปากที่มีลักษณะเหมือนนกอินทรีอ้าออก เผยให้เห็นหนามและฟันที่แหลมคมมากมาย


บนหัวของเต่ามะเฟืองตัวใหญ่ ก็มีเต่าตัวน้อยเกาะอยู่บนนั้นด้วยท่าทางฟึดฟัด ซึ่งก็เป็นตัวเดียวกันกับที่เมื่อสักครู่เกาะอยู่บนกระดองของเต่าที่โดนไฟช็อตไป


บิลลี่เห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดี ถ้าต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มเต่าบึกบึนพวกนี้ ต่อให้ในมือมีกระบองไฟฟ้าอยู่ก็ไร้ประโยชน์ จึงทำได้แต่ถีบตีนกบรีบว่ายขึ้นไปตรงผิวน้ำ


ฉินสือโอวรู้สึกขำ เขารับรู้ได้จากร่างกายพวกเต่าว่ามีแค่ความโกรธแต่ไม่มีความอาฆาตจะฆ่าแกง รู้ว่าเต่าพวกนี้มาขู่ให้บิลลี่กลัว เพราะจริงๆ แล้วเต่ามะเฟืองถือเป็นสัตว์ที่ว่านอนสอนง่ายและเงียบๆ ไม่มีความคิดร้ายต่อมนุษย์


แต่บิลลี่ไม่รู้สิ่งพวกนี้ เขารู้แต่เพียงว่า ถ้าตอนนี้ไม่รีบหนีไป วันนี้คงได้ถูกฝังอยู่ที่นี่เป็นแน่…


บทที่ 668 มุมมองที่เปลี่ยนไป

โดย

Ink Stone_Fantasy

บิลลี่ใช้กำลังแรงทั้งหมดว่ายขึ้นไปตรงผิวน้ำ บนหัวของเขาก็คือเรือสำราญ ดังนั้นเพียงแค่ขึ้นไปบนเรือได้เขาก็จะรอดชีวิต


เขายังนับว่าโชคดีที่สร้างเรื่องกับแค่เต่ามะเฟือง ไม่ใช่เต่าอัลลิเกเตอร์ที่ตีหู่จือกับเป้าจือจนร้องคร่ำครวญ ไม่เช่นนั้นถ้าถูกฝูงเต่าอัลลิเกเตอร์จ้องมองมา เขาคงต้องปีนขึ้นเรือรบ ไม่เช่นนั้นแค่เรือสำราญลำเล็กนี้คงถูกเต่าอัลลิเกเตอร์พุ่งชนจนเรือพลิกคว่ำ


ฉินสือโอวถ่ายพลังงานโพไซดอนส่วนหนึ่งให้เต่ามะเฟืองเป็นการชดเชย โดยเฉพาะเจ้าเต่าตัวเล็กที่กำลังโมโห พลังที่ป้อนเข้าไปนั้นเยอะมาก แบบนี้ถึงจะค่อยบรรเทาความโกรธของมัน แล้วบิลลี่จะได้หนีรอดไปได้


ทักษะการว่ายน้ำของเต่ามะเฟืองยอดเยี่ยมมาก ไม่เช่นนั้นก็คงไม่สามารถแหวกว่ายไปทั่วรอบโลกได้ เพราะฉะนั้นถ้าให้พวกมันไล่ตามเต็มกำลัง บิลลี่ก็อาจจะหนีไม่พ้นได้


พลังงานแห่งโพไซดอนนอกจากจะทำให้สิ่งมีชีวิตในน้ำเจริญเติบโตได้เร็วขึ้นและฉลาดขึ้นแล้ว ยังสามารถทำให้พวกมันมีความสุขขึ้นมาได้ เจ้าเต่าน้อยว่ายมาเกาะอยู่ที่ด้านหลังของฉินสือโอว ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความเป็นมิตรของเต่ามะเฟืองอย่างหนึ่ง ดังนั้นจึงมักจะเห็นพวกเจ้าเต่าน้อยเกาะอยู่บนหลังเต่าตัวพ่อและเต่าตัวแม่


แต่ฉินสือโอวยังจำได้ถึงความอนาถที่ตอนนั้นบีนมาเกาะอยู่ด้านหลังไอซ์สเกต ดังนั้นเขาจึงรีบพลิกตัวเอาเจ้าเต่ามาอยู่อ้อมอกแทน เขาไม่อยากจะฝันร้ายในยามค่ำคืน ถ้าโดนจากโลมายังนับว่าดี แต่ถ้าโดนจากเต่าวันนั้นคง…


นั่นคงเป็นวันที่เลวร้ายสุดๆ !


พอพวกฝูงเต่ามะเฟืองจากไป เต่ามะเฟืองตัวที่โดนช็อตไม่รู้ไปหลบอยู่ตรงไหนของแนวปะการังก็โผล่ออกมา แขนขาที่แหวกว่ายเหมือนไม้พายเรือและหัวของมันยังกระตุกอยู่ตลอด ราวกับสูบฝิ่นเข้าไป และก็เหมือนกับกำลังเต้นอยู่


ฉินสือโอวถ่ายพลังโพไซดอนให้กับมัน แต่เหมือนจะไม่มีประโยชน์แขนขามันยังคงกระตุก แต่ไม่ได้ส่งผลต่อการว่ายน้ำของมัน ว่ายสั่นไปสั่นมาแต่ยังคงรวดเร็ว


พอเห็นมันเป็นแบบนั้น ฉินสือโอวอยู่ดีๆ ก็คิดถึงนิโคลัส จอชผู้มีชื่อเสียงแห่งเอเชียตะวันออกอย่างไม่มีเหตุผล


ฉินสือโอวตบไปที่หัวมันเบาๆ ท่าทางแบบนี้ออกจะดูไม่เป็นธรรมชาติไปสักหน่อย ลูบหัวเต่า…


พอร่ำลาคุณปู่เต่านิโคลัสราชานักเต้นที่ฟาร์มปลาเรียบร้อย ฉินสือโอวก็ดำดิ่งลงไปใต้ทะเล ไปเก็บหอยงวงช้างที่บอลหิมะตลบฝุ่นจนมันโผล่ขึ้นมาใส่ลงไปในถุงตาข่าย


เนื่องจากได้รับการบำรุงจากพลังแห่งโพไซดอน พวกหอยงวงช้างพวกนี้จึงเจริญเติบโตได้อุดมสมบูรณ์และงดงามไร้ที่ติ หนึ่งตัวหนักอย่างน้อย 2-3 ปอนด์ หลังจากที่ฉินสือโอวเก็นขึ้นมาหมด ลองยกดูน้ำหนัก แล้วผูกไว้ที่เอวว่ายขึ้นไปที่ผิวน้ำ


ตามกฎเกณฑ์ของประเทศแคนาดาหอยงวงช้างที่นักดำน้ำเก็บได้ต้องเอาขึ้นฝั่งให้หมด แต่ครั้งหนึ่งได้มากสุดคือ 50 ปอนด์ ซึ่งก็ไม่ถึง 25 กิโลกรัม


เหตุที่ว่ามีกฎเกณฑ์นี้ ก็เนื่องด้วยเปลือกหอยงวงช้างค่อนข้างบอบบาง ถ้าใส่หอยลงไปในถุงตาข่ายมากไป ตอนที่นักดำน้ำว่ายขึ้นไปบนฝั่ง หอยที่อยู่ด้านล่างก็จะถูกน้ำหนักของหอยที่อยู่ด้านบนกดทับจนแตก


พอเห็นกฎเกณฑ์นี้ คนอาจจะคิดว่ากรมประมงของประเทศแคนาดาว่างมากจนคิดอะไรแบบนี้ขึ้นมา แต่จริงๆ แล้วนโยบายพวกนี้มาจากการสรุปของชาวประมงที่ได้เรียนรู้จากชีวิตจริงแล้วมาบอกกับทางรัฐบาล


บางทีสรุปออกมาแบบนี้อาจจะรู้สึกไม่สบายใจมากนัก แต่คุณภาพของชาวประมงที่ทวีปอเมริกาเหนือยังดีกว่าแถบเอเชียมากนัก แม้แต่ชาวประมงชาวญี่ปุ่นที่ว่าตัวเองมีวินัยเป็นอันดับหนึ่งก็ยังคงเทียบไม่ได้


ตอนที่ฉินสือโอวพลิกตัวจะขึ้นเรือ บิลลี่ก็เพิ่งขึ้นเรือมาไม่นาน ซึ่งนี่ก็เป็นผลจากชุดดำน้ำที่ต่างกัน หลังจากที่บิลลี่ดำน้ำเสร็จแล้วทุกครั้ง ต้องลอยอยู่บนผิวน้ำก่อนช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงการแยกไนโตรเจนออกจากเลือด


ซึ่งชุดดำน้ำรุ่นใหม่ไม่มีผลกับเรื่องแบบนี้


หลังจากที่ฉินสือโอวขึ้นมาบนเรือ เขาก็ค่อยๆ เอาหอยงวงช้างขนาดเล็กใหญ่ไปไว้ในช่องแช่แข็งที่นีลเซ็นเตรียมไว้อย่างระมัดระวัง นอกจากนี้แล้วยังมีหอยนางรมและหอยตลับด้วย


พอปิดตู้แช่แข็ง เขาก็พูดอย่างพึงพอใจว่า “ดีจริงๆ มีอาหารแสนอร่อยกินตอนเย็นแล้ว”


แต่บิลลี่กลับไม่ได้สนใจว่าตอนเย็นจะกินอะไร เขาตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า “นายคนกินจุ! ตอนนี้กลับมาคิดแล้วว่าตอนเย็นจะกินอะไร! ไม่ ไม่ ไม่! ฟาร์มปลาของนายมีแนวปะการังใหญ่มาก! เข้าใจไหมเนี่ย? แนวปะการังในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือเลยนะ! ในไม่ช้าฟาร์มปลาของนายจะมีชื่อเสียงกระจายไปทั่วโลก!”


บูลที่คอยจัดการเรื่องในทะเลให้กับฉินสือโอวมองไปที่บิลลี่แล้วถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “ไอ้หนุ่มนี่มันตะโกนบ้าอะไร?”


นีลเซ็นยักไหล่ “คงกำลังคลั่งอยู่มั้ง? เมื่อกี้เขาก็บอกไม่ใช่เหรอว่ามีฝูงเต่ามะเฟืองกำลังไล่ล่าจะฆ่าเขา?”


บิลลี่เป็นหนุ่มหล่อรวมแล้วยังเป็นผู้สืบทอดบริษัทกู้ซากต่ออีกด้วย ดังนั้นน้ำโหจึงต้องมีมาก ดังนั้นพอได้ยินที่บูลและนีลเซ็นคุยกันเขาก็เกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที “หุบปาก พวกนายมันไม่เคยเห็นความมหัศจรรย์ของแนวปะการัง…”


“ใช่ครับ พวกผมคงไม่เคยเห็นความมหัศจรรย์ของแนวปะการัง แต่ถ้าคุณยังจะตะโกนลั่นต่อไป ผมก็คงต่อถีบคุณลงไปในน้ำ คุณก็จะได้เห็นภาพงดงามที่ฝูงเต่ามะเฟืองพยายามทำร้ายคุณ” นีลเซ็นพูดอย่างเย็นชา


 บิลลี่คิดถึงฟันอันแหลมคมตอนที่พวกเต่ามะเฟืองมันอ้าปาก แล้วยังคิดถึงรูปร่างมหึมาของพวกมัน อดไม่ได้ที่ตัวสั่น จึงได้แต่นั่งอยู่บนดาดฟ้า มองไปที่ทะเลด้วยอย่างลอยๆ


ตอนที่ฉินสือโอวกำลังคิดว่าจะหลอกบิลลี่ยังไง ทันใดนั้นเจ้านั่นก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “ ฝูงแนวปะการังที่มีชีวิตจะมีความต้องการที่เคร่งมากในเรื่องสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะการสร้างแนวปะการัง ถ้าจะอยู่รอดก็ต้องมีน้ำที่อุณหภูมิสูง การเจริญเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในน่านน้ำที่มีอุณหภูมิ 23 ถึง 27 องศา ในน่านน้ำที่อุณหภูมิต่ำกว่า 18 องศา จะได้แค่มีชีวิตอยู่แต่จะกลายเป็นผืนแผ่นเป็นแนวไม่ได้”


หยุดสักพัก แล้วเขาก็พูดต่อว่า “อย่างไรก็ตามพื้นที่ทะเลที่มีกระแสน้ำอุ่น เช่น ไต้หวัน จีนและหมู่เกาะริวกิวในญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าละติจูดจะสูงกว่า แต่ก็มีแนวปะการังที่มีชีวมวลสูงมากเช่นกัน ฟาร์มปลาต้าฉินอยู่ตรงพื้นที่ที่กระแสน้ำอุ่นไหลตรงอ่าวเม็กซิโกพอดี ต้องเป็นเหตุผลนี้แน่ๆ ที่ทำให้พวกโพลิปยังมีชีวิตอยู่ได้!”


ฉินสือโอวกะพริบตาปริบๆ “…”


บิลลี่พยักหน้าอย่างหนักหน่วง แล้วพูดต่อว่า “ต้องเป็นเพราะเหตุนี้แน่!”


ฉินสือโอวกะพริบตาปริบๆ อีกครั้ง “…”


หลังจากที่อธิบายแล้ว บิลลี่ก็รู้สึกพึงพอใจขึ้นมา เขาตบไปที่ไหล่ของฉินสือโอวแล้วพูดด้วยความอิจฉาว่า “โชคของนายดีจริงๆ เพื่อน ในฟาร์มปลาของนายมีแนวปะการังเลยนะ พระเจ้า แค่นายพัฒนานิดหน่อย นี่ก็กลายเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำแล้ว! กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในทะเล!”


ฉินสือโอวไม่ได้ใส่ใจ เขาทำไมต้องพัฒนาที่ให้เป็นสวรรค์ของนักดำน้ำด้วยเล่า ทำไมต้องพัฒนาให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เขาไม่ได้ขาดเงิน เงินทองที่อยู่ในเรือไททานิกที่จมลงไปยังไม่ได้เอามาใช้เลยด้วยซ้ำ


เพราะไม่รู้ว่าเต่ามะเฟืองไปแล้วหรือยัง บิลลี่จึงไม่กล้าลงไปในน้ำอีก แต่เขาก็ถูกล่อลวงโดยแนวปะการังใต้ทะเลอย่างมาก เดี๋ยวลุกขึ้นเดี๋ยวนั่งลงอยู่บนเรือ แล้วก็นั่งลงเดี๋ยวก็ลุกขึ้นอยู่แบบนี้ดูทรมานไม่น้อย


ฉินสือโอวไม่สนใจ หลังจากที่เขาเก็บหอยงวงช้างเรียบร้อย ก็ใส่ชุดดำน้ำ หายใจเข้า ‘ฮึบ’ แล้วก็ลงไปในน้ำต่อ


ครั้งนี้ไม่มีบิลลี่มากวนใจ ฉินสือโอวจึงเรียกบีนและไอซ์สเกตให้มาอยู่ด้วยกัน


บีนดูเหมือนว่าจะมีความอยู่ตลอดเวลา พอได้รับคำสั่งก็รีบว่ายเข้ามาหา ตอนนี้ไอซ์สเกตไม่มีอารมณ์มีความสุขบนทุกข์ของคนอื่นแล้ว ลอยอยู่ในน้ำแบบมีแรงแต่ไร้กำลัง หัวก้มต่ำลงราวกับไม่มีหน้าไปเจอใครแบบนั้น


ฉินสือโอวถอนหายใจ จึงทำได้เพียงว่ายไปปลอบมันก่อน บีนนี่มันเก่งจริงๆ เป็นโลมาปากขวดที่สามารถทำให้ฉลามเสือทรายดูไร้วิญญาณแบบนี้ได้ ในประวัติศาสตร์คงมีมันเป็นตัวแรก


เล่นกับเจ้าสามตัวในน้ำสักพัก เฮยป้าหวังก็โผล่ออกมาเช่นกัน ก่อนหน้านั้นเขาก็มาแต่ฉินสือโอวเกรงว่าจะทำให้บิลลี่ตกใจ จึงไม่ได้ให้มันเข้ามาใกล้ ตอนนี้คนหนึ่งคนกับปลาสี่ตัวเล่นด้วยกันอย่างมีความสุข


อาหารหลักมื้อเย็น ก็คือหอยงวงช้าง พอวินนี่เห็นสิ่งนี้ หน้าที่สวยสดก็แดงระเรื่อขึ้นมา หู่จือและเป้าจือปีนขึ้นมาบนโต๊ะอาหารมองดู พอดูแล้วสีหน้าก็เต็มไปด้วยความงงงวย นอนแผ่ลงไปแล้วมองดูที่เป้าของตัวเอง


หน้าวินนี่แดงยิ่งกว่าเดิม ลากหูของเจ้าสองตัวให้ออกไปที่อื่น


บทที่ 669 ฉงต้าเสียใจ

โดย

Ink Stone_Fantasy

วินนี่ปลุกความกล้าหาญของตัวหลายต่อหลายครั้ง แต่ท้ายสุดแล้วก็ยังมีมีปัญญาจัดการกับเจ้าสิ่งนี้ จึงส่งต่อให้กับฉินสือโอว โดยบอกว่าเธอไม่เคยกินจึงไม่รู้จะทำอย่างไร


ซึ่งมันก็จริง คนแคนาดาไม่ค่อยจะกินหอยงวงช้าง สิ่งนี้มีอยู่ในรัฐ BC มานานนับพันปี มันถูกค้นพบโดยผู้อพยพชาวฮ่องกงที่อพยพไปยังแวนคูเวอร์ในช่วงต้นปี 1970


คนจีนชอบกินหอยงวงช้างมาก ไม่ใช่แค่รสชาติของมันที่อร่อย แต่เพราะวัฒนธรรมของคนจีนมีคำพูดที่ว่า ‘บำรุงแต่ละส่วนด้วยรูปร่างเช่นเดียวกันกับตัวอาหาร’ ซึ่งก็คือ ‘กินอะไรก็บำรุงอย่างนั้น’ ดังนั้นกินหอยงวงช้างแล้วบำรุงอะไร ช่วยไปหาอินเทอร์เน็ตดูรูปก็จะรู้


ในเวลานั้นผู้อพยพชาวฮ่องกงซื้อหอยงวงช้างจากชาวประมงท้องถิ่นในราคาต่ำ แล้วขายให้ฮ่องกงในราคาที่สูง ด้วยเหตุนี้ที่แคนาดา หอยงวงช้างจึงค่อยๆ ได้รับความนิยมขึ้นมา ต่อมาภายหลังก็เข้ามาทางตอนใต้ของจีนและบริเวณอื่นๆ ของประเทศจีนผ่านทางฮ่องกง และกลายเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งอย่างช้าๆ


ฉินสือโอวก็จัดการกับหอยงวงช้างไม่เป็น เขารู้ว่าหอยที่อยู่ใต้ทะเลสามารถเอามาทำอาหารกินได้ ดังนั้นจึงเอาใส่หม้อแล้วทำกินสักสองสามตัวชิมรสชาติดู


อาหารทะเลนึ่งแป๊บเดียวก็สุก หอยงวงช้างก็สดมาก พอเปิดฝาหม้อออกก็มีกลิ่นหอมฟุ้งลอยเข้าไปในจมูกของฉินสือโอว แต่พอมองเข้าไป เขาก็รู้สึกว่าเขาไม่กล้าพอที่จะกินสิ่งนี้!


ฉงต้าได้กลิ่นหอมมันก็รีบวิ่งเบียดเข้ามา ฉินสือโอวที่กำลังปวดหัวอยู่ว่าจะจัดการกับหอยงวงช้างนี้ยังไง พอเห็นมันเบียดเข้ามาอย่างยินดี จึงยกลงมาให้มันให้มันกินน่ะดีแล้ว


ฉงต้าก้มลงไปมองในหม้อด้วยดวงตาสีดำเล็กๆ ของมัน หลังจากนั้นมันก็นิ่งตะลึงงันไป นั่งลงบนพื้นด้วยขาของมันแล้วพึมพำแล้วก้มหัวลงมองไปที่ส่วนขนพองของมัน


 ฉินสือโอวทำเป็นล้อเล่น แล้วยื่นมือออกไปทำเหมือนล้วงออกจากเป้าของฉงต้าตรงนั้นแล้ววางลงไปในหม้อพร้อมพูดว่า “นายไม่ได้ชอบหรอกเหรอ? กินกินกินสิ! พ่อของเจ้าหั่นเอาน้องชายน้อยของเรามาทำอาหารกิน รู้ไหม?”


ฉงต้าจ้องมองไปที่ระหว่างขาของมันแล้วก็มองไปในหม้อที่มีควันออกมาร้อนๆ ด้วยสายตาว่างเปล่า ทันใดนั้นมันก็เริ่มร้องโหยหวนอย่างเศร้าใจ


วินนี่รีบเดินเข้ามา ถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ ใครที่รังแกฉงต้าของพวกเรากัน?”


พอเห็นวินนี่ ฉงต้าก็รีบลุกขึ้นมา วิ่งไปก็อ้าขาไป นั่งลงไปกองบนพื้นแล้วขาใหญ่ของมันก็โอบวินนี่ไว้พร้อมร้องโหยหวนต่อ สายตาจ้องไปที่หม้อ


วินนี่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ฉินสือโอวที่กลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่เลยเล่าเรื่องให้ฟังทั้งหมด วินนี่โมโหขึ้นมาทันที เอามือตีไปที่ไหล่ของเขา แล้วก็ด่าไปหนึ่งที ‘สารเลว’ หลังจากนั้นก็ลากฉงต้าไปปลอบประโลม


“พ่อนิสัยไม่ดีของนายเขาโกหกรู้ไหม นั่นไม่ใช่ ไม่ใช่ของนายนะ ไม่ได้เอาของของนายมาทำอาหาร ของนาย ของนายอันนั้น… พระเจ้า ฉงต้าน้องชายนายอยู่ที่ไหน? ไปไหนแล้ว?”


“เอ๋ง! เอ๋ง! เอ๋ง!” ฉงต้ากรีดร้องอย่างโศกเศร้า


นีลเซ็นเดินเข้ามาด้วยความฉงน พอเห็นวินนี่ที่ดูร้อนรนและฉงต้าที่ดูหมดอาลัยตายอยากจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น


วินนี่ไม่รู้จะพูดอย่างไร พูดอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่สองสามคำ แล้วก็ลากนีลเซ็นอย่างกลัวๆ ให้ดูที่ลับของฉงต้า ตรงนั้นเหมือนกับว่าไม่มีอะไรอยู่


นีลเซ็นเข้าใจขึ้นมาทันที เขาลูบคลำไปทีหนึ่งแล้วก็หัวเราะออกมา “ฉงต้าโตเป็นหนุ่มแล้วแน่ๆ ช่วงนี้น่าจะเคยปลดปล่อย หมีน้ำตาลจะไม่เหมือนกับมนุษย์เรา เพียงแค่เคยปลดปล่อยไปหนึ่งครั้ง ไข่ของพวกมันจากที่ใหญ่มากจะฝ่อลงไป ดังนั้นถ้าไม่มองให้ดีๆ ก็จะมองไม่เห็น…”


วินนี่เข้าใจแจ่มแจ้งขึ้นมาทันที หลังจากนั้นก็ถลึงตาไปที่เขาทีหนึ่ง “คนเลว!” พอพูดจบก็พาฉงต้าที่โศกเศร้าเดินออกไป


นีลเซ็นงงเป็นไก่ตาแตก เขามองที่ฉินสือโอวด้วยความคับข้องใจ “บอส ผมอธิบายจากมุมมองของนักวิชาการนะ”


ฉินสือโอวเรียกเขาเข้ามา “นายจัดการไอ้ของเล่นนี้ได้ไหม?”


นีลเซ็นตอบไปตามธรรมชาติว่า “ได้สิครับ ง่ายจะตาย”


“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ทำอาหารเลิศรสให้ฉันกินหน่อย”


 หลังจากที่พูดประโยคนี้ทิ้งไว้ ฉินสือโอวล้างมือให้สะอาดแล้วก็เดินจากไปด้วยสีหน้ารังเกียจ


 นีลเซ็นไม่สบายใจ ตะโกนเรียกเขาตามหลังไป “บอส คุณไม่เรียนรู้ไว้หน่อยเหรอครับ? กินอะไรก็บำรุงแบบนั้น! กินอะไรก็บำรุงแบบนั้นนะครับ!”


ฉินสือโอวหันหลังเดินกลับมาอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย ยังไม่มีลูก จำเป็นต้องบำรุงสักหน่อย


การทำหอยงวงช้างก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร นีลเซ็นใช้มีดเล็กเสียบลงไปตรงส่วนด้านล่างของท่อที่อยู่ระหว่างเปลือกหอยและตัวหอย ค่อยๆ แงะรอบๆ เปลือกให้ตัวหอยแยกออกมา เผยให้เห็นท้องหอยที่เป็นสีดำเทารูปวงรี


 “ข้างในนี้เป็นสิ่งสกปรกหมด ต้องทิ้งครับ” นีลเซ็นด้านหนึ่งก็จัดการสิ่งตรงหน้าอีกด้านหนึ่งก็อธิบายให้ฉินสือโอวฟัง


พอโยนท้องหอยทิ้งไป นีลเซ็นก็เอาส่วนท่อไปต้มในน้ำเดือด พอเป็นแบบนี้ส่วนผิวท่อที่เหมือนจมูกช้างด้านนอกก็จะพองย่นแล้วค่อยๆ คลายออกมา เขาเขย่าเบาๆ แล้วก็ฉีกเปลือกสีเหลืองส้มด้านนอกออกมา เผยให้เห็นเนื้อหอยที่นิ่มและลื่นอยู่ด้านใน


เขย่าเปลือกสีเหลืองส้มที่อยู่ในมือไปมา นีลเซ็นยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูดว่า “บอส คุณน่าจะไม่รู้แน่เลยว่า ในยุคกลางฝรั่งเศสไม่มีวิธีคุมกำเนิด นักบวชในอารามจึงคิดค้นวิธีที่จะหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์แล้วเกิดสิ่งมีชีวิตที่สวยงามขึ้นมากับแม่ชี เลยคิดพบวิธีโดยใช้ไอ้ของเล่นนี้เป็นเหมือนถุงยางอนามัย”


ฉินสือโอวฝืนยิ้ม “เพื่อนผอง ฉันยังอยากกินอาหารมื้อเย็นอยู่ ถ้ามื้อเย็นฉันกินอย่างไม่สบายใจแล้วล่ะก็ ฉันสาบานกับพระเจ้าได้เลยว่า เดือนนี้นายอย่าหวังว่าจะได้โบนัส!”


นีลเซ็นรีบหุบปากทันที ตั้งใจจัดการกับหอยงวงช้างนี่


จริงๆ แล้วต่อให้นีลเซ็นไม่พูด ฉินสือโอวก็พอรู้ข่าวลือของเปลือกสีพีชนี้


ถ้าหากถามว่ายุโรปในสมัยกลางที่ไหนสำส่อนมากที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นวัดวาอารามที่รับใช้พระเจ้า เพราะตอนนั้นวัดวาอารามก็ยังเป็นเหมือนสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วย แล้วเด็กกำพร้าพวกนั้นมาจากไหนกันเล่า แค่มองดูแม่ชีที่มีหน้าอกใหญ่โต และพระสงฆ์กับนักบวชที่ไตอ่อนแอก็รู้แล้ว


นอกจากเปลือกของหอยงวงช้างแล้ว ตอนนั้นพวกนักบวชยังหาวิธีต่างๆ นานาคิดค้นขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น ลำไส้ของลูกแกะ กระเพาะปัสสาวะของปลา ถ้ามีเงินหน่อยก็ใช้ส่วนผิวด้านนอกที่เหนียวของกระเพาะปัสสาวะหมู สรุปคือ เพื่อที่จะได้สัมผัสเนื้อแนบเนื้อกับพวกแม่ชี นักบวชก็ยอมลงทุนไม่น้อย


หลังจากเอาเปลือกออก หอยงวงช้างก็สวยขึ้นมาเยอะมาก นีลเซ็นตัดมันออก ส่วนบนจะแข็งหน่อยสามารถเอามาต้มทำน้ำแกงหรือผัดเป็นอาหารได้ ส่วนล่างจะนุ่มกว่าสามารถเอาไปแช่เย็นแล้วทานดิบๆ คู่กับเครื่องปรุงรสได้


ฉินสือโอวเรียนรู้ว่าจะจัดการกับสิ่งนี้อย่างไรอย่างมีความสุข เขาพร้อมจะแสดงฝีมือ แต่ปรากฏว่าโหวจื่อเซวียนโทรมาหาเขา ถามเขาว่าว่างหรือเปล่า ตอนนี้เขาไปหาสะดวกไหม


พอเห็นหอยงวงช้างพวกนี้ ฉินสือโอวก็นึกสนุกขึ้นมา จึงบอกไปว่าสะดวกมากินข้าวเย็นด้วยกัน


โหวจื่อเซวียนฟังเขาดูกระตือรือร้นขนาดนี้ จึงรู้สึกเกรงใจ บอกว่า “มื้อเย็นไม่เป็นไรหรอก พวกเราจัดการเองได้”


“พวกเรา?”


“ใช่ ผมมีเพื่อนอีกสองคน เป็นเพื่อนชาติเดียวกัน แล้วก็ค่อนข้างสนิทด้วย”


ฉินสือโอวยิ่งกระตือรือร้นเข้าไปใหญ่ “ถ้าอย่างนั้นรีบมาเถอะ ฉันไม่ได้คุยกับเพื่อนบ้านเดียวกันมานานมากแล้ว พาพวกเขามาด้วยเลย”


ผ่านไปสักพัก โหวจื่อเซวียนก็ขับรถกระบะของเจ้านายซาโกรมาที่ฟาร์มปลา คนที่ลงรถมาพร้อมกับเขายังมีชายหนุ่มหนึ่งและหญิงสาวอีกหนึ่ง


หนุ่มสาวสองคนนี้อายุพอๆ กับเขา ผู้ชายจะมีความเป็นเหมือนผู้หญิงดูนุ่มนิ่ม ส่วนผู้หญิงก็จัดว่าสวยมาก สูงโปร่งและขาเรียวยาว ผมพลิ้วสวยถูกมัดเป็นมวยอยู่บนหัว ผิวดูเรียบเนียน มีสง่าราศี พอดุก็รู้ว่าเป็นสาวสวยจากทางเหนือ


พอเห็นฉินสือโอว โฮ่วจือเซวียนจึงแนะนำให้เขารู้จักก่อน “นี่เป็นพี่น้องที่สนิทกับผม หวงเฮ่าเจีย และนี่เป็นพี่สาวชื่อหวงเจียเจีย”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)