หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา 660-663
บทที่ 660 หมดเวลาเล่นแล้ว!
พลังปราณในช่วงที่สมบูรณ์แบบที่สุดของโยวหรัน หรืออันที่จริงแล้วอาจจะต้องพูดว่าผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นที่ใช้ร่างของโยวหรันอยู่ เลยระดับเชื่อมวิญญาณไปแล้ว!
โดยอาจจะอยู่ที่ขั้นจิตวิญญาณอมตะหรือขั้นดาวพระเคราะห์ก็เป็นได้ สงครามในอดีตทำให้เขาได้รับบาดเจ็บรุนแรง จนทำให้การฟื้นฟูร่างกายนั้นเป็นได้ช้าเหลือเกิน ด้วยเหตุนี้พลังปราณของเขาจึงแสดงออกมาในรูปแบบของขั้นเชื่อมวิญญาณแทนนั่นเอง
แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะได้โอกาสเล็กๆ ในการเผด็จศึกจากการใช้หัตถ์สื่อวิญญาณ นิมิตหมุนวน หมื่นภัยพิบัติ และพันชีวิต แต่เขาก็ไม่อาจประมาทสัญชาตญาณการรบโยวหรันได้ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้
ดวงตาของโยวหรันเริ่มเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อลืมตาตื่นขึ้น ทำให้ความเด็ดขาดในดวงตาของหวังเป่าเล่อยิ่งรุนแรงขึ้นอีก เขาไม่คิดหนี หากแต่เพิ่มความเร็วของตนให้มากขึ้นเพื่อเผด็จศึก พลังปราณของชายหนุ่มทำงานมากขึ้น จนปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างออกมาจนหมดสิ้น เขาเปรียบเสมือนดาวตกที่ห้อมล้อมโดยกระแสสายฟ้า ที่กำลังพุ่งเข้าใส่โยวหรันกลางอากาศ!
ภายในพริบตาเดียว หวังเป่าเล่อและกระบี่เหาะเหินคู่ใจก็ปรากฏขึ้นข้างกายโยวหรัน หมัดอัฐิเกราะจักรพรรดิกำลังจะพุ่งเข้าใส่ศีรษะของเป้าหมาย ในตอนนั้นเอง ที่ร่างนิ่งนั้นระเบิดออกเสียก่อน!
เสียงระเบิดดังสะเทือนเลื่อนลั่นในอากาศ กระบี่ของหวังเป่าเล่อปักเข้าที่จุดตันเถียนของโยวหรันจากข้างหลัง เลือดสดๆ สาดกระจายไปทั่วบริเวณ!
แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ดีใจแต่อย่างใด ตรงกันข้าม สีหน้าเขากลับเต็มไปด้วยความตกใจ จิตใจสัมผัสได้ถึงอันตรายที่คืบเข้ามาใกล้ ร่างทั้งร่างบอกกับตนเองว่าให้รีบหนีไปโดยเร็วที่สุด เขากัดฟันและรีบยกหมัดขึ้นอีกครั้ง พลังปราณพวยพุ่งระเบิดออก ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะต่อยโยวหรันอีกครั้งหนึ่ง!
แต่ก็ช้าเกินไปเสียแล้ว…อาจดูเหมือนว่าหมัดแรกของหวังเป่าเล่อพุ่งลงที่ศีรษะของโยวหรันพอดิบพอดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว ศีรษะของเขาระเบิดออกเองต่างหาก ในตอนที่หมัดของเขาอยู่ห่างออกไปเพียงนิ้วเดียวเท่านั้น!
หวังเป่าเล่อไม่ได้ทำให้ศีรษะของโยวหรันระเบิดออก หากแต่เป็นตัวโยวหรันเองต่างหาก ที่ระเบิดศีรษะของตนเองทิ้ง!
โยวหรันที่ปลุกตนเองให้ตื่นไม่ทัน ตัดสินใจระเบิดชิ้นส่วนร่างกายของร่างที่ตนเองอาศัยอยู่ทิ้งไปแทน!
เขาตั้งใจทำลายศีรษะของตนเองทิ้ง เพื่อป้องกันตนเองจากการโจมตีของหวังเป่าเล่อที่อาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ แต่หวังเป่าเล่อก็ยังทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ กระบี่บินนี้เหาะมาจากไหนก็ไม่ทราบได้ โดยที่ตัวโยวหรันเองไม่ทันได้คาดคิด ใครกันเล่าจะไปรู้ว่าจะมีกระบี่บินพุ่งออกจากเสาค้ำในวินาทีชี้เป็นชี้ตายเช่นนี้
ด้วยเหตุนี้…แม้เขาจะใช้พลังทั้งหมดไปกับการป้องกันตนเองจากหมัดของหวังเป่าเล่อ แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บจากกระบี่เหาะเหิน ที่ปักเข้ากลางจุดตันเถียนของเขาจากทางด้านหลัง
ทว่า…แม้อาการบาดเจ็บจะดูร้ายแรง แต่สำหรับหวังเป่าเล่อนั้น นี่ยังรุนแรงไม่พอ ความรู้สึกได้ถึงอันตรายทวีความรุนแรงขึ้นในจิตใจ เขาต้องการโจมตีต่อเป็นครั้งที่สอง แต่ก้อนเนื้อสามก้อนก็ปรากฏขึ้นจากกองเลือดกองมันสมองที่เคยเป็นศีรษะของโยวหรันเสียก่อน!
ก้อนเนื้อทั้งสองที่ขนาบอยู่นั้นไม่มีเครื่องหน้า ดูเหมือนก้อนเนื้อไร้รูปร่างที่ดูทั้งน่ากลัวและน่าขยะแขยง ส่วนก้อนเนื้อตรงกลางดูปกติกว่าตรงที่มีดวงตาอยู่คู่หนึ่ง กระนั้นก็ยังไร้ซึ่งเนื้อหนัง ปากเป็นเพียงซากกระดูกเท่านั้น อันทำให้ดูน่ากลัวไม่ต่างกันเท่าใดนัก
นี่คือร่างที่แท้จริงของโยวหรัน แขนสี่ข้างแทงออกจากลำตัวในตอนเดียวกับที่ก้อนเนื้อทั้งสามปรากฏขึ้น แขนข้างหนึ่งพุ่งออกมาอย่างเร็วจนเห็นเป็นภาพเลือน คว้าเอากระบี่บินของหวังเป่าเล่อเอาไว้ ส่วนมือที่เหลือก็สร้างผนึกมือก่อนพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ!
พลังทำลายล้างของผู้ฝึกตนระดับเชื่อมวิญญาณอุบัติขึ้นในตอนนั้นเอง แปรเปลี่ยนเป็นพายุที่โหมกระหน่ำทรงพลังเสียจนน่าจะทำลายได้ทุกสิ่งที่ขวางหน้า พายุร้ายพัดเข้าใส่หวังเป่าเล่อในทันที
พายุของโยวหรันดูเหมือนแท่งทรงกระบอกสีดำที่หมุนวนรวดเร็ว มันขยายใหญ่ขึ้นจนเท่าเกราะจักรพรรดิลักอัคคีในพริบตาเดียว และดูเหมือนว่ากำลังจะกลืนกินเกราะจักรพรรดิเข้าไปทั้งตัว
ชายหนุ่มเบลอไปชั่วขณะ จิตใจว่างเปล่า เขาไม่กล้าปล่อยให้มีสิ่งใดเข้ามาในจิตใจของตน ความคิดแรกของเขาที่มาจากสัญชาตญาณภายในคือการสลับที่กลับร่างอวตารของตน
แต่นั่นก็ทำได้เพียงชะลอความตายออกไปเท่านั้น และอาจไม่ได้ให้เวลาแก่เขามากมายเสียขนาดนั้นด้วยซ้ำไป เขามีเวลาอีกเพียงสิบวินาทีเท่านั้นก่อนที่ชีวิตจะถูกพรากออกจากร่าง นอกจากนี้ยังจะเสียโอกาสการเคลื่อนย้ายกลับไปอีกด้วย หากทำเช่นนั้นโยวหรันก็จะกลับมาควบคุมทุกสิ่งได้อีกครั้ง และแผนชั่วร้ายก็จะเดินหน้าต่อไป
เขาไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว…ดวงตาของหวังเป่าเล่อกลายเป็นสีแดงก่ำ พายุร้ายสีดำกำลังจะทำลายชุดเกราะจักรพรรดิของเขาเสียหมดสิ้น รวมถึงร่างของเขาเองก็กำลังจะถูกบีบจนระเบิดออกจากภายในด้วย หวังเป่าเล่อกู่ร้อง ก่อนปล่อยกระบวนเวททำลายตนเองออกมา!
นี่คือการดูดซึมพลังปราณแบบย้อนกลับเพื่อเผาผลาญไขมันวิญญาณในกายของเขา โดยปกติแล้วหวังเป่าเล่อจะไม่ใช้วิชานี้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ แต่ในเมื่อไม่มีเวลาคิดหาทางออกอื่น เขาก็จำเป็นต้องทำ ในขณะที่ชายหนุ่มกู่ร้อง ไขมันของเขาสั่นสะเทือนและสลายหายไปหมดสิ้นในพริบตา พลังปราณที่สะสมไว้ภายในกายระเบิดออก พวยพุ่งเข้าใส่เกราะจักรพรรดิ เขาถอนหมัดออกมา ก่อนยกมืออีกข้างขึ้นปัดป้องการโจมตีของโยวหรัน!
พายุทรงกระบอกพุ่งไปข้างหน้าเหมือนคลื่นยักษ์ พุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่อและปล่อยพลังทั้งหมดเข้าใส่เขา ชุดเกราะของชายหนุ่มเกิดรอยร้าวในทันที ก่อนแตกสลายพร้อมเสื้อผ้าป้องกันที่อยู่ภายใน ชายหนุ่มกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ล่าถอยไปข้างหลัง แต่…เขาก็รอดชีวิตจากพลังโจมตีของพายุมาได้!
เกราะจักรพรรดิแตกไปมากกว่าครึ่ง เสื้อผ้าป้องกันภายในถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง ส่วนร่างกายก็ได้รับบากเจ็บหนัก กระนั้นเขาก็ยังปล่อยพลังปราณของตนออก พร้อมยังใช้อาวุธเทพในการปัดป้องการโจมตีนั้นเอาไว้ได้ นอกจากนี้โยวหรันได้รับบาดเจ็บสาหัสจากกระบี่บินของเขา และพายุนี้ก็สร้างขึ้นเฉพาะกิจจึงทำให้ไม่ใช่พลังที่ร้ายกาจที่สุด
ร่างของหวังเป่าเล่อปลิวไปข้างหลัง ชายหนุ่มตกไปอยู่ข้างชุดคลุมออกศึกกลางทะเลสอบอีกครั้ง เลือดกบปาก แม้ยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็ไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไป มีอยู่ทางเดียวเท่านั้นที่เขาทำได้ คือการสลับร่างกับร่างอวตารของตน หากทำเช่นนั้นเขาก็จะยื้อชีวิตตนเองต่อไปได้อีกนิด!
ความแตกต่างระหว่างพลังของทั้งสองนั้นมากเกินไป การที่เขารอดมาได้ถึงตอนนี้ก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์มากแล้ว โยวหรันระเบิดร่างของตนเองออก ส่วนหวังเป่าเล่อก็ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสได้ด้วยกระบี่บินของตนเอง…หากมีใครทราบเรื่องนี้เข้าคงจะตกใจเป็นอันมาก จนแทบไม่อยากเชื่อเลยทีเดียวว่าเป็นเรื่องจริง!
การที่โยวหรันโกรธมากจนคุมสติไม่ได้นั้น ไม่ได้เกินกว่าเหตุไปแม้แต่น้อย เนื่องจากแผนการที่เขาวางมานานถูกหวังเป่าเล่อทำลายเสียแทบป่นปี้ ชุดคลุมของเขาถูกดูดพลังเสียจนแขนหายไปหนึ่งข้าง ส่วนร่างที่ตนเองแฝงกายอยู่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อเขาดึงจิตตนเองกลับมาได้อีกครั้ง ดวงตาของโยวหรันก็เต็มไปด้วยโทสะที่รุนแรงเสียจนไม่อาจมีสิ่งใดเทียบเทียม เขาตะโกนขู่อาฆาตหวังเป่าเล่อพร้อมยื่นมือมาหมายจับตัวชายหนุ่ม
“ไอ้หวังเป่าเล่อ เจ้าไม่ตายดีแน่ ข้าจะดึงวิญญาณของเจ้าออกมา และให้เจ้าดูการล่มสลายของอารยธรรมชั้นต่ำของเจ้าด้วยตาของตนเอง ข้าจะ…” โยวหรันกล่าวบรรยายถึงความชั่วร้ายที่ตนเองจะทำ ขณะที่จับเอาตัวหวังเป่าเล่อมาได้ ในตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มที่ถูกจับตะโกนออกมาด้วยเสียงเย็นเยียบ ทั้งๆ ที่ยังหอบสั่นและเลือดกบปากอยู่
“เจ้ากล้าฆ่าข้าหรือ”
“ศิษย์พี่ของข้ามีนามว่าเฉินชิง ราชันสวรรค์ลำดับแรกแห่งตระกูลไม่รู้สิ้น ข้าคือศิษย์น้องคนเดียวของเขา ศิษย์พี่ของข้าไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่หากเจ้าสังหารข้า ไม่ว่าเจ้าจะหนีไปแห่งหนใด เขาก็จะตามหาเจ้าจนเจอ และเมื่อเขาเจอเจ้า ก็เตรียมตัวตายเอาไว้ได้เลย!”
เสียงของหวังเป่าเล่อเย็นเยียบ ชายหนุ่มไม่ได้เล่นละคร เขาไม่ได้นึกถึงคำพูดในแบบเดียวกันที่ออกมาจากปากผู้คนที่เขาเคยสังหารเสียด้วยซ้ำ ราวกับว่าอำนาจนี้ฝังอยู่ภายในใจเบื้องลึกของเขาตลอดมา จนทำให้รู้สึกเหมือนเป็นเรื่องธรรมชาติมากกว่าการเสแสร้ง
“โยวหรัน ข้ามายืนอยู่ตรงนี้เพราะศิษย์พี่ของข้าต้องการให้ข้ามาเข้ารายการฝึกวิชางี่เง่านี่ ใครจะมาคิดว่าคนสำคัญอย่างข้าจะต้องมาโดนไอ้ขี้คร้านอย่างเจ้าอัด หมดเวลาเล่นแล้ว ข้าเป็นถึงศิษย์น้องแห่นราชันสวรรค์ จะให้มาสู้จนตัวตายถวายชีวิตกับคนอย่างเจ้า ข้าไม่เอาด้วยหรอก!”
บทที่ 661 ศิษย์พี่ ช่วยข้าด้วย!
ดวงตาของหวังเป่าเล่อเบิกกว้าง เลือดยังคงไหลทะลักออกจากปากไม่หยุด แต่ชายหนุ่มกลับดูเต็มไปด้วยพลังอำนาจที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามคำพูดที่ไหลออกจากปากเขา
“ข้าหมดสนุกแล้ว สมัยที่ข้าอยู่ที่ป่ามี่หลัว ข้าขี่อสูรเขี้ยวดาราเล่นแถมยังมีทุกอย่างที่ต้องการ หากศิษย์พี่ไม่สั่งให้ข้ามาฝึกวิชาที่นี่ คนอย่างข้าก็คงไม่ต้องลดตัวมาทำอะไรเช่นนี้หรอก!” หวังเป่าเล่อทะลึ่งตัวขึ้นยืนแล้วหยิบแก่นในของอสูรเขี้ยวดาราออกมาสองชิ้น เขาเริ่มดูดแก่นในชิ้นหนึ่งเพื่อรักษาบาดแผล แล้วเอาอีกชิ้นหนึ่งมานวดแผลตนเองเพื่อเยียวยา
กำไลคลังเวทที่เขาทิ้งไว้กับร่างอวตารมีไว้เพื่อเก็บวัตถุเวทเท่านั้น ทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ ถูกกระจายออกตามกระเป๋าคลังเก็บต่างๆ ที่เขามี ชายหนุ่มเรียนรู้จากประสบการณ์ว่าต้องพกกระเป๋าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน
เขายังคงดูดพลังจากแก่นในของอสูรเขี้ยวดาราอย่างต่อเนื่อง ขณะมองโยวหรันด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว
“ไอ้โง่เอ๋ย ข้าต้องสติฟั่นไปแน่ถึงเลือกมาประจำที่นี่ ทั้งๆ ที่มีที่อื่นอีกมากมายให้ข้าไปเล่นสนุกได้มากกว่านี้ เหตุใดจึงสมองทึบขนาดมาเลือกเอาสำนักวังเต๋าไพศาลเป็นที่ฝึกวิชาเสียได้!”
หวังเป่าเล่อจ้องโยวหรันเขม็ง ปากดูดแก่นในอสูรแรงขึ้นตามอารมณ์ไม่พอใจที่เพิ่มมากขึ้น คำพูดของเขาสะท้อนก้องในถ้ำ ส่งให้โยวหรันที่กำลังกระโจนเข้าใส่หยุดชะงักกลางทาง ดวงตาของชายชราเบิกกว้าง สีหน้าราวกับกำลังเห็นผี!
โยวหรันอยู่ใต้บังคับบัญชาของราชันสวรรค์ลำดับสอง และย่อมรู้เรื่องราวของราชันสวรรค์ลำดับแรกแห่งตระกูลไม่รู้สิ้นดี เขารู้ดีว่าชายผู้นั้นทั้งน่ากลัวและทรงพลังเพียงใด หัวใจของโยวหรันเต้นระส่ำเมื่อได้ยินคำว่า “ราชันสวรรค์ลำดับแรก” ที่หลุดออกจากปากหวังเป่าเล่อ
หลังจากที่หายตกใจเรียบร้อยแล้ว สิ่งแรกที่ชายชรารู้สึกคือความไม่เชื่อ เนื่องจากลำดับชั้นของเขาในตระกูลไม่รู้สิ้นไม่ได้สูงนัก ชายชราจึงไม่ทราบชื่อเสียงเรียงนามของราชันสวรรค์ลำดับแรก รู้เพียงแต่ว่าเขามีตัวตนอยู่เท่านั้น หวังเป่าเล่ออาจโกหกได้อย่างแนบเนียนเพื่อหลอกเขา แต่คนที่มาจากสหพันธรัฐจะรู้จักป่ามี่หลัวได้อย่างไร ชายหนุ่มตรงหน้าดูจะพูดชื่อป่านั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติเหลือเกิน
นอกจากนี้อีกฝ่ายยังหยิบแก่นในอสูรเขี้ยวดาราออกมาด้วยท่าทางราวกับมันเป็นเศษกรวด ซึ่งทำให้โยวหรันยิ่งตกใจขึ้นไปอีก เขารู้ทันทีว่าสิ่งที่หวังเป่าเล่อถืออยู่ในมือ คือแก่นในของอสูรระดับจิตวิญญาณอมตะ
แก่นในนี้มีมูลค่ามหาศาล ทุกคนรู้ดีว่าสิ่งมีชีวิตในป่ามี่หลัวขึ้นชื่อเรื่องการปกป้องเผ่าพันธุ์ของตนเพียงใด แต่หวังเป่าเล่อกลับหยิบแก่นในออกมาถึงสองชิ้นเพื่อดูดและถูบาดแผลของตนเอง การอวดร่ำอวดรวยนี้ทำให้โยวหรันถึงกับผงะ กระนั้นชายชราก็ยังไม่เชื่อเต็มร้อยอยู่ดี
ในตอนนั้นเองดวงตาของหวังเป่าเล่อก็เป็นประกายกล้า เขาเริ่มพูดด้วยภาษาแม่ของตระกูลไม่รู้สิ้น ซึ่งก็คือภาษาดั้งเดิมของสำนักแห่งความมืด ทันทีที่ชายหนุ่มเริ่มเอ่ยปาก ความตกใจที่ถาโถมเข้ามาก็แทบทำให้โยวหรันเป็นลมล้มพับไป!
“ข้าจะบอกให้เอาบุญนะ ศิษย์พี่ของข้าร่ายเวทใส่ตัวข้าเอาไว้ หากข้าตายไปละก็ เขาจะรู้อย่างแน่นอน ด้วยพลังอำนาจของศิษย์พี่ข้า เขาจะย้อนเวลากลับไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ถึงทำให้ข้าเสียชีวิต ต่อให้เจ้าหาวิธีเลี่ยงกระบวนเวทนี้ได้ เจ้าก็ยังตายหยังเขียดอยู่ดี หากเจ้าสมองหนาปัญญานิ่มพอก็ลองดูสิ มาลองดูกันว่าศิษย์พี่ของข้าจะรีบมาที่นี่หรือไม่!” หวังเป่าเล่อแทบตะโกนคำท้ายๆ ออกมาทีเดียว
ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันกำลังกระสับกระส่ายจิตใจว้าวุ่นไปหมด แน่นอนว่าในบรรดาผู้ฝึกตนจากสำนักวังเต๋าไพศาลนั้นมีคนรู้ภาษาของตระกูลไม่รู้สิ้นอยู่บ้าง แต่ก็พูดไม่ได้คล่องแคล่วขนาดนี้ นอกจากนี้ยังต้องติดสำเนียงมาบ้างอีกด้วย แต่หวังเป่าเล่อไม่ติดสำเนียงแม้แต่น้อย เขาพูดภาษาสำนักแห่งความมืดได้ราวกับเป็นภาษาแม่ของตนเองเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้โยวหรันจึงตกใจมากและอดไม่ได้ที่จะถามกลับ
“เจ้าเอาหลักฐานมาให้ข้าดูสิ”
ท่าทีตื่นตระหนกของโยวหรันทำให้หวังเป่าเล่อแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกอยู่ภายใน เขายังคงชักสีหน้าไม่พอใจ ขณะยันตัวลุกขึ้นยืนและประกาศกร้าว
“หลักฐานหรือ ศิษย์พี่ไม่ได้ให้อะไรไว้กับข้าแม้แต่น้อย เพียงแต่บอกว่าให้พูดชื่อที่เขาใช้ตระกูลไม่รู้สิ้นเท่านั้น คงไม่มีใครในฟากนี้ของจักรวาลกล้าทำอันตรายข้าแน่! โยวหรัน ข้าต้องการคำตอบว่าเหตุใดเจ้าจึงทำสิ่งที่เจ้าทำในวันนี้ ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะปู้ยี่ปู้ยำสำนักวังเต๋าไพศาลอย่างไร แต่สหพันธรัฐเป็นที่ที่ข้าฝึกวิชาอยู่ ทหารเลวของราชันสวรรค์ลำดับสองอย่างเจ้า บังอาจกล้าขัดขวางการฝึกวิชาของข้าเชียวหรือ!”
หวังเป่าเล่อรู้ว่าสำนักวังเต๋าไพศาลถูกราชันสวรรค์ลำดับสองทำลาย จึงเดาได้อย่างถูกต้องว่าผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นที่ไล่ล่าสำนักวังเต๋าไพศาลบนกระบี่สำริดโบราณ ต้องอยู่ใต้บังคับบัญชาของราชันสวรรค์ลำดับสองอย่างแน่นอน
“ข้าต้องการให้เจ้าขอโทษข้าเดี๋ยวนี้! และจ่ายค่าเสียหายมาด้วย แล้วข้าจะไม่บอกศิษย์พี่ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง จากนั้นเจ้าจะเปิดตูดหนีไปพร้อมไอ้เรือบินรบเต๋ามรณะเส็งเคร็งของเจ้าก็ตามใจ!”
หวังเป่าเล่อแสดงท่าทางเดือดดาลถึงขีดสุด เขาพองตัวขึ้น น้ำเสียงแข็งกร้าวไม่ยอมลดราวาศอก ชายหนุ่มรู้ดีว่าตนเองอาจเลือกเดินอีกทางได้ ด้วยการพยายามทำให้โยวหรันเข้าข้างตนโดยใช้ชื่อศิษย์พี่เข้าช่วย เขาอาจล่อโยวหรันด้วยผลประโยชน์แสนหอมหวาน ซึ่งจะทำให้การเจรจาเป็นไปได้ราบรื่นเรียบง่ายกว่านี้มาก แต่ก็ทิ้งความคิดนี้ไปเสียหลังจากคิดอยู่สักพัก เนื่องจากหากนับตามศักดิ์แล้วทุกคนล้วนอยู่ต่ำกว่าเขาทั้งสิ้น
ศิษย์พี่เฉินชิงเป็นถึงราชันสวรรค์ลำดับแรก จากเรื่องราวที่แม่นางน้อยเคยบอก สิ่งที่ได้เห็นมาในป่ามี่หลัว และเรื่องที่เขารู้มาจากนิมิตมืด ศิษย์พี่ของเขาเป็นชายผู้เด็ดขาด ไร้ซึ่งความสะทกสะท้านต่อการคร่าชีวิต และเย่อหยิ่งมากเสียจนไร้เหตุผล ชายที่มีนิสัยเช่นนี้ย่อมเอาแต่ใจตนเองอย่างถึงที่สุด ฉะนั้นในฐานะศิษย์น้อง เขาจะแสดงท่าทีอ่อนแอประนีประนอมไม่ได้เด็ดขาด เพราะมันจะดูไม่สมจริง
การอนุมานของเขาถูกต้องเสียด้วย แม้โยวหรันจะรู้สึกว่าท่าทางยโสโอหังของหวังเป่าเล่อนั้นน่าโมโห แต่ก็ไม่ได้ระแคะระคายแม้แต่น้อย สำหรับโยวหรันแล้ว หากหวังเป่าเล่อไม่ได้แสดงท่าทีเช่นนี้ออกมาจะยิ่งดูน่าสงสัยเสียด้วยซ้ำ ความจองหองของอีกฝ่ายทำให้โยวหรันบันดาลโทสะ แต่ก็กำจัดความกังขาออกไปจากใจของชายชราได้ในเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้หวังเป่าเล่อยังปล่อยหมัดเด็ดโดยการพูดถึงสองสิ่งที่คนอื่นไม่มีทางล่วงรู้ ซึ่งก็คือเรือบินรบเต๋ามรณะและราชันสวรรค์ลำดับสอง ชายหนุ่มพูดถึงสองสิ่งนี้ด้วยน้ำเสียงเหมือนการชวนคุยเรื่องสัพเพเหระ รายละเอียดเชิงลึกนี้ทำให้โยวหรันตกใจจนแทบร่วงกลางอากาศ
แต่เขาจะไม่ยอมทิ้งแผนการนี้ไปง่ายๆ แน่นอน เขาตั้งใจจะเอาประชากรทั้งสหพันธรัฐมาเป็นเครื่องสังเวย เพื่อรวมร่างเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับเรือบินรบเต๋ามรณะ นอกจากนี้ยังต้องการใช้พลังนี้ในการก้าวไปสู่ปราณระดับดาวพระเคราะห์อีกด้วย หากทำสำเร็จ แผนการนี้จะช่วยให้เขาพัฒนาพลังได้อย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียว
หากราชันสวรรค์ลำดับแรกเปิดเผยตัวออกมาเสียให้รู้เรื่องกันไป เขาก็จะยอมเข่าอ่อนศิโรราบแต่โดยดีโดยไม่มีข้อกังขา แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้าเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับกำเนิดแก่นในเท่านั้น แม้หวังเป่าเล่อจะประกาศว่าตนเองเป็นศิษย์น้องของราชันสวรรค์ลำดับแรก และแม้เรื่องราวที่เขาเล่าจะดูสมเหตุสมผลอยู่บ้าง แต่โยวหรันยังคงไม่ยอมเชื่อ และไม่อยากเชื่อคนตรงหน้านั่นเอง
ชายชรากำลังต่อสู้กับตนเองอยู่ภายในว่าจะจัดการอย่างไรดี ตอนนั้นเองประกายคมกริบก็วาบเข้ามาในแววตา ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ โยวหรันขยับตัวแล้วมาปรากฏอยู่ตรงหน้าหวังเป่าเล่อ เขายกมือขึ้นปล่อยพลังปราณขั้นเชื่อมวิญญาณออกมา พลังนั้นอัดแน่นกลายเป็นแรงทำลายล้างน่าสะพรึงกลัวในมือ ที่ส่งออกมาหาหวังเป่าเล่อโดยตรง
ดูเหมือนว่าโยวหรันจะต้องการสังหารและปิดปากหวังเป่าเล่อเสีย!
เขายกมือขึ้นตั้งใจจะกระแทกใส่หวังเป่าเล่อ ในตอนนั้นเองดวงตาของชายหนุ่มก็ทอแสงอำมหิตแรงกล้า เขาเตรียมตัวเอาไว้อยู่แล้ว และเริ่มท่องบทสวดแห่งเต๋าในใจ ทันทีที่พูดในใจไปได้สองสามคำ ชายหนุ่มก็รีบตะโกนออกมา
“ศิษย์พี่ ช่วยข้าด้วย!”
หลังเป่าเล่อตะโกนร้องขณะที่ท่องบทสวดแห่งเต๋าอยู่ในใจ ตอนนั้นเอง สวรรค์ก็สั่นสะท้าน เรือบินรบเต๋ามรณะสะเทือนไปหมด สำนักทั้งสำนักและกระบี่สำริดเขียวโบราณสั่นรุนแรงราวกับเกิดแผ่นดินไหว พลังลึกลับพุ่งออกจากจักรวาลอันไกลโพ้น เดินทางผ่านอวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาลมุ่งตรงมายังระบบสุริยะ ดวงอาทิตย์ที่อยู่ตรงใจกลาง แล้วตกลงบนกระบี่สำริดเขียวโบราณ…ภายในถ้ำบนเรือบินรบพอดิบพอดี!
ตู้ม!
พลังนั้นยิ่งใหญ่มากเสียจนคะเนไม่ได้ หวังเป่าเล่อได้ยินเสียงพ่นลมเยาะเย้ยลอยมาพร้อมพลังที่ตกลงในถ้ำ ชายหนุ่มตัวสั่น เริ่มกลัวว่าตนเองใช้กลเม็ดนี้บ่อยจนอาจไปปลุกจิตลึกลับนี้ขึ้นมาจริงๆ…
แต่เขาก็ไม่มีเวลามานั่งคิดเรื่องนี้เป็นจริงเป็นจัง จากประสบการณ์ที่ผ่านมา หวังเป่าเล่อรู้ดีว่าพลังนี้จะมาเยือนและหายไปในเสี้ยววินาที จึงทำให้เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการข่มขวัญคู่ต่อสู้ ซึ่งพอเหมาะพอเจาะกับสถานการณ์ยากลำบากที่เขาเผชิญอยู่ตอนนี้พอดี
แล้วเขาก็เดาถูกจริงๆ เสียด้วย โยวหรันแทบจะสิ้นสติด้วยความกลัวทันทีที่หวังเป่าเล่อเรียกพลังนั้นให้ตกลงมาในถ้ำ ชายชราถอยร่นไปด้านหลัง กระอักเลือดออกมายกใหญ่ ดวงตาตื่นตระหนกตกใจ แต่เขาก็ไม่ได้หนีไปแต่อย่างใด แววความบ้าคลั่งเข้ามาแทนที่ความตกใจในดวงตาของโยวหรัน ชายชราพุ่งเข้าใส่หมายโจมตีหวังเป่าเล่ออีกครั้ง!
“หวังเป่าเล่อ หากเจ้าเป็นศิษย์น้องของราชันสวรรค์ลำดับแรกจริง เจ้าก็ต้องมีไพ่ตายอยู่กับตัวอย่างแน่นอน พลังที่เจ้าเรียกมาเมื่อครู่น่ากลัวก็จริง แต่…ข้าก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี หากเจ้าเอาตัวรอดจากการโจมตีนี้ได้ ข้าจะหันหลังกลับและจากไปเสีย!”
“แต่หากเจ้าทำไมได้ละก็…นั่นแปลว่าเจ้าก็แค่ปั้นน้ำเป็นตัวเท่านั้น!” โยวหรันเสียสติไปโดยสิ้นเชิงแล้ว ในตอนแรกเขาเกือบเชื่อเรื่องราวของหวังเป่าเล่อ พลังจากอำนาจของบทสวดทำให้จิตใจของเขาสั่นสะท้าน เสียงในหัวกรีดร้องบอกให้เขาหนีไปเสีย ก่อนที่จะสิ้นชีพอยู่ตรงนี้!
แต่เขาก็ต้องลองโจมตีดู โยวหรันวางแผนนี้มานานและทุ่มเทไปมาก ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีทางทิ้งมันไปง่ายๆ แน่นอน ด้วยเหตุนี้…ชายชราจึงจะลองเสี่ยงดวงดูให้มันรู้ดำรู้แดงไป หากโชคชะตานำพา เขาก็พร้อมยอมตายโดยไม่มีอะไรให้เสียใจ!
“เจ้านี่มันกัดไม่ปล่อยจริงๆ !” หวังเป่าเล่อหัวเสีย พลางคิดว่าตนเองแสดงได้อย่างแนบเนียนถึงที่สุดแล้ว แถมยังลงทุนเอาบทสวดมาใช้ด้วย ชายหนุ่มไม่ได้คาดคิดเลยว่าโยวหรันจะสติแตกไปเรียบร้อย
ไม่มีเวลาให้คิดแผนการใหม่แล้ว ทันทีที่ความตายมารออยู่ตรงหน้า หวังเป่าเล่อก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ดวงตาของชายหนุ่มฉายความบ้าคลั่งขึ้นมาเช่นกัน!
ลองมันดูสักตั้งก็แล้วกัน!
บทที่ 662 จักรพรรดิพินาศ!
หวังเป่าเล่อต้องลองดูสักตั้ง ไม่มีทางอื่นอีกแล้วในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้!
ชายหนุ่มไม่ใช่คนขลาด สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตนับครั้งไม่ถ้วนในสหพันธรัฐยืนยันความจริงข้อนี้ได้เป็นอย่างดี ภายใต้บุคลิกที่ดูมีไมตรีจิตรของเขานั้น คือธาตุแท้ที่เข้มข้นไปด้วยความโหดเหี้ยมต่อศัตรู และความอำมหิตยิ่งกว่าต่อตัวเอง!
ดวงตาของหวังเป่าเล่อเอ่อล้นด้วยความบ้าคลั่งขณะมองโยวหรันปล่อยการโจมตีใส่ตน ชายหนุ่มรู้ดีว่าข้อจำกัดด้านพลังปราณของตนเองในตอนนี้ ทำให้เขายังใช้วิชาพรากจุติและห้าโทษทัณฑ์ไม่ได้เต็มที่ แม้จะใช้พลังปราณจากชุดคลุมออกศึกเต๋ามรณะช่วยก็ตาม
ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้กระบวนเวททั้งสองในตอนนี้ เพื่อเผด็จศึกโยวหรัน นั่นทำให้เขามีทางเลือกเหลืออยู่เพียงทางเดียวเท่านั้น!
ซึ่งก็คือ… เกราะจักรพรรดิลักอัคคี!
แม้เกราะของเขาจะแตกสลายไปแล้ว แต่หวังเป่าเล่อยังมีกระบวนเวทลับอยู่อีกอันหนึ่ง ที่ถือเป็นไพ่ตายของเขาเลยก็ว่าได้ กระบวนเวทนี้คือกำไรที่งามที่สุดที่เขาเสาะหามาได้บนกระบี่สำริดเขียวโบราณ!
กระบวนเวทนี้มีนามว่า…กระบวนเวทจักรพรรดิพินาศ!
กระบวนเวทจักรพรรดิพินาศนี้ไม่ได้ตรงไปตรงมาเหมือนครั้งที่เขาระเบิดเกราะออก แต่เป็นกระบวนเวทดั้งเดิมที่สืบทอดมาตามสายวิชาของกระบวนเวทเกราะจักรพรรดิ ผู้ใช้ต้องเสียสละเกราะจักรพรรดิที่ใช้เวลาสรรค์สร้างมาเป็นเวลานานด้วยความยากลำบาก บีบอัดพลังปราณนั้นเข้าด้วยกันผ่านวิธีการพิเศษ และปล่อยพลังที่รุนแรงจนยากเกินจะหยั่งถึงใส่คู่ต่อสู้
พลังโจมตีนี้รุนแรงมหาศาลจนทำให้ทั้งสวรรค์และผืนดินต้องสั่นสะเทือน และสะท้อนใส่ทั้งผู้ใช้กระบวนเวทและเป้าหมาย หวังเป่าเล่อคงไม่บ้าบิ่นถึงขั้นใช้วิชานี้ในยามปกติ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นเหลืออยู่แล้วจริงๆ
หากเขาพยายามหนี ความตายย่อมตามมาหลอกหลอนอย่างแน่นอน หากเขาไม่ลองเสี่ยงดวงต่อสู้เพื่อรักษาชีวิตตนเองเอาไว้ตอนนี้…แล้วจะมีโอกาสได้ทำเช่นนั้นอีกเมื่อไรกันเล่า
ความคิดมากมายแวบเข้ามาในหัวหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มส่งพลังปราณของตนเข้าไปยังเกราะจักรพรรดิลักอัคคีทันทีโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย นอกจากนี้ยังปลุกพลังขั้นสูงสุดที่ชุดเกราะสั่งสมเอาไว้ออกมาอีกด้วย!
เขาส่งแรงใจทั้งหมดเข้าไปในชุดเกราะ ปลดปล่อยพันธนาการที่รั้งพลังที่แท้จริงของตนเองเอาไว้เสียหมดสิ้น ร่างกายที่ผ่ายผอมลงมาก บัดนี้ซูดซีดเหลือเพียงหนังติดกระดูก!
ดวงตาของหวังเป่าเล่อวาวโรจน์ แสงสว่างเจิดจ้าที่ชุดเกราะส่งออกมา บัดนี้สว่างไสวเหมือนดาวฤกษ์ที่กำลังเผาไหม้ เมื่อโยวหรันเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มก็ตะโกนออกมาในทันที!
“ปลดชุดเกราะ!”
เสียงคำรามของชายหนุ่มดังก้องสะท้อนไปทั่วผนังถ้ำ ชุดเกราะที่ส่องแสงโชติช่วงแยกออกจากร่างของเขา บีบตัวควบแน่นต่อหน้าต่อตา กลายเป็นลูกบาศก์ขนาดใหญ่ที่สร้างมาจากเนื้อและเส้นปราณโลหิต!
บัดนี้ชุดเกราะจักรพรรดิดูเหมือนกล่องที่สร้างมาจากเส้นเอ็นมากมาย เส้นปราณสีโลหิตว่ายวนอยู่ภายใน ก่อกำเนิดเป็นลูกบอลทรงกลมที่ห่อหุ้มแขนกระดูกอาวุธเทพเอาไว้ ทันทีที่ลูกบาศก์นี้ปรากฏ ความว่างเปล่ามืดมิดรอบข้างก็แตกสลายกลายเป็นเศษเสี้ยว กระแสพลังปราณรุนแรงน่ากลัวพัดโหมออกจากลูกบาศก์สีโลหิต
พลังปราณนั้นรุนแรงมากเสียจนโยวหรันยังต้องผงะ รูม่านตาของชายชราหดแคบ หัวใจเต้นแรงจนแทบระเบิดอยู่ในอก เขาทิ้งความคิดที่จะทดสอบหวังเป่าเล่อไปในทันที ก่อนล่าถอยอย่างรวดเร็วเพื่อหลบแสงเจิดจ้าจากลูกบาศก์ที่กำลังส่งพลังทำลายล้างออกมา
โยวหรันเกรงกลัวพลังปราณเข้มข้นที่ชุดเกราะจักรพรรดิลักอัคคีของหวังเป่าเล่อปล่อยออกมาอย่างเห็นได้ชัด พลังนี้ให้ความรู้สึกแตกต่างจากคลื่นพลังปราณมหาศาลที่หวังเป่าเล่อสำแดงออกมาก่อนหน้านี้ ปริมาณน้อยกว่าก็จริง แต่แข็งแกร่งกว่าอย่างแน่นอน
ราวกับว่า…พลังแรกดูห่างเหิน แต่อีกพลังดูใกล้ชิดรุนแรงกว่า พลังแรกเปรียบเสมือนดวงดาวที่ระเบิดออกอย่างไร้ร่องรอย ส่วนอีกพลังคือแผ่นดินที่ยุบตัวลงใต้เท้าของผู้ถูกโจมตี!
ทั้งสองพลังนี้ทำให้โยวหรันหัวใจเต้นระส่ำ แต่พลังที่สองที่เห็นอยู่ตรงหน้า ทิ้งร่องรอยความสั่นสะท้านเอาไว้มากกว่า เนื่องด้วยภาพน่ากลัวของลูกบาศก์ที่กำลังทอแสงจ้า!
โยวหรันรีบถอยหนีทันทีตามสัญชาตญาณ แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว เขาต้อนหวังเป่าเล่อเสียจนมุม จนทำให้ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยให้เขาจากไปง่ายๆ นอกจากนี้ตัวหวังเป่าเล่อเองยังรู้ดีว่านี่เป็นโอกาสเดียวของเขาที่จะจัดการโยวหรัน!
ดวงตาของหวังเป่าเล่อทอแสงแรงกล้า ชายหนุ่มตะโกนออกมา
“ครองกายา!”
โยวหรันถอยกรูดด้วยความตกใจเมื่อได้ยินชื่อกระบวนเวท ลูกบาศก์เกราะจักรพรรดิลักอัคคีระเบิดในทันที ไม่ได้ปะทุออกเป็นแรงระเบิดปกติ แต่กลับแยกสลายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับสิบ และพุ่งเข้าไปล้อมศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเอาไว้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากและต่อต้านทุกกฎที่เรือบินรบวางเอาไว้ เกราะจักรพรรดิที่แตกตัวออกพุ่งเป้ามาที่โยวหรัน ไม่ว่าจะหนีไวเพียงใด ก็ไม่มีวันหนีได้พ้น!
ภายในพริบตา เศษเกราะก็เข้าประชิดตัวชายชราทั้งด้านบน ด้านล่าง ด้านหน้า ด้านหลัง ซ้ายและขวา ก่อนค่อยๆ บีบตัวเข้าหากันจนกักขังเขาเอาไว้ภายใน!
ความไวของเหตุการณ์นี้ เริ่มตั้งแต่ตอนที่โยวหรันตัดสินใจเลิกทดสอบหวังเป่าเล่อ ตอนที่หวังเป่าเล่อโต้กลับอย่างกล้าหาญและเจ็บแสบ จนถึงตอนที่ชายชราถูกขังเอาไว้ในเศษชุดเกราะ ทุกอย่างเกิดขึ้นภายพริบตาเท่านั้น ตัวโยวหรันเองดูเหมือนตกใจถึงขีดสุดแล้ว เขาไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อย เมื่อเห็นว่าหนีออกไปไม่ได้ ก็รีบกัดลิ้นตนเองทันที ศีรษะด้านซ้ายและขวาระเบิดพร้อมกัน!
นี่คือหนึ่งในกระบวนเวทติดตัวของตระกูลไม่รู้สิ้น และไม่ใช่ครั้งแรกที่หวังเป่าเล่อได้เห็น กระนั้นชายหนุ่มก็ยังหยุดโยวหรันไม่ได้ ความเหี้ยมโหดในดวงตาของชายหนุ่มรุนแรงขึ้น เขารีบปล่อยกระบวนเวทขั้นที่สองของวิชาสืบทอดเกราะจักรพรรดิในทันที!
“เก้าทบ!”
ทันทีที่สั่งจบ เศษลูกบาศก์ที่รายล้อมโยวหรันเอาไว้ก็เริ่มพับทบกัน เปลี่ยนสภาพจากสามมิติไปเป็นสองมิติ จนกลายเป็นระนาบหนึ่งมิติในที่สุด!
ภาพนี้แปลกประหลาดมาก ร่างโยวหรันถูกประทับอยู่บนระนาบแบนคล้ายกระดาษหนึ่งมิติ ร่างของเขาเริ่มแสดงสัญญาณว่าจะหายไป แต่หวังเป่าเล่อไม่หยุดเพียงเท่านั้น กระดาษนี้พับทบเข้าหากันอีกครั้ง!
สัญญาณว่าชีวิตของโยวหรันใกล้มาถึงจุดจบเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่ตอนที่กระดาษกำลังจะพับทบกันอีกครั้งนั้นเอง เสียงระเบิดก็ปะทุขึ้น กระดาษถูกฉีกออกจากภายในด้วยแรงมหาศาล โยวหรันระเบิดศีรษะทั้งสองของตนเองออก เพื่อหลบหนีออกจากกรงขังหนึ่งมิติ และรอดตายได้อย่างหวุดหวิด
หวังเป่าเล่อกระอักเลือดออกมาชุดใหญ่ เขาไม่อยากยอมรับว่าโยวหรันหนีการโจมตีของตนออกมาได้ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น ความแตกต่างด้านพลังของทั้งสองนั้นมากเกินไป แม้เขาจะมีกระบวนเวทเยี่ยมยอดอยู่มากมายที่ทำให้โยวหรันตกใจ แต่ก็ทำได้เพียงสร้างอาการบาดเจ็บให้คู่ต่อสู้เท่านั้น การสังหารอีกฝ่ายดูเป็นเรื่องยากเหลือเกิน!
ถ้าเช่นนั้น… หวังเป่าเล่อมองระนาบหนึ่งมิติที่ระเบิดและโยวหรันที่หนีความตายออกมาได้ ก่อนตัดสินใจว่าต้องไปให้สุดทาง เขาตะโกนอีกครั้งเพื่อปล่อยท่าสุดท้ายของกระบวนเวท
“จักรพรรดิพินาศ!”
พลังรุนแรงร้ายกาจระเบิดออกมาจากชิ้นส่วนกระดาษแต่ละชิ้นที่โดนฉีกทำลาย แรงระเบิดนั้นทรงพลังมากเสียจนสร้างกระแสพลังงานให้พุ่งออกมาเป็นริ้วๆ ไหลบ่าเข้าท่วมทุกสิ่งทุกอย่างในถ้ำเหมือนน้ำเชี่ยวกราก!
ทั่วทั้งถ้ำสั่นสะเทือนเหมือนสายฟ้ากระหน่ำที่ไม่มีวันจบสิ้น ราวกับสัตว์อสูรจากสวรรค์กำลังคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว ร่างของชายหนุ่มสั่นสะท้าน กระอักเลือดออกมาเป็นลิ่มๆ แล้วล่าถอยไปข้างหลัง คลื่นพลังปราณพวยพุ่งออกมาโดยมีเขาเป็นเป้าหมาย หวังเป่าเล่อที่หน้าซีดเผือดรีบใช้กระบวนเวทสลับที่กับร่างอวตารของตนเองในทันที!
ตอนนั้นเองมือโชกเลือดก็พุ่งออกจากใจกลางของเกราะจักรพรรดิ คว้าตัวชายหนุ่มเอาไว้ ทันใดนั้น แสงนุ่มนวลก็สว่างขึ้นทันทีที่มือนั้นยื่นออกมา แม่นางน้อยปรากฏกาย นางชี้มือออกไปข้างหน้า ลำแสงสีขาวพุ่งออกจากจักรพรรดิพินาศ กระโจนเข้าตรงกลางระหว่างแม่นางน้อยและมือโชกเลือดขนาดยักษ์ สิ่งนั้นก็คือ…แขนกระดูกอาวุธเทพที่เชื่อมเข้ากับเกราะจักพรรดิของหวังเป่าเล่อนั่นเอง!
แม่นางน้อยและมือยักษ์โชกเลือดเชื่อมต่อถึงกันผ่านแขนกระดูกจากอาวุธเทพในทันที เสียงระเบิดกึกก้องดังขึ้นจากแขนอาวุธเทพพุ่งสู่สรวงสรรค์ เสียงฮึดฮัดเบาๆ ดังออกจากจักรพรรดิพินาศ ใบหน้าของแม่นางน้อยซีดเผือด นางหายใจออกมาเป็นไอสีเขียว ร่างที่โผล่ให้เห็นเป็นตัวเริ่มสั่นสะท้านและจางลงในระดับหนึ่ง แม่นางน้อยก้าวถอยไปด้านหลัง ดึงแขนกระดูกอาวุธเทพมาข้างๆ หวังเป่าเล่อ
การปรากฏตัวของนางพร้อมการโจมตีนั้น ทำให้หวังเป่าเล่อมีเวลาสลับร่างกับร่างอวตารของตนเองได้ทันท่วงที ร่างอวตารเข้ามาแทนที่ร่างจริงที่อยู่ในถ้ำในที่สุด!
แรงปะทะจากจักรพรรดิพินาศพุ่งเข้าใส่ร่างอวตารของหวังเป่าเล่อ ทันทีที่มันปรากฏขึ้นแทนที่เจ้าของร่างจริง หวังเป่าเล่อไม่มีเวลาตอบโต้แม้แต่น้อย ร่างอวตารของเขาถูกพลังดึงเข้าไปและสลายกลายเป็นผุยผงในทันที!
แต่ยังไม่จบเพียงเท่านั้น ท่ามกลางเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวเหมือนสัตว์อสูร คลื่นยักษ์ซัดขึ้นมาจากทะเลสาบสีทองและระเหยหายไปทันทีที่เข้าปะทะอากาศ ผนังสลายกลายเป็นเถ้าธุลีในทันที เสาค้ำขนาดยักษ์ที่ห้อยย้อยลงมาจากเพดาน แม้จะเปลี่ยนรูปร่างและเยียวยาตนเองได้ด้วยความเร็วสูง ก็ยังมลายหายไปสิ้น เสานั้นพังครืนลงมาในทันที ส่งให้แรงระเบิดพุ่งพรวดขึ้นไปตามท่อเลือดเนื้อเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ ทำให้พลังทำลายล้างพุ่งออกจากถ้ำ!
ถ้ำทั้งหมดสลายกลายเป็นผุยผง แรงระเบิดกระจายตัวออกเป็นวงกว้างในรัศมีอย่างน้อยสามสิบเมตร มีเพียงชุดคลุมออกศึกเต๋ามรณะเท่านั้นที่ยังตั้งอยู่ได้อย่างไม่สะทกสะท้านขณะที่เพดานพังครืนลงมา ราวกับมันต้านทานได้ทุกอำนาจทำลายล้างที่รายรอบ มีแค่รอยแตกบนกะโหลกที่แยกกว้างขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น ที่เป็นเพียงความเสียหายเดียว
บทที่ 663 หนีได้อย่างหวุดหวิด!
ถ้ำอัดแน่นไปด้วยพลังจากการทำลายตนเองของจักรพรรดิพินาศ ที่ส่งคลื่นเข้าปะทะกับพลังการระเบิดศีรษะทั้งสองของโยวหรัน แรงปะทะนี้ก่อให้เกิดพลังทำลายล้างมหาศาล หากเกิดขึ้นที่อื่นอาจไม่มีผลร้ายแรงถึงเพียงนี้
ภายในเสาค้ำที่อยู่ในถ้ำเต็มไปด้วยเลือดและเนื้อจำนวนมาก ซึ่งถูกกลั่นเป็นพลังงานเพื่อใช้ในการเยียวยาสมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้นและชุดคลุมออกศึกเต๋ามรณะ แต่นั่นไม่ใช่หน้าที่หลักของเสาค้ำนี้แต่อย่างใด!
ในสมัยที่เรือบินรบเต๋ามรณะยังรุ่งโรจน์ เสาค้ำและเส้นเลือดเนื้อมีไว้ใช้ส่งพลังงาน ที่เกิดมาจากการบดกระดูกของโม่หิน พลังงานนี้จะถูกส่งไปให้ผู้ใช้ชุดคลุมซึ่งจะนำมันไปบังคับทิศทางเรือบินรบ!
เสาค้ำนี้เปรียบเสมือนเครื่องยนต์ที่อยู่ยั้งยืนยงนั่นเอง!
แรงปะทะระหว่างพลังของกระบวนเวทจักรพรรดิพินาศของหวังเป่าเล่อ และการระเบิดศีรษะของโยวหรัน ทำให้เสาค้ำพังทลาย ทั้งยัง…ทำลายเครื่องยนต์ที่อยู่ยั้งยืนยงไปพร้อมๆ กันด้วย!
และนี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้พลังรุนแรงนี้เพิ่มขนาดขึ้นอย่างไม่อาจคาดการณ์ได้ แรงระเบิดไม่ได้เกิดขึ้นภายในถ้ำเท่านั้น แต่ยังพุ่งผ่านเสาค้ำเข้าไปในเส้นเลือดมากมายที่ชั้นสองของเรือบินรบ!
เส้นเลือดเนื้อมากมายระเบิดกระจุยกระจายตามการพังทลายของเสาค้ำ ส่งผลให้ชั้นสองทั้งชั้นสั่นสะเทือน รอยแตกเริ่มปรากฏและแยกกว้างขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเสาค้ำก็พังทลายลงตามระเบียบ
เสียงระเบิดดังผ่านอากาศตามมา พื้นดินยุบตัว บริเวณชั้นสองของเรือได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง ผู้ฝึกตนที่กำลังขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดบนชั้นสองตกใจเป็นอันมากกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเฟิ่งชิวหรัน นางอ่อนล้าจากการถูกศัตรูไล่ล่า และได้รับบาดเจ็บสาหัสจนแทบจะสิ้นสติอยู่รอมร่อ มีเพียงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าเท่านั้นที่ทำให้นางยังคงยืนหยัดอยู่ได้
ธรณียุบตัวลง หินกล้าแตกสลาย เศษดินเศษทรายกระจุยกระจายไปในอากาศ โลกทั้งใบสั่นสะเทือน เฟิ่งชิวหรันและผู้ที่ตามล่านางต่างได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์ครั้งนี้ สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตกใจ ขณะมองแรงระเบิดมากมายที่ปะทุขึ้นรอบกายพร้อมๆ กัน
เส้นเลือดเนื้อที่เชื่อมต่อโดยตรงกับเสาค้ำกระจุยลงมาจากท้องฟ้า ผลกระทบนี้ถูกส่งต่อไปยังชั้นหนึ่งของเรือเช่นกัน
โลกทั้งใบเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ท้องฟ้าและพื้นดินแตกสลาย ชั้นแรกของเรือบินรบเองก็ประสบชะตากรรมไม่ต่างกัน เรือบินรบสั่นสะเทือนไปทั้งลำเมื่อแท่นสังเวยของทุกชั้นถูกทำลาย!
เส้นเลือดทุกเส้นไหลเชื่อมกับแท่นสังเวยเหล่านี้ ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับเส้นเลือดทำให้การบดกระดูกหยุดชะงัก อสูรร้ายที่กำลังดึงคันโยกถูกกระชากถอยหลังอย่างรุนแรง
ขณะที่กำลังชักเย่อกันอยู่นั้น คันโยกไม้ยักษ์ก็เริ่มมีรอยร้าวให้เห็น และแล้วคันโยกทั้งสามก็หักสะบั้นลง!
คันโยกถูกทำลาย อสูรร้องคำราม ส่วนพื้นดินก็สั่นไหว โลกทั้งสามของชั้นแรกสะท้าน เรือบินรบเต๋ามรณะสะเทือน
การพังทลายของเสาค้ำและเส้นเลือดรวมถึงโม่หินที่ได้รับผลกระทบตามมาเป็นทอดๆ ทำให้คลื่นแทรกของเรือบินรบอ่อนกำลังลงจนสามารถเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ได้ในที่สุด
เจ้าเยี่ยเหมิงที่ก่อนหน้านี้ซ่อนตัวอยู่ที่ชั้นสองและกำลังหนีตายจากแผ่นดินยุบ สัมผัสได้ถึงสัญญาณที่อ่อนลงในทันที ความตกใจวาบเข้ามาในดวงตาของนาง นางมองไปรอบกายแต่ก็ไม่เห็นหวังเป่าเล่อ
เจ้าเยี่ยเหมิงไม่รู้ว่าหวังเป่าเล่ออยู่แห่งหนใด หรือกระทั่งว่าเกิดอะไรขึ้นจึงทำให้ภัยพิบัติขนาดใหญ่อุบัติขึ้นเช่นนี้ นางมองโลกทั้งใบล่มสลายต่อหน้าต่อตา หลังจากที่เงียบอยู่สักพัก เจ้าเยี่ยเหมิงก็ขบกรามแน่นแล้วบิดยันต์เคลื่อนย้ายของตนเองโดยไม่ลังเล
แสงเจิดจ้าวาบขึ้นพร้อมร่างของเจ้าเยี่ยเหมิงที่จากเรือบินรบไปในที่สุด นางกลับมายืนอยู่นอกเรือบินรบ เหนือทะเลเพลิงตรงบริเวณด้ามกระบี่
นางหายใจสะดุดไปชั่วครู่ สีหน้าดูมึนงง แต่ไม่นานนักก็ระเบิดความเร็วออกมา มุ่งหน้าไปยังสำนักวังเต๋าไพศาลในทันที และพยายามติดต่อผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐไปด้วย!
เจ้าเยี่ยเหมิงไม่ใช่คนเดียวที่หนีออกมาได้สำเร็จ หลายคนก็หนีออกจากเรือบินรบได้เช่นกัน รวมถึงตัวเฟิ่งชิวหรันด้วย แต่นางไม่ได้โชคดีเท่าเจ้าเยี่ยเหมิง เฟิ่งชิวหรันมาโผล่ที่บริเวณตัวกระบี่ นางได้รับบาดเจ็บสาหัสระหว่างการต่อสู้ในเรือบินรบ และกระอักเลือดชุดใหญ่หลังจากที่ออกมาได้ เฟิ่งชิวหรันสลบไปทันที ร่างร่วงลงไปในทะเลเพลิงเบื้องล่าง
แม้เฟิ่งชิวหรันจะได้รับบาดเจ็บอาการปางตาย แต่สัญชาตญาณก็ส่งให้นางเรียกเกราะป้องกันแสงออกมาปกป้องร่างกายของตนเองไว้ไม่ให้ถูกเผาไหม้กลายเป็นจุณ
ผู้รอดชีวิตหนีตายเมื่อโอกาสมาเยือน ส่วนหวังเป่าเล่อก็สลับที่กับร่างอวตารของตนได้ทันท่วงที เมื่อกลับออกมาที่ชั้นสอง ชายหนุ่มก็กระอักเลือดยกใหญ่ ร่างกายบอบช้ำสาหัส แต่ยังดีที่ร่างกายของชายหนุ่มแข็งแรงยอดเยี่ยมเหนือใคร ทั้งยังมีดอกบัวสีเขียวที่ช่วยเพิ่มอัตราการเยียวยาตนเองได้มากกว่าคนทั่วไป แม้ตอนนี้หวังเป่าเล่อจะอ่อนแอ แต่ก็ไม่ได้หมดสติไปแต่อย่างใด ชายหนุ่มรีบหยิบยันต์เคลื่อนย้ายของตนเองออกมาเพื่อหลบหนีในทันที หลังจากสัมผัสได้ว่าคลื่นแทรกอ่อนกำลังลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าตนเองจะทำสำเร็จหรือไม่ แต่นี่เป็นความหวังเดียวที่เหลืออยู่ เขาไม่มั่นใจว่าการโจมตีสุดท้ายกำจัดโยวหรันสำเร็จหรือเปล่า
โอกาสใหญ่ขนาดนั้นข้ายังทำได้แค่ทำให้หมอนั่นบาดเจ็บสาหัส แถมยังมีผู้ฝึกตนจากตระกูลไม้รู้สิ้นคนอื่น และสมาชิกสำนักวังเต๋าไพศาลที่ถูกล้างสมองอยู่บนเรือบินรบนี้อีก… หวังเป่าเล่อสีหน้ามืดมน เขาบิดยันต์เคลื่อนย้าย ร่างกายห้อมล้อมไปด้วยแสงสว่างเจิดจ้าในทันที ชายหนุ่มตื่นเต้นเป็นอันมากก่อนหายไปพร้อมระเบิดแสงสว่างไสว
เขามาปรากฏตัวอีกครั้งนอกเรือบินรบเต๋าไพศาล…ตรงบริเวณตัวกระบี่!
คนอื่นอาจมองว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่มีอันตรายซุกซ่อนอยู่ทุกหนแห่ง แต่บริเวณตัวกระบี่นี้เปรียบเสมือนสวรรค์สำหรับหวังเป่าเล่อซึ่งดำรงตำแหน่งศิษย์อุปถัมภ์ เขารีบกลืนเลือดที่กบปากลงไปทันทีแล้วหยิบโอสถกินตามเข้าไป หลังจากที่รู้ว่าตนเองมาอยู่ที่ใด ชายหนุ่มก็รีบหนีออกจากบริเวณนี้ทันที เขาตั้งใจจะกลับไปที่สำนักวังเต๋าไพศาลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และตั้งใจจะใช้วงแหวนเคลื่อนย้ายหนีออกจากกระบี่สำริดเขียวโบราณเพื่อกลับไปยังสหพันธรัฐ มีเพียงทางนี้ทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เขาปลอดภัย อย่างน้อยก็ชั่วขณะหนึ่ง
แต่แผนการของเขาดูเหมือนจะไม่ราบรื่นนัก หวังเป่าเล่อเดาถูกว่าโยวหรันยังไม่ตาย นอกจากนี้ชายชราเองยังจงเกลียดจงชังชายหนุ่มเป็นอันมาก จนถึงขนาดที่ว่าไม่ยอมปล่อยให้เขารอดชีวิตไปได้แน่นอน โยวหรันคำรามโหยหวนอย่างโกรธเกรี้ยวออกมาจากสิ่งที่เคยเป็นถ้ำทะเลสาบสีทองที่ชั้นสาม ในตอนเดียวกับที่หวังเป่าเล่อเคลื่อนย้ายออกไปจากเรือบินรบ ร่างหนึ่งกระโจนออกมาท่ามกลางคลื่นพลังปราณที่ไหลทะลัก จนทำให้หินระเบิดกระจุยกระจาย
ชายผู้นั้นมีสภาพดูไม่ได้ แขนที่เคยมีหกข้าง บัดนี้เหลือเพียงสาม ศีรษะที่เคยมีสาม บัดนี้เหลือเพียงหนึ่ง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยแตกร้าวมากมาย จนเห็นเลือดเนื้อและกระดูกที่อยู่ภายใน
ร่างนี้คือ…โยวหรันที่หนีความตายมาได้ชนิดเส้นยาแดงผ่าแปดนั่นเอง!
โยวหรันหายใจหอบหนัก หน้าอกกระเพื่อมถี่ขณะมองทุกสิ่งทุกอย่างถล่มทลายลงต่อหน้าต่อตา เขาเงยหน้าขึ้นมองรอยแยกที่เปิดออกเป็นทางที่ซึ่งภายในเต็มไปด้วยเลือดเนื้อ ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำเมื่อเห็นสภาพตรงหน้า ความเสียหายนี้ซ่อมแซมได้ แต่ต้องใช้เวลาพอสมควรเลยทีเดียว ต่อให้เขาซ่อมทุกอย่างให้กลับมาเหมือนเดิมได้อีกครั้ง เรือบินรบลำนี้ก็จะไม่กลับไปสภาพดีดังเดิมอย่างที่เคยเป็น โยวหรันร้องโหยหวนด้วยความโกรธ!
“ไอ้หวังเป่าเล่อ!” ความเกลียดชังหวังเป่าเล่อเข้ากระดูกดำฝังรากลึกในจิตใจของโยวหรันจนไม่มีอะไรมาวัดได้อีกต่อไป เขามาปรากฏตัวตรงจุดที่หวังเป่าเล่อเคลื่อนย้ายหนีไปด้วยดวงตาแดงก่ำ สร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆโดยไม่ลังเลด้วยมือขวา และดูดเอาพลังชีวิตของตนเองออกมาเพื่อย้อนเวลากลับไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น!
ร่างมายาปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา โยวหรันเห็นหวังเป่าเล่อทำลายยันต์เคลื่อนย้ายของตนและเคลื่อนย้ายจากไป ชายชรากระชากแขนของตนออกมาและทำลายโดยไม่ลังเล พลังชีวิตจากแขนที่ถูกทำลายกลายสภาพเป็นหมอก ที่เข้าล้อมร่างมายาของหวังเป่าเล่อเอาไว้!
แน่นอนว่าหมอกนั้นไม่สามารถจับหวังเป่าเล่อตัวจริงเอาไว้ได้ เพราะชายหนุ่มจากไปไกลแล้ว สิ่งที่หลงเหลืออยู่เป็นเพียงร่องรอยของหวังเป่าเล่อ แต่เท่านี้ก็เพียงพอให้โยวหรันแกะรอยอีกฝ่ายได้แล้ว ชายชราตั้งใจจับการกระเพื่อมของกระแสปราณที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนย้าย หากตามรอยนั้นไป เขาก็จะสามารถเคลื่อนย้ายตนเองไปที่ที่หวังเป่าเล่อไปได้โดยการใช้กระบวนเวทของตนเอง!
ดวงตาของโยวหรันฉายแสงดุดัน ทันทีที่พลังชีวิตของเขาคว้าร่างมายาของหวังเป่าเล่อไว้ได้!
“เจอตัวแล้ว!”
โยวหรันก้าวออกไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและอันตรธานหายไป!
…………………………………….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น