หมอดูยอดอัจฉริยะ 656-659

 ตอนที่ 656 ฟ้าถล่มดินทลาย (4)

Ink Stone_Fantasy

อาคารยังคงสั่นไม่หยุด เหมือนพร้อมที่จะพังทลายลงทุกเมื่อ กำแพงที่ก่อขึ้นจากซีเมนต์กำลังตกลงไปข้างล่างและห้องที่คับแคบนี้ทำให้รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก


“เยี่ยเทียน ปล่อยแม่ลง ลูกเดินไปเองเถอะ!”


ซ่งเวยหลันมองผมที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เธอทนดูไม่ไหวและเริ่มต่อต้าน เป็นเพราะเธอแท้ ๆ เลยทำให้สองแม่ลูกตกอยู่ในอันตรายนี้


ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเอกสารฉบับนั้น ตัวเองก็คงไม่ต้องกลับมาที่ตึกนี้ เยี่ยเทียนก็คงไม่ต้องมาหาเธอถึงที่นี่ ตอนนี้ ซ่งเวยหลันรู้สึกผิดมากที่สุด


“แม่ อย่าดิ้น พวกเราต้องไม่ตาย!”


เยี่ยเทียนใช้แรงที่เหลืออยู่อันน้อยนิดค่อยๆ อุ้มแม่ไว้ให้แน่นอีกครั้ง เวลานี้สภาวะของเขาก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก แค่เปิดปากพูด เขาก็ต้องสูดลมปราณที่ขุ่นมัวเข้าไป ซึ่งมันทำให้เขาเกือบสำลักจนไอ


เมื่อเห็นว่าเยี่ยเทียนกลั้นหายใจจนหน้าแดงก่ำ ใจของซ่งเวยหลันเจ็บปวดเหมือนมีดบาด และตอนที่เธอเห็นผู้คนกำลังหนีเอาชีตรอด เธอรีบพูดกับลูกว่า “ลูก ปล่อยแม่ลง แม่เดินเอง!”


ตอนนี้เยี่ยเทียนลงมาถึงชั้นที่ 28 แล้ว ผู้คนในตึกก็ทยอยทราบข่าวการก่อการร้ายครั้งนี้แล้ว เนื่องจากไฟฟ้าของทั้งตึกถูกทำลายจนขัดข้องทั้งหมด ทำให้ทางหนีไฟเป็นหนทางเอาชีวิตรอดเพียงทางเดียว


เครื่องบินพุ่งชนเข้าที่บริเวณชั้น 90 กว่า บันไดหนีไฟชั้นที่ต่ำลงมา เกือบทุกชั้นเริ่มเต็มไปด้วยฝูงชนจำนวนมาก เมื่อเยี่ยเทียนลงมาถึงชั้นที่ 28 ทางเดินก็แน่นไปหมดแล้ว


ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว เพราะตอนนี้ตึกนี้กำลังสั่น พวกเขาไม่รู้ว่าจะหนีรอดออกไปได้หรือไม่ ตอนนี้ทางหนีไฟเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้กับความหวาดกลัว


“แม่ ระวังนะครับ”


เมื่อมองเห็นฝูงชนที่หนาแน่น เยี่ยเทียนถึงกับส่ายหัว และวางแม่ลง ยังดีที่ตอนนี้มาถึงชั้นที่ 20 กว่า ซึ่งห่างจากประตูทางออกไม่ไกลแล้ว


“แม่ แม่ แม่อยู่ไหน?”


เด็กผู้หญิงหน้าตาเหมือนตุ๊กตา อายุราวๆ 5-6 ขวบ กำลังหดตัวร้องไห้อยู่ตรงมุมทางเดิน กระโปรงสีขาวของเธอเต็มไปด้วยฝุ่น เธอมองดูฝูงชนที่เบียดตัวเองผ่านไปอย่างทำอะไรไม่ถูก


“หนูน้อย ฉันจะพาเธอไปหาแม่นะ!” มือใหญ่ข้างนึงโอบเอวของเด็กหญิงไว้ และอุ้มเธอขึ้นมา


“พี่ชาย คุณแม่อยู่ข้างบน ไอลีนหาคุณแม่ไม่เจอ” เด็กผู้หญิงขยี้ตา และชี้นิ้วไปข้างบน


“ไอลีน คุณแม่หนูลงไปแล้ว เดี๋ยวพี่จะพาลงไป หนูได้เจอคุณแม่แน่นอน!”


เยี่ยเทียนรู้สึกหดหู่ใจตอนที่เห็นสภาพของเด็กผู้หญิงคนนี้ ดูจากใบหน้าของเด็กผู้หญิงแล้ว เยี่ยเทียนมองออกเลยว่าแม่ของเธอได้จากโลกนี้ไปแล้ว


“ได้ค่ะ งั้นหนูจะเดินตามพี่ชายค่ะ!”


คำพูดของเยี่ยเทียนทำให้เด็กผู้หญิงคนนั้นนิ่งลง และเธอก็ใช้สองมือน้อย ๆ โอบที่คอของเยี่ยเทียน ดวงตาคู่นั้นกวาดมองฝูงชนที่อยู่รอบๆ อย่างประหลาดใจ เพราะเธอยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น


“หืม? กลิ่นอะไร?” หลังจากเดินลงไป 3 ชั้น จู่ ๆ เยี่ยเทียนก็ได้กลิ่นเหม็นฉุนค่อนข้างแรง พอเงยหน้าขึ้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที


“ไฟจะลามลงมาแล้ว!”


แม้ว่าบริเวณที่ถูกชนจะห่างออกไป 60 กว่าชั้น ทางหนีไฟสามทางเป็นทางที่ทะลุขึ้นชั้นบน  แต่น้ำมันของเครื่องบินกลับไหลลงเฉียง ๆ


น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นตัน ๆ ทำให้ไฟเริ่มลุกตามทางหนีไฟที่เยี่ยเทียนอยู่ตอนนี้ แม้ยังลุกไม่ถึง แต่อุณหภูมิของทางหนีไฟเริ่มร้อนขึ้นอย่างปิดปกติ


บวกกับการปิดของช่องลม ทำให้ทุกคนที่อยู่ในนั้นรวมถึงเยี่ยเทียน ต่างก็รู้สึกหายใจลำบาก พอเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้ความหวาดกลัวเพิ่มมากขึ้น ส่วนทางหนีไฟก็ยิ่งแน่นมากขึ้น


“เป็นแบบนี้คงไม่ได้แล้ว!”


เยี่ยเทียนรู้ดีว่า ถ้าเดินตามพวกเขา ยังไม่ทันถึงชั้นล่าง ไฟคงลามมาถึงตรงนี้แล้ว ถึงเวลานั้นก็คงจะโดนไฟครอกตายอยู่ในนี้แน่นอน


“แม่ครับ ออกไปกันครับ!”


ตอนที่ลงมาถึงชั้นที่ 23 เยี่ยเทียนดันคนที่พยายามเข้ามาข้างในทางหนีไฟ เขาอุ้มเด็กผู้หญิงและดึงแม่เบียดฝูงชนจนเข้าไปถึงภายในตึก


“บัดซบเอ๊ย ถ้าจะต้องตายก็ห้ามตายแบบหายใจไม่ออก!”


เพราะการสั่นของตึก ทำให้กระจกของตึกทิศเหนือแตกร้าวไปหมดแล้ว หลังจากที่เข้ามาภายในตึก เยี่ยเทียนรู้สึกหายใจโล่งสักที


“พี่ชาย เกิดสงครามโลกเหรอคะ? ทำไมทุกคนวิ่งกันหมดเลย?”เด็กผู้หญิงที่โอบคอของเยี่ยเทียนเอาไว้ ถามออกไปด้วยความกลัว


“ไม่เป็นไรนะ แม่ของหนูรอหนูอยู่ข้างล่าง เดี๋ยวพี่ชายพาหนูลงไปเอง!”


เยี่ยเทียนใช้มือลูบหัวเด็กผู้หญิง และหันไปพูดกับแม่ว่า “แม่ เราไปหาทางหนีไฟอีกอันนึงกัน พวกเรารีบลงไปกันเถอะ!”


แม้ความรู้สึกการรับรู้อันตรายจะอ่อนกว่าเมื่อกี้เยอะ แต่การที่ตัวเขายังอยู่ตรงนี้ ยังไงก็ไม่สบายใจอยู่ดี เขาต้องออกไปจากตึกนี้ก่อน ถึงจะมั่นใจว่าหลบความเสี่ยงนี้ได้แล้วจริง ๆ


“โอเค แม่ทำให้ลูกต้องลำบาก กรี๊ด ๆ!”


ซ่งเวยหลันตอบรับ และหันไปทางเยี่ยเทียนอย่างรู้สึกผิด เธอหันไปปุ๊ป ก็ส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมาทันที


“อะไร?” เยี่ยเทียนรีบหันตามสายตาของซ่งเวยหลันที่กำลังมองอยู่ เขาเห็นเงาคนกระโดดลงจากหน้าต่าง


“โห สูงขนาดนี้ กล้าโดดได้ไง ไม่กลัวตายเหรอ’


เยี่ยเทียนวิ่งเข้าไปดูตรงหน้าต่างที่ไม่มีกระจกแล้ว เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าคน ๆ นั้นตกลงไปที่พื้นอย่างแรง ตอนตกถึงพื้น ตัวของคน ๆ นั้นไม่กระตุกเลยสักนิดตายทันที


“ยังมีอีก……”เยี่ยเทียนยังไม่ทันหันตัวกลับ มีคนสองคนกระโดดลงไปอีก สภาพเดียวกันเป๊ะ เพราะตกจากที่สูงเป็นร้อยเมตรแบบนี้ ไม่มีทางมีชีวิตรอดหรอก


เงยหน้าขึ้นดูเขม่าควันชั้นบนสุดของตึก เยี่ยเทียนรู้เลยว่า คนพวกนี้น่าจะกระโดดมาจากบนนั้น ทางหนีถูกปิดตายไปแล้ว พวกเขาไม่อยากโดนย่างสด จึงเลือกวิธีการตายที่โหดร้ายแทน


“ลูก อย่า….ดูเลย พวกเรารีบไปกันเถอะ!”


ซ่งเวยหลันเห็นลูกชายยืนอยู่ตรงหน้าต่าง เธอรีบปิดตาลง แม้ตอนนี้จะอยู่ชั้นที่ 23 แล้ว แต่ระยะห่างจากชั้นนี้ถึงข้างล่าง ก็เกือบ 70-80 เมตร คนที่ตกลงไปก็คงตายสถานเดียวเท่านั้น


ตอนนี้พนักงานในชั้นที่ 23 หนีไปหมดแล้ว ทั้งชั้นเหลือแค่ซ่งเวยหลันแม่ลูก กับเด็กผู้หญิงคนนั้น พวกเขาได้ยินเสียงรถดับเพลิงดังขึ้น


9:02น. เยี่ยเทียนดูนาฬิกาข้อมือ ตอบแม่ไปว่า “ครับ ไปกัน!”


แต่เยี่ยเทียนเพิ่งหันตัวได้ครึ่งเดียว เขาไม่กล้าขยับอีกเลย เพราะสิ่งที่เขาเห็น คือเครื่องบินอีกลำนึงชนเข้าตึกทิศใต้อย่างจัง


แสงไฟกับเสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกัน เศษซากของเครื่องบินกับเศษซากของตึกกระจายทั่วทิศ มันหล่นไปโดนสถานที่ต่าง ๆ รอบ ๆ ตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ฝูงชนที่อยู่ด้านล่างทั้งร้องไห้ทั้งวิ่งหนี ภาพที่กำลังเกิดขึ้นเหมือนวันสุดท้ายของโลก


“บ้าเอ้ย วันหลังไม่ต้องดูหนังฝรั่งแล้ว นี่มันตื่นเต้นกว่าในหนังพวกนั้นอีก!”


สถานการณ์แบบนี้แม้แต่เยี่ยเทียนเองก็อึ้งจนอ้าปากค้าง พอรู้สึกตัวเขาก็รีบอุ้มเด็กผู้หญิงวิ่งไปหาซ่งเวยหลันทันที ตึกสองตึกถูกชนติดต่อกันแบบนี้ ถ้าชนอีกรอบ ก็คงพังทลายแน่ๆ


อาจเป็นเพราะตึกทิศใต้โดนชน ตึกทิศเหนือที่สั่นอยู่แล้ว ตอนนี้จึงสั่นยิ่งกว่าเดิมอีก กำแพงที่แตกกำลังตกลงไปที่พื้น ช่องว่างของกำแพงก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ


“เสี่ยวเทียน ทางนี้!”


ทั้งตึกมีทางหนีไฟ 3 จุด ตอนนี้ซ่งเวยหลันยืนอยู่หน้าประตูทางหนีไฟอันหนึ่ง เธอโบกมือเรียกเยี่ยเทียน


“หืม? แม่ กลับมา!”


เยี่ยเทียนกะจะเดินไปหา แต่จู่ๆ ในสมองของเขาก็รู้สึกอันตรายกำลังจะเกิดขึ้น จากนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้นอย่างสนั่น ตึกสั่นกว่าเดิมรุนแรงมาก


ส่วนตรงหัวของซ่งเวยหลัน มีกระดานเป็นแผ่นใหญ่ตกลงมา  เยี่ยเทียนที่เห็นภาพนั้นถึงกับตะลึง เขาไม่รอช้า พุ่งเข้าไปพร้อมกับอุ้มเด็กผู้หญิงไว้ในอก กระดานแผ่นที่ตกใส่แม่ของเขาถูกบังเอาไว้ด้วยแผ่นหลังของเยี่ยเทียน


“ผัวะ!”


เพราะเยี่ยเทียนวิ่งขึ้นบันไดในอึดใจเดียวเกือบ 70-80 ชั้น แล้วยังอุ้มแม่ไว้ค่อนข้างนาน อาการบาดเจ็บเดิม ๆ ของเยี่ยเทียนก็ยังไม่หายดี ทำให้ตอนที่แผ่นกระดานหนักเป็นหลายร้อยกิโลกรมตกใส่หลังของเขานั้น เขาจึงกระอักเลือดออกคำหนึ่ง


เยี่ยเทียนกลั้นพลังลมปราณชีวิตดั้งเดิมเอาไว้ด้วยความโกรธ ก่อนที่อาคารกำแพงตรงนั้นจะถล่มลงทั้งหมด เขารีบดึงแม่ไว้และวิ่งไปตรงกลางทันที


“เสี่ยวเทียน แม่ขอโทษ!” มองเห็นเลือดบนเสื้อกับบนตัวของเด็กผู้หญิง ซ่งเวยหลันไม่สามารถอดกลั้นเอาไว้ได้อีกต่อไป เธอรู้สึกผิดจึงได้แต่ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด


“แม่ ไม่ต้องร้อง เดี๋ยวน้องจะตกใจ แม่ แม่บาดเจ็บนี่?”


เยี่ยเทียนพยุงแม่เอาไว้ และเหลือบไปเห็นขาด้านขวาของแม่ ที่อาจจะโดนหินตกใส่ เลือดทีขากำลังไหล


ตอนนี้ซ่งเวยหลันไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเลย เธอดึงมือของเยี่ยเทียนเอาไว้ และพูดว่า “เสี่ยวเทียน อย่าสนใจแม่เลย รีบพาเด็กผู้หญิงคนนี้หนีไป หนีออกไปให้ได้นะลูก!”


“แม่ จะไม่มีใครตายทั้งนั้น เราต้องไปด้วยกัน!”


เยี่ยเทียนหันตัวกลับมาและแบกแม่ขึ้นหลัง แต่ตอนที่เขามองไปทางเดินหนีไฟ เข่าแทบทรุด


เพราะการระเบิดเมื่อครู่นี้ ทำให้ทางหนีไฟถูกอุดไว้ทั้งหมดแล้ว หินกว่าพันกิโลกั้นทางหนีไฟไว้อย่างหนาแน่น


“ลูก พวกเราจะตายที่นี่จริงๆ เหรอ?”


เสียงระเบิดดังขึ้นไม่หยุด แต่ซ่งเวยหลันกลับนิ่งลงแล้ว ทั้งชีวิตนี้เธอมีหลายอย่างที่ยังไม่ได้ชยเชยให้สองพ่อลูก ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายแล้วเธอก็ยังทำให้ลูกต้องลำบาก


“คุณน้าคะ อะไรคือตายคะ?”เด็กผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมอกของเยี่ยเทียนยื่นหัวออกมา และมองไปที่ซ่งเวยหลัน


“ตาย ก็คือขึ้นสวรรค์จ้ะ อยู่ที่นั่นเราจะได้เห็นพระเจ้า!” เธอรู้สึกเริ่มจะหมดหวังแล้ว เพราะเธอเริ่มคุยกับเด็กผู้หญิง


เยี่ยเทียนเปล่งเสียงไม่เห็นด้วยออกมา “แม่ ผมไม่เชื่อพระเจ้า พวกเราไม่ได้เห็นเขาหรอก!”


ความลำบากที่เจอมากับตัวตั้งแต่เด็ก หลังจากโตขึ้นเขาพบกับความตายมาแล้วนับไม่ถ้วน เยี่ยเทียนจึงเป็นคนดื้อรั้นมาก อย่าว่าแต่ตอนนี้เลย ภูเขายังไม่ถล่ม น้ำก็ยังไม่หมด ถึงแม้ฟ้าจะถล่มลงมาจริงๆ เขาก็จะขุดหลุมออกไปให้ได้


ตอนที่ 657 หนีเอาชีวิตรอด (1)

Ink Stone_Fantasy

ทางหนีไฟถูกปิดทั้งหมด ชั้นที่ 80 ขึ้นไปมีเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก้อนหินตกลงไปข้างล่างราวฝนตก รถดับเพลิงไม่สามารถเข้าใกล้ตึกได้เลย


“ถ้าไปไม่ได้ เราไปทางหนีไฟอีกทางกัน!”


เยี่ยเทียนแบกแม่ไว้ที่หลังอีกครั้ง ยังดีที่เครื่องบินชนบริเวณข้างบน ถ้าไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีชีวิตรอดแล้วจริง ๆ


ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังจะก้าวขาไปทางเดินหนีไฟ  มีเสียง “บึ้ม” ดังขึ้นสนั่น คลื่นอากาศพุ่งออกมาจากประตูหนีไฟที่เยี่ยเทียนออกมาก่อนหน้านี้พร้อมกับเปลวไฟ มีเสียงโหยหวนที่น่าสยดสยองดังมาจากประตู ไม่นาน เสียงเหล่านั้นก็หายไป


แม้ว่าเยี่ยเทียนจะรู้สึกตัวเร็วมาก ขณะที่เขาถอยหลังกลับพร้อม ๆ กับอากาศและเปลวไฟที่พุ่งออกมา แต่เส้นผมที่ร่วงหล่นลงมาที่หน้าผากของเขาก็ถูกไฟเผาจนไหม้อยู่ดี


ปลายจมูกได้กลิ่นไหม้ ทำให้สีหน้าของเยี่ยเทียนเปลี่ยนไปทันที ทางหนีไฟจุดที่หนึ่งมีน้ำมันเชื้อเพลิงไหลลงมา อีกสองทางก็ถูกปิดตายอีก นี่มันขึ้นสวรรค์ก็ไม่ได้ ลงพื้นดินก็ไร้ประตูเลย


“พี่ชาย แม่ยังอยู่บนตึก” เด็กผู้หญิงที่ถูกอุ้มไว้เหมือนเพิ่งคิดอะไรออก ปากน้อย ๆ ของเธอเหมือนจะร้องไห้


“เด็กดีของน้า นอนก่อน ตื่นขึ้นมา ก็เจอคุณแม่แล้ว!” ตอนนี้เยี่ยเทียนไม่มีอารมณ์โอ๋เด็กแล้วจริง ๆ มือขวาแตะหัวเธอเบาๆ จากนั้นไอลีนก็หลับไปเลย


“เยี่ยเทียน ลูกพาเด็กคนนี้หนีไปเถอะ ทั้งชีวิตของแม่ไม่มีอะไรไม่เคยเห็น มีชีวิตมาถึงทุกวันนี้ ก็คุ้มค่าแล้ว!”


ซ่งเวยหลันเห็นทางหนีไฟที่มีไฟลุกอยู่ เธอรู้สึกสิ้นหวังแล้วเหมือนกัน แม้ว่าเธอจะมีเงินทอง มีธุรกิจเป็นร้อยล้านแสนล้าน แต่ตอนนี้ความร่ำรวยกลับช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย


“แม่ ถ้าผมทิ้งแม่ไว้ พ่อจะไม่ฆ่าผมเหรอ?”


เยี่ยเทียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อให้เขาสงบนิ่งลง และพูดต่อว่า “เชื่อลูกนะ ตอนนี้ยังไม่ถึงกับไม่มีทางรอด มันต้องมีวิธี!”


ที่จริง ซ่งเวยหลันพูดถูก ถ้าเยี่ยเทียนอยู่คนเดียว 20 กว่าชั้นนี้ไม่ได้ยากสำหรับเขาเลย แต่ตอนนี้เขามาเพื่อช่วยแม่ ยังไง ๆ เขาก็จะไม่ทิ้งแม่ไว้คนเดียวแน่นอน


……-


ปักกิ่ง เรือนสี่ประสาน


ตั้งแต่เยี่ยเทียนไปฮ่องกง คนตระกูลเยี่ยก็ย้ายเข้ามาอยู่เรือนสี่ประสานของเขา แม้ว่าพลังลมปราณในเรือนสี่ประสานจะอ่อนลงเยอะ แต่มันก็ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพของพี่น้องตระกูลเยี่ย


“ตงผิง  กินข้าวเสร็จแล้ว จะไปทำอะไรก็ไปทำ เดินวนเวียนอยู่ตรงนี้ทำไม?”


เยี่ยตงจู๋มองน้องชายตัวเองและพูดว่า “แล้วเจ้าน้อยเฟอร์เรตที่เสี่ยวเทียนเลี้ยงไว้ ทำไมกระวนกระวายเหมือนกับแกเลยล่ะ?”


หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ เจ้าเฟอร์เรตกระโดดขึ้น ๆ ลง ๆ สร้างความวุ่นวายไปทั่ว มันร้อง “จี จี” ไม่หยุด เสียงที่ร้องออกมามันโศกเศร้าจนทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจ


ยังมีเยี่ยตงผิงอีก ที่โทรศัพท์หาเยี่ยเทียนกับซ่งเวยหลันไม่หยุด แต่โทรยังไงก็โทรไม่ติด กังวลจนข้าวเช้าก็ไม่กิน เดินวนอยู่ในสวนทั้งวัน


“พี่ เกิดเรื่องแล้วแน่ ๆ เสี่ยวเทียนกับเวยหลันเกิดเรื่องแล้วแน่ ๆ ฉันไม่สบายใจเลย!”


เยี่ยตงผิงกุมโทรศัพ์มือถือที่แบตใกล้หมดเอาไว้ จากนั้นก็โทรออกไปอีกครั้ง แต่เสียงที่ตอบกลับมาก็ยังคงเป็นสายไม่ว่าง มันทำให้เขาโกรธจนอยากปาโทรศัพท์มือถือทิ้ง


“ปากแกนี่นะ เวยหลันจะเกิดเรื่องอะไรได้?”


เยี่ยตงจู๋แตะหัวน้องชายอย่างไม่พอใจ พูดต่อว่า “เยี่ยเทียนฉลาดจะตาย มีเรื่องอะไรที่หลานมันรับมือไม่ได้บ้าง ? อยู่กับเวยหลันแล้ว แกสบายใจเถอะ !”


“พี่ ผมว่ามันผิดปกติ ผมรู้สึกไม่ดีมาก ๆ ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ ๆ !”


เยี่ยตงผิงคิดไปครู่เดียว หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา โทรไปที่เบอร์ของจั่วเจียจวิ้นอีก เขาต้องรู้ให้ได้ว่าลูกชายไปไหน ถึงเยี่ยเทียนไม่ได้บอกเขาไว้ แต่ต้องบอกศิษย์พี่ของเขาไว้อย่างแน่นอน


“ตงผิง รู้เรื่องหมดแล้วเหรอ? ใจเย็นก่อน ศิษย์น้องเล็กเป็นคนมีบุญ ไม่มีอะไรหรอก!”


เสียงของจั่วเจียจวิ้นดังขึ้นทันทีที่โทรติด แต่สิ่งที่เขาพูดออกมา กลับทำให้เยี่ยตงผิงใจร้อนจนแทบจะเป็นบ้า “อาจารย์จั่ว เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? เสี่ยวเทียนเป็นอะไร ?”


“หา ? ยังไม่รู้เรื่องเหรอ ?”


จั่วเจียจวิ้นอึ้ง ตอนนี้ข่าวตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ถูกโจมตีโดยผู้ก่อการร้ายกระจายไปทั่ว เขากับโก่วซินเจียก็กำลังติดต่อเยี่ยเทียนอยู่เหมือนกัน ก็เหมือนกับเยี่ยตงผิงที่โทรยังไงก็โทรไม่ติด


“รู้อะไรล่ะ ? อาจารย์จั่ว ช่วยพูดให้ชัดเจนหน่อย!” เยี่ยตงผิงแทบจะร้องไห้ เพราะน้ำเสียงของจั่วเจียจวิ้น ฟังดูแล้ว เหมือนลูกชายตกอยู่ในอันตราย


“เอ่อ……เปิดทีวีดูสิ แล้วจะรู้เอง”


จั่วเจียจวิ้นสะอึกไปแป๊ปนึง และพูดว่า “ใจเย็น ๆ ก่อน ศิษย์น้องเล็กเป็นคนที่เรียนเกี่ยวกับฟ้าและคน เขารู้วิธีการหลีกเลี่ยงภัยอันตรายและกำจัดมันทิ้งยังไง!”


“เปิดทีวีงั้นเหรอ? อาจารย์จั่ว ตอนนี้จะมีกะจิตกะใจเปิดทีวีที่ไหนกันล่ะ?”


เยี่ยตงผิงที่ฟังคำพูดของจั่วเจียจวิ้น ก็รู้สึกจะหัวเราะก็ไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ออก ทีวีในบ้าน นอกเสียจากว่าพี่ ๆ ในบ้านเปิดเพื่อดูการแสดง มันแทบจะเป็นแค่ของที่วางโชว์ตรงนั้น ปี ๆ หนึ่งก็เปิดแค่ช่วงตรุษจีนเท่านั้น


“เปิดดูสิ เดี๋ยวก็รู้เอง ฉันจะพยายามติดต่อเยี่ยเทียนก่อน เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน!”


แม้จะรู้ว่าอายุขัยของศิษย์น้องเล็กไม่ได้เป็นคนอายุสั้น แต่ศิษย์พี่ใหญ่พยากรณ์แล้วว่าเขาจะพบกับภัย และสองพี่น้องนี้ก็กำลังยุ่ง พอคุยกับเยี่ยตงผิงเสร็จ ก็รีบวางสาย


“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”


เสียงวางสายดังขึ้น “ตู๊ด ตู๊ด” เยี่ยตงผิงนิ่ง และตอนที่คิดว่าจะไปเปิดทีวี ก็มีเสียงของพี่สาวดังขึ้น “คุณซ่ง คุณมีธุระอะไรที่นี่เหรอ?”


แม้ว่าความบาดหมางระหว่างตระกูลซ่งกับพวกเขาจะจบแล้ว แต่สองตระกูลไม่ได้ไปมาหาสู่กันมาสักพักแล้วเช่นกัน การปรากฏตัวของซ่งเฮ่าเทียนเป็นสิ่งที่คนในตระกูลเยี่ยรู้สึกแปลกใจ


ซ่งเฮ่าเทียนสีหน้าไม่ดีนัก และตอบว่า “ฉันมาหาตงผิง!”


ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ หลังจากที่ได้รับข่าวว่าอเมริกาถูกกลุ่มก่อร้ายโจมตี สิ่งที่ซ่งเฮ่าเทียนทำเป็นอันดับแรกคือติดต่อลูกสาว แต่ทำทุกวิถีทางก็ไม่สามารถติดต่อได้ หลังจากนั่งนิ่งไปกว่าครึ่งชั่วโมง ซ่งเฮ่าเทียนอดทนไม่ไหวจึงตัดสินใจมาหาเยี่ยตงผิง


ซ่งเฮ่าเทียนไม่พูดอ้อมค้อม มาถึงก็ถามตรง ๆ “ตงผิง แกติดต่อเวยหลันได้มั้ย?”


“ติดต่อไม่ได้ เกิดอะไรขึ้น?”


หลังจากได้ยินสิ่งที่ซ่งเฮ่าเทียนถาม เยี่ยตงผิงเหมือนสมองระเบิดไปแล้ว นอกจากที่ลูกชายอยู่บ้านครั้งนั้น ซ่งเฮ่าเทียนเคยมาที่บ้านนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วตอนนี้เขามากะทันหันแบบนี้ มันต้องเกิดเรื่องใหญ่แล้วแน่ ๆ !


“นิวยอร์คถูกโจมตีโดยผู้ก่อการร้าย เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ถูกเครื่องบินชน”


“อะไรนะ ? กลุ่มก่อการร้ายโจมตี ? ” เยี่ยตงผิงตกใจ สีหน้าซีดขาวทันที


ซ่งเฮ่าเทียนเห็นสีหน้าของเยี่ยตงผิงที่ซีดไปแล้ว เขาถอนใจและพูดว่า “บริษัทของเวยหลันอยู่ที่เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ฉันติดต่อเขาไม่ได้ ก็เลยมาถามแก”


“เป็น…….เป็นไปไม่ได้!”


เยี่ยตงผิงวิ่งไปทางห้องพักด้านข้างอย่างไร้จิตวิญญาณ เขาวิ่งจนล้มลงไปที่พื้น พื้นอิฐทำให้เขาได้รับบาดเจ็บที่ข้อศอกจนเลือดไหล


เยี่ยตงผิงไม่สนใจเลือดที่กำลังไหล แต่พุ่งเข้าไปในห้อง และเปิดทีวีทันที ทันใดนั้นภาพที่ฉายอยู่ก็คือควันดำกับไฟที่กำลังลุก


ถ้าพูดถึงขอบเขตต่าง ๆ ของโลก การประกาศข่าวที่ทันสมัยที่สุด ก็ต้องเป็นสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว


8:46น.เครื่องบินลำแรกชนเข้าตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์  8:47น. CNN ได้เริ่มถ่ายทอดสดสถานการณ์ เพราะประสิทธิภาพการถ่ายถอดที่สูง ทำให้คนที่ดูถึงกับตกตะลึงอ้าปากค้างกับภาพที่เห็น


ด้วยความแตกต่างของเวลาจีนกับอเมริกา ตอนนี้การถ่ายทอดสดได้ดำเนินการไปแล้วกว่าครึ่งชั่วโมง ตอนที่เครื่องบินลำที่สองพุ่งชนตึก ก็ได้ถูกบันทึกภาพไว้และฉายออกไปทั่วโลก


“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง? อเมริกาไม่ได้ยิ่งใหญ่เหรอ? ทำไมถึงเป็นแบบนี้?!”


เยี่ยตงผิงเห็นภาพนั้นถึงกับกุมหัวและรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด รุ่นของเยี่ยตงผิง เดิมทีก็ไม่ได้รู้สึกดีต่ออเมริกันนิยมอยู่แล้ว ทำไมกัน ทำไมเรื่องนี้ถึงได้เกิดขึ้นตอนที่ลูกกับภรรยาของตนอยู่ที่นั่น มันยิ่งทำให้เขารู้สึกรับไม่ได้


“ตงผิง ใจเย็น ๆ นะ พวกเขาไม่เป็นอะไรหรอก!”


แม้ซ่งเฮ่าเทียนก็ยากที่จะยอมรับได้ว่าคนแก่อย่างเขาจะต้องมาส่งลูกสาวไปสวรรค์ก่อน แต่เขาผ่านอะไรมามากมาย ตอนนี้กลายเป็นว่าต้องมาปลอบใจเยี่ยตงผิงแทน


“เอ๋……คน……คนนั้นคือใคร? ทำ……ไมถึงเหมือนเสี่ยวเทียน?”


เยี่ยตงจู๋ที่เดินตามหลังสองคนนี้เข้ามา เธอเพิ่งเข้ามาถึงในห้อง ความสนใจของเธอก็ถูกภาพในทีวีดึงดูดไปเลย


ภาพที่เห็นคือมีคนกระโดดจากตึกลงไปข้างล่าง กล้องวีดีโอซูมเข้าไป รูปร่างหน้าตาของคน ๆ นั้น นั่นมันคือเสี่ยวเทียน ส่วนคนที่แบกไว้ข้างหลัง คือผู้หญิงผมยาวคนหนึ่ง จากรูปร่างคือซ่งเวยหลันไม่ผิดแน่นอน!


สิ่งที่เยี่ยตงจู๋กำลังพูดทำให้ซ่งเฮ่าเทียนกับเยี่ยตงผิงถึงกับรีบพุ่งเข้าไปใกล้ทีวี แต่เพราะคน ๆ นั้นตกลงไปอย่างรวดเร็ว วีดีโอจึงจับภาพนั้นไว้ไม่ทัน ทำให้เห็นหน้าไม่ชัด


……-


เยี่ยตงจู๋มองไม่ผิด คนที่อยู่ในทีวีคือเยี่ยเทียน


เวลาที่ผ่านไปเรื่อย ๆ ความแรงของไฟก็เริ่มลามมาถึงข้างล่าง แล้วมียังท่อส่งก๊าซตามตึกอีก สาเหตุต่าง ๆ นานา ทำให้หลายชั้นเริ่มมีไฟลุก สถานการณ์ของเยี่ยเทียนกับอีกหลาย ๆ คนก็เริ่มแย่ลง เรื่อย ๆ


ด้วยไฟกับควันที่ค่อนข้างรุนแรง จึงทำให้เฮลิคอปเตอร์ไม่สามารถเข้าไปจอดบนดาดฟ้าได้เลย ส่วนบนตึกสูงก็มีคนมากมายกระโดดลงไปข้างล่าง เพียงแค่ครู่เดียว มีคนกระโดดลงไปข้างล่างแล้วกว่า 40-50 คน


ถึงแม้ว่าข้างล่างจะมีเบาะลมหนา ๆ คอยรองรับไว้แล้วก็ตาม แต่ด้วยเศษต่าง ๆ ของตึกตกลงไปไม่หยุด จึงทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าใกล้ตัวตึกได้ ตำแหน่งที่เบาะลมรองวางอยู่จึงค่อนข้างห่างจากตึกพอสมควร คนที่กระโดดลงไป แทบจะ 80-90 เปอร์เซ็นต์ ต้องตกลงไปที่พื้นแทน


เพียงแค่ 10 นาทีในเวลาสั้น ๆ คนที่กระโดดตึกตายมีถึง 10 กว่าคนแล้ว และยังมีเจ้าหน้าที่อีกหนึ่งคนก็ถูกคนที่กระโดดลงมาทับจนเสียชีวิต


ภาพที่เห็นอยู่นี้ ทำให้เยี่ยเทียนที่มั่นใจในตอนแรกเริ่มลังเล ถ้ากระโดดลงไปแล้วเละ ความรู้สึกนี้ไม่น่าจะดีเท่าไหร่!


“แม่ ผมลืมนี่ไปได้ยังไง?”


กลุ่มควันที่หนาแน่นทำให้หัวฉีดน้ำในตึกเริ่มฉีดน้ำออกมา เยี่ยเทียนรู้สึกตัวมากขึ้นหลังจากโดนน้ำฉีดใส่ เขาตบเข้าที่ศรีษะ และพุ่งไปที่กำแพงอีกด้านนึง


ตอนที่ 658 หนีเอาชีวิตรอด (2)

Ink Stone_Fantasy

“เยี่ยเทียน ลูกจะไปไหน? ตรงนั้นอันตราย!”


ซ่งเวยหลันตกใจที่เห็นลูกชายวางเด็กผู้หญิงลง และพุ่งเข้าไปทางหนีไฟที่กำลังพลุ่งพล่านไปด้วยควันดำ


แม้ว่าซ่งเวยหลันจะทิ้งความคิดการมีชีวิตรอดไปแล้ว เธอก็ยังหวังว่าลูกชายจะรอดชีวิตออกไปได้ แต่ตอนนี้ลูกชายกลับเดินออกไปโดยไม่พูดไม่กล่าว ในใจของเธอนอกจากจะเป็นห่วงแล้ว ยังมีความรู้สึกที่พูดไม่ออกอีกด้วย


“แม่ คิดอะไรอยู่? เดี๋ยวพวกเราจะออกไปจากที่นี่ด้วยกัน!”


หลังจากได้ยินเสียงเรียกของแม่ เยี่ยเทียนนิ่ง เขาหันกลับไปยิ้มให้แม่และพูดว่า “แม่ดูไอลีนด้วยนะ ผมจะรีบกลับมา!”


เศษซากของเครื่องบินที่ล่วงลงมาเฉียง ๆ ทำให้ทางหนีไฟที่เยี่ยเทียนกำลังเดิน เริ่มมีไฟลุก แม้ว่ายังลามไม่ถึงภายในอาคาร แต่อุณหภูมิตรงทางหนีไฟนั้นสูงมาก และตอนนี้กลุ่มควันก็ฟุ้งเต็มจมูกและคอของเขา


เยี่ยเทียนฉีกผ้าที่แขนซ้ายออกมาหนึ่งชิ้น จุ่มกับน้ำที่สาดออกมาจากหัวฉีดบนหัว และนำผ้าชิ้นนั้นปิดไว้ที่จมูก จากนั้นเขาปิดตาลงและพุ่งเข้าไปในควันดำกลุ่มนั้น


แม้ว่าเขาจะหลับตาแน่น แต่ความสามารถในการรับรู้ของเยี่ยเทียนนั้นไม่ลดลงเลย เพราะสถานการณ์โดยรอบปรากฏต่อหน้าเขาแบบสามมิติ ประตูทางหนีไฟถูกไฟเผาจนดำ ประตูเหล็กก็แทบจะละลายแล้ว


“บ้าเอ้ย กะจะเผาทั้งเป็นเลยใช่มั้ย?”


เยี่ยเทียนทำยันต์กลางอากาศด้วยมือขวาและอยู่กับอุณหภูมิที่ร้อนที่สุด แรงดึงดูดออกมาจากมือของเขา จากนั้นก็ทำการดึงพลังพิฆาตที่หนาแน่นเกือบทั้งหมดมาไว้ที่ตัวเอง


“หืม? ไม่รู้ว่าตายไปเท่าไหร่แล้วเนี่ย?”


ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังทำยันต์ จู่ ๆ เขารู้สึกมีพลังอาฆาตแค้นมากมายออกมาจากข้างในทางหนีไฟตรงนั้น เขาอึ้งไปครู่นึง เขากับแม่หนีออกมาได้แล้ว แต่คนที่อยู่ตรงบันไดตรงนั้น ไม่มีโอกาสรอดแล้ว


เยี่ยเทียนไม่มีเวลาแล้ว เขายื่นมือออกไปนำพลังพิฆาตเหล่านี้รวบรวมเอาไว้รอบ ๆ ตัวเอง ทันใดนั้น อุณหภูมิที่ร้อนระอุก็เย็นลง เยี่ยเทียนเองก็รู้สึกถึงความเย็นนั้นเหมือนกัน


“ปรมาจารย์สูงสุดของลัทธิเต๋าโปรดคุ้มครอง อย่าเผาของชิ้นนั้นจนไหม้เลยนะ!”


เยี่ยเทียนก้าวเร็วขึ้น ฝ่าเปลวไฟที่กำลังลุกอยู่ทั้งข้างนอกและข้างในของทางหนีไฟ จนมาถึงทางซ้ายของประตู เขาพ่นลมหายใจออกไป กลุ่มควันหนาที่อยู่ตรงหน้าก็กระจายไปหมด จากนั้นเขาเพ่งไปที่กำแพง


“ฮ่า ๆ ฟ้าสู้ผมไม่ได้หรอก แค่ก…….แค่ก แค่ก ผมจะดีใจหน่อยก็ไม่ได้เหรอ !”


เมื่อเห็นประตูกระจกสีแดงบานนั้น เยี่ยเทียนก็ลืมสิ่งรอบข้างและหัวเราะออกมา แต่ควันที่ดูดเข้าไปทำให้เขาไอซ้ำแล้วซ้ำเล่า


สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเยี่ยเทียน ก็คือท่อดับเพลิงที่ถูกม้วนเอาไว้ ความหนานั้น น่าจะยาวประมาณ 100 เมตร ซึ่งน่าจะพอใช้สำหรับเขาแล้ว


กระจกที่เก็บท่อดับเพลิงแตกเป็นเสี่ยง ๆ เยี่ยเทียนดึงท่อดับเพลิงที่ถูกไฟอบจนร้อนมาแบกไว้ที่บ่า จากนั้นก็เดินออกจากบริเวณนั้นไป


“เสี่ยวเทียน ลูกจะทำอะไร?”


ซ่งเวยหลันรีบวิ่งไปหาลูกชาย เธออึ้งไปทีเดียวที่ลูกชายแบกท่อดับเพลิงเข้ามาด้วย “เสี่ยวเทียน มือของลูกเป็นอะไร?”


“แม่ ไม่ต้องสนใจนี่หรอก เดี๋ยวผมค่อยอธิบายให้ฟังนะ!”


เยี่ยเทียนยิ้มอย่างเหน็ดเหนื่อย ที่ผ่านมาเขาใส่เสื้อแขนยาวมาตลอดก็เพราะไม่อยากให้แม่เห็นและเป็นห่วง หาเงินมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? การที่เอาเงินให้แม่เป็นพันล้าน ล้วนมาจากความยากลำบากของเขาทั้งนั้น!


เยี่ยเทียนหยุดแม่ที่กำลังจะพูดต่อ เดินไปข้าง ๆ หน้าต่าง เขาใช้มือทดสอบเสารับแรงตรงนั้นเสร็จ นำท่อดับเพลิงมัดไว้ข้างบน


“เสี่ยวเทียน เราจะลงไปข้างล่างด้วยอันนี้เหรอ?”


เมื่อซ่งเวยหลันเห็นการกระทำของเยี่ยเทียน เธอเข้าใจและพูดว่า “ลูก ลูกพาไอลีนหนีไปเถอะ ชีวิตนี้แม่ได้เจอลูก ก็เพียงพอแล้ว!”


ซ่งเวยหลันรู้ความสามารถของลูกชาย แต่ตอนนี้ หนึ่ง ลูกชายบาดเจ็บ สอง ถ้าน้ำหนักเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วนอันตรายก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เธอไม่อยากเป็นตัวถ่วงของลูกชาย


“แม่ครับ พูดอะไรแบบนั้น? ท่อดับเพลิงนี้สามารถรับน้ำหนักของคนสามคนได้ครับ ลูกอยู่ตรงนี้แล้ว จะไม่มีใครตาย!”


เยี่ยเทียนได้ยินสิ่งที่แม่พูดก็แอบยิ้ม มีอุปกรณ์หนีเอาชีวิตรอดแล้ว เขารู้สึกโล่งขึ้นเยอะ ถ้าไม่มีแม่กับเด็กผู้หญิงคนนี้ เขาจะกระโดดลงไปแบบมือเปล่า ก็ยังทำได้


เยี่ยเทียนจับหัวท่อดับเพลิงด้านนึงขึ้นมา ใช้มือขวากรีดไปที่สายราวกับใช้มีดกรีด ตัดออกมาท่อนนึงซึ่งยาวประมาณ 2 เมตร จากนั้นโยนส่วนที่เหลือที่ยาวเกือบร้อยเมตรลงไปข้างล่างหน้าต่าง


“รีบดูเร็ว ชั้นที่ 20 กว่าเหมือนมีของหล่นลงมา!”


“เป็นท่อดับเพลิง เหมือนมีคนยืนอยู่ตรงหน้าต่างด้วย!”


“ใช่ ๆ อย่าบอกว่าเขาจะสไลด์ไอ้นั่นลงมา?”


บริเวณรอบ ๆ ของตึกเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่มาจากนิวยอร์คและเมืองใกล้ ๆ แม้ว่าชั้นบนของตึกจะเต็มไปกลุ่มควันดำ แต่ถ้าใช้กล้องส่องทางไกลมอง พวกเขาสามารถมองเห็นสถานการณ์ของชั้นอื่น ๆ ได้อย่างชัดเจน


ท่อดับเพลิงที่เยี่ยเทียนโยนลงมา ถูกผู้สังเกตุการณ์หลายคนจับเอาไว้


ก่อนหน้านี้ ผู้คนที่ติดอยู่ในอาคารสามารถช่วยตัวเองด้วยวิธีแปลก ๆ มากมาย นอกจากซุปเปอร์แมนที่รู้สึกว่าเขาบินได้เหมือนนกแล้ว ก็ยังมีคนที่กระโดดลงมาจากหลังคาด้วยร่ม


ซึ่งแน่นอนว่า ผลลัพธ์ก็เหมือนกัน จนถึงตอนนี้ คนที่กระโดดลงมาจากชั้นบนสุด ยกเว้นคนที่ตกลงบนเบาะลมโดยบังเอิญ ไม่มีคนรอดชีวิตเลยสักคน


การกระทำของเยี่ยเทียน เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือพวกนั้นไม่คิดว่าเขาจะรอดชีวิต


ต้องเข้าใจว่าท่อดับเพลิงค่อนข้างกว้างและไม่ง่ายที่จะจับไว้ ความสูงจากพื้นเกือบ 70-80 เมตร ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจับท่อดับเพลิงแล้วสไลด์ลงมา ถ้าพลาดปุ๊ป ก็จะร่วงลงมาทันที


“หัวหน้าครับ ความสูงของรถดับเพลิงสามารถยื่นไปถึงตรงนั้นได้ พวกเราใช้บันไดลอยไปช่วยคนชั้นนั้นลงมาดีมั้ยครับ?”


ผู้สังเกตการณ์คนหนึ่งรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับผู้สั่งการ และแสดงความคิดเห็นออกไป


หัวหน้าหยิบกล้องส่องทางไกลไปที่เยี่ยเทียน สุดท้ายเขาส่ายหัวและตอบว่า “ไม่ บนนั้นมีคนแค่คนเดียว คนของพวกเราจะต้องไม่ไปเสี่ยงตายเพราะเขา!”


เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ยังคงระเบิดอย่างต่อเนื่อง แผ่นพื้นยังคงตกลงจากข้างบนเป็นจำนวนมาก งานของเจ้าหน้ามีความยากเพิ่มขึ้นไปอีก


ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงจากเหตุการณ์ดังกล่าว มีนักดับเพลิง 62 คนเสียชีวิตแล้วเพราะโดนอิฐถล่มใส่และจำนวนผู้เสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ


งานกู้ภัยด้านนอกต้องหยุดชะงัก และมีนักดับเพลิงจำนวนมากเข้าไปข้างในอาคารเพื่อช่วยอพยพและช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ภายในออกมา


หากรถดับเพลิงและบันไดลอยได้รับอนุญาตให้ช่วยชีวิตเยี่ยเทียนได้จริง ๆ ผู้สั่งการจะต้องเตรียมใจให้พร้อมกับการต้องเสียรถดับเพลิงหนึ่งคัน และชีวิตของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงนับสิบชีวิต คำแนะนำของผู้สังเกตการณ์จึงถูกปฏิเสธไปเพราะเหตุนี้


เจ้าหน้าที่สังเกตการณ์ไม่พูดต่อ เขารู้ว่าการตัดสินใจของผู้สั่งการนั้นถูกต้องแล้ว เพราะชั้นที่ 80 ขึ้นไป ยังคงระเบิดอย่างต่อเนื่อง กำแพงที่แตกเป็นแผ่นใหญ่ ๆ อาจตกลงมาถูกเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ทุกเมื่อ


และเพราะมีการสนทนาของสองคนนี้ นักข่าวที่อุ้มกล้องเอาไว้ด้านหลังผู้สั่งการ จึงขยับกล้องไปยังหน้าต่างที่มีท่อดับเพลิงโยนลงมา


“แม่ครับ ไม่ต้องกลัวนะครับ เดี๋ยวแม่ปิดตาลง กอดคอของผมเอาไว้ให้แน่น ห้ามปล่อยมือเด็ดขาด!”


เวลาเยี่ยเทียนทำอะไร เขาไม่เคยคิดจะขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น และเขาไม่หวังให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของอเมริกามาช่วยอยู่แล้ว ตอนนี้เขาอุ้มไอลีนไว้ด้านหน้า แบกแม่ไว้ข้างหลัง จากนั้นนำท่อดับเพลิงมัดไว้กับตัว


“เสี่ยวเทียน แม่อยู่กับลูก แม่ไม่กลัว!”


ซ่งเวยหลันกอดคอของลูกชายเอาไว้แน่น เวลาผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ เด็กชายที่เคยห่อด้วยผ้าอ้อมคนนี้ ตอนนี้เขาโตขึ้นจนกลายเป็นผู้ชายที่พึ่งพาได้แล้ว เวลานี้ ซ่งเวยหลันรู้สึกภูมิใจลูกของเธอมากที่สุด


“กอดไว้ให้แน่นนะ ไป!”


เยี่ยเทียนยิ้มอ่อน ๆ ใช้มือขวาจับท่อดับเพลิงเอาไว้ มองดูฝูงชนที่เดินวุ่นกันอยู่ข้างล่าง เขาหันตัวกลับมา และกระโดดลงไปทันที


ช่วงเวลานี้ ถูกนักข่าวจับภาพไว้ได้ทั้งหมด เดิมทีเขาอยากจะถ่ายการกระทำของเยี่ยเทียนเอาไว้ทั้งหมด แต่การกระทำของเยี่ยเทียนมันเกิดคาดไปหมด


อันดับแรกเขาไม่ได้กระโดดลงจากหน้าต่างเพียงคนเดียว แต่เป็นผู้ใหญ่สองคนกับเด็กอีกหนึ่งคนรวมทั้งหมดเป็นสามคน


ต่อมา การสไลด์ลงตามท่อดับเพลิงแบบนี้ น่าจะต้องใช้สองมือไขว้กันเอาไว้ ค่อย ๆ สไลด์ลง


แต่เยี่ยเทียนใช้เพียงสองขาหนีบท่อดับเพลิงเอาไว้ มือขวาแทบจะไม่ใช้แรง ทั้งสามคนลงไปข้างล่างด้วยแรงโน้มถ่วงของโลกอย่างรวดเร็ว ความเร็วนั้นไม่น้อยไปกว่าการกระโดดลงไปเลยแม้แต่น้อย


แต่ตอนที่ลงไป 40 เมตรแล้ว สองขาของเยี่ยเทียนใช้แรงดันเล็กน้อย ทำให้ความเร็วของการลงช้าลงทันที


ภาพที่เกิดขึ้น ทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นตกตะลึงกันถ้วนหน้าพวกเขามีความสงสัยว่า เป้ากางเกงของเยี่ยเทียนหนีบเหล็กสองแผ่นเอาไว้หรือเปล่า? ถ้าไม่อย่างนั้น การถูแบบนั้น สามารถทำให้เนื้อของขาทั้งสองข้างของเขาไหม้ได้


“แย่แล้ว มีแผ่นหินกำลังตกลงมา ตกลงมาตรงนั้นด้วย!”


ที่ความห่างพื้นอีกแค่ 10 กว่าเมตร เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทั้งหมดที่กำลังเตรียมตัววิ่งเข้าไปช่วยคน จู่ ๆ ผู้สังเกตุการณ์ก็ส่งเสียงตกใจออกมา


หลังจากมีเสียงระเบิดดังสนั่น สิ่งที่ถูกอุดไว้ที่ชั้นที่ 90 ไม่อาจทนแรงสั่นสะเทือนกับไฟไหม้ได้ ในที่สุดมันก็ร่วงลงมา


แผ่นพื้นหนา 10 กว่าเมตร น้ำหนักของมันอย่างน้อยก็เป็นตัน ๆ กำลังร่วงลงมา ซึ่งความเร็วการร่วงของมันเร็วกว่าเยี่ยเทียนมาก เกือบจะร่วงลงมาพร้อม ๆ กับเสียงเรียกของผู้สังเกตการณ์เลยก็ว่าได้ และแผ่นพื้นนั้นห่างจากหัวของเยี่ยเทียนไม่ถึง 30 เมตร


ความเร็วในการร่วงของมัน อาจจะตกใส่เยี่ยเทียนและคนอื่น ๆ ในเวลาอีก 1-2 วิเท่านั้น สิ่งที่ทำให้คนอื่น ๆ บีบหัวใจที่สุดคือ คนหนุ่มคนนั้นมองแต่ข้างล่าง และไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าภัยพิบัติกำลังจะมาถึง


เวลาถูกกำหนดไว้แล้ว ใจของทุกคนเหมือนถูกบีบจนจะถึงลำคออยู่แล้ว พวกเขาไม่รู้จะช่วยเยี่ยเทียนได้ยังไง แต่ก็มีคนเริ่มตะโกนขึ้นมา ตะโกนเพื่อเตือนให้เยี่ยเทียนรับรู้ถึงอันตรายที่อยู่บนหัว


ตอนที่ 659 หนีเอาชีวิตรอด (3)

Ink Stone_Fantasy

ห่างออกไปเกือบร้อยกว่าเมตร เสียงที่ตะโกนของคนเหล่านั้นไม่มีประโยชน์ใดๆ แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า กลับทำให้ตาของพวกเขาแทบจะถลนออกมา


ตอนที่แผ่นพื้นห่างจากเยี่ยเทียนอีกแค่ 20 เมตร ทุกคนคิดแล้วว่าคนที่อยู่กลางอากาศตรงนั้นไม่มีโอกาสรอดชีวิตแล้ว แต่จู่ ๆ เยี่ยเทียนก็ทำบางอย่างที่เกินความคาดหมายของทุกคน


มือขวาที่ว่างเปล่าข้างนั้น จู่ ๆ ก็ถูตรงเอว ท่อดับเพลิงที่มัดไว้ ไม่รู้ทำไมถึงขยับ เด็กผู้หญิงที่ตอนแรกถูกอุ้มไว้ตรงอ้อมกอดเลื่อนลงข้างล่างทันที


ขณะเดียวกัน ซ่งเวยหลันที่ถูกแบกไว้ข้างหลัง ก็เลื่อนลงข้างล่างอย่างแรง แขนที่แทบจะไม่มีแรงอยู่แล้ว ไม่สามารถรับน้ำหนักของตัวเธอได้เลย


สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวนี้ ทำให้ใจของเจ้าหน้าที่รู้สึกตึงไปหมด ตอนนี้ยังห่างจากพื้น 20 กว่าเมตร ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งเด็ก สองคนนี้ถ้าร่วงลงมาไม่มีใครรอดแน่นอน


“บ้าเอ้ย หลังคารั่วไม่พอ ฝนยังตกอีก นี่กะเอาชีวิตกันเลยใช่มั้ย!”


ที่จริงเยี่ยเทียนรู้สึกได้ ตั้งแต่เสียงระเบิดดังขึ้น กับตอนที่แผ่นพื้นร่วงลงมาแล้ว เขารู้แล้วว่าภัยนี้หลบไม่ทันแล้ว และเขาก็ได้เตรียมใจไว้ตั้งแต่แรก


ท่อดับเพลิงถูกกรีดจนขาดด้วยมือซ้ายเสร็จ ไอลีนเลื่อนลงมาที่ขาของเยี่ยเทียนพอดี ขาข้างขวาของเขากระโดดขึ้นเล็กน้อย ร่างเล็ก ๆ ของไอลีนเปลี่ยนทิศทางในทันที เธอลอยออกไปในทิศทางที่เบาะลมวางอยู่


หลังส่งไอลีนออกไปเสร็จ เยี่ยเทียนหันตัวกลับ ส่งแรงผ่านมือซ้ายและผลักแม่ออกไป แรงที่ถูกส่งมาจากเยี่ยเทียนทำให้ตัวของซ่งเวยหลันลอยออกไปเฉียง ๆ จุดร่วงเป็นจุดเดียวกับไอลีน ซึ่งก็คือเบาะลมอันใหญ่ที่วางอยู่บนพื้นนั่นเอง


สิ่งที่เยี่ยเทียนทำกะทันหันนี้ ทำให้คนที่ดูอยู่แทบหยุดหายใจ ตอนนี้พวกเขาไม่มีเวลาไปสนใจว่าทำไมเยี่ยเทียนถึงมีแรงมหาศาลถึงเพียงนี้ พวกเขาล้วนแต่รู้สึกตื่นเต้นที่ผู้หญิงสองคนนั้นรอดจากเหตุการณ์อันเลวร้าย


แต่ยังไม่ทันแสดงความดีใจ สิ่งที่ทำให้น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าก็เกิดขึ้นอีกครั้ง


เพราะแผ่นพื้นแผ่นนั้นค่อนข้างใหญ่ และความเร็วการร่วงค่อนข้างเร็ว ตอนที่ตัวของซ่งเวยหลันเพิ่งลอยออกไปได้แค่ครึ่งตัว แผ่นพื้นก็ร่วงลงจากข้างบน และดูเหมือนจะหล่นใส่ตัวเธอ


“เห้ย ฟ้าจะเล่นกับฉันแบบนี้เหรอ?”


พอเห็นสถานการณ์กลายเป็นแบบนี้ เยี่ยเทียนก็ยิ้มอย่างหดหู่ ตอนแรก เขากะว่าหลังจากโยนแม่กับไอลีนออกไปแล้ว เขาจะพุ่งเข้าไปในอาคารที่กำลังลุกเป็นไฟ แต่ความเร็วการร่วงของแผ่นพื้น เร็วกว่าที่เยี่ยเทียนคิดไว้


เมื่อเห็นแผ่นพื้นใกล้จะหล่นใส่แม่ เยี่ยเทียนไม่คิดอะไรอีกและตัดสินใจทันที เขาคว้าหมับเข้าที่ท่อดับเพลิง ทันใดนั้น ตัวของเยี่ยเทียนก็ม้วนอยู่กลางอากาศ


สิ่งนี้เกิดขึ้นในเวลาที่สั้นมาก การม้วนตัวของเยี่ยเทียนทำให้ท่อดับเพลิงพันเข้าที่เอวของเขา ตัวของเขาสูงขึ้นหลายเซ็นต์ในทันทีทันใด ทำให้เจอกับแผ่นพื้นหนักเป็นตันแผ่นนั้นพอดี


ท่อดับเพลิงที่มัดอยู่ตรงเอว ทำให้ตัวของเยี่ยเทียนเหยียดตรงอยู่กลางอากาศ เห็นเพียงมือสองข้างที่ชูขึ้นเหนือศีรษะ จากนั้นก็เปล่งคำว่า “แตกออก” ดั่งสนันไปทั่ว ในระยะร้อยเมตรต่างก็ได้ยินกันหมด


ดูเหมือนไม่มีการหยุดเกิดขึ้น ตอนที่เยี่ยเทียนชูมือขึ้น ในเวลาเดียวกันกับแผ่นพื้นที่มีน้ำหนักมหาศาลหล่นใส่เขาอย่างจัง คนที่เห็นภาพนี้ แทบจะหยุดหายใจกันทีเดียว


แผ่นพื้นหนักเป็นพัน ๆ กิโลกรัม บวกกับแรงร่วงที่ตกลงมาจากชั้น 80-90 แรงของมันมหาศาลมาก ไม่ต้องพูดถึงเนื้อหนังของคนเลย ถ้ามีรถดับเพลิงจอดอยู่ด้านล่าง เกรงว่ามันก็สามารถถูกทับจนเป็นแผ่นได้เหมือนกัน


“เสี่ยวเทียน!”


ซ่งเวยหลันที่ยังอยู่กลางอากาศ ก็ส่งเสียงตกใจออกมา ถ้าเป็นไปได้ เธอยอมอยู่ใต้แผ่นพื้นแทนลูกชาย


ทุกคนคิดว่าการกระทำของเยี่ยเทียนคือการเอาไข่ชนกับหิน คนที่หัวร้างข้างแตก ร่างกายแหลกเหลว ต้องเป็นเยี่ยเทียนที่อยู่กลางอากาศแน่นอน แม้แต่ช่างภาพที่มองสิ่งที่เกิดขึ้นกลางอากาศจนอึ้งไปหมดจนลืมบันทึกภาพ


การคุกคามของแผ่นพื้นแผ่นนั้น ไม่ได้ด้อยไปกว่าการคุกคามด้วยขาเหล็กของแอนโทนีมาร์คัสเลย ในตอนที่บนหัวมีเงาดำครอบบนหัว วิกฤตแห่งความตายได้เกิดขึ้นแล้วในใจของเยี่ยยเทียน


แต่ตอนนี้ ใจของเยี่ยเทียนกลับสงบราวน้ำนิ่ง ตั้งแต่เล็กจนโต เขาเป็นคนที่ตามใจตัวเองมาตลอด ไม่เคยมีสิ่งใดมาพัวพันกับเขา มีแต่แม่ ที่เป็นพันธะในใจเขา


“ตรงนี้แหละ!”


ภายใต้การรับรู้การเคลื่อไหวของลมปราณชีวิตของเยี่ยเทียน ความเร็วการร่วงของแผ่นพื้นไม่ได้เร็วอย่างที่ทุกคนเห็น และในวินาทีที่ 1 ใน 1000 เยี่ยเทียนสัมผัสได้ถึงความอ่อนแอของแผ่นพื้น


“บึ้ม!” เสียงดังสนั่น เหมือนจะระเบิดอีกแล้ว สั่นจนกระจกร้าวไปหมด “ซา ซา” แล้วก็แตกร่วงลงไปหมด


ส่วนแผ่นพื้นแผ่นนั้นที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ กลางอากาศ ตอนแรกเกือบหล่นใส่บริเวณเอวของซ่งเวยหลัน สุดท้ายแค่เฉียดตรงขอบเอวของเธอและร่วงลงไป ซ่งเวยหลันที่มองดูแผ่นพื้นหล่นทับใส่ลูกชาย ขณะที่เธอตกลงบนเบาะลมอย่างแรง


“เสี่ยวเทียน!”


ซ่งเวยหลันส่งเสียงน่าเวทนาออกมา หลังจากตกลงสู่เบาะลม เธอไม่สนแผ่นหินที่ตกลงมาจากฟ้า แต่ทั้งกลิ้งทั้งคลานลงไป


“รีบช่วยคน!”


ผู้สั่งการออกคำสั่งทันทีที่เห็นภาพนั้น เจ้าหน้าที่สิบกว่าวิ่งไปที่จุดเบาะลมอย่างไม่สนใจแผ่นหินที่กำลังร่วงลงมา


เบาะลมมีความสูงถึง 5 เมตร คนทั่วไปไม่สามารถปีนลงมาเองได้ แม้แต่เจ้าหน้าที่เองก็ยังต้องใช้บันใดปีนขึ้นไป


นอกจากนี้ยังมีอีก 4-5 คน วิ่งไปจุดที่เยี่ยเทียนกับแผ่นหินจะร่วงลงมา


ในใจของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯเหล่านี้ เยี่ยเทียนเป็นฮีโร่ของจริง ในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดเขายอมเสียสละชีวิตของตัวเอง เพื่อปกป้องชีวิตของผู้หญิงถึงสองคน ขอแค่มีโอกาส พวกเขาจะช่วยเยี่ยเทียนไว้ให้ได้


แต่ตอนนี้ สถานการณ์ของเยี่ยเทียนอยู่ในจุดที่อันตรายมาก


แม้จะพบความอ่อนแอของแผ่นพื้นแผ่นนั้น แต่กำลังของคนก็ไม่อาจชนะฟ้าได้ เยี่ยเทียนป้อนพลังลมปราณชีวิตแท้ทั้งหมดไว้ที่หมัดทั้งสองข้าง ก็ยังไม่สามารถต้านทานความแรงของแผ่นพื้นแผ่นนั้นได้เลย


แม้ว่าแผ่นพื้นจะถูกเขาทุบจนแตกเป็นสี่ส่วนห้าส่วน แต่สองแขนของเยี่ยเทียนที่ทุบไปเมื่อกี้ ก็หักไปแล้วหลายส่วน ยิ่งไปกว่านั้น หินน้อยหินใหญ่ต่างก็ร่วงใส่หัวของเยี่ยเทียนอย่างจัง


หลังจากสู้กับแอนโทนี มาร์คัส อาการของเยี่ยเทียนก็ยังไม่ฟื้นฟูดี ประกอบกับเมื่อเช้าที่วิ่งอย่างไม่เสียดายกำลัง ตอนนี้เขากลายเป็นม้าตีนปลายแล้ว หลังจากที่สองแขนหักไปหมดแล้ว สติก็เริ่มพร่ามัว


“เสี่ยวเทียน!” ในเวลานี้ ข้างหูของเยี่ยเทียนมีเสียงของแม่ดังขึ้น ในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกถึงอันตรายก็เกิดขึ้นภายในใจ


“ฉันยังตายไม่ได้ ฟ้าจะให้ฉันตาย ฉันไม่ยอมตายหรอก!”


เหมือนจะเป็นปฏิกิริยาจากจิตใต้สำนัก เยี่ยเทียนก้มหัวลง ตัวโค้งขึ้นมา ทั้งแผ่นหลังอยู่ด้านบน ชนกับแผ่นพื้นที่ร่วงลงมาอย่างจัง


“ผัวะ!”


แรงมหาศาลที่ส่งมาจากแผ่นหลัง ทำให้อวัยวะภายในของเยี่ยเทียนแทบจะแตกหมด กระอักเลือดออกมาจากปากกลางอากาศ จากนั้นตัวเขาที่ถูกท่อดับเพลิงพันเอาไว้ก็ร่วงลงสู่พื้น


ความสูง 20 เมตร เทียบได้กับตึกประมาณ 6-7 ชั้น เยี่ยเทียนที่อยู่กลางอากาศไม่สามารถช่วยตัวเองได้อีกแล้ว และตอนที่เจ้าหน้าที่ยังวิ่งไปไม่ถึงจุดที่เขาร่วง ภาพนั้นทำให้ทุกคนบีบหัวใจจนแน่นไปหมด


ที่จริงเสียงเรียกของแม่ช่วยชีวิตเขาไว้ แม้กระดูกสันหลังจะถูกชนจนหักเกือบหมด อวัยวะภายในอาการค่อนข้างหนัก แต่แรงมหาศาลนี้กลับทำให้เยี่ยเทียนตื่นขึ้นมา


ตอนที่ระยะห่างจากพื้นยังมีอีก 3-4 เมตร ทั้งตัวของเยี่ยเทียน มีเพียงขาสองข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาบิดท่อดับเพลิงที่พันตัวไว้ ทำให้การร่วงอย่างรวดเร็วก็หยุดลงทันที


และการบิดท่อดับเพลิงแบบนี้ทำให้พลังงานสุดท้ายของเยี่ยเทียนถูกใช้ไปหมดแล้วเหมือนกัน ในเวลาไม่กี่วินาที ในที่สุดร่างของเขาก็หมดแรงและร่วงลงมาทันเจ้าหน้าที่ที่วิ่งเข้ามารับไว้พอดี


“พระเจ้า ปฏิหาริย์ นี่มันปาฏิหาริย์!”


“พระเจ้า คุณยังชีวิตอยู่ ใช่มั้ย?”


“ขอบคุณพระเจ้า คนหนุ่มคนนั้นยังไม่ตาย!”


“ฮีโร่ เขาเป็นฮีโร่ของคนอเมริกา!”


ณ เวลานี้ รอบบริเวณอบอุ่นขึ้นมา ทุกคนที่เป็นพยาน ไม่แบ่งสัญชาติ ไม่แบ่งเชื้อชาติ แต่ทุกคนน้ำตาเอ่อล้นที่ดวงตา


เสียงเชียร์ดังสนั่น น้ำตาที่เอ่อล้นทำให้การมองเห็นของทุกคนพร่ามัว พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังตะโกนอะไรอยู่ตอนนี้ การเผชิญกับภัยพิบัติอันหนักหน่วงนี้ คนอเมริกาต้องการฮีโร่ มวลมนุษย์ก็ต้องการฮีโร่เช่นกัน!


คนหนุ่มเชื้อสายจีนคนหนึ่ง มอบความหวังการมีชีวิตรอดให้กับคนอื่น ในขณะที่ชีวิตของตัวเองนั้นได้รับการคุกคามที่รุนแรงที่สุด เผชิญด้วยความยากลำบาก


สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การช่วยเหลือตัวเองในตอนสุดท้ายแสดงให้เห็นแล้วว่าเขายังมีชีวิตอยู่ นี่แหละคือสิ่งที่คนอเมริกาต้องการ พวกเขาไม่ต้องการฮีโร่ที่ตาย มีแต่ฮีโร่ที่มีชีวิต ถึงจะเป็นฮีโร่ของพวกเขา


การกระทำของเยี่ยเทียน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในบริเวณนั้นลืมกลัว มีเจ้าหน้าที่มากมายเริ่มวิ่งเข้าไปภายในอาคาร เพื่อไปทำหน้าที่ของพวกเขา


“ให้ตายเถอะ ผมลืมเก็บภาพของเขาได้ยังไง?”


ตอนที่ทุกคนกำลังดีใจ นักข่าวทื่ยืนอยู่ข้างหลังผู้สั่งการตบเข้าที่หน้าของตัวเองอย่างแรง “พระเจ้า ให้อภัยผมด้วย รางวัลภาพถ่ายข่าวของปีนี้ควรจะเป็นของผมสิ!”


นักข่าวหนุ่มคนนี้มีเหตุผลที่จะเชื่อว่า ถ้าเขาสามารถเก็บภาพกลางอากาศของเยี่ยเทียนไว้ได้ รางวัลภาพถ่ายข่าวประจำปีนี้ ต้องเป็นของเขาอย่างแน่นอน


แต่ตอนที่เขาอุ้มกล้องและพุ่งเข้าไปถ่ายตอนที่เจ้าหน้าที่ที่ยกเยี่ยเทียนลงมา โอกาสก็หมดไปแล้ว เพราะเยี่ยเทียนที่มี


ชีพจรอ่อนมาก ถูกส่งเข้ารถพยาบาลไปแล้ว


“ออกไป นั่นลูกชายของฉัน ให้ฉันเข้าไป!” ซ่งเวยหลันที่เพิ่งถูกยกลงมาจากเบาะลม เดินกระเผกพุ่งมาหา และจับมือของเยี่ยเทียนที่วางอยู่บนเปลไว้แน่น


อาการที่ขาของซ่งเวยหลันก็ไม่เบา แถมยังมีเลือดไหล แต่ตอนนี้ซ่งเวยหลันมีแค่ลูกชาย เธอไม่รู้สึกแม้กระทั่งความเจ็บ


“คุณผู้หญิงคนนี้ได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน แล้วยังมีเด็กผู้หญิงคนนั้นด้วย ส่งไปโรงพยาบาลด้วยกันเลย!”


ผู้สั่งการตรงบริเวณนั้นรู้ดีว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาชื่นชมฮีโร่ มีเพียงคนที่มีชีวิตรอดเท่านั้น ถึงจะได้รับการชื่นชมจากคนอเมริกา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)