ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 650-659
บทที่ 650 การขอแต่งงานของเพื่อน
โดย
Ink Stone_Fantasy
เฮลิคอปเตอร์ร่อนลงที่สนามบินนานาชาติเมืองแฮมิลตัน เหมาเหว่ยหลงขับรถฟอร์ดเอฟ 150 คันหนึ่งมารอพวกเขา
พอได้พบกันฉินสือโอวก็เข้าไปกอดกับเขา ช่วงหลายวันมานี้เหมาเหว่ยหลงคงจะยุ่งจนแทบบ้า เจ้าหมอนี่ถึงได้ดูผอมลงไม่น้อยทั้งที่เพิ่งจะแยกกันไปได้ไม่นาน
เหมาเหว่ยหลงเข้าไปอุ้มตั๋วตั่วขึ้นมา ตั๋วตั่วจึงยกกรงที่อยู่ในอ้อมอกขึ้นมาก่อน ด้านในมีลูกเจี๊ยบห้าตัวที่กำลังเบียดกันอยู่ตรงมุมของกรง
ได้เห็นแบบนี้เหมาเหว่ยหลงก็ยิ้มออกมา เขาพูดขึ้น “โอ๊ะ นายเอาลูกไก่พวกนี้มาให้ฟาร์มของฉันด้วยเหรอ? แต่ฉันก็ไม่ค่อยสนใจไก่งวงเท่าไรหรอก นายช่วยฉันหาไก่บ้านกับเป็ดแล้วก็ลูกหมูที พวกนั้นนั่นแหละที่ฉันอยากจะเลี้ยง”
ฉินสือโอวบอกกับเขา “ไม่มีปัญหา ถ้ากลับไปแล้วฉันจะหารถส่งมาให้นาย หลังจากห่านขาวฟักไข่แล้วฉันก็จะส่งลูกมันมาให้นายสักหน่อยเหมือนกัน รับประกันได้เลยว่าฟาร์มเกษตรของนายจะต้องคึกคักแน่ๆ ส่วนลูกเจี๊ยบพวกนี้เป็นของที่วินนี่เตรียมมาเป็นสัตว์เลี้ยงให้ลูกสาวของนายน่ะ”
เหมาเหว่ยหลงถอนหายใจออกมา “ทำให้พวกนายลำบากแล้ว คำขอบคุณฉันคงไม่พูดไปมากกว่านี้แล้ว เพิ่งจะจัดการซื้อขายฟาร์มเสร็จ รอฉันกับเสี่ยวซูจัดการเรียบร้อยแล้ว ฉันจะเชิญพวกนายมาเป็นแขกที่นี่แน่ๆ”
ฉินสือโอวหัวเราะฮ่าๆ พูดกับเขา “เรื่องนี้นายวางใจเถอะ ถึงนายไม่ชวนฉันก็จะหน้าด้านหน้าทนมาขอกินข้าวฟรีอยู่ดี แล้วพอถึงตอนนั้นฉันก็จะเอาของขวัญมาให้นายด้วย นายต้องชอบมันแน่นอน!”
“ของขวัญอะไร?” เหมาเหว่ยหลงถามด้วยความใคร่รู้
ฉินสือโอวไม่อยากพูดมาก เขาจึงเปลี่ยนเรื่องคุย “นายบอกว่าจัดการซื้อฟาร์มเกษตรเสร็จแล้วใช่ไหม? เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”
เหมาเหว่ยหลงพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้น “หลังจากทำเรื่องโอนย้ายสังกัดเสร็จเรื่องหลังจากนั้นก็ง่ายแล้ว จ่ายเงิน โอนย้ายใบรับรองการลงทะเบียนที่ดิน หลังฉันตรวจสอบดูแล้วว่าของในฟาร์มไม่ได้มีปัญหาอะไร ฟาร์มเกษตรก็เปลี่ยนเจ้าของคนใหม่แล้ว ง่ายดายขนาดนี้เลยล่ะ”
ทุกๆ คนขึ้นไปบนรถ ฉินสือโอวก็ถามขึ้นมา “รถคันนี้เป็นของที่ฟาร์มเหรอ?”
เหมาเหว่ยหลงสตาร์ทรถไปพร้อมๆ กับอธิบายให้เขาฟัง “คันนี้ไม่ใช่ เจ้าของฟาร์มคนก่อนขายรถกระบะไปแล้ว รถคันนี้เป็นของที่ฉันยืมเพื่อนบ้านมา ฟาร์มเกษตรที่นี่ไม่เลวเลยจริงๆ ฟาร์มเกษตรรอบๆ หลายที่ก็มีแต่คนจีนอย่างเราๆ ที่เป็นคนดูแล บริเวณใกล้เคียงก็บรรยากาศดีมากๆ”
ได้ยินเหมาเหว่ยหลงพูดแบบนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกวางใจแล้ว
ตอนที่รถขับมาถึงทางเข้าฟาร์ม ซุ้มประตูทรงโค้งที่ถักทอด้วยดอกไม้ป่าก็ปรากฏขึ้นสู่สายตาของทุกคน ซุ้มประตูดอกไม้มีสีสันหลากหลายงามตา ดอกไม้สดด้านบนไม่ใช่ของที่โด่งดังล้ำค่าอะไร แต่ก็ยังงดงามมาก
แต่แรกฉินสือโอวก็กำลังสับสนว่าซุ้มดอกไม้สดทรงโค้งที่วางไว้ตรงประตูทางเข้าของฟาร์มมีความสำคัญยังไง ปรากฏว่าหลังจากพวกเขาลงจากรถแล้ว เหมาเหว่ยหลงก็จูงหลิวซูเหยียนกับตั๋วตั่วให้เดินไปที่ใต้ซุ้มประตู เขากอดทั้งสองคนเอาไว้แล้วพูดขึ้น “เสี่ยวซู ผมจะขอคุณแต่งงานอย่างเป็นทางการที่นี่ คุณยินดีที่จะแต่งงานกับผมไหมครับ?”
ได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้ ใจของฉินสือโอวก็กระตุกขึ้นมาจนอดที่จะร้องตะโกนขึ้นมาไม่ได้ “โคโกโร่ จัดการได้สวย!”
ณ ที่แห่งนี้นอกจากฉินสือโอวแล้วก็มีแค่โอวหยางไห่ที่รีบมาช่วย จะว่าไปแล้วโอวหยางไห่ก็เป็นคนที่มีคุณธรรมน้ำมิตรจริงๆ เรื่องที่เหมาเหว่ยหลงซื้อฟาร์มเกษตร เขาลงแรงกำลังไปมากกว่าฉินสือโอวอยู่เยอะเลยล่ะ
หลิวซูเหยียนรู้สึกตกตะลึงอยู่เล็กน้อย หลังจากนั้นเธอก็ใช้ฟันขาวกัดริมฝีปากสีแดงสดของตัวเองพร้อมมองไปที่เหมาเหว่ยหลงอย่างไร้เดียงสา เธอรู้สึกเหมือนมือไม้อ่อนไปชั่วขณะ
เหมาเหว่ยหลงยิ้มให้เธอแล้วพูดกับเธอว่า “ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีผู้คนมากมายที่มาเป็นประจักษ์พยานให้กับการขอแต่งงานของผม แต่เสี่ยวซูคุณรู้ไหมครับ ทั้งสองคนที่อยู่ตรงนี้ต่างก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมด้วยกันทั้งคู่ ตอนนี้ผมกำลังตั้งสัตย์สาบานกับพวกเขา ว่าหลังจากนี้ผมจะดูแลคุณกับตั๋วตั่วให้ดี คุณยินดีจะแต่งงานกับผมไหมครับ?”
ฉินสือโอวปรบมือเสียงดังเต็มที่ เขาตะโกนขึ้นมา “เสี่ยวซู ตอบรับไอ้เวรนี่เถอะ จากที่ผมรู้จักมันมา ครั้งนี้มันจริงจังนะ!”
หลิวซูเหยียนพูดอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ “ไม่ใช่ค่ะ เสี่ยวหลง ฉันรู้ว่าคุณรู้สึกยังไงกับฉัน แต่ถ้าพวกเราแต่งงานกันจริงๆ มันจะไม่เหมาะกับคุณนะคะ”
โอวหยางไห่จึงช่วยเกลี้ยกล่อมเธอ “ถ้าเธอกังวลเรื่องความสัมพันธ์ของต้าเหมากับครอบครัว นั่นไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลเลย เรื่องนี้ฉันจะช่วยเธอเอง แล้วยังมีน้องฉินอีก มีพวกเราสองคนคอยสนับสนุนพวกเธอ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว!”
คำว่า ‘เพียงพอ’ สองคำสุดท้าย โอวหยางไห่พูดมันได้อย่างหนักแน่นมีความหมาย เรียกได้ว่าดังกังวานและเต็มไปด้วยพลัง ใบหน้าเผยความมั่นใจออกมาก็ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกเชื่อถือและศรัทธาขึ้นในจิตใต้สำนึก
ได้ฟังที่ฉินสือโอวกับโอวหยางไห่พูดแล้ว หลิวซูเหยียนก็กอดตั๋วตั่วเอาไว้แน่น สายตาของเธอมองตรงเข้าไปในดวงตาของเหมาเหว่ยหลง เธอพยักหน้าช้าๆ แล้วพูดออกมา “คุณก็รู้ว่าฉันยินดี เสี่ยวหลง ฉันยินดีแต่งงานกับคุณที่สุดเลยค่ะ…”
“ถ้าอยากนั้นผมก็ขอรับคุณไว้เป็นภรรยาครับ!” เหมาเหว่ยหลงรีบพูดตัดหลิวซูเหยียนอย่างเด็ดขาด แล้วดึงเธอเข้ามากอดเอาไว้ในอ้อมอก
ฉินสือโอวยืนอยู่ด้วยกันกับโอวหยางไห่ เขาขบคิดสักครู่แล้วจึงแย้มรอยยิ้มออกมา
โอวหยางไห่ถามว่าเขายิ้มอะไร ฉินสือโอวจึงตอบไปว่า “หลังจากแต่งงานแล้ว ตั๋วตั่วต้องใช้แซ่ตามโคโกโร่อยู่แล้ว แบบนั้นก็จะเป็น–เหมาตั๋วตั่ว? เหมาตัวตัว? (สะเพร่ามาก) ฮ่าๆ ผมว่าชื่อนี้เหมือนนิสัยผมเลย!”
โอวหยางไห่ทำหน้าจนปัญญา เขาพูดขึ้นมา “ตั๋วตั่วเป็นชื่อเล่นโอเคไหม เดี๋ยวต้าเหมาก็ตั้งชื่อจริงให้เองนั่นแหละ ไม่เรียกว่าเหมาตัวตัวอยู่แล้วล่ะ!”
วันนี้เป็นวันสำคัญที่เหมาเหว่ยหลงขอแต่งงานได้สำเร็จ ย่อมต้องทำอะไรที่มันไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ฉินสือโอวไปที่โรงแรมวอเตอร์ฟอลฟลาวเวอร์ โรงแรมระดับห้าดาวที่มีคุณภาพสูงที่สุดในแฮมิลตันเพื่อจองห้องอาหารส่วนตัว หลังจากนั้นก็มาพาทุกๆ คนไปที่นั่น
ประเด็นหลักสำหรับอาหารมื้อนี้ย่อมต้องเป็นการดื่มเหล้าอยู่แล้ว พอเครื่องดื่มถูกนำมาเสิร์ฟ ฉินสือโอวก็หยิบเบียร์ขึ้นมาเปิดฝาขวด ชนขวดเบียร์กับเหมาเหว่ยหลงแล้วกระดก ‘อึกๆ อึกๆ ’ ลงไปจนหมด
เหมาเหว่ยหลงก็ดื่มเป็นเพื่อนกันอย่างมีความสุข เขายกขวดเบียร์ขึ้นมากระดกเหมือนกัน เรียนจบปีสี่มาจะหกปีแล้ว มิตรภาพเกือบสิบปีล้วนอยู่ในเบียร์ขวดนี้ทั้งหมด!
พอทิ้งขวดเบียร์ไปแล้ว ฉินสือโอวก็ตบไหล่ของเหมาเหว่ยหลงพร้อมหัวเราะเสียงดังแล้วพูดออกมา “แม่งเอ๊ย วันนี้โคตรมีความสุขเลยโว้ย! ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะแต่งงานต่อหน้าฉันแบบที่เคยพูดไว้ตอนเรียนจบจริงๆ นายแต่งงานต่อหน้าฉันจริงๆ ด้วย!”
เหมาเหว่ยหลงพูดยิ้มๆ “เพราะฉะนั้นนายกับวินนี่ก็ต้องจับมือกันไว้ให้แน่นๆ นะ เรื่องนี้ฉันไม่เร่งนายหรอก นายก็คิดดูแล้วกัน เพราะถึงยังไงงานแต่ของฉันก็มีกำหนดการแล้ว”
“นายวางแผนไว้ว่าจะทำยังไง?” ฉินสือโอวถามเขาอย่างสนใจใคร่รู้เป็นอย่างยิ่ง
เหมาเหว่ยหลงกุมมือของหลิวซูเหยียนเอาไว้แล้วพูดอย่างอ่อนโยน “จะจัดงานเล็กๆ ที่บ้านเก่าของเสี่ยวซูหนึ่งงาน แล้วก็จัดที่แฮมิลตันอีกหนึ่งงาน ตอนจัดงานที่แฮมิลตัน ฉันจะเชิญเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของพวกเรามาด้วย ไม่ใช่ว่านายอยากแก้ไขความเข้าใจผิดของเพื่อนๆ หรอกเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ใช้โอกาสนี่ซะสิ!”
ฉินสือโอวถึงกับชะงักไปทันที เขากระดกเบียร์ลงท้องไปอีกขวด ไม่ต้องพูดอะไรให้มากมาย เบียร์ขวดนี้ก็เพื่อเป็นการขอบคุณเพื่อนของเขานั่นเอง!
โดยปกติเวลาฉินสือโอวดื่มเหล้า ถึงมีนานๆ ทีที่ดื่มเยอะจนเกินไป แต่ก็ไม่มีทางที่จะเมาจนระเนระนาดย่ำแย่แบบสุดๆ หรือจนถึงขั้นหมดสติ นั่นเป็นเพราะเขามีการหักห้ามใจสูง นี่จะเห็นได้จากชีวิตส่วนตัวที่สะอาดสะอ้านของเขา
ทว่าวันนี้เขาไม่หักห้ามใจอีกต่อไปแล้ว ขอแค่เปิดขวดเบียร์มาก็จะกระดกลงไปจนหมดขวดทันที หลังจากนั้นก็มีไวน์องุ่นมาเสิร์ฟต่อ เทลงไปครึ่งแก้ว เขาก็ยังยกขึ้นมาชนแก้วอีก
ในที่สุดเหมาเหว่ยหลงก็ทำเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาได้สำเร็จแล้ว ฉินสือโอวรู้สึกดีใจมาก นั่นเป็นเพราะการที่เหมาเหว่ยหลงจะได้อยู่กับหลิวซูเหยียนเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยจริงๆ
เมื่อก่อนฉินสือโอวมองว่าเหมาเหว่ยหลงเป็นพี่ชายติ๊งต๊องที่รู้ใจเขา แต่เมื่อผ่านเรื่องนี้มาแล้ว ความประทับใจของเขาที่มีต่อเหมาเหว่ยหลงก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาเป็นลูกผู้ชายที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่จริงๆ!
ในใจรู้สึกมีความสุข อีกทั้งฉินสือโอวก็ดื่มไปเยอะแล้ว ความทรงจำสุดท้ายคือตอนที่เบิร์ดหามเขาไปที่ห้องน้ำ ต่อจากนั้นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก เขาก็จำไม่ได้แล้ว แต่เรื่องที่เขาจำได้ตั้งแต่ต้นจนจบก็คือความสุขที่ออกมาจากใจจริงพวกนั้น!
บทที่ 651 ทัศนียภาพฟาร์มเกษตร
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลังจากที่ฉินสือโอวตื่นแล้ว พอดูโทรศัพท์ก็เห็นว่าเป็นเวลาหกโมงตรงพอดี เขาอดที่จะหัวเราะเจื่อนๆ ออกมาไม่ได้ ให้ตาย นาฬิกาชีวภาพนี่มันสุดยอดไปเลยจริงๆ!
มองไปรอบๆ อีกครั้ง เขาก็พบว่านี่เป็นห้องนอนธรรมดาๆ เตียงไม้ต่อเอง พื้นบ้านทำมาจากไม้ซุง ผ้าม่านปักลายดอกไม้กับตู้ข้างเตียงสไตล์เก่าๆ อีกทั้งข้างบนตู้ข้างเตียงยังมีน้ำแร่อยู่หนึ่งขวด กลิ่นอายความเป็นครอบครัวเด่นชัดมาก
เมื่อตื่นขึ้นมาหลังจากเมาเหล้าหนัก ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าปากตัวเองขมฝาดมาก เขาจึงคว้าน้ำแร่มาดื่มลองดื่มไปสองอึก หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปอาบน้ำร้อนในห้องน้ำเพื่อล้างเอากลิ่นแอลกอฮอล์ที่ยังติดอยู่ออกไปจากตัว เช่นนี้หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเขาก็เดินออกไปแล้วกลับมารู้สึกกระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง
ฉินสือโอวดึงประตูออก เงาของคนที่ยืนอยู่นอกประตูทำให้เขาตกใจจนตัวโยน พอสังเกตดูดีๆ ก็เห็นว่าเป็นเบิร์ดนั่นเอง เขาจึงถามออกไปด้วยความเก้อเขิน “เพื่อน นายมายืนอยู่หน้าประตูทำไม?”
เบิร์ดยักไหล่ เขากล่าวว่า “ผมคิดว่าคุณเมาแล้ว และอาจจะต้องการความช่วยเหลือเล็กน้อย ดังนั้นผมก็เลยรออยู่ด้านนอกรอดูว่าคุณจะมีคำสั่งอะไรไหม”
สำหรับคนที่ละเอียดรอบคอบและมีความอดทนแบบเบิร์ด นอกจากคำชมเชยฉินสือโอวก็ไม่มีอะไรที่จะเอามาวิจารณ์ได้แล้วจริงๆ เขาตบไหล่เบิร์ดแล้วพูดกับอีกฝ่าย “นายเป็นคนดี ขอบคุณนายมาก แต่ต่อไปไม่ต้องทำแบบนี้แล้วนะ เวลาทำงานฉันเป็นบอสของนาย แต่พอเสร็จงานแล้วพวกเราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน นายไม่ต้องบริการฉันหรอก”
บนใบหน้าของเบิร์ดปรากฏรอยยิ้มที่พบเห็นได้น้อยครั้ง เขาพูดออกมา “ใช่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพื่อนกัน ผมจะมาดูแลคุณทำไมกันล่ะ?”
เขาหยุดไปพักหนึ่งแล้วพูดขึ้นมาอีก “ที่สำคัญคือเมื่อคืนผมค่อนข้างรู้สึกกลัว บอส คุณบ้าไปแล้วจริงๆ พระเจ้าช่วย ผมนึกว่าคุณเล่นยาซะอีก! ระหว่างทางกลับคุณถึงกับชักขึ้นมาเลยนะ ผมกลัวคุณจะเป็นอะไรไปจริงๆ ถ้าเป็นแบบนั้นผมจะไปหาบอสแบบคุณได้จากที่ไหนอีกล่ะ?”
ฉินสือโอวกะพริบตาปริบๆ อย่างทึ่มๆ เขากำลังคิดว่าคำพูดพวกนี้ของเบิร์ดมันไม่ถูกต้องตรงไหน ถึงแม้ว่าจะห่วงใยเขาจนเขารู้สึกซึ้งใจมาก แต่เขารู้สึกว่าที่เบิร์ดพูดมามันไม่ถูกต้องเท่าไรนัก…
พอออกมาพ้นประตู ฉินสือโอวก็รู้แล้วว่าตัวเองอยู่ที่ไหน นี่คือตึกหลังเล็กในฟาร์มของเหมาเหว่ยหลง แน่นอนว่าจะเรียกว่าวิลล่าก็ได้ ถึงยังไงบ้านในชานเมืองที่แคนาดาก็เป็นแบบเดียวกันทั้งนั้น พื้นที่กว้างใหญ่ มีวัสดุไม้มาก เรียบง่ายคลาสสิค
ครอบครัวของเหมาเหว่ยหลงยังไม่พากันตื่นขึ้นมา ฉินสือโอวเดินออกมาจากตึกเล็ก ครั้งที่แล้วเขาเคยเข้ามาดูแล้ว เขาค่อนข้างประทับใจกับการจัดวางของฟาร์มเกษตรจึงเดินไปดูรอบๆ ตามอัธยาศัย
ตึกหลังเล็กเป็นอาคารเดี่ยว บริเวณรอบๆ คือสนามหญ้าสีเขียวสด ในจุดที่ไกลออกไปหน่อยก็ปลูกต้นบีชอเมริกาเหนือสูงใหญ่เอาไว้หนึ่งต้น มันเป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งที่พบเห็นได้บ่อยในลานบ้านที่อเมริกาเหนือ
ต้นบีชต้นนี้สูงประมาณสิบกว่าเมตร กิ่งไม้แผ่ออกกว้าง แมกไม้ผลิบานออกรอบด้าน จนดูเหมือนกำลังกางร่มคันใหญ่ไว้ในสวน ดูก็รู้ว่าเจ้าของฟาร์มเกษตรคนก่อนค่อนข้างจะดูแลทะนุถนอมต้นไม้ต้นนี้ เปลือกไม้สีเทาอมเหลืองทั้งเรียบเกลี้ยงและแข็ง ใบไม้เป็นสีเขียวสว่างมันวาว ในช่วงนี้บนต้นไม้ก็มีดอกไม้ดอกเล็กๆ บานอยู่บางส่วน สีเหลืองอ่อนออกขาวเล็กน้อย ลู่ไปตามลมที่พัดมาบางเบาพร้อมส่งกลิ่นหอมสดชื่น
ฉินสือโอวก้าวเท้าอย่างสบายๆ เดินไปที่ใต้ต้นบีช เขาลูบคลำลำต้นขณะที่ในใจก็กำลังคิดว่าหรือเขาจะกลับไปปลูกต้นไม้ชนิดนี้ไว้ในสวนบ้าง
ต้นบีชมีทัศนียภาพที่ไม่เลวเลย อีกทั้งยังมีประโยชน์ใช้สอยอยู่มาก ท่อนไม้สามารถจมอยู่ในน้ำได้นานโดยที่ไม่ผุเปื่อย สามารถนำมาทำเป็นเครื่องใช้ เครื่องประดับตกแต่งภายในและด้ามจับของอุปกรณ์ รวมไปถึงเคาน์เตอร์วางของด้วย นอกจากนี้แล้วต้นไม้ชนิดนี้ยังออกผลเป็นเมล็ดถั่วที่สัตว์หลากหลายชนิดต่างก็ชอบกินกันทั้งนั้น
ด้านหลังตึกเล็กมีห้องแถวเรียงต่อกันอยู่ หลักๆ คือห้องเก็บเครื่องจักรยนต์ ห้องเก็บของกระจุกกระจิก กับโรงจอดรถ นอกจากนี้ทั้งสองฝั่งของตัวอาคารก็ยังมีฉางข้าวทรงกระบอกธนูขนาดใหญ่สองอันที่ตั้งแยกกันอยู่ทั้งสองฝั่ง ต่อไปถ้าเก็บเกี่ยวธัญญาหารแล้วก็เอามาใส่ไว้ข้างในก็พอ
บริเวณรอบๆ ฟาร์มเกษตรเป็นป่าไม้ผืนเล็กหนึ่งผืน บริเวณรอบๆ ฟาร์มเกษตรในแฮมิลตันไม่สามารถใช้ลวดเหล็กหรือรั้วไม้มาล้อมฟาร์มไว้ได้ เจ้าของฟาร์มจึงต่างพากันปลูกต้นไม้ขนาดเล็กไว้รอบๆ พอมันโตขึ้นแล้วก็จะสามารถตัดไปขายได้ โดยทั่วไปจะช่วยสร้างสภาวะแวดล้อมสีเขียวได้ด้วย
ฉินสือโอวเดินไปอีกไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นกระต่ายป่าสีเทาสองตัวก็กระโดดออกมาจากพื้นที่เพาะปลูก ตัวหนึ่งอยู่หน้าส่วนอีกตัวอยู่หลังและกำลังวิ่งเข้ามาถึงด้านหน้าฉินสือโอว หลังจากเงยหน้าพินิจพิเคราะห์เขาอยู่สักครู่ พวกมันก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเขา พวกมันกระดิกหูใบใหญ่ไปมา จากนั้นก็วิ่งออกไปอย่างช้าๆ
ภาพแบบนี้ทำให้ฉินสือโอวถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ชีวิตในฟาร์มเกษตรก็ไม่เลวเหมือนกันนะ
เหมาเหว่ยหลงนอนจนตะวันโด่งฟ้าถึงเพิ่งจะลุกขึ้นมา พอมองเห็นฉินสือโอวที่ดูกระปรี้กระเปร่าเขาก็หาวแล้วพูดออกมา “สุดยอด สุขภาพของนายตอนนี้ดีกว่าตอนเรียนมหา’ลัยอีกอะ ส่วนฉันน่ะไม่ไหวแล้ว”
ฉินสือโอวกลอกตาใส่แล้วพูดกับเขา “นายก็ดูสิว่าแต่ละวันฉันทำอะไรบ้าง? ทั้งวิ่ง เล่นบาส วิ่งถ่วงน้ำหนัก ว่ายน้ำ โต้คลื่น ร่างกายของฉันจะไม่สุดยอดได้ยังไง? ส่วนนายน่ะเหรอ? ตอนอยู่ที่จีนก็เที่ยวกลางคืนทุกวัน ใช้ชีวิตสำมะเลเทเมา ร่างกายยังไม่ทรุดโทรมก็ดีแค่ไหนแล้ว”
เหมาเหว่ยหลงรู้ข้อบกพร่องของตัวเองดี เขาจึงพยักหน้าแล้วพูดออกมา “ถ้าอย่างนั้นหลังจากนี้ฉันคงต้องตื่นมาออกกำลังกายแต่เช้าแล้วล่ะ สภาพแวดล้อมของฟาร์มนี้ดีสุดๆ เลย ไม่ได้ด้อยไปกว่าฟาร์มปลาของแกเท่าไร ออกกำลังกายตอนเช้าน่าจะมีกำลังดีเหมือนกัน”
ทั้งคู่พากันนั่งลง ต่อจากนั้นโอวหยางไห่ก็เดินตามเข้ามา หลังจากตื่นนอนเขาก็ออกไปเดินเล่นมาก่อนแล้วรอบหนึ่ง
หลิวซูเหยียนไปชงกาแฟมาหนึ่งกาแล้วนำมารินให้กับพวกเขา ชาวแคนาดาชอบดื่มกาแฟตอนเช้า มันทำให้รู้สึกสดชื่น นอกจากนี้แคนาดายังมีอากาศที่ค่อนข้างหนาวเย็นเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นการดื่มกาแฟร้อนๆ จะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมาได้
โอวหยางไห่ดื่มกาแฟเข้าไปหนึ่งอึก เขาพิงเก้าอี้อย่างสบายใจแล้วพูดขึ้นมา “เมื่อกี้ฉันเห็นกระต่ายจากข้างนอกอยู่หลายตัวเลย ถ้ามีเวลานายก็จัดการหน่อยแล้วกัน ดูท่าว่าช่วงนี้เจ้าของฟาร์มคนก่อนจะไม่ได้จัดการอะไรไว้เลย”
“มีกระต่ายสิถึงจะดี แปลว่าสภาพแวดล้อมดีใช่ไหมล่ะ แถมยังเอามากินได้ด้วย” ฉินสือโอวพูดอย่างหยอกเย้า ที่จริงแล้วเขารู้ว่าฟาร์มเกษตรกับฟาร์มปลาแตกต่างกัน ที่นี่ต้องป้องกันสัตว์ป่าจำพวกกระต่ายป่า กวางป่า หนูกับหมูป่าไว้ให้ดี พวกมันไม่เพียงแต่จะทำลายธัญพืชให้เกิดความเสียหาย แต่ยังมีการแพร่พันธุ์ที่ดีมากด้วย ถ้าพวกมันตั้งรกราก หลังจากนั้นคงเกิดวุ่นวายขึ้นแน่
ภารกิจหลักของเหมาเหว่ยหลงในปีนี้ไม่ใช่การเก็บเกี่ยวผลผลิต แต่เป็นการสืบเสาะศึกษาว่าจะทำยังไงถึงจะกลายเป็นเจ้าของฟาร์มเกษตรที่มีคุณสมบัติเหมาะสม นอกจากนี้ทางตอนเหนือของฟาร์มมาเธอร์เอิร์ธยังมีที่ดินรกร้างอยู่อีกหนึ่งผืน พวกสัตว์ป่าจึงพากันมุดเข้ามาจากตรงนั้น เขาต้องคิดหาวิธีจัดการกับพวกมันด้วย
ที่ดินรกร้างผืนนั้นไม่ได้อยู่ในฟาร์มเกษตรของเหมาเหว่ยหลง ดังนั้นเขาจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะไปขุดมัน แคนาดาไม่เหมือนกับจีน ที่นี่มีการควบคุมสิทธิ์การใช้ที่ดินที่เคร่งครัดมาก พื้นที่เพาะปลูกของจีนสามารถยึดครองพื้นที่ดินรัฐทั้งหัวท้าย ทั้งฝั่งซ้ายและขวาของคันนาได้ แต่ที่แคนาดาทำแบบนั้นไม่ได้ หลังจากร่างโครงการออกมาแล้ว จะไม่สามารถรุกล้ำออกไปได้อีก
นอกจากนี้โอวหยางไห่ยังได้วิเคราะห์ให้เหมาเหว่ยหลงฟังด้วยว่า ฟาร์มเกษตรของเขาผืนนี้ถ้าพูดโดยรวมก็ถือว่าไม่เลว แต่ยังมีข้อเสียอยู่หนึ่งอย่าง นั่นก็คือฟาร์มเกษตรของเขาไม่มีสระน้ำ มีแค่เครื่องปั๊มน้ำ
ผลิตผลทางการเกษตรต้องการการทดน้ำจากใต้ดินปริมาณมาก เครื่องปั๊มน้ำสามารถรับภาระข้อนี้ได้ แต่ถ้าใช้สระน้ำหรือทะเลสาบเล็กๆ ก็จะดียิ่งกว่า ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น เอาแค่เลี้ยงปลาน้ำจืดไว้ข้างในก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว
แต่ถึงอย่างไรฟาร์มมาเธอร์เอิร์ธก็มีพื้นที่น้อยอยู่แล้ว ไม่มีสระน้ำก็เป็นเรื่องปกติ โอวหยางไห่จึงแนะนำให้เหมาเหว่ยหลงลองศึกษาผลิตผลทางการเกษตรบางส่วนดูว่าอันไหนที่เขาปลูกได้ อันไหนที่เขาปลูกไม่ได้ ถ้าปลูกไม่ไหวก็ค่อยเลือกพื้นที่มาขุดเป็นสระน้ำ นำมาใช้สำหรับรดน้ำจะเหมาะสมยิ่งกว่า แล้วหลังจากนี้จะได้เลี้ยงปลาเลี้ยงกุ้งกับเป็ดไก่อะไรพวกนั้นด้วย
ตอนที่โอวหยางไห่ให้คำแนะนำกับเหมาเหว่ยหลง ฉินสือโอวก็นั่งฟังอยู่ด้วย เขายังมีเงินสดสำรองอยู่ไม่น้อย ถ้าไม่ได้บุกเบิกฟาร์มปลาแห่งใหม่แล้ว ก็คงซื้อฟาร์มเกษตรมาลงทุนสักที่ พอได้เห็นฟาร์มเกษตรของเหมาเหว่ยหลง เขารู้สึกว่ามันไม่เลวเลยเหมือนกัน
ถ้าไม่ได้มีงานอะไร ฉินสือโอวคงพักอยู่ที่นี่อีกหลายๆ วัน แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นวินนี่ก็โทรศัพท์มาหา บอกว่ามีคนญี่ปุ่นมาเยี่ยมเขา ให้เขากลับไปหาหน่อย
บทที่ 652 อย่าแหย่หมา
โดย
Ink Stone_Fantasy
ถึงแม้ว่าในสายโทรศัพท์วินนี่จะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่ฉินสือโอวก็รู้ว่าคนญี่ปุ่นที่เธอบอกว่ามาหาเขาก็คือเทซึกะ โกดะนั่นเอง เนื่องจากเขาก็รู้จักคนญี่ปุ่นอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น
เพราะโดยสารเฮลิคอปเตอร์ ฉินสือโอวจึงไปถึงฟาร์มปลาได้โดยทันที ใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ส่งเสียงร้องคำรามพร้อมพัดกระแสลมแรงจนฝุ่นและใบหญ้าที่อยู่บนบริเวณลานกว้างฟุ้งกระจายออกไป มันค่อยๆ ร่อนลงจอดอย่างช้าๆ ฉินสือโอวผลักประตูห้องโดยสารออกแล้วก้าวเดินลงมา
การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงดีกว่าการเลี้ยงลูกอยู่อย่างหนึ่งก็คือพอพวกมันเห็นเจ้านายกลับมาแล้วก็จะพากันวิ่งเข้ามาต้อนรับ ตอนที่เฮลิคอปเตอร์ยังบินวนอยู่บนท้องฟ้า หู่จือกับเป้าจือก็โดดส่ายหางไปมารอเขาอยู่ด้านล่างแล้ว รอจนฉินสือโอวลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ พวกมันก็กระโจนเข้าไปจากทั้งทางซ้ายและขวาทันที
เหมือนตามปกติ หู่จือเดินมาทางซ้าย ส่วนเป้าจือมาจากทางขวา พวกมันเป็นสุนัขที่น่ารักมากๆ ทั้งสองตัว
พอฉินสือโอวกลับมาถึงวิลล่า คนที่มาก็คือพวกของเทซึกะ โกดะจริงๆ เขาพานิชิมุระ เร็นที่เป็นผู้ช่วยกับผู้ชายชาวญี่ปุ่นที่สวมเสื้อผ้าชุดสูทอย่างเป็นระเบียบอีกสองสามคนมาด้วย นอกจากนี้ยังมีชายผิวดำอีกคนที่มาด้วยกัน บัตเลอร์
พอได้เห็นฉินสือโอวแล้ว เทซึกะ โกดะก็รีบลุกขึ้นมาทันที เขาทำเหมือนฝึกซ้อมกันมา เขาพึ่งจะลุกขึ้นมา กลุ่มผู้ติดตามที่อยู่ด้านหลังก็พากันลุกขึ้นมาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยทันที ต่อจากนั้นเทซึกะ โกดะจึงโค้งคำนับพร้อมทั้งพูดแสดงเคารพออกมา “ฉินซัง ผมคิดว่าตั้งแต่จากกันคุณคงสบายดี ผมยังนึกถึงคุณอยู่เสมอนะครับ!”
คนมากมายขนาดนี้มาโค้งคำนับให้เขา ฉินสือโอวจึงรู้สึกไม่ค่อยชินเท่าไร เขารีบเชิญให้ทุกๆ คนนั่ง
เทซึกะ โกดะนั่งลงไปบนโซฟาด้วยก้นเพียงครึ่งเดียวเหมือนกับนักเรียนชั้นมัธยมที่ถูกครูใหญ่อบรมอย่างไรอย่างนั้น เขาพูดด้วยความเคารพและนอบน้อม “นานขนาดนี้แล้วเพิ่งจะมาเยี่ยมฉินซัง เสียมารยาทจริงๆ หวังว่าฉินซังจะอนุญาตให้ผมได้อธิบายนะครับ ช่วงที่ผ่านมาปลาทูน่าที่พวกเราเพาะเลี้ยงไว้เกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย ผมเลยยุ่งอยู่ตลอด ดังนั้นจึงไม่สามารถมาเยี่ยมคุณได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ต้องขออภัยจริงๆ !”
ฉินสือโอวพูดในใจว่าเขาต่างหากที่ควรจะเป็นคนขอโทษ พวกพี่ๆ คงคิดไม่ถึงแน่ว่าคนที่แย่งปลาทูน่าไปจากพวกนายก็คือฉันนี่แหละ แต่ถึงรู้แล้วจะทำไมล่ะ? อยู่ในถิ่นของฉันพวกนายกล้าเหวี่ยงดาบคาตานะมาเชือดฉันงั้นเหรอ?
คนญี่ปุ่นเวลาทำงานอะไรจะชอบชักแม่น้ำทั้งห้าพูดวกไปวนมาก่อน หลังจากได้พบกันแล้วเทซึกะ โกดะก็เริ่มพิธีน้ำชาก่อน เขาพูดประจบอย่างเกินจริง บอกว่าใบชาที่บ้านของฉินสือโอวดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ จนเออร์บักนึกว่าเขามาที่นี่เพื่อซื้อใบชาเสียอีก
บัตเลอร์ไม่ได้มีความอดทนพอที่จะอยู่ที่นี่เพื่อคุยกันเรื่องไร้สาระ เทียบกันกับพวกเทซึกะ โกดะแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสไตล์การแต่งตัวหรือพฤติกรรมก็ทำให้เขาดูเหมือนกับนายทหารสังกัดทั่วไปมากกว่า เจ้าหมอนี่ถึงกับแบกเป้ทหารมาด้วยซ้ำ พอมองดูคนญี่ปุ่นคนอื่นก็พบว่าพวกเขาต่างก็พากันสวมสูทแอร์เมสถือกระเป๋าใส่เอกสารกันทั้งนั้น
ที่ทำให้ฉินสือโอวพูดไม่ออกยิ่งกว่าก็คือหลังจากดื่มชาเสร็จ บัตเลอร์ก็เปิดกระเป๋าออกแล้วหยิบจานร่อนสีเหลืองออกมาจากข้างในหนึ่งอัน หลังจากนั้นก็วิ่งกระหยิ่มยิ้มย่องออกไปหาหู่จือกับเป้าจือที่ประตู
ตอนที่หู่จือกับเป้าจือยังเป็นเด็ก ฉินสือโอวเคยเล่นเกมร่อนจานกับพวกมัน แต่แค่แป๊บเดียวเขาก็รู้แล้วว่าเกมนี้ไม่มีความหมายสำหรับหมาฉลาดๆ อยากแลบราดอร์ โดยเฉพาะกับหู่จือและเป้าจือที่เฉลียวฉลาดเป็นพิเศษเพราะได้รับพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอน
บัตเลอร์ไม่รู้เรื่องนี้ เขาเอาจานร่อนโบกไปโบกมาอยู่ตรงหน้าหู่จือกับเป้าจือพร้อมกับพูดพึมๆ พำๆ เหมือนกำลังเล่นกับเด็ก “เฮ้ เด็กน้อยน่ารัก ดูสิว่าคุณอามีอะไรมาให้พวกแกเล่น? โอ้พระเจ้า นี่คือจานร่อนเหรอ? นี่เป็นจานร่อนยี่ห้ออะไรนะ? พวกแกอยากได้ใช่ไหม? ถ้าอยากได้ก็ไปเอามาสิ…”
ปากก็พูดเหมือนร้องเพลงแร็ป ส่วนแขนของบัตเลอร์ก็ร่อนจานร่อนออกไป หลังจากนั้นเขาก็มองสุนัขทั้งสองตัวด้วยความลิงโลด คิดจะรอให้พวกมันไปเอาจานร่อนกลับมา
แต่ปรากฏว่าหู่จือกับเป้าจือกลับส่งแววตาที่เหมือนมองคนโง่ออกมา พวกมันเหล่ตามองไปที่บัตเลอร์ แสยะปากแลบลิ้นออกมา ดูเหมือนกับว่าพวกมันกำลังยิ้มเหยียดบัตเลอร์อยู่
บัตเลอร์รู้สึกมึนงง เขาชี้ไปที่จานร่อนแล้วตะโกนออกมา “ไปเก็บมันมาสิ พวกแกเล่นมันไม่เป็นเหรอ? อ๋อ ไม่ พวกแกสองตัวมันซื่อบื้อ!”
หู่จือกับเป้าจือไม่ยอมไปเก็บอยู่แล้ว พวกมันนั่งอยู่ตรงสองข้างของประตูเหมือนเทพทวารบาลพร้อมแลบลิ้นมองบัตเลอร์
บัตเลอร์หมดปัญญา เขาทำได้แค่ไปเก็บมันกลับมาเองอย่างเซ็งๆ
ในตอนนี้เอง ขณะที่เขาไม่ทันสังเกต ที่ด้านหลังของเขา หู่จือกับเป้าจือหันมาสบตากันอย่างหน้าซื่อใจคด ต่อจากนั้นเป้าจือก็พุ่งออกไปที่ร่มเงาของวิลล่าตรงข้างๆ กันกับที่ที่มีห่านไท่หูด้วยความรวดเร็ว มันอ้าปากออกแล้วลากปีกของห่านไท่หูตัวหนึ่งให้ออกมาด้านนอก
คราวนี้ห่านไท่หูก็รู้สึกโมโหขึ้นมาแล้ว ไอ้แก่กินสารหนู ขาแกเบื่อชีวิตแล้วใช่ไหม ช่วงนี้พวกมันถูกบุชกับนิมิตส์ทารุณจนทำตัวดีขึ้นมามากแล้วจึงไม่โจมตีคนและสัตว์อื่นก่อน แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าถ้าถูกยุแหย่แล้วพวกมันจะไม่โต้ตอบ
ทันใดนั้นห่านขาวเจ็ดแปดตัวก็พากันร้องแควกๆ แล้วลุกขึ้นมา มันกระพือปีกไล่ตามไปโจมตีเป้าจืออย่างมุทะลุดุดันและโหดร้าย
ขาสั้นๆ ของเป้าจือวิ่งสะบัดไปอย่างรวดเร็วแล้วพาห่านขาวบุกไปข้างหลังบัตเลอร์
บัตเลอร์ได้ยินเสียงร้องแควกๆ ของห่านขาวจึงหันกลับไปดูด้วยความงุนงง ต่อจากนั้นเขาก็พบกับสุนัขตัวหนึ่งที่พาฝูงห่านหนึ่งฝูงพุ่งมาทางนี้
ครั้งแรกที่บัตเลอร์มาที่นี่ ฉินสือโอวเคยบอกเขาไว้ว่าสามารถแหย่หมาแลบราดอร์ได้ สามารถแหย่กวางอูฐได้ และแม้กระทั่งแหย่หมีสีน้ำตาลเล่นก็ยังทำได้ แต่ห้ามไปแหย่ห่านในฟาร์มปลา ถ้าไปแย่มันเข้าก็ต้องรีบวิ่งหนีให้ไว
บัตเลอร์ได้ยินคำเตือนแต่ก็ไม่ได้จำเอาไว้ในใจ ทว่าเขาก็ไม่ได้ไปแหย่ฝูงห่านเล่น เขาจะไปแหย่ห่านขาวทำบ้าอะไร?
ดังนั้นในใจของเขาจึงไม่เคยรับรู้กำลังสู้รบของห่านขาวมาก่อน เจ้าพวกนี้ถ้าเอาไปลงกระทะก็จะกลายเป็นอาหารเลิศรสแถมยังเป็นที่มาของฟัวกราส์ด้วย และถึงยังไงโดยทั่วไปห่านที่เขาเคยเห็นก็มีแต่ท่าทางโง่งุ่มง่ามทั้งนั้น
ดังนั้นคราวนี้เขาจึงไม่ได้วิ่งหนีไปตั้งแต่แรก และยังมองดูพวกห่านขาววิ่งไล่ตามเป้าจือไปทั่วพร้อมพูดออกมาอย่างทอดถอนใจ “พระเจ้า ที่แท้ห่านพวกนี้ก็วิ่งได้เฮ้ย…”
ยังไม่ทันได้พูดจนจบ เป้าจือก็วิ่งอ้อมมาทางเขาด้วยความรวดเร็ว บัตเลอร์เองก็แฉลบตัวออกเพื่อคิดจะหลบฝูงห่านที่ตามมาด้วยความรวดเร็วพวกนี้ ทว่าเป้าจือก็ซ่อนอยู่ด้านหลังตัวเขาแล้ว พวกห่านขาวจึงพากันเปลี่ยนเป้าหมาย จะกำจัดคนเลวก็ต้องกำจัดอย่างถอนรากถอนโคน ถ้าร่วมมือกับพวกมันก็ต้องตาย!
ห่านขาวหลายตัวยื่นคออ้าปากล้อมโจมตีบัตเลอร์เข้ามาจากทุกทิศทาง…
“แควกๆ!” “แควกๆๆ!”
“ฟัค!” เสียงร้องครวญครางดังขึ้นมา “โอ้ พระเจ้า เจ็บจะตายแล้วก้นฉัน! ไสหัวไปไอ้พวกโง่! อย่ากัดรองเท้าฉัน! ออกไป! โอ๊ยไข่ฉันๆ ! พระเจ้าช่วยลูกด้วย…”
เมื่อโอนถ่ายความโกรธแค้นสำเร็จแล้ว เป้าจือก็วิ่งกลับมาหาหู่จืออย่างสบายใจ สุนัขทั้งสองตัวนอนหมอบลงไปแล้วมองดูท่าทางน่าเวทนาของบัตเลอร์อย่างเมามัน
ไม่ว่าจะยังไงบัตเลอร์ก็เป็นชายผิวสีร่างกายสูงใหญ่บึกบึน เขาทั้งเตะทั้งถีบจนในที่สุดก็หาทางหนีออกมาจากการฆาตกรรมของฝูงห่านได้ เขาเอามือปิดเป้ากางเกงไว้แล้ววิ่งโซซัดโซเซออกมา
ฝูงห่านขาวไล่ตามมาอีกไม่กี่ก้าว รอจนเขาเข้าไปในวิลล่าแล้วถึงพากันหยุด นี่ต้องขอบคุณบุชกับนิมิตส์ที่เคยให้บทเรียนพวกมันไว้ ถ้าเข้าไปในวิลล่าพวกแกได้นั่งเครื่องบินบกแน่!
เห็นบัตเลอร์วิ่งกลับมาอย่างน่าเวทนา ฉินสือโอวจึงถามเขา “นายไปทำอะไรมา? นายไม่ได้ออกไปเล่นจานร่อนหรอกเหรอ? ทำไมถึงได้ไปแหย่ฝูงห่านเข้าล่ะ?”
ใช้ส้นเท้าคิดก็รู้สาเหตุที่บัตเลอร์ต้องตกอยู่ในสภาพอันน่าสังเวชออก นอกจากห่านขาวแล้วจะยังมีใครที่แน่ขนาดนี้อีก?
บัตเลอร์มีทุกข์อยู่ในใจแต่พูดไม่ออก เขาคงจะพูดว่าตัวเองถูกหมาวางแผนทำร้ายไม่ได้หรอกใช่ไหม? ยิ่งกว่านั้นในใจของเขาก็ยังคิดว่ามันคงเป็นแค่เรื่องบังเอิญด้วยจึงไม่ได้เอาเรื่องนี้กับเรื่องที่เขาเพิ่งจะหยอกเย้าหู่เป้ามาเชื่อมโยงกันได้
เมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรม อารมณ์ร้อนของบัตเลอร์ย่อมต้องมีมากอยู่แล้ว เขาเห็นว่าเทซึกะ โกดะยังมัวแต่พูดจาวกวนกับฉินสือโอวจึงพูดออกไปตรงๆ ทันที “วันนี้ฉันไม่ได้มาจิบชา พูดตรงๆ เลยนะฉิน ที่ฉันกับมิสเตอร์เทซึกะมาหานายที่นี่ ก็เป็นเพราะอยากให้เขาช่วยแก้ไขความเข้าใจผิดให้ฉัน!”
บทที่ 653 ไม่ร่วมมือด้วย
โดย
Ink Stone_Fantasy
เมื่อได้ยินที่บัตเลอร์บอกและมองดูสีหน้าท่าทางที่ดูกล้ำกลืนเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมของเขา ฉินสือโอวก็เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ แก้ไขความเข้าใจผิดอะไรกัน? เขาได้รับความไม่เป็นธรรมอะไรจากที่นี่?
ที่จริงแล้วบัตเลอร์เป็นคนเฉลียวฉลาดและเจนโลกมาก ถึงได้ตั้งตัวเป็นใหญ่ในตลาดปลาฟูลตันของนิวยอร์กได้ พอเห็นสีหน้าของฉินสือโอว เขาก็รู้แล้วว่าเจ้าหมอนี่ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้ไปแล้ว จึงรีบเตือนความจำเขา “ชาลส์ มอลลี่ไงเพื่อน ไอ้มอลลี่ที่หน้าเหมือนกองขี้หมานั่นไง!”
ฉินสือโอวชะงักงันไปทันที ชาลส์ มอลลี่ ลูกชายคนที่สามของตระกูลมอลลี่ที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมการประมงรัฐนิวยอร์ก ก่อนหน้านี้เจ้าหมอนั่นมาหาเขาเพื่อจะร่วมมือกันจับปลาทูน่า แต่โดนเขาปฏิเสธไป อีกทั้งในตอนนั้นเขายังคิดว่าคนที่ปล่อยข่าวเรื่องปลาทูน่าในฟาร์มปลาของเขาคือบัตเลอร์
ได้ยินชื่อ ‘ชาลส์ มอลลี่’ ท่าทางลุกลี้ลุกลนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนิชิมุระ เร็นอยู่แวบหนึ่ง ส่วนเทซึกะ โกดะก็ดึงหน้าตึง เส้นเลือดดำบนหน้าผากของเขาเริ่มเต้น ‘ตุบๆๆ’
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฉินสือโอว เทซึกะ โกดะก็ลุกขึ้นยืนแล้วโค้งคำนับให้เขาอีกครั้งพร้อมพูดเสียงดัง “ขอโทษจริงๆ ครับ ฉินซัง! เป็นที่น่าละอายจริงๆ ที่เรากลับมีคนทรยศแบบนี้อยู่เสียได้ สำหรับเรื่องที่เขาทำความลับทางการค้าของเรารั่วไหล ผมรู้สึกผิดอย่างถึงที่สุด ผมจะต้องให้คำอธิบายกับคุณได้แน่ๆ ครับ!”
พอพูดจบเทซึกะ โกดะก็หันกลับไปจ้องนิชิมุระ เร็นเขม็งก่อนโบกมือฟาดลงไปบนหน้าของนิชิมุระ เร็นอย่างรุนแรงจนเขาถึงกับเซ ทว่านิชิมุระ เร็นก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา หลังจากถูกตบเขาก็ยังก้มหน้าตะโกนว่า ‘ไฮ่’ อยู่
“บากะ! (ไอ้โง่) นิชิมุระคุง! ชาลส์ มอลลี่รู้เรื่องที่ปลาทูน่าในฟาร์มปลาของฉินซังได้ยังไงกัน?!” เทซึกะ โกดะตบนิชิมุระ เร็นอย่างแรงจนหมุนเป็นลูกข่าง ปากก็แผดเสียงคำรามไม่หยุด “นี่เป็นเรื่องที่บัตเลอร์บอกแค่ฉัน แล้วฉันก็เคยพูดถึงมันครั้งเดียวตอนงานเลี้ยงที่บ้าน ตอนนั้นมีแค่นายคนเดียวที่อยู่ข้างๆ …บากะ!”
“เพี๊ยะๆๆ!”
ฉินสือโอวอดแสยะปากไม่ได้ ว้าว ตอนเป็นเด็กเทซึกะ โกดะคงจะเป็นนักตีลูกข่างมือดีแน่ๆ สะบัดฝ่ามือแบบนี้ คงจะปั่นแบบพายุทอร์นาโดเลยใช่หรือเปล่านะ?
ทว่าเขาไม่อยากเห็นเรื่องพวกนี้ ไม่ใช่ว่าเป็นห่วงนิชิมุระ เร็น แต่เทซึกะ โกดะนี่หมายความว่ายังไง? ใช้ความรุนแรงต่อหน้าเขาเนี่ยนะ? ขอโทษนะ แต่ตอนนี้เขารบกันทางเครื่องบินแล้ว ยุคของการต่อสู้แบบตัวต่อตัวมันสิ้นสุดไปแล้ว
ฉินสือโอวกระแอมไอ เขาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกล่าวออกมา “ผมเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น มิสเตอร์เทซึกะ รบกวนคุณหยุดทำเถอะครับ”
เซอร์ไอแซก นิวตันกล่าวว่าแอคชั่นเท่ากับรีแอคชั่น เทซึกะ โกดะสะบัดฝ่ามือแบบนี้ นิชิมุระ เร็นจึงถูกตบจนน่าเวทนามากจริงๆ ทว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้หนีไปไหน ฉินสือโอวคิดว่าพอกลับไปเขาคงต้องทายาขาวยุูนนานแล้วล่ะ
พอฉินสือโอวเอ่ยปาก เทซึกะ โกดะจึงอาศัยจังหวะนี้หยุดมือของเขาแล้วลงจากเวที เขามองไปที่ฉินสือโอวแล้วพูดออกมา “ขอโทษจริงๆ ครับ ฉินซัง หลังจากที่ผมรู้จากบัตเลอร์ซังว่าตระกูลมอลลี่รู้ข่าวว่าฟาร์มปลาของคุณมีปลาทูน่าครีบน้ำเงินอยู่ ผมก็ตรวจสอบเรื่องนี้อยู่ตลอด สุดท้ายจึงตรวจเจอว่าไอ้คนชั่วนิชิมุระ เร็นเป็นฝ่ายทรยศพวกเรา…”
ฉินสือโอวโบกมือขัดคำพูดของเทซึกะ โกดะ ทำแบบนี้ไม่มีมารยาทมากๆ แต่เขารู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องเลยนี่หว่า คำว่า ‘พวกเรา’ ของเทซึกะ โกดะหมายถึงใครกับใครที่เป็น ‘พวกเรา’ เหรอ?
เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ก็ไม่ควรพูดออกมาอย่างชัดแจ้ง ฉินสือโอวจึงทำได้แค่พูดเรื่องอื่นแทน “มิสเตอร์เทซึกะ ที่จริงคุณคิดมากไปแล้วล่ะครับ ข้อมูลนี้มันไม่มีอะไรเลย ปลาทูน่าครีบน้ำเงินไม่ได้เป็นของฟาร์มปลาที่ใดที่หนึ่ง พวกมันเป็นปลาที่ว่ายน้ำท่องไปทั่วโลก ผมยอมรับว่าบางทีก่อนหน้านี้พวกมันอาจจะเคยปรากฏตัวขึ้นในฟาร์มปลาของผม แต่จากที่ผมค้นหาในฟาร์มปลาตอนนี้ ก็หาพวกมันไม่เจอแล้วล่ะครับ”
“บางทีอาจจะไปที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ หรืออาจจะไปที่ชายหาดน้ำตื้นจอร์จ?” บัตเลอร์ช่วยพูดเสริม
เทซึกะ โกดะยิ้มแหยๆ ถึงจะไม่ได้พูดว่าไม่เชื่อ ทว่าสีหน้าบนใบหน้าชราก็เขียนไว้อย่างชัดแจ้งว่า ‘ข้าไม่ได้หลอกได้ง่ายๆ หรอกนะ’
ฉินสือโอวขี้เกียจพูดอะไรมาก จึงพูดออกไปอย่างเรียบๆ “ถ้าไม่เชื่อ มิสเตอร์เทซึกะจะเอาโซนาร์ตรวจหาปลาพลังสูงมาลองค้นฟาร์มปลาผมดูก็ได้”
เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ถูกเรือวิจัยทางวิทยาศาสตร์ค้นพบร่องรอย ฉินสือโอวจึงออกคำสั่งปลาฝูงนี้ไปตั้งนานแล้ว นอกจากตอนล่าอาหาร เวลาอื่นต้องดำน้ำลงไปอยู่ติดกับใต้ท้องท้องทะเล ไม่อนุญาตให้ว่ายน้ำขึ้นไปที่ชั้นน้ำระดับกลางกับระดับบน
เทซึกะ โกดะพูดยิ้มๆ “ฉินซังพูดหนักไปแล้ว ผมจะไม่เชื่อคุณได้ยังไงกันล่ะ? อีกอย่าง ที่ผมมาครั้งนี้ก็ไม่ใช่เพราะปลาทูน่า แต่เป็นเพราะผมอยากจะร่วมมือกับคุณบุกเบิกตลาดอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉิน!”
ฉินสือโอวกัดฟันขบเหงือกมองไปที่บัตเลอร์ เพื่อนเอ้ย ทำไมปากนายถึงได้กว้างขนาดนี้กันนะ?
พอบัตเลอร์เห็นสีหน้าของเขาก็เอามือถูเป้ากางเกงต่อไม่ได้แล้ว เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้หูของฉินสือโอวแล้วพูดเสียงเบา “เพื่อน พวกเราเริ่มงานโฆษณาไปตั้งนานแล้วโอเคไหม? อาหารทะเลต้าฉินแพร่ขยายไปสู่ตลาดอาหารทะเลขนาดใหญ่หลายแห่งแล้ว เรื่องนี้จะโทษฉันได้เหรอ?”
ฉินสือโอวลองคิดดูแล้วก็เห็นว่าจริง นี่เขาสงสัยบัตเลอร์จนติดเป็นนิสัยแล้ว
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาที่กำลังรอคอยอย่างคาดหวังของเทซึกะ โกดะ ฉินสือโอวก็หัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา “ไม่มีปัญหาครับ มิสเตอร์เทซึกะ ถ้าหากอาหารทะเลของเราจะขึ้นฝั่งตลาดประเทศญี่ปุ่น ผมจะติดต่อคุณไปแน่ๆ สำหรับตอนนี้ ฮ่าๆ อาจจะยังไม่เหมาะสักเท่าไร ฟาร์มปลาของผมมีผลการเก็บเกี่ยวอยู่อย่างจำกัด ยังห่างไกลกับการส่งขายให้ทั่วพื้นที่อเมริกาเหนืออยู่เลย ดังนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเอเชียตะวันออกเลยครับ”
นี่ไม่ใช่คำพูดเหลวไหล บัตเลอร์เองก็ผงกหัวเห็นด้วยเหมือนกับลูกไก่ เขาเข้าใจความน่ากลัวของปริมาณการบริโภคของตลาดอาหารทะเลในอเมริกาเหนือดียิ่งกว่าฉินสือโอวเสียอีก
เทซึกะ โกดะไม่ยอมแพ้ เขาเคยชิมอาหารทะเลของฟาร์มปลาต้าฉินมาก่อนถึงได้มาที่นี่ ในฐานะที่เป็นผู้ค้าอาหารทะเลที่มีคุณวุฒิ เขารู้มูลค่าที่ซ่อนอยู่ด้านในฟาร์มปลาของฉินสือโอวดีกว่าเจ้าตัวเสียอีก!
เพื่อที่จะคว้าสิทธิ์ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายของฟาร์มปลาต้าฉินในญี่ปุ่น เทซึกะ โกดะจึงพยายามอย่างสุดกำลัง เขาเสนอเงื่อนไขสารพัดอย่าง คาดว่าถ้ามีลูกสาวก็คงเสนอให้มาเป็นเมียน้อยของฉินสือโอวไปแล้ว แน่นอนว่าพอมองหน้ารูปช้อนใส่รองเท้าของเขา คุณท่านฉินก็คงไม่ค่อยจะพอใจนัก
สรุปแล้ว สุดท้ายทั้งการพูดคุยของทั้งสองฝั่งก็ล่มไม่เป็นท่า
เทซึกะ โกดะนึกว่าที่ฉินสือโอวไม่อยากร่วมมือกันเป็นเพราะเชื้อชาติของเขา แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฉินสือโอวแค่รู้สึกว่าตอนนี้เขายังไม่ได้วางแผนที่จะเข้าสู่ตลาดเอเชีย ถ้าอย่างนั้นทำไมเขาจะต้องรีบหาหุ้นส่วนไว้เร็วขนาดนี้ด้วยล่ะ? การรักษาความสัมพันธ์กับการแบ่งกำไรมันวุ่นวายมากเข้าใจไหม?
มารยาทของคนญี่ปุ่นต่อหน้าคนอื่นไม่ใช่เรื่องคุยโว ถึงแม้จะมาเสียเที่ยวแล้วหนึ่งรอบ ทว่าตอนที่เทซึกะ โกดะกำลังจะกลับใบหน้าของเขาก็ยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แถมยังบอกฉินสือโอวอย่างนอบน้อมและจริงใจว่าถ้ามีเวลาว่างก็ให้เขาไปเป็นแขกที่โตเกียวอีก
ฉินสือโอวยิ้มและตอบรับเขาไป หลังจากนั้นก็พาพวกเทซึกะ โกดะไปส่ง แต่เขากลับเห็นนิชิมุระ เร็นยืนอยู่ในห้องรับแขกคนเดียวจึงพูดขึ้นมา “มิสเตอร์เทซึกะ ทำไมคุณถึงไม่พามิสเตอร์นิชิมุระไปด้วยล่ะครับ?”
เทซึกะ โกดะพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ผมไล่เขาออกแล้ว! บริษัทร่วมทุนคิโยมุระจะไม่จ้างขยะสังคมและคนคุณภาพย่ำแย่ขนาดนี้มาเป็นพนักงานเด็ดขาด!”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ใบหน้าของนิชิมุระ เร็นก็เหมือนถูกตอกหน้าอย่างจัง เรียกได้ว่าขาวซีดอย่างสิ้นหวังเลยทีเดียว
ในแวดวงอาชีพของญี่ปุ่น ถ้ามีคนถูกจำกัดความว่าเป็นคนคุณภาพย่ำแย่ ถ้าอย่างนั้นก็นับว่าเขาถูกทำลายจากแวดวงอาชีพนั้นไปแล้ว ต่อจากนี้จะไม่มีใครจ้างงานเขาอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งสำคัญเลย
พวกเขาไม่ใส่ใจนิชิมุระ เร็น เทซึกะ โกดะกับคนอื่นๆ จากไปอย่างไม่ลังเล รอจนพวกเขาไปแล้ว ฉินสือโอวก็รินชาร้อนๆ ให้เขาด้วยความสงสาร ไม่ว่าจะพูดยังไงในตอนนั้นเด็กหนุ่มก็เคยต้อนรับเขากับวินนี่อย่างมีไมตรี
สองมือถือชาร้อนที่ฉินสือโอวยื่นให้เอาไว้ แต่ทันใดนั้นลูกผู้ชายอย่างนิชิมุระ เร็นก็ร้องไห้จ้าออกมา “ฉินซัง! ขอให้คุณเชื่อผมเถอะครับ! เรื่องที่เกี่ยวข้องกับฟาร์มปลาของคุณ! ผมไม่เคยพูดให้ใครฟังมาก่อนเลย! พี่สาวคนเดียวของผมก็ไม่รู้เรื่องนี้! ผมไม่เคยพูดแม้กระทั่งเรื่องของคุณกับวินนี่ซังเลยด้วยซ้ำ!”
บทที่ 654 จับปลานิล
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวเห็นนิชิมุระ เร็นร้องไห้อย่างเจ็บปวดแบบนั้นจึงพูดโน้มน้าวเขาออกมา “ไม่เป็นไร มิสเตอร์นิชิมุระ ผมไม่ได้ใส่ใจจริงๆ ว่าเรื่องนี้จะถูกใครรู้เข้า ใครๆ ก็รู้ว่าไม่มีทางเลี้ยงปลาทูน่าให้เชื่องได้ ยิ่งไปกว่านั้นคุณก็เห็นแล้วว่าฟาร์มปลาของผมเป็นแบบเปิด แล้วจะเลี้ยงปลาทูน่าไว้ได้ยังไงกันล่ะ?”
ที่จริงเทซึกะ โกดะเชื่อคำอธิบายพวกนี้แล้ว ถ้าเขาไม่ได้มาที่ฟาร์มปลาต้าฉิน เขาก็คงคิดว่าฟาร์มปลาอาจจะใช้ปลาซาร์ดีนปริมาณมากเพื่อดึงดูดปลาทูน่ามา หลังจากนั้นก็ล้อมอวนเลี้ยงพวกมันไว้ แต่หลังจากเขามาถึงก็พบว่าฟาร์มปลาไม่ใช่ฟาร์มแบบล้อมปิด ถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีทางเลี้ยงปลาทูน่าไว้ได้แน่
ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่กลับไปอย่างสบายอกสบายใจขนาดนี้
นิชิมุระ เร็นกลับไม่ฟังคำอธิบายพวกนี้ “ไม่ครับ ฉินซัง ฮือๆ คุณไม่เข้าใจความรู้สึกของผม! ผมถูกใส่ร้าย ผมถูกใส่ร้ายครับ! แถมมิสเตอร์เทซึกะยังคิดว่านิสัยของผมมีปัญหา ผมจะมีหน้ากลับไปที่โตเกียวได้ยังไงกันล่ะครับ?”
บัตเลอร์แบะปากพูดออกมา “ถ้านายไม่เคยไปพูดอะไรกับมอลลี่จริงๆ แล้วตอนที่กำลังพูดถึงชื่อเขา ทำไมนายต้องกลัวขนาดนั้นด้วย?”
นิชิมุระ เร็นเงยหน้ามองฉินสือโอว เขาสะอึกสะอื้นอยู่สักพัก จากนั้นจึงกัดฟันพูดขึ้นมา “ผมเคยได้ยินบัตเลอร์ซังบ่นท่านประธานเรื่องที่ตระกูลมอลลี่รู้ความลับบางส่วนของฟาร์มปลาต้าฉิน แล้วจากที่ผมรู้มา คนที่รู้ความลับเรื่องนี้ก็มีแค่คุณ ผมแล้วก็ท่านประธาน ตอนที่ประธานพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ผมก็เดาได้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น!”
“ความจริงช่วยพิสูจน์แล้ว ผมเดาไม่ผิดเลยจริงๆ!” นิชิมุระ เร็นยิ่งพูดท่าทางของเขาก็ยิ่งน่าสงสาร
บัตเลอร์ลูบริมฝีปากล่างของตัวเองไปมา ต่อจากนั้นเขาก็ตบไหล่นิชิมุระแล้วพูดออกมา “ฉันเชื่อนาย”
ฉินสือโอวจึงถามเขาด้วยความสับสนงุนงง “นายคิดว่า เทซึกะ โกดะเป็นคนบอกเรื่องนี้กับตระกูลมอลลี่เหรอ?”
บัตเลอร์ทำเสียงฮึดฮัด เขากล่าว “ตามที่ฉันรู้มา เทซึกะ โกดะกับตระกูลมอลลี่คบค้ากันมาโดยตลอด ถ้าตระกูลมอลลี่ได้ช่องทางการจัดส่งผลผลิตปลาทูน่าครีบน้ำเงินจากนายจริงๆ และถ้าพวกเขาร่วมมือกัน ก็ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะสามารถกวาดล้างตลาดปลาทูน่าของโตเกียวได้”
ฉินสือโอวยักไหล่ เขาไม่ค่อยอ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้นัก ในเมื่อเทซึกะ โกดะก็จากไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าเรื่องนี้ถูกเปิดโปงแล้วเหมือนกัน
บัตเลอร์ทำท่าทางลับๆ ล่อๆ เรียกนิชิมุระ เร็นที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นมาข้างๆ ไม่รู้ว่ากำลังปรึกษาอะไรกัน ฉินสือโอวเห็นว่าสีหน้าของนิชิมุระ เร็นเริ่มยุ่งเหยิงขึ้นมากกว่าเดิม ต่อจากนั้นเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นรู้สึกดีใจขึ้นมา และในตอนท้ายก็คึกคักดีใจขึ้นมาแล้ว…
เขาได้แต่ส่ายหัว ฉินสือโอวเก็บจานร่อนที่บัตเลอร์ทิ้งไว้หน้าประตูขึ้นมาแล้วเดินออกไปนอกวิลล่า เขาสะบัดมือหนึ่งครั้ง จานร่อนก็ส่งเสียงหวูดๆ บินออกไปไกลๆ
เมื่อเห็นแบบนี้หู่จือกับเป้าจือก็พากันกระโดดขึ้นมาด้วยความดีใจ พวกมันเห่าโฮ่งๆ ๆ พร้อมตามไปแย่งจานร่อน หู่จือวิ่งออกไปก่อน ส่วนเป้าจือก็กระโดดโผเข้าใส่หู่จือเพื่อผลักมันให้ล้มลง พอแย่งจานร่อนมาได้แล้วพวกมันก็วิ่งกลับมา หู่จือผลักเป้าจือล้มอีกรอบ สองพี่น้องเล่นกันอย่างสนุกสนาน
ภายในบ้าน มุมปากของบัตเลอร์ที่กำลังมองภาพนี้อยู่กระตุกขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ครั้งนี้บัตเลอร์มาขนอาหารทะเล ในที่สุดตลาดไมอามี่ก็เปิดตัวแล้ว เขาเลือกที่อยู่ของห้องแช่เย็นไว้เรียบร้อยแล้ว การขนส่งอาหารทะเลไปครั้งนี้จะเริ่มบรรจุลงหีบห่ออย่างง่ายกับเริ่มโฆษณาสร้างกระแส และหลังจากนั้น…
ฉินสือโอวลูบริมฝีปากล่าง หลังจากนั้นเขาก็จะสามารถครอบครองตลาดอาหารทะเลระดับสูงของอเมริกาเหนือได้แล้วใช่ไหม?
พอคิดแบบนี้เขาก็หัวเราะคิกคักออกมา หลังจากนั้นถึงได้รู้สึกว่าแบบนี้มันจะดูโง่ไปหน่อย จุดมุ่งหมายของเขาคือการเป็นเทพโพไซดอนนะ ขายอาหารทะเลอะไรกัน?
ตอนที่บัตเลอร์กำลังจะกลับก็ถือโอกาสพานิชิมุระ เร็นกลับไปด้วยกัน ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรไว้ ตอนที่นิชิมุระ เร็นกำลังจะกลับถึงได้ดีอกดีใจมาก แถมยังส่งจูบให้หู่จือกับเป้าจืออีกด้วย สุนัขแลบราดอร์จึงรีบวิ่งหนีออกห่างจากบัตเลอร์ด้วยปฏิกิริยาว่องไว
ข้อนี้ทำให้บัตเลอร์รู้สึกงงงวยมากจริงๆ นิชิมุระ เร็นเป็นบ้าไปแล้ว แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขา? ฉินสือโอวจึงอธิบายให้เขาฟังด้วยความจริงใจ “หู่จือกับเป้าจือน่าจะคิดว่าความโง่เป็นโรคที่ติดต่อกันได้น่ะ”
บัตเลอร์ “…”
อากาศค่อยๆ ร้อนขึ้น ฉินสือโอวโทรศัพท์ไปหาที่บ้าน บอกให้พ่อกับแม่มาแคนาดาเพื่อดื่มด่ำกับชีวิตริมชายหาด
แต่ปรากฏว่าคนแก่ทั้งสองคนกลับยืนกรานปฏิเสธอย่างหนักแน่น สาเหตุก็เป็นเพราะต้องคอยเฝ้าฟาร์มปลา และยังต้องคอยดูกุ้งเครย์ฟิชในฟาร์มปลาเป็นพิเศษด้วย
ฉินสือโอวส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าไปที่สระน้ำหน้าหมู่บ้าน ครั้งนี้ไม่มีปลาแบมบูซ่าแล้ว แต่มีขวดโหลอยู่หลายอัน
บนขวดโหลพวกนี้มีเชือกผูกไว้ ใช้ถุงพลาสติกปิดปากขวด หลังจากนั้นก็แทงด้านบนให้เป็นรูหลายๆ รู มีของจำพวกตับไก่ไส้เป็ดอยู่ในขวดเต็มไปหมด กุ้งเครย์ฟิชบางส่วนก็จะถูกล่อให้มุดเข้าไปข้างใน
ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเลย นี่คือขวดตกกุ้งเครย์ฟิชที่พวกเด็กซนๆ ในหมู่บ้านนำมาใช้ ที่จริงแล้ววิธีจับกุ้งเครย์ฟิชที่ดีก็คือการขุดรูกุ้งเครย์ฟิชที่ริมแม่น้ำ หลังจากกุ้งเครย์ฟิชลอกคราบแล้ว พวกมันจะออกจากน้ำแล้วขึ้นมาขุดหลุมบนฝั่งก่อนจะลงไปซ่อนตัวอยู่ในนั้น
ทว่าคนที่บ้านไม่เคยเลี้ยงกุ้งเครย์ฟิชมาก่อน ทางฝั่งเหนือก็มีกุ้งเครย์ฟิชอยู่น้อย ดังนั้นจึงไม่รู้วิธีการนี้ แต่เขาคิดว่าไอเดียที่พวกเขานำขวดโหลมาใช้ตกกุ้งเครย์ฟิชก็ไม่เลวเหมือนกัน พวกกุ้งเครย์ฟิชบางส่วนที่ตะกละๆ หน่อยก็พากันติดกับ
ฉินสือโอวไม่ลดตัวไปยุ่งกับของเด็กเล่นอยู่แล้ว ตอนเป็นเด็กเขาก็เคยแอบขโมยแตงกวาขโมยลูกท้อมาไม่น้อยเหมือนกัน ตอนนี้พวกเด็กๆ เปลี่ยนมาขโมยกุ้งเครย์ฟิชแล้ว นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ที่จริงแล้วถือว่าเป็นเกมการละเล่นของเด็กๆ อย่างหนึ่งด้วย
ใช้พืชน้ำเพื่อเลี้ยงปลาจำพวกปลาทอง ปลาเฉาฮื้อกับปลาลิ่นย่อมต้องเติบโตได้ช้ากว่าใช้อาหารปลาเลี้ยงอยู่แล้ว แต่เมื่อเพิ่มพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าไป ก็จะไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไป ตอนนี้ปลาทองตัวที่มีขนาดเล็กที่สุดในบ่อก็มีขนาดเท่ากับหนึ่งฝ่ามือผู้ใหญ่แล้ว พวกมันอ้วนๆ กลมๆ น่าหลงใหลสุดๆ
บางครั้งพ่อกับแม่ของฉินสือโอวจะทอดแหเพื่อจับปลาขึ้นมาดูสภาพการเจริญเติบโตของปลา พวกเขาต้องรู้อยู่แล้วว่าการเจริญเติบโตของพวกมันน่าชื่นชมขนาดไหน ดังนั้นพวกท่านจึงไม่ยอมหนีห่างจากสระน้ำของที่บ้าน ตอนนี้ความรักของพวกเขาที่มีต่อสระปลาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าความรักที่มีต่อสวนผักเลย
บ่อปลาที่บ้านไม่มีปัญหาอะไร ฉินสือโอวจึงส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปยังบริเวณปากแม่น้ำ
ปีนี้แม่น้ำสายเล็กในบริเวณใกล้กับปากแม่น้ำก็คึกคักเป็นอย่างยิ่ง อาจจะเป็นเพราะสาเหตุเกี่ยวกับภัยพิบัติของหิมะเมื่อปีที่แล้ว หลังจากเข้าสู่ฤดูร้อน สภาพของกระแสน้ำจึงไหลอย่างเชี่ยวกรากเป็นอย่างยิ่ง และจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ดูเหมือนว่าจะรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก
สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ที่บริเวณปากแม่น้ำเป็นจำนวนมากที่สุดก็คือปลาคาพีลิน มีแต่ปลาตัวเมียท้องอ้วนๆ กลมๆ ที่กำลังจะวางไข่ทั้งนั้น นอกจากนี้ตอนนี้พวกมันยังมีปลาตัวอ้วนฝูงใหญ่กำลังน้ำว่ายน้ำลอยไปลอยมาอยู่ด้วย
ปลาชนิดนี้ค่อนข้างคล้ายกับปลาทอง ที่จริงแล้วชื่อของมันก็สามารถเรียกว่าปลาทองแอฟริกาได้เหมือนกัน ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของมันคือปลานิล (ปลาทิลาเพีย)
ปลานิลเป็นหนึ่งในปลาน้ำจืดที่มีปริมาณการบริโภคมากที่สุดในอเมริกาเหนือ ปัจจุบันเป็นพันธุ์ปลาน้ำจืดที่เพาะเลี้ยงจากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญของอุตสาหกรรมการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำโลก อีกทั้งยังถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในแหล่งโปรตีนจากสัตว์ที่สำคัญของอนาคตด้วย
พวกมันมีการปรับตัวเข้ากับธรรมชาติที่แข็งแกร่งมาก โดยปกติแล้วจะอาศัยอยู่ในน้ำจืด และยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ในน้ำเค็มที่มีปริมาณเกลือแตกต่างกันได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถอาศัยอยู่ในทะเลสาบ แม่น้ำ รวมถึงสระน้ำตื้นได้ด้วย… บางครั้งฉินสือโอวก็คิดว่าถ้าลองฝึกฝนปลานิลดู พวกมันอาจจะสามารถอาศัยอยู่ในทะเลได้ก็ได้
พอเห็นปลานิลตัวอวบอ้วนฝูงใหญ่พวกนี้ ฉินสือโอวก็รีบหยิบเอาอวนจับปลาไปทันที ปลานิลมีเนื้ออ้วนท้วนสมบูรณ์มาก ก้างก็น้อย เหมาะสำหรับนำมารมควันที่สุด หลังจากหั่นให้เป็นแผ่นก็สามารถนำมาทำเป็นเนื้อย่างได้เช่นกัน สรุปได้ว่ารูปแบบการรับประทานปลาชนิดนี้มีอยู่อย่างกว้างขวางเลยล่ะ
อวนที่ฉินสือโอวเอาไปด้วยเป็นอวนจับปลาธรรมดา เขายืนอยู่บนริมฝั่งปากแม่น้ำ จากนั้นก็ออกแรงเหวี่ยงทอดอวนลงไปจับปลา
หู่จือกับเป้าจือก็พากันเริ่มทำงาน พวกมันกระโดดลงไปในน้ำแล้วดำน้ำลงไปไล่ต้อนปลานิลให้มุดเข้ามาในอวน
ฉินสือโอวรออยู่สักครู่ จากนั้นก็ดึงอวนจับปลาลากขึ้นมาข้างบน ข้างในเต็มไปด้วยปลานิลตัวอวบอ้วนกับปลาคาพีลินที่มีขนาดใหญ่ยิ่งกว่า เย็นนี้มีของให้กินแล้ว
บทที่ 655 จระเข้หรือเต่า
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวเหวี่ยงอวนอยู่ริมชายหาดอย่างมีความสุขโดยมีหู่จือและเป้าจือคอยต้อนปลาให้ เขาได้ปลามามากมายช่างดีจริงๆ
การจับปลาโดยมีหมาคอยช่วยเหลือถือเป็นเรื่องทั่วไปที่พบเห็นได้บ่อยในรัฐนิวฟันด์แลนด์ สัตว์ชนิดนี้พอได้รับการฝึกให้เชื่องก็เป็นเหมือนผู้ช่วยมนุษย์ที่ซื่อสัตย์มาโดยตลอด หลักฐานที่ชัดเจนที่สุดคือในเทพนิยายโรมันโบราณ เจ้าหญิงไดอาน่าเซียนมักจะนำกลุ่มสุนัขล่าเนื้อผอมเพรียวข้ามป่าและที่รกร้างว่างเปล่าไปในการจับสัตว์ป่าครั้งแล้วครั้งเล่าโดยได้รับความช่วยเหลือจากพวกมัน
นานมาแล้วที่คนในรัฐนิวฟันด์แลนด์ฝึกฝนให้สุนัขล่าเนื้อช่วยในการจับปลา ขนาดสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ยังไม่ได้แกร่งที่สุดในจุดนี้ เพราะสุนัขที่เก่งยิ่งกว่าคือสุนัขนิวฟันด์แลนด์ ขาของสุนัขพันธุ์นี้มีกระทั่งลักษณะกีบเท้าเป็ด ซึ่งมีความสามารถในการว่ายน้ำที่เยี่ยมยอด
ฉินสือโอวเคยคิดจะเลี้ยงสุนัขนิวฟันด์แลนด์ เพราะสุนัขพันธุ์นี้รูปร่างใหญ่โตและแสนรู้มาก พวกมันถนัดการช่วยชาวประมงดึงแห ลากเรือลำเล็กเข้าฝั่ง ช่วยคนจมน้ำ และยังมีความสามารถในการดึงหรือลากไม้ ส่งนม อีกทั้งขนส่งสินค้าได้ด้วย
น่าเสียดายที่หน้าตาของสุนัขพันธุ์นิวฟันด์แลนด์ไม่เข้ากับฉินสือโอว เขายังคงชอบสุนัขขนสั้นอย่างเช่นสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ ถึงแม้ว่าขนของมันจะหลุดเยอะ แต่ว่าเขาก็ยังชอบมันอยู่ดี
เมื่อมองไปที่อวนซึ่งเต็มไปด้วยปลานิล ฉินสือโอวก็เกาคางของหู่จือและเป้าจืออย่างตื่นเต้น แล้วยังช่วยเช็ดขนสุนัขที่เปียกชื้นของพวกมันให้อีกด้วย
หู่จือและเป้าจือยื่นหัวร้องเรียกเพราะหวังว่าจะได้เห็นแหจับปลาของฉินสือโอว เห็นได้ชัดว่าพวกมันยังอยากช่วยเขาจับปลาอยู่
ฉินสือโอวรู้สึกว่าในแง่การประมง ไม่มีใครฉลาดเท่าหู่จือและเป้าจืออีกแล้วบนโลกใบนี้
สุนัขพันธุ์ที่สามารถช่วยชาวประมงจับปลาได้จริงๆ มีอยู่เยอะ ไม่ใช่แค่สุนัขพันธุ์นิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ ที่ ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น และซาฮาลิน รัสเซียที่อยู่ในภูมิภาคเอเชีย คนจับกุ้งสามารถฝึกหมาล่าเนื้อให้ต้อนสัตว์จำพวกปลาไปเกยตื้นได้ ช่วยเจ้าของจับปลา และพอเจอปลาตัวใหญ่ก็ยังสามารถใช้ปากของพวกมันจับปลาขึ้นมาบนบกได้อีกด้วย
ฉินสือโอวไม่ได้อยากฆ่าปลานิลให้หมด เขาแค่อยากจับขึ้นมาส่วนหนึ่งเพื่อมาทำปลาอบแห้งและปลารมควันเท่านั้น
ดังนั้นหลังจากที่จับปลานิลได้ 100 กว่ากิโลกรัมในอวนแรก ฉินสือโอวก็เรียกหู่จือและเป้าจือขึ้นมาบนฝั่ง แล้วหลังจากนั้นก็โยนอวนลงไปในทะเลเพื่อจะดูว่าสามารถจับปลาอะไรได้บ้างไหม ถ้าจับไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่หลังจากที่เหวี่ยงอวนลงไปในน้ำทะเลครึ่งชั่วโมงแล้ว ฉินสือโอวก็ค่อยๆ ดึงอวนขึ้นมาอย่างช้าๆ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็รู้สึกได้เลยว่าอวนจับปลาหนักมาก เขาออกแรงดึงขึ้นมาแต่ก็รู้สึกว่าดึงไม่ขึ้น
หู่จือและเป้าจือสังเกตเห็นจึงรีบวิ่งเข้าไปเอาปากงับอวนเอาไว้แล้วดึงขึ้นมา หูของพวกมันตั้งขึ้น ขนสีทองฟูฟ่องไปทั้งตัว อุ้งเท้าทั้งสี่จิกไปที่พื้นทรายอย่างเต็มเหนี่ยว ทั้งสะบัดหน้าส่ายหางพยายามดึงไปทางด้านหลัง
พอเห็นภาพแบบนี้ฉินสือโอวก็หัวเราะชอบใจใหญ่ หมาสองตัวกับคนหนึ่งคนต่างออกแรง จนในที่สุดก็สามารถดึงอวนขึ้นมาได้อย่างช้าๆ
อวนจับปลาค่อยๆ เผยให้เห็นปลาที่อยู่ข้างใน ฉินสือโอวจ้องมองอย่างช้าๆ เขาพบว่าไม่ได้มีแค่ปลานิลในอวน แต่ยังมีสัตว์ตัวใหญ่ในชุดเกราะด้วย!
เจ้าตัวใหญ่ที่ว่าคือเต่าหนึ่งตัวที่มีรูปร่างใหญ่โต ไม่ได้เล็กกว่าเต่ามะเฟืองสักเท่าไร ฉินสือโอวประเมินแล้วน่าจะหนักมากกว่า140-150 ปอนด์
มันแตกต่างจากเต่ามะเฟืองตรงที่เต่าชนิดนี้ไม่เพียงแค่มีลักษณะรูปร่างใหญ่ แต่ดูๆ แล้วยังแข็งแรงมากอีกด้วย กระดองที่อยู่ด้านหลังของมันมีรูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้า น่าจะยาวราวๆ 70-80 เซนติเมตรได้ ลักษณะหน้าตาของมันดูดุร้ายและเผด็จการ ราวกับเกิดมาจากพ่อแม่เดียวกันกับจระเข้ก็ไม่ปาน
จระเข้มีผิวที่ทั้งแข็งแรงและหนา ส่วนกระดองเต่าตัวใหญ่ตัวนี้เหมือนโล่ที่มีผิวหยาบ มีสีออกน้ำตาล โล่แต่ละชิ้นเหมือนกับภูเขาน้อยๆ ที่ลากยาวต่อเนื่อง เป็นสันขึ้นๆ ลงๆ สลับกันไป
นอกจากนี้แล้วขอบกระดองของมันยังมีส่วนที่เป็นเหมือนเส้นซิกแซกยื่นออกมาด้วย ดวงตาอยู่ข้างๆ จะงอยปากทั้งสองข้าง แม้จะมีขนาดเล็กแต่ดูมีชีวิตชีวา มีเนื้อในส่วนหัวและลำคอยื่นออกมามาก หางของมันทั้งเล็กและเรียวแต่ก็ดูแข็งเหมือนแส้เหล็ก
พอเห็นชัดว่าเต่าตัวใหญ่ตัวนี้มีลักษณะอย่างไร ฉินสือโอวก็สูดลมหายใจเข้าลึก พระเจ้า ที่นี่อยู่ดีๆ จะมีคุณปู่จอมราชันได้ยังไง? ชื่อเสียงเรียงนามของคุณปู่จอมราชันคือเต่าอัลลิเกเตอร์ หรือเรียกว่า เต่าอัลลิเกเตอร์ยักษ์ เต่ากระดองอัลลิเกเตอร์ และเต่ากัดอัลลิเกเตอร์ ปกติมันจะมีถิ่นกำเนิดอยู่ในบริเวณแม่น้ำมิสซิสซิปปี้แถบอเมริกาเหนือเท่านั้น มันเป็นหนึ่งในเต่าน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว
เต่าอัลลิเกเตอร์ยังคงรักษาลักษณะดั้งเดิมของเต่าเอาไว้ กรามบนและกรามล่างที่ส่วนหน้าของปากเป็นรูปตะขอ คล้ายปากของบุชที่แหลมเกินกว่าใครจะเทียบได้ ซึ่งว่ากันว่าสามารถกัดงูทะเลขาดได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว ร่างกายของมันแข็งแรง ไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตในน้ำส่วนมาก เต่าตัวนี้ตอนอยู่ในน้ำจะนิ่งสงบ เฉื่อย แต่พอได้ขึ้นฝั่งจะดุร้ายเกินใคร ดุร้ายพอๆ กับสุนัขพันธุ์ทิเบตัน มาสทิฟฟ์เลยทีเดียว
หลังจากที่ยืนยันตัวตนของเต่าอัลลิเกเตอร์แล้ว ฉินสือโอวยังคงสงสัยไม่หาย แม่น้ำสายนี้ไหลมาจากเทือกเขาเคอร์บัลเข้าสู่ทะเล ทำไมถึงมีเต่าอัลลิเกเตอร์โผล่มาได้?
เหตุผลเดียวที่อธิบายได้คือ ต้องมีคนเลี้ยงเจ้านี่เป็นสัตว์เลี้ยงแน่ๆ แล้วตอนหลังก็พบว่ายิ่งเลี้ยงยิ่งตัวใหญ่จนไม่กล้าเลี้ยงต่อ จึงเอามาทิ้งไว้ในแม่น้ำ
การเพาะพันธุ์เต่าอัลลิเกเตอร์มีความเสี่ยงอยู่ ไม่เพียงแค่เต่าชนิดนี้มีนิสัยดุร้าย ยังบวกกับค่าใช้จ่ายมากมายที่หมดไปกับความกินจุของมันด้วย แต่เพราะประเทศแคนาดายังไม่อนุญาตให้เพาะพันธุ์เต่าชนิดนี้เป็นการส่วนตัว พวกมันจึงเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ เคยมีรายงานที่ประเมินไว้ว่าหากแต่ละประเทศยังละเลยในการอนุรักษ์เต่าอัลลิเกเตอร์ ผ่านไปห้าสิบปี เต่าชนิดนี้ก็คงสูญพันธุ์หมดสิ้นแล้ว
ฉินสือโอวรู้ถึงความหายากของเต่าอัลลิเกเตอร์ ถึงแม้ว่าเจ้าตัวนี้ดูๆ ไปแล้วจะมีผิวหยาบหนา ดูมีความแข็งแกร่ง แต่เขาก็เกรงว่าอวนจะทำให้มันได้รับบาดเจ็บจึงผ่อนอวนลง เพราะอย่างไรเสียปลาที่อยู่ในอวนก็ไม่ได้เยอะอะไร
เดิมทีเต่าตัวนี้ก็กำลังดิ้นรนหลบหนีออกจากอวน ดังนั้นตอนที่ฉินสือโอวพยายามดึงอวนขึ้นมาจึงเสียแรงไปเยอะมาก แต่พอเขาปล่อยอวนทิ้ง เจ้าเต่าตัวนี้กลับขี้เกียจดิ้นหนี แถมยังกัดปลานิลกินอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ตรงนั้น
ความสามารถในการปรับตัวของเต่าอัลลิเกเตอร์ดีมาก แต่ความสามารถในการสืบพันธุ์นั้นไม่แข็งแรง ซึ่งแตกต่างจากเต่าแก้มแดงที่เป็นสายพันธุ์ใกล้ชิด
เมื่อได้พบเจอกันแสดงว่ามีวาสนาต่อกัน นิสัยของเต่าอัลลิเกเตอร์ไม่ได้นับว่าตะกละตะกลาม พอกินอิ่มก็จะไปตากแดดนอนในน้ำทะเล ดังนั้นฉินสือโอวจึงถ่ายพลังโพไซดอนให้มันเล็กน้อย หวังว่ามันจะไม่มาตายในฟาร์มปลาของเขา เพราะถ้าเป็นแบบนั้นคงเสียดายน่าดู
หลังจากดูดซึมพลังโพไซดอนเข้าไป เจ้าเต่าอัลลิเกเตอร์ตัวนี้ก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา หู่จือและเป้าจือเอียงคอมองมัน เป็นครั้งแรกที่พวกมันเห็นสัตว์ที่มีหน้าตาประหลาดแบบนี้จึงเดินขยับเข้าไปใกล้เพื่อจะสัมผัสกับมันเสียหน่อย
นักชีววิทยาทางน้ำมีการประเมินเต่าอัลลิเกเตอร์ไว้ว่า เจ้าตัวนี้มองอะไรก็ดูเหมือนจะเป็นปลานิลไปเสียหมด เพราะปลานิลเป็นหนึ่งในสัตว์ที่พวกมันชอบมากที่สุด
หู่จือและเป้าจือเดินแยกซ้ายขวาขยับเข้าไปใกล้มัน เมื่อเทียบกับเต่าตัวอื่นแล้ว เจ้าเต่าอัลลิเกเตอร์จะไม่สามารถหดหัวและเก็บเท้าของมันเข้าไปในกระดองได้ แต่ทว่าพวกมันก็ไม่จำเป็นต้องหดร่างกายเลย เพราะการป้องกันและการหลบหนีไม่ใช่ทางเลือกของพวกมันแม้แต่น้อย แต่การโจมตีเข้าไปก่อนต่างหากที่เป็นนิสัยของพวกมัน
เป้าจือประเมินเจ้าเต่าอย่างใคร่รู้ มันยื่นอุ้งเท้าไปทางด้านหน้าเพราะอยากจะแหย่มันสักหน่อย แต่เจ้าตัวกลับไม่ขยับแต่อย่างใด ตาเล็ก ๆ สองตาของมันที่จ้องไปที่เป้าจือว่างเปล่าราวกับว่าเป้าจือเป็นเจ้าทึ่ม
เป้าจือใช้กรงเล็บกดเบาๆ ไปที่กระดองของมัน พอเห็นเจ้านี่ไม่มีปฏิกิริยาโต้กลับใดๆ มันเลยใจกล้ายื่นกรงเล็บไปตบที่หัวของเจ้าเต่า
แล้วตอนที่กรงเล็บของมันกำลังจะยื่นไปนั้นเอง เต่าอัลลิเกเตอร์ที่ไม่ขยับมาโดยตลอดก็ยื่นหัวออกมาอย่างรุนแรงและรวดเร็วราวกับงูพิษที่โผล่ออกมาจากรูแล้วอ้าจะงอยปากแหลมคมของมันกัดลงไปในทันที!
นิ่งเหมือนสาวแรกแย้ม ขยับเหมือนกระต่ายแสนรู้ การเคลื่อนไหวทุกอย่างเร็วดั่งลมและเปลวไฟที่เร่าร้อน แต่หากนิ่งสงบก็เฉกเช่นไม้ใหญ่และขุนเขา![1]
เป้าจือยังนับว่าตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว พอหัวของเจ้าเต่ายื่นออกมา ฉินสือโอวยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาโต้กลับอะไร มันก็รีบดึงกรงเล็บของมันกลับไปทันที
……………………………………….
[1] เป็นคำคล้องในภาษาจีนหมายถึงการออกรบหรือทำสงคราม ถ้ายังไม่ลงมือก็จะนิ่งสงบเหมือนหมู่ไม้ ขุนเขาและสาวแรกแย้มที่ยังไม่ได้แต่งงาน แต่เมื่อได้ออกรบต่อสู้แล้วก็จะลงมือทุกอย่างอย่างรวดเร็วราวกับสายลม เปลวไฟและกระต่ายที่แสนรู้
บทที่ 656 บุกรุกภาคพื้นดิน
โดย
Ink Stone_Fantasy
อันตรายมาก ฉินสือโอวเห็นจะงอยปากของเต่าอัลลิเกเตอร์เกือบจะแตะถูกกรงเล็บของเป้าจือแล้ว หากช้ากว่านี้เพียงครึ่งวินาที เกรงว่าเป้าจือก็คงกลายเป็นหมาอุ้งตีนเดี่ยวไปเสียแล้ว
พอกัดไม่ถูกเป้าจือ เต่าอัลลิเกเตอร์ก็ไม่แกล้งตายอีกต่อไป แขนขาแข็งแรงที่มีความใหญ่ราวกับข้อมือของฉินสือโอวขยับอย่างรวดเร็ว ร่างกายที่แข็งแกร่งราวกับป้อมปราการเคลื่อนไหวไล่ตามเป้าจือไปติดๆ และพยายามจะกัดตูดมันให้ได้!
ความเร็วและพลังในตัวเป้าจือโดดเด่นเกินใครอยู่แล้ว อีกทั้งสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ก็มีซิกเซ็นส์ที่ดีเยี่ยม ดังนั้นตอนที่เต่าอัลลิเกเตอร์จะงับอุ้งตีนของมัน มันไม่เพียงแต่ชักอุ้งตีนกลับ แต่ยังกระโดดออกห่างไปทางด้านข้างก้าวหนึ่งอย่างว่องไวอีกด้วย
ซึ่งการกระทำนี้ช่วยตูดของมันเอาไว้ได้ ไม่เช่นนั้นต่อให้มันไม่ได้มีอุ้งตีนเดี่ยว มันก็คงต้องร้องเพลง ‘เบญจมาศร่วงโรย’[1] เพราะเต่าอัลลิเกเตอร์บ้าบิ่นมาก มันกวาดเท้าสั้นๆ สี่เท้าของมันกระโจนเข้าหาเป้าจือเพื่อที่จะกัดให้ได้
การต้องคอยหลบหนีตลอดก็ไม่ใช่ทางเลือกของเป้าจือ เพราะอย่างไรเสียมันก็เป็นถึงสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ผู้กล้าหาญในฟาร์มปลาแห่งนี้เป็นตัวแรก ยังไงก็ต้องวางแผนโต้กลับ! แต่เป้าจือวิ่งหนีไปพลางหันกลับไปมอง และช่างน่าเศร้าที่มันพบว่า แม่ง ไม่มีทางที่จะโต้กลับไอ้บ้าที่อยู่ด้านหลังมันได้เลย!
ตามธรรมชาติแล้วเต่าอัลลิเกเตอร์คงไม่สามารถตามเป้าจือทันได้ แต่สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวตะลึงก็คือความเร็วของเจ้านี่ก็ไม่ใช่น้อย ขาสั้นเล็กที่แข็งแรงของมันก้าวย่างไม่ได้ไกล แต่ความถี่กลับเร็วมาก ราวกับไม้พายเรือ มันก้าวฉับฉับฉับไปตามชายหาดและไล่ล่าเป้าจือไปอย่างดุร้าย
พอเห็นว่าพี่น้องตัวเองถูกโจมตี หู่จือก็เห็นว่ามันต้องเข้าไปช่วย มันจึงพยายามหาจุดอ่อนของเต่าชนิดนี้ และในที่สุดก็ค้นพบว่าเจ้านี่วิ่งเป็นเส้นตรงจะวิ่งได้ไว แต่ถ้าเอี้ยวตัวเมื่อไรจะช้า ถ้าอย่างนั้นมันเองก็กัดตูดเจ้าเต่าได้นี่
เมื่อเห็นหู่จือกระโจนเข้าหาด้านหลังของเจ้าเต่า ฉินสือโอวก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในความฉลาดของลูกชายเขา
ฉินสือโอวคิดในใจว่า หากเปรียบเต่าอัลลิเกเตอร์เป็นยอดวิทยายุทธระฆังทองคุ้มกาย ถ้าเช่นนั้นตูดของมันแน่นอนว่าต้องเป็นจุดอ่อนเดียวที่มีอยู่ ไม่เพียงแค่มันกลับตัวได้ช้า แต่เมื่อสักครู่ตอนที่โจมตีออกไปมันยังพุ่งไปกัดที่ตูดของเป้าจือตามจิตใต้สำนึกก่อนด้วย ซึ่งนี่หมายความว่าภายในใจของมัน ตูดเป็นจุดที่แสดงช่องโหว่ออกมา
แต่ความเป็นจริงกลับไม่เป็นไปตามที่หู่จือและฉินสือโอวคิด หู่จือกระโจนเข้าหาด้านหลังของเต่าและกัดไปที่ตูดของมัน ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ภาพแส้ที่ติดตาฟาดเข้ามาในพริบตาเดียว
‘เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!’
เสียงร้องครวญคราง หู่จือร้องโอดโอยเซไปมาจนล้มไปกองนั่งอยู่บนพื้นทราย หางของเต่าอัลลิเกเตอร์ที่เหมือนดั่งแส้เหล็กขยับไปมาอย่างชำนาญ เมื่อกี้มันฟาดเข้าไปที่ปากของหู่จือทันทีถึงสองครั้ง
หู่จือเจ็บปวดทรมานมาก กำลังของเต่านี่ช่างมากมายเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวคาดไม่ถึงเลยว่าหางของมันจะขยับได้คล่องแคล่วและมีพละกำลังถึงเพียงนี้ หู่จือน่าอนาถแท้…
การที่ปากของหมาถูกฟาดเข้าไปแบบนี้มันเจ็บปวดเหลือเกิน เวลาพวกมันเจ็บปวดก็จะอ้าปากร้องครวญครางออกมาตามสัญชาตญาณ แต่ปรากฏว่าปากของหู่จือไม่ทันได้ร้องโหยหวนด้วยซ้ำ แม่งแอร๊ย เจ็บปวดรวดร้าวมาก อ้าปากไม่ได้เลย
ฉินสือโอวทำได้แค่วิ่งไปหาหู่จือเพื่อปลอบโยนมัน เจ้าเต่าจ้องมาที่เขาแค่พริบตาเดียวอย่างเย็นชาและไม่ได้ใส่ใจอะไร ก่อนจะหันไปไล่ล่าเป้าจือต่อไป
สิ่งนี้ทำให้ฉินสือโอวน้ำตาไหลพราก ทำไมแกถึงอวดดีได้ขนาดนี้?
ถึงแม้ว่าโดยปกติหู่จือและเป้าจือจะชอบสร้างปัญหา แต่ความรู้สึกไม่ใช่เรื่องที่จะมาล้อเล่น เพราะทั้งสองตัวก็เป็นพี่น้องที่ต่างพึ่งพากันมาตลอด เมื่อกี้ถึงจะโดนไล่ล่าอย่างน่าอนาถ แต่เป้าจือก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร มันก็คิดแค่ว่าเป็นเหมือนการเล่นสนุกทั่วไป มันแค่ประลองฝีมือไปงั้นๆ เอง
แต่พอเห็นพี่ชายถูกฟาดเข้าไป เป้าจือก็รู้สึกโกรธจริงๆ แล้ว ฉินสือโอวเห็นมันที่กำลังวิ่งอยู่หันกลับไปอย่างว่องไวและจ้องไปที่เจ้าเต่าอย่างดุร้าย มันอ้าปากขู่คำรามเพิ่มความกล้าหาญให้กับตัวเองแล้วกระโจนเข้าใส่เต่าอัลลิเกเตอร์
ฉินสือโอวรู้สึกปวดใจ ทำแบบนี้เท่ากับหาเรื่องให้ตัวเองไม่ใช่เหรอ?
แล้วสมองอันปราดเปรื่องก็ปรากฏออกมาให้เห็นในจังหวะนี้เอง เป้าจือไม่ได้พุ่งตรงเข้าหาเจ้าเต่าเพื่อต่อสู้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ตอนที่กระโจนไปด้านหน้า มันเบรกตัวเองแล้วพลิกตัวอย่างรุนแรงและรวดเร็วจนไปอยู่ด้านข้างกายเจ้าเต่า จากนั้นก็กัดเข้าไปเต็มๆ ที่ขอบกระดองตรงตำแหน่งด้านข้างของมัน เป้าจือพยายามสะบัดหัวทำให้เจ้าเต่าพลิกตัวหงายหลัง…
พอเห็นฉากนี้ ฉินสือโอวก็ต้องชื่นชมในความเฉลียวฉลาดของหมาที่เขาเลี้ยงอีกครั้ง ทำไมถึงปราดเปรื่องได้ขนาดนี้กันนะ?
ทว่าวันนี้ดูเหมือนความจริงที่ปรากฏจะพลิกจากที่คาดคิดตลอด มันทำให้ฉินสือโอวและเป้าจือผิดคาดอีกครั้ง เพราะส่วนคอของสุนัขพันธุ์แลบราดอร์มีกำลังไม่มากพอ เจ้าเต่าอัลลิเกเตอร์ตัวนี้หนักถึง 140-150 ปอนด์เชียวนะ มันจะพลิกเจ้าเต่าตัวนี้ให้หงายหลังได้อย่างไรกัน?
โดยเฉพาะหลังจากที่เต่าอัลลิเกเตอร์มันรู้ว่ามันโดนกัด มันก็เอาทั้งแขนขาของมันยึดติดกับพื้นทุ่มน้ำหนักตัวให้มากขึ้นเป็นกอง!
เป้าจือคำรามพร้อมสะบัดหัวไปมา แต่สะบัดยังไงก็ขยับมันไม่ได้แม้แต่น้อย…
แม่ง ซวยจริงๆ หู่จือที่รอดูฉากเด็ดถลึงตามอง ฉินสือโอวก็ถลึงตามองเช่นกัน บ้าจริง นี่มันไม่ใช่แค่สุดยอดวิชาฝึกปะทะสิบสามมารร้าย แต่ยังมีการฝึกกำลังภายในอีกด้วย ดูท่าแล้วการต่อสู้ครั้งนี้คงจะจบลงแล้ว!
ยังโชคดีว่าด้านข้างเป็นจุดอ่อนของเจ้าเต่าจริงๆ ถึงแม้ว่าเป้าจือจะพลิกหงายเต่ายักษ์ตัวนี้ไม่ได้ แต่เจ้าเต่าก็ไม่สามารถกัดมันและฟาดมันได้เช่นกัน
ฉินสือโอวไม่อยากมองเป้าจือต้องมารับกรรมแบบนี้ต่อไปจึงรีบตะโกนเรียก “กลับมา กลับมา ลูกรัก พวกเรากลับบ้านกันเถอะ ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเจ้านี่มันแล้ว!”
เป้าจือยังอยากจะลองอีกสักตั้ง แต่เต่าอัลลิเกเตอร์เริ่มหันหัวเอียงตัว มันดูสถานการณ์แล้วไม่น่าสู้ดีจึงจำใจอ้าปากและวิ่งหนีไป
การต่อสู้ในวันนี้ทำให้หู่จือและเป้าจือรู้สึกขายขี้หน้าจริงๆ เพราะพวกมันเป็นสุนัขแลบราดอร์ผู้ไม่เคยแพ้ใคร แม้ว่าตอนที่สู้กับห่านขาวจะลำบากและทรมานไม่น้อย แต่นั่นเป็นเพราะฝ่ายตรงข้ามใช้วิธีต่อสู้แบบกลุ่ม เพราะถ้าหากเป็นการต่อสู้เดี่ยวๆ แล้ว พวกห่านขาวที่ชอบหาเรื่องคงได้ร้องว่าไม่เอาไม่เอาอย่างแน่นอน
วันนี้ช่างน่าอาย อย่าว่าแต่สู้แบบเดี่ยวๆ ที่ไม่สามารถทำอะไรเจ้าเต่าอัลลิเกเตอร์ได้เลย ต่อให้เป็นสองต่อหนึ่งก็ยังแตะต้องตัวมันไม่ได้สักนิด
พอกลับไปที่วิลล่า ฉินสือโอวก็ดูแผลที่ปากให้กับหู่จือ ดูจากภายนอกเหมือนไม่มีอะไร แต่พอเผยอปากขึ้นมาก็จะเห็นจุดแดงอยู่สองจุดด้านในปาก
เออร์บักเข้ามาดูแผลในปากของหู่จือแล้วถามด้วยความสงสัย “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ใครใช้แส้ฟาดปากหู่จือกัน? ไอ้เลวนี่ รีบบอกฉันมา ฉันจะไปฟ้องจนชีวิตมันอยู่ไม่เป็นสุขแน่!”
ทั้งหู่จือและเป้าจือต่างเป็นที่รักในฟาร์มปลาแห่งนี้ เพราะมันสองตัวเป็นสัตว์เลี้ยงที่เชื่อง รู้จักกาลเทศะมากที่สุด ไม่เหมือนต้าป๋ายที่ไม่ค่อยพูด ไม่เหมือนฉงต้าที่ขี้เกียจ แล้วก็ไม่เหมือนปอหลัวที่หยิ่งยโส เดิมทีบุชก็เป็นที่รักของทุกคนเช่นกัน แต่พอหลังจากที่มันบินเป็นแล้ว วันๆ ก็เอาแต่ออกไปกับนิมิตส์อย่างไร้ร่องรอย เสน่ห์จึงลดลงไปอยู่ที่ 10,086 คะแนน
ฉินสือโอวเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดไปเมื่อสักครู่ให้ฟังด้วยรอยยิ้มฝืนๆ เออร์บักก็ยิ้มขมขื่นขึ้นมา “มีเต่าอัลลิเกเตอร์มาที่ฟาร์มปลาเราหรือนี่? ถ้าอย่างนั้นก็จนปัญญาแล้ว ฉันเคยเห็นเต่าประเภทเดียวกับเจ้านี่ กำลังการต่อสู้ของพวกมันเป็นที่หนึ่งในกลุ่มสัตว์จำพวกเต่าเลย เมื่อเป็นฝ่ายรุกก็โจมตีได้ แต่ถ้าตั้งรับก็ป้องกันได้ดีเยี่ยม ยากที่จะต่อกรด้วยจริงๆ ”
หู่จือและเป้าจือหมอบอยู่หน้าประตูวิลล่าจนถึงบ่าย หลังจากที่รอให้บุชและนิมิตส์กลับมา พวกมันก็รีบลุกขึ้นไปหาฉงต้าและต้าป๋ายที่แอบหลบพักผ่อนอยู่ใต้ร่มไม้ คิดไปคิดมาก็ไปหาปอหลัวที่ตอนนี้ลาดตระเวนอยู่ในแปลงผักรวมถึงหลัวปอด้วย พวกมันยังเรียกกระรอกเสี่ยวหมิงและครอบครัวกระรอกดินมารวมตัวกันอีก พวกมันรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่แล้ววิ่งตรงไปทางปากอ่าว
วินนี่เลิกงานในเวลานี้พอดี เธอลงมาจากรถคาดิลแลค พอเห็นพวกมันรวมตัวกันเป็นกลุ่มแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนเดินตรงไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้จึงถามฉินสือโอวอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
พอได้ยินฉินสือโอวก็ร้อนใจ รีบอธิบายให้ฟังทันที “บ้าเอ๊ย ผมต้องรีบไปดู หู่จือกับเป้าจือหาพรรคพวกไปแก้แค้น ตอนกลางวันพวกมันโดนเต่าอัลลิเกเตอร์ตัวหนึ่งเผด็จศึกไป!”
เต่าอัลลิเกเตอร์เอาชนะหู่จือและเป้าจือได้ แต่คงเอาชนะฉงต้าไม่ได้แน่ เพราะเจ้านี่แรงกำลังมหาศาล อย่าว่าแต่จะพลิกคว่ำเจ้าเต่าเลย ฟาดให้ตายยังไม่มีปัญหาเลยด้วยซ้ำ!
……………………………………….
[1] หมายถึงเป็นไปในทิศทางที่แย่ หรือจบไม่ดี
บทที่ 657 เพิ่มตัวกินจุมาอีกหนึ่ง
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวเล่าไปพลางพร้อมวิ่งออกไปข้างนอกด้วย วินนี่เปลี่ยนรองเท้าส้นสูงเป็นรองเท้าผ้าใบแล้ววิ่งตามไปด้วยกัน เธอรู้ว่าเต่าอัลลิเกเตอร์นั้นหายาก เพราะฉะนั้นถ้าเจอก็ควรจะปกป้องมันเอาไว้ เพราะถ้าตายไปหนึ่งตัว จำนวนก็น้อยลงไปหนึ่งตัวเช่นกัน
ทั้งสองคนวิ่งออกไปได้ไม่ไกล ปรากฏว่าพวกเขาก็เห็นเจ้าพวกสัตว์ที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มวิ่งถอยกลับมาแล้ว…
“แม่ง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ฉินสือโอวถามด้วยความประหลาดใจ
วินนี่ก็สับสนไปหมด เธอไม่มีเวลาไปถือสาคำพูดหยาบคายที่ฉินสือโอวพูดออกมาด้วยซ้ำ เพราะได้แต่มองไปตรงที่ไกลออกไปด้วยความฉงน
หู่จือและเป้าจือวิ่งอยู่ด้านหน้าสุด ปากของฉงต้างับหลัวปอเอาไว้และแบกต้าป๋ายไว้บนบ่า เสี่ยวหมิงนั่งอยู่ที่หลังของปอหลัวซึ่งวิ่งอยู่ทางด้านหน้าเสียงดัง ‘ตึงตึงตึง’ เหมือนรถถัง
ส่วนนิมิตส์กับบุชก็กระพือปีกอยู่กลางอากาศ พวกมันส่งเสียงร้องจิ๊บๆ เจื้อยแจ้วราวกับไม่พอใจพรรคพวกที่อยู่ด้านล่างนั่น
แต่พวกเพื่อนๆ จำเป็นต้องวิ่ง ในที่สุดฉินสือโอวก็เห็นทุกอย่างชัดเจน ไม่น่าเชื่อว่าเต่าอัลลิเกเตอร์จะวิ่งไล่ล่าอยู่ด้านหลัง!
วินนี่เองก็เห็นเต่ายักษ์ที่มีร่างกายแข็งแกร่งอยู่ยงคงกระพันเช่นกัน เธอถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “พระเจ้า เป็นเต่าที่ตัวใหญ่มาก! ฉันพนันได้เลยว่าน้ำหนักมันต้องถึงร้อยกิโลแน่นอน! ต่อให้เบากว่านี้ก็เบากว่ากันไม่เท่าไร!”
อันที่จริงเต่าตัวใหญ่โตตัวนี้ดูดุร้ายสุด ๆ มันมีสันกระดูกอยู่ที่กระดองด้านหลัง เวลาวิ่งก็เหมือนเนินเขาที่กำลังขยับไปมา
ฉินสือโอวกะพริบตามองปากทางแม่น้ำจุดที่ไหลลงไปในทะเลซึ่งอยู่ไกลออกไป แล้วมองเต่าอัลลิเกเตอร์ที่กำลังใกล้เข้ามา ในใจอดที่จะโอดครวญอย่างโศกเศร้าให้กับหู่จือและเป้าจือไม่ได้ จะแก้แค้นได้ยังไงกัน เพราะเจ้าเต่าไม่ได้มีแค่กำลังภายในและวิทยายุทธ แต่ยังเคยฝึกวิชาตัวเบามาด้วย เคยฝึกวิชาตัวเบาเชียวนะ!
ยังไม่ทันได้ชัยชนะก็ต้องมาจบชีวิตลงเสียก่อน ประโยคนี้เหมาะกับเจ้าสัตว์พวกนี้ไม่มีผิด พอเห็นสภาพอนาถของเจ้าพวกนี้ที่วิ่งมาแล้ว เมื่อกี้ตอนปะทะกันคงจะทรมานลำบากกันเป็นแน่แท้
ตอนนี้ดูแล้วคนที่ยังมีความกล้าจะต่อสู้คงเป็นบุช นกอินทรีเป็นผู้มีชื่อเสียงในการเป็นผู้ชนะของการต่อสู้ ไม่เช่นนั้นพวกมาเฟียอเมริกาก็คงไม่เลือกมันเป็นนกประจำชาติหรอก
บุชกระพือปีกบินที่ระดับความสูงต่ำ สายตาอินทรีคมกริบ แววตาแน่วแน่ หลังจากที่บินร่อนไปรอบหนึ่งก็บินพุ่งลงไปอย่างรุนแรง กรงเล็บใหญ่สีทองคู่นั้นตะครุบไปที่สันกระดูกที่เป็นเนินบนกระดองเต่า แต่มันจะมีประโยชน์อะไรกัน? เพราะมันยกเต่าไม่ขึ้น แล้วถ้าจะให้พึ่งกรงเล็บทำลายกระดองของเจ้าเต่านี่ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้!
พอรู้ว่าเป็นแบบนี้ บุชก็ถลึงตามองไปที่เจ้าเต่าอัลลิเกเตอร์หนึ่งทีอย่างไม่พอใจ แล้วทะยานขึ้นไปบนฟ้า ไม่ได้สนใจพรรคพวกที่วิ่งตั้งอยู่ด้านล่างแม้แต่น้อย มันบินมุ่งไปหาฉินสือโอวแล้วเกาะบนบ่าเขาพลางร้องเจื้อยแจ้วขึ้นมา
ความเร็วของเจ้าเต่าไม่ได้ไวมาก แต่ความอดทนของมันมีสูง ไล่ไปไล่มาก็มาอยู่ตรงสนามหญ้าด้านหน้าในเขตวิลล่า ถึงแม้ว่าจะไล่ไม่พวกทันหู่จือ เป้าจือ ฉงต้าหรือปอหลัว แต่ก็ไม่ได้ถูกทิ้งห่างออกไปไกล
ฉงต้ามีความคิดเลวร้าย มันเห็นว่าถ้าตัวเองต้องเผชิญหน้ากับเจ้าเต่าต้องลำบากแน่ จึงคิดที่จะดึงดูดให้มันไปที่ฝูงห่านแทนเพื่อเอาตัวรอด
ฉินสือโอวไม่คิดจะให้พวกมันมาวุ่นวายแบบนี้จึงตะโกนให้พวกมันทุกตัวเข้าบ้านไปหลบให้หมด
วินนี่เห็นพวกมันแต่ละตัววิ่งติดๆ กันเข้าไปในบ้านจึงถามอย่างร้อนใจ “กระรอกดินล่ะ? เมื่อกี้ฉันยังเห็นครอบครัวกระรอกดินวิ่งตามมาอยู่เลยนี่นา”
ฉินสือโอวตบไปที่บ่าของเธอเพื่อบอกว่าอย่าร้อนใจไป คนอื่นอาจจะลำบากแต่ไม่ใช่กับครอบครัวกระรอกดินแน่ เพราะมันคงเห็นท่าไม่ดีแล้วขุดดินหลบหนีไปแล้ว
หลังจากที่เจ้าเต่าวิ่งตามมาถึงสนามหญ้าก็เห็นฝ่ายตรงข้ามมุดหนีเข้าไปในวิลล่า มันชะลอฝีเท้าเปลี่ยนเป็นคลานปกติและมองไปที่วิลล่าด้วยความสงสัย มันมักจะรู้สึกว่าประตูสีดำนั่นมีอันตรายบางอย่างซ่อนอยู่ราวกับเป็นปีศาจปากที่พร้อมจะกลืนกินทุกอย่างจนสิ้น!
ที่ด้านหลังซึ่งกำลังวิ่งมาอย่างช้าๆ คือพวกกระรอกดิน พอเห็นพวกมันมีทรายติดเต็มขนไปหมดก็รู้ได้เลยว่าฉินสือโอวพูดไว้ไม่ผิด เมื่อกี้พอเผชิญเหตุร้ายกับเจ้าเต่า กระรอกดินทั้งหกตัวก็มุดลงดินหนีไปในทันที
เต่าอัลลิเกเตอร์คลานอยู่ตรงสนามหญ้า เพราะพอเป็นแบบนี้เป้าหมายก็จะเห็นตัวมันได้ไม่ชัด พวกครอบครัวกระรอกดินไม่ทันได้เห็นมัน จึงวิ่งไปอยู่ข้างๆ มันหมดทุกตัว
พอเป็นแบบนี้เต่าตัวโตก็หันหัวของมันไป ใบหน้าที่โหดร้ายขนาดใหญ่ราวกับจระเข้ปรากฏขึ้นข้างๆ เจ้ากระรอกดินน้อย
พวกกระรอกดินตกใจจนฉี่ราด แม่กระรอกดินปลุกความฮึกเหิมเงยหน้าจ้องไปที่เจ้าเต่า แต่พวกตัวที่เหลือกลับย่องไปหลบอยู่ทางด้านหลังตัวแม่ด้วยความกลัว สุดท้ายเต่าอัลลิเกเตอร์กลับเหลือบมองไปที่พวกมันอย่างเย็นชาทีหนึ่ง แล้วหันหัวกลับไปอย่างไม่ไยดี มันจ้องมองไปที่ประตูวิลล่านั้นด้วยความสงสัยต่อไป
พอเห็นเจ้าเต่าอยู่ตรงสนามหญ้านั้นอย่างไม่มีพิษไม่มีภัย ฉินสือโอวก็ไม่ได้ไปไล่มัน เพียงแต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านี่ถึงวิ่งมาแสนไกลจนมาถึงวิลล่าแห่งนี้ เพราะดูท่าแล้วมันเหมือนไม่ได้มาหาเรื่องหู่จือและเป้าจือ เพราะตราบใดที่หู่จือและเป้าจือไม่ได้ไปยั่วยุมัน ในอีกสองวันข้างหน้ามันก็จะไม่เป็นฝ่ายรุกโจมตีก่อน
แต่เจ้าสี่ตัว หู่จือ เป้าจือ ฉงต้าและปอหลัวดูท่าจะไม่พอใจมากที่เต่าอัลลิเกเตอร์บุกมาถึงที่ของพวกมัน หลัวปอน้อยพอมีเวลาก็ไปจ้องมองเจ้าเต่าอย่างเป็นปรปักษ์ แต่เจ้าเต่ากลับไม่สนใจแม้แต่น้อย…
ฉินสือโอวนึกว่าเต่ายักษ์ตัวนี้พออยู่ที่ฟาร์มปลาสักพักก็จะกลับไปในแม่น้ำ แต่ปรากฏว่าอยู่ไปอยู่มาก็สองวันแล้ว เขากลัวว่ามันจะหิวจึงหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตว่าเจ้าตัวนี้กินอะไรเป็นอาหาร แล้วก็พบว่ามันกินได้ตั้งหลายอย่าง ปลา กุ้ง ไก่ เป็ด แพะ แกะ เนื้อทุกอย่าง รวมไปถึงมังสวิรัติ
ดังนั้นเขาจึงเอาปลาคาพีลินตัวอวบอ้วนหลายตัวโยนให้เจ้าเต่ากิน
ตอนที่เต่าอัลลิเกเตอร์ไม่ขยับตัวไปไหนมันจะดูทึ่มทื่อและงี่เง่า แต่พอขยับตัวขึ้นมากลับดูฉลาด พอเห็นว่ามีปลาถูกโยนมาอยู่ด้านหน้าจึงรีบคลานไปกินในทันทีโดยไม่แม้แต่จะลังเล
ฉินสือโอวเห็นมันชอบกินปลาชนิดนี้จึงสะบัดมือแล้วโยนปลาไปอีกตัว
ครั้งนี้เจ้าเต่าทำให้เขาประหลาดใจ เพราะมันเหมือนกับสุนัขไม่มีผิด พอเห็นปลาอวบอ้วนถูกโยนไปตรงหัวมัน มันก็ยื่นคออย่างแม่นยำแล้วงับเจ้าปลาไว้ตรงปากก่อนจะกลืนกินปลาลงไปในท้องได้อย่างคล่องแคล่วและง่ายดาย
ฉินสือโอวยิ้มไปพลางโยนปลาที่เหลือให้มันกินไป เพียงแค่เจ้าเต่ามันยื่นคอถึง ก็ไม่มีปลาตัวไหนตกถึงพื้นและไปอยู่ในปากมันเรียบร้อย แบบนี้ถ้ามันไม่ยอมออกไปจากสนามหญ้าตรงนี้ ฉินสือโอวก็จะไม่ไล่มันไป ก็ให้มันอยู่ที่นี่ไปชั่วคราวก่อนแล้วกัน เพราะยังไงของที่บ้านที่ไม่เคยขาดก็คือปลานั่นเอง
หลังจากนั้นไปสองสามวัน ฉินสือโอวก็ไม่มีแรงไปสนใจเจ้าเต่าอัลลิเกเตอร์นี่อีก วิลรีบพาคนงานมาเพราะตอนต้นปีก่อนเขาเคยบอกว่าอยากจะสร้างศาลาน้ำพุร้อนบนน้ำพุร้อนสองแห่งนี้
หลังจากเจอหน้ากัน วิลก็พูดกับฉินสือโอวด้วยความรู้สึกผิด “ขอโทษด้วยนะเพื่อน ช่วงนี้งานเยอะไปหน่อยเลยไม่ได้มาช่วยงานทางนี้ให้ทันเวลา แต่ตอนนี้ฉันมาช่วยนายสร้างศาลาน้ำพุดีไหม?”
ฉินสือโอวยิ้มให้ “ศาลาน้ำพุร้อนของฉันไม่ได้เร่งด่วนอะไร นายเคลียร์งานของนายไปก่อนเถอะ งานเยอะถึงจะเป็นเรื่องดี แต่ปีนี้เศรษฐกิจของประเทศแคนาดาก็ไม่เท่าไรไม่ใช่เหรอ?”
ตอนนี้เขาไม่ได้รีบใช้ศาลาน้ำพุร้อนจริงๆ ของแบบนี้เหมาะเอาไว้ใช้ตอนอากาศหนาวช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ หน้าหนาวและช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง เพราะหน้าร้อนฉินสือโอวชอบน้ำทะเลที่เย็นสบายมากกว่า
ฟังฉินสือโอวพูดแบบนี้ วิลก็ตอบอย่างดีใจ “ฉันต้องขอบคุณนายจริงๆ ฉิน เพื่อนรัก ถ้าไม่ใช่นายที่ให้ฉันรับเหมางานใหญ่ๆ พวกอย่างสนามบินและโบสถ์ของหมู่บ้าน ฉันก็คงไม่มีปัญญาเลี้ยงทีมงานใหญ่ขนาดนี้ได้หรอก”
ทีมก่อสร้างของวิลไม่ได้มีแค่ทีมงานก่อสร้างมาร์ค-วิลของตัวเอง แต่เป็นทีมงานที่เป็นกลุ่มครอบครัว พ่อของเขานำทีมก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุด ส่วนพวกพี่น้องคนอื่นๆ ก็มีทีมงานก่อสร้างเช่นกัน พวกเขาต้องหางานเองและเลี้ยงดูลูกน้องของตัวเอง ดังนั้นถ้าไม่ใช่ฉินสือโอวแนะนำงานมากมายให้เขาขนาดนี้ การที่วิลต้องมาเลี้ยงดูคนงานทางนี้ก็คงเป็นเรื่องที่เหนื่อยน่าดู
…………………………………….
บทที่ 658 ตัวกินจุหิวแล้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy
การสร้างศาลาน้ำพุร้อนไม่ใช่แค่สร้างอะไรมาคลุมทับเท่านั้น วิลรู้สึกขอบคุณฉินสือโอวที่ช่วยเขามาโดยตลอด เพราะฉะนั้นขอเพียงแค่เป็นงานก่อสร้างของฟาร์มปลาต้าฉิน เขาจะพยายามทำออกมาให้สมบูรณ์แบบที่สุด
การเริ่มงานก่อสร้างศาลาน้ำพุร้อนครั้งนี้ เขาได้เชิญทีมนักธรณีวิทยามาก่อน โดยให้พวกเขาตรวจสอบและออกตัวรายงานทางธรณีวิทยาเพื่อดูแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพ หลังจากนั้นก็จะตัดสินใจตามรายงานว่าจะสร้างสปารีสอร์ตขนาดใหญ่อันงดงามตระการตาหรือสระน้ำพุร้อนขนาดเล็กที่อบอุ่นและเงียบสงบสำหรับครอบครัว
ก่อนเริ่มงาน วิลยังรู้สึกผ่อนคลายสบายๆ ฉินสือโอวชวนเขามานั่งรับลมทะเลและดื่มน้ำผลไม้ที่ชายหาด เขาก็รับปากอย่างดีใจแล้วยังชวนต่อด้วยว่า “ฉิน ถ้าคุณมีเวลา มาเป็นแขกที่บ้านผมหน่อยดีไหม? ภรรยาของผมคิดถึงวินนี่มาโดยตลอด เธอถูกเสน่ห์ของวินนี่ดึงดูดไว้ซะแล้ว”
ตามธรรมชาติการเชิญชวนแบบนี้คงปฏิเสธไม่ได้ ฉินสือโอวจึงตกปากรับคำ แต่ประเด็นที่จะคุยกันวันนี้ไม่ใช่การเป็นแขก แต่คือการสร้างบ้านเล็กๆ
ฉินสือโอวสนใจบ้านกระท่อมกาแฟเล็กๆ ในทุ่งนาของเหมาเหว่ยหลงมากที่สุด มันมีความประณีตงดงามราวกับของในโลกเทพนิยายแบบนั้นเลยทีเดียว
เขาอธิบายลักษณะของบ้านกระท่อมกาแฟให้วิลฟังแล้วถามขึ้น “ถ้าสร้างบ้านเล็กๆ แบบนี้มันจะลำบากไหม? ฉันอยากสร้างในฟาร์มปลาสักสองสามจุด นายคิดเห็นว่ายังไง?”
วิลหัวเราะเสียงดัง “นี่มันง่ายมาก ฉิน ดูท่าแล้วคุณไม่ได้สนใจในด้านนี้สักเท่าไร บ้านกระท่อมสไตล์การ์ตูนแบบนี้ถึงไม่ใช่ทีมก่อสร้างของเราที่เป็นคนสร้างขึ้นมา แต่แน่นอนว่าพวกเราก็ทำได้ แต่มันจะเปลืองมากสักหน่อย จริงๆ แล้วบ้านกระท่อมสไตล์นี้นายสามารถทำได้ด้วยตนเองเลยนะ เพราะของพวกนั้นเอามาประกอบกันได้”
พูดไปวิลก็หยิบมือถือของตัวเองออกมาเปิดหน้าเว็บไซต์ที่มีชื่อว่า ‘สร้างบ้านด้วยตนเอง’ ให้เขาดู
บนเว็บไซต์มีรูปภาพบ้านเล็กๆ สวยงามเรียงรายอยู่เต็มไปหมด บ้านกาแฟ บ้านเบียร์ บ้านบาร์บีคิว โรงบ่มไวน์ โรงจอดรถเล็กๆ เป็นต้น มันมีครบทุกรูปแบบเลยทีเดียว
วิลแนะนำให้เขาฟัง “ดูสิ พอคุณชอบอันไหนก็เลือกได้เลย พวกเขาก็จะส่งตัวผนัง หลังคา รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านมาให้ หลังจากนั้นสิ่งที่คุณจะต้องทำก็คือรวบรวมของพวกนี้กองไว้เหมือนกองไม้ แล้วประกอบเข้าด้วยกัน เรื่องเดียวที่ยุ่งยากหน่อยก็คือการต่อสายไฟ ขอแค่ต่อไฟได้ ถ้าอย่างนั้นทั้งหมดก็… โอ้ว เวร เต่าอัลลิเกเตอร์ตัวยักษ์มาก!”
เห็นสีหน้าตกใจของวิล ฉินสือโอวไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ว่าคุณปู่เต่าย้ายสถานที่แล้ว
เต่าอัลลิเกเตอร์เป็นเต่าน้ำจืด โดยปกติจึงไม่ลงไปในทะเล ฉินสือโอวรู้สึกประหลาดใจว่ารอบนี้มันออกมาทำอะไร? หลังจากมาที่ฟาร์มปลา เจ้าเต่าก็อยู่ในสนามหญ้ามาตลอด วินนี่ยังเคยเอาน้ำไปฉีดให้เพราะกลัวว่ามันจะแห้งเหี่ยว
พอหันกลับไปมอง ก็เป็นจริงดังคาด เจ้าเต่าตัวนั้นปีนออกมาแล้ว มันคืบคลานอย่างช้าๆ ราวกับกำลังเดินเล่นอยู่ หัวที่น่าเกลียดน่ากลัวของมันมองไปทางซ้ายทีขวาทีพร้อมสายตาที่ดูเหยียดหยามสุดๆ
ถึงแม้ว่าจะโตมาหน้าตาน่าเกลียด แต่ตอนนี้ท่วงท่าที่มันย่างกรายกลับสง่างาม ลักษณะท่าทางที่ประเมินรอบข้างให้ความรู้สึกเหมือนจักรพรรดิกำลังตรวจดูผู้กล้าในอาณาจักรอยู่
หู่จือและเป้าจือตัวหนึ่งอยู่ซ้าย ตัวหนึ่งอยู่ขวา ขนาบข้างมันไว้ ในแววตาส่อความไม่พอใจออกมา เห็นได้ชัดว่ายังอยากหาเรื่องเจ้าเต่าอัลลิเกเตอร์อยู่
เต่ายังคงคืบคลานไปอย่างช้าๆ ท้ายที่สุดมันก็คลานมาอยู่ข้างๆ ฉินสือโอว มันยังคงประเมินซ้ายขวา แต่สายตาในบางครั้งกลับเหลือบมองไปที่ฉินสือโอวราวกับต้องการจะสื่ออะไรบางอย่าง
ฉินสือโอวจะรู้ได้อย่างไรว่ามันต้องการสื่ออะไร? เขาจึงมองไปที่เจ้าเต่าด้วยความใคร่รู้ ซึ่งเจ้าเต่าก็เหลือบมองมาที่เขาหลายครั้งเช่นกัน เมื่อเห็นว่าเขาไม่ทำอะไรก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมาจนต้องใช้หางที่เหมืองแส้เหล็กตีไปที่เก้าอี้นอนของเขา
ฉินสือโอวสามารถรับรู้ความรู้สึกของสิ่งมีชีวิตได้ แต่นั่นก็จำกัดแค่ตอนอยู่ในน้ำและยังต้องเป็นปลาหรือกุ้งที่มีสติปัญญาระดับสูงหน่อย แน่นอนว่าเต่าอัลลิเกเตอร์มีสติปัญญาสูงพอแล้ว แต่การอยู่บนพื้นดินแบบนี้เขาไม่มีความรู้สึกอะไรเลย
ในที่สุดเมื่อเจ้าเต่าเห็นว่าเขายังไม่ขยับตัวไปไหน มันจึงยื่นคออย่างรวดเร็วแล้วทำท่าอ้าปากเหมือนกำลังจะรับของอะไรสักอย่าง
แม่ง ไอ้เจ้านี่ฉลาดเกินไปแล้วมั้ง? ตอนนี้ฉินสือโอวเข้าใจความหมายของมันแล้ว มันหิวแล้ว และอยากให้เขาให้อาหารมัน
ฉินสือโอวหัวเราะเงียบๆ เขายื่นมือไปลูบหัวเจ้าเต่าอัลลิเกเตอร์สองสามทีโดยไม่รู้ตัว วิลตกใจสุดขีดจนต้องอ้าปากค้าง “ระวัง ฉิน! อารมณ์ของเต่าอัลลิเกเตอร์รุนแรงมาก และยังดุร้ายมากด้วย!”
ท่าทางเมื่อกี้ฉินสือโอวทำไปตามจิตใต้สำนึก เพราะเมื่อกี้ท่าทางของเจ้าเต่าเหมือนคนมาก พอยื่นมือออกไปเขาก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย คงจะไม่ถูกกัดใช่ไหม?
ผลสุดท้ายเจ้าเต่าก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบกลับอะไรที่รุนแรง และไม่ได้หลบเลี่ยงด้วย แถมมันยังยื่นหัวไปอย่างมีความสุขเพื่อตอบรับท่าทางของฉินสือโอวอีกด้วย
วิลเกาหัวด้วยความงุนงง “แปลกจริง คุณเลี้ยงเจ้าตัวนี้มานานแล้วใช่ไหม? เพราะเต่าอัลลิเกเตอร์ไม่ได้เลี้ยงให้เชื่องง่ายๆ นะ คนบางคนเลี้ยงเต่ามากว่าสิบปี พอเข้าใกล้ก็ยังถูกกัดได้เลย”
ฉินสือโอวไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรเลย ดังนั้นเขาจึงตอบไปอย่างคลุมเครือ “ไม่ไม่ ฉันก็เพิ่งรู้จักมันยังไม่ถึงอาทิตย์เลยด้วยซ้ำ บางทีอาจจะเพราะเจ้าของคนก่อนฝึกเลี้ยงมันให้เชื่องดีอยู่แล้วมั้ง? นายดูสิ เจ้านี่ตัวใหญ่ขนาดนี้ อายุก็คงไม่น้อยแล้วล่ะ”
พูดไป ฉินสือโอวก็เดินกลับไปเอาอาหารให้เต่าอัลลิเกเตอร์ด้วย เขาใช้ถังใบเล็กใส่เนื้อวัว เนื้อไก่ และปลานิลลงไปเล็กน้อย ท้ายสุดแล้วพอออกจากวิลล่าเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอันน่าสมเพช มันเหมือนจะมาจากทางวิลที่อยู่บนชายหาด
ฉินสือโอวรีบวิ่งไปทางนั้นอย่างร้อนใจ เขาเห็นจากไกลๆ ว่าวิลวิ่งไปอยู่ริมชายหาด เขาจึงถามอย่างประหลาดใจว่าเกิดอะไรขึ้น วิลชูมือที่มีเลือดสดๆ ไหลย้อยให้ดูแล้วพูดขึ้น “ไอ้เต่าสารเลวนี่ มันกัดผม มันกัดมือผม!”
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมมันถึงกัดนาย?” ฉินสือโอวตกใจ หรือว่าเต่าอัลลิเกเตอร์จะก้าวร้าวขนาดนี้ พอหิวแล้วก็เลยกัดคน? ถ้าหากเป็นแบบนี้คงจะเก็บมันไว้ในฟาร์มปลาไม่ได้
วิลร้องไห้คร่ำครวญ “คุณไม่ได้บอกหรอกเหรอว่าเจ้าของคนเก่าฝึกให้มันเชื่องแล้ว? ผมเลยอยากลูบหัวมันเหมือนคุณ แต่ปรากฏว่ามันกัดผม!”
ฉินสือโอว “…”
จริงๆ แล้วเขาอยากจะพูดว่ารนหาที่จริงๆ แต่ด้วยความที่เป็นเพื่อนกัน พูดประโยคนี้ไปก็จะทำร้ายความรู้สึกไปหน่อย
นี่จะโทษเจ้าเต่านี่ก็ไม่ได้ นายอยู่ดีๆ จะไปลูบหัวมันทำไม? นายคิดว่านายแน่นักเหรอ? ฉันเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนเชียวนะ
แม้สีหน้าจะดูโศกเศร้าแต่ในใจฉินสือโอวกลับเริงร่า เขาจึงไปลูบหัวเจ้าเต่าอีกครั้ง เต่าอัลลิเกเตอร์ช่างเชื่องดีจริงๆ ไม่ใช่แค่ให้เขาลูบหัว มันยังขยับเข้ามาใกล้ตัวเขา หรี่ตาแสยะยิ้ม หน้าตาทึ่มๆ ของมันแสดงออกถึงความเพลิดเพลินใจ
พอลูบหัวเจ้าเต่าไปสักพัก ฉินสือโอวก็เข้าไปดูมือของวิล แรงกัดของเต่าอัลลิเกเตอร์มีมากจนน่าทึ่ง เจ้าตัวใหญ่ยักษ์ขนาดนี้ หากมันกัดลงไปแบบรุนแรงจริงๆ ก็คงสามารถกัดแขนของวิลจนขาดด้วนได้ ดังนั้นเขาจึงกังวลใจหน่อยๆ
พอเข้าไปดูฉินสือโอวก็คลายกังวล ไม่มีอะไรมาก มีแค่แผลตื้นๆ ตรงฝ่ามือและหลังมืออยู่สองจุด ดูเผินๆ แล้วเลือดไหลจนน่าตกใจ แต่ความจริงไม่ได้รุนแรงจนถึงกระดูกหรือเนื้อข้างใน แค่ถลอกนิดหน่อย
เขาใช้วิทยุวอเรียกแซ็กที่เข้ากะอยู่ให้เอากล่องยามาให้ ฉินสือโอวช่วยทำแผลให้วิล วิลรู้สึกไม่มีความสุข เจ้าเต่าอัลลิเกเตอร์ตัวนี้ไม่น่ารักจริงๆ
เจ้าเต่าคลานอยู่ข้างๆ เก้าอี้นอนอย่างว่าง่าย ถังที่เต็มไปด้วยอาหารอยู่ข้างหน้ามัน แต่มันก็ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมา มันรอนิ่งๆ ให้ฉินสือโอวเอาอาหารมาให้มัน
หลังจากช่วยทำแผลให้วิลเสร็จ ฉินสือโอวก็หยิบเนื้อวัวป้อนมัน แต่ปรากฏว่าเจ้าเต่าสูดดมแล้วก็ขยับคอหนีเหมือนไม่สนใจ มันยังคงจ้องไปที่ฉินสือโอวต่อ
ฉินสือโอวสงสัย เจ้านี่ไม่ได้หิวแล้วหรอกเหรอ? เต่าอัลลิเกเตอร์ต้องชอบกินเนื้อวัวสิถึงจะถูก
เขาเลยหยิบปลานิลที่เนื้อนุ่มหน่อยป้อนมัน แต่ปรากฏว่าเจ้าเต่าเลียไปที่ปลาอย่างฝืนใจ สุดท้ายก็ไม่กิน
วิลหัวเราะอย่างมีความสุขเมื่อเห็นแบบนี้ “เจ้านี่มันอดอาหารเหรอ? นี่มันเป็นอาหารเลิศรสของเต่าอัลลิเกเตอร์เชียวนะ”
บทที่ 659 รวมตัวกันอดอาหาร
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวก็มึนงงเหมือนกัน เมื่อก่อนเขาเอาปลาคาพีลินป้อนให้เจ้าเต่า เจ้านี่ก็กินอย่างมีความสุขดีนี่นา ครั้งนี้ดูแล้วก็น่าจะหิวมากด้วย แต่ทำไมถึงไม่กินอะไรเลย?
เขาโยนปลาคาพีลินให้มันกินอีกด้วยความสงสัย
ครั้งนี้เจ้าเต่ายื่นคอออกมารับอย่างรวดเร็วและงับเจ้าปลาน้อยไว้ในปาก หลังจากนั้นก็อ้าปากกลืนกินปลาคาพีลินตัวอวบอ้วนลงไปในท้อง…
เสียงหัวเราะของวิลหยุดลงทันใด เขายักไหล่แล้วพูดขึ้น “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเต่าอัลลิเกเตอร์ที่เลือกกินขนาดนี้ ไม่อยากเชื่อว่าจะกินแค่ปลาคาพีลิน น่าแปลกจริงๆ”
ฉินสือโอวกลับเข้าใจได้ในทันทีว่าเจ้าเต่านี่ไม่ใช่จะกินแค่ปลาคาพีลิน แต่อยากกินอาหารที่มีส่วนผสมของพลังโพไซดอน!
พอเป็นแบบนี้เขาก็เข้าใจเช่นกันว่าทำไมเจ้าเต่าอัลลิเกเตอร์ถึงดีกับเขาแค่คนเดียว และยังคืบคลานอย่างไม่รู้จักเหน็ดไม่รู้จักเหนื่อยจากปากแม่น้ำที่ไหลลงสู่ทะเลมาถึงวิลล่า มันน่าจะรู้สึกได้ถึงพลังโพไซดอนที่อยู่ในตัวของฉินสือโอว ดังนั้นมันจึงตามพลังโพไซดอนมา!
ยิ่งอายุเยอะ ยิ่งผ่านประสบการณ์อะไรมามาก เจ้าเต่าตัวนี้ถือว่าไม่ได้อยู่เสียเวลาเปล่ามาหลายปี เพราะความรู้สึกของมันช่างแยบคายนัก เพราะฉินสือโอวยังไม่เคยเจอสิ่งมีชีวิตไหนที่สามารถรู้สึกถึงพลังโพไซดอนที่อยู่บนตัวเขาได้เลย
แต่เขาก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าพลังโพไซดอนจริงๆ แล้วจะมีแรงดึงดูดต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลมากที่สุด นอกจากเต่าแล้วยังไม่มีสิ่งมีชีวิตในทะเลอะไรที่สามารถปีนขึ้นฝั่งได้อีก? แต่ตอนที่เขาลงไปในน้ำทะเล ก็ไม่ได้เข้าไปใกล้ฉลามหรือวาฬแปลกหน้า แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งมีชีวิตพวกนั้นไม่ได้รู้สึกถึงพลัง?
ปลาคาพีลินที่ฉินสือโอวเตรียมมาถูกเอาไปป้อนให้เจ้าเต่าจนหมด เจ้าเต่าช่างกินจุจริงๆ พอยังกินไม่อิ่มก็ใช้สายตาสื่อเป็นนัย เขาจึงเข้าไปในตู้น้ำแข็งแล้วหยิบปลาแฮร์ริ่งออกมาจำนวนหนึ่ง ปลาพวกนี้ก็มีพลังโพไซดอนอยู่ หลังจากที่โยนให้มันกิน มันก็ไม่ได้เลือกกินจริงๆ ด้วย เพราะมันกินหมดเกลี้ยงอย่างมีความสุขเลยล่ะ
วิลลูบไปที่จมูกของตัวเองโดยไม่รู้จะพูดอะไรดี เขารู้สึกว่าเจ้าเต่านี้มันแปลกๆ
พอป้อนเจ้าเต่าจนอิ่ม ฉินสือโอวก็พามันไปที่ชายหาดให้มันลงน้ำ แล้วก็คิดว่าจะถ่ายพลังโพไซดอนให้มันสักหน่อย
เจ้าเต่าอัลลิเกเตอร์ตัวนี้สามารถรู้สึกถึงพลังโพไซดอนที่อยู่ในตัวเขาได้จริงดั่งคาด ซึ่งมันเป็นเรื่องที่แปลกมาก เขาคงต้องเก็บมันไว้ทำวิจัย
เต่าอัลลิเกเตอร์เป็นสิ่งมีชีวิตน้ำจืด จึงมีความต่อต้านน้ำทะเลตามสัญชาตญาณ แต่ฉินสือโอวผลักมันไปสองที มันเลยหดหัวก่อนทำส่วนหัวให้แข็งแล้วมุดลงไปในน้ำ
ฉินสือโอวเตรียมปล่อยพลังโพไซดอน พอเจอเจ้าเต่าก็ป้อนพลังโพไซดอนเข้าไปในร่างกายของมันทันที
เต่าอัลลิเกเตอร์แสดงถึงความตื่นเต้นสุดขีดเมื่ออยู่ในน้ำ และยังมีอารมณ์ขอบคุณด้วย ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ฉินสือโอวแปลกใจ เพราะปลาประเภทอื่นๆ เวลาได้รับพลังโพไซดอนก็จะรู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน แต่พวกมันจะไม่รู้สึกขอบคุณ อีกอย่างพอรอจนเขาป้อนพลังงานให้เสร็จ เขายังรู้สึกได้ถึงความจงรักภักดีและยินยอมที่เจ้าเต่ามีให้เขาอีกด้วย
ฉินสือโอวกลับไปที่เก้าอี้นอน ส่วนเจ้าเต่าก็มุดออกมาจากน้ำแล้วรีบคลานตามเขาไปอยู่ข้างเก้าอี้ราวกับเป็นผู้คุ้มกันที่เก่งฉกาจและเต็มไปด้วยความภักดี
พอหู่จือและเป้าจือเข้าใกล้ เต่าอัลลิเกเตอร์ก็รีบเงยหัวมองไปที่พวกมันอย่างไม่ค่อยจะพอใจ ปากของมันอ้ากว้างเผยให้เห็นฟันแหลมคม จะขาดไปก็เพียงประโยคเดียว ‘คนแปลกหน้าห้ามเข้าใกล้’
พอเป็นแบบนี้หู่จือและเป้าจือก็รู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ไอ้บ้านี่เป็นอะไร พวกข้าต่างหากที่เป็นลูกชายของพ่อฉิน โอเคไหม? ไอ้ตัวแปลกที่มาจากที่อื่นหลบไปที่อื่นเลยไป
ทันใดนั้นทั้งสองฝั่งก็เริ่มเกิดความขัดแย้ง หู่จือและเป้าจือขู่ฟ่อไม่หยุด ส่วนเจ้าเต่าก็มองไปที่สองตัวนั้นอย่างเย็นชาและสงบนิ่ง สมแล้วที่เป็นปรมาจารย์ยอดฝีมือ ในเวลานี้มันเหมือนมีความภาคภูมิใจ มีความเป็นปรมาจารย์แบบ ‘เขาแข็งแกร่ง เขาแข็งแกร่ง แม่งเว้ย’
ฉินสือโอวทำได้แค่ปลอบโยนทั้งสองฝ่าย ไม่ให้พวกมันเกิดความขัดแย้งกันอีก วิลเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีจึงจับไปที่มือตัวเองที่ได้รับบาดเจ็บแล้ววิ่งหายไป เขาเห็นทั้งหู่จือ เป้าจือและเต่าอัลลิเกเตอร์ที่ดูเหมือนจะทำสงครามหนักกันก็ไม่อยากให้เลือดมาเปื้อนถูกตัวเขาแล้ว
การปลอบโยนที่ไม่ได้ช่วยทั้งสองฝั่งของฉินสือโอวทำร้ายความรู้สึกของหู่จือและเป้าจือ ใครที่เป็นลูกชายแท้ๆ กันแน่ ใครที่เป็นลูกรักกัน?
พวกมันสองตัวร้องโหยหวน เป็นเสียงร้องที่อ้างว้าง ร้องไปได้สักพักก็วิ่งจากไปอย่างว้าวุ่น วิ่งไปก็หันไปมองฉินสือโอวไป ราวกับเป็นคนเร่ร่อนที่โดนพ่อแม่ขับไล่ออกจากบ้าน
ฉินสือโอวหัวใจแตกสลาย บ้าเอ๊ย พวกแกอย่าใจเปราะบางแบบนี้ได้ไหม? เขาทำได้แค่ตามหู่จือและเป้าจือไป พอตามไปถึงตัวพวกมันก็พูดโน้มน้าวกับพวกมันอยู่สักพัก หู่จือและเป้าจือถึงค่อยเริ่มกระดิกหางให้ความสนิทใกล้ชิดอีกครั้ง
พอปลอบหู่จือและเป้าจือเสร็จ ฉินสือโอวก็ไปดูเจ้าเต่าต่อ ในเมื่อคิดว่าจะเก็บมันไว้ ก็คงต้องตั้งชื่อให้ ดูจากลักษณะท่าทางที่มีสง่าราศีของมัน ฉินสือโอวก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย “แกชื่อมาสเตอร์แล้วกัน”
เจ้าเต่าอัลลิเกเตอร์หันหัวไปมองเขาอย่างช้าๆ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ มันยังคงแสดงท่าทางอวดเก่งเย็นชาที่ดูอ้างว้างเหมือนเดิม
หลังจากที่วินนี่กลับมา ฉินสือโอวก็แนะนำให้วินนี่รู้ว่าหลังจากนี้ไปเจ้าเต่าอัลลิเกเตอร์จะอยู่ที่บ้านเรา และมันมีชื่อว่ามาสเตอร์
วินนี่ลองเอามือไปลูบหัวมาสเตอร์ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมื่อก่อนเธอเคยรับผิดชอบให้อาหารมาสเตอร์หรือเปล่า หรือเพราะการซึมซับพลังงานโพไซดอนเข้าไปทำให้มันฉลาดขึ้นมา มันถึงไม่ได้งับแขนของวินนี่อย่างที่ทำกับวิล
แต่มันก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับท่าทางของวินนี่ และยังคงแน่นิ่งนอนราบอยู่ตรงนั้น
ขณะที่ลูบหัวมาสเตอร์ไป วินนี่ก็คิดที่จะเอามันเข้าไปในบ้าน แต่มันกลับต่อต้านวิลล่ามาก มันส่ายหัวแล้วก้าวถอยหลัง จะเป็นจะตายอย่างไรก็ไม่ยอมเข้าไปในวิลล่า ดวงตาเล็กๆ สองดวงที่เหมือนกับเมล็ดถั่วดำจ้องไปที่ประตูใหญ่ ราวกับว่ามันเป็นปากปีศาจที่จะจับเต่ากินเป็นอาหารอย่างไรอย่างนั้น
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เอามาสเตอร์เข้าไปในบ้าน แต่หู่จือ เป้าจือ ฉงต้า หลัวปอ บุชรวมไปถึงนิมิตส์ ต่างก็ไม่พึงพอใจ เจ้านี่มันเป็นใคร มาถึงถิ่นของเรา แย่งกิน แย่งดื่ม แบ่งปันความรักไป แล้วยังทำเป็นอวดดีอีก?
ทนไม่ได้แล้วโว้ย!
โดยเฉพาะตอนที่วินนี่ไม่รู้ว่าตอนกลางวันฉินสือโอวป้อนอาหารให้มาสเตอร์เรียบร้อยแล้ว ก่อนมื้อเย็นเธอจึงเอาปลาจำนวนหนึ่งไปป้อนให้มาสเตอร์กินอีก
คราวนี้หัวใจอันเปราะบางของเจ้าตัวเล็กทั้งหลายต่างเหมือนโดนทำร้าย หากไปแตะถูกสักหน่อยคงแตกดังเปรี๊ยะร้าวเป็นเสี่ยงๆ
หลัวปอเริ่มทนไม่ได้ก่อนเพื่อน มันต่างหากที่เป็นลูกรักของหม่ามี๊วินนี่ โอเคไหม? ทุกครั้งหม่ามี๊จะป้อนอาหารให้มันก่อนโอเคไหม? มันร้องเห่าหอนแล้วโผเข้าหาวินนี่ก่อนยื่นเอาอุ้งเท้าของมันเกาะขาวินนี่ไว้พร้อมส่งเสียงร้องไม่หยุด
หู่จือ เป้าจือจ้องไปที่มาสเตอร์อย่างโกรธแค้น นี่คือศัตรู ศัตรูทางชนชั้น!
ฉงต้ายิ่งโมโหใหญ่ ปลาในถังนั่นเป็นของมันทั้งหมด ไอ้เจ้านี่ดันมาแย่งของกินของมันไป! ไม่ได้ ทำแบบนี้ไม่ได้ เมื่อก่อนไม่มีใครกล้าแย่งปลาไปจากมัน นิสัยแย่ๆ แบบนี้จะให้หม่ามี๊วินนี่ฝึกจนเป็นนิสัยไม่ได้ ปลาต้องให้ฉงต้ากินเท่านั้น!
ดังนั้นพวกมันจึงเริ่มจับมือร่วมกันต่อต้าน ตอนมื้อเย็นพวกมันทุกตัวต่างแย่งกันไปนั่งอยู่ที่มุมห้อง ต่างจากเมื่อก่อนที่จะรีบเข้าไปแย่งอาหารกัน
ฉินสือโอวกดสั่งจองบ้านกระท่อมเครื่องดื่มแช่เย็นในอินเทอร์เน็ต เนื้อที่โดยประมาณเท่ากับสี่สิบกว่าตารางเมตร รูปร่างของบ้านให้ความรู้สึกอบอุ่น คนรับผิดชอบที่ร้านจะนำส่งวัสดุอุปกรณ์มาให้ที่หมู่บ้าน
อย่าดูเพียงแค่ว่าบ้านแบบนี้มีเนื้อที่ไม่ใหญ่ แต่ราคาของมันกลับไม่ถูกเลย บ้านเล็กขนาดนี้กลับมีราคาถึง 48,000 ดอลลาร์แคนาดา ราคาเทียบได้กับรถคันเล็กๆ หนึ่งคันเลยทีเดียว
ตอนที่ลงมาข้างล่างเพื่อเตรียมจะกินข้าว เมื่อฉินสือโอวเห็นพวกตัวเล็กนั่งหดหัวอยู่ตรงมุมห้องก็ยิ้มออกมา “ที่รัก วันนี้เริ่มข้าวเร็วจริงๆ นะ พวกเด็กๆ แป๊บเดียวก็กินอิ่มกันหมดแล้วเหรอ?”
วินนี่ที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวพูดอย่างประหลาดใจ “ไม่นะคะ เรายังเริ่มกินเวลาเดิมนะ ต้องสร้างนิสัยการกินอาหารให้เป็นเวลากับพวกเด็กๆ ไม่งั้นพวกเขาจะไม่แข็งแรง”
แต่พอถึงเวลาอาหาร วินนี่ยกอาหารออกมา เจ้าพวกนั้นก็ยังคงไม่ขยับและมองไปที่วินนี่ด้วยสายตาเย็นชา
วินนี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงยกชามข้าวไปวางไว้ที่ด้านหน้าพวกมัน ปรากฏว่าฉงต้าปัดชามข้าวอย่างเย่อหยิ่ง ไส้กรอกขนาดเล็ก ไข่เจียวกึ่งสุก สเต๊กเนื้อ แล้วยังมีผักและผลไม้หกกระจายไปทั่วพื้นห้อง…
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น