หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา 646-647
บทที่ 646 ถูกขัง!
หวังเป่าเล่อหรี่ตามองปักษาเพลิงตาไม่กะพริบ เขาโน้มตัวไปข้างหน้าเหมือนกับเสือพร้อมกระโจนเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์
ถึงจะเป็นเสือที่พุงพลุ้ยหน่อยๆ…แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเร็วของเขาลดลงแม้แต่น้อย พุงอ้วนกลมอาจเป็นตัวแทนความยืดหยุ่นพลิ้วไหวก็เป็นได้
หวังเป่าเล่อตั้งสมาธิ เตรียมร่างกายให้ตื่นตัว ปักษาเพลิงบินวนสวนทิศกับโม่หิน ก่อนจะพุ่งเข้าชนจนเกิดเสียงดัง คลื่นปะทะกระจายออกเป็นวงกว้าง ปักษาเพลิงพุ่งเข้าชนด้วยพลังเต็มขั้น โม่หินไม่เสียหายแม้แต่นิด แต่ก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่งตอนที่โดนพุ่งเข้าใส่
โม่หินหยุดนิ่งไปชั่ววินาที ด้ามหมุนทั้งเก้ากระตุกรุนแรง อสูรร่างยักษ์เก้าตนที่อยู่ห่างไกลออกไปในแต่ละทิศส่งเสียงร้องคำรามเกรี้ยวกราด
ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วขณะที่โม่หินหยุดชะงัก เฟิ่งชิวหรันเหมือนจะรอโอกาสนี้อยู่แล้ว นางรีบพุ่งตังลงแทรกตรงช่องว่างระหว่างชั้นโม่หิน!
เจ้าเยี่ยเหมิงและคนอื่นๆ ตามไปไม่ห่าง พวกเขาปล่อยความเร็วเต็มพิกัดพุ่งเข้าไปใกล้โม่หิน ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในช่องเดียวกัน หวังเป่าเล่อรีบพุ่งตามไปทันที!
ชายหนุ่มพุ่งตามเข้าไปในช่องว่างระหว่างชั้นทันทีที่พวกเฟิ่งชิวหรันทำให้โม่หินหยุดชะงัก
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเขาทำให้ผู้ฝึกตนหลายคนตื่นตกใจ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นหวังเป่าเล่อก็ต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก เจ้าเยี่ยเหมิงและกงเต๋าแสนดีใจเมื่อได้เห็นชายหนุ่ม เฟิ่งชิวหรันนิ่งอึ้งไปก่อนจะพยักหน้าให้
ตอนนี้ยังไม่เหมาะที่จะถามสารทุกข์สุกดิบกัน พวกเขารีบมุ่งหน้าตรงไปตามช่องทางระหว่างชั้นโม่หินที่เปิดออก
กลิ่นคาวเลือดลอยปะทะจมูก รอบกายเต็มไปด้วยเลือดเนื้อที่ถูกบดจนแหลกละเอียด บรรยากาศรอบกายช่างน่าสะพรึงกลัวจนบางคนอยากจะอ้วกออกมา แต่ก็ไม่มีเวลามัวมานึกรังเกียจ ไม่มีใครอยากตายลงตรงนี้ ทำได้เพียงเก็บความอึดอัดนี้ไว้และมุ่งหน้าต่อไป!
ทุกคนต่างรู้ดีว่า…ตนกำลังมุ่งหน้าผ่านช่องว่างระหว่างชั้นโม่หินอยู่ หากออกจากพื้นที่นี้ไปไม่ได้ก่อนที่โม่หินจะขยับอีกครั้ง ก็คงจะต้องพบกับชะตากรรมไม่ต่างจากโครงกระดูกที่ถูกโยนใส่โม่หิน…ถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด!
ทุกคนรีบวิ่งหน้าตั้งตรงไปตามทาง แม้ว่าโม่หินจะใหญ่โตมโหฬาร แต่ปักษาเพลิงเองก็ทรงพลังไม่แพ้กัน ไม่มีใครปล่อยเวลาให้เสียเปล่า ต่างรีบวิ่งสุดชีวิตตรงไปด้านหน้า ในที่สุดพวกเขาก็พ้นเขตอันตรายมาถึงตรงใจกลางโม่หินก่อนที่มันจะเริ่มหมุนวนอีกครั้ง!
บริเวณใจกลางเป็นแอ่งหลุม ตรงหน้าพวกเขามีรูกว้างที่เชื่อมระหว่างชั้นด้านบนและชั้นด้านล่างของโม่หิน ด้านในรูมีเพียงเสียงลมหวีดร้อง
แม้จะมีหลายคนที่หนีพ้นช่องว่างระหว่างชั้นโม่หินมาได้ แต่ก็มีอยู่ส่วนหนึ่งที่ช้าเกินไป โม่หินเริ่มขยับอีกครั้งก่อนที่พวกนั้นจะทันได้หนีออกมาได้ แรงสูบเกินต้านทานดึงพวกเขากลับไป เสียงสั่นของชั้นเครื่องโม่และเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของเหล่าผู้โชคร้ายทำให้เหล่าผู้เหลือรอดเสียวสันหลังวาบ
“เราต้องไปต่อ นี่คือทางเดียวที่จะเข้าไปในชั้นสองได้ เราต้องขัดจังหวะแท่นสังเวยเพื่อเปิดการเคลื่อนย้าย!” เฟิ่งชิวหรันพุ่งตัวลงรูกว้างไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะพูด
พลังปราณของนางยังคงคุ้มกันเจ้าเยี่ยเหมิง กงเต๋า และศิษย์เอกของตนเองอีกสองคน พวกที่เหลือรีบตามติดนางลงรูกว้างไปไม่ห่าง หวังเป่าเล่อเองก็คอยอยู่ติดกับผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณคนอื่นๆ
ความเครียดเข้าเกาะกุมจิตใจทุกคนขณะเคลื่อนตัวลงรูกว้าง หากไม่อดทนอดกลั้นเอาไว้คงจะต้องร้องไห้ออกมายกใหญ่เมื่อต้องพบกับความล้มเหลวซ้ำๆ กับการหลบหนีที่มองไม่เห็นทางออก
รูกว้างเป็นเหมือนกับถ้ำมืดมิดเวิ้งว้าง โม่หินที่หมุนอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดแรงสูบดึงทุกคนกลับ ต้านพวกเขาไม่ให้มุ่งหน้าไปต่อได้เร็วนัก
กลิ่นคาวเลือดลอยอบอวลอยู่ในรูกว้าง แม้พวกเขาจะเป็นผู้ฝึกตนที่หล่อเลี้ยงร่างกายจนแข็งแกร่งด้วยปราณวิญญาณ แต่กลิ่นคาวคลุ้งนั้นรุนแรงเกินไป ส่งผลให้รู้สึกวิงเวียนศีรษะจนอยากจะอ้วก!
แม้จะสามารถฝืนทนและก้าวผ่านความอึดอัดนี้ไปได้ แต่อุปสรรคที่ต้องพบก็ยังไม่จบแค่นั้น ขณะที่พวกเขากำลังลงลึกไปในรูกว้าง พลังที่พวยพุ่งออกมาจากทั่วทิศทางก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ลงลึกไปต่อได้สิบวินาที ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในคนหนึ่งก็เริ่มหน้าซีด ก่อนจะขึ้นสีแดงก่ำและเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ ดวงตาของเขาเหลือกถลน ร่างระเบิดออกจากความกดดันมหาศาล
หวังเป่าเล่อหายใจถี่รัว เขาเรียกเกราะจักรพรรดิลักอัคคีออกมาต้านทานแรงกดดัน ชี่หลินและผู้ฝึกตนบางส่วนพยายามช่วยกลุ่มผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในต้านแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก ไม่นาน ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในคนที่สองก็ร่างระเบิดตามไป!
ตามมาด้วยร่างที่สามและสี่ ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในอีกสองคนเสียสติ เริ่มกรีดร้อง ดวงตาฉายแววหวาดหวั่นและสิ้นหวัง ร่างของพวกเขาค่อยๆ ลอยกลับขึ้นไป
“กลับมา!” เฟิ่งชิวหรันตะโกนลั่น เสียงของนางพัดหายไปกับสายลม พวกเขาลอยกลับขึ้นไปเร็วขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะหายวับไปโผล่ที่ปากรูกว้างด้วยแรงดูด
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นฝ่าความมืด ตามมาด้วยเสียงบดร่างทั้งสองเป็นเศษเนื้อ เสียงโหยหวนยังคงดังก้องในอากาศขณะที่สัญญาณอันตรายพุ่งตรงจากปากรูกว้างลงไปด้านใน
หวังเป่าเล่อรู้สึกเหมือนว่าดวงวิญญาณกำลังจะฉีกขาด แต่ก็ไม่มีเวลาให้คิดอะไรมาก เขารีบใช้วิชาพันชีวิตที่สถิตอยู่ในกำไล
กลิ่นเน่าเหม็นพวยพุ่งลงไปในรูกว้างขณะเดียวกับที่ชายหนุ่มใช้พลังเทพ เหมือนว่ามีอสูรยักษ์กำลังพุ่งตรงมาหา
ก่อนที่อสูรจะทันเคลื่อนกายเข้าใกล้ เฟิ่งชิวหรันก็กัดปลายลิ้นและพ่นเลือดออกมาพร้อมกับตั้งผนึกมือขึ้น เลือดที่พ่นออกไปเปล่งแสงก่อนจะกลายสภาพเป็นตาข่ายสีเลือดขนาดใหญ่ผนึกบริเวณด้านหลังหวังเป่าเล่อและกลุ่มผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณเอาไว้ กันไม่ให้อสูรเข้ามาใกล้ได้
เสียงร้องคำรามดังกึกก้อง ตาข่ายสีเลือดส่องแสงจ้า ขณะที่พวกเขามุ่งหน้าลึกลงไปเรื่อยๆ หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้นไปเห็นฝ่ามือเน่าเปื่อยขนาดเท่ารูกว้างกำลังตะกุยตาข่ายอยู่ ตาข่ายสามารถต้านมันไว้ได้เพียงแค่ชั่วคราว ตอนนี้ตาข่ายเบื้องหลังกำลังจางลง
ตาข่ายพังลงได้ทุกเมื่อ หลังจากนั้นก็จะไม่มีอะไรกั้นระหว่างพวกเขาและมืออสูร ทันใดนั้นปากทางออกก็ปรากฏขึ้นในสายตา ตรงทางออกมีแสงจางๆ ส่องสว่าง เหล่าผู้ฝึกตนรีบพุ่งทะยานตรงไปอย่างไม่คิดชีวิต
เหมือนว่าทางออกจะไม่ต้องการให้พวกเขาผ่านพ้นออกไปได้ มันเริ่มปิดตัวลงทันใด พวกเขามีเวลาเพียงไม่กี่วินาทีก่อนทางออกจะถูกปิดสนิท!
หวังเป่าเล่อใจเต้นถี่รัวเมื่อเห็นทางออก เขาปลดปล่อยความเร็วเต็มพิกัด ทันใดนั้นตาข่ายสีเลือดก็พังตัวลง มือเน่าเปื่อยตระหนักว่าพวกเขากำลังจะหนีออกไปได้ มันสั่นไหวรุนแรงก่อนจะเร่งความเร็วแหวกอากาศส่งกลิ่นเน่าเปื่อยพัดไปตามลม มันไล่ตามไปประชิดกลุ่มผู้ฝึกตน…ก่อนจะคว้าหมับเข้า!
หลายคนหลบได้ทัน แต่ก็มีประมาณหกถึงเจ็ดคนที่หนีมืออสูรไม่พ้น ในกลุ่มนั้นมีผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณอยู่คนหนึ่ง มืออสูรบีบมือแน่นทันทีที่คว้าตัวพวกเขาได้!
หวังเป่าเล่อเองก็เกือบถูกมันคว้าตัวไป แต่ก็สามารถหลุดผ่านนิ้วมือออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ลมกระโชกแรงส่งเขากระแทกเข้ากับผนัง เลือดสดกระอักออกจากปากชายหนุ่ม เมล็ดดูดกลืนเริ่มปั่นป่วนอยู่ภายใน ตรึงร่างให้ติดกับผนัง เขาปีนผนังลงไปอย่างรวดเร็วก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในรอยแตก
มือยักษ์เริ่มกวัดแกว่งอย่างเกรี้ยวกราดเมื่อชายหนุ่มหลบเข้าไปในรอบแตก เสียงตึงตังดังสนั่นหวั่นไหวเคล้ากับเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ลมแรงพัดผ่านร่างเขาไป ผ่านไปนานกว่าเสียงจะเงียบลง
ชายหนุ่มหน้าซีดเผือดจากความตื่นกลัว เขารออยู่พักใหญ่ก่อนจะส่งหุ่นเชิดตัวหนึ่งออกไปสำรวจด้านนอก ทางออกถูกปิดสนิท ทั่วบริเวณเปื้อนเลือดและเศษเนื้อเป็นจุดๆ หวังเป่าเล่อเงียบไป
เขาไม่รู้ว่าเฟิ่งชิวหรัน เจ้าเยี่ยเหมิง กงเต๋าและคนอื่นๆ สามารถหนีออกไปได้ก่อนทางออกจะปิดสนิทหรือเปล่า รู้แค่ว่ามีใครหลายคนต้องจบชีวิตลงด้วยเงื้อมมืออสูรเมื่อครู่
หากไม่ใช่เพราะพลังเทพพันชีวิตที่ช่วยชายหนุ่มหลบการโจมตีได้อย่างอัศจรรย์และพาไปอยู่ในรอยแตก ตนก็คงจะต้องจบชีวิตลงเช่นกัน
บทที่ 647 ด้านใน!
หวังเป่าเล่อยังคงใจเต้นไม่หยุดเมื่อหุ่นเชิดที่ส่งออกไปก่อนหน้าแหลกละเอียดไปโดยปราศจากสัญญาณเตือนใดๆ เหมือนว่ามีพลังเข้าบีบขยี้จนแหลกเป็นผุยผง!
ตามมาด้วยพลังประหลาดที่ตามรอยจิตเชื่อมโยงระหว่างเขาและหุ่นเชิดไปจนพบชายหนุ่มที่ซ่อนอยู่ในรอยแตก หวังเป่าเล่อรีบหนีทันที ความอบอุ่นพลันหายไป อิทธิฤทธิ์วิชาพันชีวิตคลายลง ชายหนุ่มหายวับไปไกล หลบหนีจากพลังทำลายล้างที่ตามล่ามาได้สำเร็จ
พอมั่นใจว่าหนีจากพลังทำลายล้างมาได้พ้นแล้ว เขาก็หยุดพิงผนัง หอบหายใจแรง หัวใจเต้นถี่รัว ภัยอันตรายในที่แห่งนี้ช่างเกินกว่าจะคาดคิด ตั้งแต่ละอองดอกไม้มิติมายา ทุกสิ่งที่พบเจอมา จวบจนการโจมตีครั้งล่าสุด หวังเป่าเล่อต้องพบกับภัยร้ายไม่หยุดหย่อน!
นี่ยังแค่เพียงชั้นแรก…เรือบินรบนี่ช่างยิ่งใหญ่ ให้ทำลายวังเต๋าไพศาลในปัจจุบันทิ้งคงเป็นเรื่องกล้วยๆ แต่ก็แปลก…ถ้าทรงพลังขนาดนี้ ทำไมถึงได้ส่งเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือออกมานะ หวังเป่าเล่อขมวดคิ้ว เฟิ่งชิวหรันและพวกสำนักวังเต๋าไพศาลอาจจะโดนหลอกเอาก็เป็นได้ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าใครกันที่เป็นคนส่งเสียงขอความช่วยเหลือ หลังจากนึกถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกตนเอง ชายหนุ่มก็อดหรี่ตาอย่างสงสัยไม่ได้
เสียงร้องขอความช่วยเหลือนั่นต้องการดึงทุกคนให้เข้าไปหา เช่นนั้น อาจเป็นไปได้ว่า…ถึงแม้เรือบินรบจะทรงอำนาจสามารถคุมอสูรร้ายกาจมากมายได้ แต่แท้จริงแล้วมีข้อจำกัดอยู่มากเช่นกัน เป็นไปได้ว่าสิ่งมีชีวิตที่ขึ้นมาบนเรือบินรบจะถูกกักขังอยู่ในโลกใบนี้ ไม่สามารถออกไปได้ หรือไม่ก็เรือบินรบลำนี้ต้องการเชื้อเพลิงพิเศษในการทำงาน! ชายหนุ่มมีข้อมูลไม่เพียงพอจึงเดาอะไรไม่ได้มาก ถึงจะเป็นแค่การเดาลอยๆ แต่เขาก็รู้สึกว่าตนกำลังมาถูกทางแล้ว
ถ้าเป็นอย่างแรก แสดงว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้น่าจะทำไปเพราะต้องการจัดการกับเหล่าผู้ฝึกตนทรงอำนาจของสำนักวังเต๋าไพศาล แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง ก็หมายความว่าเขาจะใช้พวกเราเป็นเครื่องสังเวย ถ้าไม่ฆ่าก็คงทำให้เราตกอยู่ในการควบคุม! หวังเป่าเล่อหน้าเคร่งเครียดขึ้น เขาเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะออกสำรวจรอบๆ
ชายหนุ่มปัดความกังวลเรื่องเจ้าเยี่ยเหมิงกับกงเต๋าทิ้งไปและเริ่มตรวจสอบเส้นทางเบื้องหน้า เขาสูดหายใจลึก จากนั้นก็ค่อยๆ เดินหน้าไปทีละนิดท่ามกลางเสียงบดที่ดังก้องอยู่รอบตัว ชายหนุ่มตั้งใจจะตรวจสอบดูว่าทางอีกเส้นจะมีทางออกอยู่หรือเปล่า
เวลาผ่านไป หวังเป่าเล่อเดินไปตามทาง พบกับทางตันอยู่หลายครั้ง ต้องเดินกลับไปหาทางใหม่ เขาระวังตัวอยู่ตลอดเวลาจึงปล่อยหุ่นเชิดตัวหนึ่งออกไปสำรวจทางตรงหน้าว่ามีภัยอันตรายหรือไม่ จากนั้นก็ปล่อยกองทัพหุ่นเชิดออกมาแยกตรวจทางหลายๆ เส้นพร้อมกันเพื่อเลือกหาทางที่ดีที่สุด
เกือบหนึ่งสัปดาห์ผ่านไป เป็นเวลาเที่ยงวันพอดีตอนที่หวังเป่าเล่อหยุดเท้า ดวงตาพลันหรี่เล็กลง ใบหน้าเริ่มซีดเผือดเมื่อเห็นบางสิ่งผ่านแวบไปจากวิสัยทัศน์ของหุ่นเชิดตัวหนึ่ง
หุ่นเชิดตัวนั้นอยู่บนทางที่ห่างจากเขาไปไม่ไกล ปลายทางเส้นนั้นมีทะเลสาบกว้างใหญ่ เหนือทะเลสาบมีดอกไม้ขนาดใหญ่หนึ่งดอก!
ดอกไม้สีม่วงห้อยมาจากด้านบน บานสะพรั่งกินพื้นที่เกือบสามสิบเมตรและเปล่งแสงดูชั่วร้าย ของเหลวสีม่วงไหลหยดจากดอกไม้ลงสู่ทะเลสาบเบื้องล่าง!
ใต้ทะเลสาบมีตัวตนหลายสิบนั่งขัดสมาธิอยู่ พวกเขามีสามหัว หกมือ เปล่งพลังรัศมีทรงพลัง ไร้ซึ่งสัมผัสพลังชีวิต แต่ก็ไม่มีสัญญาณบ่งบอกความตาย ราวกับว่าถูกผนึกให้หลับใหลอยู่ในห้วงความว่างเปล่า
ทั่วร่างมีบาดแผลเหวอะหวะเต็มไปหมด ของเหลวในทะเลสาบเหมือนจะมีพลังช่วยรักษา บาดแผลบนร่างกายที่จมอยู่ใต้ทะเลสาบค่อยๆ ได้รับการฟื้นฟู!
แม้จะเป็นไปอย่างช้าๆ แต่ก็แน่ชัดว่าพวกเขากำลังฟื้นฟูตนเองอยู่!
หวังเป่าเล่อเป็นกังวลขึ้นมาเมื่อได้เห็นเช่นนั้น เริ่มระแวดระวังมากขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังวิญญาณที่แผ่ออกมาจากเหล่าผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้น คนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มมีพลังเทียบเท่ากับเมี่ยเลี่ยจื่อ
ชายหนุ่มไม่ได้กระทำอะไรหุนหันพลันแล่น เขาเรียกหุ่นเชิดกลับด้วยความระมัดระวัง จากนั้นก็ตรวจรอยแยกอื่นๆ ต่อ ผ่านไปพักใหญ่ หวังเป่าเล่อก็ต้องตื่นตะลึงเมื่อได้พบกับทะเลสาบกว่ายี่สิบแห่งในโม่หินนี้!
ไม่รู้ว่ายังมีทะเลสาบที่ยังไม่พบอีกมากเท่าใด เขาพบว่าทะเลสาบแต่ละแห่งมีดอกไม้สีม่วงขนาดใหญ่ห้อยลงมาทุกที่ ของเหลวที่หยดลงมาในทะเลสาบช่วยฟื้นฟูร่างกายเหล่าผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้น!
หัวใจหวังเป่าเล่อเต้นถี่รัวด้วยความตื่นกลัว โชคดีที่มีกองทัพหุ่นเชิดอยู่ เขาเลือกเส้นทางด้วยความระมัดระวังมากขึ้นเมื่อได้พบกับดอกไม้พวกนี้ การค้นหาอย่างต่อเนื่องนำชายหนุ่มไปพบกับลำต้นและท่อลำเลียงของดอกไม้!
ลำต้นของดอกสีม่วงแต่ละดอกฝังลึกอยู่ในผนังหิน นอกจากนี้ยังนำไปสู่ท่อลำเลียงขนาดใหญ่!
ชายหนุ่มปล่อยหุ่นเชิดออกไปตรวจสอบให้กว้างขึ้น ผ่านไปสองสามวัน เขาก็พบท่อลำเลียงขนาดใหญ่ที่ปลายเส้นทางสายหนึ่ง ท่อลำเลียงตรงหน้ามีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวประมาณสามสิบเมตร ชั้นโปร่งใสด้านนอกนุ่มมือเมื่อสัมผัส หากเข้าไปดูใกล้ๆ จะพบกับกองเลือดเนื้อแหลกละเอียดกำลังเคลื่อนตัวผ่านท่อลำเลียงไป!
ภาพเบื้องหน้าทำให้หวังเป่าเล่อตื่นตะลึงไป ในหัวเริ่มนึกภาพโม่หินขนาดใหญ่บดโครงกระดูกจนแหลกละเอียดและส่งผ่านเข้าไปในท่อลำเลียง ก่อนจะแตกย่อยไปตามลำต้นที่เชื่อมต่อกับโถงแต่ละแห่ง ดอกไม้สีม่วงในโถงก็จะบานออกสร้างของเหลวมีฤทธิ์ช่วยฟื้นฟู
ดูจากขนาดของโม่หินแล้ว น่าจะมีท่อลำเลียงแบบนี้อยู่มากมายเลยทีเดียว หากมีแค่สายเดียวยังพอจะหาต้นทางแล้วยัดพิษใส่ ฆ่าล้างบางทีเดียวให้หมดได้… หวังเป่าเล่อถอนใจขณะจ้องมองท่อลำเลียงเบื้องหน้า จริงๆ ก็ไม่ได้มีสารพิษแบบที่ว่าอยู่หรอก ถึงจะมีแค่สายเดียวก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะตามหาต้นทางได้อยู่ดี หากทำอะไรพลาดไปแม้แต่นิดอาจทำให้พวกตระกูลไม่รู้สิ้นตื่นขึ้นมาได้ กลายเป็นขุดหลุมฝังตัวเองแทน
เขาถอนหายใจพร้อมกับโยนความคิดนั้นทิ้งไป พยายามเก็บความอึดอัดใจไว้และเริ่มตรวจสอบท่อลำเลียงเบื้องหน้า ผ่านไปพักใหญ่ หวังเป่าเล่อก็กัดฟันแน่น คิดว่าท่อลำเลียงตรงหน้าน่าจะเป็นโอกาสเดียวที่จะหาทางออกได้
หากเดินทางผ่านท่อลำเลียงก็จะช่วยให้ไปถึงส่วนลึกสุดของโม่หินได้ซึ่งเป็นทางเดียวที่จะสามารถหาทางหลบหนีออกไปจากเรือบินรบลำนี้ได้ นี่เป็นทางออกเดียวที่ชายหนุ่มพบหลังจากใช้เวลาสองอาทิตย์อยู่ในที่เฮงซวยนี่
ดวงตาของชายหนุ่มฉายแววมุ่งมั่นขณะเดินเข้าไปใกล้และเอาตัวแนบติดกับท่อลำเลียงนุ่มนิ่ม จากนั้นก็กดตัวหนักขึ้นจนจมหายเข้าไปในท่อลำเลียง แต่ก็ติดอยู่แค่เพียงตรงชั้นนอก ยังไม่สามารถเข้าไปในท่อลำเลียงได้ เขาสัมผัสได้ถึงเศษเลือดเนื้อที่เคลื่อนตัวผ่านและได้กลิ่นคาวเลือดรุนแรง
หวังเป่าเล่อไม่ใช่คนขี้ขลาด เขาหรี่ตาลง ก่อนจะเริ่มมุดตัวเข้าไปในท่อลำเลียงอย่างไม่ลังเลใจ จมหายเข้าไปเจอกับหินยื่นขวางทาง ชายหนุ่มมุ่งหน้าต่อไปอย่างระมัดระวังบนทางที่ยังไม่พบอันตรายใดๆ
ไม่รู้ว่าเดินมาได้ไกลเท่าไหร่แล้ว แต่กว่าจะเดินมาถึงปลายทางก็ผ่านไปสามวัน เหมือนว่าท่อลำเลียงจะนำทางมาสู่โลกใหม่ที่มีแสงส่อง
ชายหนุ่มตื่นเต้นเมื่อได้เห็นแสงสว่าง รีบเร่งฝีเท้าพร้อมกับหายใจถี่รัว เมื่อใกล้ถึงปลายทาง เขาก็ชะลอฝีเท้าลงและปล่อยหุ่นเชิดออกมาตรวจบริเวณด้านนอกก่อน โลกส่องสว่างพลันปรากฏแจ่มชัดผ่านสายตาหุ่นเชิด!
หวังเป่าเล่อตาเบิกกว้างเมื่อได้เห็นภาพเบื้องหน้า
ที่แห่งนี้คืออะไรกันแน่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น