ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 633-639
บทที่ 633 ความเก่งกาจของเบิร์ด
โดย
Ink Stone_Fantasy
ขับรถมุ่งตรงไปบนถนน เหมาเหว่ยหลงก็เปิดหน้าต่างรถรับลม เขาไม่มีอะไรทำเลยสังเกตดูโมเดลรถยนต์ที่แล่นผ่านมาผ่านไป ต่อจากนั้นก็พูดขึ้นมา “พี่ชายพวกนี้ก็นับว่าเป็นนักเล่นรถมือโปรอยู่เหมือนกันนะ มีรถหลายรุ่นเลยที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน มีรถตั้งหลายคันที่ไม่ได้เข้าตลาดรถจีน แต่รถรุ่นเก่าก็มีอยู่เยอะเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าระดับการควบคุมดูแลรถยนต์ของแคนาดาเคร่งครัดมากๆ หรอกเหรอ? ฉันเห็นว่ามีรถจำนวนไม่น้อยเลยที่ควรจะเอาไปกำจัดทิ้งแล้ว”
ฉินสือโอวก็พูดกับเขายิ้มๆ “ใช่ ที่นี่มีรถเก่าเยอะกว่าที่จีน ระดับการควบคุมดูแลรถยนต์ของแคนาดาก็เข้มงวดมาก แต่การตรวจเช็กรถของพวกเขาค่อนข้างผ่อนปรนน่ะ ขอแค่สามารถผ่านการตรวจเช็กรถยนต์ไปได้ก็เอาไปวิ่งบนถนนได้แล้ว แน่นอนว่าเพื่อความปลอดภัย จำนวนครั้งของการตรวจเช็กรถรุ่นเก่าก็มีมากกว่ารถทั่วไป”
โอวหยางไห่พยักหน้ารับแล้วกล่าวเสริม “ที่จริงอเมริกาก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน โดยเฉพาะเขตมอนตานา พื้นที่กว้างใหญ่เกินไป ถ้าไม่มีรถก็ไปไหนไม่ได้ แล้วนายก็อย่าคิดว่าคนอเมริกากับคนแคนาดาจะมีเงินกันทุกคน คนจนครอบครองอัตราส่วนสูงยิ่งกว่า แถมยังจนมากจนขัดสน พวกเขาเลยทำได้แค่ขับรถบุโรทั่งที่ใกล้จะถูกกำจัดทิ้ง”
“เมื่อก่อนผมก็เคยขับรถแบบนั้น ขนาดล้อรถทั้งสี่ข้างก็แตกต่างกันทั้งสี่ล้อ” เบิร์ดพูดแทรกขึ้นมา
ก่อนหน้านี้พวกฉินสือโอวคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ มันเป็นมารยาทอย่างหนึ่งในสถานการณ์ที่มีชาวต่างชาติอยู่ด้วย พวกเขาต้องพยายามอย่าใช้ภาษาที่คนอื่นฟังไม่เข้าใจอย่างเต็มที่
เหมาเหว่ยหลงยักไหล่น้อยๆ เขายกนิ้วโป้งให้เบิร์ดแล้วทำท่าทาง ‘นายยอดเยี่ยมมาก’ ให้
นอกจากนี้การขับรถในแคนาดาก็ยังมีจุดที่แตกต่างกับจีนมากๆ อยู่หนึ่งอย่าง ที่จีนขับรถตอนกลางวันจะไม่เปิดไฟ ตอนกลางคืนก็จะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่เปิดไฟสูง
แต่ที่แคนาดาไม่ใช่แบบนั้น เนื่องจากอากาศที่มีหิมะและหมอกลงหนาตลอดทั้งปี การขับขี่รถยนต์ของที่นี่จึงมีอันตรายที่เร้นอยู่มาก ดังนั้นกรมการขนส่งทางบกของที่นี่จึงเจาะจงประกาศกฎหมายพิเศษออกมา กำหนดให้รถยนต์ที่ขับขี่อยู่บนทางหลวงต้องเปิดไฟสูงไว้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
การเปิดไฟที่ว่านี้ไม่ได้แบ่งเป็นกลางวันกลางคืน ถึงยังไงราคาพลังงานไฟฟ้ากับค่าน้ำมันของแคนาดาก็มีราคาถูกอยู่แล้ว
ตั้งแต่แรกเริ่มฉินสือโอวก็รู้สึกค่อนข้างงงงวยเหมือนกันว่าทำไมตอนที่เขาขับรถคาดิลแลควัน พอหมุนกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์ไฟสูงถึงได้สว่างขึ้นมา? เขาถามชาร์คถึงได้รู้ว่านี่เป็นเพราะรถถูกปรับแต่งตั้งแต่ออกจากโรงงานแล้ว
นอกจากนี้แล้วที่แคนาดายังมีอีกหนึ่งสถานการณ์ก็คือไม่สามารถใช้รถยนต์มาพิจารณาความสูงต่ำของตำแหน่งและสถานะทางสังคมของเจ้าของรถได้
แน่นอนล่ะว่าข้อนี้ไม่ใช่เรื่องตายตัว ทั้งยังตรงกันข้ามกับเอเชียด้วย
ด้วยเหตุผลเรื่องภาษีศุลกากร คนที่ขับรถบีเอ็มดับเบิลยูกับเมอร์เซเดสเบนซ์ในเอเชียส่วนมากมักจะเป็นคนมีเงิน แต่ที่แคนาดา บีเอ็มดับเบิลยู เมอร์เซเดสเบนซ์ คาดิลแลคไปจนถึงแลนด์โรเวอร์ล้วนแต่มีรถรุ่นราคาถูกทั้งนั้น เพียงแต่ถ้ารถที่คุณขับคือพอร์ชหรือลัมโบร์กินีอะไรพวกนั้น ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนทุกคนก็จะรู้ว่าคุณน่ะเยี่ยมยอดมาก
ในแคนาดารถที่คนระดับชนชั้นกลางขึ้นไปขับกันส่วนใหญ่ก็จะเป็นรถที่ค่อนข้างเก่าและผุพัง เนื่องจากมีรถบางส่วนที่เป็นของตกทอดมาจากมือพ่อ มันก็เหมือนกับชื่อที่ถ่ายทอดกันมานั่นแหละ ผู้คนเอาใจใส่เรื่องนี้มาก พวกเขาจะรักษารถอย่างดี จากนั้นก็ซ่อมแซมตกแต่งแล้วใช้มันต่อไป
และอีกอย่างคือชาวแคนาดาให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและความรู้สึกส่วนตัว พวกเขาจะไม่ใช้ชีวิตเพื่อสายตาของคนอื่น ข้อนี้สะท้อนให้เห็นได้จากรถยนต์ นั่นก็เพราะพวกเขาอาจจะคุ้นชินกับรถเก่าของพ่อหรืออาจจะถึงขั้นเป็นรถของปู่เลยไม่ได้สนใจรถใหม่พวกนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงพากันขับรถคันเก่าของที่บ้านต่อไป
ยิ่งขับออกมาชานเมือง การจราจรก็ยิ่งติดขัด พอถึงตรงบริเวณหัวโค้งของถนน รถแลนด์โรเวอร์ก็ถูกบังคับให้หยุดลง เหมาเหว่ยหลงจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเกิดแล้ว ตั้งแต่จากปักกิ่งมาก็น้อยมากที่จะเจอรถติดจนน่าเวทนาขนาดนี้”
ฉินสือโอวก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน เขาจึงยื่นหัวออกไปมองนอกหน้าต่างด้วยอยากรู้ว่ารถข้างหน้ายังติดอยู่อีกไกลแค่ไหน
ปรากฏว่ารถมอเตอร์ไซค์ตำรวจ RCMP ก็ขับเข้ามาพอดี ตำรวจจราจรที่ขี่อยู่ด้านบนเห็นฉินสือโอวยื่นหัวออกมาจากในรถจึงโบกมือเป็นสัญญาณให้รถหยุดจอดข้างทาง
พอหยุดลงตำรวจจราจรก็ขอให้เบิร์ดแสดงใบขับขี่อย่างที่ปฏิบัติเป็นประจำพร้อมบอกให้ฉินสือโอวอธิบายเหตุการณ์เมื่อสักครู่
อย่ามองว่าปกติเบิร์ดเป็นคนนิ่งๆ เงียบๆ สิบนาทีจะพูดไม่ถึงหนึ่งประโยค ในตอนนี้เขาแสดงทักษะฝีปากที่ทั้งรวดเร็วและดุดันออกมาอย่างคาดไม่ถึง “เพื่อน เมื่อกี้นายทำผิดนะรู้ไหม? นายทำให้พวกเราหยุดจอดข้างทาง? ที่จริงแล้วพวกเราติดอยู่ตรงนี้มาห้านาทีแล้ว นายเข้าใจไหม? ห้านาทีแล้ว! ขยับก็ไม่ขยับ พวกเราจอดรถอยู่ข้างทางตลอดเวลาอยู่แล้ว!”
“นายจะให้อธิบายเหรอ? จะให้อธิบายอะไร? ทำไมบอสของพวกเราถึงได้ยื่นหัวออกไปดูนอกหน้าต่าง? มันไม่ใช่เพราะความผิดพลาดในการทำงานของพวกนายหรอกเหรอ! ทำไมรถถึงได้ติดขนาดนี้? ภาษีของพวกเราล่ะ? เอาไว้สร้างถนนที่แคบขนาดนี้เพื่อมาตบตาพวกเราหรือไง?”
ตำรวจจราจรก็พูดกับเขาเสียงเข้ม “ขอโทษด้วยครับ มิสเตอร์ แต่นี่ไม่เกี่ยวกับพวกเรา ช่วงถนนข้างหน้าเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้น มีถนนครึ่งสายที่ถูกปิดไว้แล้ว…”
“นายมาอธิบายเรื่องพวกนี้ให้มันได้อะไร? ตำรวจจราจรแบบพวกนายทำอะไรกัน? หน้าที่ที่พวกนายต้องรับผิดชอบไม่ใช่การระบายทางหรอกเหรอ? หรือว่าเงินภาษีที่เราจ่ายเป็นเงินเดือนให้กับพวกนายก็เพื่อเชิญให้พวกนายมาสร้างความยุ่งยากให้เราแบบนี้?” เบิร์ดตัดจบคำพูดของตำรวจจราจรอย่างไม่มีเหตุผล ต่อจากนั้นก็มีเสียงตะโกนด้วยความโมโหดังขึ้นมา
ตอนแรกคนบนรถที่อยู่รอบๆ ก็พากันมองดูด้วยความคึกคักอยู่แล้ว แต่พวกเขาก็ถูกรถติดขวางไว้จนรู้สึกไม่พอใจมากๆ เช่นกันจึงพากันส่งเสียงโห่ร้องตามเบิร์ด คนบนรถบริเวณรอบๆ ต่างก็ส่งเสียงโวยวายออกมาพร้อมกัน
มีคนตะโกนขึ้นมาว่า “คุณมาอยู่ตรงนี้ทำไม? รีบไประบายรถบนถนนสิ หรือว่าคุณอยากจะให้พวกเราใช้วันหยุดของพวกเราไปบนถนนเส้นนี้กันล่ะ?”
คนที่กำลังเดินทางบนถนนเส้นนี้ถ้าไม่ได้ออกจากเมืองมาปิกนิกพักผ่อนช่วงวันหยุด ก็เป็นคนที่จะไปดูน้ำตก คนประเภทแรกทนกับชีวิตที่ต้องเผชิญกับรถติดอย่างแน่นขนัดในเมืองใหญ่มามากพอแล้ว ส่วนคนประเภทหลังก็อยากรีบไปชมวิว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่พอใจกับสภาพที่ต้องมาติดอยู่บนถนนแบบนี้มากๆ
ที่ฉินสือโอวยื่นหัวออกมาจากหน้าต่างไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ตำรวจจราจรคนนั้นชำเลืองตามองเบิร์ดแวบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไรต่อ จากนั้นเขาก็สตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์แล้วขับตรงไปข้างหน้าด้วยความเร่งรีบ
แค่ครู่เดียวขบวนรถก็เริ่มขับออกไปอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะช้าไปหน่อยก็ตาม
เมื่อผ่านเหตุการณ์นี้มา ทัศนคติของหมาเหว่ยหลงที่มีต่อเบิร์ดก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก เขายกนิ้วโป้งขึ้นมาพร้อมเอ่ยปากชม “จัดการได้สวยมาก พี่ชาย นายคือลูกผู้ชายตัวจริงเลย!”
เบิร์ดหัวเราะแล้วบอกกับเขา “จริงๆ มันเป็นความผิดพลาดในการทำงานของพวกเขาอยู่แล้ว ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ที่จริงแล้วหน้าที่ความรับผิดชอบของผมไม่ใช่การใช้คำพูด แต่เป็นการลงมือทำต่างหาก ถ้าเมื่อกี้เขาทำอะไรบอส แบบนั้นผมถึงจะได้โอกาสลงมือเอง”
เหมาเหว่ยหลงรู้สึกอิจฉาฉินสือโอวที่มีลูกน้องใต้บังคับบัญชาอย่างเบิร์ดเป็นอย่างยิ่ง ต่อจากนั้นเขาก็พูดพึมพำว่าตอนที่เขาเปิดฟาร์มแล้ว เขาจะจ้างผู้ช่วยฝีมือยอดเยี่ยมแบบนี้แล้วให้เงินเดือนสูงๆ เหมือนกัน
ถึงอย่างไรถนนบนชานเมืองก็โล่งอยู่แล้ว หลังจากหลุดออกมาจากช่วงถนนที่เกิดอุบัติเหตุ รถแลนด์โรเวอร์ก็เพิ่มความเร็วขึ้นทันทีแล้ววิ่งทะยานไปสู่น้ำตกไนแอการา
ระหว่างทางพวกเขาขับรถผ่านโรงงานสีดำแห่งใหญ่ที่ตั้งสูงตระหง่าน ปล่องระบายควันเหมือนแขนยักษ์ตั้งตรงอยู่บนพื้น มีรถบรรทุกเทท้ายที่บรรทุกแร่เหล็กไว้หลายคันวิ่งผ่านไปผ่านมาอยู่บริเวณรอบๆ ที่นี่คือแหล่งถลุงเหล็กของแฮมิลตันนั่นเอง
ฉินสือโอวลองมองดูอย่างละเอียด ถึงโรงงานถลุงเหล็กจะมีปล่องไฟอยู่เป็นจำนวนมาก ทว่ามันกลับไม่มีกลุ่มควันหนาสีดำลอยออกมาเลย เห็นได้ชัดว่าแฮมิลตันกำหนดมาตรฐานการปล่อยอากาศเสียจากโรงงานไว้สูงมาก ปล่องควันพวกนี้ล้วนติดตั้งอุปกรณ์บำบัดก๊าซไอเสียไว้แล้ว
โอวหยางไห่ก็พูดอย่างทอดถอนใจขึ้นมาอีกครั้ง “แคนาดามีพื้นที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ ประชากรก็เบาบางขนาดนี้ แต่พวกเขาก็ยังให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ฉันหวังจริงๆ ว่าประเทศของเราจะก้าวรับการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น เพื่อที่ต่อไปลูกหลานของเราจะได้มีสายน้ำเขียวใสกับภูเขาเขียวขจีไว้ให้ดู”
ฉินสือโอวเการิมฝีปากล่างอย่างไม่มีอะไรจะพูด ข้อนี้เขาไม่เห็นด้วยกับโอวหยางไห่เท่าไรนัก เป็นเพราะจีนไม่ได้มีพื้นที่กว้างใหญ่เท่าแคนาดา แถมยังมีประชากรมากกว่าแคนาดาอีกหลายเท่า ดังนั้นหากจะเลี้ยงดูประชากรที่มีจำนวนประชากรมากขนาดนี้ให้ได้รับคุณภาพชีวิตระดับสูง ก็จำเป็นต้องพัฒนาเศรษฐกิจด้วยความเร็วสูงเช่นกัน
หากแต่ยังมีจุดหนึ่งที่ฉินสือโอวเห็นด้วยกับเขา เพื่อที่จะสร้างเศรษฐกิจ ประเทศจีนได้ทุ่มเทสิ่งแวดล้อมไปค่อนข้างมากจริงๆ!
บทที่ 634 ทางช้างเผือกสวรรค์ชั้นเก้า
โดย
Ink Stone_Fantasy
เพราะการดำรงอยู่ของน้ำตกก่อให้เกิดไอน้ำปริมาณมาก บริเวณพื้นที่ที่อยู่ใกล้ชิดกับไนแอการาจึงมีสวนองุ่นอยู่หลายแห่ง
กวาดตามองไปรอบๆ บนพื้นทุ่งกว้างราบเรียบมีเครือต้นองุ่นสีเขียวถูกปลูกเอาไว้ สวนองุ่นปรากฏให้เห็นเป็นทรงสี่เหลี่ยม ต้นองุ่นที่มีความสูงเท่ากันทอดตัวยาวออกไปไกล เรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ ลมพัดใบไม้สีเขียวลอยละล่องส่งเสียงหวีดหวิว
ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้อพยพชาวฝรั่งเศสที่มาทำสวนปลูกองุ่นอยู่ที่นี่ มีป้ายบอกทางกับป้ายสวนองุ่นบนถนนจำนวนมากที่เป็นภาษาฝรั่งเศส ดังนั้นจึงทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนอยู่ที่หมู่บ้านในฝรั่งเศสได้อย่างง่ายดาย
รัฐออนแทรีโอเป็นพื้นที่เพาะปลูกองุ่นที่ใหญ่ที่สุดในแคนาดา เนื่องจากแฮมิลตันอยู่ใกล้กันกับทะเลสาบออนแทรีโอและทะเลสาบอิรี ดังนั้นอุตสาหกรรมการเพาะปลูกองุ่นจึงเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญของรัฐออนแทรีโอ การพบเห็นสวนองุ่นตามถนนจึงเป็นเรื่องที่ปกติมาก
บ่ายหนึ่งพระอาทิตย์กำลังร้อนระอุ รถยนต์ขับเข้ามาใกล้น้ำตก ห่างออกไปไกลๆ ก็สามารถได้ยินเสียงดังอึกทึกอันทรงพลังของกระแสน้ำที่เหมือนกับเสียงตีกลองได้
ทั้งสี่คนไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง พวกเขาสั่งน้ำองุ่นเย็นมาเล็กน้อยพร้อมลิ้มรสปลากะพงลาย (ปลากะพงหมาป่าลาย) ที่มีอยู่มากในน้ำตกไนแอการา
นิสัยของปลาชนิดนี้ก็เหมือนกับชื่อของมันนั่นแหละ มันกล้าหาญเป็นอย่างยิ่ง เวลาอพยพก็สามารถกระโดดจากบนน้ำตกลงไปยังบึงน้ำข้างล่างได้โดยไม่ตาย เพียงแต่ชาวบ้านในพื้นที่จะพากันทอดแหจับมันจากแม่น้ำบริเวณรอบๆ น้ำตก พวกมันสามารถกระโดดจากน้ำตกลงมาได้แต่กลับไม่สามารถกระโดดออกไปจากแหจับปลาได้
ร้านอาหารที่พวกเขาไปเป็นร้านที่เจ้าของคนจีนมาเปิดซึ่งมีชื่อเสียงในพื้นที่เป็นอย่างมาก เนื่องจากเจ้าของร้านใช้เทคนิคอาหารจีนแบบโบราณ นั่นก็คือปลากะพงเก้าอย่าง ชาวต่างชาติให้ความสนใจกับเรื่องนี้มาก พวกเขารู้สึกว่านี่ไม่ใช่แค่การทำอาหาร แต่มันคือการใช้ปลากะพงมาทำเป็นวัตถุดิบสำหรับงานศิลปะ
ปลากะพงลายขนาดใหญ่หนึ่งตัวสามารถโตได้ถึง 1-2 เมตรครึ่ง ดังนั้นจึงเพียงพอสำหรับทำเป็นอาหารหลากหลายชนิดเพื่อนำมารับประทาน
ในฟาร์มปลาของฉินสือโอวก็มีปลากะพงลายอยู่เหมือนกัน แต่จำนวนค่อนข้างน้อย ปลาชนิดนี้มีชีวิตอยู่ในมหาสมุทรน้ำเค็ม แต่จะเข้าไปวางไข่ในน้ำจืด
เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าปลาที่ยังไม่วางไข่ถึงจะมีรสชาติดี ดังนั้นหากจะทานปลากะพงลายก็ต้องทานที่จับมาจากน้ำจืด ปลากะพงลายที่อยู่ในมหาสมุทรถ้าไม่ใช่พวกที่ไม่ได้ตกไข่ก็เป็นปลาที่วางไข่แล้วกลับมาที่มหาสมุทร
ทานอาหารเที่ยงเสร็จเรียบร้อย ฉินสือโอวก็รู้สึกตื่นเต้นคึกคักขึ้นมา ก้าวต่อไปจะเข้าสู่อาณาเขตของน้ำตกไนแอการาซึ่งจะได้เห็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงก้องโลกเป็นอันดับหนึ่งแล้ว
แท้ที่จริงแล้วน้ำตกไนแอการาไม่ใช่แค่น้ำตกแห่งเดียว ชาวแคนาดาบอกว่ามันประกอบขึ้นจากน้ำตกสองแห่งคือ ‘น้ำตกแคนาดา’ และ ‘น้ำตกอเมริกา’
ชาวอเมริกาไม่ได้คิดอย่างนี้ พวกเขาแบ่งน้ำตกออกเป็นสามส่วน ส่วนที่หนึ่งแบ่งเป็น ‘น้ำตกแคนาดา’ หรือก็คือน้ำตกฮอร์สชู เป็นส่วนที่เป็นหัวใจสำคัญของน้ำตกไนแอการา อีกสองส่วนที่เหลือเป็นส่วนที่อยู่ในอเมริกา แบ่งออกเป็น ‘น้ำตกอเมริกา’ กับ ‘น้ำตกไบรดัลเวล’
‘ไบรดัลเวล’ ตั้งอยู่ด้านข้าง ‘น้ำตกอเมริกา’ ที่กว้างขวาง มันเป็นเพียงน้ำสายเล็กๆ เท่านั้น ที่แคนาดาจะมองไม่เห็น ดังนั้นชาวแคนาดาจึงไม่แยกมันออกมาโดยเฉพาะ ถึงน้ำตกแห่งนี้จะมีขนาดเล็ก ทว่ามันก็แยกตัวเป็นเอกเทศ ดังนั้นชาวอเมริกาจึงประกาศความเป็น ‘เอกเทศ’ ของมัน ‘ให้รู้ทั่วกันอย่างเป็นทางการ’
ในความเป็นจริงแล้ว ถึงแม้ชาวอเมริกาจะกระตือรือร้นที่จะแบ่งแยกน้ำตกไนแอการาเป็นส่วนๆ มากกว่า แต่ถ้าหากอยากเยี่ยมชมน้ำตกไนแอการาก็ยังต้องมาดูที่แคนาดา ที่นี่ถึงจะสามารถเที่ยวชมน้ำตกได้ครบทุกมุม ซึ่งในฝั่งประเทศอเมริกามีเพียงด้านข้างของน้ำตกไนแอการาเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้
เวลาประมาณบ่ายสอง ภายใต้ความร้อนระอุของแสงแดดที่แผดเผา ทั้งสี่คนก็ลงมาจากรถเพื่อเข้าสู่ด้านในของศูนย์การท่องเที่ยว
ถึงจะบอกว่าเป็นศูนย์การท่องเที่ยว แต่แท้จริงแล้วสถานที่แห่งนี้ก็คือเขตพื้นที่การท่องเที่ยวนั่นเอง มันไม่ได้มีถนนหนทางที่ครอบคลุมจนทั่ว บริเวณรอบๆ มีกระท่อมและอาคารขนาดเล็กที่ถูกสร้างเอาไว้อย่างยุ่งเหยิงและรวมตัวกันอย่างหนาแน่น ส่วนใหญ่แล้วเป็นโรงแรม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านเกม
ช่วงสุดสัปดาห์มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ในศูนย์กลางการท่องเที่ยวคึกคักมาก สามารถพบเห็นผู้คนได้ทุกสีผิว ที่นี่ก็เหมือนกับการเปิดประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาตินั่นแหละ มีคนขาว คนดำและคนผิวเหลืองแฝงกายรวมตัวกันอยู่ที่นี่เต็มไปหมด หลายๆ ครั้งก็จะพบกับชาวอาหรับหรือไม่ก็ชาวอเมริกาใต้ที่แต่งตัวอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และผู้คนต่างก็เดินขวักไขว่ไปมาอย่างคับคั่ง
เนื่องจากบริเวณโดยรอบมีสิ่งก่อสร้างอยู่เป็นจำนวนมากทั้งยังมีการจัดแต่งพื้นที่สีเขียวที่ดี มีต้นเมเปิลกับต้นฉำฉาจีนสูงใหญ่อยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง ดังนั้นจึงไม่สามารถมองเห็นน้ำตกได้โดยตรง ทว่าเสียงคำรามของน้ำตกก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถเดินตามเสียงน้ำไปหาน้ำตกได้เลย
พอเดินตามกลุ่มคนผ่านหลายแยกไปแล้ว อยู่ๆ ก็ต้องเลี้ยวโค้ง ฉินสือโอวยังไม่ทันได้เตรียมตัวให้ดี น้ำตกก็เปิดม่านที่ปกคลุมโฉมหน้าของมันออกมาและเผยให้เห็นโฉมหน้าที่ทั้งเขินอายและคลุ้มคลั่งของมัน!
ด้านหลังของศูนย์การท่องเที่ยวมีแม่น้ำที่ลึกมากๆ อยู่หนึ่งสาย ทางน้ำทอดตัวยาวกว่าร้อยเมตร ฝั่งหนึ่งคือผืนดิน ส่วนอีกฝั่งคือชั้นหินขาดที่โอ่อ่าอลังการ
น้ำไหลเชี่ยวกรากจากบนชั้นหินขาดพร้อมส่งเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น กระแสน้ำดุจเส้นไหมสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วนสาดซัดปะทะเข้าหากันอยู่ท่ามกลางทางน้ำไหล มันซัดลงมาจากด้านบนชั้นหินขาด ไหลกระหน่ำลงมาตามแนวเขาสูงชัน พลังมหาศาลที่ดุจดั่งขุนเขาโหมถล่มและมหานทีไหลทะลัก หลังจากฉินสือโอวได้เห็นแล้วก็อดที่จะอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงไม่ได้…
ตำแหน่งที่อยู่ของพวกเขาในตอนนี้ยังห่างจากน้ำตกอยู่อีกไกล ดังนั้นเนื่องจากเมื่อสักครู่มีอาคารและต้นไม่มาบดบังไว้ พวกเขาจึงมองไม่เห็นน้ำตกใหญ่แห่งนี้ แต่ถึงจะยังห่างอยู่อีกไกล ภาพอันโอ่อ่าที่ยิ่งใหญ่ดั่ง ‘ทางช้างเผือกจะร่วงหล่นลงมาจากสวรรค์ชั้นเก้า’ ก็เพียงพอที่จะทำให้รู้สึกตื่นตะลึงได้แล้ว
เบิร์ดจ่ายเงินจ้างพ่อค้าเร่ที่มาเป็นไกด์นำเที่ยวในเวลาว่างมาหนึ่งคน และพาพวกเขาทั้งสี่คนเดินเข้าไปบนถนนเพื่อเข้าใกล้น้ำตก
เงินก้อนนี้ไม่ได้เสียไปเปล่าๆ หลังจากพ่อค้าเร่เดินข้ามมาจับมือทำความรู้จักกับฉินสือโอวและคนอื่นๆ แล้ว เขาก็ไปซื้อที่อุดหูมามอบให้กับพวกเขาทั้งสี่คน ขณะเดียวกันก็ยังมีเสื้อกันฝนอีกสี่ชุดด้วย
อากาศร้อนมาก สวมเสื้อกันฝนภายใต้สถานการณ์แบบนี้ก็เหมือนหาเรื่องทรมานตัวเอง ทว่าพ่อค้าเร่ก็ยังโน้มน้าวให้พวกเขาสวมใส่มัน เขากล่าวว่า “ผมจะพาพวกคุณเข้าไปดูใกล้ๆ ด้านหน้าสักหน่อย เพราะงั้นจำเป็นต้องใส่เสื้อกันฝนนะครับ แล้วหลังจากพวกที่พวกคุณสวมที่อุดหูแล้ว พวกคุณต้องคอยดูท่าทางมือของผมอยู่ตลอดเวลาด้วย เข้าใจใช่ไหมครับ?”
ฉินสือโอวบอกกับเขาว่าโอเค ทั้งสี่คนใส่ที่อุดหูและสวมเสื้อกันฝนลงไป จากนั้นก็หาทางเดินเส้นเล็กเข้าใกล้แม่น้ำจากน้ำตก
น้ำตกไนแอการาถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก บุกเบิกการท่องเที่ยวมาเกือบสองร้อยปี สิ่งอำนวยความสะดวกและวิถีการชื่นชมความงามของการท่องเที่ยวก็เติบโตอย่างเต็มที่แล้ว สามารถนั่งเรือ เคเบิลคาร์ เฮลิคอปเตอร์ บอลลูนอากาศร้อนได้
กระทั่งว่าท่ามกลางแม่น้ำจากน้ำตกยังมีหอคอยที่มีความทนทานตั้งตระหง่านอยู่ด้วย นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปบนหอคอยเพื่อน้ำตกที่อยู่ตรงหน้าได้ด้วยเช่นกัน
เมื่อมองเห็นเฮลิคอปเตอร์ลำเล็กสองลำที่บินผ่านหัวไป ฉินสือโอวก็พูดเสียงดัง “สำนักการท่องเที่ยวที่นี่หาเงินเก่งจริงๆ ไม่ต้องกลัวว่าเฮลิคอปเตอร์ของพวกเขาจะพัดละอองน้ำจนเกิดปัญหาอะไรขึ้นบ้างเหรอ? แล้วแบบนี้มีสิทธิ์อะไรมาห้ามไม่ให้พวกเราขับเฮลิคอปเตอร์เข้ามา?”
เบิร์ดจึงอธิบายให้เขาฟัง “ไม่ครับ บอส มีเหตุผลหลายอย่างเลยที่เฮลิคอปเตอร์ไม่สามารถเข้ามาใกล้ได้ หนึ่งในนั้นรวมถึงเรื่องที่เฮลิคอปเตอร์ของพวกเราไม่ได้ใช้วัสดุกั้นเสียงด้วย พอมาถึงที่นี่เสียงรบกวนในห้องเคบินจะดังแสบหูมาก วิทยุสื่อสารจะใช้งานไม่ได้ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจะไม่สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ฉินสือโอวพยักหน้า เขาถึงบางอ้อในฉับพลัน ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง
ไกด์พาทั้งสี่คนขึ้นไปบนสะพานสายรุ้งที่มีชื่อเสียงก่อนเป็นอันดับแรก เขาชี้ไปด้านหน้าแล้วตะโกนพูดเสียงดัง “ดูสิ ตอนนี้พวกกำลังยืนอยู่ข้างๆ ประเทศมหาอำนาจ ถ้าหากพวกเรากางขาออกจากจุดนี้กว้างๆ หน่อย พวกเราก็จะสามารถเหยียบอยู่บนดินแดนของอเมริกากับแคนาดาได้ในเวลาเดียวกัน”
ที่นี่ก็คือเส้นแบ่งเขตของแคนาดาและอเมริกา แต่ว่าเส้นแบ่งเขตแดนก็ไม่ได้ชัดเจนนัก แค่อยู่บนถนนบางส่วนเท่านั้น ทางฝั่งนี้ปักธงประดับดาราแพรวพราวสีสันสวยงามเอาไว้ ส่วนทางนั้นก็มีธงชาติรูปใบเมเปิลสวยงามกำลังปลิวไสวให้บรรดานักท่องเที่ยวได้มีมาตรฐานในการตัดสินก็พอแล้ว
ฉินสือโอวและคนอื่นๆ สามารถลอดผ่านสะพานสายรุ้งไปได้ หลังจากนั้นก็จะสามารถไปดูช่วงน้ำตกอเมริกากับช่วงน้ำตกไบรดัลเวลของน้ำตกไนแอการาได้แล้ว แต่พวกเขาไม่ได้รู้สึกสนใจสักนิด น้ำตกทั้งสองแห่งนี้มีขนาดค่อนข้างเล็ก อีกทั้งยังต้องเดินไปตั้งไกลถึงจะได้ดู แถมพวกเขายังไม่มียานพาหนะอีก ดังนั้นมันจึงสู้การสังเกตดูส่วนสำคัญของน้ำตกไนแอการาอย่างละเอียดไม่ได้ และแค่น้ำตกแคนาดาก็คงเพียงพอแล้ว
หลังจากเข้าใกล้น้ำตกแล้ว กระแสน้ำหลากสีขาวเงินก็ไหลเอียงซัดสาดลงมาจากบนท้องฟ้าอย่างดุดัน กระทบเข้ากับหินก้อนใหญ่หลายๆ ก้อนแล้วส่งเสียงดังลั่นเหมือนเสียงฟ้าผ่าออกมา นี่ก็คือที่มาของชื่อน้ำตกไนแอการา ในภาษาอินเดียนแดง มันมีความหมายว่า ‘เสียงแห่งเทพเจ้าสายฟ้า’ นั่นเอง
เสียงน้ำดังสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นออกไปรอบทิศ หยดน้ำที่รวมตัวกันอย่างหนาแน่นก็ไหลหยดลงมาเหมือนกับสายฝนที่โปรยลงมาบนร่างกายของพวกเขาทั้งสี่คน
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมไกด์ถึงได้ยืนกรานให้พวกเขาใส่เสื้อกันฝน ถ้าหากไม่มีเสื้อกันฝนล่ะก็ พวกเขาคงต้องเปลี่ยนเสื้อผ้ากันทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อน้ำที่หนาวเย็นเป็นอย่างยิ่งแบบนี้ตกกระทบลงบนตัวคน มันก็เหมือนกับเกล็ดน้ำแข็งดีๆ นี่เอง เพราะมันทั้งหนาวเย็นทั้งเจ็บปวด ทว่ามันก็รู้สึกดีสุดๆ เหมือนกัน…
บทที่ 635 ยิงปลาก็ได้นะ
โดย
Ink Stone_Fantasy
เดินตามแม่น้ำไนแอการามาไกลมากแล้ว ฉินสือโอวก็เงยหน้ามองน้ำตกที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วทั้งโลกแห่งนี้อยู่โดยตลอด จิตใจของเขาก็รู้สึกฮึกเหิมอยู่ตลอดเวลา
บ่อยครั้งมักจะมีละอองน้ำหยดเล็กตกกระทบลงมาบนตัว จากความรู้สึกเจ็บนิดๆ ไปจนถึงความเยือกเย็นดุจน้ำแข็งแล้วกลับมารู้สึกเย็นสบายอีกครั้ง ผิวหนังของเขาเริ่มปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมแบบนี้ได้แล้ว ไอน้ำเย็นยะเยือกปลิวแพร่กระจายไปทั่ว พอยืนอยู่ข้างๆ แม่น้ำผู้คนก็ดูเหมือนกับจะขึ้นไปเป็นเทพเซียนบนสวรรค์เลยทีเดียว
เมื่อเงยหน้ามองท้องฟ้าในสถานที่แบบนี้ก็รู้สึกเหมือนท้องฟ้าขมุกขมัวไปหมด หมอกละอองน้ำหนาปกคลุมปิดกั้นแสงอาทิตย์แผดเผารุนแรงเอาไว้ จากจุดนี้จะรู้ได้เลยว่าไอน้ำที่นี่หนาแน่นมากแค่ไหน
ไกด์เดินนำทางอยู่ข้างหน้า เขาเลือกพื้นดินที่แข็งแรงไว้ให้ ไม่อย่างนั้นอาจจะไม่ทันระวังจนลื่นล้มลงไปกับพื้นได้ เมื่อกี้นี้เหมาเหว่ยหลงก็ล้มลงไปแล้วครั้งหนึ่ง
เมื่อเห็นพวกเขาเข้าไปใกล้จนติดกับกับแม่น้ำแบบนั้น แค่แป๊บเดียวชายร่างใหญ่ที่สวมเครื่องแบบเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็วิ่งเข้ามา เขาโบกมือสื่อความหมายว่าให้พวกเขาออกห่างจากจุดนั้นอีกหน่อย
ไกด์เดินเข้าไปคุยกับเขาอยู่สองสามประโยค ชายร่างใหญ่คนนั้นก็พยักหน้าอย่างฝืนๆ จากนั้นจึงตะโกนบอกฉินสือโอวและคนอื่นๆ ว่า “ระวังตัวด้วยนะ ทุกคน! ที่นี่คือจุดตัดของสวรรค์กับนรก ถ้าพวกนายอยากตาย ก็แค่เข้าไปใกล้แม่น้ำอีกนิด!”
ฉินสือโอวไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเขาควรจะขอบคุณความห่วงใยของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นหรือควรจะโกรธที่เขาปากพล่อยดี
ต่อจากนั้นไกด์ก็เข้ามาตะโกนอธิบายให้พวกเขาฟัง “โอเค พวกเราเดินมาได้พอสมควรแล้ว คงจะต้องกลับแล้วล่ะ ดูสิ ถนนตรงนี้เดินไม่สะดวกแล้ว อีกอย่างถ้ายิ่งเดินไปข้างหน้าก็จะยิ่งมีอีกหลายคนเข้ามาตักเตือนพวกคุณ เพราะว่านี่เป็นพื้นที่ที่มีการฆ่าตัวตายสูง เดินมาตรงนี้อาจจะถูกเข้าใจผิดได้”
น้ำตกไนแอการามักจะมีคนมาฆ่าตัวตายอยู่บ่อยครั้ง ตรงกลางระหว่างน้ำตกมีเกาะเล็กๆ อยู่สองเกาะ พวกมันเหมือนกับพระพุทธรูปคู่ที่เป็นที่พึ่งหลักท่ามกลางความไม่สงบสุขซึ่งแบ่งน้ำตกหนึ่งส่วนออกเป็นสามส่วน เกาะที่แยกออกมามีชื่อว่าเกาะโกรทและเกาะลูน่า บนเกาะมีต้นไม้ปกคลุมให้ร่มเงา ทัศนียภาพงดงามสูงสง่า
ว่ากันว่าชนพื้นเมืองอเมริกันเคยมองว่าเกาะโกรทเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะพาผู้นำที่ถึงแก่กรรมแล้วไปฝังไว้บนเกาะ หวังว่าจะขึ้นไปสู่สวรรค์ พวกเขาเรียกมันด้วยอีกชื่อหนึ่งว่า “เกาะแห่งความสุข” เป็นเพราะข่าวลือนี้ ผู้ที่ปรารถนาความตายบางส่วนจึงเชื่อว่าเกาะแห่งความสุขอยู่ใกล้กับสวรรค์มาก เพราะงั้นเลยเจาะจงมาที่นี่เพื่อกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย
เมื่อมีคนมาฆ่าตัวตายเป็นจำนวนมาก รัฐบาลแคนาดาจึงต้องเปลี่ยนชื่อให้เกาะแห่งความสุขเป็นเกาะโกรท (เกาะแพะ)
ชื่อนี้ก็มีความเป็นมาเช่นกัน บนเกาะแห่งนี้เคยมีแพะภูเขาอาศัยอยู่ แต่เมื่อฤดูหนาวอันหนาวเหน็บมาถึง ในปีหนึ่ง แพะภูเขาฝูงใหญ่จึงพากันหนาวตาย มีเพียงแพะตัวผู้ตัวเดียวเท่านั้นที่มีชีวิตรอดมาได้ถึงฤดูใบไม้ผลิในปีต่อมา ด้วยเหตุนี้จึงมีคนเรียกมันว่าเกาะแพะ ตอนนี้รัฐบาลแคนาดากับรัฐบาลอเมริกาก็ใช้แถลงแบบนี้เช่นกัน
ตอนที่ฉินสือโอวรู้ข่าวลือเรื่องนี้เขาก็รู้สึกสนุกมากจริงๆ บนโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงแค่สถานที่พักผ่อนหรือสถานที่สำหรับเที่ยวผู้หญิง แต่แท้จริงแล้วก็ยังมีสถานที่เพื่อความตายด้วย
พวกเขากำลังจะเดินกลับ คนในพื้นที่ส่วนหนึ่งที่พกคันธนูกับลูกธนูก็เดินมาที่ริมแม่น้ำ หลังจากหาหินก้อนใหญ่เจอแล้วพวกเขาก็แหกปากร้องตะโกนขึ้นมาจากตรงนั้น
ฉินสือโอวถามไกด์ว่าพวกเขาทำอะไรกัน ไกด์ก็ตอบมาว่านั่นคือการยิงปลา
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ฉินสือโอวก็ให้ความเคารพพวกเขาเพราะความประทับใจ แบบนี้ต่างหากถึงจะเป็นผู้มีฝีมือสูง คลื่นน้ำซัดกระจายสะเปะสะปะไปทั่วแบบนี้ก็ยิงปลาได้ด้วยเหรอ? หรือว่าคนในท้องที่พวกนี้จะเป็นหลี่กว่าง[1]กลับชาติมาเกิด?
พอรับรู้ถึงการคาดเดาของเขา ไกด์ก็หัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดกับเขา “ไม่ๆ ๆ ไม่ใช่การยิงปลาแบบนั้น แน่นอนว่าการยิงปลาที่นี่ก็ต้องใช้ทักษะและประสบการณ์ พวกคุณมาถึงที่นี่ เคยกินปลากะพงลายกันแล้วหรือยังครับ? ปลากะพงลายตัวโตพวกนั้นพอกระโดดลงมาจากน้ำตกแล้วก็จะรู้สึกมึนงง พวกเขาใช้ธนูยิงปลาชนิดนี้ หลังจากนั้นก็ดึงมันขึ้นมาขาย”
ไกด์พูดได้ถูกต้องมาก วิธีการตกปลาแบบนี้ก็มีความยากเหมือนกัน เนื่องจากกระแสคลื่นในแม่น้ำรุนแรงเกินไป ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวมองเห็นปลากะพงลายที่ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ ทว่ากระแสน้ำทั้งรวดเร็วและรุนแรง เขาถึงกับดูไม่ออกว่าปลาพวกนั้นถูกกระแทกจนมึนจึงลอยขึ้นไปบนผิวน้ำ
เขายืนมองอยู่ข้างบนริมน้ำครู่หนึ่งก็พบว่าการจะยิงปลาที่อยู่บนผิวน้ำก็ไม่ได้ง่ายดาย มันต้องเด็ดขาดรวดเร็วและมีความแม่นยำ มีจิตใจสมาธิและสามารถค้นหาได้ไว ตาเล็งอย่างแม่นยำ ส่วนมือก็ต้องมีพละกำลังรุนแรงและรวดเร็วด้วย ถ้าขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปก็จะยิงปลาขึ้นมาไม่ได้
มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งตามมายิงปลาเหมือนกัน มือของเขากำธนูยิงปลาเอาไว้ คาดว่าเขาน่าจะเป็นมือใหม่ในวงการนี้ เลยยังลงมือได้ไม่เร็วพอ ดังนั้นถึงแม้ว่าจะหาปลาที่ลอยมาบนผิวน้ำเจอกี่ครั้ง เขาก็ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์กลับมาอยู่ดี
ฉินสือโอวตบตัวเด็กหนุ่มที่กำลังท้อแท้ใจแปะๆ แล้วตะโกนคุยกับเขาเสียงดัง “เฮ้ เจ้าหนุ่ม ขอฉันยืมใช้ธนูกับลูกศรของนายหน่อยสิ โอเคไหม?”
วัยรุ่นผิวขาวมีผมสีบลอนด์ตาสีฟ้า บนผิวหน้าของเขามีกระอยู่บางส่วน ดูแล้วยังมีความสดใสและเยาว์วัยอยู่มาก เขามองฉินสือโอวด้วยความสงสัยพร้อมยกธนูขึ้นมาแล้วพูดขึ้น “คุณทำได้เหรอ? อย่าทำคันธนูผมหายล่ะ!”
ไม่ต้องกังวลเรื่องลูกธนู เพราะการยิงปลามักจะมัดลูกธนูไว้กับเอ็นตกปลาอยู่แล้ว ยิงออกไปยังไงก็ไม่มีทางหายแน่นอน
ฉินสือโอวรับคันธนูมาพร้อมหัวเราะฮ่าๆ พอดีกับที่ฟองคลื่นพัดเข้ามา มีปลากะพงลายตัวใหญ่ความยาวหนึ่งเมตรตัวหนึ่งถูกกระแทกจนลอยขึ้นมาบนอากาศ พอเห็นมันบินขึ้นมาด้วยลักษณะแข็งทื่อเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันกำลังมึนงงอยู่
หลายคนในบริเวณรอบๆ ต่างพากันเล็งไปที่ปลาตัวนั้น ทว่าด้วยความเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ขณะที่คนเหล่านี้กำลังดึงสายธนูอยู่นั้น ลูกธนูดอกหนึ่งก็แทงทะลุฟองคลื่นแหวกผ่านอากาศที่กำลังส่งเสียงร้องหวีดหวิวออกมา
แล้วเจาะเข้ากลางใจพอดี!
ลูกธนูแหลมยิงเข้าไปที่ใต้คางของปลากะพงก่อนจะมุดเข้าไปจากแก้มข้างหนึ่งของปลา ครู่ต่อมาก็จับมันไว้ได้
ฉินสือโอวลากเอ็นตกปลาเพื่อดึงปลาตัวนี้กลับมา ปลานี่ไม่เล็กเลย ท่าทางน่าจะหนักราวยี่สิบกว่ากิโลกรัมได้ เรียกได้ว่าอ้วนท้วนสมบูรณ์เลยเชียวล่ะ
เขายกปลาขึ้นมาโชว์วัยรุ่นคนนั้นสักหน่อย ฉินสือโอวหัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดออกไป “เจ้าหนุ่ม ธนูของนายไม่ได้หายไปไหนใช่ไหมล่ะ?”
ผู้คนที่อยู่รอบๆ พากันตบมือเสียงดังเซ็งแซ่ ไกด์ยกนิ้วโป้งให้ฉินสือโอวพร้อมทั้งเอ่ยชมเขา “เทพนักแม่นธนู! เทพนักแม่นธนูจากตะวันออก!”
วัยรุ่นคนนั้นถอดปลาออกด้วยความปราดเปรียว ใบหน้าขึ้นกระเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความตื่นเต้น เขาเอ่ยถามเสียงดัง “ยังยิงได้อีกตัวไหมครับ?”
ฉินสือโอวยักไหล่แล้วหมุนตัวกลับไป เท้าขวายืนอย่างมั่นคงส่วนเท้าข้างซ้ายก็ถีบยั้งไว้กับก้อนหินก้อนหนึ่ง เขาโค้งตัวไปด้านหลัง ร่างกายของเขาราวกับคันธนูหนึ่งอัน ทั่วทั้งตัวเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังที่แข็งแรงกระฉับกระเฉง นักท่องเที่ยวที่กำลังมุงดูอยู่ก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพเขาไว้ทันที
ครั้งนี้ไม่มีใครมองเห็นปลาที่ปรากฏตัวในแม่น้ำ ทว่าพอฉินสือโอวกวาดตามองไปบนผิวน้ำ กล้ามเนื้อแขนด้านขวาของเขาก็กระชับแน่นแล้วปล่อยสายธนูออกไปด้วยความรวดเร็ว เสียง ‘ชึบ’ ดังขึ้นมา ลูกธนูแหลมบินออกไป คราวนี้ผู้คนทั้งหลายถึงเพิ่งจะสังเกตเห็นว่ามีปลากะพงตัวหนึ่งถูกลูกธนูยิงทะลุจนหงายท้อง
ฉินสือโอวดึงปลาตัวที่มีขนาดความยาวหนึ่งเมตรกว่าๆ เหมือนกันขึ้นมา เสียงตบมือจากบริเวณโดยรอบก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง เขายกยิ้มพร้อมเลียนแบบท่าทางของมือยิงในการแข่งขันยิงปลาแบบดั้งเดิมของอังกฤษ มือซ้ายไพล่ไว้ข้างหลังส่วนมือขวาก็ถือคันธนูไว้ตรงหน้าอก จากนั้นก็โค้งตัวน้อยๆ ให้กับทุกๆ คน
เสียงตบมือของผู้คนที่มุงดูอยู่รอบๆ ก็ยิ่งคึกคักมากกว่าเดิม เหมาเหว่ยหลงผิวปากออกมา เขาร้องตะโกนขึ้น “ไอ้คนนี้มันตอแหลได้ถึงขั้นนี้จริงๆ ฉันล่ะกดไลก์ให้แกเลย 10086 ไลก์!”
ฉินสือโอวส่งคันธนูกับลูกศรคืนให้วัยรุ่นคนนั้นพร้อมรอยยิ้ม เด็กหนุ่มดึงเขาไว้แล้วร้องตะโกนด้วยความคาดหวัง “ซื่อฝอ ซื่อฝอ ซื่อฝอ!”
“คือยังไงนะ?” ฉินสือโอวรู้สึกประหลาดใจในตอนแรก ต่อจากนั้นเขาก็มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาทั้งยังอดไม่ได้จนต้องหัวเราะออกมาเสียงดัง เจ้าเด็กนี่กำลังใช้ภาษาจีนเรียกเขาว่า ‘ซือฝุ’ (师傅) นั่นเอง
ถึงยังไงก็ไม่มีธุระอะไรอยู่แล้ว ฉินสือโอวจึงทำท่าทางช่วยให้คำแนะนำกับเด็กหนุ่มคนนั้น หลักๆ ก็คือจะทำยังไงให้มือกับดวงตาประสานกันเป็นเส้นเดียว แท้ที่จริงแล้วการยิงปลาไม่ได้มีเทคนิคอะไรมากมายขนาดนั้น แค่ต้องฝึกฝนเยอะๆ ฝึกจนเกิดความคุ้นชิน แบบนั้นก็จะอยู่ห่างจากเทพนักแม่นธนูอีกไม่ไกลแล้ว
ยืดเส้นยืดกระดูกสักหน่อย ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มร้อนขึ้นมาแล้ว พอถูกละอองน้ำตกลงมากระทบก็ไม่รู้สึกหนาวอีกต่อไป
ทว่าไกด์ตัดสินใจพาพวกเขากลับแล้ว เขาจึงทำได้แค่เดินจากแม่น้ำไปทั้งที่ยังไม่หายอยาก
ในขณะที่พวกเขาเดินออกไปได้ไม่กี่สิบเมตร ทันใดนั้นนักท่องเที่ยวที่อยู่ไกลออกไปก็พากันกรีดร้องออกมา ฉินสือโอวและคนอื่นๆ รีบหันกลับไปดูด้วยความแปลกใจ หลังจากนั้นพวกเขาก็ตกอยู่ในความตื่นตะลึงและเคลิบเคลิ้มทันที
แสงเรืองรองบนท้องฟ้า สะพานสายรุ้ง!
……………………………………………………………
[1] หลีกว่าง ขุนศึกในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ผู้ได้รับสมญานามจากพวกซยงหนูว่า แม่ทัพเหินหาว
บทที่ 636 ไม่ใช่หมาพันธุ์ดัง
โดย
Ink Stone_Fantasy
แสงเรืองรองบนท้องฟ้าลอยกระเพื่อมอยู่ท่ามกลางละอองน้ำ แสงแดดส่องลงมาได้องศาของมันพอดี ด้านบนของน้ำตกกว้างใหญ่มีสีสันสดใสสีต่างๆ ส่องสว่างขึ้นมา เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉินสือโอวได้เห็นสะพานสายรุ้ง สะพานสายรุ้งที่มีสีสันงามตาสวยงามอย่างเหนือชั้น!
แดงแสดเขียวฟ้าครามม่วง ละอองน้ำลอยตลบไปทั่วทุกสารทิศขณะที่สีสันเหล่านี้พลิกสลับไปมาอย่างช้าๆ ดูราวกับเส้นด้ายสีรุ้งที่กำลังปลิวสะบัด
ทุกๆ คนต่างก็โห่ร้องด้วยความดีใจ ทั้งยังพากันยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเอาไว้ด้วย
ฉินสือโอวก็ยกมือถือขึ้นมาเหมือนกัน แต่ยกขึ้นมาเพื่อวิดีโอคอลไปหาวินนี่
“ไฮ ที่รัก ตอนนี้คุณ… โอ้ พระเจ้า สวยจริงๆ เลย! คุณอยู่ที่ไหนคะ? น้ำตกไนแอการาใช่ไหม? ฉันไม่เคยเห็นสายรุ้งที่สวยอลังการขนาดนี้มาก่อนเลย! พระเจ้า สวยเกินไปจริงๆ! ที่รักคะ มันสวยมากจริงๆ!”
เสียงแหลมเล็กของวินนี่ดังออกมาทันที
เหมาเหว่ยหลงมองดูฉินสือโอวพร้อมด่าเขา “แม่มเอ๊ย แกกลายเป็นนักปราชญ์ด้านความรักตั้งแต่ตอนไหนวะ? ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแกหาเมียได้เร็วกว่าฉัน เพราะแบบนี้นี่เอง!”
พอพูดจบเขาก็รีบเปิดโทรศัพท์มือถือขึ้นมา จากนั้นก็รีบกดส่งคำขอวิดีโอคอลไปหาหลิวซูเหยียนทันที
ทางด้านโอวหยางไห่ค่อนข้างวุ่นวายนิดหน่อย เขาหยิบมือถือขึ้นมาพลิกไปพลิกมาแล้วเงยหน้ามองฟ้าเงียบๆ ฉันยังโสดอยู่เลยนี่หว่า ช่างเถอะ ตามสบายเลย หาสาวที่รู้สึกว่าพอใช้ได้มาดูวิวสวยๆ ผิดหูผิดตานี่สักคนก็แล้วกัน
ฉินสือโอวหมุนกล้องมือถือไปรอบๆ วินนี่ก็พูดกับเขาด้วยความรู้สึกเสียดาย “ที่รักคะ ขอโทษมากๆ เลยนะคะ ฉันหวังจริงๆ ว่าตอนนี้ฉันจะได้อยู่ข้างๆ คุณ ถ้าพวกเราอยู่ด้วยกัน มันจะต้องสวยยิ่งกว่าเดิมแน่!”
ฉินสือโอวแย้มรอยยิ้มพูดกับเธอ “ไม่หรอกครับ ที่รัก ตอนนี้คุณก็อยู่ข้างๆ ผมแล้ว ผมรักคุณ!”
ดวงตาของวินนี่ส่องประกายระยิบระยับขึ้นมาทันที เธออ้าปากสีแดงเชอร์รี่ท่าทางเหมือนกำลังจะพูดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอยู่หลายครั้ง เห็นว่าในจอภาพมีเพียงสายรุ้งสวยงามละลานตาแต่ไม่มีฉินสือโอว เธอก็กระทืบเท้าอย่างอารมณ์เสียแล้วด่าเขาออกมา “ตาทึ่ม!”
สายรุ้งอยู่บนท้องฟ้าได้ประมาณครึ่งชั่วโมง พอพระอาทิตย์เอียงไปทางทิศตะวันตก มันถึงค่อยๆ จางลงแล้วหายไปในที่สุด
ถึงแม้สายรุ้งจะหายไปแล้ว ทว่าความรู้สึกของนักท่องเที่ยวก็ยังตื่นเต้นอยู่มาก พวกเขาต่างก็พากันพูดคุยถึงความน่ามหัศจรรย์ของละอองน้ำครั้งนี้
กลุ่มของฉินสือโอวย่ำลงไปบนเส้นทางขากลับ พอกลับมาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่โรงแรมพวกเขาก็บินมุ่งหน้าไปสู่ทิศตะวันออกทันที จุดหมายต่อไปก็คือบ้านของเขานั่นเอง
โอวหยางไห่ไม่เคยมาฟาร์มปลาของฉินสือโอว เมื่อมองลงมาที่เกาะแฟร์เวลจากบนเฮลิคอปเตอร์เขาก็เอ่ยปากชมขึ้นมาทันที “นี่เป็นดินแดนในอุดมคติจริงๆ ! แสงอาทิตย์สาดส่องยามเย็น เรือประมงกลับเข้าท่า นี่ให้อารมณ์ที่แตกต่างกับฟาร์มไปอีกแบบเลย!”
“เป็นยังไงบ้าง? อยากซื้อฟาร์มปลาสักที่ไหม? ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เลยนะ หาฟาร์มปลาดีๆ ให้พี่ได้แน่” ฉินสือโอวพูดยิ้มๆ
โอวหยางไห่จริงจังขึ้นมาแล้ว เขาคิดๆ ดูแล้วก็พูดขึ้นมา “นายมีแหล่งที่เหมาะๆ บ้างไหม? ถ้าพอใช้ได้ ฉันก็อยากจะซื้อฟาร์มปลาสักที่จริงๆ ไม่เอาที่ใหญ่เกินไปนะ ฟาร์มของฉันที่มอนตานาสูบกำลังฉันมากเกินไปจริงๆ ”
เหมาเหว่ยหลงหัวเราะฮ่าๆ พร้อมกับพูดขึ้นมา “พี่ไห่ พี่จริงจังเกินไปแล้ว ฉินโซ่วมันก็แค่พูดไปอย่างนั้นนั่นแหละ ในมือมันจะมีแหล่งฟาร์มปลาอะไรกันล่ะ?”
ฉินสือโอวกลอกตาขาว เขาตอบกลับไปทันที “แกจะรู้อะไร ฉันก็เป็นคนมีของเหมือนกันนะ!”
พอพูดจบเขาก็จริงจังขึ้นมาแล้วแนะนำอย่างกระตือรือร้น “ก่อนหน้านี้มีผู้ค้าอสังหาที่หนึ่งมาหาผม พวกเขามีฟาร์มปลาแห่งหนึ่งอยู่ที่แหลมเซนต์ชาร์ลส์ ผมว่ามันใช้ได้เลยล่ะ ฟาร์มปลามีพื้นที่ประมาณหนึ่งพันตารางกิโลเมตร มีเส้นฝั่งทะเลสิบกิโล ยืดขยายออกไปในทะเลอีกร้อยกิโล”
โอวหยางไห่หยิบมือถือออกมาสำรวจแผนที่ของแหลมเซนต์ชาร์ลส์ พอศึกษาดูคร่าวๆ แล้วก็พูดขึ้นมา “ตำแหน่งที่ตั้งของที่นี่ไม่เลวเลย ใช่สถานที่ท่องเที่ยวดังๆ ไหม?”
ฉินสือโอวพยักหน้าแล้วพูดกับเขา “ตำแหน่งไม่เลว แต่สภาพอากาศก็ทั่วๆ ไป ไม่เหมือนกับเกาะแฟร์เวล ในปีปีหนึ่งน่ากลัวว่าจะมีหิมะไปแล้วกว่าครึ่ง”
โอวหยางไห่ยิ้มพร้อมบอกกับเขา “อันนี้ไม่เป็นไร มีหิมะก็ดี ฟาร์มของฉันที่มอนตานาไม่ได้เห็นหิมะเท่าไรเลย ได้ ถ้าอย่างนั้นหลังจากนี้พวกเราลองคุยกันอีกที ถ้ามันเหมาะฉันก็จะซื้อมัน พอเห็นฟาร์มปลาของนาย ฉันก็อยากได้บ้างแล้ว”
เฮลิคอปเตอร์ร่อนลง พอโอวหยางไห่ลงมาก็เห็นสุนัขสองสามตัวกับหมีตัวโตอีกหนึ่งตัวกำลังวิ่งตะบึงเข้ามา
ฉินสือโอวกลัวว่าโอวหยางไห่จะตกใจจึงรีบตะโกนบอกให้พวกมันหยุด ทว่าโอวหยางไห่กลับแย้มยิ้มพร้อมตาเป็นประกายแล้วพูดออกมา “นายเลี้ยงไว้เหรอ? ไม่เลวเลยจริงๆ หมาแลบราดอร์สองตัวนี้ของนายเป็นพันธุ์แท้เลยใช่ไหม? สีขนแบบนี้ หัวที่ดูร่าเริงแบบนี้ เส้นโค้งกล้ามเนื้อพวกนี้ ดูเหมือนหมาดังๆ จริงๆ เลย”
ฉินสือโอวกลับไม่คิดว่าหู่จือกับเป้าจือของเขาเป็นหมาดังสายพันธุ์แท้อะไร อีกอย่างหมาแลบราดอร์ของรัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ก็เหมือนกับหมาพันธุ์จีนที่บ้านเก่าของเขาที่เป็นหมาพันธุ์พื้นเมือง
เห็นได้ชัดว่าโอวหยางไห่เป็นคนรักสุนัข หลังจากหู่จือกับเป้าจือวิ่งเข้ามาเขาก็นั่งยองๆ ลงไปพินิจพิเคราะห์พวกมันทั้งสองตัวอย่างตั้งอกตั้งใจ
หู่จือกับเป้าจือไม่รู้จักเขา มองแวบเดียวก็ไม่รู้สึกสนใจแล้ว พวกมันส่ายหางปีนขึ้นมาบนตัวของฉินสือโอวแล้วใช้หัวของพวกมันถูไถอกของเขาด้วยความสนิทสนม
“เอาล่ะๆ พ่อก็คิดถึงพวกแกมากๆ เหมือนกัน ไปเล่นไป พ่อมีแขกพิเศษอยู่ด้วย” ฉินสือโอวยิ้มพร้อมลูบหัวพวกมันไปมา หลังจากนั้นก็สะบัดแขนออกไป หู่จือกับเป้าจือก็พากันวิ่งออกไปอย่างเชื่องๆ พวกมันทั้งวิ่งทั้งหันมามองเขา
ฉงต้าจับกางเกงของฉินสือโอวแล้วลุกขึ้นมา เวลาผ่านไปหนึ่งปี ตอนนี้มันกลายเป็นหมีใหญ่ไปแล้ว พอยืนขึ้นก็สูงเท่าไหล่ของฉินสือโอวเลยทีเดียว มันส่ายหัวที่มีขนปุกปุยด้วยอยากจะแลบลิ้นออกมาเลียหน้าฉินสือโอว
พอเห็นแบบนี้หู่จือกับเป้าจือก็ไม่ยอมแล้ว พ่อบอกแล้วว่ามีแขกคนสำคัญให้พากันไปเล่น แต่ทำไมแกถึงยังดันทุรังจะอยู่ตรงนี้? ด้วยเหตุนี้พวกมันทั้งสองจึงวิ่งกลับมากระโจนใส่ฉงต้าจนล้มคว่ำแล้วไล่มันออกไป
แบบนี้โอวหยางไห่ก็ยิ่งรู้สึกสนใจ เขายิ้มพร้อมกับพูดออกมา “เฮ้ย น้องฉิน นายฝึกพวกมันยังไงเหรอ? นี่ไม่ใช่แค่สายเลือดชั้นสูงแล้ว หมาแลบราดอร์ที่เชื่อฟังรู้ภาษาขนาดนี้ฉันก็เพิ่งเคยเห็นครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลย”
เหมาเหว่ยหลงพูดด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งความประหลาดใจ “นี่ไม่เท่าไรหรอก ถ้าพี่คุ้นเคยกับพวกมันทั้งสองตัวแล้วพี่ก็จะรู้ว่าพวกมันไม่ใช่หมา นั่นน่ะเป็นเด็ก ไม่สิ เป็นเด็กโตเลยล่ะ ฉลาดกว่าเด็กทั่วๆ ไปอีก”
หลังจากนั้นตั๋วตั่วก็กระโดดโลดเต้นวิ่งเข้ามาต้อนรับเหมือนกัน เหมาเหว่ยหลงอุ้มเธอขึ้นมา พวกกระรอกดินก็ยื่นหัวออกจากรังมามองดูรอบๆ พอเห็นคนแปลกหน้าอย่างโอวหยางไห่ก็พากันหดหัวกลับไปทันที
ฉินสือโอวเชิญโอวหยางไห่ให้เข้าไปนั่งในห้องรับแขก เขาชงชามาหนึ่งกาแล้วถามออกไป “เย็นวันนี้ลองชิมอาหารทะเลของที่นี่ดูนะ พี่สนใจไหมครับ?”
สายตาของโอวหยางไห่ยังมองดูหู่จือเป้าจือที่อยู่ตรงประตู พอได้ยินฉินสือโอวพูดเขาก็พยักหน้าแล้วตอบกลับไปว่า “ได้ เมื่อก่อนต้าเหมาเคยชมอาหารทะเลของนายไม่ขาดปากเลย ฉันต้องลองชิมอยู่แล้วว่าอาหารทะเลของนายอร่อยขนาดไหน”
“อร่อยจนแทบจะกลืนลิ้นลงไปเลย!” เหมาเหว่ยหลงกล่าว
“อ้าว นายเคยชมฉันดีๆ ตั้งแต่ตอนไหนกัน?” ฉินสือโอวถามด้วยความประหลาดใจ
เหมาเหว่ยหลงกลอกตาใส่ เขากล่าว “ฉันชมอะไรแกที่ไหน? พี่ชายแค่เคารพความเป็นจริง!”
ในห้องแช่เย็นมีของอยู่ทุกอย่าง ทว่าฉินสือโอวก็ยังให้พวกชาร์คออกทะเลไปจับอะไรมาสักอย่าง ถึงแม้ว่ารสชาติจะไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่อาหารทะเลก็จำเป็นต้อง ‘สด’ ปลากับกุ้งที่อยู่ในห้องแช่เย็นย่อมด้อยกว่าอยู่แล้ว
พอจับกุ้งจับปูกลับมาแล้วส่วนหนึ่ง ชาร์คกับซีมอนสเตอร์ก็ไปจัดการพวกมัน อาหารทะเลของฟาร์มปลาต้าฉินสดอร่อยไม่มีอะไรเทียบได้ ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีซับซ้อนมากมาย สิ่งสำคัญคือการรักษาความสดอร่อยจากธรรมชาติเอาไว้
ครั้งนี้ไม่ได้ย่างปลาลิ้นหมา แต่เอามันมานึ่งแทน หนังของปลาลิ้นหมาในฤดูนี้นุ่มเกินไป ถ้าเอาไปย่างจะไหม้ได้ง่าย
ปลาย่างเปลี่ยนมาใช้ปลาปากแหลมแทน ปลาชนิดนี้มีเนื้อมันอร่อย ทาน้ำมันลงไปข้างบนพร้อมโรยผงยี่หร่ากับพริกป่นลงไปรสชาติของมันก็เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมแล้ว
บทที่ 637 ถังหมักเหล้าร้อยปี
โดย
Ink Stone_Fantasy
เมื่อเทียบกับคนภายนอก มีฟาร์มปลาเอาไว้ในครอบครองก็มีข้อได้เปรียบอยู่หนึ่งอย่าง นั่นก็คืออยากทานอาหารทะเลตอนไหนก็ทานได้เลยตอนนั้น ที่นี่ไม่มีฤดูห้ามจับปลาจึงสามารถทานอาหารทะเลสดใหม่ที่สุดได้ตลอดเวลา
เพราะมีเจ้านายที่เป็นนักกินอย่างฉินสือโอว ปกติแล้วถ้าพวกชาวประมงไม่มีงานอะไรก็จะศึกษาทักษะการทำอาหาร ดังนั้นขอแค่เจ้านายอารมณ์ดี เรื่องเพิ่มเงินเดือนหรือให้เงินโบนัสก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ดังนั้นไม่ว่าฟาร์มปลาจะมีแขกคนไหนมา พวกชาวประมงก็ล้วนแล้วแต่สามารถแสดงฝีมือได้ทั้งนั้น เรื่องอาหารการกินที่ฟาร์มปลาต้าฉินมีความพิถีพิถันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
วินนี่เข้ามาในครัวเพื่อทำขนมอบ ชาร์คกำลังย่างสาหร่ายโนริอยู่บนสนามหญ้าหน้าประตู แต่ละแผ่นๆ ถูกย่างจนหอมกรอบ นอกจากนี้เขายังไปเก็บสาหร่ายมาคลุกเคล้าให้เข้ากันกับน้ำส้มสายชูและซอสหอยนางรมก่อนจะหั่นเป็นเส้นๆ อาหารจานนี้ไม่เพียงมีรสชาติอร่อย แต่ยังดูน่ากินอีกด้วย
ฤดูร้อนในทะเลมีของที่สามารถทานได้อยู่หลายอย่างมาก ตอนกลางวันพวกเด็กๆ จะพากันไปเก็บสาหร่ายผักกาดทะเลจากริมทะเล ฉินสือโอวใช้พริกที่ดองไว้ ตอนนี้สามารถนำออกมาทำเป็นอาหารจานเย็นได้แล้ว
พอวางเครื่องเคียงพวกนี้ไว้บนโต๊ะ ฉินสือโอวก็ไปหยิบเห็ดพอร์ชินีผัดน้ำมันกับเห็ดหอมดองพริกที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ออกมาโชว์ให้โอวหยางไห่กับเหมาเหว่ยหลงดูสักหน่อยแล้วพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ถือว่าพวกนายดวงดีนะ นี่เป็นของที่หากินในอเมริกากับแคนาดาไม่ได้เลย อาหารเรียกน้ำย่อยแบบบ้านเกิดแท้ๆ”
โอวหยางไห่มีร้านอาหารมิชลินสามดาวอยู่หนึ่งร้าน แถมเมื่อก่อนยังเคยไปเที่ยวรอบโลกมาแล้วด้วย นอกจากนี้เขายังมีเชฟใหญ่ระดับท็อปอยู่กับเขาอีกสองคน รสนิยมการกินของเขาย่อมสูงมากๆ อยู่แล้ว ทว่าหลังจากเขามองเห็นเห็ดพอร์ชินีผัดน้ำมันกับเห็ดหอมดองพริกแล้ว ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที “ของดีนี่!”
วินนี่เตรียมของหวานก่อนอาหารมื้อหลักเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอนำมันมาเสิร์ฟแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “พวกคุณอยากดื่มเหล้าไป๋จิ่วหรือไวน์องุ่นสักหน่อยไหมคะ? มีทั้งไวน์ขาวไวน์แดงเลยนะคะ”
โอวหยางไห่ก็พูดอย่างแน่วแน่ “พวกเราจะดื่มเบียร์กันครับ! โอกาสแบบงานเป็นทางการถึงจะดื่มไวน์ขาวไวน์แดง พวกเราพี่น้องอยู่ด้วยกัน ดื่มเบียร์ให้คึกคักกันดีกว่า!”
ฉินสือโอวพูดยิ้มๆ ออกมา “ถ้าอย่างนั้นก็เอาเบียร์มาเถอะครับ ผมชอบที่พี่ไห่พูดจริงๆ เพื่อนผู้ชายด้วยกันก็ต้องกระดกเบียร์ถึงจะสนุก!”
แน่นอนว่าจะใช้เบียร์ของชาวบ้านทั่วไปที่เป็นคาลเบิร์กริบบิ้นฟ้าหรือเบียร์บัดไวเซอร์มาต้อนรับโอวหยางไห่ไม่ได้อยู่แล้ว ฉินสือโอวหยิบตุตันคาเมน เอลที่บิลลี่ส่งมาให้เขาจากนิวยอร์กเมื่อไม่นานมานี้ออกมา เขาตบขวดเบียร์พร้อมพูดขึ้น “มา พี่ไห่ มาดื่มนี่เถอะ”
เบียร์ชนิดนี้เป็นหนึ่งในเบียร์ระดับสูงสุดในตลาดของยุโรปและอเมริกา ราคาขายที่นิวยอร์กอยู่ที่ขวดละห้าสิบดอลลาร์สหรัฐ
มันมีความเป็นมาที่น่าสนใจมาก สูตรลับการหมักเหล้ามาจากวิหารแห่งดวงอาทิตย์ของพระราชินีเนเฟอร์ติติ สถานที่หมักบ่มอยู่ที่ห้องทดลองเคมบริดจ์ประเทศอังกฤษ ชื่อของมันมีที่มาจากฟาโรห์ตุตันคาเมนลูกเลี้ยงของพระราชินี จึงให้ความรู้สึกของราชวงศ์อียิปต์ได้อย่างเต็มเปี่ยม แม้กระทั่งบนขวดก็ยังพิมพ์รูปเทพแมวกับเทพฮอรัสเอาไว้ด้านบน
ไม่ต้องใช้แก้วเบียร์ ฉินสือโอวเปิดเบียร์ให้โอวหยางไห่กับเหมาเหว่ยหลงคนละขวด ส่วนตัวเขาเองเลือกดื่มเบียร์ไอซ์เบิร์กของนิวฟันด์แลนด์ เบียร์มาตรฐานของชาวประมง
วินนี่เตรียมอาหารเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวถามเธอว่าเธอจะดื่มอะไร วินนี่ลองคิดๆ ดูแล้วบอกเขา “ฉันดื่มไวน์แดงสักหน่อยแล้วกันค่ะ”
พอพูดถึงไวน์แดง ฉินสือโอวก็นึกถึงถังไวน์สี่ถังที่ได้มาจากบนเรือไททานิค ข้างในคงจะบรรจุไวน์แดงไว้อย่างแน่นอน แต่ก็คิดว่ามันคงดื่มไม่ได้แล้ว เขาไม่รู้ที่มาที่ไปของถังไวน์ แต่เห็นลักษณะที่ถูกชุบทั้งเงินและทองของพวกมันก็เห็นได้ชัดว่าน่าจะเป็นของล้ำค่า
โอวหยางไห่ตะลุยไปมาทั่วทุกสารทิศทั้งยังเกิดในตระกูลที่มีทั้งเงินและอิทธิพล ฉินสือโอวคิดว่าโอวหยางไห่มีประสบการณ์กว้างขวางกว่าเขามากจึงหยิบมันออกมาให้โอวหยางไห่ช่วยตรวจสอบดู เขาอยากรู้ที่มาของถังเหล้าทั้งสี่ใบนี้
ฉินสือโอวหาได้ถูกคนแล้ว พอเห็นถังเหล้าทั้งสี่ใบนี้ โอวหยางไห่ก็ยิ้มแล้วพูดกับเขา “นายไปได้มันมาจากไหน? ของโบราณเลยนะ นี่น่าจะเป็นของจากศตวรรษที่ 19 หรือเปล่า? ถังไวน์คาดชุบเงินทอง เป็นไวน์ฝรั่งเศสจำนวนน้อยที่เคยได้รับความนิยมเมื่อศตวรรษที่แล้ว มันถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรา”
ฟังที่โอวหยางไห่พูด ฉินสือโอวก็พูดขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “ใช่ไหม? ผมเคยค้นข้อมูลมาก่อน แต่ก็หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องไม่เจอเลย รู้แค่ว่าถังไวน์สี่ใบนี้เป็นของที่ผลิตโดยชาโต เปตรุส”
ข้อนี้ค้นหาได้ง่าย บนถังไวน์สลักคำว่า Chateau-Petrus เอาไว้ นี่หมายถึงไวน์ชาโต เปตรุสของตำบลบอร์กโดซ์ประเทศฝรั่งเศสนั่นเอง
โอวหยางไห่พยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ใช่ ข้อมูลของถังไวน์ชนิดนี้ค้นหายากมาก เพราะว่ามันใช้เวลาสั้นมาก ช่วงปลายศตวรรษที่สิบเก้ามันเคยเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นสูงของยุโรปอยู่ไม่นาน ต่อจากนั้นก็เจอสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เศรษฐกิจของทุกประเทศในยุโรปต่างก็เอาไปทุ่มลงกับการทำสงคราม ทองกับเงินชุบกลายเป็นของหายากเลยไม่ถูกนำมาชุบถังไวน์อีก”
เหมาเหว่ยหลงถามแทรกขึ้นมา “ถังไวน์สี่ถังนี้เป็นของมีราคาไหม?”
โอวหยางไห่พูดยิ้มๆ “แน่นอนอยู่แล้ว ถ้ามันไม่ใช่ของทำเลียนแบบ ตอนนี้อย่างน้อยๆ ก็น่าจะขายได้ประมาณหมื่นยูโรกว่าๆ ตอนนั้นถังไวน์แบบนี้ผลิตขึ้นมาน้อยมาก มีแค่ตระกูลสูงศักดิ์เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ใช้การประดับตกแต่งแบบนี้ แถมโรงหมักที่ชอบเลือกใช้สไตล์แบบนี้ก็มีแค่โรงบ่มไวน์ชั้นสูงบางส่วนในเขตปอเมอรอลเมืองบอร์กโดซ์เท่านั้นด้วย……ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว ถ้าพูดต่อก็จะยิ่งโยงกับเรื่องอื่นอีกเยอะ”
ฉินสือโอวชอบฟังคนอื่นเล่าเรื่องซุบซิบที่สุดแล้ว เขาจึงพูดยุขึ้นมา “พูดมาเถอะ พี่ไห่ ในนี้มีเรื่องเล่าอะไรเหรอ?”
โอวหยางไห่เอาถังเหล้ามาวางเรียงกัน เขาเล่าว่า “ในเมื่อพวกนายอยากฟัง ถ้าอย่างนั้นฉันจะพยายามพูดให้กระชับและได้ใจความที่สุดแล้วกัน พวกเราต่างก็รู้ว่าไวน์องุ่นระดับสูงของโลกส่วนใหญ่จะมาจากเมืองบอร์กโดซ์ประเทศฝรั่งเศส อีกทั้งบอร์กโดซ์ยังเคยคัดเลือกไวน์แดงในปี 1855 กำหนดโรงบ่มไวน์ 5 แห่งที่สามารถจัดเข้าไปอยู่ใน ‘ระดับสูงสุด’”
“แต่ว่า การกำหนดมุ่งเป้าไปที่เขตเมด็อกเท่านั้น ไม่ได้รวมเขตปอเมอรอลเข้าไปด้วย แต่ถึงยังไง เขตปอเมอรอลก็มีไวน์ชั้นดีอยู่เป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นก็มีผู้นำที่ไม่อาจหยุดยั้งได้อย่างพี่ใหญ่ชาโต เปตรุส ดังนั้นพวกเขาย่อมต้องไม่ยอมอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงใช้วิธีอื่นมาคัดค้านการจัดอันดับแบบนี้ และถังชุบเงินกับทองก็คือผลิตผลที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้นั่นเอง”
ฉินสือโอวตบๆ ถังไวน์ แล้วพูดขึ้นมา “ถ้าอย่างนั้นพวกเราอยากจะลองเปิดไวน์พวกนี้ออกมาดูหน่อยไหมล่ะ? บ่มไว้ตั้งร้อยปีนะ”
เหมาเหว่ยหลงกระตือรือร้นอยากลองดู “เปิดออกมาชิมดูเหรอ? ไวน์แดงชั้นสูงสามารถเก็บไว้ได้ถึงร้อยปีเลยนี่”
โอวหยางไห่ไม่ห้ามแต่ก็ไม่ได้บอกว่าทำได้ เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “สามารถเก็บไว้ได้ร้อยปีโดยที่คุณภาพไม่เปลี่ยนก็จริง แต่รสชาติของไวน์จะไม่ค่อยดีเท่าไรหรอก”
เขาลองวิเคราะห์ถังไวน์ ด้านล่างถังทุกใบจะประทับรูปผู้ชายเปลือยกายผมยาวประบ่าเอาไว้หนึ่งรูป ในมือของชายคนนั้นกำลังถือกุญแจหนึ่งดอกและชี้ลงไปที่พื้น เมื่อเห็นดังนี้โอวหยางไห่ก็พูดออกมา “ไวน์นี่น่าจะหมักในปี 1895”
ฉินสือโอวถามด้วยความรู้สึกงงงวย “ทั้งหมดนี่สามารถดูได้เลยเหรอ?”
โอวหยางไห่ได้ยินดังนั้นจึงอธิบาย “ชาโต เปตรุสใช้ชื่อตามเซนต์ปีเตอร์ลูกศิษย์คนแรกของพระเยซู ในมือของปีเตอร์ถือกุญแจสำหรับเปิดปิดประตูสวรรค์เอาไว้ ซึ่งก็คือภาพใต้ถังไวน์นี่เอง แต่ว่าทุกๆ สิบปีชาโต เปตรุสจะเปลี่ยนรูปของปีเตอร์หนึ่งครั้ง และจุดที่ปีเตอร์ชี้กุญแจในมือออกไป ก็จะตรงกับภาพของปีนั้นๆ ส่วนความหมายของภาพนี้ก็คือปี 1895”
ได้ฟังเรื่องพวกนี้แล้วฉินสือโอวก็ยักไหล่น้อยๆ ชนชั้นสูงของฝรั่งเศสทำอะไรที่เข้าใจยากจริงๆ แค่จะดื่มไวน์ก็นำมาสู้ชิงไหวชิงพริบกันได้ขนาดนี้แล้ว
ฉินสือโอวคิดว่ารสชาติของไวน์ในถังไม่น่าจะดีเท่าไรแล้ว เหล้าหมักร้อยปีอาจจะฟังดูยอดเยี่ยมมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วไวน์แดงที่ทิ้งไว้นานขนาดนี้รสชาติอาจจะเปลี่ยนไปจนแย่เอามากๆ ถ้ามันมีรสชาติคล้ายยาชงแก้หวัดได้ก็คงถือว่าไม่เลวแล้ว
พอได้รู้ถึงรายละเอียดความเป็นมาของถังไวน์ ฉินสือโอวก็พอใจแล้ว เขาวางถังไวน์ไว้ในห้องรับแขกเพื่อเป็นของประดับตกแต่งแล้วไปหยิบไวน์แดงมาให้วินนี่กับหลิวซูเหยียนใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็บอกใบ้เป็นสัญญาณให้ทุกๆ คนเริ่มทานอาหารได้
โอวหยางไห่กระดกเบียร์เข้าไปอึกใหญ่แล้วคีบสาหร่ายโนริย่างเข้าไปในปาก ปรากฏว่าเขายังไม่ทันได้เคี้ยว คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมาเสียงเบา “เอ๊ะ มันแปลกๆ นะ”
บทที่ 638 ธุรกิจก็คือธุรกิจ
โดย
Ink Stone_Fantasy
“เป็นอะไรเหรอ?” ฉินสือโอวถาม
โอวหยางไห่เลียริมฝีปาก เขาลองชิมรสชาติสาหร่ายโนริย่างอีกครั้งหลังจากนั้นก็พูดขึ้นมา “ใครเป็นคนย่างสาหร่ายโนริเหรอ? มีสูตรลับอะไรหรือเปล่า? รสชาติดีจริงๆ ยังไม่ต้องพูดถึงรสชาติสดใหม่ที่โดดเด่นเป็นพิเศษนะ แค่พอสาหร่ายย่างเข้าไปในปากมันก็ละลายไปทันทีเลย ฉันเคยกินสาหร่ายโนริมาไม่น้อย แต่ไม่มีครั้งไหนที่อร่อยสู้ของนายได้เลย”
ฉินสือโอวนึกว่ามีเรื่องอะไรเสียอีก นี่ยังไม่ใช่เรื่องธรรมดาอีกเหรอ? ผลิตผลจากพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็ต้องเป็นของคุณภาพดีอยู่แล้ว
เหมาเหว่ยหลงคุ้นชินกับรสชาติอาหารทะเลของฟาร์มปลาต้าฉินแล้ว เขาจึงพูดขึ้นมาอย่างเอาใจใส่โอวหยางไห่ “พี่ไห่ พี่ลองชิมอย่างอื่นดูก่อน อาหารทะเลของฉินโซ่วที่นี่ดีกว่าของข้างนอกมาก ไม่ได้เป็นเพราะฝีมือการทำอาหารหรอก เป็นเพราะวัตถุดิบมีคุณภาพดีต่างหาก”
โอวหยางไห่กินสาหร่ายผักกาดทะเลหมักพริกเข้าไปหนึ่งชิ้นอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จากนั้นบนใบหน้าของเขาก็ปรากฏสีหน้าประหลาดใจออกมาทันที เขามองไปที่ฉินสือโอวแล้วพูดออกมา “ฉันขอลองชิมอาหารทะเลพวกนี้ทีละอย่างได้ไหม? อาจจะไม่ค่อยสุภาพเท่าไร แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกว่ามันยากที่จะเชื่อจริงๆ”
ฉินสือโอวจึงบอกเป็นนัยว่าให้เขาทำตามสบาย “พี่น้องคนกันเองทั้งนั้น พี่ไห่วางใจเถอะ กินได้ตามสบายเลย!”
แท้จริงแล้วในความคิดของฉินสือโอวนั้น รสชาติอาหารทะเลของฟาร์มปลาต้าฉินก็ดีจริงๆ นั่นล่ะ แต่เมื่อเทียบกับอาหารทะเลอื่นๆ ก็ไม่ได้ถึงขั้นว่ามีรสชาติต่างกันราวฟ้ากับเหว อย่างน้อยตอนที่เขากำลังทานเข้าไปก็รู้สึกว่ามันไม่ได้แตกต่างกันมาก
แต่ที่ว่าแตกต่างกันไม่มากก็เป็นเพราะเขาไม่ได้ถนัดทำอาหารทะเลรวมกับที่เขากินมันบ่อยแล้ว แต่เมื่ออยู่ในปากของนักชิมอาหารระดับสูงอย่างโอวหยางไห่แล้ว รสชาติอาหารทะเลของฟาร์มปลาต้าฉินก็แตกต่างกันกับอาหารทะเลข้างนอกราวฟ้ากับเหวจริงๆ!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโอวหยางไห่ได้ชิมอาหารทะเลพวกนี้เป็นครั้งแรก
ปลาค็อดหั่น ปลาลิ้นหมา ปลาแซลมอนแปซิฟิกแล่บาง ปลานโปเลียน ปลายอดม่วง ปลาลายญี่ปุ่น รวมกับหอยงวงช้างและปูราชินี โอวหยางไห่ค่อยๆ ชิมอาหารทะเลทั้งโต๊ะเสร็จไปหนึ่งรอบ ต่อจากนั้นก็วางตะเกียบลง เขาอยากจะพูดอะไรสักอย่าง ริมฝีปากของเขาขยับไปมาแล้วเปลี่ยนเป็นพูดประโยคง่ายๆ ออกมาหนึ่งประโยค “อร่อย! นี่เป็นอาหารทะเลที่เยี่ยมยอดที่สุดเท่าที่ฉันเคยกินมาเลย! สงสัยคงต้องถูกทุกคนหัวเราะเยาะแล้ว!”
ฉินสือโอวดื่มเบียร์พร้อมพูดยิ้มๆ “ถ้าพี่ชอบ ตอนพี่กลับผมจะห่อให้พี่เอากลับไปด้วย พี่อยากได้เท่าไรผมก็จะให้พี่หมดเลย ไม่กลับคำด้วย!”
อาหารทะเลเพียงเล็กน้อยก็สามารถเปลี่ยนเป็นสินน้ำใจให้ลูกคนรวยได้แล้ว ธุรกิจครั้งนี้คุ้มค่ามากจริงๆ
โอวหยางไห่ยิ้มแล้วบอกว่าเขากล่าวหนักไป ทุกคนหัวเราะพลางพูดคุยกันแล้วพากันเริ่มทานอาหาร
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปด้วยความปรองดอง มีหัวข้อเรื่องการท่องเที่ยวรอบโลกของโอวหยางไห่อยู่นับไม่ถ้วน เรื่องราวมากมายเกี่ยวกับความสนิทสนมของฉินสือโอวกับเหมาเหว่ยหลง หรือจะเป็นเรื่องวินนี่กับหลิวซูเหยียนได้รับการศึกษามาสูงหรือได้พบเหตุการณ์ต่างๆ ในสังคมมามากแค่ไหน รวมถึงความน่ารักน่าเอ็นดูของตั๋วตั่ว เชอร์ลี่ย์กับเด็กๆ คนอื่นๆ ด้วย หัวข้อสนทนาต่อเนื่องกันไปไม่ขาดสาย ตลอดการสนทนาไม่มีเดดแอร์เลยสักครั้ง
หลังจากทานเสร็จแล้ว ฉินสือโอวกับวินนี่ก็จัดการเก็บโต๊ะอาหาร หลังจากนั้นพอชงชาเขียว คั้นน้ำผลไม้เรียบร้อย พวกเขาก็มานั่งคุยกันอยู่ในห้องรับแขก
หลังจากโอวหยางไห่ถามเรื่องพื้นฐานเกี่ยวกับการเปิดฟาร์มปลาไปหลายอย่างแล้ว หัวข้อการสนทนาก็วนมาถึง “เสี่ยวโอว นายน่าจะรู้ใช่ไหมว่าฉันมีร้านอาหารระดับมิชลินสามดาวอยู่ที่แวนคูเวอร์ร้านหนึ่ง?”
ฉินสือโอวพยักหน้า โอวหยางไห่จึงพูดต่อ “คืออย่างนี้นะ เชฟใหญ่ของร้านเราทั้งสองคนน่ะเก่งมากๆ แต่กลับไม่มีแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพดีเป็นพิเศษเลย ดังนั้นถึงแม้พวกเราจะทำอาหารได้ดีพอแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เลยไม่มีทางเป็นร้านอาหารระดับท็อปได้”
พวกเขาต่างก็เป็นจิ้งจอกพันปีกันทั้งนั้น แค่เกริ่นมาก็พอจะรู้แล้วว่าเป็นเรื่องอะไร ฉินสือโอวเข้าใจความหมายของโอวหยางไห่แล้ว เขาอยากจะให้ฟาร์มปลาต้าฉินจัดส่งวัตถุดิบให้เขา
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ฉินสือโอวคงไม่คิดอะไรมาก ฟาร์มปลาใหญ่ขนาดนี้ จับปลาจับกุ้งบางส่วนส่งไปให้เขาผ่านการขนส่งทางอากาศก็ได้แล้ว
แต่ตอนนี้ฟาร์มปลาของเขากำลังสร้างแบรนด์ขึ้นมา เขากับบัตเลอร์เคยตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าผลการเก็บเกี่ยวของฟาร์มปลาจะส่งออกผ่านช่องทางของพวกเขาเท่านั้น อยากซื้ออาหารทะเลของฟาร์มปลาต้าฉินน่ะเหรอ? ได้ ไปสั่งซื้อสินค้าที่ไมอามีสิ ฟาร์มปลาจะไม่จำหน่ายสินค้าโดยตรงเด็ดขาด
เมื่อคิดพิจารณาถึงข้อนี้แล้ว ฉินสือโอวจึงอธิบายเรื่องนี้ให้ฟัง ในตอนท้ายเขาก็พูดขึ้นมาอีกว่า “ถึงแบบนี้จะค่อนข้างยุ่งยาก แต่ถ้าร้านอาหารของพี่ไห่อยากได้สินค้าของผม พี่ก็ต้องไปสั่งสินค้าจากฝั่งไมอามีเอานะ”
ธุรกิจก็คือธุรกิจ หลังจากมาถึงแคนาดาฉินสือโอวก็เข้าใจประโยคนี้อย่างลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่ง ก็ใช่ ตอนนี้เขากับโอวหยางไห่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระดับหนึ่ง แต่ความสัมพันธ์อันดีแบบนี้ก็แค่ดีระดับหนึ่งเท่านั้น ถ้าไม่มีเหมาเหว่ยหลงเป็นตัวกลาง เขากับโอวหยางไห่ก็คงไม่รู้จะคุยอะไรกัน
ถ้าเป็นเหมาเหว่ยหลงที่อยากเปิดร้านอาหาร ฉินสือโอวคงไม่รีรอที่จะจัดส่งอาหารทะเลจากฟาร์มปลาให้เขา ทว่าโอวหยางไห่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ถึงขั้นนั้น
โอวหยางไห่เองก็เข้าใจเรื่องนี้ เขาพยักหน้าแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “สั่งของจากไมอามีใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหา แต่พอจะจัดหาช่องทางการจัดส่งสินค้าของรัฐบริติชโคลัมเบียให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
ของหายากจึงจะเป็นของมีค่า ฉินสือโอวเข้าใจ โอวหยางไห่ให้ความสำคัญกับร้านอาหารมิชลินสามดาวของเขาที่สุด ถ้าหากว่าเขาได้ช่องทางการจัดส่งวัตถุดิบของรัฐบริติชโคลัมเบีย ถ้าเช่นนั้นอย่างน้อยๆ ร้านอาหารแห่งอื่นในเมืองแวนคูเวอร์ก็อย่าได้หวังว่าจะได้อาหารทะเลของเขาไป
นี่ไม่สอดคล้องกับกลยุทธ์การพัฒนาของเขาเท่าไรนัก ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธไป “ขอโทษครับพี่ไห่ การบริการด้านนี้เป็นความรับผิดชอบของบัตเลอร์ ผมจะให้ช่องทางการติดต่อของเขา พี่ลองติดต่อเขาดูนะครับ ตอนนี้รูปแบบการร่วมมือของพวกเราสองคนคือผมจัดการเรื่องภายใน เขาจัดการเรื่องภายนอก ผมหวังว่าพี่จะเข้าใจเรื่องนี้นะครับ”
ก็ยังคงเป็นคำพูดนั้น ธุรกิจก็คือธุรกิจ มิตรภาพก็คือมิตรภาพ ถ้าโอวหยางไห่อยากมาทานอาหารทะเล ฉินสือโอวก็ยินดีต้อนรับทุกเมื่อ แต่เรื่องธุรกิจถ้าจะให้เห็นแก่ส่วนได้ส่วนเสียเล็กๆ น้อยๆ ถ้าอย่างนั้นเขาก็คงไม่เอาด้วยแน่ๆ
โอวหยางไห่เข้าใจเรื่องนี้ หลังจากถูกฉินสือโอวปฏิเสธเขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก พอขอช่องทางการติดต่อของบัตเลอร์ได้แล้วก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาไป
คราวนี้ประเด็นที่พวกเขาพูดคุยกันก็วนมาถึงเรื่องฟาร์มของเหมาเหว่ยหลงกับฟาร์มปลาที่โอวหยางไห่กำลังวางแผนเหมาเหว่ยหลงวางแผนการเกี่ยวกับฟาร์มตัวเองไว้แล้ว เขากล่าวว่า “ฉันน่ะไม่เหมือนกับพวกนายทั้งคู่หรอก ฟาร์มของพี่ไห่มีอยู่หลายสิบหมู่ ฟาร์มปลาของฉินโซ่วก็ถูกขนานนามว่าเป็นอันดับหนึ่งในฝั่งตะวันออกของแคนาดา ผมไม่ได้อยากร่ำอยากรวยอะไร แค่อยากใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย มีที่ดินสักพันกว่าหมู่ ปลูกธัญพืชครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งก็ปลูกหญ้าเลี้ยงวัวเลี้ยงแกะ ถึงตอนนั้นก็ขุดทะเลสาบเอาไว้เลี้ยงปลากับกุ้งน้ำจืดบางส่วน แค่นั้นก็พอแล้ว!”
ฉินสือโอวคิดว่าแบบนี้ก็ดีมากๆ ถึงยังไงจากฐานะของครอบครัวเหมาเหว่ยหลงก็คิดว่าชีวิตนี้เขาคงไม่ขาดเงินขาดอำนาจ ถ้าอย่างนั้นทำฟาร์มเล็กๆ อยู่ที่แฮมิลตันก็ดีเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ถึงยังไงก็ดีกว่าลูกคนรวยเพื่อนร่วมชาติคนอื่นๆ ที่ยังอยู่สร้างความล้างผลาญในประเทศหรือเปล่า?
หลังจากนั้นวินนี่กับหลิวซูเหยียนก็พาตั๋วตั่วกับเด็กๆ ที่เหลือออกไปวิ่งเล่นบนชายหาด โอวหยางไห่จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เขาพูดอย่างเอาจริงเอาจัง “ต้าเหมา เรื่องของนายอาผู้ชายเล่าให้ฉันฟังหลายรอบแล้ว นายคิดยังไงกันแน่?”
เหมาเหว่ยหลงพูดด้วยความเด็ดขาด “ผมจะแต่งกับเสี่ยวซูแน่ๆ ถ้าพ่อผมเห็นด้วยตอนไหน ผมก็จะกลับบ้านตอนนั้น!”
ฉินสือโอวเกลี้ยกล่อมเขา “แกอย่าเพิ่งใจร้อนไป เรื่องนี้ต้องคุยกันดีๆ ถึงยังไงแกก็เป็นลูกของพ่อแกนะ”
โอวหยางไห่ไตร่ตรองดูสักครู่ หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่ฉินสือโอวแล้วถามออกมา “เสี่ยวโอว นายคิดว่าหลิวซูเหยียนเป็นคนยังไง?”
ฉินสือโอวมองดูเหมาเหว่ยหลง เหมาเหว่ยหลงก็มองมาที่เขาด้วยความคาดหวัง เขาจึงไม่ลังเลที่จะพูดออกไป “ผมยังไม่ค่อยรู้จักหลิวซูเหยียนมากเท่าไร แต่วินนี่กับเธอกลายเป็นเพื่อนสนิทกันแล้ว ผมคิดว่าสายตาของเหมาเหว่ยหลงกับวินนี่คงไม่พากันย่ำแย่ถึงขนาดนั้น ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ใช้ได้เลย!”
เขาต้องช่วยเพื่อนของตัวเองอยู่แล้ว เพื่อหลิวซูเหยียน เหมาเหว่ยหลงถึงกับยอมทะเลาะกับที่บ้าน เขาจึงไม่อยากจะแตกหักกับเหมาเหว่ยหลงเพราะเรื่องนี้ อีกอย่างต่อให้หลิวซูเหยียนเป็นผู้หญิงไม่ดีแล้วยังไง? ก็เหมือนกับให้บทเรียนเรื่องความรักกับเหมาเหว่ยหลงเท่านั้นแหละ มันไม่ได้ทำให้ใครตาย ไม่ได้เสียเงินไปสักเท่าไรหรอก
ได้ยินฉินสือโอวพูดแบบนี้ เหมาเหว่ยหลงก็ตบไหล่ของเขาแรงๆ เขาพูดกับฉินสือโอวด้วยดวงตาแดงก่ำ “เพื่อนที่ดี!”
โอวหยางไห่ถอนหายใจออกมา เขาพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นนายก็จัดการเรื่องของนายเถอะ ครอบครัวของนายฉันจะเป็นคนคุยให้เอง!”
เหมาเหว่ยหลงยืนขึ้นแล้วโค้งคำนับลงไปดัง ‘ฟึบ’ “พี่ไห่ ขอบคุณครับพี่!”
บทที่ 639 นักประดาน้ำผู้เชี่ยวชาญมาที่นี่แล้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy
การเดินทางมาแฮมิลตันในครั้งนี้นับว่าเหมาเหว่ยหลงได้รับผลสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ เขาเลือกฟาร์มเลี้ยงสัตว์ได้แล้ว ปัญหาด้านความสัมพันธ์ก็ได้รับการแก้ไขแล้วชั่วคราว
ฉินสือโอวไม่รู้ถึงความสามารถของโอวหยางไห่ ทว่าเหมาเหว่ยหลงกลับรู้ดีกว่าใคร เขารู้ว่าถ้ามีพี่ไห่เป็นคนรับหน้า อย่างน้อยๆ ความสัมพันธ์ของเขากับที่บ้านก็จะไม่ตึงเครียดมากนัก ในวงสังคมของพวกเขา โอวหยางไห่เป็นตัวอย่างของ ‘ลูกบ้านอื่น’ มาโดยตลอด
โอวหยางไห่รู้สึกสนใจที่จะซื้อฟาร์มปลามากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ถึงเขาจะสอบถามแหล่งทรัพยากรฟาร์มปลาจากฉินสือโอว แต่ในความเป็นจริงเขาวางแผนไว้ว่าเขาจะซื้อฟาร์มปลาที่ชายฝั่งทะเลตะวันตก ถึงยังไงเมืองแวนคูเวอร์ก็เป็นเมืองท่าชายฝั่ง ที่นั่นถึงจะเป็นถิ่นของเขา
ทว่าเพราะคุณภาพอาหารทะเลของฟาร์มปลาต้าฉินจึงทำให้เขาเปลี่ยนความคิดของตัวเอง ฟาร์มปลาที่แหลมเซนต์ชาร์ลส์ผืนนั้นเข้าสู่การวางแผนของเขาแล้ว ถึงแม้ว่าที่ตรงนั้นจะมีระยะห่างจากเกาะแฟร์เวลออกไปอีกไกล แต่ถึงยังไงก็เป็นน่านน้ำผืนเดียวกัน คุณภาพผลผลิตของปลาก็คงไม่แตกต่างกันมากหรอกใช่ไหม?
อยู่ตกปลาที่ฟาร์มปลาต้าฉินอีกสองวัน โอวหยางไห่ก็บอกลาเพื่อไปตรวจสอบสภาพของฟาร์มปลาที่แหลมเซนต์ชาร์ลส์ ต่อจากนั้นเหมาเหว่ยหลงเองก็กลับไปแล้วเช่นกัน ครั้งนี้เขาต้องกลับจีนไปจัดการขั้นตอนบางอย่าง กลับมาครั้งหน้าเขาก็จะไปซื้อฟาร์มมาเธอร์เอิร์ธแล้ว
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เนื่องจากการค้นพบฟอสซิลในทะเลสาบเฉินเป่าจึงมีคนที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาหลายคนเข้ามาที่เกาะแฟร์เวล มีนักข่าวที่มาทำข่าว มีคนธรรมดาจากนครเซนต์จอห์นที่สนใจเรื่องนี้แล้วก็มีกองทัพผู้เชี่ยวชาญที่มาตรวจสอบศึกษาเรื่องนี้ด้วย
ทว่าถึงอย่างไรการค้นพบซากฟอสซิลก็ไม่ใช่การค้นพบไดโนเสาร์ตัวเป็นๆ ความสั่นสะเทือนที่เกิดจากข่าวนี้จึงเริ่มเบาบางลงไปตามกาลเวลาอย่างรวดเร็ว สื่อมวลชนกับคนธรรมดาที่มามุงดูก็ทยอยกันกลับ คนที่ยังเหลืออยู่ก็คือบรรดาผู้เชี่ยวชาญ พวกเขาต้องคิดหาวิธีการขุดฟอสซิลพวกนี้ขึ้นมาให้ได้
ฟอสซิลใต้ทะเลสาบเฉินเป่าขุดไม่ง่ายนัก เพราะถึงแม้ตำแหน่งของฟอสซิลจะไม่ใช่จุดที่ลึกที่สุดของทะเลสาบ แต่ก็ยังถือว่าลึกมากอยู่ดี ตอนนั้นฉินสือโอวลองคาดคะเนดู ระดับความลึกของพื้นที่ตรงแอ่งหลุมใต้น้ำน่าจะอยู่ที่ยี่สิบถึงสามสิบเมตร ขุดฟอสซิลใต้ทะเลสาบจากระดับความลึกเท่านี้ แค่คิดดูก็รู้แล้วว่ามันน่าจะยากขนาดไหน
พอส่งโอวหยางไห่กับเหมาเหว่ยหลงกลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็ไม่มีอะไรทำ เขาจึงขับรถไปแถวๆ ทะเลสาบเพื่อลองดูสถานการณ์ตรงนั้น
ตอนนี้บนทะเลสาบมีเรืออยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นเรือสำหรับการใช้งานเฉพาะทาง ไม่รู้เหมือนกันว่าส่งเข้ามาที่ทะเลสาบได้ยังไง เรือพวกนี้มีขนาดความยาวถึงสามสิบกว่าเมตรเต็มๆ รถอะไรถึงจะขนเรือที่มีขนาดใหญ่แบบนี้มาได้กันนะ?
เขาทำได้เพียงทอดถอนใจให้กับเทคโนโลยีในปัจจุบันที่มีความสามารถอย่างไร้ขีดจำกัด
ฉินสือโอวลงมาจากรถ ดอนที่รับหน้าที่นำทีมตรวจสอบก็มองเห็นเขาทันที เขาโบกมือให้ฉินสือโอวแล้วเอ่ยคำทักทาย “เพื่อน นายมาตกปลาเหรอ?”
เขารู้จุดประสงค์ของฉินสือโอวอยู่แล้ว แต่แค่อยากจะล้อเล่นไปอย่างนั้นเอง
ฉินสือโอวบอกว่าให้พวกเขาทำงานกันไปก่อน เขามาเปิดมุมมองใหม่ให้ตัวเองเฉยๆ เขาอยากมาลองดูว่าเทคโนโลยีระดับสูงจะขุดฟอสซิลขึ้นมายังไง
ไม่ได้มีแค่เขาที่มาดู นักท่องเที่ยวหลายคนก็มามุงถ่ายรูปเช่นกัน นักเรียนบางระดับชั้นจากโรงเรียนประถมแกรนท์ก็มารวมตัวกันที่ทะเลสาบเฉินเป่าเพื่อเข้าเรียนในสถานที่จริง พวกเขาติดตามเจ้าหน้าที่ที่ดอนจัดเตรียมไว้ไปชมอุปกรณ์ที่พวกเขาใช้กัน
สิ่งที่เด็กๆ ให้ความสนใจที่สุดก็คือชุดประดาน้ำ เนื่องจากเป็นงานใต้น้ำ จำนวนนักประดาน้ำในปฏิบัติการครั้งนี้จึงมีอยู่ไม่น้อย
เมื่อมองเห็นนักประดาน้ำที่สวมชุดประดาน้ำสีดำ ฉินสือโอวก็รู้สึกสนใจขึ้นมาแล้วเหมือนกัน เขามีดัชนีทองคำอย่างจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ถ้าอยากจะศึกษาทะเลสาบกับมหาสมุทรก็ทำได้อย่างง่ายดาย แค่ส่งจิตสำนึกลงไปในน้ำก็ได้แล้ว
แต่พอพูดถึงแล้ว เขากลับไม่เคยดำน้ำลงไปในมหาสมุทรเลยสักครั้ง ตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ก็เอาแต่เรียนรู้การสัมผัสโลกใต้น้ำผ่านจิตสำนึกแห่งโพไซดอนมาโดยตลอด แต่กลับไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเองเลยสักครั้ง
ดังนั้นฉินสือโอวจึงเริ่มรู้สึกเสียดายขึ้นมาบ้างแล้ว เขาต้องไปดำน้ำดูสภาพการณ์ฟาร์มปลาของตัวเองบ้าง นอกจากนี้พอมีชุดประดาน้ำแล้วต่อไปก็จะทำอะไรหลายๆ อย่างได้สะดวกขึ้น อย่างเช่นไปเก็บไข่มุกสีดำบนแนวปะการังนั่นไง
ด้วยความคิดนี้ ฉินสือโอวจึงไปหาดอนแล้วพูดกับเขา “เพื่อน ผมดำน้ำได้ค่อนข้างเก่งเลย อยากให้ผมช่วยอะไรไหม?”
ดอนตอบเข้าพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ๆ ๆ พวกเรารับมือกับสถานการณ์ใต้น้ำได้ ตอนนี้ยังไม่ต้องรบกวนนายหรอก อีกอย่างคือพวกเราเชิญผู้เชี่ยวชาญการดำน้ำคนหนึ่งมาจากอเมริกาแล้ว ตอนนั้นจะมีเขาคอยชี้แนะ แบบนี้งานใต้น้ำก็จะยิ่งราบรื่นขึ้นอีก”
ฉินสือโอวไม่ยอมแพ้ เขาจึงพูดออกไปตรงๆ เลย “โอเค ดอน ผมไม่เคยดำน้ำมาก่อน แต่คุณก็รู้ว่าผมมีทักษะการว่ายน้ำที่ดีมาก ผมเลยอยากลองลงไปดูโลกใต้น้ำใต้ทะเลสาบบ้างน่ะ”
“พระเจ้า เมื่อกี้นายล้อฉันเล่นหรือเปล่า?” ดอนถึงกับตกใจ “ฉันรู้ว่าทักษะการว่ายน้ำของนายดี แต่การว่ายน้ำกับการดำน้ำมันเป็นคนละเรื่องกัน ถ้านายไม่เคยดำน้ำมาก่อน ฉันขอแนะนำให้นายเริ่มต้นจากน้ำตื้นก่อน อย่าเริ่มต้นดำน้ำครั้งแรกในระดับน้ำที่ลึกขนาดนี้เลย”
ฉินสือโอวเห็นว่าหมดทางแล้ว เขาจึงทำได้แค่ยอมแพ้ไป นี่ก็เป็นน้ำตื้นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? เขาเคยเที่ยวเล่นใต้มหาสมุทรแอตแลนติกไปตั้งครึ่งรอบแล้ว โลกใต้น้ำลึกห้าหกพันเมตรเขาก็เคยไปมาแล้ว นับประสาอะไรกับยี่สิบสามสิบเมตร?
ดอนไม่เห็นด้วย ฉินสือโอวจึงพูดด้วยความขุ่นเคืองใจ “โอเค เพื่อน คุณชนะแล้ว แต่คุณทำให้ผมโมโหนะ คนขี้เหนียว ต่อไปไม่ต้องคิดจะมานั่งเรือของผมไปตกปลาในฟาร์มของผมอีกเลยนะ!”
การข่มขู่ครั้งนี้มีพลานุภาพมาก ดอนรักการตกปลาตอนกลางคืนเป็นชีวิตจิตใจ อีกทั้งฟาร์มปลาต้าฉินยังมีปลาอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ ปลาที่ตกขึ้นมาได้ก็มีรสชาติดีเป็นพิเศษ ถ้าไม่ใช่เพราะงานก่อนการขุดฟอสซิลในตอนนี้ค่อนข้างเร่งด่วน ดอนคงไปตกปลาตอนกลางคืนเล่นในถิ่นฐานของฉินสือโอวตั้งนานแล้ว
ได้ยินฉินสือโอวขู่แบบนี้ เขาก็รีบผ่อนปรนคำพูดนั้นทันที “อย่าโมโหสิ เพื่อน ฟังฉันนะ ฉันไม่ได้ขี้เหนียว ในความเป็นจริงถ้านายเป็นนักดำน้ำมือโปร ถ้าเป็นแบบนั้นนายจะลงไปเล่นใต้ทะเลสาบก็ไม่มีปัญหา แต่นายไม่เคยดำน้ำมาก่อน… โอเค ฉันไม่อยากสงสัยความสามารถของนาย นายรอให้ผู้เชี่ยวชาญที่เราเชิญมามาถึงก่อน ตอนนั้นค่อยลงน้ำโอเคไหม?”
“เขาจะมาตอนไหน?”
“น่าจะใกล้ถึงแล้วล่ะ นัดเวลามาถึงไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่เขามีเรื่องจวนตัว บอกว่าวันนี้จะไปหาเพื่อนเก่า หลังจากนั้นก็จะมาที่นี่”
ได้ยินดอนพูดแบบนี้ ฉินสือโอวจึงทำได้แค่กลับไปรอที่รถ เขาควักมือถือออกมาเลื่อนดูข่าวไปสองสามข่าว ทันใดนั้นก็มีสายโทรศัพท์ของบิลลี่โทรเข้ามา
เห็นสายโทรศัพท์ของบิลลี่ เขาก็นึกถึง ‘นักประดาน้ำผู้เชี่ยวชาญ’ ที่ดอนพูดถึง ฉินสือโอวยิ้มออกมา คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกใช่ไหม?
เขารับโทรศัพท์ ไม่รอให้บิลลี่เปิดปากเขาก็พูดขึ้นมาทันที “เพื่อน นายถึงเกาะแฟร์เวลแล้วเหรอ? มีคนเชิญนายมาให้คำแนะนำงานประดาน้ำใช่ไหม? นายเป็นนักประดาน้ำผู้เชี่ยวชาญขี้หมาอะไรน่ะ?”
เสียงหนักแน่นของบิลลี่ดังขึ้นมา “นายมันเป็นไอ้ชั่วที่สมควรตายจริงๆ ! ฉันเป็นนักประดาน้ำผู้เชี่ยวชาญ รบกวนนายตัดคำบรรยายว่า ‘ขี้หมา’ ของนายออกไปด้วย! ใช่ ฉันมาถึงเกาะแฟร์เวลแล้ว ที่จริงตอนนี้ฉันกำลังอยู่ที่บ้านนาย หู่จือกับเป้าจือของนายก็ต้อนรับอย่างอบอุ่นจริงๆ เอาแต่ทักทายฉันอยู่ตลอดเลยเนี่ย”
ฉินสือโอวสตาร์ทรถ เขาบอกบิลลี่ว่า “นายเปิดลำโพงโทรศัพท์สิ…”
แค่แป๊บเดียวฉินสือโอวก็ได้ยินเสียงเห่าด้วยความรำคาญใจของหู่จือกับเป้าจือ เขาหัวเราะฮ่าๆ แล้วเป่าปากขึ้นมาหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นหู่จือกับเป้าจือก็ไม่เห่าแล้ว แต่กลับเป็นบิลลี่ที่ร้องตะโกนขึ้นมา “เอ่อ ไอ้ขี้หมา เจ้าสองตัวนี้มันจะเลียโทรศัพท์ของฉัน!”
“เอาล่ะๆ เด็กๆ ปล่อยไอ้คนอัปลักษณ์ที่อยู่ตรงหน้าไป ให้เขาเข้าไปในบ้านเถอะ พวกแกต้องทำตัวดีๆ นะ” ฉินสือโอวคุยกับหู่จือเป้าจือตามสบายอยู่สองสามคำ จากนั้นก็หมุนพวงมาลัยขับรถกลับไป
ตอนที่เขาเข้าไปในบ้านก็เห็นหู่จือกับเป้าจือที่กำลังนั่งอยู่ตรงประตูด้านในทั้งทางซ้ายและทางขวาเหมือนเทพทวารบาล ดวงตาสีดำเป็นประกายทั้งสี่ข้างจ้องมองไปที่บิลลี่อย่างไม่วางตาจนเขานั่งอยู่อย่างกระวนกระวายไม่เป็นสุข
ฉินสือโอวกลับมาแล้ว สุนัขทั้งสองตัวก็ร่าเริงมีความสุขขึ้นมาทันที มันเดินส่ายหางไปรอบตัวเขาจนบิลลี่รู้สึกหมั่นไส้อย่างถึงที่สุด
…………………………………………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น