ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 626-632

 บทที่ 626 อวนล้อมจับปลาปากแหลม

โดย

Ink Stone_Fantasy

โดยทั่วไปเมื่อพบการจู่โจมของปลาค็อด ปลาเเซลมอนแปซิฟิกและปลาทูน่าชนิดต่างๆ ปลาคาพีลินจะรวมตัวกันเพื่อเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มไปสู่แม่น้ำตื้นๆ สายเล็ก ในความเป็นจริงปลาทะเลส่วนใหญ่จะไวต่อเกลือมาก พวกมันจึงไม่สามารถเข้าใกล้ปากแม่น้ำได้


ดังนั้นปลาคาพีลินจึงอาศัยอยู่บริเวณปากแม่น้ำได้อย่างค่อนข้างปลอดภัย


แต่นี่ไม่มีประโยชน์เลยเมื่อเป็นปลาปากแหลม ปลาชนิดนี้ก็ชอบดำรงชีวิตอยู่ที่ปากแม่น้ำที่ไหลสู่ทะเลเช่นกัน มันเป็นศัตรูโดยธรรมชาติของปลาคาพีลิน


ภายใต้สถานการณ์ปกติปลาคาพีลินจะไม่อาศัยอยู่ตรงตำแหน่งปากแม่น้ำเป็นปริมาณมาก เนื่องจากมีพื้นที่ว่างในการดำรงชีวิตไม่เพียงพอ อาหารก็ไม่เพียงพอทั้งยังไม่ปลอดภัย พวกมันจะเข้าไปสู่ทะเลน้ำลึกตอนใกล้จะโตเต็มวัยแล้ว


ปลาคาพีลินของฟาร์มปลาต้าฉินพวกนี้ถูกพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนปรับเปลี่ยนให้ดีแล้ว รวมกับการดึงดูดความสนใจของอาหารในฟาร์มปลาด้วย นั่นจึงทำให้พวกมันอาศัยอยู่ในฟาร์มปลาต่อจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นล่างสุดของห่วงโซ่อาหารที่มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างน่าสงสาร


ถึงแม้ว่าฉินสือโอวจะอยากใช้ปลาคาพีลินที่เหลืออยู่เพื่อเลี้ยงปลาแฮร์ริ่งกับปลาซาบะ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมให้ปลาอะไรก็ได้มากินพวกมัน หรือจะพูดอีกอย่างก็คือแม่ชีในวัดพระจับได้ อา Q จับไม่ได้[1]


หลังจากฝูงปลาปากแหลมค้นพบฝูงปลาคาพีลินก็ตื่นเต้นดีใจอย่างถึงที่สุด พวกมันมุดเข้าไปสู่น่านน้ำตรงปากแม่น้ำเหมือนกับตอร์ปิโดแล้วอ้าปากกว้างเพื่อทำร้ายปลาคาพีลินในน้ำ ไม่เพียงแค่กิน แต่มันยังกัดปลาคาพีลินจนตายเพื่อความสนุกสนานอีกด้วย


ฉินสือโอวรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที ปลาคาพีลินพวกนี้เป็นสิ่งสำคัญที่เขาเลี้ยงดูมาเอง เขาถ่ายทอดพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้พวกมันมากกว่าให้ปลาทูน่าตั้งเยอะ นั่นเป็นเพราะพวกมันจะได้โตเต็มที่จนสามารถวางไข่ได้โดยเร็วที่สุด ทุกอย่างก็เพื่อศักยภาพที่ยิ่งใหญ่และเข้มแข็งของฝูงปลาคาพีลิน


ปรากฏว่าตอนนี้กลับเป็นพวกปลาปากแหลมที่ได้ผลประโยชน์ไป!


หลังจากค้นพบปัญหานี้แล้ว เขาก็ดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้นอน เขาขับเจ็ทสกีวนออกไปก่อนหนึ่งรอบแล้วแกล้งทำเป็นว่าตัวเองไปลาดตระเวนฟาร์มปลา หลังจากนั้นก็ตะโกนบอกแลนซ์ที่เพิ่งลงมาจากเรือ “เอาอวนล้อมจับไปด้วย ฟาร์มปลาถูกบุกรุกแล้ว!”


ตอนนี้แลนซ์กับบูลกำลังพาชาวประมงบางส่วนไปดูแลเรือฮาวิซทเป็นหลัก พอได้ยินเสียงตะโกนของฉินสือโอว พวกเขาก็นึกว่ามีคนบุกรุกเข้ามาจึงเร่งรีบเตรียมกำลังรบอย่างพร้อมสรรพ


บูลถอดเสื้อผ้าท่อนบนออกจนเผยให้เห็นขนสีดำที่ขึ้นอยู่เต็มหน้าอก เขาตะโกนลั่น “กัปตัน รอผมแป๊บเดียว ผมจะไปหยิบปืนเรมิงตันที่พ่อผมให้มา! ผมจะไประเบิดหัวไอ้พวกลูกหมานั่น!”


แลนซ์หน้านิ่วคิ้วขมวดพลางพูดกับเขา “หยิบปืนมาทำบ้าอะไร? ฉันเชื่อในพระเจ้าของเขานะ ขีปนาวุธของฟาร์มปลายังไม่ถูกเปิดเผยเลยใช่ไหม? ครั้งนี้พวกเราจะใช้ขีปนาวุธยิงถล่มพวกมัน!”


แซ็กพูดขึ้นมาอย่างอ่อนแรง “มีแค่ฉันคนเดียวเหรอที่เห็นปัญหานี้ กัปตันบอกว่าให้พวกเราเอาอวนล้อมจับไปด้วย เห็นได้ชัดว่าพวกที่บุกฟาร์มปลาน่าจะเป็นฉลามหรือเปล่า?”


ทุกคนมองไปที่ฉินสือโอว ฉินสือโอวก็ระบายความในใจกับฟ้าอย่างจนปัญญา เมื่อก่อนเขาเคยทำอะไรที่มันดูนิยมความป่าเถื่อนรุนแรงเกินไปใช่ไหม? ถึงได้ส่งผลกระทบกับชาวประมงที่แต่เดิมเป็นคนซื่อๆ ตรงๆ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมให้กลายเป็นป่าเถื่อนรุนแรงกว่าเขาเสียอีก!


“ปลาปากแหลม ฝูงปลาปากแหลม!” ฉินสือโอวพูดด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง “ไม่ต้องใช้ปืนกับขีปนาวุธ เอาอวนล้อมจับไปด้วย จะจับพวกมันขึ้นมาขาย”


เนื้อของปลาปากแหลมขาวนุ่มและละเอียดมาก อีกทั้งยังมีเศษก้างชิ้นเล็กอยู่ค่อนข้างน้อย ตัวก็เล็กสามารถนำไปทอดกรอบได้ ส่วนตัวใหญ่ก็เหมาะจะเอาไปนึ่ง รสชาติของพวกมันดีมากเลยทีเดียว


บูลพาคนไปจัดการอวนล้อมจับ บนเรือฮาวิซทเชื่อมต่อกับอวนลากอยู่แล้ว ปกติฉินสือโอวจะไม่ใช้อวนจับปลา


ในความคิดของฉินสือโอว อวนตาข่ายประเภทนี้ค่อนข้างโหดร้ายไปหน่อยเพราะมันใช้สำหรับล้อมจับปลาที่อยู่รวมกันเป็นฝูงโดยเฉพาะ เวลามันทำงานก็จะใช้อวนโอบล้อมฝูงปลาเพื่อบังคับให้พวกมันเข้ามารวมกันที่ก้นถุงอวนโดยไม่แยกปลาเล็กปลาใหญ่ จากนั้นก็กวาดเรียบไม่มีเหลือ!


ข้อนี้ไม่เหมือนกับอวนลาก อวนลากจะดึงลากฝูงปลาอยู่โดยตลอด ในความเป็นจริงแล้วมันยังมีพื้นที่สำหรับเคลื่อนไหวอยู่ ขอแค่ตาอวนของอวนลากใหญ่พอ ปลาเล็กก็จะสามารถมุดตาอวนออกไปได้ ปลาใหญ่ถ้าหนีได้เร็วก็จะสามารถหนีออกไปจากด้านข้างทั้งสองด้านได้เช่นกัน


ส่วนอวนล้อมจับน่ะเหรอ? นั่นเป็นการป้องกันอย่างแน่นหนา ถึงจะพูดกันว่า ประสิทธิภาพของอวนล้อมจับจะขึ้นอยู่กับระดับทักษะการจับและการสำรวจหาปลา ทว่าเนื่องจากการใช้เทคโนโลยีระดับสูงอย่างเครื่องโซนาร์สำหรับหาปลา รวมถึงการเสริมประสิทธิภาพของอวนล้อมจับอัตโนมัติ จึงเกิดสถานการณ์ที่มีแต่อวนเปล่าๆ ได้น้อยมาก


ขอแค่ไม่ใช่อวนเปล่าๆ ถ้าอย่างนั้นในน่านน้ำที่ถูกเลือกไว้ ฝูงปลาที่ถูกทำให้ตกใจกลัวก็จะถดตัวเข้าหาตรงกลางของอวนล้อมจับ และสุดท้ายปลาเล็กปลาใหญ่ก็จะบีบตัวเข้าด้วยกันจนไม่ว่าใครก็หนีออกไปไม่ได้ บริเวณโดยรอบไม่มีทางให้หนี ทางก็ถูกปิดตายไว้แล้ว แล้วถ้าจะกระโดดข้ามอวนล้อมจับขึ้นไปบนผิวน้ำน่ะเหรอ? นั่นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว


ฉินสือโอวปฏิเสธที่จะใช้อวนล้อมจับ เขาใช้อวนลากเพื่อจับแต่ปลาใหญ่เท่านั้น ส่วนปลาเล็กก็จะปล่อยไป แต่ตอนนี้อวนล้อมจับเป็นอุปกรณ์จับปลาหลักๆ ที่แต่ละประเทศใช้กับแหล่งทรัพยากรปลาชั้นกลางกับชั้นบน ครอบครองสัดส่วนปริมาณการจับปลาทั้งหมดของปริมาณการจับปลาทะเลประจำปีจากการประมงทะเลราวๆ สามสิบเปอร์เซ็นต์


และด้วยเทคโนโลยีการจับปลาที่เพิ่มระดับสูงขึ้นกับความแพร่หลายของอุปกรณ์ค้นหาปลาในยุคปัจจุบัน ขอบเขตเป้าหมายของการใช้อวนล้อมจับเพื่อจับปลาจึงขยายกว้างไม่หยุด และนั่นก็ทำให้สามารถจับปลาที่อยู่รวมกันเป็นฝูงใกล้กับน้ำระดับล่างได้ด้วย


สำหรับพันธุ์ปลาต่างๆ ในทะเลแล้ว นี่คือหายนะขนานแท้!


บูลพาชาวประมงสองสามคนเอาอวนล้อมจับที่จัดระเบียบเรียบร้อยแล้วไปแขวนไว้บนเรือฮาวิซท แลนซ์คาบซิการ์ไปพร้อมกับขับเรือ เรือฮาวิซทกลับลำด้วยความรวดเร็วแล้วเดินทางไปยังปากแม่น้ำทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือทันที


ขณะที่เข้าใกล้น่านน้ำฝั่งนั้น อุปกรณ์ตรวจหาปลาก็เริ่มส่งเสียงร้อง ‘ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ ’ ออกมา นี่หมายความว่าพวกเขาตรวจพบฝูงปลาแล้ว


เรือประมงขับมาถึงจุดที่อยู่เหนือน่านน้ำ มอเตอร์เริ่มทำงาน บูลกับแซ็กยืนอยู่ตรงท้ายเรือกันคนละฝั่งแล้วทิ้งอวนจับปลาแนวยาวลงไปในน้ำฝั่งหนึ่ง


อวนล้อมจับบนเรือฮาวิซทเป็นแบบสองปลายอวน โครงสร้างส่วนกลางสูง ประกอบขึ้นจากถุงอวนที่อยู่กลางอวนจับปลาและเชือกปลายปีกสองอัน คร่าวปากอวนบนก็คือขอบอวนที่อยู่ติดกับลูกบอลยางพลาสติกลูกเล็กที่มีพละกำลังในการลอยตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งนั่นก็เพียงพอที่จะรับประกันได้ว่าตาข่ายด้านบนจะลอยอยู่บนผิวน้ำตลอดขั้นตอนการทำงาน คร่าวปากอวนล่างจะมีลูกดิ่งที่มีน้ำหนักมากเพื่อช่วยให้อวนจับปลาจมลงจนปิดผนึกวงตาข่ายส่วนล่างได้อย่างรวดเร็ว


นอกจากนี้ปลายด้านบนและด้านล่างของขอบอวนจับปลาที่บูลโยนลงน้ำไปในตอนแรกก็มีความแตกต่างกันมาก ปลายด้านบนเป็นลูกบอลยางพลาสติกขนาดใหญ่หนึ่งอัน ส่วนปลายด้านล่างก็แขวนลูกดิ่งเอาไว้ ดังนั้นหลังจากทิ้งลงไปในน้ำแล้ว ปลายด้านหนึ่งของอวนจับปลาก็จะห้อยจนตั้งตรงอยู่ในน้ำ


เรือฮาวิซทลากปลายอีกด้านหนึ่งของอวนจับปลาแล้วขับเป็นเส้นโค้ง หลังจากล้อมน่านน้ำที่มีฝูงปลาปากแหลมรวมตัวกันอย่างหนาแน่นที่สุดไว้แล้ว พวกเขาก็ทิ้งขอบอีกด้านของอวนล้อมจับลงไปในน้ำ โครงสร้างที่เหมือนกันรับประกันว่าอวนจับปลาอีกฝั่งจะตั้งตรงอยู่ในน้ำเหมือนกัน


ด้วยวิธีนี้เครื่องจักรจะกว้านเก็บสายมานที่ร้อยผ่านห่วงมานของคร่าวปากล่างของอวนจับปลาเพื่อปิดวงด้านล่างก่อน จากนั้นก็ลากอวนจับปลา หดวงตาข่ายให้เล็กแล้วเริ่มดำเนินงานที่เหลือทั้งหมด


ปลาปากแหลมที่ถูกทำให้ตกใจจะว่ายน้ำจากรอบๆ ด้านเข้ามายังบริเวณตรงกลาง ปรากฏว่าเมื่อปลาใหญ่ว่ายน้ำมาชนกันก็จะทำให้รู้สึกมึนงงได้อย่างง่ายดาย แบบนี้ปลาเล็กก็จะรู้สึกตกใจกลัวมากขึ้น และสุดท้ายก็จะมารวมกันที่ถุงอวนตรงกลางอวนล้อมจับอย่างไร้ทางหนี


บูลมองดูปลาปากแหลมที่เบียดเสียดกันอยู่ในอวนล้อมจับ เขาพูดอย่าทอดถอนใจ “กัปตัน เรือฮาวิซทเหมาะกับการใช้อวนล้อมจับจับปลานะ คุณดูสิ โครงสร้างของมันเป็นก้นแบบเรียบ มีความรวดเร็วและความคล่องตัวในการเดินเรือ ความมั่นคงตามแนวขนานก็ใช้ได้ ใช้มันกับอวนลากจับปลาน่ะสิ้นเปลืองเกินไปแล้ว”


ฉินสือโอวหัวเราะแล้วตอบกลับไป “ใช้อวนลากดีกว่านะ นานๆ ทีค่อยใช้อวนล้อมจับ อย่างครั้งนี้ไง ไอ้พวกปลาปากแหลมน่าตายพวกนี้มันคิดจะกินปลาเล็กในน่านน้ำชั้นบนของฟาร์มปลาเรา เราจะปล่อยไว้ไม่ได้เด็ดขาด!”


หลังจากอวนล้อมจับปิดเข้าหากันแล้ว มอเตอร์ของเรือยนต์ก็เริ่มทำงานเพื่อดึงอวนล้อมจับที่ปิดล้อมเข้าหากันเป็นทรงกรวยขึ้นมาท่ามกลางเสียงคำรามดังครืนครืน


แลนซ์ยื่นหัวออกมาจากห้องขับเรือแล้วผิวปากพลางหัวเราะฮ่าๆ และพูดขึ้น “ฟาร์มปลานี่ไม่เลวเลยจริงๆ ผลผลิตเป็นกอบเป็นกำอีกแล้ว อ่าฮะ?”


ราคาของปลาปากแหลมก็ยังพอใช้ได้ หนึ่งอวนนี้ดูท่าทางน่าจะมีปลาอยู่เต็มๆ สองสามตัน ถ้าเอาออกไปขายก็คงขายได้สักสี่หมื่นห้าหมื่น


ในทะเลยังมีปลาปากแหลมฝูงใหญ่อยู่ การเก็บเกี่ยวของเรือฮาวิซทยังไม่เสร็จสิ้น หลังจากยกอวนครั้งนี้ก็ยังต้องทิ้งอวนอีกครั้งเพื่อจับปลาต่อ จะปล่อยให้มีปลาปากแหลมอยู่เยอะเกินไปไม่ได้เด็ดขาด


………………………………………..


[1] พระจับได้ อา Q จับไม่ได้ บทพูดจาก The True Story of Ah Q นวนิยายขนาดสั้นของหลู่ซวิ่น


บทที่ 627 ปลาทอดจุดชนวนการสังหารโหด

โดย

Ink Stone_Fantasy

อวนล้อมจับเริ่มโจมตีอีกครั้งโดยไร้ซึ่งความพ่ายแพ้ท่ามกลางมหาสมุทร


ปลาปากแหลมที่เข้ามาใช้อำนาจบาตรใหญ่ทำตัวจองหองอยู่บริเวณปากแม่น้ำเมื่อก่อนหน้านี้มีจำนวนลดลงอย่างรวดเร็ว เหลือไว้เพียงปลาที่หลุดรอดออกไปจากอวนที่กำลังแนบติดกับก้นทะเลด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง พวกมันหน้าดำคร่ำเครียดว่ายน้ำหนีเตลิดเข้าไปสู่ส่วนลึกของฟาร์มปลา


เห็นปลาชนิดเดียวกันกับตัวเองถูกอวนจับปลาทรงกรวยอันนั้นจับไปฝูงใหญ่ คาดว่าในระยะเวลาสั้นนี้ๆ พวกปลาปากแหลมคงไม่กล้ากลับมาจับปลาที่ปากแม่น้ำอีก


ในที่สุดฝูงปลาคาพีลินก็ปลอดภัยแล้ว


แค่ครู่เดียวในเรือฮาวิซทก็ใส่ปลาปากแหลมตัวน้อยใหญ่ไว้จนเต็มลำ ปลาฮาวด์ฟิชเป็นปลาเข็มที่สามารถเติบโตจนมีขนาดใหญ่ซึ่งพบเห็นได้น้อยมาก ครั้งนี้ใช้อวนล้อมจับปลาขึ้นมาก็มีปลาจำนวนไม่น้อยที่ยาวกว่าหนึ่งเมตร ตัวที่ยาวที่สุดก็ยาวถึงหนึ่งเมตรครึ่งเต็มๆ แน่นอนว่าปลาที่มีขนาดความยาวเท่าฝ่ามือก็มีเยอะกว่า


นี่คือความร้ายกาจของอวนล้อมจับ ไม่ว่าจะเป็นปลาเล็กปลาใหญ่ ถ้าถูกมันกินเข้าไปก็ไม่มีทางหนีรอดออกมาได้


ดังนั้นเพื่อที่จะปกป้องอุตสาหกรรมการประมงเอาไว้ กรมประมงของประเทศอเมริกาและแคนาดาจึงร่วมมือกันออกประกาศโดยมีข้อเรียกร้องว่าไม่อนุญาตให้ใช้อวนล้อมจับในการจับปลาใกล้ชายฝั่ง และอีกสาเหตุที่ทำให้มีนโยบายนี้ก็ยังเกี่ยวกับการจับปลาที่เกินขีดจำกัดของชาวอเมริกาอีกด้วย


อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ อ่าวเคปค้อดและชายหาดน้ำตื้นจอร์จ เคยเป็นสถานที่แห่งใหญ่สามแห่งที่ปลาทูน่ามารวมตัวกัน เริ่มตั้งแต่ปี 1963 ประเทศอเมริกาทุ่มกำลังพัฒนาอุตสาหกรรมการล้อมจับปลาบริเวณใกล้ชายฝั่ง อีกทั้งยังเน้นหนักไปที่การจับปลาที่มีมูลค่าค่อนข้างสูงอย่างปลาทูน่า


ในปีช่วงปี 70 และช่วงปี 80 ของศตวรรษที่แล้ว อเมริกาเคยสร้างเรือประมงอวนล้อมจับปลาทูน่าขนาดใหญ่ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก พวกเขามีเทคโนโลยีอวนล้อมจับปลาระดับสูง การจับปลาจึงพัฒนาไปสู่การควบคุมแบบอัตโนมัติ แถมยังใช้ร่วมกับเทคโนโลยีเครื่องบินสูงเพื่อตรวจหาฝูงปลากลางอากาศอีกด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงลดเวลาการค้นหาฝูงปลาลงไปได้มหาศาล จำนวนปลาที่จับได้ก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเช่นกัน


ด้วยสาเหตุนี้จึงเป็นเหตุให้ตอนนี้จำนวนฝูงปลาทูน่าอเมริกาเหนือมีน้อยมากๆ ปีที่แล้วตอนที่ฉินสือโอวพาพวกชาร์คไปชายหาดน้ำตื้นจอร์จ ชาร์คเคยพูดไว้ว่า ตอนที่พวกเขาไปตกปลากับพ่อสมัยยังเป็นเด็กยังมีปลาทูน่าฝูงใหญ่อยู่หลายฝูง


ก่อนที่คนญี่ปุ่นจะเริ่มนิยมทานปลาทูน่า ปลาชนิดนี้ยังมีราคาถูกอยู่ เนื่องจากในเนื้อปลาทูน่ามีไขมันสูง เก็บรักษาได้ยาก มันมักเสียและมีกลิ่นเหม็นได้ง่าย อีกทั้งตอนนั้นยังไม่มีตลาด ใช้น้ำแข็งเพื่อเก็บรักษาก็สิ้นเปลืองเกินไป ดังนั้นในบางครั้งที่ชาวประมงจับปลาทูน่าได้ก็ล้วนแต่เอามันไปป้อนเป็นอาหารสุนัขและอาหารแมว


สำหรับการจับปลาทูน่าที่เกินขีดจำกัดทำให้ปลาชนิดนี้เกิดการขาดแคลน อีกอย่างปลาทูน่าครีบน้ำเงินตัวโตก็ดูคล้ายโลมามาก ดังนั้นเวลาที่ใช้อวนล้อมจับจับปลาก็จะฆ่าปลาผิดชนิดได้ง่าย โลมามีนิสัยดุร้ายทารุณ พวกมันอาจจะฉีกอวนจับปลาจนขาด ดังนั้นถ้าหากเรือประมงพบว่ามีโลมาอยู่ในอวนล้อมจับปลาก็จะชิงฆ่ามันให้ตายก่อน


การกระทำแบบนี้ทำให้เกิดความโกรธขึ้นในสังคมอเมริกา ผู้คนจึงเริ่มต่อต้านอุตสาหกรรมที่ใช้อวนล้อมจับปลา ต่อมาเรือประมงจึงไม่จับปลาทูน่าแต่เปลี่ยนไปจับปลาค็อดแทน ครั้งนี้ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่า ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ถึงกับล่มสลายเลยทีเดียว!


ดังนั้นตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา กรมประมงแคนาดากับอเมริกาจึงเริ่มควบคุมการจับปลาด้วยอวนล้อมจับและก่อให้เกิดการเสื่อมลงของอุตสาหกรรมอวนล้อมจับปลาในอเมริกาเหนือ


ในความคิดของฉินสือโอว การเสื่อมลงแบบนี้เป็นเรื่องดีแล้ว


พอขับเรือประมงกลับไปที่ฟาร์มปลา ฉินสือโอวก็เอาปลาปากแหลมตัวใหญ่ที่สุดกับตัวเล็กที่สุดที่ชาวประมงพากันเลือกไว้เรียบร้อยแล้วเข้าไปเก็บในห้องแช่เย็นส่วนตัว ของพวกนี้เขาจะเอาไว้ทำทานเองทีหลัง


ปลาปากแหลมตัวเล็กเหมือนตะเกียบอันสั้น ผิวเรียบลื่นทั่วตัว เนื้อละเอียดอ่อนนุ่ม ฉินสือโอวคิดไว้ว่าจะเอามันมาทอด ส่วนปลาปากแหลมตัวใหญ่ก็มีความยาวหนึ่งเมตรครึ่ง อ้วนท้วนสมบูรณ์ พอลองใช้นิวจิ้มลงไปบนเนื้อปลาก็สัมผัสได้ถึงความยืดหยุ่นเต็มร้อย!


ช่วงบ่ายวินนี่กับพวกเด็กๆ ก็กลับมาบ้านพร้อมเสียงดังเอะอะโวยวาย หู่จือเป้าจือกับปอหลัวกระโดดโลดเต้นตามมารอบๆ ท่าทางดูคึกคักกันมากๆ


นี่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกงงงวย บอกหน่อยว่ากวางหนึ่งตัวกับสุนัขสองตัวอย่างพวกแกไปทำอะไรมาถึงได้ตื่นเต้นคึกคักทั้งวันขนาดนี้?


ทุกคนกำลังคุยกันเรื่องฟอสซิล หลังจากบาลซักกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ยืนยันความจริงของฟอสซิลใต้น้ำ นครเซนต์จอห์นก็ไปหาสื่อมวลชนทันที หนังสือพิมพ์กระแสหลักหลายสำนักก็พากันส่งคนมาทำข่าวในที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็วเพราะอยากจะได้ข้อมูลมาโดยตรง


เกาะนิวฟันด์แลนด์ปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกในยุคน้ำแข็ง มีนักธรณีวิทยาคาดคะเนว่าบนเกาะน่าจะมีฟอสซิลของยุคนั้นอยู่โดยตลอด อย่างเช่นไดโนเสาร์หรือสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลขนาดยักษ์ยุคครีเทเชียส แต่น่าเสียดายที่เมื่อนำการคาดคะเนไปทำการวิจัยกลับไม่มีการค้นพบฟอสซิลที่มีความเกี่ยวข้องบนเกาะ


การปรากฏตัวของฟอสซิลบนเกาะแฟร์เวลเป็นเรื่องใหญ่สำหรับนิวฟันด์แลนด์ไปแล้ว อย่างน้อยสำหรับสื่อมวลชนของนครเซนต์จอห์นที่อยู่กันอย่างเงียบสงบ ในที่สุดพวกเขาก็มีโอกาสได้ยุ่งกับการทำงานแล้ว


ในฐานะที่เด็กๆ ทั้งเจ็ดคนเป็นผู้ค้นพบฟอสซิลจึงทำให้ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว ฉินสือโอวฟังพวกเขาคุยกัน บอกว่าเมื่อช่วงบ่ายได้รับการสัมภาษณ์จากสื่อมวลชนหลายสำนัก ในฐานะที่เป็นผู้ปกครองวินนี่ก็เลยพลอยเป็นที่สนใจไปด้วยเช่นกัน


พลบค่ำพระอาทิตย์ก็ตกทางทิศตะวันตก น้ำทะเลถูกย้อมจนกลายเป็นสีส้มแดงดูน่าอร่อย มันดูเหมือนน้ำส้มคั้นที่กำลังสั่นไหวเป็นคลื่นๆ อยู่ในมหาสมุทรที่เป็นโถน้ำส้มขนาดใหญ่


ลมทะเลพัดเอื่อยๆ ผ่านมาจากผิวทะเล ฉินสือโอวลากเตาตั้งกระทะทอดน้ำมันอันหนึ่งออกมาตั้งบนสนามหญ้า ด้านล่างแล้วใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติเพื่อก่อไฟ หลังจากตั้งน้ำมันจนร้อนแล้วเขาก็ทอดปลาปากแหลมทันที


ปลาตัวเล็กถูกเขาเอาไปหมักซอสตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว เขาใส่ซอสถั่วเหลืองกับเหล้าทำอาหารลงไปเล็กน้อย ตอนนี้ก็จุ่มลงไปในแป้งกับไข่ขาวก่อนจะวางลงไปในกระทะทอดที่กำลังเดือด จากนั้นก็ทอดจนมันกลายเป็นสีเหลืองทอง


เนื้อปลาปากแหลมนุ่มมาก ดังนั้นจึงไม่ต้องทอดนาน แค่ลงกระทะไปไม่กี่วินาทีก็ตักขึ้นมาได้เลย


ฉินสือโอวเอาแต่ใจแบบเศรษฐีบ้านนอก น้ำมันที่เขาใช้คือน้ำมันมะกอก น้ำมันชนิดนี้หลังจากผ่านความร้อนแล้วกลิ่นจะไม่เข้มข้นแต่จะติดทนนาน พอรวมกับกลิ่นหอมของแป้งและไข่ขาวก็ทำให้ด้านหน้าวิลล่ามีกลิ่นหอมโชยมาแตะจมูก


หู่เป้าฉงหลัวสี่ตัวพากันกระโดดไปรอบๆ ที่ตั้งกระทะ ฉินสือโอวกลัวพวกมันจะไม่ทันระวังจนดันเตาทอดล้มจึงชี้มือสั่งให้พวกมันออกไป


หลัวปอนั่งยองๆ ลงข้างๆ ฉินสือโอวเพื่อออดอ้อนเขาอย่างไม่ยอมแพ้ มันยื่นขาหน้าออกมาแปะไว้ที่ขากางเกงของฉินสือโอว ฉินสือโอวไม่สนใจมัน มันจึงเห่าเสียงเล็กๆ ออกมาครั้งสองครั้งแล้วอ้าปากเล็กๆ เล่นเชือกผูกรองเท้าของฉินสือโอว


ฉินสือโอวเผลอกระทืบเท้า ปรากฏว่ากลัวอะไรก็เจอแบบนั้น ต่อมาเขาก็เตะโดนขาตั้งเตาทอดน้ำมันจนกระทะทอดสั่นเล็กน้อย และน้ำมันที่กำลังเดือดก็กระเด็นออกมา


หลัวปอกำลังเลียหน้าเตรียมตัวจะก่อกวนฉินสือโอวอีกครั้ง หยดน้ำมันจึงหยดลงมาบนหน้าฝากของมันพอดี


“เอ๋ง!!” มันร้องครวญครางเสียงแหลมออกมาหนึ่งครั้ง หลัวปอใช้อุ้งเท้ากุมหน้าผากกลิ้งไปกลิ้งมาบนสนามหญ้า


วินนี่ได้ยินเสียงร้องจึงรีบวิ่งออกมา เธอรีบถามอย่างรีบร้อน “เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น?”


ฉินสือโอวอุ้มหลัวปอขึ้นมาแล้วอธิบายเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นให้เธอฟัง วินนี่ดึงอุ้งเท้าของหลัวปอออกก็พบว่าบนหน้าผากของมันมีขนหย่อมหนึ่งถูกลวกจนร่วงลงไปแล้ว ครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรงเลยล่ะ


หลัวปออิงแอบร้องครวญครางฮือๆ ๆ อยู่ในอ้อมอกของวินนี่ วินนี่จึงตบก้นของมันเบาๆ ฉินสือโอวกลับเข้าไปในห้องแล้วหายาขี้ผึ้งสำหรับรักษาบาดแผลโดนความร้อนลวกมาหนึ่งกระปุกแล้วนำไปแต้มหน้าผากให้หลัวปอ


ฉงต้ายื่นคอพยายามเงยหน้าดมกลิ่นหอมในอากาศ มันถูกปลาทอดยั่วให้อยากกินจนแทบแย่ ทว่ากะละมังใส่ปลาทอดถูกวางไว้บนชั้นวางของ มันจึงเอื้อมไม่ถึง ในกระทะยังมีปลาทอดที่ยังไม่ได้ตักขึ้นมาอยู่ แต่มันรู้ว่าพวกของที่กำลังเดือดอยู่ในกระทะนั้นน่ากลัวมาก พอลองยื่นอุ้งเท้าออกไปก็พบว่าตัวเองเสียแรงเปล่าแล้ว สุดท้ายมันจึงนั่งลงด้วยความคับแค้นใจ


แต่ผ่านไปแป๊บเดียว มันก็คิดวิธีหนึ่งขึ้นมาได้


มันนั่งยองๆ ให้ต้าป๋ายเหยียบขึ้นไปบนหัวมัน ฉงต้าลุกขึ้นแล้วยื่นคอออกไป จากนั้นต้าป๋ายก็เอื้อมถึงกะละมังพอดี มันจึงยื่นอุ้งเท้าออกไปดึงปลาทอดออกมา


พอเพื่อนทรยศอย่างฉงต้าเห็นปลาทอดหอมๆ ตกลงมาบนสนามหญ้า มันก็เผลอก้มหัวลงไปกินปลาทันที ต้าป๋ายจึงห้อยอยู่กับกะละมังทั้งอย่างนั้น


ฉินสือโอวหันกลับไปก็เห็นภาพเหตุการณ์แบบนี้เข้าพอดี ฉงต้านอนหมอบกินปลาอยู่บนพื้น ส่วนอุ้งเท้าทั้งสองของต้าป๋ายก็กกำลังเกาะกะละมังอย่างสุดชีวิต มันห้อยอยู่บนกะละมังพร้อมกับกรีดเสียงแหลมเล็กออกมา…


บทที่ 628 ในที่สุดก็ต้องจากกัน

โดย

Ink Stone_Fantasy

หู่จือกับเป้าจือก็เตรียมพร้อมจะลงมือกินปลาทอดเหมือนกัน ฉินสือโอวจึงดึงต้าป๋ายที่ห้อยต่องแต่งอยู่บนขอบกะละมังลงมาแล้วรีบบอกให้พวกมันนั่งกันดีๆ


เขาหยิบกะละมังข้าวของเหล่าสัตว์เลี้ยงออกมา ไม่จำเป็นต้องจัดแบ่งเขาก็โยนกะละมังลงไปบนพื้นทันที ของใครเป็นของใครก็พากันเข้ามาคาบไปเองแล้วกัน


เหล่าสัตว์เลี้ยงมีจิตสำนึกต่อการปกป้องอาณาเขตที่แข็งแกร่งมาก วินนี่เคยวิเคราะห์ให้ฉินสือโอวฟัง เธอบอกว่าพวกมันไม่ได้ปกป้องอาณาเขต แต่ปกป้องอาหารต่างหาก นอกจากนี้เนื่องจากพวกมันอาศัยอยู่ด้วยกัน พวกมันจึงไม่มีจิตสำนึกเรื่องอาณาเขต แต่เปลี่ยนจิตสำนึกการปกป้องอาณาเขตของสัตว์ป่าไปเป็นการปกป้องกะละมังข้าวของตัวเอง


ฉินสือโอวนำไข่แดงที่แยกออกมาก่อนหน้านี้ลงไปทอดในกระทะ จากนั้นก็แบ่งให้เหล่าสัตว์เลี้ยงทีละตัว หลัวปอกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมอกของวินนี่ ฉินสือโอวจึงมองข้ามมันไปแล้วเอาส่วนของมันไปให้ฉงต้า


พอหลัวปอเห็นอย่างนั้นก็ร้องครวญครางขึ้นมาทันที มันดันวินนี่ออกแล้วกระโดดลงมาจากอ้อมอกของเธอ มันคาบกะละมังของตัวเองเอาไว้แล้วเข้าไปหาฉินสือโอว พอวางลงแล้วก็ร้องอ๋าวๆ ใส่ไข่แดงทอดที่อยู่ในมือของฉินสือโอว


“โอเค โอเค ของแกไม่หมดหรอก!” ฉินสือโอวถอนหายใจออกมา ทำไมเขาถึงเลี้ยงพวกมันออกมาจนตะกละได้ขนาดนี้นะ?


พอแบ่งไข่ทอดเสร็จแล้ววินนี่ก็พยักหน้าให้ สัตว์เลี้ยงทั้งห้าตัวจึงติดเครื่องด้วยความรวดเร็วทันที พวกมันเลียกะละมังจนเสียงดัง ‘แผล็บๆ ’


ฉินสือโอวแบ่งปลาที่ทอดเสร็จแล้วให้กับสัตว์เลี้ยงทั้งห้าตัวอีกครั้ง ต้าป๋ายค่อนข้างสนใจไข่ทอด ปลาทอดและเนื้อทอดอะไรพวกนั้นไม่น่ากินเลยสำหรับมัน มันกินปลาตัวเล็กไปสองตัวก็ย่นจมูกดมๆ ดูแล้วจึงแบ่งปลาทอดทั้งหมดให้ฉงต้า


ฉงต้ากินได้ทุกอย่าง พอกินของตัวเองจนหมดแล้วก็แอบมองกะละมังข้าวของสัตว์เลี้ยงตัวอื่น มันอาศัยช่วงที่หลัวปอเผลอยื่นหัวเข้าไปกัดกินปลาทอดมาหนึ่งคำ


พอหลัวปอเห็นว่ากะละมังใส่อาหารของตัวเองถูกฉงต้าแตะต้อง มันก็ร้องขึ้นมาด้วยความไม่พอใจทันที มันส่งเสียงร้องออกไปพร้อมกระทืบเท้าด้วยความโกรธสุดขีด


วินนี่ตามไปหิ้วหูกลมๆ ของฉงต้ามาอยู่ข้างหน้าหลัวปอแล้วแกล้งทำเป็นฟาดก้นของฉงต้าแรงๆ หลายครั้งหลัวปอถึงได้รามือไป มันคาบกะละมังของตัวเองไปที่ด้านหลังฉินสือโอวแล้วค่อยๆ เคี้ยวช้าๆ ด้วยความระแวดระวัง


ช่วงกลางคืนฉินสือโอวก็เลือกปลาปากแหลมตัวใหญ่ที่อ้วนที่สุดมาสองตัว ตัวหนึ่งเอามาคลุกน้ำมัน ส่วนอีกตัวก็เอามานึ่งซอส ปลาสองตัวนี้ล้วนแล้วแต่มีความยาวหนึ่งเมตรครึ่งทั้งคู่ หลังจากหันเป็นท่อนๆ แล้วก็ได้เนื้อปลาที่ทั้งขาวทั้งนุ่มเหมือนเต้าหู้ออกมา


นีลเซ็นเอาเบียร์มาหนึ่งถัง บนถังเบียร์มีตัวหนังสือคำว่า ECLIPSE ไว้หนึ่งแถว ฉินสือโอวรู้จักวัฒนธรรมการดื่มเบียร์ของอเมริกากับแคนาดาไม่ลึกซึ้งเท่าไร ปกติถ้ามีเบียร์อะไรเขาก็ดื่มอันนั้น เขาดื่มเหล้าเอาบรรยากาศไม่ใช่เพราะรสชาติ


แต่พอพวกซีมอนสเตอร์เห็นถังเบียร์ก็พากันผิวปากขึ้น ฉินสือโอวถามว่าเบียร์ยี่ห้อนี้เป็นยังไงบ้าง เบิร์ดจึงเล่าให้เขาฟังว่า “นี่คือเบียร์บ่มถังเหล้าของอิมพีเรียลสเตาท์ (imperial-stout) เป็นเหล้าที่เพื่อนทหารของเราส่งมาให้ เขาทำฟาร์มอยู่ที่เทือกเขาเซียร์รา เนวาดา เลยมีลู่ทางทำเบียร์แบบนี้ได้”


อิมพีเรียลสเตาท์ ฉินสือโอวเคยรู้จักชื่อเรียกเฉพาะนี้มาก่อน เขาสามารถเข้าใจได้ว่ามันเป็นเบียร์เอลรสชาติร้อนแรงที่ทำขึ้นเพื่อราชวงศ์โดยเฉพาะ เป็นคราฟท์เบียร์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงของอเมริกา ผับดาราประกายก็มีเบียร์ชนิดนี้เหมือนกัน แถมยังราคายังสูงมากด้วย


สำหรับเบียร์เอลรสชาติรุนแรงชนิดนี้ ฉินสือโอวไม่ค่อยสนใจเท่าไรนัก พอเห็นสีดำเข้มข้นของเบียร์ ฉินสือโอวก็รู้สึกไม่ค่อยอยากดื่มเท่าไรแล้ว


แต่ยังไงนี้ก็เป็นเบียร์ที่เพื่อนทหารของนีลเซ็นกับเบิร์ดตั้งใจส่งมาให้โดยเฉพาะ เขาจึงต้องลองดื่มดู ชาร์คช่วยเปิดขี้ผึ้งที่ใช้ปิดถังเบียร์ออกแล้วเทเบียร์สีดำปิ๊ดปี๋ดังตู้มๆ ๆ แบ่งใส่แก้วใบใหญ่หลายใบ


ซีมอนสเตอร์หยิบขี้ผึ้งปิดปากถังขึ้นมา เขามองดูมันแวบหนึ่งแล้วเป่าปากพูดขึ้น “จุ๊ ผนึกสีม่วงเอไลจาห์ เครกถังหมัก 12 ปี? นี่เป็นของดีจริงๆ ตอนนี้จะหาพวกมันในตลาดของนิวฟันด์แลนด์ก็ยากมากๆ แล้ว”


ฉินสือโอวรู้ว่าพวกเขามีความพิถีพิถันไม่น้อย แต่เขาไม่ได้อยากทำความเข้าใจมันจึงยกแก้วเบียร์ขึ้นมาดื่มลงไปหนึ่งอึก ปรากฏว่าพอลองชิมดูแล้วเขากลับสัมผัสได้ถึงรสชาติบางๆ ของซอสถั่วเหลือง……


เขาไม่คุ้นชินกับการดื่มเบียร์เอลชนิดนี้จึงส่งให้อีวิลสันแทน ส่วนเขาก็ไปยกเบียร์บัดไวเซอร์มา เบียร์ระดับล่างแบบนี้ยังถูกปากเขามากกว่า


เหมาเหว่ยหลงข้ามมาหยิบเบียร์บัดไวเซอร์ไปหนึ่งขวดแล้วเอาขวดเบียร์ชนกันกับฉินสือโอว หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่ผิวน้ำทะเลพร้อมพูดขึ้นมา “โอวหยางติดต่อฟาร์มให้ฉันแล้วหลายที่ ฉันต้องเตรียมตัวไปดูแล้ว คิดว่าพรุ่งนี้คงต้องออกเดินทางแล้วล่ะ”


ฉินสือโอวดื่มเบียร์เข้าไปหนึ่งอึกให้รู้สึกคึกคัก “อยู่ที่ไหน? ที่ราบแพร์รีเหรอ? ให้ฉันไปดูเป็นเพื่อนนายไหม?”


เหมาเหว่ยหลงหันมามองเขาแล้วส่ายหน้าพูด “ไม่ใช่ อยู่ที่รัฐมอนตานา”


ฉินสือโอวเบิกตากว้างทันที เขาถามด้วยความประหลาดใจ “อเมริกา? นายจะไปทำฟาร์มที่อเมริกาเหรอ? ที่แคนาดาไม่ดีเหรอ?”


เหมาเหว่ยหลงยักไหล่เล็กน้อยแล้วตอบเขา “ก็ไม่ต่างกันเท่าไรหรอก รัฐมอนตานาเป็นพื้นที่รอบนอกของรัฐมอนตานา อยู่ใกล้กับนิวฟันด์แลนด์ของพวกนายยิ่งกว่าที่ราบแพร์รีซะอีก โอวหยางบอกว่าที่นั่นมีเมืองเล็กๆ ที่ทำฟาร์มอยู่ เหมือนจะเป็นคนเชื้อสายจีนแบบพวกเราทั้งนั้นเลย ฉันเลยอยากลองไปดูสักหน่อย”


“ลองดูที่แคนาดาโอเคไหม? นายอยู่ที่มอนตานา ถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมาฉันที่อยู่ทางนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าเป็นที่แคนาดา ฉันมีกลุ่มเพื่อนที่ช่วยได้เยอะแยะเลย” ฉินสือโอวให้คำปรึกษา


เห็นฉินสือโอวเหนี่ยวรั้งอย่างสุดความสามารถ เหมาเหว่ยหลงก็พยักหน้าแล้วตอบกลับไป “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ โอวหยางบอกว่าเขาดูฟาร์มที่เขตโกลเด้น ฮอร์สชูให้ฉันไว้สองที่ พวกเราหาเวลาไปดูก็ได้”


ฉินสือโอวค่อนข้างพึงพอใจผลลัพธ์แบบนี้แล้ว เขายกขวดเบียร์ขึ้นมาชนกับเหมาเหว่ยหลงแล้วพูดออกมาอย่างทอดถอนใจ “พี่ชาย ฉันพูดจริงๆ เลยนะ นายอยากทำฟาร์มจริงๆ เหรอ?”


เขาเดาว่าจนถึงทุกวันนี้เหมาเหว่ยหลงก็น่าจะยังไม่เคยทำงานเกษตรเลยสักครั้ง คุณชายตระกูลองครักษ์เสื้อแพรจะทำงานพวกนี้ได้เหรอ? นอกเสียจากจะมีดัชนีทองคำแบบฉินสือโอวน่ะนะ


แต่ทว่าในความเป็นจริงเขาก็ไม่ได้มีสิ่งนี้


เหมาเหว่ยหลงพูดออกมายิ้มๆ “ฉันแค่อยากทำฟาร์มเล็กๆ ไม่ได้ต้องการความร่ำรวยอะไร ได้ใช้ชีวิตอยู่กับหลิวซูเหยียนอย่างมั่นคงและปลอดภัยในทุกๆ วันก็พอ นอกจากนี้ตั๋วตั่วก็ชอบสัตว์ตัวเล็กๆ มากๆ ถึงตอนนั้นฉันก็จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงอย่างหมากับหมีเหมือนกัน ใช้ชีวิตแบบนั้นก็ดีมากๆ เลยไม่ใช่เหรอ?”


ในเมื่อเหมาเหว่ยหลงทางสายนี้แล้ว ฉินสือโอวก็ทำได้เพียงอวยพรให้เขาก้าวเดินต่อไปได้อย่างปลอดภัย เขารู้ว่าพี่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยคนนี้ไม่สามารถอยู่ที่ฟาร์มปลาและกินดื่มเอ้อระเหยไปวันๆ ได้ตลอดไป ถึงยังไงผู้ชายก็ให้ความสำคัญกับหน้าตาและเกียรติยศอยู่ดี


แต่เหมาเหว่ยหลงก็ยังอยากไปรัฐมอนตานาก่อน เมืองเล็กๆ ไม่ไกลจากเกรตฟอลส์ โอวหยางไห่ช่วยเขานัดกับเจ้าของฟาร์มเพื่อเข้าไปเยี่ยมชมและเจรจาต่อรองราคาแล้ว


ฉินสือโอวช่วยเหมาเหว่ยหลงทำวีซ่าไว้เรียบร้อยแล้ว อเมริกากับแคนาดาเป็นบ้านพี่เมืองน้องที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเป็นอย่างยิ่ง ของแค่มีวีซ่าของประเทศใดประเทศหนึ่ง ก็จะเข้าไปอีกประเทศได้อยากง่ายดาย ถ้าหากมีกรีนการ์ดของประเทศหนึ่ง ก็จะยิ่งได้รับการละเว้นวีซ่าเพื่อเข้าประเทศ


ช่วงบ่ายเหมาเหว่ยหลงก็นั่งเครื่องบินไปที่เกรตฟอลส์ หลิวซูเหยียนพาตั๋วตั่วไปอาศัยอยู่ที่ฟาร์มปลาชั่วคราว หลิวซูเหยียนทำงานอยู่ที่นี่ อีกทั้งยังทำได้ไม่เลวเลย คนในเมืองต่างก็ชอบเรียกสาวสวยชาวจีนบุคลิกสง่างามคนนี้ว่าคุณครูหลิว


พลบค่ำฉินสือโอวก็นั่งเล่นกับหู่จือและเป้าจืออยู่ในสวน จากนั้นรถคัมรี่ของแฮมเล็ตก็ขับเข้ามา


หลังจอดรถแล้วเขาก็ยื่นหัวออกมามองดูว่ามีห่านขาวอยู่รอบๆ ไหม พอมั่นใจแล้วว่าปลอดภัยถึงได้ลงมาจากรถ ข้างๆ ตัวเขาคือคนเก่าแก่ที่คุ้นเคยกันดี ดอน แพตตัน นักวิจัยกรมทรัพยากรธรณีแห่งชาติแคนาดา


ก่อนหน้านี้ดอนเคยยืมเรือยอชต์ของฉินสือโอวออกทะเลไปตกปลาตอนกลางคืน ครั้งนี้มาถึงเมืองนี้อีกครั้งเขาจึงตั้งใจนำของขวัญมาเยี่ยมฉินสือโอวเพื่อขอบคุณน้ำใจที่ให้เขายืมเรือเมื่อครั้งที่แล้ว


บทที่ 629 โกลเด้น ฮอร์สชู

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวกับดอนกอดทักทายกันหนึ่งครั้ง ดอนพูดขึ้นมาอย่างมีความสุข “สุดยอดจริงๆ ที่ได้มาฟาร์มปลาของนาย ฉันได้ยินแฮมเล็ตบอกว่าฟาร์มปลาของนายส่งปลาไปขายแล้วใช่ไหม? เป็นยังไงบ้างล่ะเพื่อน? ต้องได้ผลผลิตเป็นกอบเป็นกำอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?”


“พระเจ้าคุ้มครอง ผลผลิตไม่เลวเลย ผมพอใจมากๆ คนเราควรรู้จักเรียนรู้ที่จะรู้สึกพึงพอใจใช่ไหมล่ะ?” ฉินสือโอวพูดด้วยรอยยิ้ม เขาโบกมือไปมา วินนี่ก็เอาชาเขียวที่ชงไว้แล้วมารินให้ ชาเหมาเจียนคุณภาพชั้นหนึ่งส่งกลิ่นหอมสดชื่นลอยขึ้นมาแตะจมูก


หลังจากรินชาให้ทั้งสองคนแล้วเธอก็ส่งยิ้มให้พวกเขาแล้วเดินออกไป ฉงต้าวิ่งหอบฮืดฮาดเข้ามาข้างๆ ฉินสือโอวและกำลังจะหมอบลงไป วินนี่จึงหันกลับมาแล้วพูดกับมัน “ลูกรัก พวกเราต้องขึ้นไปข้างบนแล้ว”


ฉงต้ากะพริบตาเล็กๆ ของมันมองไปที่ฉินสือโอวแล้วค่อยมองไปทางวินนี่ จากนั้นมันก็ยอมเดินตามเธอขึ้นไปอย่างว่านอนสอนง่าย ต้าป๋ายกระโดดขึ้นมาอยู่บนไหล่ของฉงต้า อุ้งเท้าเล็กๆ ถือแอปเปิลแดงเอาไว้หนึ่งลูกพร้อมแทะกินอย่างมีความสุข


กระทั่งวินนี่เดินออกไปแล้ว ดอนก็พูดออกมายิ้มๆ “ยินดีกับนายด้วยนะฉิน นายมีภรรยาที่สวยมากๆ ทำให้ตาเฒ่าแบบพวกเรารู้สึกอิจฉาจริงๆ”


ฉินสือโอวดื่มชาไปพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณที่ชมนะครับ ที่จริงความสวยไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด ความชอบพอของตัวเองต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด”


คุยกันไปเรื่อยๆ หัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนมาถึงเรื่องฟอสซิลแล้ว ดอนเป็นคนที่แฮมเล็ตหามาเพื่อวินิจฉัยและประเมินค่าฟอสซิล หลังจากผลการวินิจฉัยออกมาแล้ว พิพิธภัณฑ์ฟอสซิลแห่งประเทศแคนาดาก็จะเริ่มงานขุดเจาะ


การค้นพบฟอสซิลก็คือเม็ดเงิน ถ้ารัฐบาลอยากจะขุดเจาะทะเลสาบเฉินเป่าก็ต้องให้เงินชดเชยกับเมืองแฟร์เวล


ฉินสือโอวนึกว่าการขุดค้นฟอสซิลในทะเลสาบเฉินเป่าต้องสูบน้ำออกให้แห้ง ดอนจึงอธิบายให้ฟังว่าไม่จำเป็นต้องวุ่นวายขนาดนั้น ทะเลสาบเฉินเป่ามีขนาดใหญ่เกินไป อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของเมืองแฟร์เวล ดังนั้นจึงไม่สามารถดูดน้ำออกได้


ตอนนี้เทคโนโลยีมีความสามารถสุดยอดมากแล้ว การขุดค้นทะเลสาบไม่จำเป็นต้องสูบน้ำออกอีกต่อไป เพียงแต่ต้องกระทุ้งแผ่นพลาสติกความทนทานสูงลงไปล้อมรอบก้นทะเลสาบเอาไว้จนกลายเป็นทรงกระบอกแล้วกันผืนน้ำในทะเลสาบบริเวณอื่นออกไป จากนั้นถ้าสูบน้ำบริเวณนี้ออกก็จะทำการขุดค้นฟอสซิลที่อยู่ข้างล่างได้แล้ว


เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉินสือโอวแล้ว หน้าที่ของเขาคือการนำฟอสซิลมาประกาศตัวภายใต้แสงอาทิตย์ ต่อไปจะต้องทำยังไงต่อก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลกับเมืองนี้แล้ว ตอนนี้เขากำลังยุ่งกับการจัดการธุระเรื่องฟาร์มของเหมาเหว่ยหลง


เหมาเหว่ยหลงอยู่ที่มอนตานามาแล้วหลายวัน ต้นเดือนมิถุนายนเขาก็โทรศัพท์มาหาฉินสือโอวบอกว่ากำลังจะไปแฮมิลตันของรัฐออนแทรีโอกับโอวหยางไห่ ที่นั่นมีฟาร์มเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ต้องการจะขาย ราคาก็สมเหตุสมผลมาก


วันต่อมาฉินสือโอวจึงรีบนั่งเฮลิคอปเตอร์ข้ามไป นครเซนต์จอห์นอยู่ห่างจากรัฐออนแทรีโอไม่นับว่าไกล ถ้าเหมาเหว่ยหลงซื้อฟาร์มอยู่ที่นี่ หลังจากนี้ทั้งสองคนก็จะได้เจอกันบ่อยๆ


แฮมิลตันคือเมืองท่าแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บริเวณทิศตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐออนแทรีโอ มันตั้งอยู่ทางตะวันตกของโตรอนโตและทางเหนือของน้ำตกไนแอการา เช่นเดียวกันกับเมืองอื่นๆ ในแคนาดา แฮมิลตันก็เป็นเมืองที่มีพื้นที่กว้างขวางแต่มีประชากรอยู่บางเบา เมื่อก่อนเมืองนี้เคยอาศัยอุตสาหกรรมหนักกับอุตสาหกรรมเหล็กกล้าเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ ด้วยเหตุนี้เมืองนี้จึงถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เมืองเหล็กกล้า’


ทว่าช่วงไม่กี่ปีนี้อุตสาหกรรมการรักษาพยาบาลของแฮมิลตันพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว รัฐบาลแคนาดาให้เงินลงทุนกับมันอย่างมหาศาลเพราะอยากสร้างเมืองนี้ให้เป็นเมืองแห่งการรักษาพยาบาลของแคนาดา


ที่สนามบิน ฉินสือโอวได้เจอกับเหมาเหว่ยหลงแล้ว โอวหยางไห่ที่เคยพบหน้ากันมาก่อนหนึ่งครั้งก็ย่อมต้องติดตามเขามาด้วย


พอมองเห็นฉินสือโอว โอวหยางไห่ก็เข้ามากอดทักทายเขาพร้อมพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม “ฉันจับตาดูฟาร์มพวกนี้มาตลอด ตอนแรกนึกว่านายอยากทำฟาร์ม แต่ก็ยังไม่มีข่าวคราวจากนายสักที สุดท้ายกลับเป็นต้าเหมาที่ได้ประโยชน์ไปซะอย่างนั้น”


โอวหยางไห่ค่อนข้างกระตือรือร้นจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็ส่งอีเมลข่าวคราวการทำฟาร์มในอเมริกากับแคนาดามาให้เขาเยอะมาก


หลังจากทั้งสามคนได้พบกันก็พากันไปที่ร้านอาหารท้องถิ่นที่มีฝีมือละเอียดประณีตแห่งหนึ่ง คนจีนก็ย่อมต้องทานอาหารจีนอยู่แล้ว ฉินสือโอวทานหมูเส้นผัดเปรี้ยวหวานกับหมูสองไฟจนอิ่มแปล้และเพลิดเพลินอย่าบอกใคร นานแล้วที่เขาไม่ได้ทานอาหารจีนแท้ๆ แบบนี้


ที่โต๊ะอาหารโอวหยางไห่แนะนำสภาพการณ์ให้ทั้งสองคนฟังก่อนสักเล็กน้อย ฟาร์มที่พวกเขาจะไปดูในครั้งนี้มีพื้นที่ไม่ใหญ่ แค่ประมาณหนึ่งพันหมู่ แต่ทำเลดีมากๆ มันเป็นพื้นที่ศูนย์กลางของโกลเด้น ฮอร์สชูเลยทีเดียว


เขตโกลเด้น ฮอร์สชูเป็นชื่อเรียกทั่วไปที่คนในพื้นที่เรียกกัน แท้จริงแล้วมันเป็นมหานครขนาดใหญ่ ทางใต้เริ่มตั้งแต่บริเวณส่วนใต้ของออนแทรีโอ ไปสิ้นสุดที่บริเวณส่วนปลายทางทิศตะวันตกของทะเลสาบออนแทรีโอ ใช้พื้นที่ของโทรอนโตเป็นจุดศูนย์กลาง ครอบคลุมขอบเขตพื้นที่กว้างขวางตั้งแต่ทะเลสาบอิรีไปจนถึงอ่าวจอร์เจียนในทิศเหนือที่ยื่นตัวออกมา พื้นที่ส่วนใหญ่จะอยู่บนเขตติดต่อของเมืองควิเบกกับเมืองวินด์เซอร์


แฮมิลตันตั้งอยู่บนตำแหน่งหัวใจสำคัญของเขตโกลเด้น ฮอร์สชู การจัดตั้งฟาร์มสักแห่งหรือฟาร์มเลี้ยงสัตว์ก็ยังมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้


เฮลิคอปเตอร์ยังมีที่นั่งด้านหลังอยู่อีกสองที่พอดี พอทานข้าวเสร็จแล้วโอวหยางไห่กับเหมาเหว่ยหลงจึงนั่งอยู่ด้านหลังโดยมีเบิร์ดเป็นคนขับเฮลิคอปเตอร์บินไปที่เขตชานเมืองของแฮมิลตัน


เฮลิคอปเตอร์บินร่อนไปในอากาศ ฉินสือโอวมองผ่านหน้าต่างของเฮลิคอปเตอร์ลงไปด้านล่าง บนพื้นดินด้านล่างมีพืชผลทางการเกษตรเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ ส่วนใหญ่เป็นพวกข้าวบาร์เลย์กับบักวีต ลมอุ่นๆ ของฤดูร้อนพัดผ่านรวงข้าวสาลีที่เพิ่งจะงอกเงยออกมา มันเป็นผืนแผ่นสีเขียวมรกตเหมือนกับฟาร์มปลาของเขาไม่มีผิด


ท่ามกลางท้องนาพวกนี้มักจะปรากฏวิลล่าหรือไม่ก็อาคารหลังเล็กอยู่เรื่อยๆ พวกมันล้วนทาสีตกแต่งได้สวยงามมาก และเผยให้เห็นบรรยากาศชนบทแถบชานเมืองของแคนาดาอย่างเต็มที่


เจ้าของฟาร์มที่โอวหยางไห่ช่วยติดต่อให้เป็นคนเชื้อสายจีน เฮลิคอปเตอร์ร่อนลงบนพื้นที่ว่างของฟาร์ม สองสามีภรรยาชาวจีนก็เข้ามาต้อนรับ พวกเขาจับมือทักทายแล้วถามออกมาด้วยความเป็นมิตร “มิสเตอร์โอวหยางจากเมืองหลวงใช่ไหม?”


โอวหยางไห่ทักทายกับสองสามีภรรยาชาวจีน จากนั้นก็แนะนำคนทั้งสองฝั่งให้รู้จักกัน


เจ้าของฟาร์มมีชื่อว่าหลัวจื้อเวย ส่วนภรรยาของเขามีชื่อว่าไช่หมิงเจวียน ทั้งสองคนย้ายถิ่นฐานมาที่แคนาดาเป็นเวลาหลายปีแล้ว เริ่มตั้งแต่หลังเรียนจบมหาวิทยาลัยในปี 1995 ก็รู้สึกว่าที่แคนาดามีโอกาสในการพัฒนามากกว่าและดีกว่า จึงมาซื้อฟาร์มอยู่ที่แฮมิลตัน


หลังจากได้พบกันแล้ว หลัวจื้อเวยก็พาพวกเขาเข้าไปในโรงบ่มไวน์เล็กๆ เพื่อดื่มไวน์แดงที่เขาหมักเอง ฟาร์มแห่งนี้มีสวนองุ่นอยู่ราวๆ หนึ่งร้อยกว่าหมู่ นี่ค่อนข้างคล้ายกับฟาร์มปลาของฉินสือโอวมาก พวกเขาปลูกองุ่นสำหรับรับประทานกับองุ่นสำหรับหมักไวน์บางส่วน เพื่อเอาไว้สำหรับทานเองและนำออกไปขายเพื่อทำกำไรสักเล็กน้อยด้วยเช่นกัน


ขณะที่กำลังดื่มไวน์หลัวจื้อเวยก็เล่าให้พวกเขาสามคนฟังว่าฟาร์มแห่งนี้มีชื่อว่า ‘ฟาร์มมาเธอร์เอิร์ธ’ ตอนนี้มีพื้นที่ขนาด 1200 หมู่


พื้นที่ตรงนี้ไม่ใหญ่ แต่เป็นสิ่งที่หลัวจื้อเวยกับภรรยาแลกมาด้วยการทำงานอย่างมานะบากบั่น ตอนที่พวกเขาเพิ่งมาถึงแฮมิลตัน ฟาร์มที่พวกเขาซื้อมีขนาดแค่ 100 หมู่ ต่อมาหลังจากได้รับผลกำไรจากการทำงานอย่างยากลำบากพวกเขาก็ค่อยๆ รับซื้อฟาร์มที่อยู่รอบๆ ถึงได้มีพื้นที่เท่าทุกวันนี้


เมื่อพูดถึงการทำงานในหลายๆ ปี สิ่งที่ทำให้หลัวจื้อเวยรู้สึกภาคภูมิใจที่สุดก็คือแค่ในปีแรกฟาร์มของพวกเขาก็ทำกำไรได้แล้ว ในตอนนั้นเรื่องนี้ทำให้พวกเจ้าของฟาร์มในพื้นที่รู้สึกประหลาดใจมาก มันเป็นผลงานที่ทำให้หลัวจื้อเวยกับภรรยามีบารมีและชื่อเสียงในเมืองนี้


พวกเขาล้วนเป็นคนจีนด้วยกันทั้งนั้น พอดื่มเหล้าแล้วหัวข้อสนทนาก็ถูกเปิดขึ้น


หลัวจื้อเวยไม่ได้โฆษณาขายฟาร์มของตัวเองในทันที เขาไตร่ตรองอยู่สักครู่แล้วพูดขึ้นมา “น้องชายทั้งสาม พวกนายต่างก็เป็นคนจีนด้วยกันทั้งนั้น โบราณว่าห่างกันแค่สายน้ำกั้น ไม่ว่าบ้านเก่าของพวกเราจะห่างกันไกลแค่ไหน แต่ตอนนี้ก็พวกเราต่างก็เป็นคนกันเองทั้งนั้น ดังนั้นฉันเลยอยากถามหน่อยว่าทำไมพวกนายถึงอยากอพยพมาที่แคนาดาเหรอ?”


ไช่หมิงเจวียนภรรยาของหลัวจื้อเวยก็ถามออกมาด้วยความงุนงงเช่นกัน “ใช่แล้ว น้องชาย ถ้าย้อนเวลากลับไปสักหน่อย ก่อนช่วงยุคมิลเลนเนียมหรือก่อนหน้านั้นยังอธิบายได้ง่ายว่าทำไมพวกเธอถึงได้อพยพมา ตอนนั้นชีวิตในต่างประเทศมีแรงดึงดูดต่อคนแบบเราๆ มาก พูดแบบไม่อายเลยนะ ในตอนนั้นในใจของนักศึกษาแบบพวกเรา ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างแคนาดามีแรงดึงดูดมากเกินไปจริงๆ สิ่งแวดล้อมสวยงาม มีความคิดก้าวหน้าทันสมัย เทคโนโลยีทันสมัย ประชาธิปไตยก็ก้าวหน้าอะไรพวกนั้น”


ฉินสือโอวยักไหล่ เขายิ้มเจื่อนๆ พูดออกมา “น่าจะนับว่าเป็นเรื่องบังเอิญนะครับ ผมได้รับมรดกเป็นฟาร์มปลาจากผู้ใหญ่ในบ้าน ผมถึงได้มาที่แคนาดา ส่วนพี่ชายเหมาเหว่ยหลงก็อยากเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ตอนนี้ที่แคนาดามีโอกาสการพัฒนาอยู่เยอะเลยไม่ใช่เหรอครับ?”


บทที่ 630 เพื่อนร่วมชาติผู้อยากกลับบ้าน

โดย

Ink Stone_Fantasy

พอได้ยินที่ฉินสือโอวพูด หลัวจื้อเวยก็ส่ายหัวแล้วพูดกับพวกเขา “น้องชายทั้งหลาย พวกนายกำลังมองแต่ปัจจุบัน ไม่ได้มองไปถึงอนาคต”


เขาหยุดไปพักหนึ่ง จากนั้นก็พูดออกมาอย่างทอดถอนใจ “ที่จริงฉันกับภรรยาอยู่ที่แฮมิลตันไปวันๆ ก็ไม่เลวเหมือนกัน นอกจากฟาร์ม พวกเราก็มีบ้านหลังใหญ่อยู่ในเมืองด้วย มันเป็นบ้านเดี่ยว แค่สวนดอกไม้ก็ร้อยตารางเมตรกว่าๆ แล้ว รายได้ต่อปีก็ไม่น้อยเลย แต่ว่านะ ยังไงซะแคนาดาก็ไม่ใช่แคนาดาของคนจีน คนจีนอย่างเรากลับสู่บ้านเกิดเมืองนอนตอนชราแล้วคงจะดีกว่า การพัฒนาที่จีนก็ไม่เลวเหมือนกัน”


“ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าเมื่อก่อนที่จีนมีเงื่อนไขปัจจัยไม่ดีเท่าไร การอพยพมาประเทศที่พัฒนาแล้วพวกนี้เลยยังพอเข้าใจได้ แต่ตอนนี้ประเทศของเราเข้มแข็งมั่งคั่งแล้ว สภาวะการจ้างงานก็ไม่เลว ระดับคุณภาพชีวิตก็สูงขึ้น ทำไมถึงได้อยากออกจากประเทศมาหาความลำบากที่แคนาดาล่ะ?” หลัวจื้อเวยพูดไปด้วยส่ายหัวไปด้วย


ฉินสือโอวไม่รู้ว่าเขาควรจะอธิบายยังไงดี ที่หลัวจื้อเวยพูดก็มีเหตุผล อย่ามองแค่ว่าแคนาดาเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วแถมยังมีพื้นที่กว้างขวางมีประชากรบางเบา ในความเป็นจริงแล้วสภาวะการจ้างงานของพวกเขายังเคร่งเครียดกว่าที่จีนเสียอีก


พวกเกาะพ่อแม่กิน ชื่อเรียกแบบนี้ปรากฏขึ้นในประเทศจีนไม่เกินห้าหกปี แต่ที่แคนาดากลับมีคำนี้มาสิบกว่าปีแล้ว คนหนุ่มสาวหลายคนหางานทำหลังเรียนจบไม่ได้ ทำได้แค่อาศัยพ่อแม่เพื่อมีชีวิตรอด นี่กลายเป็นปัญหาอย่างหนึ่งในสังคมของแคนาดา


แน่นอนล่ะว่าแคนาดามีสวัสดิการสังคมที่ดีมาก คนหนุ่มสาวที่หางานทำไม่ได้จะได้รับเงินชดเชยและค่าครองชีพจากรัฐบาล พวกเขาสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างไม่มีปัญหา ดังนั้นภาษีที่แคนาดาหักจากธุรกิจและบุคคลที่มีรายได้สูงถึงได้มากมายขนาดนั้น นั่นเป็นเพราะกลุ่มคนที่พวกเขาต้องเลี้ยงดูมีจำนวนมากเกินไปนั่นเอง


โอวหยางไห่ได้ยินที่หลัวจื้อเวยกับภรรยาพูดก็ถามขึ้นมา “ถ้าผมเดาไม่ผิด พี่ใหญ่หลัวกับพี่สะใภ้ขายฟาร์มเพราะจะกลับประเทศใช่ไหมครับ?”


หลัวจื้อเวยพยักหน้าด้วยท่าทางเคร่งขรึมแล้วตอบเขากลับไป “ใช่ น้องโอวหยาง พ่อแม่ของเรายังอยู่ที่นั่น แถมช่วงหลายปีมานี้พวกเราก็เห็นว่าเศรษฐกิจกับตำแหน่งในระดับนานาชาติของประเทศแม่กำลังเจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว พวกเราเลยคิดว่าถ้ากลับบ้านเกิดตอนนี้คงจะมีอนาคตและความก้าวหน้าที่สว่างไสวยิ่งกว่า”


ไช่หมิงเจวียนก็พูดเสริมขึ้นมาเช่นกัน “นอกจากนี้ลูกของเราก็กำลังจะเข้าเรียนชั้นมัธยมปลายพอดี ฉันกับสามีอยากให้เขาได้รับการศึกษาตามแบบของประเทศจีนแท้ๆ เรียนมัธยมปลายที่แคนาดาไม่ดีเท่าไร เรียนไปก็ไม่ค่อยมีประโยชน์!”


เวลาที่สองสามีภรรยาชาวจีนที่อพยพมาเกือบยี่สิบปีคู่นี้พูดถึงประเทศจีนช่างเต็มไปด้วยความรู้สึกรุนแรง พวกเขาพูดด้วยความจริงใจ ฉินสือโอวจึงพูดอะไรไม่ได้มาก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องฐานะกับความคิดของทั้งสองฝั่งที่แตกต่างกัน ที่จริงแล้วถ้าหากไม่มีเงิน เขาก็เลือกที่จะอยู่ที่จีนเหมือนกัน


คนผิวเหลืองจนๆ มาอยู่ในแคนาดาก็เท่ากับทารุณตัวเองนั่นล่ะ ถึงแม้ว่าจะทำงานที่ลำบากที่สุด เหนื่อยที่สุด เป็นงานที่ไม่มีเกียรติที่สุด ก็ไม่อาจอยู่รอดต่อไปได้อยู่ดี


สังคมแบบทุนนิยมก็โหดร้ายแบบนี้แหละ!


หลังจากคุยกันเรื่องชีวิตประจำวันง่ายๆ ไปแล้ว หลัวจื้อเวยกับไช่หมิงเจวียนก็เริ่มแนะนำดินฟ้าอากาศ ประเพณีนิยม รวมทั้งจิตใจของชาวเมืองกับนโยบายการทำฟาร์มของแคนาดาให้เหมาเหว่ยหลงฟัง ฉินสือโอวก็ตั้งใจฟังอย่างละเอียดไปด้วย เขาก็วางแผนจะลงทุนทำฟาร์มเช่นกัน ตอนนี้ได้เรียนรู้อะไรไว้บ้างก็ถือว่าเป็นเรื่องดี


พอแนะนำเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฟาร์มคร่าวๆ ไปแล้ว หลัวจื้อเวยก็สรุปออกมา “ถึงฉันจะไม่สนับสนุนให้เพื่อนร่วมชาติในตอนนี้มาที่แคนาดาเพราะแคนาดาไม่ใช่สวรรค์ แต่ถ้าพวกนายมีเงินสดสำรองเลยอยากมาทำฟาร์ม แบบนั้นก็ไม่เลวเหมือนกัน ตอนนี้การเพิ่มมูลค่าที่ว่างของฟาร์มในออนแทรีโอก็ไม่เลวเลย”


ก่อนมาที่นี่ฉินสือโอวก็เคยศึกษาเรื่องนี้มาแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่ปี 2010 จนถึงตอนนี้ มูลค่าฟาร์มของรัฐออนแทรีโอเพิ่มสูงขึ้นถึง 37.5% จากการวิจัยของกระทรวงการเกษตร ในอนาคตมูลค่าของฟาร์มจะสามารถเพิ่มสูงขึ้นไปได้อย่างมีเสถียรภาพ


ที่จริงแล้วไม่ใช่เพียงแต่รัฐออนแทรีโอเท่านั้น มูลค่าฟาร์มของที่ราบแพร์รีก็กำลังเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน เพียงแค่ไม่ได้มากมายเกินความคาดหมายแบบรัฐออนแทรีโอ


ก่อนหน้านี้ก็มีรายงานการวิเคราะห์ที่ตีพิมพ์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาวิจัยผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและอสังหาริมทรัพย์ด้านการเกษตรกล่าวเอาไว้ว่าหลังจากวิเคราะห์พื้นที่เกษตรสำคัญของออนแทรีโอและทางใต้ของรัฐออนแทรีโอแล้ว ก็พบว่าโดยเฉลี่ยแล้วราคาของพื้นที่การเกษตรในพื้นที่เหล่านี้จะเพิ่มขึ้น 22% ถึง 25% ในทุกๆ ปี และยังมีพื้นที่บางส่วนที่มีอัตราเพิ่มขึ้นสูงถึง 32% – 36% ในทุกๆ ปีเลยทีเดียว


นี่คือการเพิ่มระดับที่สูงขึ้นมากทีเดียว เนื่องจากก่อนปี 2010 ทุกๆ ปีฟาร์มในรัฐออนแทรีโอจะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นแค่ 3% ถึง 7% เท่านั้น


นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของการเพิ่มมูลค่าที่ดินในรัฐออนแทรีโอยังมีลักษณะแพร่หลายเป็นอย่างยิ่งด้วย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่การเกษตรดีๆ หรือพื้นที่รกร้างที่มีดินจืด ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้พวกมันมีความคึกคักอยู่ตลอด ขอเพียงผู้ขายโปรโมตการขายสักนิดสักหน่อยก็จะตกลงซื้อขายได้อย่างราบรื่นแล้ว


นอกจากนี้การขายส่วนบุคคล ตัวอย่างแบบที่ไม่วางขายบนตลาดในตอนนี้ก็กำลังเป็นที่แพร่หลายมากๆ มีการค้าขายนับล้านที่ซึ่งล้วนแต่เป็นคนคุ้นเคยกันทั้งนั้น ระหว่างเกษตรกรในพื้นที่นั้นแค่จับมือกันก็ช่วยให้ลุล่วงไปด้วยดีแล้ว


สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดผลลัพธ์ข้อนี้ก็คงเพราะการค้นหาจากเพื่อนร่วมชาติจากจีน เมื่อไม่กี่ปีมานี้ที่จีนเริ่มเกิดการอพยพอย่างบ้าคลั่ง คนมีเงินจำนวนมากล้วนแต่อยากไปยุโรปหรือไม่ก็อเมริกาเหนือ หนึ่งในนั้นแคนาดาก็ถือเป็นตัวเลือกอันดับแรกของชาวจีนจำนวนมาก


เพื่อที่จะคุ้มครองเศรษฐกิจในประเทศ แคนาดาจึงยุติเงินทุนผู้อพยพย้ายถิ่นฐานเพื่อรักษาแรงงานอพยพที่มีทักษะเอาไว้ หรือพูดอีกอย่างก็คือคนมีเงินบางส่วนในประเทศจีนถ้าคิดจะโบกธนบัตรเพื่อคว้าเอากรีนการ์ดของแคนาดาก็นับเป็นเรื่องที่ยากมากๆ แต่ถ้าคุณมีทักษะพิเศษอยู่อย่างเต็มเปี่ยม นั่นถึงจะคุยกันง่ายหน่อย


เพียงแต่ว่านโยบายการอพยพโยกย้ายถิ่นฐานของแคนาดามีช่องโหว่อยู่ ก็จริงอยู่ที่เงินทุนผู้อพยพของรัฐไม่อนุมัติ แต่หลังจากซื้อฟาร์มแล้วการอพยพก็กลับกลายเป็นเรื่องง่ายดายไปทันที ขอเพียงซื้อที่ดินผืนหนึ่งที่สอดคล้องกับนโยบายมาบุกเบิกทำฟาร์ม แบบนั้นก็สามารถอพยพได้แล้ว


สาเหตุข้อนี้ส่งเสริมให้เกิดกระแสซื้อฟาร์มของคนในจีน พอหลัวจื้อเวยกับภรรยาพูดถึงเรื่องนี้ก็ถึงกับส่ายหัวไม่หยุด การอพยพก็เหมือนกับเมืองที่ถูกล้อมไว้ คนในเมืองอยากออกไปอย่างสุดชีวิต ส่วนคนที่อยู่ด้านนอกก็พยายามเต็มที่ที่จะเบียดกันเข้ามา


นอกจากนี้การลอยตัวของราคาสินค้าก็ส่งผลกระทบต่อราคาที่ดินเพาะปลูกเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าราคาของพื้นที่เพาะปลูกในรัฐออนแทรีโอจะเพิ่มสูงขนาดนี้ แต่ช่องว่างการเพิ่มสูงของราคาพื้นที่ส่วนใหญ่ก็ยังค่อนข้างกว้างอยู่ เนื่องจากสถานที่เหล่านี้เป็นที่ดินที่อุดมสมบูรณ์และยังมีปริมาณผลิตผลทางการเกษตรสูงมากอีกด้วย


ราคาของฟาร์มมาเธอร์เอิร์ธค่อนข้างสมเหตุสมผล ราคาหนึ่งหมื่นดอลลาร์แคนาดาต่อหนึ่งเฮกตาร์ ทั้งฟาร์มมีขนาดพื้นที่ 1200 หมู่ 80 เฮกตาร์ ก็ต้องใช้เงินประมาณสามล้านสองแสนดอลลาร์แคนาดา ราคานี้รวมบ้าน อุปกรณ์ทางการเกษตรและพืชเศรษฐกิจของฟาร์มที่มีอยู่ในตอนนี้ไว้หมดแล้ว


หลัวจื้อเวยกับภรรยาวางแผนจะติดป้ายประกาศขายฟาร์มตั้งแต่ปีก่อนแล้ว ราคานี้เป็นราคาที่พวกเขาตั้งไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ต่อมาสถานะการเป็นนักเรียนของลูกชายเกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย จึงไม่ได้ทำการค้าขายในทันที จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ในที่สุดพวกเขาก็แก้ไขปัญหาของลูกชายได้แล้ว พวกเขาจึงตั้งใจจะขายฟาร์มเพื่อกลับไปอยู่ที่จีน


ฟาร์มของพวกเขามีชื่อเสียงในพื้นที่เป็นอย่างมาก เนื่องจากสองสามีภรรยาดูแลอย่างเอาใจใส่ นอกจากนี้ราคาที่พวกเขาให้กับฟาร์มก็ยังเรียกได้ว่าเป็นราคาที่มีมโนธรรม ที่ผ่านมาก็มีคนมาถามซื้ออยู่เรื่อยๆ แต่หลัวจื้อเวยก็ไม่ได้ขายออกไป จนกระทั่งครั้งนี้ที่โอวหยางไห่เข้ามาเยี่ยมถึงได้เห็นแก่หน้าของเขา


พอเริ่มรู้เรื่องนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกประทับใจมาก เขาคิดว่าตัวเองได้พบกับเพื่อนร่วมชาติที่มีจิตใจดีงามมาก


แต่ต่อมาพอเห็นท่าทางเคารพนบนอบที่สองสามีภรรยามีต่อโอวหยางไห่ แค่แป๊บเดียวเขาก็เข้าใจได้ว่าพวกเขาน่าจะพอรู้เรื่องภูมิหลังของโอวหยางไห่อยู่บ้าง การขายฟาร์มราคาต่ำให้เขาก็นับว่าเป็นน้ำใจอย่างหนึ่ง คิดว่าพอกลับประเทศไปแล้วพวกเขาคงยังต้องให้โอวหยางไห่ช่วยจัดการธุระให้อีกเล็กน้อย


แน่นอนว่านี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าพูดถึง ผู้คนบนโลกนี้ต่างก็วิ่งเต้นเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น เขาเองก็ไม่ได้ใสสะอาดขนาดนั้น จะไปว่าคนอื่นทำตัวเน่าเหม็นก็ไม่ได้


หลังจากพูดเรื่องนโยบายและมูลค่าของฟาร์มไปแล้ว หลัวจื้อเวยกับภรรยาก็พาทั้งสามคนขึ้นรถยนต์ไฟฟ้าของฟาร์ม แล้วเริ่มเยี่ยมชมฟาร์มแห่งนี้


บทที่ 631 ประเพณีที่แตกต่าง

โดย

Ink Stone_Fantasy

ขณะขับรถ หลัวจื้อเวยก็เริ่มพูดจาฉะฉานอย่างมีหลักการ “ถ้าชอบทำฟาร์ม แคนาดาก็ค่อนข้างเหมาะสมจริงๆ ข้อนี่ต้องขอยอมรับเลย นโยบายที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรของที่นี่ดีกว่าที่จีนเยอะ การลงทุนกับฟาร์มก็เป็นการลงทุนที่ดีมากๆ เหมือนคำพังเพยที่ว่าเงินมีแต่จะเสื่อมมูลค่า ที่ดินมีแต่มูลค่าเพิ่ม”


ฉินสือโอวรู้สึกว่านี่ก็สมเหตุสมผลอยู่เหมือนกัน เมื่อก่อนตอนที่เขาสำรวจข้อมูลของฟาร์ม ตามราคาธัญพืชและราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มสูงขึ้น รัฐวิสาหกิจต่างๆ อย่าง COFCO จึงปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การพัฒนาไปสู่การเปิดดำเนินการทำฟาร์มในประเทศที่ยังไม่พัฒนาและออกไปลงทุนทำฟาร์มในต่างประเทศ


แน่นอนว่าพวกเขาต้องเลือกทวีปแอฟริกา เนื่องจากราคาที่ดินและแรงงานในทวีปแอฟริกาถูกกว่าที่แคนาดามาก


แต่สำหรับเอกชนแล้ว ถ้าจะลงทุนทำฟาร์มปลาที่ต่างประเทศ เลือกแคนาดาก็คงจะดีกว่า


แอฟริกามีราคาที่ดินกับแรงงานถูกก็จริง ทว่าสังคมในพื้นที่ผันผวนไม่แน่นอน กฎหมายยังไม่สมบูรณ์พร้อม คนในท้องที่มีความรู้สึกต่อต้านต่างชาติอย่างรุนแรง ไม่มีการสนับสนุนจากรัฐ ภาคเอกชนที่เข้าไปก็รู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา


ฉินสือโอวเล่าสถานการณ์ที่เขาพอจะเข้าใจให้เหมาเหว่ยหลงฟังแล้วยุให้เขาอยู่ที่แฮมิลตัน ถ้าปล่อยให้เขาไปมอนตานา แบบนั้นถ้าอยากเจอกันอีกก็คงจะยากแล้ว


หลัวจื้อเวยได้ยินว่าเหมาเหว่ยหลงค่อนข้างสนใจอเมริกาจึงเปรียบเทียบให้ฟัง “ทำฟาร์มอยู่ที่แคนาดาดีกว่าที่อเมริกานะ เพราะแคนาดาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่พัฒนาแล้ว การเกษตรเลยครอบครองสัดส่วนน้อยมาก เพื่อที่จะส่งเสริมการพัฒนาการเกษตร รัฐบาลแคนาดาเลยกำหนดนโยบายช่วยเหลือเจ้าของฟาร์มขึ้นมาหนึ่งชุด ข้อนี้อเมริกาเทียบกันไม่ติดเลย เนื่องจากตอนนี้อเมริกามีฟาร์มขนาดใหญ่เยอะเกินไป การผนวกที่ดินก็รุนแรงไปด้วย”


ฟาร์มมาเธอร์เอิร์ธวางแผนได้ไม่เลวเลย พื้นที่เกษตรกรรมถูกแบ่งเป็นบล็อกสี่เหลี่ยมหลายๆ บล็อก มีบางส่วนปลูกข้าวโพด ปลูกข้าวบาร์เลย์ ปลูกบักวีต ปลูกถั่วเหลืองกับบางส่วนที่ปลูกดอกเรพซีด


ระยะเวลาในการปลูกผลิตผลทางการเกษตรไม่ได้ตรงกันทั้งหมด ดังนั้นจึงมีบางส่วนที่มีสภาพการเจริญเติบโตงอกงามแล้ว บางส่วนก็เพิ่งจะแตกหน่อ และบางส่วนที่ยังไม่มีเค้าลางของการเจริญเติบโตปรากฏขึ้นเลยด้วยซ้ำ หลัวจื้อเวยไม่ได้อธิบายทั้งสามคนจึงไม่มีใครรู้ว่าเขาปลูกอะไรไป


ทว่าไม่ว่าจะเพิ่งโตขึ้นมาหรืองอกงามแล้ว สภาพการเจริญเติบโตทั้งหมดก็ไม่เลวเลย เห็นได้ชัดว่าดินของฟาร์มมีความอุดมสมบูรณ์มาก


สำหรับข้อนี้ เหมาเหว่ยหลงพึงพอใจมาก เขาเล่าให้ฉินสือโอวฟัง “ฟาร์มของที่นี่เป็นฟาร์มที่ดีที่สุดในบรรดาฟาร์มทั้งหมดที่ฉันเคยไปดูมาเลย ก่อนหน้านี้มีฟาร์มหญ้าสำหรับให้อาหารสัตว์ที่หนึ่งที่เหมือนจะเติบโตได้ดี แต่พอฉันสังเกตดูละเอียดๆ ก็เห็นว่าชั้นดินของทุ่งหญ้าตื้นเกินไป เหมาะสำหรับปลูกหญ้าอย่างเดียวเท่านั้นไม่เหมาะกับการปลูกผักกับธัญพืช”


“แล้วก็มีฟาร์มอีกที่หนึ่ง เจ้าของฟาร์มตรงนั้นโลภเกินไป เขาสนใจแต่การเพาะปลูกแต่ไม่ถนอมที่ดิน สิบกว่าปีต่อมา ดินของฟาร์มก็เสียหายหมดแล้ว พอฝนตกก็กลายเป็นหนองเลน พอหน้าแล้งก็เวิ้งว้างว่างเปล่า ถ้าซื้อฟาร์มนั้นมาสร้างใหม่แล้วไม่ได้ใช้เวลาสี่ห้าปี ไม่ได้ลงทุนหลายแสนก็อย่าหวังเลยว่าจะมีประโยชน์”


พอได้ยินที่เหมาเหว่ยหลงพูด หลัวจื้อเวยก็หัวเราะเสียงดังแล้วพูดออกมา “น้องชาย ฟาร์มของเราไม่ได้โม้นะ ถึงพื้นที่อาจจะไม่ใหญ่ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องคุณภาพดิน เราก็ต้องเป็นแนวหน้าของหามาถุน[1]แน่นอน”


พอหลัวจื้อเวยพูดแบบนี้ เหมาเหว่ยหลง ฉินสือโอวและโอวหยางไห่ต่างก็พากันชะงักงัน ทั้งสามคนหันมาสบตากันอย่างทึ่มๆ แล้วพากันถามด้วยความงงงวยว่า “หามาถุน? หามาถุนคือที่ไหนครับ? ใช่เมืองนี้ไหม?”


เห็นทั้งสามคนไม่เข้าใจ ไช่หมิงเจวียนจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “หามาถุนก็คือแฮมิลตันนั่นแหละ พวกเราคนจีนที่อยู่ที่นี่ตั้งชื่อเล่นให้มัน ถ้าพวกเธออ่านออกเสียงภาษาอังกฤษของชื่อแฮมิลตันแยกกันก็จะรู้ว่าทำไมคนบ้านเดียวกันกับพวกเราถึงเรียกมันว่าอย่างนี้”


ฉินสือโอวลองอ่านคำนี้เงียบๆ ภาษาอังกฤษของคำว่าแฮมิลตันก็คือ Hamilton ถ้าอ่านแยกกัน ก็จะเป็น Ha-mil-ton ถ้าอ่านช้าๆ หน่อยก็จะออกเสียงว่าหามาถุนจริงๆ


“ไม่ใช่แค่การทับเสียงนะ ถ้าพวกนายเห็นแผนที่อันเก่าก็จะเข้าใจ แฮมิลตันเมื่อหลายปีก่อนเพิ่งจะกลืนเมืองเล็กรอบๆ จนกลายมาเป็นเมืองนี้ บนแผนที่เมื่อก่อนเมืองนี้เป็นเหมือนแค่ตีนกบที่ยื่นออกมาเท่านั้นเอง” หลัวจื้อเวยพูดเสริม


เหมาเหว่ยหลงฟังทั้งที่สองคนพูดจาหยอกล้อก็รู้สึกว่าน่าสนใจจริงๆ เขาใช้แขนกระทุ้งฉินสือโอวพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม “แกมาอยู่แคนาดาตั้งปีหนึ่งแล้ว กระทั่งชื่อเล่นของแฮมิลตันก็ไม่รู้จักเหรอ?”


ถึงฉินสือโอวจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแบบที่ไม่ได้หามาเอง แต่ถึงยังไงข้างๆ ตัวเขาก็มีแต่คนพื้นเมือง เรื่องเกี่ยวกับเมืองหลายเมืองในประเทศนี้เขาก็นับว่ามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เขาจึงยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า “ใครบอกแกว่าฉันไม่รู้จักชื่อเล่นของมัน? ฉันแค่คิดไม่ถึงว่าคนบ้านเดียวกันกับเราจะมีความสามารถขนาดนี้ ถึงได้คิดชื่อหามาถุนขึ้นมาได้”


“ถ้าอย่างนั้นยังมีชื่อเล่นอย่างอื่นอีกเหรอ?” เหมาเหว่ยหลงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น


ฉินสือโอวพยักหน้ารับ เขากล่าว “คนพื้นเมืองของแฮมิลตันน่ะจะชอบเรียกเมืองนี้ว่า ‘เมืองรักแร้’ ”


ชื่อเล่นชื่อนี้เกี่ยวข้องกับรูปร่างลักษณะของโกลเด้น ฮอร์สชู เมืองใหญ่แห่งนี้เป็นเส้นโค้งบนแผนที่ ว่ากันว่าชื่อโกลเด้น ฮอร์สชูเป็นชื่อเรียกจากศิลปะวรรณคดี ชื่อเรียกทั่วไปก็คือแฮมิลตัน ส่วนชื่อเรียกเพี้ยนๆ ก็คือเมืองรักแร้ เนื่องจากบนแผนที่พื้นที่บริเวณนี้ดูเหมือนรักแร้ที่โค้งงอจริงๆ


หลัวจื้อเวยกับภรรยาย่อมรู้จักชื่อนี้อยู่แล้วจึงพากันฟังฉินสือโอวอธิบายให้เหมาเหว่ยหลงฟังด้วยรอยยิ้ม


พอฟังจบแล้วเหมาเหว่ยหลงก็ส่ายหัว เขาพูดอย่างทอดถอนใจ “ถ้าพูดถึงชื่อเล่น พวกเราคนจีนยังเก่งกว่าอีก เมืองรักแร้จะนับว่าเป็นอะไรได้? นี่ไม่ได้อธิบายความหมายอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เทียบกันกับหามาถุนของพวกเราแล้วยังห่างชั้นกันตั้งไกล”


ทุกๆ คนนั่งอยู่บนรถทั้งฟังหลัวจื้อเวยกับภรรยาแนะนำฟาร์มไป แล้วก็พูดคุยกันตามใจชอบไปด้วย ที่นี่ไม่ได้ความกว้างขวางเป็นอิสระเหมือนที่ฟาร์มปลา แต่ก็มีความน่าสนใจอีกแบบเช่นกัน


ตอนที่รถยนต์ไฟฟ้าขับมาถึงริมขอบทางทิศใต้ของฟาร์ม สวนแปลงหนึ่งก็เผยโฉมขึ้นมา พื้นที่ของสวนมีขนาดประมาณยี่สิบสามสิบเมตร ด้านในมีไม้กางเขนที่ทำจากหินอยู่หลายๆ อัน


เหมาเหว่ยหลงเคยเห็นภาพสถานที่แบบนี้จากหนังฮอลลีวูดมาเยอะแล้วจึงเผลอตัวถามออกไป “พระเจ้า นี่ไม่ใช่สุสานหรอกเหรอ?”


หลัวจื้อเวยก็ตอบเขาอย่างเบิกบานใจ “ใช่แล้ว ที่นี่ก็คือสุสานนั่นแหละ”


เหมาเหว่ยหลงมองสีหน้ามีความสุขของเหมาเหว่ยหลงด้วยความไม่เข้าใจจึงแอบดึงฉินสือโอวแล้วพูดเสียงเบา “เวร เพื่อน พี่ชายคนนี้คงไม่ได้มีอาการป่วยทางจิตหรอกใช่ไหม? สร้างฟาร์มไว้ข้างๆ สุสานแถมยังดูมีความสุขขนาดนี้อีกน่ะเหรอ?”


ฉินสือโอวพูดยิ้มๆ “ถึงเวลาที่ฉันต้องทำเป็นอวดรู้อีกแล้ว แกคงไม่เข้าใจ นี่คือประเพณีของแคนาดา คนในท้องที่ส่วนมากนับถือศาสนาคริสต์ แถมศาสนาคริสต์ยังเชื่อว่าสุสานคือสถานที่ที่อยู่ใกล้กับสวรรค์ที่สุด ดังนั้นสุสานหลายแห่งในแคนาดาเลยสร้างไว้กับสวนสาธารณะ แล้วก็มีบางส่วนที่สร้างอยู่ข้างๆ ที่อยู่อาศัยด้วย”


เหมาเหว่ยหลงแอบตกใจจนพูดไม่ออก เขาถามด้วยความประหลาดใจว่า “สร้างที่อยู่อาศัยข้างๆ สุสานเนี่ยนะ? ไม่น่ากลัวเหรอ”


“มันจะมีอะไร หลายคนก็ชอบอาศัยอยู่ข้างๆ สุสาน ว่ากันว่าพอเปิดหน้าต่างตอนดึกดื่นเงียบสงัดจะสามารถมองเห็นสวรรค์ได้เลยนะ” โอวหยางไห่พูดแทรกพร้อมรอยยิ้ม


นี่คือความแปลกประหลาดของวัฒนธรรม ถึงแม้ว่าแคนาดากับอเมริกาจะเป็นประเทศใหม่ที่มีอายุไม่มาก แต่ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมการนับถือศาสนาคริสต์ของผู้คนทั้งสองประเทศกลับลึกซึ้งและยาวนาน สิ่งนี้มีความสัมพันธ์กันกับชีวิตของผู้ที่มีความศรัทธาอย่างแน่บแนบ


ต้องมาถึงประเทศเหล่านี้ถึงจะสามารถสัมผัสได้ถึงการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมศาสนาคริสต์กับชีวิตประจำวันได้อย่างเด่นชัด วัฒนธรรมหลักคำสอนศาสนามีอิทธิพลแทรกซึมเข้าไปในทุกแง่มุมของชีวิตผู้ที่นับถือศรัทธาและระดับชั้นทางสังคม


บางครั้งเวลาที่ฉินสือโอวเดินเล่นไปในเมืองเรื่อยๆ เขาก็พบกับผู้คนบางส่วน คำทักทายปราศรัยที่พวกเขาพูดจนติดปากก็มาจากคัมภีร์ไบเบิล ฉินสือโอวเคยได้ยินคำว่าท่ามกลางเมฆหมอก ที่จริงแล้วประโยคนั้นอาจจะเป็นการอวยพร แสดงถึงความโชคดี ความสงบสุข และแน่นอนว่ามีบางส่วนที่แฝงความสุภาพเอาไว้ด้วย


แต่ถึงอย่างไรมันก็สลับซับซ้อนมากๆ อยู่ดี!


………………………………………………..


[1] หามาถุน (蛤蟆屯) คำว่า หามา (蛤蟆) มีความหมายภาษาจีนแปลว่ากบ ส่วนคำว่า ถุน (屯) ในภาษาจีนแปลว่าหมู่บ้าน


บทที่ 632 ไปดูน้ำตก

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังจากเยี่ยมชมฟาร์มแห่งนี้เรียบร้อยแล้ว หลัวจื้อเวยกับภรรยาก็เชิญทั้งสองคนเข้ามานั่งในกระท่อมกาแฟของฟาร์มแล้วบดเมล็ดกาแฟที่ปลูกกันเองให้พวกเขาลองชิม


กระท่อมกาแฟก็เหมือนกับบ้านที่ประกอบขึ้นมาจากโรงเก็บเครื่องมือขนาดเล็ก มันสูงประมาณสองเมตรกว่า ขนาดประมาณห้าสิบตารางเมตรกว่าๆ ด้านในมีเก้าอี้ตัวเตี้ยกับโต๊ะตัวเล็กอยู่จำนวนหนึ่ง หลังจากผู้คนเข้ามาข้างในแล้วก็ทำให้พื้นที่ว่างดูค่อนข้างแน่นขนัด ทว่าแบบนี้ก็ทำให้ดูมีบรรยากาศที่ดีมาก


ไช่หมิงเจวียนนำกาแฟไปชง แค่ครู่เดียวในกระท่อมก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมเข้มข้นของกาแฟจนทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมา


หลัวจื้อเวยพูดด้วยรอยยิ้ม “ทุกวันหลังจากทำงานเสร็จแล้ว ฉันกับภรรยาก็จะเข้ามานั่งในกระท่อมแล้วช่วยกันชงกาแฟ มองดูผลการเก็บเกี่ยวพืชผลที่อุดมสมบูรณ์ด้านนอก ความรู้สึกแบบนั้นมันไม่เลวเลยจริงๆ ”


เหมาเหว่ยหลงถูกจูงใจเข้าแล้ว เขาลองจินตนาการถึงภาพเหตุการณ์หลังจากทำงานมาทั้งวันแล้วมาที่กระท่อมกาแฟแห่งนี้ มีหลิวซูเหยียนที่คอยเตรียมกาแฟบดไว้ให้เขา ส่วนตั๋วตั่วก็นั่งอยู่ที่ประตูแล้วเล่นกับลูกหมาลูกแมวหนึ่งฝูง มันน่าเคลิบเคลิ้มมากจริงๆ


บนถนนขณะเดินทางกลับ เหมาเหว่ยหลงคิดจินตนาการต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ในใจของฉินสือโอวก็รู้สึกปีติยินดี เขาถามขึ้นมา “ตัดสินใจแล้วหรือยัง? ฟาร์มนี้เป็นยังไงบ้าง? ฉันว่ามันไม่เลวเลยจริงๆ นะ”


เหมาเหว่ยหลงกล่าว “ไม่เลว แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบจนไร้ที่ติ ถ้าข้างๆ ไม่ได้มีสุสานก็คงจะสวยมากจริงๆ”


ฉินสือโอวยักไหล่อย่างไม่สนใจ เขาพูดขึ้นมาอีกครั้ง “พอแล้วล่ะ เรื่องนี้มันไม่ควรเป็นปัญหา แกเข้าใจวัฒนธรรมของแคนาดาน้อยเกินไป รู้ไหมว่ารายการท่องเที่ยวที่เกาะแฟร์เวลกำลังจะเปิดคือรายการอะไร? เที่ยวชมสุสาน!”


พอได้ยินอย่างนี้เหมาเหว่ยหลงก็ส่ายหัวอย่างไม่เชื่อคำพูดเขาแล้วตอบกลับไป “แกอย่าคิดว่าฉันเรียนมาน้อย ฉันไม่ให้หลอกได้ง่ายๆ…”


แต่แล้วโอวหยางไห่ก็พูดแทรกเข้ามา “น้องฉินไม่ได้หลอกนายนะ ถึงยังไงที่มอนตานาก็มีรายการเที่ยวชมสุสานเยอะกว่าอีก ทำธุรกิจกับคนเอเชียโดยเฉพาะด้วย ฉันเห็นในข่าวบอกว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ไม่น้อยเลย”


นี่คือการปะทะกันทางความเชื่อและวัฒนธรรมของตะวันออกกับตะวันตก ในความเชื่อของศาสนาพุทธและลัทธิเต๋าของชาวตะวันออก ความตายเป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวมาก สุสานมักจะมีความเกี่ยวข้องกันกับคำศัพท์อย่าง ‘นรก’ ‘ยมโลก’ ‘ปีศาจ’ ‘ความหวาดกลัว’ อะไรพวกนั้น


แต่ในศาสนาคริสต์ ความตายก็คือการกลับสู่อ้อมอกของพระผู้เป็นเจ้า แน่นอนว่าไม่มีใครหวังว่าตัวเองจะตายเร็วๆ แต่ผู้คนก็ไม่ได้มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเลวร้ายหรือน่าหวาดกลัว โดยทั่วไปแล้วสุสานของแคนาดาล้วนแต่ถูกสร้างอย่างยิ่งใหญ่อลังการและกว้างขวาง มีพื้นที่สีเขียวดี มีสภาพแวดล้อมดี ข้างๆ ก็มักจะเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงมักจะพบเห็นว่ามีคู่รักมาออกเดตในสุสานอันเงียบสงบอยู่เป็นประจำ


ฉินสือโอวอธิบายให้เหมาเหว่ยหลงฟังอยู่สักพัก เหมาเหว่ยหลงก็ยังไม่เชื่อ ฉินสือโอวจึงให้เบิร์ดใช้อุปกรณ์จีพีเอสนำทางของเฮลิคอปเตอร์กำหนดตำแหน่งทิศทาง แล้วมุ่งตรงไปยังสุสานที่ใหญ่ที่สุดในแฮมิลตัน สุสานอิมพีเรียลวอร์ริเออร์


สุสานแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกสุดในสงครามโลกครั้งที่สอง มันถูกใช้เพื่อระลึกถึงทหารของกองพลทหารแฮมิลตันที่มีชื่อเสียงซึ่งเสียชีวิตระหว่างการสู้รบ


กองพลทหารแฮมิลตันเคยเข้าร่วมการถอนทัพที่เดิงแกร์ก ในตอนนั้นพวกเขาเป็นหนึ่งในไม่กี่กองพลที่ยิงปะทะกันกับกองทัพเยอรมันบนพื้นที่ทางบก มีผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทว่าการต่อสู้อย่างยอมตายแต่ไม่ยอมถอยของเหล่าทหารก็ทำให้ผู้คนรู้สึกทอดถอนใจด้วยความเลื่อมใสจริงๆ


เบิร์ดใช้ช่องคลื่นความถี่วิทยุติดต่อกับสำนักงานการบินของแฮมิลตัน รายงานการเปลี่ยนแปลงเส้นทางการบินของตัวเอง หลังจากนั้นก็บินไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง ที่นั่นก็คือตำแหน่งที่ตั้งของสุสานนั่นเอง


เมื่อมองลงไปจากบนฟ้า แค่แวบเดียวก็มองเห็นสุสานที่กว้างใหญ่แห่งนี้แล้ว ด้านบนมีไม้กางเขนปักไว้เต็มไปหมด และยังปลูกต้นไม้ที่เขียวชอุ่มอยู่ตลอดปีอย่างพวกต้นสนไว้เป็นจำนวนมาก สนามหญ้าเองก็ถูกตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เฮลิคอปเตอร์ลดระดับความสูงลงจนกระทั่งสามารถมองเห็นพ่อแม่บางส่วนที่พาลูกมาอาบแดดอยู่บนสนามหญ้าในสุสานได้…


คราวนี้เหมาเหว่ยหลงเชื่อแล้ว ในที่สุดความกลัวของเขาก็หายไป เขาพยักหน้าแรงๆ แล้วพูดออกมา “โอเค ซื้อฟาร์มมาเธอร์เอิร์ธนี่แหละ! พี่ไห่ รบกวนพี่ช่วยติดต่อเขาให้ผมหน่อย ลองดูหน่อยว่ามีขั้นตอนการจัดการยังไงบ้าง”


โอวหยางไห่แย้มรอยยิ้มพร้อมพูดออกมา “ไม่มีปัญหา เรื่องพวกนี้ปล่อยให้ฉันจัดการก็พอ”


ฉินสือโอวจ้องมองโอวหยางไห่ที่เป็นคนสุขุมและอดทนแล้วลองคิดถึงตัวเองดู เขารู้สึกว่าตัวเองพึ่งพาไม่ค่อยได้เลย นี่ทำให้รู้สึกใจคอเหี่ยวแห้งจริงๆ


เหมาเหว่ยหลงไม่ได้พูดถึงเรื่องเงิน ฉินสือโอวจึงส่งสายตาให้เขา ว่าแล้วเหมาเหว่ยหลงก็พูดเสียงเบาพร้อมรอยยิ้มพลางบอกกับเขาว่า “วางใจได้ ถ้าฉันขาดแคลนเงิน ฉันจะมาหานายแน่ แต่เงินที่ซื้อฟาร์มในครั้งนี้นายไม่จำเป็นต้องช่วยหรอก พี่ไห่จะเป็นคนช่วยฉันเอง”


“ทำไมวะ?” ฉินสือโอวถามด้วยความไม่เข้าใจ


เหมาเหว่ยหลงกล่าว “เหตุผลนี้อธิบายค่อนข้างยาก เอาไว้ค่อยคุยกันเถอะ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือพวกเราต้องหาจุดหมายถัดไป”


ฉินสือโอวกล่าว “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องไปฟาร์มปลาของฉันอยู่แล้ว เหล้าเบียร์ อาหารทะเลกับเนื้อแล้วก็ผักสดมีครบหมดทุกอย่าง!”


เบิร์ดก็หันหน้ากลับมาบอก “บอส ที่นี่ห่างจากน้ำตกไนแอการาไม่ไกลแล้ว คุณไม่ลองไปดูหน่อยเหรอครับ?”


เมื่อได้ยินเบิร์ดพูดอย่างนี้ ฉินสือโอวถึงเพิ่งนึกออกในทันใด ใช่แล้ว ตอนนี้เขาอยู่ที่แฮมิลตัน ระยะทางห่างจากน้ำตกไนแอการาไม่ไกลเท่าไรแล้ว แน่นอนว่าต้องลองไปดูสักหน่อย


น้ำตกไนแอการาตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของแฮมิลตัน อยู่ระหว่างทะเลสาบอิรีกับทะเลสาบออนแทรีโอ ทอดตัวข้ามพรมแดนแคนาดากับอเมริกา มันถึงขนาดเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงที่สุดของแคนาดาเลยทีเดียว


การเที่ยวชมน้ำตกไม่สามารถใช้เฮลิคอปเตอร์ได้ เนื่องจากน้ำตกมีกระแสลมแรง ปีกของเฮลิคอปเตอร์สามารถกวนกระแสลมได้ รวมกับที่ไม่สามารถเข้าใกล้บนท้องฟ้ากับบริเวณใกล้เคียงได้ ดังนั้นเบิร์ดจึงเรียกศูนย์การบินผ่านเครื่องมือสื่อสาร จนเจอดาดฟ้าของโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งเพื่อนำเฮลิคอปเตอร์ลงจอด


เมื่อมีบัตรแบล็ก อาเม็กซ์ก็จัดการธุระได้อย่างง่ายดาย ฉินสือโอวแสดงบัตรให้ผู้จัดการโรงแรมพร้อมคุยกันไม่กี่ประโยค ผู้จัดการโรงแรมก็จัดเตรียมรถแลนด์โรเวอร์อีโวคให้พวกเขาหนึ่งคัน ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมัดจำกับค่าน้ำมันก็สามารถขับออกไปได้เลย ถ้าหากไม่มีคนขับรถก็สามารถจัดบริการคนขับรถให้แบบฟรีๆ ได้อีกด้วย


พอเห็นแบบนี้เหมาเหว่ยหลงก็ถอนหายใจแล้วพูดออกมา “นายดูสิ ดูความชั่วร้ายของลัทธิทุนนิยมพวกนี้ ฉันต้องช่วยชาวบ้านในแคนาดาให้รอดพ้นจากสภาพความทุกข์ยากแบบนี้ให้ได้ จะปล่อยให้นายทุนเศรษฐีที่ดินแบบพวกนายกำเริบเสิบสานรังแกคนอื่นตามอำเภอใจไม่ได้เด็ดขาด!”


เบิร์ดสตาร์ทรถ พวกเขาทั้งสี่คนมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง


วันนี้อากาศดี พอเงยหน้ามองท้องฟ้ากว้างใหญ่ก็ไร้เมฆครึ้ม นานๆ ทีจะมีผืนก้อนเมฆสีขาวราวกับปุยฝ้ายค่อยๆ ลอยผ่านมาอย่างช้าๆ ทำให้สีฟ้าครามของท้องฟ้าชัดเจนขึ้นยิ่งกว่าเดิม


“ท้องฟ้าที่แคนาดาดูเหมือนจะเข้มกว่าที่อเมริกานิดหน่อย เหมือนหินคริสตัลสีฟ้าไม่มีผิด มันทำให้รู้สึกสบายใจจริงๆ” โอวหยางไห่พูดอย่างทอดถอนใจ


ฉินสือโอวก็พูดตอบเขาด้วยรอยยิ้ม “แฮมิลตันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมได้ดีเยี่ยมจริงๆ ว่ากันว่านี่เป็นเมืองเหล็กกล้าของแคนาดา เพียงแต่ผมคิดว่าที่นี่น่าจะเทียบกับท้องฟ้าของมอนตานาไม่ได้”


โอวหยางไห่ส่ายหัวน้อยๆ เขากล่าวว่า “มันไม่เหมือนกันหรอก ท้องฟ้าของมอนตานามีความรู้สึกหยาบกร้านอยู่อย่างหนึ่ง ฟ้าขนาดใหญ่นับหมื่นหมู่ พื้นดินราบเรียบ พอมองออกไปไกลๆ ท้องฟ้าสีครามกับผืนแผ่นดินกว้างใหญ่ก็ผสานเข้าด้วยกัน ท้องฟ้าของที่นี่ละเอียดเกลี้ยงเกลาและอ่อนโยนยิ่งกว่า มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน”


ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่ เบิร์ดก็เพิ่มความเร็วให้รถอย่างช่ำชอง แค่ครู่เดียวพวกเขาก็ออกจากเขตเมืองแฮมิลตันแล้ว


เมื่อมาถึงชานเมือง ทางหลวงก็ยิ่งตรงและกว้างขึ้น ภูมิประเทศรอบด้านก็ยิ่งราบเรียบมากขึ้นไปอีก พอทอดสายตามองออกไปไกลก็มีแต่พื้นที่ธรรมชาติสีเขียว พงหญ้าผืนใหญ่ถูกตัดแต่งจนสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย และยังมักจะมีป่าผืนเล็กๆ ปรากฏขึ้นอยู่บ่อยครั้งด้วย


การจราจรในเมืองก่อนหน้านี้ก็ไม่นับว่าหนาแน่น ตอนนี้มาถึงชานเมืองแล้ว แต่กลับมีรถเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม


ฉินสือโอวดูมือถือ ที่แท้วันนี้ก็เป็นวันเสาร์นี่เอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมรถถึงเยอะขนาดนี้ นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่มาเที่ยวชมน้ำตกยักษ์ และยังมีพนักงานออฟฟิศและผู้ใช้แรงงานบางส่วนที่ถือโอกาสช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์พาครอบครัวมาท่องเที่ยวและทานอาหารแบบปิกนิกที่แถบชานเมืองเพื่อผ่อนคลายจิตใจด้วย


………………………………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)