ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 619-625

 บทที่ 619 ภัยร้ายของปลาแบมบูซ่า

โดย

Ink Stone_Fantasy

พอคิดถึงบ้าน ฉินสือโอวก็โทรศัพท์ไปหา ตอนนี้ที่บ้านเป็นเวลาพลบค่ำ พ่อกับแม่ยังไม่ได้พักผ่อนแน่นอน ปกติทุกๆ ครั้งเขาก็จะโทรไปเวลานี้ พ่อกับแม่ที่บ้านจึงเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว


พ่อของเขาดูมีกำลังวังชาไม่เบาเลย ในสายโทรศัพท์ก็หัวเราะฮ่าๆ ออกมาตลอดเหมือนบูลที่สูบกันชาเมื่อก่อนหน้านี้ไม่มีผิด


“แกไม่ต้องห่วงเรื่องที่บ้านหรอก ตอนนี้เปิดห้องเย็นกับโรงงานกระป๋องแล้วล่ะ หัวหน้าหมู่บ้านติดต่อตลาดไปหลายที่แล้ว เราไปเปิดพวกร้านขายของที่นั่นได้ ไม่กี่วันก่อนที่โรงงานก็ผลิตพวกพีชกระป๋อง พลัมกระป๋องออกมาบางส่วนแล้ว ถ้าแกกลับมาเมื่อไรก็มาชิมดูได้ อร่อยมากจริงๆ ”


ที่บ้านอยู่กันอย่างแข็งแรงและมีความสุขฉินสือโอวก็รู้สึกวางใจ เขาบอกให้พ่อส่งโทรศัพท์ให้กับแม่ แต่พ่อบอกว่าแม่ยังทำงานอยู่ที่ฟาร์มปลา


ฉินสือโอวรู้สึกงงงวยจึงถามออกไป “ฟาร์มปลา? ที่บ้านก็มีฟาร์มปลาเหรอครับ?”


พ่อหัวเราะฮ่าๆ แล้วบอกกับเขา “ฟาร์มปลาเล็กๆ ไง ก็ลำน้ำตรงนั้นของแม่น้ำไป๋หลงนั่นแหละ ข้างในก็เลี้ยงปลาทองกับกุ้งเครย์ฟิชอะไรพวกนั้นไว้ไม่ใช่เหรอ? แบบนั้นก็เป็นฟาร์มปลาแล้วไม่ใช่หรือไง?”


ฉินสือโอวคุยกับพ่อต่ออีกไม่กี่คำก็หัวเราะแล้ววางสายไป แบบนั้นมันจะนับว่าเป็นฟาร์มปลาอะไรได้? มันแทบจะไม่ต่างกับบ่อปลาด้วยซ้ำ เอาไว้ให้พ่อกับแม่ทำฆ่าเวลาแล้วกัน ยังไงซะงานในฟาร์มปลาก็สบายกว่างานที่ไร่ ถึงยังไงก็ไม่ได้ต้องการปลาจากบ่อสักเท่าไรอยู่แล้ว จุดประสงค์ก็เพื่อความผ่อนคลายมากกว่าทำเพื่อหาเงิน


แต่ถ้าบ่อปลามีผลผลิตก็จะยิ่งดี พ่อกับแม่ได้ดูแลบ่อปลาถึงจะมีกำลังใจมากขึ้น ถ้าปีนี้หาเงินจากบ่อปลาไม่ได้ คิดว่าพวกท่านก็คงจะกลับไปปลูกธัญพืชและทำสวนผักเหมือนเดิม


ดังนั้นฉินสือโอวจึงส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปที่บ่อปลา เตรียมตัวถ่ายทอดพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้พวกกุ้งกับปลา เขาเคยควบคุมปลาในบ่อจำนวนมาก พอๆ กับที่เคยระบุพิกัดไว้ให้ตัวเอง


บ่อปลาก็มีน้อยนิดแค่นั้น ตอนนี้พื้นที่ว่างในการควบคุมจิตสำนึกแห่งโพไซดอนของฉินสือโอวขยายใหญ่มากแล้ว พอเขาเคลื่อนย้ายไป ทุกสิ่งในบ่อปลาก็ตกอยู่ภายใต้ขอบเขตการควบคุมของเขาทันที


ที่มีอยู่เยอะที่สุดก็คงจะเป็นพวกปลาทองกับปลาเฉาฮื้อที่เอามาปล่อยเลี้ยงในบ่อ นอกจากนี้ยังมีปลาไหลนา ปลากุ้ย ปลาทรายแดง ปลาดุกหัวเหลืองและปลาแม่น้ำชนิดอื่นๆ ทว่ามีจำนวนน้อยมาก และเนื่องจากการจับปลาของมนุษย์ พวกมันจึงเรียนรู้จนฉลาดเฉียบแหลมและพากันซ่อนตัวอยู่ใต้ก้นแม่น้ำเสียส่วนใหญ่


กุ้งมังกรที่นำมาปล่อยเลี้ยงเมื่อก่อนหน้านี้ก็พบเห็นได้ไม่มากนัก ใต้ก้นแม่น้ำกับข้างใต้ริมฝั่งแม่น้ำปรากฏให้เห็นเป็นรูเล็กๆ จำนวนมาก ฉินสือโอวจึงรู้ว่าพวกกุ้งเครย์ฟิชอาศัยอยู่ที่ตรงนั้น


สาหร่ายกับพืชน้ำที่อยู่ในแม่น้ำสามารถเจริญเติบโตได้อย่างเขียวชอุ่มภายใต้การกระตุ้นของพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนและเป็นแหล่งผลิตอาหารที่อุดมสมบูรณ์สำหรับปลาเฉาฮื้อ ปลาทองกับกุ้งเครย์ฟิช และยังเป็นที่ซ่อนให้กับพวกมันอีกด้วย ปลาจำนวนมากจึงเบียดเสียดกันอยู่ในพืชน้ำเหล่านั้น…


ฉินสือโอวรู้สึกว่ามันแปลกๆ บ่อปลาไม่ใช่ฟาร์มปลา ลำน้ำไม่ใช่มหาสมุทร ที่นี่ก็ไม่มีอะไรที่เป็นศัตรูทางธรรมชาติของพวกปลาเฉาฮื้อกับปลาทองเลย แล้วทำไมพวกลูกกุ้งลูกปลาพวกนี้ถึงต้องซ่อนตัวอยู่ในพืชน้ำด้วยล่ะ?


ฉินสือโอวรีบตรวจสอบบริเวณนี้ทันที การตรวจสอบครั้งนี้ทำให้เขาขมวดคิ้วขึ้นมา ในส่วนที่ลึกที่สุดบริเวณตรงกลางลำน้ำมีปลาสีเทาขาวขนาดใหญ่กำลังเล่นกันอยู่สามสี่ตัว


ปลาพวกนี้มีลำตัวเรียวยาวและค่อนข้างแบนเล็กน้อย ส่วนท้องกลมกลึงและล้วนมีความยาวมากกว่าครึ่งเมตร หัวของมันยาวและมีส่วนปลายที่แหลม นอกจากนี้ยังมีปากใหญ่และแหลมยาว ขณะที่กำลังว่ายน้ำก็เคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง ดูมุทะลุดุดันและโหดร้ายมาก


ในตอนนี้ลูกปลาทองหนึ่งฝูงกำลังว่ายน้ำข้ามมาจากด้านบน หลังจากค้นพบลูกปลาทอง ปลาใหญ่ลำตัวเรียวยาวที่กำลังว่ายน้ำเล่นก็พากันหยุดลงทันที พวกมันจับจ้องลูกปลาทองตาเป็นมัน แค่ครู่เดียวก็บุกเข้าไปเหมือนยิงลูกธนูแหลมดัง ‘ฟึบ’!


ปากใหญ่แหลมยาวอ้าออก เมื่อปลาใหญ่งับปากกัดหนึ่งครั้ง ปลาทองตัวเล็กตัวหนึ่งก็ตกเข้าไปในปากมันทันที


ฝูงลูกปลาทองหนีเตลิดด้วยความตื่นตระหนก ปลาใหญ่หลายตัวไล่ตามฆ่าพวกมันอยู่ข้างหลังอย่างไม่ลดละ เมื่อกินลูกปลาทองเข้าไปทั้งหมดยี่สิบกว่าตัวแล้วพวกมันถึงได้สะบัดหัวสะบัดหางว่ายลงไปใต้น้ำ เหลือทิ้งไว้เพียงฝูงปลาเฉาฮื้อกับปลาดุกที่ซ่อนตัวอยู่ในพืชน้ำพร้อมร่างสั่นเทิ้ม


ฉินสือโอวคอยสังเกตการณ์อยู่ตลอด ตอนแรกเขายังไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่พอได้เห็นท่าทางการล่าอาหารของปลาใหญ่สี่ตัวนี้ เขาจึงมั่นใจแล้วว่าปลาพวกนี้คือปลาอะไร จอมเผด็จการแห่งปลาน้ำจืด ปลาแบมบูซ่า!


ที่บ้านเกิดของเขา ปลาแบมบูซ่ามีชื่อเรียกทั่วไปว่าปลาก่านจื่อหุน ปลาชนิดนี้มีนิสัยดุร้ายมาก เป็นปลาประเภทที่กินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร ขอแค่เป็นปลาที่มีขนาดเล็กกว่าพวกมัน ไม่ว่าจะเป็นปลาอะไรพวกมันก็กินได้ทั้งนั้น ดังนั้นจึงถูกเรียกว่าเป็นศัตรูทางธรรมชาติของผู้เลี้ยงปลาน้ำจืด


ฉินสือโอวจำได้ว่าปีที่เขาอยู่ชั้นมัธยมปลายปีที่สาม เกษตรกรที่อยู่ติดกับหมู่บ้านของเขาสร้างบ่อปลาเพื่อรับเอาปลาคาร์ฟมาเพาะเลี้ยง เกษตรกรคนนั้นไม่มีความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงปลาเลยแม้แต่น้อย หลังจากเอาลูกพันธุ์ปลามาปล่อยแล้วก็กำหนดเวลามาโปรยอาหารปลาลงไปในบ่อ สุดท้ายพอต้องการจะจับปลา กลับพบว่าในบ่อมีปลาคาร์ฟอยู่เพียงไม่เท่าไร!


ในตอนนั้นรอบๆ ตัวเขาต่างพูดเรื่องนี้ต่อกันตื่นตระหนก บางคนก็บอกว่าถูกโจรขโมยปลาไป บ้างก็ว่าที่ใต้บ่อปลามีทางน้ำอยู่ สุดท้ายกรมการเกษตรและป่าไม้ของอำเภอจึงส่งคนมาลากอวนตรวจสอบ แต่ปรากฏว่าปลาสองตัวที่จับขึ้นมาจากในบ่อล้วนแต่เป็นปลาแบมบูซ่าที่มีความยาวกว่าครึ่งเมตรทั้งคู่


เป็นปลาแบมบูซ่าสองตัวนี้นี่เองที่กินปลาคาร์ฟในบ่อจนหมดภายในหนึ่งปี นี่จึงแสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายและน่ากลัวของปลาชนิดนี้


นับตั้งแต่นั้นมา ที่บ้านเกิดของฉินสือโอวถ้ามีคนต้องการเลี้ยงปลาอีก พวกเขาก็จะหว่านแหตรวจสอบบริเวณบ่อปลาให้แน่ใจก่อนหนึ่งรอบ เพราะกลัวว่าจะมีปลาแบมบูซ่าแฝงตัวอยู่นั่นเอง ตอนที่ฉินสือโอวล้อมลำน้ำแห่งนี้เขาก็เคยตรวจสอบมาก่อนแล้ว แต่ตอนนั้นในแม่น้ำแห่งนี้ไม่ได้มีพวกปลากินเนื้ออยู่เลยแม้แต่ตัวเดียว


ตอนนี้เกิดปัญหาขึ้นแล้ว ปลาแบมบูซ่าสี่ตัวนี้มาจากไหนกัน? ด้านหน้าและด้านหลังลำน้ำแห่งนี้ถูกกั้นตาข่ายไว้อย่างมิดชิด ปลาแบมบูซ่าก็คงไม่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ ถ้างั้นนอกจากถูกคนเจตนาไม่ดีเอามาปล่อย ฉินสือโอวก็คิดถึงความเป็นไปได้ข้ออื่นไม่ออกแล้ว


การค้นพบครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกโมโหมาก การปล่อยปลาแบมบูซ่าเป็นวิธีที่คนแถวบ้านเขานำมาใช้ทำร้ายบ่อปลาคนอื่นบ่อยที่สุด เมื่อก่อนจะใช้การวางยา แต่การวางยาในบ่อปลาจะสามารถจับคนทำได้อย่างง่ายดาย ถึงอย่างไรถ้าหากต้องการฆ่าปลาทั้งหมดในบ่อ ก็จำเป็นต้องใช้ยาฆ่าหญ้าเป็นจำนวนไม่น้อย


แต่การปล่อยปลาแบมบูซ่าลงไปในบ่อปลาไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างง่ายดาย แม่น้ำกับทะเลสาบแห่งใหญ่ที่บ้านเกิดของเขาก็มีปลาชนิดนี้ทั้งนั้น ถ้าอดทนหน่อยก็ตกขึ้นมาได้แล้ว ดังนั้นจึงไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าใครเป็นคนทำ หัวใจโพไซดอนก็ช่วยเรื่องนี้ไม่ได้


ดังนั้นฉินสือโอวจึงทำได้เพียงควบคุมปลาแบมบูซ่าสี่ตัวนี้ให้กระโดดขึ้นไปบนฝั่ง นับว่าเป็นการเตือนพ่อกับแม่ให้ระวัง หลังจากนี้พวกเขาจะได้ระวังตัวหน่อย


พอไม่มีการคุกคามของปลาแบมบูซ่า ลำน้ำก็คึกคักขึ้นมาทันที ฉินสือโอวถ่ายทอดพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าสู่ร่างกายของปลากับกุ้งพวกนี้ ปลาที่ซ่อนตัวอยู่ในพืชน้ำจึงว่ายน้ำออกมาทันทีแล้วไล่กินแพลงก์ตอนที่อยู่บนผิวน้ำเป็นอาหาร


นอกจากนี้กุ้งเครย์ฟิชที่ซึมซับพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าไปแล้วก็มุดออกมาจากหลุมเลนใต้แม่น้ำเช่นเดียวกัน พวกมันเข้าไปในดงพืชน้ำแล้วเลือกที่ที่ปลอดภัยก่อนจะเริ่มลอกคราบ


กุ้งมังกรเจริญเติบโตได้เร็วมาก เลี้ยงมาแค่หนึ่งไตรมาสกุ้งพวกนี้ก็โตจนมีขนาดความยาวถึงเจ็ดแปดเซนติเมตรแล้ว ทุกๆ ตัวล้วนอ้วนท้วนสมบูรณ์ ก้ามทั้งสองข้างแข็งแรงทนทาน เปลือกบนร่างกายเป็นสีแดงเข้มจนออกดำ แถมยังแต่งแต้มด้วยความชุ่มชื้นแวววาวจนดูน่าดึงดูดมากจริงๆ


ว่ากันตามปกติทั้งชีวิตกุ้งเครย์ฟิชจะลอกคราบหลายสิบครั้งจนถึงตอนที่โตเต็มวัย ฉินสือโอวเห็นว่าบนพืชน้ำมีเปลือกกุ้งเครย์ฟิชแขวนอยู่เป็นจำนวนมาก คาดว่าผ่านไปอีกเดือนสองเดือนก็คงจะส่งกุ้งเครย์ฟิชพวกนี้ไปขายได้แล้ว


หลังจากได้รับบทเรียนจากปลาแบมบูซ่า ฉินสือโอวก็ตรวจสอบบริเวณลำน้ำอีกรอบ จนกระทั่งมั่นใจว่าไม่มีสัตว์ที่เป็นอันตรายกับปรสิตฝูงใหญ่แล้วเขาถึงได้ดึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกลับมา


แต่เมื่อรู้ว่ามีคนคิดร้ายกับฟาร์มปลาของตัวเอง ต่อไปนี้เขาจะต้องเข้าไปตรวจสอบดูบ่อยๆ แล้ว


ในครั้งนี้ปลาแบมบูซ่าทำร้ายบ่อปลาจนบ่อปลาพังยับเยินพอแล้ว ปลาทั้งสี่ตัวโตจนมีความยาวถึงหนึ่งเมตร มันต้องกินปลากับกุ้งเข้าไปมากแค่ไหนกัน? ถ้าหากเขาไม่ได้โชคดีบังเอิญเข้ามาตรวจสอบพอดี คาดว่ารออีกแค่เดือนเดียวปลากับกุ้งในบ่อก็คงไม่เหลือแม้แต่เงาให้เห็นแล้ว!


บทที่ 620 ควบคุมกล้องถ่ายรูปใต้น้ำระยะไกล

โดย

Ink Stone_Fantasy

ฉินสือโอวดึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกลับมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมง อยู่ๆ ก็มีสายโทรศัพท์จากพ่อโทรเข้ามา เขาใช้ข้อศอกคิดก็เดาได้ว่าพ่อคงจะพบปลาแบมบูซ่าแล้ว


แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ พอรับสายโทรศัพท์ เสียงที่ฟังดูเร่งรีบของพ่อก็ดังขึ้นมา “แย่แล้ว เสี่ยวโอว เกิดเรื่องขึ้นแล้ว! มีไอ้สารเลวตัวไหนไม่รู้เอาปลาก่านจื่อหุนมาปล่อยในบ่อปลาของเรา! โชคดีที่เจ้าเกี๊ยวซ่ามันไปเจอเข้า เลยเห่าใส่จนพวกมันกลัวแล้ววิ่งหนีไป ทิ้งปลาก่านจื่อหุนเอาไว้ริมแม่น้ำตั้งสี่ตัว!”


เกี๊ยวซ่าก็คือสุนัขเยอรมันเชฟเพิร์ดติ๊งต๊องที่เสี่ยวฮุยหลานของฉินสือโอวเลี้ยงเอาไว้ ทั้งวันมันรู้จักแต่กินซาลาเปากินเกี๊ยว ไม่ทำงานทำการอะไรเลย มันไปเจอคนโยนปลาอะไรกันล่ะ เห็นๆ กันอยู่ว่าฉินสือโอวเป็นคนไปเจอ คาดว่ามันน่าจะเห็นปลาแบมบูซ่าสี่ตัวกำลังดีดไปมาอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำถึงได้ส่งเสียงเห่าเรียกออกมาเรื่อยๆ


แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องมีเรื่องวุ่นวายหลายอย่าง


ฉินสือโอวปลอบพ่อว่าอย่าเพิ่งเป็นกังวล บอกให้เขาเก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อนอย่าเพิ่งพูดออกไป จากนั้นก็ไปหาฉินเผิงให้มาช่วยติดกล้องวงจรปิดเพื่อรักษาการความปลอดภัยไว้ที่บริเวณหน้าหมู่บ้านกับลำน้ำสักสองสามจุด ส่วนที่บ้านก็เลี้ยงสุนัขพันธุ์พื้นเมืองฉลาดๆ ไว้อีกสักสองตัว ต่อจากนี้ก็หมั่นตรวจดูกล้องวงจรปิดบ่อยๆ ครั้งนี้คนที่คิดจะทำลายบ่อปลาทำไม่สำเร็จ ครั้งหน้ามันต้องกลับมาอีกแน่


พ่อวางสายไปด้วยความร้อนรุ่มกลุ้มใจ ฉินสือโอวจึงโทรศัพท์ไปหาหัวหน้าหมู่บ้านอีกครั้งแล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง ทั้งยังบอกให้เขาช่วยดูแลที่บ้านให้หน่อย


ประสิทธิภาพของโรงงานอาหารกระป๋องก็แสดงผลขึ้นมาทันที พอหัวหน้าหมู่บ้านได้ยินว่ามีคนเข้ามาปล่อยปลาแบมบูซ่าในหมู่บ้าน เขาก็รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที “เอาล่ะ เสี่ยวโอว เรื่องนี้นายไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะหาคนไปจัดการให้นายอย่างสาสมเลย! ติดตั้งกล้องวงจรปิด พอหาคนทำเจอแล้วฉันจะช่วยจัดการให้นายเอง!”


ที่หัวหน้าหมู่บ้านเอาใจใส่ขนาดนี้ นอกจากจะเป็นเพราะได้รับผลประโยชน์จากฉินสือโอวเรื่องโรงงานอาหารกระป๋องแล้ว ก็เป็นเพราะความต้องการเกี่ยวกับบ่อปลาด้วย เขารู้ว่าพ่อแม่ของฉินสือโอวปฏิบัติกับคนอื่นยังไง รู้ว่าหลังจากปลาในบ่อโตแล้ว ถ้าเขาอยากทาน แค่ไปขอก็ได้ปลามาทานแล้ว ถ้าปลาในบ่อถูกปลาแบมบูซ่าที่มีคนเอามาปล่อยกินไปหมด ก็คงจะไม่มีอะไรเหลือให้เขาทานแล้ว


เมื่อหลายสาเหตุรวมๆ กัน พอได้ยินว่ามีคนเอาปลาแบมบูซ่ามาปล่อยลงบ่อปลา เขาก็รู้สึกร้อนใจยิ่งกว่าฉินสือโอวเสียอีก


พอจัดการเรื่องนี้ไปบ้างแล้ว ฉินสือโอวก็กดวางสายโทรศัพท์แล้วลากเก้าอี้นอนออกมาเพราะจะอ่านหนังสือ


หู่จือที่อยู่ที่โต๊ะไม่รู้ว่าไปแหย่ต้าป๋ายท่าไหน ตัวโอพอสซัมเวอร์จิเนียที่ไม่เคยหือไม่เคยอือกับอะไรมาก่อนถึงได้ร้องคำรามใส่มันอย่างไม่พอใจออกมาไม่หยุด หู่จือเหลือบตามองมันแล้วใช้อุ้งเท้าฟาดเข้าไปด้วยความรำคาญจนต้าป๋ายล้มลงไปกับพื้น


ฉินสือโอวกำลังจะเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ต้าป๋ายก็ลุกขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว มันจ้องเขม็งไปที่หู่จืออย่างโหดเหี้ยม หลังจากนั้นก็วิ่งออกจากประตูไปอย่างรวดเร็ว


ผ่านไปไม่นาน ฉงต้าก็วิ่งเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางที่ดูโหดร้ายน่ากลัว มันอ้าปากแล้วร้องคำรามออกมาทันที “โฮ่ว! โฮ่ว!”


ต้าป๋ายวิ่งออกมาจากด้านหลังแล้วร้องใส่ฉงต้าด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ฉินสือโอวฟังไม่เข้าใจว่าพวกมันกำลังร้องว่าอะไร ฉงต้าเองก็น่าจะไม่เข้าใจเช่นกัน แต่มันก็รู้ว่าน้องเล็กของตัวเองโดนคนอื่นรังแกเข้าแล้ว จึงร้องคำรามใส่หู่จือด้วยความโมโห


พอหู่จือเห็นว่าตัวเองเสียเปรียบด้านพละกำลังก็เห่าโฮ่งๆ อย่างว่าง่ายๆ แล้วคิดจะวิ่งหนีไป


ปรากฏว่าตอนที่มันวิ่งไปถึงข้างๆ ตัวของฉงต้า ฉงต้าก็หมุนตัวไปฟาดมันอย่างจังหนึ่งครั้ง มันฟาดจนหู่จือไปอยู่อีกฝั่งของห้องโถงเลยทีเดียว


หู่จือรู้สึกโมโหขึ้นมาแล้ว มันลุกขึ้นมาตั้งหลักแล้วพุ่งไปข้างหน้าเหมือนลูกธนูแหลมคมที่ถูกยิงออกไปก่อนจะก้มหัวชนฉงต้าหนึ่งครั้ง จนฉงต้าที่กำลังนั่งยองๆ อยู่กลิ้งไปกับพื้นเหมือนผลน้ำเต้า


สงครามความวุ่นวายเริ่มต้นขึ้นแล้ว


ตอนแรกหู่จือคิดจะชนฉงต้าแล้ววิ่งหนีไป แต่มันไม่รู้เลยว่าต้าป๋ายก็ไม่ใช่พวกที่จะยอมปล่อยให้ตัวเองโดนแหย่ง่ายๆ เช่นกัน พอสซัมเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่ฉลาดสุดๆ มันวิ่งมาไม่นานก็กระโดดขึ้นไปบนหลังของหู่จือก่อนจะยื่นขาหน้าออกมาข่วนไปทั่ว จนขนแผงคอที่เป็นระเบียบของหู่จือยุ่งเหยิงไปหมด


หู่จือสะบัดตัวอย่างแรง ฉงต้าลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วโบกอุ้งเท้าอ้วนๆ ของมันโดยคิดจะฟาดหู่จือ เป้าจือได้ยินเสียงร้องคำรามของหมีกับเสียงเห่าของสุนัขดังมาจากในบ้าน พอเห็นฉงต้ากับต้าป๋ายกำลังรังแกพี่ชายของตัวเองอยู่จึงรู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที มันกระโดดลอยตัวขึ้นไปบนอากาศอย่างกล้าหาญแล้วปะทะกับฉงต้าที่เพิ่งจะลุกขึ้นมา


ก่อนหน้านี้ฉงต้ายังออมมือให้ไม่ได้ทำอะไรเกินขอบเขต แต่ตอนนี้เมื่อเห็นหู่เป้าสองพี่น้องมากันครบแล้ว มันจึงไม่ขอเกรงใจอีกต่อไป หมีสีน้ำตาลแสดงท่าไม้ตายออกมา มันเงยหน้าขึ้นแล้วร้องคำรามอย่างต่อเนื่องจนกระจกทั้งหมดในวิลล่าสั่นไปหมด


หู่จือและเป้าจือตกอยู่ในความตะลึง ฉงต้าอาศัยสถานการณ์ที่ตัวเองกำลังได้เปรียบใช้กำลังออกโจมตี มันโบกอุ้งเท้าสองครั้งก็ฟาดจนสองพี่น้องหู่เป้าลอยกระเด็นออกไป


ทางด้านปอหลัวที่กำลังหาวก็ปีนลงมาจากโซฟา มันกะพริบตาอย่างสะลึมสะลือเพราะความง่วงแล้วมองดูสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ


หู่จือถูกฟาดจนสะบัดเข้ามา หลัวปอเพิ่งตื่นนอนจึงมีปฏิกิริยาตอบโต้ช้า แป๊บเดียวก็ถูกมันทับเอาไว้เสียแล้ว!


ศักดิ์ศรีของราชาหมาป่าถูกยั่วยุเข้าแล้ว!


หลัวปอออกแรงมุดออกมาจากใต้ลำตัวพี่ใหญ่หู่จือ มันเงยหน้าขึ้นพร้อมลากเสียงหอนยาวเหยียดเพื่อส่งสารท้ารบ แต่ขณะกำลังคิดจะบุกเข้าไป ปรากฏว่าพอมองเห็นหู่จือกับเป้าจือที่มีท่าทางโหดเหี้ยมดุดันกับฉงต้าที่กำลังคลุ้มคลั่งดุร้าย ทั้งยังมีต้าป๋ายที่มีเขี้ยวเล็บแหลมคม แล้วหันกลับมามองเนื้ออ้วนๆ ของตัวเองอีกครั้ง มันก็มุดเข้าไปใต้โซฟาอย่างไม่เต็มใจแทน


หู่จือกับเป้าจือก็รู้ว่าคงยืนหยัดเผชิญหน้ากับฉงต้าไม่ไหว อีกทั้งห้องโถงยังไม่ใช่สนามรบที่ดีอีกต่างหาก พื้นที่กว้างและโล่งเกินไป ทำให้ฉงต้าเป็นฝ่ายได้เปรียบในการต่อสู้ครั้งนี้และเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ตกเป็นรองจากความโง่งุ่มง่ามไม่ปราดเปรียวของมัน


ดังนั้นพี่น้องแลบราดอร์จึงจับต้าป๋ายฟาดลงไปอย่างแรงแล้ววิ่งตรงเข้าไปในห้องครัว


ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย ฉงต้าที่กำลังโมโหย่อมต้องบุกตามเข้าไปในครัวอยู่แล้ว


ฉินสือโอวเห็นว่านี่กำลังจะไปกันใหญ่แล้ว ตีกันอยู่ในห้องโถงยังไม่เป็นไร ยังไงก็มีพื้นที่กว้างขวางอยู่แล้ว นอกจากโซฟากับโต๊ะก็ไม่มีของอย่างอื่นอีก ถึงแม้จะเป็นโต๊ะกับโซฟาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนเหยียบ แต่ห้องครัวไม่ได้เด็ดขาด ของด้านในถ้าไม่ใช่ของที่ทำมาจากกระจกก็เป็นของที่ใช้ไฟฟ้า…


พอเห็นว่าเหล่าสัตว์เลี้ยงกำลังจะวิ่งพล่านเข้าไปในครัว ฉินสือโอวก็ตกใจจนตะโกนออกมาอย่างรีบร้อน “กลับมานี่! พากันกลับมาให้หมด! หม่าม๊าวินนี่จะต้องโกรธแน่ๆ…”


เหล่าสัตว์เลี้ยงโกรธจนตาเขียวแล้ว ใครมันจะไปสนใจคำพูดไกล่เกลี่ยของเขากัน? แกดึงฉัน ฉันกัดแก พวกมันเริ่มพากันกลิ้งไปมาอยู่ในห้องครัวแล้ว


‘ปัง’ หู่จือชนเข้ากับตู้เย็น มันชนจนตู้เย็นขนาดใหญ่ที่สูงยิ่งกว่าฉินสือโอวถึงกับสั่น…


‘เพล้ง’ ต้าป๋ายกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะแล้วเตะหนึ่งครั้ง จานใบหนึ่งก็ลอยไปหาเป้าจือ…


‘ผลัวะ’ ฉงต้าดวงไม่ดี เหยียบมะเขือเทศหลายลูกที่กลิ้งอยู่บนพื้นจนล้มลงไปบนพื้นทันที


‘ฮึ่ม’ ฉงต้าที่กำลังโมโหโบกอุ้งเท้าใหญ่เตรียมฟาดเป้าจือ เป้าจือกำลังกระโดดขึ้นไปบนอ่างล้างจาน ก้นของมันชนอยู่กับก๊อกน้ำ


ฉงต้าโบกอุ้งเท้าด้วยความโกรธ เป้าจือก็กระโดดหลบอย่างมีไหวพริบปฏิภาณจึงได้ยินเพียงเสียงระเบิดที่ดังขึ้นมา ก๊อกน้ำถูกฟาดจนหักออกจากกันแล้ว…


เมื่อฉินสือโอววิ่งมาถึงประตูห้องครัว น้ำสายหนึ่งก็พุ่งเข้ามาพอดี มันพุ่งใส่ฉงต้าที่อยู่ตรงกันข้ามจนเปียกไปหมดทั้งหน้า ฉงต้าหลบออกมา สายน้ำที่มีพลังเต็มเปี่ยมเลยพุ่งออกไปข้างนอกต่อไป มันพุ่งออกไปไกลถึงสิบกว่าเมตรแล้วพุ่งเข้าใส่หน้าของฉินสือโอวเต็มๆ


แม่แกสิ! รดหน้าฉันแล้ว! ฉินสือโอวอยากจะร้องแต่ก็ร้องไม่ออก เขาตวาดขึ้นเสียงดัง “เจ้าพวกเด็กชั่ว! พวกแกตายแน่ หม่าม๊าวินนี่ตีพวกแกตายแน่!”


เมื่อเห็นสายน้ำที่กำลังพุ่งออกไป หู่เป้าฉงป๋ายที่ฟัดกันนัวเนียก็มองกันไปมา แกมองฉัน ฉันมองแก พวกมันเปลี่ยนสีหน้าจากความโกรธอย่างรวดเร็วและต่างก็พากันทำท่าทางใสซื่อราวกับไม่มีความผิดออกมา จากนั้นมันก็ก้มหัวมุดหน้าเข้าหาตัวแล้วออกไปข้างนอกอย่างเงียบเชียบ


ฉินสือโอวจ้องมองพวกมันด้วยความโมโห หู่จือออกไปถึงประตูเป็นตัวแรกก็รีบเงยหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็ว มันทำท่าทางราวกับว่าตัวเองไม่เกี่ยวอะไรด้วย จากนั้นก็บิดขี้เกียจแล้วลุกออกไป


หลัวปอที่หมอบอยู่ใต้โซฟาก็ยื่นหัวออกมามอง พอเห็นว่าในครัวไม่มีเสียงของการต่อสู้แล้วมันก็มุดออกมาด้วยความประหลาดใจพลางวิ่งเหยาะๆ ไปมองดูที่หน้าประตูห้องครัว จากนั้นมันก็แสยะยิ้มมุมปากอย่างมีความสุข พวกแกอวดดีกันต่อไปเถอะ! ฉันจะรอดูตอนหม่าม๊ากลับบ้าน!


บทที่ 621 ควบคุมกล้องถ่ายรูปใต้น้ำระยะไกล – จริงๆ

โดย

Ink Stone_Fantasy

พอวินนี่กลับมา หลัวปอก็พุ่งเข้าไปหาด้วยท่าทางแบบพวกขี้ฟ้องทันที มันเห่าไปทางห้องครัวสองสามครั้ง หลังจากนั้นก็เก็บหางทำท่าทางเหมือนผู้ถูกกระทำแล้วเดินขนาบข้างกับเท้าของวินนี่ไปอย่างเงียบๆ


วินนี่ทั้งสับสนและยุ่งเหยิง เธอเข้าไปดูที่ห้องครัว ก๊อกน้ำถูกจุกไม้ก๊อกอุดไว้ แต่ก็ยังมีน้ำหยด ‘ติ๋งๆ ’ ออกมา


“ฉิน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันคะ?” วินนี่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดถามเขา


ฉงต้า ต้าป๋าย หู่จือและเป้าจือสัตว์เลี้ยงทั้งสี่ตัวนั่งเรียงแถวกันอยู่หน้าโซฟาพร้อมก้มหน้าลงต่ำ แต่ละตัวต่างก็อ่อนระโหยโรยแรงด้วยกันทั้งนั้น


เมื่อได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้ วินนี่ก็พอจะนึกสาเหตุได้คร่าวๆ แล้ว พอฉินสือโอวกำลังจะอธิบาย เธอก็ยิ้มน้อยๆ แล้วโบกมือขัดเขาไว้ จากนั้นเธอก็นั่งลงบนโซฟาพลางจ้องมองเหล่าสัตว์เลี้ยง เธอชี้ไปที่ห้องครัวแล้วถามขึ้นมา “ไหนบอกหม่าม๊าหน่อยสิ นั่นมันเรื่องอะไรกัน?”


หลัวปอกระโดดขึ้นมาบนโซฟาอย่างปราดเปรียว มันทำท่าเยี่ยมๆ มองๆ ส่งเสียงร้องอูฮูออกมา แถมยังทำคิ้วตั้งตรงตาจ้องเขม็ง แสดงท่าทางของสุนัขรับใช้ออกมาอย่างสมบทบาท


เวลาที่วินนี่สั่งสอนเหล่าสัตว์เลี้ยง เธอจะไม่ทำสีหน้ายิ้มพรายให้พวกมัน เธอจึงตบฝ่ามือลงไปบนก้นของหลัวปอแล้วไล่ให้มันลงไปนั่งบนพรมดีๆ


หลัวปอลงไปนั่งเรียงกันอยู่ข้างๆ ต้าป๋ายอย่างหมดอาลัยตายอยาก เห็นๆ กันอยู่ว่านี่ไม่เกี่ยวกับมัน ทำไมมันต้องโดนดุด้วยเล่า?


พอคิดได้แบบนี้ หลัวปอก็เงยหน้าขึ้นมามองวินนี่อย่างไม่ยอมแพ้ ปรากฏว่าพอวินนี่ตบพนักพิงโซฟาแรงๆ มันก็เริ่มตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อย ทันใดนั้นมันก็นึกถึงภาพเหตุการณ์วันที่ถูกผลักจนกลิ้งตกลงไปในน้ำขึ้นมาแล้วยอมนั่งดีๆ อย่างเชื่องๆ พร้อมแหงนหน้ายืดอก!


บุชกับนิมิตส์ผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือดบนเทือกเขาเคอร์บัลมาแล้วหนึ่งวัน พวกมันกระพือปีกบินเข้ามาในวิลล่า


ปากของบุชคาบลูกแพะภูเขาเอาไว้หนึ่งตัว นี่เป็นครั้งแรกที่มันจับเหยื่อแบบนี้ได้ ตอนแรกมันกะจะกลับบ้านมารอรับคำชมอย่างมีความสุข แต่เมื่อเห็นท่าทางที่กำลังไต่สวนคดีของวินนี่ มันก็รีบทิ้งลูกแพะภูเขาแล้วกระพือปีกบินออกไปทันที


นิมิตส์ก็ช่ำชองและมีเล่ห์เหลี่ยมอยู่แล้ว มันไม่ได้บินเข้ามา พอบินมาถึงประตูแล้วเห็นสถานการณ์อย่างชัดเจน มันก็หมุนตัวบินขึ้นไปสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืนทันที…


ฉินสือโอวตามซีมอนสเตอร์ให้มาซ่อมก๊อกน้ำ ซีมอนสเตอร์มีความถนัดด้านงานช่างมากๆ เขานำเครื่องมือเข้ามาในห้องครัว พอเห็นสภาพของก๊อกน้ำที่ถูกตบจนหักเขาก็ถึงกับส่ายหัว “นี่เป็นท่อยางเหล็กกับพลาสติกแบบเก่าไม่ทนทาน หัวหน้า หลังจากนี้ก็เปลี่ยนระบบน้ำให้วิลล่าหน่อยเถอะครับ”


พละกำลังของฉงต้าไม่ได้มากพอที่จะฟาดท่อประปาเหล็กจนหัก เพียงแต่ท่อน้ำผ่านแดดผ่านลมรวมกับอากาศหนาวเหน็บจนพื้นกลายเป็นน้ำ เหล็กไม่มีความเหนียวความทนทานอยู่อีกแล้วจึงเกิดอาการล้าอย่างรุนแรง ฉงต้าดวงซวยเลยได้เจอกับโอกาสดีๆ แบบนี้ ไม่อย่างนั้นผ่านไปอีกสักพักมันก็คงแตกออกมาเองอยู่ดี


ท่อน้ำส่วนที่อยู่ติดกับด้านหลังก๊อกน้ำใช้งานไม่ได้แล้ว ซีมอนสเตอร์ซ่อมแซมจุกไม้ก๊อกไปแล้วเล็กน้อย เขาใช้เครื่องตัดแบบไฟฟ้าตัดท่อน้ำท่อนนี้รวมทั้งก๊อกน้ำออก จากนั้นก็ใช้จุกไม้ก๊อกอุดเอาไว้ทั้งหมด เขาบอกฉินสือโอวว่าพรุ่งนี้จะมาซ่อมให้อีกครั้ง


พาวลิสกับเด็กๆ คนที่เหลือเห็นว่าคึกคักน่าดูจึงนั่งล้อมอยู่รอบๆ เพื่อรับชมด้วยความสนอกสนใจเป็นอย่างยิ่ง


วินนี่ขมวดคิ้วมองพวกเขา กอร์ดอนจึงยื่นหน้าออกมาพูด “พี่วินนี่พี่สั่งสอนพวกมันต่อสิ พวกเราไม่พูดอะไรหรอก เราจะนั่งดูอยู่เฉยๆ เลย”


คราเคนน้อยก็พูดเสริมขึ้นมา “พี่วินนี่สั่งสอนมันต่อสิครับ นี่ดูน่าสนใจมากๆ เลยนะ”


คิ้วโก่งของวินนี่ค่อยๆ ตั้งตรง เชอร์ลี่ย์เห็นว่าท่าไม่ดีแล้วจึงใช้แววตาส่งสัญญาณให้คนอื่นรับรู้แล้วรีบวิ่งขึ้นไปข้างบน


เด็กๆ ทั้งเจ็ดคนทยอยวิ่งตามกันขึ้นไปข้างบน วินนี่จึงสั่งสอนสัตว์เลี้ยงพวกนี้ต่อ ฉินสือโอวที่บังเอิญหันกลับมาก็เห็นรถกระป๋องรูปร่างประหลาดที่ขับเข้ามาอย่างช้าๆ


รถคันนี้มีล้อสี่ล้ออยู่ทุกๆ ด้านจนดูเหมือนสัตว์ประหลาดที่มีล้องอกขึ้นมาจนเต็มตัว ที่หน้ารถเป็นกระจกครอบทรงครึ่งวงกลม ลักษณะสูงประมาณสามสิบเซนติเมตร มันกำลังเคลื่อนที่อย่างช้าๆ โดยที่กระจกครอบหน้ารถจะหันมาทางวินนี่อยู่ตลอด


ฉินสือโอวรู้สึกประหลาดใจจึงเข้าไปดูรถกระป๋องคันนั้นใกล้ๆ พอเขาโน้มตัวเข้าไป รถคันนั้นก็ถอยหลังไปทันที แต่มันก็ไม่ได้ปรับทิศทางตอนถอยให้ดี จึงชนเข้ากับฉงต้า


ฉงต้ากำลังถูกวินนี่ดุก็อารมณ์ไม่ดี ความคิดก็เริ่มสับสน พอรถคันเล็กถอยมาชนมันก็เหมือนจะหาเรื่องทารุณตัวเอง รถกระป๋องจึงถูกตบจนลอยกระเด็นไป


“ฉงต้า!” วินนี่ตวาดด้วยความโมโห


ฉินสือโอวใช้นิ้วแคะหู เขาได้ยินเสียงครวญครางจากด้านบนดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบา


แค่ครู่เดียวพวกเด็กๆ ที่เพิ่งจะขึ้นไปข้างบนก็พากันวิ่งลงมาข้างล่างอย่างรีบร้อน ในมือของเชอร์ลี่ย์ถือแท็บเล็ตคล้ายๆ ไอแพดเอาไว้ พอพวกเขาหารถเจอก็พากันมุงดูอยู่ตรงนั้น หลังจากนั้นเชอร์ลี่ย์ก็ถอนหายใจออกมาแล้วพูดขึ้น “ยังดีอยู่ รถยังไม่เสีย ไม่อย่างนั้นคงเป็นคราวของพวกเราที่ถูกดุแล้ว!”


ฉินสือโอวถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “นี่คืออะไรเหรอ?”


เด็กๆ ทั้งเจ็ดคนอ้ำๆ อึ้งๆ พากันไม่ยอมพูด ฉินสือโอวจึงเข้าไปหยิบแท็บเล็ตอันเล็กมา ด้านบนคล้ายส่วนเชื่อมต่อเพื่อควบคุมและเดินเครื่อง มีปุ่มแบบสัมผัสที่สามารถเคลื่อนที่ได้รอบทิศ เขาลองสัมผัสปุ่มพวกนี้ รถคันเล็กก็เคลื่อนที่ไปรอบๆ ตามคำสั่งของเขา


อีกทั้งบริเวณหน้าจอตรงกลางแท็บเล็ตก็คือฉากเหตุการณ์ที่ถูกถ่ายโดยกระจกครอบที่อยู่ด้านหน้ารถ


ฉินสือโอวถามขึ้นมาอีกครั้ง ลอเรนซ์ลูกสาวของแลนซ์จึงอธิบายว่า “นี่คือรีโมตควบคุมกล้องถ่ายรูปใต้น้ำระยะไกลค่ะ คุณครูบาลซักให้พวกเราเล่น พวกเราใช้มันดูโลกใต้น้ำได้ค่ะ”


“เมื่อกี้พวกเขาใช้มันมาแอบดูฉันสั่งสอนพวกเด็กๆ เหรอ?” วินนี่ถาม


เด็กๆ ทั้งเจ็ดคนได้ยินก็พากันวิ่งหนีแตกกระเจิงไปทันที กอร์ดอนกับเจสมีปฏิกิริยาตอบสนองก่อนคนอื่น พวกเขาต่างก็ชี้หน้ากันแล้วตะโกนออกมา “เป็นความคิดของเขาทั้งหมดเลย!”


คราเคนน้อยชี้ไปที่เชอร์ลี่ย์แล้วพูดบ้าง “เธอนั่นแหละที่บังคับรถอยู่ตลอด!”


“แต่เมื่อกี้นายเป็นคนแย่งแผงบังคับไปนะ ไม่อย่างนั้นรถจะชนฉงต้าได้ยังไง?” เชอร์ลี่ย์ดึงหูคราเคนน้อยพร้อมพูดขึ้นมาด้วยความโมโห


ฉินสือโอวสังเกตดูรถบังคับอย่างละเอียด ภาพจากกล้องหน้ารถมีคุณภาพสูงมาก ภาพที่ถ่ายออกมาก็คมชัดมากเช่นกัน เขามองรถบังคับขณะที่ในใจก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เขาจึงพูดขึ้นมาว่า “โอเค โอเค ไม่ต้องโวยวายแล้ว พี่วินนี่ไม่ตำหนิพวกเธอหรอก อาจารย์ที่ปรึกษาให้พวกเธอยืมรถบังคับนานแค่ไหน พอจะบอกฉันได้ไหม?”


“ตอนที่พวกเขาไม่อยู่ พวกเราใช้ได้ตลอดเลย” พาวลิสตอบ


ฉินสือโอวยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นมา “หลังจากที่พวกเธอได้มาแล้ว ก็ใช้มันเพื่อดูโลกใต้ทะเลอย่างเดียวเลยใช่ไหม?”


มิเชลผงกหัวอย่างแรงพร้อมทั้งตอบเขากลับไป “ใช่แล้ว ฉิน โลกใต้ทะเลสวยมากจริงๆ ! คุณรู้ไหมว่าพวกเราเห็นอะไร? แนวปะการังที่สวยมากๆ ! แล้วก็ปลาตัวเล็กสีสวยๆ ตั้งเยอะแยะ!”


“ใช่ สุดยอดมากจริงๆ !” เด็กที่หยาบกระด้างแบบเจสก็ยังอดที่จะแสดงความตื่นตะลึงออกมาไม่ได้เหมือนกัน


ฉินสือโอวพูดกับพวกเขา “พรุ่งนี้ฉันจะพาพวกนายไปดูทะเลสาบเฉินเป่าแล้วกัน ว่ากันว่าที่ทะเลสาบเฉินเป่ามีซากเรืออับปางกับขุมทรัพย์อยู่ด้วย พวกนายอยากไปเล่นเกมล่าขุมทรัพย์กันไหม?”


พอได้ยินอย่างนี้ เด็กๆ ทั้งเจ็ดคนต่างก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา กอร์ดอนถามเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย “พระเจ้า! ฉิน คุณว่าที่ทะเลสาบนั่นจะมีขุมสมบัติของโจรสลัดไหม?”


“อาจจะมีก็ได้ ใครจะรู้ ใช่ไหมล่ะ?” ฉินสือโอวยักไหล่พูดตามอำเภอใจ


จะมีขุมทรัพย์โจรสลัดไหมเขาไม่รู้แน่ชัด แต่เขารู้ว่าฟอสซิลไดโนเสาร์ในทะเลสาบเฉินเป่าจะได้กลับมาเห็นแสงสว่างอีกครั้งแล้ว ใช่แล้วล่ะ เขาจะยืมมือพวกเด็กๆ เพื่อขุดค้นสมบัติเหล่านั้นออกมา


พวกเด็กๆ พากันตื่นเต้นกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ตอนมื้ออาหารเย็นเจสไปหาพ่อแล้วถามกับเขา “แด๊ดดี้ๆ พวกเราเป็นลูกหลานของโจรสลัดไวกิ้งใช่ไหมฮะ?”


ชาร์คจัดระเบียบหนวดเคราใต้คางด้วยท่าทางราวกับกำลังรู้สึกภาคภูมิใจก่อนพูดขึ้น “ไม่ พวกเราเป็นลูกหลานชาวไวกิ้ง ไม่ใช่โจรสลัดไวกิ้ง!”


“มันแตกต่างกันด้วยเหรอ?” ฉินสือโอวถามขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจนัก


ทันใดนั้นชาร์คกับพวกซีมอนสเตอร์ก็ตะโกนขึ้นมาเป็นเสียงเดียวกัน “ต้องต่างกันอยู่แล้ว!”


ฉินสือโอวรู้สึกปวดตับขึ้นมาทันที จบกัน ต้องฟังคำบรรยายอีกแล้ว


บทที่ 622 ให้พวกเราพายเรือไปข้างหน้า

โดย

Ink Stone_Fantasy

เขตพื้นที่นิวฟันด์แลนด์มีลูกหลานชาวไวกิ้งอยู่ไม่น้อย ส่วนจะมีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกันจริงหรือไม่ก็คงจะหาข้อเท็จจริงไม่ได้ แต่ถ้าศึกษาค้นคว้าและพิสูจน์กันตามประวัติศาสตร์ ชาวไวกิ้งก็มาถึงเขตพื้นที่นิวฟันด์แลนด์จริงๆ อีกทั้งยังอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลายาวนานอีกด้วย


จากข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ชาวไวกิ้งถูกใช้อ้างอิงทั่วไปว่าเป็นโจรสลัดยุโรปเหนือ พวกเขาบุกรุกก่อกวนตามบริเวณหมู่เกาะของยุโรปและอังกฤษอยู่โดยตลอด เริ่มตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 8-11 ร่องรอยของพวกเขาแพร่กระจายไปทั่วตั้งแต่แผ่นดินทวีปยุโรปไปจนถึงอาณาเขตของขั้วโลกเหนือที่กว้างใหญ่ไพศาล ยุโรปในยุคนี้จึงถูกเรียกว่า “ยุคไวกิ้ง”


บ้านเก่าของชาวไวกิ้งอยู่ที่นอร์เวย์ สวีเดนและเดนมาร์ก พวกเขาค้นพบประเทศไอซ์แลนด์ตั้งแต่ปี 825 และตั้งถิ่นฐานเมื่อปี 875 ในปี 985 พวกเขาก็เข้าไปตั้งอาณานิคมที่กรีนแลนด์ และห้าร้อยปีก่อนโคลัมบัสจะค้นพบโลกใหม่ (ทวีปอเมริกา) พวกเขาก็เคยเดินทางมาถึงนิวฟันด์แลนด์รวมถึงสำรวจพื้นที่บริเวณอเมริกาเหนือแล้ว


เชื้อสายไวกิ้งในนิวฟันด์แลนด์จึงสืบต่อมาไปด้วยเหตุนี้


ชาวไวกิ้งไม่เรียกตัวเองว่าโจรสลัดไวกิ้ง ถึงแม้ว่างานศิลปะของยุโรปเหนือและอเมริกาเหนือหลายชิ้นจะสร้างภาพลักษณ์ที่สวยงามให้กับอาชีพของพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังไม่ชอบถูกเรียกว่า ‘ลูกหลานของโจรสลัดไวกิ้ง’ อยู่ดี


บนความเป็นจริงชื่อของชาวไวกิ้งมาจาก “vikingr” คำคำนี้มาจากการทับเสียง และคำนี้ยังเป็นคำศัพท์ในภาษาอังกฤษโบราณซึ่งหมายถึง “นักผจญภัยบนท้องทะเล” ด้วย ดังนั้นชาร์คกับซีมอนสเตอร์จึงคิดว่าตัวเองเป็นลูกหลานของนักผจญภัย ไม่ใช่ลูกหลานของโจรสลัด


ตลอดคืนฉินสือโอวได้ฟังชาร์คกับซีมอนสเตอร์คุยโวกันสารพัดไปพร้อมกับดื่มเบียร์ หลังจากนั้นพวกแลนซ์กับบูลก็เข้ามาร่วมวงด้วย คราวนี้สนุกแล้ว พอดื่มเหล้าเข้าไปทุกคนก็ล้วนแต่เป็นลูกหลานของชาวไวกิ้งทั้งนั้น


แน่นอนว่าฉินสือโอวเป็นข้อยกเว้น ยังไงเขาก็เป็นคนผิวเหลืองนี่นะ เส้นผมเป็นสีดำลึกลับ นี่แตกต่างกันกับชายชาตรีของชาวไวกิ้งราวฟ้ากับเหว


แต่ชาร์คก็พูดเก่งจริงๆ เขาตบไหล่ของฉินสือโอวพร้อมกับพูดว่า “ผมเคยอ่านหนังสือเรื่องบันทึกการเดินทางร้อยปีของนักผจญภัย ทะเลบอลติกเคยมีขบวนเรือของชาวไวกิ้งอยู่หนึ่งขบวน กัปตันเรือก็คือชายชาวตะวันออกผิวเหลืองคนหนึ่ง บรรพบุรุษของพวกเราเรียกเขาว่ากัปตันแห่งค่ำคืนอันมืดมิด ผมคิดว่าหัวหน้าน่าจะมีสายเลือดของเขานะ”


ฉินสือโอวพยักหน้ายิ้มเจื่อนๆ เขามีสายเลือดของกัปตันแห่งค่ำคืนอันมืดมิดอะไรนั่นแล้วจะมีประโยชน์อะไร? อีกอย่างก็เห็นๆ กันอยู่ว่าเขามีสายเลือดของเทพโพไซดอน โอเคไหม? กัปตันแห่งค่ำคืนอันมืดมิดอะไรกัน แค่เจอคลื่นยักษ์ของฉันซัดเข้าไป ไม่ว่าจะฟ้าสว่างหรือฟ้ามืดก็คว่ำเรือได้ทั้งนั้นแหละ!


หลังจากดื่มเหล้าจนโซซัดโซเซ พวกชาวไวกิ้งก็พากันกลับไปนอนแล้ว ฉินสือโอวส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปสู่ทะเลสาบเฉินเป่าแล้วหาแอ่งน้ำขนาดใหญ่กลางทะเลสาบที่พบตอนมาเจาะน้ำแข็งตกปลาช่วงฤดูหนาว


อาจจะเป็นเพราะในฟอสซิลมีวัตถุชนิดพิเศษบางอย่าง ในแอ่งน้ำยักษ์จึงเต็มไปด้วยหอยน้อยใหญ่ที่อยู่กันอย่างเนืองแน่น หอยพวกนี้ติดอยู่บนโขดหินกับฟอสซิล กองรวมกันเป็นชั้นๆ ถ้าหากมีคนที่เป็นโรคกลัวรูมาเห็นภาพนี้ คิดว่าคงจะถึงกับอาเจียนออกมาเลยทีเดียว


ปลาบรีมสีทองแดงที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนกำลังกินหอยน้ำจืดเป็นอาหารอยู่ในแอ่งน้ำยักษ์ ปลาชนิดนี้ค่อนข้างล้ำค่า คนในเมืองคงไม่รู้แน่ๆ ว่าที่ทะเลสาบเฉินเป่ามีปลาบรีมอยู่เยอะขนาดนี้ มีไม่กี่คนที่ตกปลาชนิดนี้ได้จากทะเลสาบ ดังนั้นผู้คนจึงพากันดูแคลนศักยภาพของทรัพยากรการประมงในทะเลสาบแห่งนี้


ตอนนี้จำนวนของปลาคาร์ฟเอเชียในทะเลสาบเฉินเป่าลดน้อยลงแล้ว นักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มเมื่อมาถึงเกาะแฟร์เวล รายการท่องเที่ยวที่ต้องทำก็คือการยิงปลา ถึงกระทั่งก็มีคนมาที่เกาะแฟร์เวลเพื่อยิงปลาเล่นแค่ไม่กี่ครั้ง


คนแคนาดาไม่เข้าใจรสนิยมของคนจีนเลยจริงๆ การยิงปลามันมีอะไรน่าสนใจนัก? สู้ตกปลาอย่างเงียบสงบก็ไม่ได้


นักท่องเที่ยวชาวจีนไม่ได้ยิงปลาเล่นเพื่อความสนุกเพียงอย่างเดียว แต่ยังกินมันด้วย บริเวณริมทะเลสาบสร้างกระท่อมปลาไว้กว่าสิบหลัง ด้านในมีอุปกรณ์สำหรับรับประทานอาหารพร้อมสรรพ เครื่องปรุงก็มีพร้อม พวกมันล้วนแต่เป็นสารพัดปลาย่างที่จัดซื้อมาจากไชน่าทาวน์ ปลาตุ๋น ปลาทอด ปลาทอดปรุงรส อุดมสมบูรณ์หลากหลาย


ด้วยความใสสะอาดและเย็นสบายของน้ำในทะเลสาบเฉินเป่า นักท่องเที่ยวชาวจีนจึงพากันตกตะลึงเป็นอย่างมาก ปลาตามธรรมชาติที่เกิดมาจากทะเลสาบแบบนี้คงจะไม่มีมลภาวะปนเปื้อนแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงจะเช่ากระท่อมปลาแบบนี้ จากนั้นคนทั้งครอบครัวก็จะจัดงานเลี้ยงที่มีแต่เมนูปลาขึ้นมาหนึ่งมื้อ


ฉินสือโอวเที่ยวชมใต้ทะเลสาบเพื่อค้นหาพื้นที่แห่งใหม่ที่เหมาะกับการอยู่อาศัยของปลาบรีม ทะเลสาบเฉินเป่ามีปลาพันธุ์ท้องถิ่นอยู่ไม่มาก เขาจึงต้องคุ้มครองมันไว้ ไม่อย่างนั้นพอฟอสซิลถูกค้นพบแล้ว ฝูงปลาบรีมพวกนั้นก็จะถูกค้นพบเช่นกัน


ถึงแม้ชาวประมงนิวฟันด์แลนด์จะนับว่าเอาใจใส่งานด้านการคุ้มครองอุตสาหกรรมประมงเป็นอย่างดี แต่ก็จำกัดอยู่ที่ประมงทะเลเท่านั้น ถ้าค้นพบว่าปลาบรีมในทะเลสาบเฉินเป่ามีจำนวนมากขนาดนี้ ต้องมีคนมาลากอวนจับปลาแน่นอน


โชคดีที่ปลาบรีมเป็นปลาที่อยู่อย่างเงียบสงบ ขอแค่มีอาหาร พวกมันก็จะไม่ว่ายน้ำไปทุกแห่งอย่างง่ายๆ


ดังนั้นฉินสือโอวจึงเลือกผืนน้ำที่เป็นหลุมแอ่งแห่งใหม่แล้วม้วนเอาหอยน้ำจืดเติมลงไปข้างใน ไม่จำเป็นต้องใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนในการควบคุมฝูงปลาบรีม พวกมันก็จะพากันว่ายน้ำตามหอยน้ำจืดที่เป็นอาหารมาที่แอ่งน้ำแห่งใหม่เอง


ฉินสือโอวถ่ายทอดพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้กับพืชน้ำที่อยู่รอบๆ แอ่ง นี่คือแก้วสารพัดนึก เมื่อพืชน้ำดูดซับพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าไปแล้วก็จะสามารถดึงดูดแพลงก์ตอนมาได้มากขึ้น หอยน้ำจืดใช้แพลงก์ตอนเพื่อมีชีวิตรอด ส่วนปลาบรีมก็กินหอยน้ำจืดกับแพลงก์ตอนเป็นอาหาร ดังนั้นย่อมต้องอยู่ด้วยกันได้อย่างสบายใจ


นี่คือห่วงโซ่อาหาร เมื่อมีชั้นล่าง ยอมมีชั้นบน


เริ่มตั้งแต่ตอนทานอาหารเช้า เด็กๆ ทั้งหลายก็เตรียมพร้อมที่จะลงมือบุกแล้ว เชอร์ลี่ย์ชาร์จแบตให้กับรถบังคับระยะไกลจนเต็มเพื่อเก็บแบตเตอรี่ไว้ ส่วนพาวลิสก็ตรวจสอบสภาพของรถบังคับ ต้องรับประกันได้ว่าล้อทุกอันยังใช้งานได้ นี่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก


ส่วนที่สำคัญที่สุดของรถบังคับระยะไกลคันนี้ก็คือล้อรถที่มีอยู่ทั่วทั้งคันกับกล้องที่อยู่ตรงหน้ารถ อีกทั้งล้อรถยังเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของที่สุด เนื่องจากพื้นใต้ทะเลและทะเลสาบเป็นเนินและแอ่งไม่ราบเรียบ บางครั้งรถก็เกิดพลิกคว่ำ ดังนั้นขอแค่ล้อทุกล้อรอบรถสามารถใช้งานได้ ไม่ว่าจะพลิกคว่ำยังไงรถก็สามารถวิ่งต่อไปได้


ฉินสือโอวขับรถฟอร์ดเอฟ 650 ออกมา ในกระบะหลังมีเด็กๆ ทั้งเจ็ดคนนั่งอยู่ รถกระบะคันใหญ่ส่งเสียงครั่นครืนขับออกไปข้างนอก เบาะข้างคนขับมีเหมาเหว่ยหลงที่สวมแว่นกันแดดอยู่ เขาหัวเราะฮ่าๆ พร้อมพูดขึ้นมา “ดูสิ พวกเราเหมือนนายพลทหารแอฟริกาไหม? บนรถขนยุวชนทหาร ส่วนพวกเราสองคนก็เป็นผู้สำเร็จโทษ”


“แล้วก็มีสุนัขทหาร กับนกอินทรีด้วย” ฉินสือโอวหันกลับไปมองข้างหลัง หู่จือกับเป้าจือหมอบอยู่บนที่นั่งด้านหลังด้วยท่าทางหดหู่ไม่มีชีวิตชีวา เมื่อคืนวานพวกมันถูกวินนี่สั่งสอนอย่างน่าเวทนา


แต่พอมองเห็นแววตาที่ฉินสือโอวส่งให้พวกมัน สุนัขทั้งสองตัวก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง มันก้มเข้าไปใกล้ด้านหลังที่นั่งคนขับ แล้วแลบลิ้นออกมาเลียผมกับไหล่ของฉินสือโอว


ทะเลสาบเฉินเป่าในฤดูใบไม้ผลิสวยงามมาก บริเวณรอบๆ มีหญ้าสีเขียวสดกับดอกไม้สีแดง ต้นวิลโลว์และต้นเมเปิลริมทะเลสาบก็ผลิใบไม้สีเขียวอ่อนช้อยออกมา ลมพัดใบไม้เสียงดังซาๆ พัดพาเอาลมหายใจที่เปี่ยมไปด้วยพลังเข้ามา


น้ำในทะเลสาบใสสะอาดสะท้อนภาพท้องฟ้าสีครามและต้นไม้สีเขียว ลมทะเลพัดผ่านผิวน้ำบนทะเลสาบ จนเกิดคลื่นน้ำเป็นระลอกๆ นกน้ำอาศัยอยู่ในที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชน้ำอย่างผ่อนคลายสบายใจ บ้างก็จัดระเบียบขน บ้างก็หาอาหารกิน


ไกลออกไปอีกหน่อยก็มีคนพายเรืออยู่บนทะเลสาบ ตอนที่ฉินสือโอวลงมาจากรถเขาก็ได้ยินเด็กคนหนึ่งกำลังใช้เสียงอันไพเราะร้องเพลงอยู่ “……ให้พวกเราพายเรือไปข้างหน้า เรือลำน้อยเคลื่อนคล้อยฝ่าคลื่น ผืนทะเลสะท้อนเจดีย์ขาวแสนงาม พรรณไม้เขียวชอุ่ม กำแพงสีแดงโอบล้อมรอบด้าน เรือลำน้อยเคลื่อนคล้อยลอยไปบนธารา……”


เสียงร้องไม่ได้ดังกังวานนัก และเนื่องจากลมทะเลที่พัดผ่าน เสียงร้องจึงล่องลอยแตกกระจายไปท่ามกลางสายลม


ทว่านี่ก็กระทบต่อความไพเราะที่น่าประทับใจของเพลงนี้ เด็กหญิงที่ร้องเพลงนี้มีเสียงร้องที่หวานมาก เพียงแค่เสียงร้องก็ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกประทับใจอย่างถึงที่สุดได้แล้ว


คนที่รู้สึกประทับใจยิ่งกว่าก็คือเหมาเหว่ยหลง เขาถอดแว่นกันแดดออกพร้อมพิงอยู่ที่หัวรถพลางทอดสายตามองทะเลสาบเฉินเป่าอย่างเลื่อนลอยด้วยความตะลึงงัน เมื่อมองไกลออกไป เด็กๆ ที่มาเที่ยวอยู่บริเวณริมทะเลสาบพวกนั้นต่างก็เต็มไปด้วยเงาภาพรางๆ ของเขาตอนช่วงอายุเจ็ดแปดขวบ


บทที่ 623 ข่าวคราวที่บ้าคลั่ง

โดย

Ink Stone_Fantasy

พาวลิสกับเจสเอาเรือยางขนาดเล็กลำหนึ่งลงมาจากท้ายกระบะ ส่วนกอร์ดอนก็ยกเอาเครื่องปั๊มลมไฟฟ้าออกมาเป่าลม ‘ฟู่ๆๆ’ แค่แป๊บเดียวพวกเขาก็เติมลมเรือยางจนเต็มลำ


พวกเด็กๆ สวมเสื้อชูชีพทับเสื้อผ้าด้านนอกก่อนเอาเรือยางไปวางไว้ที่ริมทะเลสาบ เชอร์ลี่ย์กอดแท็บเล็ตเอาไว้แล้วก้าวขึ้นไปข้างบน ส่วนคนอื่นๆ ที่ยังอยู่บนบกก็ทยอยตามขึ้นเรือไป พาวลิสขึ้นมาเป็นคนสุดท้าย หลังจากนั้นก็เป่าปากเรียกลูกกวางอูฐปอหลัวที่มาด้วยกัน


ปอหลัวก้าวลงมาในน้ำ มันใช้หัวดันเรือยางเอาไว้ พอส่งแรงก็ดันเรือลำน้อยออกไปได้ทันที มันดันเรือยางอยู่ตลอดจนออกมาได้หลายสิบเมตร เด็กๆ ก็พากันพายเรือได้แล้ว จากนั้นมันถึงว่ายน้ำกลับไป


รถบังคับระยะไกลลงไปในน้ำ พวกเด็กๆ กำลังโน้มตัวเข้าไปดูแท็บเล็ตด้วยกัน ฉินสือโอวจึงตะโกนขึ้นมา “ระวังเรื่องความสมดุลด้วย ไม่ต้องโน้มตัวเข้าหากันมาก ทุกๆ คนกระจายตัวออก กระจายตัวกัน! ผลัดกันดูแท็บเล็ต เข้าใจไหม?!”


พาวลิสสั่งให้เด็กๆ กระจายตัวกัน ฉินสือโอวเห็นว่าเรือเล็กพายได้อย่างมั่นคงมากจึงวางใจ จากนั้นเขาก็หยิบกระดานโต้คลื่นไฟฟ้าของตัวเองออกมาแล้ววางลงไปในน้ำเตรียมตัวจะโต้คลื่น


ที่จริงทะเลสาบเฉินเป่าเหมาะกับการใช้งานกระดานโต้คลื่นไฟฟ้ามากๆ เนื่องจากผิวน้ำในทะเลสาบไม่มีคลื่นลูกใหญ่ อีกทั้งกระดานโต้คลื่นยังเคลื่อนที่แบบอัตโนมัติ เหยียบลงไปด้านบนก็สามารถดื่มด่ำกับความสุขจากการเที่ยวเล่นไปในน้ำได้อย่างเต็มที่แล้ว


ฉินสือโอวกำลังจะลงน้ำ แต่เขาก็มองไปเห็นเหมาเหว่ยหลงที่กำลังพิงรถและเอาแต่มองตรงไปข้างหน้าจึงถามขึ้นมา “นี่นายทำอะไรอยู่ตรงนั้น? ไม่ได้พาแกมาเต๊ะท่านะโว้ย เข้ามาเล่นด้วยกันนี่!”


เหมาเหว่ยหลงไม่ได้ต่อปากต่อคำกับเขาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ได้ยินเพลงนั้นไหม? ให้พวกเราได้พายเรือไปข้างหน้า เรือลำน้อยเคลื่อนคล้อยฝ่าคลื่น”


ฉินสือโอวกล่าว “ต้องได้ยินอยู่แล้ว เพราะมากๆ ฉันก็นึกถึงตอนที่เรียนบทเรียนนี้สมัยประถมเหมือนกัน มันซาบซึ้งมากจริงๆ แต่เวลาก็ผ่านไปแล้ว พวกเราต้องอาศัยอยู่กับปัจจุบันและเห็นค่าของช่วงเวลานี้”


เขาทอดสายตามองออกไปที่ริมทะเลสาบ เหมาเหว่ยหลงถอนหายใจแล้วพูดขึ้นมา “ความซาบซึ้งของแกไม่เหมือนกับของฉัน ตอนแปดขวบฉันเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่สาม ตอนที่พวกเราเรียนบทเรียนบทนี้ก็คือตอนที่กำลังเรียนเขียนดนตรีของเพลงนี้อยู่ที่ริมทะเลสาบอุทยานเป๋ยไห่”


ฉินสือโอวกอดกระดานโต้คลื่นไฟฟ้ายืนอยู่ข้างๆ เขาพลางนึกย้อนกลับไปพร้อมกับกล่าวออกมา “พวกฉันเรียนอยู่ในห้องเรียน เป็นห้องเรียนธรรมดาทั่วไปแบบโรงเรียนบ้านนอกนั่นแหละ ตอนนั้นฉันกับเพื่อนๆ อยากเป็นเหมือนเด็กในเมืองหลวงแบบพวกนายมากๆ ”


“ตอนนี้ยังอยากเป็นอยู่ไหม?” เหมาเหว่ยหลงถามยิ้มๆ


ฉินสือโอวกางแขนออกด้วยท่าทางทะนงองอาจราวกับเขากำลังกอดทะเลสาบเฉินเป่าเอาไว้ “ตอนนี้ฉันอยากได้ความเป็นอิสระกับความอุดมสมบูรณ์ ฉันไม่ต้องการเมืองไหนๆ ทั้งนั้น เพราะฉันสามารถสร้างสรรค์เมืองเมืองหนึ่งขึ้นมาได้! เพียงแต่ฉันไม่ได้อยากทำอย่างนั้น ที่เกาะแฟร์เวลต้องการก็คือการใช้ชีวิตในชนบทตามวิถีเดิม สิ่งที่ฉันอยากจะรักษา ก็คือพื้นที่ว่างผืนนี้!”


เหมาเหว่ยหลงพยักหน้ารับ เขาพูดด้วยความรู้สึกเสียดาย “ฉันเองก็ไม่ต้องการเมืองนั่นอีกแล้ว สิ่งที่ฉันปรารถนาก็คือชีวิตสมัยเด็กที่ไม่มีทางย้อนกลับคืนมา สภาพแวดล้อมที่มีฟ้าครามคลื่นน้ำสีมรกต ต้นไม้สีเขียวกับกำแพงสีแดงที่ไม่อาจย้อนคืน”


ตอนที่ฉินสือโอวเรียนบทเรียนนี้ก็คือช่วงชั้นประถมปีที่สามเช่นกัน แค่พริบตาเดียวเวลาก็ผ่ามาเกือบจะยี่สิบปีแล้ว บ้านเกิดของเขาก็เปลี่ยนไปมาก เพื่อนสมัยเรียนในตอนนั้นก็เปลี่ยนไปมากแล้วเช่นกัน คนที่เขายังสามารถเที่ยวเล่นด้วยกันได้ ก็เหลือแค่ฉินเผิงคนเดียวเท่านั้น


พอทอดถอนใจอยู่สักพักฉินสือโอวก็วางกระดานโต้คลื่นลงไปบนทะเลสาบแล้วค่อยๆ ขึ้นไปยืนอย่างช้าๆ ก่อนจะกดปุ่มเพิ่มความเร็ว ส่วนท้ายของกระดานโต้คลื่นพ่นละอองน้ำออกมาแฉลบผ่านคลื่นน้ำแล้วทะยานออกไป


เอาไปเล่นที่ทะเลมาหลายครั้งแล้ว ตอนนี้ฉินสือโอวย่อมต้องเล่นมันอยู่ที่ทะเลสาบเฉินเป่าได้อย่างคล่องแคล่วและชำนาญ ดังนั้นเขาจึงทำมันได้อย่างง่ายดาย


ตอนนี้กระดานโต้คลื่นไฟฟ้ายังหาได้ยากมากๆ การที่ฉินสือโอวเหยียบควบมันอยู่บนทะเลสาบจึงดึงดูดสายตาผู้คนเป็นจำนวนมาก


เรือเล็กลำหนึ่งพายเข้ามา คนบนเรือคือชาวเมืองแฟร์เวล คนที่นอนหมอบอยู่บนหัวเรือมองดูฉินสือโอวกำลังเล่นอยู่ตรงนั้นแล้วพูดด้วยความอิจฉา “ฉิน คุณนี่ชอบความสนุกสนานจริงๆ เลยนะ ของชิ้นนี้ได้มาจากไหนเหรอ? ความปลอดภัยของมันเป็นยังไงบ้าง?”


ฉินสือโอวถีบกระดานโต้คลื่นเข้ามาด้านข้างเรือจนคลื่นลูกหนึ่งสาดขึ้นไปบนเรือลำเล็ก เขาลดระดับความเร็วลงและรักษาความสมดุลไว้พร้อมทั้งพูดขึ้นมา “บนอินเทอร์เน็ตก็มีขายแล้วนะ แต่ถ้าคิดอยากจะเอามันมาไว้ให้นักท่องเที่ยวเช่าก็อย่าเลยดีกว่า มันบังคับยากมาก แถมยังเป็นของที่มีอันตรายด้วย”


พอพูดจบเพียงครู่เดียวเขาที่ไม่ได้ลดความเร็วให้ดีก็ทำให้กระดานโต้คลื่นพลิกไปอีกด้าน ฉินสือโอวจึงตกลงไปในน้ำอย่างยากลำบาก


เขาดำน้ำไปทั่ว เมื่อหาตำแหน่งของกระดานโต้คลื่นเจอก็ว่ายน้ำข้ามไป ขณะที่เขาเพิ่งจะโผล่พ้นผิวน้ำ ทันใดนั้นเสียงร้องตกใจของเด็กๆ ที่อยู่ไกลออกไปก็ดังขึ้นมา


ฉินสือโอวรีบปีนขึ้นไปบนกระดานโต้คลื่นแล้วตะโกนถามเสียงดังด้วยจิตใต้สำนึก “เกิดอะไรขึ้น?”


หลังถามจบเขาก็มองเห็นตำแหน่งของเรือยางซึ่งอยู่บนแอ่งน้ำใต้ทะเลสาบพอดี ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาคงค้นพบภาพความงดงามของฟอสซิลเข้าแล้ว


เจสยื่นคอออกไป เขาตะโกนด้วยใบหน้าแดงๆ อยู่ตรงนั้นว่า ‘ฟัค’ กอร์ดอนกับมิเชลอยากจะแย่งแท็บเล็ต พาวลิสกับเชอร์ลี่ย์จึงแยกกันไปนั่งอยู่ที่หัวเรือกับท้ายเรือเพื่อรักษาความสมดุลให้กับเรือ คราเคนน้อยที่หมอบอยู่ด้านข้างของเรือก็ก้มลงไปมอง ท่าทางเตรียมพร้อมลงมือ


ชาวเมืองคนหนึ่งพายเรือผ่านมาทางด้านข้าง เขาพูดหยอกเจสว่า “เฮ้ ไอ้หนู อย่ามาทำอวดดีแถวนี้นะ กลับไปฉันจะไปบอกพ่อนายว่านายพูดคำหยาบกับนักท่องเที่ยว เขาต้องตีนายจนก้นลายแน่ๆ !”


เจสได้ยินดังนั้นจึงตะโกนใส่เขา “เจ้าโง่! ฟัคๆ ๆ ! พ่อของฉันชมฉันอย่างเดียวเขาไม่ตีฉันหรอก! รู้ไหมว่าพวกเราเจออะไร? ไดโนเสาร์! ใต้เรือของพวกเรามีไดโนเสาร์อยู่!”


ชาวเมืองคนนั้นไม่เข้าใจความหมายที่เขาจะสื่อ เขานึกว่าเจสยังพูดจาหยาบคายอยู่จึงพูดขู่เขาไปอีก “ฉันจะฟาดนายให้ดูไอ้หนู ถึงจะมีพ่อนายคอยปกป้อง ฉันก็ฟาดนายได้…”


“จริงๆ นะ ใต้ทะเลสาบตรงที่เรืออยู่มีฟอสซิลไดโนเสาร์! มีฟอสซิลอยู่เยอะมากๆ! กล้องถ่ายรูปใต้น้ำของพวกเราก็ถ่ายรูปเอาไว้ได้แล้ว! ถ้าไม่เชื่อก็มาดูสิ มาดูนี่!” พาวลิสตะโกน


ชาวเมืองคนนั้นถึงกับชะงักงัน พาวลิสเองก็นับว่าเป็นซูเปอร์สตาร์ตัวน้อยของเมืองนี้แล้ว เรื่องที่เขาพาน้องชายน้องสาวไปขายเกี๊ยวกับเหยื่อตกปลากลายเป็นเรื่องดังของเมือง ชาวเมืองต่างก็รู้ว่าเด็กคนนี้มีนิสัยมั่นคงสุขุมเกินอายุ เขาต้องมีอนาคตที่ดีแน่ๆ


พอได้ยินสิ่งที่พาวลิสพูดก็เห็นได้ชัดว่าคนคนนั้นนึกถึงเรื่องเล่าฟอสซิลใต้ทะเลสาบของเมืองนี้ที่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้หลายต่อหลายครั้ง เขาไม่สนใจจะพายเรือต่อแล้วรีบกระโดดลงไปในน้ำด้วยจิตใต้สำนึกก่อนจะว่ายน้ำมาถึงด้านข้างเรือยางด้วยความรวดเร็ว เขาเกาะอยู่ข้างๆ เรือแล้วถามออกมา “มีฟอสซิลอยู่ที่นี่เหรอ? เยอะมากด้วย? เร็วๆ ๆ รีบเอามาให้ฉันดูหน่อย!”


กอร์ดอนที่ถือแท็บเล็ตอยู่ในมือก็ก้มเข้าไปใกล้เขา บนหน้าจอมีหัวปลาขนาดยักษ์หนึ่งอันปรากฏขึ้นมาด้านบน โครงร่างชัดเจน ลักษณะหยาบและขรุขระ


“จริงด้วย ใช่ฟอสซิลจริงๆ ด้วย! พระเจ้า!” คนคนนั้นพูดอย่างอึ้งๆ


ทันใดนั้นข่าวนี้ก็เป็นเหมือนลมพายุคลั่งที่พัดผ่านไปทั่วทุกมุมของทะเลสาบเฉินเป่า บรรดาชาวเมืองในพื้นที่ต่างก็ทิ้งกิจการในมือแล้วทยอยกันพายเรือมาอยู่รอบๆ เรือยาง พวกเขาล้อมรอบเรือยางเอาไว้อย่างรวดเร็วแล้วส่งเสียงร้องดังเซ็งแซ่ออกมา


“เฮ้ ให้ฉันดูหน่อยสิ! ฟอสซิลอยู่ที่ไหน? เป็นฟอสซิลของอะไร?”


“นายจะไปรู้อะไร ให้ฉันดูสิ สมัยเรียนมหาวิทยาลัยฉันเคยเรียนประวัติศาสตร์ธรณีวิทยาของโลกเป็นวิชาเลือกนะ! ฉันรู้จักไดโนเสาร์ทั้งหมดในยุคครีเทเชียสกับยุคจูแรสซิก เอามาให้ฉันดูหน่อย!”


“ฉันบอกแล้วว่าในทะเลสาบมีฟอสซิลอยู่ ตอนนั้นพวกเราควรจะเช่าเรือดำน้ำมาค้นหาให้ดีๆ!”


“มาค้นพบตอนนี้ก็ยังไม่สาย พวกเราสร้างพิพิธภัณฑ์ฟอสซิลขึ้นมาก็ได้ นี่เป็นทรัพยากรที่ล้ำค่าของเมืองเราจริงๆ!”


ข่าวคราวยังแพร่กระจายต่อไป ในที่สุดแฮมเล็ตที่โอ้เอ้จนมาสายก็มาถึงแล้ว


รถคัมรี่ที่ส่งเสียงคำรามหยุดจอดที่ริมทะเลสาบ แฮมเล็ตไม่สงวนท่าทางแบบสุภาพบุรุษชาวอังกฤษของเขาไว้อีกต่อไป เขากระโดดออกมาก่อนจะตะโกนขึ้น “กล้องถ่ายรูปใต้น้ำอยู่ไหน? รีบเอามาให้ฉันดูเร็ว! พระเจ้า ฤดูใบไม้ผลิของฉันมาถึงแล้ว ไม่สิ ฤดูใบไม้ผลิของเมืองนี้มาถึงแล้ว! ฉันจะดังแล้ว! พระเจ้า ในที่สุดท่านก็ประทานความรักให้กับเมืองแฟร์เวลที่น่ารักแล้ว!”


บทที่ 624 ป่าชายเลนก็มีการค้นพบครั้งใหม่

โดย

Ink Stone_Fantasy

ข่าวการค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์ของทะเลสาบเฉินเป่าแพร่กระจายไปทั่วเมืองอย่างรวดเร็ว กระทั่งคณะผู้เชี่ยวชาญที่กำลังวิจัยเต่ามะเฟืองกับล็อบสเตอร์สีรุ้งในฟาร์มปลาที่อยู่ไกลออกไปก็ล้วนแต่ตกใจกับเรื่องนี้ หลังจากบาลซักได้รับข่าวนี้เขาก็กะพริบตาปริบๆ ถามออกมา “อะไรนะ พวกเขาค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์ของที่นี่เหรอ?”


ดอล์ฟโทรศัพท์หาแฮมเล็ต โทรไปติดๆ กันหลายครั้งทางฝั่งนั้นถึงเพิ่งจะมีคนรับสาย หลังจากนั้นเขาก็พูดด้วยความเร่งรีบรวดเร็วเหมือนปุยเมฆที่ถูกพายุหอบเอาไป เขาวางสายโทรศัพท์ไปอย่างอึ้งๆ ทุกๆ คนจ้องมองเขาแล้วถามออกไป “เป็นยังไงบ้าง?”


ดอล์ฟตอบว่า “ฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร ท่านนายกเทศมนตรีเป็นคนใจร้อน เขาพูดเยอะแล้วก็พูดเร็วเกินไป แต่เหมือนว่าจะมีฟอสซิลไดโนเสาร์อยู่จริงๆ แถมยังเป็นฟอสซิลของโมซาซอรัสด้วย นอกจากนี้ยังมีฟอสซิลฉลามปลาทูอีก ดูท่าว่าน่าจะมาจากเจ็ดแปดพันปีก่อน ทะเลของที่นี่เคยมีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ในโลกใต้ทะเลมาก่อน”


โมซาซอรัสคือนักล่าชั้นบนสุดในมหาสมุทรของมหายุคมีโซโซอิก มันเป็นสิ่งมีชีวิตบนบกที่วิวัฒนาการไปสู่การเป็นสัตว์น้ำแบบที่พบเห็นได้น้อย เพราะโดยทั่วไปแล้วสิ่งมีชีวิตจะวิวัฒนาการจากน้ำขึ้นไปสู่บนบก


แถมมันยังเป็นสัตว์หายากที่มีนิสัยดุร้ายด้วย ประวัติศาสตร์การวิวัฒนาการของโมซาซอรัสพิสูจน์ความจริงข้อนี้แล้ว ไดโนเสาร์ชนิดนี้วิวัฒนาการมาจากสัตว์เลื้อยคลานยุคต้น ปรากฏตัวในช่วงตอนกลางถึงตอนปลายยุคครีเทเชียส หลังจากนั้นก็ก้าวหน้าอย่างพรวดพราดจนกลายเป็นนักล่าระดับบนสุดของมหาสมุทรในยุคนั้น!


ฉลามปลาทูเป็นทั้งอาหารและศัตรูของโมซาซอรัส ฉลามดึกดำบรรพ์ชนิดนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าฉลามกินซู เป็นผู้ล่าขั้นสูงสุดของมหาสมุทรและถูกเรียกว่า “จุดยุทธศาสตร์แห่งยุคครีเทเชียส” มันมีขนาดพอๆ กันกับฉลามขาวยักษ์ สามารถใช้ลำตัวที่ขยับขึ้นลงและใช้ขาที่เหมือนกับครีบเพื่อว่ายน้ำไปได้พร้อมๆ กัน มันมักจะกล้าโจมตีโมซาซอรัสขนาดเล็ก


สัตว์ประหลาดทั้งสองชนิดนี้แทบจะปกครองมหาสมุทรในช่วงเวลายุคนั้นของพวกมัน ถึงแม้ว่าพวกมันจะปรากฏตัวขึ้นในเวลาที่เกือบจะเป็นปลายยุค แต่เมื่ออาศัยนิสัยที่โหดเหี้ยมดุร้ายกับพละกำลังที่แข็งแกร่ง พวกมันก็ร่วมมือกันจนสามารถสังหารสัตว์เลื้อยคลานในมหาสมุทรออกไปจากประวัติศาสตร์ยุคก่อนหน้าได้จนราบเรียบ…


เมื่อได้รับคำยืนยันจากปากของดอล์ฟ บาลซักและคนอื่นๆ ก็นำอุปกรณ์สังเกตการณ์ใต้น้ำที่มีความคมชัดมากกว่าไปที่ทะเลสาบเฉินเป่า


ฉินสือโอวรวมอยู่กับฝูงชนที่เข้ามามุงดูความคึกคัก แค่ครู่เดียวเขาก็ได้พบกับวินนี่ ทั้งสองคนกอดกันแล้ววินนี่ก็พูดขึ้นมาอย่างจนปัญญา “พระเจ้า พวกนักท่องเที่ยวพากันบ้าไปแล้ว พวกเขาบอกว่าอยากจะเป็นประจักษ์พยานในช่วงเวลาประวัติศาสตร์การค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์ครั้งนี้ แต่โมซาซอรัสไม่ได้ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกสักหน่อย มีอะไรให้เป็นประจักษ์พยานได้กัน?”


“พวกเขาแค่อยากเข้ามามุงดูเพื่อความคึกคักเท่านั้นแหละครับ” ฉินสือโอวพูดด้วยรอยยิ้ม


คนจำนวนมากมายมหาศาลถูกข่าวการค้นพบดึงดูดให้มาที่ริมทะเลสาบ สถานีตำรวจของเมืองจึงต้องออกปฏิบัติการ โรเบิร์ตพาตำรวจทุกนายมารักษาความเป็นระเบียบเพราะด้านหน้านี้มีคนถูกเบียดจนลงไปในทะเลสาบแล้ว


ที่จริงแล้วพวกเขามองไม่เห็นอะไรเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากตอนนี้ต้องใช้อุปกรณ์สังเกตการณ์ใต้น้ำถึงจะสามารถเห็นฟอสซิลที่อยู่ใต้ทะเลสาบพวกนั้นได้ แถมนักท่องเที่ยวและชาวเมืองจำนวนมากต่างก็ไม่ได้รับอุปกรณ์สังเกตการณ์ พวกเขาจึงทำได้แค่รออยู่ตรงนั้นเฉยๆ อย่างช่วยอะไรไม่ได้ หรือไม่ก็พูดคุยกันไปเรื่อย


ฉินสือโอวเคยเห็นฟอสซิลพวกนี้มาตั้งนานแล้ว เขาทำภารกิจช่วยให้พวกมันได้เห็นแสดงสว่างอีกครั้งสำเร็จแล้วจึงเตรียมตัวกลับไปที่ฟาร์มปลา


วินนี่ไม่ต้องทำงานต่อแล้ว บรรดานักท่องเที่ยวต่างก็กำลังรอที่จะผลัดกันใช้อุปกรณ์สังเกตการณ์ใต้น้ำเพื่อดูฟอสซิล คาดว่ากิจกรรมวันนี้คงต้องยกเลิกแล้วล่ะ


ฉินสือโอวอยากพาวินนี่กลับ วินนี่บอกกับเขาว่าเธอยังมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบอยู่กับตัว แท้ที่จริงแล้วเธอก็แค่ไม่อยากรีบกลับเร็วขนาดนี้ เธอก็อยากจะลองดูฟอสซิลไดโนเสาร์ใต้ทะเลสาบเหมือนกัน


ฟอสซิลพวกนี้พูดไปแล้วก็ฟังเหมือนไม่มีอะไร พิพิธภัณฑ์หลายแห่งล้วนมีของพวกนี้ทั้งนั้น แต่ถ้าสามารถค้นพบพวกมันได้ก็ไม่มีใครยอมพลาดประสบการณ์แบบนี้ไปหรอก


ฉินสือโอวไปหาเหมาเหว่ยหลงอีกครั้ง เจ้าหมอนั่นกอดตั๋วตั่วเอาไว้ไม่ยอมจากไปไหน ตั๋วตั่วยื่นมือออกมาวาดลักษณะของไดโนเสาร์ให้เขาดูโดยใช้มือเล็กๆ วาดภาพขนาดใหญ่บนหน้าอก ใบหน้ารูปซาลาเปาทำหน้าตาตลกชวนขำขันออกมาพร้อมบรรยายความดุร้ายของไดโนเสาร์ไปด้วย


แบบนี้ฉินสือโอวคงกลับไม่ได้แล้วล่ะ เขาทำได้แค่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ในรถฟอร์ดเอฟ 650


หลังจากนั้นเขาที่นั่งอยู่ในรถก็ไม่ได้รับความสงบอีกต่อไปแล้ว มีนักท่องเที่ยวอยากจะถ่ายรูปคู่กับรถฟอร์ดยักษ์ ฟอร์ดเอฟ 650 ที่ยังไม่เข้าสู่ประเทศจีน สำหรับแฟนพันธุ์แท้รถกระบะแล้ว พอได้เห็นรถคันนี้ที่นี่ยังมีความหมายมากกว่าได้เห็นวิวทิวทัศน์ของเกาะแฟร์เวลเสียอีก


ยังไงซะแฮมเล็ตก็เคยทำงานที่พิพิธภัณฑ์ฟอสซิลแห่งประเทศแคนาดามาก่อน เขาใช้เครื่องมือเฉพาะทางที่บาลซักนำมาดึงลากเลนส์แบบต่างๆ เพื่อสังเกตฟอสซิลที่ปรากฏอยู่ในน้ำ


อาศัยเพียงชิ้นส่วนของฟอสซิลที่โผล่พ้นออกมาเขาก็สามารถตัดสินตัวตนของเจ้าของชิ้นส่วนฟอสซิลออกมาได้ เขาอธิบายว่า “ในตอนนั้นมีการสังหารหมู่เกิดขึ้นที่นี่ ฉลามปลาทูหลายตัวกำลังล้อมโจมตีโมซาซอรัสตัวเล็กตัวหนึ่ง และห่างออกไปไม่ไกลก็ยังมีซิปแฮคตินัสตัวหนึ่งที่กำลังซ่อนตัวอยู่ นอกจากนี้ข้างๆ ซิปแฮคตินัสยังมีฟอสซิลปลาที่แปลกประหลาดมากอยู่หนึ่งชนิดด้วย ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนแน่ๆ !”


ข้อมูลนี้ทำให้บาลซักรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา หรือว่าโอกาสในการค้นพบและตั้งชื่อสายพันธุ์ชนิดใหม่ที่เขาเคยพลาดไปเมื่อก่อนหน้านี้จะกลับมาหาเขาอีกครั้งแล้ว? ถ้าอย่างนั้นก็ต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้!


ฉินสือโอวไม่อยากจะเสียเวลาไปกับที่นี่เปล่าๆ จึงเหยียบกระดานโต้คลื่นไปเล่นน้ำต่อ เขาเข้าไปใกล้เกาะกลางทะเลสาบในจุดที่ไกลออกไป ฤดูใบไม้ผลิทำให้น้ำในทะเลสาบเพิ่มสูงขึ้น เกาะเล็กเกือบจะจมน้ำไปจนหมดแล้ว แต่สภาพการเจริญเติบโตของป่าชายเลนที่อยู่ด้านบนก็ยังคงเจริญงอกงามอยู่จนเกิดเป็นภาพป่าไม้บนผิวทะเลสาบที่หาชมได้ยาก


เนื่องจากสภาวะแวดล้อมที่เปียกชื้น ถึงแม้ว่าต้นไม้จะยังมีชีวิตอยู่ แต่ด้านบนก็มีเห็ดจำพวกเห็ดหอมภูเขาเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ฉินสือโอวถึงขนาดค้นพบเห็ดล้ำค่าอย่างเห็ดพอร์ชินีดอกใหญ่อยู่หนึ่งหย่อมเลยทีเดียว


เห็ดพอร์ชินีพบได้ทั่วไปในป่าดิบชื้นของเอเชียตะวันออก ที่อเมริกาเหนือจะพบได้น้อย แต่ก็ยังพอมี อย่างเช่นหย่อมเห็ดพอร์ชินีที่ฉินสือโอวค้นพบนี่ไง


หลังจากค้นพบเห็ดรสชาติดีพวกนี้แล้ว เขาก็กลับไปพายเรือยางเพื่อมาเก็บเห็ด ทว่าเรือยางลอดผ่านป่าไม้บนผิวน้ำไปได้ยาก ไม่เพียงแต่มีบางจุดที่ไม่สามารถผ่านไปได้ แต่เรืออาจจะเกยตื้นได้เช่นกัน


ถ้าจะให้ฉินสือโอวลงไปเก็บก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ น้ำใต้เกาะสกปรกเกินไป ไม่รู้ว่ามีหนอนน้ำอยู่เยอะแค่ไหน


นี่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกร้อนใจมาก การค้นพบอย่างอื่นคงไม่เป็นไร แต่ที่นี่มีเห็ดพอร์ชินีอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นมันในแคนาดา เมื่อก่อนอย่าว่าแต่ของสดๆ แบบนี้เลย กระทั่งแบบแห้งก็ยังไม่เคยเห็น แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าป่าชายเลนผืนนี้สร้างเชื้อเห็ดราชนิดนี้ขึ้นมาจากที่ไหน


พอลองคิดๆ ดูตาของฉินสือโอวก็เป็นประกายขึ้นมา เขาขับรถกลับไปพาต้าป๋ายมาด้วยกัน โอพอสซัมเวอร์จิเนียเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบุกป่าปีนต้นไม้


ฉินสือโอวลองสาธิตให้ต้าป๋ายดูก่อนโดยการเด็ดเห็ดหอมภูเขาขึ้นมาจากท่อนไม้แห้งที่อยู่บริเวณรอบนอกของป่าชายเลนออกมา


แบบนี้ต้าป๋ายก็เข้าใจแล้ว ฉินสือโอวแขวนถุงผ้าไว้ที่คอของมันหนึ่งใบ จากนั้นต้าป๋ายก็กระโดดไปบนต้นไม้หนึ่งต้นบริเวณรอบนอกอย่างปราดเปรียว มันใช้ทั้งปากและอุ้งเท้าพร้อมกันทั้งสองอย่าง แค่แป๊บเดียวเห็ดหอมภูเขาด้านบนก็ถูกเด็ดลงมาจนหมด


ต้าป๋ายกำลังค้นหาเห็ดในป่าอย่างละเอียด มันเอาเห็ดหอมภูเขากลับมาส่งที่เรือยางครั้งแล้วครั้งเล่า แค่ครู่เดียวมันก็เก็บได้เป็นกองใหญ่หนึ่งกอง


ฉินสือโอวคิดว่าน่าจะพอแล้วจึงชี้ให้มันดูเห็ดพอร์ชินีหายากหย่อมนั้นแล้วบอกให้มันไปเก็บมา


ต้าป๋ายกะพริบตาโตปริบๆ มองตาม มันกระโดดขึ้นไปข้างบนแล้วเด็ดแต่ละต้นลงมา นั่นทำให้ฉินสือโอวดีใจแทบแย่


“ไม่เสียแรงเลยที่ให้แกกินของดีๆ แบบนั้น” ฉินสือโอวลูบหัวต้าป๋ายพร้อมพูดจาเอาอกเอาใจมัน “กลับไปพ่อจะให้รางวัลแก อยากกินสตรอว์เบอร์รีหรือองุ่น หรือจะกินแอปเปิล ลูกแพร์ หรือลูกพีชกันล่ะ?”


พอได้เห็ดรสชาติดีพวกนี้มา ฉินสือโอวก็ไม่รอพวกเหมาเหว่ยหลงแล้ว เขาตัดสินใจขับรถกลับไปก่อน เขาจะทำเห็ดหอมดองพริกกับเห็ดพอร์ชินีผัดน้ำมัน สองเมนูนี้เป็นเครื่องเคียงที่ดีมากสำหรับมื้อเช้า


บทที่ 625 ฐานรากห่วงโซ่อาหารของฟาร์มปลา

โดย

Ink Stone_Fantasy

ตอนที่ฉินสือโอวกลับมาถึงฟาร์มปลา เรือฮาวิซทก็เพิ่งจะเข้าเทียบท่า ส่วนเรือแฟร์เวลก็กำลังเตรียมตัวออกเดินทาง


บัตเลอร์โทรศัพท์เข้ามา เขาต้องการให้ฉินสือโอวจัดเตรียมผลผลิตการจับปลาล็อตที่สามของฟาร์มปลา พวกเขาได้รับคำชื่นชมจากทั่วทั้งนิวยอร์ก ดังนั้นนี่จึงเป็นเวลาที่ต้องเคลื่อนทัพเข้าสู่ไมอามีแล้ว


การจับปลาของฟาร์มปลากับการจับปลาในทะเลหลวงเป็นคนละเรื่องกัน ปลาในฟาร์มปลาเป็นทรัพย์สินของตนเอง สามารถจับได้แต่ปลาที่มีขนาดใหญ่มากพอแล้วเท่านั้น ถ้าเป็นปลาเล็กจะต้องปล่อยไป ดังนั้นการทำงานจึงค่อนข้างเหน็ดเหนื่อย หลังจากจับปลาขึ้นมาแล้วก็ต้องคัดแยกปลา ปลาที่ไม่ตรงกับเงื่อนไขของการจับปลาก็ต้องปล่อยกลับไปในทะเล


แต่การจับปลาในทะเลหลวงเป็นเรื่องไม่ซับซ้อน แค่เลือกอวนที่มีตาอวนตรงตามข้อกำหนดของกรมประมง จากนั้นก็ทิ้งอวนจับปลาได้แล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะจับได้อะไรขึ้นมา ปลาเล็กปลาใหญ่จะกองอยู่ด้วยกัน ส่วนกรมประมงก็ไม่ได้มาตรวจสอบอย่างจริงจังมากนัก


เนื่องจากการอบรมของฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ แคนาดามีการบริหารควบคุมการประมงที่ค่อนข้างเคร่งครัด เวลาเรือประมงออกทะเลก็จะเลือกอวนตามข้อกำหนดด้วยความซื่อสัตย์มากๆ ประเทศต่างๆ อย่างเช่นญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ พวกเขาต่างก็เลือกใช้อวนที่มีตาอวนขนาดเล็กที่สุด เมื่อพบฝูงปลาก็อยากจะจับพวกมันมาทั้งหมด


เรือประมงลำหนึ่งมีชาวประมงอยู่ทั้งหมดสิบกว่าคน บนเรือหนึ่งลำไม่จำเป็นต้องใช้กำลังแรงงานมากขนาดนี้ ฉินสือโอวจึงให้เรือแฟร์เวลออกไปทำงานด้วย ถึงอย่างไรเรือลำนี้ก็เป็นเรือยอชต์ทรอลเลอร์ เหมาะกับการนำมาใช้จับปลามาก


ฉินสือโอวจอดรถแล้วขึ้นไปดูเรือฮาวิซท ปลาที่จับมาได้ก็เป็นผลการเก็บเกี่ยวที่ดี ข้างในมีปลาค็อดแอตแลนติกกับปลาแฮดดัคที่อ้วนท้วนแข็งแรงและกำลังส่องแสงนุ่มนวลละเอียดเกลี้ยงเกลาไปทั่วทั้งตัว แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นปลาที่มีเนื้อคุณภาพเยี่ยมยอด


แต่ฟาร์มปลาจะทำการเพาะเลี้ยงแบบเดียวก็ไม่ได้ ฟาร์มปลาไม่ได้มีผลผลิตอย่างปู กุ้งมังกรและหอยชนิดต่างๆ ฉินสือโอวจึงตัดสินใจว่าลำดับต่อไปจะต้องเพาะเลี้ยงปูแล้ว ส่วนหอยยังไม่ต้องจัดการก็ได้ ไม่ต้องใจร้อนไป


ชาวประมงขนย้ายกล่องเก็บปลาแต่ละกล่องเข้าไปไว้ในห้องแช่เย็น ด้านฉินสือโอวก็ไปจัดการเครื่องเคียงอาหารเช้าของเขาต่อ


เห็ดพอร์ชินีผัดน้ำมันทำได้ง่ายๆ พอล้างเห็ดเสร็จแล้วก็เอาออกมาตากให้แห้ง ฉินสือโอวกางขาตั้งอันหนึ่งไว้ที่หน้าวิลล่า เขาหั่นเห็ดพอร์ชินีเป็นเส้นๆ แล้วนำไปวางไว้ข้างบนเพื่อตากแดด


ฉงต้านึกว่าเป็นของอะไรอร่อยๆ จึงมายืนอยู่ข้างๆ ขาตั้ง มันเงยหัวขึ้นแล้วออกแรงสูดจมูกเพื่อดมกลิ่น


ฉินสือโอวจึงเข้าไปแยกมันก่อนจะพูดกับมัน “ไปนอนอยู่ใต้ต้นไม้ อย่าทำคว่ำเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องกินข้าวเย็นไปเลยสามวัน!”


ฉงต้าเดินไปด้วยความรู้สึกไม่พอใจ แต่ต่อมามันก็เจอต้าป๋าย แค่สะบัดหัวต้าป๋ายก็เข้าใจความหมายของมัน ต้าป๋ายจึงปีนขึ้นไปบนขาตั้งแล้วหยิบเอาเห็ดพอร์ชินีมาให้ฉงต้ากินหนึ่งเส้น


เห็ดพอร์ชินีที่ยังไม่สุกจะมีรสชาติธรรมดาๆ ฉงต้าเคี้ยวเข้าไปสักครู่ก็อ้าปากคายเห็ดพอร์ชินีที่ไร้รสชาติออกมาแล้วปีนขึ้นไปใต้ต้นไม้อย่างเอ้อระเหยพลางเอนตัวพิงลำต้นเพื่องีบหลับ


เห็ดหอมดองพริกสามารถทำแล้วทานตอนนี้ได้เลย ฉินสือโอวหยิบพริกดองออกมาจากตู้เย็น เขาเลือกเอาพริกดองที่อวบอ้วนและมีสีเขียวเหลืองออกมาจำนวนหนึ่ง เขาเด็ดขั้วพริกล้างเมล็ดพริกส่วนเกินออกก่อนหมักทั้งหมดด้วยน้ำส้มสายชูกับซอสถั่วเหลือง


เห็ดหอมภูเขาต้องเอาไปต้มน้ำก่อน ขณะที่กำลังต้มก็ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย เมื่อก่อนแม่ฉินสือโอวมักจะทำเมนูนี้บ่อยๆ ดังนั้นเขาจึงทำมันได้อย่างคล่องแคล่วและชำนาญ หลังจากต้มเสร็จแล้วก็เอาไปตากแห้ง จากนั้นก็เอามาผสมกับพริกดองแล้วเทน้ำส้มสายชูกับซอสถั่วเหลืองหมักลงไปก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย


ทำอาหารจานนี้ไม่ต้องใช้ซุปไก่สกัด เนื่องจากเห็ดหอมภูเขาก็มีรสชาติความสดในตัวอยู่แล้ว หลังจากดองจนมีรสเค็ม เผ็ดและเปรี้ยวก็จะเป็นอาหารอร่อยจานหนึ่ง


ฉินสือโอวหาไหมาใส่ไว้เรียบร้อย พอลองดมๆ กลิ่นดูก็รู้สึกไม่เลวเลย เขาตบไหแปะๆ ด้วยความพึงพอใจแล้วนำมันไปวางที่มุมของห้องครัว


กระรอกเสี่ยวหมิงกระโดดโลดเต้นวิ่งเข้ามา มันเอาลูกสนมาให้เขาทานหนึ่งลูก นับว่าเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์เช่นกัน


ฉินสือโอวทำสลัดผลไม้จานเล็กแล้ววางลงไปบนพื้น จากนั้นเสี่ยวหมิงก็วิ่งออกไปเรียกพวกพ้องเข้ามา มันพาครอบครัวกระรอกดินวิ่งเข้ามารับความเพลิดเพลินจากอาหารชุดใหญ่จานนี้ด้วยกัน


สำหรับครอบครัวกระรอกดิน ฉินสือโอวรู้สึกค่อนข้างปวดประสาทเล็กน้อย สัตว์เลี้ยงพวกนี้เฉลียวฉลาดน่ารักน่าเอ็นดูมาก ทว่าพวกมันมีงานอดิเรกอย่างหนึ่งที่ทำให้ต้องรู้สึกกลัดกลุ้ม นั่นก็คือการขุดหลุม


พวกกระรอกดินขุดพื้นจนเป็นรูไปทั่วทั้งฟาร์มปลา หลายครั้งตีนห่านข้างหนึ่งมักจะตกลงไปในรู ห่านตัวอวบอ้วนน้ำหนักมากและมีความเฉื่อยเยอะ ดังนั้นจึงทำให้ตีนและขาของห่านบิดหักได้อย่างง่ายดาย


ปัญหานี้ฉินสือโอวไม่มีทางแก้ เขาทำได้แค่เมินเฉยมันไปก่อน เขาเอนตัวนอนอยู่ใต้ต้นเมเปิลเรียงกันกับฉงต้าแล้วพาจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าไปที่ฟาร์มปลา


ปีนี้ฟาร์มปลาคึกคักมากกว่าเดิมแล้ว สาหร่ายทะเลคุณภาพสูงดึงดูดปลาได้มากขึ้น ปลาเล็กบางส่วนฟักตัวขึ้นที่ฟาร์มปลา พวกมันไม่ได้กลับไปที่ทะเลลึกเหมือนกันกับบรรพบุรุษของพวกมัน แต่กลับอยู่ที่น่านน้ำของฟาร์มปลาต่ออย่างเช่นปลาคาพีลิน


นิสัยดั้งเดิมของปลาคาพีลินค่อนข้างแปลกประหลาด พวกมันจะขึ้นไปวางไข่บนฝั่ง หลังจากลูกปลาฟักตัวแล้วก็จะถูกคลื่นทะเลพากลับสู่มหาสมุทร ต่อจากนั้นก็จะพากันเข้าไปสู่ทะเลลึกเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไรถึงได้ว่ายน้ำเที่ยวเตร่เข้าไปสู่แม่น้ำจนกลายเป็นปลาน้ำจืด


ครั้งที่แล้วหลังจากปลาคาพีลินขึ้นไปวางไข่บนชายฝั่งในฟาร์มปลาแล้ว คลื่นทะเลก็พัดม้วนเอาไข่ที่ผสมพันธุ์แล้วลงไปในน้ำทะเล ไข่พวกนั้นก็ฟักตัวตั้งนานแล้ว ตอนนี้ก็ผ่านมาแล้วสามเดือน ลูกปลาต่างเจริญเติบโตจนเต็มวัยหมดแล้ว


นี่เป็นสิ่งที่ฟาร์มปลาส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของปลาคาพีลิน โดยปกติแล้วสภาพการเจริญเติบโตของปลาคาพีลินจะค่อนข้างช้า ตั้งแต่ยังเป็นลูกพันธุ์โตจนถึงตอนโตเต็มวัยอย่างน้อยๆ ก็ต้องใช้เวลาครึ่งปี ถ้าหากเป็นทะเลน้ำลึกที่หนาวเหน็บก็ต้องใช้เวลาถึงแปดเดือนกว่าๆ แต่ที่ฟาร์มปลา ระยะเวลาถูกย่นลงกว่าครึ่งหนึ่ง


แน่นอนว่าถึงแม้ปลาคาพีลินจะโตเต็มวัยแล้ว แต่ก็มีขนาดความยาวไม่เกินเจ็ดแปดเซนติเมตรอยู่ดี


ฉินสือโอวยินดีมากที่ปลาคาพีลินอยู่ต่อ เนื่องจากปลาชนิดนี้มีขนาดเล็ก จึงมีมูลค่าทางเศรษฐกิจทั่วๆ ไป ไม่ใช่ว่ามันไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ แต่เป็นเพราะมันจับได้ไม่ง่าย จำนวนที่จับได้ก็น้อย นอกจากช่วงสืบพันธุ์ในทุกๆ ปี ก็ยากมากที่จะหาฝูงปลาคาพีลินเจอ


ทว่าตามข้อกำหนดของกฎหมายการประมงแคนาดาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปลาอะไร แม้จะเป็นปลาที่ถูกอเมริกาเหนือเพิ่มเข้าไปในรายการพันธุ์ปลาที่ถูกแบนอย่างปลาทูน่าขาวกับปลาเอสโคลา แต่ถ้าเป็นช่วงสืบพันธุ์ก็ไม่อนุญาตให้จับทั้งนั้น


ดังนั้นปลาที่มีขนาดเล็กเกินไปก็ต้องใช้อวนจับปลาที่มีตาอวนเล็ก แต่สำหรับเรือประมงทะเลน้ำลึก พวกเขาไม่ได้นำอวนจับปลาตาเล็กติดเรือไปด้วย แบบนี้ก็พอดีกับปลาคาพีลินที่อาศัยอยู่ในทะเลน้ำลึก ดังนั้นชาวประมงจึงเพิ่มจำนวนการจับปลาคาพีลินได้ยากมาก


แต่สำหรับฟาร์มปลาแล้ว ปลาคาพีลินเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นล่างสุดที่เหมาะกับห่วงโซ่อาหารมาก พวกมันตกไข่ง่าย เป็นอาหารอันโอชะของปลากินเนื้อทุกชนิด อุดมไปด้วยสารอาหารเหมาะกับการเป็นเหยื่อสำหรับปลาค็อด ปลาเเซลมอนแปซิฟิกและปลาทูน่ายิ่งกว่าปลาแฮร์ริ่งกับปลาซาบะเสียอีก


เพื่อที่จะปกป้องปลาคาพีลินพวกนี้เอาไว้ ฉินสือโอวจึงต้องรวบรวมพวกมันเข้าด้วยกัน หลังจากนั้นก็ถ่ายทอดพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้พวกมันด้วยกันทั้งหมด


นอกจากนี้เขายังเจาะจงเลือกปลาหนึ่งกลุ่มให้ไปอาศัยอยู่ที่ปากแม่น้ำเขาเคอร์บัลที่ไหลลงสู่ทะเลด้วย เนื่องจากที่นี่มีกระแสน้ำไหลเชี่ยว ปลาตัวใหญ่ไม่สามารถเข้าใกล้ได้โดยง่าย ถึงจะเข้ามาใกล้ก็ไม่กลัว ปลาคาพีลินสามารถย้ายถิ่นฐานเข้าสู่แม่น้ำเพื่อหลบภัยได้


เมื่อถ่ายทอดพลังของจิตสำนึกโพไซดอนให้กับปลาคาพีลินที่พบเสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็ไปสำรวจดูน่านน้ำบริเวณปากแม่น้ำ เมื่อลองสำรวจดูก็พบปัญหาบางส่วนของที่นี่แล้ว


ปลาคาพีลินรสชาติดีเกินไปจริงๆ ถึงได้ดึงดูดปลาปากแหลมฝูงใหญ่มา!


ปลาปากแหลมนั้นแค่เห็นชื่อก็ทราบถึงความหมายของมันแล้ว มันคือปลาชนิดหนึ่งที่มีปากแหลมๆ ยื่นออกมา มีปลาในมหาสมุทรหลายชนิดที่ถูกเรียกด้วยชื่อนี้ แต่ที่นิวฟันด์แลนด์ ชื่อนี้ใช้เรียกปลาชนิดหนึ่งโดยเฉพาะ นั่นก็คือปลาฮาวด์ฟิช


คำว่าปลาเข็ม (鱵) ในชื่อภาษาจีนของมันมีที่มาจากลักษณะปลาที่แปลกประหลาดของพวกมัน เพดานปากบนปรากฏให้เห็นเป็นรูปสามเหลี่ยมสั้นเล็ก เพดานปากล่างยื่นยาวเหมือนเข็มหนึ่งเล่ม โดยทั่วไปแล้วจะอาศัยอยู่ใกล้ฝั่งทะเล พวกมันสามารถเข้าไปสู่น้ำจืดได้ อาหารหลักของพวกมันก็คือสาหร่ายสีเขียว แพลงก์ตอนไปจนถึงสัตว์น้ำมีเปลือกขนาดเล็กชนิดต่างๆ


ปลาเข็มส่วนใหญ่มีลำตัวค่อนข้างสั้น แต่ปลาฮาวด์ฟิชเป็นประเภทต่างพันธุ์ สามารถโตได้ถึงหนึ่งเมตรครึ่ง พวกมันมีนิสัยดุร้ายมาก เรียกได้ว่าเป็น ‘ปลาแบมบูซ่า’ แห่งมหาสมุทรเลยทีเดียว ลักษณะนิสัยและวิธีการจับอาหารต่างก็ใกล้เคียงกันมาก


ด้วยเหตุผลต่างๆ สิ่งที่ปลาปากแหลมชอบกินมากที่สุดก็คือปลาคาพีลิน เช่นนั้นเมื่อฝูงปลาปากแหลมปรากฏตัวขึ้นในบริเวณน่านน้ำของปากแม่น้ำ ฝูงปลาคาพีลินจึงตกอยู่ในอันตรายแล้ว


…………………………………………………………….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)