ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 61-68

 บทที่ 61 มนุษย์ยักษ์

โดย

Ink Stone_Fantasy

ชาร์คไม่พูดยังดีเสียกว่า เสียงตวาดของเขานั้น ถูกเด็กวัยรุ่นพวกนี้เข้าใจว่ามันเป็นการยั่วยุ เด็กวัยรุ่นที่แอบมองวินนี่อยู่ก่อนหน้านั้นก็กระปรี้กระเปร่า ขึ้นมาจากรอบด้าน


“ฉิน ขอบคุณที่เลี้ยงมาร์ตินี่พวกเรานะ ผมขอดื่มอวยพรให้คุณหนึ่งแก้ว”เด็กวัยรุ่นหน้าตาคล้ายกันกับฮิวจ์เดินยิ้มร้ายเข้ามา เขาแนะนำตัวเองว่า “ผมชื่อแลร์รี ฮิวจ์ เป็นน้องชายของเควิน ฮิวจ์”


ฉินสือโอวยักไหล่ ยกแก้วเหล้าขึ้น “เชียร์ส แด่สมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย!”


การดื่มอวยพรของฮิวจ์ ก็เหมือนเป็นการส่งสัญญาณเพื่อเริ่มโจมตี เด็กวัยรุ่นคนอื่นๆก็หมุนวนยกแก้วขึ้นตามลำดับ


“ฉิน เมื่อวันเทศกาลอีสเตอร์ครั้งก่อนผมได้โทรศัพท์มาจากงานกิจกรรมที่คุณจัดเครื่องหนึ่ง นั่นมันเยี่ยมมากเลยล่ะ! มา ผมขอดื่มอวยพรให้คุณอีกหนึ่งแก้ว” ต่อมาก็มีเด็กวัยรุ่นอีกคนเดินยิ้มร้ายเข้ามาอีก


คราวนี้ฉินสือโอวรู้แล้วว่า เด็กเวรพวกนี้ต้องการจะมอมเหล้าเขา เขาจึงกล่าวปฏิเสธ “อ้อ เพื่อน นั่นเป็นกิจกรรมที่สนุกจริงๆนั่นล่ะ แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เหตุผลที่นายถึงกับจะต้องดื่มอวยพรให้ฉันหรอก วันนี้พวกเราควรจะสนุกสนานไปกับการมาถึงของฤดูร้อนมากกว่าที่จะดื่มเพื่อฉัน


นีลยิ้มอย่างร้ายๆแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่หรอก ฉิน วันนี้จะทำอย่างที่นายว่าไม่ได้หรอก ค่ำคืนสุดเหวี่ยงของบาร์เหล้าก็เป็นอย่างนี้ล่ะนะ ถ้าใครควงผู้หญิงที่สวยที่สุดมาด้วย คนนั้นก็จะกลายเป็นศัตรูของสาธารณชนไปด้วย ทุกคนก็ล้วนแต่อยากจะเข้ามาชนแก้วกับนายทั้งนั้น”


ฉินสือโอวรู้สึกงุนงงขึ้นมาทันที เมื่อเห็นสายตาราวกับนักล่าของพวกเด็กวัยรุ่นพวกนี้ เขาก็รู้สึกปวดฉี่ขึ้นมานิดๆ


“ผู้ชายที่ดีที่สุดถึงจะคู่ควรกับคุณผู้หญิงคนนี้ เพราะฉะนั้นคุณต้องพิสูจน์ว่าคุณน่ะดีที่สุด ดีที่สุดในทุกๆด้าน” ฮิวจ์คนเล็กตบไหล่เขาแล้วพูดขึ้น


ฉินสือโอวมองไปที่วินนี่ เขาตบโต๊ะอย่างเหี้ยมๆแล้วพูดขึ้นว่า “งั้นก็เข้ามาสิ ไอ้พวกเวร ฉันไม่ยอมถอยหรอกโว้ย!”


“โอ้ะ โอ้!” ผู้ชายกลุ่มหนึ่งส่งเสียงแหลมออกมา นีลโบกมือแรงๆ เมื่อดีเจเปลี่ยนเพลงเป็นเพลงเร็วที่ให้ความรู้สึกเร้าใจ


เหล้าแก้วแล้วแก้วเล่าถูกส่งมาให้เขา ฉินสือโอวดื่มหนึ่งอึกต่อหนึ่งแก้ว ผู้ชมที่รุมล้อมอยู่รอบข้างก็ส่งเสียงแหลมขึ้นเชียร์ ที่บาร์นี้ มาตรฐานของการตัดสินวีระบุรุษก็คือความสามารถในการดื่มเหล้า


“ฉิน ขอให้ฟาร์มปลาของคุณเจริญรุ่งเรือง! เชียร์ส!”


“ฉิน ขอให้ร่างกายของคุณแข็งแรง ขอให้ทุกสิ่งเป็นไปอย่างราบรื่น เชียร์ส!”


“ฉิน แด่มิตรภาพของจีนกับแคนาดา เชียร์ส!”


“ฉิน แด่รถคาดิลแลควันสุดหล่อของคุณ เชียร์ส!”


“ฉิน เชียร์ส~!”


ในตอบเริ่มต้นฉินสือโอวยังพอจะตอบรับอยู่บ้าง แต่ปรากฏว่าเมื่อดื่มไปได้สักเจ็ดแปดแก้วสติของเขาก็เลอะเลือนแล้ว เหล้าที่คนอื่นยื่นมาให้ก็มีหมดเกือบทุกประเภท เบียร์ ไวน์แดง วอดก้า ค็อกเทล เหล้าผสม ต่อให้เป็นไดโอนีซุสที่อยู่ตรงนี้ก็คงต้องถึงกับคุกเข่า


แล้วก็ยังดื่มเบียร์ดำต่ออีกแก้ว เมื่อฤทธิ์แอลกอฮอล์ของเบียร์พุ่งสูงขึ้น ฉินสือโอวก็เริ่มทนไม่ไหว จนต้องวิ่งโซซัดโซเซออกไปข้างนอกบาร์


ฮิวจ์ช่วยเปิดทางให้เขา เขาตะโกนไปว่า “หลีกหน่อย หลีกให้ฉินออกไปหน่อย อ้วกออกมาเดี๋ยวก็รู้สึกดีขึ้นแล้วล่ะ!”


วินนี่กลัวว่าฉินสือโอวจะล้ม จึงเข้าไปช่วยประคองเขาไว้ ฮิวจ์และอีกหลายคนอยากเข้าไปช่วย แต่วินนี่ยิ้มและปฏิเสธออกมา “ไม่เป็นไรค่ะ ทุกคน เดี๋ยวฉันดูแลเขาเอง พวกคุณไปสนุกต่อกันเถอะ”


จะว่าไปแล้ว เธอก็ยังโกรธพวกเขาอยู่หน่อยๆ ที่คนพวกนี้เอาเธอไปเป็นข้ออ้างเพื่อมอมเหล้าฉินสือโอว


เมื่อออกมาจากบาร์ ฉินสือโอวก็ถูกลมพัดจนสร่างขึ้นมาเล็กน้อย เขากอดแขนวินนี่พยายามจะเดินไปยังตรอกที่อยู่ข้างๆบาร์ เขาไม่อยากอ้วกตรงหน้าประตู มันน่าอนาถเกินไป อีกอย่างหนึ่งก็คือที่ประตูมีคนเดินเข้าๆออกๆอยู่ตลอดด้วย


วินนี่จับแขนขวาของฉินสือโอวไว้แน่น อกอิ่มของเธอแนบอยู่กับตัวของเขา น่าเสียดาย เวลานี้ฉินสือโอวสัมผัสได้เพียงความรู้สึกราวกับฟ้าหมุนเคว้งคว้างเท่านั้น ไม่สามารถดื่มด่ำกับรสชาติของความงามนี้ได้


เมื่อเอามือค้ำผนังไว้ได้ ฉินสือโอวก็เริ่มอ้วกออกมาทันที วินนี่ลูบๆตบๆหลังของเขา ลูกธนูเหล้าก็พุ่งตรงออกมาทันที


ทันใดนั้น ทั้งตรอกซอยก็เหม็นคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้า


อ้วกไปได้สักพักฉินสือโอวก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว เขาจึงยืนขึ้น แต่ปรากฏว่าเมื่อยืนขึ้นได้พริบตาเดียวก็รู้สึกว่าข้างหน้ามันมืดไปหมด ทั้งยังคิดว่าตัวเองคงรีบลุกเร็วเกินไป สุดท้ายแล้วเมื่อเขาสั่นหัวไปมาก็พบว่าข้างหน้ายังคงมืดอยู่ จากนั้นวินนี่กลับอุทานเสียงต่ำออกมาว่า “โอ้ พระเจ้า!”


“ทำไมเหรอครับ?” ฉินสือโอวถามขึ้นมาอย่างสับสน “ทำไมผมมองไม่เห็นอะไรเลยล่ะ? คงไม่ใช่เพราะดื่มเหล้าแล้วทำให้ตาบอดหรอกนะ?”


มือเล็กของวินนี่จับแขนของเขาไว้อย่างแรง เธอพูดเสียงต่ำว่า “ไม่ใช่ค่ะ มีคนขวางทางเข้าตรอก แสงไฟเลยส่องเข้ามาไม่ถึง! พระเจ้า ช่างเป็นคนที่มีร่างกายใหญ่โตจริงๆ เขา เขาเป็นหมีใช่ไหมเนี่ย?”


จากนั้น แสงไฟสลัวก็สาดส่องเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้ฉินสือโอวจึงเพิ่งจะสังเกตได้ ว่ามีสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาเข้ามาที่ทางเข้าตรอก


ไม่ว่าจะเป็นชาร์คหรือซีมอนเตอร์ ต่างก็เป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ที่มีส่วนสูงราวๆร้อยเก้าสิบเซนติเมตร สำหรับฝั่งยุโรปและอเมริกาส่วนสูงของคนขาวชาวแคนาดานับว่าไม่ได้สูงจนเกินไป หนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรก็เป็นส่วนสูงที่สูงพอแล้ว แต่เมื่อเทียบกับผู้ที่เดินเข้ามาในตรอกตอนนี้แล้ว ส่วนสูงเท่านั้นก็นับว่าเล็กน้อยไปเลย


ฉินสือโอวเมามากแล้ว เขาเห็นลักษณะของคนคนนี้ได้ไม่ชัดเจนนัก แต่เขาก็พอจะมองออก คนคนนี้สูงมากกว่าสองเมตร แถมยังเกินสองเมตรมาไม่น้อยด้วย! เขามีโครงกระดูกที่ใหญ่เป็นอย่างมาก บนตัวของเขาสวมใส่เสื้อผ้าขาดๆ ดูเหมือนกับหมีดำล่ำๆก็ไม่ปาน!


แรงบีบรัดมีมากอย่างถึงที่สุด นี่เป็นเพราะร่างกายบึกบึนของเขาที่นำความรู้สึกนี้มาให้แก่ฉินสือโอว


วินนี่กังวลว่าชายคนนี้จะรังแกพวกเขาสองคน แต่ปรากฏว่าเมื่อคนคนนี้เดินเข้ามาในตรอกกลับทำเพียงแค่เหลือบมองพวกเขาหนึ่งครั้ง แล้วก็เดินกวัดแกว่งไปที่มุมของกำแพง เขาเจอถังขยะหนึ่งถัง ก็หิ้วมันขึ้นมาเหมือนของเล่นแล้วเปิดมันออก จากนั้นจึงใช้มือขนาดใหญ่ราวกับพัดใบปาล์มหมุนล้วงเข้าไปข้างใน


“เพื่อน นาย นาย นายกำลังหาอะไรอยู่?” ฉินสือโอวยืมความกล้าจากเหล้าที่ดื่มมาถามเขา วินนี่ลากเขาออกมา เธอไม่อยากให้เกิดปัญหาขึ้น


คนคนนั้นไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา เขายังคงรื้อของในถังขยะต่อ เขายกถังขยะราวกับผู้ใหญ่ยกกระโถนปัสสาวะ


รื้อของไปสักพัก ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้อะไร จึงวางถังขยะลงอย่างท้อแท้ ขยะที่ถูกรื้อออกมาก็ถูกเก็บใส่ถังขยะอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเดินบ่นพึมพำอะไรออกมาข้างนอก เขาเดินไปด้วยแล้วก็เอาของออกจากห่อมาป้อนเข้าปากไปด้วย


“ฮาย นายชื่ออะไรเหรอ? ฉันไม่เคยเห็นนายที่เมืองแฟร์เวลมาก่อนเลย” ฉินสือโอวใช้ความกล้าจากเหล้ายืนขวางทางชายร่างใหญ่คนนี้ไว้


วินนี่อยากจะร้องออกมาทั้งที่ไม่มีน้ำตา เธอสาบานเลยว่า จากนี้ไปจะไม่ปล่อยให้ฉินสือโอวเมาเหล้าอีกเด็ดขาด!


ชายร่างสูงใหญ่ไม่ได้พูดอะไร หลังจากโดนฉินสือโอวขวางทางเขาก็เอามือขึ้นมาบีบจมูก คิดจะเดินอ้อมไปอีกด้าน


ฉินสือโอวก็ขวางเขาไว้อีก แล้วหัวเราะเหอะๆออกมา “นายตัวใหญ่ขนาดนี้ ต้องคอแข็งมากแน่ๆ ฉันจะเลี้ยงเหล้านาย เอาให้ไอ้พวกที่อยู่ข้างในกลายเป็นขี้หมาไปเลย!”


เมื่อได้ยินคำนี้ ชายร่างสูงใหญ่ก็หยุดฝีเท้าลง ใช้เสียงในลำคอพูดออกมาว่า “อ้อ จะเลี้ยงฉันเหรอ? เลี้ยงข้าวฉันได้ไหม? กินพิซซ่า? ฉันชอบกินพิซซ่า พิซซ่าอร่อย!”


“เลี้ยงเหล้าต่างหาก!” ฉินสือโอวพูดออกมาเสียงดัง


“ไม่ ฉันอยากกินพิซซ่า ฉันหิวมากเลย เลี้ยงพิซซ่าฉันหน่อยได้ไหม?” ชายร่างใหญ่บ่นอุบอิบๆออกมา


วินนี่ลากฉินสือโอวไว้ แล้วพูดกับเขาว่า “คุณเมาแล้ว ฉันส่งคุณกลับไปนอนดีกว่า”


ฉินสือโอวใช้ฝ่ามือถูหน้าไปมา “ไม่เป็นไร ที่รัก ผมเมาแค่ครึ่งเดียวเอง ผมกำลังหิวอยู่พอดีเลย ผมนี่มันสมควรตาย อ้วกเอาของออกมาหมดเลย ไปกินพิซซ่าด้วยกันเถอะนะ ผมอยากเลี้ยงข้าวยักษ์ใหญ่เพื่อนเราคนนี้สักมื้อ


เมื่อได้ยินคำของเขาชัดเจน มนุษย์ยักษ์คนนั้นก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากออกมา แล้วยกเขาขึ้นมากอดไว้ ดึงลากเขาไว้แล้วพูดว่า “กินพิซซ่า ไปกินพิซซ่า”


เมื่อถูกมนุษย์ยักษ์ลากมาข้างๆ ฉินสือโอวก็รู้สึกเหมือนมีกลิ่นเหมือนลอยเข้ามาปะทะหน้าเขาหมุนตัวเข้าหามุมกำแพง ทำเสียงแหวะแล้วเริ่มอ้วกออกมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง ครั้งนี้แม้แต่น้ำในถุงน้ำดีก็แทบจะออกมาด้วย


หลังจากอ้วกออกมา ฉินสือโอวก็สร่างเมาขึ้นมาไม่น้อย เมื่อเดินออกมาจากตรอก มนุษย์ยักษ์ก็เดินก้าวเท้ายาวๆไปที่หัวมุมถนน ที่นั่นมีร้านค้าที่ชื่อว่า ‘อาหารของมังกี้’เปิดอยู่


มนุษย์ยักษ์เดินเข้าร้านไปคนแรก เจ้าของร้านค้าปัดมือแล้วพูดว่า “ไม่ ไม่ วิลสัน ไม่มีพิซซ่าให้ต้องจัดการแล้ว นายออกไปเถอะ”


“มีคนจะเลี้ยงพิซซ่าฉัน ฮ่าฮ่า” มนุษย์ยักษ์ลากเสียงแหบเอ่ยออกมา”


ฉินสือโอวที่ถูกวินนี่ประคองอยู่เดินเข้ามาจากข้างหลัง เขาหาที่นั่งแล้วนั่งลงตามอำเภอใจ “ใช่แล้ว เถ้าแก่ ผมจะเลี้ยงพิซซ่าลูกพี่คนนี้ ที่ร้านคุณมีพิซซ่าขายไหม?”


เจ้าของร้านวัยกลางคนส่ายหัวอย่างจนปัญญา “นายคือฉินใช่ไหม? ดีล่ะ ฉันได้ยินมาว่านายเป็นคนกล้าได้กล้าเสียมากๆ กล้าได้กล้าเสียเหมือนกันกับปู่ของนาย แต่ฉันไม่คิดว่าการที่นายเลี้ยงพิซซ่าวิลสันเป็นเรื่องที่ดีงามอะไรหรอกนะ”


ถึงแม้จะพูดอย่างนี้ เจ้าของร้านกลับเอาพิซซ่าออกมาจากตู้รักษาความสดอย่างคล่องแคล่ว เขานำมันเข้าเตาอบเพื่ออุ่นร้อน จากนั้นก็หั่นออกเป็นสี่ส่วนแล้ววางลงบนจาน แล้วจึงยื่นให้กับมนุษย์ยักษ์


ฉินสือโอวกำลังจะหยิบมาหนึ่งชิ้น แต่ปรากฏว่าพอเขายื่นมือออกไป มนุษย์ยักษ์ที่รับเอาพิซซ่ามา ก็ใช้มือขนาดใหญ่เหมือนพัดใบปาล์มหยิบพิซซ่ายัดเข้าไปในปาก


เหมือนกันกับเอฟเฟคในหนัง พิซซ่าหนึ่งในสี่ส่วนของถาดหายเข้าไปในปากของมนุษย์ยักษ์อย่างรวดเร็ว ได้ยินแต่เสียงเคี้ยว ‘จ๊อบแจ๊บจ๊อบแจ๊บ’ จากนั้นก็ตามด้วยชิ้นที่สอง ชิ้นที่สาม และชิ้นสุดท้าย


ฉินสือโอวกลืนน้ำลาย เขามองไปที่วินนี่ แล้วถามขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจ “นี่ผมเมาใช่ไหม? ผมเห็นไม่ชัดเท่าไรเลย……”


“เจ้าหมอนี่เป็นหมีชัดๆ” วินนี่พูดพึมพำ “พระเจ้า ปากของเขาเชื่อมกันกับเครื่องบดหรือเปล่าเนี่ย? คนเราจะกินแบบนี้ได้ยังไงกัน?”


เจ้าของร้านพอใจกับปฏิกิริยาของพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด เขาหยิบเอาพิซซ่าในร้านทั้งหมดออกมา อบทีละแผ่นแล้วส่งให้มนุษย์ยักษ์ เขารับมาอย่างไม่มีการปฏิเสธ แล้วกินอาหารด้วยความเร็วที่น่าตกใจ แม้แต่ความเร็วในการอบพิซซ่าของเจ้าของร้านก็ยังตามไม่ทัน!


กินติดต่อกันมายี่สิบนาที เมื่อมนุษย์ยักษ์วางถาดพิซซ่าลงในที่สุด เจ้าของร้านก็ผายมือและพูดออกมาว่า “ไม่มีแล้ว วิลสัน ไม่มีพิซซ่าแล้ว นายกินมันหมดแล้ว!”


มนุษย์ยักษ์พูดในลำคอขึ้นมาสองคำ เขาเอามือตบพุงแล้วหมุนตัวเดินออกจากร้านไปอย่างมีความสุข เงาของร่างขนาดมหึมาหายไปในความมืดยามค่ำคืนอย่างรวดเร็ว


ฉินสือโอวกับวินนี่ยังคงตกตะลึงจนตาค้างอยู่


“ราคาอาหารที่เขากินไปทั้งหมดเท่าไร?” ฉินสือโอวถาม


เจ้าของร้านนำพิซซ่าหน้าแฮมกับข้าวโพดที่อบเสร็จแล้วมาวางไว้ข้างหน้าพวกเขาสองคน “ทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดสิบดอลลาร์ ฉิน พิซซ่าถาดนี้ถือว่าแถมให้พวกนายแล้วกันนะ นายจ่ายให้ฉันแค่ราคาพิซซ่าที่วิลสันกินไปก็พอ”


“หนึ่งร้อยแปดสิบดอลลาร์? เจ้าหมอนั่นกินพิซซ่าหมดไปร้อยแปดสิบดอลลาร์?!” วินนี่ร้องโอดโอยออกมาคำหนึ่ง “พระเจ้า ฉันก็คงจะเมาแล้วเหมือนกันแน่ๆ”


…………………………………………………


บทที่ 62 ซื้อเรือเล็ก

โดย

Ink Stone_Fantasy

วันต่อมาหลังจากตื่นขึ้น ฉินสือโอวก็ลืมเรื่องของเมื่อคืนไปเกือบหมดแล้ว จำได้แต่ว่าตัวเองถูกคนที่บาร์มอมเหล้าจนน่าเวทนานัก หลังจากนั้นคล้ายกับว่าเขาได้เลี้ยงข้าวชายร่างยักษ์คนหนึ่ง


พลังของโพไซดอนเป็นสิ่งที่ดี เมื่อคืนเมาขนาดนั้น แต่พอตื่นขึ้นมา ฉินสือโอวกลับรู้สึกคึกคักมีชีวิตชีวา


วินนี่ยังคงอยู่ในห้องครัวเพื่อทำโจ๊กให้เขา แต่ฉินสือโอวกลับออกไปวิ่งข้างนอกได้รอบหนึ่งแล้ว เขาเหงื่อท่วมตัวกลับมาอาบน้ำ ดูไปแล้วน่าจะกระปรี้กระเปร่ากว่าวินนี่ที่ตื่นแต่เช้าเสียอีก


ในขณะที่กำลังทานข้าวเช้า วินนี่ก็พูดขึ้นว่า “จนกระทั่งตอนนี้ฉันก็ยังลืมไม่ลงเลย เมื่อคืนเจ้ายักษ์นั่นกินเก่งเกินไปแล้ว เขากินพิซซ่าไปทั้งหมดกี่ถาดนะ? สิบถาด? หรือสิบห้าถาด!?”


ภาพจำของฉินสือโอวค่อนข้างเลือนลาง จำได้ไม่ค่อยชัดเจน เลยตอบออกไปส่งๆว่า “เขาเจริญอาหารมากจริงๆ รออีกเดี๋ยวถ้าชาร์คมาแล้วเราค่อยถามดูว่าหมอนั่นเป็นใคร”


ชาร์คกับซีมอนสเตอร์ขับรถมาถึงฟาร์มปลาแล้ว ฉินสือโอวจึงถามเขาเรื่องแผนงาน ซีมอนสเตอร์ตอบว่า “วันนี้ไม่ได้มีเรื่องอะไร ผมคิดไว้ว่าจะไปตลาดที่เซนต์จอห์น เพื่อดูเรือเล็กประกอบเครื่องจักรสักสองลำ


ฉินสือโอวพยักหน้า พูดว่า “ที่จริงพวกเราต้องซื้อเรือ แต่ก่อนจะซื้อเรือนั้น ไม่ใช่ว่าต้องซ่อมท่าเรือสักหน่อยเหรอ?”


ท่าเรือของฟาร์มปลาเป็นแบบเสาสูงที่พบได้บ่อยๆ ตั้งแต่ฐานของเสาและโครงสร้างส่วนบนของเสาประกอบเข้าด้วยกัน ด้านล่างของเสาปักลึกลงไปในใต้น้ำ ด้านบนของเสาสูงพ้นขึ้นมาจากผิวน้ำ จากนั้นใช้จึงใช้คานเหล็กมาทำโครง ข้างบนปูแผ่นไม้ไว้ ประกอบเป็นทางเดินที่ยื่นเข้าไปสู่กลางทะเล


ท่าเรือแบบเสาสูงมีข้อดีอยู่ที่ มันใช้โครงสร้างที่ผ่านทะลุได้ คลื่นและกระแสน้ำสามารถไหลผ่านไปได้ ทำให้รับแรงกระทบของคลื่นแค่เพียงเล็กน้อย ทั้งยังสามารถลดการใช้วัสดุและยังทำได้ง่าย แถมยังทนทานอีกด้วย


แต่ท่าเรือประเภทนี้ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไรนัก ฐานเสาของมันฝังอยู่ในน้ำทะเล รับแรงกระแทกและแรงโจมตีของคลื่นไว้อย่างเต็มที่ นานวันเข้าก็จะเกิดการสึกกร่อน วัสดุแตกหักและปัญหาต่างๆขึ้น


โดยเฉพาะในตอนนั้นที่ฟาร์มปลาต้าฉินได้เลือกใช้ท่อนไม้แห้ง ไม่ได้ทำด้วยเสาคอนกรีตอัดแรง ความปลอดภัยจึงยิ่งลดน้อยลง


นอกจากนี้แล้ว ที่ท่าเรือแห่งนี้ก็ทอดตัวลงไปในน้ำแค่ยี่สิบกว่าเมตร ฉินสือโอวจึงติว่ามันเล็กไปหน่อย


“บอส คุณวางแผนจะซ่อมแซมท่าเรือเหรอ?” ชาร์คที่รู้สึกสนอกสนใจถามขึ้นมา


ฉินสือโอวพยักหน้า แล้วตอบเขาไปว่า “แถมฉันยังอยากจะทำให้มันเป็นท่าเรือแบบอาศัยแรงถ่วงด้วย”


เมื่อได้ยินอย่างนี้ชาร์คและซีมอนสเตอร์ก็ถึงกับอึ้ง


ท่าเรือแบบใช้แรงถ่วงเป็นการสร้างท่าเรือแบบดั้งเดิม ซึ่งก็คือการถมทะเลเพื่อสร้างพื้นดิน ตรงออกมาตั้งแต่บนบกจนยื่นเข้าไปถึงจุดลึกในทะเล เนื่องจากท่าเรือแบบนี้อาศัยน้ำหนักและขอบเขตโครงสร้างของสิ่งก่อสร้างเพื่อรักษาความมั่นคง ดังนั้นมันจึงถูกเรียกว่าท่าเรือแบบแรงถ่วง


อย่ามองว่าท่าเรือประเภทนี้เป็นรูปแบบที่ล้าหลัง แท้จริงแล้วค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างนั้นสูงมาก ต้องใช้ซีเมนต์บล็อกและโครงเหล็กเป็นจำนวนมาก เท่ากับเป็นคนงานที่ต้องทอดตัวจากบนบกไปสู่กลางทะเล ทั้งหมดล้วนแต่เป็นวัสดุที่ใช้ถมออกมาให้เต็ม ที่เกาะแฟร์เวลยังไม่มีท่าเรือที่ยาวขนาดนี้


ข้อดีของท่าเรือแรงถ่วงก็คือ มันมีโครงสร้างทั้งชุดที่ดี มีความแข็งแรงทนทาน เมื่อเกิดความเสียหายก็ง่ายที่จะซ่อมแซม อีกทั้งยังสะดวกและปลอดภัย


“คุณคิดว่าจะสร้างยาวขนาดไหน?” ชาร์คถาม


ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวได้ลองคิดทบทวนมาแล้ว จึงตอบไปว่า “ยี่สิบเมตรเป็นไง?”


ชาร์คผ่อนลมหายใจออก “ถ้าอิงตามระดับความลึกของริมทะเลตรงท่าเรือของเรา อีกทั้งยังเป็นการปรับแก้จากท่าเรือเดิมของเราด้วย ดังนั้นผมประเมินว่าในการสร้างท่าเรือแบบแรงถ่วงขนาดยี่สิบเมตรน่าจะใช้เงินราวๆสี่ห้าแสน


“หรือจะสร้างสักหนึ่งร้อยเมตรดี” ฉินสือโอวพูดเสริม


ใบหน้าของชาร์คกับซีมอนสเตอร์ก็เขียวขึ้นมาทันที ท่าเรือมีแรงถ่วงยาวหนึ่งร้อยเมตร หรือก็คือยืดขยายออกไปหนึ่งร้อยเมตรจนถึงกลางทะเล ใหญ่พอที่จะเป็นฐานทัพเรือใหญ่หมื่นตันด้วยซ้ำ!


“อย่าทำอย่างนั้นเลย บอส ท่าเรือแบบถ่วงยาวร้อยเมตรมันไม่ได้ง่ายเหมือนกับเอายี่สิบคูณห้านะ มันจำเป็นต้องใช้ ต้องใช้เงินอย่างมาก!” ชาร์คกางแขนทั้งสองข้างออกเป็นรูปวงกลมขนาดใหญ่ “ฟาร์มปลาของเราไม่ได้ต้องการท่าเรือที่ใหญ่ขนาดนั้นนะครับ!”


ฉินสือโอวหัวเราะออกมา “นายจำเป็นต้องกังวลขนาดนี้ด้วยเหรอ? ฉันพูดว่าท่าเรือยาวหนึ่งร้อยเมตร ไม่ใช่ท่าเรือแรงถ่วง แค่ใช้เสาคอนกรีตอัดแรงมาทำเสาก็พอแล้ว”


ชาร์คกับซีมอนเตอร์ยิ้มเยาะออกมา แล้วพูดว่า “นั่นก็ต้องใช้เงินเยอะเหมือนกัน ฟาร์มปลาของเราไม่ต้องการท่าเรือที่ยาวขนาดนั้นหรอก”


ฉินสือโอวกลับรู้สึกว่าจำเป็นต้องมีท่าเรือแบบนั้น เขาเปิดฟาร์มปลาก็ไม่ได้คิดจะทำแค่เล็กๆน้อยๆ ยิ่งมีตัวช่วยอย่างจิตสำนึกโพไซดอนด้วยแล้ว เขาวางแผนจะสร้างฟาร์มปลาของเกาะแฟร์เวลให้กลายเป็นฟาร์มปลาอันดับหนึ่งของโลก!


เมื่อพอจะเข้าใจแล้ว ฉินสือโอวจึงยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นกำหนดการ เขามอบหมายให้ชาร์คไปหาทีมดำเนินการก่อสร้าง ชาร์คพูดขึ้นมาอย่างคนที่เริ่มปวดหัวหน่อยๆแล้วว่า “พวกเราต้องไปหาบิ๊กฟุตที่นครเซนต์จอห์น หมอนั่นรู้จักคนเยอะ เขาจะช่วยเราได้”


ซึ่งนั่นก็พอดีกับที่ต้องไปซื้อเรือ ฉินสือโอวตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงพาวินนี่ ชาร์คและซีมอนสเตอร์เข้าไปที่นครเซนต์จอห์น


ตอนอยู่บนเรือ ฉินสือโอวนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่เขาได้พบกับมนุษย์ยักษ์ใหญ่คนนั้นขึ้นมา จึงถามขึ้นว่า “ชาร์ค ที่เมืองแฟร์เวลมีคนสูงสองเมตรไหม?”


ชาร์คหัวเราะออกมา “มีคนหนึ่งที่สูงประมาณนั้น แต่ว่าตอนนี้เขาน่าจะไม่อยู่ในเมืองแล้ว ทำไมเหรอ?”


ฉินสือโอวพูดออกมาอย่างงงๆว่า “ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ เมื่อคืนนี้ฉันยังเจอเขาอยู่เลย ตัวเขาน่าจะสูงกว่าสองเมตรแน่ๆ”


ซีมอนสเตอร์พยักหน้า “คุณพูดถึงอีวิลสันใช่ไหม”


“ใช่ๆ ชื่อนี้นี่แหละ” ฉินสือโอวนึกชื่อที่เจ้าของร้านพิซซ่าเรียกมนุษย์ยักษ์คนนั้นขึ้นมาได้ “เขาเป็นใคร?”


ชาร์คกับซีมอนสเตอร์ดูเหมือนไม่ค่อยอยากที่จะพูดถึงเรื่องนี้เท่าไรนัก พวกเขายักไหล่แล้วพึมพำออกมาว่า ‘ไม่ค่อยคุ้นกับเขาเท่าไร’ แล้วจึงแสร้งทำเป็นเหมือนตัวเองกำลังยุ่ง


ฉินสือโอวอยากจะไล่ถามต่อ วินนี่จึงปรามเขาไว้ เธอพูดกับเขาเสียงเบา “ช่างมันเถอะนะคะ ถ้าพวกเขาไม่อยากพูดถึงก็ช่างมันเถอะ ใช่แล้ว คุณไม่คิดว่าชื่อนี่มันแปลกๆบ้างเหรอคะ? อีวิลสัน? ใช่ Evil-son ไหมนะ?”


ชาวนิวฟันด์แลนด์เคารพคนรุ่นพ่อเป็นอย่างมาก ดังนั้นคนส่วนใหญ่เวลาตั้งชื่อ ก็จะใช้ชื่อของพ่อมาเติมคำว่า ‘son (ลูกชาย)’ ลงไปด้วย


อย่างเช่นชื่อของชาร์คคือ ชาร์ค-สตินสัน ชื่อ ‘สตินสัน’ ก็คือ ‘สติน-son’ มีความหมายว่าลูกชายของสติน และยังมีคุณลุงฮิคสันเจ้าของร้านอาหารอีกคน ชื่อของเขามีความหมายว่า ‘ลูกชายของฮิค’ เช่นกัน


แต่ชื่ออีวิลสัน หากวิธีการสะกดคำคือ Evil-son ก็จะมีความหมายว่า ‘ลูกชายของปีศาจร้าย’ นั่นเอง


ฉินสือโอวไม่คิดว่าจะมีใครตั้งชื่อลูกชายของปีศาจร้ายหรอก ก็คงจะเหมือนกันกับคนจีนที่จะไม่ตั้งลูกว่า ‘อาชญากร’ นั่นล่ะ


ฉินสือโอวขับเรือยอชต์ทรอลเลอร์ไปที่นครเซนต์จอห์น เรือยอชต์ของเขาใหม่เอี่ยม สีขาวละเอียดสะท้อนกับแสงอาทิตย์เงาวับ ทำให้เรือยอชต์ทั้งลำดูเหมือนกับเรือรบของอะพอลโล (เทพแห่งดวงอาทิตย์) เมื่อเรือเข้าจอดที่ท่าเรือ ก็ถูกเจ้าของเรือหลายลำผิวปากแซว


บิ๊กฟุต เรค กำลังรอคนกลุ่มหนึ่งอยู่บนฝั่ง ประสิทธิภาพในการทำงานของเขาสูงมาก ข้างตัวเขามีคนผิวดำร่างกายสูงผมยืนอยู่ด้วยหนึ่งคน เมื่อฉินสือโอวขึ้นฝั่งมาแล้วเขาจึงแนะนำว่า “ผู้ชายคนนี้ เขามีทีมดำเนินการก่อสร้างอยู่ทีมหนึ่ง รับหน้าที่ด้านการสร้างท่าเรือโดยเฉพาะ พวกคุณลองคุยๆกันดูนะ”


ทั้งคู่จับมือทักทายกัน ถึงแม้วิลจะเป็นชายผิวสี แต่ก็ได้รับการอบรมมาอย่างดี เมื่อโค้งตัวทักทายกันเสร็จแล้วเขาจึงพูดขึ้นว่า “เถ้าแก่ฉิน ผมชื่อวิลเป็นหัวหน้าคณะวิศวะกร คุณสามารถสอบถามก่อนได้ ทีมรับเหมาของผมชื่อเสียงไม่เลวเลย หากไว้ใจพวกผม ผมก็จะไปลองดูสภาพการณ์ฟาร์มปลาของคุณก่อน หลังจากนั้นจึงจะให้คุณดูแบบร่างและใบเสนอราคา


ฉินสือโอวไว้ใจชาร์คมาก ส่วนชาร์คก็ไว้ใจเรคมากเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็คงไม่ต้องเคลือบแคลงใครแล้ว ฉินสือโอวบอกที่อยู่ของเขาไป และให้เบอร์นีลเซ็นไว้กับเขา ให้เขาไปหานีลเซ็นที่ฟาร์มปลาก็พอแล้ว


สิ่งสำคัญที่ต้องทำในวันนี้คือต้องไปซื้อเรือ ที่ร้าน ‘ห้างขายอุปกรณ์ตกปลาชาวไวกิ้ง’ ของเรค ไม่มีบริการนี้ ดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงต้องไปที่ ตลาดเสรีแห่งนครเซนต์จอห์น


ตลาดเสรีแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของการดำรงอยู่ของนครเซนต์จอห์น ตั้งอยู่ที่เมืองเล็กๆในอ่าวริมชายฝั่งทะเลทางใต้ ตลาดแห่งนี้ไม่ใช่ตลาดที่พ่อค้าแม่ค้ามารวมตัวกันตั้งแผงขายอาหารเล็กๆ ข้างในเป็นร้านขายอุปกรณ์เกี่ยวกับเรือจับปลา และร้านขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการจับปลาขนาดใหญ่


“ลองดูเรือเล็กก่อนแล้วกัน” ฉินสือโอวพูดขึ้นว่า “ซื้อเรือหัวกว้างไม่ก็เรือประเภทที่มีดาดฟ้า ขับมันออกทะเลตามปกติก็พอแล้ว ทั้งเร็วทั้้งประหยัดน้ำมัน แถมยังทันสมัยมากด้วย


ซีมอนสเตอร์พูดขึ้นว่า “อันนี้ให้ผมประกอบเครื่องจักรก็พอแล้ว บอส คุณชอบเรือสไตล์ไหน?”


โดยทั่วไปแล้ว ประเภทของเรือจะถูกแบ่งตามระดับความยาว ต่ำกว่าหกเมตรคือเรือมินิ หกเมตรถึงสิบเอ็ดเมตรคือเรือขนาดเล็ก ระหว่างสิบเอ็ดเมตรถึงยี่สิบเมตรจะเป็นเรือขนาดกลาง ยี่สิบเมตรขึ้นไปจึงจะเป็นเรือยอชต์ขนาดใหญ่


สำหรับเรือหรูที่เห็นได้บ่อยๆในภาพยนตร์นั้น ส่วนใหญ่แล้วจะมีขนาดมากกว่าสี่สิบเมตรขึ้นไป ตอนนี้ฉินสือโอวไม่คิดที่จะซื้อของพวกนี้ เขายังไม่อยากล้างผลาญวงศ์ตระกูลขนาดนั้น


เรือหัวกว้างเป็นเรือมอเตอร์ชนิดหนึ่ง สามารถนั่งได้สี่ถึงแปดคน เหมาะกับการแข่งขัน ตกปลาและลากสกีน้ำ หลักๆแล้วมีไว้ใช้เพื่อกิจกรรมสำหรับความบันเทิง


ด้านล่างของดาดฟ้าตรงหัวเรือของเรือเล็กชนิดนี้ไม่ได้มีการติดตั้งห้อง ดาดฟ้าบริเวณด้านหน้าของจุดขับเรือถูกทำให้เปิดกว้างออกเป็นแอ่งเว้าลง สามารถเพิ่มที่นั่งพิเศษสำหรับรับลมหรืออาบแดดลงไปได้ แน่นอนว่า มันก็สามารถเอาไว้ใส่ปลาได้เช่นกัน


เรือหัวกว้างมีข้อดีอยู่หนึ่งอย่าง นั่นก็คือเมื่อเรือแล่นด้วยความเร็วเต็มที่ คนที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งบริเวณแอ่งด้านหน้าแท่นขับเรือ จะรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่บนยอดคลื่น และสามารถดื่มด่ำความรู้สึกของการฝ่าลมโต้คลื่นได้


ซีมอนสเตอร์แนะนำว่า “เรือเล็กแบ่งออกเป็นสี่แบบ แบบอิตาลีและไครเมียหรือที่เรียกว่าแบบ แบบโรแมนติก สะท้อนให้เห็นถึงความหรูหราและความงามอย่างมีระดับ แบบอเมริกันหรือที่เรียกว่าแบบอิสระ เป็นแบบที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบมาก แบบสไตล์อังกฤษหรือแบบชนชั้นสูง ทุกส่วนของเรือสะท้อนให้เห็นถึงกลิ่นอายของความสง่างามแบบดั้งเดิม สุดท้ายคือแบบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เพิ่งออกมาได้ไม่นานนี้ เรียบง่าย กว้างขวาง ใช้ประโยชน์ได้จริง


ฉินสือโอวพิจารณา แล้วพูดขึ้นว่า “ซื้อเรือหัวกว้างสองลำ ลำหนึ่งเป็นแบบไครเมีย อีกลำเป็นแบบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”


เรือแบบไครเมียสามารถเอาออกไปตกปลาในทะเลได้ ส่วนเรือแบบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เอาไว้สำหรับออกไปตรวจสภาพปลา


…………………………………………………


บทที่ 63 ซื้อเรือยอชต์ครั้งใหญ่

โดย

Ink Stone_Fantasy

ต่อไปได้เวลาที่ซีมอนสเตอร์จะได้แสดงฝีมือให้ชม เขาพาฉินสือโอวมาเลือกชิ้นส่วนเรือเล็ก โดยเลือกวัสดุใยแก้ว(FRP/CM[1])สำหรับเรือหัวกว้างสไตล์ไครเมีย และอะลูมิเนียม อัลลอยของเรือหัวกว้างสไตล์ตะวันออกเฉียงใต้


“ใยแก้วถือเป็นวัสดุหลัก ที่มีการพัฒนามากว่าหกสิบปีแล้ว สวยงาม มีคุณสมบัติทนต่อการเสื่อมสภาพ ไม่เป็นแม่เหล็ก ไม่เป็นสนิม ออกแบบมาให้ทนทาน ปรับเปลี่ยนรูปร่างได้ อะลูมิเนียม อัลลอยเป็นวัสดุที่ทนทาน มีอายุการใช้งานนาน ดูแลง่าย และยังนำกลับมาใช้ใหม่ได้ จึงควรเลือกมาใช้เป็นส่วนประกอบ”


ใยแก้วที่ซีมอนสเตอร์เลือกมา เกือบจะมีลักษณะโปร่งแสง ตอนไปออกทะเล มันต้องสวยมากทีเดียว ส่วนอะลูมิเนียม อัลลอยเขาให้ทาเป็นสีแดง เพื่อให้มองเห็นได้ชัดในทะเล เผื่อกรณีที่ไม่เห็นคน


เมื่อเลือกเรือเล็กได้แล้ว สิ่งสำคัญต่อไปที่ต้องเลือกก็คือเครื่องยนต์ ทั้งเรือหัวกว้างและเรือเด็ค[2]ใช้มอเตอร์เหมือนกัน ซีมอนสเตอร์อยากใช้เครื่องยนต์ของนิสสัน ยามาฮ่า แต่ฉินสือโอวค้าน กล่าวว่า “เราจะไม่ซื้อของญี่ปุ่นกัน เพื่อน ฉันรู้สึกว่ามอเตอร์ของเมอร์คิวรี่ก็ไม่เลวนะ เจ็ทสกีของฉันก็ใช้ ดีมากเลย”


ซีมอนสเตอร์ส่ายหัวตอบ “ถ้าไม่ใช้ของญี่ปุ่น งั้นใช้ของเยอรมันก็ได้ อย่าใช้เมอร์คิวรี่เลย ใช้มอเตอร์ MAN ที่เป็นของเทคโนโลยีใหม่ทั้งหมดดีกว่า ด้วยหัวฉีดรูพรุนที่จะสูบฉีดน้ำมันกำลังสูง และเพิ่มระดับการระบายอากาศ ซึ่งภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน มอเตอร์แบบนี้เทียบกับเมอร์คิวรี่แล้วดีไซน์จะน้ำหนักเบากว่า พลังแรง และทนทานมากกว่า แต่ราคาก็สูงกว่าเล็กน้อย”


“ถ้าคุณจะเลือกใช้ของเยอรมัน งั้น MTU ก็ไม่เลวนะ ผมมีเครื่องยนต์ดีเซล MTU16V396TE2010 เมื่อก่อนคนเยอรมันใช้เครื่องนี้ในการขับเคลื่อนเรือนาวี โดยมันใช้เทคโนโลยีเครื่องยนต์รางเชื้อเพลิงร่วม คิดว่าไงครับ?” บิ๊กฟุต เรคยังไม่ลืมโปรโมทของตัวเอง


“ตามนั้น เลือก MAN กับ MTU มาอย่างละอันแล้วกัน” ฉินสือโอวบอก ไม่กี่วันก่อนเขาก็หาข้อมูลเรื่องพวกนี้มาเหมือนกัน แล้วได้รู้ว่าเทคโนโลยีเครื่องยนต์ระบบรางร่วมนั้น ถือเป็นมอเตอร์เรือยอชต์ระดับสูงทีเดียว


เลือกเรือเล็กกับมอเตอร์เรียบร้อย ยังต้องติดตั้งใบจักรอีก ของที่ชาร์คแนะนำฉินสือโอว คือพิท(Pitch), เส้นผ่าศูนย์กลางใบจักร(Diameter)และแผงหน้าจอพารามิเตอร์แบบพิเศษอื่นๆ


ฉินสือโอวเปรียบเทียบเสร็จก็ตัดสินใจ เรือหัวกว้างสไตล์ตะวันออกเฉียงใต้เลือกเป็นใบจักรแบบปรับมุมบิดได้ และเลือกใบจักรแบบปั๊มสำหรับเรือหัวกว้างสไตล์ไครเมีย


ใบจักรแบบปั๊มจะเสียงเบากว่าใบจักรแบบปรับได้ สมดุลกว่า แรงผลักไม่ได้เกิดจากตัวปั๊ม แต่เกิดจากเพราะปั๊มเจ็ทที่ดูดน้ำเข้ามาทางหัวฉีด ผ่านโรเตอร์[3]ไปอย่างรวดเร็ว แล้วพุ่งออกมาจากตัวปั๊มเจ็ท


พูดง่ายๆคือ ฉินสือโอวกำลังออกแบบเรือหัวกว้างสองแบบนี้ พยายามให้สไตล์ไครเมียดูหรู มีระดับที่สุด ส่วนเรือเล็กสไตล์ตะวันออกเฉียงใต้ให้แข็งแรงทนทาน หรือสะดวกต่อการใช้งานจริงนั่นเอง


อย่าคิดว่าประกอบเรือเล็กเสร็จ จัดการมอเตอร์กับใบจักรแล้วจะจบเรื่อง งานละเอียดเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ซีมอนสเตอร์ยังต้องเลือกตัวจ่ายพลังงานของเรือเล็ก สะพานเรือ ระบบควบคุม ตัวนำทาง ไฟสัญญาณ สมอ หางเสือ ห้องโดยสารในเรือ และตัวระบายน้ำ…


ฉินสือโอวโดนของพวกนี้ทำตาลาย เขาเคยคิดว่าการประกอบคอมพิวเตอร์ก็ยุ่งยากพอแล้ว มาตอนนี้ถึงได้รู้ว่า ประกอบเรือหัวกว้างที่ว่าง่ายที่สุดในบรรดาเรือยอชต์ ยังยากกว่าประกอบคอมพิวเตอร์อีกสิบเท่า!


เขาให้ซีมอนสเตอร์กับเรคไปเลือกชิ้นส่วนพวกนี้ ส่วนเขากับวินนี่พากันไปดูของตกแต่ง


จนเวลาเที่ยง จึงซื้อชิ้นส่วนสำคัญของเรือยอชต์ครบ จ่ายค่าเรือหัวกว้างสองลำทั้งหมดไปสี่แสนดอลลาร์ ซึ่งเรือเล็กสไตล์ไครเมียปาไปเกือบสองแสนดอลลาร์แคนาดา ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จึงไปลงที่มัน


มื้อเที่ยง เรคเป็นคนเลี้ยง เขาพาพวกฉินสือโอวไปยังร้านอาหารชื่อดังในเซนต์จอห์นร้าน ‘ปราสาทภัตตาคาร’


ไม่น่าเชื่อว่าร้านอาหารนี้จะสร้างอยู่บนทะเล แน่นอนว่า พื้นที่มันไม่ได้ใหญ่มาก ราวๆสามสี่ร้อยตารางเมตรของร้านใช้กระจกกันกระสุนทำเป็นพื้น เมื่อเข้าไปในร้านอาหาร ก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเดินบนน้ำ


เรคทำการจองโต๊ะตำแหน่งริมสุดไว้ให้ก่อนแล้ว อยู่ติดกับราวกระจกกันกระสุน โดยด้านนอกเป็นทะเล มีลมทะเลพัดผ่านเบาๆ พร้อมคลื่นทะเลซัดสาด แว่วเสียงนางนวลที่บินผ่านไปด้านข้าง ทุกอย่างล้วนดูน่าพอใจเหลือเกิน


“ที่นี่ไม่เลวเลย” ฉินสือโอวเอนตัวพิงเก้าอี้ กล่าวยิ้มๆ “บิ๊กฟุต นายนี่เป็นคนที่รู้ความหมายของการมีชีวิตดีทีเดียวนะ”


เรคหัวเราะเสียงดัง เอ่ยว่า “ผมรู้ความหมายบ้าอะไรล่ะ ผมรู้ว่าคุณเป็นเถ้าแก่ที่ชอบอะไรแบบนี้ ปกติผมไม่มากินที่นี่หรอก ของที่นี่มันขูดรีดชัดๆ อย่างปลาค็อดตัวหนึ่ง ข้างนอกห้าดอลลาร์ก็ซื้อได้ แต่ที่นี่ตั้งห้าร้อยดอลลาร์เลย!”


บริกรเดินเข้ามาเสิร์ฟผลไม้เชื่อม ฉินสือโอวสังเกตเห็นว่ากระโปรงของบริกรนั้นยาวมาก พลิ้วไหวเหมือนฟอง ดูไม่ค่อยสบายตอนเดิน


เขาถามอย่างไม่แน่ใจ ทว่าคราวนี้เรคไม่จำเป็นต้องอธิบาย วินนี่ก็เข้าใจทันทีว่าหมายถึงอะไร “การแต่งชุดแบบนี้มันมีที่มาอยู่ เคยอ่านเทพนิยายเรื่อง ‘เจ้าหญิงเงือกน้อย’ ของฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซนไหม?”


“เจ้าหญิงเงือกน้อยได้ตกหลุมรักกับเจ้าชายองค์หนึ่ง แต่ตัวเธอนั้นไม่มีขามีเพียงแค่หาง เพื่อจะได้อยู่เคียงข้างเจ้าชาย เธอจึงต้องยอมโดนคำสาปเพื่อเปลี่ยนหางให้กลายเป็นขา หากอยากกลับเป็นนางเงือก ก็จำต้องใช้เลือดของเจ้าชายหยดลงบนขาถึงจะแก้ได้ ไม่เช่นนั้นเธอจะตายกลายเป็นฟองไป”


“สุดท้ายเจ้าชายกลับแต่งงานกับเจ้าหญิงประเทศข้างเคียง เงือกน้อยที่ทำร้ายเขาไม่ลง ก็กลายเป็นฟองในทะเลไปในที่สุด ชุดกระโปรงฟองของสาวคนนั้น ก็มีที่มาจากเรื่องนี้แหละ”


ฉินสือโอวจิบไวน์เห็ดทรัฟเฟิล เอ่ยว่า “เจ้าชายนั่นไก่อ่อนชะมัด ปกติต่อให้ผู้ใหญ่จะเสียเลือดไปหนึ่งพันมิลลิลิตรก็ไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิตเสียหน่อย แล้วทำไมเขาถึงไม่ยอมสละเลือดช่วยเงือกน้อยบ้างเลยล่ะ?”


วินนี่ตาโตจ้องฉินสือโอวเขม็ง แล้วพูดอย่างห่อเหี่ยว “ความคิดของพวกผู้ชายนี่พิลึกจริงๆ!”


ชาร์ค ซีมอนสเตอร์และเรคต่างหลุดยิ้ม ฉินสือโอวแค่หยอกวินนี่เท่านั้น ทำไมเขาจะไม่เคยได้ยินเรื่อง ‘เจ้าหญิงเงือกน้อย’ ล่ะ?


หลังดื่มเครื่องดื่มทรัฟเฟิลไป บริกรก็ทำการเสิร์ฟแซลมอนทอดน้ำเชื่อมต่อ เรคกล่าวแนะนำ “นิวฟันด์แลนด์มีร้านอาหารหนึ่งถึงพันร้านที่ทำแซลมอนทอดน้ำเชื่อม แต่อย่างน้อย 990 ร้านนั้นแทบเทียบกับร้านนี้ไม่ได้เลย ลองชิมดู พวก รับรองอร่อยแน่นอน”


แซลมอนทอดน้ำเชื่อมใช้พริกไทยกับผงอบเชยจีนในการหมักปลาก่อน แล้วใช้ไฟต่ำทอดให้สุก ใส่มันฝรั่งบดและผักฝอยตาม จากนั้นราดน้ำเชื่อมเมเปิ้ลลงไปเป็นอันเสร็จ ด้วยความสดของปลาและความหอมหวานจากน้ำเชื่อม ทำให้อาหารจานนี้ทั้งอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ


เรคยังสั่งกุ้งล็อบสเตอร์จากรัฐเมนหนักสามปอนด์กว่า(ประมาณหนึ่งกิโลกรัม)มาอีก เขาอธิบาย “หาเจ้านี่กินที่อื่นไม่ได้เลยนะเนี่ย ล็อบสเตอร์ตัวนี้มาจากทะเลลึกในอาร์กติกเซอร์เคิล ต้องใช้เวลาตั้งยี่สิบปีถึงจะได้ตัวที่โตจนหนักสามปอนด์ขนาดนี้!”


“โอ้โห อายุมันเท่ากับฉันเลยนี่นา” วินนี่เอ่ยพลางแลบลิ้น


ฉินสือโอวช่วยวินนิ่แกะเปลือกส่วนแข็งของกุ้ง เผยให้เห็นเนื้อนุ่มสีขาวหิมะ เมื่อจิ้มกับซอสมัสตาร์ดกิน ทั้งความสดทั้งความชุ่มฉ่ำ ก็ซาบซ่านไปถึงกระดูก


นอกจากนี้ยังมีใบเมเปิ้ลอบไก่งวงตัวเล็ก เนื้อแกะสับย่างถ่าน และอาหารหลักอย่างเค้กกรวย[4] ช่างเป็นมื้อเที่ยงที่อิ่มเอมทีเดียว


หลังกินเสร็จ ฉินสือโอวไปเข้าห้องน้ำก่อน แล้วตั้งใจจะเป็นคนจ่ายบิล


ปรากฏพอเขาไปถามที่เคาน์เตอร์ เรคกลับโอนเงินให้เรียบร้อย แล้วคอยเขากลับมา เขาขยิบตาใส่ กล่าวว่า “ผมได้เรียนรู้จากคุณฉินคนก่อนมาว่า พวกคุณคนจีนชอบจ่ายครึ่งหนึ่ง ผมก็เลยจ่ายแค่ส่วนที่ผมสั่งไป”


ฉินสือโอวค่อนข้างเกรงใจ คนอื่นอย่างเรคอุตส่าห์มาช่วย แล้วยังมาเลี้ยงข้าวอีก ย่อมความรู้สึกติดค้างน้ำใจ


ตอนที่กินข้าว เรค ชาร์คและซีมอนสเตอร์ปรึกษากัน ฉินสือโอวจึงเพิ่งรู้ว่าซีมอนสเตอร์ช่วยให้เขาประหยัดเงินไปได้เยอะแค่ไหน เหมือนว่าเครื่องยนต์ที่ประกอบเองจะถูกกว่าเครื่องยนต์มียี่ห้อเสียอีก อย่างเรือหัวกว้างประกอบเองยังถูกกว่าเรือเล็กที่มียี่ห้อ ตั้งสองหมื่นถึงห้าหมื่นทีเดียว!


ช่วงบ่าย ซีมอนสเตอร์ช่วยฉินสือโอวประกอบเรือเด็ค


เรือเด็คคือเรือยนต์ชนิดหนึ่ง มีพื้นที่ดาดฟ้าเปิดกว้าง สามารถตกปลาหรือเล่นไพ่ทำกิจกรรมนันทนาการบนนั้นก็ได้ มันมีลักษณะเปิดกว้างเหมือนกับเรือหัวกว้าง ไม่มีห้องโดยสารสำหรับค้างแรม ในวันที่อากาศดีก็สามารถเอาออกมาชมวิวได้


สุดท้าย ก็ซื้อเรือลาดตระเวนมาหนึ่งลำ เรือยอชต์แบบนี้ไม่มีทางประกอบเองได้ ต้องซื้อจากเรือมียี่ห้อเท่านั้น ฉินสือโอวซื้อของเยอรมันมาเช่นเดิม เป็นเรือยอชต์ที่ผลิตโดยบริษัทแอสตันโด(Astondoa)


แอสตันโดเป็นอุตสาหกรรมผลิตเรือยอชต์ที่มีประวัติยาวนานถึง 100 ปี โรงงานผลิตที่ใหญ่ที่สุดอยู่ประเทศสเปน เรียกได้ว่าแทบไม่เป็นรองใครในยุโรป ทุกปีพวกเขาจะผลิตเรือยอชต์กว่า 100 ลำ โดยมุ่งเน้นการผลิตด้วยความใส่ใจ ด้วยสโลแกน ‘มุ่งค้นหาเพื่อสิ่งที่ดีกว่า’


เรือลาดตระเวนลำนี้มีความยาว 18 เมตร เหมาะสำหรับโดยสารห้าถึงแปดคน สามารถล่องลัดเลาะไปตามในเมืองได้ มีห้องโดยสาร ที่อาบน้ำและห้องครัว ฉินสือโอวตั้งชื่อให้มันว่า ‘แฟร์เวล’ ถ้าให้พูดกันชัดๆคือ นี่นับเป็นเรือยอชต์ลำแรกที่เขามีในครอบครองอย่างแท้จริง


ราคาของเรือลาดตระเวนเร็วลำนี้อยู่ที่ 45,000 ชาร์คกับซีมอนสเตอร์ต่างค้านไม่ให้ฉินสือโอวซื้อ เพราะถ้าจะใช้พักแรมข้างนอกพวกเขาก็มีเรือยอชต์ทรอลเลอร์อยู่แล้ว แต่ฉินสือโอวรู้สึกว่าเรือเล็กนี้มันสวยดี ราคาไม่ถึงขั้นแพง จึงซื้อมาเสียเลย จะได้ใช้เปิดให้ลูกค้าในอนาคต


ผ่านไปหนึ่งวัน กลายเป็นว่าพวกเขาซื้อมาแต่เรือยอชต์ ในความเห็นของชาร์คและซีมอนสเตอร์ ต้องบอกว่านี่ไม่ใช่การทำงานทำการแล้ว จุดประสงค์ที่พวกเขามาเซนต์จอห์น คือเพื่อซื้อเรือประมง


เรือประมงกับเรือยอชต์ สองอย่างนี้มันคนละเรื่องกันเลย!


                ……………………………………………………………


[1] (FRP) Fiber Reinforced Plastic พลาสติกเสริมแรงด้วยเส้นใย


[2] Deck Boat เรือยนต์ขนาดเล็กไม่มีหลังคา


[3] ส่วนที่หมุนเพลาเพื่อจ่ายพลังภายในมอเตอร์


[4] Funnel Cake แป้งทอดที่เป็นเส้นพันกันเหมือนแพกลมๆ มักทานพร้อมผลไม้กับครีมหรือน้ำเชื่อม


บทที่ 64 ฝีมือใคร

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ฉิน คุณรู้ใช่ไหม ว่าคุณมาเกาะแฟร์เวลเพื่อเปิดฟาร์มปลา ไม่ได้มาเที่ยวเล่น” ซีมอนสเตอร์กล่าวขึ้น


เขาใส่ใจเพื่อฟาร์มปลาและฉินสือโอวเอง วันหนึ่งใช้จ่ายไปตั้งล้านดอลลาร์แคนาดา กลับได้มาแต่เรือยอชต์สำหรับใช้ท่องเที่ยว ยังดีที่มีเรือหัวกว้างลำหนึ่งที่ยังเอาไปใช้ออกทะเลได้ แต่เดิมวันนี้ตั้งใจจะมาซื้อเรือประมงไม่ใช่หรือ?


ฉินสือโอวตบบ่าซีมอนสเตอร์ตอบยิ้มๆ “ฉันเข้าใจความหมายของนาย พวก แต่นายควรรู้ด้วยว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิตก็คือการใช้ชีวิต ฟาร์มปลามันก็อยู่ตรงนั้น มันไม่หนีไปไหนหรอก แต่เรื่องเวลามันต่างกัน ควรใช้ขีวิตให้คุ้มค่าเข้าไว้”


ซีมอนสเตอร์แบมือยอมแพ้ใส่ชาร์ค ชาร์คหัวเราะ “บอสก็อย่างนี้แหละ เขาเป็นเจ้าของฟาร์มปลาสมัครเล่น ไม่ได้พึ่งพาฟาร์มปลาในการหากิน นายใช้มุมมองปกติกับเขาไม่ได้หรอก”


ทั้งขับรถคาดิลแลควัน เพิ่งซื้อเรือยอชต์ทรอลเลอร์มาล้านกว่า และเจ็ทสกีแบรนด์ดังอีกสองลำ เจ้าของฟาร์มปลาแบบนี้อาจไม่ได้พบเห็นบ่อยในเซนต์จอห์น แต่มีเพียงหนึ่งเดียวที่เกาะแฟร์เวล


ซีมอนสเตอร์ถอนหายใจ ยอมประนีประนอม “ก็ได้ งั้นมาซื้อเรือประมงวันอื่นแทนก็แล้วกัน”


ฉินสือโอวยิ้ม กล่าวว่า “ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำงานทำการเสียหน่อย พวก จะเลื่อนวันซื้อเรือประมงไปทำไม?”


บิ๊กฟุตเรคโบกใบรายการในมือ พูดกับซีมอนสเตอร์ว่า “ฉันจัดการหาของตามที่ฉินขอไว้หมดแล้ว เหลือแค่หาอู่ต่อเรือมาสักหลังก็เสร็จแล้ว”


ซีมอนสเตอรับใบแสดงรายการมาดู มันคือคำแนะนำการซื้อเรือที่เขาเคยบอกฉินสือโอวไปก่อนหน้า ซึ่งถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว


การประกอบเรือประมงไม่ใช่เรื่องที่จะทำคนเดียวได้ ทั้งโครงสร้างใหญ่ เครื่องยนต์หนัก ที่จริงจะจัดการกันเองก็ได้ แต่ตอนประกอบขั้นตอนสุดท้ายก็ต้องมอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญที่อู่ต่อเรืออยู่ดี เรคช่วยฉินสือโอวเลือก เป็นอู่เรือชื่อดังที่สุดในเซนต์จอห์นคือ อุตสาหกรรมเรือโพไซดอน


เมื่อทำตามคำแนะนำของซีมอนสเตอร์เรียบร้อย ฉินสือโอวจึงซื้อเรือประมงนอกน่านน้ำ 200 ตันลำหนึ่ง ใช้พลังขับเคลือน 928 กิโลวัตต์ ความยาว 40.19 เมตร ความลึก 3.5 เมตร ความกว้าง 7.4 เมตร บรรทุกได้ 473 ตัน น้ำหนักสุทธิ 199 ตัน นอกจากติดตั้งอุปกรณ์ทั่วไปบนเรือแล้ว ยังติดตั้งอุปกรณ์สำหรับจับปลา อุปกรณ์รักษาความสดและแปรรูป ตัวช่วยตกปลาและอุปกรณ์นำทาง ก็แทบพร้อมออกทะเลไปจับปลาแล้ว


ส่วนเรือเล็กที่ประกอบเอง ไม่ว่าเรือยอชต์หรือเรือประมง ก็ไม่สามารถขนไปได้ สุดท้ายความซับซ้อนของการสร้างฟาร์มปลาก็ไม่อาจเทียบกับคอมพิวเตอร์ได้เลย มันใหญ่เกินไป!


ตกเย็น พวกฉินสือโอวกำลังเดินทางกลับบ้าน เรือเฟอร์รี่แล่นลุยคลื่นลมกลางทะเล ฉินสือโอวเอนตัวพิงรั้วตรงหัวเรือมองไปยังหมู่เมฆสีแดงเต็มฟ้าทางทิศตะวันตกด้วยใจนิ่งสงบ


หลังมายังเกาะแฟร์เวล ทุกวันเวลาก่อนและหลังเลิกงานที่คลาคล่ำไปด้วยรถประจำทาง ชีวิตเร่งรีบวุ่นวายไม่ต่างจากสงครามนั้น ดูจะห่างไกลจากเขาเสียแล้ว จังหวะชีวิตของที่นี่ดูเอื่อยเฉื่อยเชื่องช้า ขนาดความเร็วในการพูดยังช้ากว่าในเมือง


ฉินสือโอวค่อนข้างชอบชีวิตแบบนี้ทีเดียว


“คุณกำลังมองอะไรน่ะ?” วินนี่เอนตัวพิงรั้วเลียนแบบเขา ลมทะเลพัดผ่านเบาๆ ผมสีทองของเธอพลิ้วไหวตาม เสื้อผ้าพัดปลิวไปมา รู้สึกราวกับตัวเองกำลังโบยบิน


“มองสภาพอากาศน่ะ พรุ่งนี้คงจะอากาศดีอีก” ฉินสือโอกล่าวพลางถอนหายใจ


“รู้ได้ยังไง?” วินนี่ถามด้วยความสงสัย


“ท้องฟ้าสีเพลิงยามราตรี กะลาสีสำราญใจ ท้องฟ้าสีเพลิงยามอุทัย กะลาสีพึงจำไว้พายุจะมา” ฉินสือโอวยิ้มตอบ “นี่คือสิ่งที่พ่อสอนผมไว้ ไม่ผิดแน่นอน”


กลับมาถึงฟาร์มปลา นีลเซ็นก็สั่งพิซซ่า ฉินสือโอวทอดสเต๊กปลาอีกเล็กน้อบ ทุกคนต่างหัวเราะพูดคุยกันระหว่างทานอาหาร


นีลเซ็นรายงานเรื่องผลการสำรวจเบื้องต้นของแม็กซ์ เวลล์หัวหน้าวิศวกรบริษัทรับเหมาก่อสร้างเวลล์ที่มาฟาร์มปลาให้ฉินสือโอว “เขาเลือกสถานที่ที่จะสร้างท่าเรือได้สองที่แล้ว ท่าเรือแบบใช้แรงถ่วงอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฟาร์มปลา ส่วนท่าเรือแบบเสาสูงจะสร้างใหม่จากท่าเรือเก่าที่ยังมีอยู่ ทางคนงานคำนวณค่าวัสดุไว้ให้แล้ว ราคาประมาณห้าล้าน”


วินนี่แลบลิ้น พูดขึ้นอย่างแปลกใจ “ทำไมแพงขนาดนี้?”


ชาร์คที่เตรียมตัวรออยู่แล้ว เขาอธิบาย “วินนี่ นี่คือท่าเรือนะ อันหนึ่งเป็นท่าเรือแบบใช้แรงถ่วงที่มีเพียงรัฐบาลเท่านั้นที่มีกำลังพอจะสร้างไหว อีกอันเป็นท่าเรือเสาสูงห้าร้อยเมตรที่สามารถจอดเรือหมื่นตันได้!”


“ฉันไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้หรอก แค่รู้สึกว่ามันแพงก็เท่านั้นเอง” วินนี่หยิบพิซซ่าชิ้นหนึ่งเข้าปากคำใหญ่อย่างสมชายแบบชาร์คกับซีมอนสเตอร์ ไม่มีการใช้มีดหั่นเป็นชิ้นเล็กกินแบบกุลสตรีแม้แต่น้อย


“คือว่า ท่าเรือของพวกเราตอนนี้ เดิมเป็นแค่สะพานไม้ที่ยื่นไปในทะเล โดยมีเรือประมงผูกไว้สองด้าน แต่มันก็รองรับเรือประมงได้มากที่สุดแค่สองสามร้อยตัน ถ้าเกิดเป็นท่าเรือแบบเสาสูงห้าร้อยเมตร ก็จะสามารถสร้างกำแพงกันคลื่นตามแนวชายฝั่งได้ ที่จอดเรือที่กระจายตามกำแพงกันคลื่น ก็จะมีจำนวนและความยาวเพิ่มขึ้น” ชาร์คช่วยอธิบายเพิ่ม


“พูดง่ายๆคือ ฟาร์มปลาจะรองรับเรือประมงได้มากขึ้นเหมือนยิงนัดเดียวได้นกสองตัวเลย” นีลเซ็นเอ่ยยิ้มๆ


ฉินสือโอวยักไหล่ กล่าวว่า “ไม่ดีหรือไง? ในอนาคตธุรกิจฟาร์มปลาจะขยายใหญ่ขึ้น พวกเราเช่าที่จอดเรือในเซนต์จอห์นไปไม่ได้ตลอดหรอก เหมือนการตัดแบ่งเนื้อไปเรื่อยๆ มีแต่จะยิ่งเปลืองเงิน สู้จัดการทีเดียวไปเลยดีกว่า”


แต่ก่อน เมืองแฟร์เวลมีที่จอดเรือไม่พอ ท่าเรืออื่นก็ตื้นเกินไป เรือประมงหลายตันจึงจอดไม่ได้ จอดได้แค่ในเซนต์จอห์น ภายหลังเลยใช้เรือประมงเล็กในการจับปลาขนปลาไปมาแทน


ซึ่งมันค่อนข้างยุ่งยาก แต่เกาะแฟร์เวลยังไม่เคยมีฟาร์มปลาขนาดใหญ่มาก่อน และไม่มีได้โอกาสร่วมมือกับทางเรือประมงใหญ่มาก


ฉินสือโอวกินพิซซ่าไปชิ้นหนึ่ง แล้วฉีกชิ้นเล็กๆให้หู่จือกับเป้าจือกิน เจ้าเด็กสองตัวแย่งกินกันอย่างตะกละตะกลาม เดี๋ยวกินเดี๋ยวกัดกัน สร้างเสียงหัวเราะให้กับบทสนทนาบนโต๊ะอาหารไม่น้อย


หลังกินเสร็จฉินสือโอวตรงเข้าห้องนอน โดยมีหู่จือกับเป้าจือวิ่งดุ๊กดิ๊กตามหลัง แต่เมื่อถึงหน้าประตูห้องนอน ทั้งสองตัวก็หยุดตรงนั้น พวกมันนั่งแลบลิ้นเลียปากกับพื้น ตาโตล่อกแล่กไปมา ทำท่าทำทางน่ารัก


ฉินสือโอวกลุ้มใจ ถ้าเปิดประตู เจ้าสองตัวนี้ต้องพุ่งเข้าไป แล้วพวกมันก็จะยึดห้องนอนเป็นฐานแน่ จะแก้พฤติกรรมพวกนี้อย่างไรดี?


เขาเดินไปในห้องนอนอย่างลังเล และเหยียบเข้ากับฉี่กองหนึ่ง


“น้ำมาจากไหนเนี่ย?” ฉินสือโอวพึมพำกับตัวเองอย่างหนักใจ


เขามองกองน้ำบนพื้น มันเป็นทรงรีทั่วไป สีเหลืองอ่อน ไม่นานเขาก็เดาออกว่ามันคืออะไร


ฉินสือโอวกระชากประตูเปิดออกไปมอง เห็นหู่จือกับเป้าจือที่นั่งตัวสั่น พร้อมใจพากันวิ่งหนีหางจุกตูดลงบันได


เพราะบันไดเป็นแบบวน และค่อนข้างชัน เป้าจือที่วิ่งเร็วเกินเลยสะดุดล้มกลิ้งตกบันได


วินนี่ที่ยังอยู่ในห้องรับแขก เห็นเป้าจือสะดุดกลิ้งลงมา ก็รีบพุ่งไปรับอย่างใจเสีย ลูบหัวหมาน้อยถามว่า “เกิดอะไรขึ้น ทูนหัว ตกลงมาเจ็บไหม ไหน ให้ฉันดูหน่อยซิ ตกมาจากไหนกันเนี่ย…”


ยิ่งเห็นเหตุการณ์ดังนั้น ฉินสือโอวจะเดาไม่ออกได้อย่างไรว่ากองน้ำในห้องนั้นมันคืออะไร? แค่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าฝีมือเจ้าหมาตัวไหน!


การที่ลูกหมาฉี่ในบ้าน เป็นเรื่องพบเห็นได้บ่อย แต่เมื่อก่อนตอนฉินสือโอวเลี้ยงหมากลับไม่ค่อยได้ประสบเท่าไร เพราะทุกครั้งที่เลี้ยงลูกหมาในบ้าน พ่อเขาจะสอนมันให้หัดออกไปฉี่ตรงดินลานนอกบ้านก่อนแล้ว


นอกจากนี้ ตามธรรมเนียมบ้านเก่าของฉินสือโอว เวลาเลี้ยงลูกหมาจะต้องบูชาเทพเจ้าหวังเหย่ [1]เพื่อไม่ให้มันไปฉี่เรี่ยราด


ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่พ่อของฉินสือโอวทำ ซึ่งตัวเขายังไม่ได้ลอง แถมก่อนหน้านี้เจ้าพวกลูกหมาลาบราดอร์ก็น่ารักกันมาก พาลให้ลืมเรื่องนี้ไป


เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร พวกหมายังเล็ก สามารถสอนได้ แต่ถ้าขืนปล่อยตามใจ จนพวกมันโตมา ได้ยุ่งยากกว่าเดิมแน่ เพราะพอถึงวัยสนแต่กินไม่สนขับถ่ายขึ้นมา พวกหมาจะรับมือยากมาก


ฉินสือโอวเดินลงมาทั้งหน้าโหด โดยมีหู่จือกระดิกหางตามถูไถลงบันไดมาด้วย เขายื่นมืออุ้มมันขึ้นมาแล้วไปยังห้องนั่งเล่น รับตัวเป้าจือที่วินนี่กอดไว้ จับมาวางบนเก้าอี้สูงด้วยกัน


เจ้าสองตัวดูจะรู้ตัวว่ามีความผิด จึงเบียดเข้าหากันพร้อมก้มหัวต่ำ หู่จือแลบลิ้นเลียปาก เป้าจือแลบลิ้นหอบ ‘แฮกๆ’ เหมือนทำหน้าทะเล้น


วินนี่เห็นฉินสือโอวท่าทีแปลกๆ จึงถาม “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”


ฉินสือโอวชี้เจ้าเด็กสองตัว “เจ้าสองตัวนี้ วันนี้ตอนเราไม่อยู่บ้าน พวกมันถึงกับขึ้นไปฉี่กันในห้องนอนเลย!”


พอเห็นฉินสือโอวชี้นิ้วมา เจ้าลาบราดอร์น้อยทั้งสองก็พากันยืดหัวขึ้นเลียประจบเขา หางหมุนรัวจนแทบบินได้ ไม่ต่างจากใบพัดเฮลิคอปเตอร์


ในใจฉินสือโอวอยากหัวเราะ แต่ยังทำหน้าทะมึนไว้ เขารู้ว่าเวลานี้ไม่ควรทำหน้าใจดีใส่เด็กสองตัว ไม่งั้นห้องนอนเขาได้เตรียมกลายเป็นห้องน้ำแน่ จึงดึงมือกลับ แล้วจัดการดีดหน้าผากใส่ทั้งสองจนหงาย


เป้าจือร้อง ‘เอ๋งๆ’ ไปสองครั้ง มันลุกขึ้นหมุนไปมาบนเก้าอี้สองรอบ แต่ก็หาทางหนีไม่เจอ เก้าอี้ตัวนี้สูงหนึ่งเมตรสองฟุต สำหรับทั้งสองตัว คงเป็นความสูงที่น่ากลัวทีเดียว


“บอกมา พวกนายสองตัวใครไปฉี่ในห้องนอนกัน?” ฉินสือโอวถามพลางจ้องเขม็ง


เป้าจือกลอกตาล่อกแล่กหาทางหนีลงจากเก้าอี้ ส่วนหู่จือยังคงยื่นหน้าแลบลิ้นเลียปากแกล้งบื้อ


“มองฉัน แล้วตอบมา ว่าฝีมือใคร?” ฉินสือโอวจิ้มหัวเด็กสองตัว


วินนี่พยายามกลั้นขำ ขึ้นเสียงถามจากด้านข้าง “ไหนใครฉี่เรี่ยราดหืม? รีบแสดงตัวเดี๋ยวนี้!”


เมื่อโดนทั้งสองคนดุ พวกมันจำต้องยอมว่าง่าย ครวญเสียงต่ำ ‘หงิงๆ’ ในปาก ก้มหัวเบียดตัวเข้าหากันบนเก้าอี้ ทำท่าหงอยๆ


ฉินสือโอวจับหลังคอหู่จือหิ้วขึ้นมาตรงหน้า แกล้งคำรามใส่ “ไหน หู่จือ นายเป็นพี่ชาย สารภาพมาก่อนเลย ใช่ฝีมือนายหรือเปล่า?”


หู่จือมองฉินสือโอวอย่างงุนงง มันแลบลิ้นเลียปากก่อนก้มหน้างุด ขดขาป้อมๆทั้งสี่นิ่ง แสดงให้เห็นความสำนึกผิด


ฉินสือโอวคว้าเป้าจือมาอีกตัว เป้าจือร้องอย่างขัดใจ ตาเล็กๆสองข้างกลอกไปมา ไร้ซึ่งความจริงใจแบบหู่จือ ดูเสแสร้งมาก


หลังจากสั่งสอนเจ้าสองตัวสักพัก ฉินสือโอวก็พาพวกมันเข้าไปในห้องนอน วางไว้ข้างๆกองฉี่นั้น มือแต่ละข้างจับหัวพวกมันไว้ แล้วพูดข่มขู่ “มา พวกนายเป็นคนฉี่เอง แล้วยังไม่ยอมรับอีก งั้นก็มาช่วยฉันทำความสะอาดเสียเลย”


เจ้าเด็กสองตัวขัดขืนไม่ยอม ขาทั้งสี่ยันพื้นแน่น ฉินสือโอวดันพวกมันไปข้างหน้า ทั้งสองตัวพยายามยันขาหลังไว้ ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมไปเด็ดขาด เห็นดังนั้นวินนี่ก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างทนไม่ไหว


ฉินสือโอวยังคงบังคับให้พวกมันอยู่ข้างกองฉี่สักพัก แล้วจึงหิ้วออกมานอกบ้าน วางไว้บนพื้นหญ้าเอ่ยว่า “ทีหลังจะถ่ายหนักหรือถ่ายเบาให้ออกมาข้างนอกนะ  เข้าใจไหม ต้องออกมาถ่ายข้างนอกเท่านั้น!”


ทั้งสองตัวเงยหน้าจ้องฉินสือโอวตาโต ก่อนจะแกล้งบื้อต่อ


กระรอกเสี่ยวหมิงเห็นฉินสือโอวกับวินนี่ออกมา จึงปีนขึ้นไปบนกิ่งต้นเมเปิล ถือผลเฮเซลนัทแทะ ‘ง่ำๆ’ อย่างสุขใจ กินไปดูฉินสือโอวที่พยายามสอนเจ้าลาบราดอร์สองตัวนั้นไป


หลังวนไปมาอยู่สองรอบ ทั้งสองตัวถึงเข้าใจความหมายของฉินสือโอว ครั้งที่สองจากห้องนอนไปสนามหญ้า หู่จือก็ทำการนั่งยองค่อยๆเตรียมปล่อยหนักทันที เป้าจือมองหู่จืออย่างงุนงงครู่หนึ่ง ก่อนเกิดการเรียนรู้แบบ ลูกวัวถ่ายหนักตามแม่วัว แล้วเริ่มเตรียมปล่อยหนักบ้าง


                ………………………………………


[1] เทพเจ้าเตาไฟ เชื่อว่าจะคอยปกปักคุ้มครองคนในบ้าน โดยตั้งเตาหุงต้มหันไปทางทิศเหนือหรือทิศตะวันตก พร้อมของบูชา


บทที่ 65 วันวิคตอเรีย

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังจากเอ็ดหู่จือกับเป้าจือไปเรียบร้อย เจ้าสองตัวก็ไม่ได้ถ่ายไม่รู้ที่รู้ทางในคฤหาสน์อีก


ฉินสือโอวตื่นแต่เช้า เจ้าสองตัวก็หาวแล้วลุกขึ้นบิดขี้เกียจบนพื้น จากนั้นก็พากันออกจากห้องลงไปข้างล่างมุ่งไปถ่ายเบาบนสนามหญ้าแล้ววิ่งกลับมา


หลังจากที่ฉินสือโอวล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็ไปวิ่งรอบพื้นที่ประมงอย่างที่ทำเป็นประจำ หู่จือกับเป้าจือวิ่งตามด้วยขาสั้นๆอย่างกินแรงจนสุดท้ายก็หมดความสนใจเพราะตามไม่ทัน เป้าจือกระโดดใส่หู่จือจากด้านหลังแล้วเริ่มเล่นกัน


ตอนกินข้าวเช้า ชาร์คถามขึ้นอย่างอารมณ์ดี “บอส เห็นบอสเพาะเมล็ดไว้ตั้งเยอะ กะจะปลูกผักที่พื้นที่ประมงหรือไง?”


ฉินสือโอวตอบ “ลงมือทำเอง ฉันก็คิดจะปลูกผักจริงๆ”


ชาร์คพูดขึ้น “งั้นต้องรีบลงมือแล้วละ วันนี้เป็นวันที่สองของวันวิคตอเรีย ตามปกติแล้ว เป็นวันดีที่จะปลูกผัก เทพแพนจะคุ้มครองผักที่ปลูกในวันนี้”


ผืนดินของแคนาดากว้างใหญ่ แต่ส่วนมากจะอยู่ในเขตภูมิอากาศขั้วโลก สมัยก่อนถ้าปลูกผักโอกาสรอดจะน้อย สภาพอากาศใกล้ๆวันวิคตอเรียจะอุ่นขึ้น ผักที่ปลูกในช่วงนี้จะมีโอกาสรอดสูงกว่า ฉะนั้นจึงมีความเชื่อว่าเทพแพนจะคุ้มครองผักในวันที่สองของวันวิคตอเรีย


พื้นที่ประมงส่วนมามีพื้นที่ใหญ่ เพื่อที่จะใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เจ้าของพื้นที่ประมงก็จะปลูกผักหรือต้นไม้ ชาร์คเห็นเมล็ดพืชที่ฉินสือโอวลำบากลำบนเอามาจากจีนก็เดาได้ว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร


ฉินสือโอวได้ยินชาร์คเล่าว่าเดิมทีที่เกาะแฟร์เวลยังมีธรรมเนียมว่าวันนี้ปลูกผัก ซีมอนสเตอร์ไม่ได้พูดอะไร เขาทิ้งสิ่งที่ทำอยู่เพราะเขาก็เห็นว่าวันนี้เหมาะกับการปลูกผักเหมือนกัน


“ไม่ใช่แค่ปลูกผัก ยังปลูกผลไม้อย่างต้นแอปเปิล ต้นสาลี่ ต้นอะโวคาโด บลูเบอร์รี แบล็คเบอร์รี”นีลเซ็นพูดเสริม


“บอสชอบกินไอซ์ไวน์ขนาดนี้ ทำสวนองุ่นด้วยเลยสิ”ชาร์คพูด


ซีมอนสเตอร์ส่ายหน้าแล้วพูดยิ้มๆ “ไม่ๆ สวนองุ่นไม่ได้ปลูกง่ายขนาดนั้น ปลูกผักก่อนดีกว่า แต่บอส เมล็ดพวกนั้นแตกหน่อหรือยัง?”


ฉินสือโอวตอบยิ้มๆ “แน่นอน เมล็ดจากบ้านฉันแตกหน่อไว”


แน่นอนอะไรกันละ ถ้าแตกหน่อไวขนาดนั้นก็เทพแล้ว เพียงแต่ถึงแม้เมล็ดจะไม่ได้เทพ แต่ฉินสือโอวมีจิตสำนึกโพไซดอน


สองวันนี้ตอนที่รดน้ำให้เมล็ดในกล่อง ฉินสือโอวถ่ายทอดพลังจิตสำนึกโพไซดอนลงในเมล็ดเพื่อกระตุ้นการเติบโต


พอดูดซับพลังจิตสำนึกโพไซดอน เมล็ดก็เริ่มแตกหน่อ ได้ผลดีกว่าปุ๋ยยูเรียเสียอีก หน่ออ่อนเริ่มแตกออกมา เออร์บักกับวินนี่ปลูกไปแค่ไม่กี่วันก็แตกหน่ออ่อนของผักออกมาแล้ว


ชาร์คโทรไปติดต่อขอเครื่องพรวนดิน ไม่นานรถแทรกเตอร์สีแดงเพลิงที่ลากเครื่องพรวนดินมาด้วยก็มาถึงที่พื้นที่ประมง


ทุกพื้นที่ประมงจะมีแปลงผัก แปลงผักของพื้นที่ประมงต้าฉินอยู่ที่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พอเข้าประตูมา สิ่งที่เห็นอย่างแรกเลยก็คือแปลงผักทั้งสองข้างทางที่กินพื้นที่ไม่น้อย รวมๆกันแล้วกว้างถึงห้าหกหมู่ แค่ไม่ได้ปลูกอะไรมานานเลยมีหญ้าขึ้นรกไปหมด


ชาร์คคอยคุมเครื่องพรวนดินพลิกหน้าดินหนึ่งรอบ นวัตกรรมทางการเกษตรของแคนาดาอยู่ในระดับเดียวกับอเมริกา เครื่องพรวนดินที่นี่ที่ฟังก์ชันกำจัดวัชพืชกับก้อนหิน


รถแทรกเตอร์ไถไปบนพื้นดินสองสามรอบ แปลงผักที่มีแต่วัชพืชดูต่างไปทันที ดินสีน้ำตาลเทาถูกพลิกขึ้นมาบนพื้นจนร่วน ฉินสือโอวเหลียบเข้าไปเท้าก็ตกลึกลงไปในดินร่วนไปลึกถึงข้อเท้า


พอพลิกหน้าดินเรียบร้อย เคื่องไถก็เข้ามาทำหน้าที่ ฉินสือโอวคุยแผนการปลูกกับคนขับนิดหน่อย อีกฝ่ายพยักหน้าแสดงถึงความเข้าใจแล้วเริ่มเดินเครื่องขุดร่องแปลง


เริ่มจากการขุดร่องแปลงที่จำเป็นสำหรับปลูกมะเขือเทศ แตงกวา พริก มะเขือม่วง ถั่วฝักยาว ความยาวอยู่ที่ราวๆยี่สิบเซนติเมตร กว้างประมาณหนึ่งเมตรสองเซน


ร่องแปลงแบบนี้เอาไว้ใช้ได้ทั่วไป ผักส่วนใหญ่ก็สามารถนำมาปลูกในร่องแบบนี้ได้ นอกนั้นอย่างกระเทียม คื่นช่าย หรือกระทั่งมันเทศก็ปลูกได้เช่นกัน


ร่องแปลงชนิดที่สองเป็นแบบแคบลงมา ฉินสือโอวเอาเมล็ดกุยช่ายมาด้วยซึ่งก็ได้รับพลังโพไซดอนจนแตกหน่ออ่อนออกมาเช่นกัน เขาชินกับการใส่กุยช่ายเวลาปรุงปลาทะเล แบบนั้นรสชาติอร่อยมาก


ตอนที่กำลังพรวนดิน ฉินสือโอวก็โทรไปหาเออร์บักบอกเขาว่าวันนี้จะปลูกผัก เขาจึงรีบขับรถมาทันที พอลงจากรถก็ผุดยิ้มขึ้น “ยอดเลยฉิน ที่ตรงนี้ร้างมานานแล้ว ในที่สุดจะได้คืนชีพในมือนายแล้ว”


“ไม่ใช่แค่พื้นที่ตรงนี้ ทั้งพื้นที่ประมงกลับมามีชีวิตได้ในมือบอส” ชาร์คยิ้มพลางถือเสียมไว้ในมือ


พรวนดิน ขุดร่องเสร็จก็สามารถปลูกผักได้แล้ว


รถแทรกเตอร์กลับไป หู่จือกับเป้าจือที่ก่อนหน้านี้ตกใจเสียงเครื่องยนต์ก็พากันร่าเริงขึ้นมา เจ้าสองตัวโผล่หัวออกมาจากหลังต้นไม้แล้ววิ่งออกมา พอเห็นพื้นราบเรียบก็ตื่นเต้นแล้ววิ่งไล่กันในแปลงผัก


ฉินสือโอวหลับตาสูดกลิ่นอายดินและหญ้าที่ฟุ้งไปทั่วบริเวณ ชั่วขณะนั้นเขารู้สึกราวกับได้กลับไปแปลงผักที่บ้าน


คนก็แปลกประหลาดแบบนี้ ตอนเรียนฉินสือโอวเกลียดการลงมาทำงานปลูกผัก แต่ตอนนี้เขากลับคิดถึงวันวานเหล่านั้นที่เขาทำงานเป็นเพื่อนพ่อกับแม่ ฟังคำสอนของพ่อและคำพร่ำบ่นของแม่


“พวกนายปลูกผักเป็นไหม?”ฉินสือโอวถามขึ้น


ชาร์คกับซีมอนสเตอร์และนีลเซ็นมองหน้ากันเองก่อนจะหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “บอส คิดว่ามีแต่ประเทศของบอสที่มีผักหรือไง? นิวฟันด์แลนด์แม้จะเป็นพื้นที่ประมงแต่ปลูกผักทำไร่ก็มีไม่น้อย พวกเราทำเป็นอยู่แล้ว”


ฉินสือโอวเองก็หัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันนึกว่าที่แคนาดามีแค่รัฐซัสแคตเชวันที่ปลูกผัก”


รัฐซัสแคตเชวันอยู่แถบกลางของแคนาดา พืชน้ำอุดมสมบูรณ์ ขึ้นชื่อทางด้านฟาร์มปศุสัตว์และไร่ข้าวสาลีจนถูกยกย่องเป็น “ยุ้งฉาง” ของแคนาดา


วินนี่ยักไหล่แล้วพูดขึ้น “ส่วนฉันคงต้องเรียนตอนนี้แล้วละ คงไม่ยากไปใช่ไหม?”


“ไม่ยากหรอก เดี๋ยวผมสอน”ฉินสือโอวรู้สึกว่าการปลูกผักก็เป็นกิจกรรมที่ไม่เลวขึ้นมาทั้นใด


ก่อนที่จะปลูกผักก็ต้องรดน้ำแปลงผักก่อน เครื่องปั๊มน้ำส่งเอาน้ำไหลไปที่แปลงผัก ชาร์คกับซีมอนสเตอร์พากันขนลังต้นอ่อนออกมาแล้วเตรียมเริ่มทำงาน


วินนี่เห็นแปลงผักที่ชุ่มไปด้วยน้ำจึงถอดรองเท้าออก เดินตามฉินสือโอวด้วยเท้าเปล่าอยู่ข้างหลัง


ฉินสือโอวพูดด้วยความแปลกใจ “ถอดรองเท้าทำไม?”


จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเท้าอันแสนสวยของวินนี่ ผิวขาวเนียนจนเห็นเส้นเลือดลางๆ เท้าโค้งเรียวสวย นิ้วเท้าก็เรียงกันเรียบร้อยราวตัวอ่อนไหม เล็บสีชมพูเล็กน่ารักชวนถนอม


พอเห็นเท้าสวยของวินนี่ ฉินสือโอวรู้สึกเหมือนตัวเองจะกลายเป็นพวกมีรสนิยมชอบเท้าเสียแล้วทำเอาเขาเศร้าขึ้นมา


วินนี่สังเกตเห็นสายตาของฉินสือโอว เธอจึงดึงเท้ากลับมาอย่างอายๆแล้วพูดเสียงค่อย “ในแปลงเปียกหมดแล้ว จะใส่รองเท้าเข้าไปได้ไง?”


ฉินสือโอวหัวเราะก่อนจะตอบ “ใครบอกว่าต้องเข้าไป? ตรงนี้ทำสันทางเดินไว้แล้วนี่? เดินบนนั้นก็ได้แล้ว”


เออร์บักเห็นต้นอ่อนที่แตกหน่อก็ประหลาดใจ พูดขึ้นว่า “พระเจ้า ฉิน เมล็ดผักที่บ้านของนายมันพันธุ์อะไรเนี่ย? ไม่น่าเชื่อว่าจะแตกหน่อไวขนาดนี้ ถึงจะเพาะไว้ในเรือนกระจกก็เถอะ แต่นี่มันก็ไวไปไหมเนี่ย!”


ฉินสือโอวยักไหล่ เขาไม่ได้ตอบคำถามของเออร์บัก เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร จะให้บอกว่าพลังโพไซดอนมันก็แจ๋วแบบนี้แหละก็ไม่ได้จริงไหม?


เออร์บักพูดกับตัวเอง “มิน่าล่ะ นายถึงยืนกรานจะเอาเมล็ดมาจากที่บ้าน ที่แท้เมล็ดที่โน่นกับแคนาดาไม่เหมือนกันนี่เอง”


นอกจากกุยช่าย หน่ออ่อนของผักชนิดอื่นล้วนปลูกง่าย ก็แค่ขุดหลุมเล็กๆแล้วเอาหน่ออ่อนรวมถึงรากในดินฝังลงไปก็จบแล้ว


“ก็ง่ายๆแค่นี่แหละ แต่ว่าต้องระวังระยะห่างหน่อย ต้นอ่อนห่างกันน้อยไปก็จะแย่งอาหารกันจนโตไม่เต็มที่ ถ้าห่างมากไปก็จะเปลืองพื้นที่แปลง ต่อไปก็จะเปลืองน้ำกับปุ๋ย”ฉินสือโอวนั่งยองอยู่ข้างวินนี่และคอยสอนทีละขั้น


เขารู้สึกปลื้มมากที่ได้ลูบมือเนียนนุ่มของแอร์โฮสเตส


วินนี่ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “งั้นก็ชักจะซับซ้อนแล้ว ระยะห่างแค่ไหนดีละ?”


ที่ฉินสือโอวต้องการก็คือความซับซ้อน ถ้าแค่ขุดหลุมเอาผักลงปลูกเฉยๆเขาจะมีโอกาสสอนวินนี่ได้ไง?


แปลงผักที่เพิ่งจะไถใช้ไปไม่หมด พื้นที่เยอะเกินไป หน่อผักปลูกจนหมดแต่ก็กินเนื้อที่ไปเพียงไม่ถึงครึ่ง


เออร์บักสะบัดดินบนมือออกพลางมองดูต้นอ่อนในแปลงผักอย่างพอใจแล้วเอ่ยขึ้น “ขอแค่เจ้าพวกนี้โตขึ้น ปีนี้เราก็ไม่ต้องซื้อผักกันแล้ว”


ชาร์คพูดขึ้น “ไม่ใช่แค่ผักนะ ยังเหลือพื้นที่อีกตั้งเยอะ ฉันไปหาต้นผลไม้มาบ้างดีกว่า”


นีลเซ็นพูด “ในสวนของพี่ชายฉันมีต้นแอปเปิลกับสาลี่อยู่พอดี ใกล้จะออกลูกแล้ว ถ้าเอามาปลูกปีนี้เราก็ได้กินแอปเปิลกับสาลี่แล้ว”


“งั้นก็เอาแบบนี้ ฉันจะไปหาต้นแบล็คเบอร์รีกับบลูเบอร์รีมาสักหน่อย ถ้าหาต้นทับทิม มะเดื่อ เชอร์รี่ได้อีกก็ยิ่งดีไปใหญ่ชาร์คพูดขึ้นอย่างดีอกดีใจ


……………………………………


บทที่ 66 เต็มไปด้วยชีวิตชีวา

โดย

Ink Stone_Fantasy

หลังจากวันวิคตอเรีย แปลงผักของข้างทางหน้าทางเข้าพื้นที่ประมงของฉินสือโอวล้วนปลูกผักผลไม้ไว้เต็มไปหมด


มะเขือเทศ มะเขือม่วง แตงกวา พริก พริกไทย ถั่วแขก กระเทียม กุยช่ายฯลฯ แต่ละอย่างล้วนปลูกไปครึ่งแถว ถ้าพวกนี้โตหมด ทั้งปีพื้นที่ประมงคงไม่ต้องซื้อผักแล้ว


ฉินสือโอวเอาราสเบอร์รี บลูเบอร์รีแล้วก็แบล็คเบอร์รีมาปลูกไว้ที่หลังแปลงผัก ถัดไปอีกก็เป็นเชอร์รี่ หลังสุดก็เป็นแอปเปิลแดงอเมริกา แอปเปิลและสาลี่


ตามความสูงแล้ว หน่ออ่อนต้นผัก พุ่มเบอร์รี แล้วยังมีต้นเชอร์รี่ ต้นแอปเปิล ความสูงเรียงกันไม่เป็นระเบียบแต่กลับดูสวย


สองวันผ่านไปเมล็ดสาหร่ายก็โปรยจนหมดแล้ว คนขับเครื่องบินเกษตรอูฐหนอกเดียวบอกลากับฉินสือโอวกลับบริษัทซึ่งตั้งอยู่ที่ควิเบก


เมล็ดสาหร่ายก็เหมือนกับวัชพืช ขอแค่อุณหภูมิเหมาะสม ขอแค่มีสารอาหารก็จะเติบโตอย่างรวดเร็ว ตอนนี้จิตสำนึกโพไซดอนอยู่ในทะเล ก็สามารถเห็นว่าในท้องน้ำมีสาหร่ายต้นเล็กๆพริ้วไหวอยู่ในน้ำ ทำให้พื้นทะเลไม่ดูร้างแล้งเดินไป


ฉินสือโอวเริ่มซื้อปูก้ามดาบกับปูเสฉวนตามแผนที่วางไว้แล้ว เจ้าพวกนี้อาจไม่ค่อยอร่อย แต่กลับเป็นส่วนที่ระบบนิเวศพื้นที่ประมงที่สมบูรณ์แบบจะขาดไม่ได้ พวกมันอาจตัวเล็กแต่บทบาทใหญ่ จนถูกขนานนามว่า “นักเก็บขยะก้นทะเล” สามารถกินสาหร่ายตายและในขณะเดียวกันก็เป็นอาหารให้กับพวกปลาหิมะ ปลาปากแหลม ปลาเซลฟิชได้ด้วย


ปูตัวน้อยจำนวนมากถูกโปรยลงทะเล ทำให้โลกใต้ทะเลที่เริ่มมีสาหร่ายดูคึกคักมากขึ้น


ปลาหมึกหอม หมึกกระดอง และปูก้ามดาบ ปูเสฉวน พวกมันล้วนเป็นสัตว์ที่อาศัยเป็นพื้นทะเล ปกติมองไปทางไหนก็เจอ แต่ตอนนี้ที่ก้นทะเลไม่มีเปลือกหอย และแนวปะการังไว้ให้พวกมันซ่อนตัว พวกมันจึงได้แต่ซ่อนตัวอยู่ในทราย ต้องแย่งที่อยู่อาศัยกันอยู่บ่อยๆ


แต่ที่ดีใจไปกับเรื่องนี้ที่สุดก็คือเหล่าปลาหิมะ และปลาเทราท์ที่ค่อยๆโตขึ้น ไม่ว่าฝ่ายชนะในการแก่งแย่งระหว่างลูกปลาหมึกและปูจะเป็นใคร ขอแค่ปะทะกันก็จะดึงดูดผู้ล่าอย่างปลาหิมะมา


พอได้สาหร่ายเป็นฐาน ห่วงโซ่อาหารของพื้นที่ประมงเริ่มอุดมสมบูรณ์ ฉินสือโอวจึงทุ่มเงินซื้อลูกปลาแฮร์ริ่งอีกห้าล้านตัว


เหล่าปลาแฮร์ริ่งที่ฉินสือโอวซื้อเข้ามาไม่ได้มีแค่เพียงชนิดเดียว แต่มีหลากชนิดอย่างปลาซาดีน ปลาแฮร์ริ่งแอตแลนติกที่อยู่ในตระกูลปลาแฮร์ริ่ง


ไม่ว่าจะเป็นปลาซาดีนหรือว่าปลาแฮร์ริ่งแอตแลนติกก็เป็นปลาที่ใช้เป็นอาหารที่สำคัญมาก และมีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเล


ปลาแฮร์ริ่งแอตแลนติกมีความสำคัญในการแปลงสารที่ผลิตโดยแพลงก์ตอน และรักษาจำนวนของสัตว์น้ำเปลือกแข็ง เคยและกุ้งอาร์กติก นอกจากนี้ พวกมันยังเป็นอาหารสำคัญของสัตว์ที่อยู่สูงขึ้นไปในห่วงโซ่อาหารอย่างปลาหิมะ


พื้นที่ประมงที่นิวฟันด์แลนด์ไม่ค่อยเพาะพันธุ์ปลาซาดีน เพราะปลาซาดีนเป็นปลาน้ำอุ่นนอกชายฝั่ง ปกติจะใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางอุณภูมิระหว่างยี่สิบถึงสามสิบองศา แม้ว่าพื้นที่ประมงในนิวฟันด์แลนด์จะมีกัลฟ์สตรีม แต่การจะเลี้ยงปลาซาดีนจำนวนมากก็ยังเป็นเรื่องค่อนข้างยาก


ที่ฉินสือโอวซื้อคือปลาซาร์ดีนแปซิฟิกมา ปลาชนิดนี้เป็นปลาประเภทที่เยอะที่สุดในหมู่ปลาซาดีน ส่วนมากจะกระจายอยู่แถวทะเลละแวกญี่ปุ่น หลายปีมานี้เพราะจำนวนปลาหิมะในพื้นที่ประมงนิวฟันด์แลนด์ลดลงอย่างมาก อุตสาหกรรมการประมงในแคนาดาจึงได้แต่นำเข้าปลาชนิดอื่นที่เหมาะต่อการเพาะพันธุ์เข้ามา ปลาซาร์ดีนแปซิฟิกก็คือหนึ่งในนั้น


การเพาะพันธุ์ปลาชนิดนี้ยังสามารถรับเงินชดเชยจากรัฐบาลได้ด้วย ปลาซาดีนทั้งหมดหนึ่งล้านตัว ฉินสือโอวใช้เงินไปสองแสน รัฐบาลให้ชดเชยมาแล้วแปดหมื่น


ลูกปลาเป็นเรือถูกส่งมาที่พื้นที่ประมงต้าฉิน วินนี่กลับค่อยๆเกิดความสงสัย สุดท้ายเธอจึงทนไม่ไหวที่จะถามฉินสือโอว “พื้นที่ประมงคุณนี่ดูเหมือนจะซื้อไปเสียทุกอย่างเลยนะ? แต่ก่อนไม่มีปลาแล้วเหรอ? นี่พื้นที่ประมงเชียวนะ ทำไมอย่างกับสระว่ายน้ำใหญ่ที่ใส่น้ำทะเลไว้?”


ชาร์คตอบคำถามแทนฉินสือโอวด้วยน้ำเสียงหงอย “วินนี่ คุณก็รู้ว่าพื้นที่ประมงนิวฟันด์แลนด์เสื่อมโทรมแล้ว แต่คุณอาจไม่รู้ว่าตอนนี้พื้นที่ประมงนิวฟันด์แลนด์เกือบจะเสียหายหมดแล้ว!”


“ใช่ แม้รัฐบาลจะใช้นโยบายฤดูตกปลา แต่ก็บังคับใช้ช้าเกินไป และอีกอย่างระบบนิเวศของพื้นที่ประมงไม่ได้ฟื้นฟูได้ด้วยแค่การห้ามจับปลา พื้นที่ประมงในทะเลใกล้เกาะแฟร์เวลเสียหายยิ่งกว่าอีก ที่นี่มีโรงงานเคมีที่น่าไปตายอยู่หลายโรง ทำให้น้ำทะเลปนเปื้อนรุนแรง ปลาไม่มีทางมีชีวิตรอดได้” ซีมอนสเตอร์พูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์


ฉินสือโอวพูดปลอบเขา “ไม่เป็นไรหรอก เพื่อนๆ อย่าเศร้าไปเลย เราเริ่มใหม่ ต้องสร้างพื้นที่ประมงยิ่งใหญ่ได้แน่!”


ชายฝั่งทะเลของพื้นที่ประมงต้าฉินยาวถึงสิบห้ากิโลเมตร ยื่นไปในกลางทะเลเกือบๆสี่ร้อยกิโลเมตร พื้นที่กว้างใหญ่ถึงหกพันตารางกิโลเมตร กว้างมากๆ


หลายๆคนอาจจะไม่รู้สึกอะไรกับเลขนี้ อาจต้องเปรียบเทียบสักหน่อย อ่างเจียวโจวในเขตหลู่ตงที่ประเทศจีนมีเนื้อที่ราวกว่าสี่ร้อยตารางกิโลเมตร ส่วนอ่าวป๋อไห่ที่มีฉายาว่าแหล่งปลาของจีนมีเนื้อที่หนึ่งหมื่นหกร้อยตารางกิโลเมตร ก็น่าจะพอรู้ว่าพื้นที่ประมงนี้ใหญ่แค่ไหนแล้ว


ตั้งแต่เกาะแฟร์เวลไปจนกลางทะเล พื้นที่ประมงก็ใหญ่ขนาดวงรอบนั้น!


เพียงแต่พื้นที่ประมงนิวฟันด์แลนด์ตอนนี้ไม่มีมูลค่า ไม่มีปลาหิมะแล้ว ถ้าจะสร้างพื้นที่ประมงใหญ่อย่างพื้นที่ประมงต้าฉินตั้งแต่ต้นก็ต้องการเงินทุนอย่างน้อยราวๆเป็นสิบล้านดอลลาร์แคนาดา เจ้าของพื้นที่ประมงจะไปมีสิบล้านดอลลาร์แคนาดาได้ไง? ต่อให้มีเงินเยอะขนาดนี้ งั้นทำไมต้องเปิดพื้นที่ประมงละ ไปลงทุนไอที เล่นหุ้น อสังหาริมทรัพย์ ทองไม่ดีกว่าเหรอ?


พื้นที่ประมงตอนนี้ถือว่าฟื้นฟูไปในส่วนของทะเล ทีนี้ก็ต้องสร้างสิ่งก่อสร้าง การก่อสร้างท่าน้ำสองท่าก็เร่งให้ไวขึ้นแล้ว บริษัทก่อสร้างวิลก็กำลังเร่งออกแบบ ฉินสือโอวยังซื้อไฟล่อปลาพลังงานแสงอาทิตย์มาติดไว้ในพื้นที่ประมงเพื่อให้ปลามั่นคงขึ้นด้วย


แม้ไฟล่อปลาจะแพง แต่สำหรับพื้นที่ประมงที่เลี้ยงปล่อยก็เป็นของจำเป็น สัตว์ทะเลส่วนใหญ่ชอบแสง ไฟล่อปลาส่องทั้งกลางวันกลางคืนแน่นอนว่าสามารถล่อให้ปลามาอาศัยอยู่รอบๆได้ ไม่ออกจากพื้นที่ประมงไปในทะเลลึก


ไฟล่อปลาแบบที่ฉินสือโอวซื้อเป็นไฟที่ทันสมัยที่สุดในระดับนานาชาติ แบ่งเป็นสายๆ สายหนึ่งความยาวก็มักจะถึงยี่สิบแปดถึงห้าสิบเมตร เรียงกันสิบถึงยี่สิบเส้นโดยมีจำนวนไฟแสงเย็นต่างกัน มีตั้งแต่บริเวณตื้นจนไปถึงทะเลลึก


ด้านบนสุดของไฟล่อปลาเป็นแผ่นชาร์จไฟพลังงานแสงอาทิตย์ที่ลอยอยู่เหนือน้ำ พอตกกลางคืนก็จะแปรเป็นพลังงานไฟฟ้ารักษาความสว่างของไฟซึ่งช่วยออมแรงของเจ้าของพื้นที่ประมงได้มาก


ฉินสือโอวยังวางแผนจะสร้างประภาคารสักที่ แต่นี่ก็เป็นเรื่องทีหลัง ตอนนี้ยังไม่วางแผนจะทำ


กลางวันของวันหนึ่ง ฉินสือโอวกำลังคิดจะไปตระเวนรอบพื้นที่ประมงดูว่าไฟล่อปลาทำงานเป็นไงบ้าง ทันใดนั้นหู่จือกับเป้าจือก็วิ่งมาอย่างรีบร้อน พอเห็นเขาก็เห่า “โฮ่งๆ” ไม่หยุด


วินนี่จะเข้าไปปลอบเจ้าสองแสบ หู่จือกระโดดออกจากอ้อมกอดของเธอ ผงกหัวขึ้นเห่าไม่เลิก


ฉินสือโอวรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น เขาให้วินนี่ปล่อยเป้าจือ เจ้าสองตัวก็รีบวิ่งออกไปนอกบ้านแล้วหันหน้ากลับมาเห่าเรียกเขา


ฉินสือโอวเลี้ยงหู่จือกับเป้าจือด้วยวิธีเลี้ยงปล่อยมาโดยตลอด สองตัวนี้ได้พลังโพไซดอนไปก็ฉลาดไม่เบา หลังจากที่มาอยู่พื้นที่ประมงก็ตระเวนไปรอบ รู้จักเฝ้าบ้านตั้งแต่เล็กๆ


ฉินสือโอวเดาว่าหู่จือกับเป้าจืออาจจะเจอคนขโมยปลาหรือแอบตกปลาในพื้นที่ประมง


การตกปลาในทะเลที่แคนาดาไม่ได้ทำได้ตามใจชอบ จะตกปลาจะต้องมีใบรับรอง อีกอย่างถ้ามาตกปลาในพื้นที่ประมงก็ต้องจ่ายเงิน


ใช่ว่าเป็นคนจากประเทศพัฒนาแล้วจะเป็นคนดีไปเสียหมด ที่แคนาดาก็มีคนแอบตกปลา สองวันก่อนก็มีข่าวที่ช่องโทรทัศน์เซนต์จอห์นว่ามีคนที่แอบเข้าไปตกปลาห้าคนแล้วถูกเจ้าของพบ ทั้งสองฝ่ายเกิดปากเสียง กลุ่มคนแอบเข้ามาตกปลาชกต่อยเจ้าของจนบาดเจ็บ


ฉินสือโอวตามไป หู่จือกับเป้าจือก้าวขาน้อยๆวิ่งอย่างรวดเร็ว


มาที่พื้นที่ประมงสิบกว่าวัน ทั้งกินดีอยู่ดีทั้งได้พลังโพไซดอนคอยบำรุงร่างกาย เจ้าสองตัวโตและแข็งแรงขึ้น ขนสีทองบนตัวที่อย่างกับเคลือบทองเป็นชั้นๆ แสงส่องลงไปยังแสบตา


วิ่งตามหมาไปบนหาดสิบกว่านาที ฉินสือโอวก็ชักเซ็งขึ้นมา ดูท่าพื้นที่ประมงนี้ใหญ่ไปก็ไม่ดี แค่จะไปขวางคนขโมยของยังเปลืองแรงขนาดนี้


ในที่สุดทั้งสองก็ผ่อนความเร็วลง ทั้งสองหมอบลงครึ่งตัวแล้ววิ่งไปด้านหน้าแบบแอบๆโดยไม่มีใครสอน


พอถึงตรงนี้ ฉินสือโอวก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ที่แท้ก็มีไอ้คนสองคนนี้ปรากฏตัวบนหาด พวกเขากลับดูไม่เหมือนแอบเข้ามาตกปลา เพราะไม่มีอุปกรณ์ แต่ทั้งสองต่างสะพายกระเป๋าที่ใหญ่ราวกระป๋ากีร์ต้ามาด้วย


สองคนกำลังก้มลงหาบางอย่างบนหาดทราย พลางคุยเล่นกันเป็นพักๆดูมีความสุข


ฉินสือโอวเดินเข้าไปแล้วถามขึ้น “ไฮ เพื่อน พวกนายมาทำอะไรกันที่นี่?”


ทั้งสองเป็นคนวัยกลางคนอายุสามสิบกว่า โกนหัวล้าน ทั้งหน้ามีกล้ามเนื้อปูดดูดุดัน แค่ท่อนบนก็มีรอยสักเต็มไปหมด ดูๆแล้วไม่ใช่คนดีอะไร


“เรื่องอะไรของแก?” หนุ่มร่างใหญ่คนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดี อีกคนกลับมองฉินสือโอวอย่างตกใจแล้วพูดขึ้น “เพื่อน แล้วนายคิดจะมาทำอะไรที่นี่?”


ฉินสือโอวพูดตอบ “นี่คือพื้นที่ประมงของฉัน นายว่าฉันยุ่งได้ไหม?”


พอได้ยินที่เขาพูด ชายทั้งสองก็อึ้งไป คนหนึ่งในนั้นพูดขึ้น “พื้นที่ประมงเก่าๆนี่ไม่ได้เจ๊งไปนานแล้วเหรอ? ทำไมถึงมีเจ้าของอีก?”


อีกคนกระแอมไอแล้วพูดขึ้น “โอเค เพื่อน เราไม่รู้ว่าพื้นที่ประมงนี้มีเจ้าของแล้ว งั้นก็ขอโทษด้วยที่รบกวน เดี๋ยวเราจะไปเดี๋ยวนี้”


“จะไปเดี๋ยวนี้? เพื่อน เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? เราแค่จับเต่าได้ไปหกตัว มันก็ไม่เท่าไรนี่!” ชายที่ออกปากก่อนหน้านี้พูดขึ้น


คิ้วของฉินสือโอวขมวดเข้าหากัน เขามองไปที่กระเป๋าเป้บนตัวทั้งสอง “พวกนายมาจับเต่าทะเล? เต่าบึงจุด?”


ทางตะวันออกของหาดนี้ก็คือปากอ่าวภูเขาหิมะซึ่งเป็นถิ่นของเต่าบึงจุด อีกอย่างเต่าบึงจุดจะขึ้นมาวางไข่บนหาดช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม ช่วงนี้เป็นช่วงที่จะจับพวกมันได้ง่ายที่สุด


………………………………………


บทที่ 67 ถึงเวลาโชว์ฝีมือ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ชายร่างใหญ่ที่มีรอยสักรูปลูกไฟอยู่กลางอกมองหน้าฉินสือโอวอย่างไม่ไยดีแล้วพูดออกมาว่า “เพื่อน นายอย่ามายุ่งไม่เข้าเรื่อง ฟาร์มปลานี้เป็นของนายก็จริง แต่นายไม่ได้เลี้ยงเต่าทะเลนี้นี่ ใช่ไหม?”


การที่เขาพูดประโยคนี้นั้นก็เท่ากับเขายอมรับว่าเขาคือคนที่เคยมาจับเต่าบึงจุดก่อนหน้านี้ ฉินสือโอวขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “พวกนายน่าจะรู้ว่าเต่าบึงจุดเป็นสัตว์สงวน ได้รับการคุ้มครองตาม ’พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า’ ถ้าฉันเป็นพวกนาย ฉันจะปล่อยมันกลับสู่ทะเล”


ชายร่างใหญ่อีกคนหัวเราะฮ่าฮ่า พูดว่า “นายนี่เป็นคนเอเชียที่น่าขันจริงๆ นายจะให้พวกเราเอาเงินที่อยู่ในมือแล้วโยนลงทะเลไปหรือ? โอ เพื่อน นายล้อพวกเราเล่นใช่ไหม?”


ชายร่างใหญ่ที่มีรอยสักลูกไฟผลักเพื่อนในกลุ่มออก พูดว่า “ช่างเถอะ อย่าพูดพร่ำทำเพลงกับเขาเลย พวกเราไปกันเถอะ”


การกระทำของหมอนี่ยังถือว่าฉลาด ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พวกเขารู้ว่าสิ่งที่พวกเขาทำอยู่ตอนนี้นั้นผิดกฎหมาย


ฉินสือโอวจะปล่อยให้พวกเขานำเต่าบึงจุดกลับไปได้อย่างไร? ไม่ใช่เพราะเต่าบึงจุดพวกนี้เป็นของฟาร์มปลา หากพวกเขาเพียงแค่มาตกปลา ฉินสือโอวก็ไม่ว่าอะไร แต่เต่าประเภทนี้เป็นสัตว์สงวน บริเวณรอบๆฟาร์มปลาก็มีอยู่หลายตัว ฉินสือโอวเองยังเคยใช้พลังแห่งท้องทะเลทำให้พวกมันแข็งแรงขึ้น ก็เพราะหวังว่าพวกมันจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ในฟาร์มปลาได้


ดังนั้น เขาจึงเข้าไปห้ามสองคนนั้นไว้ แล้วพูดว่า “พวกนายสองคนวางเต่าทะเลลงแล้วกลับไปแต่ตัวเถอะ นี่คือความหวังดีที่ฉันมีให้นะ”


ขณะพูด เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นว่า ทำทีว่าจะโทรศัพท์แจ้งความ


หู่จือกับเป้าจือขนลุกซู่ขึ้นมา หันหัวไปทางสองคนนั้น ร้อง“โฮ่งโฮ่ง”อย่างบ้าคลั่ง ไม่คิดว่าตาดวงเล็กคุู่นั้นก็สามารถแผ่รังสีดุดันได้เหมือนกัน


ชายร่างใหญ่สองคนมองหน้าฉินสือโอวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ฉินสือโอวไม่ใช่คนที่เที่ยวหาเรื่องใครก่อนแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนขี้ขลาด มีเออร์บักเป็นทนายให้ หากมีเรื่องถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลเขาก็ไม่กลัวใครอยู่แล้ว


หากว่าลงไม้ลงมือจริง เรื่องยิ่งง่ายขึ้นอีก ทั้งพลัง ความเร็ว และความแรงของเขาตอนนี้นั้นในเกาะแฟร์เวลไม่มีใครเทียบได้ ชายร่างใหญ่สองคนนี้ถึงแม้จะรูปร่างสูงใหญ่บึกบึน แต่เขามีความมั่นใจว่าตัวเขาไม่เสียเปรียบแน่นอน


แต่เขาคิดไม่ถึงว่า หลังจากที่เขาเข้าไปขวางสองคนนั้น ชายร่างใหญ่ที่มีรอยสักรูปขวากหนามบนตัวกลับควักปืนออกมาจากเอว พร้อมเล็งปืนมาที่ฉินสือโอว


เมื่อได้เห็นปืนกระบอกนี้ ม่านตาฉินสือโอวหดไปชั่วครู่หนึ่ง


เขารู้จักปืนรุ่นนี้ดี เป็นปืนเบเร็ตต้า92F ก่อนหน้าฉินสือโอวเคยคิดจะซื้อปืนกระบอกนี้จากร้านขายปืนของนีลเซ็นด้วย แต่ว่าดันไม่มีของ นี่คือปืนพกสำหรับประชาชนที่มีคุณสมบัติเหมือนกับปืนM9ที่ใช้ประจำการในกองทัพสหรัฐ มีพลังทำลายสูงมาก


 “มา นายพูดอีกทีสิ นายจะหวังดีเรื่องอะไร?” ชายร่างใหญ่คนนั้นพูดอย่างเกรี้ยวกราด


เมื่อโดนปืนจ่อ ฉินสือโอวเริ่มรู้สึกกลัว ตอนนี้เขารู้สึกตำหนิกฎหมายการครอบครองปืนในแคนาดา ทำไมถึงออกกฎให้ใครก็สามารถซื้อปืนได้ อย่างนี้ใครจะรู้สึกปลอดภัยอีก?


เขาในตอนนี้ลืมไปเสียสนิทแล้วว่า ก่อนหน้าตอนอยู่ในร้านขายปืนของนีลเซ็นเขายังรู้สึกปลาบปลื้มกับจักรวรรดินิยมอเมริกากับแคนาดาและความเปิดกว้างของประเทศอยู่เลย


ฉินสือโอวชูมือสองข้างขึ้น พร้อมพูดเสียงดังว่า “เฮ้ เพื่อน ใจเย็น นายใจเย็นก่อน นายแน่ใจว่าจะจ่อปืนมาที่เจ้าของฟาร์มปลาจริงเหรอ? ที่นี่คือฟาร์มปลาของฉัน ห่างจากที่พักของฉันเพียงสี่ร้อยเมตร ด้านหลังฉันก็เป็นป่าไม้กับภูเขา นายคิดว่าฉันจะไม่มีปืนเลยเหรอ?”


ก่อนจะยกมือขึ้น ฉินสือโอวใส่มือถือไว้ตรงกระเป๋าอกเสื้อ แต่ก่อนหน้านั้นเขาได้กดโทรศัพท์ไปหานีลเซ็นอย่างรวดเร็ว นี่ก็คือเหตุผลที่เขาตะโกนบอกที่อยู่ของตัวเองเสียงดัง


เมื่อเห็นฉินสือโอวเริ่มกลัว ชายร่างใหญ่ถือปืนก็ได้ใจขึ้นมา พูดว่า “ไอ้เอเชีย นายอย่าคิดตุกติกเป็นดีที่สุด อย่าคิดว่าแค่มาซื้อฟาร์มปลาที่นี่แล้วก็ได้ใจ พวกแกก็แค่ชาวประมงงี่เง่า เข้าใจที่ฉันพูดไหม? พวกแกมันไร้ค่า!”


ฉินสือโอวผายมือบอกพร้อมกับรอยยิ้มขืนๆ แล้วพูดว่า “โอเค เพื่อน พวกเรามันไร้ค่า นายพอใจหรือยัง? วางปืนลงก่อนดีไหม?”


ชายร่างใหญ่รอยสักรูปลูกไฟที่ค่อนข้างสงบลงแล้วเอามือผลักชายถือปืน แล้วพูดเสียงเบาว่า “เพียร์ซ ไอ้โง่! อย่าสุ่มสี่สุ่มห้าชักปืนที่นี่ นายอยากขึ้นศาลหรือไง? นายอยากจะมีเรื่องจริงๆเหรอ?”


พูดเสร็จ เขาก็เข้าไปผลักฉินสือโอว พูดว่า “รีบไป ไอ้เลว อย่ามาให้พวกเราเห็นหน้าแกอีก”


ฉินสือโอวถอยหลังหนึ่งก้าว มืออีกข้างก็อุ้มหมาตัวหนึ่งแล้วรีบวิ่งกลับไปทางเดิมที่เขามา


ชายคนถือปืนเบะปาก พูด “ไมเคิล นายจะกลัวอะไร? นายคิดว่าไอ้เอเชียที่ปวกเปียกเหมือนมักกะโรนีคนนี้มันจะกล้าแจ้งความเหรอ? ถ้ามันกล้าแจ้งความจริง งั้นฉันได้ยิงมันตายทั้งครอบครัวแน่!”


ประโยคสุดท้ายเขาตั้งใจตะโกนเสียงดังออกมาเพื่อขู่ฉินสือโอว เพราะเขาก็กลัวฉินสือโอวจะแจ้งความเหมือนกัน ทั้งเรื่องการถือปืนมาก่อเรื่องและการล่าเต่าบึงจุดที่เป็นสัตว์สงวน ทั้งสองล้วนแต่เป็นปัญหาใหญ่ทั้งนั้น


ฉินสือโอวไม่พูดอะไร ได้แต่รีบหนี มองไปก็ดูเป็นคนไม่ได้เรื่องจริงๆ แต่เหตุผลที่เขาทำอย่างนี้ เป็นเพราะเขาเห็นเจ็ทสกีเทพเจ้าสายฟ้ามืดสองคันกำลังขับมาทางชายฝั่งแล้ว


ความเร็วของเทพเจ้าสายฟ้ามืดเร็วจนน่าตกใจ นับจากระยะที่ฉินสือโอวมองเห็นครั้งแรกกับระยะที่เห็นในตอนนี้ถือมันเข้ามาใกล้มาก ซึ่งทั้งหมดใช้เวลาเพียงสิบกว่าวินาทีเท่านั้น


มีคนสามคนนั่งอยู่บนเจ็ทสกีสองคัน นีลเซ็นขับเจ็ทสกีมาคนเดียวนำหน้ามาก่อน พร้อมแบกปืนไรเฟิลSIG_556มาด้วย ห่างจากชายนักเลงสองคนนั้นเพียงสองร้อยกว่าเมตรเท่านั้น เขาเร่งความเร็วขับเจ็ทสกีพุ่งขึ้นมาบนชายหาด กระโดดลงทิ้งเจ็ทสกีไว้ข้างหลัง ยกปืนขึ้นมาแล้วตะโกนว่า “ไอ้สารเลว ทิ้งปืนพวกแกซะ แล้วนอนลงไปบนพื้น!”


ชาร์คกับซีมอนสเตอร์ตามหลังมาติดๆ ชาร์คแบกปืนAR-15ของฉินสือโอว ส่วนซีมอนสเตอร์ถือปืนเรมิงตันM870 พร้อมกระสุนปืนลูกซองเต็มถุงผ้าที่มัดไว้ตามตัว ใบหน้าเต็มไปด้วยท่าทีหาเรื่อง ป่าเถื่อนดุดันที่สุด!


ชายสองคนที่ก่อนหน้านี้ยังเต็มไปด้วยท่าทีได้ใจที่ข่มฉินสือโอวได้นั้นตอนนี้กลับกลัวจนฉี่ราดออกมา ให้ตายเถอะไอ้พวกนี้ ฉินสือโอวคิด ในมือถืออาวุธร้ายแรงอยู่ในมือแท้ๆ นี่ฉันไปมีเรื่องกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเกาะแฟร์เวลหรือไง?


เมื่อเห็นทั้งสองคนไม่ขยับ นีลเซ็นนึกว่าพวกเขาคงไม่ใส่ใจคำพูดของเขาเป็นแน่ จึงปลดเซฟตี้ปืน เหนี่ยวไกและยิง!


 ‘ปังปังปัง ปังปังปัง….’ เสียงรัวของลูกปืนที่ยิงออกมาส่งเสียงชัดแจ๋ว ลูกปืนถูกยิงไปที่ชายหาด ทำให้ทรายกระจายฟุ้งไปทั่ว ยิ่งไปกว่านั้นปืนพวกนี้ยังถูกยิงในจุดที่ห่างจากชายสองคนนั้นไม่ถึงหนึ่งเมตร!


คราวนี้ชายสองคนนั้นตกใจจนฉี่ราดออกมา ชายคนที่ถือปืนทิ้งปืนลงพื้นทันที ทั้งสองคนเข่าอ่อน ทรุดลงบนพื้น


ก่อนหน้านี้ที่ฉินสือโอววิ่งหนีไป เพราะกลัวนักเลงสองคนนั้นจะเจอกับสถานการณ์จนตรอกแล้วจับเขาเป็นตัวประกัน เขาในตอนนี้มีทั้งจิตสำนึกพลังเทพแห่งท้องทะเล ในบัตรธนาคารก็มีเงินจำนวนมากมายอีก เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่อยากเสี่ยง


ตอนนี้เมื่อควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว เขาจึงหยุด โทรศัพท์หาเออร์บัก แล้วเล่าเรื่องให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ จากนั้นก็โทรศัพท์ไปสถานีตำรวจบนเกาะ ให้พวกเขามาจัดการเรื่องนี้


เออร์บักกับตำรวจมาถึงพร้อมกัน เพราะมีการยิงกันแล้ว ทางสถานีจึงส่งรถตำรวจมาสองคันพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหกคน อาจดูเหมือนน้อยแต่เท่านี้ก็แทบจะเป็นกำลังทั้งหมดที่มีของสถานีตำรวจนี้แล้ว


ฉินสือโอวอุ้มหมาสองตัวไปให้ปากคำด้วย เขาไม่ต้องรับผิดชอบอะไรอยู่แล้ว ชายสองคนนี้มาที่ฟาร์มปลาของเขาแอบจับสัตว์สงวน แล้วยังถือปืนข่มขู่เขาอีก แค่นี้ก็เท่ากับทำผิดกฎหมายอาญาแล้ว


นายตำรวจคนหนึ่งเก็บปืนขึ้นมาจากชายหาดใส่ลงในถุงพลาสติก จากนั้นก็เก็บลายนิ้วมือของชายสองคนนั้น ทำการวิเคราะห์รูปการณ์ จากนั้นก็พาทุกคนไปที่สถานีตำรวจ


ถึงแม้ว่าจะโดนเรียกตัวไปสถานีตำรวจกันหมด แต่การดูแลนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง กลุ่มฉินสือโอวได้นั่งบนโซฟาพร้อมกับกาแฟกลิ่นหอมกันคนละแก้ว แต่ชายนักเลงสองคนนั้นกลับได้นั่งอยู่ตรงพื้นมุมห้อง


เมื่อเปิดกระเป๋าออก ก็มีเต่าบึงจุดสีดำฟ้าหลายตัวคลานออกมา ในกระเป๋ายังมีไข่เต่าด้วย แต่น่าเสียดายที่แตกไปแล้ว เต่าบึงจุดพวกนี้คงจะถูกจับตอนกำลังวางไข่พอดีเป็นแน่


เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีอย่างยุติธรรม นอกจากไต่สวนชายขโมยเต่าสองคนนั้นแล้ว ยังมีตำรวจอีกคนมาถามคำถามกับนีลเซ็น ว่า “คุณนีลเซ็น รบกวนสอบถามครับว่าทำไมคุณถึงมีปืนไรเฟิลระบบอัตโนมัติได้?”


ประเทศในอเมริกาเหนือมีกฎหมายการครอบครองปืนอย่างชัดเจน ประชาชนสามารถครอบครองปืนไรเฟิลได้เฉพาะระบบกึ่งอัตโนมัติเท่านั้น แบบนี้ทางฉินสือโอวเองก็มีปัญหาเช่นกัน ปืนSIG-556ของนีลเซ็นเป็นแบบระบบอัตโนมัติ รวมถึงปืนAR-15ของฉินสือโอวก็ถูกดัดแปลงเป็นระบบอัตโนมัติเช่นกัน


นีลเซ็นหยิบใบอนุญาตครอบครองปืนกับใบอนุญาตให้มีปืนติดตัวออกมาอย่างใจเย็น พูดว่า “ตอนผมเกษียณจากองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ได้ทำเรื่องขออนุญาตครอบครองอาวุธปืนของราชการทหาร ผมสามารถใช้ปืนระบบอัตโนมัติได้”


 “อย่างนั้นใบอนุญาตครอบครองปืนคุณฉิน คงเป็นสำหรับประชาชนใช่ไหมครับ? แล้วปืนAR-15คันนี้เป็นของใครครับ? มันก็เป็นปืนกึ่งอัตโนมัติเหมือนกัน” เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นถามอย่างละเอียด


ฉินสือโอวแอบก่นด่าในใจ นายตำรวจคนนี้เข้มงวดในกฎหมายเกินไปหรือเปล่า? คราวนี้แย่แล้ว เขาเองที่เป็นคนให้นีลเซ็นดัดแปลงปืนให้เป็นแบบระบบอัตโนมัติ ตอนนั้นก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะมีวันที่ตำรวจจะมาตรวจเจอ


AR-15เป็นปืนไรเฟิลที่ขายดีที่สุดในท้องตลาดของอเมริกาเหนือ ที่เป็นอย่างนี้ เพราะปืนลำนี้เป็นปืนที่สามารถดัดแปลงจากระบบกึ่งอัตโนมัติเป็นระบบอัตโนมัติได้ง่าย แฟนปืนหลายๆคนล้วนก็ทำการดัดแปลงกัน ตำรวจเองก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับเรื่องนี้ ขอแค่อย่าไปก่อเรื่องจนโดนจับได้ก็เป็นพอ


เออร์บักลุกขึ้นมา พูดว่า “คุณครับ ผมไม่คิดว่าลูกความผมจะมีความผิดที่ใช้ปืนระบบอัตโนมัตินะครับ จริงอยู่ ใบอนุญาตครอบครองปืนของเขาเพิ่งได้มาไม่นาน แต่เขากำลังอยู่ในช่วงดำเนินเรื่องขอครอบครองปืนเก่าของคุณปู่ อีกอย่างใบอนุญาตก็น่าจะเสร็จสิ้นในเร็วๆนี้ เขาเพียงแค่เตรียมปืนไว้ล่วงหน้าเท่านั้น”


ใบอนุญาตครอบครองปืนเก่าหรืออีกชื่อคือใบอนุญาตรุ่นคุณปู่ (grandfathered) ในตลาดปืนสำหรับประชาชนนั้น ปืนไรเฟิลอัตโนมัติถูกจัดให้เป็นอาวุธประเภทต้องห้าม กฎข้อนี้มีบัญญัติขึ้นในปี1995 แต่ก่อนหน้าปี1995 การซื้อปืนในแคนาดานั้นง่ายเหมือนซื้อบุหรี่อย่างไรอย่างนั้น ไม่ว่าจะซื้อAK-47 หรือM4 เพียงแค่เดินเข้าร้านค้าก็สามารถซื้อกลับบ้านได้แล้ว


ในปี1995 แคนาดาได้รับอิทธิพลพรบ.การครอบครองปืนของคลินตันจากสหรัฐอเมริกา กรมควบคุมอาวุธปืนของแคนาดาตระหนักว่าไม่ควรให้มีปืนระบบอัตโนมัติวางขายตามท้องตลาดได้อีกต่อไป จึงได้มีการออกรายการประเภทอาวุธต้องห้าม และอาวุธระบบอัตโนมัติทุกชนิดถือว่าเป็นอาวุธประเภทต้องห้ามทั้งหมด


แต่ว่า การออกกฎในครั้งนั้นมีช่องโหว่อยู่ นั่นก็คือรัฐบาลไม่ได้มีการยึดอาวุธประเภทต้องห้ามนี้จากประชาชนที่ครอบครองอยู่ก่อนหน้านั้น จึงได้มีการคิดค้นใบอนุญาตรุ่นคุณปู่นี้ขึ้น


คือพูดได้ว่า หากประชาชนซื้ออาวุธประเภทต้องห้ามก่อนปี1995 ถึงแม้จะมีการเริ่มใช้กฎหมายใหม่แล้ว ก็ยังสามารถครอบครองอาวุธประเภทนี้ได้ และหากผู้ครอบครองเสียชีวิตแล้ว สิทธิ์การครอบครองอาวุธนี้ก็จะตกเป็นของบุคคลในครอบครัว ลูกหลานเพียงนำใบอนุญาตคุณปู่นี้ทำเรื่องขอโอนย้ายผู้ถือครอง เท่านี้ก็สามารถซื้ออาวุธประเภทต้องห้ามได้แล้ว


แน่นอนว่าคุณปู่ของฉินสือโอวนั้นก็มีใบอนุญาตรุ่นคุณปู่เช่นกัน


…………………………………………………….


บทที่ 68 ของขวัญ

โดย

Ink Stone_Fantasy

ผลสุดท้ายชี้ให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจแคนาดาก็ไม่ได้เข้มงวดมากมายอย่างที่ฉินสือโอวคิด


หลังจากเออร์บักหยิบใบอนุญาตครอบครองปืนของฉินหงเต๋อออกมา เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบสักพัก ก็ประกาศว่าฉินสือโอวไม่มีความผิดและสามารถออกจาสถานีตำรวจได้


 “แล้วชายสองคนนั้นล่ะ?” ฉินสือโอวถาม


ตำรวจยักไหล่แล้วพูดว่า “งานใหญ่เข้าพวกเขาแล้วล่ะ พวกเขาคงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีเหมือนกับคุณหรอก ทั้งถือปืนบุกรุกเข้าพื้นที่ส่วนบุคคล แล้วยังขโมยจับสัตว์สงวนที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์อีก หากไม่ให้พวกเขานอนในคุกสักพัก ก็ไม่รู้จะมีกฎหมายไว้ทำไม?”


หลังจากพรรคพวกของฉินสือโอวออกจากสถานีตำรวจ คนหนุ่มผมดำเงาทรงเนี้ยบคนหนึ่งมือถือกระเป๋าหนังเดินเข้าไป เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พูดว่า “ฮาย ผมคือเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายจากโรงงานผลิตพลาสติกสตีฟชื่อฮัตเชอร์ โบลตัน สวัสดีทุกคนครับ ผมมาเพื่อประกันตัวลูกความของผมทั้งสองคนเพียร์ซและไมเคิลครับ”


เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ขอโทษด้วยครับ ตามกฎหมายแล้ว ผมคิดว่าคุณไม่สามารถประกันตัวคนสารเลวสองคนนั้นได้นะครับ”


ฮัตเชอร์พูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “ไม่ครับ สหาย ประกันตัวได้ พวกเขาไม่ได้ขโมยจับเต่าบึงจุดนี่ครับ เท่าที่ผมทราบมา เพียร์ซกับไมเคิลเพียงไปเพื่อสำรวจดูแหล่งที่อยู่อาศัยของเต่าบึงจุดเท่านั้น แต่สุดท้ายดันพบว่าจุดที่เต่าพวกนั้นอาศัยอยู่มีมลภาวะในน้ำถึงขั้นรุนแรง จึงอยากจะเปลี่ยนที่อยู่ให้พวกนั้นเท่านั้น”


เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นครางเสียงแข็งตอบว่า “อย่างนั้นแล้วเรื่องถือปืนบุกรุกไปที่ฟาร์มปลาส่วนบุคคลล่ะ?”


 “เรื่องนั้นยิ่งง่ายเลยครับ ขอเพียงคุณเจ้าของฟาร์มปลาที่น่ารักท่านนั้นไม่เอาเรื่องลูกความผมก็จบเรื่องใช่ไหมครับ?” ฮัตเชอร์พูดอย่างไม่กังวล


ตำรวจยักไหล่แล้วพูดว่า “คุณไปไกล่เกลี่ยกับเจ้าของฟาร์มปลาก่อนแล้วกัน ให้เขาถอนฟ้องเสีย”


ไม่รอให้ฮัตเชอร์ตอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจชี้ไปที่กลุ่มฉินสือโอวที่อยู่ข้างหลัง แล้วพูดว่า “นั่น คนนั้นแหละคือเจ้าของฟาร์มปลา”


ฮัตเชอร์เมื่อเห็นว่าฟาร์มปลามีเจ้าของเป็นเพียงคนหนุ่มชาวเอเชียคนหนึ่ง ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นคุณเออร์บักที่อยู่ข้างๆแล้ว เขาก็หน้าซีดขึ้นมาทันที แต่เขาก็ยังคงเดินเข้าไปทักทาย “คุณครับ ผมคิดว่าระหว่างคุณกับผมน่าจะเกิดการเข้าใจผิดกันนิดหน่อยนะครับ”


 “F*** You เข้าใจผิดอะไรกัน!” ชาร์คโชว์นิ้วกลางใส่ฮัตเชอร์ ซีมอนสเตอร์เองก็จ้องมองเขาด้วยความโกรธ


ฉินสือโอวถามเออร์บักเสียงเบาว่า “มีอะไรเหรอ?”


ชาร์คและซีมอนสเตอร์ต่างก็มีหน้าตาที่ดุดันโหดร้าย แต่ความจริงลึกๆแล้วพวกเขาเป็นชาวประมงที่ทั้งซื่อ และซื่อสัตย์ และยังมีชื่อเสียงที่ดี เป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิบัติต่อคนแปลกหน้าคนหนึ่งอย่างโกรธแค้นแบบนี้


เออร์บักอธิบายว่า “โรงงานเคมีสตีฟ หนึ่งในโรงงานเคมีใหญ่บนเกาะแฟร์เวล พวกเขาผลิตวัตถุดิบCPL ที่ไม่เพียงทำลายทะเลสาบ ยังสร้างมลภาวะให้กับอากาศ ผู้คนในเมืองต่างก็รังเกียจพวกเขา”


CPLก็คือคาโปรแลคตัม คุณสมบัติหลักคือหลังผ่านกระบวนการโพลิเมอร์ไรเซชั่นแล้วก็จะได้โพลิเอมายด์แผ่น สามารถนำไปปฏิรูปออกมาเป็นเส้นใยไนลอน พลาสติกวิศวกรรม และแผ่นฟิล์มพลาสติก


ของพวกนี้เต็มไปด้วยสารพิษ สามารถทำให้ผู้ที่สัมผัสเป็นเวลานานเกิดภาวะสารพิษสะสมในร่างกาย ทำให้เลือดออกจมูก จมูกอักเสบ โรคทางเดินหายใจอักเสบ หากถึงขั้นรุนแรงสามารถทำลายอวัยวะภายในได้ ดังนั้น รัฐบาลอเมริกาเหนือมีกำหนด โรงงานผลิตCPLต้องตั้งอยู่ห่างจากเขตเมืองห้าสิบกิโลเมตร


เมื่อฟังจบ ฉินสือโอวก็พูดกับฮัตเชอร์ว่า “อย่าเสียเวลาเลย ไม่มีการยอมความใดๆทั้งนั้น นอกเสียจากโรงงานของคุณจะออกจากเกาะแฟร์เวลไป แล้วก็ ก่อนหน้านี้ผมลืมบอกไป สองคนนั้นไม่เพียงถือปืนข่มขู่ผม แต่ยังพูดจาเหยียดชนชาติกับผมอีกด้วย!”


ไม่ว่าจะเป็นที่อเมริกาหรือแคนาดา การเหยียดชนชาติก็ยังคงเป็นเรื่องใหญ่เสมอมา


ออกจากสถานีตำรวจ ฉินสือโอวเห็นวินนี่ที่ยืนรออยู่ข้างนอก แอร์สาวคนนี้สวมเพียงเสื้อลำลอง ทรงผมมัดเป็นหางม้าอย่างลวกๆ ดูออกว่าคงรีบตรงมาที่ฟาร์มปลาโดยยังไม่ทันได้แต่งตัวแต่งหน้าด้วยซ้ำ


 “พระเจ้าคุ้มครอง” เมื่อเห็นฉินสือโอว วินนี่ก็โผเข้าไปกอดเขาแน่น “ฉิน ดีจริงที่คุณไม่เป็นอะไร ฉันได้ข่าวจากนีลเซ็นว่าคุณโดนคนถือปืนข่มขู่ ช่างน่าตกใจจริงๆ!”


 “ผมสบายดี สบายมาก” ร่างกายของฉินสือโอวแข็งทื่อไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นมือเขาที่กันการโผเข้ากอดของวินนี่ก็ได้สัมผัสกับเรือนร่างบอบบางของเธอ ทำให้ใจเขาสงบลง


ฉินสือโอวนำเต่าบึงจุดไปแม่น้ำตรงปากทะเล ปล่อยพวกมันลงน้ำ เจ้าพวกนี้รีบมุดลงน้ำไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โผล่หัวขึ้นมามองฉินสือโอวและพรรคพวก ไม่ได้แลดูเหมือนกลัว แต่เหมือนกับรู้ว่าตัวเองถูกคนพวกนี้ช่วยเอาไว้มากกว่า


ชาร์คเอาอาหารปลามาถุงหนึ่งเทลงในน้ำ เต่าบ่อจุดที่มีสีกระดองหลังที่สวยสดงดงามเหล่านี้ก็เริ่มยื้อแย่งกันกินอาหาร


 “ดูเหมือนพวกมันไม่ได้ตกใจจนเสียขวัญแฮะ” ฉินสือโอวพูดด้วยรอยยิ้มเบาๆ เขานั่งลงยื่นมือไปในน้ำสะบัดไปมา มีเต่าบึงจุดตัวเล็กตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุดเอียงตัวไปมาค่อยๆคลานขึ้นมาบนหลังมือของเขา


วินนี่ก็อยากที่จะลองลูบสัตว์สงวนเหล่านี้ ปรากฏว่าพวกเต่าบึงจุดกลับไม่เล่นด้วย ต่างก็ทยอยพากันดำหลบลงไปในน้ำ ไม่ไว้หน้าแอร์สาวสวยคนนี้เลยสักนิด


ฉินสือโอวหัวเราะร่าขึ้นมา วินนี่พูดว่า “เป็นเรื่องปกติน่า คุณอย่าได้ใจไปเลย พวกนี้เป็นเต่าตัวเมีย จึงไม่แปลกที่จะรู้สึกดีกับเพศตรงข้าม”


ชาร์คและซีมอนสเตอร์หัวเราะขึ้นมา


เมื่อเห็นพวกเจ้านายต่างพากันหัวเราะลั่น หู่จือกับเป้าจือที่ไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาด้วยก็กระโดดโลดเต้นไปมาอยู่ข้างๆอย่างมีความสุข


ฉินสือโอวผิวปากชี้นิ้วไปในน้ำ หู่จือกับเป้าจือร้องครางหนึ่งคำ แล้วกระโดดลงน้ำไปเหมือนลูกธนูที่ถูกยิงออกไป


ว่ายวนอยู่ในน้ำหนึ่งรอบอย่างทุลักทะเล เป้าจือก็ว่ายถึงฝั่ง วินนี่กวักมือเรียก มันก็วิ่งหูตั้งขึ้นฝั่งมา ออกแรงสะบัดน้ำออกจากตัว จนมาโดนวินนี่เปียกไปทั้งตัว


 “คุณอยู่เล่นกับพวกมันที่นี่สักพักแล้วกัน ผมว่าดูเหมือนเจ้าสองตัวนี้จะรู้จักคุ้นเคยกับเต่าบึงจุด ผมจะออกทะเลแล้ว” ฉินสือโอวพูดอย่างมีความสุข


หลังจากหู่จือลงไปในน้ำแล้ว ก็มีเต่าบึงจุดสองตัวว่ายมาข้างๆมัน ทั้งสามตัวพากันเล่นตีน้ำไปมา


นี่คือผลพวงของพลังแห่งท้องทะเล เต่าบึงจุดและสุนัขพันธุ์แลบราดอร์รีทรีฟเวอร์ต่างก็เคยได้รับพลังจากเทพแห่งท้องทะเล จึงทำให้มีความสนิทสนมกันข้ามสายพันธุ์ได้


เรือหัวกว้างและเรือหาปลาที่สั่งทำจากเซนต์จอห์นก่อนหน้านี้ได้ส่งมาถึงแล้ว การออกทะเลครั้งนี้ของฉินสือโอวก็นั่งเรือหัวกว้างสไตล์ของตะวันตกเฉียงใต้ นีลเซ็นเป็นคนบังคับเรือ


ฉินสือโอวนั่งอยู่หน้าสุดของเรือ พิงตัวไว้กับกระจกบังลม เบื้องหน้าก็คือคลื่นน้ำที่ถูกเรือซัดจนกระเด็นออกข้างๆ ลมทะเลพัดโฮกมาโดนหน้า ทั้งอบอุ่นทั้งสดชื่น


 “บอส คุณจะลองเรียนขับเรือไหมครับ? เรือยอชต์ลำเล็กแบบนี้ขับง่ายมากเลยนะครับ” นีลเซ็นพูดขณะพิงตัวไว้ที่พวงมาลัยแล้วหัวเราะ


ฉินสือโอวหรี่ตาแล้วพูดว่า “วันนี้ขอผ่านก่อนแล้วกัน รอวันไหนฉันว่างค่อยเรียนอย่างจริงจัง”


ฉินสือโอวในฐานะบอสสามารถยืนชื่นชมลมทะเลได้เต็มที่ ชาร์คกับซีมอนสเตอร์กลับไม่ใช่อย่างนั้น พวกเขาสองคนนั่งอยู่เบาะหลังของเรือฝั่งซ้ายคนขวาคน มีกล้องส่องทางไกลคล้องคอไว้ ไม่หยุดสำรวจดูน้ำทะเล


เมื่อเรือยอชต์ขับผ่านพื้นที่ปะการัง เจ้าบอลหิมะปลาวาฬเบลูกาตัวน้อยที่สัมผัสได้ถึงพลังแห่งเทพเจ้าท้องทะเล อดไม่ได้ที่กระดิกหางว่ายตามเรือมา


หลังจากออกมาถึงผิวน้ำแล้ว บอลหิมะก็ตีลังกาไปมาเหมือนกับปลาโลมา สักพัก ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมา ก็มีร่างสีเงินวาวปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ชาร์คพูดอย่างตกใจว่า “ว้าว พระเจ้าช่วย สวยงามจริงๆ สวยอย่างกับนางเงือกก็ไม่ปาน!”


ซีมอนสเตอร์ที่มีประสบการณ์ที่มากกว่ายังต้องเบิกตากว้าง พูดว่า “ฉันก็เพิ่งเคยเห็นปลาวาฬที่กระโดดไปมาบนผิวน้ำได้อย่างปลาโลมาเป็นครั้งแรก! ช่างน่าตกใจจริงๆ เจ้าตัวนี้ต้องเป็นสัตว์ข้างกายของเทพแห่งท้องทะเลแน่!”


หลังดำลงไปในน้ำ เจ้าบอลหิมะยื่นปลาออกมา แล้วส่งเสียงร้อง ‘บรี้น บรี้น’ ผลจากการได้รับพลังจากเทพแห่งทะเล ทำให้วาฬเบลูกาตัวนี้เลียนเสียงได้เก่งขึ้น เสียงที่มันร้องออกมาเสียงเหมือนอย่างกับเสียงเครื่องยนต์ของเจ็ตสกีอย่างไงอย่างงั้น


ฉินสือโอวลุกขึ้นมายื่นมือลงไปในน้ำ นีลเซ็นดึงเบรก ความเร็วของเรือยอชต์ค่อยๆลดลง บอลหิมะว่ายตามมา ใช้ปากที่กว้างของมันตอดมือของฉินสือโอวอย่างเบาๆ


ขณะกำลังเล่นหยอกล้อกับบอลหิมะอยู่นั้น ชาร์คก็ตะโกนขึ้นอย่างกะทันหันว่า “บอส เก็บมือของคุณเร็ว ระวัง!”


อาจเพราะผิวน้ำถูกรบกวนโดยเรือยอชต์ ทำให้แมงกะพรุนตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากในน้ำ


แมงกะพรุนตัวนี้มีสีฟ้าอมเขียว รูปลำตัวที่อยู่หลังร่มที่ครอบหัวของมันปรากฏเป็นวงกลมอย่างชัดเจน ร่างกายที่สมมาตรรัศมีสยายหนวดออกไปรอบข้าง ดูสวยงามมาก


แต่ว่าของที่ยิ่งสวยนั้นมักจะยิ่งอันตราย ส่วนมากแมงกะพรุนทุกตัวมักจะมีพิษ ดังนั้นเมื่อคนเห็นแมงกะพรุนจึงมักจะอยู่ห่างมัน


 “อ้อ แมงกะพรุนกระดุมสีฟ้า!” ชาร์คพูดพร้อมหัวเราะ “อันนี้ไม่เป็นอันตรายครับ”


ฉินสือโอวเพิ่งเคยเห็นแมงกะพรุนที่ถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสิบห้าแมงกะพรุนที่สวยที่สุดในทะเลสาบเป็นครั้งแรก แต่ว่าก่อนหน้านี้เขาก็เคยศึกษาสัตว์ประเภทนี้มาก่อนบ้าง


ถึงแม้จะมีชื่อว่าแมงกะพรุนสีฟ้า แต่ความจริงแล้วพวกมันไม่ถือว่าเป็นแมงกะพรุน ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของพวกมันเรียกว่ากระดุมสีฟ้า สิ่งมีชีวิตชนิดนี้อาศัยอยู่บนผิวน้ำทะเล ส่วนที่ลอยน้ำบนตัวของมันมีสีน้ำตาลทอง ส่วนหนวดของมันประกอบไปด้วยไฮโดรซัว(สัตว์น้ำไม่มีกระดูกสันหลัง)หลายตัวรวมกลุ่มกัน ไม่มีพิษ


แต่ว่า แมงกะพรุนกระดุมสีฟ้าส่วนมากจะอาศัยอยู่ในน่านน้ำเขตร้อน เช่นอ่าวเม็กซิโกหรือน่านน้ำแอฟริกา


เมื่อเห็นแมงกะพรุนกระดุมสีฟ้า ซีมอนสเตอร์หัวเราะขึ้นมา พูดว่า “บังเอิญจริงๆ พวกเราเพิ่งพูดไปว่าวาฬเบลูกาเป็นสัตว์ข้างกายของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล สุดท้ายตอนนี้เทพเจ้าแห่งท้องทะเลมาปรากฏตัวให้เห็นแล้ว”


ฉินสือโอวถาม “แมงกะพรุนกระดุมสีฟ้าถูกเรียกให้เป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลเหรอ? มีเรื่องเล่าอย่างไรบ้าง?”


ซีมอนสเตอร์ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ครับ แมงกะพรุนกระดุมสีฟ้าไม่ใช่เทพเจ้าแห่งท้องทะเล แต่เป็นพาหนะของเทพเจ้าครับ ปกติแล้ว บนตัวของแมงกะพรุนกระดุมสีฟ้าจะมีเทพเจ้าแห่งท้องทะเลอยู่ด้วยเสมอ”


นีลเซ็นพูด “ซีมอนสเตอร์ นายอธิบายได้งงมาก บอสฟังไม่เข้าใจหรอก ให้ฉันอธิบายแล้วกัน บอส เทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่ซีมอนสเตอร์พูดถึงเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง สวยงามมาก ผมจับแมงกะพรุนขึ้นมาให้คุณดูแล้วกัน หากโชคดี เราอาจได้เห็นพวกมัน”


……………………………………………………..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)