หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา 604-605
บทที่ 604 อาวุธเวทระดับเจ็ดที่แหกทุกกฎเกณฑ์ธรรมชาติ
หวังเป่าเล่ออดตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้เมื่อได้ยินสิ่งที่แม่นางน้อยพูด กระนั้นเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก เนื่องจากไม่ใช่เวลาที่จะมาเสาะหารายละเอียด ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงตัดสินใจได้ในทันที
ลองดูสักตั้งแล้วกัน! ประกายความมุ่งมั่นวาบขึ้นในแววตาของหวังเป่าเล่อ เขาตบฝ่ามือขวาลงบนอกอย่างไม่ลังเล ร่างกายของชายหนุ่มสั่นสะท้านเป็นสัญญาณตอบรับ เขายกมือขวาขึ้นออกจากอก เผยให้เห็นฝักกระบี่สว่างเรืองรองที่ดึงออกมาจากภายใน
ฝักกระบี่สั่นไหวทันทีที่ปรากฏสู่โลกภายนอก ก่อนหน้านี้ ฝักกระบี่ของเขาต้านกระบวนเวทกำปั้นสี่อสูรของตู้กูหลินได้อย่างหนักแน่น ผลจากการปะทะนั้นทำให้ฝักกระบี่ได้รับผลกระทบ ราวกับรอยร้าวจะปรากฏขึ้นที่พื้นผิวได้ทุกเมื่อ หากโดยแรงมหาศาลจากลำแสงทำลายล้าง อาจแตกเป็นเสี่ยงๆ ได้ในทันที เสียงแตกหักดังก้องกลางอากาศ รอยร้าวเล็กๆ เริ่มปรากฏขึ้นที่ผิว!
ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าแม่นางน้อยทำได้อย่างไร แต่ในตอนนั้นเอง ภาพมายาที่ปิดบังตัวตนของหวังเป่าเล่อที่แม่นางน้อยสร้างจากกฎแห่งเต๋าไพศาล ระเบิดออกด้วยเสียงดังกึกก้อง คลื่นเสียงกระจายไปทั่วทุกทิศทาง พุ่งเข้าปะทะลำแสงมฤตยูนั้นอย่างรุนแรง แม่นางน้อยปรากฏตัวขึ้นพร้อมสร้างผนึกมือมากมาย ที่ทำให้กลุ่มลำแสงหยุดนิ่งในชั่วขณะนั้น
ราวกับทุกสิ่งนิ่งสนิทอยู่กลางอากาศ หวังเป่าเล่อถอยหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็ยังเห็นว่าแม่นางน้อยแทบจะต้านลำแสงเอาไว้ไม่ไหว ชายหนุ่มปรับลมหายใจตนเองให้คงที่ สร้างผนึกมือต่อเนื่องเพื่อเริ่มหลอมฝักกระบี่ในทันที!
เขาคิดเอาไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะปรับปรุงฝักกระบี่ จากระดับหกให้เป็นระดับเจ็ดได้อย่างไร เนื่องจากลองนึกภาพในหัวซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายต่อหลายครั้ง นอกจากนี้ด้วยความที่เดินหน้าสะสมวัตถุดิบมาตลอด เขายังมีทรัพยากรเพียงพอต่อการหลอมอีกด้วย!
สิ่งเดียวที่ยังขาดไปคือความมั่นใจว่าจะทำให้สำเร็จลุล่วงได้นั่นเอง อีกสิ่งหนึ่งที่เขากังวลคือ หากทำพลาด ฝักกระบี่จะได้รับความเสียหาย วัตถุดิบในการหลอมฝักกระบี่นี้ทั้งหายากและมูลค่าสูง หากเขาทำไม่สำเร็จ ก็จะต้องเริ่มรวบรวมใหม่อีกครั้ง แม้จะไม่ได้ยากจนเป็นไปไม่ได้ แต่ก็คงลากเลือดอยู่พอตัว
ด้วยเหตุนี้หวังเป่าเล่อจึงย้ำคิดย้ำทำอยู่กับการเพิ่มทักษะในการหลอมของตนเองให้มากขึ้นไปอีก ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าจะยังไม่ปรับปรุงฝักกระบี่ จนกว่าจะมั่นใจจริงๆ ว่าตนเองจะทำสำเร็จแน่นอน แต่โอกาสที่เข้ามาในตอนนี้นั้นเกิดขึ้นได้ยากเสียจนหากปล่อยทิ้งไปก็ไม่รู้ว่าชาตินี้จะหาได้อีกหรือไม่ และยังมีสิ่งสำคัญที่แม่นางน้อยพูดเมื่อก่อนหน้านั้นอีกด้วย…
ฝักกระบี่ของข้าจะดูดซับเอาเสี้ยวพลังจากดดาวเคราะห์นี้ เพื่อสร้างรากฐานในการพัฒนาไปเป็นวัตถุเวทชั้นยอด! ประกายความมุ่งมั่นโชติช่วงในแววตาหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มโบกมือเพื่อเรียกเอาวัตถุดิบจำนวนมากออกมา ก่อนจะสร้างผนึกมือเป็นชุดๆ เพื่อเริ่มต้นทำงาน ภายในเวลาไม่นาน วัตถุดิบเหล่านั้นก็เริ่มหลอมละลาย เอื้อให้หวังเป่าเล่อสกัดแก่นของมันออกมาได้
นอกจากนี้ยังมีเรื่องการหาหม้อหลอมมาเพื่อใช้ดำเนินการอีกด้วย หวังเป่าเล่อมีวิชากระบวนเวทเพลิงปะทุที่ทรงพลังพอในการหลอมวัตถุเวททั่วไป แต่ในกรณีนี้… ชายหนุ่มตาเป็นประกายก่อนเอ่ยขึ้นในฉับพลัน
“แม่นางน้อย เจ้าปล่อยลำแสงมาให้ข้าเส้นหนึ่งได้หรือไม่”
แม่นางน้อยหันขวับไปหาหวังเป่าเล่อ ดวงตาจ้องเขาเขม็ง นางจะเอ่ยบางสิ่ง แต่เมื่อเห็นความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวในแววตาของชายตรงหน้า จึงล้มเลิกความพยายามพูดให้เขาเลิกคิด แต่กลับสร้างผนึกมือควบคุมกฎแห่งเต๋าไพศาล เพื่อปล่อยลำแสงออกมาเส้นหนึ่งแทน ลำแสงนั้นพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อด้วยความเร็วที่น้อยลงกว่าปกติมาก เนื่องจากถูกกฎแห่งเต๋าไพศาลชะลอไว้
ความช้านี้คือโอกาสงาม เมื่อลำแสงเข้ามาใกล้ หวังเป่าเล่อก็โยนวัตถุดิบใส่ เพื่อใช้ลำแสงตัดให้ขาดเป็นรูปร่างและขนาดที่ต้องการ!
ช่างเป็นกระบวนการที่ทั้งยากลำบากและอันตราย เขาทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจในการหลอม โดยไม่กล้าวอกแวกแม้แต่วินาทีเดียว เขาไม่สนใจอันตรายรอบตัว ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตนเองอยู่ที่ใด!
สิ่งเดียวที่เขาสนใจตอนนี้คือการหลอมฝักกระบี่ ราวกับเป็นสิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้ หวังเป่าเล่อไม่ยอมให้ตนเองพลาดเด็ดขาด ใจจดจ่ออยู่ทุกเสี้ยววินาที แม้แม่นางน้อยจะเคยบอกว่าถึงอย่างไรก็สำเร็จก็ตามที สมาธิที่เที่ยงตรงของหวังเป่าเล่อพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดในวินาทีนั้น!
เสียงกึกก้องยังคงดังอย่างไม่ขาดสายในห้องลับ วัตถุดิบจำนวนมากถูกตัดและหลอมละลาย ก่อนที่แม่นางน้อยจะดึงลำแสงกลับไป หวังเป่าเล่อสร้างผนึกมืออย่างต่อเนื่อง เพื่อหลอมวัตถุดิบเหล่านั้นรวมเข้ากับฝักกระบี่ ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นไร้อุปสรรค ครึ่งชั่วโมงต่อมาชายหนุ่มก็รวมวัตถุดิบเหล่านั้นเข้ากับฝักกระบี่ได้สำเร็จ เขาเงยหน้าขึ้นทันทีด้วยประกายแรงกล้าในแววตา
เขารู้แล้วว่าขั้นตอนการหลอมที่แท้จริงกำลังจะเริ่มต้นขึ้น!
หวังเป่าเล่อหายใจเข้าลึก หยิบเอาทรายอาวุธมาจากในกำไลคลังเวท และโยนเข้าไปในฝักกระบี่โดยไม่ลังเล ชายหนุ่มสร้างผนึกพร้อมโบกมือเพื่อปล่อยกระบวนเวทเพลิงปะทุ เพลิงร้อนเข้าโอบล้อมฝักกระบี่ ส่งให้มันปล่อยไอพลังรุนแรงสุดขีดออกมาในทันที!
ฝักกระบี่กำลังค่อยๆ คืบคลานจากวัตถุเวทระดับหกไประดับเจ็ด พลังที่ผล่อยออกมานั้นทวีความรุนแรงขึ้นทุกๆ ทีจนเริ่มน่ากลัว กระนั้น… ก็ยังห่างจากการเป็นวัตถุเวทระดับเจ็ดอยู่หนึ่งก้าว
หวังเป่าเล่อไม่รู้ว่าเขาพลาดอะไรไป จึงเริ่มกระวนกระวายทันที จากการคำนวณของเขา กระบวนการปรับปรุงฝักกระบี่ให้เป็นวัตถุเวทระดับเจ็ดควรจบสิ้นตรงนี้ สิ่งที่เหลืออยู่เป็นแค่การรวมจิตวิญญาณของเทพเจ้าเข้ากับฝักกระบี่เท่านั้น เพื่อทำให้กลายเป็นวัตถุเวทระดับเจ็ดที่แท้จริง
ข้าทำอะไรผิดไปกันนะ… หวังเป่าเล่อมองฝักกระบี่ที่แตะจุดสูงสุดของวัตถุเวทระดับเจ็ด จนปรับปรุงต่อไปไม่ได้อีก และเห็นว่าวัตถุเวทระดับเจ็ดแบบครึ่งๆ กลางๆ ของเขาอันนี้ เริ่มส่งสัญญาณว่ากำลังจะแตก!
ความรู้เรื่องวัตถุเวทของหวังเป่าเล่อบอกเขาว่า หากเขาไม่แก้ไขตั้งแต่ตอนนี้ โอกาสที่ฝักกระบี่จะแตกสลายในอนาคตนั้นมีมาก ฝักกระบี่จะเริ่มกลืนกินตัวเองราวกับโดนไฟเผาอยู่ตลอดเวลา เมื่อวัตถุดิบในฝักเผาไหม้จนหมดสิ้น ฝักกระบี่จะสลายไปอย่างสมบูรณ์
รอยแตกนี้… เกิดขึ้นเพราะข้าหลอมวัตถุดิบเข้าไปไม่สมบูรณ์หรือ ชายหนุ่มตัวสั่นในสถานการณ์คับขัน แม่นางน้อยเริ่มสร้างผนึกมือ แผ่นศิลาลอยขึ้นในอากาศพุ่งเข้าหาฝักกระบี่ในทันที แผ่นศิลาลอยอยู่เหนือฝักกระบี่ก่อนเคลื่อนที่ลงด้านล่าง!
ฝักกระบี่สั่นสะเทือนโดยฉับพลัน พลังรายรอบกดสัญญาณการแตกของฝักกระบี่เอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เสียหายไปมากกว่านี้!
“รีบซ่อมเดี๋ยวนี้ ข้าไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น ฝักกระบี่ของเจ้าอันนี้… ไม่ใช่อันเดิมจากสูตรการหลอมที่ข้าจำได้อีกต่อไปแล้ว… ข้าทำได้เพียงช่วยเจ้าซ่อมให้มันไม่สลายไปเท่านั้น…” แม่นางน้อยพูดอย่างยากลำบาก หวังเป่าเล่อรีบสร้างผนึกมือและหยิบเอาวัตถุดิบจำนวนมากออกมาทันที ชายหนุ่มเริ่มคิดถึงปัญหาเรื่องการรวมวัตถุดิบเข้ากับฝักกระบี่ที่ไม่สมบูรณ์ เขารับรู้ได้ถึงความรู้สึกผิดในน้ำเสียงของแม่นางน้อย แต่ก็ยังไม่ยอมรับล้มเหลวตรงหน้าอยู่ดี
หากการหลอมล้มเหลวในครั้งนี้ ชายหนุ่มรู้สึกว่าตนเองจะไม่มีโอกาสได้ปรับปรุงฝักกระบี่ของตนเอง ให้กลายเป็นวัตถุเวทระดับเจ็ดได้อีกต่อแล้ว
หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ข้าก็ต้องพยายามใช้โอกาสครั้งสุดท้ายนี้ให้ถึงที่สุด แม้ว่าจะล้มเหลวก็ตามที หรือเป็นเพราะข้าตัดวัตถุดิบไม่ดีกันนะ ใช้ไปเกือบหมดแล้วเสียด้วยสิ แต่… เหมือนตรงนั้นจะมีอะไรที่พอใช้ได้อยู่นะ ดวงตาของหวังเป่าเล่อเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ขณะมองลำแสงที่แม่นางน้อยดึงกลับไปเมื่อก่อนหน้า!
“แม่นางน้อย ปล่อยลำแสงออกมาอีกครั้งเร็ว!” ชายหนุ่มตะโกน ความตกใจวาบเข้ามาในใบหน้าของแม่นางน้อย นางรู้แล้วว่าหวังเป่าเล่อกำลังจะทำสิ่งใด
“เจ้าคิดว่ามันคุ้มที่จะทำหรือ” นางอดถามไม่ได้
“ถึงอย่างไรเราก็มาถึงจุดนี้กันแล้ว ต้องลองให้ครบหมดทุกทางก่อน จึงจะพูดได้ว่าทำไม่สำเร็จจริงๆ !” หวังเป่าเล่อขบกรามแน่น ประกายวาวโรจน์ในดวงตา แม่นางน้อยมองเขาด้วยสีหน้าอ่านยากอยู่นาน ก่อนล้มเลิกความคิดที่จะห้ามปรามและสร้างผนึกมือทันที ลำแสงที่นางดึงไปเมื่อก่อนหน้าได้รับอิสรภาพในที่สุด และกำลังพุ่งเข้ามาหาหวังเป่าเล่อ
ทันทีที่ลำแสงเคลื่อนเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มก็ทุ่มเทกำลังกายและใจทั้งหมดที่มีเข้าไปกับภารกิจนี้ เขาตะโกนก้อง สร้างผนึกมือมากมายเพื่อบังคับให้ฝักกระบี่พุ่งเข้าหาลำแสง ไม่ใช่เพื่อเข้าปะทะ แต่เพื่อให้… ฝักกระบี่กลืนกินและหลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งกับลำแสง!
หวังเป่าเล่อตั้งใจจะรวมลำแสงคำสาปเข้ากับฝักกระบี่!
ลำแสงหลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับฝักกระบี่ในทันที กระนั้นลำแสงคำสาปก็ยังมีพลังในการตัดทุกสิ่งที่ขวางหน้า จนดูเหมือนฝักกระบี่จะต้านทานพลังรุนแรงของมันเอาไว้ไม่ไหว ราวกับเป็นปุถุชนคนธรรมดาที่กำลังพยายามกลืนดาบคมเข้าท้อง ดาบแหลมนั้นแทงทะลุท้องเขาได้ทุกเมื่อ แต่พลังของแผ่นศิลาที่ห่อหุ้มฝักกระบี่อยู่ก็รุนแรงมากเช่นกัน เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่ว ลำแสงเบ้ออกจากฝักกระบี่ในทันที โดยที่ไม่ทำให้เกิดอันตรายใดๆ ต่อวัตถุเวท!
ดวงตาของหวังเป่าเล่อเจือด้วยความคุ้มคลั่ง เมื่อเห็นผลลัพธ์ดังนั้นเขาก็รีบตะโกนออกมาทันที
“เอามาอีกอัน!”
แม่นางน้อยตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เช่นกัน นางรีบสร้างผนึกมือเพื่อส่งลำแสงเส้นที่สองไปหาหวังเป่าเล่อทันที ลำแสงพุ่งแหวกอากาศไป และถูกฝักกระบี่กลืนกินเข้าไปเช่นกัน ตามมาด้วยเส้นที่สาม สี่ และห้า…
ภายในเวลาสามสิบลมหายใจ หวังเป่าเล่อก็รวมเอาลำแสงเข้าไปในฝักกระบี่แล้วกว่าร้อยเส้น ฝักกระบี่ของเขาเต็มไปด้วยรูพรุนมากมาย หากไม่ใช่เพราะอำนาจของแผ่นศิลาที่ประคับประคองเอาไว้ ก็คงแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และกลายเป็นฝุ่นธุลีไปนานแล้ว
แต่ว่าในตอนนี้… ฝักกระบี่ยังคงรูปทรงอยู่ได้ ก็แปลว่ายังมีความหวังอยู่ เขายังคงเดินหน้าสร้างผนึกมืออย่างต่อเนื่องเพื่อหลอมและซ่อมแซมวัตถุเวท เมื่อใช้วัตถุดิบไปหมดสิ้นแล้ว ชายหนุ่มก็หยิบเอาชิ้นส่วนต้นกำเนิดดวงดาวออกมา โยนเข้าไปในฝักกระบี่เพื่อหลอมรวม
ชายหนุ่มไม่ได้คิดถึงสูตรการหลอมฝักกระบี่อีกต่อไปแล้ว สิ่งเดียวที่เขานึกคือการซ่อม!
เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่อาจทราบได้ จิตใจของแม่นางน้อยปั่นป่วนไปหมด ลำแสงทั้งหมดในห้องลับถูกฝักกระบี่กลืนกินไปต้นหมดสิ้น ส่วนหวังเป่าเล่อก็ใช้ชิ้นส่วนต้นกำเนิดดวงดาวไปเกือบหมดเช่นกัน ฝักกระบี่ยังคงต้องการการซ่อมแซมโดยไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จสิ้นเร็วๆ นี้ ในตอนนั้นเอง ที่ตัวฝัก… ระเบิดพลังรุนแรงออกมา!
บทที่ 605 ศิษย์น้องที่รักของข้า!
ฝักกระบี่กลายสภาพจากวัตถุเวทระดับหก ไปเป็นวัตถุเวทระดับแปดอย่างสมบูรณ์!
ส่วนหน้าตาของมันก็เปลี่ยนไปเช่นกัน บัดนี้ฝักกระบี่ของหวังเป่าเล่อดูเหมือนสร้างมาจากผลึกแก้ว ที่ภายในมีเส้นด้ายสีทองเลื้อยเกี่ยวไปมา!
นอกจากตัวเขาเองแล้ว ใครก็ตามที่ได้มาสัมผัส ก็จะรู้ได้ว่าพลังที่ฝักกระบี่ปล่อยออกมานั้น แซงหน้าวัตถุเวทระดับเจ็ดแบบธรรมดาไปไกล จนเรียกได้ว่าเทียบเท่าอาวุธเทพได้เลยทีเดียว!
มีเพียงหวังเป่าเล่อในฐานะเจ้าของผู้สร้างเท่านั้น ที่รู้ว่าวัตถุเวทชิ้นนี้ยังคงอยู่ในระดับเจ็ด และเป็นขั้นที่ยังไม่ได้รวมกับเสี้ยวดวงจิตของเทพเจ้าเสียด้วย
แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้ลืม ด้วยดวงจิตที่สะสมมาจากดาวอังคาร เขาสามารถทำขั้นตอนนี้ให้สำเร็จได้ทันทีที่ออกจากตำหนักวังบูชา แต่เขาเองก็ต้องคิดให้ดีว่าจะเอาดวงวิญญาณแบบใดมาหลอมรวมกับฝักกระบี่ ดวงจิตที่เขาหมายมั่นปั้นมือไว้ว่าจะเอามารวมเมื่อก่อนหน้า บัดนี้ดูด้อยไปเสียแล้ว ด้วยกระบวนการหลอมฝักกระบี่ที่แสนพิสดารนี้
ดวงตาของหวังเป่าเล่อเป็นประกายวาบเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขายกมือขวาขึ้นคว้าอากาศ ฝักกระบี่บินว่อนมาเข้ามือพร้อมเสียงดังหวีดหวิว!
ชายหนุ่มตัวสั่นเมื่อได้กำกระบี่ไว้ในมือ ราวกับว่าวัตถุเวทที่อยู่ในมือของเขานี้ มีแสนยานุภาพมากพอทำลายโลกได้ทั้งใบ ความรู้สึกรุนแรงนี้ทำให้เขากลัวเป็นอย่างมาก หวังเป่าเล่อกำลังจะนำฝักกระบี่มาพิจารณาดูใกล้ๆ ในตอนนั้นเอง… พลังหนึ่งที่แม้จะอ่อนแอกว่าฝักกระบี่และเทียบไม่ได้กับแผ่นศิลา แต่ก็ยังแข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้เขาตัวสั่น ฟาดฟันลงมาจากท้องฟ้า!
แม่นางน้อยรีบพูดออกมาทันทีที่สัมผัสได้ถึงพลังนั้น
“มันเจอตัวพวกเราแล้ว!” นางเอ่ยพร้อมก้าวมาข้างหน้า ทิ้งเงาของตนให้ทับลงบนแผ่นศิลา แผ่นศิลาหลอมละลายรวมเข้ากับร่างของแม่นางน้อย นางกระโจนเข้าใส่หวังเป่าเล่อ ร่างหายไปในอากาศธาตุ ก่อนที่เสียงจะดังขึ้นในมโนจิตของเขา
“รีบหนีเร็ว!”
หวังเป่าเล่อเองก็ไม่ต้องรอให้ใครมาบอก ทันทีที่พลังนั้นฟาดลงมาจากท้องฟ้า หัวสมองของชายหนุ่มก็อื้ออึงไปหมด เขากระอักเลือดออกมา รู้สึกราวกับว่าร่างกายของตนเองจะระเบิดออกเมื่อใดก็ได้
ไม่มีเวลาให้คิด เขารีบเก็บฝักกระบี่เข้าไปในตัว และพยายามหลบหนีออกจากถ้ำลับ ในตอนนั้นเองที่เสียงเยาะเย้ยเยือกเย็นดังจากบนสวรรค์ ภายนอกหุบเขา และกระจายไปทั่วบริเวณ พายุหมุนขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือประตูทางเข้าสำนักวังเต๋าไพศาลในฉับพลัน
มือยักษ์ที่สร้างมาจากสิ่งใดไม่ทราบได้ ที่ไม่ใช่เลือดและเนื้อ ขนาดใหญ่กว่าเทือกเขาทั้งหมดนั้น ยื่นออกมาจากพายุหมุนยักษ์ และคว้าเอาประตูทางเข้าหุบเขาเข้าให้!
ภูเขาแหลกเหลวเป็นผุยผงเหมือนเต้าหู้ทันทีที่มือยักษ์บดขยี้ มือนั้นไม่แตะต้องเครื่องเจาะ แต่พุ่งตรงมายังถ้ำลับแทน มือนั้นฉีกเอาเพดานของถ้ำลับออกภายในเสี้ยววินาที ก่อนปรากฏอยู่เบื้องหน้าหวังเป่าเล่อท่ามกลางเศษหินดินทรายที่ปลิวว่อน ท้องฟ้ามืดมนบดบัง!
ชายหนุ่มที่เป็นเป้าหมายตัวสั่นไปถึงตับไตไส้พุง พลังปราณภายในกายหยุดนิ่งเหมือนโดนแช่แข็ง ราวกับร่างทั้งร่างเหือดแห้งสิ้นซาก วิ่งหนีไปก็ไม่ได้ จึงทำได้เพียงมองมือยักษ์ฟากฝ่ามือลงใส่ตนเองเท่านั้น!
ในตอนนั้นเอง ฝักกระบี่ที่หวังเป่าเล่อยังไม่มีเวลาได้ตรวจดู ระเบิดแสงจ้าสว่างเรืองรองออกมา แสงนั้นพุ่งออกจากร่างของหวังเป่าเล่อเข้าใส่มือยักษ์ที่บดบังท้องฟ้า แรงปะทะส่งให้เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องหูดับ
หวังเป่าเล่อกระอักเลือดออกมา จิตใจปลอดโปร่งในทันที แต่ก็ไม่มีเวลาให้ตกใจ ชายหนุ่มล่าถอยอย่างรวดเร็ว เสียงเยาะดังอีกครั้งจากท้องฟ้า มือยักษ์เพิ่มความเร็วขึ้น บดขยี้ผนังหินอย่างง่ายดาย ก่อนจะคว้าเอาครึ่งหนึ่งของยอดเขามาไว้ในมือในคราวเดียว มือยักษ์ถอนรากถอนโคนเทือกเขาออกมา หวังเป่าเล่อเสียศูนย์และถูกดึงขึ้นบนอากาศ พร้อมยอดเขาที่เขาอยู่เมื่อก่อนหน้า!
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย แม่นางน้อยก็โยนความระวังทั้งหมดทิ้งไป นางปรากฏตัวขึ้นหลังหวังเป่าเล่อ มือสร้างผนึกเป็นระวิงจนเห็นเป็นภาพเลือน คลื่นพลังจากการเคลื่อนย้ายระเบิดออกจากร่างนาง เข้าครอบตัวของหวังเป่าเล่อเอาไว้ การหลบหนีแบบนี้นำมาซึ่งความเสี่ยงอันใหญ่หลวง โอกาสที่พวกเขาจะโดนรั้งเอาไว้นั้นมีมาก ถือเป็นการพนันครั้งใหญ่เลยทีเดียว
แม่นางน้อยกัดฟันกรอด นางปล่อยวิญญาณปราณแสนล้ำค่าออกมา พุ่งเป้าไปที่มือยักษ์นั้น สำนักวังเต๋าไพศาลทั้งหมดสั่นสะเทือน ลำแสงพุ่งออกจากพื้นดินทุกทิศทางด้วยอำนาจของนาง!
แสงแห่งดวงดาวนี้คืออำนาจของกฎแห่งเต๋าไพศาล เมื่อลำแสงนี้มารวมตัวกัน ก็แปรเปลี่ยนเป็นกระบี่เล่นยักษ์ที่สร้างมาจากแสงดาว กระบี่นี้พุ่งเข้าฟาดฟันมือยักษ์ด้วยความเร็วสูง ราวกับเจตจำนงของดวงดาวได้แปรเปลี่ยนมาเป็นอาวุธชิ้นนี้อย่างไรอย่างนั้น คมกระบี่จรัสดาวตัดมือยักษ์ออกจากพายุหมุนในฉับพลัน!
ภูเขาในมือยักษ์ร่วงลงกลางอากาศ เศษภูเขาก้อนใหญ่พุ่งเข้าปะทะพื้นดิน กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ หวังเป่าเล่อกระอักเลือกออกมาชุดใหญ่ ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว แต่ตอนนี้กลับสภาพแย่ยิ่งกว่า ยังดีที่พลังเคลื่อนย้ายเริ่มทำงานแล้ว เสียงกู่ร้องด้วยความโกรธดังออกมาจากท้องฟ้าเบื้องบน ท่ามกลางเสียงสะเทือนของกระบวนเวท แขนแข็งแรงสามข้างพุ่งออกมาจากพายุ ทุบลงบนพื้นด้วยความตั้งใจทำลายทุกสิ่งอย่าง ร่างของหวังเป่าเล่อกำลังจะถูกขยี้จนแหลก
หนึ่งในสิ่งสุดท้ายที่เขาได้ยิน คือเสียงระเบิดดังกึกก้องราวกับดวงดาวดับสลายลง เสียงที่ไม่ได้เป็นของชายผู้มีสามมืดดังขึ้น เขาไม่มีเวลาจับมาผู้มาใหม่นั้นพูดว่าอะไร ทุกสิ่งหยุดนิ่งอยู่กับที่ ในวินาทีต่อมา… ภาพก็กลับมาชัดเจนอีกครั้ง เขากลับมาที่ตำหนักวังบูชา บนกระบี่สำริดเขียวโบราณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
ชายหนุ่มไม่ได้อยู่ที่หน้าวังที่ห้า แต่เป็นหน้าโถงใหญ่ของวังที่หก ทันทีที่เขากลับมาได้ หวังเป่าเล่อก็กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ร่างของเขาโซเซ ก่อนสลบลงกับพื้น
เวลาผ่านไปนานก่อนที่เขาจะลุกขึ้นมานั่งได้อีก ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเผือด เขาหายใจพะงาบเอาอากาศเข้าปอด อวัยวะภายในถูกทำลาย ความเจ็บปวดนี้รุนแรงมหาศาลนัก แม้ว่าร่างกายของเขาจะกำลังเยียวยาเชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกันอีกครั้งอย่างรวดเร็ว แต่ความเจ็บปวดก็ไม่ได้น้อยลงเลย มีแต่จะทำให้มากขึ้นเท่านั้น
แต่หวังเป่าเล่อเป็นคนโหดเหี้ยมนัก แม้จะบาดเจ็บปางตาย แต่เขาก็ยังบังคับตนเองให้นั่งขัดสมาธิ หยิบเอาโอสถออกมา และเริ่มกระบวนการรักษาตนเองได้ การรักษากินเวลาทั้งหมดสามวันด้วยกัน ความเจ็บปวดค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ ในวันที่สี่ หวังเป่าเล่อก็ลืมตาขึ้น พร้อมถอนหายใจยาว
หลังจากที่มั่นใจว่าตนเองปลอดภัยแล้ว ชายหนุ่มก็เริ่มคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นที่ดาวเคราะห์เต๋าไพศาล ทุกสิ่งดูเกินจริงจนไม่อยากเชื่อจนเขาเองก็คิดว่าฝันไป แต่ก็เป็นเรื่องจริงแน่นอน หวังเป่าเล่อยังไม่หายจากอาการตกใจ ภาพของมือยักษ์วาบเข้ามาในความคิด…
“หมอนั่นมีปราณระดับใดกันหรือ” หลังจากที่เงียบอยู่สักพัก เขาก็ถามแม่นางน้อย
“เป็นความผิดของเจ้าทั้งหมดทีเดียวเชียว เจ้าไม่น่าดูดพลังจากคำสาปไปทั้งหมดแบบนั้น เพียงเพื่อจะหลอมฝักกระบี่… หากไม่เช่นนั้นเราคงไม่ถูกเปิดโปงเร็วเช่นนี้… แต่ช่างมันเถิด ข้าเองก็มีส่วนผิดเช่นกัน พวกเขาโชคร้ายด้วยที่ผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์ผ่านมาในวินาทีนั้นพอดี… หากศัตรูเป็นผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ เราคงไม่หมดสภาพเช่นนี้ ยังดีที่ผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์คนนี้ไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้น เคล็ดเวทของข้าทรงพลังมากจนเบี่ยงเบนความสนใของเขาได้ ทำให้เขาเลิกติดตามพวกเราหลังจากที่เคลื่อนย้ายกลับมา…” แม่นางน้อยถอนหายใจ นางพูดพึมพำไปตลอดด้วยความหดหู่ จนถึงครึ่งหลังที่นางเริ่มใจชื้นขึ้น
ระดับดารานิรันดร์หรือ… หวังเป่าเล่อไม่สนใจคำของนางที่เขาคิดว่าเชื่อถือไม่ได้ เขาสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะนึกถึงฝักกระบี่ของตนเองขึ้นมาได้ ชายหนุ่มตบมือขวาลงบนหน้าอกด้วยความตื่นเต้น เพื่อหยิบเอาฝักกระบี่ออกมาดู ก่อนจะตัวแข็งทื่อเมื่อพบว่าทำไม่ได้
หวังเป่าเล่อเริ่มกระวนกระวาย แต่เขาก็ยังจับได้ถึงสายสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับกระบี่อยู่ จึงคลายความกังวลลงไปได้บ้าง ชายหนุ่มคิดออกในที่สุด เขารวมจิตสัมผัสวิญญาณของตนเข้ากับฝักกระบี่ในร่างเพื่อสำรวจดู ยุงในฝักกระบี่หายไปหมดแล้ว เหลือเพียงยุงสีดำและสีม่วงเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีแสงสีทองหลายร้อยเส้นอยู่ในฝักกระบี่ จำนวนเท่ากันกับลำแสงที่เขานำมาหลอมรวมเข้ากับวัตถุเวทนี้ ลำแสงเหล่านี้เต้นตุบๆ ทำให้เขาคิดบางสิ่งออก หวังเป่าเล่อสงสัยว่าลำแสงเหล่านี้จะกลายสภาพเป็นยุงสีทองหลายร้อยตัวหรือไม่…
ขณะที่กำลังตกอยู่ในห้วงคิดนั้น ณ ที่แห่งหนึ่งที่ไกลแสนไกลจากระบบสุริยะ ในจักรภพเต๋าไพศาล บนดาวเคราะห์เต๋าไพศาล ชายวัยกลางคนถูกตรึงเอาไว้กับพื้น เขาเสียแขนไปหนึ่งข้าง ส่วนแขนห้าข้างที่เหลือก็ถูกตอกเอาไว้กับพสุธาด้วยคมดาบใบไม้ห้าเล่ม ร่างของเขาสั่นเทิ้ม ดวงตาเจิดจ้าด้วยความหวาดกลัวและความเกลียดชัง ชายวัยกลางคนมองไปเบื้องหน้าของเขาที่มีศิลาก้อนใหญ่ตั้งอยู่ พร้อมด้วยชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนพิงศิลา กำลังดื่มน้ำจากผลน้ำเต้าในมือ ข้างกายของชายหนุ่มมีกระบี่ไม้สีเขียววางอยู่
ชายวัยกลางคนผู้นี้คือผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์ผู้ทรงพลังจากตระกูลไม่รู้สิ้น ที่โจมตีหวังเป่าเล่อนั่นเอง!
เขาไม่รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้เป็นใคร แต่ก็พอเดาได้ไม่ผิดไป คำตอบนี้ทำให้ความหวาดกลัวซัดโหมเหมือนคลื่นยักษ์ เขาอ้าปากพูดอย่างเร่งรีบ
“นายท่าน ข้าทำงานให้ท่านราชันสวรรค์ลำดับสอง…”
แต่ก่อนที่จะพูดจบ กระบี่ก็ทอแสงวาบพุ่งผ่านไป ศีรษะทั้งสามตกกระทบพื้น เปลวไฟเย็นสีดำลามจากรอยตัด ศีรษะทั้งสามลุกไหม้ในกองเพลิงเช่นเดียวกันกับร่างคอขาด ภายในพริบตา ผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์ก็ถูกทำลายทั้งร่างกายและวิญญาณ!
“กล้ามาทำร้ายศิษย์น้องของข้าหรือ ข้าไม่สนใจหรอกว่าเจ้าจะเป็นใคร อย่ามาลองดีกับข้า” ชายหนุ่มพูดพึมพำ เขายกน้ำเต้าขึ้นดื่มอีกอึก ก่อนเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าเบื้องบน ราวกับดวงตาทะลุผ่านจักรวาลจนมองเห็นระบบสุริยะได้ ริมฝีปากของชายหนุ่มคลี่ยิ้ม
ศิษย์น้องที่รักของข้า ในที่สุดข้าจะตามหาเจ้าจนเจอ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น