หมอดูยอดอัจฉริยะ 602-603

 ตอนที่ 602 ภูเขาดาบป่าหอก (3)

โดย

Ink Stone_Fantasy

“ใจกล้าดีนี่ เจ้าหนุ่ม!”


แม้จะเป็นยุคศตวรรษที่ 21แล้ว แต่ในสมาคมหงเหมินไม่เคยขาดแคลนคนหนุ่มเลือดร้อน เยี่ยเทียนมีสีหน้านิ่งเฉยเดินเข้าสู่ภูเขาดาบป่าหอก เรียกเสียงตะโกนโห่ร้องจากผู้ชมโดยรอบ


“เสี่ยวเฟย เจ้าหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาเลย!”


หลี่ซงชิวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เข็นหรี่ตามองเยี่ยเทียน คิดอะไรบางอย่างแล้วก็พยักหน้า ตอนแรกเขายังคิดว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนที่ตู้เฟยหามา แต่ดูท่าทางแล้วไม่น่าจะใช่


ตู้เฟยเข้าใจความนัยของหลี่ซงชิว ยิ้มแล้วตอบว่า “ท่านประธานใหญ่ ผมเคยพลาดท่าเสียทีให้เยี่ยเทียนแล้วคราวหนึ่ง ถ้าเขาไม่เมตตาปล่อยผม ป่านนี้ผมคงไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้แล้ว”


“เธอยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกเหรอ?”


หลี่ซงชิวตกตะลึง เขารู้ว่าวิทยายุทธของตู้เฟยไม่เป็นสองรองใครในสมาคมหงเหมิน ไม่เช่นนั้น แม้แต่เขาเองยังไม่มีทางผลักดันให้ตู้เฟยขึ้นไปนั่งบนตำแหน่งนั้นอย่างง่ายดายได้หรอก


“ท่านประธานสมาคม ท่านเยี่ยเป็นคนในสำนักวิชา ไม่เห็นคนในยุทธภพอย่างพวกเราอยู่ในสายตา” ครั้งนี้เหลยหู่เขาหาเรื่องเอาหินมาทับเท้าตัวเอง


ถ้อยคำของตู้เฟยเจือปนด้วยความสาแก่ใจ ความจริงแล้วในความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเหลยกับตระกูลซ่ง หากพวกเขาขอรับการสนับสนุนจากซ่งเวยหลัน เหลยหู่มีโอกาสที่จะได้ขึ้นสู่ตำแหน่งเป็นไปได้มาก


แต่ซ่งเสี่ยวหลงวางแผนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลแล้ว เรื่องราวกลับตาลปัตร โดยเฉพาะการกระทำของเหลยหู่ที่ต้องการจะกักบริเวณซ่งเวยหลันยิ่งไปกระตุ้นต่อมความบ้าคลั่งของเยี่ยเทียน


ตู้เฟยผู้รู้ซึ้งถึงความสามารถของเยี่ยเทียน ครั้งนี้จึงจะได้เห็นความพินาศของตระกูลเหลย ไม่แน่ว่าอีกไม่นานตระกูลเหลยที่กุมอำนาจใหญ่ในสมาคมหงเหมินอาจจะจบสิ้นลง


“เหล่าเหลย ซื่อตรงมาตลอดชีวิต ใครจะคิดว่ากลับต้องมาพ่ายแพ้ย่อยยับ เสี่ยวเฟย ถ้าเธอได้นั่งบนตำแหน่งของฉันก็ควรจะให้ทางรอดกับตระกูลเหลยไว้ด้วย”


หลี่ซงชิว ผงกหัวอย่างมีเลศนัย อย่าคิดว่าเขาป่วยจนต้องนอนติดเตียง แต่ในใจกลับเข้าใจเรื่องราวได้ดีอย่างแจ่มแจ้งเหลยหู่เหิมเกริมใช้อำนาจบาตรใหญ่ มีคนตั้งมากมายที่มาร้องทุกข์เพราะถูกเหลยหู่รังแก


กว่าจะเป็นประธานใหญ่ของสมาคมหงเหมินได้ หลี่ซงชิวจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?


การที่เขาเรียกตัวตู้เฟยให้กลับมาจากประเทศจีนเป็นเพียงแผนการหนึ่งของหลี่ซงชิว เขายังมีอีกหลายแผนการ ในเมื่อเหลยหู่ใช้เงินซื้อตัวผู้อาวุโสหลายคน สุดท้ายแล้วเกรงว่าจะเป็นเพียงเงาจันทร์ในน้ำ ที่ได้ชื่นชมแต่ไม่มีวันจับต้องได้


ไม่เพียงแต่เรื่องเยี่ยเทียนเท่านั้นที่ตู้เฟยกับหลี่ซงชิวปรึกษากัน ผู้อาวุโสคนอื่นๆในที่นั้นก็แอบกระซิบกระซาบกันเบาๆ  ถ้าเปลี่ยนเป็นพวกเขา อาจจะไม่มีความกล้าเท่าเยี่ยเทียน


ตั้งแต่หน้าประตูจนถึงโถงหน้ามีระยะห่างประมาณหกเจ็ดสิบเมตร เยี่ยเทียนเดินสบายๆ มาถึงกึ่งกลางภูเขาดาบป่าหอกได้อย่างรวดเร็ว


“น่าจะต้องลงมือได้แล้วนะ?”


เยี่ยเทียนดูเหมือนจะเดินอย่างมั่นใจ แต่ในใจกลับระมัดระวังทุกฝีก้าว การฝึกฝนวิชาของเขาแม้จะสูงส่ง แต่ก็มีเลือดเนื้อร่างกาย อีกทั้งไม่เคยฝึกวิชากังฟูนอกรีต ถ้าถูกหอกแทงเข้าที่ตัว แน่นอนว่าต้องเกิดแผลฉกรรจ์


รับรู้ได้ถึงพลังจิตสังหารของคนสองคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าห่างไปสามสี่เมตร เยี่ยเทียนค่อยๆเคลื่อนเข้าไปใกล้ จนถึงระยะห่างหนึ่งช่วงตัว จู่ๆหูของเยี่ยเทียนก็ได้ยินเสียงสิ่งของบางอย่างตัดผ่านลมเข้ามา


“เป็นแผนที่ดีมาก!”


เสียงเซ็งแซ่ในที่นั้นดังขึ้นอีก แต่เสียงลูกหินตัดผ่านลมนั้นไม่อาจเล็ดรอดหูอันว่องไวของเยี่ยเทียนไปได้ ในภาพสมองของเขาคำนวณได้ถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในจังหวะต่อไปด้วยซ้ำ


“โอ๊ย!”


สมาชิกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ทางซ้ายของเยี่ยเทียน จู่ๆก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวเข่าจนร่างกายไม่สามารถทรงตัวอยู่ได้ ล้มลงไปกองกับพื้น


แต่เขาลืมเสียสนิทว่าเหนือศีรษะของเขาได้ชูดาบใหญ่ไว้อันหนึ่งอยู่ ตอนที่ร่างกายของเขาล้มฟุบลงไป มือทั้งสองข้างที่ถือดาบไว้ก็ตกลงมาเอง


เล่มดาบสะท้อนกับแสงจนเกิดแสงสะท้อนตา  ปลายคมดาบนั้นช่างประจวบเหมาะกับตำแหน่งศีรษะของเยี่ยเทียนพอดี สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทำเอาผู้ชมลุ้นจนเด้งขึ้นยืน


“กล้ามาก!”


หลี่ซงชิวตบเข้าที่พนักเก้าอี้อย่างแรง มีสายตาอันดุเดือด เหลยหู่กล้าสั่งให้คนลงมือตอนที่เยี่ยเทียนกำลังผ่านด่านภูเขาดาบป่าหอก เป็นเรื่องที่บ้าดีเดือดที่สุด


ภูเขาดาบป่าหอกสร้างโดยจอมยุทธ โดยทั่วไปแล้วเพื่อใช้หยุดยั้งและทดสอบการต่อสู้ของฝ่ายตรงข้าม เรื่องราวเล่าลือในยุทธภพมากมายยังไม่เคยมีใครลงมือแบบนี้กับคนที่เข้าทดสอบเลย


ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป เกรงว่าคงจะทำลายชื่อเสียงที่สั่งสมมาหลายร้อยปีของสมาคมหงเหมิน ซึ่งนี่ทำให้ประธานใหญ่โกรธจนหายใจไม่ทัน นั่งไอหอบอยู่บนเก้าอี้


ท่าทีสบายๆของเหลยหู่ตรงกันข้ามกับความโกรธของหลี่ซงชิวโดยสิ้นเชิง  ในสายตาของเขา เยี่ยเทียนไม่น่าจะเป็นคนมีวิชาการต่อสู้ ต้องหลบดาบที่ฟันฉับลงมาไม่ได้แน่นอน


อีกทั้งคนที่ฟันดาบลงยังไม่ใช่คนของตำหนักอาญาของเขาเสียหน่อย ถ้าหากถูกไต่สวน เรื่องก็จะไม่ถูกสาวมาถึงตัวเหลยหู่


ส่วนความเคลือบแคลงใจนะหรือ? ไม่มีอะไร? ไม่มีหลักฐาน ถึงตาแก่หลี่ซงชิวจะรู้ว่าเป็นฝีมือของเขา แต่ก็แตะต้องเขาไม่ได้แม้แต่ปลายผม


“พี่หลัน เรื่องนี้จะโทษผมไม่ได้นะ? ใครให้พี่ไม่ให้ความร่วมมือกับผมเล่า ถึงมีลูกแล้วยังจะเป็นสมาชิกของพรรคชิงปังอีก?”


ใบหน้ายิ้มแย้มของเหลยหู่ยังมีแก่จิตแก่ใจไปคิดถึงซ่งเวยหลันที่อยู่นิวยอร์คด้วย ส่วนการเปิดตำหนักสุคนธ์ในครั้งนี้จะเป็นเพียงแค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้น


“เอ๋?” แล้วรอยยิ้มของเหลยหู่ก็หายวับไปกับตา มีเสียงของผู้ชมที่ร้องออกมาอย่างตกใจ


ตอนที่ดาบกำลังจะหล่นลงมาสับกลางศีรษะของเยี่ยเทียนพอดีนั้น เท้าของเยี่ยเทียนราวกับติดจรวดพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว


ด้วยก้าวที่รวดเร็วนี้ทำให้เยี่ยเทียนรอดพ้นจากอันตรายได้ ดาบใหญ่อันแหลมคมนั้นเกือบจะตัดถูกหนังศีรษะด้านหลังของเขาทำให้ผู้ชมทั้งลุ้นทั้งตกใจ


“ให้ตายสิ ดวงแข็งอะไรอย่างนี้?”


ใบหน้าของเหลยหู่กลายเป็นยิ้มค้าง แต่ก็รีบดึงสติกลับมาทันที มองไปที่ชายอีกสองคนตรงหน้าเยี่ยเทียนตอนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าเยี่ยเทียนจะไม่มีทางรอด คนทั้งสองนี้คือคนที่จะเป็นเพชรฆาตให้เยี่ยเทียน


ขณะที่เยี่ยเทียนหลบดาบใหญ่เล่มนั้นได้อย่างหวุดหวิด สมาชิกอีกสองคนที่ขนาบข้างซ้ายขวาของเขาอยู่นั้นสบตากันทีหนึ่ง คนหนึ่งสับดาบลงอีกคนตั้งท่าหอกเตรียมพุ่งเข้าใส่


ทั้งสองเป็นบริวารพลีชีพที่เหลยหู่สั่งสอนมาด้วยตัวเอง ในสายตาของพวกเขามีแต่ตระกูลเหลย ไม่มีสมาคมหงเหมิน


ทั้งสองหลังจากได้รับคำสั่งแล้ว ได้เตรียมที่จะออกจากสมาคมหงเหมิน ดังนั้นหนึ่งหอกกับหนึ่งดาบที่พุ่งเข้ามาหมายเอาชีวิตด้วยพลังจิตสังหารเต็มเปี่ยม


“ทำไมเป็นแบบนี้?”


“เจ้าชั่ว ใครเป็นคนสั่งการ?”


ถ้าเมื่อครู่จะบอกว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่ตอนนี้เป็นหอกดาบที่ตั้งใจหมายเอาชีวิต ทำให้ทุกคนในที่นั้นเข้าใจถ่องแท้แล้วว่ามีคนไม่อยากให้เยี่ยเทียนเข้าร่วมสมาคมหงเหมิน


คนที่รู้ถึงฝีมือเยี่ยเทียนมีไม่มาก มีแค่ตู้เฟยกับถังเหวินหย่วนสองคน การโจมตีฉับพลันนี้ทำให้คนอื่นที่เหลือต่างคิดว่าเยี่ยเทียนต้องหัวขาดอย่างหนีไม่พ้นเป็นแน่


แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมานั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนคิดไม่ถึง คือตอนที่ลำแสงของดาบกำลังจะตัดลงมาที่ต้นคอของเยี่ยเทียน เขาส่งหมัดขวาออกไป งอนิ้วดีดเบาๆไปที่ใบดาบ


การเคลื่อนไหวของเยี่ยเทียนดูราวกับการละเล่นของเด็ก แต่กลับทำให้ปลายดาบถูกปัดออกไปทางด้านขวาของเยี่ยเทียน


ขณะเดียวกัน เยี่ยเทียนก็ยันเท้าขวากับพื้น ร่างกายหมุนเป็นวงกลมอย่างพลิ้วไหว ปลายหอกที่พุ่งเข้าใกล้ตัวเยี่ยเทียนนั้น ไถลออกไปอีกทาง


การเคลื่อนไหวของเขาดูพลิ้วไหวคล่องแคล่ว แต่กลับแฝงไปด้วยพลังลมปราณหนักแน่น


ถูกเยี่ยเทียนหลบหลีกสะบัดหลุดไป ดาบที่ใช้ฟันกับหอกที่ใช้แทงต่างไม่เหลือเรี่ยวแรงให้ชักกลับ ทั้งสองพุ่งเข้าหากันทั้งเสียบทั้งแทงพวกเดียวกัน


“โอ๊ย….อ๊าก!”


เสียงร้องตะโกนของทั้งสองดังก้อง เลือดพุ่งเป็นสายท่ามกลางแสงอาทิตย์เจิดจ้า คนที่ถือหอกอยู่นั้นมือซ้ายของเขาถูกดาบตัดขาด


ส่วนคนที่ถือดาบอยู่นั้นก็ไม่ได้ดีกว่ากันเท่าไหร่ ที่บ่าของเขาถูกหอกแทงจนเป็นรูโบ๋ เลือดสดไหลลงมาย้อมด้ามหอกจนเป็นสีแดงฉานหยดลงบนพื้นเป็นทาง


ทั้งสองทรุดลงไปนอนกับพื้น ร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด ผู้ชมทั้งหมดต่างตกตะลึงตาค้าง ไม่มีใครมองเห็นได้ชัดเจนว่าในเสี้ยววินาทีนั้นเกิดอะไรขึ้น


“ทำไม…ทำไมเป็นแบบนี้?” เหลยหู่ตะลึงงัน


บริวารทั้งสองคนนี้เมื่อก่อนเคยเป็นโจรสลัดที่มือเปื้อนเลือดมาแล้ว ทั้งสองประลองฝีมือกับชายหนุ่มที่ไม่มีแม้เครื่องป้องกันตัว กลับต้องพบจุดจบเช่นนี้ เหลยหู่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อสายตาตัวเอง


“เร็ว รีบจับทั้งสองคนนั่นใว้….”


หลี่ซงชิวมีชีวิตอยู่มาเกือบเก้าสิบปี ตลอดชีวิตของเขาฝ่าฟันอุปสรรคมานับไม่ถ้วน แม้เรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขายังไม่ค่อยเข้าใจชัดเจน แต่ก็ออกคำสั่งในทันที


สิ้นเสียงของหลี่ซงชิว ด้านหลังเก้าอี้ผู้นำมีกลุ่มคนเคลื่อนตัวออกมาเป็นสายและจับตัวชายทั้งสองที่นอนกลิ้งอยู่บนพื้นคุมตัวไว้


“อย่าให้พวกมันตาย ฉันแค่ต้องการจะรู้ว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนบงการ?!”


ด้วยแรงกระตุ้นเพียงเท่านี้ทำให้หลี่ซงชิวหน้าแดงก่ำ ดวงตาอันเฉียบคมจับจ้องไปที่เหลยหู่ ถ้าไม่เห็นแก่หน้าของเหลยเจิ้นเยวี่ย ป่านนี้หลี่ซงชิวคงจะใช้กฎของสมาคมลงโทษไปแล้ว


“เหลยหู่ แกต้องการจะทำลายกฎสมาคมที่มีมาหลายร้อยปีหรือ?”


ตู้เฟยทนไม่ไหวพูดโพล่งออกไป ถึงแม้เรื่องนี้อาจไม่ใช่ฝีมือของเหลยหู่ แต่ตู้เฟยก็จะใช้โอกาสนี้โยนความผิดให้เหลยหู่เป็นผู้รับทั้งหมด


“ตู้เฟย แกอย่ากล่าวหากันแบบนี้นะ  มีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าฉันเป็นคนทำ?”


เหลยหู่ยืนขึ้นอย่างท้าทาย คนทั้งสองเป็นบริวารพลีชีพให้ตระกูลเหลย แต่กลับไม่มีใครรู้ในเรื่องนี้ แล้วอีกอย่างสองคนนั้นยังเป็นคนของตำหนักคุ้มกฎอีกด้วย ไม่เกี่ยวอะไรกับตำหนักอาญาของเหลยหู่เลย


“นั่นน่ะสิ ท่านตู้ ท่านมีหลักฐานอะไร? คิดว่าตำหนักอาญาของพวกเราไม่มีคนแล้วหรือยังไง?” เสียงของเหลยหู่ยังไม่ทันขาดคำ เผิงเหวินกวงก็ตะโกนโพล่งขึ้นจากกลุ่มคน


คำพูดของเขาเป็นการให้สัญญาณ จากหน้าประตูใหญ่มีชายฉกรรจ์ร้อยกว่าคนบุกเข้ามา ยืนล้อมรอบป้องกันเหลยหู่เอาไว้


“สมาคมหงเหมิน ฟ้าเปลี่ยนสีแล้ว!”


เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ผู้อาวุโสทั้งหลายที่มาร่วมงานในตำหนักสุคนธ์ต่างคิดไปในทางเดียวกัน


ตอนที่ 603 เปลี่ยนแปลงการปกครอง

โดย

Ink Stone_Fantasy

สภาหลักของสมาคมหงเหมินในปัจจุบันนั้น ตระกูลเหลยครองสัดส่วนไว้มากที่สุด และมีคนจากตระกูลเหลย ครองตำแหน่งสำคัญๆ ในสภาหลักอยู่หลายตำแหน่ง


แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หลี่ซงชิวยังคงมีอิทธิพลสูงอย่างยิ่งในสมาคมหงเหมิน ถ้าสองฝ่ายนี้มาห้ำหั่นกัน สุดท้ายไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ สมาคมหงเหมินก็จะต้องเปลี่ยนแปลงการปกครองอยู่ดี


“ทำไม คิดจะกบฏรึ?” แม้ว่าเหลยหู่จะมีคนของตำหนักอาญายืนรายล้อมอยู่เต็มไปหมด ตู้เฟยก็ยังยืนขึ้นมาโดยไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย


ขณะนี้ผู้อาวุโสในสมาคมหงเหมินแต่ละสาขาทั่วโลกกำลังมาชุมนุมกันอยู่ที่นี่ และแต่ละคนต่างก็มีผู้ติดตามกันทั้งนั้น จึงกลายเป็นกลุ่มพลังที่ใหญ่ไม่ใช่น้อย อาศัยเพียงกำลังคนร้อยคนของเหลยหู่ ย่อมไม่สามารถสร้างอิทธิพลอะไรได้มากอยู่แล้ว


“ท่านตู้เคร่งเครียดเกินไปแล้ว เหล่าบริวารแค่ทนดูฉันถูกหยามไม่ได้ ก็เลยอยากจะทวงความเป็นธรรมหน่อยเท่านั้นเอง!”


เหลยหู่ยิ้มให้ตู้เฟยอย่างเสแสร้ง เมื่อก่อนเขาเรียกตู้เฟยว่าพี่เฟยมาตลอด ตอนนี้เมื่อมาเรียกว่าท่านแทน ก็แสดงว่าทั้งสองฝ่ายได้ตัดขาดความสัมพันธ์กันโดยสิ้นเชิง ไม่เหลือโอกาสให้ย้อนกลับได้อีกแล้ว


แต่ขณะนั้นเหลยหู่กลับยังคงรู้สึกอุ่นใจอยู่ เพราะในที่นั้นถึงจะดูเหมือนมีคนมาก แต่ตอนที่ผ่านเข้าประตูมานั้น ทุกคนถูกเก็บยึดอาวุธที่พกพามาด้วยไปหมดแล้ว


ส่วนบริวารของเหลยหู่เหล่านี้กลับมีอาวุธปืนกันครบทุกคน ถ้าเกิดการต่อสู้ขึ้นมาจริงๆ ละก็ จะต้องกลายเป็นการฆ่าล้างบางจากฝ่ายเดียวอย่างแน่นอน


แน่นอนว่า เหลยหู่ก็ไม่กล้ากระทำอย่างอุกอาจ ลงมือเข่นฆ่าบรรดาผู้อาวุโสในสมาคมหงเหมินเหล่านี้เหมือนกัน


สภาหลักของสมาคมหงเหมินนั้นแม้จะเป็นศูนย์กลางของสมาคมหงเหมินทั้งหมด แต่สมาคมหงเหมินแต่ละสาขาเป็นส่วนหนึ่งของสภาหลักแต่เพียงในนามเท่านั้น ไม่ได้อยู่ภายใต้อาณัติอย่างแท้จริง


ถ้าเหลยหู่กล้ากักคนเหล่านี้ไว้ที่นี่ทั้งหมด อย่างนั้นคาดว่าอีกไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ ที่ซานฟรานซิสโกก็จะต้องเกิดสงครามยุคใหม่ขึ้นมาแน่ๆ ต่อให้เหลยหู่บ้าคลั่งยิ่งกว่านี้ ก็คงจะรับผลที่ตามมาไม่ไหวเหมือนกัน


“เหลยหู่ แก…แกถึงกับกล้าให้พวกมันพกปืนเข้ามาเลยเรอะ?”


ระหว่างที่เหลยหู่พูดอยู่ ตู้เฟยก็เริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากล ในมือของคนจากตำหนักอาญาที่บุกเข้ามาในสมาคมหงเหมินเหล่านี้ ต่างก็ถือปืนพกกันคนละกระบอก


พอตู้เฟยพูดออกไปอย่างนั้น บรรดาผู้อาวุโสสมาคมหงเหมินที่ตอนแรกกำลังดูเรื่องสนุกกันอยู่ ก็เปลี่ยนสีหน้าไปตามๆ กัน การปรากฏของอาวุธปืนนั้น ทำให้คนเหล่านี้เกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมา


“ท่านตู้ นี่ท่านปรักปรำฉันอยู่นะ คนพวกนี้น่ะฉันไม่ได้เป็นคนเรียกเข้ามาสักหน่อย จะพกหรือไม่พกปืน ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมนี่ครับ?”


เหลยหู่เงยหน้าขึ้นมาหัวเราะฮ่าๆ “ถ้าไม่ใช่เพราะท่านตู้ใส่ความฉัน แล้วบริวารพวกนี้จะเข้ามาทวงความยุติธรรมกันทำไมล่ะ?”


แม้จะกุมสถานการณ์ในสภาไว้ได้แล้ว แต่เหลยหู่ก็ยังคงรอบคอบระมัดระวังอย่างยิ่ง เอาแต่พูดว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนเหล่านี้ท่าเดียว ไม่ยอมเปิดช่องว่างให้คนอื่นปรามาสได้เลย


“เหลยหู่ ที่แกทำแบบนี้ เหล่าเหลยคงไม่รู้สินะ?”


หลี่ซงชิวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เข็นส่ายหน้า แล้วพูดเบาๆ “ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยเล่า เป็นพี่น้องสมาคมหงเหมินด้วยกันแท้ๆ จะต้องเข่นฆ่ากันให้ได้เลยหรือ? แกต้องการอะไรก็พูดมาสิ…”


“ฉันเป็นฝ่ายอยากจะเข่นฆ่ากันรึไง?”


หลังจากได้ยินหลี่ซงชิวพูด เหลยหู่ก็พลันระเบิดขึ้นมา “พวกแกนั่นแหละเป็นฝ่ายบีบคั้นฉัน ไอ้เด็กเวรนั่นมันก็เป็นแค่คนนอก พวกแกกลับพากันช่วยเหลือมัน


“ท่านเยี่ยผู้มีระดับ “ใหญ่” งั้นรึ? ถุย! พวกแกยอมรับมันเป็นผู้อาวุโส แต่ฉันเหลยหู่ไม่ยอมรับหรอก!”


กล่าวตามตรง หลายวันมานี้เหลยหู่ออกจะอัดอั้นตันใจอยู่ เรื่องที่ตระกูลเหลยวางอุบายจะฮุบสมบัติของซ่งเวย หลันนั้น ไม่ทราบว่าถูกแพร่ออกไปได้อย่างไร ช่วงนี้ผู้อาวุโสหลายคนในสภาที่ค่อนข้างใกล้ชิดกับตระกูลเหลยจึงดูเหมือนจะจงใจกันหลบหน้าเหลยหู่


โดยเฉพาะเหลยเจิ้นเยวี่ยถูกตู้เฟยยั่วโทสะจนลมปราณแตกซ่านไป ช่วงนี้จึงปิดประตูไม่ออกจากบ้าน ยิ่งทำให้ตระกูลเหลยเคราะห์ซ้ำกรรมซัด จึงทำให้เหลยหู่เริ่มรู้สึกว่าแบกภาระหนักไม่ไหวขึ้นมา


เมื่อเห็นว่าตำแหน่งประธานใหญ่นี้ดูเหมือนจะเข้าใกล้ตนมากขึ้นทุกที เหลยหู่ก็กลายเป็นยิ่งใจร้อนวู่วามมากขึ้น หลังจากดำเนินการวางแผนกับเผิงเหวินกวงอย่างรัดกุมแล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะเผชิญความเสี่ยง


แผนการทั้งหมดของเหลยหู่แบ่งออกเป็นสองส่วน ถ้าสามารถโจมตีหลี่ซงชิวโดยการขัดขวางเยี่ยเทียนไม่ให้เข้าร่วมสมาคมหงเหมินได้ อย่างนั้นแผนตลบหลังเหล่านี้ก็จะไม่ต้องเกิดขึ้น


ถ้าคนของเขาไม่สามารถจัดการกับเยี่ยเทียนได้ อย่างนั้นเหลยหู่ก็จะตัดสินใจสู้ให้ตายกันไปข้าง โดยใช้กำลังบีบบังคับหลี่ซงชิวให้ออกจากตำแหน่ง ส่วนผลที่ตามมาจะนำไปสู่การแตกแยกของสมาคมหงเหมินหรือไม่นั้น เหลยหู่ไม่สนใจแล้ว


หลี่ซงชิวค่อยๆ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้เข็น ดวงตาทั้งคู่มองดูเหลยหู่ด้วยสายตาหยอกล้อ แล้วพูดขึ้นอย่างเฉยชา “เหลยหู่ ให้คนสลายตัวไปเสีย ฉันจะถือว่าเรื่องในวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้น”


“ท่านประธานใหญ่เป็นคนกล่าว ฉันก็ต้องทำตามอยู่แล้วละ!”


เหลยหู่ยิ้มอย่างเยือกเย็น แล้วพูดขึ้นเสียงดัง “พวกแกไม่ได้ยินที่ท่านประธานใหญ่พูดรึไง? ท่านให้พวกแกถอยออกไป นี่หูหนวกกันหมดรึไงหา?”


เสียงของเหลยหู่ดังก้องอยู่ในสภา แต่คนเหล่านั้นกลับไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย มีเพียงเสียงของเผิงเหวินกวงเอ่ยขึ้นว่า “ท่านประธานใหญ่ครับ ท่านป่วยติดเตียงมานาน เกรงว่าคงจะไม่ค่อยมีเวลาจัดการเรื่องต่างๆ ในสมาคมมากนัก ตามความเห็นของพวกผม ท่านถอนตัวออกจากตำแหน่งประธานใหญ่นี่ไปเสียเถอะครับ!”


“อ้อ? จะให้ฉันออกจากตำแหน่งประธานใหญ่น่ะได้อยู่แล้วละ แต่จะให้ใครมารับช่วงต่อล่ะ?”


หลี่ซงชิวมีสีหน้าผ่อนคลายมาก ราวกับว่าปืนหลายสิบกระบอกที่รายล้อมอยู่นั้นเป็นของเล่นก็ไม่ปาน ใบหน้าไม่ได้แสดงความตึงเครียดออกมาเลยแม้แต่น้อย


ทันทีที่หลี่ซงชิวพูดจบ เผิงเหวินกวงก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง “ก็ต้องเป็นท่านหู่อยู่แล้วละ ท่านยังหนุ่มและมีแวว หลายปีมานี้ก็นำตำหนักอาญาขยายอาณาเขตไปได้ไม่น้อย นอกจากท่านหู่แล้ว ใครยังจะมีความสามารถพอที่จะมารับตำแหน่งประธานใหญ่สมาคมได้อีกล่ะ?”


ทุกอย่างปรึกษาตกลงกันมาเรียบร้อยแล้ว วันนี้เป็นวันเปิดที่ประชุมไม่ใช่รึ? เหลยหู่จึงเตรียมการที่จะอาศัยโอกาสนี้ ชิงตำแหน่งประธานใหญ่มาเป็นของตัวเอง หุงข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุกเสียเลย


แม้ว่าการทำเช่นนี้อาจทำให้บรรดาผู้อาวุโสที่มาจากสาขาต่างๆ ทั่วโลกตีตนออกห่าง หลังจากพวกนั้นกลับไปแล้วก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะแยกตัวออกจากสภาหลัก


แต่เหลยหู่ก็ไม่สนใจ เพราะเดิมทีสภาหลักก็คุมคนเหล่านั้นไม่ได้อยู่แล้ว ผลจากการทำเช่นนี้ก็มีแต่จะทำให้พวกนั้นไม่ไปมาหาสู่กันเท่านั้นเอง ไว้วันหน้าเมื่อตนได้ผลประโยชน์ไปแล้ว เชื่อว่าคนพวกนี้ก็คงต้องยอมรับตนเป็นประธานใหญ่อยู่ดี


“ก็แค่ตำแหน่งลอยๆ เท่านั้นแหละ เหลยหู่แกคิดว่ามันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ?” หลังจากฟังเผิงเหวินกวงพูด หลี่ซงชิวก็ถอนหายใจยาว


“ท่านประธานใหญ่ พี่ๆ น้องๆ ก็เพียงแต่ชื่นชมฉันเท่านั้นเอง เหลยหู่ไม่ใช่ผู้ทรงคุณธรรมมีความสามารถอะไร ปกติก็ไม่กล้าแม้แต่จะแอบมองตำแหน่งประธานใหญ่นี่เลยด้วยซ้ำ”


เหลยหู่แม้จะมีส่วนสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร รูปลักษณ์หน้าตาก็ดูน่าเกรงขาม แต่พอพูดออกไปอย่างนั้นแล้ว กลับทำให้ทุกคนฟังแล้วรู้สึกคลื่นไส้ พวกเขาเพิ่งจะเคยเห็นคนที่ไร้ยางอายได้ถึงขนาดนี้เป็นครั้งแรกนี่แหละ


สภาพของเหลยหู่ในตอนนี้ ก็เหมือนกับหญิงคณิกาที่ถอดกางเกงและทอดกายอยู่เบื้องล่างแล้ว แต่ปากยังพร่ำพูดว่าตนขายวิชา ไม่ได้ขายร่างกาย ทำให้คนอื่นรู้สึกผะอืดผะอมจากใจเลยทีเดียว


“ในเมื่อแกรู้ว่าตัวเองไร้คุณธรรมไร้ความสามารถ ตำแหน่งประธานใหญ่สมาคมนี่ก็คงจะยกให้แกไม่ได้แล้วหละ”


หลี่ซงชิวส่ายหน้า ร่างกายอันป่วยหนักของเขาไม่อาจทนต่อไปได้แล้ว จึงหันหน้าไปพูดกับคนผู้หนึ่งที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม “เหล่าอู่ เรียกคนเข้ามาเถอะ…”


“ครับ ท่านประธานใหญ่!” ผู้ที่หลี่ซงชิวเรียกนั้นก็คือเจ้าตำหนักลงทัณฑ์นั่นเอง หลังจากตอบรับแล้ว ก็ผิวปากขึ้นมาเสียงแหลมใส


เมื่อเสียงผิวปากนี้ดังขึ้น เสียงฝีเท้าถี่กระชั้นและเสียงดึงลูกเลื่อนปืนก็ดังมาจากด้านนอกสภา กำลังคนซึ่งมีจำนวนมากกว่าบริวารของเหลยหู่มากนักแห่กันเข้ามาในสภานี้


และบนรั้วที่ล้อมรอบสภาอยู่นั้น ก็มีคนถือปืนกลยืนอยู่เต็มไปหมด ปากปืนแต่ละกระบอกต่างเล็งไปที่บรรดาบริวารของเหลยหู่


เคราะห์ดีที่สมัยที่ก่อสร้างโถงประชุมแห่งนี้ขึ้น ได้ก่อสร้างตามมาตรฐานให้รับรองคนได้หนึ่งพันคน ขณะนั้นเมื่อมีคนยืนอยู่ในสภาถึงหกเจ็ดร้อยคน จึงยังดูไม่ค่อยแออัดเท่าไรนัก


เมื่อมองดูปืนพกในมือของตัวเอง แล้วมองดูปืนกลของอีกฝ่าย บริวารของเหลยหู่ก็รู้สึกด้อยกว่าไปเลย ถึงจะเป็นปืนเหมือนๆ กัน แต่อิทธิพลของทั้งสองฝ่ายกลับแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน


“เวรกรรม ตาแก่พวกนี้นี่เจ้าเล่ห์ไม่มีใครแพ้ใครเลยจริงๆ ถึงกับยังมีแผนตลบหลังอยู่อีกเรอะ?” เยี่ยเทียนที่หลบดูความครื้นเครงอยู่ด้านข้างเม้มปากขึ้นมาอย่างอดไม่ได้


ตั้งแต่ตอนที่คนของเหลยหู่ปรากฏออกมา เยี่ยเทียนก็รู้สึกแล้วว่า รอบๆ โถงประชุมแห่งนี้ยังมีชายฉกรรจ์เลือดลมพลุ่งพล่านอยู่อีกหลายร้อยคน เพียงแต่ตอนนั้นเยี่ยเทียนไม่รู้ว่าพวกนี้เป็นคนของใคร


ความจริงปรากฏออกมาแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างก็เปิดไพ่ในมือออกมา และดูจากหน้าไพ่แล้ว สุดท้ายขิงแก่ก็ยังเผ็ดกว่าอยู่ดี ฝ่ายหลี่ซงชิวและตู้เฟยจึงกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบเหนือกว่า


“ที่แท้พวกแกก็วางแผนไว้แต่แรกแล้วงั้นเรอะ?” เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ สีหน้าของเหลยหู่ก็หมองลงไปจนแทบจะหยดลงมาเป็นน้ำ เขารู้ว่า ตัวเองประเมินไอ้จิ้งจอกเฒ่าหลี่ซงชิวนี่ต่ำเกินไปเสียแล้ว


หลี่ซงชิวถอนหายใจ “หู่จื่อ ลุงหลี่ก็ดูแกเติบโตมาตั้งแต่เด็ก เรียกคนกลับไปเถอะ แล้วก็ไปใช้ครึ่งชีวิตที่เหลืออยู่กับเหล่าเหลยอย่างเงียบสงบเถอะนะ!”


“ไม่จริงน่ะ ตระกูลเหลยเราตั้งแต่เกิดจนตายก็ทุ่มเทให้สมาคมหงเหมิน แกสั่งมาคำเดียวก็จะไล่ตระกูลเหลยออกจากสมาคมหงเหมินได้งั้นหรือ?”


การเคลื่อนไหวที่เตรียมการมานาน ถึงตอนนี้กลับกลายเป็นตกอยู่ใต้การควบคุมของผู้อื่น อารมณ์ของเหลยหู่จึงเริ่มไม่มั่นคงขึ้นมา “ฉันเหลยหู่ทำผิดตรงไหนกัน ทำไมพวกแกถึงไม่ยอมสนับสนุนให้ฉันขึ้นตำแหน่ง?”


หลี่ซงชิวมองเหลยหู่ด้วยสายตาเวทนา แล้วพูดเสียงเบา “แกน่ะเห็นแก่ตัวเกินไป ถ้ายกสมาคมหงเหมินให้แกละก็ มีหวังได้พินาศย่อยยับกันพอดี!”


“เหลวไหล พูดเหลวไหลน่ะ สมาคมหงเหมินเดิมทีก็เป็นของตระกูลเหลยเราอยู่แล้ว!” เหลยหู่คำรามขึ้นมาเสียงดัง


ลึกๆ ในใจของเขานั้น หลังจากที่บิดาของตู้เฟยถึงแก่กรรมไปแล้ว คนที่จะขึ้นครองตำแหน่งก็ควรจะเป็นเหลยเจิ้นเยวี่ย บิดาของเขา ไม่ใช่หลี่ซงชิวที่อยู่ตรงหน้านี้ เหลยหู่ในยามนี้ก็เพียงแต่พูดความในใจของตัวเองออกมาเท่านั้น


“นี่พวกคุณ แค่จะเปิดที่ประชุมกันแค่นี้เนี่ย จะต้องวุ่นวายกันขนาดนี้เลยหรือ?” ในขณะที่มีแต่เสียงของเหลยหู่และหลี่ซงชิวโต้ตอบกัน จู่ๆ เสียงของเยี่ยเทียนก็พูดแทรกขึ้นมา


“เหลยหู่ ตระกูลซ่งกับสมาคมหงเหมินร่วมมือกันมาหลายสิบปี พวกคุณสองพ่อลูกเพราะความโลภของตัวเอง ถึงกับวางแผนจะหลอกฮุบสมบัติของตระกูลซ่ง การกระทำของพวกคุณน่ะ ยังเหมือนคนในสมาคมหงเหมินอยู่ไหมล่ะ?”


“อะไรนะ? มีเรื่องแบบนี้ด้วยรึเนี่ย?”


“ไอ้เหลยหู่นี่มันเห็นแก่ผลประโยชน์จริงๆ ถึงกับกล้าทำเรื่องแบบนี้เลยรึ?”


คนส่วนใหญ่ในสถานที่นั้นต่างก็ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องที่เยี่ยเทียนพูดมา แต่สมาคมหงเหมินมีสัมพันธ์อันดีกับตระกูลซ่งมาตลอด หลังจากได้ยินข่าวนี้ เกือบทุกคนจึงต่างมองไปที่เหลยหู่ด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความเกลียดชังและดูแคลน


“เวรเอ๊ย เป็นเพราะแกคนเดียวเลย ฉันจะฆ่าแก!”


เมื่อรู้สึกถึงสายตาของฝูงชน เหลยหู่ก็นึกอยากให้แผ่นดินแยกแล้วมุดหนีลงไปเลย แต่เมื่อเขาเหลือบตาขึ้นมาเห็นเยี่ยเทียนซึ่งปรากฏกายขึ้นตรงหน้าห่างไปสิบกว่าเมตร เพลิงโทสะเต็มอกก็ปะทุออกมาทันที


ยามนั้นเพลิงโทสะพลุ่งพล่านจนหน้ามืดตามัว เหลยหู่จึงคว้ามือไปแย่งปืนพกมาจากมือของเผิงเหวินกวงอย่างรวดเร็ว แล้วเล็งปากกระบอกปืนไปที่เยี่ยเทียน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)